Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 721-722

 ราชันเร้นลับ 721 : คำแนะนำของไคลน์

โดย

Ink Stone_Fantasy

บนอนาคตกาล แฟรงค์·ลีพับแขนเสื้อขึ้น ลงมือขยับปากกาเขียนด้วยรอยยิ้ม


“ถึงเกอร์มัน·สแปร์โรว์เพื่อนรัก ฉันมีข่าวดีมาแจ้ง ตอนนี้ฉันประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกเห็ดที่เจริญเติบโตด้วยเลือดเนื้อของนักบวชกุหลาบ ตราบใดที่มีปลา พวกมันจะเจริญพันธุ์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่มีเห็ดกินเมื่อต้องแล่นเรือเป็นเวลานานเกินไป และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันนำไปผสมข้ามสายพันธุ์กับวัว ช่วยให้รสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก!”


“ข้อบกพร่องเดียวในตอนนี้คือ มันไม่สามารถตกปลาได้ด้วยตัวเอง ต้องมีใครบางคนช่วยนำมาเสิร์ฟ แต่ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นปัญหา นีน่าบอกว่าแบบนี้ดีแล้ว จะได้ไม่กลายเป็นภัยต่อทะเล สิ่งที่เธอพูดก็มีส่วนถูก”


“ฉันจะส่งเห็ดแห้งบางส่วนไปให้ เพียงรดน้ำและให้มันกินปลา เห็ดจะกลับเป็นปรกติทันที จากนั้นก็เริ่มขยายพันธุ์ด้วยตัวเอง… หวังว่านายจะชอบของขวัญชิ้นนี้”


หลังจบบทสนทนายืดยาว แฟรงค์·ลีพับกระดาษ บรรจุใส่ซองจดหมาย แนบเห็ดแห้งลงไปสามชิ้น จากนั้นก็ติดกาวและปิดผนึก


จัดการทั้งหมดเสร็จ มันหยิบกระดาษโน้ตที่ไคลน์เป็นคนมอบให้ ทำตามขั้นตอนที่เขียนไว้ เตรียมทำพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร


สำหรับแฟรงค์ ขั้นตอนเช่นนี้ไม่ซับซ้อนและไม่ใช้เวลานาน หลังจากตั้งแท่นบูชาเสร็จก็เริ่มสร้างกำแพงวิญญาณทันที


ปิดท้ายด้วย มันบรรจงวางเหรียญทองแดงโลเอ็นไว้ตรงหน้าเทียนไข


เทียนถูกจุด เสียงสวดมนต์ดังขึ้น ขณะแฟรงค์·ลีจ้องเปลวไฟที่ค่อยๆ ขยายตัว หญิงไร้หัวปรากฏกายพร้อมกับหิ้วศีรษะทั้งสี่ไว้ด้วยมือสองข้าง


แฟรงค์·ลีผงะเล็กน้อย ก่อนจะจ้องใบหน้าทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ด้วยสายตาตื่นเต้น จากนั้นก็พึมพำ


“คุณทำได้ยังไง? ทำไมทุกหัวถึงเหมือนกับยังกับแกะ? ถ้านำไปปลูกในดินจะเจริญเติบโตไหม?”


ดวงตาแปดข้างจากสี่เศียรของไรเน็ตต์พลันหันมาจ้องแฟรงค์·ลีอย่างพร้อมเพรียง


ทันใดนั้น โคลนจากภาชนะจำนวนมากภายในห้องเริ่มบินว่อน ทั้งหมดพุ่งมาทางแฟรงค์


ร่างกายแฟรงค์ลอยไปในอากาศ หมุนเคว้งด้วยสีหน้าตื่นเต้นไม่จางหาย จนกระทั่งกระแทกลงบนกองโคลน


แข้งขาของมันพยายามกระเสือกกระสนให้หลุด แต่จนแล้วจนรอดก็ทำไม่สำเร็จ


ศีรษะทั้งสี่ของไรเนตต์·ไทน์เคอร์ขยับมาด้านหน้าสองเศียร หนึ่งงับซองจดหมาย อีกหนึ่งงับเหรียญทอง


จนกระทั่งหญิงสาวหายไปอย่างสมบูรณ์ แฟรงค์·ลีเพิ่งพบจุดที่สามารถดิ้นหลุดได้ง่าย จึงส่งแรงทั้งหมดเพื่อสลัดให้เป็นอิสระจากบ่อโคลน ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น


“สุดยอด…” แฟรงค์·ลีถอนหายใจเจือความสั่นกลัว ปาดคราบสกปรกออกจากใบหน้าและริมฝีปาก ก่อนจะนำโคลนใส่ปากเคี้ยวหนึ่งคำและพึมพำ “เปรี้ยวไปนิด…”


ในเวลาเดียวกัน ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาที่เพิ่งเสร็จพิธีกรรมสังเวยในห้องกัปตัน คล้ายกับสัมผัสถึงบางสิ่ง ดวงตาสีม่วงเข้มหันไปมองทางห้องแฟรงค์ตามความรู้สึก ได้พบกับตุ๊กตามายาหยาบๆ อย่างไม่คมชัด


ตุ๊กตาตัวดังกล่าวไม่มีหัว!


