Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ 1099-1102

 ราชันเร้นลับ 1099 : 1368

 

“…” ลูก้า·บรูว์สเตอร์ก้มมองตัวเอง จากนั้นก็รีบยกแขนขวาขึ้นมาปิดเบื้องล่าง


ทันใดนั้น ดวงตาสีเทาอมเขียวของมันเปลี่ยนเป็นสีเข้ม


ทองคำที่ถูกหลอมเข้ากับราวบันไดลอยขึ้นไปในอากาศ ผสานกันกลายเป็นชุดเกราะแผ่นบาง ประกบเข้ากับร่างกายลูก้า·บรูว์สเตอร์


ลูก้าขยับแขน อธิบายพลังพร้อมกับผลข้างเคียง


“ศาสตร์เกราะทองคำของสเตียโน่… มีพลังป้องกันเทียบเท่าลำดับ 5 การ์เดียน”


“สเตียโน่?” ไคลน์ถามอย่างเป็นกันเอง


ลูก้าทำเสียงขรึมเพื่อแนะนำคนดังในประวัติศาสตร์


“หนึ่งในผู้ก่อตั้งนิกายมอสส์ยุคบุกเบิก… ได้ยินมาว่า จักรพรรดิโรซายล์เคยพัฒนาศาสตร์เกราะทองคำให้ดียิ่งขึ้น แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามีสิ่งใดที่เพิ่มเข้ามา”


…เราพอจะเดาได้… บางทีเกราะทองคำอาจเปลี่ยนร่างได้สิบสองแบบ… ไคลน์พึมพำเงียบ ชักนำบทสนทนากลับเข้าประเด็น


“เฟเนพ็อตและโบสถ์พระแม่ธรณีเข้าร่วมสงครามแล้ว?”


ออเดรย์ซึ่งลืมตาขึ้นหลังจากลูก้าแนะนำเกี่ยวกับ ‘ศาสตร์เกาะทองคำของสเตียโน่’ พยายามข่มใจให้ไม่ทำท่าเอียงคอ เพียงจ้องมองครึ่งเทพตรงหน้าด้วยกิริยาสำรวม


ลูก้าถอนหายใจ


“ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะวางตัวเช่นไร แต่พวกเขาจะเข้าร่วมสงครามหลังเที่ยงคืนวันนี้แน่นอน… อย่างไรก็ตาม เป้าหมายแรกยังไม่ใช่โลเอ็น แต่มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นลุนเบิร์ก มาซิน และเซกัล นั่นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้แนวรบกว้างเกินไปจนกองทัพกระจายตัว ยิ่งไปกว่านั้น โบสถ์พระแม่ธรณีไม่ต้องการสำแดงพลังมากนัก…”


หลังจากถอนหายใจ ครึ่งเทพแห่งโบสถ์ปัญญาความรู้กล่าวกับออเดรย์ซึ่งสวมหน้ากากสีเงิน ด้วยน้ำเสียงจริงใจ


“ไม่ทราบว่าผมต้องจ่ายค่ารักษาอย่างไร?”


ออเดรย์ชำเลืองมิสเตอร์เวิร์ลด้านข้าง


“เขาจ่ายให้แล้ว”


ลูก้า·บรูว์สเตอร์หันเหความสนใจมาทางดอน·ดันเตส


ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก


“ผมมีคำถาม”


“เชิญ” ลูก้ามิได้วางตัวเป็นครึ่งเทพ แต่ดูคล้ายกับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่รอฟังคำถามจากนักศึกษา


แต่แน่นอน ต้องให้ชายคนนี้ถอดชุดเกราะทองคำออกเสียก่อน และสวมสูทสามชิ้นเข้าไปแทน


โดยไม่ปล่อยให้รอนาน ไคลน์เอ่ยคำถาม


“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับการกัดกร่อนจากใต้ดินบ้าง”


ไคลน์คิดมาสักพักแล้วว่า นักบุญของโบสถ์ที่โด่งดังด้านสติปัญญา น่าจะ ‘ทน’ ต่อการกัดกร่อนด้านข้อมูลได้ดีกว่าเส้นทางอื่น และถ้าข้อมูลดังกล่าวเป็นอันตรายกับมิสจัสติส ลูก้าจะต้องเตือนก่อนแน่นอน เพราะชายคนนี้ไม่ใช่หนอนหนังสือทั่วไป


เนื่องจากหัวข้อ ‘การกัดกร่อนจากใต้ดิน’ เป็นสิ่งที่ออเดรย์เรียนรู้จากการสำรวจ ‘การเดินทางของกรอซาย’ เธอจึงตามบทสนทนาทัน และคิดว่าตนน่าจะเข้าใจคำตอบของอีกฝ่าย จึงยืนรอฟังสิ่งที่ออกจากปากครึ่งเทพฝั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น


ลูก้าขมวดคิ้วเล็กน้อย


“ผมเองก็ไม่มีข้อมูลมากนัก ทราบเพียงว่า ‘ใต้ดิน’ คือต้นกำเนิดของมลพิษ… อา… ผมเคยอ่านเจอบางประโยคในหนังสือโบราณ กล่าวไว้ว่า ยิ่งลำดับสูงเท่าไร อันตรายก็ยิ่งมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ใต้ดิน”


นั่นคือเหตุผลที่มังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวลเกิดความกลัวและสร้างบาดแผลทางใจ? ออเดรย์หวนนึกถึงสิ่งที่ถูกผนึกอยู่หลังประตูทองแดงในเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด


หญิงสาวหันไปมองมิสเตอร์เวิร์ลด้านข้าง พบว่าอีกฝ่ายยังไม่เปลี่ยนสีหน้า


อย่างไรก็ตาม ไคลน์หันมาผงกศีรษะให้มิสจัสติสเล็กน้อย เป็นนัยว่าตนกำลังคิดแบบเดียวกัน


ฉากตรงหน้าทำให้ออเดรย์นึกย้อนกลับไปในอดีต ตอนนั้นเธอยังเป็นผู้ชมลำดับต่ำ ไม่สามารถ ‘ถอดรหัส’ ภาษากายและสีหน้าของมิสเตอร์เวิร์ลได้แม่นยำนัก


ยิ่งมีลำดับสูง การเข้าใกล้ใต้ดินก็ยิ่งอันตราย? ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด… ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก เมื่อยืนยันว่าลูก้าไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ชายหนุ่มเปลี่ยนประเด็น


“คำถามที่สอง คุณทำนายแนวโน้มของสงครามไว้อย่างไร”


เมื่อเอ่ยถึงการทำนาย ลูก้า·บรูว์สเตอร์ดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที


“ตอนนี้แค่เริ่มต้น ยังห่างไกลจากสูงสุดอยู่มาก… ความเสียหายใหญ่หลวงจะเกิดขึ้น บางส่วนมาจากสงคราม แต่ก็มีบางส่วนมาจากนอกสงคราม ส่วนจะเป็นสิ่งใดนั้น ผมเองก็ไม่ทราบ”


สงครามเพิ่งเริ่ม… สีหน้าออเดรย์มืดมนอย่างมิอาจหักห้าม


บางส่วนเกิดจากสงคราม แต่บางส่วนก็เกิดจากนอกสงคราม? หมายถึงพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์ของพี่ชายอามุนด์หรือจักรพรรดิมืด? หรือการกลับมาของโรซายล์? ไคลน์พยักหน้าพลางคาดเดา ก่อนจะเริ่มคำถามที่สาม


“คุณเคยทำนายถึงวันสิ้นโลกบ้างไหม? ผลเป็นอย่างไร?”


