ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1491-1494
บทที่ 1491 : เปิดม่านคอนเสิร์ต!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันต่อมา
ในคืนนั้น
สนามกีฬาโอลิมปิกสเตเดียมคับคั่งไปด้วยฝูงชน
“เวทีใหญ่มาก!”
“สวรรค์ โคตรรอลังการ!”
“นี่คือโอลิมปิกสเตเดียมเหรอเนี่ย?”
“กำลังจะเริ่มแล้วเหรอ?”
“ใกล้แล้ว”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
คนในพื้นที่จัดงานจำนวนหลายหมื่นกำลังร้องเรียกชื่อจางเย่!
ฝูงชนถึงกับเล่นเวฟกันด้วย รอบแล้วรอบเล่า
ด้านหลังเวที
จางเย่กำลังแต่งหน้า
ฮาฉีฉีร้อง “ตรวจสอบอุปกรณ์อีกครั้ง! กำลังจะเริ่มแล้ว!”
เสี่ยวหวังตื่นเต้น “ข้างนอกนั่นคึกคักกันใหญ่แล้ว!”
เสี่ยวโจวเองก็ตื่นเต้นมาก “ตื่นตาตื่นใจจริงๆ! โคตรตื่นตาตื่นใจมาก!”
“จะไม่ตื่นตาได้เหรอ? นี่เวทีความจุหนึ่งแสนคนเลยนะ!” อู่อี้ว่า “ในทวีปเอเชียนี้ ไม่เคยมีใครจัดคอนเสิร์ตใหญ่ขนาดนี้มาก่อน! มีพวกเราเป็นคนแรก!”
จางจั่ว “กล้องไลฟ์สตรีมติดตั้งรึยัง?”
ถงฟู่ “ติดตั้งเรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างพร้อมแล้ว!”
จางเย่ยิ้ม “ทุกคนลำบากแล้วนะ”
ช่างแต่งหน้ารีบเบรก “อย่ายิ้มสิคะ กำลังแต่งหน้านะ”
ฮาฉีฉีถาม “วันนี้คอเป็นไงบ้างคะ?”
จางเย่ “เยี่ยม ไม่เคยดีขนาดนี้มาก่อนเลย”
ฮาฉีฉ๊ยิ้ม “งั้นคืนนี้คุณต้องร้องได้ดีแน่นอนค่ะ ใครจะไปรู้ว่าเราอาจจะได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของระดับเอเชียในคืนนี้ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็ถือเป็นรางวัลของการทำงานแล้ว หลังคุณกลับมาจากการพักครึ่งปีหรือหนึ่งปีนี้ เราจะได้ลุยในระดับเวทีโลกกันเสียที เวทีในประเทศถือเป็นก้าวแรก จากนั้นเป็นระดับเอเชีย แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการสร้างชื่อคุณไปในระดับโลกไงคะ ทุกคนจะลงแรงเต็มที่เลย!”
จางเย่ยินดี “เยี่ยมมาก”
……
ที่บ้านพ่อแม่
พ่อเร่ง “จะเริ่มแล้ว รีบเปิดสตรีมสิ”
แม่ “รีบทำไมเล่า ยังเหลืออีกตั้งสิบนาที”
พ่อ “ก็เปิดไว้ก่อนไง”
……
บ้านของคุณอู๋
หลี่ฉินฉิน “ฉันยังอยากเข้าไปดูที่หน้าเวทีเลย”
อู๋ฉางเหอคำราม “ไอ้เย่น้อยนี่ เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมให้เราเข้าไป”
อู๋เจ๋อชิงยิ้มน้อยๆ “ดูที่บ้านเถอะ”
……
บ้านของเหล่าเหยา
เหยาเจี้ยนไฉ “ไอ้เด็กนั่นวันนี้โด่งดังใหญ่แล้ว”
เหยามี่หัวเราะคิก “อาจางยิ่งใหญ่เกรียงไกร!”
……
สตูดิโอของสปริงการ์เด้น
เสี่ยวตงร้องขึ้น “ใกล้เริ่มแล้วนะ!”
เอมี่ฮึ่ม “ไม่ดู!”
หลี่เสี่ยวเสียนยิ้ม “ยังโกรธอยู่เหรอ?”
เอมี่ “แน่สิ! ไม่มีใครทนได้หรอกนะ”
เสี่ยวตง “งั้นฉันจะดูกับเสี่ยวเสียนแล้วกันนะ”
เอมี่ยังงุ่นง่าน แต่ก็อดชำเลืองมองไลฟ์สตรีมไม่ได้
……
การไลฟ์เริ่มขึ้นแล้ว
ในช่องไลฟ์สตรีม จำนวนผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
สิบล้าน!
ยี่สิบล้าน!
สามสิบล้าน!
ห้าสิบล้าน!
เพิ่มขึ้นไม่หยุด!
เพิ่มขึ้นครั้งละหลายแสน!
สุดท้ายคอนเสิร์ตยังไม่ทันเริ่ม ผู้ชมไลฟ์สตรีมมิ่งก็ทะลุร้อยล้านไปแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไรไม่มีใครรู้ เพราะคอนเสิร์ตที่ไลฟ์สดก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีครั้งไหนถึงหลักร้อยล้านเลยสักครั้ง!
สื่อ
คนในวงการ
ประชาชน
ครอบครัวและเพื่อนฝูงของจางเย่
คนที่เข้ามาร่วมงานได้ต่างอยู่ที่เวที ขณะที่คนที่ไม่สามารถมาได้กำลังชมไลฟ์อยู่
……
เริ่มการนับถอยหลัง!
ห้า!
สี่!
สาม!
สอง!
หนึ่ง!
ปัง!!
แสงบนเวทีมีชีวิตชีวาขึ้นในทันที!
สีสันที่ตื่นตาตื่นใจระเบิดออกมาพร้อมกัน!
ผู้ชมไม่ว่าจะหน้าเวทีหรือในไลฟ์ต่างก็ตื่นเต้นแล้ว!
ชั่วขณะนั้น ดนตรีก็ดังขึ้น เป็นการโซโล่ด้วยกีตาร์ไฟฟ้า!
“มาแล้ว!”
“จางเย่!”
“เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว!”
“จางแหยโคตรคึกคักเลย!”
“อาจารย์จางฉันรักคุณ!”
“กรี๊ด!”
