ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1485-1486
บทที่ 1485 : ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ (ท้าย)
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันต่อมา
ตอนเช้า จางเย่กำลังจะโทรศัพท์
เขาโทรไปหาวงเกิร์ลกรุ๊ปสปริงการ์เด็น
เสี่ยวตงรับสาย “อาจารย์จาง คิดเพลงได้แล้วเหรอคะ? ยังเป็นเฮฟวี่เมทัลอยู่ไหม?”
จางเย่กลับพูดว่า “พี่สาวตง พอดีมีเรื่องนิดหน่อย ขอโทษนะ คอนเสิร์ตนี้คงจะไม่ได้เชิญพวกคุณแล้ว”
“หา?” เสี่ยวตงมึนงง “งั้นคุณเชิญใครเหรอ?”
จางเย่ยิ้มขื่น “ไม่ได้เชิญใคร ผมไม่มีแขกรับเชิญแล้ว”
เสี่ยวตง “ทำไมเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้น?”
จางเย่ “คุณอย่าถามอีกเลย”
เอมี่คว้าโทรศัพท์ไป “เชี่ย พวกเราเตรียมพร้อมหมดแล้ว คุณเพิ่งจะมาบอกว่าไม่ต้องร้องแล้วเนี่ยนะ? ท่านปู่จาง คุณเชื่อถือได้หรือไม่ได้กัน?”
จางเย่หัวเราะแห้ง “เป็นเพราะผมเอง ผมผิดเอง”
เอมี่ตะโกน “คุณจะทิ้งพวกเราไว้กลางทางเหรอ?”
จางเย่ “รอบหน้าผมจะชดเชยให้พวกคุณ”
เอมี่ “ไม่ต้องแล้ว!”
ตรู๊ด ตรู๊ด
สายถูกตัดไปแล้ว
จางเย่รู้ว่าพวกเธอโกรธมากแน่ เขาถอนหายใจ ขอโทษนะ พวกคุณต่างกับผม พวกคุณยังต้องเติบโตในเอเชียไปเรื่อยๆ ต้องอยู่บนเวทีที่สูงขึ้น ผมจะทำร้ายพวกคุณไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่สามารถดึงรั้งพวกคุณไว้ เพราะนั่นจะเป็นการทำให้พวกคุณเดือดร้อน
……
ช่วงสาย
จางเย่มาหาน้องสาวคนคนโตที่บ้าน
ป้าใหญ่ไปทำงานแล้ว มีแค่ลุงใหญ่กับน้องสาวคนโตอยู่บ้าน
ลุงใหญ่ประหลาดใจ “อ้าว เย่น้อยมาได้ยังไง?”
เฉาตานมาต้อนรับด้วยความยินดี “พี่ชาย? รีบเข้ามาเร็วเข้า”
จางเย่หัวเราะ “ผ่านมาพอดีเลยแวะมาน่ะครับ ลุงใหญ่ ไม่ต้องชงชาแล้ว ลุงรีบไปทำงานเถอะ ผมมีเรื่องจะคุยกับตานตานหน่อยครับ”
ลุงใหญ่ “ได้ งั้นพวกเธอคุยกันเถอะ”
พวกเขาไปที่ห้องนอนของเฉาตาน
จางเย่ถาม “คลิปสั้นถ่ายไปถึงไหนแล้ว?”
