Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 441-444
ราชันเร้นลับ 441 : ขยาย “ช่องทาง”
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชีค…? แม้แต่แม่มดบรรพกาลก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อน?
ไคลน์เกือบลืมตัวและยกมือขึ้นมาเท้าคาง
มันเคยตั้งสมมติฐานไว้ว่า การเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงในลำดับ 7 ของเส้นทางนักลอบสังหาร อาจได้รับอิทธิพลมาจากแม่มดบรรพกาลโดยตรง จึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้ทราบจากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ว่า แม้แต่แม่มดบรรพกาลเองก็เคยเป็นเพศชายมาก่อน
ความจริงข้อนี้ทำให้ไคลน์เห็นภาพชัดเจนในสองประเด็น หนึ่ง แม่มดบรรพกาลมิได้เกิดเป็นเทพเลยในตอนแรก แต่ใช้วิธีดื่มโอสถและไต่ลำดับพลังจนกระทั่งได้เป็นลำดับ 0 สอง การเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงเกิดจากอิทธิพลของตะกอนพลังเพียงอย่างเดียว
และเมื่อนำกฎความถาวรของพลังพิเศษมาวิเคราะห์ โรซายล์เคยสันนิษฐานไว้ในไดอารีว่า ตะกอนพลังทั้งหมดบนโลกเกิดจากการแบ่งภาคของพระผู้สร้างต้นกำเนิด ส่งผลให้ไม่มีทางเพิ่มจำนวนได้ด้วยประการทั้งปวง และจะไม่มีวันสลายไปเช่นกัน… สมมติว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง สิ่งนี้จะหมายความว่า พระผู้สร้างต้นกำเนิดได้รวมทุกเพศไว้ในร่างเดียว ไม่ว่าจะชาย หญิง หรือไร้เพศ…
และตะกอนพลังของเส้นทางแม่มดแบ่งภาคมาจากส่วนของเพศหญิง? แต่ยังไม่ควรด่วนสรุป หนังสือโบราณอาจเป็นของปลอมได้เช่นกัน…
ข้อมูลไดอารีคราวนี้มีมูลค่ามากทีเดียว…
ไคลน์เสกแผ่นกระดาษให้หายไปจากฝ่ามือพลางวิเคราะห์ข้อมูลในสมอง
“เชิญ” ชายหนุ่มยิ้มและไล่จ้องหน้าทีละคนตั้งแต่จัสติส เดอะซัน แฮงแมน เดอะเวิร์ล และเมจิกเชี่ยน
อัลเจอร์รีบหันขวับไปหาเดอะเวิร์ล
“ตะกอนพลังมนุษย์หมาป่าถูกขายให้กับช่างทำสมบัติวิเศษด้วยราคาหนึ่งพันสองร้อยปอนด์ จากข้อตกลงของพวกเรา ผมจะได้ส่วนแบ่งสองร้อยปอนด์ แล้วก็ ผมหาเส้นผมของนากาทะเลลึกให้คุณได้แล้ว เส้นละหนึ่งร้อยปอนด์ มีเพียงพอจำนวนห้าเส้นตามความต้องการของคุณแน่นอน หากพึงพอใจกับข้อเสนอ ผมจะรีบส่งของให้โดยเร็ว”
ไคลน์ยินดีเสนอส่วนแบ่งการขายสูงถึงสองร้อยปอนด์ให้แฮงแมนเพราะทราบดีว่า เขาต้องเผชิญอันตรายพอสมควรในการหาลูกค้า คงผ่านร้อนผ่านหนาวในเหตุการณ์ยากลำบากยิ่งกว่าแวมไพร์เอ็มลินหลายเท่า
เมื่อฟังจบถึงจุดนี้ ชายหนุ่มหันไปบังคับเดอะเวิร์ลพูด
“ไม่มีปัญหา ขอเพียงคุณรีบส่งเส้นผมนากาทะเลลึกห้าเส้นและเงินอีกห้าร้อยปอนด์มาหาผมโดยเร็ว”
ปัจจุบัน เราขาดเพียงตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ โดยยังมีเงินสดติดตัวอีกราว 1,235 ปอนด์ แน่นอน เท่านี้ไม่เพียงพอจะหาซื้อวัตถุดิบหลักของผู้วิเศษลำดับ 6 ได้อยู่ดี…
หมายความว่า ถ้าเราอดทนรอให้จิตแห่งจักรกลสำรวจสุสานของอามุนด์ไม่ได้ ก็คงต้องหาเงินเพิ่มอีกราวห้าร้อยถึงหนึ่งพันปอนด์ จึงจะเพียงพอสำหรับหาซื้อวัตถุดิบหลักราคาแสนแพง…
ไคลน์ไตร่ตรองว่าตนสามารถนำวัตถุหรือความรู้ประเภทใดมาทำเงินได้บ้าง
แน่นอน ต้องขายให้ลูกค้าผู้มีกำลังซื้อมากพอและเป็นเงินสดเท่านั้น
หลังจากได้ยินทั้งสองเสร็จสิ้นการค้าขาย ออเดรย์ยกมือขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวโดยไม่ปิดบัง
“ดิฉันต้องการซื้อวัตถุดิบจำนวนสามชนิด ประกอบด้วยดวงตามังกรกระจกหนึ่งคู่ เลือดของมันจำนวนห้าสิบมิลลิลิตร และผลของต้นคนชรา”
มิสจัสติสพบสูตรโอสถนักจิตบำบัดแล้ว… ไคลน์คาดเดาได้ทันที และทางด้านแฮงแมนก็มีความคิดแบบเดียวกัน
“…ดิฉันจะช่วยถามอาจารย์ให้”
ฟอร์สมอบคำตอบ
เดอร์ริคพยักหน้ารับ
“ผมเองก็จะช่วยหาอีกแรง มังกรกระจกกัดกร่อนถูกพบตัวได้ไม่ยากนัก เช่นเดียวกันกับต้นคนชรา… เอ่อแล้วก็ เมืองเงินพิสุทธิ์มีตะกอนพลังของนักจิตวิเคราะห์ถูกเก็บไว้ในหอคอย แต่การซื้อขายทำได้ค่อนข้างลำบาก ต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนได้รับอนุญาต”
นักจิตวิเคราะห์คือชื่อโบราณของนักจิตบำบัด
เมื่อห้องเริ่มเงียบ ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแหบพร่าอันเป็นเอกลักษณ์
“ผมจะช่วยมองหาจากชุมนุมอื่น ขณะเดียวกันอย่าลืมช่วยมองมาตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ให้ผมด้วย”
“ตกลงค่ะ” จากนั้น ออเดรย์หันมาจ้องบุรุษบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้ามั่นใจ
“มิสเตอร์แฮงแมน ดิฉันก็จะช่วยตามหาสูตรโอสถผู้รับใช้วายุให้คุณด้วยเช่นกัน”
ปัจจุบัน เด็กสาวได้กลายเป็นสมาชิกสมาคมแปรจิตเต็มตัว ในฐานะองค์กรลับอายุเก่าแก่ พวกมันย่อมไม่บกพร่องในด้านวัตถุดิบหรือสูตรโอสถลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพ ออเดรย์จึงมีสิทธิ์ร้องขอสิ่งเหล่านั้นได้โดยต้องจ่ายในราคาสมน้ำสมเนื้อ
ฟอร์สทวนคำเดิม
“ดิฉันจะช่วยถามอาจารย์ให้”
ไคลน์เกิดความอิ่มเอมใจเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เพราะหลังจากผ่านความทุลักทุเลมานานหลายเดือน ชุมนุมทาโรต์ก็เริ่มกลายเป็นองค์กรรากฐานมั่นคงสักที มีช่องทางรวบรวมข้อมูลและสิ่งของสำคัญจากสองแหล่ง หนึ่งคือสมาคมแปรจิต และอีกหนึ่งคือตระกูลอับราฮัม การพัฒนาในอนาคตจะต้องก้าวกระโดดอย่างมากแน่
เดอะเวิร์ลหัวเราะ
“คำตอบของคุณทำให้ผมมีความหวัง แต่อย่าได้ลืมความปลอดภัยของตัวเองเด็ดขาด พยายามทำตัวไม่เป็นจุดเด่นเข้าไว้ จะได้ไม่ถูกผู้ใดสงสัยเคลือบแคลง”
“มิสเตอร์เวิร์ล กำลังอารมณ์ดีหรือ ถึงได้พูดเยอะเป็นพิเศษ” ออเดรย์ยิ้ม
…เราตื่นเต้นมากไป จนลืมว่าเดอะเวิร์ลมีอุปนิสัยเย็นชา… ไคลน์หวังแก้สถานการณ์โดยการบังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้มแห้ง
“ชีวิตของทุกคนประเมินค่าเป็นราคามิได้ ผมต้องการให้ชุมนุมแห่งนี้เป็นจุดแลกเปลี่ยนและค้าขายไปอีกแสนนาน ไม่ใช่จากไปทีละคนสองคน และนั่นคือสาเหตุของคำเตือน”
“ขอบคุณค่ะ” ออเดรย์กล่าวจากใจจริง
เดอร์ริคลังเลสักพัก
“ผมเองก็จะช่วยหาด้วย แต่ในช่วงหลัง ผมถูกจัดสรรให้ทำภารกิจลาดตระเวนทั่วไป จึงไม่ค่อยได้พบสิ่งน่าสนใจมากนัก”
ไม่เลว… ไคลน์รำพันพร้อมกับปิดปากเดอะเวิร์ลสนิท
เมื่อบรรยากาศเริ่มกลับมาเงียบ อัลเจอร์มองตรงไปข้างหน้าและซักถามกับจัสติส
“ผมต้องการทราบรายละเอียดของคดีลอบสังหารดยุคนีแกน คุณต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด?”