เสียงกรี๊ดดังสะเทือนไปทั่วทั้งสเตเดียม
ทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ทุกคนโบกแท่งเรืองแสงในมืออย่างบ้าคลั่ง!
จางเย่ที่แต่งกายอย่างหรูหรายืนบนแท่นลิฟต์ปรากฏตัวขึ้นกลางเวที เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เห็นฝูงชนที่ตื่นเต้นดีใจ เขาก็รู้สึกเหมือนมีหลายอย่างที่อยากจะพูด ถ้ายังมีเวลา เขาก็ยังมีสิ่งที่อยากทำอีกมากมาย แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว เขาเหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมงเท่านั้น นี่คือห้วงเวลาที่สวรรค์ยังเมตตาเหลือไว้ให้เขา จางเย่รักษามันอย่างหวงแหน จึงคิดจะปิดม่านลงให้สวยงาม
ขอบคุณนะทุกคน
ขอบคุณที่มาร่วมงานนี้
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนนั้น จางเย่ยกไมค์ขึ้นช้าๆ
ทั่วทั้งเวทีเงียบเสียงลงในทันใด!
จางเย่หลับตา ภาพความทรงจำมหาศาลปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
ตั้งแต่เกิด
เข้ามหาวิทยาลัย
เข้าวงการ
ประสบการณ์บนทางสายนี้ผ่านวาบเข้ามาในสมองทีละฉากๆ
เขาอ้าปากร้องด้วยเสียงแหบแห้ง
“ไม่ว่าฉันจะเดินบนถนนเส้นใด”
“ในใจล้วนไม่อาจสงบลงได้”
“นอกจากเสียงเครื่องยนต์และไฟฟ้า”
“ฉันยังได้ยิน เสียงเต้นของหัวใจจากวิญญาณของมัน”
จางเย่ร้องเสียงต่ำ
“ฉันหัวเราะในที่นี้ ร้องไห้อยู่ที่นี่”
“ฉันมีชีวิตในที่นี้ ตายลงอยู่ที่นี่”
“ฉันสวดอ้อนวอนในที่นี้ สับสนอยู่ที่นี่”
“ฉันค้นหาบางสิ่ง และทำบางสิ่งหล่นหายไป”
“ปักกิ่ง”
“ปักกิ่ง”
ผู้ชมพากันกรีดร้องด้วยความตื่นต้น!
เพลงใหม่!
เป็นเพลงใหม่!
เพราะมาก ว่าแล้วว่าต้องเป็นเพลงใหม่!
แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าจางเย่ร้องเพลงนี้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกแบบไหน อาจมีเพียงอู๋เจ๋อชิงเท่านั้นที่เข้าใจ
……
ขณะชมการไลฟ์
ถึงใบหน้าของอู๋เจ๋อชิงยังประดับรอยยิ้มน้อยๆ แต่ทว่าสองตากลับแดงรื้นขึ้นมา
……
บนเวที
จางเย่ยังคงร้องต่อ
“สามช่วงถนนระหว่างร้านกาแฟและตลาด”
“เป็นเหมือนความห่างระหว่างแสงไฟนีออนกับพระจันทร์”
“ท่ามกลางความทุกข์ยากของชีวิต ผู้คนโอบกอดและปลอบประโลมกัน”
“ค้นหาและไล่ตามความฝันเฮือกสุดท้าย”
ก่อนที่เขาจะไล่เสียงสูงขึ้น
“ฉันหัวเราะในที่นี้ ร้องไห้อยู่ที่นี่”
“ฉันมีชีวิตในที่นี้ ตายลงอยู่ที่นี่”
“ฉันสวดอ้อนวอนในที่นี้ สับสนอยู่ที่นี่”
“ฉันค้นหาบางสิ่ง และทำบางสิ่งหล่นหายไป”
“ปักกิ่ง ปักกิ่ง”
“ปักกิ่ง ปักกิ่ง [1]”
คนข้างล่างเวทีตะโกนร้องเชียร์ดังลั่น!
ผู้ชมบ้าคลั่ง!
เพลงเปิดเวทีนี้ทำให้ทุกคนเลือดเดือดพล่าน!
……
ที่บ้านของเหล่าจาง
ฟางเว่ยหงถอนหายใจ “อาจารย์จางมีพรสวรรค์ร้ายกาจจริงๆ”
จางหย่วนฉีกลับว่า “เธอรู้สึกรึเปล่าว่าวันนี้เขาไม่ค่อยเหมือนเดิม?”
ฟางเว่ยหงตะลึง “ไม่นะ? มีตรงไหนแปลกไปเหรอ”
“ช่างเถอะ ฉันคงรู้สึกไปเองน่ะ” จางหย่วนฉีว่า
…..
บ้านของเหล่าซวี
สวีเหม่ยหลันสีหน้าชื่นชน “เป็นเพลงที่ดีจริงๆ”
ผู้จัดการของเธอว่า “เพลงใหม่นี่ สุดยอดเลย!”
ผู้ช่วยหญิง “แค่เปิดเวทีก็ร้ายกาจขนาดนี้แล้ว ชวนให้ตะลึงจริงๆ!”
……
บ้านของเหล่าเฉิน
เฉิงกวง “เวทีนี้ยอดจริงๆ!”
ฟ่านเหวินลี่ “เพลงนี้ก็เยี่ยมมากเหมือนกัน”
……
ตอนแรกยังมีคนกังวลว่าคอนเสิร์ตของจางเย่จะมีแต่เพลงเก่าๆ หรือเปล่า
แต่ตอนนี้ เมื่อเปิดเวทีทุกคนก็วางใจแล้ว
จางเย่ก็ยังคงเป็นจางเย่คนนั้น!
————————-
[1] 北京北京 (ปักกิ่ง ปักกิ่ง) โดย วังเฟิง https://www.youtube.com/watch?v=0oZn1M50Uw0
บทที่ 1492 : ‘หน้าร้อนนิรันดร์กาล’ โดยจางเย่!
โดย
Ink Stone_Fantasy
บรรยากาศครึกครื้นอย่างยิ่ง!
เพลง ‘ปักกิ่งปักกิ่ง’ ทำให้ฝูงชนยิ่งคึกคักขึ้นมา!