เฉาตานหัวเราะเยาะตนเองเล็กน้อย “ช่วงหลายเดือนนี้หนูก็ฝึกซ้อมตลอด อัดไว้หลายตอน แต่ไม่มีตอนไหนน่าพอใจเลย หนูรู้สึกว่าหนูยังขาดประสบการณ์ ถ่ายออกมาในแบบที่พี่บอกไม่ได้สักที”
จางเย่ครุ่นคิด “ไม่จำเป็นต้องทำตามแบบที่พี่บอก เธอก็มีสไตล์ของตัวเอง และมีบางสิ่งที่เป็นของเฉพาะตัว มา ให้พี่ดูที่เธออัดไว้หน่อย”
ดูไปหลายตอน
จางเย่ก็ชี้ให้เห็นปัญหาหลายอย่าง
เฉาตานรีบจดบันทึกลงสมุดเล่มเล็ก เธอตั้งใจมาก
ตลอดเช้านี้จางเย่ช่วยน้องสาวหาวิธี จากนั้นเขาก็เขียนคำโฆษณาของซอส PAPI และคลิปตลกๆ ในโลกเดิมของเขาออกมามากมาย เขาแทบจะไม่หยุด ใช้เวลาเขียนถึงสองชั่วโมงเต็ม ราวกับจะส่งต่อทุกอย่างที่อยู่ในสมองให้เฉาตานในคราวเดียว
เฉาตานอึ้งไป “พี่ชาย เป็นอะไรหรือเปล่า?”
จางเย่หัวเราะ “พี่สบายดี”
เฉาตาน “คอนเสิร์ตของพี่ยุ่งมาก ทั่วเอเชียต่างให้ความสนใจ เรื่องเล็กน้อยของหนูจะทำเมื่อไรก็ได้ หนูกลัวว่าจะรบกวนเวลาของพี่”
จางเย่ยิ้ม “ที่นั่นไม่มีปัญหาหรอก พี่เขียนให้เธอเสร็จก่อน เธอลองอัดดูอีกรอบ ถ้าพี่พอใจเมื่อไรถึงจะไป ไม่งั้นพี่ไม่วางใจแน่ๆ”
เฉาตานตอบทันที “ได้ค่ะ”
……
เวลาเที่ยงวัน
จางเย่กลับไปที่สตูดิโอ แต่เมื่อถึงหน้าประตูแล้วเขากลับชะงัก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หันกลับและลงไปชั้นล่าง เดินไปที่ห้องของหยางซู
เคาะประตู
ประตูเปิดออก
หยางซูสวมชุดฝึก ดูเหมือนกำลังฝึกซ้อมอยู่
จางเย่ยิ้ม “เธอนี่ขยันจริงๆ”
หยางซูปวดใจ “ศิษย์พี่ ข้าไม่เหมือนท่านที่ไม่เคยฝึกแต่ก็เป็นกังฟู ข้ายังเป็นนกโง่หัดบิน ต้องฝึกฝนอีกเยอะๆ”
จางเย่หัวเราะแห้ง “สถานการณ์ของเราไม่เหมือนกัน นี่กินข้าวหรือยัง?”
หยางซูตอบด้วยความเคารพ “เพิ่งกินเมื่อกี้ขอรับ”
จางเย่ถาม “ช่วงนี้ฝึกเป็นยังไงบ้าง?”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้หยางซูก็ดวงตาเปล่งประกาย “คืบหน้าบ้างเล็กน้อย ศิษย์พี่ ข้าอยากสู้กับท่านสักสองสามกระบวนท่า”
จางเย่ยิ้ม “สู้สองสามกระบวนท่าเอาไว้ก่อน รอโอกาสหน้าเถอะ แต่ถ้าให้ฉันสอนเธอสักสองสามกระบวนท่า ฉันโอเค”
“ท่านเคยสอนแล้วไม่ใช่หรือ?” หยางซูตะลึง
จางเย่หัวเราะ “ยังมีอีกหลายกระบวนท่าที่ยังไม่ได้สอน”
หยางซูตกตะลึงตาค้าง “ท่านแอบซ่อนมันไว้เหรอ?”
จางเย่กระแอม “อย่าพูดอะไรไม่น่าฟังสิ อะไรเรียกแอบซ่อนกัน เมื่อก่อนทักษะเธอยังไม่พอ สอนไปก็ไม่มีประโยชน์ โลภมากลาภหายน่ะรู้จักไหม?” พูดจบก็มองสำรวจเธอ “แม้ว่าตอนนี้ยังขาดอีกนิดหน่อย แต่ยังไงก็สอนไปก่อนแล้วกัน ต่อไปเธอค่อยๆ เรียนรู้เอาล่ะ”
บ่ายวันนั้น จางเย่อยู่สอนไทเก็กให้หยางซู
ในที่สุด หยางซูก็ทำสำเร็จ เธอถามอย่างตื่นเต้น “ศิษย์พี่ เป็นยังไงบ้าง?”