แล้วทำไมถึงมาถามฉัน? ในฐานะคนของโบสถ์วายุสลาตัน แค่ไปดูรายงานการสืบสวนก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ออเดรย์ทำหน้าประหลาดใจในตอนแรก ก่อนจะเริ่มเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
เขาคงอยากถามว่าองค์กรลับใดอยู่เบื้องหลังผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย แต่การถามมิสเตอร์ฟูลโดยตรงนั้นเป็นเรื่องเสียมารยาท จึงชิงเปิดประเด็นกับเราด้วยคำถามหยั่งเชิง จากนั้นค่อยเบี่ยงเบนคำถามไปยังเป้าหมายในตอนแรก… ทุกคนทราบดีว่าเราคือบุตรสาวของตระกูลขุนนางใหญ่ ย่อมต้องมีข้อมูลตื้นลึกหนาบางของคดีอยู่บ้างแน่… มิสเตอร์แฮงแมนเจ้าเล่ห์จนน่ากลัว…
ออเดรย์กล่าวด้วยมุมปากยกโค้ง
“ไม่จำเป็นต้องตอบแทน นี่เป็นจุดประสงค์ของชุมนุมทาโรต์อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสำคัญจากถิ่นอาศัยของแต่ละคนโดยไม่คิดเงิน”
ถ้าทำแบบนั้น ชุมนุมทาโรต์ของเราจะยิ่งพัฒนาไปได้ไว!
“ถ้อยคำของคุณทำให้ผมละอายใจ” อัลเจอร์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะนำฝ่ามือวางลงบนหน้าอกและคำนับพอเป็นพิธี
“…”
ไคลน์ เดอะฟูลผู้ถูกม่านหมอกหนาทึบปกคลุมจนแทบมองไม่เห็น เพียงส่งรอยยิ้มให้ทุกคนอย่างเงียบงันเช่นกัน
ออเดรย์เม้มปากและเรียบเรียงคำพูดในสมอง ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายใช้วิธีการพิเศษลอบสังหารดยุคนีแกนจนสำเร็จ หลังจากนั้นยังหนีรอดออกจากจุดเกิดเหตุได้ด้วยพลังกระตุ้นอารมณ์ แต่ต้องแลกมากับอาการบาดเจ็บสาหัส จึงหลบหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างชำนาญและหนีลงไปในทางระบายน้ำ เมื่อเหยี่ยวราตรีตามไปพบ ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายก็เสียชีวิตอยู่ก่อนแล้ว มีรายงานว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดกำลังยืนอยู่ข้างศพคนร้ายในเวลาดังกล่าว แต่เป้าหมายของเขามิใช่การฆ่าปิดปาก หากแต่เป็นการสืบหาเบาะแสของผู้บงการตัวจริงเบื้องหลังผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย”
แล้วสรุปว่าเป็นองค์กรใด?
ขณะแฮงแมนทวีความอยากรู้อยากเห็นจนยากจะห้ามใจ ไคลน์ ผู้กำลังชมเชยในความยอดเยี่ยมของจัสติส พลันหันไปมองเด็กสาวและกล่าวตักเตือนโดยไม่เจาะจง
“ห้ามเอ่ยนามหรือเขียนชื่อขององค์กรดังกล่าวบนโลกความจริงโดยเด็ดขาด”
“ทำไมหรือคะ?” ออเดรย์โพล่งถาม
ไคลน์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้และตอบกลับด้วยเสียงนุ่มละมุน
“การระบุถึงอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเขียนหรือพูด ล้วนทำให้พวกเขาตระหนักถึง”
การระบุถึงอีกฝ่าย ล้วนทำให้พวกเขาตระหนักถึง…! ออเดรย์เงยหน้ามองเดอะฟูลโดยไม่รู้ตัว เธอสัมผัสได้ว่าสุภาพบุรุษหลังม่านหมอกพยายามย้ำเตือนตนด้วยความหวังดี
มิสเตอร์ฟูลกำลังจะสื่อว่า หากไม่ใช่อาณาจักรของท่าน หรือไม่ใช่การสนทนาผ่านวิธีพิเศษของท่าน อีกฝ่ายจะทราบทันทีว่ามีการเอ่ยชื่อของสภานักสิทธิ์สนธยาบนโลกความจริง…? อาจเป็นได้ทั้งพลังพิเศษของใครบางคน หรือไม่ก็พลังจากสมบัติปิดผนึก…
ช่างเป็นองค์กรลึกลับอะไรเช่นนี้! หากมองผิวเผินจะน่ากลัวยิ่งกว่าบรรดาเจ็ดโบสถ์หลักเสียอีก… และท่านเดอะฟูลแห่งชุมนุมทาโรต์ของเราก็กำลังไล่ล่าพวกมัน!
ออเดรย์พลันรู้สึกกระจ่างในหลายด้าน เธอเอนหลังตั้งตรงและขานรับอย่างขึงขัง
“ทราบแล้วค่ะ”
ทุกการระบุถึงจะทำให้อีกฝ่ายตระหนักได้… องค์กรลับอันไม่มีวันถูกเอ่ยชื่อถึงบนโลกภายนอก? แถมเรายังไม่รู้จัก? พวกมันคอยสนับสนุนผู้ปลดปล่อยแรงกระหายมาตั้งแต่แรก? หรือเป็นแค่ภารกิจจ้างฆ่าจากบุคคลภายนอก? โลกของผู้วิเศษระดับสูงช่างเต็มไปด้วยปริศนาและความซับซ้อนมากมาย…
อัลเจอร์พยักหน้ารับเล็กน้อยพลางเกิดความกระสับกระส่าย
ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งอยากรู้จักชื่อขององค์กรดังกล่าว! ต่อให้ต้องจ่ายเงินแลกเปลี่ยนก็ยอม!
ทว่า หลังจากทบทวนตัวเองอย่างระมัดระวัง อัลเจอร์เริ่มมองว่าตนยังไม่จำเป็นต้องทราบข้อมูลดังกล่าวในตอนนี้ จริงอยู่ การมีข้อมูลไว้ย่อมดีกว่าไม่มี และอาจใช้ข้อมูลดังกล่าวสร้างคุณประโยชน์ให้กับตนอย่างใหญ่หลวงในอนาคต แต่ตัวมันผู้ยังเป็นเพียงกัปตันเรือระดับกลางถึงล่างของโบสถ์วายุสลาตัน ย่อมไม่มีแหล่งข่าวมากพอจะสืบสวนหาเบาะแสเพิ่มเติมขององค์กรนั้น
อัลเจอร์ไม่มีทางเลือกนอกจากเพ่งสมาธิอยู่กับการตามหาสูตรโอสถผู้รับใช้วายุไปพร้อมกับเตรียมวัตถุดิบ
ไว้เลื่อนลำดับสำเร็จ เราค่อยหาโอกาสซักถามมิสเตอร์ฟูลในภายหลัง… อัลเจอร์พึมพำ
ฟอร์สเริ่มสับสนหลังจากได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ปลดปล่อยแรงกระหายหรือองค์กรลับซึ่งห้ามระบุชื่อ ข้อมูลทั้งหมดล้วนแตกต่างจากข่าวในหนังสือพิมพ์โดยสิ้นเชิง
นึกแล้วเชียว คดีลอบสังหารท่านดยุคเต็มไปด้วยปริศนาระดับสูง… น่าเสียดายว่าองค์กรลับดังกล่าวมิอาจถูกเอ่ยนามหรือเขียนถึงได้ ไม่อย่างนั้น เราคงนำไปแต่งเป็นผู้ร้ายในนิยายเรื่องใหม่แน่ แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว…
เฮ่อ แต่ในปัจจุบัน เรายังติดค้างไดอารีจักรพรรดิโรซายล์กับท่านจำนวนสิบหน้า แถมยังไม่ได้ซื้อถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณ จึงไม่ควรใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยแม้แต่เพนนีเดียว… ยิ่งไปกว่านั้น ลำพังความรู้ทั่วไปจากชุมนุมทาโรต์ก็มีมูลค่ามหาศาลกว่าชุมนุมลับของมิสเตอร์ A ราวสิบเท่าเห็นจะได้ ไม่สิ อาจมากกว่านั้นอีก!
ฟอร์สพยายามระงับนิสัยเสียของตน
ในส่วนของเดอร์ริค มันย่อมไม่ทราบอยู่แล้วว่าดยุคนีแกนเป็นใคร จึงไม่คิดแยแสคดีลอบสังหารแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มนั่งฟังทุกคนอย่างตั้งใจจนคล้ายกับเป็นนักเรียนประถมในคาบเรียนของเด็กมัธยมปลาย
เมื่อเรื่องราวเกี่ยวกับสภานักสิทธิ์สนธยาจบลง ฟอร์สมองไปรอบตัวและถามหยั่งเชิง
“มีใครในบรรดาพวกคุณรู้วิธีขจัดตะกอนพลังส่วนเกินออกจากร่างกายไหม?”
……………………
ราชันเร้นลับ 442 : ภารกิจสำรวจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
อัลเจอร์มองไปทางฟอร์สพร้อมกับตั้งคำถาม
“คุณถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องดื่มโอสถผู้ฝึกหัดอีกรอบใช่ไหม?”
ทำไมถึงเดาแม่นขนาดนี้… ยังกับอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกัน…
ฟอร์สกระแอมและอธิบาย
“จะคิดว่าเป็นแบบนั้นก็ได้… แล้วดิฉันควรแก้ปัญหาอย่างไร? คุณต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน?”
