ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1433-1435
บทที่ 1433 : ฉันยอมแพ้แล้วโอเคไหม!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เข้าพักวันที่สาม
ในตอนเช้า จางเย่โทรหาฮาฉีฉี
“เหล่าฮา พาสเวิร์ดไวไฟทางนั้นคืออะไรเหรอ?”
“หือ?”
“พาสเวิร์ดน่ะ”
“12345”
“โอเค ได้แล้ว”
“ทางนั้นไม่มีเน็ตแล้วเหรอคะ?”
“ไม่มีแล้ว”
“งั้นยังจะพักต่อทำไมคะ?”
“เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงยังต้องยังอยู่ที่นี่ต่อ”
พอวางสาย จางเย่ก็พยายามต่อไวไฟ แต่เพราะตัวสัญญาณมาจากฝั่งตรงข้าม สัญญาณจึงติดๆ ดับๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอใช้ได้ เขาเอาตัวชาร์จสำรองออกมาต่อกับมือถือ แล้วเอนกายลงที่โซฟาอ่านการ์ตูนต่อ
ทุกอย่างยังคงเป็นเช่นเดิม
จางเย่มีความสุขกับที่นี่มาก
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ได้เข้าเน็ตไปด่าพวกดาราเลยสักนิด
ชั้นบน
ห้องทำงานของประธานโรงแรม
ทุกคนเข้าร่วมประชุม ตั้งการ์ดต่อสถานการณ์นี้เต็มที่
“จางเย่ตื่นรึยัง?”
“น่าจะตื่นแล้วนะครับ”
“หมอนั่นไม่ได้โพสต์อะไรใช่ไหม?”
“ยังครับ วันนี้ยัง”
“ฮ่าๆ เยี่ยมไปเลย”
“ท่านประธาน เรายังจะเปิดให้บริการตามปกติไหมครับ?”
“แน่นอนสิ ชั้นล่างเราก็ทำความสะอาดแล้ว ถึงห้องตั้งแต่ชั้นห้าลงไปจะให้แขกเข้าพักไม่ได้ แต่ชั้นบนๆ ก็ยังดี หน้าต่างยังไม่แตก เรายังรับเข้าพักได้ตามปกติ ลองดูว่าจะพอชดเชยความเสียหายได้ไหม หลังไอ้ตัวซวยจางเย่ไป เราจะได้เปิดให้บริการโรงแรมต่อทั้งๆ ที่ตกแต่งห้องตั้งแต่ชั้นห้าลงไปใหม่ นี่คือแผนที่ฉันคิดขึ้นเมื่อวานเพื่อชดเชยความเสียหายครั้งนี้”
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเอง
เพล้ง! ทุกคนได้ยินแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง!
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดเรื่องอะไรน่ะ?”
“เชี่ย ใครปา?”
“ทำไมเอาอีกแล้วล่ะ?”
“วันนี้จางเย่ไม่ได้ด่าใครนี่!”
“สวรรค์ มาอีกหลายร้อยแล้ว!”
เพล้ง!
ปัง!
เสียงด่าด้านนอกดังขึ้น!
“ไสหัวไปจากญี่ปุ่น!”
“จางเย่ ไสหัวออกมา!”
“นายไม่ไปหนึ่งวัน พวกเราก็จะมานี่หนึ่งวัน!”
“ประณามจางเย่!”
“ประณามจางเย่!”
เสียงตะโกนดังลั่น!
ความวุ่นวายครั้งนี้เรียกว่าพลิกฟ้าแล้วสำหรับญี่ปุ่น จางเย่ฉีกผืนฟ้า ตอนนี้ทุกคนในประเทศต่างมองโรงแรมอาซาคุสะด้วยความเคียดแค้น จางเย่ไม่ต้องออกมาหาเรื่องใครอีกแล้ว ไม่จำเป็นแล้ว จางเย่ไม่ต้องออกมาพูดอะไร เหล่าผู้ชุมนุมก็บุกเข้ามาที่โรงแรมด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นได้ชัดคนที่มาคราวนี้เป็นกลุ่มองค์กรอย่างชัดเจน มีคนนำแน่นอน พอทางโรงแรมพอเรียกตำรวจ พวกเขาก็ถอยกลับไป ไม่ทิ้งร่องรอยไว้
หน้าต่างของโรงแรมแตกไปอีกสิบกว่าบาน!
ประธานโรงแรมก่นด่าถึงมารดาอยู่ในออฟฟิศ!
……
จางเย่เข้าพักวันที่สี่
เวลาตีสี่ ฟ้ายังมืด
ประธานกับเหล่าพนักงานยังคงนอนหลับ
ปัง!
ตึง!
พนักงานโรงแรมตื่นขึ้นด้วยความสะพรึง ก่อนได้ยินเสียงตะโกนด่าดังลั่นจากภายนอก!
“ไสหัวไปจากญี่ปุ่น!”
“ประณามจางเย่!”
“ทุกคนช่วยกันบอยคอตมัน!”
“ให้จางเย่ไสหัวกลับจีนไป!”
คราวนี้แม้แต่ประตูหมุนของโรงแรมก็ถูกทำลายไปเช่นกัน
ประธานโรงแรมกับพนักงานกล้าออกมาก็เมื่อตำรวจมาถึงและผู้ชุมนุมสลายไปแล้ว พอเห็นภาพที่น่าสังเวชนี้ ทุกคนก็โกรธจนแทบบ้า!
