Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 681-682

 ราชันเร้นลับ 681 : ตอบอ้อมค้อม

โดย

Ink Stone_Fantasy

เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ ที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน มิได้ออกอาการประหม่า รีบเล่าอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว


“ผมเพิ่งเข้าร่วมทีมสำรวจหมู่บ้านยามบ่ายที่นำโดยท่านเจ้าเมือง… นี่คือเส้นทางเดียวที่เข้าสู่วังราชาคนยักษ์ได้ เป็นประตูซึ่งแบ่งแยกตำนานและความจริงออกจากกัน”


คำเกริ่นนำของเด็กหนุ่มกระตุ้นให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคนทวีความอยากรู้อยากเห็น แต่ละคนตั้งท่ารอฟังด้วยใจจดจ่อ


เดอร์ริคเล่าข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทาง พุ่งความสำคัญไปยังเหตุการณ์หลังจากมาถึงหมู่บ้านยามบ่าย อันดับแรก เด็กหนุ่มเล่าถึงบรรยากาศอันมืดมนและเงียบสงัดของที่นั่น จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ขณะทีมสำรวจสามคนค้นพบแท่นบูชาในห้องใต้ดิน เล่าถึงวินาทีที่ตนเอ่ยนามของโอโรเลอุส เมดีซี และซาสเรียจนถูกส่งไปยังอีกฝั่งของหมู่บ้าน เล่าเรื่องที่ตนได้อ่านเนื้อหาเต็มๆ บนแท่นบูชาซึ่งเขียนถึงสมญานาม ‘เทวทูตมืด’ และ ‘กุหลาบไถ่บาป’


ถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มเว้นวรรคเพื่อขอบคุณมิสเตอร์ฟูล ที่ช่วยให้ตนรอดพ้นจากวิกฤติดังกล่าว


ถัดมา เดอร์ริคเล่าถึงเรื่องสัตว์ประหลาดเงาดำที่สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ ไปจนถึงนักบวชในชุดคลุมสีขาวผู้เอาแต่สารภาพบาปในวิหาร


เด็กหนุ่มเล่าเน้นย้ำประโยคที่นักบวชท่องซ้ำไปซ้ำมา โดยปิดท้ายว่า ในวินาทีที่นักบวชพยายามเอ่ยนามของราชาเทวทูตตนที่สี่ เพลิงมายาสีใสพลันลุกท่วมร่างจนกลายเป็นเถ้าถ่าน


อีกหนึ่งราชาเทวทูต! เหนือสิ่งอื่นใด บรรยากาศของหมู่บ้านยามบ่ายช่างน่ากลัวนัก แถมคำสารภาพบาปของนักบวชก็ยังดูเหมือนกับ… เอ่อ… เหมือนกับคำพยากรณ์มหาภัยพิบัติ… ออเดรย์นั่งฟังเรื่องราวด้วยความปลื้มปริ่ม ในใจทวีความอยากรู้ชื่อที่อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวออกมา


ทันใดนั้น เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ มองไปยังหัวมุมโต๊ะทองแดงยาว ซักถามด้วยความเคารพ


“มิสเตอร์ฟูลขอรับ… ผู้ที่ล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรียเป็นใครกัน? นามที่สี่มีชื่อว่าอะไร? แล้วเหตุใดเขาถึงกล่าวออกมาไม่ได้”


นั่นปะไร… ด้านหลังม่านหมอก รอยยิ้มของไคลน์พลันแข็งทื่อ


ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ก่อนหน้า ชายหนุ่มรีบส่งเดอะซันน้อยกลับเพราะไม่ต้องการตอบคำถามในทำนองเดียวกัน!


มันกลัวว่าเดอะซันจะถามเกี่ยวกับ ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรียซึ่งตนไม่มีคำตอบใดจะมอบให้


แต่โชคยังดี นักมายากลจะไม่ขึ้นเวทีโดยไม่เตรียมตัวเด็ดขาด หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ไคลน์พยายามครุ่นคิดหาคำตอบไว้ล่วงหน้า ทันใดนั้น ชายหนุ่มวางมือลงบนที่พักแขน เผยรอยยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยดวงตาแฝงความนัย


“นั่นเป็นความลับ”


ไคลน์แสดงสายตาและอากัปกิริยาที่บอกใบ้ให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์พบความผิดปรกติของวลี ‘ความลับ’ พยายามสื่อให้พวกเขาตระหนักว่า ถ้อยคำดังกล่าวมีความนัยแฝงอย่างลึกซึ้ง ส่วนจะเป็นสิ่งใดนั้น ให้ทุกคนไปตีความกันเอาเอง เหล่าทวยเทพล้วนมีเหตุผลให้ต้องปกปิด


หลังจาก ‘แสดง’ เสร็จ ไคลน์เริ่มรู้สึกผิดในใจ มันตระหนักว่าตนชักทำตัวเหมือนนักต้มตุ๋นเข้าไปทุกวัน ขณะเดียวกันก็เริ่มฉุกคิดได้ว่า การที่มาดามเฮอร์มิทชอบมองทะลุม่านหมอกเข้ามาสำรวจตน เป็นเพราะตนมักบอกใบ้ผ่านอากัปกิริยาแทนการพูดตรงๆ บ่อยครั้ง ส่งผลให้บรรดาสมาชิกต้องเงยหน้ามองเพื่อตรวจสอบท่าทีของเดอะฟูล