อัลเจอร์ชำเลืองเดอะฟูล เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีคำแนะนำ จึงหันกลับมาตอบมิสเมจิกเชียนด้วยน้ำเสียงสุขุม
“คุณไม่ต้องจ่าย เพราะคำแนะนำของผมอาจไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณมากนัก”
โดยไม่เปิดโอกาสให้ฟอร์สซักถาม อัลเจอร์อธิบายเข้าประเด็นทันที
“ในกรณีของผู้วิเศษลำดับสูง พวกเขามีสิทธิ์เลือกว่าจะแบ่งตะกอนพลังบางส่วนของตนให้ทายาทหรือไม่ และในปริมาณเท่าไร ในกรณีของลำดับ 6 และ 5 ตะกอนพลังบางส่วนจะถูกแบ่งไปยังทายาทโดยอัตโนมัติ เป็นปรากฏการณ์นอกเหนือความควบคุม แม้จะไม่ใช่ปริมาณมาก แต่ถ้ามีทายาทหลายคนก็อาจทำให้ลำดับผู้วิเศษลดลง”
“หมายความว่า ทายาทของพวกเขาจะเกิดมามีสัมผัสวิญญาณเฉียบแหลมและครอบครองพลังพิเศษแบบไม่สมบูรณ์ใช่ไหมคะ?”
ออเดรย์พลันกระจ่างในบางสิ่ง เธอเริ่มเข้าใจว่าทำไมเด็กบางคนถึงได้เกิดมาพิเศษกว่าคนอื่น
แฮงแมนพยักหน้า
“ถูกต้อง พวกเขาจะเกิดมาพร้อมกับสถานภาพผู้วิเศษลำดับ 9 ครึ่ง สามารถใช้พลังพิเศษได้บางส่วน แต่จะไม่สามารถเลือกเส้นทางได้หากต้องกลายเป็นผู้วิเศษเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเด็กพิเศษจะเกิดจากเหตุการณ์ข้างต้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการอวยพรจากเทพ และการถูกกัดกร่อนจากวิญญาณมาร ในกรณีของผู้วิเศษลำดับสูง ทายาทของพวกเขาจะออกมาเป็นผู้วิเศษลำดับ 5 ทันที บางรายสามารถเลื่อนลำดับต่อได้โดยไม่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง แต่ก็พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก”
“อย่างนี้นี่เอง…” ออเดรย์ถอนหายใจเสียงแผ่ว แต่สีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าพึงพอใจกับข้อมูลของแฮงแมนมาก
สำหรับเด็กสาว การได้เข้าถึงความเร้นลับของโลกใบนี้มีค่ายิ่งกว่าการได้รับอัญมณีหรือเสื้อผ้าราคาแพงหลายเท่า
ด้านฟอร์สเองก็เริ่มกระจ่าง เธอรีบซักถามข้อสงสัยในส่วนอื่น
“แล้วในกรณีของลำดับ 7 8 และ 9?”
“ในทางทฤษฎี ตะกอนพลังของผู้วิเศษลำดับต่ำจะไม่ถูกส่งต่อมายังทายาท แต่ก็ไม่เสมอไปเสียทีเดียว เศษตะกอนพลังมีโอกาสส่งต่อมายังลูกหลานได้ในกรณีพ่อแม่มีความเข้มข้นของตะกอนพลังสูงเกินไป สรุปโดยสั้น ในกรณีของคุณ การตั้งครรภ์จะช่วยลดความเข้มข้นของตะกอนพลังลงได้ แต่ไม่รับประกันว่าจะสำเร็จตั้งแต่หนแรก อาจต้องตั้งครรภ์ราวสามถึงสี่หนจึงจะเห็นผล”
สามถึงสี่…? ฟอร์สพลันอ้าปากค้าง
ไคลน์ ผู้ได้ทราบเทคนิคดังกล่าวจากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ ผุดตลกฝืนขึ้นในหัว
มิสเมจิกเชียน ในอนาคต คุณสามารถตะคอกใส่ลูกได้ว่า ‘แกน่ะเกิดมาจากส่วนเกินโอสถ!’ …
จริงอยู่ ทฤษฎีของมิสเตอร์แฮงแมนอาจไม่ผิดพลาด แต่กว่าตะกอนพลังจะถูกแบ่งออกไปก็ต้องรอให้ทารกในครรภ์คลอดเสียก่อน การตั้งครรภ์ทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่สิบสัปดาห์ ไม่สิ อาจนานกว่านั้น คนเป็นแม่คงไม่สามารถอยู่ห่างจากทารกไปได้สักพัก… แต่ในทางกลับกัน เทคนิคสวมบทบาทและการสร้างกฎจะทำให้เราย่อยโอสถได้สมบูรณ์ภายในระยะเวลาสองเดือนหรือน้อยกว่า เพราะลำดับ 9 คือระดับต่ำสุดของผู้วิเศษ…
ฟอร์สเริ่มยิ้มแห้ง
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ดิฉันชอบวิธีย่อยตามปรกติด้วยเทคนิคสวมบทบาทมากกว่า”
อัลเจอร์ยิ้มรับ
“ถ้ามีลำดับสูงกว่า 7 คุณต้องเปลี่ยนความคิดแน่”
เพราะหากลำดับสูงกว่า 7 ขึ้นไป การย่อยโอสถส่วนเกินอาจต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งหรือสองปี ลำดับถัดไปยิ่งนานสามปีห้าปี และเมื่อเป็นเช่นนี้ การมีลูกจึงเป็นทางเลือกฉลาดและประหยัดเวลากว่ามาก… แฮงแมนเสริม
หลังจากได้รับความรู้ใหม่ สตรีทั้งสองก้มหน้าเงียบงันอยู่พักใหญ่
พวกเธอไม่เคยทราบมาก่อนว่าการตั้งครรภ์สามารถนำมาใช้ประโยชน์แบบนี้ได้ด้วย!
แต่สำหรับเดอร์ริค บทเรียนดังกล่าวมีสอนมาตั้งแต่ชั้นประถม เด็กหนุ่มจึงไม่แสดงสีหน้าประหลาดใจนัก เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปยังประเด็นใหม่
“ผมถูกบรรจุชื่อลงในหน่วยสำรวจ”
“เป้าหมายการสำรวจ?” อัลเจอร์เอียงคอ
“ยังคงเป็นซากปรักหักพังวิหารของพระผู้สร้างเสื่อมทรามแห่งเดิม” เดอร์ริคมอบคำตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสดใส
หือ… คงมีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่าการสำรวจคราวนี้ไม่อันตราย… ออเดรย์อ่านใจ
แฮงแมนก้มหน้าครุ่นคิดราวสองวินาที
“อาวุโสโลเฟียร์ยังอยู่ในคุกใช่ไหม”
“ใช่ครับ การสำรวจคราวนี้นำทีมโดยท่านผู้นำสูงสุดด้วยตัวเอง” เดอะซันไม่ปิดบัง
“หมายความว่าระดับของอันตรายจะลดลงอย่างมาก และคุณควรเข้าร่วม” อัลเจอร์แอบชำเลืองไปทางเดอะฟูลอีกครั้ง
เมื่อไม่สามารถอ่านอารมณ์หรือความคิดของอีกฝ่ายได้เพราะถูกม่านหมอกหนาทึบบดบัง แฮงแมนหันกลับมาอธิบายเดอะซัน
“นี่คงเป็นการทดสอบสุดท้าย หากคุณผ่านไปได้อย่างราบรื่น ความหวาดระแวงจากสภาอาวุโสก็คงจะยุติลง จากเหตุการณ์ในคราวก่อน พวกเขาได้ทราบว่าอามุนด์เป็นอริกับพระผู้สร้างเสื่อมทรามอย่างรุนแรง จนถึงขั้นยอมสละร่างแยกอันมีค่าเพื่อทำลายแผนการของอีกฝ่ายโดยไม่นึกเสียดาย ฉะนั้น การพาคุณไปสำรวจซากวิหารพระผู้สร้างเสื่อมทราม มีจุดประสงค์เพื่อจับตามองพฤติกรรมของคุณอย่างใกล้ชิด หากคุณไม่แสดงอาการผิดปรกติใดออกมา แปลว่าคุณหลุดพ้นจากอิทธิพลของอามุนด์โดยสมบูรณ์”
มิสเตอร์แฮงแมนอ่านขาดอะไรเช่นนี้ ราวกับเขาเป็นผู้วางแผนทั้งหมดตั้งแต่ต้นด้วยตัวเอง… เดอร์ริคคิดในใจสักพักและถามต่อ “แล้วผมต้องระวังในเรื่องใดเป็นพิเศษ”
ทันใดนั้น เดอะฟูลบนเก้าอี้ประธาน ผู้เฝ้ามองการชุมนุมอย่างเงียบงันมาตลอด ตัดสินใจเปล่งถ้อยคำกระชับ
“เลือดเนื้อและเสียงเพรียก”
ไคลน์เอ่ยเพียงสองสิ่ง ปล่อยให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์หาคำตอบกันเอาเอง
นี่คือพฤติกรรมทั่วไปของตัวตนระดับสูง
จากคำใบ้ของเดอะฟูล แฮงแมนก้มหน้าครุ่นคิดสักพักจึงค่อยมอบคำแนะนำกับเด็กหนุ่มเดอะซัน
“ห้ามมองส่งเดช ห้ามฟังส่งเดช ห้ามกินส่งเดช และห้ามจับส่งเดช”
“หมายถึงการมองและฟังสิ่งใด?” เดอร์ริคซักถามอย่างสับสน
แฮงแมนตอบเสียงทุ้ม
“ทุกสิ่งหลังจากเข้าไปในวิหาร”
“แล้วผมจะสำรวจวิหารอย่างไร?”