เพียงไม่นานภาพก็สลายไป ดวงตาแคทลียาปิดสนิทในทันที เป็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่ราวกับถูกไฟแผดเผา น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างมิอาจควบคุม


หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำด้วยความลังเล


“มารบรรพกาล?”



หลังจาก ‘แจกจ่าย’ ผลึกอุกกาบาตและน้ำไขสันหลังของตะกวดดำนักล่าให้กับเมจิกเชี่ยนและจัสติส ไคลน์ส่งตัวเองกลับโลกความจริง นอนแผ่บนเก้าอี้เอนหลัง ครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้


จากข่าวลือของเกอร์มัน·สแปร์โรว์และ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ กลุ่มโจรสลัดคงไม่เผยตัวบนเกาะบายัมไปอีกสักพัก ไม่ว่าพวกมันจะออกจากท่าไปแล้ว หรือซ่อนตัวอยู่ตามแหล่งกบดาน ล้วนหาตัวได้ยากทั้งสองกรณี…


ในอีกความหมายหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องแช่อยู่ที่นี่นาน เพราะยังสามารถควบคุมกลุ่มต่อต้านด้วยวิวรณ์ของ ‘เทพสมุทร’ และการประสานงานของเดนิส…


ถ้าอย่างนั้น… อันดับแรกต้องแวะผับสาหร่ายทะเลเพื่อซื้อตั๋วผีเรือโดยสาร จุดหมายคือเมืองคอนแนนท์บนอ่าวเดซีย์… นอกจากจะเป็นเมืองท่าที่ใหญ่อันดับหนึ่งแล้ว ยังเป็นเมืองเกิดของเดวีย์·เรดม่อนด้วย ในตอนที่ปลดปล่อยถุงมือแดงออกจากยุบพองหิวโหย เราให้สัญญาไว้แล้วว่า จะแวะเที่ยวชมเมืองชายฝั่งอันงดงามดังกล่าวสักพัก พร้อมกับบอกกับลูกสาวของเขาว่า ไม่ต้องแก้แค้นให้การตายของพ่อ… นอกจากนั้น เราคงต้องหาวิธีคืนตะกอนพลัง ‘ฝันร้าย’ ให้กับโบสถ์อย่างลับๆ …


หึหึ… มนุษย์เราช่างน่าขัน… ทั้งที่กำลังวางแผนจะแอบคืนตะกอนพลังฝันร้าย แต่อีกใจหนึ่งกลับวางแผนจะขโมยสมบัติออกจากหลังประตูยานิสของโบสถ์นักบุญแซมมวล…


ส่ายศีรษะเล็กน้อย ไคลน์หลับตาลง ใช้การนอนฟื้นฟูพลังวิญญาณ


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้น จึงลืมตาตื่นตามธรรมชาติ รีบเปิดเนตรวิญญาณ


ทันใดนั้น ชายหนุ่มเห็นไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เดินออกจากความว่างเปล่า


ผู้ส่งสารสวมเดรสสีดำหลายชั้นเหมือนทุกครั้ง หนึ่งในศีรษะกำลังคาบจดหมาย


ใครเป็นคนส่ง? เดนิส พลเรือโทธารน้ำแข็ง แฟรงค์ หรือแอนเดอร์สัน? ไคลน์จ้องจดหมาย พยักหน้ารับ


“ขอบคุณมาก”


ชายหนุ่มทำตัวสุภาพกับมิสผู้ส่งสารลึกลับและทรงพลัง เนื่องจากไม่อยากถูกบีบคอตายเข้าสักวัน


“เจ้า…” “จะตอบ…” “ทันที…” “ไหม…?” ศีรษะทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์อ้าปากและพ่นคำเรียงกัน


ไคลน์ฉีกซอง นำกระดาษจดหมายออกมาคลี่อ่าน เนื้อหาด้านในชวนให้ตกตะลึงจนลืมมอบคำตอบกับผู้ส่งสารไปครู่หนึ่ง แต่ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ยังคงยืนรอใจเย็น


หากปล่อยเอาไว้ แฟรงค์ต้องทำลายโลกในสักวันแน่… เราต้องรีบควบคุมชายคนนี้โดยเร็ว ห้ามให้เลื่อนลำดับเด็ดขาด! ทำไมถึงชื่นชอบการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างพืชกับสัตว์นัก? เดี๋ยวสิ… เมืองเงินพิสุทธิ์กำลังขาดแคลนอาหาร… ไคลน์พลันผุดความคิดที่บ้าบิ่นอย่างหนึ่ง


นั่นคือการหลอกล่อให้แฟรงค์ทุ่มความสนใจทั้งหมด มาที่การคิดค้นอาหารให้เมืองเงินพิสุทธิ์!