ขอโทษด้วย ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพราะเราจนปัญญาจะตอบ… ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว… เราไม่ใช่เทพมารสักหน่อย! ไคลน์ทำได้เพียงถอนหายใจเงียบ


ความลับ…? แค่ชื่อก็เป็นความลับแล้ว? หรือนี่จะเป็นคำเตือนจากมิสเตอร์ฟูล… ถ้าแค่ชื่อยังต้องเป็นความลับ อีกฝ่ายเป็นตัวตนระดับใดกันแน่? เทพแท้จริงลำดับ 0? ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ครุ่นคิดหลายสิ่ง เมื่อผนวกกับเรื่องราวจากปากเดอะซันน้อย มันสามารถคาดเดาได้หนึ่งทฤษฎี


หืม… แค่ชื่อก็ยังเป็นความลับ… มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเทพแท้จริง และอาจไม่ใช่ใครนอกจากเทพธิดารัตติกาล เพราะหนึ่งในพระนามของเธอคือ ‘มารดาแห่งความลับ’ ! ความมืดมิดที่แสนอันตรายของดินแดนเทพทอดทิ้งเองก็สอดคล้องกับเรื่องนี้… แคทลียา ‘เฮอร์มิท’ อาศัยคำบอกใบ้ของมิสเตอร์ฟูล อนุมานบางสิ่งอย่างไร้หลักฐาน


ขณะเดียวกัน เธอค่อนข้างแน่ใจว่า ภัยพิบัติที่นักบวชกล่าวถึง จะต้องเป็น ‘มหาภัยพิบัติ’ ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดยุคสมัยที่สาม


ราชาเทวทูตผู้ถูกล่อลวง… ชาวบ้านยามบ่ายที่ละทิ้งจิตวิญญาณ… หมู่บ้านที่ถูกกัดกร่อนทีละนิด… ‘บุปผาแห่งหายนะ’ สีดำที่ระเบิดออก… ประวัติศาสตร์ซึ่งถูกฝังกลบไปพร้อมกับยุคสมัยดังกล่าว… เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของดินแดนเทพทอดทิ้ง… ช่างเป็นประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความดำมืดและเข้มข้น… แคทลียาถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน


ขณะสมาชิกชุมนุมทาโรต์กำลังครุ่นคิด ‘เดอะฟูล’ ไคลน์พยายามวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่นามดังกล่าวว่างเปล่าและมิอาจเอ่ยออกมา


หรือว่านั่นคือพระนามของเทพแท้จริง? เทพแท้จริงผู้ล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรีย… หมายความว่า ราชาเทวทูตคนที่สี่ซึ่งพระนามสูญหายไป กลายมาเป็นเทพแท้จริงในภายหลัง?


แต่ใช่ว่าเราจะไม่เคยเอ่ยนามของเทพมาก่อนสักหน่อย… หลายฝ่ายต่างทราบว่าแม่มดบรรพกาล ‘ชีค’ มีระดับเทียบเท่าเจ็ดเทพจารีต และไม่เคยมีใครได้รับอันตรายจากการเอ่ยพระนาม…


หรืออาจจะเกี่ยวกับภาษาที่ใช้? อินทิส ฟุซัค หรือกระทั่งฟุซัคโบราณ ถือเป็นภาษาที่มิได้กระตุ้นพลังธรรมชาติ แต่ภาษาคนยักษ์ของเมืองเงินพิสุทธิ์นั้นต่างออกไป… ดูเหมือนว่านักบวชคนดังกล่าวจะใช้ภาษาที่คล้ายกับคนยักษ์…


หรือเราควรเอ่ยชื่อ ‘ชีค’ บนโลกความจริงด้วยภาษาคนยักษ์? จากนั้นก็ตายคาที่… ประสบความสำเร็จในการรนหาความตาย… เรื่องนั้นช่างมันก่อน… การที่ชื่อหนึ่งว่างเปล่า กับอีกชื่อหนึ่งมิอาจเอ่ยออกมา อาจหมายถึงคนละคน… เรายังไม่รู้สาเหตุเบื้องลึก…


ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นเดอะซันน้อยกำลังสับสน ไม่เข้าใจความนัยแฝงของมิสเตอร์ฟูล ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์รีบอธิบายอย่างกระตือรือร้น


“ทั้งสองชื่ออาจหมายถึงพระนามของเทพแท้จริงสององค์ เป็นเหตุผลที่พูดออกมาไม่ได้… บางที บุคคลที่ล่อลวง ‘เทวทูตมืด’ ซาสเรียอาจเป็นพระผู้สร้างแท้จริง ส่งผลให้หมู่บ้านยามบ่ายและเหล่าราชาเทวทูตถึงคราวล่มสลาย นำไปสู่เหตุการณ์มหาภัยพิบัติ และยังเป็นสาเหตุว่าทำไมดินแดนเทพทอดทิ้งแห่งนี้จึงหลงเหลือเพียงวิหารของท่านผู้นั้น… สำหรับราชาเทวทูตคนที่สี่ ท่านอาจได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ จนสามารถเลื่อนขั้นกลายเป็นเทพแท้จริงได้ในภายหลัง”


