Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 717-718

 ราชันเร้นลับ 717 : ‘เดอะเวิร์ล’ และจอมโจรวีรบุรุษ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางวังโบราณที่เด่นตระหง่านเหนือสายหมอกสีเทา ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ไม่รีบเข้าเรื่อง ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ แต่มองไปทางเดอะซันน้อยด้านข้างและกล่าว


“คุณยังอยู่ในหมู่บ้านยามบ่ายใช่ไหม”


เดอร์ริคพยักหน้ารับอย่างเถรตรง


“ถูกต้อง พวกเราใช้เวลาสร้างค่ายนานพอสมควร จากนั้นก็รวมกลุ่มกันจัดการสัตว์ประหลาดที่เหลืออยู่บนถนน ไล่ไปทีละเส้นอย่างใจเย็น พลางมองหาอาคารเก่าแก่เข้าไปสำรวจ แม้ว่าวิธีนี้ค่อนข้างเสียเวลา แต่ก็รับประกันความปลอดภัย”


เด็กหนุ่มตอบอย่างละเอียด แถมยังเผยท่าทีทำนอง อนุญาตให้แฮงแมนถามเพิ่มเติมหากมีจุดใดไม่กระจ่าง


‘จัสติส’ ออเดรย์ฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยกมือ


“พวกคุณอยู่ในหมู่บ้านยามบ่ายนานขนาดนี้… กินอะไรเป็นอาหาร? แถวนั้นมีหญ้าผิวดำด้วยหรือ”


หญิงสาวเคยได้ยินเดอะซันน้อยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว เป็นเพราะรอบๆ เมืองเงินพิสุทธิ์มีหญ้าผิวดำเจริญเติบโต ชาวเมืองจึงสามารถเอาตัวรอดและรักษาอารยธรรมได้อย่างยาวนาน


“พวกเราพกผงที่บดจากหน้าผิวดำไปด้วย… แต่แหล่งอาหารหลักยังคงเป็นซากศพของสัตว์ประหลาดที่ถูกฆ่า เมื่อตะกอนพลังถูกขับออกจากศพ ส่วนที่เหลือสามารถนำไปกินได้ถ้าใช้ไฟเผาจนสุก ถึงอย่างนั้น เนื้อสัตว์ประหลาดก็ยังหลงเหลือการกัดกร่อนอย่างเจือจาง หากกินเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้เกิดปัญหาทางจิต พวกเราจึงไม่ควรกินบ่อยนัก” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคตั้งใจตอบคำถามของมิสจัสติส


ออเดรย์ลองจินตนาการถึงสัตว์ประหลาดในความมืดที่เดอะซันกล่าวถึง คิดตามจนกระทั่ง เธออดไม่ได้ที่จะถาม


“นั่นไม่น่าขยะแขยงไปหน่อยหรือ”


‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สที่ฉุกคิดบางสิ่งได้หลังจากฟังสนทนา จงใจไม่หันไปทาง ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน เพียงตั้งคำถามกับเดอะซันอย่างอยากรู้อยากเห็น


“คุณเคยบอกพวกเราว่า สัตว์ประหลาดในความมืดอย่างแวมไพร์มีผิวหนังพุพองน่ารังเกียจ แต่ทำไมหลังจากฆ่าแวมไพร์ พวกคุณถึงยังกล้ากินศพเหล่านั้น?”


ได้ยินคำถามดังกล่าว แม้แต่เอ็มลินก็ยังตกตะลึงจนลืมพูดแก้ว่า ‘ผีดูดเลือด ไม่ใช่แวมไพร์!’ ใบหน้ากำลังเผยความอึดอัด ภายในใจรู้สึกสยดสยองสุดจะพรรณนา


เดอร์ริคเงียบงันสักพัก


“มีสัตว์ประหลาดหลายตัวที่น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง หนึ่งในนั้นคือแวมไพร์ที่มิสเมจิกเชี่ยนกล่าวถึง… แต่พวกเราไม่มีทางเลือกอื่น ตราบใดที่ยังกินได้ก็ต้องกิน”


เสียงของเด็กหนุ่มค่อยๆ แผ่วลง คล้ายกับกำลังหวนนึกถึงโศกนาฏกรรมที่คอยสาปแช่งชาวเมืองเงินพิสุทธิ์


ความเงียบงันปกคลุมวังที่คล้ายกับถิ่นพำนักคนยักษ์ กระทั่ง ‘เดอะมูน’ เอ็มลินที่มักโต้แย้งเดอร์ริคก็ยังปิดปากสนิท หดแขนกลับมาข้างลำตัว