ด้วยเหตุนี้ วัว ปลา เห็ด นักบวชกุหลาบ และสิ่งมีชีวิตทางทะเลบนโลกก็จะปลอดภัย!


ไคลน์เงยหน้าอย่างรีบร้อน กล่าวกับมิสผู้ส่งสาร


“ผมจะตอบกลับทันที”


ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เอนหลัง เดินไปทางโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบปากกาและกระดาษ ลงมือเขียนรวดเร็ว


“ฉันมีคำถาม หากกินเห็ดที่นายสร้างเข้าไปในท้อง จากนั้นก็กินปลาสุกและดื่มน้ำตามลงไป เห็ดยังจะขยายพันธุ์ได้เองไหม”


ถามเสร็จ ไคลน์เกริ่นเข้าหัวข้อใหม่


“นายสามารถสร้างข้าวสาลีที่เติบโตโดยไม่ต้องใช้แสงแดดได้ไหม? หรือไม่ก็วัวเนื้อและวัวนมที่กินซากศพสัตว์ประหลาดเป็นอาหาร ฟังดูน่าสนใจใช่ไหม!”


จบหัวข้อดังกล่าว ไคลน์ยังเขียนอีกหลายย่อหน้า จนกระทั่งพับกระดาษส่งให้ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ กล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ


“แฟรงค์จ่าย”


“หวังว่า…” “เจ้านั่น…” จะยัง…” “ไม่ตาย…” สี่เศียรของมิสผู้ส่งสารกล่าวทีละคำจนครบประโยค จากนั้นก็ส่งตัวแทนมางับกระดาษจดหมาย


หวังว่าจะยังไม่ตาย? ไคลน์ผงะเล็กน้อย เตรียมถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไรเน็ต·ไทน์เคอร์ได้กลับสู่โลกวิญญาณ หายไปกับความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์


ครุ่นคิดสองวินาที ไคลน์เขียนประโยคทำนาย ใช้จี้บุษราคัมทำนายยืนยันว่าแฟรงค์·ลียังมีชีวิตอยู่


ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก เก็บเห็ดแห้ง ใช้มือนวดคลึงหน้าผาก กลับไปนอนบนเก้าอี้เอนหลังอีกครั้ง



หลังเสร็จอาหารค่ำ


ณ ผับสาหร่ายทะเล


ไคลน์สวมใบหน้าคนธรรมดา กลับมาเยือนผับแห่งเดิม


แตกต่างจากคราวก่อน ลูกค้าภายในร้านส่วนใหญ่เป็นพวกเลือดผสมและชนพื้นเมือง ผิวเข้มและผมหยักศกเล็กน้อย คนเหล่านี้อาจสังกัดกลุ่มอันธพาลในบายัม หรือไม่ก็แอบทำงานให้กลุ่มต่อต้าน หรือไม่ก็ทั้งสอง แทบไม่มีคนธรรมดาภายในร้าน โจรสลัดจากอาณาจักรต่างๆ ที่มักพบเห็นได้บ่อยล้วนหายหัว เหลือเพียงคนที่แต่งตัวเหมือนนักผจญภัยบางส่วนที่นั่งดื่มเหล้า ถกเถียงกันเรื่องข่าวลือทางทะเล


ไคลน์ชำเลือง พบเดอเนียร์ที่เดนิสเคยเอ่ยถึง ชนพื้นเมืองหุ่นผอมบางรายนี้ขายตั๋วผีและรับทำบัตรประจำตัวปลอม


ชายหนุ่มไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เดินเข้าไปใกล้และกล่าว


“ตั๋วเรือชั้นสองหนึ่งใบ เที่ยววันพรุ่งนี้ ปลายทางคือเมืองท่าคอนแนนท์ แล้วก็บัตรประจำตัวปลอมหนึ่งใบ”


เดอเนียร์มองหน้า ตอบหลังจากครุ่นคิด


“ทั้งหมดยี่สิบปอนด์”


ตามปรกติแล้ว ตั๋วเรือชั้นสองเที่ยวไปคอนแนนท์จะมีราคาเก้าปอนด์ ตั๋วผีย่อมแพงกว่าปรกติ รวมกับบัตรประจำตัวปลอม ยี่สิบปอนด์นับว่าไม่แพง… ไคลน์พึมพำ


