Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 677-678

 ราชันเร้นลับ 677 : พยัคฆ์หมอบ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่น ร่างของแอนเดอร์สันหมอบลงกับพื้นพลางหลบกระสุนปืนด้วยท่าทางชวนให้ขบขัน


ไคลน์กระโดดหลบไปยังอีกฝั่งอย่างรวดเร็วแม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีนัก ก่อนจะเปิดเนตรวิญญาณพร้อมกับชักลูกโม่


ระหว่างนั้น ความคิดแวบแรกในหัวชายหนุ่มก็คือ เมื่อคืนแอนเดอร์สันคงออกล่าโจรสลัดจนเลยเถิด ส่งผลให้ถูกแก้แค้นเข้าในช่วงเช้า ไคลน์จึงอยากตะโกนออกไปว่า “ฉันไม่รู้จักหมอนี่! ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด!”


ขณะเดียวกัน ที่โต๊ะอาหารด้านข้างแอนเดอร์สัน·ฮู้ด ชายกำยำซึ่งถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น ทำการโยนมีดและส้อมทิ้งพร้อมกับชักปืนลูกซองแฝดพร้อมยิงออกจากใต้เก้าอี้ เล็งกดไปบนพื้น ลั่นไกจากมุมสูงที่ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ


ทั้งหมดเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกับที่เจ้าของโรงแรมลั่นไกยิงปืน เพียงแต่ช้ากว่าเนื่องจากมีขั้นตอนยุ่งซากซับซ้อนมากกว่า


ปัง!


สิ้นเสียงยิง กระสุนลูกปรายจำนวนมากเจาะใส่พื้นจนพรุนเป็นรังผึ้ง แม้นแอนเดอร์สันจะกลิ้งหลบได้ทันเวลา สามารถหลีกเลี่ยงกระสุนกลุ่มใหญ่ แต่ก็ยังถูกเศษๆ ประปรายจนสีข้างชุ่มโชก


ขณะไคลน์เตรียมยิงชายร่างท้วมที่ถือลูกซองแฝด หวังช่วยแอนเดอร์สันให้รอดพ้นจากวิกฤติ ชายหนุ่มพบว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพเดียวกับเจ้าของโรงแรม สีหน้าเหม่อลอยกะทันหัน เจือความประหลาดใจและหวาดกลัว ก่อนจะทำท่าทางคล้ายกับตื่นจากภวังค์


มีบางอย่างไม่ถูกต้อง… พวกเขาไม่ใช่คนร้ายตัวจริง… ไคลน์ชะงักนิ้วที่เตรียมเหนี่ยวไกอย่างไม่ผลีผลาม รีบกวาดตามองไปทั่วร้านอาหาร


เมื่อเนตรวิญญาณตรวจไม่พบสิ่งใด ไคลน์ใช้นิ้วโป้งซ้ายกดข้อนิ้วชี้แรก เปิดเนตรด้ายวิญญาณ


ทันใดนั้น เหล่าสุภาพบุรุษและสตรีภายในร้านต่างรีบลุกขึ้นเพราะตื่นตระหนกจากเสียงปืน ก่อนจะวิ่งเบียดเสียดตรงไปยังทางออก


ขณะหญิงสาวหน้าตาดีแต่งตัวหรูหราคนหนึ่งเดินผ่านแอนเดอร์สัน หล่อนชะงักฝีเท้าพร้อมกับเปิดฝาขวดแก้วสีเข้มในมือ เทของเหลวด้านในราดศีรษะนักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด


ฉ่า!


พื้นผิวของทุกจุดที่ของเหลวตกไปถึงล้วนถูกกัดกร่อน แอนเดอร์สันรีบใช้มือปิดหน้าปิดตาพร้อมกับกระโดดหลบ หลีกหนีจากการลอบโจมตีอันคาดไม่ถึง


ถัดมาในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวเงียบขรึม สุภาพบุรุษถือหนังสือพิมพ์ บริกรชายในเสื้อกั๊กสีแดง และเด็กชายห้าขวบที่ถือลูกกวาดในมือ ต่างกรูเข้ามาทำร้ายแอนเดอร์สันตามแบบฉบับของตัวเอง


ทั้งแป้งมัน ก้านไม้ขีด มีดปอกผลไม้ กาแฟเดือด และเหล้าความเข้มข้นสูง ต่างลอยละลิ่วตรงมาทางแอนเดอร์สันอย่างต่อเนื่อง ราวกับทุกคนในร้านอาหารโรงแรมมีเพียงเป้าหมายเดียว นั่นคือการเอาชีวิตแอนเดอร์สัน·ฮู้ด!


ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพลังพิเศษใดเลย แอนเดอร์สันที่ถูกล้อมกรอบจากทุกทิศทางจนยากจะหลบพ้น ทำได้เพียงกลิ้งตัวไปบนพื้น บางครั้งกระโดดหลบ บางครั้งเตะโต๊ะขึ้นมาบัง บางครั้งจุดไฟเผาวัตถุบางชิ้นทิ้ง หลบเลี่ยงจุดตายได้อย่างฉิวเฉียด จบลงด้วยการไม่มีบาดแผลฉกรรจ์


ขณะเดียวกัน ไคลน์เริ่มพบความผิดปรกติ


ณ มุมหนึ่งของร้านอาหาร ด้านหลังตู้สำหรับจัดแสดง ด้ายวิญญาณมายาสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด ลักษณะเป็นการลอยแน่นิ่งและเงียบงันในจุดเดิม


ท่ามกลางความโกลาหลของร้านอาหาร พฤติกรรมเช่นนี้นับว่าผิดปรกติอย่างมาก!


คนร้ายตัวจริงผู้วางแผน ‘ฆาตกรรมด้วยฝีมือคนธรรมดา’ กำลังหลบอยู่ตรงนั้น? พิจารณาจากอาการสับสนเจือความตื่นตระหนกของเจ้าของโรงแรม พนักงาน และลูกค้า คนเหล่านี้มิได้กลายเป็นหุ่นเชิดโดยสมบูรณ์ แต่เป็นเทคนิค ‘บงการ’ ในรูปแบบหนึ่ง… ถูกทำให้เห็นภาพหลอน? หรือถูกกระตุ้นอารมณ์โดยผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย? ไม่สิ อาจเป็นอิทธิพลในระดับจิตใจ… ไคลน์ที่ผุดความคิดบางอย่างได้กะทันหัน ตัดสินใจเหยียดขาไปข้างหน้า สกัดขาลูกค้าคนหนึ่งซึ่งยังมีครีมติดอยู่ที่มุมปาก เปิดทางให้แอนเดอร์สันหลบหนี


นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดกลิ้งตัวออกจากวงล้อมในทิศทางดังกล่าว รีบพยุงตัวลุกขึ้นและวิ่งตามไคลน์กลับขึ้นชั้นสองของโรงแรม จากนั้นก็ยืนพิงผนังตรงมุมบันไดพลางหายใจหอบ


“พลังการยั่วยุของฉันพัฒนาถึงระดับนี้แล้วหรือ… กระทั่งชาวบ้านธรรมดาที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ยังต้องการฆ่าฉันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ… ซี้ด…” แอนเดอร์สันเลื่อนมือขึ้นมาจับซี่โครงขวาที่บาดเจ็บ สีหน้าคล้ายกับอยากครวญคราง


ผิดแล้วสหาย… ต้นตอของเรื่องนี้ก็คือ นายดันไปล่าโจรสลัดจำนวนมากขณะที่ตัวเองยังไม่หลุดพ้นจากคำสาปความซวย… เหตุผลที่ไคลน์ตัดสินใจถอยห่าง ไม่เดินเข้าไปควบคุมด้ายวิญญาณของผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายตัวจริง เพราะคำนึงถึงความเป็นไปได้ดังนี้


คนธรรมดาเหล่านั้น คล้ายกับถูกบงการหรือไม่ก็ถูกฝังการชี้นำทางจิตอยู่ ส่งผลให้กรูเข้ามารุมทำร้ายแอนเดอร์สันอย่างกะทันหันในลักษณะมีระเบียบแบบแผน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกับพลังพิเศษของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านทั่วไปจะลงมือส่งเดช ปราศจากความชำนาญและเป็นขั้นเป็นตอน แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ค่อนข้างชัดเจนว่ามีการเตรียมตัวล่วงหน้า และเหนือสิ่งอื่นใด ไคลน์ยังเคยได้ยินว่ามีโอสถลำดับ 4 ที่ชื่อ ‘จอมบงการ’ !


นอกจากนั้น ตามคำบอกเล่าของดวงวิญญาณ ‘นักจิตบำบัด’ ที่เคยถูกขังในยุบพองหิวโหย ไคลน์สงสัยมาตลอดว่า บนเกาะทอสคาร์เตอร์อาจบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสมาคมแปรจิตแฝงตัวอยู่


ไม่เพียงเท่านั้น พลังพิเศษสำหรับบงการจิตใจหรือฝังการชี้นำทางใจยังสอดคล้องกับลักษณะเด่นของเส้นทางผู้ชม และไคลน์เคยคาดเดาไว้ว่า โอสถ ‘จอมบงการ’ น่าจะอยู่บนเส้นทางผู้ชม หรืออีกชื่อหนึ่งคือเส้นทางมังกร เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เค้าโครงดังกล่าวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น


สมาคมแปรจิตมีฐานลับสำคัญซ่อนอยู่บนเกาะทอสคาร์เตอร์ สำคัญถึงขั้นที่มีครึ่งเทพลำดับ 4 คอยเฝ้าระวังความปลอดภัย และ ‘ท่านผู้นั้น’ คงแอบ ‘บงการ’ โจรสลัดบางคนให้ทำงานบางอย่างแทนโดยไม่รู้ตัว แต่แอนเดอร์สันดัน ‘ระดมเงินทุน’ กับโจรสลัดเหล่านั้นเข้า ส่งผลให้เจ้าของเงินทุนตัวจริงโผล่ออกมาในตอนเช้า!