ไม่กี่วินาทีถัดมา เดอะเวิร์ลทำลายความเงียบ กล่าวด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น


“กลับมาที่ทะเลกันดีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวหนึ่งควรค่าแก่การสนใจ เมื่อคืนหลังจากเกิดพายุ เรือของ ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์นามว่า ‘กะโหลกตาเดียว’ ลอยมาเกยตื้นใกล้กับท่าเรือไซมีม เสากระโดงเรือหักหลายต้น มีรอยไหม้หลายจุด ลูกเรือทั้งหมดรวมถึงคอร์เนอร์·วิกเตอร์เสียชีวิต ไม่มีใครรอด”


‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือย่อมไม่รู้จัก ‘กัปตันคลั่ง’ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับข่าวมากนัก เพียงสงสัยเล็กๆ ว่าเกิดโศกนาฏกรรมใดขึ้นบนเรือ


อย่างไรก็ตาม ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์คิดแตกต่างไปจากทุกคน


มิสเตอร์เวิร์ลให้ความสนใจกับโศกนาฏกรรมของ ‘กัปตันคลั่ง’ … หมายความว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ! เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านเจ้าคุณค็อตแมนถึงมีคำสั่งให้ ‘จิตแห่งจักรกล’ และกัปตันเรือทุกคนตามสืบสวน! อัลเจอร์กลอกตาเล็กน้อยพลางครุ่นคิด


“ในบายัม โบสถ์วายุสลาตันสั่งให้เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผล ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์อย่างจริงจัง”


หืม… ฉันไม่ช่วยนายทำงานหรอกนะ… ไคลน์หัวเราะในลำคอ บังคับให้เดอะเวิร์ลซักถาม


“แล้วโบสถ์วายุสลาตันมีเบาะแสใดบ้าง?”


“ผมเองก็ไม่ทราบ ตอนนี้กำลังพยายามสืบ” ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ส่ายหน้าอย่างสุขุม


มันเชื่อว่าเดอะเวิร์ลคงเข้าใจความนัยแฝง นั่นก็คือ ตนยังไม่มีข้อมูลจริงๆ แต่จะช่วยสืบจากภายในเท่าที่ทำได้


‘จัสติส’ ออเดรย์เริ่มตระหนักว่าข่าวเกี่ยวกับ ‘กัปตันคลั่ง’ ไม่ธรรมดา กล่าวด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง


“มิสเตอร์เวิร์ล นี่มิใช่การวิวาทตามปรกติของโจรสลัดหรือคะ?”


ไคลน์ที่เตรียมอธิบายพอเป็นพิธี ไม่อยากเปิดเผยในเชิงลึก พลันฉุกคิดบางสิ่ง


โศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์และคดีค้าทาสอาจเกี่ยวพันกับราชวงศ์บางกลุ่ม รวมไปถึงนายทหารระดับสูง… โดยธรรมชาติแล้ว มิสจัสติสต้องเข้าข้างฝ่ายขุนนางและราชวงศ์ หากในอนาคต เราเริ่มเพ่งเล็งไอ้พวกที่สมควรตายเหล่านั้น เธออาจไม่ยอมช่วยเราทำงานหรือสืบข้อมูล กลายเป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งภายในองค์กร…


ดังนั้น ตอนนี้เราต้องปลูกฝังให้เธอเห็นว่าราชวงศ์และกองทัพมีคนไม่ดีแฝงตัวอยู่มาก ค่อยๆ เปลี่ยนทัศนคติและมุมมองทีละนิด ด้วยวิธีนี้ การเปิดเผยข้อมูลของเดอะเวิร์ลจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต… ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก บังคับให้เดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแผ่วเบาแกมประชดประชัน


“กัปตันคลั่งมีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปของชาวอาณานิคมที่มิสเตอร์แฮงแมนเคยสอบสวน… นิกายแม่มดจะคอยล่อลวงหรือลักพาตัวคนมาส่งให้ ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่ จากนั้นก็ใช้เรือโจรสลัดขนส่งเหยื่อไปยังสุดขอบทะเลตะวันออกของทวีปเหนือ และปิดงานโดย ‘กัปตันคลั่ง’ คอร์เนอร์·วิกเตอร์ มันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักค้ามนุษย์และพ่อค้าทาสหลายคนในโลเอ็น… ย้อนกลับไปในตอนที่ผมแจ้งข่าวแก่มิสเตอร์แฮงแมนช่วงเดือนมกราคม มีคนเคยเห็นชายที่ชื่อบาลุนแอบนัดพบกับคนของ MI9 ที่ภักดีต่อราชวงศ์… นอกจากนั้น อดีตนักค้ามนุษย์ที่กว้างขวางที่สุดในกรุงเบ็คลันด์ คาพิน คนคุ้มกันของมันคือผู้วิเศษเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ … เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดประกอบเข้าด้วยกัน คุณยังคิดว่าการตายของคอร์เนอร์·วิกเตอร์ เป็นการวิวาทระหว่างโจรสลัดอยู่อีกไหม? หึหึ ผมได้แต่นึกสงสัย คนที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ มันต้องการทาสจำนวนมากไปทำอะไรกันแน่”


