Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 565-569

 ราชันเร้นลับ 565 : เนตรผู้ส่องความลับ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ณ ห้องกัปตันเรือ แคทลียาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะเดินตรงไปยังกระจกเงาข้างชั้นวางหนังสือ


ภายในกระจก ใบหน้าของหญิงสาวอยู่ในสภาพเรียบเนียน ปราศจากรอยปริแตก ใบหูมีขนาดเท่ามนุษย์ปรกติ มิได้ยืดยาวออกเป็นแตรแต่อย่างใด ดวงตาสีม่วงเข้มยังคงสุขุม โดยรวมไม่พบความผิดปรกติอันใด


ทว่า ดวงตาแฝงความเร้นลับของแคทลียาสามารถมองเห็นได้ลึกกว่านั้น


ภายใต้ชั้นผิวหนังเรียบเนียน เธอมองเห็นดวงตาประหลาดฝังอยู่ มองเห็นความบ้าคลั่งและเจ็บปวดที่กำลังเลือนรางลง มองเห็นภาพมายาจำนวนมากกำลังแหวกว่ายรอบตัว มองเห็นลูกเรือหลายคนด้านนอกห้อง กำลังขะมักเขม้นทำความสะอาด


ทุกสรรพสิ่งรอบตัวในรัศมีหลายสิบเมตรได้ปรากฏอย่างแจ่มชัดในสายตา เพียงแต่มาในรูปแบบของความสับสนปั่นป่วน


นับตั้งแต่กลายเป็นลำดับ 5 ‘ปรมาจารย์กลุ่มดาว’ พลัง ‘ส่องความลับ’ ของเธอได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก จนสามารถมองเห็นม่านสีดำที่รายล้อมรอบตัวตลอดเวลา


หลังม่านดังกล่าว แคทลียารู้สึกราวกับมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอและทุกสรรพสิ่งบนโลก


ไม่พบร่องรอยตกค้างของพลังมิสเตอร์ฟูล อีกฝ่ายมิได้ฝังอะไรไว้บนร่างกาย… เขา… ไม่สิ ท่านมีอำนาจมากพอจะดึงจิตของเราเข้าสู่ดินแดนสายหมอกโดยมิอาจขัดขืน ด้วยพลังปริศนาที่ไม่มีคำอธิบาย… เป็นพลังระดับที่คทาครึ่งเทพเทียบไม่ติดเลยสักนิด… แม้ว่าท่านจะสวมเครื่องแต่งกายทันสมัย แต่ก็ไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะด้วยพลังของตัวตนระดับนี้ ท่านต้องการให้ผู้อื่นเห็นตัวเองเป็นเช่นไรก็ได้…


และโดยธรรมชาติของตัวตนระดับสูง หากมนุษย์ธรรมดาจ้องมองร่างจริงด้วยตาเปล่า คงไม่แคล้วได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งคาที่…


แคทลียาจ้องตัวเองในกระจกสักพัก สมองนึกใคร่ครวญเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่


สำหรับตัวตนของมิสเตอร์ฟูล เธอพอจะมีคำตอบในใจอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงการเดาสุ่มโดยปราศจากการพิสูจน์


“ถึงจะสวมทักซิโด้ แต่มิได้แปลว่าอายุน้อย ไม่จำเป็นต้องเกิดในยุคสมัยปัจจุบัน…ท่านอาจเป็นเทพบรรพกาลที่เก่าแก่ยิ่งกว่าเจ็ดเทพจารีตเสียอีก… จากความรู้ของเรา ย้อนกลับไปในยุคก่อนเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ บนโลกมีเทพบรรพกาลเพ่นพ่านมากมาย ท่านอาจเป็นหนึ่งในนั้น”


แคทลียารำพันกับตัวเอง ก่อนจะหันหลังให้กระจก เดินกลับมายังจุดที่เคยนอนทุรนทุราย และก้มหยิบแว่นตาบนพื้น


หญิงสาวสวมแว่นลงบนสันจมูก เลนส์แว่นซ้อนทับกับดวงตาสีม่วงเข้ม ทันใดนั้น ภาพที่มนุษย์ไม่สมควรมองเห็นได้เลือนหายไปจากทัศนวิสัยแคทลียาโดยสมบูรณ์


ถัดมา หญิงสาวยืนครุ่นคิดว่า มิสเตอร์ฟูลและสิ่งที่เรียกว่าชุมนุมทาโรต์ จะส่งผลกระทบต่อตนอย่างไรบ้างในอนาคต


ขณะกำลังเค้นสมองนึก ภาพของบุคคลตัวสูงพลันผุดขึ้นในความทรงจำ เป็นฉากที่ตัวเธอไม่เคยลืม และไม่คิดจะลืมไปตลอดชีวิต


เสียงของบุคคลดังกล่าวดังกังวานในหัว


“จงไปซะ… ชะตาของเจ้ามิได้ขึ้นอยู่กับเรา”


ฝ่าบาท…นี่คือชะตาของดิฉันหรือคะ…


แคทลียาหลับตาลง



เหนือทุ่งสายหมอกสีเทา ท่ามกลางพระราชวังหรูหราโอ่โถง


ไคลน์ใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนขอบโต๊ะทองแดงยาวลายโบราณ เสกให้ไพ่ทาโรต์เลือนหาย


มันกำลังไตร่ตรองถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหลังจากพลเรือเอกดวงดาวเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์


“หากไม่มีทางเลือกที่ีดีกว่า…เราคงต้องโดยสารไปกับเรือของ ‘เดอะเฮอร์มิท’ เพื่อแล่นออกนอกเส้นทางหลัก และเข้าสู่เขตซากสมรภูมิแห่งเทพ จากนั้นก็ดื่มโอสถพร้อมกับฟังเสียงขับขานของนางเงือก… ความจงรักภักดีภายใต้ความหวาดกลัวต่อเดอะฟูลของเธอ คงเชื่อใจได้มากกว่าเอ็ดวิน่าและสมุน…แน่นอน เรายังมีแฮงแมนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ตัวตนของพลเรือเอกดวงดาว ผู้เป็นสมาชิกของนิกายมอสส์ อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยความรู้และปัญญา ย่อมสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ชุมนุมทาโรต์อย่างมหาศาล แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเราก็มีความเสี่ยงตามมา นั่นคือภาพลักษณ์อันลึกลับและยิ่งใหญ่ของเดอะฟูลอาจถูกสั่นคลอน…ในอนาคต เราต้องระวังตัวมากขึ้น ห้ามมอบคำตอบส่งเดชถ้าไม่มั่นใจ ต้องหมั่นใช้ถ้อยคำคลุมเครือ หรือหากจำเป็น ก็ต้องงัดกลยุทธ์ของนักต้มตุ๋นออกมาใช้…วิธีแก้ปัญหานี้ไม่ซับซ้อน เราแค่ต้องพัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเดอะฟูล ยกระดับมาตรฐานให้สอดคล้องกับตัวตน เมื่อมีขุมพลังลำดับ 5 เข้าร่วมชุมนุม รวมถึงลูกน้องมากฝีมือของเธออีกจำนวนหนึ่ง ขุมกำลังรบโดยรวมของชุมนุมทาโรต์นับว่าถูกยกระดับขึ้นอย่างมาก หลังจากครอบครองคทาเทพสมุทร เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีสมาชิกคนใดแข็งแกร่งกว่าตัวเองและก่อปัญหาขึ้น ได้แต่หวังว่าสักวัน พลเรือเอกดวงดาว ผู้เป็นสมาชิกของนิกายมอสส์ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เราล้างแค้นปราชญ์เร้นลับสำเร็จ”


ไคลน์ถอนหายใจยาว ส่งตัวเองออกจากมิติ



กรุงเบ็คลันด์ ใต้มหาวิหารแซมมัว


เหยี่ยวราตรีคนหนึ่ง สวมถุงมือสีแดง กำลังเดินถือกระดาษโทรเลขเข้าไปในห้องที่ถูกจัดสรรให้เป็นสำนักงานชั่วคราวของหน่วย


“หัวหน้า มีเหตุการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้นในท่าเรือเอ็นมาร์ท”


มันกล่าวกับโซสต์ ‘นักปลอบวิญญาณ’ ด้วยท่าทางตื่นเต้นเจือจาง


โซสต์ลูบจอนข้างขวาของตน


“เล่ามา”


“เป็นความคืบหน้าเกี่ยวกับเดอะฟูล ที่ชุมนุมแสงเหนือเคยประกาศตามล่าตัวสาวกครับ” สมาชิกทีมยื่นกระดาษโทรเลขให้


คำตอบดังกล่าวได้ดึงดูดความสนใจจากสมาชิกถุงมือแดงทุกคนในห้อง ไม่เว้นแม้แต่บุคคลบนเก้าอี้ตรงมุม ที่กำลังนั่งเหยียดขาพาดบนโต๊ะพร้อมกับงีบโดยใช้หมวกปิดหน้า เป็นชายผมกระเซิงเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกต


โซสต์รับโทรเลขไปอ่านด้วยรอยยิ้ม


“มิจฉาชีพคนหนึ่ง อ้างตัวเป็นข้ารับใช้ของเดอะฟูลและพยายามล่อลวงหญิงสาว แต่หลังจากเอ่ยนามเต็มของเดอะฟูลจบ สายฟ้าได้ผ่าลงกึ่งกลางศีรษะทันที ส่งผลให้ตายคาที่ หืม… ดูเหมือนว่า ตัวตนลึกลับเจ้าของนามเดอะฟูลจะมีอยู่จริงสินะ…”


แฟ้มเอกสารเกี่ยวกับคดีพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ทั้งสองครั้ง รวมถึงข่าวคราวการตามล่าสาวกเดอะฟูลของชุมนุมแสงเหนือ ถูกรวบรวมและส่งมาอยู่ภายใต้การดูแลของทีมถุงมือแดงที่มีโซสต์เป็นหัวหน้าหน่วย


แต่เนื่องจากไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมเป็นเวลานาน และถุงมือแดงก็ยังมีงานอื่นให้ทำอีกมาก การสืบสวนจึงไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย


“เดอะฟูลมีพลังในขอบเขตสายฟ้า?”


เลียวนาร์ด·มิเชลเลื่อนมือหยิบหมวกสีดำออกจากใบหน้า


“ก็ไม่แน่… หากเดอะฟูลเป็นสหายเก่าของพวกเราจริง การเตรียมอุปกรณ์ไว้ตบตาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก บนโลกนี้มีสมบัติวิเศษและสมบัติปิดผนึกมากมาย อีกฝ่ายอาจเตรียมการเอาไว้เพื่อหลอกให้เราสับสน… เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นหนแรก บรรดาเทพกำมะลอบนทวีปใต้และเกาะอาณานิคมล้วนเคยทำมาแล้ว… แล้วก็… หึหึ… มิจฉาชีพโง่เขลารายนั้นกุเรื่องว่าเดอะฟูลคือร่างจุติของเทพวายุสลาตัน บางที นั่นอาจเป็นสาเหตุที่มันโดยสายฟ้า…”


โซสต์กล่าวพลางโยนโทรเลขลงบนโต๊ะ


เลียวนาร์ดลดขาลงและชำเลืองอ่าน


“พวกเราจะไม่สืบสวนจริงหรือ”


“สืบยังไง? หรือคุณจะเอ่ยนามเต็มของเดอะฟูลเพื่อรอดูการตอบสนอง?”


