Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 582-584
ราชันเร้นลับ 582 : ยั่วยุ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เทรซี่เห็นสายฟ้าสีเงินสองเส้นภายในดวงตาเขียวมรกตของเอลเลน จากนั้น แสงสีเงินได้ปกคลุมทัศนวิสัยของเธอ
คางโค้งเรียวของหญิงสาวเชิดขึ้นกะทันหัน ท่าทีคล้ายกับเตรียมกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
ทว่า ร่างกายเทรซี่พลันชะงัก ก่อนจะแตกเป็นกระจายเป็นเสี่ยง ๆ โดยมีกระจกเงาเต็มบานภายในห้องถูกทำลายไปพร้อมกัน เศษเล็กเศษน้อยหล่นโปรยปรายเต็มพื้น
กระจกตัวแทน!
เทรซี่ในเชิ้ตขาว กางเกงสีน้ำตาลอ่อน รองเท้าหนังสีดำ ปรากฏตัวอีกครั้งจากด้านข้างกระจกเงาที่ถูกทำลาย แต่ยังไม่ทันได้พักหายใจ เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังแว่วข้างหู เอลเลนผมแดงในเดรสกระโปรงยาว กำลังบึ่งตะลุยเข้าใส่ประหนึ่งรถม้าศึก ถุงมือข้างซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีดจาง
ไคลน์สลับเป็นพลังซอมบี้ มัดกล้ามเนื้อทั่วร่างเริ่มปูดขึ้น มาพร้อมกับพละกำลังมหาศาล
ชายแขนเสื้อสั่นกระเพื่อมตามแนวกล้ามเนื้อ หมัดขวาถูกกำแน่น ตามด้วยการประเคนใส่ พลเรือโทแห่งโรคภัย เทรซี่ ราวกับทุบด้วยค้อนยักษ์
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ชายหนุ่มยังคงอยู่ในรูปลักษณ์เอลเลน แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนสัตว์ป่าดุร้ายและเกรี้ยวกราด หมัดแล้วหมัดเล่า อีกทั้งยังมีท่วงท่าเตะ เทรซี่ทำได้เพียงตั้งรับเต็มกลืน มองไม่เห็นช่องว่างในการใช้พลังพิเศษตอบโต้
หากไม่ใช่แม่มดทุกข์ระทมซึ่งมีลำดับ 9 เป็นนักลอบสังหาร ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้และหลบหนีเป็นทุนเดิม คงยากที่จะทนรับการโหมกระหน่ำประหนึ่งพายุบุแคมของไคลน์
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กำปั้นไคลน์อัดแน่นไปด้วยออร่าน้ำแข็ง ทุกการปะทะจะทำให้ร่างกายเทรซี่สั่นระริกอย่างเหน็บหนาว ผิวพรรณบางส่วนของหญิงสาวเริ่มมีชั้นน้ำแข็งฉาบเกาะ
พลังควบคุมน้ำแข็งของซอมบี้!
ได้เห็นเลือดตัวเองเริ่มจับตัวเป็นก้อน เทรซี่ไม่ลังเลอีกต่อไป ตัดสินใจปลอดปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อตอบโต้
ปากที่ซีดลงเล็กน้อยของเธอเผยอออก เสียงกรีดร้องที่มองไม่เห็นพุ่งออกมา
เมื่อสิ้นเสียงกรีดร้อง ออร่ามายาสีฟ้าเข้มข้นเริ่มแผ่ออกจากร่างกายหญิงสาว จากนั้นก็ก่อตัวเป็นชั้นน้ำแข็งทับซ้อนกัน
ผ่านไปราวหนึ่งถึงสองวินาที เธอและไคลน์ตกอยู่ท่ามกลางโลกน้ำแข็ง รายล้อมไปด้วยก้อนน้ำแข็งแผ่นใหญ่และหนา ตามอวัยวะมีปุยน้ำแข็งเกาะหลายจุด ทั้งสองอาจดูเหมือนยืนใกล้กันมาก แต่ความจริงแล้ว ต้องพังอุปสรรคมากมายกว่าจะเข้าถึงตัวอีกฝ่าย
เทรซี่เผยรอยยิ้มสดใส เพลิงทมิฬเริ่มลุกโชนอย่างเงียบงันจากภายในสู่ภายนอก
ทั้งสองต่างรีบทำลายน้ำแข็งรอบตัว แต่ในส่วนของพลเรือโทโรคภัย เธอได้รับโอกาสให้ทำการตอบโต้
แต่ทันใดนั้น เทรซี่เห็นเอลเลน หญิงสาวที่มักอยู่ในสภาพอ่อนแอและโลเล ทำหน้าสงบนิ่งเจือความเย็นชาพร้อมกับดีดนิ้ว
ก้านไม้ขีดไฟปริศนาไหนเริ่มเผาไหม้ เพลิงสีแดงส้มลุกโชนโชติช่วง คลอกร่างหญิงสาวผมสีแดงยาวด้านในโดยสมบูรณ์
รูม่านตาเทรซี่พลันหดเกร็ง สัมผัสวิญญาณเริ่มตระหนักถึงลางร้าย!
ด้านหลังเพลิงทมิฬที่กำลังลุกโชนเงียบเชียบ ไคลน์ซึ่งยังคงอยู่ในร่างเอลเลนกระโจนออกมาด้วยความคล่องแคล่ว พร้อมกับเหยียดแขนสองข้างกางออก โอบกอดร่างกายเทรซี่ สตรีแห่งโรคภัย เอาไว้แนบแน่นโดยไม่ปล่อยให้ขยับตัว
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มอ้าปากเลียนเสียง
“ปัง!”
กระสุนอัดอากาศซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าลูกโม่ดัดแปลง เทียบเท่าได้กับไรเฟิลรุ่นล่าสุดในยุคปัจจุบัน ถูกยิงออกจากปาก
หัวกระสุนแหวกอากาศ พุ่งเจาะใส่ท้ายทอยของเป้าหมายอย่างแม่นยำ
โผละ!
กระสุนทะลวงกะโหลกลึกเข้าไปในเนื้อสมอง ทว่า ร่างมายาของสตรีแห่งโรคภัยพลันหดตัวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นไม้เท้าสีดำชำรุดหนึ่งด้าม
ไม้กายาสิทธิ์ตัวแทน!
เทรซี่ปรากฏตัวอีกครั้งในทิศทางตรงกันข้าม กระดุมเสื้อแถวล่างเริ่มหลุดลุ่ย เผยให้เห็นผิวพรรณขาวเนียนราวกับหิมะขาว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดสายตาไคลน์มิใช่เรือนร่าง หากแต่เป็นเลือดสดที่กำลังเปื้อนฝ่ามืออีกฝ่าย
ขณะไคลน์ใช้แขนรัดเทรซี่ มันถูกกรงเล็บของเธอข่วนเข้าทีเผลอบริเวณต้นขา!
โดยไม่รีรอ เทรซี่ขยับปากอย่างรวดเร็ว สร้างเพลิงมายาสีดำลุกโชนบนฝ่ามือ แผดเผาเลือดเหล่านั้นจนมอดไหม้
มนต์ดำ คำสาปของแม่มด!
