Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 513-514

 ราชันเร้นลับ 513 : ขู่ให้กลัว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ถ้าเราขุดคุ้ยเข้าไปลึกกว่านี้ อาจนำพาตัวเองไปสู่ ‘กุหลาบไถ่บาป’ หรือแม้กระทั่ง ‘เทวทูตสีชาด’ ผู้อยู่เบื้องหลัง… เราเฉียดใกล้อันตรายชนิดห่างกันเพียงไม่กี่คืบ แต่โชคดีว่ายังระงับความอยากรู้อยากเห็นได้ทัน จึงตัดสินใจปล่อยวางความผิดปรกติของภัตตาคารมะนาวและสำนักงานโทรเลข…


ขณะกำลังทบทวนตัวเอง ไคลน์พบว่าเข็มกลัดสุริยันไม่ช่วยบรรเทาความเย็นเฉียบอันเกิดจากเหงื่อเม็ดใหญ่กลางหลัง


ท่ามกลางสถานการณ์ปริศนาและไม่มีคำอธิบาย ไคลน์มองว่าเรื่องนี้น่ากลัวยิ่งกว่าการลงมาจุติของ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เสียอีก


มันอดคิดไม่ได้ว่า หากตนพังประตูสำนักงานโทรเลขเข้าไป หรืออ้อมไปปีนหน้าต่างด้านหลังอาคาร จะได้เข้าไปเห็นภาพอันน่าสยดสยองสักเพียงใด


ขณะเดียวกัน ไคลน์เตรียมใจผลิตน้ำมนต์จำนวนมากบนเรือ และมอบให้กับผู้โดยสารทุกคนซึ่งเคยเข้าไปกินอาหารในภัตตาคารมะนาว เพื่อขจัดภัยอันตรายแอบแฝง


“มีอะไรหรือ” ไอร์แลนด์สังเกตเห็นความผิดปรกติของเกอร์มัน·สแปร์โรว์


“เปล่า แค่เรื่องในอดีต” ไคลน์อาศัยพลังตัวตลกเพื่อควบคุมสีหน้า ขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณความรอบคอบของตัวเอง


อย่างน้อย ตอนนี้ตนก็หลุดพ้นออกจากเมืองท่าแบนชีเรียบร้อยแล้ว


สำหรับความลับของ ‘กุหลาบไถ่บาป’ และราชาเทวทูตซึ่งอาจซ่อนอยู่บนเกาะ ในหัวไคลน์กำลังคิดวิธีจัดการได้แค่ทางเดียว :


รีบรายงานให้ทางการทราบโดยเร็ว!


ถ้าไม่รายงานเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะปล่อยให้พวกมันอยู่ฉลองปีใหม่ 1351 รึไง!


จริงอยู่ ทางเลือกฉลาดก็คือ ปิดข่าวไว้ก่อน รอจนกว่าตนจะมีลำดับสูงมากพอ จึงค่อยเข้าไปจัดการเพื่อ ‘เก็บเกี่ยว’ ผลประโยชน์มหาศาล


อย่างไรก็ตาม หากอันตรายซ่อนเร้นบนเกาะเกิดปะทุขณะตนกำลังพัฒนาฝีมือ จนผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก ไคลน์คงมิอาจสลัดความคิด ‘เราคือต้นเหตุทำให้พวกเขาตาย’ ได้แน่ มันจะรู้สึกผิดอย่างมากและเอาแต่โทษตัวเองว่า ทำไมถึงไม่ยอมแจ้งหน่วยพิเศษของทางการตั้งแต่แรก


แน่นอนว่า การรายงานต้องกระทำอย่างถูกวิธีและเป็นความลับ ไคลน์ไม่โง่พอจะเดินไปบอกไอร์แลนด์โต้งๆ หรือเขียนจดหมายจากชายนิรนามถึงโบสถ์วายุสลาตัน


นั่นจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ประการแรก เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะถูกตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด หากยิ่งสืบเข้าไปลึก เพียงใด ก็จะยิ่งพบความผิดปรกติในหลายเรื่องให้แกะรอย


ประการสอง นี่อาจเป็นการเปิดเผยตัวตนของไคลน์ต่อกุหลาบไถ่บาป จนเรื่องไปถึงหูของราชาเทวทูตเข้า


ไคลน์จึงวางแผนว่า เมื่อชุมนุมทาโรต์ในอีกสองวันข้างหน้าเริ่มขึ้น มันจะให้เดอะเวิร์ลเปิดประเด็นเกี่ยวกับความผิดปรกติของท่าเรือแบนชี จากนั้น เดอะฟูลก็จะบอกใบ้ไปในทิศทางของกุหลาบไถ่บาปและราชาเทวทูต เพียงเท่านี้ก็มากพอจะทำให้แฮงแมน หนึ่งในสมาชิกของโบสถ์หลัก ทราบว่าควรจัดการอย่างไรต่อไป


นี่คือโอกาสสร้างผลงานชิ้นโตให้แฮงแมน!