“ไอ้คนแซ่จาง!”
“ทำไมยังไม่ยอมไปอีก?”
“ใครมันจะไปรู้!”
“ใกล้แล้ว น่าจะใกล้แล้วล่ะ!”
“ใช่ งานการเขารัดตัวขนาดนั้น พักต่อได้อีกไม่นานหรอก!”
ขณะเดียวกัน จางเย่กลับยังไม่ตื่น นอนหลับเป็นตายอยู่ในห้อง จะว่าไปก็น่าประหลาดมาก ในเวลาปกติสงบสุข เขานอนหลับได้ไม่เคยเต็มตา แต่ขณะตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นนี้ เขากลับหลับได้อย่างสบายอารมณ์ จิตใจสงบอย่างมาก ถึงข้างนอกวุ่นวายแค่ไหนเขาก็ไม่ตื่น
……
เข้าวันที่ห้า
ในวันนี้พนักงานโรงแรมไม่เห็นเหล่าผู้ประท้วง ขณะที่กำลังระบายลมหายใจอย่างโล่งอก พวกนั้นก็กลับมาแล้ว
ครั้งนี้มากันตอนห้าทุ่ม!
เห็นได้ชัดว่าเป็นอีกกลุ่ม พวกเขาไม่ได้ทำลายสถานที่ เพียงแต่ยืนด่าอยู่ชั้นล่าง
ด่าจางเย่!
ด่าโรงแรม!
ด่าทุกอย่าง!
ด่าจนดึกดื่นจึงค่อยยอมจากไป!
ประธานโรงแรมหงุดหงิดอยู่แล้ว สองวันนี้ไม่ได้หลับตาสักงีบ เอาแต่ยืนมองที่หน้าต่างด้วยความโมโหและหวาดหวั่น เหล่าทีมงานของเขาเองใต้ตาเขียวคล้ำ ดูท่าทางคล้ายกำลังเหม่อลอยไปแล้ว
“ห้าวันแล้ว!”
“ห้าวันแล้วนะ!”
“ทำไมยังไม่ยอมไปอีก!”
“ไอ้ลูกเต่านั่นสรุปว่าจะออกไปเมื่อไหร่!”
“ใกล้แล้ว ต้องใกล้แล้วแน่ๆ!”
“อดทนไว้เถอะ เขาต้องอยู่ไม่ครบสิบวันแน่!”
“ท่านประธาน นี่เป็นใบลาออกของผมครับ”
“อะไรนะ?”
“ผม ผมทนไม่ไหวแล้วครับ!”
“ผมก็ด้วย สองวันนี้ไม่ได้นอนสักงีบเลยครับ!”
วันนี้ มีพนักงานลาออกไปเจ็ดคน
……
การเข้าพักวันที่หก
พนักงานของโรงแรมอาซาคุสะเริ่มเดินเหม่อลอย ปากพึมพำอือๆ อาๆ คล้ายเป็นคำสวดที่ไร้ความหมาย
“ออกไปซะ”
“สวรรค์โปรดคุ้มครอง ให้มันจากไปโดยไว”
“วันนี้มันต้องเช็กเอาท์แน่ๆ วันนี้ต้องเช็กเอาท์แน่ๆ!”
ทว่าเสียงก่นด่านอกโรงแรมยังดังไม่หยุด
โรงแรมอาซาคุสะในตอนนี้ ดูภายนอกมีสภาพเหมือนกับผ่านสงครามมารอบหนึ่ง น่าอนาถไม่น้อย สีที่ทาบนกำแพงหลุดลอก หน้าต่างกระจกแตกกระจาย ใครผ่านไปผ่านมาก็ต่างหยุดยืนมองโรงแรม บางคนถึงกับพาลูกเมียนั่งแท็กซี่มาชมดู ขณะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้เด็กทราบไปด้วย ที่นี่กลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ในญี่ปุ่นตอนนี้นั้น โรงแรมอาซาคุสะกลายเป็นที่ที่ไม่ว่าใครก็รู้จักไปแล้ว
“จางเย่ออกมาแล้ว!”
“ไสหัวจากญี่ปุ่นไป!”
เป็นคนกลุ่มที่สี่ของวันแล้ว
ผ่านมาหกวันแล้ว!
มีคนบุกมาทั้งสิ้นสิบรอบ!
ท่านประธานหน้าชาไปหมด
มีคนเข้ามาในห้อง “ท่านประธาน”
ท่านประธานมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จางเย่ไปรึยัง?”
คนผู้นั้นตอบทันที “ยังครับ ผมเพิ่งผ่านห้องเขาไป ผมว่าได้ยินเขาฟังเพลงอยู่ในห้อง”
ฟังเพลง?
ยังมีอารมณ์ฟังเพลงอีก?
ท่านประธานทุบโต๊ะเปรี้ยง “ทำไมมันยังไม่ไปอีก! มันยังจะอยู่อีกนานแค่ไหนกัน! นี่ก็หกวันแล้ว! เราไม่มีคนจองเข้าพักสักคน! การค้าก็ทำไม่ได้! มันจะฆ่าเรากันชัดๆ!” ก่อนคำรามลั่น “ปิดโรงแรม! ปิดโรงแรมตั้งแต่วันนี้! ยกเลิกการเข้าพัก!”