จางเย่หัวเราะ “เลียบแบบได้เหมือนบ้างแล้ว ไม่เลว”
หยางซูร่าเริงมาก “ขอบคุณศิษย์พี่!”
จางเย่ทอดถอนใจ “เธอมีความสามารถมากกว่าฉัน ขยันกว่าฉัน ไม่แปลกใจเลยที่เจ๊เหรายอมเปลี่ยนกฎเพื่อรับเธอไปอยู่ใต้อาณัติ ไทเก็กอยู่ในมือเธอจะต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน ฉันไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว” หยุดครู่หนึ่ง เขาก็หยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋า “เธออยากเปิดโรงฝึกของตัวเองมากไม่ใช่เหรอ? เธอจิตใจบริสุทธิ์เกินไป เมื่อก่อนฉันไม่วางใจเลยเลี่ยงมาตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้จะถึงเวลาแล้ว ในการ์ดใบนี้มีเงินอยู่แปดล้านหยวน น่าจะพอให้หาสถานที่สักแห่งในปักกิ่งเปิดโรงเรียนสอนวิทยายุทธ์ เธอไปลองดูนะ”
โรงเรียนสอนวิทยายุทธ์?
ในที่สุดก็เปิดโรงเรียนสอนวิทยายุทธ์ได้แล้ว?
หยางชูตื่นเต้นจนแทบจะหลั่งน้ำตา “ศิษย์พี่ ท่านเป็นแบบนี้ข้าไม่ชินเลย”
จางเย่ยิ้มออกมา “เธอใจดีเกินไป ต่อไปถ้าฉันไม่อยู่มีเรื่องอะไรให้ไปหาเจ๊เหรา เจ๊แกต้องช่วยแน่ เจ๊เหราเป็นคนร้ายกาจมาก เธอเองก็ต้องเรียนรู้ไว้นะ”
หยางซู “…รับทราบขอรับ”
……
ชั้นบน
ที่สตูดิโอ
พอจางเย่กลับเข้ามาท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
ทุกคนยังไม่เลิกงาน
จางเย่เห็นดังนั้นก็เรียกทุกคนมา และประกาศว่า “ทุกคนหยุดพักกันก่อน ขอผมพูดอะไรหน่อย หลายปีนี้พวกคุณขึ้นเหนือล่องใต้ติดตามผมมาตลอด ผมรู้ว่ามันยากลำบากมากและไม่ง่ายเลย ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ความกดดัน และพลอยถูกคนโกรธแค้นไปพร้อมกับผม อีกไม่กี่วันผมก็จะพักจากวงการในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ทุกคนก็ต้องหยุดพักยาวๆ บ้าง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมานั่งทำงานทุกวันแล้ว”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “จะได้ยังไงกันคะ คุณแค่หยุดพัก ไม่ได้ออกจากวงการเสียหน่อย ก็แค่กลับบ้านไปเลี้ยงลูกเองไม่ใช่เหรอ? ถึงไม่มีเวลาทำรายการวาไรตี้ แต่ยังมีเวลาสำหรับการเขียนนิยาย วาดการ์ตูน ทะเลาะวิวาท และทำกิจกรรมเพื่อการกุศลอยู่ พวกเรายังต้องนั่งกำกับอยู่ตรงนี้นะคะ”
จางจั่วขำ “ใช่ครับ ก็แค่เรื่องหนึ่งปีครึ่งปี ในช่วงเวลานี้เราต้องมั่นใจว่าจะรักษาคะแนนนิยมไว้ให้ได้ รอสักปีครึ่งคุณยุ่งกับทางนั้นเสร็จแล้ว พวกเรายังต้องออกเดินทางกันอีกครั้งนะ”
จางเย่พูด “ยังไงก็เถอะ จ่ายโบนัสก่อนเลยแล้วกัน”
“ว้าว!”
“ยังมีโบนัสอีกเหรอคะ?”