โซสต์ประชดประชัน


จริงอยู่ การทำแบบนั้นคงได้พบร่องรอยของเดอะฟูลเพิ่มเติมแน่ แต่ตัวเราก็คงต้องบอกลาโลกนี้ไปพร้อมกัน… การย่อยโอสถของเรากำลังไปได้สวย ใกล้จะเลื่อนลำดับแล้ว และยังมีอีกหลายลำดับให้พัฒนา ไม่มีเหตุให้ต้องรีบเข้าเฝ้าเทพธิดาก่อนวัยอันควร…


เลียวนาร์ดครุ่นคิดพลางสางเส้นผมที่ไม่เรียบร้อย


“ใช้นักโทษประหารทดสอบไม่ได้หรือ”


“อีกฝ่ายก็แค่ไม่ตอบสนอง” โซสต์ส่ายหน้า


“ถ้าถามผม พวกเราควรเริ่มสืบจากคดีไพ่ทาโรต์ทั้งสอง ด้วยเหตุผลรองรับจำนวนสองข้อ หนึ่ง เดอะฟูลคือไพ่ใบสำคัญของสำรับไพ่ทาโรต์ และสอง ชุมนุมแสงเหนือประกาศตามล่าตัวสาวกของเดอะฟูล หากยังจำกันได้ คดีไพ่ทาโรต์ครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับลาเนวุส ในคราวนั้น แผนการลงมาจุติของพระผู้สร้างแท้จริงมีอันต้องล้มเหลวไม่เป็นท่า”


เลียวนาร์ดจัดระเบียบเสื้อกั๊กสีดำพลางอธิบายฉะฉาน


โซสต์ครุ่นคิด


“ในเมื่อพวกเรากำลังว่าง คุณรับหน้าที่ตรวจสอบพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ทั้งสองคดีก็แล้วกัน”


“ตกลงครับ” เลียวนาร์ดยิ้ม


นั่นคือสิ่งที่มันต้องการ เพราะถึงจะสืบหาตัวตนของเดอะฟูลไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่มีใครกล้าตำหนิอย่างแน่นอน จึงไม่มีคดีใดเหมาะแก่การอู้งานไปมากกว่านี้อีกแล้ว



บ่ายสองห้าสิบ ฟอร์สเดินตัวสั่นกลับมาจากถนนที่มีอากาศเย็นเฉียบ


ไม่ใช่เพราะเธอมีงานอดิเรกชอบออกไปรับอากาศเปียกชื้นและหนาวเหน็บด้านนอก เพียงแต่ว่า เสบียงของบ้านเกิดหมดเกลี้ยงโดยสมบูรณ์ ส่วนซิลกำลังอยู่ระหว่างภารกิจตามล่าอาชญากรแถวเมืองท่าพริสต์ เมื่อรวมกับเวลาที่ต้องรอรับเงินค่าหัว ฟอร์สจึงไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะกลับมาตอนไหน


“เธอมักไล่ล่าอาชญากรอยู่เสมอ นับเป็นการลงโทษผู้กระทำผิดทางหนึ่ง จะเรียกว่ากำลังสวมบทบาทก็คงไม่ผิดนัก…”


ฟอร์สในสภาพถือถุงกระดาษสีน้ำตาลพะรุงพะรัง ใช้มือข้างหนึ่งล้วงกุญแจ เปิดกล่องจดหมาย และหยิบสิ่งของด้านในติดมือออกมา


เมื่อเข้ามาภายในบ้าน หญิงสาววางอาหารไว้ตรงมุมหนึ่ง ก่อนจะถอดโค้ทขนสัตว์ตัวหนา และรีบหยิบจดหมายขึ้นมาไล่อ่าน


ทันใดนั้น ดวงตาของฟอร์สพลันลุกวาวอย่างมีความสุข เนื่องจากหนึ่งในจดหมายมาจากอาจารย์ของเธอ โดเรียน·เกรย์


หลังจากเลื่อนลำดับเป็นนักตุกติก ฟอร์สเขียนจดหมายถึงอาจารย์เพื่อเล่าความสำเร็จทันที โดยหวังจะได้รับคำชมเชยและการชี้แนะเพิ่มเติม แต่ผ่านไปเป็นเวลานาน การติดต่อจากอีกฝ่ายกลับขาดหาย จนกระทั่งฟอร์สเริ่มกังวล และวางแผนแวะไปยังท่าเรือพริสต์เพื่อตรวจสอบ


เมื่อแกะซองออก เธอรีบกวาดตาอ่าน


“…ต้องขอโทษด้วยที่เพิ่งเขียนจดหมายตอบเอาป่านนี้ ผมติดธุระด่วน ต้องเดินทางออกจากพริสต์เพื่อร่วมงานศพของญาติ …ผมดีใจมากที่ได้ทราบว่าคุณมีพรสวรรค์มากเช่นนี้ คงเป็นเพราะแต่งนิยายได้เก่งกาจ จึงตีความเทคนิคสวมบทบาทได้แตกฉาน… หากคุณย่อยโอสถนักตุกติกเสร็จเมื่อไร ผมจะมอบสูตรโอสถลำดับ 7 ‘โหราจารย์’ ให้เป็นรางวัล รวมถึงวัตถุดิบบางชนิดด้วย …หลักสำคัญของนักตุกติกมีเพียงสองคำ คือ ‘การแสดง’ และ ‘ตบตา’ แต่ตบตาก็สามารถแทนที่ด้วยการ ‘หลอกลวง’ ได้เช่นกัน เรื่องนี้ถูกยืนยันจากบรรพบุรุษมาแล้วหลายชั่วอายุคน… คุณสามารถใช้ ‘นักต้มตุ๋น’ หรือ ‘นักมายากล’ เป็นแบบอย่างในการสวมบทบาทได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชื่อของโอสถถึงคล้ายกันมาก”


ฟอร์สอ่านจดหมายอย่างมีความสุข แต่ทันใดนั้นก็ต้องรีบหันไปมองนาฬิกา ตามด้วยการลนลานกลับห้องนอนและล็อกประตู


ชุมนุมทาโรต์ของสัปดาห์นี้ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว


เพียงไม่นาน แสงสีแดงเข้มได้ซัดสาดใส่ร่างกายของเธอราวกับคลื่นน้ำ กลืนกินทุกสรรพสิ่งรอบตัวอย่างหมดจด


ท่ามกลางวังสายหมอก ขณะฟอร์สเตรียมหันไปมองเดอะฟูลตามปรกติ หางตาพลันชำเลืองเห็นร่างของบุคคลผู้หนึ่งบนที่นั่งด้านข้าง


เก้าอี้ตัวดังกล่าวไม่เคยมีใครนั่งมาก่อน!


สมาชิกใหม่… เป็นผู้หญิง?


เมจิกเชี่ยนกลอกตาเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวครึ่งรอบและหันหน้าไปทางเดอะฟูล โดยวางมาดไม่แยแสสมาชิกใหม่


สมาชิกใหม่? ผู้หญิง…


ขณะมิสจัสติสกำลังจะกล่าวทักทายเดอะฟูลตามความเคยชิน เธอเริ่มสังเกตเห็นสมาชิกใหม่เช่นกัน


หญิงสาวสับสนเล็กน้อยเมื่อพบว่า สมาชิกฝ่ายหญิงได้ถูกจัดให้นั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง โดยสมาชิกฝ่ายชายจะนั่งฝั่งตรงข้าม


คงเป็นความตั้งใจของมิสเตอร์ฟูล แต่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร…


สตรีฝั่งซ้าย… บุรุษฝั่งขวา… หมายความว่ามิสเตอร์ฟูลที่อยู่ตรงกลาง คือตัวตนเทพผู้ไร้เพศ? หืม… ถ้าอย่างนั้น มิสเตอร์เวิร์ลก็คงไร้เพศด้วยเช่นกัน หรืออาจไม่ใช่คน…


…ออเดรย์ เธอฟุ้งซ่านมากไปแล้ว!


จัสติสรีบลุกขึ้นและกล่าวด้วยเสียงร่าเริง


“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”


……………………


ราชันเร้นลับ 566 : รายละเอียดเสื้อผ้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อได้ยินเสียงทักทายของมิสจัสติส ไคลน์ยกมุมปากพลางพยักหน้ารับรู้


เดิมที ชายหนุ่มต้องการแนะนำให้เฮอร์มิทรู้จักทุกคน และทุกคนรู้จักเฮอร์มิท แต่เมื่อพบว่าจัสติสยังไม่หยุดการทักทาย ไคลน์จึงปล่อยให้เหตุการณ์เลยตามเลย


“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์แฮงแมน”


ลำดับการทักทายแตกต่างไปจากปรกติ มิได้เรียงจากลำดับไพ่ทาโรต์เหมือนทุกที แต่เป็นการเรียงจากลำดับเข้าชุมนุมก่อนหลัง


หากมิสจัสติสทักทายครบทุกคน เฮอร์มิทก็จะรู้จักชื่อของสมาชิกโดยไม่ต้องให้เดอะฟูลอย่างเราคอยแนะนำ… เธอจงใจ… ช่างเป็นเด็กที่รอบคอบมาก… เส้นทางผู้ชมถนัดคงถนัดอะไรแบบนี้สินะ…


ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำคำชมเชย


ขณะเดียวกัน แฮงแมนตอบสนองคำทักทายของจัสติส·ออเดรย์ แต่หางตากลับแอบชำเลืองไปทางสมาชิกใหม่


เพศหญิง… พอจะเห็นอย่างเลือนรางว่าสวมชุดคลุมยาวสีดำที่เต็มไปด้วยลวดลายปริศนา… ผมสีดำขลับ ดวงตาค่อนไปทางม่วง…


อัลเจอร์เก็บรายละเอียดร่างมายาที่ไม่คมชัดของอีกฝ่าย


ทันใดนั้น หัวใจมันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม


ฉากเมื่อครั้งได้เข้าร่วมชุมนุมโจรสลัดย้อนกลับมาฉายในความทรงจำอีกหน


ภาพของสะพานดวงดาวระยิบระยับ ที่ทอดจากเรือลำใหญ่ริมทะเล ยาวไปถึงวังซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเกาะ ในขณะนั้น พลเรือเอกดวงดาวที่สวมชุดคลุมจอมเวทสีดำ เอวข้างหนึ่งห้อยลูกแก้วดวงดาว อีกข้างห้อยคทาสั้น กำลังย่างกรายอย่างสง่างามไปตามแนวสะพาน


ลูกแก้วดวงดาวของเธอทำให้อัลเจอร์นึกถึงขวดบรรจุสภาพอากาศที่ตนเคยมี แต่อย่างหลังเกิดชำรุดโดยบังเอิญ เมื่อถูกมิสเตอร์ฟูลดึงเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเป็นครั้งแรก


เป็นเธอเองหรือ… เหมือนกระทั่งรูปร่างและใบหน้า… แต่พลเรือเอกดวงดาวสวมแว่นตา ส่วนมาดามเฮอร์มิทไม่… ยังระบุแน่ชัดไม่ได้ ต้องมีเบาะแสมากกว่านี้ก่อน… น่าเสียดายที่วันนั้นเราทำได้เพียงมองจากจุดห่างไกล จึงแทบไม่มีข้อมูลของเธอ…


แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น คงปล่อยให้ข้อมูลและสถานการณ์ของตัวเองรั่วไหลไม่ได้… เดอะเวิร์ลเป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล การที่ให้ชายคนนั้นล่วงรู้ตัวจริง เป็นคนละเรื่องกับสมาชิกคนอื่น…


หรือว่า… หลังจากเหตุการณ์เทพสมุทรร่วงหล่น พลังของมิสเตอร์ฟูลได้ฟื้นตัวถึงระดับหนึ่ง จนมีอำนาจมากพอจะดึงบุคคลระดับพลเรือเอกโจรสลัดเข้าร่วมชุมนุม…


แฮงแมนปล่อยสมองโลดแล่น ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนท่านั่งเล็กน้อย


หืม… ภาษากายของมิสเตอร์แฮงแมนบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า เขากำลังตื่นตัวและสร้างเกราะป้องกันจากสมาชิกใหม่… เขารู้จักกับเธอ หรือคาดเดาบางสิ่งได้? ชักอยากรู้แล้วสิ…


จัสติส·ออเดรย์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปทักทายกับเดอะซัน เดอร์ริค


ขณะเดียวกัน เดอะเฮอร์มิท แคทลียา เริ่มสำรวจสมาชิกชุมนุมทาโรต์ตามลำดับการแนะนำตัวด้วยท่าทีระมัดระวัง


ระหว่างนั้น ประกายแสงสีม่วงในดวงตาเธอ มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น ช่วยเสริมสร้างวิสัยทัศน์ของแคทลียาให้คมชัดขึ้นมาก ถึงแม้จะมิอาจมองทะลุผ่านความพร่ามัวบนใบหน้าสมาชิกคนอื่น แต่ก็เห็นรายละเอียดเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้อย่างชัดเจน


แฮงแมน… เพศชาย โตเต็มวัย อายุราวสามสิบ ทรงผมยุ่งเหยิง สีน้ำเงินเข้ม คล้ายกับสาหร่ายทะเล เป็นลักษณะทั่วไปของผู้วิเศษเส้นทางลูกเรือ… เขาสวมชุดคลุมที่มีสัญลักษณ์ของพายุและคลื่น… คนของโบสถ์วายุสลาตัน?