ร่างกายไคลน์พลันสั่นเทาจนมิอาจยับยั้ง จากภายในสู่ภายนอก จากหัวจรดเท้า เพลิงทมิฬแผดเผาอวัยวะทุกส่วนอย่างไร้ความปรานี อย่างไรก็ตาม ผ่านไปสักพัก ร่างกายชายหนุ่มเริ่มหดตัวลงเหลือเพียงเศษกระดาษมอดไหม้
ขณะไคลน์โผล่ออกจากอีกมุมหนึ่งของห้อง สัญชาตญาณเริ่มสัมผัสได้ว่า รอบห้องกัปตันเต็มไปด้วยใยแมงมุมล่องหน เส้นที่แข็งพยายามรัดรึงไคลน์ให้แน่นิ่ง ส่วนเส้นที่อ่อนนุ่มพยายามเล้าโลมจุดสำคัญบนร่างกาย ส่งผลให้หัวใจไคลน์ ผู้มีประสบการณ์ด้านต่อสู้โชกโชน กำลังเต้นระรัวราวกับกลองศึก ใบหูร้อนฉ่า อวัยวะบางส่วนเริ่มชาและไร้ความรู้สึก เลือดลมไหลเวียนลงไปกองที่ร่างกายส่วนล่าง
เมื่อเทียบกับมาดามเชอรอนในทิงเก็น พลังใยแมงมุมของเทรซี่น่ากลัวว่านับสิบเท่า!
ไคลน์ไม่ประมาท รีบดีดนิ้วมือ
เมื่อสิ้นเสียง ‘เป๊าะ’ ใยแมงมุมรอบตัวถูกแผดเผาจนดำเกรียม เพลิงแดงส้มขยายตัวลุกลามจากใยเส้นหนึ่งไปยังอีกเส้นหนึ่ง จนกระทั่งย้อนกลับไปหาตัวหาพลเรือโทแห่งโรคภัย เทรซี่ ประหนึ่งน้ำป่าหลากไหล
เหตุการณ์ในทิงเก็นช่วยให้ไคลน์ทราบว่า :
ใยแมงมุมของแม่มดแพ้ทางไฟ!
เพียงพริบตา จุดกึ่งกลางห้องกัปตันสว่างไสวไปด้วยเพลิงแดงส้มรูปร่างใยแมงมุม เทรซี่เผยสีหน้าตกตะลึง ร่างกายของเธอเริ่มถูกทะเลเพลิงลุกท่วม
“ฮึ่ม!” หญิงสาวพ่นลมหายใจ ออร่าสีน้ำเงินเข้มข้นแผ่ออกจากลำตัวอีกครั้ง แต่หนนี้เป็นการแช่แข็งตัวเองด้วยผลึกน้ำแข็งก้อนใหญ่
เพลิงแดงส้มจากใยแมงมุมระโยงระยางพยายามคลอกโลงศพน้ำแข็ง แต่ก็ทำได้เพียงละลายผิวชั้นนอก และเริ่มเสื่อมฤทธิ์ลงเมื่อเวลาผ่านไป
ไคลน์ไม่กล้าหยิบกำไลข้อมือเลี่ยมเพชรขึ้นมาใช้งานส่งเดช เนื่องจากยังไม่ทราบว่า สิ่งนั้นมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
การหยิบสมบัติวิเศษขึ้นมาใช้งานมั่วซั่ว นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ ยังถือเป็นอันตรายอย่างมาก
ชายหนุ่มเหยียดตัวตรง กางแขนออก ถุงมือข้างซ้ายแปรเปลี่ยนเป็นสีของดวงอาทิตย์
นักบวชแสง!
ในวินาทีนี้ เทรซี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในโลงศพน้ำแข็งเริ่มสังเกตเห็นว่า เอลเลนที่เธอรู้จักดีกว่าใคร กำลังฉาบไปด้วยออร่าศักดิ์สิทธิ์จนผิดวิสัย ดวงตาเผยความดุดันเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มาดอันสง่างามโดยปราศจากความอ่อนแอในอดีต ประหนึ่งดอกไม้งามที่เบ่งบานใต้แสงตะวัน ประหนึ่งบุปผาแห่งสนามรบนองเลือด
เทรซี่ส่งเสียงเจือความแหบพร่า
“แกเป็นใคร ทำไมถึงไม่แสดงหน้าจริงออกมา!”
ในสภาพสวมกระโปรงเช่นนี้ ใครจะกล้าใช้ใบหน้าตัวเอง อยู่ในร่างเอลเลนก็นับว่าเหมาะสมดีแล้ว… ไคลน์เหยียดหยัน
ถัดมา ชายหนุ่มสรรเสริญดวงอาทิตย์
เสาลำแสงต้นหนึ่ง สาดลงมาจากอากาศว่างเปล่าเบื้องบน มาพร้อมกับเพลิงสีทองร้อนแรงที่คลอกใส่โลงศพน้ำแข็งของเทรซี่โดยสมบูรณ์
โลงศพน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วจนเห็นชัดด้วยตาเปล่า ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ท่ามกลางเสาลำแสงสุกสว่าง
ใบหน้าเทรซี่เริ่มอิดโรย หญิงสาวกลิ้งตัวหลบอย่างคล่องแคล่วเพื่อหนีจาก ‘ทะลวงจิต’ ของนักสืบสวนซึ่งไคลน์สลับมาใช้ ส่งผลให้ความเจ็บปวดอันควรจะเกิดขึ้น หายไปพร้อมกับเสาลำแสงจากฟากฟ้า
แสงศักดิ์สิทธิ์จะสร้างความเสียหายมหาศาลกับสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณและอันเดด จึงเป็นเพียงการโจมตีธรรมดาสำหรับแม่มดลำดับ 5
ปัง! ปัง! ปัง!
เทรซี่ม้วนตัว โยกหลบกระสุนอากาศจากชายหนุ่มอย่างคล่องแคล่ว พรมกลางห้องถูกเจาะพรุนไปด้วยรอยกระสุนล่องหน
ขณะกำลังกลิ้งหลบ เทรซี่ได้หายตัวไปจากการมองเห็นของไคลน์อย่างสมบูรณ์
พลังล่องหนของแม่มด…
ไคลน์งอตัวมาด้านหน้า เพ่งจิตจดจ่อกับสถานการณ์ปัจจุบัน หวังอาศัยนิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกช่วยรับมือตอบโต้และค้นหา
อย่างไรก็ตาม ผ่านไปหลายอึดใจ ชายหนุ่มกลับไม่พบสิ่งใดเลย จนกระทั่งหน้าผากร้อนรุ่ม ปอดเดือดพล่านราวกับถูกไฟแผดเผา คอเจ็บและคัน ฝืนกลั้นไอไว้สุดความสามารถ
จะปล่อยให้ยืดเยื้อกว่านี้ไม่ได้…
ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ทันใดนั้น มันผุดแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ จึงฉีกยิ้มกว้างพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชาย
“เอลเลนบอกความลับทั้งหมดของเธอกับฉัน รวมถึงความลับทั้งหมดของตัวเองด้วย”
ยังไม่ทันสิ้นเชิง สัมผัสวิญญาณของไคลน์จับความผิดปรกติบางอย่างได้ ณ มุมหนึ่งของห้องกัปตัน เกิดความผันผวนทางอารมณ์ในปริมาณเข้มข้น เป็นความเกลียดชังและเดือดดาลจนยากจะเก็บซ่อน
ไคลน์บิดตัวครึ่งวงกลมและมองตรงเข้าไป
ทันใดนั้น ถุงมือข้างซ้ายมีเกล็ดสีทองปกคลุม ดวงตาชายหนุ่มกลายเป็นสีทองสว่าง รูม่านตาขยายเป็นทรงรีแนวตั้ง
ท่ามกลางความเงียบสงัด ร่างกายของเทรซี่หลุดจากภาวะล่องหน สีหน้าหญิงสาวบ่งบอกถึงความเจ็บปวด
เส้นผมสีดำขลับยืดยาวอย่างมิอาจควบคุม และขยายไปรอบตัวโดยไม่มีจุดหมาย
‘โรคประสาท’ ของ ‘นักจิตบำบัด!’