คนผู้นั้นว่า “ที่เราโทรไป ทางผู้ประสานงานขององค์กรกาชาดบอกว่าพวกเขาจองโรงแรมไว้ เราไม่ได้รับอนุญาตให้ยกเลิกแม้แต่วันเดียว!”
ท่านประธานแข็งค้างไป
คนผู้นั้น “ยังเหลืออีกสี่วันนะครับ”
ท่านประธานชี้ออกไปด้านนอก สบถด้วยความโมโห “สี่วันรึ? ดูเอาสิ คิดว่าโรงแรมเราจะทนอีกสี่วันได้เหรอ? อีกแค่สองวันตึกเราก็คงพังหมดแล้ว!”
ขณะนั้นเอง พนักงานคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น “ท่านประธาน มีคนจองเข้ามาครับ!”
ท่านประธานยินดีอย่างยิ่ง “หืม?”
พนักงานนั้นว่า “เราเพิ่งได้รับคำจองครับ จองเข้าพักครึ่งปี!”
“ครึ่งปี? นานขนาดนั้นเชียว?”
“ใช่ครับ เป็นการจอกพักแบบระยะยาว”
ท่านประธาน “ดีๆ นี่เป็นสัญญาณที่ดีว่าในเวลานี้ก็ยังมีคนต้องการเข้าพักที่โรงแรมเรา แสดงให้เห็นว่าท่าทีแข็งกร้าวของเรานั้นเข้าถึงใจผู้คน ทุกคนก็ยอมรับเราในเรื่องนี้ ชื่อเสียงเรายังมี ขอแค่จางเย่จากไปเมื่อไร โรงแรมเราก็จะได้ตกแต่งใหม่ ถึงกับอัปเกรดขึ้นไปอีกระดับ”
พนักงาน “ใช่ครับ!”
ท่านประธาน “บอกทุกคนให้อดทนอีกสักหน่อย ชัยชนะอยู่ตรงหน้าเราแล้ว!”
แต่ขณะนั้นเอง พนักงานอีกคนก็ตรงเข้ามา หอบหายใจ “ไม่ใช่ค่ะ! มีเรื่องไม่ดีแล้ว!”
ท่านประธานตะลึง “เกิดอะไรขึ้นอีก?”
พนักงาน “เรื่องการจองนี่แหละค่ะ!”
ท่านประธานรีบถาม “การจองทำไม?”
พนักงานนั้นหน้าซีด “การจองครั้งนี้มาจากทางฉีหัวหัวแห่งสมาพันธ์การกุศล เป็นการขยายเวลาเข้าพักของจางเย่ค่ะ! เขาจะขยายเวลาเข้าพักไปอีกครึ่งปี!”
ว่าไงนะ?
ครึ่งปี?
จางเย่จะอยู่อีกครึ่งปี?
แม่ง ไอ้แม่เxด!
ท่านประธานเซแทบล้ม ไอ้ตัวซวยนั่น อยู่แค่หกวันก็ทำโรงแรมเราเป็นสภาพนี้แล้ว! ยังจะอยู่ต่ออีกครึ่งปี? ตึกเราไม่โดนถล่มราบไปกับพื้นเรอะไง?
ท่านประธานสติแตกแล้ว!
พอทุกคนในโรงแรมได้ยินข่าวแล้วก็แทบทรุด!
ชั่วขณะนี้ พวกเขาทราบแล้วว่าไปแหย่ตัวบัดซบประเภทไหนขึ้นมา!
ท่านประธานยอมแพ้แล้ว ครั้งนี้เขาต้องยอมแพ้แล้วจริงๆ เขาไม่รู้ว่าจางเย่จะกล้าพักที่นี่อีกครึ่งปีหรือไม่ แต่เขาไม่อยากทราบแล้วจริงๆ!
พี่น้อง!
พี่น้องที่รัก!
ฉันหาเรื่องนายไม่ไหวแล้ว!
ฉันยอมแล้ว! ฉันแม่งยอมแพ้แล้วโอเคไหม?
บทที่ 1434 : คนชั่วต้องใช้คนชั่วจัดการ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่โรงแรม
ในห้อง
เสียงเพลงอันสง่างามดังอวลในห้องขณะmujจางเย่นั่งอยู่บนโซฟาฮัมเพลงตามช้าๆ เขามีความสุขกับวันพักผ่อนที่ได้มาอย่างยากเย็นช่วงนี้จริงๆ ใช่แล้ว สำหรับจางเย่ นี่คือเวลาพัก นี่คือการลาพักร้อนเพราะเขาไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งไม่ต้องสนใจกับการปะทะและประท้วงที่นอกโรงแรมสักนิด
ทันใดแสงโคมก็สว่างขึ้น
เสียงน้ำไหลดังจากห้องน้ำ
ไฟฟ้ากลับมาแล้ว?
น้ำก็กลับมาแล้ว?
จางเย่หรี่ตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ
ไม่นาน เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
พอจางเย่เปิดประตู ก็เห็นประธานและผู้บริหารของโรงแรมยืนอยู่ด้านนอก เขาถามเสียงเรียบ “อ้อ พวกคุณมาทำอะไรกันน่ะ?”