ดวงตาแคทลียาสั่นเทาเล็กน้อย แต่ก็รีบเบือนออกอย่างไม่เสียมารยาท และสำรวจรายละเอียดของสมาชิกคนถัดไป


เดอะซัน… เด็กหนุ่ม… เด็กมาก น่าจะยังไม่เป็นผู้ใหญ่… เครื่องแต่งกายค่อนข้างพิเศษ สวยงามแบบเรียบง่าย แฝงกลิ่นอายของยุคสมัยโบราณ เสื้อผ้าขนาดพอดีตัว ค่อนไปทางแน่นกระชับ เหมาะแก่การต่อสู้… เป็นผู้วิเศษในเส้นทางสายต่อสู้?


เดอะเวิร์ล… ไม่แก่ ไม่เด็ก บรรยากาศรอบตัวอึมครึม สวมเสื้อคลุมปกปิดใบหน้า… ทำไมเราถึงรู้สึกเหมือนกับเขาไม่ใช่มนุษย์… คล้ายกับเซนอลและเหล็กกล้า·แม็ควิตี้… เป็นเส้นทางเดียวกัน… หรือเส้นทางอื่นที่มีลักษณะเด่นคล้ายกัน?


เมจิกเชี่ยน… ยังสาวอยู่ สวมกระโปรงอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวโลเอ็น… หากไม่นับนิสัยค่อนข้างเฉื่อยชา ก็จะไม่มีอะไรโดดเด่น คนแบบนี้มักถูกมองข้าม… แต่นั่นยิ่งทำให้เราห้ามประมาท…


เดอะมูน… ค่อนไปทางหนุ่ม ท่านั่งไม่เรียบร้อย ผมสีดำ ดวงตาสีแดง สวมชุดคลุมของโบสถ์พระแม่ธรณี… หากนำทุกองค์ประกอบมารวมกัน คำตอบเดียวก็คือ… แวมไพร์…


สมกับเป็นมิสเตอร์ฟูล สมาชิกแต่ละคนของชุมนุมไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพียงมองอย่างผิวเผินก็พบความเกี่ยวข้องถึงสองโบสถ์หลัก…


เฮอร์มิท แคทลียา หันไปสบตาออเดรย์


เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังส่งสายตาซักถาม เธอจึงพยักหน้าเล็กน้อยและตอบกลับอย่างสุภาพ


“เดอะเฮอร์มิท”


เป็นภาษาฟุซัคโบราณ


แคทลียาจงใจเลี่ยงการใช้ภาษายอดนิยมอย่างโลเอ็นหรืออินทิส เช่นเดียวกับเมื่อครั้งสนทนากับเดอะฟูล


ทันใดนั้น เธอเริ่มฉุกคิดบางสิ่ง


มิสเตอร์ฟูลบอกกับเราว่า… การชุมนุมจะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ บ่ายสามโมงตรง ตามเวลากรุงเบ็คลันด์…


หมายความว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของชุมนุมทาโรต์ในปัจจุบันเป็นชาวโลเอ็น?


แคทลียาลองคาดเดา


“จัสติสค่ะ” ออเดรย์ยิ้มตอบ “ทิวาสวัสดิ์ มาดามเฮอร์มิท”


แน่นอน ออเดรย์มองเห็นทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างแจ่มชัด จึงเริ่มประเมินในใจ


เป็นคนระมัดระวังตัว… มีประสบการณ์บนโลกผู้วิเศษช่ำชอง ไม่ค่อยพูด แต่ก็มิได้เก็บตัว มั่นใจในพลังสำรวจของตัวเอง หรือไม่ก็พลังบางชนิดที่เกี่ยวกับดวงตา การแต่งกายและคทาที่ห้อยตรงเอวบ่งบอกว่า เส้นทางของเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับ… แต่ยังด่วนสรุปไม่ได้ ต้องมีการยืนยันเพิ่มเติม บางทีอาจเป็นเพียงงานอดิเรก…


ขณะเดียวกัน เดอะเฮอร์มิท·แคทลียา กำลังสำรวจเครื่องแต่งกายของจัสติส


เจาะหูทั้งสองข้าง ตุ้มหูมีขนาดเล็ก แต่เลี่ยมมรกตหรูหรา เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับดวงตาสีเขียวคราม ต้องมีราคาสูงมากแน่…


สร้อยคอเป็นชนิดพิเศษ เลี่ยมด้วยเพชรจำนวนมากที่นับไม่หมด แต่ก็มิได้เด่นสะดุดตาเกินหน้าองค์ประกอบอื่น เครื่องแต่งกายทุกชิ้นถูกคำนวณอย่างลงตัว…


เดรสสีเบจพอดีกับสรีระ เรียบง่ายแต่หรูหรา งานตัดยับประณีตมาก น่าจะเป็นฝีมือของนักออกแบบแฟชั่นชื่อดัง…


หลังจากทุกรายละเอียดผ่านเข้ามาในดวงตาจนครบถ้วน แคทลียาหลับตาลง


อายุราวสิบเจ็ดสิบแปด… ร่ำรวยมาก… กิริยามารยาทถูกอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี น่าจะเป็นทายาทของตระกูลขุนนางใหญ่…


ขุนนางโลเอ็น?


ด้วยเหตุผลบางประการ แคทลียาแอบถอนหายใจแผ่วเบา


เมื่อการแนะนำตัวของออเดรย์จบลง สมาชิกทุกคนได้รู้จักเฮอร์มิท และเฮอร์มิทรู้จักกับทุกคน โดยที่ไคลน์ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำด้วยตัวเอง


หลังจากนั่งเรียบร้อย ออเดรย์หันไปมองบุคคลบนเก้าอี้ตำแหน่งประธานใหญ่


“มิสเตอร์ฟูล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันต้องออกจากเมืองหลวง จึงรวบรวมไดอารีของโรซายล์ได้เพียงแผ่นเดียว”


ในการชุมนุมครั้งก่อน ออเดรย์มอบไดอารีให้สองแผ่น หมายความว่ายังติดค้างเดอะฟูลอีกสองแผ่น แต่ด้วยข้อจำกัดที่ต้องหมกตัวอยู่แต่ในคฤหาสน์ แม้จะมีโอกาสเข้าเมืองบ่อยครั้ง แต่ก็ยังรวบรวมได้เพียงแผ่นเดียว


และเนื่องจากมีสมาชิกใหม่ หญิงสาวจึงไม่ต้องการเอ่ยชื่อของสมาคมแปรจิต หรือกรุงเบ็คลันด์ หรือแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก


ไดอารีของโรซายล์…?!


แคทลียาพลันหันขวับไปหามิสจัสติสที่นั่งในแถวเดียวกัน ราวกับเธอควบคุมตัวเองไม่อยู่


เสียงหนึ่งผุดขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง เป็นเสียงของบุคคลใบหน้างดงาม รูปร่างค่อนข้างสูง


“นั่นไม่ใช่สมุดบันทึก หากแต่เป็นไดอารี น่าเสียดาย นอกจากเขา ก็ไม่มีใครสามารถอ่านมันได้อีก”


สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทราบว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สมุดบันทึก แต่เป็นไดอารี…! มิสเตอร์ฟูลกำลังรวบรวมไดอารีของโรซายล์? หรือว่าท่านพยายามถอดรหัส เพื่อไขปริศนาของเหตุการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว…ฟังดูเหมือนกับเทพบรรพกาลที่กำลังฟื้นคืนพลัง…


ความสงสัยและความตกตะลึงกำลังถาโถมห้วงความคิดของแคทลียา


แต่สีหน้าภายนอกยังคงเรียบเฉย แสร้งทำเป็นเพียงนั่งมอง ‘การแลกเปลี่ยน’ ครั้งแรกของชุมนุมทาโรต์นับตั้งแต่ที่เธอเข้าร่วม


แคทลียาผ่านอะไรมามาก ล้มลุกคลุกคลานด้วยตัวเองมาตลอด จนกระทั่งได้เป็นหนึ่งในเจ็ตพลเรือโจรสลัด เธอเข้าใจเป็นอย่างดีว่า สิ่งที่ควรทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ :


พูดให้น้อย ฟังให้มาก!


“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันรวบรวมสามแผ่น”


เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส กล่าวด้วยรอยยิ้ม


ทั้งสามแผ่นมาจากโดเรี่ยน·เกรย์


ในส่วนของสัปดาห์ที่แล้ว เป็นเพราะอาจารย์ไม่ยอมตอบจดหมาย และอากาศหนาวเกินกว่าจะออกไปร่วมชุมนุมลับอื่น เธอจึงมิอาจหาไดอารีมามอบให้เดอะฟูลได้


เดอะซัน เดอร์ริค ส่งเสียงบ้าง


“มิสเตอร์ฟูล ผมคัดลอกตำนานเทพบรรพกาลชุดใหม่เพิ่มเติม”


ชิ… เมื่อไรหมอนี่จะเลิกฉวยโอกาสจากตำนานเทพบรรพกาลเหลวไหลนั่นสักที…


เดอะมูน เอ็มลิน จ้องไปทางเดอะซันด้วยสายตาดูแคลน


ทันใดนั้น ผีดูดเลือดหนุ่มผุดความสงสัยขึ้นมาหนึ่งเรื่อง เดอะซันเคยอ้างว่า เมืองเงินพิสุทธิ์กราบไหว้บูชาพระผู้สร้าง แต่ก็มิได้ปฏิเสธว่า ราชาคนยักษ์·เออร์เมียร์มีอิทธิพลอย่างมากกับพวกตนจริง


อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มกลับไม่เคยเล่าเลยสักครั้งว่า ‘อาณาจักรเงินพิสุทธิ์’ เคยกราบไหว้บูชาราชินีคนยักษ์ โอมีเบล่า มาก่อน


หรือเมืองเงินพิสุทธิ์จะไม่ใช่ทั้งหมดของอาณาจักรเงินพิสุทธิ์? เราต้องขุดคุ้ยความจริงออกมาให้ได้…


เอ็มลินยังไม่ปล่อยว่างจากเดอะซัน นับตั้งแต่เด็กหนุ่มกล่าวถึงเผ่าผีดูดเลือดในทางไม่ดี


ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์สี่แผ่น รวมถึงตำนานของเทพบรรพกาล นับว่าไม่เลว… ถ้ามีตำนานเกี่ยวกับเอลฟ์ลำดับสูง โคฮีเน็ม ก็คงดีไม่น้อย… อนิจจา หลังจากมิสเตอร์แฮงแมนทราบว่าเดอะเวิร์ลเป็นข้ารับใช้เดอะฟูล เราคงให้เดอะเวิร์ลซักถามเรื่องพื้นฐานไม่ได้แล้ว…


เดอะฟูล ไคลน์ ครุ่นคิดพร้อมกับหัวเราะ


“ทำได้ดี”


จากนั้น มันอำนวยความสะดวกให้มิสจัสติส มิสเมจิกเชี่ยน และเดอะซัน เขียนข้อความลงบนแผ่นกระดาษหนัง เสกให้ปรากฏตรงหน้าตน และก้มหน้าตั้งใจอ่าน


ท่าทางของมิสเตอร์ฟูล…


ท่านมิได้พยายามถอดรหัส แต่สามารถอ่านไดอารีของโรซายล์ออกอย่างแตกฉาน…?