คล้ายคลึงกับข้อสันนิษฐานของเรา แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน… แคทลียามิได้กล่าวเสริม เธอยังไม่ปักใจเชื่อว่า สมมติฐานที่ตรงกันระหว่างตนกับแฮงแมน คือความจริงของเรื่องพิศวงนี้


ทั้ง ‘ออเดรย์’ จัสติส ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างตั้งใจฟังโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ขณะเดียวกันก็ทำได้เพียงถอนหายใจเงียบ เพราะทุกครั้งที่ชุมนุมทาโรต์เข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ หัวข้อสนทนามักหนีไม่พ้นเรื่องในระดับสูงจำพวกราชาเทวทูต เทพมาร เทพแท้จริง หรือไม่ก็ความลับโบราณ ซึ่งสำหรับพวกเขาล้วนเป็นสิ่งที่ฟังดูไกลตัว


“งั้นหรือ… เข้าใจแล้ว” คล้ายกับ ‘เดอะซัน’ ฉุกคิดบางสิ่งได้ เด็กหนุ่มหันไปขอบคุณมิสเตอร์ฟูลอีกครั้งจากก้นบึ้ง


ขณะเตรียมเบือนหน้ากลับ เดอร์ริคนึกบางอย่างออกพอดี จึงซักถามด้วยน้ำเสียงกังวล


“มิสเตอร์ฟูล กุญแจสำคัญในการออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง ซ่อนอยู่ในวังราชาคนยักษ์จริงหรือขอรับ?”


ผ่านมาแล้วเนิ่นนาน ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ยอมรับชื่อที่แฮงแมนใช้เรียกดินแดนซึ่งเมืองเงินพิสุทธิ์ของตนตั้งอยู่ – ดินแดนเทพทอดทิ้ง


เราเองก็คิดแบบนั้น แต่ปัญหาคือยังไม่มีหลักฐานยืนยัน… บางที การที่ทีมสำรวจไม่มองหาชายหาดตามคำอธิบายของแจ็ค แต่เลือกมุ่งหน้าสำรวจวังราชาคนยักษ์แทน คงเป็นข้อเสนอแนะของ ‘คนเลี้ยงแกะ’ โลเฟียร์ แต่นั่นก็สอดคล้องกับข้อมูลที่เรามี… อย่างไรก็ตาม ยังสรุปไม่ได้ว่านี่คือข้อเท็จจริง หล่อนอาจกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง… ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ทำได้เพียงยิ้ม


สมองชายหนุ่มเร่งประมวลผลด้วยความเร็วสูง พยายามคิดหาคำตอบที่ทำให้เดอะฟูลไม่เสื่อมเสียเกียรติในสายตาสมาชิกคนอื่น


เพียงไม่นาน ไคลน์หัวเราะในลำคอด้วยท่าทีผ่อนคลาย มองไปทางแคทลียา


“พูดถึงเรื่องนี้… หึหึ… ป่านนี้แบร์นาแดตคงรู้วิธีเข้าสู่ดินแดนเทพทอดทิ้งแล้ว”


แคทลียาพลันหวนนึกถึงฉากอันเลือนรางภายในความฝัน ขณะเดียวกันก็เผลอมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวโดยไม่รู้ตัว


“ท่านหมายถึงแบบจำลองอันนั้นหรือคะ?”


ยังไม่ทันกล่าวจบ หญิงสาวเพิ่งตระหนักว่าตนเผลอจ้องมิสเตอร์ฟูลอีกครั้ง จึงรีบหลับตาลงและกล่าวอย่างประหม่า


“น…เนตรส่องความลับของดิฉันจะแสดงพลังออกมาเอง ทำได้เพียงเสริมประสิทธิภาพให้คมชัดยิ่งขึ้น ไม่มีวิธีผนึกมันได้… จำเป็นต้องใช้สมบัติวิเศษในการผนึก”


แต่สมบัติวิเศษชิ้นนั้นมิได้ตามขึ้นมาบนมิติสายหมอกด้วย


แบบนี้นี่เอง… ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบา


“เจ้าลองเสกแว่นขึ้นมา”


“ค่ะ มิสเตอร์ฟูล” แคทลียาทำตามคำสั่ง จินตนาการถึงแว่นตาของตน


ระหว่างนั้น ไคลน์เคลื่อนย้ายกระแสพลังภายในมิติหมอก บรรจุลงในแว่นตาดังกล่าว


ในวินาทีที่แคทลียาสวมเข้าไป ‘เนตรส่องความลับ’ ของเธอถูกผนึกอย่างคาดไม่ถึง


‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและคนที่เหลือต่างเพิ่งตระหนักพร้อมกันว่า ดวงตาของมาดามเฮอร์มิทพิเศษกว่าคนปรกติมาก มีความสามารถเกี่ยวพันกับการส่องความลับ อีกทั้งยังใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลา ‘เปิด’ !


เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเราถึงไม่เป็นอะไร… การที่มาดามเฮอร์มิทต้องตกอยู่ในสภาพน่าสมเพช เพราะเธอพยายามส่องความลับของมิสเตอร์ฟูลด้วยดวงตาพิเศษ… ‘จัสติส’ ออเดรย์เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ความสงสัยในใจพลันคลี่คลาย


เมื่อคิดว่ามาดามเฮอร์มิทเคยตรวจสอบเครื่องแต่งกายของตน และเมื่อคิดว่าหล่อนเคยเห็นตนกำลังสวมเครื่องแบบนักบวชวายุสลาตัน สีหน้าของ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พลันดำมืด


‘เดอะฟูล’ ไคลน์ไม่รอให้อารมณ์ของสมาชิกคนอื่นกลับเป็นปรกติ หันไปตอบคำถามของแคทลียาด้วยรอยยิ้ม


“นั่นเป็นภาพจำลองของวังราชาคนยักษ์”


“ภาพจำลองของวังราชาคนยักษ์…” แคทลียาพึมพำด้วยน้ำเสียงแฝงความตกใจ


จากนั้น หญิงสาวครุ่นคิด


บางที ‘ท่าน’ คงทราบคำตอบนี้แล้ว…


เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ ใช้เวลาสองสามวินาทีในการทำความเข้าใจบทสนทนาระหว่างมิสเตอร์ฟูลและมาดามเฮอร์มิท ก่อนจะเริ่มเข้าใจบางส่วนอย่างคลุมเครือ : กุญแจสำคัญสำหรับเข้าสู่ดินแดนเทพทอดทิ้ง อยู่ที่ภาพฉายของแบบจำลองวังราชาคนยักษ์!


หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กุญแจสำคัญในการออกจากดินแดนเทพทอดทิ้ง ก็อาจซ่อนอยู่ในวังราชาคนยักษ์ของจริง? หัวใจ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคพลันสั่นเทา ก่อนจะก้มศีรษะลงและกล่าว


“ขอบคุณสำหรับคำตอบขอรับ มิสเตอร์ฟูล”


ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจผ่อนคลายพลางรู้สึกว่า สถานการณ์เมื่อครู่สูบพลังชีวิตตนไปไม่น้อย


‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พยายามข่มอารมณ์ เหลียวซ้ายแลขวาและจ้องไปทางเฮอร์มิท


“ภาพฉายของแบบจำลองวังราชาคนยักษ์อยู่ที่ไหน?”


สำหรับเรื่องนี้ มันไม่กล้าถามมิสเตอร์ฟูลโดยตรง เพราะเคยถูกเพิกเฉยในคำถามเกี่ยวกับดินแดนเทพทอดทิ้งมาแล้ว


แคทลียาตอบเสียงขรึม


“น่านน้ำพิเศษ ณ สุดขอบตะวันออกของทะเลโซเนีย… ในความฝันยามค่ำคืน… หากไม่รังเกียจ ฉันยินดีแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้พบเจอในการเดินทางครั้งนี้ให้ทุกคนฟัง”


‘จัสติส’ ออเดรย์และ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สต่างชะลอลมหายใจพร้อมกัน พวกเธอรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะฟังเฮอร์มิทสาธยายถึงเหตุการณ์อันเหนือจินตนาการ


……………………………………………


ราชันเร้นลับ 682 : มองหา ‘อาหาร’

โดย

Ink Stone_Fantasy

‘เฮอร์มิท’ แคทลียานั่งในท่าสำรวม กล่าวอย่างเชื่องช้าโดยมิได้หันไปมอง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์


“ตรงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะการ์กัส ที่นั่นมีเส้นทางเดินเรือปลอดภัยสำหรับเข้าสู่เขตทะเลอันตราย…”


หญิงสาวเริ่มเล่าจากหุบเหวลึกที่เป็นจุดแบ่งทะเลทั้งสองออกจากกัน จากนั้นก็เล่าถึงราชรถดวงอาทิตย์ที่มิอาจจ้องมองโดยตรง กลางคืนที่จำต้องหลับสนิท เสียงเพรียกที่ลอยอยู่เต็มมหาสมุทร และภาพฉายของวังราชาคนยักษ์บนภูเขาฝั่งตรงข้าม


ระหว่างนั้น เธอมิได้เล่าเกี่ยวกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์เลย จงใจหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงอีกฝ่าย ในส่วนของความผิดปรกติเล็กๆ ระหว่างทาง แคทลียาเล่าพอเป็นพิธี เช่น หากย่างกรายเข้าไปในเขตที่มีออร่าของพระแม่ธรณี เส้นผมของมนุษย์จะงอกยาวอย่างบ้าคลั่ง


จนกระทั่งใกล้จบการเดินทาง หญิงสาวเล่าเรื่องซากปรักหักพังที่มีศพหลับใหลอยู่ เล่าถึงเรือใบของนักผจญภัยที่จอดเทียบท่า และในห้องกัปตันมีข้อความเลือดเขียนว่า ‘น้ำพุไม่แก่เฒ่า’