หลังจากปั้นหน้าขรึม ไคลน์จ้องไปทางแอนเดอร์สันและกล่าวเสียงเรียบ


“มีโอกาสเป็นไปได้มากว่า โจรสลัดเมื่อคืนหลายคนมีครึ่งเทพคอยหนุนหลัง… นายคิดว่าลำพังผู้วิเศษลำดับกลางจะทำเรื่องแบบเมื่อครู่ได้หรือ?”


“ฉันไม่น่าจะดวงซวยขนาดนั้น… หรอกมั้ง…” หางเสียงแอนเดอร์สันเบาลงทีละนิด จนกลายเป็นพึมพำในที่สุด “ก็อาจจะใช่… พวกเขาเป็นเพียงหมากของใครบางคน เป็นผู้บริสุทธิ์ โชคดีที่ฉันไม่ได้ตอบโต้กลับไป ไม่อย่างนั้นคงถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรสังหารหมู่ และนั่นจะมาพร้อมค่าหัวก้อนโต! ชีวิตบั้นปลายจะเหลือเพียงเส้นทางโจรสลัดให้เลือกเดิน”


“…” ไคลน์ขยับปากเล็กน้อยและกล่าว


“หากเหยื่อที่ถูกบงการเมื่อครู่เป็นพวกโจรสลัดที่มีพลังพิเศษ ทูตพิพากษา หรือนักบวชจากโบสถ์วายุสลาตัน นายคิดว่าเหตุการณ์จะลงเอยยังไง?”


“ฉันคงตายไปแล้ว” แอนเดอร์สันผายมืออย่างจนปัญญา ตามด้วยการตอบสนองคล้ายกับเริ่มเข้าใจบางสิ่ง “นายกำลังจะบอกว่า อีกฝ่ายมิได้คิดจะฆ่าฉัน เพียงแค่ตักเตือน?”


ไคลน์พยักหน้าขรึม


“หรือก็คือ นายยังมีโอกาส… ขอโทษเขาซะ”


จงไปหาและสอบถามว่า ครึ่งเทพตนดังกล่าวต้องการสิ่งใด


“ขอโทษเขา?” ใบหน้าแอนเดอร์สันพลันบิดเบี้ยว กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน “ต…แต่ฉันโด่งดังมากในทะเลหมอก”


ไคลน์ไม่พูดต่อ เพียงยืนตัวตรง ใช้มือตบเสื้อคลุมแผ่วเบาและเตรียมเดินจากไป


ทันใดนั้น แอนเดอร์สันเริ่มได้สติ รีบตรงมาทางบันไดและตะโกนเสียงดัง


“ขอโทษ! ผมผิดไปแล้ว! ยินดีเจรจากับท่านในทุกเรื่อง!”


เว้นวรรคสักพัก มันกล่าวซ้ำ


“ขอโทษ! ผมผิดไปแล้ว! ยินดีเจรจากับท่านในทุกเรื่อง!”


แปะ! แปะ! แปะ! เสียงปรบมือจังหวะเชื่องช้าดังมาจากชั้นแรก ตามด้วยการปรากฏกายของบุคคลผู้หนึ่ง


ท่ามกลางเสียงฝีเท้าแผ่วเบา ร่างดังกล่าวค่อยๆ เคลื่อนที่มาถึงส่วนโค้งของบันได แต่ไคลน์กลับเลือกจะกลอกตาหนีตามจิตใต้สำนึก คล้ายกับไม่อยากทราบว่า อีกฝ่ายมีหน้าตาเป็นเช่นไร


นอกจากนั้น ชายหนุ่มพบว่าตนไม่มีเจตนาจะยกแขนขึ้นและเล็งปืนไปทางอีกฝ่าย คล้ายกับถูกฝังการชี้นำจิตใจให้ไม่คิดต่อต้าน


น่ากลัวฉิบ… โชคยังดีที่อีกฝ่ายมิได้สะกดจิตแบบตัวต่อตัว แต่เป็นการชี้นำจิตใจแบบกลุ่ม ไม่อย่างนั้นเราคงไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกพลังพิเศษเล่นงาน… หากเป็นการสะกดจิตตัวต่อตัวล่ะก็ ผลลัพธ์คงเลวร้ายกว่านี้อีกหลายเท่า…


นี่คือ ‘คำสั่ง’ อย่างกลายๆ จากครึ่งเทพ? ไคลน์เข้าใจได้ทันทีว่า อีกฝ่ายต้องการสนทนากับแอนเดอร์สันตามลำพัง จึงไม่คิดขัดขืน เพียงก้าวออกจากบันได เดินตรงไปยังห้องพักของตัวเอง


