Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 632-634

 ราชันเร้นลับ 632 : บทสรุป

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางความเงียบ อมิรุสรีบแก้ไขสีหน้า พลางเปล่งเสียงด้วยอากัปกิริยาสง่างาม


“ช่วยเล่ารายละเอียดด้วย”


ไคลน์ไม่ปิดบังมากนัก เริ่มต้นเล่าจากคำถามของออสเท่นเมื่อหลายวันก่อน ตามด้วยการถูกชายลึกลับบุกรุกความฝันเพื่อเข้ามาเตือนว่า ห้ามขัดขวางทางเลือกแห่งกาลเวลา และโทรเลขฉุกเฉินที่แจ้งข่าวการเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรี


จากนั้น ชายหนุ่มเริ่มเล่ารายละเอียดในเหตุการณ์ซินเธียแปลงร่างอาละวาด สภาพแวดล้อมในขณะนั้น ความโอหังและเนื้อแท้ของลัวอาน การตอบสนองของตัวไคลน์ และการสืบสวนขยายผลหลังจากนั้น


ส่วนเรื่องที่ปิดบังไว้ก็คือ วันที่ 4 กุมภาพันธ์เป็นวันที่ตนมาถึงเกาะโอลาวี รวมถึงสมมติฐานหลังจากนั้น


แน่นอน รายละเอียดการต่อสู้ก็ค่อนข้างคลุมเครือเช่นกัน แต่ไคลน์เชื่อว่านายพลอมิรุสคงเข้าใจถึงเหตุผล เนื่องจากผู้วิเศษทุกเส้นทางล้วนมีจุดแข็งจุดอ่อน ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะปิดเป็นความลับต่อกัน เพราะถึงจะมีลำดับสูงกว่า แต่ก็อาจเสียท่าผู้วิเศษลำดับต่ำเอาได้ หากถูกล่วงรู้จุดอ่อนและลอบทำร้ายทีเผลอ


สำหรับลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพทั้งหมด ทุกคนพร้อมจะแข็งแกร่งและอ่อนแอในเวลาเดียวกัน!


อมิรุสเพียงยืนฟังอย่างเงียบงัน ไม่เปลี่ยนสีหน้าท่ามกลางบรรยากาศมืดสนิทภายในห้อง แต่การที่อีกฝ่ายไม่พูดแทรกระหว่างไคลน์กำลังอธิบาย เรื่องนี้บ่งบอกเป็นนัยถึงบางสิ่ง


ไม่กี่วินาทีถัดมา อมิรุสถามเสียงต่ำ


“มีบุคคลลึกลับบุกรุกความฝันของคุณ แถมยังเน้นย้ำเกี่ยวกับตัวเลือกแห่งการเวลา และกระแสการไหลของชะตากรรม?”


“ถูกต้อง” ไคลน์เปลี่ยนกลับไปเป็นใบหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ โดยมิได้อธิบายเจาะจงไปว่า ชายลึกลับเอ่ยถึงแผนการของออสเท่น·รีเวลต์


อมิรุสยืนนิ่งสักพัก


“ในความฝัน คุณยังรักษารูปโฉมของผมได้?”


“ถูกต้อง นั่นคือความลับของผม” ไคลน์ตอบ


อมิรุสพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินวนเป็นวงแคบหนึ่งรอบ และหันกลับมาหาเกอร์มัน·สแปร์โรว์


“การตัดสินใจของคุณ… ทำได้อย่างไร้ที่ติ”


ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์พลันตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า นี่คือการตอบสนองในอุดมคติที่ผู้ไร้หน้าทุกคนล้วนปรารถนา การถูกชมเชยจากครึ่งเทพ ช่วยให้โอสถย่อยด้วยความเร็วก้าวกระโดด!


สิ้นเสียงกังวาน อมิรุสหันไปด้านข้าง มองออกไปนอกหน้าต่างเป็นเวลานาน ตามด้วยการเปล่งเสียงเย็นชา


“ในตอนแรก ผมมิได้คิดทำพันธสัญญากับผู้ที่มาสวมรอย แต่จะบอกกับซินเธียด้วยตัวเองว่า ร่างกายของผมเริ่มแสดงอาการของภาวะคลุ้มคลั่ง ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้ห้าวัน แต่สุดท้าย ผมกลับเปลี่ยนใจกะทันหันด้วยเหตุผลบางอย่าง”


นั่นสินะ… หากแรงกระหายทางเพศที่เรามีต่อซินเธียไม่ถูกระงับไว้ด้วยพันธสัญญา เกรงว่า ถึงจะอดทนในเวลาปรกติได้ แต่คงไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของซินเธียในร่างสัตว์ประหลาด…


ถ้าซินเธียทราบล่วงหน้าว่าพันธสัญญามีระยะเวลาเพียงห้าวัน เธอคงไม่รีบร้อนขูดผงจากสร้อยขยายตัณหามาชงดื่มและสวดวิงวอนถึงมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย จนร่างกายถูกเปลี่ยนให้เป็นภาชนะ และเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดในที่สุด…


ไม่สิ ถ้าเธอนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับนิกายกายาสวรรค์ อีกฝ่ายคงหาวิธีโน้มน้าวให้ขูดผงชงดื่มและสวดวิงวอนอยู่ดี บทสรุปคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไร…


เป้าหมายหลักคือเราไม่ผิดแน่…


มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกำลังหวังอะไร? ทำไมถึงดลใจให้นายพลอมิรุสเปลี่ยนใจมาทำพันธสัญญากับเราในวินาทีสุดท้าย…


ไคลน์เริ่มพบกุญแจสำคัญ จึงหันไปมองอมิรุสที่กำลังยืนหันข้างให้ และเอ่ยปากถามเสียงเรียบ


“เหตุผลอะไรครับ?”


อมิรุสตอบโดยปราศจากอารมณ์


“คุณไม่จำเป็นต้องทราบ”


เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ไคลน์รู้สึกเกลียดชังคำตอบนี้จากก้นบึ้งหัวใจ


หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มโยนสร้อยนอแรดชำรุดไปหานายพล


“นี่คือสร้อยขยายตัณหาจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย”


อมิรุสคว้าไว้ ก้มมองจี้นอแรด


“คุณกลับไปได้ ไปหาบิลต์เพื่อรับเงินค่าจ้าง”


ไม่กังวลเลยหรือว่าเราจะรู้ความลับมากไป? นั่นสินะ แผนการของออสเท่นกลายเป็นหมันเรียบร้อยแล้ว ถูกขั้วอำนาจทางการเมืองฝั่งตรงข้ามเล่นงานจนหมดท่า และเนื่องจากอมิรุสไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง คนอย่างเราคงไม่มีวันสืบสวนลึกไปกว่านี้ การปล่อยเอาไว้จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย…


ไคลน์เคยคิดว่า ตนอาจถูกบังคับให้ต้องทำพันธสัญญาระยะยาว เพื่อห้ามแพร่งพรายข้อมูลทุกชนิดที่ได้พบเห็นในช่วงสองสามวันก่อนหน้า แต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อถูกปล่อยกลับอย่างเรียบง่าย


เมื่อเห็นว่าอมิรุสไม่กล่าวสิ่งใดต่อ ชายหนุ่มชี้นิ้วกลับไปทางอีกฝ่าย


“เสื้อผ้า”