นี่คือผลจากการวางแผนและเตรียมการตลอดสองเดือนของสตูดิโอจางเย่ อุปกรณ์แสงสีเสียงทุกอย่างล้วนแต่เช่ามา ยืมมา หรือซื้อมาเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ ทีมงานมืออาชีพถูกเชิญมาออกแบบจัดเวทีด้วยอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศ และอาจเป็นที่สุดของเอเชียด้วย นี่คือสิ่งเดียวที่พวกเขาทำมาตลอดสองเดือน เปลี่ยนเวทีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงดนตรีที่น่าตื่นตะลึง!
แสงสี!
ดนตรี!
ดุจภาพฝันดั่งมายา!
นี่ก็คือเวทีสุดท้ายของจางเย่
เขาพึงพอใจอย่างยิ่ง
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
ฝูงชนเริ่มตะโกนลั่น!
จางเย่ยกไมค์ขึ้น มองไปยังพื้นที่ผู้ชม เหลียวซ้าย แลขวา มองไปด้านหน้า มองไปด้านหลัง สี่ทิศแปดทางล้วนเต็มไปด้วยฝูงชน “ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณที่มาร่วม ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ ของผมในวันนี้!”
พอผู้ชมได้ยินก็หัวเราะออกมา!
“ฮ่าๆๆๆ”
“สุดท้ายอะไรกัน”
“ครั้งแรกชัดๆ”
“พูดเหมือนต่อไปจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้วงั้นแหละ!”
“ถ้าไม่ปรากฏตัวอีกล่ะก็ วงการบันเทิงของเอเชียต้องจุดประทัดฉลองสามวันสามคืนแน่!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ทุกคนหัวเราะ
จางเย่เองก็หัวเราะ “ตามธรรมเนียมแล้ว ผมควรจะพูดเปิดคอนเสิร์ตครั้งนี้ก่อน ทุกคนก็รู้ว่าให้พูดน่ะผมทำได้ดี เป็นพิธีกรมาหลายรายการจนนับไม่ไหวแล้ว พูดในโอกาสสำคัญก็หลายครั้งจนลืมนับไปแล้วเหมือนกัน แต่ว่าก่อนขึ้นเวทีนี้ หัวสมองผมว่างเปล่าจริงๆ ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะผมยิ่งรู้สึกว่าผมไม่มีคุณสมบัติมากพอขึ้นทุกที”
ผู้ชมนั่งฟังเงียบๆ
จางเย่กล่าว “ผมไม่ใช่ศิลปินที่ได้มาตรฐาน ทุกคนก็รู้ดี เรียกชื่อศิลปินคนไหนก็เก่งกว่าผมทั้งนั้น ที่ผมพูดและแสดงก็ไม่ใช่สิ่งดี ทำให้หลายคนทั้งไม่ชอบทั้งวิจารณ์การกระทำของผม ผมยอมรับทุกอย่าง เพราะผมไม่เคยทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างที่ดี บางครั้งคิดๆ แล้วผมก็รู้สึกผิดเหมือนกัน”
ฮาฉีฉีมองไปทางเวที
จางจั่วมองจางเย่
ทีมงานทุกคนต่างนิ่งงัน
จางเย่ “หลายปีมานี้ ผมคิดๆ ดูแล้ว ความอดทน การยอมรับ มารยาท ท่าที รวมถึงคุณธรรมสังคมที่ดีกว่านี้ คงดีถ้าผมเคยมีภาพลักษณ์แบบนี้ให้ผู้คน ไม่แน่ว่าความนิยมของผมคงดีกว่านี้ คงมีเพื่อนมากกว่านี้ คงไม่ทำให้ทางบ้านผิดหวังเช่นกัน เวลาครอบครัวเอ่ยชื่อผม คงทำได้อย่างภาคภูมิใจกว่านี้ เวลาพวกคุณเอ่ยชื่อผม คงทำได้อย่างเต็มใจมากกว่านี้ เวลาสื่อพูดถึง คงชมเชยผมได้มากกว่าที่เคย” เขายิ้มแล้วหลับตาลง คิดอยู่สามวินาทีก่อนเปิดตาอีกครั้งแล้วยิ้ม “นั่นคงเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมทีเดียว นั่นสินะ ต้องดีมากแน่ๆ”
ต่อจากนั้นจางเย่ก็อ้าปาก “แต่ว่า…”
แต่ว่า?
แต่ว่าอะไร?
แต่ว่าอะไรกันเล่า?
ทุกคนต่างจ้องมองเขา
ผู้ชมทุกคนที่กำลังชมการไลฟ์สดก็จ้องมองเขา พวกเขายังรู้สึกได้ว่าจางเย่ในวันนี้ดูไม่เหมือนเดิม!
แต่ในขณะนั้น เสียงดนตรีก็ดังขึ้นแล้ว
จางเย่ยิ้มอยู่ชั่วขณะ ชีวิตแบบนั้นต้องดีมากจริงๆ เขาจินตนาการได้ว่าตัวเองคงไม่ได้จัดคอนเสิร์ตสุดท้ายนี้ หรือคงไม่ต้องตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง คงมีชีวิตที่ดีร่วมกับคุณอู๋ ได้เห็นลูกของเขาเกิดมา อยู่ดูอีกฝ่ายเติบโต ฉลองวันเกิดครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สามด้วยกัน เมื่อครูของลูกพูดถึงจางเย่ ก็คงบอกว่าเขาเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยม เพื่อนๆ ก็คงอิจฉาที่มีพ่อที่ทั้งสุภาพมีมารยาทแบบนี้ ตัวลูกเองก็คงแนะนำตัวจางเย่ว่าเป็นพ่อตนเองด้วยความภาคภูมิใจในงานประชุมผู้ปกครอง ว่าเป็นพ่อที่ดีที่สุดในโลก ช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน งดงามจนจางเย่ไม่มีทางลืมเลือนได้
แต่ว่า
แต่ว่าเขาไม่เสียใจ
เขาติดค้างครอบครัวของตน
เขาติดค้างบุตรของตน
ถ้ายังพูดคำว่าขอโทษได้ เขาก็อยากจะพูดกับคุณอู๋สักพันครั้ง อยากจะพูดกับลูกของตนอีกสักหมื่นครั้ง
แต่ว่า…เขาไม่สำนึกเสียใจจริงๆ!
กลุมแฮกเกอร์จากเกาหลี?
โรงแรมในญี่ปุ่น?