ท่านประธาน “พวกเราแค่มาดู หลายวันนี้ในโรงแรมเกิดเรื่องมากมาย เราก็เลยไม่มีเวลาดูแลหลายอย่าง ทางเราก็เพิ่งทราบว่าไฟฟ้าและน้ำใช้โดนตัด”
จางเย่ยิ้ม “ไม่เป็นไร ผมคนนี้ยังปรับตัวได้ เกิดมาในครอบครัวสามัญ เรื่องแค่นี้ผมไม่คิดมาก ขอแค่มีที่นอนผมก็พอใจแล้ว”
เหล่าผู้บริหารกลอกตา
ท่านประธานกระแอม “ช่วงนี้ข้างนอกเสียงดังหน่อยนะครับ มีคนมาชุมนุมกันตลอดทุกวัน ถึงจะนอนได้ ผมก็เกรงว่าคุณหลับไม่สนิทนัก ใช่ไหมครับ?”
จางเย่พูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ก็ไม่นะครับ”
“หือ?”
จางเย่ “ผมว่าผมก็หลับสนิทดีนะ”
ท่านประธานและเหล่าผู้บริหารพูดไม่ออก
หลับสนิทไม่สนิท?
ยังจะหลับสนิทไม่สนิทอีกเรอะ?
แกหลับสนิท พวกเรานอนไม่หลับโว้ย!
ท่านประธานพูดอย่างเดือดดาล “อาจารย์จาง พวกเราพูดกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม คุณบอกมาเถอะว่าทำยังไงถึงจะยอมไป!”
จางเย่ตอบกลับเสียงเรียบ “ผมเคยบอกไปแล้ว ข้อเรียกร้องสองข้อ ผมไม่คิดจะพูดซ้ำหรอกนะ”
ท่านประธานสีหน้าไม่น่าดูนัก “ฉันรู้ว่าแกมีกาชาดหนุนหลัง พวกเราล่วงเกินทางนั้นไม่ได้ แต่ถ้าเรายอมปิดโรงแรม ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะว่าได้เหมือนกัน”
จางเย่มอง “ก็เอาเลยสิ”
ท่านประธานไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ ถึงกับชะงักไป
จางเย่ “แต่หลังคุณตกแต่งแล้วเปิดให้บริการใหม่ก็บอกผมด้วย ผมชอบที่นี่ ผมว่าคงจะกลับมาพักอีกครั้ง กลับประเทศไปก็ไม่ค่อยมีอะไรทำเท่าไร ผมว่าผมจะมาพักสักหลายๆ วันเวลาว่าง อ้อ คุณมีบัตรสมาชิกไหม? พวกคุณมีส่วนลดให้ลูกค้าประจำนี่ ใช่ไหม?”
บัตรสมาชิก?
แม่งยังจะมาบัตรสมาชิก?
อยู่ที่นี่แล้วชอบงั้นเรอะ?
ไสหัวไป! รีบไปเลยนะ!
ท่านประธานเหงื่อแตกพลั่ก เขาคิดไม่ออกเลยว่าสิ่งที่จางเย่บอกมานั้นให้ผลอย่างไร มาพักปีละหลายครั้ง? ครั้งละหลายวัน? เราไม่มีห้องพอให้พังกันอีกหรอกนะ! ท่านประธานเกรงกลัวจนขวัญหายแล้วจริงๆ “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว พอเถอะ คุณร้ายกาจกว่าผม ผมยอมแล้ว ผมยอมแพ้ราบคาบ!”
จางเย่ “ข้อตกลงสองข้อล่ะ”
ประธานร้องไห้ “ผมทำ! รีบทำเลย!”
จางเย่ได้ยินประโยคนี้แล้วก็ต้องลอบบุ้ยปาก
เหอะ ทำไมยอมไวนักล่ะ?
ฉันยังไม่ทันได้ออกแรงเลยนะ?
จางเย่มาถึงที่นี่ แน่นอนว่าต้องจัดการเรื่องให้เรียบร้อย ก่อนนี้เขาร่างแผนจัดการโรงแรมนี้เป็นสิบ แต่เพิ่งใช้ไปแค่แผนเดียวเท่านั้น ทางโรงแรมก็ยอมศิโรราบซะแล้ว จางเย่ยังไม่สะใจเลยสักนิด!
……
อีกด้านหนึ่ง
ที่ประเทศจีน
ทั้งเรื่องโรงแรมอาซาคุสะเป็นข่าวอยู่ในช่วงนี้ ความวุ่นวายที่ญี่ปุ่น รวมถึงข่าวล่าสุดของจางเย่ต่างทำให้ทางบ้านเห็นเป็นเรื่องขำขัน
“โรงแรมอาซาคุสะโดนถล่มอีกแล้ว!”
“เร็วเข้า มาดูสิ มีภาพของสภาพล่าสุดของโรงแรมอาซาคุสะด้วยล่ะ!”
“โดนทาสีใหม่อีกแล้วเหรอ? สวยจริงๆ!”
“โดนไปกี่รอบแล้วนะวันนี้?”
“สามแล้ว!”
“พรืด ขำเป็นบ้า!”
“พวกนั้นซวยจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆ จางแหยสุดยอดเป็นบ้า!”
“ระบายความโกรธได้สุดยอดจริงๆ!”
“ใช่ จางจอมตอกหน้าร้ายกาจชะมัด!”
