Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 541-542

 ราชันเร้นลับ 541 : ผู้มาเยือน

โดย

Ink Stone_Fantasy

เจ้าสมุทร… หลังจากได้ยินชื่อโอสถของแยนน์·ค็อตแมนเป็นครั้งแรก ไคลน์หวนนึกถึงพระนามเต็มของเทพวายุสลาตัน


“ราชันแห่งผืนนภา จักรพรรดิแห่งท้องทะเล เจ้าชายแห่งภัยพิบัติ เทพแห่งวายุ”


ลำดับ 3 มีนามว่าเจ้าสมุทร… ลำดับ 0 ถูกขนานนามว่าจักรพรรดิแห่งท้องทะเล นับว่ายังสอดคล้องกันอยู่… น่าเสียดาย เรายังไม่ทราบชื่อจริงของลำดับ 0 แห่งเส้นทางวายุ…


ไคลน์มองไปนอกหน้าต่าง แม้บรรยากาศจะยังคงขมุกขมัว แต่แสงรุ่งอรุณได้สาดส่องลงมาปกคลุมทุกสิ่ง คลื่นทะเลลดระดับกลับเป็นปรกติ สายฝนหยุดโปรยปรายโดยสมบูรณ์


ชายหนุ่มดึงสติกลับ พยายามไตร่ตรองข้อมูลจากปากเดนิส


ในเมื่อชื่อของโอสถคือ ‘เจ้าสมุทร’ หมายความว่าครึ่งเทพลำดับ 3 นักบุญ ต้องสวมบทบาทเป็น ‘เจ้าสมุทร’ ตัวจริง…


การแผลงฤทธิ์เมื่อครู่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว…


ในฐานะ ‘เจ้าสมุทร’ แม้จะมีขอบเขตแสดงฝีมือจำกัด แต่ถ้าสังเวียนเป็นน่านน้ำในการปกครอง คงไม่มีใครในลำดับเดียวกันสามารถเอาชนะได้… การเดินเล่นใต้ทะเลลึกจะไม่ต่างอะไรกับจ๊อกกิ้ง มีพลังเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เรียกลมฝน เสกสึนามิ และปกครองสัตว์ทะเลในดินแดนของตน… ถึงจะเป็นครึ่งเทพระดับนักบุญเหมือนกัน ก็แทบไม่มีใครงัดข้อด้วยไหว…


หืม… ทั้ง ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ และ ‘ราชินีเงื่อนงำ’ ก็คงอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ถ้าจะถามหาความแตกต่าง ก็คงเป็นความคืบหน้าในการย่อยโอสถกระมัง…


อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครจะย่อยโอสถได้มากกว่าใคร แต่ถ้าสังเวียนเป็นมหาสมุทร ทั้งสองก็คงเอาชนะ ‘เจ้าสมุทร’ ไม่ได้…


เมื่อประเมินจากพลังเหนือธรรมชาติสุดตระการตาของเจ้าสมุทร หากเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยเห็นเทพสุริยันเจิดจรัส พระผู้สร้างแท้จริง และเทพตนอื่นด้วยตาตัวเองมาก่อน ก็คงปักใจเชื่อว่า ‘เจ้าสมุทร’ คือเทพ จนถึงขั้นศรัทธาและเอาแต่สวดภาวนาอย่างคลั่งไคล้…


เราพอจะเข้าใจหัวอกพวกเขา…


บางที ชนพื้นเมืองอื่น ๆ ทั่วโลกก็คงมีลักษณะไม่ต่างกัน มอบความศรัทธาและกราบไหว้ผู้วิเศษลำดับ 3 โดยเข้าใจผิดว่าเป็นเทพ ทั้งที่ระดับยังไม่ถึงเทวทูตด้วยซ้ำ…


หืม… ดูเหมือนวลี ‘ห้ามจ้องมองเทพ’ จะหมายถึงเทพแท้จริงเท่านั้น เพราะเราไม่ได้รับความรู้สึกดังกล่าวจาก ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่า รวมถึงในกรณีร่างแบ่งภาคของอามุนด์…สำหรับปัจจุบัน เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ตัวตนระดับราชาเทวทูตจะมีคุณสมบัติ ‘ห้ามจ้องมอง’ เหมือนกันหรือไม่…


สำหรับศึกนี้ ฝ่ายหนึ่งใกล้สูญเสียเสถียรภาพ และเป็นเพียงลำดับ 3 ที่เรียกตัวเองว่าเทพสมุทร ส่วนอีกฝ่ายคือ ‘เจ้าสมุทร’ ลำดับ 3 ผู้อยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดขีด แถมยังมีความช่วยเหลือจากสมบัติปิดผนึก เดาได้ไม่ยากเลยว่าใครจะได้รับชัยชนะ…


แยนน์·ค็อตแมนเก่งกาจพอจะยับยั้งการอาละวาดของคาเวทูว่าได้ทุกครั้ง คงไม่ปล่อยให้ ‘เกาะภูเขาคราม’ และเมืองโดยรอบจมลงใต้ทะเล…


