ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1459-1464
บทที่ 1459 : จางเย่ ‘ศพกระตุก’ แล้ว!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันถัดไป
ที่ญี่ปุ่น
วันวางจำหน่ายนิตยสารการ์ตูนของสำนักพิมพ์โชเน็น
เหล่ากองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์โชเน็นต่างมากันครบแล้ว
“อาจารย์ทานากะ”
“ต้องพึ่งคุณแล้ว”
“สู้ๆ นะครับ”
“รอดูผลวันนี้กัน”
“ตอนนี้ทั้งเอเชียจับตามองพวกเราอยู่”
“ใช่ ไม่มีปัญหาแน่นอน ทุกคนได้อ่านภาคต่อที่อาจารย์ทานากะวาดแล้วนี่”
“ฮ่าๆๆ ฉันคิดว่าดีกว่าที่จางเย่วาดซะอีก”
“แน่นอนสิ อาจารย์ทานากะเป็นนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพ อย่างมากจางเย่ก็เป็นแค่มือสมัครเล่น เอามาเทียบได้ยังไง? นายเอาอะไรมาเทียบ?”
ทุกคนต่างให้กำลังใจกัน มีบางคนที่กังวลเล็กน้อย และก็มีบางคนที่คาดหวัง
คนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือทานากะ เคนทาโร่ ครั้งนี้เขาเป็นนักเขียนการ์ตูนที่ได้รับเชิญจากสำนักพิมพ์ให้มาเขียนเรื่องต่อของวันพีช ในวงการการ์ตูนของญี่ปุ่น แม้ว่าทานากะ เคนทาโร่จะไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆ ยังไม่เคยมีผลงานยอดนิยม และไม่เคยรับช่วงเขียนต่อจากใคร แต่ทักษะการวาดภาพและความชำนาญของเขากลับได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเขียนการ์ตูนอันดับต้นๆ ของวงการ ทั้งยังสามารถวาดเลียนแบบได้เหมือนมาก
ผลงานของเขาไม่เคยได้รับความนิยมมาก่อน นั่นเป็นเพราะรูปแบบการวาดภาพของเขาไม่เด่นชัด ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ คุณสามารถมองเห็นเงาการเลียนแบบผลงานอันยอดเยี่ยมของผู้อื่นในผลงานของเขา แต่ตอนนี้กลับต่างออกไป เพื่อความต่อเนื่องของ ‘วันพีช’ การเลียนแบบเป็นสิ่งจำเป็น ต้องให้เหมือน ยิ่งเหมือนยิ่งดี มองดูแล้วทั่วทั้งวงการการ์ตูนนี้น่ากลัวว่าจะไม่มีใครเหมาะสมเท่าอาจารย์ทานากะอีกแล้ว ทานากะ เคนทาโร่เต็มใจที่จะรับงานนี้ สำหรับเขานี่คือโอกาสที่ดีในการขึ้นไปสู่สวรรค์ในก้าวเดียว!
นี่คือผลงานอะไร?
วันพีชเชียวนะ!
การ์ตูนแห่งชาติ!
เขารู้ดีว่าถ้าเขาวาดได้ดี ชื่อของเขาจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์!
อารมณ์ของทานากะ เคนทาโร่ในตอนนี้เบ่งบานราวกับดอกไม้ จางเย่นะจางเย่ เพราะนายหยุดวาดไปเอง จะมาโทษฉันไม่ได้นะ ฮ่าๆ ของดีราคาถูกชิ้นนี้ ฉันทานากะคนนี้ขอเอามันไปก่อนล่ะ!
ตอนสาย
นิตยสารของสำนักพิมพ์โชเน็นวางจำหน่าย
ประชาชนเอเชียต่างตั้งตารอ!
……
ที่ญี่ปุ่น
“ออกมาแล้ว!”
“ฉันซื้อเรียบร้อย!”
“ฉันขอดูวันพีชก่อน”
“ว้าว โอเคเลยนี่”
“ใช่ วาดได้เหมือนมาก”
“นี่วาดต่อจริงอ่ะ? ไม่เลวเลย!”
“ฮ่าๆๆๆ ทำได้เยี่ยมมาก!”
“อาจารย์ทานากะสุดยอด!”
“วาดแบบนี้แหละ! จากนี้ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว!”
……
ที่เกาหลีใต้
“ฮ่าๆ วาดได้ดี!”
“ต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องมีจางเย่แล้ว!”
“ใช่ ‘นารูโตะ’ กับ ‘สแลมดังก์’ ก็วาดต่อบ้างสิ!”
“ต้องวาดต่อแน่ ถ้าการรับช่วงเขียนต่อของ ‘วันพีช’ ได้รับการตอบรับที่ดี ในอนาคตการ์ตูนอีกหกเรื่องก็ต้องวาดต่อแน่นอน ฉันได้ข่าวว่าตอนนี้พวกเขากำลังหานักเขียนการ์ตูนอยู่นะ”
“ฮ่าๆ จางเย่ใบ้กินไปเลยล่ะสิ!”
“นายไม่วาดก็ไม่เป็นไร คนอื่นเขาวาดได้!”
“โกโกโก!”
……
ณ ประเทศจีน
“อาจารย์จางตะลึงแน่!”
“ก็สมควรจะตะลึงอยู่หรอก!”
“ฮ่าๆ ฉันล่ะสะใจที่ได้ยินแบบนี้!”
“พูดตรงๆ ทานากะวาดก็โอเคอยู่นะ”
“มีให้อ่านก็ดีแล้ว”
“ไอ้ขันทีน่าตายนั่น เราก็ไม่ต้องไปสนใจเขา”
“อาจารย์จางคุณไปเถอะ พวกเราไม่ต้องการคุณแล้ว!”
“อืม ใช่ๆ”
……
การสนทนาที่ร้อนแรงทั่วเอเชีย
ประชาชนต่างชื่นชมชมยินดี
ภาคต่อของ ‘วันพีช’ ได้รับความสนใจอย่างมาก
การประเมินอย่างเป็นทางการของสื่อ และสาธารณชนเป็นไปค่อนข้างดี
แน่นอนว่ามีบางจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบ ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่เวอร์ชั่นดั้งเดิมของจางเย่ แต่เวอร์ชั่นภาคต่อนี้ก็ยังเป็นที่ยอมรับ อย่างน้อยก็ถูกมองว่าผ่าน ดังนั้นทุกคนจึงประเมินไว้สูง
สำนักพิมพ์กำลังปีติยินดี!
วิกฤตได้รับการแก้ไขแล้ว!
ในที่สุดก็กลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติแล้ว!
ทานากะ เคนทาโร่เองก็ดีใจจนแทบบ้า!
ดังแล้ว!
ฉันดังแล้ว!
ในที่สุดฉันก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้ว!
ในตอนนั้นเองชื่อเสียงของทานากะ เคนทาโร่ก็โด่งดังขึ้นมา!
ข่าวเผยแพร่ออกไป
‘ภาคต่อวันพีชประสบความสำเร็จ!’
‘ประชาชนเอาด้วย!’
‘มีรายงานว่าโคนันเริ่มมองหานักเขียนการ์ตูนเพื่อเขียนต่อ!’
‘กันดั้มปล่อยข่าว : จะมีการเขียนต่อเร็วๆ นี้!’
‘พายุของขันทีที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์เงียบสงบลงแล้ว?’
สถานการณ์กำลังค่อยๆ สงบลง
ทุกคนต่างคิดว่าเรื่องมันจะจบลงแล้ว ‘วันพีช’ จะได้รับการอัปเดตตอนใหม่ เรื่องราวของลูฟี่และผองเพื่อนจะดำเนินต่อไป การ์ตูนเรื่องอื่นเองก็จะมีการวาดอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครคิดว่าในช่วงเวลานี้ สตูดิโอของจางเย่ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาสองสามวันได้โพสต์ข้อความออกมา!
จางเย่ลงมือแล้ว!
เขาลงมือครั้งนี้เป็นการกวนน้ำให้ขุ่นมากขึ้นไปอีก!
โพสต์ของสตูดิโอไม่ใช่อื่นใด มันคือตอนใหม่ที่ลงต่อจาก ‘วันพีช’ ของเขานั่นเอง!
จางเย่ที่เป็นขันทีอยู่ดีๆ ก็ออกจากวังมาแล้ว!
ทั่วเอเชียก็ระเบิดทันที!
ทุกคนต่างตะลึงตาค้าง!
“เชี่ย!”
“ฉันกำลังอ่านอะไรอยู่เนี่ย?”
“จางเย่ออกตอนใหม่!”
“วันพีชออกตอนใหม่แล้ว!”
“เชี่ย นายไม่วาดต่อแล้วไม่ใช่เหรอ? นายบอกว่างานยุ่งไม่มีงานวาดนี่? แม่งเอ้ย! หลอกกันนี่หว่า!”
“ทำไมแม่งถึงออกตอนใหม่มาได้ละเนี่ย?”
“เชรด วาดได้เยี่ยมมาก!”
“อ่านจบแล้ว น่าประทับใจมาก!”
“ดีกว่าของทานากะเยอะเลย แถมพล็อตเรื่องยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!”
“นี่มันตอกหน้ากันชัดๆ!”
“ใช่แล้ว ตอนแรกฉันคิดว่างานเขียนภาคต่อของทานากะใช้ได้ แต่ก็เทียบกับต้นฉบับไม่ได้จริงๆ พล็อตก็ไม่เหมือนกัน ยังไงของจางเย่ก็ดีกว่า! หมอนี่บุคลิกส่วนตัวไม่ดีเท่าไร นิสัยก็ไม่ค่อยดี แต่ความสามารถเป็นของแท้แน่นอน ญี่ปุ่นยังสนับสนุนให้ทานากะเป็นนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพ ภาคต่อของเขาดีกว่าของมือสมัครเล่นอย่างจางเย่แน่นอน เหอะๆ ที่จริงใครก็รู้ว่าหลอกตัวเองทั้งนั้น เดิมที ‘วันพีช’ ก็เป็นผลงานที่จางเย่สร้างขึ้นมา ใครจะวาดได้ดีไปกว่าเขาอีก? นี่มันไร้สาระมาก!”
“อัปเดตต่อสิ!”
“รีบอัปเร็ว!”
ญี่ปุ่น
เกาหลี
จีน
ข่าวเรื่องวันพีชตอนใหม่แพร่กระจายทันที!
ผู้คนนับไม่ถ้วนคล้ายได้รับประกายแห่งความหวัง ทุกคนต่างกรีดร้องออกมา
จากนั้น…จากนั้นก็ไม่มีจากนั้นอีกแล้ว!
‘วันพีช’ อัปเดตหนึ่งตอน แล้วก็หยุดไปอีกครั้ง!
สตูดิโอของจางเย่และจางเย่กลับสู่ความเงียบ ไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป!
จนถึงขณะนี้ทุกคนเพิ่งเข้าใจเจตนาของจางเย่ พวกเขาโมโหจนแทบบ้าทันที แต่ละคนใกล้จะอดใจไม่ไหวอยากจะฉีกจางเย่ออกเป็นชิ้นๆ!
……
ที่สำนักพิมพ์โชเน็น
คนในกองบรรณาธิการเซ่อไปแล้ว!