มาหนึ่งจัดการหนึ่ง!
มาสองจัดการสอง!
มาอีกสิบครั้ง เขาก็จะจัดการอีกสิบหน!
เรื่องนี้ ทั้งชาตินี้เขาไม่สำนึกเสียใจ!
เรื่องนี้ ตลอดชีวิตก็ไม่มีทางเจรจา!
จางเย่ยกไมค์ขึ้นอย่างนุ่มนวล
“ความภาคภูมิใจที่ฉันทำลาย”
“ความสามัญที่ฉันชิงชัง”
“เพิ่งคิดออก ว่าสิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ฉันรักที่สุด”
“จงสนุกกับวันในฤดูร้อน”
“อนาคตนั้นยังอยู่ห่างไกลอีกปีแสง”
“แต่ตอนนี้…”
“ปล่อยวางกฏเกณฑ์ ยอมพ่ายให้ความรัก”
“ละทิ้งตัวตน ปล่อยวางอนาคต”
จางเย่มองทุกคน ไม่มีความลังเล ไม่มีความสำนึกเสียใจ
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
ทั่วทั้งงานตกตะลึงไป
คนที่ชมการไลฟ์สดอยู่ก็ต้องอึ้งงัน!
แค่พริบตา ทุกคนก็ต้องเลือดลมสูบฉีดจนร้อนผ่าว!
……
บ้านพ่อกับแม่
แม่ “เย่น้อยเขา…”
พ่อ “เกิดอะไรขึ้นกัน?”
……
บ้านคุณอู๋
อู๋ฉางเหอ “เย่น้อยเป็นอะไรไปแล้ว?”
หลี่ฉินฉิน “พูดแบบนี้ เขาหมายความว่ายังไงกัน?”
อู๋ฉางเหอ “มีเรื่องอะไรรึเปล่า? ไอ้เด็กนี้ระบายอะไรอีกแล้ว?”
อู๋เจ๋อชิงกลับยิ้ม ไม่พูดตอบคำถามของพ่อแม่ เพียงแต่พึมพำกับตัวเองว่า “นี่แหละสามีของฉัน”
……
ในคอนเสิร์ตเดือดขึ้นมาอีกครั้ง!
เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนต่างแทรกปะปนเข้ามาในเพลงนี้อีกครั้ง!
เสียงเพลงบนเวทีของจางเย่ยิ่งร้องยิ่งดังจนเหมือนจะพลิกพื้นที่จัดแสดงแห่งนี้ให้ตลบขึ้นมา!
“ฉันอยากจะบ้าฉันอยากจะรัก”
“แค่ฉันอยากจะบ้าฉันอยากจะรัก!”
“เอ็มพีสามหมื่นเพลง!”
“รักอย่างบ้าคลั่งหมื่นครั้ง!”
“กลับเผาความเดียวดายน้อยนิดนี้ไม่ได้!”
“ฉันอยากจะบ้าฉันอยากจะรัก”
“แค่ฉันอยากจะบ้าฉันอยากจะรัก!”
“ปาร์ตี้สุดเหวี่ยงในฤดูร้อน ละทิ้งไปชั่วปีแสง!”
“การเติบโตกลับเป็นความเสื่อมถอยที่เราต้องเผชิญ!”
“ปล่อยวางกฏเกณฑ์ ยอมพ่ายให้ความรัก”
“ละทิ้งตัวตน ปล่อยวางอนาคต”
ยืนอยู่หลางเวที
ยืนอยู่กลางสนามที่จุคนได้กว่าแสนคน!
จางเย่ยกไมค์ขึ้น มือขยุ้มเสื้อตรงอกของตนเอง เปล่งเสียงคำรามลั่น
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
“ฉันไม่หันหลังกลับ”
ไม่หันหลังกลับที่ดี!
ฉันไม่หันหลังกลับที่ยอดเยี่ยม!
ชั่วขณะนั้น ผู้ชมทุกคนบ้าคลั่งไปแล้ว!
ชั่วขณะนั้น ผู้ชมทุกคนต้องลุกขึ้นมาแล้ว!
มีคนที่ร้องไห้!
มีคนที่บ้าคลั่งจนต้องลุกขึ้นชูมือเต้นตามไปด้วย!
มีคนร่วมร่ำร้องไปกับจางเย่!
คำว่า ‘แต่ว่า’ ที่จางเย่ยังพูดไม่จบนั้น ถูกกล่าวต่อแล้วในบทเพลงนี้ จางเย่ยังคงเป็นจางเย่ที่พวกเขารู้จักคนนั้น ยังคงทุ่มเททั้งชีวิตอ!
จางเย่พูดถูกต้อง เขาไม่ใช่ศิลปินที่ได้มาตรฐาน คำพูด การกระทำ ลักษณะนิสัย คุณวุฒิ ไม่ว่ามองจากด้านใดก็ไม่ใช่ศิลปินที่ดีเลย!
พวกเขารู้!
ทุกคนต่างรู้ดี!
แต่ว่า…
พวกเขาก็ยังชมชอบจางเย่!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ก็แค่ชอบเขาเท่านั้น!
บทที่ 1493 : จดหมายจากแฮ็กเกอร์ ‘2’!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในคืนนั้น
ที่สำนักความมั่นคงทางไซเบอร์
เสียงเพลงของจางเย่ดังลอดจากไลฟ์สดที่เปิดอยู่ในออฟฟิศ เหล่าพนักงานของสำนักงานฯ ที่ทำงานล่วงเวลาและคนอื่นๆ อีกหลายคนกำลังชมการไลฟ์ ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ ของจางเย่
“สุดยอดไปเลย!”
“ฉันชอบเขามากจริงๆ นะ!”
“อาจารย์จางเป็นไอดอลของฉันเสมอมาเลยนะ”
“น่าเสียดายที่ฟางเสี่ยวสุ่ยกับคนอื่นๆ มาดูไม่ได้”
“สหายหน่วยหนึ่งเราซวยมาก”
“ยังหาตัว 2 ไม่เจออีกเหรอ?”
“สอบสวนทั้งสิบหกคนแล้ว ผู้อำนวยการต่งก็ด้วย แต่ไม่มีใครเข้าเค้าสักคน”
“เฮ้อ อยากรู้จริงๆ ว่าต้องทำโอทีแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน โชคดีนะที่คืนนี้เรามีคอนเสิร์ตอาจารย์จางให้ดูแก้เบื่อ”
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนจากคอมพิวเตอร์
เป็นเสียงอีเมลเข้าใหม่
“หือ? อีเมลเหรอ?”