สำหรับหยดเลือดของทายาทตระกูลเมดีซี ไคลน์มิได้กังวลในเรื่องนี้ เพราะตนและชารอนเห็นพ้องร่วมกันว่า จะไม่ยื่นมือช่วยเหลือวิญญาณมารในซากปรักหักพังใต้ดินเด็ดขาด


เมื่อมั่นใจว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ต้องการเล่าอดีตของตน ไอร์แลนด์เพียงยิ้ม และนำกล่องไม้สีดำใบเล็กออกจากเสื้อโค้ท โยนมาทางไคลน์


ชายหนุ่มใช้มือรับ สายตาเผยความสงสัยโดยไม่ปิดบัง


“ถุงน้ำดีของเมอร์ล็อก สามารถนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษซึ่งมีประโยชน์ทางทะเล”


ตะกอนพลังเมอร์ล็อก…มูลค่าราวหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์…กัปตันใจถึงมาก…


ไคลน์เกือบลืมไปชั่วขณะ ว่านักผจญภัยเลือดเย็น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ต้องแสดงอากัปกิริยาเช่นไรในสถานการณ์แบบนี้


แต่โชคยังดี มันเคยผ่านประสบการณ์การแสดงมาอย่างโชกโชน จึงเผยสีหน้าอึมครึมและกล่าวเสียงเข้ม


“ผมไม่ได้ช่วยคุณเพื่อรางวัล”


ไอร์แลนด์หัวเราะ. ยิ้ม.


“ผมไม่ได้มอบให้เพราะคุณช่วยเหลือ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ ผมเห็นว่าเพื่อนตัวเองยังขาดแคลนในบางสิ่ง จึงมอบให้โดยไม่คิดเงิน นี่ถือเป็นเรื่องปรกติของเพื่อน”


สมเหตุสมผล ปฏิเสธไม่ได้เลย…


มือข้างหนึ่งถือกล่องไม้สีดำในมือ ไคลน์พยักหน้ารับเล็กน้อยโดยไม่กล่าวสิ่งใด


ไอร์แลนด์หาวปิดปาก พลางถอดหมวกพับทรงทหารเรือออก


“ขอตัวกลัวไปนอนชดเชยก่อน ไว้พบกันใหม่ตอนเที่ยงวัน”


ไคลน์โบกมืออำลาอย่างสุภาพ ตามด้วยการพาเดนิสไปทางห้องพัก 312


ผ่านไปสักพัก มันเห็นดอนน่าและแดนตันผู้ตื่นตั้งแต่เช้าครู่ กำลังยืนรอหน้าประตูห้องตน


“คุณลุงสแปร์โรว์ ถืออะไรอยู่ในมือคะ?” ดอนน่าซักถามอย่างซุกซน


ไคลน์ไม่ตอบ เพียงเปิดฝ่ากล่องไม้สีดำออก


ด้านในถูกบุด้วยกำมะหยี่สีดำหลายชั้น กึ่งกลางเป็นวัตถุโปร่งใส ลักษณะคล้ายอัญมณีก้อนกลม ถูกวางไว้อย่างเงียบงัน


“ของตัวเมอร์ล็อกวันนั้น…!” แดนตันครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะโพล่ง “ถุงน้ำดี!”


ไคลน์ส่งสายตาบอกให้เดนิสเปิดประตูและเดินตามเข้าไป


ดอนน่าเดินตามติด พลางเหยียดแขนสองข้างไพล่ไว้ด้านหลัง


ในมือเด็กสาวถือธนบัตรเงินสดปึกใหญ่ มีทั้งสิบปอนด์และห้าปอนด์คละเคล้า


“พ่อกับแม่ ลุงคลีฟส์ และลุงดิเมอดอร์ให้หนูนำเงินมามอบให้ลุงสแปร์โรว์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์!” ดอนน่าฉีกยิ้มกว้าง และกล่าวด้วยเสียงสดใส “พวกเขาบอกว่า เงินจำนวนเท่านี้คงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของลุงสแปร์โรว์ได้หมด เพียงแต่ว่า อย่างน้อยก็ขอชดเชยค่ากระสุนและอุปกรณ์สิ้นเปลืองชนิดอื่นๆ ของคุณลุง พวกมันคงมีราคาสูงมากใช่ไหมคะ”


“ค่อนข้าง” ไคลน์ไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะรับเงินขอบคุณจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ไว้แต่โดยดี เพื่อมิให้คนธรรมดาอย่างเออร์ดี้เกิดความกระวนกระวาย


เมื่อเห็นลุงสแปร์โรว์ยัดปึกธนบัตรกับกล่องไม้สีดำใบเล็กใส่กระเป๋าเสื้อโค้ท ดอนน่าแสดงสีหน้าผ่อนคลาย เนื่องจากภารกิจหลักของพ่อแม่ได้จบลงแล้ว


เด็กสาวกลับมาเป็นตัวของตัวเอง และทำตามจุดประสงค์แท้จริงของการมาเยือน


คำถามมากมายพลันถูกพรั่งพรู :


“คุณลุงสแปร์โรว์ สัตว์ประหลาดเมื่อคืนเป็นประเภทไหนหรือคะ? ผีสางมีจริงรึเปล่า? คุณสามารถกระโดดออกจากกองไฟได้ตั้งแต่เกิดเลยไหมคะ? รวมถึงการปล่อยแสงสว่างลงมาจากท้องฟ้าด้วย!”