ลูก้า·บรูว์สเตอร์ทำหน้าเครียด


“ไม่… นั่นไม่ใช่คำทำนาย… ทุกคนที่มีพลังทำนายหรือพยากรณ์ล้วนมั่นใจว่าวันนั้นจะต้องมาถึง… พระองค์ระบุไว้ในพระคัมภีร์ว่า จุดจบของทุกสิ่งจะเกิดขึ้นในปี 1368 แห่งยุคสมัยที่ห้า… แต่แน่นอน พระองค์กล่าวว่าจะมีผู้มาโปรด”


คำพยากรณ์ของเทพปัญญาความรู้? 1368… อีกแค่สิบกว่าปีเท่านั้น… หรือว่า เหตุผลที่เทพธิดาต้องรีบตัดไมตรีกับเทพสงครามและพยายามปรองดองกับ ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาโดยเร็ว เพราะว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบ? ไคลน์ทวีความตึงเครียด แต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้าหุ่นเชิด


เหลืออีกแค่สิบกว่าปี… ออเดรย์ออกอาการมึนงงหลังจากได้ยินคำตอบครึ่งเทพฝั่งตรงข้าม


ด้วยความสัตย์จริง เธอเคยคิดว่าคำพยากรณ์ดังกล่าวเป็นของปลอม มันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ควบคุมสาวกและทำให้ศาสนามั่นคง


ต่อให้มีสงครามขนาดใหญ่ปะทุขึ้นไปทั่วโลก แต่ออเดรย์ก็ไม่เคยจินตนาการว่าโลกจะถึงจุดจบ


นี่คือสามัญสำนึกของคนปรกติและผู้วิเศษส่วนใหญ่


“ทำไมถึงต้องเป็น 1368?” ไคลน์อดไม่ได้ที่จะถาม


ลูก้า·บรูว์สเตอร์ส่ายหน้า


“ผมเองก็ไม่ทราบ นั่นคือสิ่งที่พระองค์ระบุไว้”


เมื่อพิจารณาว่า แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงลำดับ 4 แต่ถ้าวันสิ้นโลกเกิดขึ้นจริง ลูก้าก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก ไคลน์ตัดสินใจยุติหัวข้อดังกล่าวและหันไปพูดกับลูก้า นักบุญแห่งโบสถ์ปัญญาความรู้


“หมดคำถามแล้ว”


สำหรับประเด็นอื่นที่ไคลน์อยากทราบ อีกฝ่ายก็คงตอบไม่ได้ ยกอย่างเช่น มลพิษจากอวกาศคืออะไร โรซายล์จะกลับมาตอนไหน ในสภาพใด


ลูก้า·บรูว์สเตอร์พยักหน้า


“หากในอนาคตคุณต้องการความช่วยเหลือ มาหาผมได้ทุกเมื่อ… ติดต่อผ่านเอ็ดวิน่าได้เลย”


มันยังไม่ลืมว่า เอ็ดวิน่าคือผู้ที่ชักนำให้ดอน·ดันเตสทำการค้าขายกับเมซันเญส


เอ็ดวิน่า… พลเรือโทธารน้ำแข็ง? ออเดรย์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะชำเลืองมาทางเดอะเวิร์ลด้วยความสงสัย


เธอจำได้ว่า ตนเคยอ่านหนังสือพิมพ์ที่เขียนถึงเรื่องราวระหว่างเกอร์มัน·สแปร์โรว์กับสามนายพลโจรสลัดสาวสวย


“ตกลง” ไคลน์ไม่ปฏิเสธ การมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดีเสมอ


หลังจากหันมาพยักหน้าขอบคุณออเดรย์ ลูก้า·บรูว์สเตอร์เลือนหายไปราวกับผสานเป็นหนึ่งกับโลกวิญญาณ


จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


เมื่อมองไปยังจุดที่ลูก้าเคยยืนและตระหนักว่า ทองคำทั้งหมดภายในห้องโถงหายไป ไคลน์พึมพำบางสิ่งในใจและยังคงรักษาความเงียบ


มันบังคับให้หุ่นเชิดหันไปทางออเดรย์ด้านข้าง


“ผมนึกว่างานของคุณจะยากกว่านี้”


“อีกฝ่ายคือนักบุญที่ช่วยเหลือตัวเองได้ทันเวลา และเชื่อใจดิฉัน ยอมให้ฝังการชี้นำทางจิตโดยไม่ขัดขืน” ออเดรย์ยิ้มตอบ พยายามทำตัวจริงใจและถ่อมตน


ดอน·ดันเตสพยักหน้า


“ภารกิจคราวนี้จะถูกนับรวมเป็นคะแนนผลงานของคุณ… รีบกลับกันเถอะ ที่นี่อันตรายมาก”


การได้เห็นครึ่งเทพเกือบคลุ้มคลั่งไปต่อหน้า ออเดรย์ไม่สงสัยใน ‘อันตราย’ ที่มิสเตอร์เวิร์ลเอ่ยถึง เธอรีบใช้ยุบพองหิวโหยเพื่อเทเลพอร์ตตัวเองกลับไปยังทวีปเหนือผ่านโลกวิญญาณ


หลังจากหญิงสาวสังเวยถุงมือหนังมนุษย์คืนมิสเตอร์ฟูลและเก็บกวาดแท่นบูชา เอิร์ลฮอลล์และบุตรชายคนโต ฮิบเบิร์ต·ฮอลล์กลับถึงบ้าน


ขณะออเดรย์เตรียมออกไปพบหน้าบิดาเพื่อทักทายสองสามคำ เธอได้ยินมารดาของตน คุณหญิงเคทลิน ซักถามภายในห้องโถง


“เกิดปัญหาขึ้นอีกแล้วหรือ? วันนี้คุณกลับช้ากว่ากำหนดมาก”


เอิร์ลฮอลล์ถอนหายใจ


“เฟเนพ็อตเปิดฉากโจมตีลุนเบิร์กแล้ว”



“ข่าวด่วน! ด่วนพิเศษ! เฟเนพ็อตเปิดฉากโจมตีลุนเบิร์กอย่างอุกอาจ!”


เลียวนาร์ดซึ่งสวมถุงมือสีแดง เดินลงจากรถม้าและเตรียมเดินเข้าไปในวิหารนักบุญแซมมวล


มันโบกมือเรียกเด็กขายหนังสือพิมพ์ ล้วงเหรียญหนึ่งเพนนีออกมาจ่าย จากนั้นก็กระซิบกระซาบขณะพลิกอ่าน


“อีกไม่นาน ทางใต้จะกลายเป็นสนามรบ”


“ใช่” พาลีส·โซโรอาสเตอร์ เจ้าของเสียงค่อนข้างชรา ตอบภายในใจ


“แล้วทำไมผมถึงยังอยู่ที่เบ็คลันด์…” เลียวนาร์ดพึมพำด้วยน้ำเสียงค่อนข้างฉงน


หลังจากเลื่อนลำดับเป็นจอมอาคมวิญญาณ มันกลายเป็นหัวหน้าหน่วยถุงมือแดง สมาชิกบางส่วนถูกดึงมาจากหน่วยอื่น หนึ่งในนั้นมีบ็อบและซินดี้ที่คุ้นเคย


หลังจากสงครามปะทุขึ้น เลียวนาร์ดคิดว่าทีมของตนจะถูกเรียกตัวกลับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อเข้าร่วมสมรภูมิเทือกเขาอมานด้า แต่กลับกลายเป็นว่า พวกมันยังคงถูกสั่งให้ประจำการในมุขมณฑลเบ็คลันด์เช่นเดิม


และในมหานครแห่งนี้ เนื่องจากมีการประกาศกฎอัยการศึกและเคอร์ฟิวในเวลากลางคืน ระดับความปลอดภัยภายในเมืองจึงเพิ่มสูงขึ้นมาก ไม่มีผู้วิเศษเถื่อนออกมาก่อความวุ่นวาย หรือกระทั่ง ‘ปีศาจ’ ที่ชอบฆ่าคนก็ยังเงียบกริบ นั่นทำให้เลียวนาร์ดค่อนข้างว่าง ผ่อนคลายยิ่งกว่ายามบ้านเมืองสงบสุขเสียอีก


ทันใดนั้น พาลีส·โซโรอาสเตอร์หัวเราะในลำคอ


“ข้าพอจะเดาได้”


“เดาได้ว่า?” เลียวนาร์ดถามเสียงต่ำ


“ข้ายังไม่อยากบอกเจ้าตอนนี้” พาลีสตอบด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย


“…” เลียวนาร์ดไม่กล่าวคำใดต่อ เพียงจัดระเบียบปกเสื้อและเดินเข้าไปในวิหารนักบุญแซมมวล ทักทายอาร์ชบิชอปสองสามคำ จากนั้นก็นั่งสวดมนต์ห้านาที


ถัดมา มันลงไปยังชั้นใต้ดินและเปิดประตูห้องทำงานชั่วคราวของถุงมือแดง


“อรุณสวัสดิ์ หัวหน้า” หน่วยถุงมือแดงอย่างบ็อบและซินดี้ลุกขึ้นทำความเคารพ


ได้เห็นฉากตรงหน้า เลียวนาร์ดที่เคยคิดว่าตนคุ้นชินแล้ว กลับต้องตกอยู่ในภวังค์ไปพักใหญ่


เพียงพริบตา บ่ายวันจันทร์วนกลับมาถึงอีกครั้ง เลียวนาร์ดแจกงานให้คนในทีม ส่วนตัวเองเข้ามาพักในห้อง รอให้ชุมนุมทาโรต์เริ่มขึ้น

 

 

 


ราชันเร้นลับ 1100 : หนังสือ

 

เหนือสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขต ภายในวังโบราณที่คล้ายกับถิ่นพำนักของทวยเทพ


เสาลำแสงสีแดงสว่างขึ้นจากสองฝั่งโต๊ะทองแดงยาว ก่อนที่แสงสีแดงจะควบแน่นกลายเป็นร่างคนพร่ามัว


