Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 499-500

 ราชันเร้นลับ 499 : เชื้อเชิญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

กิ๊ง!


เหรียญทองหมุนควงกลางอากาศเงียบงัน ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือไคลน์อย่างมั่นคง


ชายหนุ่มก้มชำเลืองเพื่อตรวจสอบว่าผลลัพธ์ออกหัวหรือก้อย จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในตรอกเปลี่ยวและมืดด้านข้าง


ลมทะเลพัดผ่านด้วยความก้าวร้าวแฝงบรรยากาศเย็นยะเยือก เสื้อคลุมตัวใหญ่ปลิวไสวและหมวกทรงกึ่งสูงเกือบหลุดจากศีรษะ


ทันใดนั้น ไคลน์ชะงักฝีเท้าพลางหมุนตัวกลับหลัง ตามด้วยการส่งเสียงเย็นชา


“ออกมา”


ดวงตาชายหนุ่มเพ่งมองไปยังเงาดำตรงมุมตรอกโดยไม่สั่นคลอน


ผ่านไปราวสี่ห้าวินาที บุคคลผู้หนึ่งเดินออกจากมุมมืดพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก


“เฉียบแหลมมาก”


อีกฝ่ายสวมผ้าคลุมสีดำ อายุราวสามสิบ ขนคิ้วสีน้ำตาลไหม้ ดวงตาสีน้ำเงินสว่าง ใบหน้าไม่คมเข้ม คล้ายกับเป็นคนจากแถบทางใต้ของอินทิส ลุนเบิร์ก หรือเซกัล


เมื่อเห็นอีกฝ่ายชัดเจน ฉากหนึ่งย้อนกลับมาฉายในหัวไคลน์ทันที


ขณะมันเดินเข้าไปในผับปลาบินและไวน์ สายตาไคลน์กวาดมองไปรอบตัวอย่างมืออาชีพ โดยหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าของบุคคลสำคัญหรือบุคคลน่าจับตามอง


แต่ก็ไม่พบใครเข้าข่าย


จริงอยู่ อาจมีหนึ่งคนค่อนข้างน่าสงสัย เป็นชายหน้าตาธรรมดาและไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักอย่างเดียว กำลังนั่งดื่มอย่างเงียบงันตรงมุมร้ายคล้ายกับทหารเรือคนหนึ่ง สายตาสอดส่องไปทั่วผับ


แต่กลับสวมผ้าคลุมสีดำมีเอกลักษณ์


และเมื่อได้พบผ้าคลุมดำตัวเดิม ไคลน์จดจำได้ทันที


“ต้องการอะไร” ชายหนุ่มยังคงรักษาบรรยากาศไม่เป็นมิตร ร่างกายท่อนบนโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย คล้ายกับสัตว์ป่าเตรียมกระโจนขย้ำเหยื่อ


ชายสวมผ้าคลุมดำอมยิ้ม


“เทคนิคและรูปแบบการต่อสู้ของนายเข้าตาฉันมาก จึงตามมาเพราะต้องการชักชวน จริงอยู่ เจ้าคนชื่อโลแกนนั่นอาจไม่ได้เป็นสายข่าวให้กับลูเธอร์ไวล์ แต่ฉลามขาวแฮมิลตันมีเส้นสายกว้างขวางในหมู่โจรสลัดจริง มันประกอบธุรกิจมืด จึงมั่นใจได้เลยว่า หลังจากนายอัดลูกน้องของมันจนยับเยินภายในผับของมัน แฮมิลตันจะต้องตามรังควานนายอย่างไม่ลดละแน่นอน แต่ฉันช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เป็นนักผจญภัยใช่ไหม? คงมีความฝันในการล่าสมบัติสินะ ถ้าอย่างนั้นก็เหมาะเลย พวกเราคือกลุ่มคนผู้อุทิศชีวิตให้กับการตามล่าสมบัติในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิผีสิง มรดกตกทอดของโซโลมอน ความลับแห่งน้ำพุไม่แก่เฒ่า กุญแจเทพมรณา ลอเรลอับปาง และขุมทรัพย์สุดท้ายของโรซายล์ แต่ขณะเดียวกัน พวกเราก็ออกผจญภัยไปทั่วห้าห้วงสมุทรอย่างอิสระ แม้อาจไม่เคยทำตามความฝันข้างต้นสำเร็จ แต่ก็เคยค้นพบเรือโจรสลัดอับปางมาไม่น้อย… ฮะฮะ! ฟังดูเหมือนคำลวงของไอ้หนูสกปรกวูดดี้เลยใช่ไหม?”