ความเชื่อมโยงระหว่างเบาะแสต่างๆ กำลังแทรกซึมเข้าไปในสมองออเดรย์ อัลเจอร์ และคนที่เหลือ ส่งผลให้พวกเขาเริ่มมองเห็นภาพรวมเป็นรูปเป็นร่าง!


ทั้งที่มิสเตอร์เวิร์ลออกทะเลไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกการสืบหาความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันและการตายขององค์ชายเอ็ดซัค! จากข้อมูลเบื้องต้น ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าคนร้ายตัวจริงยังไม่ได้รับโทษ หลบซ่อนอยู่ภายในกลุ่มราชวงศ์โดยมีคนของกองทัพบางส่วนคอยสนับสนุน… ต่ำทรามมาก! คนพวกนี้ต้องถูกจับโยนลงนรก! หืม… ว่าแต่ทำไมมิสเตอร์เวิร์ลถึงทราบเรื่องที่คนคุ้มกันของคาพินมาจากเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ ? เคยสู้กันมาก่อน? ขณะความคิดหญิงสาวกำลังโลดแล่น เธอเริ่มพบความเชื่อมต่อ


คาพินถูกสังหารโดยจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด… ฝ่ายหลังย่อมทราบว่าองครักษ์ของคาพินอยู่บนเส้นทางใด…


จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดคือข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล…


เนื่องจากมิสเตอร์เวิร์ลไม่เคยส่งไดอารี เราจึงสงสัยว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องมิสเตอร์ฟูลอย่างลับๆ …


ในอีกความหมายหนึ่ง มิสเตอร์เวิร์ลคือจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดที่เป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล?


เป็นเพราะเขาแอบส่งไดอารีอย่างลับๆ อยู่แล้ว จึงไม่เคยส่งให้พวกเราเห็น? ถ้าอย่างนั้น พฤติกรรมบางอย่างในช่วงก่อน ทำไปเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองเป็นข้ารับใช้? หรือจะเป็นทดสอบของมิสเตอร์ฟูล? แต่ภาพลักษณ์มิสเตอร์เวิร์ลไม่ค่อยสอดคล้องกับจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดสักเท่าไร รายหลังดูเหมือนฮีโร่มากกว่า… ออเดรย์รู้สึกว่าตนค้นพบบางอย่างเข้า เริ่มอยากรู้จักตัวตนของเดอะเวิร์ลมให้มากกว่านี้ อยากรู้ว่าแท้จริงแล้ว จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดเป็นคนอย่างไร


‘แฮงแมน’ อัลเจอร์และ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาพลันตระหนักถึงสาเหตุที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์ลอบจู่โจม ‘พลเรือโทโรคภัย’ เทรซี่


ข้ารับใช้ผู้นี้กำลังตามสืบความจริงเบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์!


ในอีกความหมายหนึ่ง มิสเตอร์ฟูลกำลังสนใจความจริงเบื้องหลัง!


เมื่อได้ยินเดอะเวิร์ลเอ่ยถึงคาพิน ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินที่อาศัยอยู่ในเบ็คลันด์ เริ่มสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล ตำนานจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง กลายเป็นตัวเอกในนิยายหลายเรื่อง แม้แต่ฟอร์สเองก็ยังอยากเขียนถึงความรักระหว่างจอมโจรวีรบุรุษและบุตรสาวตระกูลขุนนาง


ในที่สุด พวกมันเข้าใจถึงสาเหตุที่เดอะเวิร์ลรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นในกรุงเบ็คลันด์ ที่แท้ชายคนนี้ก็คอยสืบสวนเรื่องราวอย่างใกล้ชิดมาตลอด


ดูเหมือนว่า ความวุ่นวายในกรุงเบ็คลันด์ยังไม่จบลง ในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีก… เราอยากไปจากที่นี่ใจแทบขาด แต่ซิลคงไม่ยอม และเราก็จนปัญญาจะอธิบาย…


