ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1409-1410

บทที่ 1409 : แบบนี้ก็ได้เหรอ?

โดย

Ink Stone_Fantasy

วันต่อมา


เรื่องราวที่เกิดขึ้นขยายวงเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่


ในญี่ปุ่นและเกาหลี ผู้ที่มีแผนจะจัดคอนเสิร์ตในประเทศจีนต่างได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดงานฝั่งจีนอย่างต่อเนื่อง


……


“ทำไม่ได้แล้ว?”


“อืม ขอโทษด้วยครับ”


“เราตกลงกันไว้แล้วนี่ ทำไมถึงไม่ได้แล้วล่ะ?”


“ตอนนี้ผู้ชมในจีนต่อต้านอย่างหนักเลยครับ มันเสี่ยงเกินไป”


“จะมีความเสี่ยงอะไรเหรอ?”


“คอนเสิร์ตสามเวทีที่เพิ่งผ่านพ้นไปเละหมดเลยครับ”


“เรื่องนี้เราตกลงกันไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้วนี่ ไม่ได้ คอนเสิร์ตต้องเป็นไปตามกำหนดการ!”


“งั้นพวกคุณลดราคาบัตรได้ไหม?”


“ลดให้เหลือเท่าไร?”


“อ่า ราคาต่ำสุดสามร้อยหยวน สูงสุดไม่เกินหนึ่งพันหยวน”


“จะเป็นไปได้ยังไง! แค่ต้นทุนค่าใช้จ่ายก็ไม่พอแล้ว!”


“งั้นต้องรอก่อนแล้วล่ะครับ ครึ่งปีหลังค่อยดูอีกที ต้องรอให้พายุนี้ผ่านพ้นไปก่อน”


……


หนึ่งงาน


สองงาน


สามงาน


คอนเสิร์ตจากฝั่งญี่ปุ่นและเกาหลีที่จะจัดในประเทศจีนช่วงหกเดือนนี้ถูกยกเลิก เพราะผู้จัดงานในจีนไม่สามารถรับความเสี่ยงนี้ได้ สามคนนั้นเป็นระดับ A ชั้นบนของเอเชียเชียวนะ แต่กลับถูกจางเย่กั้นเอาไว้นอกประตู จนทั้งสามคอนเสิร์ตมีสภาพน่าเวทนา ทั้งยังทำให้ผู้ชมต่อต้านกับราคาบัตรที่สูงเกินไป แล้วใครจะกล้าเสี่ยงจัดคอนเสิร์ตให้ดาราญี่ปุ่นและเกาหลีอีกล่ะ? เสียเงินน่ะเรื่องเล็ก แต่ถ้าซวยเข้าตัวก็ยุ่งยากแล้ว!


เว้นเสียแต่จะลดราคาค่าบัตรเข้าชม


แต่ปัจจุบันมาตรฐานราคาบัตรมันไม่เหมือนเดิมแล้ว


หกร้อย?


แปดร้อย?


เมื่อก่อนก็ถือว่าราคาถูกแล้ว!


แต่พอจางเย่โผล่ออกมา ผู้ชมต่างรู้สึกว่าแพง!


ต้องราคาสามร้อยห้าร้อยถึงจะรู้สึกว่าเหมาะสม แต่คนจากญี่ปุ่นเกาหลีจะลดราคาขนาดนั้นได้ยังไง?


จางเย่จะไม่เก็บเงินก็ได้ แต่พวกเขาทำไม่ได้! จางเย่ไม่จำเป็นต้องมีค่าโฆษณามากมาย แต่พวกเขาต้องมี! บัตรราคาสามร้อยหยวนห้าร้อยหยวน? พวกเขาก็ขาดทุนสิ! จะให้จัดคอนเสิร์ตแล้วยังเอาเงินไปเททิ้งอีกเรอะ? ธุรกิจแบบนี้ใครเขาทำกัน?


นี่ทำให้ดาราญี่ปุ่นและเกาหลีที่มีแผนจัดคอนเสิร์ตช่วงปีนี้ถูกดึงมาเอี่ยวด้วยโดยปริยาย


หลังจากคนในวงการบันเทิงของญี่ปุ่นและเกาหลีได้ยินข่าวก็พากันด่าจางเย่ ใครก็รู้ว่าไอ้หมอนี่ชั่วร้ายแค่ไหน แม่งยังกำหนดราคาบัตรเองด้วย!


ราคาบัตรสามร้อยห้ารอย?


แสดงห้าถึงหกชั่วโมง?


ใครแม่งจะไปทำได้ฟะ?


นายคิดว่าทุกคนเป็นคนเหล็กแบบนายหรือไง!


นี่มันบังคับให้คนอื่นไปตายชัดๆ! ทางรอดสักทางก็ไม่เหลือไว้ให้!


……


จากนั้นไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วเอเชีย


‘จีนปิดตลาดคอนเสิร์ตของต่างประเทศชั่วคราว!’


‘ประเทศจีนช่างเหน็บหนาวสำหรับปาร์คแจซังและคิมจีซาน!’


‘ชาวจีนต่อต้านราคาบัตรที่แพงเกินไป!’


‘จางเย่ออกโรงสกัดดาราจากญี่ปุ่นและเกาหลี!’