มันกระแอมในลำคอและกล่าวต่อ


“ด้วยความสัตย์จริง พวกเราคือกลุ่มโจรสลัดซึ่งก่อตั้งจากการรวมตัวของนักผจญภัย โดยจะปล้นเรือโดยสารก็ต่อเมื่อไม่มีอันจะกินจริง ๆ เท่านั้น พวกเราเคยไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เป้าหมายหลักมีเพียงค้นหาสมบัติรอบโลก เรากอบโกยเงินทองเป็นกอบเป็นกำได้อย่างสม่ำเสมอ… อย่าหาว่าโม้เลยนะ ฉันเคยนอนหลับบนกองทองมาแล้ว! ถ้าได้พบเรือโจรสลัดทั่วไป ขอเพียงเรือของเราแล่นเข้าไปใกล้ ส่วนมากจะรีบยอมจำนนและมอบทรัพย์สินติดไม้ติดมือกลับมาโดยแทบไม่ต้องออกแรง อนึ่ง กัปตันของพวกเรากำชับอย่างเคร่งครัดกว่า ก่อนจะรับสมาชิกใหม่ จะต้องอธิบายแผนงานขององค์กรและค่าตอบแทนให้ชัดเจนทุกครั้ง”


แผนงาน? กัปตันของหมอนี่น่าสนใจฉิบ…


ไคลน์ผ่อนคลายท่าทีลงหลังจากไม่พบว่าอีกฝ่ายมีเจตนาทำร้าย


ชายสวมผ้าคลุมดำยิ้มอย่างโล่งใจ


“คำอธิบายข้างต้นเป็นเพียงแผนงาน ถัดไปคือค่าตอบแทนและผลประโยชน์”


หมอนี่มีความมั่นใจในตัวเองสูง…


แม้ว่าไคลน์จะไม่ใช่ ‘ผู้ชม’ แต่ก็สามารถยืนยันจากภาษากายได้ว่า ตนไม่ถูกอีกฝ่ายตบตาหรือสวมหน้ากากเข้าหา


“กลุ่มของพวกเราไม่มีค่าจ้างประจำสัปดาห์ ประจำเดือน หรือประจำปี แต่ถ้าพบสมบัติหรือได้รับเงินก้อนโตจากกิจกรรมทางทะเล ค่าตอบแทนจะถูกจัดสรรตามตำแหน่ง ภายใต้สถานการณ์ปรกติ หากพวกเรามีโชคสักเล็กน้อย แม้แต่ตำแหน่งล่างสุดก็ยังได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ยปีละสองถึงสามร้อยปอนด์! ฉันได้ยินว่านั่นคือรายได้ของชนชั้นกลางบนบกใช่ไหม? หึหึ… ยิ่งถ้าพวกเราได้พบลอเรลอับปางล่ะก็ ทุกคนละกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ไม่ยาก!”


ชายสวมผ้าคลุมดำอธิบายอย่างเป็นกันเอง


“นอกจากนั้น ทุกคนจะได้รับจำนวนวันลาพักร้อนตามตำแหน่ง สามารถสะสมทบไปยังปีหน้าได้ แต่ถ้ามีการลาพร้อมกันหลายคน คิวการลาจะต้องถูกจัดสรรอย่างเหมาะสม เพื่อมิให้เรือขาดแคลนกำลังคน”


ระหว่างเล่า มันแวะสบถเล็ก ๆ


“พูดแล้วก็เสียดาย แม่เย็*! เมื่อราวหนึ่งปีก่อน พวกเราพลาดโอกาสได้พบกับจักรวรรดิผีสิงเพียงเพราะกัปตันกำลังอยู่ในช่วงลาพักร้อน!”


โจรสลัดมีวันลาพักร้อนประจำปี?


ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจ


จากคำอธิบายสุดพิสดาร ชายหนุ่มเริ่มจินตนาการถึงข่าวการรับสมัครโจรสลัดโซมาลีอันน่าขบขันจากโลกเก่า


เมื่อเห็นอีกฝ่ายอึ้งไปสักพัก ชายสวมผ้าคลุมดำเล่าเสริมด้วยรอยยิ้ม


“ในฐานะนักผจญภัย นายเองก็คงกำลังไขว่คว้าหาพลังเหนือธรรมชาติตามตำนานเหมือนกันใช่ไหม? ถ้าได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา โอกาสครอบครองพลังดังกล่าวก็จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป!”


กล่าวถึงตรงนี้ มันกระแอมในลำคอ


“แฮ่ม! ลืมแนะนำตัวเอง”


สีหน้าของมันพลันเคร่งขรึม ไม่หลงเหลือบรรยากาศขี้เล่นในช่วงก่อนหน้า


“ฉันคือผู้ใต้บังคับบัญชาของพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ด สรั่งเรือลำดับสี่แห่งเรือ ‘ฝันทองคำ’ เดนิส·เพลิงพิโรธ!”


หลังจากอธิบายชื่อจริง ตำแหน่ง และยศให้ฟังอย่างเสร็จสรรพ เดนิสกำลังรอให้ไคลน์เผยสีหน้าตกตะลึงหรือหวาดผวา


ทว่า หลังจากผ่านไปหนึ่งวินาที มันได้ยินนักผจญภัยมาดสุขุมแต่นิสัยป่าเถื่อน พึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา :


“เดนิส·เพลิงพิโรธ ค่าหัวสามพันปอนด์?”