“จางเย่ยังอยู่ที่นั่นเหรอ?”
“แน่นอน หมอนั่นยังอยู่สิ”
“เห็นว่าทางนั้นตัดไฟตัดน้ำแล้วนะ”
“ไอ้หยา หลายวันนี้นี่แม่งโคตรขำเลย!”
“ใช่ จางเย่ดุดันจริงๆ!”
“อ๊ะ มีข่าวแล้ว!”
“ข่าวอะไร?”
“ไปดูสิ ฉายบนทีวีอยู่แน่ะ!”
“เชี่ย ช่องข่าวซีซีทีวีออกอากาศสดเลยนะ!”
……
บนทีวี
โรงแรมอาซาคุสะจัดงานแถลงข่าวแล้ว
สื่อและนักข่าวในเอเชียต่างมาเข้าร่วม กลายเป็นเหตุการณ์วุ่นวายใหญ่โต มองเห็นชัดเจนว่ายังมีนักข่าวอีกจำนวนมากที่ยังเข้าห้องประชุมไม่ได้ ขณะที่บางส่วนเข้ามาแล้วแต่กลับไม่มีที่นั่ง จำเป็นต้องตั้งกล้องและยืนตรงทางเดิน เมื่อประธานโรงแรมปรากฏตัว นักข่าวจำนวนมากก็ยื่นกล้องและไมค์ไปที่เขาทันที!
ท่านประธานนั่งลงบนเวที
หลังเงียบไปครู่ เขาก็แถลงออกมาสามข้อ
หนึ่ง โรงแรมอาซาคุสะจะปิดทำการเป็นเวลาสามเดือนนับจากนี้
สอง โรงแรมอาซาคุสะจะเอาสื่อสิ่งพิมพ์ที่เกิดปัญหาในขณะนี้ออกเป็นการถาวร
สาม โรงแรมอาซาคุสะขอโทษประเทศจีน เกาหลี และที่อื่นๆ ในทวีปเอเชีย
หลังพูดจบ
ประธานโรงแรมและผู้บริหารก็ลุกขึ้นยืน
โค้งตัวลงต่ำต่อหน้ากล้อง
การแถลงข่าวจบแล้ว
อารมณ์อันยินดีเบ่งบานทั่วทวีปเอเชีย
……
ที่จีน
“ขอโทษแล้ว!”
“รีบดูข่าวเร็ว! ในที่สุดพวกนั้นก็ขอโทษแล้ว!”
“เอาวารสารตัวปัญหานั่นออกแล้วด้วย!”
“ถือว่าเรื่องจบแล้วสินะ!”
“จางแหยทำได้ดีมาก!”
“เชี่ย จางเย่แก้ปัญหาได้เท่มากจริงๆ!”
“โคตรเท่เลย! รักเขาแทบตายแล้ว! ฉันไม่เคยตามดาราคนไหนมาก่อน แต่ต่อไปนี้ฉันจะตามจางเย่ ฉันไม่เคยชอบดาราคนไหนมากขนาดนี้มาก่อนเลย!”
“ฉันเองก็ต้องขอโทษจางเย่ด้วย ตอนรู้ว่าเขาเช็กอินที่อาซาคุสะ ฉันก็เข้าใจเขาผิดเหมือนกัน ฉันควรจะนึกได้อยู่แล้ว อาจารย์จางเคยทำเราผิดหวังเมื่อไหร่กัน?”
“อาจารย์จางทำได้ยอดเยี่ยมมาก!”
“ฉันตื่นเต้นจริงๆ รอบนี้ไม่มีที่ติเลย!”
“เชี่ย เรื่องบีบพวกมันให้จำนนยังไงก็ต้องพึ่งจางเย่จริงๆ ตอนเกิดเรื่อง มีคนด่าโรงแรมอาซาคุสะตั้งมาก แม้แต่ดาราจีนและเกาหลียังแสดงท่าทีเรียกความสนใจเพื่อประณามทางโรงแรม แต่สุดท้ายทางโรงแรมก็ไม่สนใจ เรื่องก็ยังค้างคาอยู่อย่างนั้น มีใครทำอะไรได้บ้าง? แต่ดูอาจารย์จางสิ เขาลงมือได้จริงๆ! เรื่องแบบนี้ก็มีแต่เขานี่แหละที่ทำได้!”
“ต้องดูแลอาจารย์จางนะ กว่าประเทศเราจะมีดาราแบบนี้นี่ไม่ง่ายจริงๆ!”
……
ขณะเดียวกทัน
ทางเกาหลีก็ชมเชยเขา หลายวันก่อนคนเกาหลีออกมาด่าเขาร่วมกับญี่ปุ่น แต่หลายวันนี้ ทางจีนและเกาหลีกลับจับมือกันต่อต้านศัตรูร่วมกันใหม่!
“วันนี้ไม่ด่าจางเย่!”
“ใช่ วันนี้ไม่ด่าเขา ต่อให้ด่า ก็จะรอถึงพรุ่งนี้ค่อยด่า!”
“เรื่องนี้จัดการเสร็จลงได้ก็เพราะหมอนี่นี่แหละ!”
“เรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!”