ผ่านไปไม่ถึงห้านาที แอนเดอร์สันเคาะประตู ใบหน้าค่อนไปทางหดหู่


“เสร็จแล้ว?” ไคลน์ถามห้วน


แอนเดอร์สันพยักหน้า


“อื้อ… เขาขอให้ฉันช่วยทำบางสิ่ง ส่วนทำอะไรนั้น ฉันบอกใครไม่ได้”


“จำหน้าตาได้ไหม?” ไคลน์ถามหลังจากไตร่ตรอง


แอนเดอร์สันครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะขมวดคิ้ว


“จำไม่ได้…”


ไม่ผิดจากที่คิด… หมอนี่ช่างน่าสมเพช กับแค่เงินหนึ่งพันหกร้อยปอนด์ นายต้องกลายเป็นหนี้ชีวิตของครึ่งเทพ ไม่คุ้มเลยสักนิด… ไคลน์ถอนหายใจเงียบสักพัก ตามด้วยกล่าว


“แล้วพรุ่งนี้นายออกจากเกาะได้ไหม”


“ได้ งานที่ถูกมอบหมายไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตอนนี้ต้องรีบขจัดคำสาปโชคร้ายออกไปก่อน” แอนเดอร์สันตอบอย่างมั่นใจ


ไคลน์ไม่พูดมากความ ชี้ลงไปบนพื้น


“ลงไปกินมื้อเช้าไหม”


แอนเดอร์สันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและกล่าว


“แน่นอน! ไม่มีความกังวลใดอยู่เหนือการกินและการนอนได้!”


เมื่อคนทั้งสองเดินลงไปยังชั้นหนึ่ง ภาพแรกที่เห็นคือบริกรชายกำลังก้มหน้าเก็บเศษข้าวของที่กระจัดกระจาย ดูเหมือนว่าทั้งเจ้าของโรงแรมและลูกค้าจะลืมไปแล้วว่าเคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง



หลังเสร็จอาหารเช้า แอนเดอร์สันยังคงออกไปข้างนอกเพื่อรวบรวมเงินค่าหัวและค่าตะกอนพลัง รวมไปถึงการเตรียมตัวบางอย่าง ส่วนไคลน์พักอยู่ในโรงแรม เพ่งสมาธิรวบรวมพลังวิญญาณที่เอ่อล้นออกจากร่างกายหลังเลื่อนลำดับ และทดสอบพลังพิเศษของ ‘นักเชิดหุ่น’ ร่วมกับหนอนแมลง


บ่ายสองโมงครึ่ง ชายหนุ่มส่งตัวเองเข้ามิติหมอกก่อนเวลา ซักซ้อมกับตัวเองเพื่อเตรียมตัวจัดชุมนุมทาโรต์ที่ใกล้เข้ามา เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มิสเตอร์ฟูลต้องมีบทลงโทษต่อ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาสักเล็กน้อย


ขณะนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งเดอะฟูล ไคลน์ซ้อมลงโทษจากแผนที่วางไว้ทั้งหมดสามรูปแบบซึ่งครุ่นคิดมาตลอดสามวัน มีสองแผนต้องอาศัยพลังจากมิติแห่งนี้ และมีสองแผนที่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เป็นเหตุผลว่าทำไมไคลน์ต้องขึ้นมากะเกณฑ์ระยะเวลา หากพบข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทัน รวมถึงการเพิ่มความชำนาญและความกลมกลืน จะได้ไม่แตกตื่นในช่วงเวลาสำคัญ


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ไคลน์หายใจเข้าออกพลางยืนยันแผนการ


จากนั้น ชายหนุ่มเสก ‘เดอะเวิร์ล’ ขึ้นโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วย และสามารถมองเห็นกลุ่มด้ายสีดำหนาแน่นที่แผ่ออกมาด้วยตาเปล่า


“ดูเหมือนว่า สิ่งที่เสกขึ้นจากพลังของมิติหมอกจะมีพลังวิญญาณติดมาด้วยเล็กน้อย… เป็นเหตุผลว่าทำไมเดอะเวิร์ลถึงมีด้ายวิญญาณ… แต่ถ้าเป็นโลกความจริง วัตถุที่ไม่มีชีวิตจะปราศจากพลังวิญญาณและด้ายวิญญาณ… ไคลน์บงการด้ายวิญญาณอย่างชำนาญ เพียงครู่เดียวก็สามารถเชิดเดอะเวิร์ลได้ช่ำชอง


ปัจจุบัน ไม่เพียงสีหน้าท่าทางของเดอะเวิร์ลจะละเอียดอ่อนขึ้นจนดูเหมือนคนจริง แต่ออร่าของพลังวิญญาณก็ยังแปรปรวนเล็กน้อยในระดับใกล้เคียงความจริงด้วย มิได้ขาดแคลนชีวิตชีวาเหมือนสมัยอดีต!


นอกจากนั้น ไคลน์ยังรู้สึกราวกับตนได้ควบคุมสองตัวละครพร้อมกัน เพราะทั้งประสาทสัมผัสและมุมมองของเดอะเวิร์ลล้วนถูกส่งมายังร่างต้นอย่างคมชัด!