เดอร์ริคขมวดคิ้วงุนงง
แฮงแมนยิ้ม
“ก็มีคนอื่นร่วมทีมไปด้วยไม่ใช่หรือ และเหนือสิ่งอื่นใด คุณยังมีท่านผู้นำสูงสุด”
คำตอบสมกับเป็นมิสเตอร์แฮงแมน…
ออเดรย์เกิดความรู้สึกอยากเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้า แต่การศึกษาและประสบการณ์ได้สอนว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่เป็นสิ่งสง่างาม จึงทำเพียงเปลี่ยนท่านั่งและใช้มือสางปอยผมมาทัดหลังใบหู
“…” เดอะซันแสดงออกชัดเจนว่ารับไม่ได้กับคำแนะนำ
เมื่อเห็นท่าทีตอบสนอง อัลเจอร์สบถในใจเล็กน้อยก่อนจะรีบอธิบายเพิ่มเติม
“ความหมายของผมคือ ทำตามคำสั่งของท่านผู้นำอย่างเคร่งครัดเพียงอย่างเดียว ห้ามทำนอกเหนือจากคำสั่งโดยเด็ดขาด”
“อา… ขอบคุณมาก มิสเตอร์แฮงแมน” เดอะซันเริ่มผ่อนคลาย
ฟู่ว! อัลเจอร์พ่นลมหายใจและหันกลับมามองเด็กสาวฝั่งตรงข้าม
“มิสจัสติส ผมต้องการทราบสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากดยุคนีแกนถูกสังหาร”
ออเดรย์ทำหน้าทบทวนความทรงจำ เธอพยายามเค้นข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองซึ่งได้ยินมากับตัวหรือได้ฟังทางอ้อมในระยะหลัง
“การตายของดยุคนีแกนทำให้สภาขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ถึงแม้บุตรชายคนโตของท่านจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งดยุคแทน แต่ก็ยังขาดบารมีในการห้ามศึก สมาชิกสภาขุนนางเกือบสิบรายได้เสนอให้เพิ่มเก้าอี้สภาขุนนาง และนำเหล่าขุนนางพระราชทานหน้าใหม่เข้ามาร่วมสภา จะได้มีลักษณะเหมือนกับสภาสามัญ สรุปก็คือ ขุนนางพระราชทานหน้าใหม่ซึ่งได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์จากการกว้านซื้อดินแดนและการบริจาคเงิน อาจมีสิทธิ์กลายเป็นสมาชิกสภาขุนนางในอนาคต”
ฟังมาถึงตรงนี้ แฮงแมนพลันหัวเราะ
“หือ… ไม่ใช่ว่าพวกขุนนางเก่ามักรังเกียจกลุ่มขุนนางพระราชทานเข้าไส้หรอกหรือ? พวกมันมองว่าการได้บรรดาศักดิ์ด้วยวิธีกว้านซื้อดินแดนและบริจาคการกุศลล้วนเป็นพวกไร้เกียรติ พวกมันมองว่าสภาขุนนางต้องมีเพียงตระกูลนักรบเก่าแก่เท่านั้น และมองว่าสภาขุนนางคือเครื่องหมายของชนชั้นสูงลำดับบนสุดอย่างแท้จริง แล้วทำไมจู่ๆ ถึงต้องการให้สภาขุนนางอ้าแขนรับกลุ่มขุนนางพระราชทานเข้ามา?”
โดยไม่แยแสถ้อยคำเหน็บแนม ออเดรย์อธิบายอย่างสุขุม
“หากคุณกำลังเป็นหนี้นับหมื่นนับแสนปอนด์ ก็คงไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก”
จริงอยู่ การเป็นหนี้อาจฟังดูไม่ใช่เรื่องร้ายแรงของขุนนาง แต่จะเกิดปัญหาใหญ่แน่ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องร้องต่อศาลให้ลูกหนี้ชดใช้ด้วยการขายดินแดน เพราะถ้าขุนนางคนใดมีดินแดนไม่ครบตามกำหนดขั้นต่ำของอาณาจักร บรรดาศักดิ์ขุนนางก็จะถูกถอดถอนทันที
“เชิญเล่าต่อ” อัลเจอร์ไม่แยแสประเด็นเล็กน้อยและน่าเบื่อ
ออเดรย์เริ่มอธิบายอย่างคร่าว
“การโต้เถียงของกลุ่มสภาขุนนางทำให้ร่างกฎหมายหลายข้อต้องชะงัก เช่นร่างกฎหมายค่าจ้างขั้นต่ำ ร่างกฎหมายชั่วโมงทำงานของคนงาน รวมถึงร่างกฎหมายแก้ไขคุณภาพชีวิตคนจน แต่โชคยังดี ร่างกฎหมายสำคัญยังคงดำเนินต่อไปได้ เช่น ร่างกฎหมายการสอบบรรจุข้าราชการ ร่างกฎหมายมลพิษทางอากาศในกรุงเบ็คลันด์”
“คงไม่มีสงครามไปอีกพักใหญ่…” อัลเจอร์พึมพำพลางหันไปพูดคุยกับสมาชิกคนอื่น
เมื่อไคลน์เริ่มกังวลว่าการเข้าห้องน้ำของตนอาจใช้เวลานานเกินไปจนน่าสงสัย มันตัดสินใจประกาศยุติชุมนุมทาโรต์ลง
…
เมื่อกลับถึงห้องนอน ออเดรย์ไม่รีบร้อนลุกขึ้นยืน ปล่อยให้สมองวางแผนและจัดระเบียบการกระทำในอนาคตของตัวเอง
ดวงตาเด็กสาวจ้องมองเข้าไปในกระจกเงาตรงหน้า มือข้างหนึ่งลูบคลำอัญมณีตรงติ่งหู พลางอมยิ้มกับตัวเองและพึมพำ
พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะมีคาบเรียนจิตวิทยา เราต้องบอกกับมาดามเอสลันด์ว่า ใครบางคนในชุมนุมลับของเราประสงค์จะซื้อตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ในราคาสูง แล้วมาดูกันว่าสมาคมแปรจิตจะมีท่าทีเช่นไร…
ต้องไม่ลืมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์กับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุด้วย…
ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งตามหาวัตถุดิบหลักของโอสถนักจิตบำบัดโดยเร็ว… ออเดรย์ เธอห้ามขี้เกียจ! ตอนนี้ซูซีอยู่ลำดับ 8 จะปล่อยให้ซูซีตามทันไม่ได้เด็ดขาด!
…
หลังจากเดินวนเวียนในห้องสักพัก ฟอร์สตัดสินใจดึงเก้าอี้ออกและนั่งลง
หญิงสาวหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาถือพร้อมกับก้มหน้า สมองไตร่ตรองเรื่องราวนานหลายนาทีจนกระทั่งเริ่มเขียนจดหมายถึงโดเรียน·เกรย์
ฟอร์สแต่งเรื่องขึ้นมาใหม่ แสร้งทำเป็นทราบโดยบังเอิญว่า เพื่อนบางคนของเธอกำลังต้องการตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์และสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ ปิดท้ายด้วยการพรรณนาความสนใจในสมุดบันทึกจักรพรรดิโรซายล์ของตัวเธอเอง
…
เมืองหลวงแห่งหมู่เกาะรอสต์ เมืองแห่งการให้
อัลเจอร์·วิลสันเดินออกจากโรงแรมและมุ่งหน้าไปยังตลาดมืดใต้ดินโดยไม่รีรอ
เป้าหมายหลักของมันคือเส้นผมของนากาทะเลลึก แต่ก็ไม่เกี่ยงหากมีใครเสนอขายตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์
…
ทำไมเราถึงจนแบบนี้.. ไคลน์นั่งในห้องรับแขกพลางถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว
มันต้องการเงินอีกจำนวนหนึ่ง จึงจะมั่นใจได้ว่าตนสามารถซื้อตะกอนพลังเงามืดหนังมนุษย์ได้ทุกราคาเมื่อบังเอิญได้พบเบาะแส
ไคลน์กำลังครุ่นคิดเป็นจริงเป็นจัง มันควรนำตะกอนพลัง ‘นักสอบสวน’ ไปขายในช่องทางอื่นโดยไม่รอมิสซิลดีไหม?
เวลาเลือนผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ จนกระทั่งเสียงกริ่งบ้านดังขึ้นทำลายความเงียบงันยามเย็น
……………………
ราชันเร้นลับ 443 : นักแสดงนำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผู้มาเยือนสวมชุดบุรุษไปรษณีย์สีเขียวแก่พร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสให้ไคลน์
“ใช่มิสเตอร์เชอร์ล็อก·โมเรียตี้รึเปล่าครับ”
“ใช่ครับ” ไคลน์เริ่มเดาตัวจริงรวมถึงจุดประสงค์ของบุรุษไปรษณีย์ออก
จากนั้น ผู้มาเยือนปริศนายกมือขวาขึ้นและส่งวัตถุขนาดเท่าฝ่ามือห่อด้วยผ้าดำให้
“กรุณาลงนามรับพัสดุด้วยครับ”
ไคลน์แสร้งทำสีหน้าฉงน
“ไม่ใช่ว่าคุณต้องส่งใบแจ้งมาให้ผมหรือ? จากนั้นค่อยให้ผมเดินทางไปรับพัสดุยังสำนักงานไปรษณีย์ตามรายละเอียดในใบแจ้ง”
ระบบไปรษณีย์โลเอ็นนั้นเลียนแบบมาจากสาธารณรัฐอินทิสทุกประการ รวมถึงข้อเสียและความยุ่งยากด้วย หากวัตถุใดใหญ่เกินกว่าจะยัดใส่กล่องจดหมายหน้าบ้าน พัสดุดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ยังสำนักงานไปรษณีย์ในละแวกใกล้เคียง และบุรุษไปรษณีย์จะต้องใส่ ‘ใบแจ้งรับพัสดุ’ ไว้ในกล่องจดหมายแทน
“…ฮะฮะ! เพราะว่าพัสดุคราวนี้มีราคาค่อนข้างสูงครับ จึงต้องมาส่งให้ถึงมือผู้รับ”
หลังจากผงะครู่หนึ่ง บุรุษไปรษณีย์กล่าวอย่างตะกุกตะกัก
ไม่มืออาชีพเอาเสียเลย แค่เลียนแบบบุรุษไปรษณีย์ยังทำไม่ได้…
โดยไม่ถามซักไซ้ให้มากความ ไคลน์รีบรับพัสดุมาถือ พลางควักปากกาออกมาเขียนชื่อลงบนกระดาษ
ชายหนุ่มปิดประตูบ้านและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยไม่รีบร้อนแกะห่อพัสดุ เพียงหยิบเหรียญทองออกมาโยนขึ้นไปในอากาศ
แปะ!