ทานากะ เคนทาโร่อ่านตอนล่าสุดของต้นฉบับด้วยความรู้สึกว่างเปล่า และกระอักเลือดออกมา!
“ไอ้เฮงซวย!”
“สารเลว! ไอ้ชั่วเอ้ย!”
“ผู้ชายคนนี้มันชวนให้คนโมโหตายจริงๆ!”
“ไอ้คนแซ่จาง! ไปตายซะไป!”
“เชี่ยแม่ง!”
“อาจารย์ทานากะ ไม่ต้องสนใจเขา!”
“ใช่ วาดต่อไป!”
ความจริงทานากะ เคนทาโร่ได้เริ่มเขียนตอนที่สองแล้ว แต่ว่าขณะนี้เขากลับไม่สามารถขยับปากกาลงไปวาดได้ วาดต่อไป? วาดได้ยังไงฟะ! เขาออกแบบพล็อตหลังจากนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าจางเย่จะเกิด ‘ศพกระตุก’ ขึ้นมา หมอนั่นอัปเดตตอนใหม่ อีกทั้งพล็อตเรื่องยังต่างจากของทานากะ เคนทาโร่อย่างสิ้นเชิง! ตอนล่าสุดฉบับดั้งเดิมของจางเย่แพร่สะพัดออกไป คนญี่ปุ่นไปดูผลงานที่จีนละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ถ้าทานากะไม่สนใจจางเย่และยังคงวาดตามที่ตนเองวางแผนไว้ต่อไป ประชาชนจะมาซื้อสักกี่คนกัน? พื้นฐานของความต่อเนื่องคือต้องเป็นไปตามเรื่องราวดั้งเดิม แต่ตอนนี้เขาออกทะเลมาไกลแล้ว! แต่ถ้าทานากะทำตามแนวคิดล่าสุดของจางเย่แล้วเขียนใหม่ล่ะ? ถ้าอย่างนั้นตอนแรกในภาคต่อก่อนหน้านี้ของเขาก็ต้องพลิกกลับไปมาน่ะสิ อีกอย่างสวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่าจางเย่จะไม่ ‘ศพกระตุก’ ใหม่อีกครั้งในวันถัดไป! แม้ว่าเขาจะไม่ได้กระตุกทุกวันก็ตาม ถ้าเขาเกิดกระตุกขึ้นมาทุกสามวันห้าวัน คุณแม่งก็รับมันไม่ไหวแล้ว!
จางเย่สามารถทำได้!
เรื่องแบบนี้เขาแม่งทำได้อย่างแน่นอน!
ดังนั้นทานากะจึงร้องไห้ออกมา เขาเขียนต่อไม่ได้แล้ว!
เขาจะเขียนต่อได้ยังไง?
ที่ POO สตูดิโอ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“สวัสดีครับอาจารย์โคอิ”
“เรื่องเขียนภาคต่อ พวกคุณหาคนอื่นเถอะครับ”
“เพราะอะไรครับ? คุณรับปากแล้วนี่?”
“เอ่อ…ลืมมันไปเถอะครับ”
ชูคันฉะ
“อาจารย์โยชิดะ ไม่ได้นะคะ!”
“พวกคุณไปเชิญผู้เชี่ยวชาญคนอื่นเถอะครับ”
“เราตกลงกันไว้แล้วนี่คะ”
“เอ่อ พวกคุณยังมองไม่ออกอีกเหรอ? ไม่ว่าใครจะเขียนต่อ ไม่ว่าจะเขียนการ์ตูนเรื่องไหนของจางเย่ เขาก็มีวิธีให้คุณเขียนต่อไม่ได้อยู่ดี!”
วันนั้น
ทานากะ เคนทาโร่ลาออกจากงานเขียนภาคต่อของ ‘วันพีช’
ในวันเดียวกัน นักเขียนการ์ตูนอีกหลายคนที่ได้เจรจาเซ็นสัญญาใหม่เพื่อเขียนภาคต่อของ ‘นารูโตะ’ ‘กันดั้ม’ และ ‘โคนัน’ ฯลฯ ต่างปฏิเสธโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตครั้งนี้!
ไม่สามารถเขียนต่อได้!
วิธี ‘ศพกระตุก’ ของจางเย่?
พวกเขาไม่มีใครเขียนต่อได้จริงๆ!
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหมอนั่นเป็นอันธพาลแบบไหนกันแน่ ความไร้ยางอายของจางเย่มาถึงจุดที่ฟ้าดินต้องหวาดกลัวแล้ว นายเลิกวาด แต่ก็ไม่ให้คนอื่นเขาวาดต่อ? นายยังมีหน้ามาก่อกวนอีก? ไม่เคยเจอมาก่อนเลย! ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลยจริงๆ!
แผนการเขียนต่อทั้งหมดติดขัด!
การ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่องยังหยุดอัปเดตตอนใหม่อย่างไม่มีกำหนดต่อไป!
ประชาชนรุมด่าอย่างบ้าคลั่ง!
“ตั้งใจ! เขาตั้งใจแน่นอน!”
“จางเย่! ไอ้คนไร้คุณธรรม!”
“ฉันขอแช่งให้หมอนี่ล้มเหลวเร็วๆ!”
“ทั่วเอเชียจะหาตัวป่วนแบบนี้เป็นคนที่สองไม่มีอีกแล้ว!”
“จบกันละ ไม่มีให้อ่านอีกแล้ว!”
“แม่ง มันเป็นเพราะจางเย่ก่อกวนนั่นแหละ!”
“ไอ้หมอนี่มันน่าโมโหชะมัด!”
“ฉันโมโหจะตายแล้ว! อ๊ากกกกกกกก!”
“รอบนี้แม่งคงหยุดไปจริงๆ แล้วล่ะ ไม่มีการเขียนต่ออะไรอีกแล้ว!”
คำสาปแช่งทั้งหลายที่สงบลงไปมาก ตอนนี้กลับระเบิดออกมาอีกครั้ง และระเบิดรุนแรงกว่าเดิมนับสิบเท่า จางเย่ถูกผู้คนในเอเชียล้อมกรอบอีกครั้ง!
บทที่ 1460 : อันดับคะแนนนิยมล่าสุดของจางเย่!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันนี้
ตอนรุ่งเช้า
ตั้งแต่วันที่จางเย่ประกาศว่าการ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่องจะหยุดอัปเดตตอนใหม่ สงครามต่อต้าน ‘มหาขันที ’ ก็ดำเนินไปอย่างดุเดือดตลอดทั้งสัปดาห์ ผู้คนจากหลายประเทศในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีต่างเข้าร่วมปฏิบัติการเพื่อโจมตีจางเย่ชนิดที่เกือบจะถึงขั้นทำลายล้าง
สถิติที่ยังไม่เป็นทางการ :
มีการสาปแช่งบนเวยป๋อของจีนจำนวนยี่สิบล้านครั้ง
ในประเทศญี่ปุ่นมีการสาปแช่งทั้งหมดสามสิบสองล้านครั้ง
สตูดิโอจางเย่ถูกคนปิดล้อมสิบเอ็ดครั้ง
รถของจางเย่ถูกหมาฉี่ใส่ห้าสิบสามครั้ง
ตอนนี้ในรัศมีสิบเมตรโดยรอบรถ BMW ของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ทะลุฟ้า!
ขันที!
ศพกระตุก!
กลับไปเป็นขันที!
ทุกเรื่องที่หมอนี่ทำล้วนทำให้ผู้คนโกรธแค้นจนกัดฟันกรอด!
ไม่เคยมีดาราคนไหนโดนคนด่าเยอะขนาดนี้ อีกทั้งเป็นการระเบิดคำด่าแบบปูพรมต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ถือเป็นประวัติการณ์จริงๆ อย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน!
บนอินเทอร์เน็ต
“เฮ้อ ไม่ต้องด่าแล้วล่ะ”
“ฉันก็ด่าจนเหนื่อยแล้ว”
“ทุกคนเก็บแรงไว้เถอะ หมอนั่นคงไม่อัปตอนใหม่แล้ว!”
“ไอ้บ้านี่หน้าหนาเกินไปแล้ว เขาไม่กลัวคนด่าเลยจริงๆ!”
“ฉันอยากร้องไห้ วันพีชของฉัน นารูโตะของฉัน โคนันของฉัน!”
“ทำใจเถอะ ฉันรู้จักผู้ชายอย่างจางเย่ดี ไม่แน่ว่าวันดีคืนดีจู่ๆ เขาเกิดค้นพบมโนธรรมในจิตใจขึ้นมา บางทีอาจกลับมาเขียนต่อก็ได้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาเพิ่งท้าทายคำสั่งแบนของญี่ปุ่นกับเกาหลีไป ทางด้านนั้นแบนเขากว่าเดิมเขาก็ยิ่งไม่ยอมออกตอนใหม่ ไอ้หมอนี่มันนิสัยแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร”
“อ้อใช่ คะแนนนิยมในเอเชียของเขาล่ะ?”
“ฉันดูก่อนนะ…”
“เอ้ะ ทำไมไม่มีเขาล่ะ?”
“ไม่มีชื่อเขาอยู่เหรอ? ฮ่าๆ อย่าบอกว่าอันดับเขาตกลงไปแล้ว?”
“สมน้ำหน้า ให้เขาตายไปซะ!”
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่มีชื่อเขาจริงสิ?”
“พวกนายเพิ่งเห็นเหรอ? ไม่มีมาหลายวันแล้ว”
“หรือว่าแบนเขาแล้ว?”
“หรือเป็นเพราะฟ้าดินพิโรธ ทำเนียบเองก็ทนเขาไม่ได้แล้ว?”
ความคิดเห็นแตกต่างกันไป
ทุกคนคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย
……
อีกด้านหนึ่ง
สตูดิโอของจางเย่
ทุกคนยุ่งอยู่กับเรื่องนี้มาสองสามวันแล้ว
“สัญญาล่ะ? สัญญาของวันพีชอยู่ไหน?”
“อยู่นี่ค่ะ!”
“ไอ้หยา ใครทิ้งไว้ในลิ้นชักเนี่ย”
“สัญญาของโคนันอยู่ตรงนั้นไหม?”
“อยู่ที่ผมครับ ต้นฉบับก็อยู่นี่!”
“ดี งั้นส่งไปแล้วนะ”
ไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบการจัดอันดับทำเนียบดาราของเอเชีย โทรมาขอให้พวกเขาแสดงหลักฐานพิสูจน์ว่าจางเย่คืออาโออิ โซระ ฯลฯ นักเขียนการ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่อง ทั้งยังแจ้งให้พวกเขาทราบด้วยว่าการอัปเดตความนิยมในเอเชียของจางเย่จะหยุดลงชั่วคราว หลังจากตรวจสอบหลักฐานเสร็จแล้วจึงจะสามารถคำนวณข้อมูลความนิยมของจางเย่ใหม่ และขึ้นไปอยู่บนทำเนียบได้เหมือนเดิม สำหรับจุดนี้พนักงานในสตูดิโอก็เข้าใจ
คุณบอกว่าคุณเป็นคนวาดก็แปลว่าคุณเป็นคนวาดเหรอไง?