จัสติส ออเดรย์ลุกขึ้นยืน จับชายกระโปรงมายาพร้อมกับโค้งคำนับ


“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล”


เธอมิได้กำลังหดหู่ เพียงแต่หลายสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะหลังได้พรากความสดใสร่าเริงไปจากหญิงสาว


เมื่อสมาชิกทุกคนทำความเคารพเสร็จและนั่งลง ออเดรย์กวาดตามองไปรอบๆ เป็นนิสัยของคนช่างสังเกต


แทบจะในทันที เธอพบว่ามาดามเฮอร์มิทมีสภาพจิตใจและภาษากายที่ย่ำแย่ คล้ายกับกำลังกังวลในบางเรื่อง


เกี่ยวกับราชินีเงื่อนงำ? หรือเป็นปัญหาอื่น? หรือทั้งสอง? จัสติส ออเดรย์ประหลาดใจเจือความอยากรู้อยากเห็น


หลังจากผ่านชุมนุมทาโรต์มาด้วยกันหลายครั้ง ออเดรย์วาดภาพร่างจิตใจของมาดามเฮอร์มิทไว้ในระดับหนึ่ง โดยเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นผู้วิเศษที่มีนิสัยขัดแย้งในตัวเอง ในบางแง่มุม มาดามเฮอร์มิททั้งฉลาด มากประสบการณ์ เปี่ยมความรู้ สุขุม และพึ่งพาได้ แต่ในบางแง่มุม เธอกลับกล้าหาญเกินไปจนติดประมาท เหมือนกับเด็กสาวเลือดร้อน


เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับราชินีเงื่อนงำ ออเดรย์ตีความว่า แม้มาดามเฮอร์มิทจะมากประสบการณ์ แต่ในหลายครั้งก็เป็นการฝ่าฟันอุปสรรคด้วยพรและแผนการของราชินีเงื่อนงำ นอกจากนั้นยังมีมุมของเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่โหยหาความรักความห่วงใย


และด้วยนิสัยลับๆ ในแง่มุมดังกล่าว ออเดรย์เชื่อว่า หากมาดามเฮอร์มิทได้พบกับคนที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งไม่เคยก่อความผิดร้ายแรง เธอจะเกิดความรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจโดยไม่รู้ตัว ต้องการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น


ขณะเดียวกัน เมื่อนำรายละเอียดที่เกี่ยวกับมาดามเฮอร์มิทจำพวก: เพศหญิง อยู่ในลำดับห้า ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในทะเล ครอบครองสมบัติวิเศษหลายชิ้น มากประสบการณ์และความรู้ มักสวมแว่นตาหนา และมีปฏิสัมพันธ์กับเกอร์มันสแปร์โรว์ มารวมเข้าด้วยกัน ออเดรย์เชื่อว่าตนสามารถคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของมาดามเฮอร์มิทได้อย่างมั่นใจขอเพียงได้เห็นใบประกาศจับสักครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอจงใจจะไม่ทำเช่นนั้น


ปัจจุบัน มาดามเฮอร์มิทน่าจะกลายเป็นครึ่งเทพลำดับสี่ เรียบร้อยแล้ว เธอไม่น่าจะมีเรื่องให้กังวลมากนัก… และคงไม่เกี่ยวกับการปะทุของสงคราม โจรสลัดที่เก่งกาจทางทะเลไม่น่าจะกังวลในเรื่องดังกล่าว… ท่ามกลางกระแสความคิด เนื่องจากยังข้อมูลไม่เพียงพอ ออเดรย์จึงมิอาจคาดเดาสาเหตุความกังวลของมาดามเฮอร์มิท ทำได้แค่เดาว่าเกี่ยวข้องกับราชินีเงื่อนงำ


ในเวลาเดียวกัน แคทลียากำลังครุ่นคิดเพียงสองเรื่อง


เหตุใดราชินีถึงส่งมอบไดอารีจำนวนมากขนาดนี้ในคราวเดียว? ถ้าไม่ใช่เพราะเราคือปราชญ์พิศวง คงคัดลอกไดอารีจำนวนมากขนาดนี้ไม่ไหวแน่… เกิดอะไรขึ้น? ราชินีกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก?


เจ้าบ้าแฟรงค์ไม่ยอมประกอบพิธีกรรมเลื่อนลำดับ คิดจะเลื่อนลำดับด้วยการดื่มโอสถเพียงอย่างเดียว… โชคดีที่เราห้ามไว้ได้ทัน… แต่พิธีกรรมของดรูอิดไม่ยากสักเท่าไร แฟรงค์เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์ทั่วไปเป็นทุนเดิม รวมถึงสัตว์วิเศษอีกไม่ต่ำกว่าสามชนิด… ในฐานะนักชีววิทยาสติเฟื่องที่หลงใหลในการผสมข้ามสายพันธุ์ แฟรงค์พร้อมแล้วสำหรับพิธีกรรม ภายในหนึ่งสัปดาห์… ไม่สิ สองวัน เขาจะกลายเป็นดรูอิด สิ่งที่ต้องทำเหลือแค่การเขียนความรู้และประสบการณ์ให้เป็นลายลักษณ์อักษร…


แคทลียาพยายามสลัดความกังวล เธอหันหน้าไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและกล่าวด้วยความเคารพ


“เรียนมิสเตอร์ฟูล คราวนี้ดิฉันรวบรวมไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ได้หนึ่งเล่ม”


หนึ่งเล่ม… ได้ยินคำกล่าวของมาดามเฮอร์มิท สมาชิกชุมนุมทาโรต์ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่แฮงแมน ต่างพากันตกตะลึงสุดขีด


ในอดีต อย่างมากก็สองถึงสามหน้า เฉลี่ยแล้วหนึ่งถึงสองหน้า แต่คราวนี้กลับทั้งเล่ม!


เกิดอะไรขึ้น? แม้แต่คนที่ให้ความสนใจไดอารีน้อยที่สุดอย่างเดอะซัน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม


ทุกคนทราบดี ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดต คือบุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ การรวบรวมไดอารีจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่การส่งมอบทีเดียวทั้งเล่มก็ไม่ปรกติเช่นกัน!


เฮอร์มิท แคทลียาเพิกเฉยสายตาของสมาชิกคนอื่นที่กำลังจดจ้อง


“เนื้อหาด้านในอาจไม่ปะติดปะต่อ แต่ทั้งหมดถูกเขียนในช่วงบั้นปลายชีวิต”


“ยอดเยี่ยม” เดอะฟูล ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา เป็นนัยให้มาดามเฮอร์มิทเริ่มเขียนได้เลย


หน้าไดอารีสีเหลืองถูกเขียนขึ้นแผ่นแล้วแผ่นเล่า จากนั้นก็ถูกนำมาเรียงเป็นเล่ม


หลังจากไคลน์รับมา มันเปิดอ่านคร่าวๆ ก่อนจะปิดกลับและวางลง หันไปมองแคทลียา


“เชิญถาม… เมื่อนับรวมทั้งหมด เจ้าสามารถถามได้สิบข้อ”


มันไม่รีบร้อนอ่านทันทีเพราะไดอารีมีจำนวนหน้ามากเกินไป ไม่ต่ำกว่าสามสิบแผ่น หากต้องอ่านทั้งหมดอย่างละเอียด สมาชิกชุมนุมทาโรต์ต้องนั่งรอเป็นเวลานาน และนั่นอาจทำให้ภาพลักษณ์ของเดอะฟูลเสื่อมเสีย ไคลน์จึงเก็บไว้อ่านรวดเดียวหลังการชุมนุมยุติ


สิบ… เฮอร์มิท แคทลียาปวดหัวทันที เพราะราชินีเงื่อนงำฝากคำถามมากับเธอแค่สองข้อ


หญิงสาวไตร่ตรองสักพัก


“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ แบ่งเก็บไว้ถามวันอื่นได้ไหม?”


“ได้” ไคลน์พยักหน้าพลางยิ้ม


มันต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะการตอบคำถามรวดเดียวสิบข้อ สำหรับมิสเตอร์ฟูลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน


เฮอร์มิท แคทลียาถอนหายใจโล่งอก


“ครั้งนี้มีสองข้อ… ข้อแรก ทำไมถึงต้องคอยระวังผู้ชม?”