เมื่อจัดการทุกสิ่งเสร็จสรรพ ไคลน์เหลือบมองนาฬิกาพกสีทอง ก่อนจะส่งข้อความหา ‘เดอะซันน้อย’ เพื่อให้เด็กหนุ่มเริ่มนับการเต้นของหัวใจ


………………………………………


ราชันเร้นลับ 678 : ลงไม้ลงมือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

บนเก้าอี้สองฝั่งของโต๊ะทองแดงยาวที่มีลวดลายเก่าแก่ ร่างอันเลือนรางปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงสีแดงเข้มทีละจุดสองจุด เพียงไม่นานก็คมชัด สภาพแวดล้อมโดยรอบยังคงเงียบสงบเหมือนทุกที ประหนึ่งไม่เคยมีสิ่งใดย่างกรายเข้ามานานหลายพันปี


“ทิวาสวัสดิ์ค่า มิสเตอร์ฟูล~” เสียงอันร่าเริงแจ่มใสของ ‘จัสติส’ ออเดรย์ดังขึ้นตามความคาดหมาย เนื้อเสียงกังวานไปทั่วพระราชวังโอ่อ่าที่มีเสาหินค้ำจุน


ไคลน์ยิ้มพลางพยักหน้ารับ เฝ้ามองการทักทายระหว่างสมาชิกที่นำโดยมิสจัสติส


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเงียบงันกว่าปรกติ ออเดรย์สามารถพบความผิดปรกติได้ไม่ยากเย็น


รอจนสิ้นเสียงและสมาชิกทุกคนนั่งลง ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เหลือบมองจัสติสด้วยหางตา ด้วยความที่เป็นนักจิตบำบัด หญิงสาวทราบทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใด จึงไม่ยกมือขึ้นพูดเหมือนทุกที ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงมองไปยังแคทลียาพลางหัวเราะในลำคอ


“จงไปบอกกับแบร์นาแดตว่า หากต้องการคำตอบ หล่อนสามารถใช้บางสิ่งแลกเปลี่ยนได้”


แบร์นาแดต… หลังจากได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อที่เธอเคยคุ้นหู มิใช่ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ หรือเจ้าของ ‘เรือรุ่งอรุณ’ หรือผู้นำแห่งองค์กร ‘แก่นรุ่งอรุณ’ แคทลียาพลันตระหนักได้ทันทีว่า มิสเตอร์ฟูลทราบเรื่องราวทั้งหมดอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ความระแวดระวังของเธอมิอาจตบตา ‘ท่าน’ ได้แม้แต่น้อย!


หญิงสาวพลันหดหู่ ความหวาดกลัวที่ยากจะต้านทานเริ่มกัดเซาะจิตใจ ตอบสนองไม่ถูกไปชั่วขณะ


ตามความคิดของเธอ ความนัยที่มิสเตอร์ฟูลแฝงมาจากประโยคเมื่อครู่ก็คือ ให้ตนแจ้งได้เพียง ‘สาร’ เมื่อครู่เท่านั้น ห้ามพูดนอกเหนือจากสิ่งที่ข้าให้พูด หากบอกใบ้เพิ่มเติมเด็ดขาด!


ความนัยดังกล่าวกำลังสื่อถึงสิ่งใด แคทลียารู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดี


แบร์นาแดต? เป็นชื่อที่นิยมในหมู่หญิงสาวชาวอินทิส ท่านหมายถึงใครกัน? แล้วอีกฝ่ายต้องการคำตอบอะไร? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับมาดามเฮอร์มิท? ว่าแต่ มาดามเฮอร์มิทปรึกษาเรื่องนี้กับมิสเตอร์ฟูลตอนไหน? สนทนาตัวต่อตัว? ไม่สิ… ไม่ใช่แบบนั้นแน่ หากเป็นการสนทนาตัวต่อตัวและคำขอร้องของอีกฝ่ายสมเหตุสมผล มิสเตอร์ฟูลคงไม่เอ่ยออกมาต่อหน้าทุกคนแน่ ท่านสามารถตอบสนองผ่านคำวิงวอนไปถึงมาดามเฮอร์มิทได้โดยตรง… หรือว่า… ท่านกำลังตักเตือน? ‘จัสติส’ ออเดรย์ครุ่นคิดหลายสิ่งจนลืมสังเกตอากัปกิริยาของสมาชิกคนอื่น เพียงไม่นาน อาศัยพลังพิเศษของเส้นทางผู้ชม หญิงสาวเริ่มพบเจตนาที่แท้จริงของเดอะฟูล


ออเดรย์ทำการคาดเดา


เป็นเพราะสตรีที่ชื่อแบร์นาแดตต้องการคำตอบของบางสิ่ง มาดามเฮอร์มิทจึงแนะนำชุมนุมทาโรต์ให้อีกฝ่ายรู้จัก… มิสเตอร์ฟูลค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ จึงนี้แสดงออกอย่างชัดเจนเพื่อเป็นการตักเตือนผู้กระทำความผิดหนแรก?