หยุด หยุด หยุด! สาวน้อย เธอถามมากเกินไปแล้ว…


ไคลน์ ผู้มิอาจอดกลั้นต่อความอบอ้าว ตัดสินใจถอดเข็มกลัดสุริยันออกและโยนลงบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีอย่างไม่แยแส


“สิ่งนี้เรียกว่าพลังพิเศษ สามารถได้รับจากพิธีกรรมและการดื่มโอสถ ผีสางมีจริงไหม ขอตอบว่าจริง และมีหลายประเภทมาก เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดเมื่อคืน พวกมันถูกสร้างขึ้นจากพิธีกรรมชั่วร้าย ส่วนเรื่องอื่น ถามเขาเอาเอง”


ไคลน์มองไปทางเดนิส


“วิเศษมาก…” แดนตันและดอนน่ากล่าวประสานเสียงด้วยอารมณ์หลากหลาย


ดวงตาของดอนน่าเริ่มลุกวาว


“คุณลุงสแปร์โรว์คือ ‘ซูเปอร์แมน’ ในความหมายของจักรพรรดิโรซายล์ใช่ไหมคะ? เราสองคนจะเป็นแบบคุณลุงบ้างได้ไหม? ประกอบพิธีกรรมและดื่มโอสถจนได้รับพลังพิเศษ!”


แดนตันรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ เด็กชายกำลังคิดในสิ่งเดียวกับพี่สาวทุกประการ


ทันใดนั้น ดอนน่าสังเกตเห็นว่า ดวงตาของลุงเกอร์มัน·สแปร์โรว์เปลี่ยนสีเล็กน้อย


และยังเห็นรอยยิ้มตรงมุมปาก ซึ่งแฝงอารมณ์แปลกประหลาดจนอธิบายไม่ถูก


ไคลน์กล่าวเสียงทุ้ม


“สิ่งนี้มิใช่เรื่องน่าอิจฉา และไม่ควรเป็นความฝันของใครทั้งสิ้น… หากพวกเธอเลือกเดินบนเส้นทางเดียวกับฉัน อนาคตวันข้างหน้าจะมีเพียงอันตรายและความบ้าคลั่งรออยู่ พวกเธออาจได้รับชัยชนะนับร้อยนับพันครั้งติดต่อกัน แต่หากพ่ายแพ้เพียงหนเดียว ชะตากรรมก็จะเหมือนกับบิชอปคนนั้น”


ขณะเล่า ชายหนุ่มวางไม้ค้ำพิงผนัง ถอดเสื้อคลุมออก และพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น


แขนข้างหนึ่งเหี่ยวย่นราวกับคนแก่อายุเกินหนึ่งร้อยปี ส่วนอีกข้างโปร่งใสจนมองเห็นส่วนประกอบภายในอย่างแจ่มชัด มีทั้งเส้นเลือด มัดกล้ามเนื้อ และพังผืด


ขณะเดียวกัน บนใบหน้าไคลน์ปรากฏตุ่มเนื้อขนาดเล็กจำนวนมากเรียงติดกันเป็นพืด ดอนน่าและแดนตันพลันหวาดผวาและเซถอยหลังหลายก้าวจนชนประตู


ไคลน์ ผู้ยังมีตุ้มเนื้อเม็ดเล็กเต็มหน้า กล่าวพลางอมยิ้มเยือกเย็น


“เห็นหรือยัง… นี่คือความบ้าคลั่ง”


ไม่…!


ดอนน่าและแดนตันแทบสิ้นสติ เด็กทั้งสองเดินโซเซไปเปิดประตูและรีบวิ่งออกไป


ผ่านไปไม่กี่ก้าว พวกเขาล้มลงเนื่องจากแข้งขาพัวพัน


“น่ากลัวมาก…” แดนตันพึมพำ


พร้อมกันนั้น ประตูห้องพัก 312 ถูกปิดตามหลังจนเกิดเสียงโครม


ดอนน่าเริ่มสงบจิตใจ ได้รับความกล้าหาญกลับคืนมาบางส่วน แต่เธอยังไม่กล้านึกถึงภาพลักษณ์ของคุณลุงสแปร์โรว์เมื่อครู่—ตุ่มเนื้อเม็ดเล็กจำนวนมากปกคลุมทุกซอกมุมของใบหน้า แขนข้างหนึ่งแก่ชรา ส่วนอีกข้างโปร่งใสจนเห็นส่วนประกอบภายใน ความน่าขยะแขยงไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์ประหลาดเมื่อคืนเลยสักนิด


อย่างไรก็ตาม คำพูดของอีกฝ่ายยังคงกังวานในหัว :


“เห็นหรือยัง…นี่คือความบ้าคลั่ง”


วิสัยทัศน์ดอนน่าพลันพร่ามัว น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มไม่หยุด


“ดอนน่า เป็นอะไรไป?” แดนตันเห็นห่วงอาการของพี่สาวจนลืมแม้กระทั่งความกลัวของตัวเอง


ดอนน่าสะอื้นตอบ


“พี่ก็ไม่รู้…แต่รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก”


ภายในห้อง 312


เมื่อเดนิสเห็นไคลน์กลับเป็นปรกติ มันอดตำหนิไม่ได้


ไม่เห็นต้องขู่เด็กให้กลัวด้วยวิธีนี้เลย รังแต่จะเกิดแผลใจเปล่าๆ แค่บอกว่าการดื่มโอสถจะเป็นอันตรายก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ”


เมื่อพูดจบ เดนิสเห็นไม้ค้ำสีดำ เปื้อนเลือดและคราบสกปรก กำลังลอยพุ่งมาทางตน


ตามด้วยประโยคไร้อารมณ์


“ล้างให้สะอาด”