ระวังผู้ชม? ออเดรย์เผยสีหน้ามึนงง ไม่ว่าจะครุ่นคิดสักเพียงใดก็มิอาจหาเหตุผลมารองรับ ถึงขั้นตรวจสอบตัวเองอย่างละเอียด


คอยระวังผู้ชม? เดอะมูน เอ็มลิน เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด และสมาชิกที่เหลือต่างหันไปมองมิสจัสติส


เดอะฟูล ไคลน์หัวเราะในลำคอ กล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย


“ผู้ชมมักซ่อนตัวในเงามืดและคอยบงการทุกสิ่ง ตรวจสอบได้ยาก แทบไม่มีวิธีรับมือ… จากบรรดาทั้งหมด บุคคลที่ต้องระวังมากที่สุดคือเทวทูตจินตภาพ อาดัม… ชายคนนั้นกำลังจะเถลิงบัลลังก์เทพ เหลือแค่การดื่มโอสถในวินาทีที่กระแสแห่งเวลาดำเนินไปถึงจุดที่คาดหวัง”


“กระแสแห่งเวลาดำเนินไปถึงจุดที่คาดหวัง… หมายถึง… คอยชักใยให้โลกดำเนินไปถึงจุดที่ตัวเองหวังไว้?” ออเดรย์อดไม่ได้ที่จะถามเดอะฟูล


ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบา


“ถูกต้อง… สิ่งที่อาดัมคาดหวังไว้ก็คือ… สงครามใหญ่ซึ่งปกคลุมทั่วโลก”


นี่มัน… ไม่ว่าจะเป็นแฮงแมน อัลเจอร์ เฮอร์มิท แคทลียา หรือสมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่เหลือ ทุกคนล้วนถูกถล่มด้วยข้อมูลจากปากมิสเตอร์ฟูลจนสมองชาไปหลายวินาที


ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพ หรือกระแสแห่งเวลา ทุกสิ่งล้วนเป็นเนื้อหาในระดับสูง สูงจนไม่มีใครเอื้อมถึง!


ทันใดนั้น พวกมันเริ่มเข้าใจว่าทำไมสมาคมแปรจิตถึงคอยสนับสนุนแผนการของราชวงศ์ และสมาชิกบางคนที่รู้จักสภานักสิทธิ์สนธยา เริ่มเข้าใจนิยามของกระแสแห่งเวลาได้ชัดเจนขึ้น


มีเพียงตัวตนระดับมิสเตอร์ฟูลเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมในเกมระดับนี้… แฮงแมน อัลเจอร์สลัดความฟุ้งซ่าน ถอนหายใจแผ่วเบาพร้อมกับทวีความอยากเป็นครึ่งเทพ


มันเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า สงครามในปัจจุบันจะหยิบยื่นโอกาสนั้นให้ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าตนจะคว้าเอาไว้ได้ไหม


ขณะสมาชิกชุมนุมทาโรต์กำลังใช้ความคิดอย่างเงียบงัน ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อน เพราะแม้แต่มันก็จนปัญญาจะยับยั้งสงคราม อย่างไรก็ตาม หากพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของจอร์จที่สามล้มเหลว ไคลน์ก็ยังพอมองเห็นโอกาสในการบรรเทาความโหดร้ายบางส่วนของสงคราม แต่ไม่ใช่กับภาพรวมแน่นอน สงครามนี้ไม่วันถูกหยุดได้อีกแล้ว ต่อให้ตัวมันเป็นเทวทูตลำดับหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ยังมีพลังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ หากยังดื้อรั้นจะเอาตัวเข้าไปขวาง ชะตากรรมเดียวคือการถูกกงล้อแห่งประวัติศาสตร์บดขยี้


หากไม่นับอาดัมซึ่งวางแผนและเตรียมการเกี่ยวกับสงครามมานานกว่าพันปี หรืออาจนานถึงสองพันปี ต่อให้เป็นราชาเทวทูตตนอื่นก็คงทำอะไรไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็แค่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในพื้นที่เล็ก มิอาจเข้าไปขวางกระแสหลัก หากต้องการยับยั้งให้สำเร็จ เกรงว่าหนทางเดียวคือการภาวนาให้เหล่าทวยเทพลำดับ 0 ขยับตัว… เข้าใจแล้วว่าทำไมจักรพรรดิโรซายล์ถึงเคยกล่าวไว้ว่า วิธีเดียวที่จะปกป้องตัวเองและคนสำคัญรอบข้าง คือการก้าวไปเป็นเทพแท้จริงให้ได้… สิ่งที่เราทำได้ในปัจจุบัน… สั่งให้กลุ่มต่อต้านบนหมู่เกาะรอสต์เตรียมความพร้อม หากมีโอกาสให้ดำเนินแผนทวงคืนดินแดนอาณานิคมทันที… ไคลน์สลัดความคิด ยังคงรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้า


มันไม่ใช่คนตาบอดที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปขวางกระแสสงครามโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่อย่างน้อย ประสบการณ์และการศึกษาจากชาติก่อน รวมถึงสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินจากทวีปใต้ ทำให้ไคลน์กล้าที่จะวางแผนล้มล้างการกดขี่ของชาติอาณานิคม


สรุปโดยสั้น สิ่งที่มันไม่ชอบใจ ถึงขั้นเกลียดชังก็คือสงครามที่ไม่ยุติธรรม


เมื่อแคทลียาตระหนักถึงสายตาจากมิสเตอร์ฟูล เธอรีบสลัดความปั่นป่วนทางใจและกล่าวต่อ


“ข้อที่สอง… สุสานลับแห่งใดของจักรพรรดิโรซายล์ที่ยังไม่ถูกค้นพบ”


สุสานลับ? ที่ยังไม่ถูกค้นพบ? เมจิกเชี่ยน ฟอร์สรีบรวบรวมสติเพื่อตั้งใจฟัง โดยมองว่านี่คือวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับเขียนนิยาย


จากคำถามดังกล่าว จัสติส ออเดรย์และแฮงแมน อัลเจอร์ ฉุกคิดได้หนึ่งเรื่อง


บุตรสาวคนโตของจักรพรรดิโรซายล์ยังไม่ยอมรับการตายของผู้เป็นบิดา ปัจจุบันยังคงไล่ตามร่องรอยที่จักรพรรดิโรซายล์เหลือทิ้งไว้ โดยหวังว่าสักวันจะชุบชีวิตพ่อบังเกิดเกล้าขึ้นมาใหม่


แต่แน่นอน ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ ภายในสุสานมีสมบัติที่ราชินีเงื่อนงำปรารถนา


โรซายล์ก็มีสุสานลับกับเขาด้วย? ข้างในจะมีอะไรกันนะ… เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด และจัดจ์เมนต์ ซิลต่างสนใจประเด็นเดียวกัน


เดอะฟูล ไคลน์เตรียมคำตอบไว้แล้ว จึงยิ้มอย่างอ่อนโยนและเปล่งเสียง


“ที่ใดสักแห่งในทะเลหมอก อาจเป็นบนเกาะโบราณลึกลับที่โรซายล์เคยค้นพบ หรือไม่ก็ในนรกที่โรซายล์เคยไปเยือน”


นรก… คิ้วเอ็มลินกระตุกขึ้นมาทันที


มีตำนานมากมายบันทึกไว้ว่า เผ่าพันธุ์ผีดูดเลือดต้องเผชิญกับหายนะในยุคสมัยที่สอง แม้เอ็มลินจะได้อ่านเรื่องราวเหล่านั้นหลังจากเหตุการณ์ล่วงเลยมากว่าพันปี แต่มันก็ยังซึมซับความโกลาหลและปั่นป่วนในช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างแจ่มชัด


เดอร์ริค เดอะซันเกิดความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน แต่ไม่รุนแรงเท่าเอ็มลิน นั่นเป็นเพราะเด็กหนุ่มได้รับการศึกษาที่เข้มงวด เมืองเงินพิสุทธิ์จะสอนเด็กทุกคนว่า การอ่านเรื่องราวในลักษณะดังกล่าวจะทำให้จิตใจได้รับภาระหนัก รวมถึงอิทธิพลทางอารมณ์ที่จะติดตัวไปในภายหลัง ส่งผลให้เดอร์ริคไม่เคยอ่านตำนานหรือบันทึกประวัติศาสตร์อย่างส่งเดช


นรก… จัสติส ออเดรย์ จัดจ์เมนต์ ซิล และคนอื่นต่างทวนคำในใจแผ่วเบา


ในชีวิตประจำวันของทุกคน ส่วนใหญ่คำว่านรก จะใช้ในเชิงเปรียบเปรยมากกว่า เป็นสัญลักษณ์แทนอันตราย ความเจ็บปวด ต่ำทราม และสกปรกชั่วร้าย


แต่กลับต้องผิดคาด นรกมีอยู่จริง ที่ใดสักแห่งในทะเลหมอก

 

 

 


ราชันเร้นลับ 1101 : จ่ายค่าจ้างแบบพิเศษ

 

แคทลียาตกอยู่ในภวังค์นานหลายวินาที เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าสุสานลับของจักรพรรดิโรซายล์จะเกี่ยวข้องกับนรก


แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด เธอพบว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ตัวตนระดับโรซายล์จะเกี่ยวข้องกับสถานที่แบบนั้น


มีครู่หนึ่งที่แคทลียาภาวนาว่า ขอให้ราชินีไม่ไล่ตามเรื่องนี้อีก แต่ในท้ายที่สุด เธอตัดสินใจพับเก็บความคิดดังกล่าว เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเธอเอง ก็คงตัดสินใจทำในสิ่งเดียวกัน


ท่ามกลางกระแสความคิด เฮอร์มิท แคทลียาก้มศีรษะให้บุคคลในตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาว


“ขอบคุณสำหรับคำตอบ ดิฉันหมดคำถามแล้ว”


เดอะฟูล ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบา มองไปรอบตัวและกล่าว


“เชิญ”


ทันทีที่สิ้นเสียง ฟอร์สซึ่งรวบรวมความกล้ามาสักพัก ตัดสินใจ ‘ใส่หมดหน้าตัก’ คล้ายกับกำลังหลับตาและวิ่งเข้าหาความตาย


“มิสเตอร์เวิร์ล ดิฉันอยากจ้างคุณ”


เมื่อเห็นเดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์หันมามอง หญิงสาวรีบอธิบาย


“ภารกิจไม่ซับซ้อน แค่พาฉันไปยังสถานที่แปลกๆ และกลับมารับในอีกสองสามวันให้หลัง… หรือถ้าคุณไม่ว่างจริงๆ … ฉันยินดีจะจ้างให้คุณช่วยแสดงพลัง ‘ท่องเที่ยว’ ต่อหน้าเพื่อทำการบันทึก”


ได้ยินคำจ้างวานจากมิสเมจิกเชี่ยน คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวไคลน์ก็คือ


ผจญภัยสุดขั้วกับแบร์ กริลล์?


ฉันมีสถานที่เหมาะๆ ให้เธอเลือกเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นซากสมรภูมิเทพทางน่านน้ำสุดขอบตะวันออกของทะเลโซเนีย เมืองกัลเดรอนแห่งโลกวิญญาณ หรือจะเป็นเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิดในการเดินทางของกรอซาย… รับประกันได้เลยว่าทั้งแปลกและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการนับร้อยเท่าพันเท่า… แต่น่าเสียดาย มิสเมจิกเชี่ยนคงรับมือกับอันตรายไม่ไหว… ไคลน์ไม่บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบทันที ยังคงจ้องหน้ามิสเมจิกเชี่ยนต่อไปอย่างเงียบงัน


ฟอร์สเว้นวรรคพักหายใจ พยายามข่มสติ จากนั้นก็เสริมรายละเอียด


“แค่นี้ค่ะ… ปัจจุบันฉันคือนักบันทึก ลำดับหก แห่งเส้นทางผู้ฝึกหัด ในการจะย่อยโอสถ ไม่เพียงต้องบันทึกพลังพิเศษหลากหลายชนิด แต่ยังต้องบันทึกขนมธรรมเนียม วิวทิวทัศน์ และตำนานท้องถิ่นของสถานที่ต่างๆ … ฉันอยากเป็นนักท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากสงคราม… มิสเตอร์เวิร์ล ตอนนี้ฉันบันทึกพลัง ‘ท่องเที่ยว’ ไว้กับตัวแค่ครั้งเดียว หากใช้มันเดินทางไปไกล เกรงว่าคงจะหาทางกลับไม่ได้… ฉันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องพึ่งคุณ… ถ้าไม่สนใจก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสนใจ คุณยินดีรับค่าตอบแทนแบบไหน?”


แบบนี้นี่เอง… ออเดรย์กระจ่างทันที พร้อมกับรู้สึกว่าแนวคิดของฟอร์สช่างยอดเยี่ยม


นอกจากนั้น ฟอร์สยังเป็นนักเขียนนิยายขายดี การได้ ‘บันทึก’ ตำนานและเรื่องเล่าลงบนหนังสือและตีพิมพ์ นั่นคงช่วยให้ความเร็วในการย่อยโอสถเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด… ออเดรย์พยักหน้าเล็กน้อย ยินดีกับเพื่อนสนิทด้วยใจจริง


อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ มีหรือที่ออเดรย์จะไม่ทราบว่าฟอร์สกลัวมิสเตอร์เวิร์ลมากเพียงใด เธอแอบคาดหวังความสนุกในตอนที่ทั้งสองได้พบหน้ากันอีกครั้ง


ออเดรย์ นิสัยของเธอแย่มาก! แต่นี่เป็นสัญชาตญาณของผู้ชม… ฮิฮิ… ฟอร์สไม่มีทางรู้ว่า นักผจญภัยเสียสติที่เธอหวาดกลัวจากก้นบึ้ง แท้จริงแล้วเป็นแค่หน้ากากชั้นนอก เนื้อในคือชายหนุ่มจิตใจงดงามและสุภาพอ่อนโยน… เราเองก็ต้องเร่งย่อยโอสถนักท่องฝันเหมือนกัน ด้วยการตระเวนไปตามความฝันของผู้คนในยามค่ำคืน… ออเดรย์ไม่เปลี่ยนสีหน้า เพียงรักษาอากัปกิริยาสำรวจของผู้ชม


แฮงแมน อัลเจอร์ถอนหายใจยาวหลังจากได้ยินคำพูดมิสเมจิกเชี่ยน เพราะแม้แต่ผู้ฝึกหัดที่เคยมีลำดับต่ำคนนี้ ปัจจุบันกำลังพุ่งเป้าไปยังการเป็นลำดับห้า โดยที่ตัวมันจมปลักอยู่ในลำดับ 5 มาสักพักแล้ว


เดอะเวิร์ลกับเฮอร์มิทอยู่ในลำดับสี่… จัสติส เดอะซัน เดอะมูน เดอะสตาร์ ล้วนอยู่ในลำดับ 5 เหมือนกับเรา… หากไม่นับจัดจ์เมนต์ที่เพิ่งเข้าร่วมชุมนุม มีเพียงเมจิกเชี่ยนที่ลำดับต่ำกว่าเรา… อัลเจอร์รู้สึกแน่นหน้าอกอย่างอธิบายไม่ถูก สลัดเท่าไรก็ไม่ออก ใจอยากรีบคว้าโอกาสในการเลื่อนเป็นครึ่งเทพแห่งเส้นทางวายุ ผู้สังเวยภัยพิบัติ โดยเร็ว


มันกระหายตำแหน่ง กระหายพลังอำนาจ กระหายการถูกยกย่อง เคารพนับถือ และเชื่อฟัง นอกจากนั้นยังไม่อยากถูกสมาชิกชุมนุมทาโรต์แซงหน้าไปและทิ้งมันไว้ข้างหลังคนเดียว


อย่างนี้นี่เอง… ไคลน์เริ่มเข้าใจแนวคิดของมิสเมจิกเชี่ยน แต่ทันใดนั้น มันฉุกคิดบางสิ่งได้


สิ่งนั้นคือ ‘อาชีพ’ ของมิสเมจิกเชี่ยน เป็นข้อมูลที่เธอเล่าให้ฟังขณะพูดคุยกับเดอะฟูลในคืนจันทร์เต็มดวง


อดีตศัลยแพทย์ ปัจจุบันนักเขียน!


หืม… หากตำนานที่เราสร้างโด่งดังและแพร่หลายเป็นวงกว้าง นั่นจะยิ่งช่วยย่อยโอสถจอมเวทพิสดารได้หลายระดับ… อา… ยิ่งพอเป็นนิยายที่เน้นด้านการบรรยายให้เกิดความหลอน สยองขวัญสั่นประสาท นั่นจะยิ่งได้ผลดี… เมื่อผุดแนวคิดใหม่ ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลเปิดปาก


“งานจ้างของคุณ สำหรับผมแล้วง่ายมาก… แต่ค่าตอบแทนที่ผมต้องการ อาจจะฟังดูยุ่งยากเล็กน้อย”


หลังจากได้ยินว่ามิสเตอร์เวิร์ลมีแนวโน้มจะช่วย เมจิกเชี่ยน ฟอร์สรีบถามด้วยความตื่นเต้นเจือกังวล


“จะให้ฉันตอบแทนด้วยอะไร?”