“จะได้เมื่อไร”


“ภายในสี่สิบห้านาที” เดอเนียร์ตอบคล่องแคล่ว “จ่ายก่อนห้าปอนด์ หลังจากได้รับตั๋วกับบัตรประจำตัวค่อยจ่ายที่เหลือ”


“ตกลง” ไคลน์ไม่ต่อความยาว ล้วงกระเป๋าสตางค์ หยิบธนบัตรหนึ่งปอนด์จำนวนห้าใบ


ชายหนุ่มไม่กลัวคนเห็นกระเป๋าสตางค์ เพราะหากมีใครคิดสั้นลงมือขโมย ตนก็ไม่ต้องเสียยี่สิบปอนด์ให้เดอเนียร์ หรืออาจจะได้มากยิ่งกว่านั้น


ขณะเดอเนียร์ตรวจสอบความถูกต้องของธนบัตรและเตรียมสั่งให้ลูกน้องทำงาน บรรยากาศภายในผับพลันเงียบสงัดจนผิดวิสัย!


ไคลน์เองก็สัมผัสได้ จึงมองไปยังทางเข้าตามสัญชาตญาณ


ที่นั่นมีคนสองคน หนึ่งสวมสูทหางยาว ผมสีน้ำตาลหวีเรียบ ดวงตาไม่ใหญ่แต่สดใส หนวดเคราหร็อมแหร็มรอบปาก มอบความรู้สึกของสุภาพบุรุษที่ไม่พิถีพิถัน ส่วนอีกคนสวมเสื้อคลุมปิดศีรษะซึ่งไม่ค่อยมีใครนิยมใส่ ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้เงามืด ไม่มีใครมองเห็น


สุภาพบุรุษไม่พิถีพิถันกวาดสายตา คล้ายกับพึงพอใจในท่าทีตอบสนองของคนในร้าน มือข้างหนึ่งควงเหรียญเงินเล่น เดินตรงดิ่งมาหาเดอเนียร์ ชายสวมเสื้อคลุมหัวที่เดินตามมา หยิบบางสิ่งยัดใส่ปากตัวเอง เคี้ยวจนเกิดเสียง


สุภาพบุรุษไม่พิถีพิถันหยุดควงเหรียญและกล่าวกับเดอเนียร์ด้วยรอยยิ้ม


“เตรียมตั๋วเที่ยวพรุ่งนี้ให้ฉันสิบใบ ปลายทางคือท่าเรือพริสต์ และต้องเป็นเรือที่แตกต่างกันสามลำ”


“ตกลงครับ มิสเตอร์โอเดล” เดอเนียร์ยืนขึ้นอย่างลนลาน รีบทำความเคารพ


ไคลน์มิได้สนใจสุภาพบุรุษที่ควงเหรียญเล่นในตอนแรก เพราะอีกฝ่ายดูไม่เหมือนคนมีค่าหัว แต่พอได้ยินเดอเนียร์เรียกว่า ‘โอเดล’ ชายหนุ่มเกิดความคุ้นเคยขึ้นมาทันที


ขณะกำลังจะนึกออก ชายสวมเสื้อคลุมหัวหยิบลูกอมสีน้ำตาลออกจากกระเป๋า โยนใส่ปาก กัดจนเกิดเสียงดัง


หลังจากได้รับคำตอบในเชิงบวก โอเดลไม่แช่นาน รีบเดินตรงไปยังบันไดท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดภายในร้าน ขึ้นไปยังชั้นสองของผับ


เดอเนียร์ถอนหายใจ เมื่อเห็นไคลน์เผยสีหน้างุนงง มันอธิบายอย่างเป็นกันเอง


“โอเดล… นักผจญภัยที่ทำงานให้กัปตันเรือ ‘รุ่งอรุณ’ ”


นึกออกแล้ว ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดล! มักอวดอ้างว่าเป็นตัวแทนของราชินีเงื่อนงำ แต่ไม่มีใครยืนยันได้ เราสามารถนำเรื่องนี้ไปถามมาดามเฮอร์มิทในภายหลัง… ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินชื่อของชายคนนี้… ท่าเรือดาเมียร์สินะ… ดูเหมือนจะสนิทสนมกับ ‘เฒ่าควินน์’ ที่เป็นสายข่าวให้พลเรือเอกโลหิต แต่เฒ่าควินน์ถูกมิสเตอร์แฮงแมนฆ่าไปแล้ว… เมื่อเริ่มจดจำได้หลายเรื่อง ไคลน์ถามเข้าประเด็น


“แล้วอีกคนคือ?”