ท่านมาจากไหน เป็นใครกันแน่!?


จิตใจของแคทลียากำลังเผชิญความตื่นตระหนกเกินกว่าจะพรรณนา


หญิงสาวรีบชักสายตากลับ และเอาแต่ก้มมองโต๊ะทองแดงอยู่อย่างนั้น โดยมิได้ทำสิ่งใดเป็นเวลานาน ราวกับพยายามจดจำลวดลายแสนเรียบง่ายของผิวโต๊ะโบราณ


หืม…ในวินาทีที่ทราบว่ามิสเตอร์ฟูลอ่านไดอารีของโรซายล์ออก มาดามเฮอร์มิทมีท่าทีตอบสนองสุดโต่งมาก…


เธอรู้ความลับอะไรเกี่ยวกับไดอารี? หรือว่ามีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง?


จัสติส ออเดรย์ เม้มปากพลางครุ่นคิด


แม้ว่าอีกฝ่ายจะออกอาการเพียงเสี้ยววินาที และกลบเกลื่อนได้อย่างแนบเนียนหลังจากนั้น แต่สำหรับลำดับ 7 แห่งเส้นทางผู้ชม เพียงเท่านี้ก็มากพอให้สังเกตเห็น


ไคลน์เองก็กำลังจับตามองการตอบสนองของสมาชิกใหม่อยู่เช่นกัน ชายหนุ่มต้องการทราบว่า สมาชิกของนิกายมอสส์ผู้มากด้วยความรู้ จะมีท่าทีเช่นไรกับเรื่องนี้


ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างเกินคาด


ทำไมต้องแตกตื่นขนาดนั้น…


แต่ไคลน์ไม่มัวคิดนาน รีบกลอกตาลงไปอ่านเนื้อหาหน้าแรกของไดอารีจักรพรรดิโรซายล์


……………………


ราชันเร้นลับ 567 : ต้นตอของเรื่องราว

โดย

Ink Stone_Fantasy

“9 เมษายน เราเพิ่งกลับจากงานเลี้ยงหน้ากากของเคาต์เทส วาเรียน แต่หัวใจกลับว่างเปล่าอย่างไม่น่าเชื่อ”


“สตรี สตรี สตรี แล้วก็สตรี การเคลื่อนไหวร่างกายที่ซ้ำซากราวกับเครื่องจักร กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายจนมิอาจแยกแยะ ความอบอุ่นของร่างหญิงสาวที่เกิดจากการก่ายกอด ความสุขสมเพียงเสี้ยววินาที แต่หลังจากนั้นต้องเผชิญความว่างเปล่า ห่อเหี่ยว และชาชิน”


“ชีวิตแบบนี้น่าสนุกตรงไหน… การทำกิจวัตรเช่นนี้ทุกวันมีประโยชน์อันใด?”


“เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องหาวิธีหลุดพ้นจากสภาพอันน่าสมเพชโดยเร็ว!”


“ขอเตือนความจำตัวเองอีกครั้ง ห้ามเผลอเขียนตัวเลขอาราบิกในชีวิตประจำวันเด็ดขาด!”


ท่านมหาจักรพรรดิเองก็มีช่วงเวลาย้อนทบทวนตัวเองกับเขาด้วยหรือ… ผิดจากที่คิดไว้พอสมควร… ไคลน์เกือบขมวดคิ้ว


จากนั้น มันก้มอ่านเนื้อหาส่วนถัดไป


“11 เมษายน เคาต์เทสวาเรียนชวนเราเข้าร่วมงานซาลอนส่วนตัวอีกแล้ว แต่ครั้งนี้หล่อนบอกว่า มาดามจูเลียก็จะมาร่วมด้วย”


“หึหึ… สตรีหัวโบราณคนนั้นเนี่ยนะ”


“รอคอยโอกาสนี้มานานแล้ว!”


“แต่ไหนแต่ไร เราเคยทำได้เพียงจินตนาการภาพหล่อนบนเตียง… หึหึ คงได้แต่หวังว่าสามีของเธอ ไวเคาต์เดลเลี่ยน จะไม่ถือสาเอาความ”


ท่านมหาจักรพรรดิ ลืมไดอารี่ที่เขียนเมื่อวันก่อนไปแล้วหรือ… เฮ่อ… เรื่องแบบนี้คงหอมหวานมากสินะ คงเป็นสันดานที่ไม่มีทางเปลี่ยนได้ของนาย… ไคลน์รำพัน


“14 เมษายน เราเอาแต่ทำเรื่องอย่างว่าจนร่างกายอ่อนเพลียไปหมด”


“ปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้!”


“แม้จะยังหนุ่มยังแน่น แต่ถ้าทำมากเกินไปโดยไม่เว้นช่วงพักเสียบ้าง การเสื่อมสภาพสมรรถภาพก็อาจมาเยือนโดยไม่ต้องรอถึงตอนแก่!”


“จริงอยู่ โอสถนักโบราณคดีช่วยเสริมกำลังวังชาและประสิทธิภาพร่างกาย แต่นี่ไม่ใช่จุดเด่นของอาชีพ เป็นแค่ส่วนเสริมที่ช่วยให้สำรวจซากโบราณได้ง่ายขึ้น”


“โชคดี การเพิ่มลำดับช่วยให้พลังจากโอสถก่อนหน้ายกระดับขึ้นมาก ถือว่าเรา ‘อึด’ กว่ามนุษย์ปรกติพอสมควร”


“หืม… ถ้าจำไม่ผิด ‘นักปรุงยา’ สามารถผลิตยาอย่างว่าได้โดยแทบไม่มีผลข้างเคียง เห็นทีคงต้องหาคนปรึกษาสักหน่อย”


“แล้วก็ เราจำเป็นต้องยับยั้งชั่งใจไว้บ้าง เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป มาตรฐานความสุขทางเพศของเราจะสูงขึ้น จนกิจกรรมทั่วไปไม่สามารถทำให้ถึงจุดสุดยอด ต้องสรรหาสิ่งพิสดารมาช่วยเติมเต็ม”


“เมื่อลองสงบสติและใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน โลกนี้ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย แต่เรากลับหมกมุ่นอยู่แต่กามอารมณ์จนมองไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริง… ทำไมจิตของเราถูกส่งข้ามโลก ความลับของดวงดาวบนท้องฟ้าคืออะไร จิตมนุษย์มาจากไหน? ถ้ามาจากจิตในชาติที่แล้ว… ก่อนจะมาเป็นตัวเรา ฮวงเทา เราเคยเป็นใคร? แล้วใครคือจิตต้นกำเนิด?”


ท่านมหาจักรพรรดิ เมื่อครู่ก่อนจะอึ๊บสาว ท่านยังทำตัวเป็นหมาล่าเนื้ออยู่เลย แต่หลังจากเสร็จกิจก็เปลี่ยนเป็นมหาปราชญ์ทันทีเลยหรือ… เคยกังวลเกี่ยวกับการเดินทางข้ามโลกเหมือนกันสินะ คิดว่าในใจมีแต่เรื่องพรรค์นั้นเสียอีก…


โชคยังดีที่นายไม่สอนภาษาจีนกลางให้กับทายาท… ไม่อย่างนั้น หากพวกเขาได้อ่านไดอารีเหล่านี้เข้า คงรู้สึกน่าสังเวชพิลึก… ซาราธเคยทำนายไว้ว่า บุตรสาวคนโต แบร์นาแดตจะหันหลังให้กับนาย และอาจถึงขั้นทรยศ… เริ่มฟังดูสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้างแล้ว… บางที การไม่สอนภาษาจีนกลาง ก็คงเพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องราวดังกล่าว…


เนื้อหาในไดอารีของโรซายล์ทำให้ไคลน์รู้สึกขบขัน แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า


สำหรับชายหนุ่ม ไดอารีโรซายล์เป็นทั้งแหล่งความรู้ชั้นยอดและหนังสือคลายเครียดในเวลาเดียวกัน


อ่านถึงจุดนี้ มันพลิกไปยังหน้าถัดไป


“2 ตุลาคม ซาราธมาหาเราอีกครั้ง”


“มันหวังว่า ตัวเราที่กลายเป็นครึ่งเทพแล้ว จะรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ในตอนแรก นั่นคือการขโมยสมบัติปิดผนึกสุดอันตรายมาจากโบสถ์ เป้าหมายเป็นสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสแห่งยุคสมัยที่สี่… สมบัติปิดผนึกระดับ 1!”


ข้อความดังกล่าวทำให้รูม่านตาของไคลน์หดเกร็งอย่างมิอาจควบคุม


นี่คือสมุดบันทึกที่ลัทธิเร้นลับ ซึ่งมีซาราธเป็นผู้นำ ทำสูญหายในภายหลัง…


นี่คือสิ่งที่ทำให้ไคลน์?โมเร็ตติคนก่อนต้องจบชีวิตลง และเป็นสิ่งที่ทำให้เรา โจวหมิงรุ่ย มาเกิดใหม่บนโลกใบนี้!


ต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด!


เข้าใจแล้ว… สมุดบันทึกมิได้ตกอยู่ในมือลัทธิเร้นลับมาตั้งแต่แรก แต่เป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 1 ของโบสถ์จักรกลไอน้ำ โดยในภายหลัง ด้วยฝีมือจารกรรมของโรซายล์มหาราช สมุดดังกล่าวจึงตกอยู่ในมือซาราธ ผู้นำแห่งลัทธิเร้นลับ…


หากจำไม่ผิด สมาชิกของลัทธิเร้นลับที่เคยอยู่ในถุงมือยุบพองหิวโหย ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวต่อซาราธเป็นอย่างมาก และมองว่าอีกฝ่ายไม่มีวันตาย เป็นสัตว์ประหลาดพิสดาร…


หรือว่าซาราธจะได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากสมุดบันทึก แต่ขณะเดียวกันก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น ส่งผลให้จากมนุษย์ที่เคยสื่อสารกับโรซายล์ กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด ลัทธิเร้นลับจึงสูญเสียสมุดบันทึกในเวลาถัดมา?


แน่นอน ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้… ซาราธจงใจทำมันสูญหาย…


อา… เนื่องจากซาราธกลายเป็นสัตว์ประหลาด ลัทธิเร้นลับจึงสูญเสียนางเงือกทั้งหมดที่เลี้ยงไว้ ทำให้ ‘ผู้นำไร้หน้า’ ต้องเสี่ยงชีวิตออกทะเลเพื่อตามหานางเงือกด้วยตัวเอง?


…โรซาโก้ตามหานางเงือกในน่านน้ำของซากสมรภูมิเทพสำเร็จ?