“อีเมลอะไรน่ะ?”
“ไม่รู้สิ แอคเคานท์นี้ยังไม่เคยใช้งานนี่?”
“อีเมลภายในเหรอเนี่ย?”
“มาจากเมลภายในทางหลังบ้าน”
“ใครเผลอส่งมารึเปล่า?”
“ไหนเช็กหน่อยแล้วกัน”
แต่พอพวกเขาอ่านจบก็ต้องตะลึง!
“เร็วเข้า รีบๆ ไปตามใครมาหน่อย!”
“ตามหัวหน้ามา!”
“เรื่องใหญ่แล้ว!”
“ใช่! อีเมลจากแฮ็กเกอร์ 2”
“แย่แล้ว ไวรัสนี่!”
“ไม่นะ ไม่เหมือนเลย!”
“ไปตามคนมาเร็ว”
ทั้งสำนักฯ วุ่นวายขึ้นในทันที!
ในห้องกักตัว
บรรยากาศข้างในทะมึนอย่างยิ่ง
เมิ่งอี้ “คอนเสิร์ตเริ่มแล้ว!”
ฟางเสี่ยวสุ่ยร้อง “ฉันจะไม่ได้ดูอาจารย์จางอีกแล้ว!”
พนักงานหญิง “ไม่รู้เขาร้องไปกี่เพลงแล้ว”
“ตอนนี้ยังจะคิดถึงอาจารย์จางอีกเหรอ?” พนักงานอีกคนว่า “พวกเรายังเอาจตัวไม่รอดเลย บ้านก็ไม่ได้กลับมาสามวันแล้ว”
ทันใดข้างนอกห้องก็เกิดความวุ่นวาย
ผู้อำนวยการต่งตะลึง “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
เมื่อหันไปมองทางประตู ดูจากแสงที่ลอดเข้ามาทางช่องว่างใต้ประตูก็เห็นว่ามีคนวิ่งไปมา หนึ่งคน ห้าคน สิบคน วุ่นวายอย่างมาก
ผ่านไปสิบกว่านาที
ประตูก็เปิดออก ผู้บริหารคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เหล่าต่ง มานี่”
ผู้อำนวยการต่งยืนขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้นกันครับ?”
คำพูดของผู้บริหารท่านนั้นชวนตื่นตะลึง “2 ส่งอีเมลมาให้เรา”
ทุกคนงุนงง “อะไรนะ?”
2?
มาแล้ว?
ทั้งกลุ่มรีบออกไปดูทันที คนในสำนักงานฯ แทบทุกคนกลับเข้าออฟฟิศ จนทำให้ในออฟฟิศเบียนเสียดเยียดยัด
ผู้อำนวยการของหน่วยสองร้อง “เหล่าต่ง มานี่มา!”
ผู้อำนวยการต่งเดินไปหาเขา “เหล่าไป๋ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ผู้อำนวยการของหน่วยสองพูดขึ้นทันที “หลายปีก่อน พวกนายเป็นคนติดตามคดีไวรัสแพนด้าจุดธูปใช่ไหม? ลองดูนี่สิ”
บนจอคอมพิวเตอร์เป็นไฟล์ไฟล์หนึ่ง เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ถูกกักกันไว้ด้วยซอฟต์แวร์ขององค์กร
ผู้อำนวยการต่งแม้พรั่นพรึง แต่เมื่อเปิดเข้าไปดูก็ตะลึง “ถอยหน่อย” เขาบอกผู้อำนวยการไป๋ของหน่วยสอง นั่งลงประจำที่ อ่านไฟล์นั้นทีละบรรทัด ฟางเสี่ยวสุ่ย เมิ่งอี้และคนอื่นๆ ก็รุมล้อมเข้ามา พอเห็นเข้าก็ตะลึงไป
ไม่นานผู้อำนวยการต่งก็อ้าปากค้าง “นี่มันซอร์สโค้ดของแพนด้าจุดธูปนี่!”
ผู้อำนวยการต่งพยักหน้า “ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ฟางเสี่ยวสุ่ยพูดอย่างงุนงง “ได้มาได้ยังไงกัน? ซอร์สโค้ดนี้ควรจะมีแค่ผู้สร้างที่มีสิ”
ผู้อำนวยการหน่วยสามยิ้มเจื่อน “ตัว 2 เองนั่นแหละที่ส่งมาให้เรา ยังมีอีกไฟล์ชื่อว่า CIH เราวิเคราะห์ดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นไวรัสที่ก่อเรื่องตัวล่าสุดจริงๆ ตอนนี้เรามีซอร์สโค้ดของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีอำนาจทำลายล้างสูงที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมาทั้งสองตัวแล้ว”
ทุกคนเงียบไป
ก่อนจะสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
ฟางเสี่ยวสุ่ยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น “2 คิดอะไรอยู่กันนะ?”
เมิ่งอี้ “เขาส่งซอร์สโค้ดให้เราทำไมกัน?”
ผู้อำนวยการหน่วยสองชี้ไปที่หน้าจอ “ดูนี่สิ”
อีเมลจาก 2 ให้ข้อมูลสำคัญมหาศาล นอกจากซอร์สโค้ดของไวรัสแพนด้าจุดธูปและ CIH แล้ว 2 ยังทิ้งข้อความไว้ให้พวกเขา เขียนเอาไว้ว่า ‘ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังตามหาตัวฉัน แต่ว่าทิศทางในการค้นหาตัวผู้ต้องสงสัยของพวกคุณผิดพลาดตั้งแต่แรก ฉันไม่คิดจะหลบซ่อนตัว ทั้งไม่สามารถหลบหนีได้ ที่สมควรคืนฉันย่อมต้องคืนกลับไป ที่สมควรมอบให้ฉันยังต้องมอบให้ อย่าสร้างความลำบากให้สหายท่านอื่นอีกเลย ลองคิดดูให้ดีก็รู้แล้วว่า 2 น่ะไม่มีทางเป็นหนึ่งในพวกเขาได้ พวกคุณรู้ไหมว่าชื่อ 2 นี่น่ะหมายความว่ายังไง? ถ้ารู้แล้วก็มาหาฉันสิ พวกคุณรู้อยู่แล้วว่าจะหาฉันพบได้ที่ไหน’
หมายความว่ายังไง?