เดอะเวิร์ลครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ


“รวบรวมตำนานภูตผีที่เกิดขึ้นในระยะหลังตามโรงพยาบาลใหญ่ของเบ็คลันด์ จากนั้นก็เขียนลงในหนังสือหรือบนความในหนังสือพิมพ์… เงื่อนไขของผมก็คือ พยายามเขียนให้สยองขวัญและพิสดารมากที่สุด หากกลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับได้ก็จะเยี่ยมมาก”


เหตุผลที่ไคลน์บอกให้เขียนแค่ตำนานสยองขวัญตามโรงพยาบาลใหญ่ในเบ็คลันด์ เพราะมิสเมจิกเชี่ยนเป็นชาวเบ็คลันด์ที่มีเครือข่ายทางการแพทย์ในระดับหนึ่ง การนำตำนานภูตผีมาเป็นวัตถุดิบเขียนนิยายจะไม่ทำให้คนรอบข้างผิดสังเกต แต่ถ้าเกิดเธอเขียนตำนานภูตผีบนเกาะรอสต์ ทะเลหมอก และทวีปใต้ลงไปด้วย เกรงว่าซาราธคงได้ส่งหุ่นเชิดไปเคาะประตูหาถึงบ้าน


ตำนานภูตผีในระยะหลังตามโรงพยาบาลใหญ่ของเบ็คลันด์… หลังจากได้ยินข้อเสนอจากเดอะเวิร์ล จัสติส ออเดรย์พลันตกตะลึงนานเกือบสามวินาที


เดิมทีเธอคิดว่าตำนานดังกล่าวเกิดจากเทคนิคการรักษาลับๆ ของผู้วิเศษสังกัดโบสถ์ ส่วนเห็ดและวัชพืชคือผลข้างเคียงด้านลบของสมบัติวิเศษที่ใช้ในปฏิบัติการ แต่กลับต้องผิดคาด


แน่นอน ออเดรย์เคยสงสัยเล็กๆ ว่าอาจเป็นฝีมือของดอน·ดันเตส เพราะสุภาพบุรุษรายนี้ได้ฟังเธอเล่าถึงคนไข้ที่บาดเจ็บหนักในโรงพยาบาล แถมยังเป็นคนจิตใจงดงาม แต่ในภายหลัง ออเดรย์ค่อนข้างมั่นใจว่าดอน·ดันเตสไม่ได้เคลื่อนไหว ความน่าจะเป็นจึงตกอยู่กับหน่วยพิเศษของศาสนจักรมากกว่า


แต่ในวินาทีนี้ ออเดรย์มั่นใจเกือบเต็มร้อยว่า เทวทูตตัวตลกคือมิสเตอร์เวิร์ล หรือถ้าไม่ใช่ก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด


มิสเตอร์เวิร์ลสวมหน้ากากเห็ดและวัชพืช เหมือนกับที่สวมหน้ากากนักผจญภัยเสียสติ… แต่ทำไมถึงต้องแต่งกายแบบนั้นออกไปทำความดี? หรือต้องใช้ความสยองขวัญและหวาดผวาของผู้คนเพื่อย่อยโอสถ? ออเดรย์พึมพำพลางคาดเดา


เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด และแฮงแมน อัลเจอร์ ต่างนึกถึงตำนานภูตผี คนหนึ่งเพิ่งแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเหยี่ยวราตรีที่วิหารนักบุญแซมมวล ส่วนอีกคนเพิ่งได้ฟังตำนานสยองขวัญจากลูกเรือ


เห… เราไม่เคยได้ยินข้อเรียกร้องแบบนี้มาก่อน แถมยังไม่ใช่การเขียนชีวประวัติ… แม้ว่าสงครามจะปะทุขึ้น แต่หนังสือพิมพ์และนิยายกลับขายดีขึ้นมากเช่นกัน บรรณาธิการถึงกับเร่งให้เราออกหนังสือเล่มใหม่… อา… ปกปิดตัวตนสักหน่อยดีกว่า คงต้องโน้มน้าวให้บรรณาธิการเปลี่ยนนามปากกาของเรา ข้ออ้างก็คือ นิยายต่างแนวต้องใช้นามปากกาที่ต่างกัน… หลังจากไตร่ตรองเล็กน้อย เมจิกเชี่ยน ฟอร์สมอบคำตอบ


“ตกลง”


เดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์หัวเราะในลำคอก่อนจะกล่าวเสียงแหบพร่า


“ถ้าผลงานออกมาดี ผมจะเปิดโอกาสให้คุณบันทึกพลังครึ่งเทพ”


“…ตกลง!” ฟอร์สสลัดความเกียจคร้านและตอบขึงขัง


สำหรับเธอ การได้บันทึกพลังครึ่งเทพไม่เพียงจะช่วยในการป้องกันตัว แต่ยังช่วยให้โอสถย่อยได้เร็วขึ้น


บทสนทนาดังกล่าวทำให้ออเดรย์ ซิล เลียวนาร์ด และสมาชิกคนอื่น อดไม่ได้ที่จะรำพันคล้ายกันในใจ: นักบันทึกช่างน่าอิจฉา…


หากมีผู้วิเศษระดับครึ่งเทพคอยหนุนหลัง นักบันทึกจะสำแดงพลังได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ด้อยไปกว่าลำดับ 5 เลยสักนิด ในบางกรณีอาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ


หลังจากตกลงกันเสร็จ บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบไปครู่หนึ่ง เนื่องจากชุมนุมทาโรต์ไม่มีความต้องการเพิ่มเติม


เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดเพิ่งกลายเป็นจอมอาคมวิญญาณได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้สรุปกฎและกุญแจสำคัญ นอกจากนั้น การเลื่อนลำดับในอนาคตก็คงถูกสนับสนุนโดยศาสนจักร ไม่จำเป็นต้องซื้อสูตรหรือตะกอนพลัง ในส่วนของสมบัติวิเศษ มันเพิ่งซื้อวาจาสมุทรไป และยังสามารถเบิกใช้งานสมบัติปิดผนึกหลังประตูยานิสได้ด้วย


ในระยะหลัง เดอะมูน เอ็มลินมักอ่านบันทึกของผีดูดเลือดเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับดวงจันทร์ เพราะมันอยากดึงพลังของปราชญ์สีชาดออกมาจนถึงขีดสุด สำหรับตะกอนพลังและสูตรโอสถลำดับ 4 ราชาหมอผี เอ็มลินยังไม่ต้องการในช่วงนี้ หรือต่อให้ต้องการ ก็มีเงินไม่พอที่จะซื้ออยู่ดี


เดอะซัน เดอร์ริคเชี่ยวชาญพลังนักบวชแสงแล้วก็จริง แต่ยังห่างไกลจากการเลื่อนลำดับอยู่มาก นอกจากนั้น มันมีตะกอนพลังของลำดับ 4 อย่างผู้เจิดจรัสอยู่ในมือแล้ว


ในทำนองเดียวกับ ออเดรย์และซิลยังไม่ใกล้เลื่อนลำดับ คนหนึ่งกำลังทำงานใช้หนี้มิสเตอร์เวิร์ล ส่วนอีกคนทำงานใช้หนี้ฟอร์ส


สำหรับแฮงแมน อัลเจอร์ มันเป็นคนของโบสถ์วายุสลาตันก็จริง แต่ก็ต้องคอยปกปิดลำดับที่แท้จริงของตัวเอง สถานการณ์น่าอึดอัดสุดขีด หากต้องการเลื่อนเป็นครึ่งเทพ มีแต่ต้องแสวงหา ‘ทางลัด’ จากสงครามเท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใด มันได้รับสูตรโอสถ ‘ผู้สังเวยภัยพิบัติ’ มาจากเดอะเวิร์ลก่อนหน้านี้แล้ว


เฮอร์มิท แคทลียาเพิ่งกลายเป็นครึ่งเทพ ปัจจุบันกำลังศึกษาความลับของศาสตร์เร้นลับในทุกแง่มุม ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากที่สุดก็คือ แม้เพิ่งจะเลื่อนลำดับได้ไม่นาน แต่เมื่อนึกทบทวนความรู้ที่ตนสั่งสมมาตลอดชีวิต เธอกลับพบว่าโอสถปราชญ์พิศวงถูกย่อยไปแล้วหลายระดับ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อมูลที่ได้ฟังภายในชุมนุมทาโรต์!