“ไม่รู้จัก” กล่าวจบ เดอเนียร์หันไปออกคำสั่งให้ลูกน้องเริ่มงาน เตรียมจัดการกับตั๋วเรือและบัตรประจำตัวปลอม


ราชันเร้นลับ 722 : ค่ำคืนอันวุ่นวาย

โดย

Ink Stone_Fantasy

เนื่องจาก ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลไม่ใช่โจรสลัด ข่าวลือรอบตัวมันจึงมีทั้งจริงและเท็จ ยากจะยืนยันว่าสิ่งใดถูกผิด ไคลน์ถอนสายตาจากบันได เดินตรงไปทางเคาน์เตอร์และหาที่นั่ง เคาะไม้กระดานพร้อมกับกล่าว


“ซาร์ฮาร์หนึ่งแก้ว”


เบียร์มอลต์ท้องถิ่น ราคาถูกกว่าเบียร์นันวีลล์ที่ต้องขนส่งมาจากทวีปเหนือ


“สามเพนนี” บาร์เทนเดอร์หันมาตอบสนอง หยิบแก้วที่คว่ำอยู่


ทุกคนในผับเริ่มส่งเสียงซุบซิบใต้แสงตะเกียงผนัง ถกเถียงว่าเหตุใด ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลถึงต้องซื้อตั๋วเรือมากถึงสิบใบ


“เขาคงถูกตามล่าตัว… ตั๋วสิบใบสำหรับเรือสามลำก็เพื่อให้คนสะกดรอยสับสน!” สมาชิกอันธพาลคนหนึ่งที่มีรอยสักบนท่อนแขน ถกแขนเสื้อขึ้น แสดงความเห็นที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัว


นักผจญภัยคนหนึ่งที่ดื่มแลงติร้อนแรงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน


“นายยังรู้จักโอเดลไม่มากพอ หากแผนการของเขาถูกอ่านง่ายขนาดนี้ คงไม่ได้รับฉายาว่าอสรพิษเหรียญเงินแน่”


“พนันได้เลย เขาต้องไม่ได้โดยสารไปกับเรือทั้งสามลำของตั๋วสิบใบนั่น… สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้… ปลายทางคือท่าเรือพริสต์ไม่ผิดแน่”


นักผจญภัยคนหนึ่งส่ายหน้าหลังจากได้ยิน


“บางที ข่าวการไปท่าพริสต์ก็อาจเป็นกลลวง”


สมาชิกแก๊งอันธพาลคนแรกผงะ กล่าวอย่างคลางแคลง


“จากคำอธิบายของพวกนาย โอเดลก็อาจจะกำลังคิดในสิ่งที่พวกนายคิด ดังนั้น เขาจะไปท่าเรือพริสต์ตรงๆ ด้วยเรือสามลำกับตั๋วสิบใบนั่น”


สองนักผจญภัยเตรียมเปิดปากโต้แย้ง แต่หลังจากครุ่นคิด พวกมันพบว่าคำพูดอีกฝ่ายค่อนข้างสมเหตุสมผล จึงทำเพียงเงียบงัน


ฉากดังกล่าวทำให้สมาชิกแก๊งอันธพาลยิ้มกรุ้มกริ่ม ดื่มเหล้าที่เหลือรวดเดียวหมดแก้ว


ไคลน์กำลังถือแก้วซาร์ฮาร์ จิบพลางนั่งฟังบทสนทนาอันแสนน่าเบื่อ รอให้บัตรปลอมและตั๋วผีมาส่ง


“สี่สิบห้านาที… หวังว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ขอให้ทุกสิ่งผ่านไปอย่างราบรื่น” ชายหนุ่มภาวนาพลางวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงภายในใจ


เบียร์สีเหลืออ่อนลดลงอย่างเชื่องช้า ไคลน์บ้างมองไปยังนาฬิกาแขวนผนัง บ้างมองประตู หวังให้เวลาผ่านไปโดยเร็ว


ผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง ประตูผับเปิดออกเสียงด้วยอึกทึก สายลมยามราตรีด้านนอกพัดผ่านเข้ามา


ไม่จริงน่า… มุมปากไคลน์กระตุกเล็กน้อย หันหน้าไปยังทิศทางต้นเสียง


คนห้าคนปรากฏตัวที่ประตู นำโดยชายผมดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าชัดลึก เต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นของชาวโลเอ็น อายุราวสี่สิบตอนต้น


สีหน้าเย็นชาและสง่างาม ส่งผลให้ทุกคนในผับปิดปากเงียบโดยไม่รู้ตัว


บุรุษสามคนและสตรีหนึ่งคนด้านหลังล้วนสวมโค้ทกันฝน ถือปืนพกอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย คล้ายกับพร้อมยิงใส่ทุกสิ่งที่ผิดปรกติ


เราไม่รู้จัก… ไม่มีในใบค่าหัวหรือประกาศจับ… ไคลน์รำพัน ทำตัวเป็นเพียงผู้ชมวงนอก


ผู้บุกรุกทั้งห้าแยกย้ายไปตามกลุ่มนักดื่ม โน้มตัวเล็กน้อยเพื่อจ้องหน้า จากนั้นก็ถามทีละคน


“ ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลอยู่ที่ไหน!”