จากนั้นก็รออีกสักสามวัน ให้การอาละวาดครั้งสุดท้ายของคาเวทูว่าจบลง วิญญาณของ ‘เทพสมุทร’ ก็จะสลายไปโดยสมบูรณ์ และเหตุการณ์ความวุ่นวายก็จะจบลงอย่างราบรื่น นี่คือวิธีที่ง่ายและได้ผลลัพธ์ แถมยังไม่สร้างความแตกตื่นให้กับชาวเมือง บางที คนธรรมดาส่วนใหญ่อาจไม่ตระหนักถึงความผิดปรกติด้วยซ้ำ…


แต่ปัญหาของแผนคือ จะต้องไม่ถูกรบกวนจากปัจจัยภายนอกโดยเด็ดขาด ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่านักโบราณคดี·เลติเซีย กระทำสิ่งใดลงไปบนเกาะไซมีมบ้าง… จะมองข้ามประเด็นนี้ไปไม่ได้ เพราะเธอคือบุคคลแรกที่ทำให้เทพสมุทรสูญเสียเสถียรภาพ…


สรุปโดยสั้น อาจมีปัจจัยเหนือความคาดหมายจาก ‘นิกายมอสส์’ หรือ ‘แก่นรุ่งอรุณ’ ตามมาในภายหลัง และนั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ถ้าไม่รีบจัดการ…


อย่างไรก็ตาม ทั้งศาลากลางเมืองและค่ายทหารในบายัม คงมีบุคคลระดับครึ่งเทพของกองทัพแฝงตัวประจำการอยู่แล้ว นี่คือระเบียบของดินแดนอาณานิคมที่เหมือนกันทุกเกาะบนทะเลโซเนีย… เหตุการณ์คงไม่ลงเอยในทิศทางเลวร้ายมากนัก…


แต่ยังมีสาวกผู้คลั่งไคล้เทพสมุทรเหลืออยู่อีกมาก หากคาเวทูว่าอาละวาดอย่างสิ้นสติยิ่งกว่าเดิม คนเหล่านั้นคงแห่สังเวยชีวิตตัวเองโดยไม่สนใจผลลัพธ์ที่ตามมา เหมือนกับฟางข้าวขณะชาวนาเก็บเกี่ยว ล้มระเนระนาดทีละต้นสองต้น…


อย่างไรก็ตาม ในสายตาของโบสถ์วายุสลาตัน เหตุการณ์ข้างต้นก็ไม่แย่นัก ค่อนข้างดีด้วยซ้ำถ้าสาวกเดนตายจะสังเวยชีวิตตัวเองให้กับเทพที่ตนศรัทธา…ทางโบสถ์จะได้ไม่เสียเวลาคัดกรองคนให้เหนื่อย ส่วนสาวกที่ยังไม่ถลำลึกมาก ก็ยังพอจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงความเชื่อได้อยู่…


ข้อเสียเดียวในเหตุการณ์นี้คือ เกาะรอสต์จะขาดแคลนพลเมืองและแรงงานไปอีกพักใหญ่ จริงอยู่ อาจฟังดูเป็นปัญหาร้ายแรง แต่ก็สามารถกัดฟันอดทนให้ผ่านไป และปล่อยเวลาเยียวยาปัญหาด้วยตัวเอง…


ดังนั้น แยนน์·ค็อตแมน เจ้าสมุทรแห่งโบสถ์วายุสลาตัน คงไม่ทำอะไรมากไปกว่าการคอย ‘ยับยั้ง’ ภัยพิบัติจากคาเวทูว่าไปเรื่อยๆ จนอีกฝ่ายสิ้นลม…


เฮ่อ… ในย่านชนพื้นเมืองแสนแออัด จะมีผู้คนล้มตายไปมากมายแค่ไหน…


ขณะกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ ห้วงความคิดไคลน์ถูกรบกวนด้วยเสียงฝีเท้าอันเป็นระเบียบและเสียงคำรามจากท้องฟ้า


ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นตามสัญชาตญาณ และได้เห็นเรือบินติดปืนกลหนักหลายลำ กำลังกระจายทั่วน่านฟ้าเหนือท่าเรือบายัมบดบังแสงแดดจนมีบรรยากาศมืดครึ้ม


สำหรับถนนด้านล่าง ทหารของโลเอ็นในเครื่องแบบสีแดง กางเกงขายาวสีขาว และรองเท้าบูตหนังสีดำ กำลังยาตราทัพอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับลากปืนใหญ่เรียงต่อกันกระบอกแล้วกระบอกเล่า


บรรยากาศตึงเครียดและอึมครึมเริ่มกระจายตัวไปทั่วเมือง


นี่สินะ เกาะอาณานิคม…


ห้วงความรู้สึกไคลน์บังเกิดอารมณ์อันยากจะอธิบายเป็นคำพูด ชายหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าสลดหดหู่


“ถึงจะไม่รู้ว่าโบสถ์วายุสลาตันต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการฆ่างูทะเลตัวนั้นและค้นหาแหล่งกบดานจนพบ แต่รังของมันจะต้องมีสมบัติมูลค่ามหาศาลซ่อนอยู่แน่…” เดนิสนักล่าสมบัติ กล่าวด้วยน้ำเสียงคาดหวังเจือความเสียดาย


ท่าทีเดนิสเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากเคยเรียกเทพสมุทร ปัจจุบันเหลือเพียง ‘งูทะเล’ และสรรพนามได้กลายเป็น ‘มัน’ อย่างไม่กระดากปาก