ไคลน์แบมือรับเหรียญพร้อมกับสำรวจผลลัพธ์การทำนาย
ด้านตัวเลยหงายขึ้น หมายความว่าไม่มีอันตรายซ่อนอยู่ในพัสดุ…
ไคลน์พยักหน้ากับตัวเองและเก็บเหรียญทองเข้ากระเป๋า มือข้างหนึ่งล้วงจับกระดาษรูปคนอย่างไม่ประมาท ส่วนอีกข้างบรรจงแกะห่อพัสดุด้วยความประณีต
หลังจากผ้าสีดำถูกคลี่ออกชั้นแล้วชั้นเล่า ไคลน์เริ่มมองเห็นสิ่งของด้านในซึ่งประกอบด้วยนาฬิกาพกสีทองซีด สลักลวดลายงดงามและเก่าแก่ ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนคราบเลือดสีแดงแห้งกรัง เส้นผมสีน้ำตาลสั้นหยักศกเจ็ดถึงแปดเส้นมัดรวมกันอย่างเรียบร้อย และกระดาษจดข้อความจำนวนหนึ่ง
ของใช้ติดตัว ผ้าเช็ดหน้า เส้นผม และตารางกิจกรรมของทาลิมก่อนจะเสียชีวิต… องค์ชายเอ็ดซัคทำงานฉับไวมาก ฟ้ายังไม่ทันมืดด้วยซ้ำ…
ขณะไคลน์กำลังสำรวจสิ่งของบนโต๊ะกาแฟอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มพลันตระหนักว่าตนกำลังถูกจ้องมองจากสายตาหลายคู่
ตระกูลเทวทูตซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองพันปีย่อมต้องมีพลังอำนาจไม่ธรรมดาอยู่แล้ว… การเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งภายในตระกูลราชวงศ์ เราอาจกลายเป็นปุ๋ยได้ทุกเวลาหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย…
ไม่ผิดแน่ แม้แต่ตอนนี้ก็ถูกจับตามองอยู่… คงต้องทำตัวให้ลีบเล็กเข้าไว้ ต้องแสร้งเป็นคนอ่อนแอและไม่เอาถ่าน ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของชีวิตเราเอง…
ไคลน์เริ่มวางแผนว่าตนควรทำอะไรต่อไป เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนั่งสำรวจนาฬิกาพก ผ้าเช็ดหน้า เส้นผม และกระดาษรายงาน
ระหว่างขั้นตอนดังกล่าว สัมผัสวิญญาณมิได้ร้องเตือนถึงอันตราย และไม่ได้พยายามขัดขวางการใช้พลังทำนาย
เมื่อเริ่มเข้าใจสถานการณ์ ไคลน์หยิบกระดาษและปากกาออกมา ตามด้วยการเขียนประโยคทำนายลงไป :
“สาเหตุการตายของทาลิม·ดูมงต์”
ชายหนุ่มเตรียมเล่นใหญ่ประหนึ่งไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจับตามอง
มันหยิบเส้นผมน้ำตาลหยิกและผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดขึ้นมาถือ ตามด้วยการเปล่งเสียงข้อความประโยคทำนายบนกระดาษ และเอนหลังพิงเก้าอี้โซฟาพลางสะกดจิตตัวเองให้หลับสนิท
เมื่อทวนคำครบเจ็ดหน นิมิตความฝันของไคลน์เริ่มผุดภาพของโถงหลักสโมสรครักซ์
เป็นฉากของทาลิม·ดูมงต์กำลังใช้มือกุมหน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บปวดทรมาน
“ไม่ว่าจะใช้วิธีใดตรวจสอบ แต่ผลลัพธ์ก็จะยืนยันเหมือนกันทุกครั้งว่า ทาลิมเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน…” ไคลน์ลืมตาขึ้นพลางพึมพำ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วย่น สวมสีหน้าประหลาดใจ สับสน และครุ่นคิด
มันพยายามทำนายอีกหลายครั้ง แต่ก็ต้องพบว่าคำตอบออกมาเป็นแบบเดิมทั้งหมด
มันลุกยืนและเดินวนไปมาด้วยสีหน้ากระวนกระวายแกมหงุดหงิด
มันตีอกชกตัว ปั้นหน้าโกรธ หัวเสียกับความไม่ได้เรื่องของตัวเอง หงุดหงิดกับการไม่สามารถเข้าใกล้เบาะแสคนร้าย
ลงเอยด้วย ไคลน์นั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว ไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน ประหนึ่งรูปปั้นหินปราศจากชีวิตชีวา
เท่านี้คงพอแล้ว เราไม่ควรเล่นใหญ่จนเกินพอดี ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเป็นน่าสงสัย… ถ้าไม่เกรงใจคนแอบจับตามอง ป่านนี้คงชกอากาศให้พวกมันดูไปแล้ว…
ไคลน์ส่ายหัวพลางรำพันติดตลก ก่อนจะลุกยืนและเดินเข้าไปในครัว
หลังเสร็จอาหารค่ำ ชายหนุ่มกลับมาเริ่มจริงจังกับการสืบสวนอีกรอบ กระดาษรายงานกิจกรรมของทาลิมหลายวันก่อนเสียชีวิตถูกนำมาเปิดอ่านทีละหน้า
บ้านคฤหาสน์กุหลาบแดง สโมสรครักซ์ บ้านพักของไวเคาต์คอนราด… ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติในรายการเหล่านี้…
ไคลน์หยิบดินสอแหลมขึ้นมาวาดวงกลมบนแผงผังเมืองเบ็คลันด์ ทำสัญลักษณ์ว่าตนต้องแวะไปตรวจสอบจุดใดบ้าง และสัมภาษณ์ใครบางในวันถัดไป
หลังจากจัดการเสร็จ ชายหนุ่มนำสิ่งของเก็บไว้ในห่อผ้าตามเดิม สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่มั่นใจในการสืบคดี ปิดท้ายด้วยการเดินเข้าห้องน้ำและตรงเข้านอน
กลางดึกสงัด ขณะจันทร์แดงกำลังถูกหมอกทึบบนท้องฟ้าบดบังจนเกือบมิดชิด นักสืบเชอร์ล็อกลืมตาขึ้นและพยุงตัวลุกนั่ง
มันลุกออกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนอย่างระมัดระวัง และเข้าห้องน้ำติดกันพร้อมกับใช้เทคนิคอำพรางด้วย ‘กระดาษคน’ เช่นเคย
หลังจากเดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ไคลน์ส่งตัวเองขึ้นมายังพระราชวังโบราณบนเก้าอี้ของเดอะฟูล
ดวงตากำลังกระจ่างใส ปราศจากความห่อเหี่ยว หดหู่ และมองโลกในแง่ร้ายเหมือนกับขณะอยู่บนโลกจริง
จากนั้น มันล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าสีแดงเปื้อนเลือดออกมาถือ สิ่งนี้ถูกซ่อนไว้ในช่องกระเป๋าลับของชุดนอนไคลน์
ย้อนกลับไปขณะจัดเรียงสิ่งของเก็บเข้าไปในห่อผ้าสีดำ ชายหนุ่มฉวยโอกาสใช้เทคนิคลวงตาของนักมายากลเพื่อหยิบผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดของทาลิมซุกไว้ในกระเป๋าชุดนอน
ไคลน์ถอนหายใจยาวและเสกปากกาหมึกซึมกับกระดาษ ตามด้วยการเขียนประโยคทำนายเหมือนกับก่อนหน้านี้ทุกประการ :
“สาเหตุการตายของทาลิม·ดูมงต์”
เมื่อท่องครบเจ็ด สมองและสติของไคลน์เริ่มจดจ่อด้วยความสุขุม มือข้างหนึ่งถือกระดาษประโยคทำนาย ส่วนอีกข้างกำลังถือผ้าเช็ดหน้ามายาเปื้อนเลือด แผ่นหลังเอนพิงพนักและสะกดจิตตัวเองให้หลับใหลท่ามกลางพระราชวังโบราณ
ภายในโลกมายาอันไม่คมชัด ไคลน์มองเห็นฉากซึ่งแตกต่างจากการทำนายในคราวก่อนโดยสิ้นเชิง
ตรงหน้าคือหุ่นกระบอกไม้ขนาดเท่าฝ่ามือ มีการสลักรายละเอียดของดวงตา ปาก และจมูกไว้ครบถ้วน
บนตัวหุ่นกระบอกไม้ถูกเลือดสดสีดำหยดใส่จำนวนหนึ่ง เพียงจ้องมองก็สัมผัสถึงกลิ่นอายความชั่วร้ายและมนตร์ดำอย่างเต็มเปี่ยม
ทันใดนั้น ฝ่ามือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาในฉาก ผิวพรรณเจ้าของมือจัดว่าขาวเนียนเปล่งปลั่ง ห้านิ้วเรียวยาวอ่อนช้อย ส่งเสริมให้ฝ่ามือข้างดังกล่าวผุดผ่องและน่าหลงใหลเกินห้ามใจ
วัตถุโดดเด่นเตะตากว่าใครคงหนีไม่พ้นแหวนเลี่ยมพลอยสีฟ้าเม็ดใหญ่บนนิ้วก้อย
พรึ่บ!