เมื่อสมมติฐานมากมายแล่นผ่านสมอง หัวใจไคลน์เริ่มตื่นตัว


ชายหนุ่มไม่คิดว่าโรซายล์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสมากนัก เพราะความบังเอิญส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้ด้วยกฎการดึงดูดของพลังพิเศษบนเส้นทางเดียวกัน หากใช้ตรรกะดังกล่าว เรื่องก็นับว่าสมเหตุสมผล


ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางนักทำนายทุกคน ก็ควรต้องได้รับผลกระทบจากสมุดไปด้วย…


ขณะไคลน์นั่งครุ่นคิดเงียบงัน หางตาชำเลืองเห็นสายหมอกสีเทารอบตัว


ในกรณีของเรา… อาจเป็นเพราะมีความสัมพันธ์กับมิติแห่งนี้ จึงถูกอิทธิพลของสมุดบันทึกอันทีโกนัสดึงดูด…


ชายหนุ่มทำได้เพียงตั้งคำถาม ไม่มีทางได้รับคำตอบกลับมา


เมื่อเริ่มเย็นลง ไคลน์ก้มอ่านไดอารีส่วนที่เหลือ


“เฮ่อ… เราคงบุ่มบ่ามไม่ได้ ต้องรอให้ถึงโอกาสเหมาะสมเสียก่อน ถ้าสบช่องให้ขโมยออกมาได้ง่ายและไม่มีใครรู้ตัว เราจะลงมือทันที แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีช่องว่าง เราก็จะไม่ทำเด็ดขาด… เราไม่ต้องกลัวการถูกซาราธหักหลังและเปิดโปงความจริง ด้วยสถานะทางสังคมในปัจจุบัน ด้วยตำแหน่ง ลำดับโอสถ และ อิทธิพล ตราบใดที่เรายืนกรานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ทางโบสถ์คงไม่กล้าทำอะไรมากนัก”


อีกสองย่อหน้าไดอารีเล่าถึงแผนการจารกรรมที่โรซายล์วางไว้ในหัว แต่เท่าที่อ่านดู คล้ายกับไม่มีอันไหนใกล้เคียงว่าจะทำได้จริง อย่างไรก็ตาม ไคลน์ทราบดี ในท้ายที่สุดแล้ว โรซายล์สามารถขโมยสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสออกมา และนำไปส่งต่อให้มิสเตอร์ซาราธแห่งลัทธิเร้นลับ


หลังจากนั่งครุ่นคิดสักพัก ไคลน์พลิกไปยังหน้าถัดไป


“10 ธันวาคม เราได้เข้าร่วมชุมนุมลับที่เอ่ยชื่อไม่ได้อีกครั้ง… เราพบว่า สมาชิกของชุมนุมมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ ทุกคนจะไม่ชอบขี้หน้าจักรพรรดิโซโลมอนจากยุคสมัยที่สี่อย่างมาก”


“เราถามถึงเหตุผล และชายแก่เฮอมิสก็ใจดีอธิบาย เขาเล่าว่า พันธมิตรที่เข้มแข็งและยังเป็นผู้สนับสนุนของจักรวรรดิโซโลมอนคือ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ … ฟังดูหน้าเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นความจริงแน่นอน”


“เราจึงเกิดคำถามในใจว่า ชุมนุมลับแห่งนี้อยู่ฝ่ายใดในยุคสมัยที่สี่ และมีบทบาทสำคัญในระดับไหน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกไป… จนกระทั่งเดินทางออกจากวังหรูหรา ขณะกลับมายังความฝันตัวเอง เราบังเอิญพบกับมิสเตอร์เฮอมิสเฒ่าที่ใช้เส้นทางเดียวกัน”


“ในเมื่อเป็นถึงชายแก่จากยุคสมัยก่อนมหาภัยพิบัติ เขาคงมีข้อมูลในมือมากมาย เราจึงอาศัยความสนิทสนม ตัดสินใจถามออกไปว่า : สาเหตุที่ชุมนุมลับของพวกเราเกลียดชังพระผู้สร้างแท้จริง เป็นเพราะอีกฝ่ายแอบอ้างนามของ ‘พระผู้สร้าง’ ใช่หรือไม่? มิสเตอร์เฮอมิสตอบกลับด้วยรอยยิ้ม : เรื่องราวมิได้ตื้นเขินเช่นนั้น”


“แล้วเขาก็ถามกลับมาว่า : รู้จักพลังพิเศษของเส้นทาง ‘ผู้เลี้ยงแกะ’ ไหม?”


“ ‘แน่นอน’ เราตอบกลับไปเช่นนั้น”


“เขาถามต่อด้วยประโยคแฝงความนัยอีกครั้ง : หากให้เราเลือกว่าเทพในปัจจุบันองค์ใดเข้าใกล้นิยาม ‘มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง’ มากที่สุด เจ้าจะเลือกใคร”


“คำตอบแรกในหัวก็คือ เส้นทางผู้เลี้ยงแกะที่มีความสามารถในการเขมือบและรวบรวมดวงวิญญาณ แถมยังใช้พลังของวิญญาณเหล่านั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”


“และปลายทางของผู้เลี้ยงแกะ… พระผู้สร้างแท้จริง… อย่างนี้นี่เอง”


ลำพังไดอารีแผ่นเดียว ข้อมูลมากมายได้อัดแน่นจนน่าเหลือเชื่อ… จักรวรรดิโซโลมอนถูกหนุนหลังโดยขั้วอำนาจของพระผู้สร้างที่แท้จริง… นั่นสินะ… เทวรูปหกเทพจารีตที่อยู่ในซากอาคารราชวงศ์ทูดอร์ ถึงจะไม่แน่ใจว่าถูกสร้างเพื่อต้องการลบหลู่หรือศรัทธา แต่หนึ่งสิ่งที่แน่ชัดก็คือ หกเทพจารีตมีบทบาทในสงครามระหว่างจักรวรรดิแห่งยุคสมัยที่สี่แน่นอน และดูเหมือนจะใกล้ชิดกับราชวงศ์ทรันซอสต์เป็นพิเศษในภายหลัง… สามจักรวรรดิ หมายถึงสามขั้วอำนาจของเทพ?


ด้วยความรู้และข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ของตน ไคลน์พยายามค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ แต่สุดท้ายก็พบทางตันอีกครั้ง ช่วงเวลาดังกล่าวยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกมืดหนาทึบ


ส่วนคำถามของมิสเตอร์เฮอมิส ไคลน์คิดเหมือนกับโรซายล์


ยิ่งลำดับเพิ่มขึ้น นักบุญและเทวทูตของเส้นทางผู้เลี้ยงแกะก็ยิ่งต้อนดวงวิญญาณได้มากขึ้น และใช้พลังพิเศษได้หลากหลายชนิดมากขึ้น หากวันใดที่พระผู้สร้างแท้จริง ‘เขมือบ’ ดวงวิญญาณของเทพทั้งสี่สิบสองเส้นทางเข้าไป ระดับพลังคงไม่ต่างกับพระผู้สร้างต้นกำเนิดสักเท่าไร


เส้นทางนี้มีความลับเยอะฉิบ…


ไคลน์รำพันขณะพลิกอ่านไดอารี่หน้าสี่


หน้านี้เล่าถึงช่วงเวลาหลังจากโรซายล์ดื่มโอสถลำดับ 9 ‘นักปราชญ์’ มันทุ่มเทให้กับการอ่านหนังสืออย่างหนัก เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย จนพื้นฐานของความรู้ถูกถมจนแน่น พร้อมยกระดับตัวเองด้วยการศึกษาสิ่งใหม่อย่างมีหลักการและแบบแผน


สำหรับโรซายล์ในตอนนั้น การศึกษาหาความรู้ได้กลายเป็นกิจกรรมที่นำพาความสุขมากที่สุด


วรรคหนึ่งในไดอารีเขียนไว้ว่า


“หากมนุษย์ได้ลิ้มรสความสุขอันล้นปรี่ในวินาทีที่ความพยายามอันยาวนานผลิดอกออกผล พวกเขาคงก้มหน้าก้มตาทำงานหนักเหมือนกับเราในตอนนี้”


หลักการคล้ายเกมเลยแฮะ…


ไคลน์ปิดไดอารีหน้าสุดท้าย พลิกอ่านตำนานเทพบรรพกาลจากเดอะซัน


ในระหว่างนี้ พระราชวังสายหมอกแสนโอ่โถงได้ถูกความเงียบงันปกคลุมโดยสมบูรณ์ จัสติสและเดอะมูนกำลังครุ่นคิดถึงการแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาถัดไป


ทางด้านเฮอร์มิท แคทลียา หญิงสาวกำลังเผชิญในสิ่งที่ตนไม่เคยพบมาก่อน แต่ก็มิได้ออกอาการแตกตื่นมากนัก เพียงวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน… มิสเตอร์ฟูลมักอ่านไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ในชุมชนทาโรต์เสมอ… สมาชิกทุกคนจะรวบรวมไดอารีให้ท่าน แต่ไม่แน่ใจว่าทำเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งใดหรือไม่…


ท่านอ่านไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ออก…


กำลังค้นหาความลับที่จมลึกอยู่ในก้นแม่น้ำแห่งประวัติศาสตร์อยู่หรือ?


ไม่ผิดแน่… เดอะซันระบุว่า เขากำลังรวบรวมตำนานของเทพบรรพกาล… สอดคล้องกับสมมติฐานของเรา…


ในเวลาเดียวกัน ไคลน์ได้พบข้อมูลใหม่


ณ ยุคสมัยที่สอง ยุคสมัยแห่งความมืด ก่อนจะเกิดมหาภัยพิบัติขึ้น เทพบรรพกาลทุกตนล้วนมี ‘เทพรับใช้’ คอยอยู่เคียงข้างอย่างใกล้ชิด


ในกรณีจองราชามหามังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล มันมีมังกรแห่งฝันร้าย อัลเซอร์ฟอร์ดเป็นทั้งบุตรชายและเทพรับใช้


……………………


ราชันเร้นลับ 568 : เทพรับใช้

โดย

Ink Stone_Fantasy

จากเอกสารของเดอะซัน ชื่อของเทพรับใช้ถูกไล่เรียงอย่างเป็นระเบียบ แต่ส่วนมากมักไม่มีนามจริง ปรากฏเพียงสมญานาม ยกตัวอย่างเช่น เทพแห่งความงาม และเทพแห่งชีวิต เป็นเทพรับใช้ของแวมไพร์ต้นตระกูล ลิลิธ ; เทพธิดาอัปมงคล และเทพแห่งความตาย เป็นเทพรับใช้ของหมาป่าอสูรทำลายล้าง เฟรเกีย ; เทพแห่งโชค และราชินีแห่งภัยธรรมชาติ เป็นเทพรับใช้ของราชาแห่งเอลฟ์ ซอนญาธริม นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายชื่อ


ราชินีแห่งภัยธรรมชาติ…


ไคลน์พลันหวนนึกถึงหนังสือแห่งภัยธรรมชาติ รวมถึงแก้วไวน์ทองคำที่น่าจะเป็นของเอลฟ์ลำดับสูง ผิวแก้วสลักข้อความไว้สองคำ :


โคฮีเน็ม และ ภัยธรรมชาติ


ชายหนุ่มคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก โคฮีเน็มคือราชินีแห่งภัยธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นเทพรับใช้ของราชาเอลฟ์!


