Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 679-680

 ราชันเร้นลับ 679 : จ้างวานฆ่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ห้ามส่องความลับเทพ…”


เสียงพำพึมของ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เงียบลงอย่างรวดเร็ว แต่โสตประสาทของทุกคนกลับยังได้ยินถ้อยคำดังกล่าวอย่างแจ่มชัด และนั่นทำให้พวกเขาตื่นตัว


แม้ว่าในยามปรกติ มิสเตอร์ฟูลจะมิได้แสดงมาดของผู้สูงศักดิ์ให้เห็นบ่อยนัก แทบไม่ค่อยสนทนากับสมาชิกสักเท่าไร ส่งผลให้ทุกคนมองว่าอีกฝ่ายมีบุคลิกอ่อนโยน แต่ในความเป็นจริง ท่านยังคงเป็นเทพ เทพที่มิควรจ้องมอง เทพผู้อยู่เหนือสามัญสำนึกทั้งปวง!


ทั้ง ‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน และสมาชิกที่เหลือของชุมนุมทาโรต์ ต่างยอมรับและเห็นพ้องกับ ‘กฎ’ จากปากแฮงแมนที่แม้จะผิดแผกไปจากต้นฉบับเล็กน้อย ทุกคนแสร้งทำเป็นลืมว่า ‘กฎ’ ที่ถูกต้องควรจะเป็น ‘ห้ามจ้องมองเทพโดยตรง’ เพราะแต่ละคนล้วนเคย ‘มอง’ มิสเตอร์ฟูลอยู่หลายหน ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาหรือซักถามความเห็น โดยที่มิสเตอร์ฟูลไม่เคยถือสาให้เป็นเรื่องใหญ่


แน่นอน อาจไม่ใช่การจ้องมองโดยตรง เพราะมีหมอกหนาทึบบดบัง… พิจารณาจากอาการเมื่อครู่ของมาดามเฮอร์มิท มิสเตอร์ฟูลสร้างม่านหมอกขึ้นเพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน… ‘จัสติส’ ออเดรย์พ่นลมหายใจอย่างเชื่องช้า


ขณะเดียวกัน ‘เดอะฟูล’ ไคลน์กำลังครุ่นคิดภายในใจ


มิสเตอร์แฮงแมนทำหน้าที่สนับสนุนได้ไม่เลว… เราเตรียมจะให้เดอะเวิร์ลกล่าวในสิ่งที่คล้ายกันออกมาพอดี เพื่อปิดฉากขั้นตอนสุดท้ายของบทลงโทษ…


เดิมที ไคลน์วางแผนจะให้หุ่นเชิด ‘เดอะเวิร์ล’ กล่าวว่า ‘ห้ามตบตาเทพ’ หรือ ‘ห้ามส่องความลับเทพ’ แต่นั่นฟังดูน่าละอายไม่น้อย เพราะถ้าในอนาคต ความลับที่ ‘เดอะเวิร์ล’ ซึ่งทุกคนเข้าใจว่าเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูล ถูกเปิดโปงว่าเป็นคนเดียวกับเดอะฟูล ชายหนุ่มคงอับอายจนไม่กล้าสนทนากับใครอีก แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี เดอะเวิร์ลเคยพูดในทำนองเดียวกันมาแล้วหลายหน เพิ่มไปอีกสักเรื่องก็คงไม่เป็นอะไร แค่พยายามไม่ให้ความลับแตกก็พอ


ตามแผนเดิม หลังจากขจัดความตะขิดตะขวงใจ ไคลน์เตรียมดำเนินตามขั้นตอนที่ซักซ้อมอย่างใจเย็น แต่ใครจะไปคิดว่า สถานการณ์จริงกลับราบรื่นกว่าที่คาด แฮงแมนตกตะลึงกับบทลงโทษที่เฮอร์มิทได้รับจนกล่าวออกมาเองว่า ‘ห้ามส่องความลับเทพ’ ส่งผลให้เหตุการณ์ภาพรวมเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและสมบูรณ์แบบ!


อา… เรื่องราวดำเนินไปอย่างไร้ที่ติ… มาดามเฮอร์มิทปล่อยให้ความลับของชุมนุมทาโรต์รั่วไหล เมื่อเดอะฟูลทราบเข้าจึงตักเตือนพอเป็นพิธี โดยหลังจากนั้น หญิงสาวเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัสจากการพยายามแอบส่องความลับเทพของตัวเอง มิใช่เพราะเดอะฟูลเจตนาลงโทษ…


นี่คือผลลัพธ์ในอุดมคติที่ไคลน์คาดหวังไว้ และเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของเดอะฟูลได้ดีที่สุด เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ตัวตนระดับเทพย่อมไม่แยแสมนุษย์ นั่นจะเป็นการ ‘ลดตัว’ มากเกินไป…


