Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 675-676

 ราชันเร้นลับ 675 : สานสัมพันธ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

แอนเดอร์สันที่กังวลว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์จะคืนคำ รีบคว้าธนบัตรห้าซูลพลางจินตนาการถึงภาพเนื้อวัวถูกเปลวไฟเลียจนส่งเสียงฉ่า รวมถึงเหล้ารสเลิศที่ไม่มียาระงับประสาทผสม


หึหึ หมอนี่ดันเอาจริง… เราแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ตามบุคลิกของตัวละคร… เพียงต้องการให้เขาเข้าใจว่าการยืมเงินจากเราไม่ใช่เรื่องง่าย จะได้ไม่ยืมเงินก้อนโตและเชิดหนีไปยังทะเลหมอก แต่ต้องขวนขวายออกไปไถเงินโจรสลัดด้วยตัวเอง… ไคลน์รำพันเล็กน้อย


ตามความคิดของชายหนุ่ม หากสถานที่ใดมีโจรสลัดชุกชุม ลำดับ 5 อย่าง ‘นักล่า’ คงไม่มีทางอดตายหรือไร้ที่ซุกหัวนอน ต่อให้ไม่มีเงินสักเพนนีเดียวก็ตาม


ไคลน์ส่ายหน้าเล็กน้อย ขณะเตรียมเดินออกจากท่าเรือ มันได้ยินเสียงตะโกนดังจากด้านหลัง


“เกอร์มัน!”


“…” ไคลน์ผงะเมื่อทราบว่าเป็นเสียงของแฟรงค์·ลี สติกลับมาจดจ่อสภาพแวดล้อมตรงหน้า


รองกัปตันแห่งอนาคตกาล ‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ เจ้าของค่าหัวเจ็ดพันปอนด์ กำลังยืนอยู่บนกราบเรือ พลางใช้สองมือป้องปากคล้ายเครื่องขยายเสียง


“นายชอบอยู่แถวไหนบ้าง? แล้วจะเขียนจดหมายถึงนายยังไง? ฉันอยากแบ่งปันผลการทดลองล่าสุดให้ฟัง!”


แต่ฉันไม่อยากฟัง… หมอนี่คงมีเพื่อนไม่มากนัก และมั่นใจได้เลย เราคือหนึ่งในคนที่เขาเข้าใจว่าเป็นเพื่อน แต่ความจริงแล้วทางนี้ไม่ได้คิดอะไรด้วย… เฮ่อ… ดูเหมือนความจงรักภักดีของพลเรือเอกดวงดาวจะเอนเอียงไปทางราชินีเงื่อนงำมากกว่า มิได้รู้สึกผูกพันกับชุมนุมทาโรต์สักเท่าไร… ถ้าเรายอมเปิดใจและตีสนิทลูกน้องข้างกายแคทลียา ไม่สิ ต้องเรียกว่าอีกหนึ่งแหล่งข่าว นั่นคงทำให้เธอตื่นตัวมากขึ้น เป็นการ ‘ตักเตือน’ ทางอ้อมผ่านเกอร์มัน·สแปร์โรว์… ขณะเดียวกัน มิสเตอร์ฟูลก็ต้องลงโทษซ้ำด้วยตัวเองอีกครั้ง วิธีนี้นับว่าสมเหตุสมผลและเป็นธรรมชาติ…


ชายหนุ่มเขียนอธิบายขั้นตอนของพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร โดยไม่ลืมที่จะกำชับว่า ต้องใช้เหรียญทองปอนด์หนึ่งเหรียญเป็นวัตถุดิบในพิธีกรรมทุกครั้ง


ฟุ่บ! ไคลน์สะบัดข้อมือ ปล่อยเศษกระดาษพุ่งใส่แฟรงค์·ลีประหนึ่งลูกดอก หล่นลงบนฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ


“ขอบใจมาก!” แฟรงค์·ลีชำเลืองอ่านข้อความบนกระดาษ โบกไม้โบกมือด้วยสีหน้ามีความสุข


ไคลน์ไม่มัวเสียเวลา หิ้วกระเป๋าเดินทางออกจากท่าเรือ มองหาโรงแรมเข้าพัก


ระหว่างนี้ ตัวไคลน์ที่เคยคิดจะปฏิเสธข้อเสนอของแอนเดอร์สัน เรื่องที่ต้องการพักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน เริ่มเปลี่ยนใจและเห็นด้วยกับอีกฝ่าย


ชายหนุ่มกังวลว่า หากความซวยบังเอิญเกิดขึ้นกับมนุษย์อับโชครายนี้ ลูกค้าทั่วไปและพนักงานโรงแรมจำนวนมากจะได้รับความเดือดร้อน จึงเปลี่ยนใจมาคอยจับตามองด้วยตัวเอง หากเกิดปัญหาจะได้ช่วยระงับอย่างทันท่วงที


หลังจากลงทะเบียนเข้าพัก แอนเดอร์สันรับกุญแจ เดินไปที่ห้องและเปิดประตู


ตุ้บ! นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เอนหลังประหนึ่งปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้ง


หลังจากพ้นเขตทะเลอันตราย ในที่สุดมันก็ได้รับชีวิตประจำมันของมนุษย์กลับคืน ไม่ต้องกังวลว่าจะตายในทุกลมหายใจ!