“ยังไม่ถึงตรุษจีนเลยนะ”
จางเย่ “ช่วงตรุษจีนเราจะยุ่งกันมาก ผมกลัวไม่มีเวลาเลยจ่ายล่วงหน้าตอนนี้เลย”
แต่เมื่อทุกคนเห็นจำนวนโบนัสก็ต้องช็อก
“เชี่ย!”
“ผู้กำกับจาง นี่มันเยอะเกินไปไหมคะ?”
“ทำไมให้เยอะขนาดนี้ครับ?”
“สวรรค์! นี่กะจะให้สร้างตัวเลยเหรอคะ?”
“ผู้กำกับจางจงเจริญ!”
ทุกคนต่างพากันเฮ!
ฮาฉีฉีตกใจ “นี่มันเยอะเกินไปแล้วนะคะ”
แม้แต่มนุษย์เงินเดือนอย่างฮาฉีฉีกับจางจั่วยังรู้สึกว่าโบนัสนี่มันเกินจริงไปหน่อย
จางเย่ยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนคิดมากเรื่องโบนัสเยอะ อันที่จริงทุกคนบอกว่าเป็นพนักงานของผม แต่ผมก็ทำเหมือนทุกคนเป็นเพื่อน เป็นผู้ถือหุ้น เงินจำนวนนี้ถือเป็นเงินปันผลของหลายปีที่ผ่านมา อย่าบ่นว่าน้อยไปก็พอแล้ว”
เสี่ยวหวังหัวเราะคิกคัก แล้วพูดหยอก “ทำไมฉันรู้สึกว่าฉากนี้เหมือนกำลังคัดสินค้าไม่ดีออกอย่างนั้นแหละค่ะ”
ฮาฉีฉีเหลือบมองเธอ “เด็กโง่ พูดเหลวไหล เราอยู่ในช่วงที่เจิดจรัสและยอดเยี่ยมที่สุด จะคัดทิ้งอะไรกันล่ะ”
เสี่ยวหวังหัวเราะ “ล้อเล่นเองค่า”
จางเย่มองทุกคน พิจารณาใบหน้าของแต่ละคนแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ ‘ปักกิ่งของเย่’ ใช่ไหม? จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าชื่อคอนเสิร์ตไม่เหมาะเท่าไร สถานที่กว้างใหญ่อย่างสนามกีฬาโอลิมปิก ชื่อนี้ยังไม่โดดเด่นพอ เราเปลี่ยนใหม่เถอะ”
ฮาฉีฉีตะลึง “เปลี่ยนเป็นอะไรคะ?”
จางเย่มองไปนอกหน้าต่าง “ใช้ชื่อว่า ‘คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย’ ก็แล้วกัน”
เสี่ยวหวังปรบมือ “เยี่ยมเลยค่ะ ชื่อนี้มีลูกเล่น!”
ถงฟู่ “ใช่ คุณต้องออกจากวงการบันเทิงสักพัก จะเรียก ‘สุดท้าย’ ก็ไม่ผิด ชื่อนี้ฟังดูน่าสนใจดีด้วย”
จางจั่ว “โอเค เปลี่ยนตอนนี้ยังทัน”
แต่ไม่มีใครรู้ว่าคำว่า ‘สุดท้าย’ หนึ่งคำนี้หมายความว่าอย่างไร
บทที่ 1486 : มหาศึกแฮ็กเกอร์!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันนี้
ในเวยป๋อ
ประชาชนต่างพูดคุยกันอย่างคึกคัก
“ท่านเทพ 2 เป็นยังไงนะ?”