ระหว่างที่เทรซี่ถูกยั่วยุจนอารมณ์ไม่คงที่ การถูกกระตุ้นซ้ำด้วยพลังดังกล่าว ส่งผลให้สติยิ่งกระเจิดกระเจิงจนยากควบคุม
ไคลน์ไม่ปล่อยโอกาสหลุดมือ รีบดีดนิ้ว
กระสุนล่องหนพุ่งแหวกอากาศ ตรงไปทางเทรซี่ผู้มีใบหน้างดงามแม้กำลังเจ็บปวด
แต่ทันใดนั้น เส้นผมสีดำหนาพลันเหวี่ยงมาปัดเบี่ยงวิถีกระสุน ส่งผลให้ความเสียหายถูกย้ายไปยังหัวไหล่แทนใบหน้า เชิ้ตขาวฉีกขาดในทันที เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นเป็นฝอยกระจาย
“อึ่ก!”
เทรซี่แผดเสียงเจ็บปวด พร้อมกันนั้น เพลิงทมิฬพรั่งพรูออกจากร่างกายราวกับไม่มีวันหมด ปกคลุมทุกอวัยวะโดยสมบูรณ์
ถัดมา ออร่าสีน้ำเงินแผ่ออกมาพร้อมกับก่อตัวเป็นผลึกน้ำแข็ง สร้างโลงศพแข็งแกร่งปกคลุมเพลิงทมิฬไว้อีกชั้น
ยังไม่จบแค่นั้น ผมสีดำของเธอทวีความยาวจนสามารถม้วนพันรอบร่างกาย ห่อทับโลงศพน้ำแข็งเป็นชั้นนอกสุด มองผิวเผินจะเหมือนกับรังไหมที่สร้างจากเส้นผมมนุษย์
ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนอากาศของไคลน์ทำได้เพียงทะลวงผ่านชั้นผมสีดำ และชะงักค้างที่โลงศพน้ำแข็ง
ชายหนุ่มหยุดพฤติกรรม และเปลี่ยนถุงมือข้างซ้ายให้กลายเป็นสีดวงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม อาการคันคอรุนแรงจนมิอาจฝืนทนอีกต่อไป ไคลน์ส่งเสียงไอกระแอมจนไม่สามารถปลดปล่อยการโจมตี
เมื่อเทรซี่ในรังไหมสีดำเล็งเห็นโอกาส หญิงสาวรีบตะโกนด้วยเสียงแหลมสูง
“ศัตรูบุก! ศัตรูบุก!”
ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์ชะงักงันหนึ่งวินาที ภาพความทรงจำในกรุงเบ็คลันด์หวนกลับมาฉายอีกหน เป็นเหตุการณ์ขณะชายหนุ่มหลงทางไปเจอสุนัขปีศาจโดยบังเอิญ เมื่อตระหนักว่ามิอาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ จึงตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างน่าสมเพช พลางเผ่นหนีหนีจนกระทั่งพ้นจากอันตราย
การตะโกนว่า ‘ศัตรูบุก’ ของเทรซี่เมื่อครู่แทบไม่ต่างอะไรกันเลย
จริงอยู่ บนกาฬมรณะอาจมีผู้วิเศษทรงพลังไม่ถึงหลักสิบคน แต่ไคลน์ก็มั่นใจว่าคงน้อยกว่านั้นไม่มาก และส่วนใหญ่มีลำดับค่อนข้างสูง
กะแล้วเชียว… การฆ่าพลเรือโจรสลัดในพริบตาไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะวางแผนลอบสังหารได้สมบูรณ์แบบแล้ว…
ไคลน์ไอกระแอมอีกสองหน ก่อนจะดีดนิ้วมือโดยปราศจากความลังเล คราวนี้มิใช่การโจมตี แต่เป้าหมายคือหน้าต่างภายในห้องกัปตัน
สายตาสุดท้ายของชายหนุ่มเหลือบเห็นกำไลข้อมือเลี่ยมเพชร แต่ไคลน์ก็ไม่กล้าหยิบ
มันไม่ไว้วางใจผลข้างเคียงของสมบัติวิเศษปริศนา เพราะนั่นอาจทำให้การหลบหนีล่าช้าลงและผิดแผน ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลก็คือ มันกังวลว่าเทรซี่อาจอาศัยวิธีพิเศษในการระบุตำแหน่งสมบัติวิเศษของเธอ และนั่นจะทำให้ไคลน์ถูกพลิกแผ่นดินตามล่า
ห้ามโลภเด็ดขาด!
ไคลน์เบือนหน้าหนี ปล่อยร่างกายกระแทกกระจกหน้าต่าง และร่อนลงบนดาดฟ้าเรือ
โจรสลัดสองคนกรูเข้ามาล้อมหน้าหลัง พร้อมกับแทงดาบยาวเข้าใส่
ฉึก! ฉึก!
คมดาบทะลวงผ่านแผ่นกระดาษ
ไคลน์โผล่ออกจากความว่างเปล่าด้านหลังโจรสลัดคนหนึ่ง ยกมือซ้ายขึ้น โดยกึ่งกลางฝ่ามือปริแตกเป็นรูปปากสัตว์
ขณะยุบพองหิวโหยกำลังเขมือบอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ไคลน์ยกศพเหยื่อขึ้นและเดินไปทางกราบเรือฝั่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงปืนดังหลายนัดและเสียงฝีเท้าของกลุ่มโจรสลัด ชายหนุ่มกระโดดลงไปในทะเลอันมืดมิดยามค่ำคืน
……………………
ราชันเร้นลับ 583 : กำลังเสริม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ร่างกายทุกส่วนของไคลน์ถูกของเหลวอุณหภูมิเย็นเฉียบโอบกอด เดรสยาวสีทองสลับแดงเปียกชุ่มจนหนักราวกับหิน ช่วยถ่วงให้ชายหนุ่มจมลงก้นทะเลอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้น ยุบพองหิวโหยเขมือบเลือดเนื้อและวิญญาณของโจรสลัดโชคร้ายหมดพอดี ขจัดน้ำหนักส่วนเกินที่เป็นภาระออกไป
ไคลน์ไม่คิดลอยไปบนผิวน้ำ เลือกจมดิ่งลงก้นทะเลด้านล่าง สองข้างมีเสียงคลื่นทะเลดังแว่ว เป็นเสียงของโจรสลัดเส้นทาง ‘ลูกเรือ’ ที่กระโดดตามลงมา
สมรภูมิใต้น้ำคือสวรรค์ของพวกมัน!
หากเป็นที่นี่ ‘ลูกเรือ’ จะไม่ต่างอะไรกับปลา!
แต่ไคลน์หาได้ประหม่า ในฐานะนักมายากลผู้เตรียมพร้อมก่อนการแสดงทุกครั้ง มันย่อมคิดแผนหลบหนีในกรณีล้มเหลวเผื่อเอาไว้ เพราะไม่มีใครทำสำเร็จไปทุกเรื่อง
จริงอยู่ เพื่อให้แปลงโฉมเป็นเอลเลนได้อย่างแนบเนียน ไคลน์ต้องทิ้งสมบัติวิเศษเกือบทั้งหมดไว้บนมิติสายหมอก รวมไปถึงเงินสดและยันต์ขอบเขตเส้นทางวายุที่เคยทำเตรียมไว้ แต่นั้นก็มิอาจขัดขวางแผนการหลบหนีของไคลน์ ผู้เป็นถึงสามตัวตนในตัวคนเดียว ทั้งเทพสมุทร ข้ารับใช้เทพสมุทร และสาวกเทพสมุทร!