แค่นั้นไม่ได้แน่นอน พวกเขาจึงจำเป็นต้องแสดงหลักฐาน
เมื่อยืนยันทุกอย่างแล้วเท่านั้น คะแนนนิยมที่การ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่องสะสมมาจึงจะสามารถเพิ่มเข้าไปในส่วนของจางเย่ได้
จางเย่ถาม “จะเสร็จภายในวันนี้ไหม?”
ฮาฉีฉีตอบ “น่าจะได้ค่ะ เหลือไม่มากแล้ว”
จางเย่หัวเราะ “เยี่ยม งั้นคืนนี้รอดูทำเนียบแล้วกัน”
เสี่ยวหวังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “จะทำได้จริงๆ เหรอคะ?”
เสี่ยวซุนก็กังวลกับผลได้ผลเสีย “กลัวก็แต่เพราะชื่อเสียงเราไม่ค่อยดี มันจะกระทบกับคะแนนนิยมเนี่ยแหละ”
“ชื่อเสียงเราไม่ค่อยดีตรงไหน?” เสี่ยวโจวแก้คำพูด “พวกเราไม่มีชื่อเสียงเลยต่างหาก!”
จางเย่ฟังแล้วก็ขำ ที่จริงเขาก็เคยประมาณการคะแนนนิยมครั้งนี้อยู่คร่าวๆ แต่ความไม่แน่นอนมันมากเกินไป เขาเองก็บอกยาก คลื่นลูกเดียวรอบนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นยังไง ผลตอบรับจะมากแค่ไหน ก็ต้องดูกันวันนี้
มากขึ้นอีกสักหน่อยเถอะ!
ครั้งนี้ขอให้เพิ่มขึ้นอีกสักนิดเถอะนะ!
อย่างน้อยก็ขอให้เข้าใกล้ระดับ A แถวหน้าของเอเชีย อย่างน้อยก็ขึ้นสู่หนึ่งในสิบของเอเชียเถอะนะ ถ้าแม้แต่สิบอันดับแรกยังขึ้นไปไม่ได้ ช่วงเวลาหลายเดือนมานี้มันก็เปล่าประโยชน์แล้ว!
……
ไม่เพียงแต่ตัวจางเย่เท่านั้น
จีน
ญี่ปุ่น
เกาหลี
วงการบันเทิง
สื่อมวลชน
พวกเขาต่างก็สนใจการเปลี่ยนแปลงในทำเนียบเอเชียของจางเย่อย่างมากเช่นกัน!
‘คะแนนนิยมในเอเชียของจางเย่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง?’
‘มีรายงานว่าคะแนนนิยมของจางเย่กำลังถูกประเมิน!’
‘อาจจะประกาศในคืนนี้!’
‘จะปีนขึ้นแท่นบูชาหรือตกจากระดับ A?’
‘คนวงในกล่าว : การประเมินคะแนนนิยมของจางเย่ไม่สามารถคาดเดาได้!’
‘ไม่เคยเกิดกรณีนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์!’
มีคนที่บอกว่าจะเพิ่มขึ้น
และมีคนที่คิดว่าลดลง
ทุกคนต่างโต้เถียงกัน
……
ที่ญี่ปุ่น
“เขี่ยเขาลงไปซะ!”
“ใช่ สมควรตกไปจากระดับเอ!”
“อ่า น่าจะตกไประดับบีเลย!”
“ถูกต้อง หมอนี่มันน่ารังเกียจเกินไป ให้เขาขึ้นมาระดับซีไม่ได้เลยยิ่งดี!”
“ฮ่าๆๆ คืนนี้รอชมความคึกคักของจางเย่ได้เลย!”
“ตก! ตก! ตก!”
“เขาจะได้รู้สักทีว่าทำให้พวกเราโมโหแล้วจะเกิดอะไรขึ้น!”
……
ประเทศจีน
“ฉันซื้อประทัดแล้ว”
“อืม รอฉลองคืนนี้!”
“ขอให้ท่านปู่จางล้มไปเสียทีเถอะ!”
“สมควรล้มไปได้แล้ว! ไม่งั้นฟ้าดินพิโรธอีกครั้งแน่!”
“จะให้อาจารย์จางหายไปได้ยังไง ถ้าเขาไม่ตกไปอยู่อันดับซีของเอเชียก็ไม่มีผลอะไรหรอก!”
“มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว!”
……
เกาหลีใต้
“ให้เขาหยุดพักไปสิ!”
“รอดูว่าครั้งนี้เขาจะยังยิ้มออกไหม!”
“ให้เขาเสียใจซะบ้าง จะได้เห็นเขาร้องไห้แล้ว!”
“เอ่อ ถ้าเกิดคะแนนนิยมของหมอนั่นเพิ่มขึ้นล่ะ?”
“เชี่ย เป็นไปไม่ได้มั้ง?”
“คนด่าเขาเยอะขนาดนี้ เขายังจะเพิ่มได้อีกเหรอ?”
“แต่เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“เฮ้ย!”
……
ทีมของลีอันซู
“คืนนี้จะเป็นยังไงนะ?”
“ไม่รู้สิ”
“รอดูไปก่อนเถอะ”
“ต้องลดลงแน่ๆ!”
……
บ้านของเหยาเจี้ยนไฉ
“พ่อคะ คะแนนนิยมในเอเชียของอาจางจะอัปเดตแล้วใช่ไหม?”
“น่าจะนะ”
“จะลดลงไหมคะ?”
“ใครก็บอกไม่ได้ ไอ้เด็กน้อยนั่นไม่เคยเดินตามเส้นทางปกติอยู่แล้ว!”
……
ในประเทศ
ดาราสองสามคนมารวมตัวกัน
“ใครเดาได้บ้างว่าคะแนนนิยมของจางเย่จะเปลี่ยนไปยังไง?”
“เรื่องนี้ไม่แน่ใจเลย”
“ใช่ ของคนอื่นอาจจะเดาได้ มีแต่คะแนนของจางเย่ที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ”
……
หนึ่งชั่วโมง
สองชั่วโมง
สามชั่วโมง
ในที่สุดก็ถึงเวลาเที่ยงคืน
สื่อมวลชนในเอเชีย คนในวงการ ดารา และประชาชนจำนวนมากเปิดทำเนียบคะแนนนิยมของดาราเอเชีย ทุกคนต่างเริ่มกดรีเฟรชหน้าจอ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีอะไรทำ แต่ทุกคนล้วนอยากรู้อันดับของจางเย่มาก!
รีเฟรช!
ไม่มี!
รีเฟรชอีกครั้ง!
ยังไม่มี!
เมื่อพวกเขากดรีเฟรชหน้าจอเป็นรอบที่สาม ในที่สุดทำเนียบดาราก็อัปเดตแล้ว!
หลายวันก่อน ครั้งสุดท้ายที่ชื่อของจางเย่หยุดอยู่บนทำเนียบดาราของเอเชีย อันดับของเขาอยู่ตรงกลางแถวค่อนไปทางด้านบนของระดับ A ไม่ได้ขึ้นไปอยู่แถวหน้า แต่ก็สูงกว่ากลางแถวเล็กน้อย แต่เมื่อทำเนียบอัปเดตล่าสุดวันนี้ หลายคนต่างก็ต้องอึ้งงัน ช็อกจนแทบกระอักเลือด อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก!
“เชี่ย!”
“ทำไมเป็นแบบนี้!”
“ไม่จริงใช่ไหม!”
“นี่แม่งไม่มีเหตุผลเลยนี่หว่า!”
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้!”
“ไอ้มหาขันทีฝืนชะตาอีกแล้ว!”
“แม่งเอ๊ย! นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
ในเวลานี้ บนทำเนียบดารามีชื่อของจางเย่อยู่ เขาไม่ได้ตกไประดับ B และยิ่งไม่ได้ตกไปถึงระดับ C คะแนนนิยมของจางเย่ยังคงอยู่บนระดับ A ของเอเชีย ทั้งยังขยับขึ้นไปอีก!
ขยับขึ้นไปเยอะมาก!
เยอะมากเยอะมากมาก!
ประชาชนทั้งเอเชียแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พวกเขาเห็นชื่อของจางเย่อยู่บนอันดับที่สี่ของระดับ A ของทำเนียบโดยไม่คาดคิด!
อันดับสี่เชียวนะ!
นี่ไม่ใช่แค่แถวหน้าของระดับ A แล้ว!
เขาแม่งเป็นดาราอันดับสูงของระดับ A ไปแล้ว!
ห่างจากอันดับก่อนหน้านี้ถึงสิบหกสิบเจ็ดอันดับ!
นี่มันบินทะลุฟ้าชัดๆ!
ญี่ปุ่นมึนงง!
เกาหลีตกตะลึง!
พนักงานในสตูดิโอจางเย่เหม่อลอย!
สื่อเอเชียช็อก!
วงการบันเทิงเอเชียตกใจ!
ประชาชนทั่วเอเชียก็อึ้งกิมกี่!
นับตั้งแต่ที่ทำเนียบอัปเดต ทั่วทั้งเอเชียก็เดือดพล่าน!
“ไม่ต้องโหดร้ายขนาดนี้ก็ได้!”
“อย่าออกนอกกรอบขนาดนี้อีกเลยจะได้ไหม!”
“เชี่ยแม่ง!”
“แบบนี้แม่งก็ได้เหรอ?”
“ไม่ใช่ไม่ตก แต่แม่งยังขึ้นอีก? แถมยังขึ้นไปมากขนาดนั้น?”
“เจิดจ้าจนตาหมาไทเทเนียมบอด[1]แล้วว้อย!”
——————–
[1] ไม่น่าเชื่อ เป็นไปไม่ได้แบบสุดๆ ขนาดไทเทเนียมที่ว่าแข็งทนการกัดกร่อน เป็นของสุดแรร์ในเกมยังแพ้ได้ Jinlan
บทที่ 1461 : เดินหน้าแผนการมุ่งสู่จุดสูงสุด!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันต่อมา
สุดสัปดาห์แล้ว
จางเย่ขับบีเอ็มของเขาไปที่ร้านล้างรถใกล้ๆ
“โอ้ อาจารย์จางมาแล้ว?”
“อื้อ”
“ล้างรถอีกแล้วเหรอ?”
“ล้างให้มากขึ้นสักสองสามรอบนะ”
“โอเค จะล้างสิ่งสกปรกออกให้หมดแน่นอน”
“ฝากด้วยนะครับ”
“คุณไม่ต้องเกรงใจ เฮ้อ เดี๋ยวนี้คนเลี้ยงสุนัขนี่ไม่ค่อยมีใจคิดถึงส่วนรวมกันเลยจริงๆ”
ทางนั้นก็ล้างไป จางเย่ก็เดินไปที่แผงขายหนังสือพิมพ์แล้วซื้อมาสองสามฉบับ เดี๋ยวนี้สื่อหนังสือพิมพ์อยู่ในสภาวะตกต่ำ แต่เขายังอ่านหนังสือพิมพ์ตามความเคยชินอยู่ หนังสือพิมพ์จะค่อนข้างเป็นทางการมากกว่า ตรงกันข้ามกับสื่ออินเทอร์เน็ต ข่าวเองก็มีมูลความจริง อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่ามีข่าวปลอมกับข่าวลือมากเกินไป
ฉบับของวันนี้ถูกเขายึดครองไว้หมดแล้ว
‘ความนิยมของจางเย่พุ่งระเบิด!’