นักดื่มลังเลที่จะตอบ ทันใดนั้น ปากกระบอกปืนสีดำด้านเริ่มเล็งไปทางพวกมัน ด้ามจับทำมาจากงาขาว บางกระบอกก็เป็นไม้มะเกลือ ส่องแสงงดงามภายใต้แสงไฟ


“ข…เขาขึ้นไปบนชั้นสอง!” นักดื่มที่ถูกถามรีบชี้ไปทางบันไดตามสัญชาตญาณ


มีคนกำลังตามล่าโอเดลจริงๆ … เรื่องนี้จะเกี่ยวกับราชินีเงื่อนงำไหม? หรือเป็นปัญหาส่วนตัวของโอเดล? หรือเป็นเพราะชายลึกลับที่สวมเสื้อคลุมหัวและเคี้ยวลูกอม? ไคลน์จิบเบียร์เพิ่ม เฝ้ามองผู้บุกรุกทั้งสี่เดินขึ้นไปบนชั้นสอง ด้านล่างเหลือทิ้งไว้หนึ่งคน คอยสืบข้อมูล


เพียงไม่นาน รายหลังได้ยินเรื่องราวที่โอเดลซื้อตั๋วจากเดอเนียร์ จึงเดินตรงไปทางนักธุรกิจผิวดำร่างผอมบาง ซักถามเสียงต่ำ


“ตอบมาตามความจริง… โอเดลซื้อตั๋วไปที่ไหน ขึ้นเรือลำไหน และรอบกี่โมง”


เดอเนียร์ไม่คิดช่วยปกปิดเพียงเพราะรู้จักกัน ฝืนยิ้มและตอบ


“เขาไม่ได้ระบุชัดเจน บอกแค่ว่าต้องการตั๋วสิบใบจากเรือสามลำที่แตกต่างกัน ปลายทางคือท่าเรือพริสต์ เที่ยววันพรุ่งนี้”


“พูดจริงรึเปล่า?” คนเค้นข้อมูลเป็นชายอายุราวยี่สิบที่มีบุคลิกค่อนข้างก้าวร้าว


เดอเนียร์ตอบเสียงแผ่ว


“ถามทุกคนที่นี่ก็ได้ พวกเขาได้ยินกันหมด”


“แม่เย็*!” ชายคนดังกล่าวผลักเดอเนียร์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว จากนั้นก็เดินไปทางขี้เหล้าคนอื่น


เดอเนียร์เสียหลักล้มลง ท้ายทอยกระแทกกับขอบโต๊ะกลมตัวเล็ก แต่ทันใดนั้น หัวไหล่ของมันสัมผัสกับฝ่ามือใครบางคน ร่างกายเริ่มกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง


เดอเนียร์หันหลังไปมอง พบแขกคนที่รอซื้อตั๋วผีและบัตรประจำตัวปลอม


“ขอบคุณมาก หมอนั่นเป็นพวกไฮยีน่าของกองทัพ!” เดอเนียร์ขอบคุณเป็นอันดับแรก จากนั้นก็กัดฟันกรอด


เป็นเพราะไม่อยากให้ ‘อุบัติเหตุ’ เกิดขึ้นกับคนขายตั๋วผี ไคลน์จึงตัดสินใจยืนมือเข้าช่วย และต้องไม่ลืมว่า ตนจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้วห้าปอนด์


แน่นอน ชายหนุ่มยังมีนิสัยลึกๆ ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ


ไฮยีน่าของกองทัพ? หากเป็นในบายัม คำเรียกแบบนี้มักใช้กับหน่วย MI9… ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลทำอะไรลงไปกันแน่? ไคลน์พึมพำ ตัดความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับราชินีเงื่อนงำ


เพราะสำหรับอาณาจักรโลเอ็น การทำเช่นนั้นไม่เกิดประโยชน์อันใด


ขณะความคิดมากมายแล่นผ่าน สมาชิก MI9 ที่ขึ้นไปข้างบนรีบกรูลงจากบันได ตรงไปทางประตูหน้าและกล่าวกับพวกพ้อง


“มันกระโดดออกจากหน้าต่างไปนานแล้ว!”