อมิรุสก้มมองเล็กน้อย นิ่งไปสักพัก ก่อนจะบรรจงถอดทักซิโด้ เชิ้ต และเสื้อกั๊ก


อันที่จริง ไคลน์ต้องการเรียกค่าเสี่ยงภัยจากภารกิจเพิ่มเติม แต่หลังจากพิจารณาว่า ซินเธียเสียชีวิตโดยมีตนเป็นต้นเหตุ หากตนไม่เดินทางมายังโอลาวี เธอก็คงไม่ต้องตาย มันจึงค่อนข้างรู้สึกผิด


ไคลน์เพียงก้มหน้า ถอดชุดนอนออกโดยไม่เรียกร้องสิ่งใด นำทักซิโด้ของอีกฝ่ายมาสวม


จากนั้นก็หลบหนีไปยังทิศทางที่อมิรุสบอก กระโดดจากหน้าต่าง และรีบออกจากคฤหาสน์อย่างราบรื่นประหนึ่งบอดี้การ์ดตาบอดชั่วคราว


อมิรุสสวมชุดนอน มือขวากำสร้อยขยายตัณหาแน่นจนเส้นเลือดปูด ดวงตาจ้องออกไปนอกหน้าต่าง แหงนมองจันทราสีแดงและหมู่ดาวที่กำลังส่องแสงเจิดจรัส


ใบหน้ายังคงไม่แปรเปลี่ยน อากัปกิริยาแน่นิ่งเช่นนั้นเป็นเวลานาน


กร็อบ!


หมัดที่กำแน่นเริ่มคลายตัว เศษผงซึ่งเคยเป็นจี้นอแรดยาวหนึ่งข้อนิ้ว ร่วงกราวลงพื้นทีละนิด



เที่ยงตรง


ไคลน์ ผู้ได้หลับเต็มอิ่มตลอดช่วงเช้า เดินออกจากโรงแรม เช่ารถมาตรงมายังผับมะนาวหวาน เข้าพบบิลต์·แบรนโด้ภายในห้องชั้นสอง


“จบแล้วหรือ” บิลต์ซักถาม สีหน้าเผยความผ่อนคลายเจือตกตะลึง


ไคลน์ผงกหัว


“นายพลอมิรุสกลับมาแล้ว ค่าจ้างที่เหลืออยู่ไหน”


บิลต์ฉีกยิ้มกว้างอย่างปีติ รีบสั่งให้บอดี้การ์ดออกไปรอด้านนอก ตัวมันตรงไปยังตู้นิรภัยพร้อมกับหยิบเงินสดห้าร้อยปอนด์และกระดุมข้อมือสีน้ำเงินออกมา


“สิ่งนี้คือสมบัติวิเศษที่สร้างจากถุงลมของตัวเมอร์ล็อก” บิลต์อธิบาย “สรรพคุณช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเกล็ดปลาใต้ชั้นผิวหนัง ถูกจับตัวได้ยากเพราะลื่นไหลเหมือนกับปลา แถมยังช่วยลดความเสียหายที่ได้รับ ด้วยสิ่งนี้ คุณจะดำน้ำลึกสิบห้าเมตรได้นานสิบนาที ผลข้างเคียงไม่รุนแรงนัก หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนหรือแห้งจัด คุณจะเหนื่อยได้ง่ายกว่าปรกติ”


หรือก็คือ อย่าใช้งานร่วมกับเข็มกลัดสุริยัน…


ไคลน์ยื่นมือออกไปรับเงินและสมบัติวิเศษ


“ไม่นับเงินสักหน่อยหรือ” บิลต์ติดตลก


“ธุรกิจของนายอยู่ที่นี่” ไคลน์ตอบห้วน


ความนัยที่แฝงมาด้วยก็คือ หากมีปัญหากับจำนวนเงินหรือสมบัติวิเศษ มันสามารถตามหาคนรับผิดชอบได้ไม่ยาก


รอยยิ้มของบิลต์แข็งค้างหลายวินาที


“ส…สิ่งนี้ยังไม่มีชื่อ เชิญคุณตั้งได้เลย”


“กระดุมข้อมือเมอร์ล็อก” ไคลน์ไม่เปลืองเซลล์สมองคิด


“เป็นชื่อที่ดี เห็นภาพชัดเจนมาก” บิลต์ยังคงสวมรอยยิ้มจอมปลอม


มันเว้นวรรคสักพัก


“ช่างฝีมือกล่าวว่า เขาสามารถบรรจุพิธีกรรมอัญเชิญสัตว์วิญญาณลงในวัตถุได้ พลังวิญญาณจะคงอยู่ได้นานหนึ่งปีครึ่ง แต่ก่อนอื่น ผมต้องขอทราบรายละเอียดที่แน่ชัดกว่านี้ ฮะฮะ! ไม่ต้องกังวล ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด”


“ดี สร้างเป็นฮาร์โมนิก้า” ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษจากกระเป๋าเสื้อ โน้มตัวตัวเขียนรายละเอียดพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสาร


“ผู้ส่งสาร…? หายากมาก ผมไม่เคยเห็นผู้วิเศษนอกเส้นทางแห่งความตายครอบครองผู้ส่งสารมาก่อน” บิลต์รับกระดาษไปอ่าน “หือ… หากเกิดอุบัติเหตุขณะสร้างจนทำให้ผู้ส่งสารปรากฏกาย พวกเราจำเป็นต้องจ่ายเงินหนึ่งปอนด์ให้นาง… ุถ้าไม่จ่ายล่ะ? ฮะฮะ! สัตว์วิญญาณมีแต่พวกพิสดารเต็มไปหมด ผมเคยเห็นตัวที่ชอบดนตรีเป็นพิเศษ และตัวที่ไปไหนมาไหนด้วยการขี่อุจจาระ”


จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่จ่าย?


บางที มาดามไรเน็ตต์คงนำศีรษะของนายและช่างฝีมือมาให้ฉัน…


หล่อนเป็นถึงสัตว์วิญญาณที่มีปราสาทของตัวเองภายในโลกวิญญาณ! ฝีมือน่าจะแข็งแกร่งกว่าเราพอสมควร…


ในกรณีที่ไม่ได้ใช้คทาเทพสมุทรล่ะนะ…


ไคลน์รำพัน หันไปกล่าวเสียงทุ้ม


“สำหรับสิทธิ์การจ้างงานครั้งที่สาม เรื่องนั้นคงต้องค้างไว้ก่อน”


“ไม่มีปัญหา” บิลต์ไม่โต้แย้ง เพียงถามกลับด้วยความสงสัย “มิสเตอร์เกอร์มัน คุณตบตาเลขานุการลัวอาน มิสซินเธีย และท่านนายกเทศมนตรีออสเท่นด้วยวิธีใด?”