น่าเสียดาย เราคงถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเดอะซันน้อยไม่ได้ คงต้องรอให้เขาคัดลอกเอกสารชุดใหม่ออกมา…


ไคลน์ถอนหายใจ


ข้อมูลในเอกสารทำให้มันเชื่อว่า สมญานามของเทพรับใช้ อาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับนามจริงของเทพรับใช้สักเท่าไร


เพราะเดิมที เมืองเงินพิสุทธิ์เคยอยู่ในอาณาจักรเงินพิสุทธิ์ที่ปกครองโดยระบอบวังราชาคนยักษ์ เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นของฝ่ายศัตรูและมิตร จึงบันทึกข้อมูลเหล่าเทพบรรพกาลไว้พร้อมเทพรับใช้อย่างผิวเผิน โดยอาจเป็นการตั้งสมญานามง่าย ๆ ขึ้นมาเอง เพื่อให้สะดวกต่อการจดจำและเผยแพร่


เมื่อพลิกอ่านหน้าต่อไป สมมติฐานข้างต้นของไคลน์ถูกยืนยัน แต่ขณะเดียวกันก็มาพร้อมคำถามใหม่


ตระกูลมังกรยังมีอีกหนึ่งเทพรับใช้คือ มังกรแห่งปัญญา เฮราเบอร์เก้น ส่วนทางฝั่งราชาคนยักษ์ เทพรับใช้คือบุตรชายคนโต บาร์ดไฮเออร์ และราชินีคนยักษ์ เทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยว


แปลกมาก… ทำไมเทพธิดาแห่งฤดูเก็บเกี่ยวถึงมิได้ระบุนามจริงเอาไว้? ในเมื่อเป็นพระชายาของราชาคนยักษ์ ก็ควรมีในบันทึกไม่ใช่หรือ…


จากการคาดคะเนของเรา เทพรับใช้เหล่านี้น่าจะมีศักดิ์เทียบเท่าเทวทูต หรือราชาเทวทูตในยุคสมัยถัดมา… อา… คงเป็นลำดับ 2 ในเส้นทางเดียวกัน หรือไม่ก็ลำดับ 1 ในเส้นทางใกล้เคียงกระมัง…


ยิ่งเมื่อนำข้อมูลจากไพ่เย้ยเทพมาประกอบการพิจารณา ไคลน์ก็ยิ่งสับสน เพราะเนื้อหาของไพ่เขียนไว้ชัดเจนว่า บนเส้นทางเดียวกัน ถ้ามีลำดับ 0 ก็จะไม่มีลำดับ 1 หรือถ้าไม่มีลำดับ 0 ก็จะมีลำดับ 1 ได้สูงสุดสามตน


แต่ไคลน์ยังไม่กล้าฟันธง เพราะนี่เป็นเพียงข้อมูลส่วนเดียว มันยังไม่รู้จักลำดับ 0 กับ 1 ดีพอ และไม่ทราบว่าตัวตนระดับนั้นจะถูกผูกมัดอยู่ภายใต้ ‘กฎการอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ’ มากเพียงใด


แต่สำหรับปัจจุบัน เราคงต้องอนุมานให้เป็นแบบนั้นไปก่อน…


ไคลน์เอนหลังพลางยิ้ม และเสกให้เอกสารทั้งหมดในมือหายไป


“เริ่มได้”


ขณะเดียวกัน อัลเจอร์กำลังพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองอย่างรอบคอบ


เพื่อความปลอดภัยของการสนทนา มันตัดสินใจเปลี่ยนมุมมอง สมมติว่าอีกฝ่ายคือพลเรือเอกดวงดาว และคาดเดาว่าเธอจะมองเห็นรายละเอียดใดบนร่างกายตนบ้าง


มิสเตอร์ฟูลมีการปกป้องรูปลักษณ์ของสมาชิกอยู่แล้ว… บริเวณใบหน้าและร่างกายจึงไม่คมชัด แต่การบิดเบือนดังกล่าวแทบไม่ส่งผลกับสีสัน… จริงอยู่ ระหว่างสีน้ำตาลกับสีน้ำตาลเข้มอาจแยกได้ยาก แต่ถ้าเป็นสีโทนสว่าง แม้แต่เราก็แยกแยะได้สบาย อย่างน้อยเราก็ทราบว่า มิสจัสติสมีผมสีทองและดวงตาสีเขียว…


จุดเด่นที่สุดในตัวเราคงหนีไม่พ้นเส้นผมสีน้ำเงินเข้ม แต่นั่นก็ไม่บ่งบอกอะไรนัก จริงอยู่ ผมสีน้ำเงินเข้มอาจเป็นเอกลักษณ์เด่นของเส้นทางลูกเรือ แต่คนผมสีน้ำเงินเข้มทุกคนไม่จำเป็นต้องอยู่บนเส้นทางลูกเรือ ผมสีดังกล่าวอาจมาจากกรรมพันธุ์ ตัวอย่างเช่น อ่าวเดซีย์ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลโซเนียและทะเลคลั่ง บริเวณดังกล่าวเคยเป็นถิ่นฐานของเอลฟ์ในสมัยอดีต มนุษย์เชื้อสายเอลฟ์ส่วนใหญ่ก็จะมีผมสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน… แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จำนวนประชากรผมสีน้ำเงินเข้มส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือเส้นทางลูกเรือ…


แต่ลำพังสีผม เธอคงมิอาจนำไปต่อยอดเป็นข้อมูลใดเพิ่มเติมได้แน่…


ขณะอัลเจอร์กำลังวางใจ หางตาบังเอิญชำเลืองเห็นชุดคลุมวายุสลาตันของตน


หลังจากกลับขึ้นเรือ นอกจากตำแหน่งกัปตัน มันยังต้องรับหน้าที่เป็นบิชอปให้เหล่าลูกเรือด้วย โดยการประกอบพิธีมิสซาทุกครั้งต้องสวมเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม


หากอัลเจอร์ไม่แสดงความศรัทธาต่อเทพวายุสลาตันเสียบ้าง อาจมีสักวันที่ลูกน้องแอบรายงานให้โบสถ์ทราบ


โดยทั่วไปแล้ว โบสถ์วายุสลาตันมักไม่ไว้วางใจ ‘โจรสลัดราชการ’ ของตัวเองสักเท่าไร ด้วยเกรงว่า การออกทะเลเป็นเวลานาน อาจเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นโจรสลัดตัวจริง และยังเป็นเหตุผลว่าทำไม เทพวายุสลาตันจึงไม่ถ่ายทอดวิวรณ์ถึงเหล่าโจรสลัดของตัวเอง


ด้วยการบิดเบือนจนพร่ามัว เธอคงมองเห็นเครื่องแต่งกายของเราไม่ชัดเจนนัก… แต่ก็ไม่ควรประมาท ครั้งถัดไปคงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นแบบเรียบง่ายก่อนเข้าร่วมชุมนุม… ถึงเราจะยังไม่มั่นใจ แต่อีกฝ่ายมีสิทธิ์เป็นถึงพลเรือโจรสลัด ห้ามวางใจเด็ดขาด…


แฮงแมนนั่งใคร่ครวญอย่างหวาดระแวง


ทันใดนั้น มันได้ยินเสียงของเดอะมูนที่พยายามระงับความตื่นเต้น


“มิสเตอร์แฮงแมน ทางนี้พร้อมแล้ว เจ้าพร้อมส่งมอบมรดกของบารอนผีดูดเลือดเมื่อไร? ถ้าจำไม่ผิด คราวก่อนเจ้าเคยพูดไว้ว่า มรดกดังกล่าวอยู่ในมือของโจรสลัดแข็งแกร่งสักคนสินะ”


ไม่ต้องมีประโยคสุดท้ายก็ได้…


อัลเจอร์นั่งตัวแข็ง


โจรสลัดแข็งแกร่ง…? เดอะเฮอร์มิท แคทลียา พลันชำเลืองสายตาไปทางแฮงแมน


อัลเจอร์ยังไม่เปลี่ยนสีหน้า เพียงหันไปตอบเดอะมูนด้านข้างอย่างผ่อนคลาย


“เตรียมเงินสดครบแล้วหรือ”


“แน่นอน!” เอ็มลินกล่าวพลางเชิดคาง


อันที่จริง แผนเดิมของมันคือ รอให้ครบกำหนดสามเดือน จึงค่อยนำเช็คเงินสดไปขึ้นเงินกับธนาคาร แต่หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะซื้อมรดกของบารอนผีดูดเลือด มันเปลี่ยนแผนทันที


โดยปราศจากความเคลือบแคลงและลังเล เมื่อเอ็มลินเกิดความรู้สึกอยากได้ ความคาดหวังและความปรารถนาได้ถาโถมจิตใจ ส่งผลให้ผีดูดเลือดหนุ่มต้องการครอบครองตะกอนพลังทันที เป็นอาการเดียวกับเมื่อครั้งควักเงินก้อนโตซื้อตุ๊กตาตัวโปรด


หลังจากอดทนได้หนึ่งสัปดาห์ เอ็มลินตัดสินใจขายเช็คเงินสดของตนให้คนอื่น แม้ว่าราคาจะถูกลงกว่าปรกติ แต่อย่างน้อยก็ได้ใช้เงินทันที


เช็คขึ้นเงินแบบกำหนดเวลามักถูกซื้อขายกันเป็นปรกติ ด้วยราคาต่ำกว่ามูลค่าจริงเล็กน้อย


“ผมสามารถเตรียมให้คุณได้ในสัปดาห์นี้ แต่ก่อนอื่น ขอยืนยันอีกครั้ง คุณจะซื้อมรดกของบารอนในราคาสี่พ้นห้าร้อยปอนด์ ถูกต้องไหม”


เมื่อเห็นการค้าขายของตนใกล้บรรลุ อัลเจอร์ลืมเรื่องที่เดอะมูนหลุดปากพูดถึงโจรสลัดไปก่อน


เอ็มลินชะงักเล็กน้อย กวาดสายตามองรอบตัวหนึ่งครั้ง ก่อนจะกระแอมในลำคอและกล่าวกับแฮงแมนด้วยเสียงแผ่ว


“ถูกกว่านี้อีกสักนิดได้ไหม”


“ผมไม่ใช่คนตัดสิน แต่สามารถช่วยเจรจาให้ราคาต่ำลงได้… หึหึ อย่าลืมค่านายหน้าของผมก็แล้วกัน สักสามร้อยปอนด์เป็นไง”


อัลเจอร์กล่าวด้วยสีหน้าสุขุม


“ไม่มีปัญหา” เอ็มลินกระซิบ


เป็นแวมไพร์ที่ไม่แข็งแกร่งมาก น่าจะยังเด็ก หรือไม่ก็อยู่ในช่วงต้นของวัยหนุ่ม…


ทางด้านเดอะเฮอร์มิท แคทลียา กำลังนั่งสำรวจสถานการณ์พลางวิเคราะห์


เมื่อเห็นการค้าขายระหว่างแฮงแมนและเดอะมูนลุล่วงภายในไม่กี่คำ จัสติส ออเดรย์ เกิดความรู้สึกว่าเธอต้องเสียเงินซื้ออะไรสักอย่างบ้างแล้ว


ในอีกหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เราจะติดต่อกับสมาชิกของสมาคมแปรจิตประจำแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก และบอกว่าเรากลายเป็นนักจิตบำบัดเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น การซื้อสูตรผลิตโอสถลำดับถัดไปด้วยคะแนนผลงานจึงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่มีความจำเป็นต้องรีบร้อนซื้อกับชุมนุมทาโรต์… ไว้ทราบชื่อวัตถุดิบหลักและรองเสียก่อน ค่อยมาถามหาจากคนอื่น…


ในกรณีสมบัติวิเศษ เราคงซื้อบ่อย ๆ ไม่ได้ เพราะของเก่าเพิ่งเบิกเงินมาจากท่านพ่อ… หากเราซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์หายากหลายชิ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ท่านพ่ออาจเกิดความสงสัย…


ออเดรย์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพบคำตอบ


เธอบิดหมุนครึ่งตัว และหันไปมองบุคคลบรรยากาศอึมครึมตรงมุมโต๊ะอีกฝั่ง


“มิสเตอร์เวิร์ล คุณเคยบอกว่ามีเบาะแสของตะกอนพลังนักจิตบำบัด เรื่องนั้นใช้เวลาดำเนินการนานไหม”


ฉันจะซื้อให้ซูซี่… หญิงสาวเสริม


อันที่จริง ขณะฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ออเดรย์ยังนึกไอเดียซุกซนได้อีกหนึ่งเรื่อง นั่นคือการหาข้ออ้างให้มิสเตอร์ฟูลแสดงหน้าไพ่จักรพรรดิมืดออกมา


ตามความคิดของเธอ ในเมื่อเดอะเฮอร์มิทตระหนักถึงความสำคัญของไดอารีโรซายล์ จนถึงขั้นเสียอาการชัดเจน หมายความว่า สตรีลึกลับผู้นี้อาจรู้จักไพ่เย้ยเทพด้วยเช่นกัน ออเดรย์จึงต้องการเห็นอีกฝ่ายแสดงอาการตกตะลึงสุดขีดในวินาทีที่ได้เห็นไพ่


แต่สุดท้าย หญิงสาวก็พับเก็บความคิดดังกล่าวไปก่อน มิใช่เพราะเห็นใจหรือไม่อยากทดสอบเดอะเฮอร์มิท แต่เพราะคิดว่าเป็นการไม่เหมาะสม ที่จะทำตัวข้ามหน้าข้ามตามิสเตอร์ฟูล