“ภาษิตจีนว่าคนชั่วต้องใช้คนชั่วจัดการ จางเย่อาจจะชั่ว แต่เมื่อมีคนอย่างโรงแรมอาซาคุสะ เราก็ยังต้องพึ่งตัวร้ายอย่างจางเย่ให้ลงมือ! นี่คือนักเลงโตของวงการบันเทิงเอเชีย! จอมปีศาจที่หมื่นปีจะมีสักคนเป็นฉายาที่เหมาะกับเขาจริงๆ!”
……
วันนี้
ทั้งจีน เกาหลี และประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชียต่างชมเชยจางเย่!
ชื่อของจางเย่ในระดับทวีปยิ่งโด่งดังจนเหมือนกับฟ้าที่ผ่าข้างหู!
บทที่ 1435 : ไม่เคยมีดาราคนไหนสร้างชื่อแบบนี้มาก่อน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เวลาเที่ยง
เก็บกระเป๋า
ยกกระเป๋าออกมา
จางเย่ลงลิฟต์มาชั้นล่าง พอเดินออกไปก็รู้ว่าพนักงานของทางโรงแรมล้วนหันมองเขาขณะเดินไปที่ฟรอนต์ เอาเอกสารออกมา
จางเย่ “คืนห้องครับ”
เธอรับไปทันที
แค่ชั่ววินาที
เธอก็ยื่นพาสปอร์ตคืนให้เขา
แล้วพูดอย่างรวดเร็ว “เสร็จแล้วค่ะ!”
จางเย่ “ไวขนาดนั้นเลย?”
พนักงานคนนั้นปาดเหงื่อ “ค่ะ ใช่ค่ะ”
จางเย่พยักหน้าก่อนจะหมุนตัวจากไป
พนักงานทั้งหลายต่างมองตามเขาเป็นตาเดียว
แต่จางเย่กลับหันมาพูด “ได้ล่ะ ไม่ต้องส่งแล้ว”
พนักงาน “หือ?”
จางเย่ “กลับกันไปเถอะ”
ใครส่งแกกัน!
แกเอาตาที่ไหนมามองว่าพวกเราส่ง?
พอจางเย่ออกจากโรงแรม เขาก็ยืนอยู่ริมฟุตบาท ยืดเหยียดตัวก่อนเปิดกระเป๋าเอาหน้ากากและแว่นกันแดดออกมาสวม เวลาที่ต้องเปิดเผยตัวตนเขาก็เปิดเผย แต่ตอนนี้เรื่องของโรงแรมอาซาคุสะจัดการเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาปกปิดตัวตนอีกครั้ง เขาข้ามถนนไปยังโรงแรมฝั่งตรงข้าม
ขึ้นไปชั้นบน
เขาเคาะประตู
เสี่ยวหวังเดินมาเปิด
ก่อนจะตะลึง “ผู้กำกับจาง?”
เสี่ยวโจววิ่งออกมา “อ๊ะ ผู้กำกับจางกลับมาแล้ว! โอเครีเปล่าคะ?”
จางเย่ยิ้ม “จะเกิดอะไรขึ้นได้ยังไงกัน?”
เสี่ยวซุนพูดลั่น “อาจารย์จาง ยอดเยี่ยมมากเลยครับ!”
เสี่ยวหวัง “ใช่ แก้ไขเรื่องราวได้แล้วด้วย!”
จางเย่หัวเราะ “เอาล่ะๆ เรื่องก็จัดการเสร็จแล้ว งั้นพวกเราทำงานต่อเถอะ ฉันไม่ได้มาญี่ปุ่นเพราะคนพวกนั้นอย่างเดียวสักหน่อย ก็แค่เรื่องเล็กๆ เอง”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “ตอนนี้กำลังจัดการเรื่องการ์ตูนค่ะ”
“เอาล่ะ หาห้องให้ผมหน่อยสิ” จางเย่ว่า
เสี่ยวหวังพูดอย่างอารมณ์ดี “ค่ะ ฉันจะไปจัดการต่อเอง!”
เสี่ยวหวังเอาพาสปอร์ตของจางเย่ ลงไปชั้นล่างโดยไม่คิดอะไร
แค่ห้าหกนาทีให้หลัง เสี่ยวหวังก็กลับมาพร้อมสีหน้าจนปัญญา ด้านหลังเธอคือเหล่าผู้จัดการของโรงแรมผู้มีสีหน้าสะพรึง
ผู้จัดการหญิง “อาจารย์จางคะ เราไม่มีห้องเหลือแล้ว ไม่มีแล้วจริงๆ ค่ะ”
เสี่ยวโจว “เป็นไปไม่ได้ ก็เห็นยังว่างอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
ผู้จัดการชายปาดเหงื่อ “ไม่มีแล้วจริงๆ ครับ ไม่เหลือเลย คุณไปหาที่พักที่อื่นได้ไหมครับ ได้โปรดเถอะนะครับ? ขอขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ ถ้ายังไง พวกเราจะจ่ายค่าโรงแรมให้เอง ให้เราจ่ายเถอะครับ!”
ทุกคนต่างมีสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างมาก
……
ตอนบ่าย
พวกเขาย้ายโรงแรม
เมื่อพนักงานต้อนรับได้รับพาสปอร์ตของพวกเขาก็ตะลึงไป!
“อ๊ะ จางเย่!”
“เปิดห้องหน่อยค่ะ”
“ไม่มีห้องแล้วค่ะ เต็มหมดแล้ว!”