“นั่นอาจหมายความว่า ‘น้ำพุไม่แก่เฒ่า’ ซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งในซากปรักหักพัง และศพซึ่งเป็นเจ้าของเสียงหายใจกึกก้อง คือผู้ที่คอยปกปักรักษา” ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเล่าถึงข้อสันนิษฐานที่โจรสลัดส่วนใหญ่ในอนาคตกาลมักพูดกัน แต่ไม่ใช่ทฤษฎีของเธอ


น้ำพุไม่แก่เฒ่า… หมายถึงหนึ่งในหกตำนานขุมสมบัติแห่งท้องทะเล? ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ทำได้เพียงหักห้ามใจ รอให้ตนมีลำดับ 5 เสียก่อน จึงค่อยกลับมาพิจารณาแผนสำรวจซากปรักหักพังดังกล่าว


‘จัสติส’ ออเดรย์ที่ตั้งใจฟัง ส่ายหน้าเล็กน้อย


“ดิฉันไม่คิดว่า ความนัยที่แท้จริงของข้อความเลือด ตั้งใจจะสื่อว่าน้ำพุไม่แก่เฒ่าซ่อนอยู่ภายในซากปรักหักพัง”


เว้นวรรคหนึ่งวินาที หญิงสาวเริ่มวิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยา


“หากถูกสัตว์ประหลาดทำร้าย คนใกล้ตายไม่มีทางบอกใบ้ไปถึงขุมทรัพย์แน่ ถ้าเขาต้องการเตือนพวกพ้องหรือญาติที่อาจตามมาพบ เนื้อหาของข้อความเลือดควรบ่งบอกว่าที่นี่มีอันตราย หรือไม่ก็เขียนบอกต้นตอของอันตรายไปเลย… การเขียนระบุว่าข้างในมีน้ำพุไม่แก่เฒ่า ดูจะขัดแย้งกับแรงจูงใจในการเอาชีวิตรอดของมนุษย์ไปสักหน่อย นอกเสียจากเขากำลังล่อลวงให้คนเข้าไปสำรวจซากปรักหักพังเพื่อค้นหาน้ำพุไม่แก่เฒ่า เพราะนั่นคือทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิต”


“เห็นด้วย… ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ขณะใกล้ตายคงไม่พยายามบอกใบ้ให้คนอื่นพบเจอขุมสมบัติล้ำค่าแน่ นั่นไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเองสักนิด” เสียงเอ็มลินดังขึ้น “คงต้องเกลียดชังมาก… เป็นความเกลียดชังที่สลักลงไปในกระดูก ฉันถึงจะเขียนอะไรแบบนั้นออกมาได้ก่อนตาย… หากไม่แล้ว ฉันคงจะบอกให้คนที่มาพบศพทราบว่า ควรจัดการศพฉันอย่างไร หรือต้องฝังสิ่งของใดลงไปในหลุมศพพร้อมกัน”


กล่าวจบ มันส่ายหน้า


ไคลน์ผงกศีรษะเล็กน้อย บังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าวเสียงแหบ


“น้ำพุไม่แก่เฒ่าเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง”


มันแสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มิได้เผื่อเหลือเผื่อขาดไปในทิศทางอื่น


น้ำพุไม่แก่เฒ่าเป็นเรื่องหลอกลวง… แคทลียาหันไปมองเดอะเวิร์ลเล็กน้อย ก่อนจะถอนสายตากลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด


ถ้อยคำของอีกฝ่ายค่อนข้างตรงกับข้อสันนิษฐานของเธอ


‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พลันขมวดคิ้ว มิใช่ว่ามันไม่เห็นด้วยกับเดอะเวิร์ล หรือมองว่าคำพูดของมิสจัสติสและเดอะมูนเหลวไหล แต่มันเพิ่งตระหนักเมื่อสาย ตนไม่เคยฉุกคิดว่า ‘น้ำพุไม่แก่เฒ่า’ อาจเป็นเรื่องหลอกลวงเลยสักครั้ง!


สำหรับอัลเจอร์ นี่คือความผิดพลาดที่ตนไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น!


แม้จะใช้ชีวิตมานานขนาดนี้ แต่เรากลับยังปล่อยให้ผลประโยชน์บังตา… อัลเจอร์เงียบงันสามวินาที ถอนหายใจกับตัวเอง


หลังจากบรรดาสมาชิกแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมาของตัวเองเสร็จ ทุกคนเริ่มช่วยกันสอนภาษาเฮอมิสโบราณแก่เดอะซันน้อย และปิดท้ายด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้ในเชิงศาสตร์เร้นลับระหว่างกัน


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากทุกคนเข้าสู่ความเงียบ ‘เดอะฟูล’ ไคลน์กวาดตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับกล่าว


“วันนี้พอเท่านี้”


“สุดแล้วแต่ท่าน” ‘จัสติส’ ออเดรย์ลุกขึ้นยืน จับชายกระโปรงมายายกขึ้นทำท่าคำนับ สมาชิกคนอื่นก็กล่าวในสิ่งเดียวกันด้วยเวลาไล่เลี่ย