หลังจากกินจนอิ่มหนำ ยุบพองหิวโหยในมือซ้ายเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด พร้อมกับแผ่ไอความเย็นไปรอบตัวในรัศมีหลายเมตร น้ำทะเลโดยรอบจึงเริ่มจับตัวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง
แต่ก่อนที่ไคลน์จะถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา กล้ามเนื้อแผ่นหลังพลันขยายขนาด ชายหนุ่มอาศัยพละกำลังช้างสารของซอมบี้ ชกทำลายแผ่นน้ำแข็งรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง
ลงเอยด้วย ไคลน์สร้างช่องว่างเล็ก ๆ รอบตัวที่ปราศจากน้ำทะเลขึ้น
อย่างไรก็ตาม น้ำทะเลบางส่วนเริ่มไหลซึมเข้ามาตามรอยแตก ไคลน์จึงเหยียดแขนพร้อมกับแผ่ไอความเย็นฉาบรอยรั่วทุกจุด เกิดเป็นกำแพงผลึกน้ำแข็งล้อมรอบร่างกายโดยสมบูรณ์
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังถูกขังในคุกน้ำแข็ง แต่ถึงที่ว่างจะค่อนข้างคับแคบ ก็ยังกว้างพอให้ยืดเส้นยืดสาย
ไคลน์ไม่สิ้นเปลืองเวลา รีบเดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ปากพึมพำคาถา ‘เซียนราชันฟ้าดินประทานโชค’ เพื่อส่งร่างวิญญาณเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก
เมื่อชายหนุ่มปรากฏกายบนที่นั่งเดอะฟูล มันรีบหยิบคทาสั้นที่วางเตรียมไว้บนโต๊ะขึ้นมาถือ
โดยไม่ต้องเสียเวลาควานหา เพียงเพ่งจิตอย่างแน่วแน่ ไคลน์ก็พบจุดแสงสีขาวที่เป็นของเกอร์มัน·สแปร์โรว์—สาวกเทพสมุทรหน้าใหม่ที่สร้างการเชื่อมต่อเตรียมไว้ล่วงหน้า
จากนั้น ชายหนุ่มยกไม้เท้ากระดูกขาว ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปจนอัญมณีสีฟ้าเปล่งแสง
ไคลน์ตอบสนองคำวิงวอนตัวเอง ตามด้วยการเสกเวทมนตร์มากมาย ฉาบร่างกายเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่อยู่ในคุกน้ำแข็ง มีทั้งพรที่ช่วยให้หายใจใต้น้ำ พรต้านทานแรงดันน้ำ พรที่มอบอิสระในการเคลื่อนไหวร่างกายใต้น้ำ รวมถึงพลังที่เกี่ยวข้องชนิดอื่น ๆ
ปิดท้ายด้วย ไคลน์ส่งเทวทูตกระดาษโอบกอดตัวเองเพื่อต่อต้านพลังทำนายทุกรูปแบบ อีกทั้งยังออกคำสั่งให้สัตว์ทะเลคอยช่วยเหลือเกอร์มัน·สแปร์โรว์
เมื่อเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มมัวไม่เอ้อระเหย รีบส่งตัวเองกลับไปยังโลกจริง และตระหนักถึงสถานการณ์รอบตัว
แรงดันมหาศาลของน้ำทะเลกำลังกัดเซาะคุกน้ำแข็ง บางส่วนไหลทะลักเข้ามาในรอยแตก พื้นที่ว่างรอบตัวไคลน์เริ่มถูกแทนที่ด้วยน้ำทะเล
แต่ไม่มีสิ่งใดให้ไคลน์ต้องกังวล ตัวมันในตอนนี้มีอิสรภาพไม่ต่างจากเส้นทาง ‘ลูกเรือ’
เมื่อพังคุกน้ำแข็งออกมา ไคลน์พบปลาตัวหนึ่งกำลังว่ายมาทางตน ไม่เพียงเท่านั้น ใต้ฝ่าเท้ายังมีเงาดำทะมึนของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ลอยขึ้นจากก้นทะเลด้วยความเร็วสูง
มันคือปลาหมึกยักษ์สีน้ำตาลแดง รูปร่างค่อนข้างประหลาด ลำตัวมีขนาดมโหฬารชนิดที่พังเรือเดินสมุทรได้ง่ายดายด้วยหนวด
สัตว์ร่างยักษ์ทำการพ่นหมึกดำปกคลุมท้องทะเลภายในรัศมี ลูกเรือที่กำลังว่ายน้ำไล่หลังพลันสูญเสียทัศนวิสัย ร่างกายบางคนเกิดอาการชาอย่างเป็นปริศนา
เมื่อเริ่มหวาดกลัวสิ่งที่ไม่รู้ ทุกคนรีบว่ายขึ้นผิวน้ำเพื่อตรวจสอบความผิดปรกติที่อาจเกิดกับร่างกายตัวเอง
และเมื่อดำน้ำกลับลงไปอีกครั้ง ร่องรอยของไคลน์ก็หายไปโดยสมบูรณ์
ณ ก้นทะเลลึก ชายหนุ่มกำลังแหวกว่ายด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข มันผ่อนคลายเสียจนมีเวลาว่างพอจะนึกทบทวนรายละเอียดของภารกิจลอบสังหารเมื่อครู่
เราสวมรอยเป็นเอลเลนได้สมบูรณ์แบบแล้ว แม้แต่เทรซี่ที่เคยหลับนอนด้วยทุกคืน ก็ยังแยกแยะไม่ออกในทันที ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้โอสถมีพัฒนาการก้าวกระโดด…
ขณะเดียวกัน เราทำลายกำแพงขีดจำกัดทางจิตใจ และค้นพบเทคนิคสวมรอยให้ไม่เกิดความอึดอัดหรือตะขิดตะขวง…
แก่นสำคัญคือการเข้าถึงตัวตน แต่มิได้นำจิตใจเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่ง สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการย่อยโอสถในอนาคต…
เราทำดีที่สุดแล้วในการต่อสู้ เตรียมความพร้อมล่วงหน้าอย่างรัดกุม ข้อบกพร่องเดียวก็คือ เราประเมินฝีมือของลำดับ 5 แม่มดทุกข์ระทมต่ำเกินไป มองข้ามประสบการณ์ต่อสู้อันโชกโชนก่อนจะกลายมาเป็นพลเรือโจรสลัดของเธอ…
ถึงเธอจะสูญเสียสมบัติวิเศษตั้งแต่เริ่มต่อสู้ แต่ลำพังพลังปัจจุบันของเรา การปิดบัญชีในพริบตาก็แทบเป็นไปไม่ได้…
จริงอยู่ แผนการจะราบรื่นกว่านี้ถ้าเราใช้คทาเทพสมุทร แต่กาฬมรณะยังอยู่ในน่านน้ำของหมู่เกาะรอสต์ ถ้าทำแบบนั้น ผู้บริสุทธิ์จะล้มตาย…
การต่อสู้ในวันนี้ช่วยให้เราค้นพบอีกหนึ่งจุดอ่อนสำคัญของตัวเอง นั่นคือการขาดสมบัติวิเศษในเชิงจู่โจม…
เมื่อแผนการล้มเหลว ชายหนุ่มย่อมรู้สึกห่อเหี่ยวเป็นปรกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้เกิดอารมณ์ท้อแท้สิ้นหวัง เรื่องราวยังไม่จบ ไคลน์ยังสามารถเขียนจดหมายถึงมิสเตอร์อะซิก เพื่อรอดูท่าทีว่า อีกฝ่ายสนใจเอกสารโบราณที่อาจเกี่ยวข้องกับเทพมรณาหรือไม่