แทบไม่ต้องทำอะไรเลย…แค่คอยยับยั้งภัยพิบัติไปเรื่อยๆ รอสักสองสามวัน คาเวทูว่าก็จะร่วงหล่นไปเอง… แต่คนของโบสถ์วายุอาจไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น โดยเฉพาะหลังจากได้ทราบว่าแยนน์·ค็อตแมนเป็นอาวุโสใหญ่ฝั่งทูตพิพากษา มิใช่สายนักบวชโดยตรง แต่รับตำแหน่งพระคาร์ดินัลเพียงเพราะต้องการอำนาจ… ความหุนหันของชายคนนั้นคงไม่แตกต่างจากทูตพิพากษาสักเท่าไร…


คาเวทูว่าซ่อนตัวที่ไหนกันแน่…


เศษเสี้ยววิญญาณของมันได้ผสานเข้ากับโลกวิญญาณจนเกือบสมบูรณ์ การตามหาคงไม่ง่ายนัก ไม่อย่างนั้นคงไม่รอดชีวิตมาได้หลายปีจนถึงปัจจุบัน…


มาถึงจุดนี้ ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่


จริงอยู่ การตามหาจุดซ่อนตัวของคาเวทูว่าบนโลกวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องเริ่มสืบจากโลกความจริง ต่อให้อีกฝ่ายตายไปแล้ว แต่กว่าจะหาพบก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปี นอกเสียจากจะได้รับข้อมูลที่แม่นยำ


แต่ถ้าเริ่มหาจากโลกวิญญาณล่ะ…


ในทางทฤษฎี การค้นหาตำแหน่งบนโลกวิญญาณอาจทำได้ยากกว่าบนโลกจริง แต่จะเป็นคนละเรื่องทันทีหากใช้เทคนิค ‘ล็อกเป้า’ เหมือนกับที่อสรพิษปรอท วิล·อัสติน เคยล็อกเป้าความฝันนายแพทย์อลันด้วยนกกระเรียนกระดาษ…


ถ้าจะถามว่าทำแบบนั้นยังไง เราเองก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ไม่น่าเป็นกังวลสักเท่าไร สามารถเขียนจดหมายถามมิสเตอร์อะซิกได้ทุกเมื่อ ชายคนนั้นมีพลังในขอบเขตมรณา เกี่ยวข้องกับโลกวิญญาณอย่างลึกซึ้ง…


โลกแห่งความตาย หรืออีกชื่อหนึ่งคือโลกหลังความตาย ถูกสร้างโดยฝีมือเทพมรณาบรรพกาล เกรจารี ต้นตระกูลฟีนิกซ์…


เมื่อชุดความคิดดังกล่าวแล่นเข้ามาในหัว ไคลน์ควักนกหวีดทองแดงออกมาเป่าทันที


ชายหนุ่มเชื่อว่า ไม่ว่าตนจะแอบเป่าในห้องนอนหรือห้องน้ำ แต่ร่างกายอันใหญ่โตของผู้ส่งสารก็จะถูกพบโดยสัมผัสวิญญาณของเดนิสได้อยู่ดี จึงไม่มีเหตุผลให้ต้องทำตัวหลบซ่อน


เดนิส ผู้กำลังจินตนาการภาพสมบัติกองโตในรังของเทพสมุทร·คาเวทูว่า พลันสัมผัสถึงบรรยากาศเย็นเฉียบรอบลำคอ


เมื่อพบความไม่ปรกติ มันรีบเปิดเนตรวิญญาณและหันหลังกลับ และได้พบกับน้ำพุกระดูกสีขาวผุดขึ้นจากพื้นห้อง ก่อตัวเป็นโครงกระดูกร่างยักษ์ซึ่งศีรษะสูงทะลุผ่านเพดานห้องขึ้นไป


โครงกระดูกก้มศีรษะเล็กน้อย ดวงตาเปลวเพลิงสีเข้มทั้งสองข้างสามารถมองเห็นผ่านเพดานได้อย่างเจือจาง


แรงกดดันจากร่างกายขนาดมหึมาทำให้เดนิสผงะถอยหลัง โน้มตัวลงเล็กน้อย พร้อมกับสร้างก้อนเปลวเพลิงขึ้นบนฝ่ามือขวา


นี่มันตัวอะไร!


เดนิสรีบหันไปมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก และพบว่าอีกฝ่ายกำลังถือนกหวีดทองแดงในมือ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พลางจ้องมองเข้าไปในดวงตาเปลวเพลิงโดยไม่กล่าวสิ่งใด


ไคลน์มองหน้าผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารมองกลับ คล้ายกับคนทั้งสองกำลังตกใจซึ่งกันและกัน


เฮ่อ… เรามือไวไปหน่อย ยังไม่ทันเขียนจดหมายก็รีบเป่านกหวีดเรียก…


จะให้อีกฝ่ายยืนรอเราเขียน หรือไล่กลับไปก่อนแล้วค่อยเป่าใหม่… แต่ตอนนี้เราคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ใช่แล้ว ต้องแสดงสันดานของเกอร์มัน·สแปร์โรว์!