ขณะเดนิสกำลังจะตอบ มันเริ่มมองเห็นภาพหลอน บรรยากาศรอบตัวบุรุษฝั่งตรงข้ามพลันแปรเปลี่ยน กลายเป็นบางสิ่งคล้ายกับสัตว์ประหลาดหิวโหย หมายกลืนกินเลือดเนื้อและวิญญาณของมนุษย์เป็นอาหาร


เดนิสเผลอกำหมัดแน่น ท่าทีผ่อนคลายเมื่อครู่ไม่หลงเหลืออีกต่อไป ร่างกายเริ่มสั่นเทาจากก้นบึ้งโดยมิอาจขัดขืน


สัญชาตญาณของมันกำลังร้องเตือนว่า ข้างหน้าคือบานประตูสู่นรกอันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและกระหายเลือด!


ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ เดนิสถูกบรรยากาศสะกดข่มจนหลงลืมเวลาไปชั่วขณะ


จนกระทั่งมันได้ยินอีกฝ่ายเปิดปาก


“แล้วนายมาทำอะไรแถวนี้”


“ล…ลาพักร้อน…”


ด้วยศักดิ์ศรีค้ำคอ เดนิสต้องการวางมาดโอหังของผู้เหนือกว่า แต่สัญญาณของมันกลับตักเตือนให้ตอบอีกฝ่ายแต่โดยดี


หลังจากกล่าวจบและมองเห็นว่าบุรุษป่าเถื่อนเบือนหน้าไปทางอื่น ความรู้สึกราวกับจะถูกกินเลือดเนื้อค่อย ๆ เลือนหายไปจากจิตใจเดนิสทีละน้อย


สรั่งเรือลำดับสี่แห่งฝันทองคำไม่กล้าขยับตัวเป็นเวลานาน ทำได้เพียงยืนมองชายใบหน้าอ่อนเยาว์สวมหมวกทรงกึ่งสูง เดินตรงไปยังอีกฝั่งของตรอกมืด


แต่ก่อนจะหมุนตัวหักเลี้ยว อีกฝ่ายหันมาถามเป็นครั้งสุดท้าย


“ฉลามขาวอยู่ไหน”


“ม…มันพักอยู่ในอาคารหมายเลข 1 ถนนสันเขื่อน… แต่ส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้นสองของร้านปลาบินและไวน์ วันนี้ก็เช่นกัน”


เดนิส·เพลิงพิโรธตอบเถรตรง


รอจนกระทั่งอีกฝ่ายลับสายตา เดนิสถอนหายใจยาวสุดปอดพร้อมกับปลดหมวกคลุมหัวลงด้วยใบหน้าขาวซีด


“แม่เย็*! น่ากลัวฉิบหาย…”


ถัดมา มันพึมพำกับตัวเอง


เราต้องรีบแจ้งให้กัปตันทราบ ว่าบนทะเลมีพวกสติไม่สมประกอบเพิ่มมาอีกหนึ่งคน!


ภายนอกอาจเหมือนสุภาพชน แต่ภายในกลับป่าเถื่อนและสิ้นสติ หากฆ่าให้ตายในคราวเดียวไม่ได้ ก็ไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง


เดนิสดึงผ้าคลุมหัวสวมกลับไป ก่อนจะเดินตรงไปทางโรงแรมเพื่อพักผ่อนเอาแรง รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า เมื่อสำนักงานโทรเลขเปิด มันจะรีบส่งข้อความไปแจ้งข่าวกับคนกลางบนหมู่เกาะรอสต์ทันที


ส่วนชะตากรรมของฉลามขาว เดนิสมิได้ใส่ใจแม้แต่น้อย



ณ มุมหนึ่งของถนน ไคลน์ยืนในเงามืดพลางจ้องสำรวจถุงมือสีดำข้างซ้าย


ชายหนุ่มพบว่า แม้ยุบพองหิวโหยจะถูกมิสเตอร์อะซิกผนึกไว้ แต่แรงปรารถนาในการกลืนกินเนื้อหนังและวิญญาณมนุษย์ยังคงหลงเหลืออย่างเจือจาง จนสามารถแผ่จิตสังหารออกมาได้เองโดยไคลน์มิอาจควบคุม


ในสถานการณ์ปรกติ ชายหนุ่มไม่กังวลว่าถุงมือข้างนี้จะสร้างปัญหา แต่หากตนเผลอปล่อยจิตสังหารใส่อีกฝ่ายเมื่อใด ยุบพองหิวโหยจะถูกกระตุ้นจนแผ่ออร่ากระหายเลือดออกมาอย่างท่วมท้น


ขณะยืนคุยกับเดนิสเมื่อครู่ หลังจากได้ยินว่าอีกฝ่ายมีค่าหัวสามพันปอนด์ ไคลน์นึกอยากจะเชือดทิ้งและหารายได้มาจุนเจือค่าครองชีพของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถึงนั่นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ แต่ยุบพองหิวโหยกลับดีใจจนเนื้อเต้นราวกับมัจฉาได้โอกาสแหวกว่ายในสายวารี


โชคยังดี หากเป็นการดึงสติตัวเอง ไคลน์ค่อนข้างชำนาญ เมื่อประเมินจากคำพูดคำจาและภาษากายของอีกฝ่าย ชายหนุ่มเชื่อว่าเดนิสไม่ใช่โจรสลัดโฉดชั่วผู้เต็มไปด้วยบาปหนา จึงยับยั้งพฤติกรรมของตนไว้ทัน