“ไม่รู้สิ”
“ดูเหมือนจะโดนจับแล้ว กำลังสอบสวนอยู่”
“ฉันว่าคงมีนิรโทษกรรมนะ”
“นั่นสิ ตอนศึกจีนเกาหลีนั่น เห็นชัดๆ ว่าแฮกเกอร์เกาหลีเริ่มโจมตีเราก่อน ท่านเทพ 2 ถูกบีบให้ตอบโต้ ทำไมทางเกาหลีไม่ไปจับแฮกเกอร์มันก่อนจะมายุ่งกับคนของเรานะ? บัดซบ! ถ้าฉันเป็นสำนักงานความมั่นคงไซเบอร์ ฉันจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่ไปจับคนของเราเองหรอก”
“พูดได้ดี ตอนท่านเทพ 2 ร่วมศึก แฮกเกอร์ทั่วโลกต้องพรั่นพรึง ไอ้พวกบัดซบทั้งหลายถูกเธอขู่หนีไปหมด ดูสิ หลายปีนี้มีแฮกเกอร์ต่างชาติคนไหนกล้าบุกเข้ามาทำกร่างในจีนเราบ้างไหม? ไม่มีสักตัว! ถ้าจับท่านเทพ 2 เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงไซเบอร์ ฉันจะขอประท้วงเป็นคนแรก การมีอยู่ของท่านเทพ 2 คือการข่มอีกฝ่ายชัดๆ นี่คือการเพิ่มความมั่นคงทางไซเบอร์แท้ๆ”
“อ๊ะ แย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐโดนแฮ็กเกอร์โจมตี!”
“อะไรนะ?”
“รีบดูนี่ เว็บบอร์ดที่ใหญ่ที่สุดของจีนก็เข้าไม่ได้แล้ว!”
“ไอ้พวกนั้นเอาอีกแล้วเหรอ?”
“เชี่ย!”
หนึ่งราย!
ห้าราย!
สิบราย!
ยี่สิบราย!
เหล่าเว็บไซต์จีนค่อยๆ ชะงักไปจากการโจมตีซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
การโจมตีครั้งนี้กะทันหันจนเกินไปจนทุกคนไม่ทันตั้งตัว!
……
ซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่ง
“แย่แล้ว!”
“ช่องคิดเงินพังแล้ว!”
“เราคิดเงินไม่ได้”
“มีแฮกเกอร์!”
……
ที่โรงเรียน
“อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“ทุกคนเรียนเองกันไปก่อนนะ คอมฯ มีปัญหาน่ะ”
“อาจารย์ ทำไมจอดำล่ะครับ?”
“ระบบเครือข่ายของโรงเรียนโดนแฮ็กแล้ว!”
……
บริษัทแห่งหนึ่ง
“อ๊ะ คอมฯ เจ๊งหมดเลย!”
“ติดโทรจันแล้ว!”
“อะไรน่ะ?”
“ธงเกาหลี?”
“แฮกเกอร์เกาหลีเรอะ!”
……
อีกด้านหนึ่ง
ในกลุ่มแชทของเกาหลี
“เริ่มแล้ว”
“เริ่มแล้ว”
“เอาล่ะ งั้นลงมือตามแผนที่คุยกันไว้เลย”
“วางใจเถอะ”
“ฮ่าๆ ฉันจัดการไปสามเว็บแล้ว”
“ฉันจัดการไปสี่ เครือข่ายจีนนี่ช่องโหว่เยอะจริงๆ!”
“ในที่สุดเราก็ได้แก้แค้นคืนแล้ว!”
“2 โดนจับ ไม่มีใครหน้าไหนในจีนหยุดเราได้อีกแล้ว!”
“ทุกคน บุก!”
……
อีกด้านหนึ่ง
อเมริกา
“เกาหลีลงมือแล้ว”
“ในที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมอยู่เฉย”
“พวกนั้นทนมาหลายปีแล้วนี่”
“มี 2 อยู่ พวกแฮกเกอร์ต่างชาติมีแค่ไม่กี่คนที่กล้ามุ่งเป้ามาที่จีน ตัวฉันเองก็ไม่ได้ไปยุ่งกับจีนนานแล้วเหมือนกัน ไม่ลองแวะไปดูหน่อยล่ะ?”
“ฮ่าๆ ได้!”
“ฉันจะเข้าไปสนุกด้วยแล้วกัน!”
……
อีกด้านหนึ่ง
ที่ญี่ปุ่น
“จีนโดนพวกแฮกเกอร์บุกแล้ว”
“บุกหนักขนาดนี้?”