มันใช้มือคว้าไว้ด้วยรอยยิ้มจืดชืด



กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี


ภายในคฤหาสน์หรูของเอิร์ลฮอลล์


ออเดรย์ยืนอยู่หลังราวบันไดสีทองสลับขาวมุกบนทั้งสอง สายตาจ้องมองลงมายังกลุ่มคนรับใช้ซึ่งกำลังวุ่นวายบนชั้นหนึ่ง


ตามธรรมเนียมของอาณาจักรโลเอ็น หากขุนนางคนใดมีดินแดนในครอบครอง จะต้องเดินทางออกไปจากเบ็คลันด์เมื่อครบหนึ่งสัปดาห์หลังงานเลี้ยงปีใหม่


เป้าหมายของการเดินทางคือดินแดนของแต่ละคน และเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของชนบทหรือปราสาทส่วนตัว จึงค่อยกลับเมืองหลวงใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน ถัดจากนั้นจะเป็นงานเข้าสังคมอย่างต่อเนื่องโดยมีคิวแน่นขนัด


อย่างไรก็ตาม นอกจากเอิร์ลฮอลล์จะเป็นขุนนางใหญ่ มันยังเป็นนายธนาคารใหญ่ด้วย จึงต้องแวะเวียนกลับมาจัดการเอกสารในเมืองหลวงเป็นครั้งคราว


สำหรับการลาพักร้อนยาวต้นปี ปัญหาสำคัญคือการ ‘ขนของ’ หลายสิ่งต้องถูกเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงขั้นต้องมีการเกณฑ์คนจากดินแดนกลับมาช่วยงานในคฤหาสน์เป็นกรณีพิเศษ จนกว่าเจ้านายจะพร้อมออกเดินทางโดยไม่ติดขัด


เมื่อชุมนุมทาโรต์จบ เราจะนั่งรถจักรไอน้ำไปยังแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกทันที… หวังว่ามิสเตอร์แวมไพร์จะหาผลของต้นคนชราและเลือดมังกรกระจกมาให้เราทัน จะได้เป็นนักจิตบำบัดก่อนเดินทางออกจากเบ็คลันด์…


ออเดรย์ปล่อยความคิดล่องลอย


ทันใดนั้น เคาต์เทสเคทลินเดินเข้ามาใกล้และถามด้วยรอยยิ้ม


“กำลังคิดอะไรอยู่หรือ… จริงสิ เจ้าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวหลังจากกลับมายังกรุงเบ็คลันด์ในเดือนมิถุนายน คิดไว้บ้างแล้วหรือยัง ว่าอนาคตอยากจะทำอะไร?”


ออเดรย์แทบไม่มีโอกาสประดิษฐ์คำตอบล่วงหน้า จึงตอบกลับไปอย่างเถรตรง


“ท่านแม่ ดิฉันอยากไปทำงานกับองค์กรการกุศลของโบสถ์รัตติกาล”


เราอยากรู้จักโลกให้มากกว่านี้… เธอเสริม


“แนวคิดดี” เคาต์เทสเห็นด้วย


หลังจากสนทนากันอีกเล็กน้อย เคทลินเดินลงจากชั้นสองเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของงานเคลื่อนย้าย


ออเดรย์ปรับเปลี่ยนอารมณ์ หันหัวไปด้านข้างและโน้มตัวเข้าหาสุนัขขนสีทองฟูฟ่อง


“ซูซี่ ตื่นเต้นรึเปล่า? เธอกำลังจะได้วิ่งเล่นไปบนทุ่งหญ้าเขียวขจี รวมถึงได้วิ่งไล่สัตว์ภายในป่าเขียวชอุ่ม!”


หญิงสาวกำลังล้อเลียนซูซี่ เนื่องจากโกลเดนรีทรีเวอร์ตัวนี้ไม่ผ่านคุณสมบัติหมาล่าเนื้อ จึงถูกแถมมาให้เอิร์ลฮอลล์ในฐานะของขวัญ


ใจจริง ซูซี่อยากจะแลบลิ้นใส่ออเดรย์กลับตามสัญชาตญาณ แต่เกิดเปลี่ยนใจกลางคันและทำตัวเรียบร้อยประหนึ่งสตรีเลอค่า


สุนัขตัวใหญ่ตอบตามความจริง


“แน่นอน ฉันชอบวิ่งในทุ่งกว้าง แต่ก็เกลียดขี้หน้าพวกป่าเถื่อนไม่แพ้กัน”


หมายถึงสุนัขล่าเนื้อ? ออเดรย์ใช้มือป้องปากเพื่อมิให้อีกฝ่ายเห็นว่ากำลังหัวเราะ


เมื่อเงยหน้าขึ้น หญิงสาวพบว่าปัจจุบันใกล้ถึงช่วงเวลาของชุมนุมทาโรต์แล้ว


……………………


ราชันเร้นลับ 514 : ตำนานเทพบรรพกาล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางวังสายหมอกไร้ขอบเขต บรรยากาศโดยรอบยังคงเงียบสงัดเหมือนเช่นทุกคราว


‘เดอะมูน’ เอ็มลิน·ไวท์ ลืมตาขึ้นหลังจากถูกส่งตัวมายังดินแดนลึกลับอีกครั้ง


มันเห็นมิสจัสติสฝั่งตรงข้าม กำลังมองไปทางมุมโต๊ะทองแดงยาวลายโบราณและกล่าวทักทายอย่างยิ้มแย้ม