หากมียุบพองหิวโหย การสวมบทบาทเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็จะสมบูรณ์แบบ…


ไคลน์หยุดพฤติกรรมอื่นและหยิบเหรียญทองออกมาทำนายสองเรื่อง หนึ่ง เดนิสพูดความจริงหรือไม่ และสอง ฉลามขาว·แฮมิลตันมีพลังมากพอจะทำร้ายตนหรือไม่


คำตอบแรก เดนิสไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก และคำตอบหลัง แฮมิลตันไม่มีน้ำยาทำร้ายตน


ไคลน์เก็บเหรียญทองเข้ากระเป๋า มือขวากดหมวกแนบศีรษะ ส่วนมือซ้ายเลือนขึ้นมาลูบใบหน้าหนึ่งครั้ง


รูปลักษณ์ชายหนุ่มแปรเปลี่ยนทันที กลายเป็นบุรุษผมทอง ตาสีฟ้า ใบหน้าจืดชืด


ถัดมา ไคลน์ปลดกระดุมโค้ทตัวใหญ่และดึงชายเสื้อเชิ้ตด้านในออกนอกกางเกง


หลังจากปรับเปลี่ยนการแต่งกายเล็กน้อย ไคลน์ ผู้มิได้พกพาไม้ค้ำ เริ่มมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดตามร่างกาย ริมฝีปากแห้งผาก สายตาสอดส่องมองหาทิศทางของผับปลาบินและไวน์


ระหว่างทาง มันได้พบกับเดนิสอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายเพียงชำเลืองด้วยหางตาและเดินเข้าไปในโรงแรมฝั่งตรงข้ามผับ


ไคลน์ยืนอ่านใบประกาศค่าหัวสักพัก ก่อนจะเปิดประตูผับและเดินเข้าไปอย่างใจเย็น


ปัจจุบันยังผ่านพ้นจากเหตุการณ์ความวุ่นวายได้ไม่ถึงสิบนาที


ภายในผับ ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มบางตา แต่ก็ยังเหลือกลุ่มขี้เมานั่งประปราย คล้ายกับรอดูอะไรสนุก ๆ หลังจากนี้


สายตาหลายคู่หันมามองลูกค้ารายใหม่หน้าร้านอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะหันกลับไปในเวลาไม่นานเมื่อไม่พบความน่าสนใจ ไคลน์จึงเดินตรงไปถึงเคาน์เตอร์โดยไม่พบอุปสรรค


ชายหนุ่มเห็นบาร์เทนเดอร์คนเดิมกำลังยืนตัวสั่นเทาข้างชายร่างท้วม


ศีรษะของบาร์เทนเดอร์ถูกพันผ้าขาวไว้หลายชั้น รูจมูกสองข้างยัดกระดาษทิชชูเปื้อนเลือดสีแดง บนใบหน้ามีร่องรอยของบาดแผล


ชายร่างท้วมมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณขาวเนียนจนดูเหมือนกับฉลามขาวแหวกว่ายขึ้นมาเกยตื้นบนฝั่งด้วยตัวเอง


มันใช้มือขวาก่ายหน้าผากมันวาวพลางหันมาพูดกับไอร์แลนด์ ผู้สวมโค้ทสีแดงเข้มและเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว


“มีคนบอกว่านายรู้จักกับหมอนั่น! วันนี้มีเรือโดยสารมาเทียบท่าดาเมียร์แค่สามลำเท่านั้น คนแปลกหน้าจึงมีไม่มาก ฉะนั้นอย่าโกหกฉัน!”


ไอร์แลนด์ยิ้มพลางเลือนมือขวาลงมาตบฝักดาบแผ่วเบา


“ใช่ เขาเป็นผู้โดยสารของฉันเอง แต่ปัญหาเกิดจากคนของนาย”


“ฉันแค่ต้องการให้มันกลับมาขอโทษและจ่ายค่าเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น!” ชายร่างท้วมตัวใหญ่กล่าวพลางขมวดคิ้ว


ไอร์แลนด์ยังคงยิ้ม


“ฉลามขาว บ้านเกิดของฉันมีคำพังเพยว่า อย่าได้ถือสาหมาจรเวลามันวิ่งเข้ามากัดหนูในโรงเก็บของ”


“…ไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม! นี่คือคำตอบของนายใช่ไหม!” ฉลามขาว·แฮมิลตันหรี่ตา


ไอร์แลนด์เลื่อนมือขวาล้วงหยิบปืนคาบศิลาในเสื้อพร้อมกับก้าวขาไปข้างหน้า


กัปตันโมราขาวกล่าวเสียงเย็นชา


“ใช่ นี่คือคำตอบของฉัน”


กัปตันเก๋าฉิบหาย…!