ปลายนิ้วชี้ของมือปริศนาพลันลุกโชนด้วยเปลวไฟสีดำ จากนั้น เจ้าของมือทำการเล็งไปยังบริเวณหัวใจของหุ่นกระบอกไม้
นิมิตความฝันแตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อยคล้ายกระจก ไคลน์ได้สติกลับคืนมาอีกครั้งบนเก้าอี้
การคาดเดาของเราถูกต้อง ทาลิมเสียชีวิตจากพลังคำสาป!
แต่คำถามคือ ในเมื่อตนได้เห็นฉากฆาตกรรมด้วยคำสาป แล้วทำไมนิมิตถึงไม่แสดงฉากทั้งหมด เช่นใบหน้าคนร้ายหรือรูปพรรณสัณฐานด้านอื่น
นี่ขนาดว่าห้วงมิติเหนือสายหมอกเทามีพลังยับยั้งการแทรกแซงจากภายนอก…!
ไคลน์นั่งสับสนนานหลายวินาที
โดยทั่วไปแล้ว การได้รับผลทำนายสั้นกระชับจะทำให้ตีความผิดพลาดได้ง่าย ฉะนั้น ผลการทำนายต้องยาวและละเอียดจึงจะหมายถึงผลลัพธ์คุณภาพสูง ในทางกลับกัน ผลการทำนายสั้นกระชับอาจเกิดจากการถูกลดทอนโดย ‘ระดับตัวตน’ ของเป้าหมาย หรือไม่ก็พลังในการลดทอนประสิทธิภาพผลทำนายแบบอัตโนมัติ
มีโอกาสเป็นไปได้มากว่า เป้าหมายการทำนายของไคลน์มีระดับสูงจนแม้แต่ห้วงมิติเหนือสายหมอกก็ไม่ช่วยมอบรายละเอียด เหลือเพียงฉากขณะลงมือฆาตกรรมอย่างคลุมเครือและง่ายต่อการตีความผิด
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน… ไคลน์พยายามเค้นความทรงจำอย่างสุดฝีมือ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มพลันสะดุ้งเมื่อหวนนึกถึงประสบการณ์คล้ายคลึงกับผลทำนายสมัยอดีต
ย้อนกลับไปตอนยังอยู่ทิงเก็น ขณะไคลน์ทำนายถามถึงต้นตอของความไม่กลมกลืนในโชคชะตาของตน มันได้เห็นนิมิตความฝันในลักษณะคลุมเครือแบบเดียวกัน!
ฉากดังกล่าวปรากฏเพียงรอบนอกบ้านและปล่องไฟสีแดง แต่ไม่เห็นตัวอินซ์·แซงวีลล์และสมบัติปิดผนึก 0-08!
น…นี่มัน พลังระดับเดียวกับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ของโบสถ์เลยหรือ? พลังในการลดทอนผลการทำนายจากห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทา… ไคลน์เริ่มหรี่ตาลง
อย่าเพิ่งด่วนสรุป อาจไม่ใช่ก็ได้ ยังมีความไปเป็นไปได้ทางอื่นอีกมาก และเราก็มีวิธีพิสูจน์ว่าสมมติฐานดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่!
ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
สำหรับวิธีพิสูจน์ คนเคยมีประสบการณ์อย่างไคลน์ไม่ต้องนึกนาน วิธีการแสนง่ายดายก็คือ ทำนายแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง!
หากผลการทำนายยังออกมาตามปรกติ หมายความว่าระดับของเป้าหมายมิได้สูงมากจนต้องกังวล แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาล้มเหลว จะเป็นเครื่องยีนยันได้ทันทีว่าเป้าหมายคราวนี้มีพลังแทรกแซงห้วงมิติเหนือสายหมอกระดับเดียวกับ 0-08!
ไคลน์สูดลมหายใจเข้าลึกและเตรียมทำนายซ้ำแบบเดิมทุกประการ
“สาเหตุการตายของทาลิม·ดูมงต์”
…
ชายหนุ่มเปล่งเสียงแผ่วเบาพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้ ตาดำเริ่มเปลี่ยนจากสีน้ำตาลกลายเป็นคล้ำเข้ม
ท่ามกลางโลกสีเทา ภาพเดียวในหัวไคลน์คือเศษกระจกแตกละเอียด ปราศจากร่องรอยของหุ่นกระบอกไม้หรือฝ่ามือโดยสิ้นเชิง
หงึก.
ร่างกายไคลน์พลันสั่นเทา สีหน้าแววตาอึมครึมเคร่งเครียด
ทาลิมพัวพันกับอะไรเข้า?
ไคลน์ขมวดคิ้วรำพัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เราต้องทำอย่างไรต่อไปหลังจากนี้… ทางเลือกเดียวคือการสงบเสงี่ยมเจียมตัวให้มาก โกหกองค์ชายเอ็ดซัคโดยการบอกว่า เราไม่มีความสามารถมากพอจะเข้าถึงความจริงของคดี…
ฟู่ว! อันตรายฉิบหาย! ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็มากพอจะทำให้คนธรรมดาเข้าไปพัวพันกับเรื่องใหญ่จนถึงแก่ชีวิต…
ไคลน์ถอนหายใจยาวสุดปอด มันไม่กล้าอยู่นานกว่านี้ จึงรีบห่อหุ้มร่างกายด้วยพลังวิญญาณและส่งตัวเองกลับห้องน้ำ
…
วันอังคารเก้าโมงเช้า ณ สุสานมงกุฎ
ไคลน์ยืนขอบฝูงชนคลาคล่ำ สวมเชิ้ตสีดำ เสื้อกั๊กสีดำ และเสื้อโค้ทขนสัตว์สีดำ มือข้างหนึ่งถือดอกไม้สดซึ่งซื้อมาในราคาสิบสองซูล สีหน้าไคลน์เกิดความเศร้าหมองจากก้นบึ้งขณะเห็นโลงศพของทาลิมถูกยกผ่านหน้า สวดส่งวิญญาณ และฝังลงดิน
ระหว่างพิธีกรรม มารดาของทาลิมมีดวงตาบวมแดง เธอพะงาบปากหลายหนคล้ายกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีคำใดถูกเปล่งออกมา บิดาของทาลิมมีผมสีเทาหงอก ร่างกายซูบผอมคล้ายกับไม่มีอาหารตกถึงท้องหลายมื้อ เขายืนสั่นเทาเช่นนั้นเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ไคลน์แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับหลับตาลง
จนกระทั่งพิธีกรรมดำเนินมาถึงช่วงวางดอกไม้ ชายหนุ่มรอให้คนอื่นเดินเข้าไปก่อนจนเกือบหมด เมื่อถึงคิวตนจึงค่อยนำดอกไม้สีขาวไปวางด้านบนสุดด้วยสีหน้าสุดอาลัย
ฉันขอโทษ… ไคลน์รำพัน
มันยืนขึ้นและหลบให้คนข้างหลังเข้าไปวางต่อ ขณะกำลังจะกลับ มุมสายตาบังเอิญเหลือบเห็นศัลยแพทย์อลันและนักข่าวไมค์
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าทาลิมก็จะด่วนจากพวกเรา… เฮ่อ” ไมค์สะอื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว มิอาจเติมเต็มประโยคของตนให้เสร็จ
อลัน ผู้สวมสีหน้าเย็นชามาตลอด ยามนี้ถอดแว่นตาออกพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำตา
“เขาเป็นคนอบอุ่นและใจกว้าง ไม่สมควรต้องมีจุดจบเช่นนี้เลย”
“ถูกต้อง เขาควรได้รับโอกาสกอบกู้ชื่อเสียงด้านลบของปู่เสียก่อน…” ไคลน์เสริม
ขณะเดียวกัน หญิงสาวสวมเดรสดำและหมวกตาข่ายปิดหน้าคนหนึ่งเดินผ่านไคลน์เข้าไปทางหลุมศพ และเฉกเช่นผู้อื่น เธอกำลังถือดอกไม้สีขาวหนึ่งช่อในมือ
ไคลน์ปล่อยผ่าน มิได้สนใจอะไรนัก แต่สายตายังคงมองค้างในทิศทางดังกล่าว
ขณะหญิงสาวคนเดิมเดินเข้าไปวางดอกไม้เหมือนคนอื่น ไคลน์พลันเหลือบเห็นบางสิ่งบนมือซ้ายของเธอซึ่งกำลังสวมถุงมือตาข่ายสีดำ
แหวนพลอยสีฟ้าบนนิ้วก้อย!