“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”


จัสติส·ออเดรย์เริ่มทักทายจากเดอะฟูล และไปจบลงตรงเดอะเวิร์ล


การเรียงลำดับทักทายเช่นนี้มิได้เป็นไปตามตำแหน่งการนั่ง แต่เรียงตาม ‘ลำดับไพ่’ ในสำรับหลักของไพ่ทาโรต์ เริ่มจากเดอะฟูล และไปสิ้นสุดยังเดอะเวิร์ล


นี่คือรายละเอียดปลีกย่อยอันเกิดจากความหลงใหลในศาสตร์เร้นลับของออเดรย์ พฤติกรรมดังกล่าวเด่นชัดขึ้นเมื่อชุมนุมทาโรต์เริ่มมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก


หญิงสาวสูงศักดิ์ มีชาติตระกูล และมองโลกในแง่บวกอย่างมาก… เอ็มลินประเมินตัวตนของอีกฝ่ายภายในใจ พลางพยักหน้ารับการทักทายตามมารยาท


ระหว่างนั้น มุมสายตาผีดูดเลือดหนุ่มชำเลืองไปทาง ‘เดอะซัน’ ด้านข้าง พลางหวนนึกช่วงเวลาขณะศึกษาประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ผีดูดเลือด ภายในบ้านบารอนเวย์แมนดี้เมื่อไม่กี่วันก่อน


เรายังบกพร่องด้านประวัติศาสตร์อยู่มาก นี่คือความแตกต่างระหว่างนักค้นคว้ามืออาชีพกับมือสมัครเล่น แต่หลังจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ตัวข้า เอ็มลิน·ไวท์ จะกลายเป็นนักค้นคว้าประวัติศาสตร์มืออาชีพ…


บารอนเวย์แมนดี้ไม่เคยเอ่ยถึงเมืองเงินพิสุทธิ์แม้แต่ครั้งเดียว เราจึงก็มิได้ซักถามออกไปโดยตรง เพราะด้วยฐานะวีรบุรุษในเงามืดของตระกูล เราไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่งเดช…


นั่งฟังประวัติศาสตร์ครึ่งวัน ไปเรียนคำสอนจากโบสถ์อีกครึ่งวัน และกลับมาเล่นตุ๊กตาในตอนกลางคืน ชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน…


เอ็มลินปล่อยความคิดของตนล่องลอย


จนกระทั่ง มันเริ่มขมวดคิ้วเมื่อตระหนักถึงปัญหาสำคัญ


แล้วทำไมเราถึงยังต้องแวะไปยังโบสถ์ฤดูเก็บเกี่ยวทุกวัน?


ในฐานะเผ่าพันธุ์อันสูงส่ง เราต้องจัดการปัญหาของตัวเองให้เด็ดขาด เราอดทนกับสิ่งนี้มานานแล้ว! เฮ่อ… การถูกพี่น้องในตระกูลนินทาลับหลังไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลยสักนิด…


เดอะมูน·เอ็มลิน เริ่มผ่อนคิ้ว


เมื่อเห็นว่ามิสจัสติสจบการทักทาย ผีดูดเลือดหนุ่มเหยียดแขนออกไปและเคาะโต๊ะทองแดงอย่างแผ่วเบา พลางมองไปยังหญิงสาวฝั่งตรงข้ามและกล่าว


“วัตถุดิบตามความต้องการของคุณ”


จัสติส·ออเดรย์ยกมือขวาขึ้นเพื่อส่งภาษากายเป็นเชิงให้หยุด ก่อนจะยิ้มอย่างสง่างาม


“ไว้ค่อยคุยกันในช่วงค้าขายนะคะ ตอนนี้เป็นเวลา ‘อ่าน’ ของมิสเตอร์ฟูล”


ฟังจากน้ำเสียง มิสเตอร์แวมไพร์คงรวบรวมอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างผลของต้นคนชราหรือเลือดของมังกรกระจกได้แล้ว…


ไม่สิ อาจทั้งสองอย่าง… ออเดรย์ เธอกำลังจะกลายเป็นนักจิตบำบัด! ผู้วิเศษลำดับกลาง!


หญิงสาวเผยยิ้มสดใส


จากนั้น เธอมองไปทางบุคคลเบื้องหลังม่านหมอกหนาทึบ


“มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ดิฉันรวบรวมไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ได้อีกสามหน้า~”


เหลืออีกแค่สี่หน้าเท่านั้น… หญิงสาวเม้มปากพลางใช้ความคิด


เมื่อเห็นมิสจัสติสทำตัวเป็นแบบอย่าง มิสเมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส กล่าวเสริมทันที


“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันก็มีไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์สามหน้าเช่นกัน”


เธอเฝ้ารอชุมนุมทาโรต์มาตลอดทั้งสัปดาห์ เนื่องจากโอสถผู้ฝึกหัดขวดใหม่ซึ่งเพิ่งดื่มซ้ำเข้าไป ถูกย่อยได้เร็วกว่าความคาดหมายในตอนแรกมาก ปัญหาข้างเคียงจึงถูกขจัดอย่างสมบูรณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน


เดอะซัน·เดอร์ริคเสริมตามทันที


“มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ผมทำการคัดลอกตำนานของเทพบรรพกาลบางส่วนมาแล้ว”