‘ระเบิดความนิยมอย่างคาดไม่ถึง!’
‘เส้นทางสู่จุดสูงสุดเอเชียของจางเย่!’
‘จางเย่จะเป็นศิลปินชาวจีนที่จะได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดของเอเชียคนต่อไปหรือไม่?’
‘จางเย่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของระดับเอแห่งเอเชีย!’
‘ระยะห่างของสตาร์คิงแห่งเอเชีย หรือจางเย่จะอยู่ห่างแค่ก้าวเดียว!’
‘ภายในหนึ่งปี จางเย่จะสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดของเอเชียได้หรือไม่?’
จางเย่พลิกหน้าหนังสือพิมพ์พลางยิ้มน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี การตบเท้าเข้าวงการการ์ตูนครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดไว้เยอะมากทีเดียว ทีแรกคิดว่าจะสามารถขึ้นสู่สิบอันดับแรกของระดับเอได้ ใครจะคิดว่าจะเปลี่ยนไปเป็นแถวหน้าสุดแทน ทั้งยังเป็นลำดับที่สี่ด้วย นี่คือผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายจริงๆ สองสามเดือนนี้ที่พากเพียรแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันไม่ได้สูญเปล่าเลย พอนึกถึงวันที่ต้องอยู่ถึงห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง ไม่ก็ตีหนึ่งถึงตีสามทุกวันก็ไม่อยากจะนึกอีก โคตรเหนื่อยเกินไปแล้ว!
รถล้างเสร็จแล้ว
จางเย่ขับกลับสตูดิโอ
พอขึ้นมาบนตึกก็พบว่ามีเพื่อนมาเยี่ยมเยือนไม่น้อย
เหยาเจี้ยนไฉ
เอมี่กับหลี่เสี่ยวเสียน
ย่าจางเสียก็มา
หลี่เสี่ยวเสียนโบกมือ “อาจารย์จาง”
จางเย่ตอบยิ้มๆ “มาแล้วเหรอ? เสี่ยวตงไปไหนล่ะ?”
“พี่ตงมีนัดค่ะ พวกเราสองคนอยู่ก็ไม่มีธุระอะไรเลยมาหาคุณที่นี่” เอมี่ส่งเสียงเหอะๆ ดูเหมือนจะยังจำเรื่อง ‘สแลมดังก์ ได้
จางเสียกำลังมองไปรอบๆ “ที่นี่ดีมากเลย”
จางเย่หัวเราะ “คุณย่าจางมาครั้งแรกสินะครับ? คุณรีบมานั่งก่อนเร็ว” เขาหันไปเอ่ยว่า “เสี่ยวหวัง รีบมารินชาเถอะ”
“มาแล้วค่ะ” เสี่ยวหวังหัวเราะคิกๆ ขณะเดินมารินน้ำชา
เหยาเจี้ยนไฉยิ้ม “นายดังอีกแล้วนะ เอายังไง? ตอนเที่ยงจะเลี้ยงข้าวไหม?”
จางเย่พูด “งั้นพวกคุณทุกคนก็มาขอข้าวกินสินะ?”
เอมี่ตอบ “ใช่แล้วค่ะ มาขูดชามข้าวคุณนั่นแหละ”
จางเย่หัวเราะ “ได้ เลี้ยงๆ”
จางเสียยิ้มพลางตอบว่า “ครั้งนี้ความนิยมในเอเชียของเธอเพิ่มขึ้นเยอะมาก คนมากมายล้วนคาดไม่ถึง ต่อให้คาดไว้ว่าจะเพิ่มแต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเพิ่มมากขนาดนี้”
“ที่สำคัญคือดันเพิ่มเพราะโดนด่า” เอมี่เศร้าใจ “ทำเรื่องชั่วก็ยังสามารถเพิ่มความนิยมได้ ปู่จางของพวกเราเป็นดาราได้ง่ายเกินไปแล้ว”
เหยาเจี้ยนไฉหัวเราะฮ่าๆ “ใช่ ดูเหมือนฉันต้องมาเอาดีทางด้านนี้บ้างแล้ว หลังจากนี้ก็จะไม่ถ่ายละคร ไม่แสดงเซี่ยงเซิงแล้ว จะฝึกด่าคนทุกวัน ไม่หลับไม่นอนแล้ว จะด่าทุกคนสักรอบ ฉันเองก็เป็นซูเปอร์สตาร์ของเอเชียเหมือนกัน เรื่องดีๆ แบบนี้จะไปหาได้จากที่ไหน?”
ทุกคนยิ้ม
คนของสตูดิโอจางเย่เองก็หัวเราะออกมา
ความจริงทุกคนล้วนรู้ว่าประโยคนี้เป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่ง อันที่จริงจางเย่อาศัยการด่าคนดันตัวขึ้นไป ทุกวันนี้เขาแทบจะด่าคนหนึ่งครั้งเพิ่มความนิยมหนึ่งหน ตีคนหนึ่งทีเพิ่มชื่อเสียงหนึ่งรอบ แม้พูดแล้วฟังเหมือนง่าย แต่การด่าคนแบบจางเย่ ตีคนแบบจางเย่–
มีสักกี่คนกัน?
ทั่วทั้งโลกมีเขาแค่คนเดียว!
วิธีการแบบนี้คนอื่นลอกเลียนไม่ได้ ใครก็ทำไม่ได้!
ทั่วทั้งเอเชียและอาจจะทั้งโลกก็มีจางเย่อยู่หนึ่งเดียว นี่เป็น ‘ทักษะ’ ระดับสูงของจางเย่แค่คนเดียว มีแค่เขาที่ทำได้ คนอื่นใช้คนนั้นสิ้น!
จางเย่หัวเราะเหอๆ “ครั้งนี้ผมบังเอิญน่ะ ใครจะไปคิดว่าผลกระทบของการ์ตูนจะมากขนาดนี้ การ์ตูนเจ็ดเรื่องนั้นของผมหลักๆ ก็แค่อยากให้เป็นที่รู้จักทางฝั่งญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะผมไม่มีความนิยมที่นั่นเลย ความจริงทางเกาหลียังขาดอยู่ แม้พวกเขาจะร่วมด่าแต่ความจริงคนอ่านการ์ตูนก็ยังมีน้อย ครั้งนี้ที่ได้คะแนนนิยมมาหลักๆ ก็เมาจากฝั่งญี่ปุ่นนั่นล่ะ”
หลี่เสี่ยวเสียนเม้มปากยิ้ม “ประเทศอื่นในเอเชียก็ไม่น้อยนะคะ”
เอมี่ตอบ “ใช่ค่ะ ฉันเองก็อ่านสแลมดังก์นะ ใครจะไปคิดว่าคุณจะไม่วาดแล้ว การ์ตูนหยุดไป ตอนนี้อนิเมก็หยุดฉายด้วย อ๊าๆๆ ฉันว่าฉันต้องเศร้าตายแน่ๆ!”
จางเสียมองจางเย่ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เธอนี่นะ ไม่เอาใจใส่เอาเสียเลย”
จางเย่หัวเราะ “ไม่มีเวลาวาดจริงๆ ครับ”
จางเสียถาม “ดูจากพลังของเธอแล้ว เธอเตรียมจะเป็นสตาร์คิงแห่งเอเชียคนต่อไปจริงๆ ในปีนี้สินะ?”
จางเย่ยิ้ม “ถ้าหากขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ ก็ย่อมดีที่สุด”
“ความนิยมของคุณเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป อย่างกับนั่งจรวแน่ะ” เอมี่เอ่ย “ช้าๆ หน่อย ให้มั่นคงอีกสักนิด รีบร้อนไปทำไมกัน”
จางเย่กลับเอ่ยว่า “นั่นไม่ได้หรอก อีกไม่กี่เดือนลูกของผมก็ใกล้คลอดแล้ว ถึงตอนนั้นต้องสนใจครอบครัว จะผลักทุกอย่างไว้ที่ภรรยาไม่ได้ ผมเองก็ต้องใส่ใจ แล้วยังต้องอบรมลูกอีก ถึงตอนนั้นเวลาก็ไม่มากแล้ว ผมเตรียมพักสักสองสามปี ตั้งแต่ผมปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ นอกจากหายไปพักผ่อนไม่กี่วันแล้วเดิมก็ไม่มีเวลาว่างเลย ควรหยุดพักได้แล้ว ดังนั้นผมจึงอยากขึ้นสู่จุดสูงสุดของเอเชียก่อนที่ลูกจะคลอด ถ้าทำได้หลังจากนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อนแล้ว พักผ่อนสักสองสามปี จากนั้นค่อยไปท้าทายวงการบันเทิงระดับอินเตอร์!”
อินเตอร์?
ทุกคนฟังแล้วรู้สึกว่าช่างห่างไกลนัก
จางเสียสะอื้น “เวทีอินเตอร์ ชีวิตนี้พวกเราไม่มีโอกาสแล้ว”
เอมี่เองก็เอ่ยว่า “ใช่ พวกเราไม่ฝันแล้ว คุณเป็นคนที่สามารถทำให้สำเร็จได้”
“ยังเร็วไปที่จะพูดแบบนั้น ผมเองก็ยังไม่มั่นใจ” จางเย่ยิ้ม “ผมขึ้นสู่จุดสูงสุดของเอเชียได้แล้วค่อยว่ากัน เรื่องนี้ยังอีกไกล”
เหยาเจี้ยนไฉเอ่ย “ไม่ไกลหรอก”
จางเย่สั่นศีรษะ “ดูแล้วใกล้ ความจริงยากเย็นมาก”
ยังมีเวลาอีกสองสามเดือน
ยังขาดอีกสี่ตำแหน่ง
ทำเนียบระดับเอของเอเชีย ยิ่งขึ้นไปยิ่งลำบาก ยิ่งขึ้นไปการแข่งขันยิ่งสูง นึกถึงปีนั้นที่จางเย่ขึ้นจากระดับเอไประดับเอสในประเศ ดูแล้วยังขาดอีกหนึ่งตำแหน่ง แต่ความจริงจะขึ้นไปต้องใช้เวลานานเท่าไร?ใช้เวลากี่เดือน ทำทั้งวาไรตี้ทั้งกำกับรายการคืนส่งปีถึงปีนขึ้นไปได้ แต่การแข่งขันของทำเนียบเอเชียแน่นอนว่าต้องดุเดือดยิ่งกว่า ดังนั้นระยะห่างของหนึ่งก้าวนี้เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น เพียงหนึ่งก้าวแต่แท้จริงยังห่างอีกไกลนัก
ตอนนั้นเองเพื่อนสนิทก็โทรมาหา
เฉินกวง
จางหย่วนฉี
สวี่เหม่ยหลัน
จ้าวอู่ลิ่ว
และอีกมากมาย ทุกคนทยอยมาแสดงความยินดี
จางเย่นัดเพื่อนกลุ่มใหญ่อย่างตรงไปตรงมา ร้านอาหารก็จองไว้แล้ว เขาเป็นเจ้าภาพเชิญทุกคนมาทานข้าว เพื่อนๆ ไม่ได้รวมตัวกันนานมาแล้ว คึกคักกันเป็นอย่างมาก
บนโต๊ะอาหาร ทุกคนล้วนดื่มอวยพร
“ยินดีด้วยจางน้อย!”