แทบจะในพริบตา รูขุมขนทั่วร่างชายหนุ่มพลันหดเกร็ง แขนขาสั่นเทาอย่างมีอาจยับยั้ง อาการชาเริ่มกัดกินใบหน้าก่อนจะลามไปยังทุกซอกมุม
……………………
ราชันเร้นลับ 444 : สารภาพบาป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ความรู้สึกอันคุ้นเคยพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไคลน์ผู้มากประสบการณ์รีบใช้พลังตัวตลกระงับอากัปกิริยาสั่นระริกและสีหน้าตกตะลึงของตน
มันบรรจงชักสายตาออกอย่างไม่รีบร้อน พยายามทำให้การชำเลืองเมื่อครู่เป็นเพียงพฤติกรรมตามธรรมชาติ
“เฮ่อ… ทาลิมยังหนุ่มแน่น เขายังไม่ได้สมรสและไม่มีทายาท” ไคลน์ถอนหายใจพลางสานต่อบทสนทนาอย่างไหลลื่น
มันกล่าวเช่นนี้เพราะต้องการกลบเกลื่อนอาการชะงักในเสี้ยววินาทีเมื่อครู่ โดยทำทีว่า ตนมองเห็นหญิงสาวกำลังวางดอกไม้ให้ทาลิม จึงเชื่อมโยงเข้ากับความรัก การสมรส และการมีทายาท ส่งผลให้เลือกกล่าวประโยคเมื่อครู่อย่างแยบยล
“ถูกต้อง ด้วยวัยของเขา ทาลิมควรสมรสและมีทายาทตั้งแต่สี่ถึงห้าปีก่อนแล้ว แต่น่าเสียดาย ปมด้อยเรื่องคุณปู่ทำให้เขาฝังใจและปฏิเสธการแต่งงานมาตลอด เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลัง” นักข่าวไมค์ถอนหายใจ
ทันใดนั้น ไคลน์ ผู้มองผิวเผินจะไม่พบความผิดปรกติอันใด พลันตระหนักว่าแผ่นหลังของตนกำลังถูกพุ่มหนามแหลมทะลวงผ่านผิวหนังเข้ามาทีละนิด เป็นความรู้สึกตึงเครียดและกดดันเหนือคำบรรยาย
ขณะเดียวกัน หญิงสาวปริศนาในเดรสสีดำ ผู้สวมแหวนพลอยสีฟ้าบนนิ้วก้อยมือซ้าย เริ่มลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามเมื่อวางดอกไม้เสร็จ เธอมองไปรอบตัวหนึ่งครั้งโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ก่อนจะเดินออกห่างจากหลุมศพทาลิมทีละนิดพร้อมกับสาวใช้สองคน
ฟู่ว…! ไคลน์ถอนหายใจยาว
ความรู้สึกประหนึ่งมีพุ่มหนามทิ่มแทงแผ่นหลังเริ่มจางหาย
เธอเป็นใคร ทำไมถึงมีสิทธิ์ร่วมวางดอกไม้ในงานศพทาลิม? เป็นคนรัก?
แล้วทำไมสามัญชนอย่างทาลิม ผู้ไม่มีพลังอำนาจ ไม่มีความมั่งคั่ง ไม่มีพลังพิเศษอันใดเลย ถึงเข้าไปพัวพันกับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือตัวตนลำดับสูงได้?
นี่ไม่ใช่นิยายสักหน่อย… และเหนือสิ่งอื่นใด มีความเป็นไปได้มากว่าหล่อนคือผู้ร่ายคำสาปใส่ทาลิม… เรื่องราวซับซ้อนชะมัด…
ไคลน์แสร้งยืนฟังบทสนทนาระหว่างไมค์กับอลันด้วยสีหน้าอึมครึม
เพียงไม่นาน การวิเคราะห์ของชายหนุ่มก็ดำเนินมาถึงทางตัน ปริศนาคาใจอันดับหนึ่งหนีไม่พ้นเรื่อง ทำไมคนธรรมดาและไม่มีอะไรเลยนอกจากเคยตระกูลเป็นขุนนางมาก่อนอย่างทาลิม ถึงได้ถูกบุคคลลำดับสูงหรือสมบัติปิดผนึกในระดับเดียวกันสาปแช่งจนตาย
บทสรุปเช่นนี้ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด เพราะโดยทั่วไปแล้วแล้ว ผู้วิเศษลำดับสูงจะไม่ลดตัวลงมาจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเด็ดขาด
แต่ว่ากันตามตรง หากพิจารณาจากประสบการณ์ในอดีตของเรา คดีการตายของทาลิมมิได้พิสดารมากขนาดนั้น…
เมื่อฉุกคิดบางสิ่งได้ ไคลน์ชำเลืองไปทางศัลยแพทย์อลันด้านข้างโดยไม่รู้ตัว
หากพูดถึงความแปลกประหลาด คุณหมอมาดเย็นชาแสนธรรมดาผู้นี้ ในท้องภรรยาของเขามีสัตว์ประหลาดลำดับ 1 ‘อสรพิษปรอท’ ซุกซ่อนอยู่!
ชุดความคิดถัดมา ไคลน์เริ่มตระหนักว่าตนมีประสบการณ์เหนือธรรมชาติมาโชกโชนพอสมควร ภายในระยะเวลาเพียงห้าเดือนหลังจากเดินทางข้ามโลก มันมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเหล่าครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกอันตรายหนแล้วหนเล่า
สตรีปริศนาผู้สาปใส่ทาลิม อสรพิษปรอท วิล·อัสติน ผู้เย้ยเทพ อามุนด์ สตรีปริศนาในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติซึ่งชอบสวมรองเท้าบูทหนัง ผู้วิเศษลำดับสูงจากโรงเรียนกุหลาบ 0-08 1-42 อินซ์·แซงวิลล์ ตราศักดิ์สิทธิ์บิดเบือนแห่งสุริยัน สมุดบันทึกของตระกูลอันทีโกนัส อะซิก·อายเกส ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นทายาทมรณา มิสเตอร์ประตู สภานักสิทธิ์แห่งสนธยา…
ทุกชื่อแล่นผ่านสมองไคลน์ด้วยความรู้สึกเย็นวาบไปทุกซอกมุม
ชายหนุ่มยืนตรึกตรองอย่างใจเย็น
นี่ยังไม่ได้นับรวมเทพสุริยันเจิดจรัสและพระผู้สร้างแท้จริงซึ่งลำดับสูงกว่ารายชื่อข้างต้นค่อนข้างมาก… ว่ากันตามตรง ในฐานะดวงวิญญาณจากดาวอื่น รวมถึงตัวตนผู้ปกครองห้วงมิติเหนือสายหมอกสีเทาสุดพิสดาร เราเองไม่ด้อยไปกว่ารายชื่อข้างต้นสักเท่าไร…
หรือนี่จะเป็น ‘จุดปะทุแห่งยุคสมัย’ ระลอกใหม่หลังจากจบยุคสมัยอันรุ่งเรืองสุดขีดของจักรพรรดิโรซายล์? และเป็นเหตุผลให้บรรดาครึ่งเทพและสมบัติปิดผนึกน่ากลัวหลายชิ้นผุดขึ้นรอบตัวเต็มไปหมด?
ขณะไคลน์กำลังยืนไตร่ตรอง ไมค์·โยเซฟและศัลยแพทย์อลันขอตัวกลัวก่อน ชายหนุ่มจึงเดินตามออกไปด้วยย่างก้าวใจเย็น
ขณะกวาดสายตาไปรอบตัวเพื่อมองหารถม้าเช่า รถม้ารูปร่างคุ้นตาคันหนึ่งได้แล่นมาจอดตรงหน้า
แม้ว่าตราประจำตระกูลข้างรถจะถูกอำพรางมาอย่างดี แต่ไคลน์ก็จดจำได้ทันทีเช่นกัน ว่านี่คือรถม้าขององค์ชายเอ็ดซัค
ประตูห้องโดยสารเปิดออกพร้อมเสียงเสียดสีแผ่วเบา พ่อบ้านชราผมหวีเรียบเดินลงมาและทำสัญญาณมือเชื้อเชิญให้ไคลน์เข้าไป
“องค์ชายกำลังรออยู่ด้านในครับ”
“ตกลง” ไคลน์เดินเข้าไปในรถม้าสุดหรูโดยปราศจากความเคอะเขิน
องค์ชายเอ็ดซัคแต่งกายในชุดสีน้ำเงินเข้ม ปกเสื้อแข็งตั้งตรง และมีริ้วริบบิ้นสีทองพาดผ่านลำตัวอย่างสง่างาม ทุกองค์ประกอบช่วยส่งเสริมให้ชายคนนี้มีกลิ่นอายสมกับเป็นบุคลากรระดับสูงสุดของอาณาจักร
เอ็ดซัคใช้มือลูบเข็มกลัดเพชรพลางแสดงสีหน้าเศร้าหมอง
“เราไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมงานศพของพระสหาย ทำได้เพียงเฝ้ามองจากระยะไกลโดยห้ามเผยตัว ต้องวานให้ใครสักคนช่วยนำดอกไม้ไปวางแทน นี่คือความน่าเศร้าของเชื้อพระวงศ์ เราไม่ได้มีอิสระมากมายเช่นนั้น”
“หากตระกูลของทาลิมไม่ถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์ในรุ่นปู่ ป่านนี้องค์ชายคงสามารถร่วมงานศพของเขาได้อย่างเปิดเผย” ไคลน์เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตามสัญญาณมือเอ็ดซัด
องค์ชายสามหยิบแก้วบรรจุไวน์สีแดงเลือดขึ้นมาจิบ
“เฮ่อ… เรากำลังวางแผนว่าจะช่วยกอบกู้บรรดาศักดิ์คืนให้บิดาของทาลิม แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน…”
เอ็ดซัคไม่สานต่อหัวข้อเดิม มันเปลี่ยนไปซักถามประเด็นอื่น
“เชอร์ล็อก ได้รับพัสดุหรือยัง”
“เรียบร้อยขอรับ” ไคลน์ตอบกระชับโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม
เอ็ดซัคพยักหน้า
“แล้วมีความคืบหน้าบ้างไหม”
“กระหม่อมลองนำทางด้วยผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด ของใช้ประจำตัว และกระจุกเส้นผม แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถนำพาไปสู่ความจริงได้เลย ผลลัพธ์ระบุเพียงการตายตามธรรมชาติด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว” ไคลน์อธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแกมขอความเห็นใจ โดยพยายามสื่อออกไปทำนองว่า ‘ผมมีลำดับน้อยเกินไป’ ‘มาตรฐานของผมไม่ถูกพอจะทำคดีนี้’ ‘ถึงผมจะชำนาญการทำนาย แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่ามาก’ และ ‘ผมมั่นใจว่าตัวเองไม่สามารถค้นหาความจริงพบ’
เอ็ดซัคแสดงสีหน้าผิดหวังชัดเจน
“แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”
“ตรวจสอบว่าทาลิมแวะไปหาใครบ้างก่อนจะเสียชีวิต และเดินสำรวจละแวกใกล้เคียงในกรณีเผื่ออาจพบเบาะแสสำคัญ” ไคลน์ตอบอย่างฉะฉานตามแผนการ
เอ็ดซัคหันไปจ้องพ่อบ้านชรา
“อย่างนั้นหรือ หมายความว่าคุณอาจต้องใช้วิธีข่มขู่ สอบปากคำ หรือไม่ก็ติดสินบนพวกเขาตามความเหมาะสม… มอบเงินให้เชอร์ล็อกหนึ่งร้อยปอนด์”
“ขอรับองค์ชาย” พ่อบ้านชราควักปึกธนบัตรซึ่งถูกแลกมาเตรียมไว้ล่วงหน้า
ยอมจ่ายร้อยปอนด์ง่ายขนาดนี้เชียว?