แต่หลังจากนอนเงียบๆ สักพัก แอนเดอร์สัน·ฮู้ดค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น หยิบกระติกน้ำร้อนที่ผิวด้านนอกทำจากเหล็ก หงายแก้วและเทน้ำร้อนให้ตัวเอง


มันเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ตนจะลงไปดื่มด่ำความสุขในผับ


หลังจากดื่มจนอิ่มหนำและเติมเต็มกระเพาะอาหาร นั่นจะเป็นเวลารวบรวมเงินทุน!


ยืนรอสักพักให้น้ำเย็นลง แอนเดอร์สันกระดกแก้วดื่มเสียงดังอึกอัก


ทันใดนั้น มันไอแห้งอย่างรุนแรง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นม่วงคล้ำ


แค่ก! แค่ก! แค่ก!


แอนเดอร์สันเลื่อนแขนขึ้นมาบีบคอตัว ท่าทางคล้ายหายใจไม่ออก


เพล้ง! แก้วหล่นจากมือ กระทบกับพื้นและแตกละเอียด


แค่ก แค่ก… เสียงกระแอมของแอนเดอร์สันแผ่วลงทีละนิด ใบหน้าเริ่มมีรอยจ้ำ


ทันใดนั้น เปลวเพลิงพลันปรากฏในดวงตา เส้นเลือดบนหลังมือยุบพองอย่างน่ากลัวราวกับมีชีวิต


โครม!


แอนเดอร์สันล้มลงไปบนพื้น ร่างกายชักกระตุกสองสามหน ก่อนจะแน่นิ่งไปทุกส่วน ไม่เว้นแม้กระทั่งการหายใจ


ราวสิบวินาทีถัดมา แอนเดอร์สันรีบพลิกตัวขึ้นมานั่ง จับใบหน้าตัวเองด้วยอาการหวาดผวา


“บัดซบ… เราเกือบตายเพราะสำลักน้ำ… ถ้ามันเกิดขึ้น เราจะเป็นนักล่าที่ตายได้น่าอนาถที่สุด! โชคยังดี… ก่อนจะออกทะเล เรายอมซื้อเจ้านี่มาในราคาแพง ในที่สุดก็มีประโยชน์จนได้”


ขณะกล่าว แอนเดอร์สันหยิบสิ่งที่คล้ายตุ๊กตาฟางออกจากกระเป๋าลับในเสื้อกั๊ก ดวงตาทั้งสองข้างและจมูกของตุ๊กตา ถูกวาดด้วยหมึกอย่างไม่ประณีต


ผิวตุ๊กตาผุกร่อนไปพอสมควร ของเหลวสีเข้มค่อยๆ หยดออกจากลำตัว


ราวเจ็ดแปดวินาทีถัดมา ตุ๊กตาละลายอย่างสมบูรณ์ แปรสภาพกลายเป็นคราบของเหลวบนพื้น


“ความซวยของเรายังไม่บรรเทาลง… อาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ… ฟู่ว… เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยบอกคำพยากรณ์กับเราว่า สิ่งที่อันตรายที่สุดมักซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันแสนธรรมดา” แอนเดอร์สันเดินวนเวียนภายในห้อง หลีกเลี่ยงเศษแก้ว ด้วยเกรงว่าพวกมันอาจนำพาไปสู่ความตาย


“ปล่อยไว้ไม่ได้ เราต้องหาทางรอด… ต้องรอดไปให้ได้!” แอนเดอร์สันเปิดประตู เดินออกไปอย่างระมัดระวัง


มันตรงดิ่งมายังห้องพักของไคลน์ งอนิ้วเคาะประตู


ผ่านไปไม่นาน ประตูไม้ที่ดูไม่ทนทานสักเท่าไร เปิดออกอย่างเงียบงัน ด้านหลังประตูมีเพียงเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในสภาพถอดโค้ท


แอนเดอร์สันยิ้มแห้งและกล่าว


“ดีใจไหมที่ฉันมาหา?”


โครม!


ประตูปิดลงเสียงดัง


“…” นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดผงะเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราคงต้องปรับปรุงวิธีการพูดกับคนอื่น”


ก็อก ก็อก ก็อก!