หากท่านต้องการให้เดอะเฮอร์มิทเห็นไพ่ ประเดี๋ยวท่านก็คงเปิดให้เห็นเอง แต่ถ้าท่านไม่ต้องการ พฤติกรรมของเราจะถือว่าขัดความประสงค์ และนั่นเป็นการเสียมารยาท…


ออเดรย์ผงกหัวเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น


ขณะเดียวกัน เดอะเวิร์ลตอบเสียงแหบ


“ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าต้องการ ผมจะรีบหามาให้โดยเร็ว ราคาหนึ่งพันแปดร้อยปอนด์”


ตามปรกติแล้ว ราคาของตะกอนพลังนักจิตบำบัดจะอยู่ราวหนึ่งพันสองร้อยถึงหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ แต่ไคลน์เพิ่มตัวเลขขึ้นเพราะต้องการหยั่งเชิงว่า อีกฝ่ายจะต่อรองเหลือเท่าไร


“ตกลงค่ะ” ออเดรย์ตอบรับข้อเสนอทันที


ในปัจจุบัน หนี้สินของเธอที่ติดค้างกับไวเคาต์กายลินถูกชำระหมดแล้ว และหลังจากกลับมายังถิ่นของตระกูล หญิงสาวได้รับของขวัญมากมายจากบรรดาเครือญาติ สภาพคล่องทางการเงินจึงกำลังไหลลื่น อีกทั้ง เงินที่ติดค้างกับข้ารับใช้ของเดอะฟูล ก็มีกำหนดจ่ายในเดือนหน้า


ปัจจุบัน ออเดรย์มีรายรับเดือนละสามพันปอนด์ และแทบไม่ต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตประจำวันเลย เนื่องจากมีพ่อแม่คอยอำนวยความสะดวกแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะหลังจากตระกูลฮอลล์ได้รับความดีความชอบใหญ่หลวง


ขณะบทสนทนาดำเนินไป แฮงแมนก็ยิ่งพบความประหลาดใจ เพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เดอะเวิร์ลเพิ่งขายตะกอนพลังผู้ไร้หน้า หลังจากนั้นไม่นานก็ออกล่าเหล็กกล้า·แม็ควิตี้และได้ครอบครองตะกอนพลังของมัน มาวันนี้ยังมีตะกอนพลังของนักจิตบำบัดมาขายอีก โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเดือนเดียว!


แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก แฮงแมนพบคำตอบให้ตัวเอง


ตัวตนของเดอะเวิร์ลคงหมายถึง ‘บรรดา’ ข้ารับใช้มิสเตอร์ฟูล …เป็นการช่วยกันขายของ!


ในทางกลับกัน เดอะเวิร์ล ไคลน์ กำลังอยู่ในอาการตกตะลึงเมื่อพบว่ามิสจัสติสมิได้ต่อราคาแม้แต่เพนนีเดียว


มันคาดไว้ว่า มิสจัสติสคงต้องรัดเข็มขัดหลังจากเพิ่งเสียเงินจำนวนห้าพันห้าร้อยปอนด์ไปกับสมบัติวิเศษเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะเหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นในปีที่แล้ว ไคลน์จึงเตรียมต่อรองราคาอย่างเต็มที่ แต่ใครจะไปคิดว่า อีกฝ่ายกลับตกปากรับคำทันที


หล่อนมีเหมืองทองรึไง… ไคลน์รำพัน


เมื่อเดอะซัน เดอร์ริค เห็นว่าการเจรจาของจัสติสจบลง เด็กหนุ่มรีบยกมือ


“ผมต้องการซื้อผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสง”


สำหรับวัตถุดิบอื่นของโอสถข้ารับใช้สุริยัน เด็กหนุ่มหาได้เกือบครบแล้ว


ขณะแคทลียากำลังคิดว่า มิสจัสตินคือผู้วิเศษเส้นทางผู้ชมที่กำลังจะกลายเป็นนักจิตบำบัด เธอพลันได้ยินข้อเสนอของเด็กหนุ่ม จึงเงียบงันสักพักก่อนจะยกมือกล่าวกับอีกฝ่าย


“ดิฉันมี ต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งใด”


หลังจากทำตัวเป็นผู้เฝ้ามองมาตลอด เธอตัดสินใจร่วมวงค้าขายจิปาถะ เพื่อให้เข้าใจกลไกของชุมนุมทาโรต์มากขึ้น


“เอ่อ… ผมสามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วยประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์ ข้อมูลของสิ่งมีชีวิตจำพวกคนยักษ์ มังกร เอลฟ์ หรือพวกสัตว์ประหลาดในความมืด” เดอะซันน้อยกล่าวอย่างซื่อตรง “มาดามเฮอร์มิท นี่คือรายชื่อของสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ คุณสามารถเลือกวัตถุดิบจากพวกมันได้ถ้าต้องการ”


ให้ตายสิ… ใสซื่อชะมัด…


ไคลน์หักห้ามใจมิให้แหงนหน้าขึ้นไปมองโดมสูงบนเพดาน


เขากำลังพูดเรื่องอะไร…


แคทลียาทำได้เพียงขมวดคิ้ว มิอาจทำความเข้าใจประโยคของเดอะซันได้แม้แต่คำเดียว


……………………


ราชันเร้นลับ 569 : มองตะเกียบ เห็นป่าไผ่

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากครุ่นคิดสักพัก เดอะเฮอร์มิทมอบคำตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย เป็นคำตอบที่เธอไตร่ตรองว่าดีที่สุด


“ขอฉันดูก่อนว่า รอบเมืองเงินพิสุทธิ์มีสัตว์ประหลาดแบบใดบ้าง จึงค่อยตัดสินใจ”


จับเสือมือเปล่าอีกแล้ว… พวกที่อยู่ในทะเลนาน ๆ จะมีนิสัยเจ้าเล่ห์แบบนี้กันหมดรึไง… หรือควรพูดว่า ถ้าได้เห็นความไร้เดียงสาของเดอะซันน้อย… ใครล่ะจะอดใจไหว…


เดอะฟูล ไคลน์ รำพันโดยไม่นับรวมตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่ม ‘จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์’


“ตกลง”


ท่ามกลางสายตาของจัสติสและคนที่เหลือ เด็กหนุ่มตอบรับข้อเสนอของเดอะเฮอร์มิทโดยไม่ลังเล


จากนั้น มันส่งรายชื่อสัตว์ประหลาดในละแวกเมืองเงินพิสุทธิ์ให้อีกฝ่าย แต่ไม่ละเอียดเท่าคราวก่อน เนื่องจากเส้นทางสุริยันมิได้ชำนาญด้านความทรงจำนัก โดยเหตุการณ์ผ่านมาแล้วหลายวัน


เดอะเฮอร์มิท แคทลียา ก้มหน้าตั้งใจอ่านข้อมูลบนกระดาษ


ยิ่งได้มอง ความตกตะลึงก็ยิ่งเข้าครอบงำจิตใจอย่างรุนแรง เพราะจำนวนสัตว์ประหลาดมีมากกว่าที่เธอคิดไว้นับสิบนับร้อยเท่า!


เกือบทั้งหมดเป็นชื่อโบราณ หากไม่เพราะเธอคือสมาชิกนิกายมอสส์ผู้แสวงหาความรู้ และลำดับ 5 ผู้มีดวงตามองเห็นโลกได้ชัดแจ้ง ก็คงมิอาจเข้าใจความหมายของชื่อเหล่านี้


แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีอีกหลายชื่อที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ประหลาดในความมืดที่จะไม่ปรากฏตัวท่ามกลางแสงสว่าง ประหนึ่งเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตในความฝันหรือจินตนาการ


เมืองเงินพิสุทธิ์อยู่ที่ไหนกันแน่… ทำไมถึงมีสัตว์ประหลาดมากมายเพียงนี้…


ผ่านไปราวสิบวินาที แคทลียาเงยหน้าขึ้น และมอบคำตอบด้วยเสียงเรียบ


“ขอแลกเปลี่ยนกับข้อมูลประวัติศาสตร์”


“ตกลง” ดวงตาเดอร์ริคพลันลุกวาว


เด็กหนุ่มเริ่มมองเห็นอนาคตในการเลื่อนลำดับของตน


ด้วยความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล เดอะซันก้มหน้าเขียนประวัติศาสตร์เมืองเงินพิสุทธิ์ที่ค่อนข้างละเอียด แต่ยังคงสงวนข้อมูลสำคัญเอาไว้หลายเรื่อง เพราะมันทราบดี ข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่าสูงกว่าผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสง


เดอะเฮอร์มิท แคทลียา ทราบว่าเธอไม่ใช่เดอะฟูล การจะให้สมาชิกรอตนอ่านเอกสารเป็นเวลานานคงไม่ถูกต้องนัก จึงรีบกวาดสายตาอ่านผ่าน ๆ เพื่อบรรจุเข้าความทรงจำ


หลังจากจัดการจนเสร็จและยืนยันความคุ้มค่าของข้อมูล หญิงสาวเงยหน้าขึ้นซักถาม


“แล้วฉันจะส่งผลของต้นพันธะวิญญาณส่องแสงให้คุณได้ทางไหน”


เมื่อพูดจบ ความคิดบางอย่างพลันแล่นผ่านสมอง แคทลียารีบหันไปยังตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาวและกล่าว :


“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันต้องกระทำผ่านพิธีกรรมสังเวยใช่ไหมคะ”


คำพูดดังกล่าวทำให้ออเดรย์พลันชะงัก


เธอที่นั่งอยู่ในแถวเดียวกันและเตรียมมอบคำตอบในฐานะสมาชิกอาวุโส ทำได้เพียงกลืนถ้อยคำลงคอไปทั้งหมด


มาดามเฮอร์มิทเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากถึงเพียงนี้เชียว… สามารถคาดเดาได้ทันทีว่าชุมนุมทาโรต์ค้าขายผ่านพิธีกรรม!


ออเดรย์พยายามระงับความตกตะลึง


“ถูกต้อง”


ไคลน์พยักหน้า ไม่อธิบายมากไปกว่านั้น


ชายหนุ่มเชื่อว่า ในฐานะพลเรือโจรสลัดและลำดับ 5 แห่งเส้นทางผู้ส่องความลับ ไม่มีทางประกอบพิธีกรรมสังเวยไม่เป็น ในทางกลับกัน สิ่งนี้น่าจะเป็นของถนัดด้วยซ้ำ อีกทั้ง เธอยังมีนามเต็มของตนอย่างครบถ้วน ข้อมูลในมือจึงเพียงพอต่อการประกอบพิธีกรรมถึงเดอะฟูล


อย่างนี้นี่เอง… หากมีตัวตนระดับเทพคอยเป็นสักขีพยาน การแลกเปลี่ยนด้วยพิธีกรรมสังเวยนับเป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกที่สุด… และถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเชิงข้อมูล เพียงสื่อจิตถึงกันก็นับว่าเสร็จสิ้น…


เฮอร์มิท แคทลียา พยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะหันมาทางเดอะซัน


“ฉันจะรีบจัดการให้เสร็จ”


แม้ภายนอก แคทลียาอาจมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจกำลังกระสับกระส่ายหลังจากได้อ่านข้อมูลของเดอะซัน เมืองเงินพิสุทธิ์นั้นเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดเหนือพรรณนา


อะไรคือการถูกพระองค์ทอดทิ้ง อะไรคือไม่มีแสงอาทิตย์ อะไรคือท้องฟ้ามืดมิดตลอดกาลโดยมีเพียงแสงฟ้าผ่าสลับกลางวันกลางคืน อะไรคือสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด อะไรคือหญ้าผิวดำ อะไรคือการดิ้นรนเอาชีวิตรอดท่ามกลาง ‘ยุคมืด’ มาตลอดสองพันปี


ทั้งหมดทั้งมวลอยู่นอกเหนือจินตนาการเดอะเฮอร์มิทโดยสิ้นเชิง


แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชำนาญข้อมูลลับทางทะเล หญิงสาวพลันนึกถึงทฤษฎีอันโด่งดังได้จากคำอธิบายสุดพิสดารของเดอะซัน :


…ยุคสมัยแห่งมหาภัยพิบัติ!