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ไคลน์จะกระโดดออกจากห้องเทรซี่ มันทำการเผาเสื้อผ้าผู้ชายในห้องแต่งตัวด้วยก้านไม้ขีดที่เตรียมทิ้งไว้ รวมถึงเส้นผมและรังแคทั้งหมด เพื่อให้เทรซี่เข้าใจว่า ผู้บุกรุกต้องการลบร่องรอยทิ้งโดยสมบูรณ์
แต่ความจริงแล้ว ไคลน์ทำไปเพื่อกลบเกลื่อนบางสิ่ง
สิ่งนั้นก็คือ ‘กระดุมเสื้อและเส้นผม’ ที่มันแอบโยนไว้ตามซอกเรือขณะเดินผ่านห้องพักบนกาฬมรณะ เป็นกระดุมเสื้อที่โจรสลัดไม่มีทางมองว่าเป็นสิ่งผิดปรกติ เพราะเกิดเป็นภาพจำประทับลงไปว่า ‘ผู้บุกรุกทำลายเส้นผมและเสื้อผ้าทั้งหมดทิ้งไปแล้ว’
แม้แต่เทรซี่ก็คงเข้าใจผิด คิดว่าผู้บุกรุกหวาดกลัวต่อคำสาปของเธอ จนระมัดระวังเรื่องเลือดและเส้นผมเป็นพิเศษ ดังนั้น การค้นหาเบาะแสหลังจากนี้จึงมุ่งเน้นไปยังร่องรอยอื่น และมองข้ามกระดุมกับเส้นผมโดยไม่รู้ตัว
อาศัยเส้นผมกับกระดุมข้างต้น ไคลน์สามารถระบุพิกัดของกาฬมรณะได้ทุกเมื่อ หากอะซิกแสดงความสนใจในเรื่องนี้ การตามหาตัวพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
เราเคยประเมินไว้ว่า เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องถึงมือมิสเตอร์อะซิก เคยคิดว่าภารกิจหนนี้ไม่ยากเกินกำลังตัวเอง แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิดถนัด…
ไคลน์ถอนหายใจ หน้าอกเจ็บแปลบเล็กน้อย
นั่นคือเหตุผลหลักที่ชายหนุ่มไม่ต้องการรบกวน ‘ลูกพี่’ ของตน ส่วนเหตุผลรองก็คือ มันยังไม่มั่นใจว่าบนกาฬมรณะจะมีเบาะแสเอกสารโบราณของราชวงศ์ไบลัมอยู่จริง เพราะถ้าหากเกิดไม่มีขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะลงมือเสียเที่ยว และตนก็จะประสบความอับอาย
ไม่เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะรบกวนมิสเตอร์อะซิกหรือไม่ แต่เงื่อนไขในการขึ้นกาฬมรณะคือ ไคลน์ต้องแปลงโฉมเป็นเอลเลน มิอาจหลีกเลี่ยงการใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อได้
ต่อหน้าคนรู้จัก สิ่งนี้น่าอับอายเกินไป
อันที่จริง หากไม่เพราะไคลน์ต้องการสืบข้อมูลเป็นประเด็นหลัก สนใจเพียงการฆ่าเทรซี่ ชายหนุ่มยังมีอีกหนึ่งวิธีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ นั่นคือการว่ายน้ำกลับไปยังบายัม ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก อาศัยการระบุตำแหน่งจากกระดุม สร้างพายุสายฟ้าก่อกวนกาฬมรณะจากระยะไกลด้วยคทาเทพสมุทร
มันมิได้คาดหวังว่าเวทมนตร์เทพสมุทรจะสังหารเทรซี่ได้ในพริบตา แต่เหตุการณ์ผิดปรกติจะดึงดูดให้ ‘เจ้าสมุทร’ แยนน์·ค็อตแมนตื่นตัว และเมื่อถึงตอนนั้น ตำแหน่งของกาฬมรณะก็จะอยู่ในสายตาของโบสถ์วายุสลาตัน… ไม่มีทางที่เจ้าสมุทรจะไม่อยากพบหน้าสตรีแห่งโรคภัย…
ไคลน์ส่ายหน้าขื่นขมกับตัวเอง พลางอาศัยสัมผัสวิญญาณของนักทำนายนำทาง ว่ายน้ำตรงไปยังชายฝั่งอย่างรวดเร็ว
…
บนกาฬมรณะ เทรซี่สลายแนวป้องกันและเดินไปเก็บกำไลเลี่ยมเพชรในสภาพสวมเชิ้ตขาวเปื้อนเลือด
ผู้รุกบุกระวังตัวมาก… สมัยเรายังเป็นนักลอบสังหาร ความรอบคอบยังไม่มากเท่าเธอ… ไม่สิ คงเป็น ‘เขา’ มากกว่า…
เทรซี่กัดฟันกรอดขณะครุ่นคิด
มันมิได้โกรธแค้นที่ตนเกือบต้องตายด้วยฝีมือนักลอบสังหารปริศนา แต่มันหงุดหงิดเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเอลเลน
หากอ้างอิงคำพูดของจักรพรรดิโรซายล์ เทรซี่กำลังรู้สึกว่าตน ‘เขางอก’
เอลเลน… เธอจะเย็นชาและโหดร้ายกับฉันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ… ไม่สิ บางที เธออาจถูกบังคับด้วยกำลัง…
เทรซี่ก้มหน้ามองบาดแผลฉกรรจ์บนหัวไหล่ข้างซ้าย จวบจนตอนนี้ ความเจ็บปวดเหนือพรรณนาก็ยังไม่จางหายไปไหน
หากไม่ใช่เพราะโอสถ ‘นักลอบสังหาร’ และ ‘นักกระตุ้น’ ช่วยเสริมแกร่งร่างกาย อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นทุกการเลื่อนลำดับ ลำพังกระสุนนัดเดียวของอีกฝ่าย ก็มากพอจะระเบิดหัวไหลให้ไม่เหลือซาก คล้ายกับโจรสลัดปลายแถวที่ถูกยิงด้วยปืนไรเฟิลรุ่นล่าสุดของกองทัพ
หลังจากยืนมองเลือดไหลซึมจากปากแผล เทรซี่สั่งให้สาวใช้ผมทองด้านนอกเข้ามา อาศัยพลังพิเศษของอีกฝ่ายช่วยฟื้นฟูบาดแผล ขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับบรรดาโจรสลัดซึ่งยากจะละสายตาจากเรือนร่างตน ให้ค้นหาร่องรอยของผู้บุกรุกอย่างละเอียด
แต่ผ่านไปสักพัก โจรสลัดคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่า เสื้อผ้าและเส้นผมของผู้บุกรุกทั้งหมดในห้องแต่งตัว เกิดลุกไหม้ขึ้นเองอย่างเป็นปริศนา
คำพูดดังกล่าวทำให้เทรซี่หวนนึกถึงพฤติกรรมก่อนที่อีกฝ่ายจะกระโดดออกนอกหน้าต่าง
เธอถอนหายใจยาวพลางรำพัน
รอบคอบมาก…
แถมยังไม่โลภ เพราะหากเจ้านั่นหยิบกำไลข้อมือติดตัวไปด้วย เราคงไม่ต้องกังวลเรื่องการแกะรอย…
เทรซี่โบกมือ ส่งสัญญาณให้โจรสลัดส่วนใหญ่ออกจากห้อง เหลือเพียง ‘นักเจรจา’ มีซอร์ และสมาชิกระดับสูงอีกไม่มาก
“ผู้ช่วยรองกัปตัน นายกลับไปที่บายัมอีกครั้ง ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า กลุ่มต่อต้านพบเอลเลนผมแดงได้ยังไง” เทรซี่ออกคำสั่งเสียงขรึม
มีซอร์ที่พยายามหักห้ามใจมิให้เหลือบมองหน้าอกของเทรซี่ ตอบรับอย่างเคร่งครัด
“ครับ!”