มันเคาะประตูห้องไคลน์อีกครั้ง


ประตูเปิดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปากกระบอกปืนที่เล็งออกมา


“ฮะฮะ! พอดีอยากถามว่า นายรู้จักผู้วิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงดวงชะตาให้ฉันได้ไหม?” แอนเดอร์สันยกมือขึ้นครึ่งหนึ่ง บอกเป็นนัยให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์เอ่ยนามของนักพยากรณ์ที่แข็งแกร่ง


สายไปแล้วสหาย ตอนนี้ราชินีเงื่อนงำไปอยู่ไหนก็มิอาจทราบได้… เดี๋ยวก่อน… หล่อนไม่ได้ทิ้งวิธีติดต่อไว้ให้เรา? หืม… แต่แฟรงค์·ลีรู้พิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร เท่ากับว่าพลเรือเอกดวงดาวก็ทราบเช่นกัน และคงหลุดไปถึงหูแบร์นาแดตได้ไม่ยาก… นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งวิธี หากกลับถึงเบ็คลันด์เมื่อไร เราสามารถติดต่อกับมาดามชารอนเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะราชินีเงื่อนงำอยู่ในแวดวงเดียวกับเธอ แม้จะเข้าร่วมชุมนุมไม่บ่อยครั้งก็ตาม… ไคลน์เผยสีหน้าสมเพชให้แอนเดอร์สัน


มันไม่ชอบหน้านักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดเลยสักนิด มักเย้ยหยันภายในใจเสมอ รวมถึงไปการแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรทุกรูปแบบ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด แอนเดอร์สันคือตัวการที่ทำให้ ‘กระดุมข้อมือเมอร์ล็อก’ หล่นหายบนทิวลิปดำ อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง แต่กระนั้น ไคลน์เพียงแค่คิด มิได้เกลียดชังอะไรขนาดนั้น หากแอนเดอร์สันต้องการความช่วยเหลือ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป ก็ไม่คิดปฏิเสธอย่างใจไม้ไส้ระกำ


ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก


“จะช่วยถามให้… ได้คำตอบพรุ่งนี้เช้า… แต่ฉันสงสัยว่า นายจะมีปัญญาหาเงินมาคืนจริงหรือ”


“อีกเดี๋ยวฉันก็ลงไปที่ผับแล้ว! และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันยังมีสมบัติมากมายซ่อนอยู่ในทะเลหมอก!” แอนเดอร์สันตอบโดยปราศจากความลังเล


ไคลน์พยักหน้า ปิดประตูพลางกล่าว


“เจอกันพรุ่งนี้เช้า… จนกว่าจะถึงตอนนั้น ขอให้มีชีวิตรอดอย่างราบรื่น”


โครม! กริ๊ก!


ประตูห้องถูกปิดและลงกลอนอีกครั้ง


“นั่นเป็นคำอวยพรหรือสาปแช่ง?” แอนเดอร์สันพึมพำด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราจะปลอดภัยในอีกสองชั่วโมงถัดไป”


ภายในห้อง ไคลน์กลับไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ


ที่นั่นมีจดหมายฉบับหนึ่งในสภาพคลี่ออก และนกกระเรียนกระดาษที่ถูกแกะจนยับเยิน


สำหรับปัญหาของแอนเดอร์สัน ก่อนที่จะมอบคำตอบ ไคลน์มีคนให้ปรึกษาแล้ว


ผู้ที่ตระหนักถึง ‘ลูกไม้’ ของ ‘อสรพิษโชคชะตา’ ได้ดีกว่าใคร ก็ย่อมต้องเป็น ‘อสรพิษโชคชะตา’ อีกตัวหนึ่ง!


ชายหนุ่มมองหาที่ว่างบนตัวนกกระดาษเพื่อเขียน พลางไตร่ตรองประโยคคำถาม จากนั้นค่อยลงมือจับดินสอ


“คำสาปแห่งความโชคร้ายที่เกิดจากจิตรกรรมฝาผนัง สามารถขจัดได้ด้วยวิธีใดบ้าง? โอสถลำดับ 4 ของเส้นทางนักทำนายมีชื่อว่าอะไร และจะหาวัตถุดิบหลักได้ที่ไหน?”