ไคลน์ทึ่งกับท่าทีตอบสนองของไอร์แลนด์


หลังจากจ้องหน้ากันสักพัก ฉลามขาว·แฮมิลตันถอนหายใจเหนื่อยหน่าย


“เฮ่อ… ก็ได้! เห็นแก่บุญคุณในอดีตของนาย เรื่องคราวนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ แต่ความเสียหายของผับยังต้องถูกชดใช้ ให้มันจ่ายผ่านนายก็แล้วกัน”


“ตัดสินใจได้ดี” ไอร์แลนด์ยิ้ม


ทันใดนั้น แฮมิลตันมองไปด้านข้างด้วยสีหน้าดำทะมึน


ผัวะ!


ฉลามขาวใช้ฝ่ามือขนาดมหึมาตบใส่หน้าบาร์เทนเดอร์จนฟันร่วงกราว


ไคลน์กำลังยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยระยะห่างไม่ถึงห้าเมตร


ท่าทีของมันเยือกเย็นและเป็นธรรมชาติ ราวกับเรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องตนแม้แต่น้อย


………………


ราชันเร้นลับ 500 : สอบสวนฉลามขาว

โดย

Ink Stone_Fantasy

โครม!


บาร์เทนเดอร์ล้มลงไปนอนชักบนพื้นผับ


ฉลามขาว·แฮมิลตันไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงพ่นลมหายใจฟึดฟัดพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังชั้นสองจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด


หลังจากเรื่องราวน่าตื่นเต้นจบลง ขี้เมามุงหลายคนเริ่มทยอยเดินออกจากร้าน ส่วนกัปตันไอร์แลนด์เดินกลับขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อเล่นไพ่ต่อ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น


ไคลน์ฉวยโอกาสเดินตามขึ้นไป


ชายหนุ่มกลับมายังผับปลาบินและไวน์มิใช่เพื่อจัดการกับฉลามขาวผู้ไม่มีพิษภัยต่อตน แต่กลับมาเพราะต้องการสืบเค้นข้อมูลจากเจ้าของผับซึ่งมีเส้นสายกับโจรสลัดย่างกว้างขวาง เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ตามชื่อของตัวตนใหม่ไคลน์ เกอร์มัน ได้บอกเป็นนัยแล้วว่าเกิดมาเพื่อล่าโจรสลัดชั่วช้าอันเต็มไปด้วยบาปหนา ชายหนุ่มมีแผนสังเวยเหยื่อเหล่านั้นให้เป็นอาหารของยุบพองหิวโหย รวมถึงขโมยพลังพวกมันมาใส่ไว้ในถุงมือ


เนื่องจากเมืองท่าดาเมียร์ไม่มีแก๊ส สองฝั่งทางเดินจึงค่อนข้างมืด แสงสว่างเดียวมาจากเชิงเทียนติดผนังทำจากทองแดง


ไคลน์สำรวจบรรยากาศรอบตัวก่อนสักพักจะใช้ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้า แอบเปลี่ยนรูปโฉมให้เหมือนกับคนคุมผับชั้นล่าง ตามด้วยการใช้เวทมนตร์ลวงตาปรับแต่งเครื่องแต่งกายให้เหมาะสม


หลังจากเตรียมการเสร็จ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องหนึ่งซึ่งสัมผัสวิญญาณระบุว่าเป็นห้องทำงานของฉลามขาว·แฮมิลตัน


ไคลน์เดินผ่านห้องเล่นไพ่อย่างเงียบงันโดยไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ


เดินไปสักพัก มันหยุดลงหน้ากลุ่มคนคุมบนทางเดินชั้นสอง ตามด้วยการพูดเสียงต่ำ


“ข้างล่างเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว!”


“โธ่พระองค์วายุสลาตัน! คืนมันอะไรกัน!” คนคุมถอนหายใจยาว


“ได้แต่หวังว่าสาวสวยข้างล่างจะไม่ได้รับอันตราย” อีกคนเสริมด้วยสีหน้าเป็นกังวล


มันหมายถึงโสเภณีผู้เข้ามาหาลูกค้าในผับ


“ไม่ต้องห่วง พวกหล่อนสบายดี”


ไคลน์เดินผ่านกลุ่มคนคุมร้านไปเคาะประตูห้องทำงานของฉลามขาว


“ใคร?” แฮมิลตันถาม


“ผมเองบอส ข้างล่างเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว!” ไคลน์เลียนแบบพฤติกรรมของคนคุมร้านหลังจากเคยเฝ้าจับตามองมาสักพัก


“บัดซบ!” แฮมิลตันแผดเสียง “เข้ามาอธิบายรายละเอียดให้ฉันฟัง!”