ไคลน์ฝืนระงับมุมปากที่พยายามสั่นกระตุก


“ตอบตามข้อมูล คิดให้ถี่ถ้วนทุกการกระทำ”


ชายหนุ่มไม่อธิบายลงลึก เพียงเหยียดตัวตรง สวมหมวกกลับ กล่าวคำอำลา


“ขอตัว”


“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ” บิลต์ฉีกยิ้มกว้าง


เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินพ้นประตู มันส่ายหน้า รำพันกับตัวเอง


“นักผจญภัยที่ทรงพลังและเสียสติคนนั้น เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ของยอดนักแสดงรึไง…”



หลังเสร็จอาหารเที่ยง คนของบิลต์นำกระดาษหนังสือพิมพ์มาส่ง


บิลต์ ผู้กำลังนั่งสูบซิการ์ตัวโปรดพลางอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสบายอารมณ์ พลันดวงตาแข็งทื่อกะทันหัน


“เมื่อคืน เบ็น·คอนราด นายกเทศมนตรีคนใหม่ จัดงานเลี้ยงขึ้นที่คฤหาสน์ประจำตำแหน่ง… นายกเทศมนตรีคนใหม่… ออสเท่น·รีเวลต์ถูกปลดตอนไหน?” บิลต์รีบเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นด้วยสีหน้าฉงน และพบว่าทั้งหมดลงข่าวไปในทิศทางเดียวกัน


ด้วยเส้นสายบนเกาะโอลาวีของมัน เรื่องใหญ่ระดับการเปลี่ยนตัวนายกเทศมนตรี ควรต้องแพร่งพรายมาถึงหูล่วงหน้าหลายวัน แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างปุบปับฉับพลัน กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อคนใหม่เดินทางมาถึงแล้ว


ผ่านไปสักพัก ลูกน้องของนายพลอมิรุสที่คอยประสานงานกับบิลต์ เดินเข้ามาในห้อง


“ท่านนายพลสั่งให้นายตรวจสอบคนใกล้ชิดอย่างละเอียด หากใครนับถือนิกายกายาสวรรค์ ให้จับโยนลงทะเลทันที”


“ไม่มีปัญหา” บิลต์ซักถามพลางขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เฉพาะเมื่อวานวันเดียว นิกายกายาสวรรค์ก็แทบไม่เหลือซากแล้ว…”


“เมื่อคืนวาน ท่านนายพลถูกลอบสังหารโดยคนของนิกายกายาสวรรค์ มิสซินเธียถูกสังหารภายในคฤหาสน์ เลขานุการลัวอานบาดเจ็บ หน่วยองครักษ์เสียชีวิตไปหลายนาย” เจ้าหน้าที่ประสานงานอธิบายสถานการณ์อย่างคร่าว


“อะ…” บิลต์พลันผงะ ทำได้เพียงพ่นลม


พวกเขาคือคนสนิทของนายพลไม่ใช่หรือ…


เรายังกังวลอยู่เลยว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์อาจถูกหนึ่งในสามคนนี้จับพิรุธ…


แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่… มิสซินเธียถูกฆ่า เลขาลัวอานบาดเจ็บ ออสเท่น·รีเวลต์ถูกปลด…


บิลต์พะงาบปากด้วยสีหน้าเหม่อลอย



สโตน เมืองเอกประจำรัฐเชสเตอร์ตะวันออก


ออเดรย์รับฟังคำพูดของสตรีขุนนางอย่างมีมารยาท จากนั้นก็มอบคำตอบกลับไปสองประโยคยาว


“ออเดรย์ คุณเป็นราวกับนางฟ้ามาโปรด! หลังจากได้คุยกัน ดิฉันสบายใจขึ้นมากแล้ว” สตรีขุนนางกล่าวชมจากก้นบึ้ง


ทันใดนั้น ออเดรย์เหลือบเห็นนักบวชหญิงของโบสถ์รัตติกาลเดินเข้ามาใกล้ จึงทักทายอย่างสุภาพพร้อมกับส่งยิ้มตามมารยาท


นักบวชคนนี้ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น ตำแหน่งงานอยู่ในระดับล่างสุดของโบสถ์ แต่ในความเป็นจริง หล่อนคือสายลับของสมาคมแปรจิต


“ออเดรย์ สูตรโอสถถูกส่งมาถึงมือดิฉันแล้ว แต่คุณต้องสะสมคะแนนผลงานให้ครบกำหนด”


นักบวชหญิงกระซิบโดยไม่หันหน้ามอง


ประกายดวงตาออเดรย์เปลี่ยนไปเล็กน้อย


“ไม่มีปัญหา ว่าแต่… มิสซีมิน ชื่อของมันคืออะไรหรือ”


นักบวชหญิงนามซีมินกวาดตามองรอบตัว ก่อนจะเปล่งเสียงแผ่ว


“นักสะกดจิต”


ราชันเร้นลับ 633 : ปรสิตสองประเภท

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังออกจากผับมะนาวหวาน ไคลน์เดินตรงกลับโรงแรมทันที


ขณะกำลังเก็บกระเป๋า ผู้ส่งสารโครงกระดูกตัวใหญ่ปรากฏกายกะทันหัน


มันต้องการแตะไหล่ไคลน์ แต่เนื่องจากส่วนสูงที่เลยเพดานและไม่มีชั้นล่างให้ลงไปยืน ฝ่ามือจึงสัมผัสโดนเพียงอากาศ และทำได้แค่โยนจดหมายมาทางไคลน์ ก่อนจะแตกตัวกลับไปเป็นน้ำตกโครงกระดูก


มิสเตอร์อะซิกตอบกลับมาสักที… ผ่านไปนานเกือบหนึ่งสัปดาห์… ผู้ส่งสารของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยรึเปล่า… ท่าทางดูคล้ายกับตัวแรกที่พยายามทักทายเราก่อนยื่นจดหมาย…


ไคลน์รับกระดาษ คลี่ออกอ่าน


“ผมต้องขอโทษที่ไม่ได้เขียนตอบหลายวัน คงเป็นเพราะความทรงจำที่พรั่งพรูเข้ามาในปริมาณเกินขีดจำกัด ร่างกายของผมจึงต้องการพักผ่อนหลายวันเพื่อให้เคยชิน สิ่งที่คุณเขียนอธิบายนั้นตรงกับลักษณะเฉพาะของลำดับ 4 ‘ปรสิต’ แห่งเส้นทาง ‘นักจารกรรม’ โดยตั้งแต่ลำดับนี้เป็นต้นไป พลังของพวกมันจะเน้นหนักในด้านการแทรกแซงร่างกายเป้าหมาย จากความทรงจำของผม ปรสิตที่สิงร่างเหยื่อจะมีสองประเภท ประเภทแรก ปรสิตขั้นต้น เป็นการซ่อนตัวภายในร่างโฮสต์ จุดประสงค์เพื่อยืดอายุขัยและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ มองเห็นทุกสิ่งที่โฮสต์เห็น ได้ยินทุกสิ่งที่โฮสต์ได้ยิน แต่ไม่สามารถควบคุมหรือขโมยความคิดของโฮสต์ได้ ดังนั้น โฮสต์จำเป็นต้องเปล่งเสียงหากหวังสื่อสารกับปรสิต”


“อีกหนึ่งประเภทก็คือ ปรสิตเต็มรูปแบบ ร่างวิญญาณของปรสิตและโฮสต์ผสานกันเกือบสมบูรณ์ ตระหนักถึงทุกการกระทำและความคิดของโฮสต์ สามารถควบคุมร่างกายได้ดังใจ หากเผชิญหน้ากับปรสิตประเภทแรก เราสามารถแจ้งให้โฮสต์ทราบผ่านทางความฝัน การสนทนาผ่านจิตใต้สำนึก หรือวิธีอื่น โดยไม่ต้องกังวลว่าปรสิตจะได้ยิน เพราะพวกมันต้องอาศัยประสาทสัมผัสของโฮสต์ในการรับรู้สิ่งรอบตัว”