วางดินสอลง ไคลน์ตรวจทานเนื้อหาอย่างละเอียดสองสามหน ก่อนจะพับนกกระเรียนกระดาษกลับไปตามรอยเดิมอย่างระมัดระวัง สอดไว้ในกระเป๋าสตางค์


จัดการทั้งหมดเสร็จ ชายหนุ่มเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิก


ในจดหมาย ไคลน์เกริ่นก่อนว่า ตนอาศัยความช่วยเหลือจากพลเรือเอกดวงดาว เดินทางไปยังเขตอันตราย ณ สุดขอบทะเลฝั่งตะวันออก ประกอบพิธีกรรมจนเสร็จและรีบหันหัวเรือกลับ ระหว่างนั้นยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่ถูกพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์โจมตีอย่างไร้เหตุผลจนเกือบได้รับความสูญเสียใหญ่หลวง


เล่าถึงหัวข้อนี้ ชายหนุ่มเปิดเผยทุกสิ่ง อธิบายลักษณะของแหวนที่สงสัยว่าจะเป็นมรดกจากเทพมรณาโบราณ และซักถามอย่างเป็นกันเองว่า มิสเตอร์อะซิกมีความทรงจำเกี่ยวกับแหวนหรือไม่ บางทีอาจต้องถือไว้ในมือและตรวจสอบ จึงจะได้รับความทรงจำเดิมกลับมา


กล่าวจบ ไคลน์เอ่ยถึงแผนการสร้าง ‘เทพมรณาเทียม’ ของนิกายวิญญาณ และถามลูกพี่ของตนอย่างสงสัยว่า เรื่องดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ หรือเคยมีบันทึกใดเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้บ้าง


จากนั้นก็รำพันว่า ตนยังไม่ทราบชื่อของโอสถลำดับถัดไปบนเส้นทางตัวเอง และไม่ทราบด้วยว่าจะหาข้อมูลได้จากไหน นอกจากนั้น ไคลน์ยังเล่าถึงสิ่งที่ต้องพึงระวังบนน่านน้ำอันตราย เป็นข้อมูลที่ได้รับจากประสบการณ์ตรงขณะเดินทาง


การที่ชายหนุ่มแบ่งปันข้อมูลให้มิสเตอร์อะซิกทราบ เพราะกังวลว่าอีกฝ่ายจะใจร้อน รีบรุดหน้าไปที่นั่นเพื่อสัมผัสกับออร่าเทพมรณาโบราณโดยตรง โดยมิได้ตระหนักถึงอันตราย


“…กล่าวกันว่า ทะเลดังกล่าวเต็มไปด้วยเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริง ยิ่งลำดับสูงก็ยิ่งได้ยินชัดเจนขึ้น เผชิญความเสี่ยงมากขึ้น จนถึงขั้นเสียสติหรือคลุ้มคลั่ง เริ่มอันตรายตั้งแต่ลำดับ 4 เป็นต้นไป… แต่ก็มีครึ่งเทพบางคนค้นพบวิธีเดินทางอย่างอิสระ” ไคลน์เขียนย่อหน้าสุดท้ายของจดหมาย


พับกระดาษเสร็จ ชายหนุ่มหยิบนกหวีดทองแดงของอะซิก เป่าเรียกผู้ส่งสารโครงกระดูกตัวใหญ่


ศีรษะของผู้ส่งสารโผล่จากพื้นห้อง เงยหน้ามองไคลน์อย่างอ่อนน้อม หงายฝ่ามือรอรับ


ไม่เลว… ไคลน์ชมเชยพลางส่งจดหมาย


ถัดมา ชายหนุ่มอาบน้ำแปรงฟัน ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างสบายใจ


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มันตื่นขึ้นในความฝัน พบกับดินแดนอันรกร้างและยอดหอคอยสีดำปลายแหลม


หลังจากเดินมายังส่วนลึกสุดด้วยความคุ้นเคย ไคลน์มองเห็นคำตอบของวิล·อัสตินท่ามกลางกองไพ่ทาโรต์กระจัดกระจาย


“ขอเตือนด้วยความหวังดี : นกกระเรียนกระดาษกำลังจะฉีกขาด!”


“สำหรับคำสาปแห่งโชคร้ายจากจิตรกรรมฝาผนัง ริคคาร์ดสามารถขจัดมันได้”


“ในส่วนของสูตรโอสถลำดับสูงเส้นทางนักทำนาย เจ้าสามารถหาได้จากซาราธที่กำลังเสียสติ หรือไม่ก็ยอดหลักของเทือกเขาโฮนาซิส แต่ถ้าเจ้าเป็นข้ารับใช้ของรัตติกาล ให้ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูด”


“ลำดับ 4 แห่งเส้นทางนักทำนายมีชื่อว่า ‘จอมเวทพิสดาร’”


ราชันเร้นลับ 676 : ธุรกิจสามทาง

โดย

Ink Stone_Fantasy

จอมเวทพิสดาร… ไคลน์พลันตื่นจากฝัน ลืมตาขึ้นและพบกลางคืนอันมืดมิด


ยังไม่กลางวัน แย่ล่ะสิ… ชายหนุ่มพึมพำ เตรียมกลับไปหลับลึก


ทันใดนั้น มันเพิ่งตระหนักว่าตนออกจากน่านน้ำอันตรายมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องนอนเพราะกลัวหายตัวไปอีก