“ชนแก้ว!”
“มาๆๆ วันนี้ไม่เมาไม่กลับ!”
“จางน้อย ขอให้คุณขึ้นสู่ระดับสูงสุดของเอเชียได้ในเร็ววันนะ!”
บทที่ 1462 : จางเย่อยากทำการ์ตูนจีน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ไม่กี่วันต่อมา
ทำเนียบเอเชียอัปเดตใหม่หลายครั้ง
ความนิยมของจางเย่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ที่อันดับสี่ รายชื่อไม่ได้ขยับ ความนิยมก็เพิ่มช้าลงกว่าก่อนหน้านี้แล้ว จากมุมนี้เท่ากับว่าระดับความนิยมของจางเย่ในเอเชียก็ค่อนข้างนิ่งแล้ว จะขึ้นไปไม่ง่าย จะตกลงไปในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่น่าเป็นไปได้เช่นกัน
……
ตอนเช้า
ที่สตูดิโอ
เมื่อส่งอู๋เจ๋อชิงไปที่ SARFT แล้วจางเย่ก็ไปทำงาน วันนี้เขากลับมาถึงเป็นคนแรก พนักงานคนอื่นๆ ยังไม่มา เขาว่างไม่มีอะไรทำก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ อยู่ในสตูดิโอ เห็นท้องของอู๋ใหญ่ขึ้นทุกวันแล้วความร้อนใจของเขาก็ยิ่งทวีมากขึ้น
ความนิยมล่ะ
จะไปเพิ่มความนิยมได้จากที่ไหนอีก
เขาไม่ลืมว่าตนเองต้องเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง จึงพลิกดูคำเชิญที่ส่งมาในช่วงนี้แล้ว
พรีเซนเตอร์?
ไม่รับ
วาไรตี้?
ช่วงนี้ไม่ทำแล้ว
เฮ้อ ไม่มีงานที่เหมาะสมเลยหรือไงนะ?
ตอนนั้นเองเขาก็พลันเห็นบางสิ่ง จางเย่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง
เอ๋ นี่คือ?
ไม่นานทุกคนก็มาถึง
ทั้งหมดนั่งลงแล้วเริ่มเปิดประชุม พูดถึงกระบวนการทำงานในลำดับต่อไป
ฮาฉีฉีเอ่ยว่า “ผู้กำกับจาง ทำเนียนอัปเดตอีกแล้ว”
จางเย่ยิ้มๆ “ผมเห็นแล้ว”
ฮาฉีฉีตอบ “เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันลองดูแล้วความจริงพวกเราอยู่ห่างจากดาราญี่ปุ่นลำดับที่สามคนนั้นไม่ไกลเท่าไหร่นัก”
จางจั่วเสริมว่า “ใช่ครับ ผมเองก็สังเกตแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราขึ้นมาอยู่อันดับที่สี่ในชั่วข้ามคืน ทิ้งช่องว่างกับดาราเกาหลีอันดับห้าไว้ไม่น้อย ห่างจากอันดับสามไม่ไกลแล้ว ผมคิดว่าถ้าหากขยันขันแข็งอีกสักหน่อยละก็น่าจะก้าวข้ามเขาได้นะครับ?”
เสี่ยวหวังกระตุ้น “ใช่ค่ะ คว่ำเขาเลย”
เสี่ยวโจวเองก็บอก “เขี่ยเขาลงมา”
จางเย่ตอบ “แน่นอน เหลืออีกไม่กี่เดือนแล้ว พอลูกผมคลอดเมื่อไรก็จะหันมาใส่ใจทางนี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นต้องเร่งมือหน่อย ตอนนี้อยู่อันดับสี่ของระดับเอ ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายลำดับต่อไปก็กำหนดให้ต่ำไว้สักหน่อยแล้วกัน ก้าวข้ามอันดับสามที่อยู่ใกล้มือได้ไปก่อนค่อยว่ากันอีกที”
ฝั่งหนึ่งคือลำดับที่สี่?
อีกฝั่งคือสามอันดับแรก?
สถานะช่างต่างกันจริงๆ!
แต่ว่าตอนนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่
ฮาฉีฉีลูบหน้าผาก “คำสั่งแบนยังอยู่ ลูกเล่นที่ใช้ได้พวกเราก็ใช้ไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้วิธีเพิ่มความนิยมได้ก็เหลือไม่มาก กวาดความนิยมมาจากฝั่งญี่ปุ่นแล้ว แต่ในเกาหลีคงเข้าไปไม่ได้ในช่วงสั้นๆ ดังนั้นตลาดนอกประเทศอาจต้องพักก่อน ถหากอยากได้คะแนนนิยมมากๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ทำได้แค่หันกลับมาที่ตลาดในประเทศแล้วค่ะ”
จางเย่ยิ้ม “ที่ไหนก็ไม่ดีเหมือนบ้านตัวเองจริงๆ”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “ใช่ค่ะ ประเทศบ้านเกิดเป็นที่พักพิงของพวกเราตลอดไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนสุดท้ายก็ยังต้องกลับมา ที่นี่สิถึงจะเป็นเสาหลักของพวกเรา”
จางเย่พยักหน้า “พูดได้ดี”
จางจั่วเอ่ยว่า “งั้นสงครามครั้งต่อไปจะสู้ยังไงดีครับ?”
จางเย่มองดูทุกคน ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “งั้นก็กลับมาที่ประเทศบ้างเกิดสักหน่อยเป็นไง?”
กลับประเทศ?
กลับยังไง?
ทุกคนล้วนไม่เข้าใจ
นี่เป็นความคิดแบบกะทันหันของจางเย่ พูดแล้วเขาก็พลิกกองเอกสารบนโต๊ะ พอหาคำเชิญร่วมงานนั้นเจอ ก็ผลักไปข้างงหน้า
ทุกคนดูแล้วก็ตกตะลึงจนนิ่งงัน!
“หา?”
“นี่ใช่ที่บริษัททำแอนิเมชันส่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือเปล่า?”
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“นี่…ไม่จริงน่า?”
“คุณต้องการทำอนิเมจีน?”
“เรื่องนี้คุณต้องคิดให้ดีนะ ทำอนิเมในจีนยากมากนะ”
คุณพูดคำนึงฉันพูดคำนึง ทุกคนล้วนไม่ค่อยเห็นด้วย
จางเย่กลับเอ่ย “ยิ่งยากก็ยิ่งต้องทำ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่ากลับประเทศบ้านเกิดได้ยังไง?”
ฮาฉีฉียิ้มขื่น “แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความยากลำบากน่ะสิคะ แต่เป็นยากเกินไปต่างหาก”
จางจั่วเองก็ปาดเหงื่อ “กลับประเทศก็ได้ แต่พวกเราไม่สามารถทุ่มเข้าไปในวงการนั้นได้ วงการแอนิเมชันในประเทศเป็นหลุมลึก หลายปีมานี้มีคนถลำลงไปไม่น้อยเลยนะครับ”
จางเย่เอ่ย “ผมรู้”
วงการแอนิเมชันจีนของโลกนี้ก็เหมือนสระน้ำนิ่ง ไม่ต้องพูดถึงทิวทัศน์เลย กระทั่งฟองคลื่นสักนิดยังไม่มี มีบริษัททำอนิเมจำนวนไม่น้อยมองตลาดนี้ในแง่ดี แต่หลังจากทุ่มลงไประลอกแล้วระลอกเล่าก็ทยอยล้มหายตายจาก สุดท้ายบริษัททำแอนิเมชันในประเทศที่ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้มีเพียงจำนวนหยิบมือ ทั้งยังไม่ทำกำไรอีก ทุกที่ล้วนดึงดันยืนหยัด ดิ้นรนต่อสู้อย่างยากลำบากอยู่ใต้แรงกดดันจากอนิเมและมังงะญี่ปุ่น ผ่านคืนวันไปอย่างยากลำบาก
ทำไมแอนิเมชันจีนถึงใช้ไม่ได้?
ไม่มีใครรู้!
พวกเขาคิดเหตุผลไม่ออก!
บางทีอาจเพราะเดินทางผิด?
บางทีอาจเพราะระดับของพวกเขาไม่สูงพอ?
บางทีอาจเพราะเส้นทางสายนี้เดิมทีก็เป็นทางตัน?
หลายปีก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนมองธุรกิจนี้ในแง่ดี แต่กลับดำเนินไปอย่างยากลำบาก ใครก็คิดไม่ถึงว่าธุรกิจแอนิเมชันและการ์ตูนในจีนจะแห้งแล้งขนาดนี้!
จากมีความหวัง!
กลายเป็นผิดหวัง!
จนสิ้นหวัง!
บางคนรามือ บางคนจากไป
คนของวงการการ์ตูนและแอนิเมชันจีนผ่านประสบการณ์มามากมาย พวกเขาเคยเปี่ยมด้วยความฝัน เคยคิดว่าทั้งโลกเป็นของตนทว่าวันนี้กลับถูกโลกละทิ้งเป็นคนแรก ต้นทุน ตลาด ไม่ดีพอจนทุกคนหลีกเลี่ยงด้วยความกลัว ประสบการณ์เช่นนี้สามารถใช้คำว่าโศกเศร้ามาอธิบายได้หรือ?
คำเชิญร่วมงานฉบับที่ถูกจางเย่วางไว้บนโต๊ะวันนี้เป็นของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง บริษัททำการ์ตูนและแอนิเมชันในประเทศเดิมทีก็ไม่มีบริษัทใหญ่อยู่แล้ว ถ้าจะให้ดีควรพูดว่าทีมทำการ์ตูนและอนิเมชั่นในประเทศส่งจดหมายเชิญมาจะดีกว่า บนจดหมายเชิญเขียนว่า คนของทีมทำอนิเมชั่นมาขอคำชี้แนะปัญหาสามข้อจากจางเย่ด้วยใจจริง :
ข้อหนึ่ง ตลาดแอนิเมชันและการ์ตูนของจีนมีทางออกหรือไม่?
ข้อสอง ทางออกของพวกเราอยู่ที่ไหน?
ข้อสาม ถ้าหากมี อยากขอเชิญคุณมาช่วยเหลือพวกเราด้วย
นี่เป็นเป็นจดหมายเชิญร่วมงานที่ไม่ประณีต ไร้ศิลปะการเขียนและธรรมดาที่สุดที่จางเย่เคยเห็นมา ดังนั้นหลังจากถูกส่งแฟ็กซ์มาเลยไปไม่ถึงมือของหัวหน้าอย่างฮาฉีฉีกับจางจั่ว และโดนลูกน้องเก็บเข้าตำหนักเย็น โยนไว้ด้านข้าง แต่เผอิญจางเย่ที่ว่างจนไม่มีอะไรทำนึกอยากพลิกคำเชิญร่วมงานในช่วงนี้ขึ้นมาไปเจอเข้า ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกประทับใจ ดังนั้นเมื่อฮาฉีฉีกับจางจั่วยกเรื่องกลับมาทำตลาดในประเทศมาพูด จางเยุ่ึงคิดถึงจดหมายนี้เป็นอย่างแรก
ตกลงแล้วทางออกของแอนิเมชันและการ์ตูนในประเทศอยู่ที่ไหน?