คนกลุ่มดังกล่าวเร่งฝีเท้าวิ่งออกไป บรรยากาศภายในผับค่อยๆ กลับสู่ปรกติ มีเพียงประตูที่ยังคงสั่นคลอนเบาๆ เป็นหลักฐานถึงความไม่สงบสุข


ในที่สุด ไคลน์ได้รับบัตรประจำตัวปลอมและตั๋วโดยสารเรือตามที่ต้องการ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสิ่งใดทำให้ผิดแผน


หลังจากจ่ายเงินที่เหลือสิบห้าปอนด์ ชายหนุ่มเดินออกจากผับและหาเช่าพักโรงแรมใหม่


จอห์น·ยอร์ด ชื่อมักง่ายชะมัด… ก่อนจะกลับกรุงเบ็คลันด์ คงต้องหาตัวตนที่ดูน่าเชื่อถือกว่านี้… ไคลน์กวาดสายตาอ่านเอกสารยืนยันตัวตน เก็บใส่กระเป๋าเดินทาง


ชายหนุ่มอาบน้ำ ผ่อนคลายตัวเอง เตรียมเดินทางออกจากบายัมในวันพรุ่งนี้ จัดการงานสุดท้ายบนท้องทะเล


ทันใดนั้น ไคลน์ได้ยินเสียงเคาะประตู


ใครกัน? ไคลน์รีบถอดชุดอาบน้ำ สวมเสื้อผ้าและตรงไปทางประตู


ด้านนอกคือตำรวจแต่งเต็มยศกลุ่มหนึ่ง คนหนึ่งหน้าเหมือนชาวโลเอ็น ส่วนที่เหลือถ้าไม่ใช่เลือดผสมก็เป็นชนพื้นเมือง


“มีอะไร?” ไคลน์ถามฉงน


“รบกวนแสดงบัตรประจำตัวด้วย” ตำรวจชนพื้นเมืองกล่าวอย่างสุภาพ เพราะบุรุษตรงหน้าดูคล้ายชาวโลเอ็น


โชคดีที่เราเพิ่งจัดการเสร็จหมาดๆ ไม่อย่างนั้นคืนนี้คงเสียเวลาไปกับสถานีตำรวจ หรือไม่ก็ต้องเผ่นหนีทันที เปลี่ยนใบหน้าและเริ่มต้นทุกสิ่งใหม่อีกครั้ง… ไคลน์พึมพำพลางเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบบัตรประจำตัว


ตำรวจชาวโลเอ็นกวาดสายตาสุ่มๆ และถาม


“มิสเตอร์ยอร์ด พักอยู่คนเดียวหรือ”


“ถูกต้อง ทุกคนในโรงแรมเป็นพยานได้” ไคลน์ตอบสุขุม


ตำรวจชาวโลเอ็นยิ้มรับ


“คุณเคยเจอชายคนนี้ไหม”


มันหันไปบอกให้ตำรวจข้างๆ หยิบภาพถ่าย ชายในภาพมีรูปร่างผอมบางผิดปรกติ แก่ชรา ผมขาวรุงรัง แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีจุดเด่นให้สะดุดตา


“ไม่เคย” ไคลน์ส่ายหน้า


“เขาชอบกินลูกอมมาก” ตำรวจโลเอ็นเสริม


“ลูกอม…” ไคลน์พลันนึกถึงชายลึกลับสวมเสื้อคลุมหัวที่มาพร้อมกับ ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดล อีกฝ่ายล้วงลูกอมหลากสีออกมากินถี่มาก


ครุ่นคิดสักพัก ไคลน์ตอบโดยไม่ปิดบัง


“อาจจะเคยเห็น… ในตอนที่อยู่ในผับสาหร่ายทะเล ผมเห็นชายที่ชอบกินลูกอมเดินตาม ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดล


ตำรวจโลเอ็นไม่เก็บซ่อนสีหน้าผิดหวัง เพียงกล่าวคำตอบคุณและจบการซักถามเบื้องต้น


รอจนกระทั่งอีกฝ่ายไปเคาะห้องอื่น ไคลน์ปิดประตูไม้ กลับมายังเก้าอี้เอนหลัง


ไม่เพียงโอเดลจะเข้าไปพัวพันกับ MI9 แต่ถึงกับทำให้สภาเมืองต้องส่งคนมาสืบแบบปูพรมค้นหา… แบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว… ชายหนุ่มพึมพำ ตัดสินใจเข้ามิติหมอก วางแผนสำรวจจุดแสงของผู้สวดวิงวอนรอบคทาเทพสมุทร เน้นสืบข่าวจากเหล่าสาวกในบายัม ด้วยกังวลว่าตนอาจตกอยู่ในวังวนแห่งความยุ่งเหยิงหากรับมือกับสถานการณ์ไม่ถูกต้อง