เอ็มลินมิได้แตกตื่น ตามความคิดของมัน หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีกครั้ง ผีดูดเลือดที่แข็งแกร่งสักตนของตระกูลคงสามารถปกป้องคุ้มครองทุกคนได้


บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบราวสองวินาที ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์กล่าวเสียงขรึม


“ผมจะลองตรวจสอบเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ”


มันมีลางสังหรณ์ว่า เบื้องหลังการตายของกัปตันคลั่งคือพายุลูกใหญ่ที่กำลังก่อตัว ภายในใจอัลเจอร์จึงค่อนข้างหวาดกลัวที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยง แต่ขณะเดียวกัน มันรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ใหญ่ระดับทวีป


‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่ฟังอย่างเงียบงันสักพัก พยักหน้าและกล่าว


“ดิฉันก็จะช่วยรวบรวมข้อมูลอีกแรง… มีเบาะแสเพิ่มเติมไหม”


ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก บังคับให้เดอะเวิร์ลเล่าความจริง


“ในคืนวันที่กัปตันคลั่งเสียชีวิต บนเรือลำนั้นต้องสงสัยว่าจะมีผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางจักรพรรดิมืดอยู่ด้วย แต่บุคคลดังกล่าวหนีไปได้ก่อนที่แยนน์·ค็อตแมนจะถึงจุดเกิดเหตุ”


ครึ่งเทพเส้นทางจักรพรรดิมืด… อัลเจอร์และแคทลียาพึมพำออกมาพร้อมกัน ครุ่นคิดว่าพวกตนควรเริ่มจากตรงไหน


‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างตกตะลึงกับพัฒนาการของชุมนุมทาโรต์ ตอนนี้มีทั้งการพูดเรื่องครึ่งเทพ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครึ่งเทพโดยตรง แต่ในทางกลับกัน ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคไม่เข้าใจอะไรเลย


เมื่อเรื่องราวของกัปตันคลั่งยุติ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาชำเลืองไปทางเดอะเวิร์ล


“ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่น่าสนใจในทะเล เมื่อราวหนึ่งสัปดาห์ก่อน ‘นักผจญภัยเสียสติ’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ลงมือสังหารผู้ช่วยกัปตันเรือของ ‘ราชาอมตะ’ อาการิธ… เหยื่อเป็นเจ้าของฉายา ‘จอมเชือด’ มีนามว่าจิลเซียส ผู้วิเศษลำดับ 5”


“สุดยอด…” ฟอร์สที่อยู่เพียงลำดับ 8 กล่าวยกย่องโดยไม่ปิดบัง เธอทราบดีว่าการที่เหยื่อเป็นลำดับ 5 หมายถึงสิ่งใด


“อา… สมกับนักผจญภัยที่ชอบสร้างตำนาน” ออเดรย์เสริม


‘เดอะมูน’ เอ็มลินพะงาบปาก แต่สุดท้ายก็เลือกจะปิดสนิท ตระหนักว่าตนยังห่างไกลจากระดับนั้น


‘แฮงแมน’ อัลเจอร์กล่าว


“ด้วยเหตุนี้ เกอร์มัน·สแปร์โรว์จึงถูกบรรดาองค์กรใหญ่ตามสืบข่าว”


กำลังจะบอกว่า… โบสถ์วายุสลาตันเองก็สั่งให้นายตามสืบเรื่องของฉันด้วย? ไคลน์เข้าใจความนัยแฝง บังคับให้เดอะเวิร์ลหัวเราะในลำคอ


“ผมกำลังอยากรู้พอดีว่ามีที่ไหนรับซื้อเบาะแสบ้าง… ทางนี้มีข้อมูลของเกอร์มัน·สแปร์โรว์พอสมควร”


หืม… มิสเตอร์เวิร์ลกำลังหมายถึง เขาอนุญาตให้เรานำข้อมูลที่ดูเหมือนจะสำคัญ แต่ความจริงแล้วกลวง ไปรายงานต่อโบสถ์วายุสลาตันเพื่อสร้างความไว้วางใจ? แฮงแมนพยักหน้ารับ


ช่วงเวลาสนทนาอิสระยังคงดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน จนกระทั่ง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคเรียนศัพท์เฮอร์มิสโบราณของสัปดาห์นี้จบ การชุมนุมจึงจบลงโดยสมบูรณ์


หลังจากจัสติสและคนที่เหลือกลับไป ไคลน์หันกลับมาจ้อง ‘การเดินทางของกรอซาย’ บนโต๊ะทองแดงยาว