ไคลน์ไม่พูด เบือนหน้ากลับ รื้อค้นกระดาษและปากกาอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะเริ่มลงมือเขียนจดหมาย


มันอธิบายเหตุการณ์เกี่ยวกับ ‘เทพสมุทร’ คาเวทูว่าไว้ค่อนข้างละเอียด แต่ตัดส่วนที่ตนถูกคำสาปออกไป ไม่กล่าวถึงการชำระล้างด้วยห้วงมิติเหนือสายหมอก และฉากของแหล่งกบดานถูกนำไปรวมกับความฝันเมื่อครู่


“…บางที พวกเราอาจมีวิธีระบุตำแหน่งของมันผ่านโลกวิญญาณ แต่เนื่องจากผมไม่มีความรู้ทางด้านนี้ จึงต้องการคำแนะนำอันมีค่าจากคุณ”


ไคลน์พับกระดาษ หมุนตัวกลับ และเหลือบเห็นว่าผู้ส่งสารกำลังกำหมัดแน่น


ชายหนุ่มทำเป็นมองไม่เห็น เพียงยื่นกระดาษจดหมายไปหาอีกฝ่าย


ผู้ส่งสารยืนนิ่งสักพัก ก่อนจะเหยียดแขนออกมาคว้าจดหมายไว้


เพียงพริบตา ร่างกายโครงกระดูกเริ่มแตกกระจัดกระจายกลายเป็นกองกระดูกสีขาว จมลงใต้พื้นห้องพักสุดหรูของโรงแรม


“น…นั่นมันตัวอะไร!”


ในที่สุดเดนิสก็กล้าส่งเสียง


ไคลน์ชำเลืองด้วยหางตา ตอบห้วน


“ผู้ส่งสาร”


ผู้ส่งสาร? เดนิสผงะ ก่อนจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย


ส…สัตว์ประหลาดตัวใหญ่แบบนั้น…เป็นแค่ผู้ส่งสารเนี่ยนะ? เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีองค์กรใหญ่คอยหนุนหลังจริงด้วย!


ห…หากเรามีผู้ส่งสารแบบนี้บ้าง ทุกคนบนเรือจะต้องอิจฉาแน่! ถ…ถ้าเป็นจริงก็คงดี…


เดนิสจินตนาการภาพตัวเองกลับเรือพร้อมกับโอ้อวดทุกคนเกี่ยวกับผู้ส่งสารตัวใหญ่


หลังจากเก็บนกหวีดทองแดง ไคลน์มองหาเก้าอี้นั่งเพื่อเตรียมกินมื้อเช้า


ผ่านไปสักพัก มันได้ยินเสียงเคาะประตู


เหตุการณ์ ‘เหล็กกล้า’ ทำให้เดนิสระมัดระวังตัวมากขึ้น ส่องตาแมวอย่างระมัดระวัง และพบชายวัยกลางคนสวมหมวกพับทรงทหารเรือ กำลังยืนหน้าประตู


“ไอร์แลนด์? นายมาที่นี่ได้ยังไง!”


เดนิสเปิดประตูพร้อมยิงคำถาม


ผู้มาเยือนไม่ใช่ใคร กัปตันแห่งโมราขาว ไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม


ไอร์แลนด์ เจ้าของรอยย่นเล็กน้อยรอบขอบตา มองเข้าไปในห้องและยิ้ม


“พวกนายสองคนเช็กอินด้วยชื่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มองปราดเดียวก็หาพบแล้ว”


เพราะชื่อของฉันถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และในสายตาของโบสถ์วายุสลาตัน ฉันคือคนของ MI9…


ไคลน์ลุกเชื่องช้า หันไปพูดกับไอร์แลนด์ที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง


“แล้วมีอะไร”


ไอร์แลนด์ชี้ไปด้านนอก


“เกิดเหตุนิดหน่อยในบายัม แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก กองทัพและโบสถ์กำลังร่วมมือกันปฏิบัติการตามหาคนแบบปูพรม เป้าหมายคือผู้วิเศษค่อนข้างแข็งแกร่ง ปลอมตัวมาในคราบนักโบราณคดี เพื่อจะหาเป้าหมายให้พบโดยเร็ว กองทัพจึงงัดทุกทรัพยากรออกมาใช้ แต่เมื่อเทียบกับขนาดเมืองอันกว้างใหญ่ จึงยังขาดแคลนกำลังคนอยู่มาก ฮะฮะ! พวกเขาเชื่อว่าคุณไม่มีพิษมีภัย และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเราตามหาเป้าหมาย…กองทัพยอมลงทุนถึงเพียงนี้ก็เพื่อป้องกันมิให้เรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้น และแน่นอน คุณจะได้รับค่าจ้างตามผลงาน”


การที่พวกเขาเชื่อว่าฉันบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะนายใส่สีตีไข่มิตรภาพของเราสองคนเกินไปต่างหาก… แบบนี้ก็หมายความว่า นอกจากโบสถ์รัตติกาลและโบสถ์จักรกลไอน้ำ เรายังรับเงินจากกองทัพด้วยอีกทาง…


ไคลน์เกิดอารมณ์ซับซ้อนไปพักหนึ่ง


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มอบคำตอบ ไอร์แลนด์กล่าวเสริม


“ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ยิ่งเราพบตัวเป้าหมายได้เร็วเท่าไร หายนะซ่อนเร้นก็ยิ่งถูกควบคุมได้เร็วขึ้น นั่นจะเป็นการช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ได้มาก…”


ไคลน์เงียบต่อไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้า


“เข้าใจแล้ว”