เฝ้ามองร่างมายาเลือนหายทีละหนึ่ง ไคลน์ยังไม่รีบร้อนกลับออกไป ทำการเสกกระดาษหนังและปากกาหมึกซึม เขียนประโยคทำนาย


“ความหวังที่จะได้เลื่อนเป็นลำดับ 4”


วางปากกาลง ไคลน์ถือกระดาษหนังไว้ในมือ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงและเข้าฌาน ปากพึมพำประโยคทำนายเสียงแผ่ว


ครบเจ็ดหน ชายหนุ่มหลับสนิทอย่างรวดเร็ว ส่งจิตเข้าสู่โลกความฝัน


ท่ามกลางโลกสีเทาพร่ามัว ไคลน์มองเห็นยอดเขาสูงตระหง่านเสียดฟ้า


บนยอดเขามีซากพระราชวังผุพังหลังหนึ่ง กำแพงและผนังปกคลุมด้วยวัชพืชและตะไคร่น้ำ นอกจากนั้นยังมีรูโหว่ขนาดใหญ่


ด้านในสุดของท้องพระโรงมีบัลลังก์ขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหิน ประดับประดาด้วยทองคำและอัญมณีเลอค่าจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีร่องรอยด่างดำและความเสียหาย


บนบัลลังก์ซึ่งดูไม่เหมือนสร้างให้มนุษย์ใช้งาน หนอนแมลงโปร่งใสจำนวนมากกำลังกระจุกตัวเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ พัวพันหนาแน่นวุ่นวาย ยุบพองอย่างเชื่องช้าและขยายขนาดขึ้นทีละนิด


รอบบัลลังก์มีเสียงเพรียกที่ดังทะลวงผ่านประวัติศาสตร์และกระแสเวลาอันยาวนานมายังโสตประสาทชายหนุ่ม เนื้อเสียงเป็นไปอย่างมายา พร่ามัว และก้องกังวานไม่รู้จบสิ้น


“โฮนาซิส… เฟรเกีย… โฮนาซิส… เฟรเกีย… โฮนาซิส… เฟรเกีย…”


เมื่อเสียงเพรียกดัง ไคลน์พลันตื่นจากภวังค์ ใบหน้าบิดเบี้ยวเหี่ยวย่นเล็กน้อย


ไม่ผิดแน่… ยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส… แถมเรายังมองเห็นรายละเอียดและได้ยินสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนกว่าเดิมมาก…


สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไคลน์นึกถึงคำพยากรณ์ของ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดต


“โชคชะตาของคุณอยู่บนยอดหลักของเทือกเขาโฮนาซิส”


นั่นคือโชคชะตาของเรา? ยิ่งได้เห็นแบบนี้ เรายิ่งต่อต้านและไม่อยากเฉียดใกล้ยิ่งกว่าเดิม… เฮ่อ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็เหมือนกับเอาชีวิตไปทิ้ง… ไคลน์ถอนหายใจพลางเสก ‘ใบค่าหัว’ ที่เอ็มลิน·ไวท์แจกจ่ายกับทุกคน ผนวกกับข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมา ชายหนุ่มอาศัยเทคนิคการทำนายเพื่อระบุตำแหน่งของสาวกดวงจันทร์บรรพกาล


ลงเอยด้วย เนื่องจากข้อมูลมีค่อนข้างน้อย ไคลน์จึงยืนยันได้เพียงสองตำแหน่ง


“กาลิส·เควิน วินเซอร์·เบริ่ง และอาร์กอสอยู่ในเบ็คลันด์… เดนเด้กับลอร่าอยู่ที่ท่าเรือเอ็นมาร์ตและท่าเรือพริสต์ตามลำดับ”


ข้อมูลแค่นี้แทบไม่ช่วยอะไรเลย… ไคลน์ส่ายหน้า ส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง


เมื่อนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับเดอะซัน ว่าตนจะหาสูตรโอสถผู้รับรองให้ภายในสามวัน ชายหนุ่มสวมเสื้อโค้ทและหมวกทรงสูง เตรียมออกล่าเหยื่อ


เปิดประตูห้อง เดินตรงมาทางบันได ไคลน์เห็นแอนเดอร์สัน·ฮู้ดกำลังเดินขึ้นมาจากด้านล่างโดยใช้สองมือโยนหมวกล่ากวางสลับไปมา ปากฮัมเพลงท้องถิ่นอย่างมีความสุข


หมอนี่ฟื้นฟูจิตใจได้เร็วจนน่าเหลือเชื่อ… ทั้งที่เมื่อเช้าเพิ่งถูกครึ่งเทพมอบบทเรียน บังคับให้ขอโทษและใช้ทำงาน แต่ปัจจุบันกลับร่าเริงจนเหมือนเป็นเรื่องโกหก… สมแล้วที่เป็นผู้วิเศษลำดับ 5 หากมีความเข้มแข็งจิตใจถึงระดับนี้ โอกาสคลุ้มคลั่งย่อมลดลงอย่างมาก… ไคลน์จ้องหน้าอีกฝ่าย ผงกศีรษะแผ่วเบาเป็นเชิงทักทาย