เทรซี่นั่งตรึกตรอง ก่อนจะเพิ่มอีกหนึ่งคำสั่ง
“ป่าวประกาศออกไปด้วยว่า ฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส และคงยังไม่หายดีไปอีกพักใหญ่ แล้วก็… รองกัปตัน รีบแล่นเรือออกจากที่นี่ทันที พวกเราไม่ควรอยู่ต่อแม้เพียงวินาทีเดียว”
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนแยกย้ายออกไปทำงานของตัวเอง ความเงียบงันกลับมาปกคลุมห้องกัปตันเรืออีกครั้ง
จวบจนตอนนี้ เทรซี่พายามนึกหาเหตุผลมาตลอดว่า ผู้ลงมือมีจุดประสงค์อันใด ทำไมถึงต้องการฆ่าเธอ ทำแบบนั้นแล้วใครได้ประโยชน์
แต่ยิ่งใคร่ครวญก็ยิ่งปวดหัว เพราะถึงแม้เธอจะมีศัตรูไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครมีพลังพิสดารเหมือนผู้บุกรุก
จนกระทั่งเทรซี่ฉุกคิดบางสิ่ง ปากขยับพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา
“ยุบพองหิวโหย…?”
…
ยามเที่ยงคืน ณ ท่าเรือส่วนตัวแห่งหนึ่งบนเกาะภูเขาคราม
หญิงสาวคนหนึ่งผุดขึ้นจากทะเล มิใช่ใครนอกจากไคลน์ที่ปลอมตัวเป็นเอลเลน
ด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอน ชายหนุ่มดันร่างกายขึ้นบนฝั่ง ลอบเข้าบ้านชาวประมงในละแวกใกล้เคียงเพื่อขโมยชุดเก่าโทรมมาสวม และเปลี่ยนใบหน้ากลับเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์
หลังจากทิ้งเดรสของเทรซี่ไว้เป็นค่าตอบแทน ไคลน์รีบออกจากท่าเรือส่วนตัว ตรงดิ่งกลับไปยังเมืองบายัมก่อนฟ้าสาง
มันยังไม่กลับไปหาเดนิสทันที เลือกพักในโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง และประกอบพิธีกรรมเพื่อนำสมบัติวิเศษจำพวกนกหวีดทองแดงของมิสเตอร์อะซิก รวมถึงกระเป๋าสตางค์ กลับมายังโลกความจริง
เมื่อยืนยันว่าตนสามารถระบุตำแหน่งของกาฬมรณะได้ ไคลน์เป่านกหวีดทองแดงโดยปราศจากความลังเล
……………………
ราชันเร้นลับ 584 : รับเคราะห์
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากวางนกหวีดทองแดงลง ไคลน์ทำการเปิดเนตรวิญญาณ
ชายหนุ่มมองเห็นกระดูกสีขาวผุดขึ้นจากพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงและขาดความน่าเกรงขาม แท่งกระดูกบรรจงก่อตัวเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
ถ้าฉากการปรากฏตัวของผู้ส่งสารครั้งก่อน ๆ เป็นราวกับน้ำพุสวรรค์ในเทพนิยาย ฉากปรากฏตัวเมื่อครู่จะเป็นได้เพียงการเปิดก๊อกน้ำกลับด้าน
ไคลน์ยกมุมปากเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ
ไม่กี่วินาทีถัดมา ผู้ส่งสารกระดูกขาวปรากฏกายอย่างสมบูรณ์ ด้วยส่วนสูงเกือบสี่เมตร ศีรษะจึงเลยทะลุเพดาน เบ้าตามีเพลิงทมิฬลุกโชนเงียบงัน
หลังจากพับจดหมายที่เพิ่งเขียนเสร็จ ไคลน์ยื่นแขนไปหาฝ่ามือของอีกฝ่าย
ภายในจดหมาย ชายหนุ่มเขียนอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจิมมี่·เน็ค พ่อค้ามั่งคั่ง กับเอกสารโบราณที่ถูกค้นพบจากอนุสาวรีย์บรรจุศพของราชวงศ์ไบลัมแห่งทวีปใต้ รวมไปถึงความเชื่อมโยงกับพลเรือโทวายุ·คีลิงเกอร์ และพลเรือโทโรคภัย·เทรซี่ นอกจากนั้น ไคลน์ยังอธิบายว่าตนลอบเข้าไปในเรือเทรซี่สำเร็จ โดยแม้ภารกิจลอบสังหารจะล้มเหลว แต่ก็ได้ทิ้งวัตถุประจำตัวสำเร็จทำนายระบุพิกัดในภายหลัง
แน่นอน ไคลน์มิได้อธิบายว่าตนแทรกซึมเข้าไปด้วยวิธีใด ส่วนใหญ่เป็นการพรรณนาถึงพลังพิเศษของเทรซี่ รวมถึงวิธีการต่อสู้
หลังจากเห็นผู้ส่งสารใช้กำปั้นขนาดมหึมาที่สามารถส่งคนลอยไปในอากาศ จับคว้าจดหมายฉบับเล็กจากมือเล็กๆ ของมนุษย์เพศชายโตเต็มวัยไปถือ ไคลน์กระแอมในลำคอ :
“ฉันมีผู้ส่งสารประจำตัวแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น เพลิงทมิฬในเบ้าตาพลันไหววูบสองหนจนสามารถสังเกตเห็น ตามด้วยการแตกตัวกระจัดกระจายกลายเป็นน้ำตกโครงกระดูกแสนสง่างาม ไหลทะลุผ่านพื้นไม้ลงไปด้านล่าง
ไม่ต้องคอยพะวงว่าจะกลายเป็นผู้ส่งสารของฉันแล้วสินะ… เกลียดฉันมากขนาดนั้นเชียว? อา… ผู้ส่งสารเหล่านี้คงมาจากโลกแห่งความตาย และอาจรับใช้ทายาทเทพมรณามาทุกรุ่น… พวกนายชอบอยู่กับคนเก่งมากกว่า… ฉันเข้าใจ!
ขณะไคลน์กำลังจะเดินออกไปเช็กเอาต์โรงแรม จมูกเกิดคันขึ้นมากะทันหัน
ฮัดเช่ย! ฮัด…ชิ่ว! แค่ก! แค่ก!