……………………


ราชันเร้นลับ 542 : กฎอัยการศึก ณ บายัม

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อได้เห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์สวมโค้ท สวมหมวก และยกไม้ค้ำ เดนิสพลันตระหนักได้ว่าตนคือคนที่ถูกลืม


มันกระแอมหนึ่งหน ท่ามกลางสายตาของคนทั้งสอง เพลิงพิโรธกล่าวพลางยิ้มแห้ง


“ฉ…ฉันต้องไปกับนายด้วยไหม”


ถ้าเลือกได้ก็ขอปฏิเสธ! ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดความฉิบหายแบบใดขึ้นอีกบ้าง! เมื่อวันก่อน แค่จอดแวะเมืองท่าแบนชี ก็เกิดเหตุการณ์อาเพศขึ้นอย่างน่าพิศวง ส่วนเมื่อคืน แค่เราแอบพาเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปพบกับกลุ่มต่อต้านท้องถิ่น หมอนี่กลับติดคำสาปของเทพสมุทรกลับมา! ฉะนั้นในวันนี้ หากเราติดตามชายเสียสติไปค้นหานักโบราณคดีเลติเซีย ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก!


เดนิสก้มศีรษะต่ำ สายตาจ้องมองแขนซ้ายที่กำลังสวมเฝือก


เพียงไม่กี่วัน เรากลับต้องเสี่ยงตายมากกว่าในช่วงหลายเดือนก่อนหน้ารวมกัน หรือบางทีมากกว่าเหตุการณ์ในครึ่งปีด้วยซ้ำ!


“นายจะอยู่ที่นี่ก็ได้ แต่เจ้าหน้าที่คนอื่นก็จะตามมาค้นห้องอยู่ดี” ไอร์แลนด์เผยรอยยิ้ม


ค้นห้อง? ถ้าเป็นแบบนั้น โจรสลัดชื่อดังอย่างเพลิงพิโรธก็จะถูกจับ และนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทองปอนด์…


เดนิสขมวดคิ้ว หัวเราะแห้ง


“ฉันไม่สนรางวัลตอบแทน แต่มีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้รับค่าจ้างจากกองทัพ อยากลองดูสักครั้งเหมือนกัน แต่ยังติดปัญหานิดหน่อย พวกนายต้องรอฉันแปลงโฉมสักพัก มิสเตอร์กัปตัน นายคงไม่อยากถูกเข้าใจผิดเพราะเดินไปไหนมาไหนกับโจรสลัดชื่อดังหรอกใช่ไหม?”


ถึงจะอีกฝ่ายช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ แต่หากใครเห็นเพลิงพิโรธอย่างเราเดินไปบนถนนสายหลัก คงไม่แคล้วถูกจับกุมตัวคาที่ และนำไปขึ้นเงินค่าหัวโดยอ้างหลักความถูกต้อง…


เดนิสจินตนาการภาพตนกำลังนอนหมอบราบไปกับพื้น ถูกกดด้วยหัวเข่า และเอาแต่ดิ้นตะเกียกตะกายเหมือนกับปลาดุก


ไอร์แลนด์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะหยิบหน้ากากเหล็กออกจากกระเป๋าด้านในเสื้อโค้ทและโยนไปหา


“สวมมันไว้ ฉันจะอธิบายคนอื่นเอง”


เห็นด้วย…ไม่มีความจำเป็นเสียเวลากับการแปลงโฉมเปล่าประโยชน์เลยสักนิด…


ไคลน์เปรยในใจ


ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำ เพียงบิดกลอนประตูและเดินออกไปอย่างเงียบงัน


ไอร์แลนด์เดินตามหลัง ส่วนเดนิสรีบสวมโค้ทและหน้ากากเหล็ก ก่อนจะตามทั้งสองไป


เมื่อเห็นถนนเต็มไปด้วยแอ่งน้ำขังและไม่มีชาวเมืองออกมาเดินเพ่นพ่าน ไคลน์กดหมวกลงเล็กน้อย :


“แผนคืออะไร”


ไอร์แลนด์ยิ้ม


“สืบแบบปูพรมทุกเขต อาชีพผู้วิเศษของผมจะมีพลังพิเศษอยู่ชนิดหนึ่ง ขอเพียงได้เห็นใบหน้าของเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวจริง จากภาพเหมือน หรือจากภาพวาด ผมจะไม่มีวันลืมเหยื่อของตัวเอง และสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้ดีกว่าปรกติ เบาะแสเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับเป้าหมายจะไม่มีวันคลาดสายตา เบาะแสคลุมเครือจะแจ่มชัด เมื่อนำทั้งหมดมารวมกัน การตามหาใครสักคนจึงไม่ใช่เรื่องยาก”


เจ้าพนักงาน…


ลำดับ 8 ของเส้นทางผู้ตัดสิน…


ไคลน์พยักหน้าครุ่นคิด หลังจากเดินต่อไปได้สักพัก มันซักถาม


“มีของใช้ติดตัวให้ทำนายได้บ้างไหม”


เมื่อคืน ใบประกาศที่เดนิสนำไปติดไว้รอบวิหารคลื่นสมุทร กระดาษแผ่นดังกล่าวมีภาพเหมือนของเลติเซียอยู่ด้วย ไคลน์วาดมันจากการสวดวิงวอนถึงตัวเอง