“เป็นฝีมือพวกเกาหลีเหรอ?”
“ทำไมมีอเมริกามาด้วยล่ะ?”
“2 โดนจับกุมแล้ว ดูเหมือนจะมีคนคันไม้คันมือบุกเครือข่ายในจีนอีกแล้ว”
“ร่วมวงด้วยแล้วกัน”
“ได้ ร่วมวงกันเถอะ!”
……
สำนักงานความมั่นคงไซเบอร์ของจีน
“ผู้อำนวยการต่ง แย่แล้วครับ!”
“พวกแฮ็กเกอร์ที่บุกเข้ามาเพิ่มจำนวนอีกแล้ว!”
“ญี่ปุ่นเข้ามาแจมด้วย!”
“พวกอเมริกันก็ด้วย!”
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?”
“ขวางไม่ไหวแล้วครับ!”
……
การจู่โจมจากแฮ็กเกอร์นานาชาติ!
เว็บไซต์นับไม่ถ้วนต่างจอดำไปแล้ว!
เว็บเพจนับไม่ถ้วนก็ชะงักค้าง!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการจู่โจมที่มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ!
เกาหลี อเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศร่วมมือกันในปฏิบัติการนี้ แฮกเกอร์เกาหลีพยายามทวงคืนความแค้นจากไวรัสแพนด้าจุดธูปที่ถล่มทั่วประเทศ ขณะที่แฮกเกอร์ประเทศอื่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ขณะนี้วงการความปลอดภัยทางไซเบอร์มุ่งเป้ามาที่เรื่องการจับตัวแฮกเกอร์ 2 จึงเป็นโอกาสให้แฮกเกอร์คนอื่นนแสดงความสามารถ สำหรับเหล่าแฮกเกอร์แล้ว ชื่อเสียงก็มีความสำคัญ
ดังนั้น มหาศึกแฮกเกอร์จึงอุบัติขึ้นอีกครั้ง!
แฮกเกอร์ฝ่ายจีนพยายามต่อต้าน แต่ก็โดนยันกลับมาได้ทุกครั้ง
ทัพศัตรูใหญ่เกินไป มีคนมากเกินไป ทั้ง JOHN จากอเมริกา SUN จากเกาหลี โจเซฟจากฝรั่งเศส ต่างก็เป็นท็อป 20 ของทำเนียบแฮกเกอร์ระดับโลกทั้งสิ้น ขณะที่จีนมีคนไม่มากถึงเพียงนั้น แฮกเกอร์ระดับสูงสุดอย่าง FAN และ 2 ถูกตีว่าเป็นบุคคลเดียวกัน และกำลังตกเป็นจำเลยรอการสอบสวน อย่าว่าแต่การเข้าเน็ตหรือสัมผัสคอมพิวเตอร์เลย อิสรภาพของเธอถูกจำกัดทั้งหมด ในที่สุดพวกเขาก็ต้องให้พี่ใหญ่ในวงการความมั่นคงทางไซเบอร์ของจีนลงจากภูเขา หลี่เว่ยตงอายุสี่สิบเอ็ดปี ขณะนี้เป็นผู้นำทีมแฮกเกอร์จีนเพื่อตอบโต้
“ยันไม่ไหวแล้ว!”
“ตายแน่!”
“ไอ้พวกลูกเต่า ถล่มมัน!”
“ลุย!”
“ถึงตายก็ต้องยันเอาไว้ให้ได้!”
ศึกนี้ลากยาวกันถึงสามวันสามคืน!
กองทัพแฮกเกอร์นานาชาติบุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง!
ทัพแฮกเกอร์จีนล้าสุดฝืนแล้ว!
ธงอเมริกัน!
ธงญี่ปุ่น!
ธงเกาหลี!
ทั้งหมดต่างปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องบนเครือข่ายจีน!