“แต่ถ้าเป็นประเภทที่สอง เราไม่มีวิธีสื่อสารกับโฮสต์โดยไม่ให้ปรสิตรู้ตัว แต่ก็มีโอกาสขจัดออกจากร่าง โดยต้องหวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากเทพที่โฮสต์เชื่อ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ซับซ้อนจนผมยากจะอธิบาย สามารถบอกได้เพียงว่า ขณะทำการสวดวิงวอนถึงองค์เทพ ปลายทางจะตรวจพบปรสิตในตัวสาวก จากนั้น พวกท่านจะมอบการตอบสนองผ่านพิธีกรรม เพื่อกำจัดปรสิตทิ้ง หรือไม่ก็แยกออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า โฮสต์ไม่ทราบมาก่อนว่าตนถูกปรสิตสิง และห้ามคิดเรื่องจำกัดทิ้ง ไม่อย่างนั้นแล้ว ปรสิตจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางพฤติกรรมดังกล่าว…”


เหมือนกับกรณีของเดอะซันน้อย…


เขาสวดวิงวอนถึงเราด้วยความไม่รู้ จนทำให้เราพบร่างแบ่งภาคของอามุนด์ จึงเริ่มเก็บซ่อนเจตนา แอบสอนให้เขาประกอบพิธีกรรมพันธะสัญญาลับ เพื่อชำระล้างปรสิตออกจากร่าง…


ไคลน์เริ่มกระจ่างในบางสิ่ง


“แต่เรายังยืนยันไม่ได้ว่า ปรสิตในร่างนักกวีเพื่อนรักนั้นเป็นประเภทใด สมัยยังอยู่ทิงเก็น หมอนั่นชอบพูดกับตัวเอง คงเป็นสัญญาณของประเภทแรก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน อาจพัฒนาไปเป็นปรสิตเต็มรูปแบบ ต้องยืนยันเรื่องนี้ให้แน่ชัดก่อนลงมือ จะได้แก้ปัญหาอย่างถูกวิธี การเข้าไปสนทนาในความฝันส่งเดช รังแต่จะทำให้ปรสิตประเภทที่สองรู้ตัวเร็วขึ้น เกิดเป็นปัญหาลุกลามจนยากจะแก้ไขได้ด้วยวิธีปรกติ ถ้าเป็นประเภทที่สอง นักกวีเพื่อนรักเชื่อในเทพธิดารัตติกาล แต่ปัญหาคือ พระองค์มีสาวกหลายสิบล้านคน ไม่น่าจะหันมาสนใจถุงมือแดงปลายแถวที่ไม่ใช่ข้ารับใช้ใกล้ชิดหรือนักบุญ ไม่เหมือนกับเรา เดอะฟูล ผู้มักตอบสนองคำวิงวอนของสาวกเป็นรายบุคคลบ่อยครั้ง…ช่วยไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ ‘สตาร์ทอัป’ ต้องทำ”


ไคลน์ครุ่นคิด จากนั้นก็ถอนหายใจ


อันที่จริง มันอยากจ้างเอ็มลินให้คอยจับตามองเลียวนาร์ด ยืนยันว่าอีกฝ่ายยังชอบพึมพำกับตัวเองอยู่หรือไม่ แต่หลังจากพิจารณาว่า ในการซื้อขายถุงมือ ‘อินธน์’ เอ็มลินเคยปรากฏตัวต่อหน้าเลียวนาร์ดและปรสิตแล้ว อาจถูกเป้าหมายไหวตัวทัน จึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป


มิสเมจิกเชี่ยนอยู่แค่ลำดับ 8 นักตุกติก ยังไม่เก่งกาจพอจะตามสะกดรอยเทวทูตเดินดิน ‘ปรสิต’ หรือกระทั่งถุงมือแดง…


ในฐานะผู้ชม มิสจัสติสเหมาะกับงานนี้มาก อีกทั้งยังเป็นสาวกของเทพธิดา แต่ปัญหาคือ เธอยังอยู่ในดินแดนของตระกูล ต้องรอให้ถึงเดือนมิถุนายนกว่าจะกลับเบ็คลันด์…


มิสเตอร์แฮงแมนกับมาดามเฮอร์มิทต่างกำลังอยู่ในทะเล และเดอะซันน้อยหมดสิทธิ์ติดต่อกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง…


“ชุมนุมทาโรต์ยังมีจำนวนสมาชิกไม่เพียงพอ ขาดแคลนความหลากหลายสำหรับทำภารกิจให้ครบทุกรูปแบบ ส่งผลให้เราหาคนทำงานแทนไม่ได้ในภารกิจนี้ จากบรรดาคนรู้จักทั้งหมด มาดามชารอนคือตัวเลือกที่ดีกว่าใคร พลังของเธอเหมาะกับภารกิจสอดแนมมาก แต่เราดันไม่มีวิธีติดต่อ… จะฝากเอ็มลินกับมิสเมจิกเชี่ยนส่งข่าวก็ไม่ได้… เฮ่อ… เรารีบร้อนออกจากเบ็คลันด์เกินไป จนลืมที่จะจัดการหลายสิ่งให้เรียบร้อย”


ไคลน์เงยศีรษะ ใช้มือลูบหน้าผากพลางพิจารณาว่า หากเลียวนาร์ดคือถุงมือแดงแห่งเหยี่ยวราตรี รอบตัวก็คงมีอาวุโสใหญ่ของโบสถ์คอยจับตามองตลอดเวลา ปรสิตคงไม่กล้าลงมือโฉ่งฉ่างไปอีกพักใหญ่


ดังนั้น ตนควรพับเก็บเรื่องนี้ไปก่อน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยลงมือช่วยเหลือ


อาจต้องรอให้เราย่อยโอสถเสร็จ เดินทางไปยังย่านตะวันออกของทะเลโซเนียเพื่อตามหานางเงือก และเลื่อนลำดับ จากนั้นค่อยเดินทางกลับกรุงเบ็คลันด์เพื่อสะสางเรื่องนี้ด้วยตัวเอง…



ณ ผับมะนาวหวาน


บิลต์ ผู้กำลังหดหู่หลังจัดการกับสองสาวกนิกายกายาสวรรค์ที่เป็นคนใกล้ตัว พลันเผยสีหน้าตื่นเต้นเมื่อได้ยินข่าวดี


“นายพลอมิรุสออกเดินทางแล้ว และปลายทางคือบายัม?” มันรีบดึงซิการ์ออกจากปาก ลุกพรวดขึ้นถาม


คนสนิทของบิลต์ โซทอธ พยักหน้ารับ


“ราวครึ่งชั่วโมงก่อน กองเรือของท่านนายพลแล่นออกจากฐานทัพ หันหัวไปยังทิศทางของหมู่เกาะรอสต์”


ฟู่ว…


เมื่อยืนยันว่าตนไม่ถูกลงโทษเพิ่มเติม บิลต์ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก


ภายในไม่ถึงสี่วัน ภารกิจปลอมตัวสวมรอยของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้สร้างความพินาศย่อยยับแก่นายพลอมิรุส สูญเสียองครักษ์ประจำตัวหลายนาย น้องชายถูกปลดจากตำแหน่ง เลขานุการได้รับบาดเจ็บ ภรรยารองเสียชีวิตในคฤหาสน์ ในฐานะคนเลือกตัวแทน บิลต์ไม่กล้าตัดตัวเองออกจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง


จริงอยู่ ปัญหาส่วนใหญ่อาจไม่ได้เกิดจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่เมื่อทุกสิ่งปะทุออกมาพร้อมกัน คงเป็นการยากที่จะให้อมิรุสมองข้ามนักผจญภัยเสียสติ ถือเป็นคราวซวยโดยแท้จริง และนั่นยังทำให้บิลต์กังวลว่า บทลงโทษของนายพลอมิรุสอาจลุกลามมาถึงตนด้วย


“ท่านนายพลช่างวางตัวสมกับเป็นครึ่งเทพ! ไม่ปล่อยให้ความโกรธบดบังความถูกต้อง… พระองค์วายุสลาตันจงเจริญ! ขอพลังแห่งพายุจงสถิตกับเราทุกคน”


บิลต์ใช้กำปั้นขวากระแทกอกซ้าย


ทันใดนั้น หนึ่งในคนที่มันส่งออกไป รีบวิ่งกลับมาด้วยท่าทีร้อนรน


“บอส เกอร์มัน·สแปร์โรว์หายตัวไปแล้ว!”


ชายคนดังกล่าวรีบรายงาน


บิลต์ขมวดคิ้ว


“หายตัวไป?”


“ครับ! หลังจากเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม เขาออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง เดินวนรอบถนนสักพัก ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!”


ลูกน้องเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามจริง


ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กับการต้องสะกดรอยนักผจญภัยที่สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้…


บิลต์ถอนหายใจ


“พอแค่นี้ ไม่ต้องตามหาเขาอีก”



หลังจากถูกมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเพ่งเล็ง ไคลน์ตัดสินใจแปลงโฉม เปลี่ยนตัวตน เปลี่ยนห้องพัก เพื่อป้องกันมิให้ถูกจับตามองอีก


ประกอบกับเรื่องที่โอสถถูกย่อยอย่างก้าวกระโดดในภารกิจปลอมตัวเป็นนายพลอมิรุส ชายหนุ่มวางแผนเร่งมือย่อยให้สมบูรณ์โดยเร็ว จะได้เริ่มต้นการเดินทางค้นหานางเงือกเสียที


หลังจากนั่งรถม้าตรงไปยังมูลนิธิเวชบริบาลโอลาวี ไคลน์ได้กลับมายังห้องลงทะเบียนอาสาสมัครอีกครั้ง


เจ้าหน้าที่ยังคงเป็นมิสโยฮันน่าคนเดิม เธอเงยหน้าขึ้นและซักถาม


“จะลงทะเบียนอาสาสมัครใช่ไหมคะ”


“ครับ” ไคลน์พยักหน้า


โยฮันน่าหยิบกระดาษแบบฟอร์มยื่นให้ เอ่ยปากถามอย่างคล่องแคล่ว


“ขอทราบชื่อด้วยค่ะ”


ไคลน์ยิ้มตอบ


“ซินแบด·วาเรนต์”



ท่ามกลางอากาศแสนอบอุ่นและพืชพรรณเขียวขจีนานาชนิดของรัฐเชสเตอร์ตะวันออกในเดือนเมษายน บรรยากาศรอบตัวเหมาะแก่การล่าสัตว์เป็นอย่างยิ่ง


ออเดรย์ในทักซิโดสีดำ สวมหมวกนิรภัย กำลังควบม้าสีน้ำตาลแดง ไล่ล่าไก่ฟ้าสีสันสดใส


ฟุ่บ!


ฉึก!


ปลายศรจากคันธนูในมือหญิงสาว พุ่งปักเหยื่ออย่างแม่นยำภายในดอกเดียว


ในฐานะนักจิตบำบัด สมรรถภาพร่างกายของเธอถูกยกระดับขึ้นมาก ผนวกกับคาบเรียนยิงธนูในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นปืนหรือธนู หญิงสาวล้วนใช้งานได้อย่างชำนาญ


จากนั้น ร่างสีทองกระโจนพรวด พุ่งตัวคาบไก่ฟ้าที่ปราศจากลมหายใจอย่างคล่องแคล่ว


ไม่ใช่ใครนอกจากซูซี่


“ประสานงานได้เยี่ยม!” ออเดรย์ฉีกยิ้มกว้าง พลางนำฝ่ามือตบกับอุ้งเท้าซูซี่กลางอากาศ


ทันใดนั้น บรรดาทายาทขุนนางรอบตัวต่างกล่าวคำชมเชยในฝีมือขี่ม้า ฝีมือยิงธนู และฝีมือการฝึกหมาล่าเนื้อของออเดรย์ ทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบอันสมบูรณ์แบบสำหรับการล่าสัตว์


เมื่อได้ยินคำชมเกี่ยวกับการฝึกหมาล่าเนื้อ หญิงสาวพลันเกิดความละอายใจ


เธอไม่เคยฝึกซูซี่เลยสักครั้ง!


จากนั้น เหล่าทายาทขุนนางเริ่มแยกย้ายไปล่าสัตว์ของตัวเอง เปิดโอกาสให้นักบวชหญิงแห่งโบสถ์รัตติกาล ซีมิน เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบข้างหูออเดรย์


“ภารกิจสุดท้าย หากคุณทำสำเร็จ สูตรผลิตโอสถนักสะกดจิตจะเป็นของคุณทันที”


ในที่สุด…


ดวงตาหญิงสาวส่องประกาย รีบพยักหน้ารับ


ว่ากันตามตรง หากเธอยังเป็นออเดรย์คนเก่าที่ยังอ่อนต่อโลกและหัวสูง คงไม่มัวเสียเวลาทำภารกิจซึ่งกินเวลานานกว่าสองเดือนแน่ โดยจะหันไปซื้อสูตรผลิตโอสถนักสะกดจิตจากชุมนุมทาโรต์แทน


แต่ในปัจจุบัน เธอทราบเป็นอย่างดี การสร้างคะแนนผลงานจะช่วยให้ตนแทรกซึมเข้าไปในสมาคมแปรจิตง่ายขึ้น ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมากขึ้น และต่อยอดไปจนถึงการได้รับสูตรโอสถครึ่งเทพในอนาคต ดังนั้น หญิงสาวจึงกัดฟันทนทำในสิ่งที่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไร


แน่นอน ออเดรย์ไม่ปล่อยให้สองเดือนผ่านไปอย่างสูญเปล่า เธอมักรับฟังปัญหาหนักใจของทายาทขุนนางคนอื่น รวมถึงบรรดาสาวใช้ใกล้ชิดรอบตัว คอยมอบคำแนะนำที่ช่วยขจัดอารมณ์ด้านลบในจิตใจ สวมบทบาทเป็นนักจิตบำบัดได้อย่างสมบูรณ์


ระหว่างนี้ เธอพบโดยบังเอิญว่า ตนสามารถสร้างอิทธิพลทางจิตใจให้กับคนรอบตัวได้ไม่ยาก ผ่านการฟัง จับตามอง และแนะนำแนวทาง หากหวังให้ใครเกิดความหดหู่จากก้นบึ้งก็สามารถกระทำได้ทันที บางรายอาจถึงขั้นสติแตก แต่ในทางกลับกัน เธอก็สามารถช่วยประคองให้ภายในคฤหาสน์มีแต่บรรยากาศดีๆ ได้เช่นกัน