ช่วงเวลาค้าขายจบลงอย่างรวดเร็ว บรรดาสมาชิกเริ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ


เดอะมูน เอ็มลินมองไปรอบตัวก่อนจะหยุดสายตาที่เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด


“ถ้าคุณเป็นคนของทางการ ในยามศึกสงคราม คุณจะทำยังไงกับนักบวชของศาสนาศัตรูที่อยู่ในพื้นที่? เขาไม่ได้วางแผนที่จะทำเรื่องเลวร้ายหรืออะไรทำนองนั้น”


แม้ว่าเฟเนพ็อตจะยังไม่ได้เปิดศึกกับโลเอ็นโดยตรง แค่เริ่มโจมตีลุนเบิร์ก แต่ยิ่งนานวันเข้า เหล่าสาวกของวิหารฤดูเก็บเกี่ยวก็ยิ่งมองบิชอปยูทรอฟสกี้ซึ่งมีเชื้อสายฟุซัคด้วยสายตาแปลกไป


เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดไตร่ตรองสักพักก่อนจะมอบคำตอบ


“คุมขังเชิงป้องกัน”

 

 

 


ราชันเร้นลับ 1102 : ล่อเสือมากัดหมาป่า

 

คุมขังเชิงป้องกัน… ตอบได้ฉลาดมาก สมแล้วที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยถุงมือแดงทีมใหม่… เดอะฟูล ไคลน์อดไม่ได้ที่ชมเชยแกมจิกกัดคำตอบของเลียวนาร์ด


ชายหนุ่มทราบดีว่าเอ็มลินกำลังพูดถึงใคร เพราะตนก็พอจะรู้จักบิชอปยูทรอฟสกี้ผู้ต้องการถูกเรียกว่านักบวชรายนี้


แต่ไคลน์ไม่ปักใจเชื่อประโยคของเอ็มลินที่ระบุว่า ‘เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องเลวร้ายหรืออะไรทำนองนั้น’ เพราะในฐานะผู้ศรัทธาพระแม่ธรณีอย่างสุดโต่ง ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าเส้นแบ่งความดีของแต่ละคนคือตรงไหน


จริงอยู่ที่ไคลน์ไม่คลางแคลงความเคร่งครัดคำสอนของหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ แต่ปัญหาก็คือ โบสถ์พระแม่ธรณีมักนำ ชีวิตไปเปรียบกับพืช ชะตากรรมของพืชคือความเหี่ยวเฉาและกลับคืนสู่อ้อมอกพระแม่ธรณี โดยจะงอกเงยกลับมาใหม่ได้อีกครั้งในปีถัดไป


บิชอปเคร่งศาสนาของโบสถ์พระแม่ธรณี ไม่ควรถูกเรียกว่ามีสามัญสำนึกเกี่ยวกับชีวิตเหมือนกับคนปรกติ


หลวงพ่อยูทรอฟสกี้ต้องถูกควบคุมตัวด้วยประการทั้งปวง มิได้ทำไปเพื่อปกป้องสาวกของวิหารและชาวบ้านข้างเคียงเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อปกป้องตัวบิชอปลูกครึ่งคนยักษ์เองด้วย… ขณะไคลน์กำลังคิดเรื่อยเปื่อย เลียวนาร์ดที่พอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิหารฤดูเก็บเกี่ยวอยู่บ้าง เริ่มเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเอ็มลิน จึงเตรียมส่งคนไปจับตามองสักสองวัน จากนั้นค่อยประสานงานกับหน่วยพิเศษที่ดูแลย่านทิศใต้ของสะพานและนำตัวข้ารับใช้ของพระแม่ธรณีมาคุมขังเชิงป้องกัน


เมื่อได้ฟังคำตอบ เอ็มลินพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวคำใด


เห็นอีกฝ่ายเงียบไป เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดหันไปถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยมาสักพัก


“มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นในเบ็คลันด์บ้างไหม?”


มันกำลังหาเหตุผลว่าทำไมถุงมือแดงยังถูกสั่งให้ประจำการในเมืองใหญ่


ทันทีที่สิ้นเสียง สมาชิกชุมนุมทาโรต์แทบทุกคนรวมถึงเดอะซัน เดอร์ริค ต่างหันไปมองเดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นตาเดียว


จากประสบการณ์ของพวกมัน ทุกครั้งที่ใกล้จะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในเบ็คลันด์ ชายคนนี้จะมอบคำเตือนก่อนเสมอ


เหตุการณ์ใหญ่ในเบ็คลันด์? มีเพียบเลย… จอร์จที่สามเตรียมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด การนัดพบลับๆ ระหว่างเรากับราชินีเงื่อนงำ สามโบสถ์หลักล้วนอนุญาตโดยนัยให้จักรพรรดิมืดถือกำเนิด แต่ด้วยทัศนคติแตกต่างกันเล็กน้อย… ไคลน์ไตร่ตรองคำตอบ ก่อนจะเริ่มเข้าใจว่าเลียวนาร์ดต้องการถามถึงประเด็นใด เพราะต้องไม่ลืมว่า ทั้งสองมีการติดต่อกันในทางลับอยู่บ่อยครั้ง


นั่นสินะ ทำไมเลียวนาร์ดถึงยังถูกสั่งให้ประจำการในเบ็คลันด์… เป็นเพราะความสัมพันธ์กับเรา ศาสนจักรจึงไม่ต้องการส่งเลียวนาร์ดเข้าไปอยู่ในเขตอันตราย? เราสำคัญตัวมากไปไหม? ไคลน์ส่ายหน้าพร้อมกันปัดตกข้อสันนิษฐานแรก


มันเปลี่ยนมุมมองและวิเคราะห์ปัญหาจากแง่มุมของเลียวนาร์ด


เลียวนาร์ดซึ่งเป็นแค่ผู้วิเศษลำดับห้า จะทำอะไรได้บ้างท่ามกลางคืนพายุที่ก่อตัวในเบ็คลันด์?


คนที่ทางศาสนจักรต้องการพึ่งพาอาจไม่ใช่เลียวนาร์ด แต่เป็นเราหรือพาลีส·โซโรอาสเตอร์ที่ใกล้ชิดกัน…


ตัดเราออกไปได้เลย ตอนนี้กล้าพูดได้เต็มปากว่าเราคือข้ารับใช้ของพระองค์ หากประสงค์ให้ทำภารกิจใด แค่ส่งวิวรณ์มาก็พอ…


จากเหตุการณ์ร่างโคลนของอามุนด์ถูกกวาดล้างออกจากกรุงเบ็คลันด์ ทางเทพธิดาหรือไม่ก็ศาสนจักรสงสัยว่าพาลีส·โซโรอาสเตอร์อาจซ่อนตัวอยู่ใกล้กับถนนเบิร์คลุน จึงพุ่งเป้ามาที่เลียวนาร์ด?


เป็นไปได้ แถมยังมีโอกาสสูงมาก… เราเคยวิเคราะห์ประเด็นนี้ไปแล้ว พาลีส โซโรอาสเตอร์กับศาสนจักรอาจมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือการป้องกันไม่ให้อามุนด์กลายเป็นเทพ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายแอบเกื้อกูลกันทางอ้อม… บางที การที่พาลีส·โซโรอาสเตอร์เลือกเลียวนาร์ดเป็นโฮสต์ก็คงด้วยเหตุผลดังกล่าว…


ถ้าอย่างนั้น หน้าที่ของพาลีส·โซโรอาสเตอร์ในกรุงเบ็คลันด์คืออะไร? ล่ออามุนด์?


แม้แต่ในบรรดาราชาเทวทูต อามุนด์ก็แทบจะอยู่บนจุดสูงสุด ในสถานการณ์ที่เทพธิดามิอาจเสด็จลงมาด้วยตัวเอง หากพิจารณาจากความแข็งแกร่งของเทวทูตในศาสนจักร สมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ และตัวพาลีส โอกาสเอาชนะอามุนด์นั้นมีไม่มาก และโอกาสฆ่าให้ตายยิ่งเข้าใกล้ศูนย์ เว้นเสียแต่อามุนด์จะไม่ได้มาด้วยร่างจริง แต่นั่นก็ไม่คุ้มค่ากับการวางกับดักล่ออยู่ดี…


ไคลน์ขยายกรอบความคิด เพียงไม่นานก็ผุดไอเดียใหม่


พวกเขามิได้ล่ออามุนด์มาเพื่อจัดการ แต่ล่อให้มาสู้กับซาราธที่อยู่ในเบ็คลันด์?


ทั้งสองเส้นทางสามารถสับเปลี่ยนได้ในลำดับสูง หรือต่อให้เป็นทวยเทพทั้งคู่ แต่ก็ยังคงปรารถนา ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางใกล้เคียงและตะกอนพลังลำดับหนึ่ง… หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีนี้คือพฤติกรรมของเทพธิดารัตติกาล


เทพธิดาอยากให้เบ็คลันด์กลายเป็นหม้อต้มโจ๊ก? ไคลน์บังคับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ทำสีหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ


“ผู้นำแห่งลัทธิเร้นลับ เทวทูตลำดับหนึ่ง ซาราธซึ่งเป็นสหายเก่าของจักรพรรดิโรซายล์ ปัจจุบันกำลังซ่อนตัวอยู่ในกรุงเบ็คลันด์”


เมื่อเห็นสมาชิกชุมนุมทาโรต์ต่างทำสีหน้ามึนงงและว่างเปล่า ไคลน์รีบเสริมด้วยเสียงแหบพร่า


“กฎการอนุรักษ์พลังพิเศษที่พวกเรารู้จัก ในความเป็นจริงหมายถึงเส้นทางใกล้เคียงด้วย… หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กฎการดึงดูดของพลังพิเศษเองก็มีแนวโน้มที่จะสร้างอิทธิพลกับเส้นทางใกล้เคียง”


เลียวนาร์ดเค้นสมองคิดอย่างหนัก จนกระทั่งผ่านไปหลายวินาที มันตัดสินใจถาม


“เส้นทางนักทำนายกับนักจารกรรมคือเส้นทางใกล้เคียง?”