น้ำมูกใสไหลย้อยมาพร้อมกับอาการไอจาม หน้าผากร้อนผ่าวราวกับถูกแผดเผา
ซวยฉิบ… เชื้อโรคของเทรซี่ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายเรา ได้ทำปฏิกิริยากับสภาพอากาศหนาวเย็นสิบองศาเซลเซียสจนเกิดเป็นอาการป่วย…
ไคลน์ใช้ทิชชูหยาบสั่งน้ำมูกพลางไตร่ตรองว่า ตนควรประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองหรือไม่ เพราะการนำร่างวิญญาณเข้าไปอยู่ในห้วงมิติเหนือสายหมอก อาจส่งผลให้ร่างเนื้อบนโลกฟื้นฟูตัวเองด้วยความเร็วสูงกว่าปรกติ
แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไคลน์มองว่าวิธีดังกล่าวคงไม่ได้ผลด้วยสาเหตุสองประการ หนึ่ง อาการป่วยในร่างเนื้อน่าจะส่งผลไปถึงร่างวิญญาณด้วย เพราะร่างทั้งสองชนิดมีความสัมพันธ์ค่อนข้างลึกซึ้ง สอง หากปล่อยร่างเนื้อไว้โดยไม่คอยดูแล อาการคงมีแต่จะแย่ลง
ชักมึนหัวแฮะ…
ไคลน์จับหน้าผากพลางวางแผนกลับไปยังโรงแรมวายุครามเพื่อพบเดนิส จากนั้นค่อยประเมินอาการว่า ตนควรกินยาจากคลินิก หรือถึงกับต้องไปโรงพยาบาล
…
เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์
เมื่อเดอร์ริคได้รับผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสงจากเฮอร์มิท วัตถุดิบโอสถข้ารับใช้สุริยันจึงครบถ้วนสมบูรณ์
เด็กหนุ่มรีบปรุงโอสถโดยไม่รีรอ ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นของเหลวสีทองอร่ามที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง โดยขณะดื่มเข้าไป เดอร์ริครู้สึกราวกับลำคอของตนถูกแผดเผา
ดวงตาเด็กหนุ่มเริ่มส่องแสง ยิ่งผ่านไปนานก็ยิ่งเจิดจ้าประหนึ่งดวงอาทิตย์ย่อส่วนสองดวง
ผิวกายถูกฉาบด้วยแสงสว่างสุกใส มาพร้อมอักขระเวทมนตร์สีดำเด่นชัด
ในเวลาเดียวกัน เส้นผมของเด็กหนุ่มเริ่มงอกยาวจากปรกติ ดูคล้ายกับขนนกที่ห้อมล้มประดับตกแต่งเปลวเพลิงสีทอง
เดอร์ริคทราบล่วงหน้าว่า การดื่มโอสถลำดับ 7 จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าว จึงปราศจากอาการตื่นตกใจ เพียงกัดฟันกรอด หวนนึกถึงความเจ็บปวดขณะลงมือสังหารบิดามารดาบังเกิดเกล้า หวนนึกถึงแสงแห่งความหวังที่มิสเตอร์ฟูลประทานให้ อาศัยอารมณ์อันเข้มข้นช่วยเอาชนะภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการคลุ้มคลั่ง
ผ่านไปสักพัก ความผิดปรกติทั้งหมดกลับคืนสู่ความปรกติ แต่ออร่ารอบตัวเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างชัดเจน คล้ายกับดวงอาทิตย์อันอบอุ่นที่คอยมอบแสงสว่างไปยังรอบตัว
เดอร์ริคสัมผัสได้ว่าสมรรถภาพร่างกายดีขึ้น สามารถต้านทานเชื้อโรคและสิ่งแวดล้อมไม่ปรกติอีกหลายรูปแบบ
แต่นั่นยังไม่ใช่สาระสำคัญ เดอร์ริคกำลังสนใจเวทมนตร์ใหม่ที่พรั่งพรูเข้ามาในหัว
ประกอบไปด้วย ‘เพลิงแสงศักดิ์สิทธิ์’ ‘ต้านทานความกลัว’ ‘คำสาบานศักดิ์สิทธิ์’ ‘ฟาดฟันชำระล้าง’ ‘ออร่าสุริยัน’ ‘ทำน้ำมนต์’ และอีกมาก
เดอร์ริคเดินวนเวียนในห้องอย่างมีความสุขพลางรู้สึกว่า เวทมนตร์ชนิดใหม่ของตน เหมาะแก่การเผชิญหน้าสัตว์ประหลาดชั่วร้ายในความมืดเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มไม่คิดปิดเป็นความลับ รีบเดินทางไปยังหอคอยคู่เพื่อลงทะเบียนข้อมูลเกี่ยวกับการเลื่อนลำดับของตน
ณ ที่นั่น หากผ่านการทดสอบเบื้องต้น มันจะมีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับการเป็นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนทันที และมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของเมืองเงินพิสุทธิ์มากกว่าเดิม
มิสเตอร์เวิร์ลต้องการทราบวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง…
หลังจากตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่พอประมาณ เดอร์ริคอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำมั่นสัญญาซึ่งตนคิดค้างมานาน
มันมักหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ตระหนักว่าตนยังติดค้างผู้อื่นอยู่ พาลให้รู้สึกแย่อยู่ร่ำไป แต่ในปัจจุบัน เมื่อเห็นโอกาสสะสางเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้น จิตใจเด็กหนุ่มจึงเริ่มเบิกบาน
…
ณ ผับใบไม้หอม ‘นักเจรจา’ มีซอร์·คิง กำลังถือแก้วไวน์แดงพลางนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ‘ชายฉกรรจ์’ โอซิล
มีซอร์ยกขาไขว่ห้างพร้อมกับตั้งคำถาม
“พอจะรู้รายละเอียดไหม”
มันได้รับมอบหมายจากพลเรือโทโรคภัยให้กลับมายังบายัม เพื่อสืบส่วนหาความจริงเบื้องหลังการค้นพบเอลเลนผมแดง แต่ก่อนอื่น มีซอร์เลือกนัดพบชายฉกรรจ์·โอซิลเป็นอันดับแรก เนื่องจากชายคนนี้คือผู้แจกจ่ายภารกิจตามหาเบาะแสในชุมนุมลับ แน่นอน มีซอร์ทราบดีว่าตนไม่สามารถไปถามกับกลุ่มต่อต้านโดยตรงได้ ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจสมรู้ร่วมคิดกับเอลเลนผมแดงตัวปลอม เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น การนัดพบกับกลุ่มต่อต้าน ก็จะไม่ต่างอะไรกับการประเคนเงินค่าหัวตัวเองให้กับอีกฝ่าย
โอซิลดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
“พวกมันมิได้ปิดบังอะไร แต่ฉันก็ระบุไม่ได้เช่นกันว่าทุกคำพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ก็อย่างที่นายทราบ ฉันชอบใช้กล้ามมากกว่าสมอง พวกมันเล่าว่า คนที่พาเอลเลนผมแดงมามอบให้คือเพลิงพิโรธ·เดนิส โดยกระทำในนามตัวแทนพลเรือโทธารน้ำแข็ง เจตนาเพื่อหวังสานสัมพันธ์กับกลุ่มกบฏ ทางนั้นเป็นฝ่ายแสดงความจริงใจโดยการยื่นความช่วยเหลือมาก่อน และผมแดงเอลเลนคือหนึ่งในนั้น เพลิงพิโรธ·เดนิส? พลเรือโทธารน้ำแข็ง?”