คำถามนี้เกรงว่าไม่ว่าใครบนโลกก็ไม่สามารถตอบได้ แต่จางเย่รู้สึกว่าบางทีเขาอาจทำได้ ไม่ใช่เพราะเขามีความสามารถ แต่ว่าในโลกเดิมของเขา มีกระดูกและศพของคนในวงการการ์ตูนและแอนิเมชันจำนวนนับไม่ถ้วนกองสุมดุจภูเขาเพื่อเปิดทางย้อมโลหิตสายหนึ่งเอาไว้
บางทีนี่อาจเป็นหน้าที่ของจางเย่?
เขาอาจมีพันธะหน้าที่ผูกพันอยู่
ฮาฉีฉีถาม “คุณแน่ใจแล้วนะคะ?”
จางเย่ร้องอืม “ตัดสินใจแล้ว”
จางจั่ว “คุณแน่ใจแล้ว?”
จางเย่ถ่อมตัวอย่างหาได้ยาก “มาลองดูกันเถอะ”
ฮาฉีฉียิ้มขื่น “ก็ได้ค่ะ งั้นก็ลองสู้ดูสักตั้ง!”
หวนกลับสู่ประเทศ
เพิ่มความนิยม
แล้วยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้ด้วย
ยิงธนูดอกเดียวได้นกสามตัว ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
ด้วยเหตุนี้จางเย่จึงหยิบปากกาขึ้นมา แล้วตอบจดหมายกลับไป
บทที่ 1463 : จางเย่เลอะเลือนอีกแล้ว!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในวันเดียวกัน
ตอนเช้า
บริษัทผลิตการ์ตูนและแอนิเมชันฉีจี้
บริษัทตั้งอยู่ในเขตทงโจวซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่นับว่าดี บนชั้นสามของตึกเก่าแห่งหนึ่งที่ด้านหน้าแขวนป้ายขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ เขียนตัวอักษรไว้ว่า ‘การ์ตูนและแอนิเมชันฉีจี้’ หากบอกว่านี่คือบริษัทผลิตการ์ตูนและแอนิเมชันที่ใหญ่เป็นอันดับห้าของของประเทศ ทุกคนต้องไม่เชื่อแน่
ในบริษัท
หุ้นส่วนทั้งหกนั่งอยู่ด้วยกัน
พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัย หลังเรียนจบก็รวมตัวรวมเงินก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการการ์ตูนและแอนิเมชันมาตลอด เคยมีผลงานเรื่อง ‘ลิงกับนกแก้ว’ และ ‘บันทึกการต่อสู้บู๊ลิ้ม’ ทำให้บริษัทฉายแววออกมา ทีมงานไม่หยุดเติบโต บริษัทไม่หยุดพัฒนา จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทการ์ตูนและแอนิเมชันที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของประเทศ จากนั้นเมื่อความหนาวเหน็บของวงการมาเยือน พวกเขาก็ถูกผลักลงไปในจุดต่ำสุด แต่ละโปรเจกต์ล้วนขาดทุน สมาชิกทยอยก็ลาออก ความสิ้นหวังประเภทนี้ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ เมื่อครั้งที่บริษัทเริ่มมีชื่อเสียง ตอนที่ทุกคนโหวตให้เลือกชื่อ ‘ฉีจี้’[1] ก็เพราะนึกอยากร่วมมือกันสร้างความมหัศจรรย์ให้กับการ์ตูนและแอนิเมชันในประเทศ ทว่าตอนนี้ชื่อนี้กลับเป็นการเยาะหยัน
วันนี้ในห้องประชุมล้วนเงียบงัน
เพราะมีผู้ถือหุ้นอีกคนออกจากบริษัทไปแล้ว เป็นผู้ก่อตั้งร่วมกันกับพวกเขา เป็นเพื่อนที่ร่วมทางและเพื่อนร่วมกรำศึกกันมาหลายปี
เดิมพวกเขาคิดว่าตนคงชินชากับภาพนี้แล้ว เพราะมีการจากลามากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่าเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้อีกครั้ง พวกเขาก็พบว่าตัวเองรับไม่ไหว ในใจยากจะรับได้ การโจมตีนี้หากเทียบกับตลาดที่แห้งแล้งแล้วยังสร้างบาดแผลให้มากยิ่งกว่า!
เฉินเสียง “เสี่ยวข่ายไปแล้ว”
หลี่จื้อ “เพื่อนร่วมชั้นยี่สิบคนก่อนหน้านี้ เหลือแค่พวกเราหกคนแล้ว”
หานปิน “ทำไมกันเสี่ยวข่าย!”
ซุนเสี่ยวเป้ย “พูดไว้ไม่ใช่เหรอว่าจะอยู่ด้วยกันจนถึงที่สุดน่ะ!”
เฉินเสียง “บริษัทขาดทุนทุกวัน เขาทนไม่ไหวแล้ว แฟนสาวของเขาหางานด้านโปรแกรมให้เขาแล้ว ไปก้าวหน้าอยู่ที่เซี่ยงไฮ้แล้ว”
หูเค่อปัง “ตอนนี้บริษัทแอนิเมชันและการ์ตูนของจีนที่ไหนง่ายดายบ้าง? ทุกที่ก็เหมือนกันหมด ฉันเชื่อมาตลอดว่าการ์ตูนและแอนิเมชันของจีนจะต้องมีทางออก จะต้องมีแน่นอน!”
เฉินเสียง “เมื่อก่อนฉันเองก็เชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มกังขาแล้ว”
หูเค่อปัง “เสียงจื่อ!”
เฉินเสียงเอ่ยว่า “ให้ฉันพูดให้จบก่อน ผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้พวกนายก็เห็นตลาดแล้ว ไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระแสการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ‘วันพีซ’ กับ ‘นารูโตะ’ ที่กวาดไปทั่วเอเชีย ตลาดการ์ตูนและแอนิเมชันจีนยิ่งเลวร้ายลง พื้นที่ของพวกเรายิ่งหดแคบลง การ์ตูนญี่ปุ่นแทบจะยึดครองตลาดในประเทศของพวกเราไปแล้วเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์ ทุกคนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น แล้วก็มีบางเรื่องที่พวกเราไม่ยอมรับไม่ได้ พวกเราเริ่มต้นช้าเกินไป แค่ขนาดของบริษัทเอาทุกบริษัทในประเทศของพวกเรามารวมกัน ยังเทียบกับบริษัทเดียวของชาวบ้านเขาไม่ได้เลย ยิ่งระดับการผลิตและระดับความเชี่ยวชาญของทีม ก็ยังห่างกับคนอื่นมาก ทั้งที่เป็นแอนิเมชันเหมือนกัน ถ้าเป็นคุณ คุณจะดูอันไหน?”
ไม่ดึงดูด
แล้วก็ไม่ชื่นชม
แอนิเมชันจีนทุกวันนี้ยากลำบากเกินไป
ตอนนั้นเอง ซุนเสี่ยวเป้ยก็เอ่ยปากขึ้น “โอกาสไม่ใช่สิ่งที่รอแล้วจะได้มา”
เฉินเสียงตอบ “เรื่องนี้ฉันรู้ ตลาดต้องพึ่งตัวเองในการบุกเบิก แต่จะเบิกทางยังไง? ตั้งกี่ปีแล้ว บริษัทการ์ตูนและแอนิเมชันตั้งมากมายลองมากี่ครั้งแล้ว? มีใครสำเร็จบ้างล่ะ? ต่อให้บังเอิญออกผลงานที่ประสบความสำเร็จมาสักหนึ่งหรือสองงาน แต่ก็แค่งั้นๆ ระดับความร้อนแรงเทียบหนึ่งในยี่สิบของวันพีซไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! แบบนี้ยังเรียกว่าประสบความสำเร็จอีกเหรอ? ประสบความสำเร็จแบบนี้มีความหมายอะไร?”
ซุนเสี่ยวเป้ยเอ่ยา “แต่ฉันก็ยังอยากลองดู”
เฉินเสียงถอนใจ “ตอนนี้เรายังไม่มีโปรเจ็กต์เลยสักงานจะลองยังไง?”
แววตาของซุนเสี่ยวเป้ยแน่วแน่ “ฉันไม่เชื่อว่าเรื่องที่คนอื่นทำได้พวกเราจะทำไม่ได้ การ์ตูนและแอนิเมชันในประเทศจะถูกการ์ตูนญี่ปุ่นเหยียบไว้ใต้เท้าไปตลอดกาลไม่ได้” หยุดไปครู่หนึ่งเธอก็ถามว่า “สตูดิโอของจางเย่ตอบกลับมาหรือยัง?”
จ้าวเฉิงเฟยตอบ “ยังเลย”
เฉินเสียงส่ายหน้า “บริษัทเล็กๆ ของพวกเรา ชาวบ้านเขาจะตอบได้ยังไง”
หลี่จื้อเองก็พูดว่า “ใช่ จดหมายเชิญของเธอความจริงไม่จำเป็นต้องส่งไปด้วยซ้ำ อาจารย์จางเป็นซุูเปอร์สตาร์ระดับเอเชีย วันๆ มีงานกองเป็นภูเขา ออกมาเร่ร่อนกับพวกเราไม่ได้หรอก ใครไม่รู้บ้างว่าการ์ตูนแอนิเมชันจีนเป็นหลุมไร้ก้น ลงทุนมาก ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนต่ำ ไม่ต้องพูดถึงที่ดาราดังเลย กระทั่งผู้กำกับที่มีชื่อเสียงหน่อยก็ไม่กล้ากระโดดเข้ามาในหลุมนี้แล้ว ‘วันพีซ’ ‘นารูโตะ’ ‘โคนัน’ เขาก็ไม่วาดต่อแล้ว จะวิ่งมาทำการ์ตูนแอนิเมชันจีนได้ยังไง? จะลงมาลุยน้ำโคลนนี้เหรอ?”
ซุนเสี่ยวเป้ยกัดฟัน “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปเชิญเขาที่สตูดิโอ”
เฉินเสียงตอบ “เขาไม่ให้เราเข้าไปหรอก”
ซุนเสี่ยวเป้ย “งั้นฉันจะรออยู่ที่หน้าประตู รอจนกว่าอาจารย์จางจะหยุดมองฉัน อาจารย์จางอาจจะเป็นคนจีนเพียงคนเดียวที่สามารถเรียกลมเรียกฝนในวงการการ์ตูนและแอนิเมชันได้ เขาเท่านั้น!”
หลี่จื้อ “พวกเราคงไม่ได้พบหรอก”
เฉินเสียงจุ๊ปาก “เฮ้อ ยกเว้นอาจารย์จางจะสมองเลอะเลือนน่ะนะ”
หูเค่อปังร้องเหอะา “นั่นก็ไม่แน่ ปู่จางคนนี้เลอะเลือนบ่อยๆ นี่”
ทุกคนพยักหน้า นอกจากซุนเสี่ยวเป้ยและหูเค่อปังแล้วก็ไม่มีใครหวังว่าจางเย่จะตอบจดหมายกลับมา
แต่แล้วตอนนั้นเอง ประตูห้องประชุมพลันถูกผลักออก
พนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน “หัวหน้าซุน! หัวหน้าซุน!”