ให้ตายสิ ทำไมถึงนำข้อมูลของชุมนุมเราออกไปเปิดเผย? แม้แต่ซูซี่ฉันก็ยังไม่เคยเล่า! การทำแบบนี้มีแต่จะนำพาอันตรายมาสู่ทุกคน โชคดีที่พวกเรามีมิสเตอร์ฟูล!


ออเดรย์เกือบเผลอทำแก้มป่อง แต่โชคดีที่สงวนกิริยาไว้ได้ทัน เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวตระหนักว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกผูกพันต่อองค์กรเหมือนกับเธอ บางคนมิได้เทิดทูนในตัวมิสเตอร์ฟูลอย่างสุดหัวใจ


ขณะเดียวกัน ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และ ‘เดอะมูน’ เอ็มลินต่างก็มีคำถามและข้อสันนิษฐานที่คล้ายคลึงกันอยู่ในใจ เพียงแต่ประเด็นความสนใจอาจไม่เหมือนกัน


อัลเจอร์กำลังเฝ้ารอว่า มิสเตอร์ฟูลจะทำสิ่งใดต่อ พลางพยายามหาคำตอบว่า ชื่อแบร์นาแดตซึ่งน่าจะเป็นหญิงสาวชาวอินทิสนั้นหมายถึงใคร เหตุใด ‘เฮอร์มิท’ ที่รอบคอบคนนั้นถึงยอมเสี่ยงเปิดเผยข้อมูลของชุมนุมทาโรต์ ทางด้านฟอร์สกังวลว่า ข้อมูลของชุมนุมทาโรต์จะแพร่กระจายออกสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว ภายในหัวเริ่มจินตนาการถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสายลับและสายลับสองหน้า ขณะที่เอ็มลินทำเพียงยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเงียบงัน ในใจนึกสมเพชและเหยียดหยันความโง่เขลาของมาดามเฮอร์มิท


หึหึ… กระทั่งท่านบรรพชนของข้าก็ยังปฏิบัติต่อมิสเตอร์ฟูลอย่างเท่าเทียม ถึงขั้นส่งข้ามาเป็นทูตสันถวไมตรี เข้ารับการฝึกอบรมพิเศษ… แต่ตัวเจ้าที่มิได้เป็นกระทั่งครึ่งเทพ กลับกล้าเล่นตุกติกต่อหน้ามิสเตอร์ฟูล เกิดเบื่อชีวิตขึ้นแล้วหรือ? เฮ่อ… การพยายามทำความเข้าใจสิ่งมีชีวิตที่อายุขัยสั้นช่างเป็นเรื่องยากนัก ดังที่จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ แมลงในฤดูร้อนย่อมไม่เคยเห็นหิมะในฤดูหนาว… ‘เดอะมูน’ เอ็มลินรำพันด้วยท่าทีผ่อนคลาย ส่ายศีรษะอย่างไม่แยแส


‘เดอะซัน’ เดอร์ริคมิได้คิดอะไรมากนัก ตระหนักได้เพียงว่า บรรยากาศของชุมนุมผิดไปจากปรกติเล็กน้อย ก่อนจะซักถามด้วยน้ำเสียงกึ่งสงสัยกึ่งประหลาดใจ


“มิสเตอร์ฟูล แบร์นาแดตคือใครหรือ?”


ถามได้ดี! คิดว่าจะออกจากปากมิสจัสติสเสียอีก… ฟู่ว… ท่าทีของเธอคล้ายกับกำลังโมโห คงไม่อยากพูดอะไรมากนักสินะ… ไคลน์ชมเชยเด็กหนุ่มในใจพลางมอบคำตอบ


“บุตรสาวคนโตของโรซายล์… กัปตันแห่งรุ่งอรุณ… ผู้นำองค์กรแก่นรุ่งอรุณ”


ชายหนุ่มสาธยายทุกตัวตนของแบร์นาแดตจนหมด ไม่มีการปิดบังใดต่อหน้าสมาชิกชุมนุมทาโรต์


และสาเหตุที่เลือกใช้ ‘กัปตันแห่งรุ่งอรุณ’ แทน ‘ราชินีเงื่อนงำ’ เพราะไคลน์รู้สึกว่า ตัวตนระดับเดอะฟูลไม่ควรเรียกแบร์นาแดตว่าราชินี


กัปตันแห่งรุ่งอรุณ… ราชินีเงื่อนงำ! ที่แท้เธอคือบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์! เฮ่อะ! มาดาม ‘เฮอร์มิท’ เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเธอคือพลเรือเอกดวงดาว แคทลียา! และนั่นหมายความว่า ข่าวลือที่เธอตัดขาดกับราชินีเงื่อนงำนั้นเป็นเรื่องเท็จ… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เริ่มตื่นเต้น ในใจรู้สึกราวกับแรงกดดันที่ได้รับมาเกือบสามเดือน อันตรธานหายในพริบตา


ความจริงข้อนี้ทำให้มันเหยียดหยันเฮอร์มิทในใจ


จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ใดริอ่านเล่นกับไฟ ผู้นั้นย่อมต้องถูกไฟลวก! และเธอ… พลเรือเอกดวงดาว เธอบังอาจท้าทายดวงตาแห่งเทพ!