“ทิวาสวัสดิ์ เกอร์มัน” แอนเดอร์สันยิ้มและโบกมือให้ “ฉันได้รับเงินค่าหัวกับค่าตะกอนพลังมาแล้ว พร้อมสะสางหนี้ที่ติดค้างนายอยู่”


ขณะกล่าว มันหยิบปึกธนบัตรที่มีความหนาแตกต่างกันออกจากกระเป๋าแต่ละช่อง


“ราบรื่นผิดคาด” ไคลน์กล่าวโดยไม่เสริมอารมณ์


แอนเดอร์สันยิ้มตอบ


“ถูกต้อง! ราบรื่นกว่าที่ฉันคิดไว้มาก! ไอพวกสมองทำจากหินนั่นจู่ ๆ ก็ใจดีอย่างน่าประหลาด แถมยังทำงานได้รวดเร็วและสุภาพเรียบร้อยกว่าปรกติ บางที ฉันอาจกลายเป็นที่โปรดปรานของเทพธิดาแห่งโชคเข้าแล้ว!”


“โลกนี้ไม่มีเทพธิดาแห่งโชค” ไคลน์สลายมโนภาพของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ


“อย่าจริงจังนักเลย หัดผ่อนคลายกับชีวิตบ้าง นายน่ะ” แอนเดอร์สันจ่ายเงินหนึ่งพันสองร้อยปอนด์และกล่าวต่อ “อันที่จริง ฉันรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ‘ท่านผู้นั้น’ คงไม่อยากให้ฉันเสียเวลาบนเกาะนี้นาน จึงแอบ ‘กำชับ’ คนพวกนั้นอย่างลับ ๆ”


ไคลน์ชำเลืองปึกธนบัตรเล็กน้อย ใช้มือรับพร้อมกับซักถาม


“นายรู้หรือยังว่าโจรสลัดคนใดเป็นตัวปัญหา?”


ชายหนุ่มกำลังหมายถึงว่า เหยื่อรายใดที่มี ‘จอมบงการ’ คอยหนุนหลัง


“ตรวจสอบไม่ได้” แอนเดอร์สันยิ้มแห้ง “นายคิดว่าคนอย่างฉันจะไม่ตรวจสอบเหยื่อก่อนลงมือหรือไง? เห็นว่าฉันทำตัวง่ายๆ แบบนี้ แต่เหยื่อทุกรายล้วนถูกตรวจสอบปูมหลังและสถานการณ์อย่างละเอียด จะได้ไม่ปล้นเจอตัวเป้งเข้า… แต่ดันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เฮ่อ… ต้องเป็นเพราะคำสาปโชคร้ายแน่”


“…” หมอนี่รอบคอบกว่าที่เราคิดไว้มาก… นั่นสินะ ถ้าจำไม่ผิด ลำดับก่อนหน้ายมทูตจะมีชื่อว่า ‘นักวางแผน’ … ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ตามด้วยซักถามเสียงเรียบ


“ในละแวกนี้ ใครสมควรตายมากที่สุด?”


แอนเดอร์สันผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว


“อย่าบอกนะว่า นักผจญภัยที่บ้าบิ่นที่สุดของเรากำลังจะเริ่มออกล่าบ้างแล้ว? แต่ฉันอยากให้นายระวังตัวหน่อย… ระหว่างที่ยังทำภารกิจของครึ่งเทพไม่เสร็จ ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นฝีมือของนายที่ร่วมทางมากับฉัน”


มั่นใจได้เลยสหาย… ฉันแตกต่างจากนายมาก อันดับแรก ฉันคือนักทำนาย มีวิธีการมากมายสำหรับกลบร่องรอยอย่างมิดชิด จะไม่มีใครตามมาเคาะประตูห้องฉันแน่… เหนือสิ่งอื่นใด ครึ่งเทพตนนั้นอยู่บนเส้นทางผู้ชม ไม่ชำนาญการทำนายหรือพยากรณ์มากนัก… ไคลน์กล่าวโดยยังคงรักษามาดขรึมของเกอร์มัน·สแปร์โรว์


“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง”


แอนเดอร์สันรีบยกนิ้วให้


“ฉันไม่เคยเจอใครบ้าบิ่นและเจ๋งขนาดนี้มาก่อน!”