ทุกคนต่างไม่เข้าใจ
ผู้อำนวยการต่งงุนงง “ทิศทางผิดพลาด?”
ผู้อำนวยการหน่วยสาม “พวกนายว่าข้อความนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ฟางเสี่ยวสุ่ย “แปลว่าพวกเราไม่ใช่ 2 ไง เพราะงั้นเราจะกลับบ้านกันได้รึยัง?”
เมิ่งอี้ตื่นเต้น “ใช่ๆ ชัดเจนแล้วนี่”
เหล่าผู้บริหารพูดไม่ออก
เช่นกันกับทุกคน
ผู้อำนวยการต่งพึมพำ “2 หมายความว่ายังไงกัน?”
ผู้อำนวยการหน่วยสอง “เราก็ไม่รู้ เลยมาถามพวกคุณนี่ไง”
ทีมหน่วยสามคนหนึ่งเอ่ย “อะไรคือเรารู้ว่าจะไปหาเขาได้ที่ไหนกัน?”
ทีมงานหญิงของหน่วยสอง “นั่นสิ เราจะไปรู้ได้ไงว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
2?
2 งั้นเหรอ?
คนทั้งหลายต้องงุนงง ทุกคนต่างยกมือขึ้นชูเป็นเลข 2
หมายความว่าไงกัน?
เลขตัวเดียวนี่มันแปลว่าอะไรกันแน่?
ทันใดมีผู้อำนวยการอีกคนตรงเข้ามาในออฟฟิศ เขากลับมาทันทีหลังได้รับรายงาน “หือ? พวกนายจับ 2 ได้แล้วเหรอ? เยี่ยมเลย! จับได้ยังไงน่ะ?”
ผู้อำนวยการต่งมองเขา “ใครบอกว่าเราจับได้แล้ว?”
ผู้อำนวยการคนนั้นชะงัก ชี้ไปที่พวกเขา “งั้นชูนิ้วเป็นรูปตัว V กันทำไมน่ะ?”
ผู้อำนวยการต่งพูดไม่ออก “พวกเรากำลังสงสัยว่า 2 หมายความว่ายังไงต่างหาก เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ?” เขาชะงัก “ว่ายังไงนะ?”
ผู้อำนวยการนั้นชูสองนิ้วด้วยความงุนงง “ก็นี่มันรูปตัววี แบบวิคตอรี่ไม่ใช่เหรอ ชนะแล้วไง? เย้ ชนะแล้ว?”
พอพูดจบ ทั้งออฟฟิศก็เงียบกริบทันที!
2?
วิคตอรี่?
เย้?
ไม่สิ เย่ต่างหาก!?
ฟ่านอิงอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี!
ฟางเสี่ยวสุ่ยงุนงง “นี่มัน”
ผู้บริหารก็ชะงัก เขาพูดเสียงลั่น “เหล่าต่ง อาจารย์จางมาร่วมหน่วยนายเมื่อไหร่?”
ผู้อำนวยการต่งตะลึง “ตอนสงครามแฮ็กเกอร์จีน-เกาหลีพอดี!”
ผู้บริหารนั้นหงุดหงิด “ทำไมนายไม่พูดถึงแต่แรกเล่า?”
ผู้อำนวยการต่งงุนงง “ก็ไม่มีใครถามนี่ ก็ถามว่าตอนนั้นใครทำงานกับหน่วยหนึ่งบ้าง อาจารย์จางไม่ได้ทำงานกับหน่วยเรา ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะเก่งคอมฯ ขนาดนั้น ภาษาอังกฤษก็ห่วยแตก พวกเราเลยคิดไม่ถึง!”
เมิ่งอี้ฟาดหน้าผากตัวเอง “สวรรค์!”
ผู้อำนวยการหน่วยสอง “นั่นคือสิ่งที่เขาพูดถึงว่าเรารู้ว่าจะไปหาเขาได้ที่ไหนไง!”
โอลิมปิกสเตเดียม!
การถ่ายทอดสดทั่วประเทศ!
จางเย่คือ 2?
เป็นไปได้ยังไง!
พวกเขาคิดผิดรึเปล่า?
ฟางเสี่ยวสุ่ยตระหนก “งั้น งั้นเราจะทำยังไงดี?”
เมิ่งอี้ “อาจารย์จางยังจัดคอนเสิร์ตอยู่เลย!”
ไม่มีใครรู้ว่าจะทำอย่างไร
เพราะเรื่องนี้ใหญ่กว่าที่พวกเขาคิด!
เรื่องใหญ่จนไม่รู้จะจัดการได้อย่างไร!
พวกเขารายงานเบื้องบนในทันที เมื่อเบื้องบนทราบก็ต้องงุนงงไปเช่นกัน ต้องรีบรายงานระดับที่สูงไปกว่าเขา รายงานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ!
สำนักความมั่นคงไซเบอร์วุ่นวายแล้ว!
มีรถมาทีละคัน!
ผู้บริหารระดับสูงมาด้วยตัวเองทีละคน!
หลายคนแทบไม่เชื่อข่าวนี้ ทุกคนต้องการเห็นหลักฐานด้วยตาตนเอง!
หนึ่งในนั้นตะโกนใส่เหล่าผู้บริหารของสำนักฯ ในทันทีที่มาถึง “ล้อฉันเล่นเรอะ?” เขาชี้คอมพิวเตอร์ที่กำลังฉายคอนเสิร์ตของจางเย่ “นี่คือการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ เขาเป็นศาสตราจารย์ของเป่ยต้า ศาสตราจารย์ของวิทยาลัยสื่อฯ ทูตสันถวไมตรีของเอเชีย พิธีกรชื่อดัง นักคณิตศาสตร์ระดับโลก ผู้เชี่ยวชาญทางภาษา นักเขียนและลิปิกรชื่อดัง สามีของรองฯ อู๋แห่ง SARFT แต่นี่แกดันบอกว่าจะออกประกาศจับเขา? บอกว่าจางเย่คือแฮ็กเกอร์ 2 ในตำนาน? รู้รึเปล่าว่าถ้าจับผิดคนจะเกิดผลยังไง? อย่าบอกนะว่าพวกแกจะรับผลที่ตามมาได้ ไม่มีใครรับได้ทั้งนั้น ฉันก็รับไม่ได้!”