ซุนเสี่ยวเป้ยมองเขา “มีอะไรเหรอ?”
คนคนนั้นส่งแฟ็กซ์มาให้แบบสั่นๆ “คุณดู! คุณรีบดูเร็วครับ!”
บนใบหน้าของซุนเสี่ยวเป้ยมีแต่ความสงสัย พอรับแฟ็กซ์มาดูก็พลันนิ่งค้างไป!
“เสี่ยวเป้ย?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“แฟ็กซ์อะไรเหรอ?”
ซุนเสี่ยวเป้ยมองพวกเขาอย่างงุนงง แล้วชูแฟ็กซ์ในมือขึ้น “เหล่าหู คุณพูดถูกแล้ว สมองอาจารย์จาง…เลอะเลือนจริงๆ ด้วย!”
เมื่อทุกคนได้ยินก็ตกใจจนหน้าถอดสี!
“เธอว่ายังไงนะ?”
“แฟ็กซ์ของจางเย่?”
“เป็นไปไม่ได้!”
“เชี่ย!”
“รีบส่งมาให้ฉันดูเร็ว!”
ทุกคนตะโกนพลางรีบลุกมามุง!
ซุนเสี่ยวเป้ยยิ้มแล้ว ยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตาอุ่นร้อนร่วงหล่นลงมา “เป็นลายมือขออาจารย์จางจริงๆ ฉันอ่าน ‘หลันถิงซวี’ ไม่ต่ำกว่าห้าสิบรอบ ตัวอักษรนี้ใครก็ลอกเลียนแบบไม่ได้!”
เธอร้องไห้แล้ว
ตอนที่เห็นแฟ็กซ์นั้น เธอก็ร้องไห้แล้วจริงๆ
แฟ็กซ์เขียนประโยคไว้สามประโยค ตอบคำถามสามข้อนั้นของพวกเขา
หนึ่ง การ์ตูนและแอนิเมชันจีนมีทางออกแน่นอน
สอง ทางออกอยู่ใต้เท้าของพวกเรา
สาม ได้สิ ผมจะลองไปกับพวกคุณ
จางเย่
ผู้ถือหุ้นทั้งหกเป็นบ้าไปแล้ว!
“เป็นจางเย่!”
“เป็นลายเซ็นจ์ของเขา!”
“สวรรค์!”
“อาจารย์จางตอบจดหมายพวกเราจริงๆ!”
“เสี่ยวเป้ย! เธอเยี่ยมมากเลยนะ!”
“สำเร็จแล้ว! สำเร็จแล้วจริงๆ!”
“จางเย่ล่ะ! นี่คือจางเย่ล่ะ!”
“ร้ายกาจมาก! พวกเราเชิญอาจารย์จางลงจากเขาได้จริงๆ งั้นเหรอ?”
พวกเขาไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองเลยจริงๆ แต่ละคล้วนกอดกันด้วยความตื่นเต้น!
นาทีนี้ ความหวังต่อการ์ตูนและแอนิเมชันจีนที่เคยดับมอดไปแล้วในใจผู้คนพลันลุกโชติช่วงขึ้นมา และไม่อาจหยุดยั้งได้!
————–
[1] ฉีจี้ แปลว่า มหัศจรรย์
บทที่ 1464 : หลุมลึกในหลุมลึก!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันต่อมา
ตอนเช้า
ที่สตูดิโอจางเย่
เสี่ยวหวังนำปึกข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแอนิเมชันและการ์ตูนจีนที่เรียบเรียงแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงานของจางเย่ กองสูงเป็นตั้ง จางเย่พลิกดูทีละหน้า หากต้องการลงทุนในธุรกิจนี้ย่อมต้องทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน ทำการบ้านให้ดี แต่ไหนแต่ไรจางเย่ก็ไม่เคยสู้โดยปราศจากอาวุธ
สถานการณ์ของอุตสาหกรรม
รูปแบบการทำงาน
ผลงานที่ผ่านมา
พื้นฐานอะไรที่ควรมีก็มี
เสี่ยวหวังเอ่ยว่า “ผู้กำกับจาง คุณคิดดูอีกครั้งเถอะนะคะ”
จางเย่หัวเราะเหอะๆ “ก็ตัดสินใจกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เสี่ยวหวังตอบว่า “แต่ว่าไม่ลองหาข้อมูลก็ไม่รู้ พอลองหาก็ตกใจจนสะดุ้ง เมื่อก่อนทุกคนก็รู้ว่ายากจะทำการ์ตูนและแอนิเมชันจีน แต่ไม่คิดว่าจะยากถึงขนาดนี้ คุณดูข้อมูลนี่สิคะ ตอนที่เรียบเรียงหัวใจของพวกเราหนาวเหน็บไปหมด พี่ฮากับพี่จั่วดูแล้วก็ตบหน้าผากตัวเองแล้วเดินออกไป สถานการณ์ของแอนิเมชันและการ์ตูนจีนต่างจากที่เราคิดเอาไว้มาก คุณรู้ไหมคะว่าตอนนี้บริษัทแอนิเมชันในจีนยื้อชีวิตกันไว้ยังไง? อาศัยการ์ตูนเด็กที่มีรูปแบบเดิมๆ เพื่อ ‘ต่อชีวิต’ หลายปีมานี้ไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลย ย่ำแย่มากเกินไปแล้วจริงๆ”
จางเย่ตอบยิ้มๆ “ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะยื่นมือไปจัดการ”
เสี่ยวโจวที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจดังเฮ้อ “ใครก็ใจกล้าได้ไม่เท่าคุณ ยิ่งที่ไหนเสี่ยง ยิ่งที่ไหนยากลำบาก คุณยิ่งกระโดดเข้าไป”
จางเย่ตอบ “แน่นอน ผมขี้เกียจทำเรื่องง่ายๆ น่ะ หึๆ เอาล่ะ ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำกับผมแล้ว เรื่องสำคัญน่ะทำแล้วหรือยัง?”
เสี่ยวหวังตอบทันที “นัดหมายพวกเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสี่ยวโจวดูนาฬิกา “น่าจะใกล้มาถึงแล้วนะ?”
จางเย่ตอบ “ลงไปรับหน่อยสิ”
“รับทราบ”เสี่ยวโจวลงไปที่ชั้นล่าง
จางเย่ก็ดูข้อมูลต่อไป
……
ที่ชั้นล่าง
พวกซุนเสี่ยวเป้ยมาถึงแล้ว
หลี่จื้อสูดลมหายใจลึก “มาถึงแล้วจะพูดว่ายังไงบ้าง?”
เฉินเสียงเองก็กังวลสุดขีด “นั่นสิ ขาฉันไม่มีแรงชอบกล”
“ฉันก็เหมือนกัน” จ้าวเฉิงเฟยปาดเหงื่อก่อนตอบว่า “ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่ขึ้นไปแล้ว พวกเธอไปเถอะ นั่นจางเย่เลยนะ อันธพาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการบันเทิงของเอเชีย!”
ซุนเสี่ยวเป้ยไร้คำพูด “พูดอะไรน่ะ อันธพาลอะไรกัน คนเขาก็แค่ชอบด่าคนชอบทะเลาะวิวาทแค่นั้นเอง”
จ้าวเฉิงเฟยย้อนถาม “แล้วนั่นไม่ใช่อันธพาลเหรอ?”
ซุนเสี่ยวเป้ย “…”
เฉิยเสียงเอ่ยว่า “เธอว่าอาจารย์จางจะทำสัญญากับพวกเราจริงๆ ไหม?”
หูเค่อปังตอบ “ฉันยังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริงอยู่นิดหน่อย”
ซุนเสี่ยวเป้ยตอบว่า “สุดท้ายจะเป็นยังไง เดี๋ยวเจออาจารย์จางก็รู้เอง”
เฉินเสียงขบฟัน “ได้ ไปกันเถอะ”
……
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
คนมาแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาพบจางเย่ตัวเป็นๆ
จางเย่จับมือกับพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม “ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องให้พวกคุณวิ่งมาที่นี่สักรอบ เดิมทีควรเป็นผมที่พาทีมไปหาพวกคุณมากกว่า แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างดึงดูดความเกลียดชังนิดหน่อย ไปที่ไหนก็กลัวชาวบ้านจะเอาอิฐมาทุบ ช่วงนี้ไม่กล้าโผล่หน้าไปตามถนน เลยให้คนเชิญพวกคุณมาที่นี่”
คุณค่อนข้างดึงดูดความเกลียดชังนิดหน่อยที่ไหนกัน!
คุณแม่งเป็นเป้าให้ทุกคนพุ่งมาต่อยเลยต่างหาก!
คนเหล่านั้นได้แต่ยิ้ม หนังหน้าหนาเกินไปแล้ว
แต่ว่าคำพูดเหล่านี้ของจางเย่กลับทำให้พวกซุนเสี่ยวเป้ยผ่อนลมหายใจออกมา พวกเขาพบว่าจางเย่ไม่ใช่คนที่คุยด้วยยากนัก
จางเย่ถาม “ใครเป็นตัวแทนครับ?”
ซุนเสี่ยวเป้ยยืนขึ้น เอ่ยตอบแบบไม่ได้ดูหมิ่นหรือประจบประแจงว่า “พวกเราเป็นหุ้นส่วนกัน แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัย มีธุระอะไรทุกคนก็จะปรึกษาร่วมกัน เนื่องจากความเชื่อใจของทุกคน ปกติแล้วงานข้างนอกฉันจะรับผิดชอบเป็นผู้ประสานค่ะ” แม้ภายนอกจะเยือกเย็นมากแต่ความจริงแล้วในใจซุนเสี่ยวเป้ยกลับเต้นตึกตัก ประหม่าสุดขีดแล้ว
จางเย่ตอบยิ้มๆ “แฟ็กซ์คำเชิญร่วมงานก็เป็นคุณเขียนงั้นเหรอ?”
ซุนเสี่ยวเป้ยพยักหน้า “เป็นฉันเขียนเองค่ะ”
จางเย่ยิ้มๆ “ผมให้คนมาอธิบายเรื่องบริษัทคุณไปนิดหน่อยแล้ว ยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือเทคนิคก็เป็นทีมแอนิเมชันที่ไม่เลวเลย ที่คุณเขียนให้ผมช่วยคุณ ผมไม่กล้ารับจริงๆ ความจริงแล้วผมยังเป็นมือใหม่ เพิ่งเข้าวงการมาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง”
ซุนเสี่ยวเป้ยตอบยิ้มๆ “แต่ในไม่กี่เดือนของคุณนี่ คุณก็เดินไปถึงจุดที่พวกเราเดินไปไม่ถึงตลอดหลายปีมานี้แล้ว ที่พวกเรามาครั้งนี้ก็เพราะอยากจะเรียนรู้กับคุณ คุณเป็นคนจีนเพียงคนเดียวที่เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการแอนิเมชันและการ์ตูน พวกเราเชิญคนอื่นมาไม่ได้ ทำได้แค่มาหาคุณแล้ว หวังว่าคุณจะสามารถชี้ทางให้กับพวกเรา บุกฟันเปิดทางรอดสักสายให้กับวงการการ์ตูนและแอนิเมชันจีนที่ถูกตลาดการ์ตูนญี่ปุ่นครอบครองด้วยเถอะค่ะ”
จางเย่ยิ้ม “ได้สิ เรื่องอื่นผมทำไม่ได้ แต่เรื่องฆ่าๆ ฟันๆ นี่ผมเชี่ยวชาญ”
ฮาฉีฉีเหงื่อตก “เรื่องฟันๆ ฆ่าๆ ที่เขาพูดถึงมันไม่ใช่ฆ่าๆ ฟันๆ อันนั้นของคุณไหมคะ?”