ราชันเร้นลับ 718 : ตัวละครในหนังสือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองยังไม่เหนื่อยมาก ไคลน์ลูบหน้าผากหนึ่งครั้ง เสกขวดโลหะลอยมาจากกองขยะ


นี่คือเลือดหลอดเล็กๆ ที่ชายหนุ่มใช้ความพยายามหนักเพื่อนำออกจากเส้นเลือด จากนั้นก็ส่งขึ้นยังห้วงมิติเหนือสายหมอก เตรียมสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ ด้วยร่างวิญญาณ


หลังจากคลายเกลียวฝา ไคลน์ไม่รีบร้อนละเลงเลือดบนปกสีน้ำตาลเข้มของหนังสือ เพียง ‘อัญเชิญ’ สิ่งของจำนวนหนึ่งมาวางเรียงรายตรงหน้า พวกมันถูกนำมาเก็บไว้บนมิติสายหมอกล่วงหน้าก่อนชุมนุมไพ่ทาโรต์จะเริ่มขึ้น


เมื่อพิจารณาว่ารูปลักษณ์ของ ‘จักรพรรดิมืด’ เด่นสะดุดตาเกินไป นอกจากนั้น ตนยังไม่รู้จักสถานการณ์ของโลกในหนังสือดีพอ ไคลน์ตัดสินใจที่จะไม่พกไพ่เย้ยเทพเข้าไปด้วย เพียงเสริมแกร่งร่างวิญญาณด้วยนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิก เพื่อไม่ให้ถูกสังหารด้วยพลังลึกลับจนส่งจิตกลับมิติหมอกไม่ทัน


ในวินาทีที่ผสานเข้ากับนกหวีดทองแดงโบราณลวดลายวิจิตร ร่างวิญญาณไคลน์คล้ายกับพองขึ้น เค้าโครงคมชัดมากขึ้น


เปลวไฟสีดำสองดวงลุกโชนออกจากเบ้าตา ประหนึ่งพวกมันมีชีวิตชีวา


อาศัยการเข้าฌาน ไคลน์เพ่งพลังวิญญาณเพื่อกลั่นเอาความเย็นซึ่งมีกลิ่นอายของ ‘ความตาย’ ออกจากร่าง สลายความผิดปกติออกจากดวงตา


ปัจจุบัน มันดูคล้ายวิญญาณมารที่สวมรอยเป็นคนธรรมดาเพื่อล่อเหยื่อให้เข้าใกล้


ถัดมา ไคลน์ใส่ยุบพองหิวโหย ลูกโม่ลางมรณะ และตะกอนพลังฝันร้ายไว้ในร่างวิญญาณ อย่างหลังมีไว้ใช้สำรวจความฝันของสิ่งมีชีวิตบนโลกหนังสือ จุดประสงค์เพื่อสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่


เตรียมความพร้อมเสร็จ ชายหนุ่มคลายเกลียวฝาขวดโลหะ เทเลือดสองสามหยด ละเลงบนปก ‘การเดินทางของกรอซาย’


รอไม่นาน ทัศนียภาพไคลน์พลันคลุมเครือ ประหนึ่งตรงหน้าเต็มไปด้วยวัตถุโปร่งใสมากมายล่องลอยอยู่ แต่ครู่เดียวก็เริ่มคมชัดขึ้นและแปรสภาพกลายเป็นท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาว กำแพงเมืองสีเทาอมน้ำตาล และคนเดินเท้าขวักไขว่


ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนแห่งน้ำแข็งและหิมะเหมือนคราวก่อน แต่เป็นเมืองที่ภายนอกดูธรรมดา… ไคลน์ยืนริมถนนซึ่งค่อนข้างสกปรก คอยสำรวจผู้คนของโลกภายในหนังสือ พบว่าส่วนใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตลินิน เสื้อโค้ทสั้นสีน้ำตาล กางเกงขายาวหลวม ๆ สีเข้ม บรรยากาศโดยรวมคล้ายกับอาณาจักรโลเอ็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน


ก้มมองสูท เชิ้ตปกแข็ง และหูกระต่ายสีแดงเข้มของตน ไคลน์แอบเปลี่ยนอย่างเงียบงัน กลมกลืนไปกับคนรอบข้าง


จัดการเสร็จ ชายหนุ่มเดินไปทางประตูเมือง เตรียมผ่านเข้าไป


ทันใดนั้น คนเฝ้าประตูสวมชุดเกราะหนังเดินมาขวางทางและกล่าว


“ค่าเข้าเมือง! หนึ่งกรีเดิ้ล”