มีซอร์พึมพำทั้งสองชื่อด้วยสีหน้าจมดิ่ง
มันเอนหลังพิงพนัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในฐานะอดีตกัปตันเรือย่อยแห่งกลุ่มโจรสลัดวายุและผู้ช่วยรองกัปตันแห่งกลุ่มโจรสลัดโรคภัย มีซอร์ย่อมมีข้อมูลของพลเรือโจรสลัดคนอื่น และย่อมทราบว่า พลเรือโทธารน้ำแข็งมีฝีมือเก่งกาจ เต็มไปด้วยของสะสม ถึงจะมีเรือเพียงลำเดียวและลูกเรืออีกจำนวนแค่หยิบมือ แต่ศักดิ์ศรีกลับมิได้เป็นรองพลเรือโจรสลัดคนอื่น ถ้าวัดกันแค่ฝีมือด้านการต่อสู้ เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดจะเหนือกว่ากัปตันเรือทั้งสองคนของมีซอร์ด้วยซ้ำ
แต่ความผิดปรกติก็คือ พลเรือโทธารน้ำแข็งแทบไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างพลเรือโจรสลัดด้วยกัน ส่วนใหญ่มีเป้าหมายเพียงรวบรวมข้อมูลและล่าสมบัติ เหมือนกับนักผจญภัยมากกว่าโจรสลัด
ทำไมหล่อนถึงวางแผนลอบสังหารกัปตัน… ไม่สมกับเป็นเธอเลยสักนิด… ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มโจรสลัดธารน้ำแข็งเพิ่งได้รับความเสียหายใหญ่หลวง หลังจากที่พลเรือเอกโลหิตปล่อยข่าวว่าเธอครอบครองกุญแจแห่งมรณา… เป้าหมายการล้างแค้นจึงควรเป็นเซนอลมากกว่ากัปตัน…
มีซอร์จิบไวน์แดงพลางใช้มืออีกข้างบีบนวดหน้าผาก
ผ่านไปสักพัก มันเปลี่ยนมุมมองโดยไม่ยึดติดกับพลเรือโทธารน้ำแข็งมากเกินไป เบี่ยงเบนความสนใจมายังเพลิงพิโรธ·เดนิสแทน
หลังจากนึกเค้นความทรงจำ รูม่านตามีซอร์พลันหดลีบและสั่นเทา มันพบว่าในระยะหลัง สรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำเริ่มเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์แปลกประหลาดบ่อยครั้ง
เจ้านั่นวางแผนลอบฆ่าเหล็กกล้า·แม็ควิตี้พร้อมกับพุ่มหนามสีเลือด·เฮนดรี้และสควอลผู้เยือกเย็น… เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ค่าหัวพุ่งไปถึงสี่พันสองร้อยปอนด์… โดยหลังจากนั้นไม่นาน ด้วยเหตุผลบางประการที่เราไม่ทราบ ค่าหัวเพลิงพิโรธได้กลายเป็นห้าพันห้าร้อยปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าเรา…
มีซอร์พึมพำพลางจินตนาการภาพเดนิสอย่างเลือนราง มันเริ่มรู้สึกว่า อีกฝ่ายถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับและน่ากลัว
เจ้านั่นเลื่อนลำดับพลังแล้ว? หรือได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการค้นพบบางสิ่ง?
มีซอร์ขยับเอว โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับวางแก้วไวน์
มันกล่าวเสียงขรึม
“ฉันเคยมองค่าหัวของเดนิสเป็นเรื่องตลก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น… เพลิงพิโรธคือโจรสลัดที่คู่ควรกับค่าหัวห้าพันห้าร้อยปอนด์”
มีซอร์จ้องไปทางชายฉกรรจ์·โอซิล
“ช่วยฉันรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเพลิงพิโรธมาให้ฉัน ยิ่งใหม่เท่าไรก็ยิ่งดี!”
…
ณ ห้องพักสุดหรูของโรงแรมวายุคราม
เดนิสเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันรีบกวาดตาไปรอบตัว ตามด้วยการหลีกทางให้อีกฝ่ายเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง… สำเร็จไหม”
หลังจากบานประตูปิดสนิท มักซักถามอย่างสงสัยแกมตื่นเต้น
พลเรือโทโรคภัยโด่งดังในด้านความงดงาม เราเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว และตระหนักว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของเธอเหนือกว่าข่าวลือไปมาก… หากตายไปทั้งอย่างนั้นคงเสียของแย่ ควรจับหล่อนขังคุกตลอดชีวิตมากกว่า…
แม่เย็*! หล่อนก็ไม่ได้สวยไปกว่ากัปตันสักเท่าไรหรอกน่า! หน้าตาแบบนั้นหาได้ทั่วไปในโรงละครแดง!
เดนิสพยายามต่อสู้กับความรู้สึกขัดแย้งในใจ
ไคลน์ยกกำปั้นขึ้นมาจ่อปาก ตามด้วยเสียงไอกระแอมสองหน
“เกือบสำเร็จ” ชายหนุ่มมอบคำตอบหลังจากคอโล่ง
“น่าเสียดาย…” เดนิสถอนหายใจ
ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิด
เกอร์มัน·สแปร์โรว์คือสัตว์ประหลาด!
ไม่เพียงวางแผนลอบเข้าไปในกาฬมรณะเพื่อสังหารพลเรือโทโรคภัยอย่างบ้าบิ่น แต่ยังเกือบทำสำเร็จอีกด้วย! และถึงจะล้มเหลว ก็ยังหนีรอดกลับมาได้โดยแทบจะไร้รอยขีดข่วน!
อย่างที่ทราบกันดี พลเรือโจรสลัดนั้นมีอำนาจค้างฟ้าในทะเล โดยเป็นรองเพียงสี่ราชาโจรสลัดเท่านั้น เหตุผลก็ไม่ซับซ้อน นอกจากฝีมือส่วนตัวจะแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม แต่ละคนยังมีบริวารทรงพลังคอยรับใช้ข้างกาย ฉะนั้น การที่นักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ หนีออกจากกาฬมรณะได้อย่างราบรื่นแม้จะลอบสังหารล้มเหลว คือเครื่องยืนยันเป็นอย่างดีว่า ชายคนนี้มีฝีมือทัดเทียมพลเรือโจรสลัด!
ยุบพองหิวโหยทรงพลังขนาดนั้นเชียว? ไม่สิ ถ้าเป็นเรา ถึงจะมียุบพองหิวโหยสองข้าง ก็คงทำแบบเดียวกันไม่ได้…
เดนิสเริ่มรู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ที่วันนั้นมันเลือกเป็นมิตรกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มากกว่าตั้งตนเป็นศัตรู
ไคลน์ไอแห้งอีกสองหน ในใจเตรียมวานให้เดนิสออกไปซื้อยาแก้อาการป่วย
แต่มันเกิดเปลี่ยนใจ เพราะเริ่มตระหนักว่าอาการของตนค่อนข้างซับซ้อน หากไม่ให้หมอตรวจซึ่งหน้า คงยากจะได้รับยาที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจักรพรรดิโรซายล์มหาราชจะคิดค้นยาปฏิชีวนะกึ่งครอบจักรวาลมาแล้วก็ตาม
น่าเสียดายที่ห้วงมิติสายหมอกไม่สามารถใช้เป็นห้องตรวจโรคได้ เพราะอีกฝ่ายจะมองไม่เห็นอาการป่วยทางกายภาพของร่างเนื้อ ไม่อย่างนั้น เราคงให้เอ็มลินช่วยวินิจฉัย จะได้เลือกซื้อยาได้ถูกชนิด…
ไคลน์เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด ตามด้วยการเปลี่ยนจากเสื้อชาวประมงไปเป็นชุดสุภาพตามปรกติ และเผาเสื้อผ้าเก่าโทรมเหล่านั้นทิ้งทันที
เมื่อเห็นอีกฝ่ายออกจากห้องน้ำ เดนิสถือถุงกระดาษเดินไปต้อนรับพลางหัวเราะในลำคอ
“รางวัลตอบแทนเจ็ดร้อยปอนด์”
ทันใดนั้น มันและไคลน์ต่างได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมกัน โดยผู้มาเยือนคือกัปตันไอร์แลนด์
กัปตันโมราขาวเดินเข้ามาในห้อง ตามด้วยการจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลางกล่าวเสียงค่อย
“ขณะเตรียมตัวกลับไปยังท่าเรือพริตส์ ผมบังเอิญได้ยินข่าวน่าสนใจเข้า ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์ใหญ่ที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นในเมืองท่าแบนชี”
……………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น