“ไม่มี” ไอร์แลนด์ส่ายหน้า “ทางเราไม่ทราบด้วยซ้ำว่าพวกมันเคยกบดานแถวไหนมาก่อน ยืนยันได้เพียงว่า เป้าหมายกลับจากเกาะไซมีมและถึงท่าเรือบายัมเมื่อเวลาบ่ายสามโมงตรงของเมื่อวาน โดยท่าเรือบายัมจะไม่มีเรือโดยสารแล่นออกตั้งแต่บ่ายสอง


“จนกระทั่งถึงช่วงเช้ามืดของวันนี้ เรือทุกลำก็ยังไม่สามารถออกจากท่าได้ เนื่องจากติดปัญหาด้านสภาพอากาศ อนุญาตให้เรือเข้ามาจอดเทียบท่าเท่านั้น”


สรุปก็คือ เลติเซียและคณะไม่สามารถเดินทางออกจากเกาะด้วยเรือ…


ไคลน์เข้าใจความนัยของไอร์แลนด์


เดนิสเหยียดหยัน


“ก็ยังมีทางอื่นอยู่ไม่ใช่หรือ บางที พวกมันอาจเดินทางออกจากบายัมด้วยถนน หลบหนีไปยังเมืองอื่นข้างเคียงบนเกาะแล้วก็ได้”


เกาะภูเขาครามมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในหมู่เกาะรอสต์ นอกจากจะกว้างขวาง ยังเต็มไปด้วยผืนป่าและแหล่งแร่ธาตุจำนวนมาก ส่งผลให้ทั่วเกาะมีหลากหลายเมืองกระจายตัวออกไป ไม่กำจัดเฉพาะบายัม โดยเมืองเหล่านั้นจะตั้งอยู่ในเขตอุดมสมบูรณ์ของเกาะ


ในช่วงแรกเริ่ม หลังจากเล็งเห็นผลประโยชน์มหาศาล กษัตริย์โลเอ็นได้ติดสินบนเจ้าชายของชนพื้นเมือง บีบบังคับให้อีกฝ่ายต้องใช้ความรุนแรง จากนั้นค่อยทำการกวาดล้างด้วยความรุนแรงที่มากกว่า ลงเอยด้วยการสร้างศาลากลางเมืองและก่อตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยทางอาณาจักรโลเอ็นจะแทรกซึมคนของกองทัพเข้าไปอยู่ในฝ่ายบริหาร


เพื่อความสะดวกสบาย รัฐบาลโลเอ็นเริ่มสร้างถนนสายหลักสำหรับเชื่อมต่อเมืองต่างๆ บนเกาะเข้าด้วยกัน รวมถึงเริ่มต้นโครงการสร้างรางรถไฟ ก่อตั้งบริษัทรางรถไฟ จากนั้นก็เปิดขายหุ้นจำนวนมากในตลาดหลักทรัพย์เบ็คลันด์ เพื่อระดมเงินก้อนโตจากนายทุนมาสานต่อธุรกิจ


แน่นอน โครงการใหญ่เช่นนี้ย่อมมาพร้อมความตายของชนพื้นเมืองจำนวนมาก ด้วยปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายของเขตก่อสร้าง การใช้แรงงานเกินขีดจำกัด การปฏิบัติเยี่ยงทาส และค่าแรงเพียงหยิบมือ ชนพื้นเมืองศพแล้วศพเล่าจึงถูกฝังอยู่ใต้ถนนสายหลักและหมอนรองรางรถไฟ


จวบจนปัจจุบัน ชนพื้นเมืองจำนวนมากยังคงเกลียดชังรางรถไฟมรณะ โดยมองว่าสิ่งนี้คือต้นเหตุการตายเผ่าพันธุ์ของตนจำนวนมาก และยังเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงเทพมารชั่วร้าย


ไอร์แลนด์ชำเลืองไปทางเดนิส


“หากพวกมันหลบหนีออกจากบายัมด้วยวิธีดังกล่าวจริง นั่นก็ยิ่งดีเลย”


“ทำไม?” เดนิสถามฉงน


ง่ายมาก… ถนนออกจากบายัมทุกเส้นต้องผ่านเขตป่า และเขตป่าคือถิ่นของกลุ่มต่อต้าน ในเมื่อกลุ่มต่อต้านส่วนใหญ่คือสาวกเทพสมุทร เลติเซียและคณะผู้เป็นสาเหตุให้เทพสมุทรใกล้ร่วงหล่น จะกล้าผ่านเขตดังกล่าวในยามค่ำคืนได้อย่างไร? หรือถ้ากล้า ก็แปลว่า เลติเซียและคณะไม่ทราบว่าพฤติกรรมของพวกตนส่งผลให้เทพสมุทรใกล้อาละวาด ทำให้ตัดประเด็นที่ว่า ‘นิกายมอสส์หรือแก่นรุ่งอรุณกำลังวางแผนบางอย่าง’ ทิ้งไปได้…


ไคลน์หักห้ามตัวเองมิให้ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย เพียงเดินตามไอร์แลนด์เลี้ยวไปยังถนนอีกเส้น


ไอร์แลนด์ไม่อธิบาย เพียงหยิบใบประกาศออกมา ยืนให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์


“เป้าหมายหลักคือผู้หญิงคนนี้”