“พวกคุณเพิ่งให้แขกชุดอื่นเช็กอินไปเมื่อกี้นี่?”
“ไม่มีห้องแล้วจริงๆ!”
“ห้องธรรมดาก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ห้องธรรมดาก็เต็มแล้วเหมือนกันค่ะ!”
……
เปลี่ยนอีกโรงแรม
ฟรอนต์ก็แสดงสีหน้าเช่นเดียวกับก่อนหน้า โทรหาผู้จัดการโรงแรมในทันที
เมื่อผู้จัดการทราบเรื่องก็แทบฉี่ราด “อย่ารับ! อย่ารับเด็ดขาด! บอกไปว่าโรงแรมเราเต็มแล้ว ถ้าไม่ได้ก็หยุดรับลูกค้าเลย! ไม่ต้องรับจองจากใครอีกแล้ว!”
โรงแรมวุ่นวายมาก!
ทุกคนต่างกลัวจนต้องการหยุดทำการค้าแล้ว!
……
สุดท้ายเป็นโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นคนจีนที่ยอมรับการเข้าพักของจางเย่ แม้โรงแรมจะไม่ใหญ่โตและอยู่นอกเมืองไปหน่อย แต่บรรยากาศก็ดีมากๆ
เจ้าของโรงแรมเป็นชายร่างอ้วนที่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง
ฮาฉีฉียิ้ม “ในที่สุดก็มีที่พักสักที”
เถ้าแก่อ้วนหัวเราะลั่น “พวกคุณวางใจเถอะ พักให้สบาย ผมไม่คิดเงินเลย อยากพักนานแค่ไหนก็เอาเลย ทำตามสบายได้เหมือนอยู่บ้านเลยนะ!”
จางเย่ “ไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องจ่ายครับ”
เถ้าแก่อ้วนกลับว่า “ถ้าเปิดคนอื่นผมคิดเงิน แต่กับคุณผมไม่คิด ถ้าจ่ายคือคุณดูถูกผม ถ้าอยากจ่ายงั้นผมก็ไม่ต้อนรับแล้ว ฮ่าๆ ผมรับรองว่าไม่มีโรงแรมอื่นในโตเกียวที่ยอมรับจองคุณอีก พวกนั้นน่ะแตกตื่นไปกันหมด หลังทางโรงแรมอาซาคุสะแถลงจบไปไม่นาน ผมก็ได้ข่าวว่าโรงแรมในโตเกียวแห่งอื่นๆ ก็เริ่มใช้มาตรการรับแขกเข้าพักอย่างเข้มงวด ถ้าเป็นห้องที่จองจากจีนหรือทางองค์กรกาชาด ผู้จัดการต้องลงมาดูแลด้วยตนเอง เพราะพวกมันกลัวคุณไง กลัวว่าคุณจะไปพักที่นั่น พวกนั้นเห็นคุณเป็นระเบิดเวลาไปหมดแล้ว”
เสี่ยวหวังเสี่ยวโจวไม่พูดอะไร เอาแต่หัวเราะ
ระเบิดเวลา?
ฝีปากระดับจางเย่น่ะ ยิ่งกว่าระเบิดเวลาเสียอีก!
ในที่สุดทุกคนก็จัดการตัวเองจนเรียบร้อย
หลังจางเย่กลับเข้าห้องก็ชาร์จโทรศัพท์ กว่าจะรู้ตัวว่าเขามีสายที่ไม่ได้รับจำนวนมาก ขณะที่กำลังจะโทรกลับก็มีสายเข้ามาแล้ว
“ครับแม่”
“ทำไมฉันติดต่อแกไม่ได้ตั้งนานล่ะ?”
“อ้อ ผมเพิ่งได้ชาร์จมือถือน่ะ”
“เจ็บตัวรึเปล่า?”
“เปล่าครับ สบายดี”
“ไอ้เด็กคนนี้! แกนี่มันหาแต่เรื่อง ฉันน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าแกไปต่างประเทศต้องไม่มีเรื่องดีแน่!”
“ฮ่าๆๆ อู๋ล่ะครับ?”
“สบายดี ฉันไปทำกับข้าวให้เจ๋อชิงทุกวัน”
“ลำบากแม่หน่อยนะครับ อีกสองวันผมจะกลับบ้านแล้ว”
“กลับมาไวๆ ล่ะ”
จางเสีย
เหยาเจี้ยนไฉ
เฉินกวง
ฉีเหม่ยหลัน
มีสายจากเพื่อนๆ และญาติพี่น้องโทรเข้ามาไม่ขาดสาย
จางเย่รับสายทั้งหมด
พอตกเย็นทุกคนก็เข้ามาประชุมในห้อง
ฮาฉีฉี “ผู้กำกับจางคะ ถ้าครั้งหน้าจะทำอะไร อย่างน้อยก็บอกเราล่วงหน้าให้เราเตรียมใจกันก่อนได้ไหมคะ คุณรู้ไหมว่าช่วงหลายวันที่โรงแรมที่คุณพักโดนคนบุกล้อมพวกเราต้องหวาดหวั่นขนาดไหน? พวกเราหลับยังไม่ลงด้วยซ้ำ”
ทว่าจางเย่กลับปัดตก “ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
เสี่ยวโจวหัวเราะขื่นๆ “กับคุณไม่มีอะไร แต่กับเราเนี่ยถือว่ามีอะไรนะคะ ออกมาทำงานกับคุณนี่แทบจะทำฉันหัวใจหยุดเต้นอยู่แล้ว ผู้กำกับจาง ครั้งหน้าอย่าเอาฉันออกมาด้วยเลยนะคะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” เธอเว้นช่วง ก่อนถอนหายใจ “แต่เราก็ได้ประโยชน์จากงานนี้เหมือนกัน พอผ่านเหตุการณ์นี้ไป ฉันก็คิดว่าต่อให้เจอเรื่องใหญ่ๆ อะไรอีกในอนาคตก็ไม่กลัวแล้ว เป็นการฝึกฝนที่ดีค่ะ”
เสี่ยวหวังหัวเราะคิก “ใช่ๆ ทำงานกับอาจารย์จางนี่ได้เปิดหูเปิดตามากเลยนะ”
เสี่ยวซุนถาม “ระดับในทำเนียบระดับเอเชียของเราเพิ่มขึ้นอีกแล้วรึเปล่าครับ?”