ในวินาทีนี้ อัลเจอร์รู้สึกว่าตนเป็นคนที่โชคดีมาก โชคดีที่แม้ในอดีตจะเคยพยายามวางกลอุบายเพื่อทดสอบตัวตนและสถานภาพของมิสเตอร์ฟูล แต่ก็ไม่มีเรื่องใดใกล้เคียงกับการทำความลับรั่วไหล จึงไม่เคยมีบทโทษเกิดขึ้น


สืบเนื่องจากอัลเจอร์เคยเล่าเรื่องสี่ราชาและเจ็ดนายพลโจรสลัดให้ทุกคนฟัง ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือจึงเชื่อมโยงได้ทันทีว่า แบร์นาแดตคือ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ ครึ่งเทพแห่งห้าห้วงสมุทร ขณะเดียวกันก็ประหลาดใจที่บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่โด่งดังมากที่สุดของโลก


หรือคำตอบที่ราชินีเงื่อนงำต้องการ จะอยู่ในไดอารีจักรพรรดิโรซายล์? พิจารณาจากบริบทและถ้อยคำ ออเดรย์ลองคาดเดาจุดประสงค์ของแบร์นาแดตอย่างคร่าว เชื่อว่าบุตรสาวคนโตของมหาจักรพรรดิคงต้องการสืบค้นความจริงเกี่ยวกับการถูกลอบปลงพระชนม์ของบิดา


ในวินาทีนี้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเริ่มได้สติ จึงเงยหน้ามองไปยังมุมโต๊ะทองแดงยาวพลางกล่าวโดยไม่ภาวนาต่อสิ่งใด


“ดิฉันกระทำเรื่องมิบังควรลงไป จะไม่ขอแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนั่นเป็นความผิดที่ไม่สมควรได้รับการอภัย… มิสเตอร์ฟูล ไม่ว่าท่านจะกระทำสิ่งใดต่อดิฉัน แม้กระทั่งเอาชีวิต ดิฉันก็ยินดีน้อมรับ”


ทำเป็นพูดดี… หากมิสเตอร์ฟูลปรารถนาชีวิต เธอมีสิทธิ์ขัดขืนด้วยหรือ? แฮงแมนเหยียดหยันอีกฝ่ายในใจ มันสามารถยืนยันข้อสันนิษฐานของตนหลังจากฟังประโยคเมื่อครู่


มาดามเฮอร์มิสกำลังสั่นกลัว… ‘จัสติส’ ออเดรย์สัมผัสถึงอาการหวาดผวาจากอากัปกิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แคทลียาพยายามกลบเกลื่อน


ตามความคิดของออเดรย์ ผู้ที่ร้องขอโทษประหารชีวิต ส่วนมากมักกลัวตายจากก้นบึ้ง


‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สตระหนักถึงความสงบนิ่งและมั่นคงได้จากท่าทีของเดอะฟูล จึงเริ่มมั่นใจว่า ข้อมูลของชุมนุมทาโรต์ยังมิได้รั่วไหล หรือส่วนที่รั่วไหลไม่น่าเป็นกังวลขนาดนั้น เช่นเดียวกับ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน ทั้งคู่ต่างเฝ้ารอบทลงโทษของมิสเตอร์ฟูล


‘เดอะซัน’ เดอร์ริคยังคงตามเหตุการณ์ไม่ทัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมาดามเฮอร์มิทถึงร้องขอโทษตาย


ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลยังคงเงียบ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาขจัดความกระสับกระส่ายภายในใจ เงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย เพ่งมองไปยังเบื้องหลังม่านหมอกสีเทาหนาทึบ พยายามอ่านเจตนาที่แท้จริงของอีกฝ่าย จะได้แสดงออกอย่างเหมาะสม เพราะเธอไม่ต้องการทำผิดพลาดซ้ำสองจนอีกฝ่ายพิโรธหนัก นั่นจะทำให้สถานการณ์แย่ลงจนมิอาจย้อนกลับไปแก้ไข


แสงสีม่วงเข้มปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำของหญิงสาว ไหลวนเวียนอย่างลึกลับ จนกระทั่งมองทะลุหมอกสีเทาและได้เห็น ‘เดอะฟูล’ อย่างแจ่มชัด


ทันใดนั้น ดวงตาของแคทลียาพลันร้อนระอุ พร้อมเลือดมายาที่ไหลซึมออกมาตามร่องขอบ


โสตประสาทของหญิงสาวพลันท่วมท้นไปด้วยเสียงเพรียกอันชั่วร้ายและน่าหวาดกลัว เป็นความรู้สึกอันยากจะพรรณนา ประสาทสัมผัสทั้งห้าถูกถาโถมด้วยมวลความเจ็บปวดปริมาณมหาศาล ร่างกายชักกระตุกรุนแรงอย่างมิอาจควบคุม