หน้าตาเราเหมือนคนมีเงินรึไง? ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากรีเดิ้ลคืออะไร… ไคลน์พึมพำด้วยอารมณ์ขบกัน จากนั้นก็ใช้ ‘การสื่อสาร’ ระดับดวงวิญญาณ เบี่ยงเบนความสนใจจากตัวเองไปยังคาราวานด้านหลัง


ในฐานะสิ่งมีชีวิตกึ่งๆ วิญญาณอาฆาตที่สามารถสิงร่างและควบคุมสิ่งมีชีวิต การใช้พลังควบคุมจิตใจถือเป็นเรื่องปรกติ ความสามารถนี้อาจไม่ทรงพลัง แต่เหมาะจะใช้กับคนธรรมดา


เข้ามาในเมือง ไคลน์เดินไปบนถนนด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่ภายในระแวดระวัง เพียงไม่นานก็พบว่า สิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านสาธารณสุขของที่นี่ดีกว่ากรุงเบ็คลันด์เมื่อไม่กี่ปีก่อนเล็กน้อย มีระบบท่อน้ำทิ้งที่เจริญก้าวหน้า ป้องกันการทิ้งอุจจาระ ปัสสาวะ ขยะ และของเสียลงไป


เราแยกไม่ออกว่าที่นี่คือโลกมายาในหนังสือ… ทุกคนล้วนมี ‘ด้วยวิญญาณ’ … ไคลน์เหลียวซ้ายแลขวา ทันใดนั้น มันหันข้างไปเห็นอาคารหินสูงกว่าสิบเมตร มีเพียงสองชั้น ปลายประตูสูงจากพื้นดินเกือบสี่เมตร


ป้ายข้างตึกเขียนด้วยภาษาที่แตกต่างจากโลกภายนอก แต่ไคลน์สามารถเข้าใจได้ทันที


“สมาคมช่างตีเหล็กเพซอสต์”


ถ้ามีสมาคมช่างตีเหล็ก แปลว่ายังไม่ถึงยุคแห่งไอน้ำ… ขณะถอนหายใจ ไคลน์ได้ยินประตูเปิด คนยักษ์ที่มีแขนขายาวผิดมนุษย์เดินออกมาจากด้านใน!


คนยักษ์ตนนี้มีผิวสีฟ้าอมเทา ศีรษะมีตาเดียวในแนวตั้งอันเป็นเอกลักษณ์ ถือค้อนใหญ่ที่ดูท่าทางหนัก มุมปากยกโค้งขณะเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของถนน


มนุษย์มิได้หวาดกลัวยักษ์ตนนี้ คล้ายกับสามารถพบเห็นได้ทั่วไป


ถึงขั้นกล่าวคำทักทายด้วยซ้ำ


“ทิวาสวัสดิ์ กรอซาย!”


กรอซาย…! รูม่านตาไคลน์ที่ไม่ทันมองใบหน้าคนยักษ์พลันหดตัว ภายในใจเพิ่งเกิดความคุ้นเคย!


ขณะเตรียมเดินตาม ชายหนุ่มพบว่ายักษ์ตนดังกล่าวเลี้ยวเข้าถนนอีกเส้น หายไปจากการมองเห็น


ไคลน์ยังยืนอยู่ในจุดเดิม มองไปยังจุดที่ถนนทั้งสองเส้นบรรจบอย่างเงียบงัน เริ่มคาดเดาบางสิ่ง


ในโลกหนังสือ… ยังมีกรอซายอยู่อีกหนึ่งคน? ไม่น่าจะใช่… จากบทสรุปของการเดินทาง กรอซายเสียชีวิตแล้วภายในดินแดนแห่งน้ำแข็ง… หรือนี่จะเป็นเรื่องราวใหม่?


คำถามมากมายพลันถาโถม ไคลน์ไม่รีบร้อนที่จะตามหากรอซาย เพียงหันไปรอบๆ และเดินเข้าไปในผับริมถนน


สถานที่เช่นนี้มักวุ่นวายและคลาคล่ำไปด้วยผู้คน อาจช่วยให้ตนเข้าใจสถานการณ์โดยรวมได้รวดเร็ว


ผับเปิดไฟสลัว อาการถ่ายเทไม่ค่อยสะดวก คล้ายกับมีฝุ่นเจือปนเล็กน้อย ในเวลานี้ ยังไม่ค่อยมีใครออกมาดื่ม ส่วนใหญ่จะนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ สนทนากับบาร์เทนเดอร์อย่างมีความสุข


ขณะไคลน์เดินเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน ดวงตาชายหนุ่มพลันแข็งทื่อ


มันเห็นใครบางคนนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ สวมหมวกสีดำปลายแหลม เสื้อโค้ทไม่สมมาตร หน้าตาดี ผมสีทองอ่อน ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ดั้งจมูกโด่งและริมฝีปากบางเรียว ไม่ใช่ใครนอกจากโมเบธ·โซโรอาสเตอร์ ขุนนางใหญ่แห่งอาณาจักรโซโลมอน!