ไคลน์บิดกลอนประตูและเดินเข้าไป


เมื่อห้องปิดสนิท ชายหนุ่มสลายเวทมนตร์ลวงตาบนเสื้อผ้า กล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มยุบพองและเปลี่ยนรูปลักษณ์กลับเป็นลูกค้าหน้าใหม่คนเดิม ชายผมทองตาสีฟ้า เจ้าของใบหน้าจืดชืดไม่มีจุดเด่น


“นี่แก…” แฮมิลตันพลันผงะ พลางรีบอ้าปากกว้างเตรียมส่งเสียงตะโกน


ในเวลาเดียวกัน เกล็ดปลาจำนวนมากเริ่มผุดขึ้นบนหลังมือฉลามขาว ก่อนจะลุกลามไปทั่วร่างกายอันอวบอ้วนและสูงใหญ่


อย่างไรก็ตาม หัวใจแฮมิลตันพลันเต้นผิดจังหวะกะทันหัน ความหวาดกลัวจากก้นบึ้งแล่นขึ้นมาสุมอยู่ตรงลำคอจนหายใจไม่ออก


มันรู้สึกอย่างแรงกล้าว่า ชายแปลกหน้าตรงประตูคือปีศาจหิวกระหายผู้ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน ดวงตาแสนเย็นชาคู่นั้นราวกับจะเสียดแทงเข้าไปในดวงวิญญาณ


ฉลามขาว·แฮมิลตันแสดงอาการลนลานอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มันมิอาจควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้ตามใจนึกคิด


ไคลน์ย่างกรายเข้าหาอย่างไม่รีบ ก่อนจะนั่งลงพร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนโยน


“คุยกันก่อนไหม”


ทันใดนั้น ความรู้สึกคล้ายกับถูกสัตว์ประหลาดจ้องมองพลันมลายหาย แฮมิลตันถอนหายใจยาวด้วยร่างกายสั่นระริก


มันไม่กล้าแหกปากร้องตะโกนอย่างบุ่มบ่าม ทำเพียงซักถามโดยมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นกลางใบหน้า


“แกเป็นใคร ต้องการอะไร”


“นักล่า” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ “ได้ยินว่าแกมีเส้นสายกับกลุ่มโจรสลัด ฉันอยากฟังสถานการณ์ล่าสุดของพวกมัน”


“ฉันไม่ได้…” ฉลามขาวรีบปฏิเสธตามจิตใต้สำนึก


แต่ทันใดนั้น บรรยากาศรอบตัวคู่สนทนาคล้ายกับมีดวงตาของอสุรกายหิวโหยจ้องมองกลับมาอีกครั้ง ราวกับดวงตาของชายผมทองกำลังส่องแสงสีแดงเข้ม


ไคลน์กล่าวต่อไปอย่างเย็นชาตามลักษณะนิสัยของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในอุดมคติ


“แกมีสองตัวเลือก หนึ่ง พูดความจริง สอง ถูกเชือดและพูดความจริง”


ฆ่าทิ้งและสื่อวิญญาณ…?


แฮมิลตันย่อมเคยได้ยินข่าวลือของพลังสื่อวิญญาณคนตายมาบ้าง จึงกลืนน้ำลายคำโต


“ก…แกจะอยากรู้ไปทำไม”


ไคลน์ยิ้มสุภาพ


“ฉันคือนักล่า… ปรารถนาค่าหัวพวกมัน”


แฮมิลตันเริ่มสัมผัสได้ว่า รอยยิ้มอ่อนโยนของชายตรงหน้ากำลังเปี่ยมไปด้วยความวิกลจริต จึงอุทานอย่างหวาดผวา


“ก…แกเสียสติไปแล้วรึไง! ฉันเคยเห็นนักผจญภัยโง่เขลามาแล้วนับไม่ถ้วน! ทุกคนถูกส่งลงไปนอนจมก้นทะเลอย่างน่าสมเพช! จริงอยู่ การฆ่าโจรสลัดสักคนไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก แต่แกรับมือกับการล้างแค้นอย่างไม่มีวันจบสิ้นได้หรือ… โสเภณีในผับอาจดูไม่มีพิษภัย แต่ส่วนใหญ่เป็นสายข่าวให้โจรสลัดทั้งสิ้น! พวกพ้องของแก วันดีคืนดีจะถูกติดสินบนและหันมาแทงข้างหลัง! โจรสลัดจะสืบหาตำแหน่งของแกจนพบและล้อมเรือแกไว้ทุกทิศทาง ในสถานการณ์เช่นนั้น แกจะช่วยเหลือผู้โดยสารคนอื่นได้อย่างไร แกจะรอดจากการระดมยิงปืนใหญ่ได้ด้วยวิธีไหน ใจกลางทะเลอันเวิ้งว้างและไม่มีช่องทางให้หลบหนี แกจะเอาชีวิตรอดออกมายังไง!”


หลังจากพรั่งพรูทุกสิ่งภายในหนึ่งลมหายใจ ตรงข้ามกับความหวาดกลัว ฉลามขาวกลับเห็นชายผู้เรียกตัวเองว่านักล่า กำลังฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า


“ฆ่าทิ้งให้หมดก็สิ้นเรื่อง”


ชายคนนี้เสียสติไปแล้ว…


ฉลามขาวสูดลมหายใจยาว


“จริงอยู่ ฉันอาจเคยติดต่อกับโจรสลัดหลายกลุ่ม แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการกระทำฝ่ายเดียว พวกมันจะแวะมาขายเครื่องเพชร แลกเปลี่ยนเงินตรา และข้าวของอื่นๆ กับเหล้า เบียร์ ไวน์ อาหาร น้ำสะอาด อาวุธ และโสเภณีจากผับของฉัน แต่พวกมันจะเป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมาหาก่อนทุกครั้ง ฉันไม่ทราบว่าเรือแต่ละลำกำลังแล่นอยู่แถวไหน ทำได้แค่รอในเมืองท่าดาเมียร์แห่งนี้…”


“เล่าต่อ” ไคลน์ทำเสียงเยือกเย็น


แต่เพียงคำเดียวก็มากพอจะทำให้ฉลามขาวสั่นกลัวจากก้นบึ้ง


ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มมิได้เกรงกลัวการตามล่าหรือแก้แค้นจากโจรสลัด ในฐานะผู้ไร้หน้า หากตนปล่อยให้ถูกสะกดรอยจนอีกฝ่ายทราบความเคลื่อนไหว ก็ควรไปกระโดดน้ำตายในความไร้ฝีมือ


เล่าต่อ…?