จากนั้น เด็กหนุ่มหันไปพูดกับแฮงแมน


“ผมทำตารางรายชื่อสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์เสร็จแล้วเช่นกัน”


เป็นเด็กดี และไม่ต้องรอให้ใครเตือน…


ไคลน์ ผู้กอบโกยผลประโยชน์มากกว่าใครในวันนี้ เอนกายพิงพนักอย่างมีความสุข


ไม่ได้พัฒนาเลยสักนิด… จริงอยู่ เราอาจไม่ทราบชื่อวัตถุดิบจากสัตว์ประหลาดโดยตรง แต่นี่ถือเป็นการแพร่งพรายข้อมูลเมืองเงินพิสุทธิ์ทางอ้อม… หากปล่อยไว้ เด็กคนนี้จะกลายเป็นปัญหาต่อองค์กรในอนาคต…


โชคยังดี สิ่งนี้สามารถแก้ไขได้โดยการเพิ่มความหวาดระแวงและประสบการณ์เข้าไป…


แฮงแมน·อัลเจอร์ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


ถัดมาไม่นาน ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์และตำนานเทพบรรพกาลได้ปรากฏตรงหน้าไคลน์


ชายหนุ่มกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ และพบว่าสองจากหกหน้าของไดอารีคราวนี้มีเนื้อหาซ้ำกับของเดิม หนึ่งในนั้นเป็นหน้าของจัสติส ซึ่งแฮงแมนเคยนำมาให้อ่านในช่วงแรกแล้ว


เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ นอกเสียจากจะสอนภาษาจีนกลางง่ายๆ ให้พวกเขาช่วยจำแนกเอกสาร…


ไคลน์ถอนหายใจสั้น พลางใช้จิตย้ายไดอารีสองแผ่นบนไปอยู่ด้านหลัง


สำหรับไดอารีอีกสี่หน้า ข้อมูลด้านในก็มิได้สลักสำคัญอะไรนัก ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาซึ่งโรซายล์กำลังสูญเสียอุดมคติ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับความร่ำรวยและเงินทอง


เนื้อหาส่วนใหญ่ประกอบด้วยคำถามเช่น ‘วันนี้จะประดิษฐ์อะไรดี’ ‘พรุ่งนี้จะประดิษฐ์อะไรดี’ ‘สิ่งนี้จะขายได้เท่าไร’ และ ‘จะมีนักลงทุนมาสนใจบ้างไหม’


ไคลน์เกือบควบคุมอารมณ์ทางสีหน้าไม่อยู่ ชายหนุ่มต้องการจะนำแผ่นไดอารีสามหน้าฟาดใส่หน้าโรซายล์สักป้าบ


ขณะเดียวกัน จัสติส·ออเดรย์เหลือบเห็นไพ่จักรพรรดิมืดกลับมาวางอยู่ด้านหน้าเดอะฟูลในลักษณะคว่ำหน้า


ท่านให้ข้ารับใช้หยิบยืมไปสะสางภารกิจจริงด้วย! ไม่สิ ยังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่ นี่อาจเป็นไพ่เย้ยเทพใบใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นใบเดิมสักหน่อย!


ออเดรย์คาดเดาเรื่อยเปื่อย แววตาเผยความสนใจโดยไม่ปิดบัง


หลังจากอ่านไดอารีจบ ไคลน์พยายามข่มความหงุดหงิด พลางพลิกไปอ่านตำนานเทพบรรพกาลจากเดอะซันน้อยต่อ


รายละเอียดค่อนข้างหยาบ แปดเทพบรรพกาลในยุคสมัย 2 ถูกแบ่งออกเป็นสามขั้วอำนาจใหญ่ ฝ่ายแรกประกอบด้วย ราชาคนยักษ์ เออร์เมียร์ ราชาเอลฟ์ ซอนญาธริม และต้นตระกูลแวมไพร์ ลิลิธ ฝ่ายถัดมามี มังกรจินตภาพ·แอนเคอร์เวล ต้นตระกูลฟินิกซ์ เกรจารี และราชามนุษย์กลายพันธุ์ เควาสทูน


ในส่วนของราชาปีศาจ ฟาโบธี และราชาหมาป่าอสูร·เฟรเกีย ทั้งสองไม่ต้องการเข้าพวกกับใคร มีเป้าหมายเพียงล้มล้างระบอบทั้งหมด และกัดกร่อนมนุษยชาติให้พังพินาศ


ตามบันทึกของเมืองเงินพิสุทธิ์ เทพบรรพกาลทั้งแปดมีลักษณะป่าเถื่อน ชั่วร้าย และน่าขยะแขยง แม้กระทั่งเทพธิดาซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และดูธรรมดากว่าใครอย่างต้นตระกูลแวมไพร์ ลิลิธ หรือรู้จักกันในนาม ‘ความงามท่วมท้นกายา’ ก็ยังมีมุมน่ารังเกียจ


เธอจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นก้อนเนื้อน่าขยะแขยงขนาดใหญ่เท่าภูเขา พื้นผิวด้านบนปกคลุมด้วยอวัยวะสืบพันธุ์จำนวนมาก และคอยผุดหมอกสีดำเข้มข้นออกมาตลอดเวลาเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด


หากตัวตนทรงพลังคนใดเข้าใกล้ ‘ภูเขา’ ส่วนลึกของจิตใจจะถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์สืบพันธุ์ จนกระทั่งเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นอวัยวะสืบพันธุ์มีชีวิตไปโดยปริยาย


นอกเหนือจากเทพบรรพกาลตนอื่น หากสิ่งมีชีวิตใดมองเห็นฉากดังกล่าว พวกมันจะสิ้นสติไปในทันที หรือไม่ก็กลายพันธุ์ หรือไม่ก็กลายเป็นคนบ้า อย่างใดอย่างหนึ่ง


บันทึกตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกเขียนขึ้นจากเอกสารโบราณภายในวังราชาคนยักษ์ หรืออย่างน้อย บรรพบุรุษเมืองเงินพิสุทธิ์ก็อ้างไว้แบบนั้น


ยังมีความเป็นไปได้ว่า เผ่าคนยักษ์อาจแต่งเรื่องใส่ร้ายพันธมิตร… แต่เรื่องนี้สอดคล้องกับข้อมูลซึ่งระบุว่า ในภายหลัง ลิลิธได้สูญเสียอำนาจในดวงจันทร์บรรพกาล—เป้าหมายการสวดวิงวอนของผีดูดเลือดจำนวนมาก…


หรือนี่จะเป็นชะตากรรมของผู้เดินบนเส้นทาง ‘จันทรา’ ทุกคน?


ไคลน์หักห้ามตัวเองมิให้ชำเลืองสายตาไปมองเอ็มลิน·ไวท์


ตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์ ต้นตระกูลแวมไพร์เคยถือครองอำนาจ ‘จันทราแดง’ หากเธอต้องการ ก็สามารถทำให้จันทราสีแดงเข้มประหนึ่งเลือดลอยอยู่บนท้องฟ้าสี่ยิบสี่ชั่วโมงตลอดสามร้อยหกสิบห้าวันต่อปีได้ โดยนั่นจะทำให้พลังด้านลบแผ่ปกคลุมโลกมนุษย์ทุกหัวระแหง โลกวิญญาณและความเป็นจริงจะใกล้ชิดกันมากขึ้น มีอิทธิพลต่อกันมากขึ้น สัตว์ประหลาดและวิญญาณมารจำนวนมากจะออกมาอาละวาด


นี่คือพลังแห่งเทพ… เราเริ่มมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเทพบรรพกาลกับเทพแท้จริงใจปัจจุบัน ทำไมทุกตนถึงได้ทำตัวเหมือนกับเทพมารไปเสียหมด… แต่ถ้าอ้างอิงจากตำนานของผีดูดเลือด ลิลิธไม่ได้เป็นไปตามตำนานของเมืองเงินพิสุทธิ์เลยสักนิด…


มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหก? หรือเกิดเหตุการณ์คั่นตรงกลางระหว่างนั้น จนส่งผลให้ลิลิธมีบุคลิกเปลี่ยนไปจากอดีต?


ไคลน์นั่งครุ่นคิดอย่างตั้งใจ


จากนั้น ชายหนุ่มสลายแผ่นกระดาษพลางเอนกายพิงพนักอย่างผ่อนคลาย


“เชิญ”


จัสติส·ออเดรย์ พูดพลางหันไปทางผีดูดเลือดหนุ่มด้วยดวงตาเปล่งประกาย


“มิสเตอร์มูน คุณมีความคืบหน้าของผลต้นคนชราและเลือดมังกรกระจกใช่ไหมคะ”


เอ็มลินเชิดคางขึ้น


“สองอย่างเจ็ดร้อยห้าสิบปอนด์… เงินมาของไป และแน่นอน ต้องไม่ลืมส่วนแบ่งของข้าจำนวนหนึ่งร้อยปอนด์ด้วย”


ออเดรย์มิได้สนใจราคารวมหรือส่วนแบ่ง เธอตอบรับทันทีด้วยสีหน้ายินดีปรีดา


“ตกลง! เอ่อ… ดิฉันหวังว่าคุณจะส่งสินค้าให้ได้ในวันนี้หรือพรุ่งนี้”


“ไม่มีปัญหา” เดอะมูน·เอ็มลิน ผู้กำลังจะทำกำไรหนึ่งร้อยปอนด์โดยแทบไม่ต้องออกแรง ย่อมไม่ปฏิเสธความต้องการของลูกค้า


เยี่ยม! ออเดรย์หย่อนมือขวาลงใต้โต๊ะพลางกำหมัดแน่น และเขย่าขึ้นลงอย่างสะใจสองสามหน


ขณะเดียวกัน แฮงแมน·อัลเจอร์มองไปทางมิสเตอร์แวมไพร์


“คุณยังต้องการมรดกของบารอนผีดูดเลือดอยู่อีกไหม? ราคาสี่พันห้าร้อยปอนด์ ผมลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”


แต่ในความเป็นจริง โจรสลัดผู้ขายพร้อมจะปล่อยให้อัลเจอร์ในราคาสามพันสองร้อยปอนด์


ได้ยินเช่นนั้น ท่าทีของเอ็มลินเปลี่ยนไป


ถ้าราคาแค่หนึ่งพันปอนด์ เราจะตอบตกลงโดยไม่ลังเล! เพียงแต่ว่า… มันรำพันในใจ


แม้ว่าครอบครัวของเอ็มลินจะเป็นเภสัชกรและแพทย์มีชื่อเสียง รายรับประจำปีจัดว่าสูง และด้วยการมีอายุยืนยาว ทรัพย์สมบัติของครอบครัวย่อมมั่งคั่งพอสมควร แต่เมื่อเอ็มลินกลายเป็นคนเสพติดตุ๊กตา เงินก็ไม่เคยอยู่ติดกระเป๋าอีกต่อไป เพราะมันมักสั่งตุ๊กตาทำมือมาตั้งไว้ในห้องเสมอ