ฟู่ว… การได้ใช้ชีวิตปรกติมันดีแบบนี้นี่เอง! จะว่าไป เรื่องเล่าเกี่ยวกับการหายตัวไปในยามค่ำคืนหากไม่ยอมหลับ สามารถใช้หลอกให้เด็กเข้านอนได้… หึหึ เมื่อก่อนเราเคยเชื่อและกลัวเรื่องพวกนี้มาก… ไคลน์พลิกตัวลุกนั่ง เดินไปยังโต๊ะทำงาน เทน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว


ชายหนุ่มสงบนิ่งสักพัก จิบน้ำอย่างใจเย็นพลางฟื้นฟูสติครุ่นคิด


ซาราธเสียสติไปแล้วจริงๆ … หมอนั่นเจออะไรเข้า? หรือทำอะไรที่ผิดพลาดลงไป?


จอมเวทพิสดาร… ลำดับ 4 ของเส้นทางเราชื่อว่าจอมเวทพิสดาร… แก่นของเส้นทางนักทำนายคือ ‘ตุกติก’ ‘พลิกแพลง’ ‘กลั่นแกล้ง’ และ ‘แปลกประหลาด’ ? หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง สามารถสรุปได้ด้วยคำคำเดียวว่า ‘พิสดาร’ ?


อา… ทั้งตัวตลก นักมายากล ผู้ไร้หน้า และนักเชิดหุ่นล้วนทำให้เราต้องคิดแบบนั้น ถึงนักทำนายจะดูแปลกแยกไปบ้างก็ตาม… ในสายตาคนทั่วไป เทพที่มิพลังพิสดารนั้นน่ากลัวอย่างมาก… ยิ่งไปกว่านั้น ซาราธยังเคยกล่าวว่า โชคชะตามิใช่แก่นสำคัญของเส้นทางนักทำนาย…


และเริ่มเห็นได้ชัดว่า ผู้วิเศษเส้นทางนี้มีแนวโน้มไปในทางจอมเวทมากกว่า…


จากข้อมูลของวิล·อัสติน การครอบครองสูตรโอสถจอมเวทพิสดารมีเพียงสามวิธี หนึ่งคือการสืบหาเบาะแสของลัทธิเร้นลับ ตามหาซาราธที่เสียสติ สอง เดินทางไปยังยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิส ค้นหาสมบัติที่ตระกูลอันทีโกนัสเหลือทิ้งไว้ และสาม ขโมยจากโบสถ์ ตัวอย่างเช่น สมุดบันทึกของตระกูลอันทีโกนัสอาจมีสูตรโอสถที่เกี่ยวข้องบันทึกไว้…


แต่ทุกวิธีมีระดับอันตรายไม่เท่ากัน บางวิธีอันตรายกว่าอย่างเห็นได้ชัด… จากคำอธิบายของจักรพรรดิโรซายล์ ซาราธเป็นลำดับ 2 ‘ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์’ มานานแล้ว เทวทูตตัวจริงเสียงจริง และมีโอกาสที่ปัจจุบันจะพัฒนาเป็นลำดับ 1… ความเก่งกาจอาจเทียบเท่าหรือเป็นรองราชาเทวทูตเล็กน้อย… มันอาจเสียสติ ไม่สิ ต้องเรียกว่าท่าน… ท่านอาจเสียสติ แต่ก็ยังอันตรายกว่าวิธีอื่นชัดเจน… เราคงไม่มีลูกไม้ใดไปโน้มน้าวหรือล่อลวงให้ซาราธยอมบอก… ในแง่ของความแข็งแกร่ง ต่อให้เรียกมิสเตอร์อะซิกมาช่วย แต่เราสองคนก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซาราธอยู่ดี…


หึหึ เว้นเสียแต่เราจะรอให้วิล·อัสตินคลอดออกมาก่อน… แต่ถ้ามีเขามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้อาจดึงดูดความสนใจของ ‘เทวทูตโชคชะตา’ โอโรเลอุส…


สำหรับสมบัติบนยอดเขาหลักโฮนาซิส… เมื่อคำนึงถึงเสียงเพรียกที่ก้องกังวานในโสตประสาท ปูมหลังของตระกูลอันทีโกนัส และข่าวลือเกี่ยวกับแคว้นรัตติกาลที่ถูกฝังอยู่ในส่วนลึกของประวัติศาสตร์ เรามองว่าการเดินทางไปเยือนคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และบางทีอาจมีกับดักรออยู่…


กับโบสถ์รัตติกาลยิ่งแล้วใหญ่… ไม่ต้องพูดถึงมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยเทวทูตและสมบัติปิดผนึกระดับ 0 มากมาย ลำพังมุขมณฑลเบ็คลันด์ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาสมุดบันทึกอันทีโกนัส ก็ล้วนเต็มไปด้วยครึ่งเทพที่เก่งกาจ…


ไคลน์ยังไม่ลืมภาพที่มิสเตอร์ A ถูกลบหายไปประหนึ่งใช้ยางลบลบภาพวาดดินสอ และผู้ที่กระทำเรื่องเช่นนั้น ดูเหมือนจะเป็นสมาชิกระดับอาวุโสของโบสถ์รัตติกาล!