มันครุ่นคิดสักพัก กล่าวเสริม


“คนที่สมควรตายที่สุดคือ ‘โมโซน่า’ แห่ง ‘พรรคโลเอ็นใหม่’ เป็นหนึ่งในคนที่โจรสลัดโปรดปรานมากที่สุด ถนัดการใช้ยาเสพติดประเภทกัญชาเพื่อควบคุมคนหมู่มากในกรมตำรวจและข้าราชการเมืองทอสคาร์เตอร์ ถือเป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งอันธพาลแถบนี้… เคยก่ออาชญากรรมมากมาย รวมถึงการฆ่าคน แต่ส่วนใหญ่จะกระทำผ่านโจรสลัด… แต่คนทั่วไปมักไม่รู้เรื่องนี้ ภาพลักษณ์ภายนอกของมันจึงค่อนข้างดี… หึหึ เจ้านี่ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่การฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เต็มไปด้วยปัญหา… ไม่สิ ต้องเรียกว่าเต็มไปด้วยความยุ่งยาก! รอบตัวมันจะมีผู้วิเศษคอยคุ้มกันราวสามถึงห้าคนตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นคนของกลุ่มโจรสลัด… ไม่ว่าจะเป็นบนหลังคา ด้านนอกห้อง ห้องชั้นล่าง ทุกที่ล้วนมีคนของมันเฝ้าอยู่ การจะฆ่ามันให้สำเร็จ ก่อนอื่นต้องสังหารคนจำนวนมากเพื่อเข้าให้ถึงตัว… ฉันพอจะฆ่ามันได้อยู่ แต่นั่นจะมาพร้อมความยุ่งยากมากมาย อีกทั้งยังไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ… และเหนือสิ่งอื่นใด การฆ่ามันโดยเหลือหลักฐานทิ้งไว้ อาจทำให้ฉันกลายเป็นอาชญากรเสียเอง เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่เชือดมันทิ้ง แต่เลือกจะสำรวจตู้นิรภัยในบ้านของมันแทน”


สำรวจตู้นิรภัย… เลี่ยงบาลีคำว่า ‘ขโมย’ ได้ไพเราะไม่เลว… หืม… เราเคยได้ยินมาว่า เมืองทอสคาร์เตอร์มีเงินหมุนเวียนหลักมาจากภาคเกษตรกรรมและตลาดมืดโจรสลัด นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งชุกชุมของผับ ซ่อง และบ่อนพนัน แต่ไม่เคยได้ยินว่าเป็นยุครุ่งเรืองของยาเสพติด… โมโซน่าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่ผู้วิเศษ… สมบูรณ์แบบ ยุบพองหิวโหยของเรากำลังขาดแคลนอาหารพอดี… ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย กำชับให้แอนเดอร์สันเล่ารายละเอียดเพิ่มเติม



ยามพลบค่ำ ณ ผับต้นโอ๊ก


การชกมวยใกล้เริ่มขึ้นบนสังเวียน ขี้เมาจำนวนมากกำลังถือแก้วเหล้ายืนรายล้อม


ประหนึ่งฉลามได้กลิ่นเลือด พวกมันลงเงินเดิมพันพร้อมกับตะโกนว่า ‘ฆ่ามัน!’ ‘ฆ่ามัน!’ และคำอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน


นี่คือหนึ่งในธุรกิจของโมโซน่า หัวหน้าพรรคโลเอ็นใหม่ การชกมวยของมันแตกต่างจากสังเวียนร้านอื่น นั่นเพราะที่นี่อนุญาตให้ชกกันถึงตาย!


โมโซน่าชอบเกมการฆ่าฟันที่คล้ายคลึงกับกลาดิเอเตอร์ในยุคโบราณ มันมักปลีกเวลามาดูการชกเป็นครั้งคราว โดยจะนั่งอยู่บนชั้นสองและมองลงไปยังสังเวียน


รอบตัวโมโซน่าเต็มไปด้วยบอดี้การ์ด นอกจากนั้นยังมีกระจายออกไปตามแต่ละจุด ทั้งหมดล้วนเป็นผู้วิเศษที่ส่งมาจากกลุ่มโจรสลัด รวมไปถึงนักผจญภัยที่จ้างมาด้วยราคาแพง


พวกมันยืนล้อมโดยหันสีข้างหรือไม่ก็แผ่นหลังไปทางโมโซน่า ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ และมิได้ปกปิดการปกพาอาวุธปืนร้ายแรงจำพวกไรเฟิลหรือลูกซอง ใครผ่านมาเห็นล้วนต้องสะดุ้งกับภาพตรงหน้า


หลังจากตรวจสอบสถานการณ์จนแน่ใจ ไคลน์กดหมวกลงและเดินเข้าไปในผับ สามารถมองเห็นโมโซน่ากำลังสูบซิการ์


หัวหน้าแก๊งอันธพาลรายนี้มีใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งจมูกแดงโตและขนคิ้วที่บางเฉียบจนผิดปรกติ ทุกองค์ประกอบช่วยให้มันดูโดดเด่นมาแต่ไกล


ไคลน์เบือนหน้าหนี ก่อนอื่น มันเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์และสั่งเบียร์มอลต์ท้องถิ่นราคาสี่เพนนี หลังจากได้เบียร์จึงเดินไปยืนใต้ราวบันไดที่นำพาไปสู่ชั้นสอง


แม้ว่าจะไม่ใช่ตำแหน่งที่อยู่ใต้โมโซน่าโดยตรงเพราะบริเวณดังกล่าวมีการคุ้มกันแน่นหนา แต่ชายหนุ่มก็ยืนอยู่ไม่ห่างจากอีกฝ่ายมากนัก


เราเข้าใกล้มันในระยะห้าเมตรแล้ว… ไคลน์รำพันในใจพลางถือแก้วเบียร์ สายตาจดจ้องไปทางสังเวียนชกมวย


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)