เป็นพลังที่น่ากลัวมาก… เหมือนกับสัตว์ประหลาดในเทพนิยายไม่มีผิด…


เมื่อได้คิดในมุมกลับ ออเดรย์ถอนหายใจ


ซีมิน ผู้ไม่ชำนาญการขี่ม้าสักเท่าไร รีบเหลียวซ้ายแลขวาและกล่าวหลังจากไตร่ตรอง


“เป้าหมายคราวนี้คือ รองศาสตราจารย์มิตเชลจากมหาวิทยาลัยสโตน เขาเป็นนักสะสม ทางเราต้องการให้คุณซื้อหนังสือ ‘บันทึกสงครามสองทศวรรษ’ จากเขา”


สงครามสองทศวรรษหมายถึง สงครามระหว่างอาณาจักรโลเอ็นและจักรวรรดิฟุซัคในปี 621 ถึง 642 ของยุคสมัยที่ห้า บทสรุปคือความพ่ายแพ้ของฝ่ายแรก ส่งผลให้ต้องสูญเสียเกาะเอลฟ์โบราณ หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะโซเนีย


ราชันเร้นลับ 634 : เมืองสีขาว

โดย

Ink Stone_Fantasy

มหาวิทยาลัยสโตน…


รองศาสตราจารย์มิตเชล… บันทึกสงครามสองทศวรรษ…


ออเดรย์แยกคำสำคัญออกจากบทสนทนา สายตามองตรงไปทางซูซี่กำลังวิ่งนำหน้าม้าสีน้ำตาลแดงอย่างสนุกสนาน เปล่งเสียงถามซีมินด้วยสีหน้าสนใจ


“มิสซีมิน มันคือบันทึกเกี่ยวกับอะไรคะ”


“พวกเราเองก็ไม่แน่ใจ ทราบแต่เพียงว่า เนื้อหาเกี่ยวกับสงครามสองทศวรรษ และเป็นหนึ่งในของสะสมของรองศาสตราจารย์มิตเชล โดยจุดสำคัญของหนังสือเล่มนั้น คือลายเส้นบนปกที่เรียงต่อกันเป็นรูปมังกร” ซีมินไม่ปิดบัง เล่าทุกเรื่องที่เธอฟังมาให้ออเดรย์ทราบ


หลังจากฟังจบ หญิงสาวลดความเร็วม้าลง สมองครุ่นคิดหาวิธีทำภารกิจให้ลุล่วง


เราแค่ต้องหาโอกาสนัดพบรองศาสตราจารย์มิตเชลเพื่อขอดูของสะสม จากนั้นก็เอ่ยปากขอซื้อหนังสือสักเล่ม ฟังดูไม่ใช่งานยาก…


ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจสักเท่าไร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเราปรารถนาสิ่งใด แทบไม่มีชายใดกล้าตอบปฏิเสธ… อึก… ออเดรย์! เธอไม่ควรพึ่งพาเรื่องแบบนี้มากเกินไป!


ประเด็นสำคัญคือความแนบเนียน เราไม่เคยรู้จักมักจี่กับรองศาสตราจารย์มิตเชลมาก่อน การพรวดเข้าไปขอนัดพบคงไม่ใช่เรื่องดีนัก และยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าหนังสือเล่มดังกล่าวสำคัญต่อเขามากแค่ไหน การดึงดันขอซื้อรังแต่จะสร้างความหวาดระแวงและน่าสงสัย…


จริงสิ หากจำไม่ผิด พี่ชายของเจนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสโตน โดยในงานเลี้ยงครั้งสุดท้าย เขาเป็นคนช่างพูดและชอบแลกเปลี่ยนความรู้ หากลองเราชักชวนให้มางานเลี้ยงน้ำชาพร้อมกันทั้งพี่ทั้งน้อง และเกริ่นถึงความสนใจด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และของสะสม เขาต้องเอ่ยชื่อรองศาสตราจารย์มิตเชลออกมาแน่…


คนที่ถูกเรียกว่า ‘นักสะสม’ คงมีไม่มากเท่าไรในมหาวิทยาลัย…


เมื่อเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ เราจะส่งคนเข้าไปนัดกับรองศาสตราจารย์มิตเชลเพื่อขอดูของสะสม การเยี่ยมชมครั้งแรกต้องไม่เผยความสนใจจนเกินพอดี เพียงคอยจับตามองท่าทีของอีกฝ่ายก็พอ บรรจงกล่อมให้เผยความสนใจของตัวเองออกมาทีละนิด จากนั้นค่อยเอ่ยปากขอซื้อในจังหวะเหมาะสม…


หลังจากยืนยันแผนเสร็จ ออเดรย์หันไปพยักหน้าให้ซีมินพร้อมกับเผยรอยยิ้ม


“ดิฉันจะพยายามค่ะ แต่ไม่ขอรับประกันความสำเร็จ”


เมื่อสิ้นเสียง หญิงสาวเกร็งเท้าทั้งสองข้างเพื่อตบโกลนให้แนบลำตัวม้า เหยียดตัวยืนตรงอย่างสง่างาม ปล่อยสายธนูเพื่อส่งศรพุ่งตรงไปทางสุนัขจิ้งจอกสีน้ำตาลแดง ซึ่งกำลังถูกล้อมกรอบต้อนโดยเหล่าคนรับใช้



ท่ามกลางคลื่นทะเลสูงต่ำ โทสะสีครามโยกคลอนประหนึ่งใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิว ลำเรือโคลงเคลงซ้ายทีขวาที แต่สมดุลของมันยอดเยี่ยมจนน่าเหลือเชื่อ ยังคงยึดเกาะผิวน้ำไว้แนบแน่นโดยไม่มีทีท่าจะพลิกคว่ำ


ณ ห้องกัปตัน


อัลเจอร์วิลสันกำลังลอยตัวข้างหน้าต่างในลักษณะฝ่าเท้าไม่ติดพื้น ตามองออกไปยังคลื่นสูงประหนึ่งขุนเขาด้านนอกเรือ สายลมล่องหนกำลังหมุนวนรอบตัวอย่างเงียบงัน


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ อัลเจอร์ร่อนลงโดยใช้ฝ่าเท้าสัมผัสกับพรมหนา


‘ข้ารับใช้วายุ’ สวมบทบาทได้ง่ายสมชื่อ… ปัญหาเดียวคืออารมณ์ที่หุนหัน เพื่อให้เข้ากับความเกรี้ยวกราดของสายลม…


อัลเจอร์ถอนหายใจ สีหน้ามิได้เผยความยินดี


ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มันตามหาสูตรโอสถ ‘นักขับขานสมุทร’ มาครอบครองไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะจากช่องทางส่วนตัวหรือชุมนุมทาโรต์ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไร โอสถลำดับ 5 หมายถึงประตูบานสุดท้ายก่อนถึงครึ่งเทพ ไม่มีขายในราคาท้องตลาดแน่นอน หากไม่ควักเงินก้อนโตก็คงยากจะได้มาครอบครอง นอกเสียจากจะยอมเสี่ยงโชคกับของถูกที่มีโอกาสปลอมมากกว่าจริง


ว่ากันตามตรง ช่องทางที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุดคงหนีไม่พ้นโบสถ์ แต่อัลเจอร์ผู้มีตำแหน่งทัดเทียมบิชอปของโบสถ์วายุสลาตัน กลับไม่สามารถสะสมคะแนนผลงานแลกอย่างตรงไปตรงมาได้ มันต้องการให้ลำดับของตนถูกปิดเป็นความลับ เก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเพื่อแลกกับอิสรภาพและการไม่ถูกจับตามอง คอยสั่งสมพลังเพื่อรอโอกาสเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นก็สะสางในสิ่งที่ตนปรารถนามานาน


สิ่งที่ทำให้อัลเจอร์ใจเย็นลงก็คือ สองเดือนที่ผ่านมามิได้ผ่านไปอย่างสูญเปล่า อย่างน้อยพัฒนาการของโอสถ ‘ข้ารับใช้วายุ’ ก็คืบหน้าเป็นอันมาก


จริงอยู่ ตอนนี้อาจยังสวมบทบาทได้ง่าย แต่หากกลายเป็น ‘นักขับขานสมุทร’ เมื่อไร เราจะใช้วิธีใดสวมบทบาท? ต้องหมั่นร้องเพลง?