สตรีเลอโฉมเจ้าของดวงตาปราศจากพลังวิญญาณ… หล่อนยิ้มให้เราด้วย… เพราะอะไรกัน… ไคลน์ส่ายหัวอย่างจนปัญญา ปักใจเชื่อว่า มีเพียงวิธีเดียวที่ตนสามารถเอื้อมถึงในปัจจุบัน


ตามหาครึ่งเทพในลัทธิเร้นลับที่ยังมีสติครบถ้วน!


เมื่อเทียบกับซาราธที่เสียสติ อย่างน้อยพวกมันก็ยังพอสื่อสารได้ ลำพังไคลน์อาจรับมือไม่ไหว แต่ถ้าขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์อะซิกก็จะเป็นอีกเรื่อง หรือไม่ก็ขอความช่วยเหลือจากราชินีเงื่อนงำโดยแลกกับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ


ตอนนี้คิดออกได้แค่นี้… ไคลน์เปลี่ยนหัวข้อไตร่ตรอง เริ่มขบคิดว่าตนจะช่วยแอนเดอร์สัน·ฮู้ดให้หลุดพ้นจากคำสาปโชคร้ายด้วยวิธีใด


ผ่านมาแล้วสองเดือน เราไม่รู้ว่าริคคาร์ดออกจากเกาะโอลาวีไปหรือยัง… เฮ่อ… เขาไม่ได้เรียกผู้ส่งสารเพื่อแจ้งข่าวสมบัติวิเศษที่เราต้องการเลยสักครั้ง… แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ‘คนตีระฆัง’ คาโน่คงยังทำงานอยู่ในตำแหน่งเดิม และเราสามารถติดต่อริคคาร์ดผ่านชายคนนี้ได้…


สมเหตุสมผล… โรงเรียนชีวิตยังตอบแทนเราไม่หมด ยังมีเรื่องติดค้างกันอยู่ สามารถไหว้วานให้พวกเขาช่วยขจัดโชคร้ายให้แอนเดอร์สัน จากนั้นเราค่อยเก็บเงินจากแอนเดอร์สันแทน…


หึหึ… ถ้าพูดถึงสมบัติวิเศษหรือสมบัติปิดผนึกที่มีพลังโจมตีหนักหน่วง กริชของแอนเดอร์สันก็นับว่าเข้าข่ายไม่ใช่หรือ? หืม… และถ้าพิจารณาจากความสามารถพิเศษของ ‘ยมทูต’ เท่าที่เราเห็น ตะกอนพลังของหมอนั่นก็เข้าข่ายเหมือนกัน… หึหึ เราไม่ใช่ปีศาจร้ายใจดำสักหน่อย แน่นอนว่าจะจ่ายชดเชยให้อย่างคุ้มค่า…


ไคลน์ครุ่นคิดติดตลก ดึงนกกระเรียนกระดาษออกจากกระเป๋าสตางค์และคลี่ออก เช็ดคราบดินสอเก่าอย่างระมัดระวัง


ใกล้ขาดแล้วสินะ ไม่น่าจะเกินอีกสองครั้ง… ชายหนุ่มรำพันด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะพับกลับไปเป็นนกกระเรียนกระดาษตามเดิม เดินกลับเตียงและทิ้งตัวนอน ในส่วนของการติดต่อกับกระจกวิเศษอาโรเดสด้วยเครื่องรับสัญญาณโทรเลข ไคลน์รอให้ตนพ้นจากแดนสวรรค์ของโจรสลัดทางทะเลฝั่งตะวันออกเสียก่อน



ยามรุ่งสาง ไคลน์ตื่นขึ้นด้วยอาการเฉื่อยชา ล้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน ตระหนักว่านี่คือชีวิตประจำวันที่มนุษย์ทุกคนควรจะเป็น


ก็อก! ก็อก! ก็อก!


เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะห้วงอารมณ์


ไม่มีการตักเตือนถึงอันตราย นิมิตลางสังหรณ์แจ้งไคลน์ว่า ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครนอกจากแอนเดอร์สัน·ฮู้ด


สมกับฉายานักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด หมอนั่นรอดมาได้จนถึงตอนนี้… ไคลน์ถอนหายใจแผ่ว ก่อนจะควบคุมสีหน้าและเปิดประตู


แอนเดอร์สันสวมหมวกล่ากวางที่ไปเอามาจากไหนไม่มีใครทราบ เผยรอยยิ้มพลางยื่นเหรียญทองปอนด์ของโลเอ็นมาให้


“หนี้ของเมื่อวาน”


ไคลน์คว้าเหรียญ กะเกณฑ์น้ำหนักอย่างคร่าวและกล่าว


“สำหรับคำถามเมื่อวาน ฉันมีคำตอบ”


ดวงตาแอนเดอร์สันพลันสว่างวาบ


“ทำยังไงถึงจะรักษาหาย? อย่าบอกนะว่า คำตอบก็คือการไม่มีทางรักษา…”


ฉันดูเหมือนคนแบบนั้นมากนักหรือ… หรือเราควรตอบไปว่า ใช่แล้ว คำสาปของนายไม่มีทางรักษา จงใช้ชีวิตอันน้อยนิดให้คุ้มค่าซะ! ลาก่อน! ไคลน์รำพันติดตลก สายตาจดจ้องอีกฝ่ายอย่างเย็นชาและกล่าว


“มีครึ่งเทพที่เชี่ยวชาญการเปลี่ยนดวงชะตาบนเกาะโอลาวี เขาติดหนี้ฉันอยู่”


“เจ๋ง!” แอนเดอร์สันไม่เก็บซ่อนสีหน้ายินดี “เอ่อ… แล้วฉันต้องจ่ายนายเท่าไร”


รู้งานดีนี่… ไคลน์จงใจเงียบสองวินาที ก่อนจะตอบกลับไป


“ฉันต้องการสมบัติวิเศษที่โจมตีได้หนักหน่วง นายพอจะมีเบาะแสบ้างไหม? หากมูลค่าสูงเกินไป ทางนี้ยินดีจ่ายเงินชดเชยในส่วนต่าง”


แอนเดอร์สันขมวดคิ้วสักพัก ก่อนจะคลายออกและยิ้ม


“มีสมบัติวิเศษที่ตรงตามความต้องการของนายอยู่ โจมตีได้หนักหน่วง ผลข้างเคียงไม่อันตราย เพียงโชคร้ายขึ้นจากเดิมเล็กน้อย นายยังกินนอนได้ตามปรกติ เพียงแต่จะดึงดูดสัตว์ประหลาดและศัตรูได้ง่าย ช่างจ้อบ้างเป็นบางครั้ง เรียกได้ว่าค่อนข้างน่ารำคาญ…. ฮะฮะ! ฉันล้อเล่น… ด้วยความสัตย์จริง ‘เขี้ยวมรณะ’ ของฉันตรงตามความต้องการของนายทุกประการ แต่นี่เป็นอาวุธชิ้นเดียวที่ฉันมี คงขายให้ไม่ได้… อา… แต่ฉันมีเบาะแสของสิ่งที่คล้ายกัน เป็นปืนลูกโม่วิเศษ กระสุนที่ยิงออกไปจะสร้างผลลัพธ์ได้หลายแบบ มีทั้ง ‘โจมตีจุดอ่อน’ ‘โจมตีหนักหน่วง’ และ ‘โจมตีปลิดชีพ’ อีกทั้งยังสามารถใช้งานร่วมกับกระสุนประเภทต่างๆ ได้ด้วย ผลข้างเคียงก็คือ หลังจากการใช้งานทุกครั้ง นายจะมีจุดอ่อนในแบบที่ตัวเองไม่เคยมี เช่นการกลัวแสง กลัวเรือ กลัวสุนัข และอีกมาก จุดอ่อนดังกล่าวจะคงอยู่นานหกชั่วโมง… การพกไว้กับตัวเฉยๆ จะไม่ส่งผลกระทบด้านลบมากนัก เพียงทำให้กระหายน้ำได้ง่ายกว่าปรกติ นับเป็นข้อเสียที่สามารถมองข้ามได้… หากไม่ใช่เพราะพลังพิเศษของปืนดันมาซ้ำกับพลังและสมบัติวิเศษของฉัน ป่านนี้คงซื้อใช้เองแล้ว คนขายตั้งราคาไว้แค่เก้าพันปอนด์เท่านั้น! …สรุปก็คือ ฉันจะจ่ายให้นายหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์พร้อมกับเบาะแสของปืนพกกระบอกนี้”


ฟังดูสอดคล้องกับรูปแบบการต่อสู้ของเรา… ไคลน์ไม่ตอบตกลงทันที เพียงย้อนถาม


“หนึ่งพันห้าร้อยปอนด์?”