เมื่อเห็นอีกฝ่าย ไคลน์หวนนึกถึงภาพของ ‘นักชิงฝัน’ ผู้แก่ชราอย่างฉับพลัน ล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับ ‘ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์’ เซียธาส จับมือกันและกันแนบแน่น


ภาพเหตุการณ์ยังคงชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่โมเบธกลับปรากฏตัวตรงหน้าไคลน์อีกครั้ง


ชายหนุ่มนั่งลง เดินผ่านไปนั่งข้างโมเบธ


ไคลน์มิได้กล่าวคำใด เพราะทราบดีว่าอีกเดี๋ยวโมเบธจะเป็นฝ่ายชวนคุย


“เจ้าหน้าใหม่ เพิ่งมาเป็นเพซอสต์เป็นครั้งแรกหรือ? ข้าสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน” โมเบธวางแก้วเหล้ากลั่นลง มองมาทางไคลน์ด้านข้าง


“ฉันมาจากอาณาจักรน้ำแข็ง” ไคลน์แต่งเรื่องส่งเดช


ทันใดนั้น โมเบธหัวเราะ


“มุกตลกใช้ได้… ที่นี่คืออาณาจักรน้ำแข็ง แต่นั่นเป็นชื่อเมื่อหลายปีก่อน… นับตั้งแต่มีตำนานราชาแดนเหนือถูกสังหารโดยกลุ่มนักผจญภัย… ไม่สิ กลุ่มผู้กล้า… หลังจากนั้น ที่นี่ก็ไม่มีน้ำแข็งและหิมะอีกเลย ทุกคนต่างคิดตรงกันว่า ตอนนี้ควรเปลี่ยนเป็นชื่ออาณาจักรไร้เหมันต์ได้แล้ว”


ไคลน์เงียบ ไม่ตอบสนอง


“หือ? ทำไมถึงทำหน้าเครียดนัก เจ้าเองก็มีปัญหาหนักใจเหมือนกันหรือ” โมเบธเคาะแผ่นไม้เคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าเห็นใจ จิบเหล้าและกล่าวต่อ “ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลย ผู้ชายไม่ควรแต่งงานโดยเด็ดขาด! นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดตลอดชีวิต! เจ้ารู้อะไรไหม หล่อนทุบตีข้าในยามที่ตัวเองอารมณ์แปรปรวน ทุบตีข้าในยามที่ตัวเองมีความสุข ทุบตีข้าในยามที่ตัวเองอับอาย และทุบตีข้าในยามที่ตัวเองโมโห ไม่ว่ายังไงก็จะทุบตีข้า! ตัดสินใจได้แล้ว… จากนี้ไป ข้าจะไม่กลับบ้านอีก!”


แต่งงานกับเซียธาสแล้ว? ไคลน์เงียบงันสักพัก มองไปยังใบหน้าโมเบธ ไม่พบร่องรอยช้ำดำเขียว แสดงให้เห็นว่า ผู้ขับขานแห่งเอลฟ์สาวสวยยังใจดีเหลือความหล่อเหลาให้สามี


ชายหนุ่มถามพลางถอนหายใจ


“แล้วทำไมนายถึงแต่งงานกับเธอ”


โมเบธสะดุ้ง ตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น


“ข้ามาที่นี่กับกองคาราวาน เมื่อเห็นเธอครั้งแรกก็รู้สึกชอบทันที… ร้องเพลงได้ไพเราะมาก คล้ายกับกำลังเปี่ยมความเศร้าที่มิอาจพรรณนาออกมา… อา… ข้าเคยชื่นชมเธอมาก แต่ตอนนี้ก็กลัวมากเช่นกัน! ข้าจะไม่กลับบ้าน! นี่… เจ้าไม่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นก็ได้ อย่าสงสารข้านักเลย ข้าเป็นอิสระกว่าที่เห็น!”


ทันใดนั้น ประตูผับถูกเปิดดังโครม เสียงสาวสวยตะโกนกังวาน


“โมเบธ ออกมาเดี๋ยวนี้! ข้าจะนับถึงสิบ… ถ้าเจ้ายังไม่กลับบ้าน คราวหน้าก็ไม่ต้องกลับอีกเลย!”