อัลเจอร์ครุ่นคิดพลางหันไปทางดาดฟ้าเรือ


แม้จะถูกกำแพงห้องกั้นหลายชั้น แต่มันยังได้ยินเสียงสำมะเลเทเมาของเหล่าลูกเรือด้านนอกอย่างชัดเจน เป็นการแหกปากร้องเพลงเพื่อเอาชนะเสียงหวีดแหลมของลมพายุกระโชก


อัลเจอร์ขมวดคิ้วหน้าหงิกโดยไม่รู้ตัว



กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด


คณะละครสัตว์ซินดิส


“พี่สาวไม่ใช่นักมายากลหรอกหรือ ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้?” เมื่อเห็นนักมายากลสวมชุดคลุมสีดำและหมวกปลายแหลมสีเดียวกัน เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ


ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องแต่งตัวแบบนี้… อาจเพราะในการแสดงครั้งแรก สมองของเราถูกอากาศอันหนาวเหน็บแช่แข็งจนทำงานผิดพลาด แต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวมาตลอด…


ฟอร์สเกาแก้มสีแดงระเรื่อและยิ้มตอบ


“ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มายากลมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเวทมนตร์คาถา”


แต่นั่นก็ยังไม่ช่วยอธิบายว่าทำไมเราถึงแต่งตัวแบบนี้…


จากนั้น หญิงสาวยกหนึ่งในสามแก้วคว่ำที่วางอยู่ตรงหน้า สอดลูกบอลสีขาวใบเล็กและคว่ำกลับไปตามเดิม


ฟอร์สสับเปลี่ยนตำแหน่งของถ้วยด้วยความไวมืออันน่าทึ่ง ปิดท้ายด้วยการส่งรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งตั้งคำถาม


“ลูกบอลอยู่ใต้แก้วใบไหนเอ่ย?”


“นี่มันเกมการพนันที่จักรพรรดิโรซายล์คิดค้นไม่ใช่หรือ…” เด็กหนุ่มเกริ่นอย่างสนใจ “แต่พี่สาวไม่ใช่เจ้ามือบ่อน และที่นี่คือคณะละครสัตว์ ดังนั้นพี่สาวน่าจะเล่นกลตบตา สลับลูกบอลออกไปเรียบร้อยแล้ว! แก้วทั้งหมดว่างเปล่า!”


ฟอร์สกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ปิ๊งป่อง… ผิดจ้า”


หญิงสาวหงายเปิดแก้วใบกลาง ทันใดนั้น ร่างสีขาวโพลนโผล่พรวดออกมากะทันหัน


นกพิราบ!


เมื่อนกพิราบบินออกไป ลูกบอลสีขาวใบเล็กถูกวางอยู่ใต้ถ้วยใบเดียวกัน


“สุดยอด!”


“พระเจ้าช่วย!”


“เวทมนตร์!”


ท่ามกลางเสียงฮือฮา ฟอร์สแหงนหน้ามองไปทางนาฬิกาโบสถ์ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าเจือความภาคภูมิใจ จากนั้น เธอรีบเก็บอุปกรณ์และเดินเข้าไปหาเจ้าของคณะละครสัตว์


“คุณจะลาออกจริงหรือ? ผมยินดีเพิ่มค่าแรงให้เป็นสองเท่า!” หัวหน้าคณะละครสัตว์รีบโน้มน้าวเมื่อเห็นอีกฝ่าย


คงไม่ได้กระมัง… เราค้นพบแก่นของนักตุกติกตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม จนกระทั่งย่อยโอสถอย่างสมบูรณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน หากไม่ใช่เพราะมีสัญญาจนถึงวันนี้ ก็คงไม่ลากสังขารออกจากบ้านมาทำแน่นอน…


อันที่จริง ชีวิตการเป็นนักมายากลในคณะละครสัตว์ก็ไม่เลวนัก แต่เรายังมีเป้าหมายที่จะเป็น ‘โหราจารย์’ และอาจารย์บอกว่าจะกลับมาถึงในสัปดาห์นี้ เพื่อมอบสูตรโอสถพร้อมกับวัตถุดิบหลักหนึ่งชิ้นเป็นของขวัญ…


จะเป็นชิ้นไหนกันนะ…


เฮ่อ… เสียงเพรียกในคืนจันทร์เต็มดวงนับวันยิ่งทรงพลัง หากไม่มีมิสเตอร์ฟูล เราคงคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปนานแล้ว…


ฟอร์สครุ่นคิดพลางยกมือปิดปากหาวอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะหันไปตอบด้วยรอยยิ้ม


“อันที่จริง ดิฉันเป็นนักเขียนนิยายขายดี เรื่องถัดไปมีเนื้อหาเกี่ยวกับคณะละครสัตว์ จึงสมัครเข้ามาทำงานกับที่นี่”


“นิยายขายดี?” แววตาหัวหน้าคณะละครสัตว์พลันลุกวาว รีบเปล่งเสียงถามด้วยน้ำเสียงกังวลปนคาดหวัง “คุณจะเขียนเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับพวกเราไหม…”


“ที่นี่มีอะไรแย่ด้วยหรือ ดิฉันมีความสุขมากตลอดสองเดือนที่ผ่านมา” ฟอร์สถอดหมวกสีดำปลายแหลม


หัวหน้าคณะละครสัตว์ฉีกยิ้มกว้าง


“อ…เอ่อ มิสวอลล์ รบกวนคุณช่วยเอ่ยชื่อคณะละครสัตว์ของเราในนิยายเรื่องใหม่ได้ไหม ผ…ผมยินดีจ่ายค่าโฆษณา แต่มันคงไม่มากมายอะไรนัก คุณคงทราบดีว่าผมมีหลายปากท้องให้ต้องเลี้ยงดู”


ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ… หัวหน้าคณะหลักแหลมไม่เบา โดยเฉพาะด้านการค้า…


เป็นครั้งแรกที่ฟอร์สตระหนักว่านิยายก็สามารถขายพื้นที่โฆษณาได้เช่นกัน ไม่ต่างไปจากหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ออกจะเป็นธรรมชาติและแนบเนียนกว่าด้วยซ้ำ



ท่ามกลางคลื่นทะเล เรือเดินสมุทรที่มีปืนใหญ่หลายกระบอกเรียงราย กำลังแล่นไปบนน่านน้ำปลอดภัยโดยไม่กล้าแฉลบออก


หากเป็นแถบน่านน้ำตะวันออกถัดจากเขตเกาะโอลาวี เรือที่แล่นออกจากนอกเส้นทางหลักมักสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่โจรสลัดห้าวหาญก็ยังไม่กล้าเสี่ยงเบี่ยงออกไปนานนัก


ผืนมหาสมุทรส่วนใหญ่ของโลกยังคงเต็มไปด้วยดินแดนที่ไม่ถูกสำรวจ เกือบทั้งหมดมีตำนานเหนือธรรมชาติซ่อนอยู่!