“ฮะฮะ เมื่อวานฉันได้เจอพวกโจรสลัดนับสิบ ทุกคนใจดีมาก ช่วยบริจาคเงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์มาให้ฉัน… หรือถ้าใครไม่ทำ ฉันก็จะเปลี่ยนเป็นค่าหัวและตะกอนพลังแทน… หึหึ ด้วยความสัตย์จริง ฉันโปรดปรานแดนสวรรค์ของโจรสลัดแห่งนี้มาก!” แอนเดอร์สันเล่าพลางฉีกยิ้มกว้าง “แต่ฉันต้องแบ่งเงินหนึ่งร้อยปอนด์ไว้สำหรับซื้อตั๋วเรือโดยสารกลับไปยังทะเลหมอก จึงมีเงินจ่ายให้นายเพียงหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์เท่านั้น”


หาเงินได้หนึ่งพันหกร้อยปอนด์ในคืนเดียว? เมืองทอสคาร์เตอร์ไม่น่าจะมีโจรสลัดมากนัก แต่กลับพกเงินสดติดตัวขนาดนี้เชียว? อยู่ดี ๆ ไคลน์ก็นึกอยากค้างคืนที่เมืองท่าแห่งนี้อีกสักสองสามวัน


แต่เมื่อพิจารณาว่า เหยื่อที่สามารถรีดเงินเงินได้ง่ายคงถูกแอนเดอร์สันกอบโกยไปเกือบหมดแล้ว การทำในเรื่องที่คล้ายกันคงไม่ราบรื่นนัก ชายหนุ่มหงุดหงิดเล็กน้อยพลางซักถามเสียงเย็น


“ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นในแดนสวรรค์ของโจรสลัด ไม่กลัวโดนเอาคืนบ้างหรือ”


“ทำไมต้องกลัว? ต่อให้พวกมันเป็นเบ๊ของพลเรือโจรสลัดหน้าไหนฉันก็ไม่กลัว! ฮะฮะ! นายเองก็คงเหมือนกัน ฉันเชื่ออย่างนั้น หรือหากเป็นเบ๊ของสี่ราชาโจรสลัด นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร พวกเรากำลังจะไปจากที่นี่แล้ว การส่งข้อความต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าเรือธงของพวกมันจะมาถึง เราคงเปลี่ยนเรือไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เปลี่ยนตัวตนไปไม่รู้กี่หน้า!” แอนเดอร์สันกล่าวอย่างไม่แยแส


ทำไมหมอนี่ถึงชอบแช่งตัวเองนัก? ไคลน์มองด้วยสายตาสมเพช


“ตกลง”


“ฮะฮะ เอาไปก่อนสามร้อยปอนด์ รอที่เหลืออีกหนึ่งพันสองร้อยปอนด์จากเงินค่าหัวและค่าตะกอนพลัง… ได้ภายในวันนี้แน่นอน เพราะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่อะไร” แอนเดอร์สันหยิบปึกธนบัตรซูลจำนวนมากยื่นให้ไคลน์


ชายหนุ่มยังคงรักษามาด เพียงนับอย่างคร่าวก่อนจะยัดธนบัตรเข้าไปในกระเป๋าสตางค์ กล่าวเสียงขรึม


“ซื้อตั๋วไปโอลาวีสองใบ เที่ยวพรุ่งนี้”


ไคลน์มิได้กำชับให้แอนเดอร์สันเปลี่ยนใบหน้าก่อนซื้อตั๋ว เพราะเชื่อว่านักล่ามากประสบการณ์คงทำพลาดในเรื่องแบบนี้


หากไม่มีประสบการณ์โชกโชนและไม่แข็งแกร่งพอ ด้วยนิสัยแบบนี้ แอนเดอร์สันน่าจะจมก้นทะเลไปนานแล้ว… ไคลน์อดไม่ได้ที่จะรำพัน


“ตกลง” แอนเดอร์สันชี้ไปบนพื้น “ลงไปกินอาหารเช้ากันไหม? ฉันเลี้ยงเอง”


ไคลน์พยักหน้า ไม่คิดปฏิเสธ


เมื่อลงมาถึงชั้นหนึ่ง สองบุรุษเดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ระหว่างกำลังรอ พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวและช้อนชา


ขณะสายตาประสานกัน ดวงตาของพนักงานพลันเหม่อลอย พลางหยิบช้อนชาแทงใส่ลำคอของแอนเดอร์สันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


แม้แอนเดอร์สันจะตกใจ แต่การตอบสนองยังว่องไวเป็นเลิศ มันรีบเอนหลังหลบหลีกการลอบโจมตีฉับพลัน


ปัง!


เจ้าของโรงแรมที่อยู่ไม่ห่างออกไป ทำการเล็งและยิงปืนใส่แอนเดอร์สันซึ่งกำลังเอนตัวหลบช้อน


“ฉ…ฉันทำอะไรลงไป…” สิ้นเสียงปืน เจ้าของโรงแรมโพล่งออกมาด้วยสีหน้าหวาดผวาเจือความสับสน


………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)