“สิบ… เก้า…”


โมเบธรีบลุกพรวด วิ่งไปที่ประตู พึมพำขณะสับขา


“ช้ารู้ว่าเจ้ามีความอดทนต่ำ จะนับข้ามจากแปดไปสองทันที!”


ไคลน์หันหลังกลับไปมอง พบเซียธาส แต่ไม่มีความคิดที่จะสนทนาด้วย


โมเบธและเซียธาสตัวจริงตายไปแล้วแน่นอน ปัจจุบันทั้งสองเป็นเพียงตัวละครในหนังสือ


ยืนขึ้นและเดินออกจากผับ ไคลน์ตรงมายังตรอกเปลี่ยวข้างๆ เตรียมตรวจสอบสถานะของโลกวิญญาณที่นี่


ชายหนุ่มร่างลูกบอลแสงในห้วงความคิด สติเริ่มว่างเปล่า ร่างกายและจิตใจสงบสุข


หลังจากแผ่พลังวิญญาณออกไปรอบตัวเล็กน้อย ร่างมายาจำนวนมากที่อธิบายไม่ได้เริ่มปรากฏให้เห็น แต่กลับไม่พบเจ็ดริ้วแสงที่สดใสและบริสุทธิ์ โดยภายในนั้นมีองค์ความรู้มหาศาลอัดแน่น


“ไม่มีเจ็ดแสงพิสุทธิ์… สัตว์วิญญาณมีจำนวนน้อยกว่าปรกติ… ที่นี่คือโลกวิญญาณมายาที่จำลองโดยหนังสือ…” ไคลน์ก้าวลึกเข้าไปเล็กน้อย มองเห็นสีสันคมชัดและสดใสตรงหน้า ดวงแสงอันเจิดจ้ากำลังซ้อนทับหลายชั้น


ชายหนุ่มไม่คิดสำรวจโลกวิญญาณปลอม จึงถอยหลังกลับและเดินไปรอบๆ เมืองเพซอสต์ สนทนากับผู้คน


ใช้เวลาไม่นานก็ได้พบที่พักของกรอซาย


คนยักษ์ตนนี้ทำงานในโรงตีเหล็ก ปัจจุบันกำลังหลับสบายที่เตียงใหญ่บนชั้นสอง เป็นการงีบยามบ่าย


ไคลน์ทะลุเข้าไปทางกำแพงตรงๆ และหยุดยืนด้านข้างกรอซาย


สายตาจ้องมองคนยักษ์สองสามวินาที จากนั้นก็นำตะกอนพลัง ‘ฝันร้าย’ ออกจากร่างวิญญาณ ใช้พลังพิเศษจากวัตถุด้วยความยากลำบากกว่าปรกติ


ความมืดมิดและเงียบสงบปกคลุมทัศนียภาพอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็โอบกอดร่างไคลน์และกรอซายโดยสมบูรณ์ อาศัยความพิเศษของร่างวิญญาณ ไคลน์สามารถมองเห็นกลุ่มหมอกแสงทรงกลมที่ผิดปกติ


พลังวิญญาณของชายหนุ่มแผ่ออกไปรอบทิศ สัมผัสกับหมอกแสงทรงกลมดังกล่าว


ภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากพลันฉายในการมองเห็นไคลน์ จนกระทั่งถึงภาพของป่าใหญ่แห่งหนึ่งที่มีต้นไม้สูงตระหง่านรายล้อม สภาพป่าค่อนข้างเสื่อมโทรม ฝั่งตรงข้ามมียอดเขาและหน้าผาสูงชัน ด้านบนมีพระราชวังที่งดงามและอลังการ


พระราชวังมีขนาดมหึมา ไม่เหมือนกับสร้างให้มนุษย์พักอาศัย มอบความรู้สึกคล้ายกับวังในเทพนิยายมากกว่า และเหนือสิ่งอื่นใด แสงแดดยามเย็นที่ตกกระทบลงมาแทบไม่มีการขยับเขยื้อน ราวกับถูกแช่แข็งไว้ตลอดกาล


เมื่อเห็นวัง ไคลน์ทราบทันทีว่านั่นคือ ‘วังราชาคนยักษ์’ ที่เคยปรากฏในดินแดนความฝันของซากสมรภูมิแห่งเทพ!


ทว่า มุมที่กำลังเห็นตอนนี้ไม่เหมือนกับในความฝันเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ตำแหน่งยืนปัจจุบันของไคลน์คือด้านหลังวังราชาคนยักษ์!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)