แม้จะรวมเงินหนึ่งร้อยปอนด์ของจัสติสซึ่งยังไม่ถูกชำระเข้าไปด้วย แต่เงินออมของเอ็มลินก็ยังมีไม่ถึงห้าร้อยปอนด์ด้วยซ้ำ โดยจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์มาจากการขายสินค้าให้กับนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้


“ข…ขอคิดดูก่อน” เดอะมูน·เอ็มลินกล่าวอย่างหนักแน่น ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักว่า ตนควรหาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเร็ว


สหายเอ็มลินเอ๋ย ทำไมถึงได้ทำตัวน่าสมเพชนัก…


เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ไคลน์จิกกัดอย่างมีความสุขเบื้องหลังม่านหมอกสีเทา


บนโลกความจริง มันเป็นเพื่อนเพียงไม่กี่คนของมิสเตอร์แวมไพร์หนุ่ม และเคยได้ยินว่าอีกฝ่ายใช้เงินไปกว่าเจ็ดพันปอนด์เป็นค่าตุ๊กตาในรอบหลายปีหลัง ไคลน์จึงอดตัดพ้อในความมั่งคั่งและฟุ่มเฟือยของเอ็มลินไม่ได้


“ไม่มีปัญหา” แฮงแมนไม่ซักไซ้


มันหันไปทางจัสติส·ออเดรย์และกล่าวต่อ


“คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ช่างฝีมือจัดการสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์นับว่าน่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก สมบัติวิเศษชิ้นนี้จะช่วยให้คุณแปลงโฉมได้อย่างสมบูรณ์ มาพร้อมกับพลังพิเศษปลีกย่อยอีกสามชนิด ประกอบด้วย ควบคุมไฟ ถ่ายโอนความเสียหาย และนิมิตลางสังหรณ์ รวมถึงช่วยเพิ่มสมรรถภาพร่างกายอีกเล็กน้อย สินค้ามีลักษณะเป็นหน้ากากสีเงินแกมขาว แต่สามารถเปลี่ยนเป็นต่างหูหรือหมวกได้ตามต้องการ และยังตั้งชื่อให้มันได้ด้วย แน่นอน มันมีผลข้างเคียงเหมือนกับสมบัติวิเศษชนิดอื่น ขณะสวมใส่ อารมณ์ของถูกจะถูกขยายจนพลุ่งพล่าน ต้องหาวิธีระงับไว้ให้อยู่หมัด มิฉะนั้นอาจเกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ราคาของมันคือห้าพันห้าร้อยปอนด์”


เล่ามาถึงจุดนี้ แฮงแมนเผยรอยยิ้มพลางหันไปพูดกับเดอะเวิร์ล


“ตะกอนพลังของคุณขายได้สี่พันห้าร้อยปอนด์ โดยช่างฝีมือคิดราคาหนึ่งพันปอนด์”


สี่พันห้าร้อยปอนด์… ราคาสูงกว่าความคาดหมายของเราไปมาก ถึงจะต้องจ่ายสิบห้าเปอร์เซ็นต์หรือหกร้อยเจ็ดสิบห้าปอนด์เป็นค่านายหน้าให้มิสเตอร์แฮงแมนก็ตาม…


ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลพยักหน้าตกลง


“ไม่มีปัญหา”


ขยายอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน? ถ้าจำไม่ผิด มาดามเอสลันด์เคยบอกว่า หากเราได้เป็นนักจิตบำบัดเมื่อใด จะมีพลังในการควบคุมอารมณ์กับสภาพจิตใจของผู้อื่น และสิ่งนี้ก็น่าจะมีผลกับตัวเองด้วยเช่นกัน… หรือก็คือ เราสามารถรับมือผลข้างเคียงนั่นได้!


จัสติส·ออเดรย์พยักหน้ารับเล็กน้อย


“ดิฉันจะจ่ายเงินภายในสองวันหลังจากสมบัติวิเศษถูกส่งถึงมือ”


เพื่อมิให้ความลับของชุมนุมทาโรต์เล็ดลอดออกไป หญิงสาวจึงต้องรอให้สินค้าส่งมาถึงมือเสียก่อน จึงค่อยนำไปเบิกกับเอิร์ลฮอลล์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย


“ตกลง” แฮงแมนไม่กังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของจัสติส


ร่ำรวยฉิบหาย…


เดอะมูน·เอ็มลิน รวมถึงเมจิกเชี่ยน·ฟอร์ส ต่างถูกกระตุ้นอารมณ์ด้วยเงินจำนวนห้าพันห้าร้อยปอนด์ระหว่างการซื้อขาย


ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจอย่างผ่อนคลายเมื่อตระหนักว่า ในอีกไม่กี่วัน ตนจะมีเงินจำนวนสามพันปอนด์ให้จับจ่ายใช้สอย


มิสจัสติสจงเจริญ! ชายหนุ่มวาดจันทร์แดงกลางหน้าอกตัวเองในใจ


……………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)