“ถูกต้อง ยังมีเส้นทางผู้ฝึกหัดด้วย” เดอะเวิร์ลตอบอย่างใจเย็น


เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง เมจิกเชี่ยน ฟอร์สนำไปเชื่อมโยงกับกฎการดึงดูดที่อาจารย์ของเธอ โดเรียน·เกรย์·อับราฮัมเพิ่งสอน จากนั้นก็ปะติดปะต่อกับเรื่องที่ ‘นักบุญเร้นลับ’ โบทิสถูกดึงดูดเข้ามาในเบ็คลันด์


จากนั้นก็ผุดคำถามใหม่


ถ้าเป็นไปตามที่มิสเตอร์เวิร์ลบอก โบทิสจะถูกดึงดูดเข้าหาซาราธที่อยู่ในกรุงเบ็คลันด์เหมือนกันไหม?


ทันใดนั้น ฟอร์สฉุกคิดถึงอีกา อีกาที่จ้องมายังแผ่นหลังของโบทิสในตอนนั้น!


อึก… ฟอร์สรีบยกมือเพื่อแจ้งว่าเธอต้องการพูดบางสิ่ง


เมื่อเห็นทุกคนมองมาโดยไม่กล่าวคำใด หญิงสาวรีบเสริม


“อาจารย์ของฉันซึ่งเป็นคนในตระกูลอับราฮัม ได้รับหน้าที่ให้ดูแลสมบัติปิดผนึกชิ้นสำคัญ”


ครึ่งแรกของประโยคคือสิ่งที่สมาชิกทุกคนยกเว้นเดอะสตาร์ทราบดีอยู่แล้ว เธอจึงไม่คิดปิดบัง ส่วนครึ่งหลัง เธอจงใจเลี่ยงคำว่า ‘สำคัญมาก’ ให้เหลือแค่ ‘สำคัญ’ เฉยๆ


เมื่อพบว่าไม่มีใครถาม ฟอร์สเล่าต่อ


“นั่นทำให้เขามักจะเผชิญหน้ากับผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทางผู้ฝึกหัดบ่อยครั้ง… เมื่อไม่นานมานี้ นักบุญเร้นลับแห่งชุมนุมแสงเหนือ โบทิส เพิ่งปรากฏตัวในตำแหน่งใกล้กับอาจารย์… ตอนนั้นฉันเห็นอีกาตัวหนึ่งกำลังจ้องมองมายังแผ่นหลังของโบทิส”


อีกา… ไคลน์พลันนึกถึงฉากหนึ่งภายในหมู่บ้านสายหมอก: บนยอดแหลมของวิหารสีดำ อีกาจำนวนหนึ่งกำลังบินวนไปมาราวกับไว้ทุกข์ และด้านในวิหารหลังดังกล่าวก็มีร่างโคลนของซาราธซ่อนอยู่


ซาราธชอบใช้อีกาเป็นหุ่นเชิด? นิสัยประจำตัวสมัยยังเป็นจอมเวทพิสดาร? ไคลน์ครุ่นคิดหลายวินาทีก่อนจะบังคับให้เดอะเวิร์ลพูด


“นั่นน่าจะเป็นซาราธ”


เราเคยเผชิญหน้ากับเทวทูตลำดับหนึ่งมาแล้ว… เมจิกเชี่ยน ฟอร์สหวาดผวาเล็กน้อย


เธอรีบนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เคยเผลอเอ่ยชื่ออาดัมและถูกจับตามอง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฟอร์สรู้สึกราวกับตนคือตัวเอกในนิยาย ไม่อย่างนั้นผู้วิเศษลำดับหกและเจ็ดคงไม่กลายเป็นที่สนใจของราชาเทวทูตกับเทวทูตลำดับหนึ่งแน่!


คิดถึงตรงนี้ ฟอร์สรีบหันไปคุยกับมิสจัสติส


“ช… ช่วยสะกดจิตให้ฉันลืมบางสิ่งได้ไหม? ฉันกลัวว่าจะเผลอคิดมากบนโลกความจริงจนไปกระตุ้นความสนใจ”


“ไม่มีปัญหา” จัสติส ออเดรย์ตอบพลางชำเลืองไปทางจัดจ์เมนต์ ซิลพร้อมกับพยักหน้า


ขณะเดียวกัน เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดเริ่มผุดข้อสันนิษฐาน จึงเตรียมกลับไปปรึกษากับตาแก่และถามความเห็น


ไคลน์ไม่ต้องการเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ใหญ่ในกรุงเบ็คลันด์ เพราะสำหรับสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนอื่น นอกจากเรื่องดังกล่าวมีระดับสูงเกินไปจนไม่สามารถมีส่วนร่วม แต่ลำพังการทราบข้อมูลก็อาจทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย


สำหรับเรื่องนี้ ไคลน์วางแผนจะแจกจ่ายภารกิจย่อยให้สมาชิกคนอื่นทำ แต่คล้ายกับการมอบหมายงานให้นักล่าเงินรางวัล อีกฝ่ายจะไม่ได้รับข้อมูลมากเกินไปจนเป็นอันตราย ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของทุกคน


ทันใดนั้น แฮงแมน อัลเจอร์กวาดสายตาเป็นครึ่งวงกลมและเริ่มเล่า


“จากความเห็นของผม โบสถ์วายุสลาตันยังไม่เอาจริงในสงครามนี้”


ไม่ใจเย็นไปหน่อยหรือ? ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของโบสถ์วายุสลาตันมาก… แม้ว่าหลักคำสอนของพวกเขาจะไม่สนับสนุนสงคราม แต่ถ้าเป็นการลงทัณฑ์ศัตรูด้วยความพิโรธก็จะไม่มัวรีรอเด็ดขาด โทสะปริมาณมหาศาลจะถูกประเคนใส่ผู้รุกรานโดยไม่ตระหนี่… ไคลน์ค่อนข้างประหลาดใจหลังจากได้ยิน จากนั้นก็เริ่มไตร่ตรองจุดยืนของเทพแต่ละคน


จากการวิเคราะห์ของเรา เส้นทางวายุ สุริยัน นักอ่าน ผู้ชม และคนเลี้ยงแกะน่าจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน สามารถสับเปลี่ยนกันได้ในลำดับสูง และทางศาสนจักรก็คงบาดหมางกันพอสมควร…


วายุสลาตันคือเทวทูตวายุ เมื่อในอดีตและเคยแบ่งปันร่างของบิดาอาดัม ซึ่งเป็นพระผู้สร้างแท้จริงของเมืองเงินพิสุทธิ์ ต่อให้พระองค์ยอมรับจอร์จที่สามเป็นจักรพรรดิมืด แต่ก็ไม่มีทางนิ่งดูดายในยามที่อาดัมเตรียมเถลิงบัลลังก์เทพท่ามกลางกระแสแห่งเวลา…


กำลังจะบอกว่า โบสถ์วายุสลาตันไม่ต้องการให้สงครามลุกลามไปทั่วโลก จึงพยายามข่มอารมณ์ตัวเองอย่างเต็มที่?


คงอดกลั้นกันน่าดู…


และนั่นยังช่วยอธิบายว่าทำไมโลเอ็นกับอินทิสถึงยังนิ่งดูดายในยามที่เฟเนพ็อตรุกรานลุนเบิร์ก มาซินและเซกัล… วายุสลาตันกับสุริยันเจิดจรัสคงกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ภายในใจเต็มไปด้วยความลังเล


ในแง่หนึ่ง ถึงจะเป็นเทพ แต่พวกท่านก็อยากทำลายพันธมิตรและหันไปแว้งกัดเทพปัญญาความรู้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่ในอีกแง่หนึ่ง ทางอาณาจักรกลับออกนโยบายให้ช่วยปกป้องแคว้นเหล่านั้น การฝ่าฝืนความเห็นส่วนใหญ่ของคนในชาติอาจทำให้ศาสนาสั่นคลอนจนกระทบกระเทือนหลักยึดเหนี่ยว


นอกจากนั้น หากตัดสินใจเข้าร่วมสงคราม นั่นจะยิ่งเร่งให้เงื่อนไขในการเลื่อนลำดับของอาดัมเกิดเร็วขึ้น


ไคลน์จงใจบังคับให้เดอะเวิร์ลเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตอบสนองข้อมูลของแฮงแมน


“ในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)