ทุกคนรู้ว่าข่าวนี้สะท้านสะเทือนแค่ไหน!
ถ้าหลักฐานชิ้นนี้เป็นจริง นี่ก็คือข่าวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการบันเทิงแน่นอน!
บทที่ 1494 : ให้ฉันปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนเวทีนี้!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ สถานที่จัดงานคอนเสิร์ต
หนึ่งเพลง!
ห้าเพลง!
สิบเพลง!
……
“ฉันอัปลักษณ์”
“แต่ฉันนุ่มนวลอ่อนโยน”
“ฉากนอกเฉยชา”
“ในใจเร่าร้อน”
“ก็คือฉันเอง!”
……
“คืนเหน็บหนาว เหม่อมองหิมะปลิวไสว”
“หอบเอาใจเยียบเย็นล่องลอยไปไกลแสนไกล”
“วิ่งฝ่าพายุฝน”
“สับสนในหมอกหม่นหมอง”
“เราสองใต้ฟ้าทะเลใหญ่”
“จะผันแปรไหม?”
……
“ฉันลงมือปลูกหนึ่งเมล็ดพันธุ์”
“แล้วมันก็โตจนออกผล”
“วันนี้คือวันแสนจะสำคัญ”
……
คอนเสิร์ตผ่านไปครึ่งงานแล้ว
จางเย่ร้องไปสิบกว่าเพลง มีทั้งเพลงเก่าเพลงใหม่ ร้องอย่างตั้งใจโดยไม่มีแขกรับเชิญมาช่วย จางเย่อยู่บนเวทีคนเดียวเป็นเวลานานจนเสียงของเขาเริ่มอ่อนล้า และแหบพร่าลงจากการร้องอย่างไม่ยอมหยุดพัก
ร้องจบไปอีกเพลงแล้ว
ลิฟต์ใต้เท้าจางเย่เลื่อนลง
ช่างเครื่องแต่งกายและช่างเครื่องแต่งหน้าปรี่เข้ามาหาเขาทันที
เสี่ยวหวังเปิดน้ำให้อย่างรวดเร็ว “รีบจิบก่อนนะคะ!”
จางเย่รับมาดื่ม
ฮาฉีฉีพูดอย่างเป็นกังวล “พักสักหน่อยดีไหมคะ”
จางเย่ส่ายหน้า
จางจั่ว “แบบนี้จะเหนื่อยเกินไปนะครับ”
จางเย่ยิ้มให้ “ผมยังไหว”
ช่างเครื่องแต่งกายร้องขึ้น “หมวกล่ะ? หมวกไปไหน?”
เสี่ยวโจว “เอ๊ะ? เมื่อกี้ยังอยู่นี่อยู่เลย”
ช่างแต่งหน้าถือชุดเครื่องสำอางไว้ “เติมเครื่องสำอางก่อนนะ!”
การประสานงานไม่ดีนัก จนตอนนี้ชุดก็ยังไม่เสร็จทั้งๆ ที่ผ่านไปครึ่งนาทีแล้ว
เสียงร้องของผู้ชมยังคงดังจนได้ยินมาถึงใต้เวที
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
จางเย่มองฮาฉีฉีกับทีมงาน “ผมขึ้นไปแล้วนะ”
ฮาฉีฉีชะงัก “แต่แต่งหน้าเปลี่ยนชุดยังไม่เรียบร้อยนะคะ!”
จางเย่ยิ้ม “ไม่ต้องหรอก ผมจะขึ้นไปทั้งแบบนี้แหละ”
จางจั่วพูดอย่างกังวล “แต่ว่า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ จางเย่ก็ตัดบท “ส่งผมกลับขึ้นไป!”
ทุกคนรีบทำตามคำสั่ง
เสี่ยวหวังกระซิบ “ทำไมผู้กำกับจางรีบร้อนจัง?”
ฮาฉีฉี “ฉันก็ไม่รู้”
จางจั่วครุ่นคิดชั่วครู่ก็นึกอะไรออก “พวกเธอรู้สึกกันรึเปล่า? ช่วงนี้ผู้กำกับจางดูกังวลผิดปกตินะ เหมือนมีอะไรไล่หลังอยู่งั้นแหละ”
อู่อี้ “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน”
ช่างแต่งหน้าก็เป็นกังวล แต่ก็จนปัญญา “ไม่น่าจะแต่งหน้าแค่ครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้เลยนะ อาจารย์จางน่ะเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ของเอเชีย ดาราระดับนี้ภาพพจน์ต้องสำคัญที่สุดสิ มีใครทำแบบนี้ในคอนเสิร์ตตัวเองบ้าง?”
แต่งหน้า?
ชุดคอสตูม?
จางเย่ไม่ต้องการอีกแล้ว เพราะเวลาของเขาใกล้หมดลงแล้ว สำนักความมั่นคงไซเบอร์น่าจะได้รับอีเมลที่เขาตั้งเวลาส่งออกไปแล้ว คนที่นั่นน่าจะเดาตัวจริงของ 2 ได้เรียบร้อย จางเย่รู้ว่าคอนเสิร์ตของเขาสามารถถูกขัดขวางได้ตลอดเวลา นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำอะไรไม่ได้ ที่ควรมาย่อมต้องมา ดังนั้นแล้ว เขาจึงต้องการเพียงจะร้องเพลง ใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดนี้ร้องเพลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร้องไปจนกว่าจะถึงช่วงเวลาสุดท้าย
ลิฟต์ยกตัวขึ้นมาแล้ว
จางเย่กลับเข้าสู่แสงไฟกลางเวทีอีกครั้ง
แฟนๆ กรีดร้องในทันที ก่อนตระหนักได้ว่ามีสิ่งผิดปกติ ผู้ชมไลฟ์สดเองก็สังเกตเห็น
“หือ?”
“ทำไมใส่ชุดเดิมล่ะ?”
“ไม่ได้เปลี่ยนเหรอ?”
“ไม่ได้เติมเครื่องสำอางด้วย?”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมถึงรีบขนาดนั้นกัน?”
เพลงดังขึ้น
จางเย่ยิ้มกว้าง
มา!
ร้องกันต่อ!
ขอแค่ทุกคนอยากฟัง ฉันก็จะร้องให้ทุกคนฟังต่อไป!