ไม่กี่วินาทีถัดมา เธออนุมานต่อจากข้อมูลเดิม


…ดินแดนเทพทอดทิ้ง!


ทันใดนั้น ภาพของบุคคลผู้มีใบหน้างดงามและรูปร่างค่อนข้างสูงย้อนกลับมาฉายในความทรงจำแคทลียาทันที พร้อมด้วยถ้อยคำเจืออารมณ์เศร้าหมอง :


“เขาอุทิศทั้งชีวิตเพื่อค้นหาดินแดนเทพทอดทิ้งให้พบ โดยกล่าวไว้ว่า ที่นั่นมีคำตอบของทุกสิ่งซ่อนอยู่…”


เดอะซันมาจากดินแดนเทพทอดทิ้งที่แม้แต่จักรพรรดิโรซายล์ก็ยังมีอาจหาพบ? แล้วมิสเตอร์ฟูลเชื่อมต่อกับเขาได้อย่างไร… บางที ท่านอาจฟื้นคืนชีพจากสถานที่ดังกล่าว…


แคทลียาครุ่นคิดด้วยความตกตะลึง


ในตอนแรก เมื่อเห็นว่าจัสติส เดอะมูน เดอะซัน และคนที่เหลือมีลำดับพลังค่อนข้างต่ำ เธอจึงดูแคลนชุมนุมทาโรต์เล็กน้อย พร้อมกับคิดว่า คงเป็นเพราะมิสเตอร์ฟูลเพิ่งคืนชีพกลับมาได้ไม่นาน ระดับพลังของสมาชิกที่สามารถดึงเข้าร่วมมิติได้จึงค่อนข้างต่ำ


แต่ในวินาทีนี้ เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองต่อเรื่องดังกล่าว


สมาชิกมีทั้งจากดินแดนเทพทอดทิ้ง โบสถ์วายุสลาตัน โบสถ์พระแม่ธรณี และตระกูลขุนนางใหญ่ของโลเอ็น… บางที มิสเตอร์ฟูลคงมีแผนฟูมฟักคนเหล่านี้ตั้งแต่ยังอ่อนแอ เพื่อให้ค่อย ๆ เติบโตภายในองค์กรของตัวเอง จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสงสัยจากคนรอบข้าง และหากวันใดพวกเขามีตำแหน่งสำคัญ เมื่อนั้น อำนาจของชุมนุมทาโรต์ก็จะมหาศาล…


แต่ในกรณีของเรา ท่านต้องการพลังจากองค์กรใด… นิกายมอสส์? หรือฝ่าบาท?


แคทลียาวิเคราะห์เป้าหมายของเดอะฟูล


มาถึงจุดนี้ เมื่อการค้าขายของเดอะมูน เดอะซัน และจัสติสจบลง แคทลียาไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอีก หญิงสาวเพิ่มความระวังตัว รักษาคติประจำตัว พูดให้น้อย ฟังให้มาก


ขณะเดียวกัน อัลเจอร์ต้องการประกาศซื้อสูตรโอสถของลำดับ 5 ‘นักขับขานสมุทร’ ไว้ก่อน จะได้เตรียมรวบรวมวัตถุดิบโอสถล่วงหน้า แต่การมีอยู่ของเดอะเฮอร์มิททำให้มันต้องระวังคำพูดมากขึ้น และพับเก็บแผนดังกล่าวชั่วคราว ไว้เลื่อนลำดับกลายเป็นข้ารับใช้วายุเมื่อไร ถึงตอนนั้นคงแข็งแกร่งกว่าเดิม และพอจะมีวิธีรับมือกับอีกฝ่ายได้บ้าง


ในส่วนของเมจิกเชี่ยน ฟอร์ส อาจารย์ของเธอสัญญาว่าจะมอบสูตรผลิตโอสถลำดับถัดไป รวมถึงวัตถุดิบอีกบางส่วน จึงไม่มีความจำเป็นต้องประกาศซื้อสิ่งใด ทำได้เพียงเฝ้ามองการค้าขายอย่างเงียบงัน


แต่ภายในใจฟอร์สเกิดความต้องการเล็ก ๆ ที่จะซื้อสมบัติวิเศษสักชิ้น เพื่อกลบจุดอ่อนให้นักตุกติกที่พลังส่วนใหญ่มีลักษณะฉาบฉวย นำไปใช้จริงได้ยาก และพลังของ ‘ผู้ฝึกหัด’ ก็มิได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก ทำได้เพียงผ่านกำแพงหรือสะเดาะกลอนประตู แถมยังนำมาใช้ในชีวิตจริงลำบาก


ปัจจุบัน ฟอร์สมีเงินเก็บสี่ร้อยปอนด์ นับว่าค่อนข้างร่ำรวยสำหรับชนชั้นกลาง แต่เทียบไม่ได้เลยกับมิสจัสติสที่เพิ่งซื้อสมบัติวิเศษในราคาห้าพันห้าร้อยปอนด์ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน


แม้จะเป็นสมบัติวิเศษที่มีพลังปานกลาง แต่หากเจาะจงว่าต้องมีผลข้างเคียงต่ำ ราคาก็จะไม่ต่ำกว่าสองพันปอนด์แน่…


ฟอร์ส เดอะเมจิกเชี่ยน นั่งเงียบงันตามเดิม


ขณะเดียวกัน ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลมองไปรอบตัว ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแหบ


“ต้องการซื้อดวงตาของการ์กอยล์หกปีก”


บรรดาวัตถุดิบรองของนักเชิดหุ่น อย่างเปลือกต้นมังกร และน้ำจากน้ำพุทองคำบนเกาะโซเนีย เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไปในชุมนุมผู้วิเศษ แถมยังมีประโยชน์ใช้สอยหลายด้าน หากประกาศซื้อวันหลังในจำนวนมาก ก็จะไม่มีใครเดาได้ว่านำไปปรุงเป็นโอสถ เป็นเหตุให้ในครั้งนี้ ไคลน์จึงประกาศซื้อเพียงดวงตาการ์กอยล์หกปีก


แคทลียาหันไปทางเดอะเวิร์ล :


“สามร้อยปอนด์ หรือเหรียญทองที่มูลค่าเท่ากัน”


เธอสังเกตมาสักพักแล้วว่า การแลกเปลี่ยนก่อนหน้าทั้งหมด ล้วนใช้ทองปอนด์ของโลเอ็นเป็นสื่อกลาง


สมกับเป็นกลุ่มโจรสลัดชื่อดัง… แถมยังเป็นสมาชิกคนสำคัญของนิกายมอสส์ นับว่ามีวัตถุดิบในมือมั่งคั่งทีเดียว อีกทั้งยังขายในราคาถูกกว่าปรกติ… หากไม่ใช่เพราะเดอะซันกำลังจะเลื่อนลำดับ และใกล้เข้าถึงวิธีลบจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง เราคงนำเรื่องนี้มาปรึกษาเธอโดยมีสิ่งตอบแทน…


ไคลน์ครุ่นคิดพลางบังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้ม


“ตกลง”


เมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้น วังหรูหราที่คล้ายกับถิ่นพำนักของคนยักษ์ ตกอยู่ในความเงียบงันนานกว่าสิบวินาที


โดยไม่ต้องให้เดอะฟูลคอยย้ำเตือน จัสติส เดอะซัน และคนที่เหลือต่างก็ทราบทันทีว่า ชุมนุมทาโรต์ได้เข้าสู่ช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ


แฮงแมน อัลเจอร์ หันไปทางจัสติสและเมจิกเชี่ยน โดยจงใจไม่มองเดอะเฮอร์มิท


“มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นบนเกาะรอสต์”


มันหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความเกี่ยวข้องกับเดอะเวิร์ล ด้วยเกรงว่า ความลับที่มิสเตอร์ฟูลยึดอำนาจจากเทพสมุทรจะถูกแพร่งพรายออกไป และนั่นอาจทำให้แผนการของท่านถูกขัดขวาง


จุดประสงค์ของอัลเจอร์ไม่ซับซ้อน เพียงต้องการเอ่ยชื่อของนักโบราณคดี ‘เลติเซีย’ แห่งนิกายมอสส์ เพื่อตรวจสอบอากัปกิริยาของเดอะเฮอร์มิท เพราะเคยได้ยินข่าวลือว่า พลเรือเอกดวงดาวคือสมาชิกของนิกายมอสส์


“เหตุการณ์อะไรหรือคะ”


ออเดรย์ซักถามอย่างสนใจ


แฮงแมนเล่าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


“นักโบราณคดีกำมะลอ เลติเซีย ได้สำรวจโบราณสถานเอลฟ์บนเกาะไซมีมและขโมยบางสิ่งออกมา จนทำให้เทพท้องถิ่นของที่นั่น เทพสมุทร·คาเวทูว่า สูญเสียเสถียรภาพ เทพกำละมอตนดังกล่าวจึงสร้างสึนามิและพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นบนเกาะรอสต์ โดยหวังให้มนุษย์ทุกคนจมอยู่ใต้บาดาล แต่ก็ถูกยับยั้งไว้โดยเจ้าสมุทรจากโบสถ์วายุสลาตัน ลงเอยด้วย คาเวทูว่าร่วงหล่น เลติเซียถูกกองทัพโลเอ็นกำจัดทิ้ง และภัยอันตรายจากสึนามิถูกยับยั้งโดยสมบูรณ์… แต่หลังจากนั้นกลับเกิดเหตุการณ์ประหลาด เทพสมุทรยังคงมอบวิวรณ์ให้แก่สาวกอย่างเป็นปริศนา”


เลติเซียตายแล้ว?


สาเหตุมาจากโบราณสถานเอลฟ์…


แคทลียาย่อมเคยได้ยินชื่อเลติเซียที่เป็นสมาชิกองค์กรเดียวกัน แต่ก็มิได้สนิทสนมมากนัก เพราะสมาชิกหลักของนิกายมอสส์จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ ‘บำเพ็ญตน’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างสมาธิและการยับยั้งชั่งใจให้สูงกว่าผู้อื่น


แคทลียาจึงมิได้เสียใจกับการตายของเพื่อนร่วมสำนักสักเท่าไร เพียงนั่งฟังเรื่องเล่าของแฮงแมนอย่างใจเย็นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า


แต่เมื่อแฮงแมนเล่าถึงความตายของคาเวทูว่า รวมถึงเรื่องที่สาวกยังคงได้รับวิวรณ์จากเทพสมุทรอย่างต่อเนื่อง แคทลียาเริ่มขมวดคิ้วด้วยความคลางแคลง


จนกระทั่ง สัมผัสวิญญาณได้กระตุ้นให้เธอฉุกคิดถึงฉากหนึ่ง


ย้อนกลับไปเมื่อวาน ขณะถูกมิสเตอร์ฟูลดึงจิตขึ้นมายังห้วงมิติเหนือสายหมอก เธอเห็นอีกฝ่ายกำลังควงคทาสีขาวนมสดประหนึ่งของเล่น


โดยเหนือสิ่งอื่นใด คทาดังกล่าวแผ่ออร่าความศักดิ์สิทธิ์อย่างท่วมท้น แถมยังมีกลิ่นอายของคลื่นทะเลและพายุอัดแน่นเต็มเปี่ยม!


นี่มัน…!


เฮอร์มิทมิอาจควบคุมตัวเอง สายตาหันไปทางที่นั่งประธานโต๊ะทองแดงยาว และเอาแต่จ้องเดอะฟูลผู้ถูกรายล้อมด้วยม่านหมอก


……………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)