เข้าไปในห้องน้ำ ส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์โบกมือเสกคทากระดูกที่มีจุดแสงรายล้อมออกจากกองขยะ


นั่งไล่หาสักพัก ชายหนุ่มยังคงทราบเพียงว่า การสอบปากคำของตำรวจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เป้าหมายคือโอเดลและชายลึกลับ แต่ไม่รู้มากไปกว่านี้


ครุ่นคิดเล็กน้อย ไคลน์หันไปจ้องจุดแสงหนึ่งที่ตนทำสัญลักษณ์ไว้เป็นพิเศษ


จุดแสงดังกล่าวเป็นของตำรวจเลือดผสมนามว่าบราญ่า อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่า ‘สาวกเทพสมุทร’ แต่จำใจต้องสวมหน้ากาก ‘สาวกเทพวายุสลาตัน’ เพื่อไต่เต้าตำแหน่งใหญ่ในกรมตำรวจ


ปัจจุบัน มันมียศสูงถึงระดับผู้กำกับการ!


ถัดมา ไคลน์ส่งเจตจำนงของเทพสมุทรเข้าไปในจุดแสง


บราญ่า ผู้กำลังแจกจ่ายงานให้ลูกน้องที่สถานีตำรวจ พลันเหงื่อแตกกะทันหัน รีบขอตัวเข้าห้องน้ำ สวดวิงวอนเสียงต่ำ


“ข้ารับใช้แห่งท้องทะเลและโลกวิญญาณ ท่านมหาคาเวทูว่า สาวกของท่านขอรายงาน… บุคคลสำคัญที่กำลังตามหาในคืนนี้เป็นชายชรารูปร่างผอมบาง ผมสีขาวโพลนและรุงรัง แต่ยังดกหนา ชายคนนั้นไม่ชอบอากาศหนาว มักสวมโค้ทตัวหนาแม้จะอยู่ในบายัม เขาชื่นชอบของหวาน ราวกับเป็นเครื่องยนต์ไอน้ำที่ขับเคลื่อนด้วยลูกอม… เบื้องบนสั่งมาว่า จงหาตัวให้พบ แต่ห้ามทำร้ายโดยเด็ดขาด”


ไคลน์ตัดขาดจากบราญ่า กลับมาใช้ความคิด เคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวด้วยปลายนิ้ว


เทียบกับรูปถ่าย รายละเอียดเชิงข้อมูลมอบความรู้สึกคุ้นเคยให้เราได้มากกว่า… คล้ายกับว่าเราเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน…


สำหรับนักทำนาย ความคุ้นเคยหมายถึงเบาะแส ไคลน์จึงเริ่มเขียนประโยคทำนาย


ชายหนุ่มอ่านประโยคทำนายเงียบเชียบ เอนหลังพิงพนักสูงของเก้าอี้ อาศัยการเข้าฌานช่วยให้หลับลึก


ท่ามกลางโลกความฝันสีเทา ไคลน์พบว่าตัวเองย้อนกลับมายังกรุงเบ็คลันด์ บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์ที่เคยเช่าอยู่


ตรงหน้าคือเอียน เจ้าของดวงตาสีแดงสดใส เด็กหนุ่มแก่แดดกำลังเงยหน้าพูด


“ทูรานี่·ฟอน·ฮัลโมซีน สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ถัดจากจักรพรรดิโรซายล์ เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ ผู้ชำนาญกลไก และบิดาแห่งเครื่องหาผลต่างรุ่นที่สอง”


ทันใดนั้น ไคลน์ทราบทันทีว่า MI9 กำลังตามหาใคร!


พวกมันเคยไล่ล่าพิมพ์เขียวของเครื่องหาผลต่างรุ่นที่สามอย่างเอาเป็นเอาตาย และต้นเหตุของการปะทะอย่างรุนแรงระหว่างกองทัพโลเอ็นและหน่วยสายลับจากอินทิสก็คือ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้ผู้คนมากมายต้องรับเคราะห์!


MI9 กำลังตามล่าตัวนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่หายตัวไปอย่างลึกลับตลอดหลายปี!


เข้าใจแล้วว่าทำไมสายข่าวของพลเรือเอกโลหิตอย่างเฒ่าควินน์ ถึงมีสถานีวิทยุที่ก้าวหน้ากว่ากรุงเบ็คลันด์! เมื่อจับต้นชนปลายสำเร็จ ไคลน์เผยสีหน้าตกตะลึง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)