แต่มาดามเฮอร์มิทเองก็ใจกล้าไม่เลว… จากเหตุการณ์ในวันนี้ เราสามารถยืนยันได้ว่า เธอเคยแอบส่องความลับของเดอะฟูลมาแล้วมากกว่าหนึ่งหน ถึงจะมิได้มีเจตนาร้าย แต่ก็สมควรถูกลงโทษเพื่อเป็นกรณีเยี่ยงอย่าง… หึหึ… การเพิกเฉยของเราในครั้งก่อนๆ ทำให้เธอคิดไปเองว่า เรา ‘อนุญาต’ ให้เธอแอบส่องได้ นั่นกลายเป็นนิสัยติดตัวจนตกหลุมพรางแผนการของเราในวันนี้…


นอกจากนั้น ทั้งที่ยังไม่รู้จักเดอะฟูลดีพอ แต่กลับกลับนำข้อมูลของชุมนุมออกไปเปิดเผยสู่ภายนอก นับว่าใจกล้าเกินขอบเขตไปสักหน่อย… หมายความว่า ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเธอยังเผชิญความเจ็บปวดและสูญเสียไม่มากพอ บทเรียนในวันนี้คงทำให้เธอเข็ดหลาบไปอีกนาน…


ก็ไม่แปลกใจอะไรนัก… พิจารณาจากพฤติกรรมของแคทลียาในความฝัน เธอยังขาดการอบรมในหลายเรื่อง อาจไม่เคยผ่านไม้เรียวของแม่ด้วยซ้ำ!


หึหึ… เหตุการณ์ในวันนี้คงทำให้มิสเตอร์แฮงแมนและสมาชิกที่เหลือตื่นตัวไปด้วยกระมัง? ไคลน์รำพันติดตลกในใจ ก่อนจะมองไปรอบตัวและกล่าวเสียงขรึม


“เท่านี้คงพอแล้ว”


ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่เริ่มฟื้นฟูจิตใจกลับมา คลายความตึงเครียดลง ร่างกายถูกอาการเหนื่อยล้ารุมเร้าพร้อมกับความยินดีที่พรั่งพรูเข้ามาในจิตใจ หญิงสาวรู้สึกอยากทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลัง นอนแผ่หลาและพักผ่อนสักพักใหญ่


ครั้งแรกเป็นเพียงการตักเตือน แต่ถ้ามีครั้งที่สอง จุดจบคงไม่สวยนัก… พลเรือโจรสลัดถอนหายใจเงียบ กล่าวกับตัวเองว่าอย่าริอ่านทำเป็นเก่งอีก อย่าได้คิดว่ามิสเตอร์ฟูลไม่รู้เรื่องที่ตนแพร่งพรายข้อมูลให้คนภายนอก และห้ามแอบส่องความลับท่านอีก!


สำหรับหญิงสาว ความเจ็บปวดเมื่อครู่มิได้ด้อยไปกว่าความทรมานขณะปราชญ์เร้นลับโอนถ่ายมวลความรู้ปริมาณมหาศาล และนอกจากนั้น เธอยังเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า มิสเตอร์ฟูลคือตัวตนระดับเทพโดยแท้จริง เทพที่ห้ามจ้องมองและสำรวจ!


ฟู่ว… อย่างน้อยองค์ราชินีก็ได้ทราบว่า ท่านมีสิทธิ์นำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกับคำถามที่ท่านกำลังตามหา… จะไม่มีการแพร่งพรายข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตอีกแล้ว… แคทลียาเบือนสายตา จ้องมองอย่างสั่นกลัวไปทางหัวโต๊ะทองแดงยาว โดยในหนนี้ หญิงสาวมิกล้ามองเกินขอบโต๊ะ อย่างมากก็ที่วางแขนของเก้าอี้ แสงสีม่วงเข้มในดวงตาเจือจางลงจากเดิมหลายส่วน


ท่ามกลางความเงียบงัน เธอกล่าวอย่างจริงใจ


“ดิฉันจะจดจำความกรุณาของท่านตลอดไป”


ไคลน์ ‘เดอะฟูล’ หลังม่านหมอกพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่กล่าวคำใดต่อ


หลังจากรอสักพัก ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สชิงลงมือตัดหน้า ‘จัสติส’ ออเดรย์ รีบเหยียดหลังตรงและกล่าวพลางมองไปรอบตัว


“มีใครในนี้รับงานฆ่าคนไหม… เป้าหมายคือสมาชิกคนสำคัญของลัทธิมาร”


ฟอร์สรู้สึกติดหนี้บุญคุณอาจารย์โดเรี่ยน·เกรย์มาก จึงคิดหาวิธีตอบแทนอีกฝ่ายอยู่เสมอ


หลังจากพิจารณาสักพัก หญิงสาวตัดสินใจพุ่งเป้าไปยังผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ตระกูลของอาจารย์ เป้าหมายดังกล่าวมีนามว่าลูอิส·เวย์น ผู้อาจจะเป็นนักบันทึกหรือนักท่องเที่ยว!