ชายหนุ่มเริ่มประจักษ์ความใจป้ำขององค์ชายสาม
“แล้วผมจะพยายาม” ไคลน์รับปึกธนบัตรและเก็บใส่เสื้อโค้ทโดยไม่นับจำนวน
“ได้แต่หวังว่า พวกเราจะช่วยให้ดวงวิญญาณของทาลิมนอนตายตาหลับ” เอ็ดซัคกำหมัดขวาพลางทุบหน้าอก
มันมองออกไปยังสุสานมงกุฎด้านนอกซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก
สายสัมพันธ์ระหว่างเขากับทาลิมแข็งแรงผิดจากภายนอกลิบลับ…
ไคลน์ถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินลงจากรถม้าภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน
…
เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์
ออเดรย์แสร้งทำหน้าตั้งใจเรียนพลางจ้องมองครูสอนวิชาจิตวิทยาส่วนตัว เอสลันด์ ผู้มีเส้นผมยาวจนถึงสะโพก
ทันใดนั้น เด็กสาวกระซิบกระซาบ
“มาดามเอสลันด์ ดิฉันเพิ่งเข้าร่วมชุมนุมลับแห่งใหม่และได้ยินมาว่า มีคนต้องการซื้อเงามืดหนังมนุษย์กับสูตรโอสถผู้รับใช้วายุในราคาสูงมาก เอ่อ… ผู้ซื้อเป็นคนละคนกัน สิ่งเหล่านี้คือวัตถุลำดับกลางใช่ไหม? ฟังดูน่าตื่นเต้นมาก! ทางสมาคมแปรจิตสนใจข้อเสนอของพวกเขาไหมคะ?”
เอสลันด์ประหลาดใจไปพักหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าครุ่นคิดอีกหลายวินาที
“ถ้ากลับไปแล้วจะถามให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ออเดรย์ตอบเสียงสดใส ประหนึ่งกำลังตื่นเต้นเมื่อได้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนวัตถุลำดับกลาง
เอสลันด์กล่าวตักเตือนอย่างเป็นห่วง
“มิสออเดรย์ ถึงแม้ว่าคุณจะกลายเป็นผู้วิเศษลำดับ 8 แล้ว แต่ความเข้าใจในโลกเหนือธรรมชาติของคุณยังบกพร่องอยู่มาก แถมยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของพลังผู้ชมและพลังนักอ่านใจ ยังไม่นับรวมทฤษฎีพื้นบาน ฉะนั้น นับแต่นี้ไป ดิฉันจะคอยนำทางคุณบนโลกผู้วิเศษให้เอง”
“ดิฉันก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ!” เด็กสาวกล่าวจากใจจริง
ทันใดนั้น โกลเดนรีทรีเวอร์ขนฟู ซูซี ผู้กำลังนั่งฟังบทสนทนาข้างปลายเท้าออเดรย์ พลันกระดิกหาระริกคล้ายกับมีความสุขแทนเจ้าของ
…
เมื่อตัดสินใจหนักแน่นว่าจะไม่สืบหาการตายของทาลิมในเชิงลึก ไคลน์จึงโดยสารรถม้ากลับถนนมินส์ตามปรกติ
หลังจากเปิดประตูบ้านและถอดหมวกเตรียมแขวนกับราว ย่างก้าวชายหนุ่มพลันชะงักงันกะทันหัน
สัมผัสวิญญาณได้ร้องเตือนว่าใครบางคนได้ลอบเข้ามาในห้องรับแขก!
ใครบางคนแอบงัดบ้านของตน!
นี่มัน… อีกฝ่ายจงใจเหลือร่องรอยไว้… ถือเป็นคำเตือนใช่ไหม… ก็ยังดี การได้รับคำเตือนย่อมดีกว่าไม่มีเลย…
ชายหนุ่มยืนตัวแข็งกลางบ้านอยู่สองนาน
โดยไม่มัวคิดให้ปวดหัว ไคลน์รีบย่ำเท้าออกจากบ้านและนั่งรถม้าตรงไปยังมหาวิหารไอน้ำทันที
จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมของวิหารแห่งนี้คือหอนาฬิกาสูงตระหง่านและปล่องควันโดดเด่นจนเห็นได้ชัด สิ่งแรกสื่อถึงความงามของกลไก ส่วนสิ่งหลังสื่อถึงพลังงานไอน้ำซึ่งถูกนำมาใช้ปฏิวัติโลก
ปัจจุบันไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนอย่างวันหยุดสุดสัปดาห์ ยามเที่ยง หรือยามเย็น ส่งผลให้จำนวนสาวกในโบสถ์ค่อนข้างบางตา
ไคลน์นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สำหรับสวดมนต์ วางไว้ค้ำพิงพนักด้านหน้า ถอดหมวกวางบนตัก และก้มศีรษะแสร้งสวดมนตร์ต่อหน้าตราศักดิ์สิทธิ์ประมาณสิบนาที
เมื่อเสร็จสิ้น ชายหนุ่มหยิบของใช้ประจำตัวและลุกเดินมายังด้านข้างแท่นบูชา ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้บิชอปพลางกระซิบ
“ผมต้องการสารภาพบาป”
“ดีมาก พระองค์กำลังเฝ้ามองคุณอยู่” บิชอปเจ้าของใบหน้าแก่ชรา จอนข้างขมับสีขาวหงอก เดินนำเข้าไปในตู้สารภาพบาปฝั่งของนักบวช
ไคลน์ตามเข้าไปนั่งอีกฝั่งและปิดประตูห้อง
มันนั่งลงและกล่าวข้ามฉากกั้นทำจากไม้
“ผมมาสารภาพว่า ผมตัดสินใจละทิ้งศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ของตัวเองในยามต้องเผชิญอันตรายถึงแก่ชีวิต ผมเลือกหลบหนีอย่างคนขลาดเขลา”
“ตอนนั้นคุณกำลังคิดถึงสิ่งใด” บิชอปซักถามด้วยน้ำเสียงสุขุมอ่อนโยน
ไคลน์รีบเล่าถึงคดีการเสียชีวิตของทาลิม อธิบายความสงสัยของตน การแจ้งให้คาร์ลเซ่นทราบว่าเป็นคำสาป การถูกองค์ชายเอ็ดซัคมอบหมายงาน และผลลัพธ์อันล้มเหลวของพลังทำนาย ชายหนุ่มอธิบายถึงความหวาดกลัวหากตนต้องเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างเชื้อพระวงศ์
ไคลน์ตัดสินใจไปไม่นำเรื่องนี้ไปบอกกับคาร์ลเซ่นในผับ มันกังวลว่าตนอาจถูกฝ่ายลึกลับคอยจับตามองทุกฝีก้าว และคงไม่ใช่แค่ฝ่ายลึกลับ แต่ยังรวมถึงฝ่ายองค์ชายเอ็ดซัคเองด้วย ทางนั้นย่อมต้องส่งคนมาคอยจับตามองพฤติกรรมนักสืบเชอร์ล็อก
ต่อให้วางตัวเป็นกลาง แต่ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าชีวิตของตนจะปลอดภัยหลังจากแหย่ขาเข้าไปแล้วครึ่งตัว
ในทางกลับกัน มหาวิหารไอน้ำคือศูนย์บัญชาการใหญ่ของจิตแห่งจักรกลมุขมณฑลกรุงเบ็คลันด์ เป็นหนึ่งในสามวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักร ไม่มีใครกล้าลงมืออุกอาจถึงขั้นแอบสะกดรอยตามเข้ามาข้างในแน่
จุดประสงค์ของไคลน์ก็คือ บอกเล่าความจริงเกือบทั้งหมด รายงานรูปคดีและความผิดปรกติในสาเหตุการตายของทาลิม โดยไม่ต้องเสียงนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับปัญหาระดับอาณาจักร
ไคลน์กำลังทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ มันต้องการจับตัวคนร้ายฆ่าทาลิมมารับโทษตามกฎหมาย ขณะเดียวก็ยังรักษาคติพจน์ของตัวเองด้วยการไม่เข้าไปเสี่ยงอันตราย
บิชอปนั่งฟังจนจบโดยไม่ขัดคอ ปิดท้ายด้วยแสดงความเห็นอย่างอ่อนโยน
“ตัวเลือกของคุณเกิดจากเสียงเรียกร้องของหัวใจ พระองค์ท่านย่อมไม่ถือสา เชิญกลับไปก่อนเถิด พระองค์จะต้องคุ้มครองคุณแน่”
ค่อยยังชั่ว… ไคลน์เข้าใจความนัยแฝง จึงรีบเดินออกมาจากมหาวิหารไอน้ำด้วยอารมณ์ผ่อนคลายกว่าในตอนแรก
ขณะกำลังยืนริมถนน ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าเทาหม่นพร้อมกับถอนหายใจยาว
เราต้องรีบเลื่อนลำดับโดยด่วน…
……………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น