ฮาฉีฉีดูนาฬิกา “เดี๋ยวเราก็จะได้รู้แล้วล่ะ”
แต่จางเย่กลับไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ช่วงหลายวันนี้เขาไม่ได้ดูอันดับสักครั้ง “ขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?”
ฮาฉีฉียิ้ม “หลังขึ้นมาถึงกลางทำเนียบระดับเอ ตำแหน่งของคุณก็ไม่ขยับเลย แต่หลายวันนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ยังไงซะเรื่องที่โรงแรมอาซาคุสะก็เป็นข่าวใหญ่ มีใครในทวีปนี้ไม่รู้บ้าง พอมีข่าวแบบนี้ชื่อเสียงก็ต้องเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน ดูในเน็ตก็รู้ วันนี้ทั้งวัน นอกจากที่จีนแล้ว หลายประเทศรวมทั้งเกาหลีญี่ปุ่นก็พูดถึงแต่คุณ แถมยังวิเคราะห์กันด้วย คราวนี้แม้แต่ทางเกาหลีก็ชมเชยคุณ หวังว่าคราวนี้จะมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์นะคะ”
จางเย่ “เอาล่ะ งั้นก็รอดูแล้วกัน”
หนึ่งชั่วโมง
สองชั่วโมง
ทุกคนนั่งคุยกันและดื่มชาไปพลาง
ขณะเดียวกัน คนในวงการทั้งจีนญี่ปุ่นเกาหลีและที่อื่นๆ เองก็รอดูการอัปเดตของทำเนียบเช่นกัน ทุกคนต่างสงสัยในอันดับของจางเย่
พอถึงเวลาอัปเดต
ทุกคนก็ได้เห็น
หนึ่งอันดับ!
สองอันดับ!
จางเย่ไต่ทำเนียบขึ้นไปอีกสองอันดับแล้ว!
……
ประเทศจีน
“เชี่ย!”
“รีบดูทำเนียบเอเชียเร็ว!”
“ขึ้นอีกแล้ว! ค่าชื่อเสียงจางเย่ขึ้นอีกแล้วเหรอ!”
“หือ?”
“ชื่อเสียงขึ้นแบบนี้ก็ได้เหรอ?”
“จางแหยสุดยอดมาก!”
……
ประเทศญี่ปุ่น
“อะไรนะ?”
“ทำไมชื่อเสียงของหมอนั่นขึ้นมาอีกแล้วล่ะ?”
“ไอ้นักเลงนั่น! ทำไมยิ่งด่าชื่อเสียงมันยิ่งเพิ่มได้!”
“ใครจะไปรู้แม่งกัน! น่าโมโหจริงๆ!”
“ด่าดาราญี่ปุ่นเราเยอะขนาดนี้ แต่ชื่อเสียงมันยังเพิ่มได้อีก?”
……
ประเทศเกาหลี
“ขึ้นมาสองอันดับเลยเหรอ?”
“หมอนี่เข้าใกล้จุดสุดยอดของเอเชียอีกแล้ว?”
“ไม่หรอกมั้ง?”
“ยังจะมีอะไรน่าหยันมากกว่านี้อีก!”
“นั่นสิ ฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย!”
“ทำไมคราวนี้ค่าชื่อเสียงเขาถึงเพิ่มขึ้นมากนักนะ!”
……
สองอันดับอาจจะไม่มากนักถ้าเป็นในทำเนียบระดับ C หรือต่อให้เป็น B ก็ยังพอรับได้ แต่พอเป็นระดับ A นั้นก็แตกต่างแล้ว เพราะทุกตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงในลิสต์นั้น ต้องใช้ค่าชื่อเสียงมหาศาล นั่นคือแค่หนึ่งอันดับเท่านั้น แต่ถ้าเป็นสองอันดับ ก็ต้องยิ่งมากกว่านั้นขึ้นไปอีก!
คนจำนวนมากล้วนตาค้าง!
หลายคนงุนงง!
ทำแบบนี้ก็ได้เรอะ?
นี่ก็เป็นวิธีขึ้นสู่การเป็นสตาร์คิงของเอเชียได้ด้วย?
ในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีดาราคนไหนมีชื่อเสียงขึ้นมาได้แบบนี้มาก่อน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น