จางเย่พลันก็ทำให้ทุกคนกรีดร้องอย่างเสียสติ ระหว่างร่ำร้องนั่นเอง เขาก็ถอดเสื้อเหวี่ยงไปด้านข้าง!
ไม่ต้องแต่งหน้า!
ไม่ต้องแต่งตัวอะไรเลิศหรู!
เขาแค่ต้องการจะร้องเพลง!
ต้องการจะบ้าคลั่งไปบนเวทีสุดท้ายแห่งนี้!
จางเย่ยกไมค์ขึ้น ร้องด้วยเสียงแหบพร่า
“เปลือยท่อนแขน ต้อนรับลมหิมะ!”
“วิ่งไปตามถนน ที่ฉันหนีออกจากโรงพยาบาล!”
“อย่าหยุดฉัน ฉันไม่ต้องการเสื้อผ้า!”
“เพราะโรคร้ายของฉัน คือไร้ความรู้สึก!”
ชั่วขณะนั้น ทุกคนที่ได้ฟังก็เลือดระอุจนกรีดร้องออกมาสุดเสียง!
จางเย่คำราม
“ขอเลือดให้ฉันสักนิด! ขอเนื้อให้ฉันสักหน่อย!”
“เปลี่ยนความทะเยอทะยานดุจเหล็กกล้า เปลี่ยนความอดทนดังโลหะ!”
“ให้ฉันร้องไห้ ให้ฉันหัวเราะ!”
“ให้ฉันปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนเวทีนี้!!!!”
ผู้ฟังต่างก็ร้องตะโกนตามไปอย่างบ้าคลั่ง
“เพลงร็อก!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“สุดยอด!”
“ยอดเยี่ยมมาก!”
“โคตรเจ๋งเลย!”
“แม่งคอนเสิร์ตมันต้องเป็นแบบนี้แหละ!”
“อ๊ากกก!”
“สะใจเป็นบ้า!”
ทุกคนลุกขึ้นยืน!
ทุกคนกรีดร้องตามไปด้วยกัน!
จางเย่ร้องสุดเสียง
“ไม่สวมเสื้อผ้า ไม่ใส่รองเท้า!”
“แต่กลับไม่รู้สึกถึงลมหนาวอันรุนแรง!”
“ไม่รู้ว่าฉันกำลังเดินหรือกำลังวิ่ง!”
“เพราะโรคร้ายของฉัน คือไร้ความรู้สึก!”
เขาชี้นิ้วชูขึ้น
“ขอยากระตุ้นให้ฉันหน่อยท่านหมอ!”
ผู้ฟังร้อง “โอ้!”
“ขอความรักให้ฉันหน่อย คุณพยาบาลสุดเซ็กซี่!”
ผู้ฟังร้อง “โอ้!”
“ให้ฉันร้องไห้ ให้ฉันหัวเราะ!”
“ให้ฉันปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนเวทีนี้!!!!”
“เย้ เย้!”
“เพราะโรคร้ายของฉัน คือไร้ความรู้สึก!”
“เย้ เย้!”
“ให้ฉันปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนเวทีนี้!!!!”
หลังเวทีฟังจนสะใจ
ผู้ชมฟังจนสาแก่ใจ
ผู้ชมทางไลฟ์เองก็สมใจเช่นกัน!
พวกเขาไม่ได้เห็นจางเย่ร้องเพลงแบบนี้มานานแล้ว ไม่ได้เห็นจางเย่บ้าคลั่งแบบนี้มานานแล้ว แต่ก็น่าพึงพอใจจริงๆ ร่างของพวกเขาสั่นเทิ้มไปด้วยความตื่นเต้น!
จางเย่ร้องให้ผู้ชม “ฟังกันพอรึยัง?”
ทุกคนร้อง “ยังงง!”
จางเย่หัวเราะร่า “งั้นก็เอาอีกรอบ!”
ผู้ชมร่ำร้อง “ได้!”
จางเย่ “ทุกคน ร้องไปด้วยกันครับ!”
“เย้ เย้!”
“เพราะโรคร้ายของฉัน คือไร้ความรู้สึก!”
“เย้ เย้!”
“ให้ฉันปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนเวทีนี้!!!!”
“เย้ เย้!”
“เพราะโรคร้ายของฉัน คือไร้ความรู้สึก!”
“เย้ เย้!”
“ให้ฉันปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนเวทีนี้!!!!”
หนึ่งรอบ!
ห้ารอบ!
สิบรอบ!
เสียงของจางเย่แหบพร่าแล้ว!
เสียงของผู้ชมก็แหบพร่าไปด้วย!
โอลิมปิกสเตเดียมจุคนได้นับแสน เป็นเวทีที่มีคนนับแสนคน ทุกคนร่ำร้องไปร่วมกับจางเย่ เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก ทั่วทั้งเวทีเหมือนจะแตกออกด้วยเสียงตะโกนลั่นสนั่น นี่คือภาพที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน!
เป็นเพลงของชุยเจี้ยน!
‘ให้ผมปลดปล่อยความบ้าคลั่งบนหิมะผืนนี้!’
เนื้อร้องบางส่วนถูกจางเย่ดัดแปลง นำมาแสดงในเวทีนี้เป็นเวทีแรก เขาไม่เคยร้องเพลงแบบนี้มาก่อน ทั้งความเสียใจ ความไม่อยากจะจากไป อารมณ์ลบทั้งหลายที่เขามี ทุกสิ่งเหมือนจะจางหายไปในทันใด เขายกไมโครโฟนขึ้นแล้วเอ่ยว่า “วันนี้ผมเตรียมมาห้าสิบเพลง แต่ไม่ว่าจะกี่เพลง ผมก็จะร้องทุกเพลงเท่าที่คุณอยากฟัง จะกี่เพลงผมก็จะร้อง! อยากฟัง ‘หลักสากลนิยม’ กันไหม?
ผู้ชมร้องลั่น “ฟังงง!”
จางเย่หัวเราะ “งั้นมาร้องไปด้วยกันเถอะครับ!”
“จงลุกขึ้น! เหล่าทาสผู้หนาวเหน็บแลอดอยาก!”
“จงลุกขึ้น! ผู้ทนทุกข์ยากทั้งทั่วโลก!”
ชั่วขณะนั้น ทั้งคอนเสิร์ตก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น