สุดท้าย แม้แต่เครือข่าวอินเตอร์เน็ตของสำนักความมั่นคงฯ เองยังล่มไปครู่ใหญ่! สงครามนี้ถือว่าเป็นการลงมือข้างเดียว ชีวิตของประชาชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เข้าเว็บบอร์ดที่เข้าตามปกติไม่ได้ จ่ายเงินค่าสินค้าก็ไม่ได้ คอมพิวเตอร์ของบริษัทเองก็ติดเชื้อจนทำงานไม่ได้
ไม่มีใครคิดว่าจะร้ายแรงเพียงนี้!
ในประวัติศาสตร์สงครามโลกออนไลน์ น้อยครั้งนักที่จะใหญ่โตเพียงนี้ ครั้งนี้ยังเกิดขึ้นเพราะการเปิดโปงตัวตนของแฮกเกอร์ในตำนาน ‘2’!
ชั่วขณะนั้น ทั้งโลกต้องจับจ้องมายังประเทศจีน!
……
อีกด้านหนึ่ง
บ้านของพ่อแม่คุณอู๋
อู๋เจ๋อชิงนั่งชมจันทร์อยู่ในลานหน้าบ้าน
จางเย่เดินไพล่หลังเข้ามา “ยังมีอะไรอีกไหม? ยังต้องทำอะไรให้ลูกอีกไหมนะ?”
เขารู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรอยู่เสมอ!
เขามักรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้สั่งเสียอะไรไว้แม้แต่น้อย!
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ” อู๋เจ๋อชิงว่า
จางเย่โบกมือ “ไม่สิ ผมต้องลืมอะไรสักอย่างแน่ๆ”
อู๋เจ๋อชิง “พอแล้ว เธอซื้อทุกอย่างที่สมควรซื้อมาหมดแล้ว”
จางเย่ถอนหายใจ ทรุดนั่งลง “งั้นเหรอ?”
อู๋เจ๋อชิงยื่นมือออกมาจัดคอเสื้อให้เขา ความจริงแล้วคอเสื้อเขาก็ไม่ได้ยับอะไร แต่คุณอู๋ชอบทำแบบนี้ “ใช้ได้แล้ว”
จางเย่ยิ้มเจื่อน “นั่นสินะ ใช้ได้แล้ว”
ขณะนั้น อู๋ฉางเหอก็ตะโกนออกมาจากในบ้าน “เย่น้อย ทำไมฉันเข้าเซิฟเวอร์หมากล้อมไม่ได้ล่ะ? ทำไมมีธงเกาหลีอยู่?”
จางเย่เงยหน้าขึ้น ตะโกนตอบกลับไป “สงสัยโดนแฮ็กน่ะ”
อู๋ฉางเหอ “ไอ้พวกคนต่างชาติ บ้ากันไปหมดแล้ว! ฉันเล่นหมากล้อมยังไม่ได้เลย!”
เสียงของหลี่ฉินฉินก็โวย “เฮ้อ ประเทศเรานี่ยังไงกัน? ไม่มีใครรับมือได้แล้วเหรอ?”
จางเย่ว่า “การแฮ็กคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องที่ต้องปกปิดกันอยู่แล้ว ประเทศเราไม่เก่งเรื่องนี้ พวกแฮกเกอร์ก็เลยทำได้ตามใจ มีแฮกเกอร์มาร่วมมือกันหลายประเทศแบบนี้ ในระยะสั้นๆ เราจัดการไม่ได้แน่นอน”
อู๋ฉางเหอโมโห “หลายวันแล้วนะ จะปล่อยให้พวกมันสามหาวกันไปแบบนี้เหรอ?”
จางเย่มองภรรยา “อู๋”
อู๋เจ๋อชิงคลี่ยิ้ม “ฉันบอกแล้วไง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันก็พร้อมสนับสนุนเสมอ”
จางเย่เองก็ยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์
ช่างกลมเหลือเกิน
ช่างสว่างเหลือเกิน
และช่างสวยงามเหลือเกิน
ที่สมควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว
ที่สมควรจัดการก็จัดการทุกอย่างแล้ว
งั้นก่อนจะไป ขอทำอะไรให้ทุกคนอีกสักครั้งเถอะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น