ฟอร์สมิได้มองว่าการครอบครอง ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จะทำให้เธอแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าผู้วิเศษลำดับ 6 มากประสบการณ์ หรือแม้กระทั่งลำดับ 5 มือใหม่ แต่ที่เธอกล้าคิดเรื่องการฆ่าอีกฝ่าย เพราะเชื่อว่าชุมนุมทาโรต์ องค์กรลับในเงามืด สามารถให้ความช่วยเหลือในระดับเหนือจินตนาการ


ไม่ว่าจะมาดามเฮอร์มิทหรือมิสเตอร์เวิร์ล พวกเขาล้วนเก่งกาจพอที่จะสู้กับลูอิส·เวย์นแบบตัวต่อตัว จะเป็นใครลงมือก็ได้ นอกจากนี้เรายังจะช่วยสนับสนุนด้วยการให้ยืมบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ โอกาสสำเร็จจึงมีค่อนข้างมาก… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สร่างภาพในอุดมคติ


แน่นอน หญิงสาวย่อมทราบว่า เงินเก็บในปัจจุบันของตนไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าจ้างในการสังหารผู้วิเศษระดับลูอิส·เวย์น ด้วยเงินจำนวนเพียงแปดร้อยสามสิบปอนด์ของตน แค่จะซื้อมือสักข้างของมันยังทำไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่า เพื่อจะสังหารราชทูตอินทิสซึ่งเป็นลำดับ 6 ‘นักวางแผน’ มิสจัสติสต้องใช้เงินมากถึงหนึ่งหมื่นปอนด์ ลูอิส·เวย์นซึ่งอยู่ในลำดับเดียวกันหรือสูงกว่า ย่อมต้องมีราคาแพงกว่าแน่!


แผนของฟอร์สก็คือ ยอมชดเชยส่วนที่ขาดด้วยการทำภารกิจเล็กๆ น้อยจากผู้ลงมืออย่างต่อเนื่อง จำพวกงานจิปาถะที่อีกฝ่ายไม่สะดวกออกหน้าเอง หลังจากได้ครอบครองบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ฟอร์สเชื่อว่าตนสามารถรับงานที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นจากเดิมได้


เมื่อได้ยินข้อเสนอของมิสเมจิกเชี่ยน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ และ ‘จัสติส’ ออเดรย์ ต่างหันไปมอง ‘เดอะเวิร์ล’ อย่างพร้อมเพรียง จากมุมมองของทุกคน สุภาพบุรุษรายนี้มีงานอดิเรกเป็นการล่าผู้วิเศษ แถมยังมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับทำภารกิจ


แต่เราไม่ได้อยู่ในเบ็คลันด์… ไม่สิ จะตอบแบบนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะต่อหน้าแฮงแมนและเฮอร์มิท จะปล่อยให้พวกเขาคิดว่ามิสเตอร์ฟูลมีข้ารับใช้เพียงสองหรือสามคนไม่ได้เด็ดขาด… ไคลน์ถ่ายจิตไปบังคับเดอะเวิร์ล ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับประสาทสัมผัส กล่าวกับทุกคนด้วยเสียงแหบพร่า


“ลงมือที่ไหน? เหยื่อเป็นคนขององค์กรใด ลำดับเท่าไร พลังพิเศษเป็นอย่างไร?”


หืม… มิสเตอร์เวิร์ลแตกต่างจากเมื่อก่อนนิดหน่อย… แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าตรงไหน… คล้ายกับอารมณ์ดีกว่าทุกครั้ง… หรือว่าพักนี้เขาจะได้เจอกับเรื่องดีๆ เข้า? ‘จัสติส’ ออเดรย์เอะใจกับความผิดปรกติ พลางสงสัยว่ามิสเตอร์เวิร์ลได้เจอเรื่องอะไรมา


‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบด้วยสีหน้ายินดี


“เป็นผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือ ประจำอยู่ที่เบ็คลันด์ ข้อมูลล่าสุดคือลำดับ 6 ปัจจุบันอาจกลายเป็นลำดับ 5 ไปแล้ว แต่ยังไม่ขอยืนยันเรื่องนี้… พลังของเขาคือการบันทึกพลังพิเศษของคนอื่นและใช้งานได้หนึ่งครั้ง หลบหนีเก่งกาจ การล้อมจับทำได้ยากมาก สามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณ”


เป้าหมายคือผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือ ลำดับ 6 หรือ 5 ที่มีความสามารถคล้ายกับ ‘ผู้ฝึกหัด’ … คิดไว้ไม่มีผิด มิสเมจิกเชี่ยนไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น สัญชาตญาณของเราในตอนแรกบอกถูก… ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาที่กลับมาเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจว่าทำไม ‘เมจิกเชี่ยน’ ถึงกล้าวางอุบายลอบสังหารสมาชิกระดับสูงของชุมนุมแสงเหนือ