หลังจากทำงานอาสาสมัครนานกว่าสองเดือน ช่วยบรรลุความปรารถนาสุดท้ายของคนไข้ใกล้ตายไปสี่ราย ทำงานภารโรงเช่นการเช็ดคราบของเสีย ในที่สุดไคลน์ก็บอกลาเกาะโอลาวีและขึ้นเรือเดินสมุทรมายังหมู่เกาะการ์กัส


ย้อนกลับไปในช่วงต้นเดือนมีนาคม ไคลน์อาศัยชุมนุมทาโรต์เป็นช่องทางว่าจ้างเฮอร์มิท และใช้เมืองสีขาว ‘นาส’ เป็นจุดนัดพบ โดยหลังจากนั้น มันจะขึ้นเรือของพลเรือเอกดวงดาวไปยังสุดเขตตะวันออกของทะเลโซเนีย ซึ่งขึ้นชื่อว่างดงามประหนึ่งดินแดนมายาและเต็มไปด้วยอันตรายเหนือพรรณนา เพื่อตามหานางเงือกที่ดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติ


เฮอร์มิท·แคทลียาค่อนข้างสนใจการพบปะกับสมาชิกชุมนุมทาโรต์ในชีวิตจริง เพียงครุ่นคิดไม่กี่วินาทีก็ตอบตกลงคำขอร้องของเดอะเวิร์ล อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากระดับความอันตราย เธอเสนอราคาค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง


สามพันปอนด์!


ความคิดแรกในหัวไคลน์คือโบกมือลา และหันไปขึ้นเรือของแฮงแมนแทน แต่หลังจากประเมินว่าอาจต้องร่วมทางกับลูกเรือของโบสถ์วายุสลาตันจำนวนมาก ทำให้ค่อนข้างขาดอิสระ รวมถึงกังวลเกี่ยวกับระดับอันตรายของน่านน้ำสุดเขตตะวันออก ท้ายที่สุด ไคลน์เลือกโดยสารไปกับเรือของเฮอร์มิท โดยอีกฝ่ายพร้อมเริ่มงานในช่วงต้นเมษายน และจะรอใกล้กับหมู่เกาะการ์กัสได้นานเพียงเดือนเดียว หากเลื่อนเวลาออกไปเกินกว่านั้นจะขอยกเลิกข้อตกลง


เพื่อไม่ให้เงินมัดจำหนึ่งพันปอนด์สูญเปล่า ชายหนุ่มไม่มัวรอให้โอสถย่อยสมบูรณ์ รีบเดินทางออกจากโอลาวีมายังหมู่เกาะการ์กัสทันทีในช่วงต้นเดือนเมษายน


อย่างไรก็ตาม การสวมรอยเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลสี่ครั้งตลอดสองเดือนเต็ม ช่วยให้โอสถผู้ไร้หน้าย่อยเกือบสมบูรณ์ ขอเพียงสวมบทบาทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ต่อไปอีกสักสองสัปดาห์ โอสถคงก็ย่อยเสร็จพอดี


ด้วยเหตุผลข้างต้น ไคลน์ตัดสินใจผูกตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไว้กับเดอะเวิร์ล เมื่อออกจากโรงพยาบาลจึงแปลงโฉมกลับเป็นนักผจญภัยเสียสติทันที แต่ยังปลอมตัวปกปิดทับอีกชั้น


หลังจากจ้องคลื่นทะเลที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นเวลานาน ในที่สุด ไคลน์มองเห็นเมืองท่าที่ใช้อิฐสีขาวเป็นวัสดุหลักในการสร้างอาคารส่วนมาก


ที่นี่คือดินแดนสุดเขตอาณานิคมทางตะวันออกของจักรวรรดิฟุซัค


เมืองเอกของหมู่เกาะการ์กัส นาส!


“ได้ออกจากอาณาจักรตัวเองซะที…”


ไคลน์จ้องเรือประมงที่กำลังลำเลียงเนื้อวาฬเข้าไปจอดในท่า ลูกเรือแต่ละคนล้วนกำยำบึกบึนแฝงความป่าเถื่อนสมคำร่ำลือ


ขณะเดียวกัน มันพบเรือหลายลำในท่าที่มีธงโจรสลัดโบกสะบัด ปราศจากการปกปิดหรือความคิดที่จะอำพราง


ไม่ผิดจากที่ได้ยินมา สุดเขตตะวันออกคือแดนสวรรค์ของโจรสลัด…


ไคลน์สวมหมวกพร้อมกับถือกระเป๋าเดินทาง รอจนกระทั่งเรือเดินสมุทรจอดแน่นิ่ง จึงย่างกรายออกจากห้องพักและลงจากเรือด้วยบันได


ผ่านไปสองสามก้าว มันเห็นการปะทะกันระหว่างกลุ่มโจรสลัดและกลุ่มที่น่าจะเป็นอันธพาลท้องถิ่น


ไคลน์เดินผ่านโดยไม่ส่งเสียง และไม่หยุดหันไปมองให้เสียเวลา


ทันใดนั้น หางตาบังเอิญเหลือบเห็นผู้ที่น่าจะเป็นอันธพาลท้องถิ่นคนหนึ่ง ล้วงหยิบกระป๋องของบางสิ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ เปิดฝาและขว้างลงไปยังกลางถนน


ทำเพื่ออะ…


…ไร!


ขณะเตรียมส่ายหน้า ไคลน์บังเอิญหวนนึกถึงสินค้าชื่อดังทางทะเลชนิดหนึ่ง


ปลาหมาป่ากระป๋อง!


ปลาหมาป่ากระป๋องได้รับความนิยมอย่างมากในแถบฝ่ายฝั่งตะวันออกของฟุซัคและหมู่เกาะการ์กัส!


ขณะความคิดข้างต้นแล่นผ่าน ความเหม็นที่เหนือพรรณนาได้ทะลวงเข้ามาในประสาทรับกลิ่นอย่างท่วมท้น!


ใบหน้าชายหนุ่มเริ่มบิดเบี้ยว ฝืนอดทนต่อความกระอักกระอ่วนทางกายภาพด้วยจิตใจอันเข้มแข็งของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน รีบส่งตัวเองออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็ว


โจรสลัดที่ยืนใกล้กับกระป๋องอาหารพลันหลับกลางอากาศ บางรายที่ห่างออกไปเริ่มอ้วกอย่างไม่เขินอาย ส่วนคนที่ตั้งตัวได้ทัน รีบกลั้นหายใจและแบกซากเพื่อนออกจากจุดปะทะ


ราวหนึ่งนาทีถัดมา ภายในมุมหนึ่งของตรอกเปลี่ยวอับสายตา นักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังนั่งยองและพ่นอ้วกโดยพยายามให้เสียงดังน้อยที่สุด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)