ฉันเป็นคนวาดกับมือ…


ไคลน์ชำเลืองสักพัก ก่อนจะส่งต่อให้เดนิส


ทันใดนั้น ทั้งสามต่างได้ยินเสียงการปะทะอย่างหนักหน่วงจากในบ้านหลังด้านช้าง


“พบแล้วหรือ?” เดนิสถามในสิ่งที่ไคลน์กำลังสงสัย


“ไม่น่าใช่” ไอร์แลนด์ส่ายหน้า


“จากการนัดแนะเบื้องต้น หากพบเป้าหมายหลัก เจ้าหน้าที่จะรีบยิงพลุสัญญาณสีแดงขึ้นฟ้า ถ้าเห็นสัญญาณดังกล่าว ทุกคนต้องรีบล้อมจุดเกิดเหตุทันที แต่หากพบอาชญากรคนอื่นที่ไม่สามารถรับมือไหวตามลำพัง ให้ยิงพลุสีส้ม เจ้าหน้าที่หลายทีมในบริเวณใกล้เคียงจะรีบเข้ามาช่วย หากเป็นโจรสลัดปลายแถวให้จัดการกันเอาเอง แต่ในกรณีนี้ พวกเราควรดูท่าทีอีกสักพัก เจ้าหน้าที่อาจไม่มีเวลายิงพลุสัญญาณ…”


ขณะอธิบาย กระจกหน้าต่างชั้นสามของบ้านฝั่งติดกับถนนเกิดแตกดัง ‘เพล้ง’ บุรุษร่างกายกำยำประหนึ่งหมีป่ากระโดดออกมา และวิ่งไปบนถนนอย่างว่องไวประหนึ่งชีตาร์


ทว่า เงาของบางสิ่งได้พุ่งเข้าใส่บุคคลดังกล่าวในพริบตา พร้อมกับมีเสียง ‘ปังปังปัง’ ดังจากท้องฟ้า


กระสุนปืนกลหนักได้ฉีกร่างอาชญากรจนมีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว ทิ้งตัวล้มลงอย่างไร้การต่อต้านขัดขืน เลือดสีแดงเจิ่งนอง หากไม่ใช่เพราะชาวบ้านถูกสั่งห้ามออกจากอาคาร ตอนนี้คงกำลังเกิดเสียงกรีดร้องโกลาหล


เรือบินแล่นผ่านไปยังจุดอื่นทันทีโดยไม่สนใจไยดีซากศพ ไม่แม้แต่จะชะลอความเร็ว


“…กอร์แท็ต” เดนิสเอ่ยชื่อคนตาย


เมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์มองกลับมา มันเผยรอยยิ้มขื่นขม


“หัวหน้ากลุ่มโจรสลัด เป็นชาวฟุซัค เจ้าของค่าหัวเก้าร้อยห้าสิบปอนด์”


ชาวฟุซัค…พวกสมองกล้าม…เอาแต่วิ่งพล่านไปบนถนนอัยการศึกโดยไม่ระวังการโจมตีทางอากาศ…จริงสิ โจรสลัดเหล่านี้คงมอมเหล้าตัวเองยันเช้า อาจไม่ทราบว่าบนท้องฟ้ามีฝูงเรือบิน…ด้วยความเร็วขนาดนั้น หากวางแผนหลบหนีล่วงหน้า ไม่มีทางหลบกระสุนปืนกลหนักจากบนฟ้าไม่พ้น…


ไคลน์เงยหน้า จ้องมองสัตว์ประหลาดสีน้ำเงินเข้มบินผ่านหลังคาบ้าน


เมื่อเดนิสเห็นจุดจบอันน่าสังเวชของโจรสลัดรายอื่น มันพูดกับตัวเองว่า : โชคดีฉิบหายที่ตามเกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกมา!


เมื่อไอร์แลนด์เห็นสัญญาณยืนยันความเรียบร้อย มันหันหน้าไปทางจุดรับผิดชอบของตัวเอง และรีบเดินนำเดนิสกับไคลน์


ราวห้าหกนาทีถัดมา หลังจากเดินด้วยจังหวะค่อนข้างเร็ว ณ ถนนตรงหน้า ทั้งสามมองเห็นรั้วลวดหนามและกำแพงกระสอบทราย รวมถึงป้อมปืนกลหนักที่ถูกติดตั้งอย่างน่าเกรงขาม ทหารกองทัพโลเอ็นในเครื่องแบบสีแดงกำลังยืนรักษาการณ์เงียบงัน


อีกฝั่งของรั้วลวดหนามมีศพมนุษย์ราวยี่สิบถึงสามสิบ กำลังนอนกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ลักษณะคล้ายกับถูกสังหารหมู่ตอนกำลังวิ่งกรูเข้าใส่ป้อมปืน


สภาพเละเทะไม่น่ามอง ใบหน้าผอมซูบ


ทั้งหมดคือชนพื้นเมือง


ในจุดห่างไกลออกไป เด็กพื้นเมืองหลายคนกำลังหลบมุมอาคาร จ้องมองมายังกองซากศพอย่างขลาดกลัว สลับกับจ้องไปทางปากกระบอกปืนสีดำเหล็ก ด้วยดวงตาพวกเขามีสีดำสนิท ใบหน้ามอมแมม


ไคลน์และที่เหลือยืนเงียบงันหลายวินาที ก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง



กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด


ฟอร์สในสภาพนั่งถือแก้วเซรามิกบนโต๊ะ กำลังสัมผัสถึงไอความร้อนอย่างเจือจาง


หญิงสาวเพ่งสมาธิจดจ่อ รอคอยการเปลี่ยนแปลงอย่างใจเย็น


ทันใดนั้น อุณหภูมิน้ำร้อนลดลงอย่างรวดเร็ว แผ่นน้ำแข็งบางเริ่มปกคลุมผิวของเหลว รอบถ้วยเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งเกาะหลายจุด


“ตอนนี้เราคือนักตุกติก…”


ฟอร์สหลับตาลงอย่างมีความสุข


หลังจากได้รับถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณ เธอไม่ลังเล นำไปปรุงเป็นโอสถดื่มทันที เพื่อเลื่อนลำดับพลังและได้รับเวทมนตร์พื้นฐานหลายชนิด


จากบรรดาทั้งหมด พลังที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือ ‘สร้างหมอก’ ‘เป่าลม’ ‘สว่างวาบ’ ‘แช่แข็ง’ ‘ช็อกไฟฟ้า’ และ ‘ก้นจ้ำเบ้า’ ซึ่งทำให้เป้าหมายลื่นล้มโดยไม่มีเหตุผล


ในวินาทีนี้ หญิงสาวรู้สึกอย่างแท้จริงว่า ตนได้กลายเป็นผู้วิเศษโดยสมบูรณ์ มิใช่เพียงคนธรรมดาที่มีพลังเดินผ่านกำแพง



ใกล้เที่ยง ด้วยความช่วยเหลือจากเดนิสและไคลน์ งานสืบสวนในเขตรับผิดชอบของไอร์แลนด์ใกล้เสร็จสิ้น


“กินขนมปังสักแถวก่อน น้ำสักแก้ว จากนั้นค่อยมาลุยงานกันต่อ” มันถอดหมวก พลางกล่าวด้วยริมฝีปากแห้งผาก


ขณะไคลน์เตรียมพยักหน้า มันเหลือบเห็นพลุสัญญาณสีส้มสว่างวาบจากบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงดัง ‘บึ้ม’


ไอร์แลนด์แทบไม่ลังเล รีบสวมหมวกกลับและวิ่งตรงไปยังจุดดังกล่าว :


“ผมจะไปช่วยพวกเขา”


“หืม…สีส้มหมายถึงอาชญากรค่อนข้างอันตรายและเจ้าหน้าที่รับมือไม่ไหวสินะ…ชักอยากรู้แล้วว่าเป็นใคร” เดนิสพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าสนใจ


จากนั้น มันแสร้งวิ่งด้วยย่างก้าวเชื่องช้า ทำทียกเท้าสูง หวังให้การต่อสู้จะจบลงพอดีกับที่ตนไปถึง แต่เมื่อหันไปเห็นนักผจญภัยเสียสติกำลังวิ่งไล่หลังไอร์แลนด์ไม่ห่าง เพลิงพิโรธเริ่มออกอาการลังเล


ทันใดนั้น เมื่อเดนิสแหงนหน้าขึ้นไปมองและเห็น ‘สัตว์ประหลาดสีน้ำเงินเข้ม’ กำลังบินเหนือศีรษะ มันหัวเราะแห้งสองหน ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามกลุ่มของตัวเองให้ทัน


ราวสองนาทีถัดมา คนทั้งสามมาถึงจุดหมายของพลุสัญญาณ บ้านที่มีสนามหน้าติดกับถนน และเห็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพสามคนกำลังนอนบนพื้น ใบหน้ารวมถึงผิวพรรณซีดเซียว ร่างกายสั่นระริก คล้ายกับถูกโยนลงในทะเลสาบที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง


ไคลน์เดินไปยังทิศทางดังกล่าว ไอความเย็นเริ่มกัดกินร่างกายหนักหน่วง ความรู้สึกราวกับอยู่บนขั้วโลกเหนือ


มันชำเลืองและพบว่า คูน้ำด้านนอกบ้านก็ถูกฉาบด้วยชั้นหิมะหนาไม่ต่างกัน


ทันใดนั้น เสียงหัวเราะของหญิงสาวปริศนาดังมาจากภายในบ้านหลังเกิดเหตุ ประเดี๋ยวสูงประเดี๋ยวต่ำ บ้าคลั่งสลับพิสดาร


“ฮะฮะฮะฮะ! คิคิคิคิ! ฮะฮะฮะฮะ! คิคิคิคิ…”


เดนิสพลันชะงัก พลางเลื่อนมือขวาขึ้นมาจับเส้นขนตั้งชันบริเวณลำคอตัวเอง


เสียง ‘โครม’ ดังขึ้นจากด้านในบ้าน บานถูกหน้าต่างเปิดออก พร้อมกับมีศพมนุษย์ไหม้เกรียมถูกโยนออกมา


เมื่อศพตกกระทบพื้น เปลวเพลิงสีแดงฉานยังคงลุกโชนประหนึ่งไฟนรก


เพียงไคลน์มองผิวเผิน สัมผัสวิญญาณก็สามารถระบุได้ทันทีว่า นี่คือศพของหนึ่งในสามนักผจญภัยชายกลุ่มเดียวกับเลติเซีย


……………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)