ส่วนจะเป็น ‘ผู้ส่งสาร’ คนใด เธอเองก็ไม่ทราบ เพราะรู้จักเพียงมิสเตอร์ Z และมาดาม D


ขณะเดียวกัน ไคลน์รีบใคร่ครวญ


ผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือ ไม่มีทางเป็นคนดีแน่… ตรงกันข้าม มันคงเป็นพวกเสียสติที่คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์มานักต่อนัก การสังหารมันคงไม่ทำให้เรารู้สึกผิด…


เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่ว่าเราเคยมีความบาดหมางกับชุมนุมแสงเหนือแค่ครั้งสองครั้งสักหน่อย…


ลำดับ 6 หรือ 5 ไม่ใช่เป้าหมายที่เกินเอื้อม… ฟังจากความสามารถและลักษณะพิเศษที่มิสเมจิกเชี่ยนอธิบาย เราเคยเห็นมิสเตอร์ A ใช้มาก่อน… แต่อาจเป็นคนละอย่างกัน…


สำหรับเรา ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจในการหลบหนีหรือสามารถเดินทางผ่านโลกวิญญาณ ขอเพียงเข้าประชิดตัวและควบคุมด้ายวิญญาณได้ เจ้านั่นจะไม่มีทางรอด!


หากปะทะกันซึ่งหน้า ผลลัพธ์การต่อสู้คงยากคาดเดา แต่ถ้าเป็นการลอบสังหาร เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะถือครองความได้เปรียบ ส่วนจะปลิดชีพได้ไหมนั่นก็อีกเรื่อง…


หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอะเวิร์ลหันไปมอง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและกล่าว


“ผมรับงานนี้ได้ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้ อย่างเร็วก็อีกสองเดือนข้างหน้า”


ชายหนุ่มไม่ทราบว่าจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องทะเลขณะกลับหรือไม่ จึงกะเกณฑ์เวลาไว้อย่างหยาบ


“สองเดือนข้างหน้า…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส พึมพำระยะเวลาซ้ำ


ค่อนข้างนาน อาจจะนานเกินไป เพราะเธอเองก็ไม่ทราบว่าลูอิส·เวย์นจะอยู่ในกรุงเบ็คลันด์อีกนานแค่ไหน


ถึงตรงนี้ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่อยู่วงนอกมาสักพัก กล่าวแทรกหลังจากใคร่ครวญ


“มิสเมจิกเชี่ยน คุณจำเป็นต้องสังหารผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือด้วยตัวเองหรือไม่?”


“ไม่… ก็อย่างที่คุณเห็น ฉันกำลังพิจารณาว่าจะจ้างมิสเตอร์เวิร์ล” ฟอร์สยิ้ม


อัลเจอร์พยักหน้าครุ่นคิด


“ตามปรกติแล้ว เงื่อนไขแรกสุดของการภารกิจลอบสังหารคือการหาตัวเป้าหมายให้พบ คุณเจอเขาแล้วหรือยัง?”


“ยัง… แต่จะพยายามให้พบ” ฟอร์สตอบไปตามจริง


“สรุปว่าแผนของคุณก็คือ จะสืบหาเป้าหมายให้พบก่อน จากนั้นค่อยกลับมาบอกให้มิสเตอร์เวิร์ลเริ่มงาน?” แฮงแมนถามหยั่งเชิง


“ใช่… แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจจ้างเขา” ฟอร์สค่อนข้างฉงน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแฮงแมนถึงต้องซักถามสิ่งเหล่านี้


‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หัวเราะในลำคอ


“หากคุณสามารถระบุตำแหน่งของผู้ส่งสารแห่งชุมนุมแสงเหนือได้ แล้วทำไมถึงต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อจ้างฆ่า? แค่รายงานให้โบสถ์หลักทราบยังไม่เพียงพอหรือ… นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมมหาหมอกควัน ทุกโบสถ์ต่างพยายามค้นหาเบาะแสที่อาจเกี่ยวข้อง”


มันมิได้คิดจะขัดขวางธุรกิจของเดอะเวิร์ล เพียงแต่เล็งเห็นความลังเลในใจมิสเมจิกเชี่ยน เชื่อว่าหญิงสาวมีแนวโน้มสูงที่จะไม่จ้างงาน เพราะด้วยเวลาที่นานถึงสองเดือน ระหว่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จึงพยายามชักนำให้เกิดการเจรจาเบื้องต้นเสียก่อน


แจ้งให้โบสถ์หลักทราบ? วิธีการฟังดูคุ้นเคย… ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่ามิสเตอร์แฮงแมนจะเสนอแนะวิธีแบบนี้


หึหึ… นั่นสินะ นอกจากทุกคนจะติดเชื้อเจ้าเล่ห์มาจากแฮงแมนแล้ว เขาเองก็ได้รับอิทธิพลจากวิธีของพวกเราเช่นกัน… ไคลน์รำพันอย่างผ่อนคลาย