ลูกกระเดือกฉลามขาวขยับขึ้นลงโดยไม่มีเสียงใดเล็ดลอด


มันเอาแต่นั่งจ้องสุภาพบุรุษผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ดวงตาแฝงความบ้าบิ่นคุกรุ่นอยู่ภายใน


บรรยากาศเงียบงันภายในห้องเปรียบดังลมสงบก่อนพายุเริ่มก่อตัว สายลมกำลังหมุนเอื่อยอย่างอ่อนโยนและบรรจงทวีความเกรี้ยวกราดขึ้นทีละนิด


“…เข้าใจแล้ว ฉันแอบรวบรวมข้อมูลส่งให้โจรสลัดบางกลุ่ม และถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ฉันจะต้องรีบแจ้งข้อมูลผ่านเครื่องรับส่งวิทยุซึ่งพวกมันทิ้งไว้ให้”


ฉลามขาวไม่กล้าโกหก มันเคยได้ยินว่ามีผู้วิเศษบางเส้นทางชำนาญการจับโกหก


“เครื่องรับส่งวิทยุ?”


ขณะนั่งจ้องปลางับเหยื่อล่อ ไคลน์ทวนคำสำคัญจากประโยคอีกฝ่าย


“พวกมันเรียกว่าแบบนั้น เป็นอุปกรณ์คล้ายกับโทรเลข แต่ไม่ต้องใช้สาย”


เมื่อกล่าวจบ แฮมิลตันลุกเดินไปทางตู้นิรภัยสีเทาและนั่งยอง


โทรเลขไร้สาย…? โจรสลัดครอบครองเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบนี้ด้วยหรือ…


ไคลน์พอจะจินตนาการหลักการทำงานของเครื่องรับส่งวิทยุออก


ชายหนุ่มเคยคิดจะประดิษฐ์อะไรทำนองนี้มาก่อน แต่หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารจำนวนมาก ไคลน์ได้ทราบว่าเคยมีคนประดิษฐ์ไว้นานแล้ว แต่มิอาจผลักดันให้เกิดความแพร่หลายได้ สาเหตุหลักมาจากทะเลคลั่งซึ่งกั้นแบ่งระหว่างทวีปเหนือและใต้ รอบทะเลดังกล่าวมีความผันผวนของพลังงานและสภาพอากาศอย่างรุนแรง ต่อให้พกเครื่องส่งโทรเลขไร้สายไปก็เปล่าประโยชน์


สถานการณ์ยังคล้ายคลึงกันในทะเลโซเนียและทะเลหมอก สภาพอากาศทั้งสองห้วงสมุทรได้รับอิทธิพลมาจากทะเลคลั่งกึ่งกลาง ส่งผลให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีความแปรปรวน ระยะทางการใช้งานโทรเลขไร้สายจึงค่อนข้างจำกัด


…กำลังจะบอกว่า โจรสลัดครอบครองวิทยุรุ่นพัฒนาซึ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้แล้ว?


ไคลน์นั่งจ้องฉลามขาวงัดแผ่นกระดานเพื่อหาปุ่มกลไกสำหรับเปิดประตูลับบนผนัง


ด้านหลังประตูลับเป็นตู้เก็บของสามชั้น ช่องบนสุดเก็บเอกสาร ธนบัตร ลูกโม่ดัดแปลง ปืนรุ่นใหม่ และอาวุธอื่น ส่วนชั้นล่างสุดมีเครื่องจักรสีดำกลไกซับซ้อนวางจนเต็มช่อง


เพียงชำเลือง ผนวกกับข้อมูลจากโลกเก่าและข้อมูลจากการศึกษาของโลกใบนี้เบื้องต้น ไคลน์เดาได้ทันทีว่านี่คือเครื่องรับส่งวิทยุ


“พวกเขาเรียกกันว่าเครื่องรับส่งวิทยุ หากฉันส่งข้อมูลไป คนจากฝั่งเกาะรอสต์สามารถรับข้อความได้ด้วยอุปกรณ์แบบเดียวกัน แต่ถ้าต้องการส่งข้อความไกลกว่านั้นก็ต้องพึ่งพาโชคสักหน่อย มันมีขีดจำกัดค่อนข้างมาก”


แฮมิลตันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดของอุปกรณ์ชิ้นนี้มากนัก เพียงเล่าไปตามจริงจากประสบการณ์ใช้งาน


ประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องรับส่งวิทยุรุ่นล่าสุดในนิตยสาร… ใครเป็นคนผลิตกันนะ…


ไคลน์ซักถามหลังจากครุ่นคิดอย่างเงียบงัน


“แล้วพวกมันเป็นใคร”


ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นนักล่าหัวโบราณผู้เข้าไม่ถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่


ฉลามขาว·แฮมิลตันปาดเหงื่อเม็ดใหญ่กลางหน้าผากพร้อมกับรีบขานตอบ


“คนหนึ่งอ้างตัวว่าทำงานรับใช้กัปตันเรือรุ่งอรุณ โอเดล·อสรพิษเหรียญเงิน ส่วนอีกคนอ้างตัวว่าทำงานเป็นสายข่าวให้กับพลเรือเอกโลหิต เฒ่าควินน์ พลเรือเอกโลหิตมักปรากฏตัวพร้อมกับเฒ่าควินน์เสมอ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าพวกเขาทำงานด้วยกัน ในกรณีของโอเดล รายนั้นกล่าวอ้างลอย ๆ ฝ่ายเดียว”


กัปตันเรือรุ่งอรุณ? หมายถึงราชินีเงื่อนงำ?


ไคลน์เบือนหน้าไปทางอื่น บนมือขวาปรากฏเหรียญทอง


เหรียญถูกควงรอบนิ้วก่อนจะดีดขึ้นไปในอากาศและตกลงลงฝ่ามือ ฉากตรงหน้ายิ่งเพิ่มความกลัวและหวาดระแวงให้ฉลามขาว


ไคลน์ชำเลืองด้วยหางตาจนทราบผลลัพธ์ ตามด้วยการลุกขึ้นยืน


“ใครเป็นคนมอบโอสถให้แก”


“ท…เฒ่าควินน์” แฮมิลตันลังเลสักพัก ก่อนจะเลือกตอบไปตามความจริง


ไคลน์พยักหน้าโดยไม่ถามต่อ และหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน


ตึง!


ประตูไม้ถูกเปิดและปิด เพียงไม่นาน ชายสวมโค้ทดำกระดุมสองแถวก็หายไปจากการมองเห็นของฉลามขาวอย่างสมบูรณ์


แฮมิลตันถอนหายใจยาว รอจนกระทั่งผ่านไปราวสิบวินาที จึงค่อยทำสีหน้าโล่งอกอย่างแท้จริง


จากนั้น ฉลามขาวรีบปาดเหงื่อและวางเครื่องรับส่งวิทยุลงบนโต๊ะทำงาน พลิกอ่านข้อความบนสมุดบันทึก ปิดท้ายด้วยการส่งโทรเลขทางไกล


“ฉันถูกหมายหัว! โดยชายนิรนาม!”


ด้านข้างแฮมิลตันผู้กำลังจดจ่อ ไคลน์ยืนล้วงกระเป๋าพลางจ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเงียบงัน สมองบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับคลื่นความถี่วิทยุและหลักการเข้ารหัสจนขึ้นใจ


ภาพการเดินออกจากห้องในจังหวะก่อนหน้าเป็นเพียงมายากลเด็กเล่น แต่ก็มากพอจะตบตาผู้วิเศษลำดับ 9 เส้นทางลูกเรือ


สำหรับเนื้อหาการสอบปากคำฉลามขาวก่อนหน้านี้ ไคลน์ไม่กังวลว่าจะลืม เพราะมันสามารถใช้พลังทำนายเรียกคืนความทรงจำได้ทุกเมื่อ


พลเรือเอกโลหิตกับคนของมันรักการฆ่าฟันและหลั่งเลือด พวกมันหลงใหลการขืนใจหญิงสาวขณะปล้นเรือเดินสมุทรของผู้บริสุทธิ์ และมักก่อโศกนาฏกรรมบ่อยครั้ง…


สาธารณชนต่างทราบเรื่องนี้ดี และพวกมันก็ชอบประกาศศักดาความโฉดของตัวเองอย่างภาคภูมิใจบ่อยครั้ง…


ได้เป้าหมายในการล่าแล้ว ถึงจะมีความเสี่ยงสักหน่อย แต่เราก็จะจัดลำดับพวกมันไว้อันดับต้น ๆ …


ไคลน์ครุ่นคิดพลางเดินออกจากห้องขณะฉลามขาวกำลังนำเครื่องรับส่งวิทยุเก็บกลับใส่ตู้นิรภัยสามชั้น


ชายหนุ่มไม่มีแผนจัดการกับฉลามขาวในตอนนี้ เพราะเกรงว่าจะทำให้เหยื่อตัวจริงตื่นตูมและระมัดระวังตัวจนเกินเหตุ


เหนือสิ่งอื่นใด ในสายตาไคลน์ คนประจำท้องถิ่นอย่างฉลามขาวสามารถเชือดทิ้งตอนไหนก็ได้


ไคลน์เดินออกจากห้องทำงานของแฮมิลตันโดยปราศจากสุ้มเสียง ประตูไม้ถูกเปิดและปิดสนิทอย่างเงียบงัน มีเพียงสายลมแผ่วเบาพัดผ่านเจือจาง


……………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)