จางเย่แสร้งหัวเราะ “เหมือนกันนั่นแหละๆ”
ทุกคนถูกหยอกจนขำออกมา
จางจั่วโบกมือ “รีบนั่งก่อนเถอะครับ”
จางเย่เอ่ย “ใช่ๆ นั่งคุยกันเถอะ”
มีชา
มีสุรา
แล้วก็ขนมขบเคี้ยว
ซุนเสี่ยวเป้ยดื่มชาแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนตรงเข้าเรื่องทันที “อาจารย์จางคะ การ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่องของคุณฉันดูหมดแล้ว ทำให้พวกเราได้เรียนรู้เยอะมากจริงๆ ทุกเรื่องล้วนเป็นผลงานที่โดดเด่นมาก แต่ยิ่งเป็นแบบนี้พวกเรายิ่งรู้สึกสิ้นหวัง ขอโทษด้วยที่ฉันต้องพูดแบบนี้ เพราะฉันรู้สึกว่าการ์ตูนทั้งเจ็ดเรื่องไม่มีเรื่องไหนเลยที่เป็นการ์ตูนแบบจีน ล้วนมีรูปแบบสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่นทั้งสิ้น”
จางเย่ยิ้มๆ “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
ซุนเสี่ยวเป้ยถาม “คุณคิดว่านี่เป็ฯทางออกของการ์ตูนและแอนิเมชันจีนเหรอคะ?”
จางเย่ตอบ “คุณพูดถึงการลอกเลียนแบบเหรอ?”
ซุนเสี่ยวเป้ย “ใช่ค่ะ”
จางเย่ส่ายศีรษะ “ผมรู้สึกว่าไม่ใช่โดยสิ้นเชิง”
เฉินเสียงถามต่อ “คุณว่าถ้าจะทำงานกับพวกเรา ไม่ใช่การทำวันพีซหรือนารูโตะฉบับที่สองใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่” จางเย่ตอบยิ้มๆ “การ์ตูนจีน ย่อมต้องมีกลิ่นอายของประเทศจีนอยู่”
ซุนเสี่ยวเป้ยระบายลมหายใจ “ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็วางใจแล้วค่ะ ก่อนมาฉันยังกังวลว่าคุณจะทำวันพีซฉบับที่สองออกมาเสียอีก เพียงแต่เปลี่ยนเป็นภาษาจีนและมีชื่อจีน ถ้าหากเป็นแบบนั้นพวกเราคงไม่ทำจริงๆ นั่นไม่ใช่การ์ตูนแบบที่เราอยากทำ”
จางเย่ตอบ “การ์ตูนญี่ปุ่นก็มีรูปแบบของการ์ตูนญี่ปุ่น ที่ทำแล้วจะประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นและทั่วเอเชีย แต่ถ้าหากมาใช้ที่จีน ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ อย่างเช่นนารูโตะ คุณคิดว่าหากใช้คำเรียกว่านินจาในการ์ตูนจีน จะมีกี่คนที่อ่าน? แล้วก็วันพีซ เอาโจรสลัดมาเป็นตัวละครหลัก คุณว่า SARFT จะอนุญาตไหม? สามารถฉายออกโทรทัศน์ได้ไหม? ต่อให้ภรรยาผมเป็นหัวหน้าของ SARFT แล้วก็ต่อให้ผมเป็นลูกเขยของ SARFT เรื่องนี้ก็ไม่มีโอกาสอยู่ดี”
ซุนเสี่ยวเป้ย “พรืด”
คนอื่นๆ เองก็หัวเราะแล้ว
จางเย่เอ่ยต่อไปว่า “อีกอย่างไม่แค่ปัญหาธีมเรื่องเท่านั้น รูปแบบเองก็เช่นกัน จีนสามารถรับการอัปเดตรายสัปดาห์ได้หรือ? ตอนนี้ยากมากใช่ไหม? ตลาดจีนไม่มีระบบการทำงานที่สมบูรณ์อย่างญี่ปุ่น เมื่อสถานการณ์ประเทศไม่เหมือนกัน รูปแบบธุรกิจก็แตกต่าง หลายสิ่งหลายอย่างจึงไม่สามารถลอกเลียนมาได้ พวกเราต้องมีของๆ เราเองที่ไม่เหมือนเขา ค้นหาเส้นทางของพวกเราเอง”
ซุนเสี่ยวเป้ยถอนหายใจ “แต่ว่าคนในวงการการ์ตูนจีนหลายคนก็เคยลองแล้ว แต่ก็พ่ายแพ้ พวกเราไม่รู้จริงๆ ว่าเส้นทางของเรานั้นอยู่ที่ไหน”
จางเย่ยิ้ม จากนั้นก็ถามว่า “พวกคุณเคยลองแอนิเมชันทรีดีมาก่อนไหม?”
หา?
แอนิเมชัน 3D?
พวกซุนเสี่ยวเป้ยงุนงง
พวกฮาฉีฉีกับจางจั่งก็งงเช่นกัน
พวกหลี่จื้อเป็นคนในวงการ พอได้ฟังคำพูดนี้ก็ตกใจจนสะดุ้ง “นี่ไม่ได้ ทางฝั่งญี่ปุ่นเคยลองแอนิเมชันทรีดีมาก่อนแล้ว ไม่กี่ครั้งก็จบเห่ การ์ตูนที่มีพล๊อตเรื่องดีแค่ไหนพอใช้ทรีดีทำเป็นแอนิเมชัน ก็ประสบความสำเร็จน้อยมาก ทำให้แฟนการ์ตูนแปลกใหม่ได้ไม่กี่วันจากนั้นก็ไม่สนใจกันแล้ว แม้ว่าเทคนิคการทำแอนิเมชันทรีดีจะไม่ยาก แต่ว่าทางญี่ปุ่นพิสูจน์แล้วว่ารูปแบบนี้ไม่ผ่าน”
เฉินเสียงโบกมือไปมา “เรื่องนี้ไม่ได้”
หูเค่อปังเองก็เอ่ยว่า “ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ธุรกิจการ์ตูนก้าวหน้าที่สุด พวกเขาพิสูจน์แล้วว่าแอนิเมชันทรีดีไม่มีทางไปต่อ พวกเราก็ยิ่ง…”
จางเย่เอ่ยว่า “พวกเขาคือพวกเขา พวกเราคือพวกเรา พวกเขาทำไม่ได้ พวกเราไม่แน่ว่าจะล้มเหลว”
คนเขาทำไม่ได้ พวกเราอาจทำได้?
จะเป็นไปได้หรือ!
ซุนเสี่ยวเป้ยเงียบงัน
จางเย่มองเธอ “อยากลองไหม?”
ซุนเสี่ยวเป้ยตอบว่า “แอนิเมชันทรีดีมีค่าใช้จ่าย การลงทุนและค่าเทคนิคต่างๆ เหนือกว่าทูดีหลายเท่ามากๆ ทั้งยังไม่เคยมีใครลองมาก่อน ถ้าล้มเหลวจะเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาล แบบนี้จะเล่นใหญ่ไปหน่อยไหมคะอาจารย์จาง?”
จางเย่ยิ้ม “ผมไม่เคยทำอะไรเล็กๆ มาก่อน”
เฉินเสียงตกใจ “เสี่ยวเป้ย นี่…”
หูเค่อปังเองก็แอบเตะขาซุนเสี่ยวเป้ยใต้โต๊ะ
ทุกคนล้วนรู้ว่าแอนิเมชันจีนคือหลุม!
ทุกคนล้วนรู้ว่าแอนิเมชัน 3D เองก็เป็นหลุม!
ผลเป็นยังไงน่ะเหรอ?
จางเย่กลับอยากทำแอนิเมชันจีนแบบ 3D?
นี่แม่งเป็นการซ้อนหลุมในหลุม!
นี่แม่งเป็นหลุมลึกในหลุมลึกแล้ว!
จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!
นี่มันเสี่ยงชีวิตเลยนะ!
หูเค่อปังกับเฉินเสียงคิดว่าไม่มีใครมีไอเดียโง่ไปกว่าจางเย่แล้ว!
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงแน่นอนว่าหลังจากเงียบไปครึ่งนาที ซุนเสี่ยวเป้ยก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาจางเย่ มองอยู่นาน ก่อนเอ่ยว่า “ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดแบบนี้กับพวกเรา ฉันต้องคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแน่นอน เป็นความคิดเลื่อนลอยในความเพ้อฝัน ฉันจะลุกเดินจากไปโดยไม่คิดเลยด้วยซ้ำ แต่กับคุณไม่เหมือนกัน ฉันเชื่อการตัดสินใจของคุณ! หลุมนี้พวกเรากระโดดลงไปค่ะ!”
“เสี่ยวเป้ย!”
“เอ๋!”
“นี่…”
พวกเฉินเสียงใกล้จะร้องไห้แล้ว!
ซุนเสี่ยวเป้ยพูดว่า “พวกเราสามารถออกเงินลงทุนได้ครึ่งนึง”
จางเย่เอ่ยว่า “ที่เหลือผมออกเอง”
ซุนเสี่ยวเป้ยถาม “การคัดเลือกผู้กำกับล่ะคะ?”
จางเย่ตอบ “ผมทำเอง ทีมงานเทคนิคล่ะ?”
ซุนเสี่ยวเป้ย “พวกเราเอง”
จางเย่ยื่นมือ “ขอให้ร่วมงานอย่างมีความสุข”
ซุนเสี่ยวเป้ยจับมือเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี หนักแน่นมาก คล้ายว่าเธอได้นำความหวังทั้งหมดวางเดิมพันไว้ที่เขาแล้ว “ขอให้ร่วมงานกันอย่างมีความสุข”
ก่อนหน้านี้เธอพูดว่าทุกคนเป็นหุ้นส่วน เวลาคุยธุระจะเป็นทุกคนตัดสินใจร่วมกัน ผลคือสุดท้ายก็เป็นซุนเสี่ยวเป้ยที่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย เพราะว่าเธอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในบริษัท บางครั้งความกล้าหาญและความแน่วแน่ของผู้หญิงก็มากกว่าผู้ชายเสียอีก ซุนเสี่ยวเป้ยเองก็ไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของตนถูกต้องหรือไม่ แต่เธออยากลองเดิมพันดูสักตั้ง!
เดิมพันสักตั้งเพื่อบริษัทฉีจี้!
เพื่อวงการการ์ตูนและแอนิเมชันจีน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น