“รายงาน?” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สสะดุ้ง


ผ่านไปหนึ่งอึดใจ หญิงสาวพึมพำ


“น่าสนใจ…”


ได้ยินเช่นนั้น แฮงแมนกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม


“คุณลองทำแบบนี้ดู ก่อนอื่นก็ค้นหาเป้าหมายให้พบ หากทำสำเร็จภายในสองเดือน ให้รีบรายงานไปยังสามโบสถ์หลัก แต่ถ้าเกินสองเดือนและมิสเตอร์เวิร์ลไม่ติดธุระใด ถึงตอนนั้นค่อยจ้างก็ยังไม่สาย”


‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สครุ่นคิดอย่างจริงจังสักพัก ก่อนจะกล่าว


“เข้าใจแล้ว… เมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะตกลงราคากับมิสเตอร์เวิร์ล”


ราชันเร้นลับ 680 : ปรับปรุงตัวเอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากเห็นเดอะเวิร์ลพยักหน้ายืนยันภารกิจลอบสังหารลูอิส·เวย์น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ


“มีใครในที่นี้ขายผลึกอุกกาบาตและผลึกเลือดหมึกลาวาบ้าง? หรือไม่ก็เบาะแสของพวกมัน”


เหล่านี้คือวัตถุสำหรับปรุงโอสถ ‘โหราจารย์’


เดิมที ฟอร์สต้องการจะจ้างเพิ่มอีกหนึ่งงาน นั่นคือการไหว้วานให้มิสเตอร์มูนที่อาศัยอยู่ในกรุงเบ็คลันด์ช่วยตามหาตัวลูอิส·เวย์น แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด หญิงสาวตัดสินใจลองค้นหาด้วยตัวเองก่อน จนกว่าจะหมดหนทางหรือไม่พบเบาะแสใดเลย จึงค่อยว่าจ้างให้สมาชิกของชุมนุมทาโรต์ช่วย


ผลึกอุกกาบาต? ผลึกเลือกหมึกลาวา? ทำไมถึงได้คุ้นหูนัก… เราไม่ได้มีสูตรโอสถโหราจารย์สักหน่อย… นึกออกแล้ว เพราะวัตถุดิบของโอสถนักทำนายประกอบด้วยผลึกดวงดาวห้าสิบกรัม และเลือดหมึกลาวาสิบมิลลิลิตร! ดูเหมือนว่าวัตถุดิบหลักโอสถโหราจารย์จะเหมือนกับของนักทำนาย เพียงแต่เป็นเวอร์ชันยกระดับ… นั่นสินะ คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเส้นทาง ‘ผู้ฝึกหัด’ และ ‘นักทำนาย’ ถึงสามารถสลับกันได้ในลำดับสูง… ใคร่ครวญถึงจุดนี้ ไคลน์พลันผุดแนวคิดใหม่


ถ้าในเมื่อการตามหาสูตรโอสถ ‘จอมเวทพิสดาร’ เป็นเรื่องยากนัก ทั้งสามวิธีล้วนเต็มไปด้วยความอันตราย แล้วทำไมเราถึงไม่ลองย้ายไปเป็นลำดับ 4 ของเส้นทางใกล้เคียงดู? อย่างเช่นเส้นทางผู้ฝึกหัด!


คิดถึงตรงนี้ ไคลน์เริ่มบรรเทาความอึดอัดและกังวลใจลงหลายส่วน อารมณ์สดใสร่าเริงแทรกเข้ามาแทนที่


สำหรับสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางผู้ฝึกหัด ชุมนุมทาโรต์แห่งนี้พอมีเบาะแสอยู่ นั่นคือตระกูลอับราฮัมที่คอยหนุนหลังมิสเมจิกเชี่ยน!


เดอะเวิร์ลรีบจ้องไปทางมิสเมจิกเชี่ยนด้วยสายตาที่อบอุ่นกว่าปรกติโดยไม่รู้ตัว แต่นั่นกลับทำให้ฟอร์สสะดุ้งเฮือกพลางคิดว่า เดอะเวิร์ลคงกำลังวางแผนล่าลูอิส·เวย์นในหัว


ทันใดนั้น ‘เดอะฟูล’ ไคลน์ พลันหวนนึกถึงข้อสันนิษฐานของดันน์และดาลีย์ในเรื่องที่ว่า เหตุใดห้าลำดับแรกของเส้นทางนักทำนายถึงไม่ใช่การต่อยอดพลังเดิม แต่เป็นการเพิ่มพลังใหม่ซึ่งไม่สอดคล้องกันเข้ามา โดยทั้งคู่ลงความเห็นว่า เมื่อถึงลำดับ 4 เส้นทางนักทำนายจะเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ คล้ายกับกำปั้นที่เกิดจากการรวมตัวกันของห้านิ้วมือ ส่งผลให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด


ย้อนกลับไปในตอนนั้น หัวหน้าและมาดามดาลีย์ทำได้เพียงคาดเดาจากข้อมูลผิวเผินของโอสถนักทำนาย ตัวตลก และนักมายากล… แต่หลังจากกลายเป็นผู้ไร้หน้าและนักเชิดหุ่นด้วยตัวเอง เราสามารถยืนยันได้ว่า ทฤษฎีนี้ใกล้เคียงความจริงอย่างมาก… มีโอกาสเป็นไปได้ว่า เส้นทางนักทำนาย ผู้ฝึกหัด และนักจารกรรมจะมิอาจสลับกันได้ในลำดับที่ 4 แต่ต้องรอถึงลำดับ 3… ยิ่งครุ่นคิด ความยินดีในใจไคลน์ก็ยิ่งหดหาย


เรายังมีข้อมูลน้อยเกินไป คงยังตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ ต้องรอให้มิสเตอร์อะซิกตอบจดหมายกลับมาก่อน รวมไปถึงคำตอบจากกระจกวิเศษอาโรเดส ซึ่งเราจะถามหลังออกจากเขตทะเลที่มีสมุนของพระผู้สร้างแท้จริงคอยจับตามอง


ขณะไคลน์ดำดิ่งในห้วงความคิด เสียงของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาดังขึ้น


“ฉันมีผลึกเลือดหมึกลาวา พร้อมขายในราคาหกร้อยปอนด์… ส่วนผลึกอุกกาบาต ฉันรู้ว่าต้องหาจากไหน คุณต้องการกี่กรัม?”


หกร้อยปอนด์ ราคาสมเหตุสมผลมาก… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ


“หกสิบกรัม”


“ตกลง ฉันจะนำสินค้ามามอบให้ภายในสองสัปดาห์ ราคาหกร้อยปอนด์เท่ากัน” ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากล่าวอย่างรวบรัด


ได้ของครบง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ… วันนี้มาดามเฮอร์มิทดูจะคึกคักเป็นพิเศษ… ใช่แล้ว เธอเพิ่งเคยเป็นแบบนี้ครั้งแรก… ฟอร์สรีบพยักหน้าและมอบคำตอบ


“ไม่มีปัญหา”


ตอนนี้เรามีเงินเก็บทั้งหมดแปดร้อยสามสิบปอนด์ มากพอที่จะซื้อผลึกเลือดหมึกลาวาได้ทันที แต่ภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เราต้องหาเงินเพิ่มอีกเกือบสี่ร้อยปอนด์… อีกสักพักจะได้เงินส่วนแบ่งจากสำนักพิมพ์ ถ้าจำไม่ผิดคือหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ ยังต้องหาเพิ่มอีกสองร้อยยี่สิบปอนด์… คงอยู่เฉยไม่ได้แล้วสินะ… ฟอร์สคิดคำนวณสถานภาพทางการเงินอย่างคล่องแคล่ว


เมื่อเห็นมิสเมจิกเชี่ยนหาวัตถุดิบหลักโอสถให้ตัวเองได้ภายในหนึ่งนาที ‘จัสติส’ ออเดรย์อดใจไม่ไหวอีกต่อไป รีบยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง


“ดิฉันกำลังตามหาต่อมใต้สมองของมังกรจิตวัยรุ่นสภาพสมบูรณ์ หรือไม่ก็… ไขสันหลังของตะกวดดำนักล่าปริมาณหกสิบมิลลิลิตร และผลของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาท”


รายชื่อเหล่านี้คือวัตถุดิบหลักของโอสถ ‘นักสะกดจิต’ แต่หากมีต่อมใต้สมองของมังกรจิตวัยรุ่นสภาพสมบูรณ์ วัตถุดิบที่เหลือก็ไม่จำเป็น


เมื่อสิ้นคำถามออเดรย์ มาดามเฮอร์มิทมอบคำตอบทันที


“นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคสมัยที่ห้า มังกรจิตแทบจะสูญพันธุ์จนหาพบได้ยาก… ฉันพอจะมีวิธีรวบรวมไขสันหลังของตะกวดดำนักล่า แต่ต้องใช้เวลาราวสองถึงสามสัปดาห์ ราคาอยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ถึงสองพันปอนด์ ขึ้นอยู่กับผู้ขาย… และฉันช่วยคุณตามหาเบาะแสของต้นกระดิ่งลมหลอนประสาทได้ แต่ไม่รับประกันผล”


ธ…เธอมีเครือข่ายข้อมูลกว้างขวางขนาดไหนกัน… หลังจากมาดามเฮอร์มิทถูกลงโทษ ดูเหมือนว่าเธอจะมีส่วนร่วมกับชุมนุมทาโรต์มากขึ้น กระตือรือร้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แถมยังคิดราคายุติธรรมมาก… ‘จัสติส’ ออเดรย์เงียบงันไปพักหนึ่ง


ถัดมาไม่กี่วินาที หญิงสาวผงกศีรษะเล็กน้อย


“ไม่มีปัญหาค่ะ”


อัลเจอร์ ‘แฮงแมน’ ที่อยู่วงนอกเริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่ตนคิด เฮอร์มิทซึ่งถูกมิสเตอร์ฟูลลงโทษได้เปลี่ยนท่าทีจากหน้าเป็นหลังมือ เธอพยายามให้ความร่วมมือกับทุกเรื่องเท่าที่สามารถทำได้ ผนวกกับการเป็นพลเรือโจรสลัดซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารในมือ เฮอร์มิทกำลังโดดเด่นและเจิดจ้ายิ่งกว่าใครในชุมนุมทาโรต์!