ใบหน้าและหลังมือของแคทลียา รวมถึงผิวหนังส่วนที่ไม่มีเสื้อผ้าบดบัง เริ่มเกิดการปริแตกจนสามารถมองเห็นเส้นเลือดและเนื้อแดง ภายในนั้นยังมีหนอนแมลงสีดำและขาวจำนวนมาก กำลังดีดดิ้นยุบพองอย่างน่าขยะแขยง เตรียมก่อตัวเป็นรูปทรงดวงตาที่ยากจะอธิบาย


เสียงกรีดร้องโหยหวนของแคทลียาดังกังวานไปทั่วมิติหมอกเทา เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้ง ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ ‘เดอะมูน’ เอ็มลิน ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส และคนที่เหลือต่างหันมาจ้องหน้ากัน คล้ายกับรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายกำลังลิ้มรส


ทันใดนั้น ภาพฉายของร่างกายที่เคยเลือนรางเริ่มคมชัด ส่งผลให้ทุกคนมองเห็นความผิดปรกติทางร่างกายของ ‘เฮอร์มิท’ ได้อย่างชัดเจน


ฉากอันน่าขยะแขยงทำให้ ‘จัสติส’ ออเดรย์ผวาจนเบือนหน้าหนี หญิงสาวรีบเหยียดหลังตั้งตรง สายตามองตรงไปยังฝั่งตรงข้ามโดยไม่กล้าขยับตัว


แม้ท่าทีของสมาชิกคนอื่นจะไม่เด่นชัดเท่า แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก


หนึ่งในประโยชน์ของเสียงเพรียกจากพระผู้สร้างแท้จริง… ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์ผู้มีร่างกายรายล้อมด้วยม่านหมอกสีเทา ถอนหายใจจากก้นบึ้ง


ย้อนกลับไปเมื่อครู่ ชายหนุ่มไม่รีบตอบสนองคำพูดของแคทลียาที่ขอรับบทลงโทษ เพราะต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าดวงตาของเธอมีความพิเศษจริงหรือไม่ สามารถมองทะลุผ่านม่านหมอกได้ไหม!


เพื่อการนั้น ไคลน์ทำการรวบรวมกระแสพลังที่ไหลเวียนภายในมิติหมอก ใช้มันปกคลุมร่างกายตัวเองไว้ล่วงหน้า จุดประสงค์ก็คือ หากใครใช้พลังพิเศษเพื่อมองทะลุม่านหมอก ประสาทสัมผัสของคนคนนั้นจะถูกโอนถ่ายไปยังถุงมือ ‘อินธน์’ !


ผลลัพธ์จะมีค่าเท่ากับ เจ้าของพลังพิเศษต้องใช้จิต ‘สำรวจ’ วัตถุที่ถูกกัดกร่อนโดยพระผู้สร้างแท้จริงโดยตรง และเมื่อไคลน์มิได้ใช้พลังมิติหมอกผนึกอิทธิพลของ ‘อินธน์’ ไว้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาย่อมต้องได้ยินเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ อันดับแรก อวัยวะที่ใช้พลังพิเศษได้รับความเสียหายหนักหน่วง ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปทั่วร่างจนเข้าสู่ภาวะกลายพันธุ์ในที่สุด


แต่ถ้าพลเรือเอกดวงดาวมิได้พยายามมองเข้ามา แผนสำรองของไคลน์คือ ให้เธอทำการขอโทษสมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคน จากนั้นก็ช่วยกันลงความเห็นว่าควรมีบทลงโทษอย่างไร วิธีนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นประชาธิปไตย


และไม่ว่า ‘ประชาธิปไตย’ จะลงเอยเช่นไร ในท้ายที่สุด ไคลน์จะลงโทษด้วยการเชื่อมโยงประสาทสัมผัสของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียากับถุงมืออินธน์อยู่ดี!


ปล่อยให้เวลาผ่านไปสามวินาที ไคลน์ที่เห็นว่าเพียงพอแล้ว เลื่อนฝ่ามือทั้งสองข้างมาถูกันอย่างอ่อนโยน เป็นการควบคุมพลังในมิติหมอกเทาให้ผนึกเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ การกลายพันธุ์ของแคทลียาจึงหยุดลงและร่างกายเริ่มกลับมาฟื้นฟู


อาการชักของพลเรือเอกดวงดาวเริ่มบรรเทาลงอย่างชัดเจน รอยปริแตกตามผิวหนังค่อย ๆ สมานเป็นเนื้อเดียว สติสัมปชัญญะกลับคืนมาอีกครั้งจนเริ่มตระหนักถึงสถานการณ์รอบตัวได้อย่างคร่าว


ทันใดนั้น ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำ คล้ายกับกำลังตักเตือนตัวเอง


“ห้ามส่องความลับเทพ…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)