ความ ‘เจิดจ้า’ นี้ทำให้อัลเจอร์แทบลืมตาไม่ขึ้น มันเริ่มตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์


หากเลือกได้ มันอยากให้เฮอร์มิทกลับไปเป็นคนก่อนมากกว่า!


‘เดอะฟูล’ ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจในสิ่งที่ได้ยิน


เราคิดว่ามาดามเฮอร์มิทจะหดหู่ไปสักพักเสียอีก หรือไม่ก็เกิดความรู้สึกต่อต้านชุมนุมทาโรต์… คาดไม่ถึงว่าจะออกหน้านี้ได้…


หรือว่าเธอเป็นพวกที่ต้องโดนไม้เรียวก่อนถึงจะว่านอนสอนง่าย?


นั่นสินะ… การสอนเด็กดื้อต้องใช้ไม้เรียว ดูเหมือนว่าราชินีจะเบามือไปสักหน่อย… หืม… ไม่สิ ตัวราชินีเองก็ร้ายใช่ย่อยเหมือนกัน… นั่งต้องเป็นเพราะจักรพรรดิเลี้ยงลูกแบบตามใจแน่!


ขณะนั่งรำพัน ไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลให้มองไปรอบตัว ตามด้วยหัวเราะในลำคอ


“มีใครขายสูตรโอสถลำดับ 4 ของเส้นทางนักทำนายบ้างไหม? แค่เบาะแสก็ได้”


ลำดับ 4… มิสเตอร์เวิร์ลกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นครึ่งเทพ? ออเดรย์ ‘จัสติส’ พลันประหลาดใจ


แต่ไหนแต่ไร เธอคิดว่าตัวเองเลื่อนลำดับได้เร็วกว่าใครเสมอ นั่นถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่สามารถโอ้อวด แต่ตอนนี้เพิ่งตระหนักว่าตนยังล้าหลังอยู่มาก!


มิสเตอร์เวิร์ลกำลังจะกลายเป็นตัวตนทรงพลัง… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเองก็ประหลาดใจ


ในสายตาเธอ แม้ว่ามิสเตอร์เวิร์ลผู้มีบรรยากาศดำมืดและไม่ค่อยสุงสิงกับใครจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็น่าจะยังห่างจากครึ่งเทพอยู่พอสมควร ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็ประกาศหาสูตรโอสถลำดับ 4 อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


สมแล้วที่เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ถอนหายใจ


ทาง ‘เดอะมูน’ เอ็มลินและ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคต่างก็ส่ายหน้า บอกเป็นนัยว่าไม่เคยได้ยินชื่อของลำดับ 4 เส้นทางดังกล่าวมาก่อน


ไคลน์ซึ่งคิดว่าตนอาจได้เบาะแสจากเมืองเงินพิสุทธิ์หรือผีดูดเลือดบ้าง ทำได้เพียงบังคับให้เดอะเวิร์ลเบือนหน้ากลับอย่างจนปัญญา


ผ่านไปราวสองวินาที แคทลียาเปิดปากขึ้นบ้าง


“ฉันต้องการเลือดของสัตว์ในตำนานหนึ่งหยด จะเป็นชนิดใดก็ได้”


ท่ามกลางวังโอ่อ่าที่มีเสาหินค้ำจุน ความเงียบงันเข้าปกคลุมทันใด แม้แต่เดอะเวิร์ลเองก็ไม่ทราบข้อมูลของสิ่งที่เรียกว่าสัตว์ในตำนานมากนัก


ไคลน์ตัดสินใจไม่เผยไต๋เรื่องดังกล่าว วางแผนกลับไปถามคนที่ตนปรึกษาได้ในภายหลัง เพียงควบคุมให้เดอะเวิร์ลเงียบงันสองสามวินาทีและกล่าว


“ผมจะช่วยดูให้”


ในเมื่อเป็นคำขอร้องที่หาได้ยากของมาดามเฮอร์มิท ทั้ง ‘จัสติส’ และคนที่เหลือต่างก็มอบคำตอบในลักษณะใกล้เคียงกัน


“ขอบคุณมาก” แคทลียาไม่ประหลาดใจกับผลลัพธ์สักเท่าไร


คำขอที่เธอเสนอออกไป จุดประสงค์หลักคือการแสดงให้มิสเตอร์ฟูลเห็นว่า ตนต้องการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของชุมนุมทาโรต์ หญิงสาวมองว่า หากตนเอาแต่สั่นกลัวและนิ่งเงียบหลังจากถูกลงโทษ สถานการณ์คงมีแต่จะแย่ลง


เมื่อความเงียบปกคลุมไปได้สักพัก เดอร์ริค ‘เดอะซัน’ เตรียมกล่าวอีกครั้ง แต่ดันถูก ‘เดอะมูน’ เอ็มลินชิงพูดตัดหน้า


บารอนโลหิตหัวเราะในลำคอ


“ข้าสามารถบอกความต้องการของคนที่เหลือได้ เจ้าเด็กนี่ต้องการโอสถลำดับ 6 ของเส้นทางสุริยัน ‘ผู้รับรอง’ ส่วนมิสเตอร์แฮงแมนต้องการสูตรโอสถ ‘ผู้ขับขานสมุทร’”


ได้ยินคำพูดดังกล่าว ไคลน์พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันใด เพราะย้อนกลับไปในตอนที่ได้ครอบครองยุบพองหิวโหยครั้งแรก ชายหนุ่มวางแผนปล่อยดวงวิญญาณของ ‘นักบวชแสง’ เพื่อถามสูตรโอสถลำดับ 6 และลำดับ 5 ของเส้นทางสุริยัน จากนั้นก็นำมาขายให้เดอะซัน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น ไคลน์ปล่อยให้เรื่องนี้คาราคาซังมานาน


ในค่ำคืนนี้ เราจะออกตามล่าโจรสลัดที่มีพลังพิเศษและสมควรตาย หรือไม่ก็หัวหน้าแก๊งอันธพาลท้องถิ่น โดยไม่สนว่าพวกมันจะมีลำดับเท่าไร… หรือเราควรปล่อยดวงวิญญาณของนักบวชแสงไปเฉย ๆ โดยยังไม่ต้องหาตัวแทน? ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลก้มหน้าครุ่นคิด


“ภายในสามวัน ผมจะนำสูตรโอสถผู้รับรองมาให้”


กล่าวจบ ชายหนุ่มมองไปยังเดอะซันน้อย


“คุณคิดเตรียมไว้เลยว่าจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด”


“ตกลงครับ มิสเตอร์เวิร์ล” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคกล่าวด้วยสีหน้ามีความสุข


สำหรับสูตรโอสถนักขับขานสมุทรที่แฮงแมนต้องการ ยังไม่มีใครพบเบาะแสของมัน


‘เดอะมูน’ เอ็มลินกระแอมในลำคอ


“แต่ความต้องการของข้าแตกต่างจากครั้งก่อน… ข้าต้องการให้ใครสักคนช่วยตามหาเบาะแสของเหล่าสาวกดวงจันทร์บรรพกาล ถ้าเป็นเบาะแสทางอ้อมจะได้รับค่าตอบแทนหนึ่งร้อยปอนด์ ส่วนเบาะแสทางตรงจะได้รับเงินห้าร้อยปอนด์!”


มันชำเลืองไปทางเดอะฟูลเพื่อขออนุญาต และทันทีที่อีกฝ่ายตอบรับ บารอนโลหิตทำการเสกสิ่งที่คล้ายกับใบค่าหัวขึ้น สมาชิกทุกคนได้รับไปคนละห้าใบ ยกเว้นตัวเอ็มลินเองและเดอะซันน้อย


ไคลน์ควบคุมเดอะเวิร์ลเพื่อรับกระดาษค่าหัว เพ่งอ่านด้วยสีหน้าผ่อนคลาย


กาลิส·เควิน เดนเด้ ลอร่า วินเซอร์·เบริ่ง อาร์กอส… ค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็มีฝีมือเทียบเท่าแวมไพร์แรกเกิด… ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเองพลางบันทึกข้อมูล


หลังจากประกาศงานของตัวเองเสร็จ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินเริ่มมั่นใจว่าตนจะเป็นผู้ชนะในการ ‘แข่งล่า’ จึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รอฟังคำขอร้องของสมาชิกคนอื่น


บรรยากาศของชุมนุมเข้าสู่ความเงียบงันสักพัก


‘เดอะฟูล’ ไคลน์เห็นดังนั้นจึงหัวเราะในลำคอและกล่าว


“เริ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ”


ทันใดนั้น ทั้ง ‘จัสติส’ ออเดรย์ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและสมาชิกคนอื่นต่างมุ่งความสนใจมายัง ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคอย่างพร้อมเพรียง


ทุกคนยังจำได้ดี คราวก่อน ‘เดอะซันน้อย’ เคยเกริ่นไว้แล้วว่า ตนถูกมอบหมายให้เข้าร่วมภารกิจสำรวจเขตด้านนอกวังราชาคนยักษ์


……………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)