‘แผนการจัดคอนเสิร์ตในจีนของดาราญี่ปุ่นและเกาหลีสิบสามงานถูกยกเลิก!’


‘ดาราญี่ปุ่นและเกาหลีขาดทุนอย่างหนัก!’


เดิมทีญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่ง ‘แบนจางเย่’ เอาไว้ สื่อจึงจะไม่รายงานข่าวเกี่ยวกับเขาอีก แต่ว่าเรื่องคราวนี้ใหญ่มาก และส่งผลเป็นวงกว้าง ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการ ‘เก็บเกี่ยวเงิน’ ในตลาดประเทศจีนของดาราญี่ปุ่นและเกาหลีเกือบทั้งหมด จึงเป็นไปไม่ได้ที่สื่อจะไม่เอ่ยถึง ทำให้ชาวญี่ปุ่นและเกาหลีรู้ว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้ในจีนเกิดเรื่องอะไรขึ้น!


ชื่อของจางเย่แพร่กระจายไปทั่วเอเชียผ่านข่าวอีกครั้ง!


ประชาชนทั่วเอเชียรู้ซึ้งถึงความฉาวโฉ่ของเขาอีกรอบ!


ชาวเน็ตญี่ปุ่นระเบิดแล้ว!


“อะไร?”


“มันหาเรื่องกันนี่!”


“จางเย่อีกแล้ว! จางเย่คนนี้อีกแล้ว!”


“เขากล้าท้าทายพวกเราจริงๆ เหรอ?”


“คิมูระก็ถูกเขาไล่กลับมาเหรอ?”


“คิมูระเป็นผู้นำในวงการร็อกแอนด์โรลของเอเชียเลยนะ! ถูกการแสดงอย่างเซี่ยงเซิงผลักกลับมาเหรอ?”


“เขาจงใจเล่นงานพวกเราชัดๆ!”


“สมควรตาย! นี่มันน่าโมโหมาก!”


ชาวเน็ตเกาหลีก็ไม่ทนแล้ว


“ปาร์คแจซังยังเอาชนะเขาไม่ได้เหรอ?”


“เป็นไปได้ยังไง!”


“คิมจีซานก็แพ้? พระเจ้า!”


“ไอ้คนแซ่จางใช้เล่ห์กลอะไรกันแน่ ขัดขวางคอนเสิร์ตของดาราญี่ปุ่นและเกาหลีหมดเลย? เขาเป็นดาวไม้กวาดหรือไง?”


“เชี่ย ไอ้คนนี้มันน่ารำคาญมากเลย!”


“ทำให้คนอื่นต้องกัดฟันจริงๆ!”


“ดาราระดับเอสามคนของเอเชียมารวมกัน ก็ยังจัดการจางเย่ในประเทศจีนไม่ได้?”


“เขามีสามเศียรหกกรหรือไง? ทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้!”


“ต้องกำจัดเขา! แบนเขาอย่างเด็ดขาด!”


“ใช่ ทำให้รายชื่อทำเนียบดาราของเอเชียไม่มีชื่อของเขาอยู่อีกเลย!”


จางเย่กลับมา ‘ฮอต’ อีกครั้งแล้ว!


ผู้คนนับไม่ถ้วนในเอเชียต่างด่าเขาหนึ่งวันเต็ม!


พวกเขาไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยพบเคยเจอ!


……


แต่ในเวลาเช่นนี้ กาชาดเอเชียกลับยังมา ‘เพิ่มความวุ่นวาย’ เข้าไปอีก จางเย่ถูกญี่ปุ่นและเกาหลีสั่งแบนฐานะทูตสันถวไมตรี พวกเขาเองก็โกรธมาก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี ตั้งแต่เช้า โฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์จำนวนมากก็ถูกโยนสู่ตลาดญี่ปุ่นและเกาหลีอย่างหนาแน่น ล้วนมีภาพของจางเย่อยู่!


ทั้งโรคเอดส์!


มะเร็งเม็ดเลือดขาว!


เลิกบุหรี่!


เลิกเหล้า!


โฆษณาฉายอย่างต่อเนื่อง เผยแพร่โดยไม่ต้องเสียเงิน!


……


บนหน้าจอโทรทัศน์มีแต่ภาพของจางเย่!


ทุกที่ที่มีโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ ก็จะมีจางเย่!


นี่คือตำแหน่งโฆษณารายเดือนที่คงที่ และเป็นช่วงเวลาโฆษณาขององค์กรการกุศลแห่งเอเชียในทุกปี พวกเขาสามารถจัดวางได้อย่างอิสระเพราะได้รับการประสานงานจากองค์กรการกุศลระดับโลกและรัฐบาล ถือเป็นมาตรฐานสากล ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แบบจางเย่ แต่ไม่สามารถแบนองค์กรการกุศลและโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดภาพอันแปลกประหลาดที่สุด ดาราชาวจีนคนหนึ่งที่ถูกคนเกลียดชังจนต้องขบฟัน กลับโผล่ขึ้นมาให้เห็นไม่หยุด!


ประชาชนชาวญี่ปุ่นและเกาหลีใกล้เป็นบ้าแล้ว!


“เชี่ย!”


“ทำไมมีแต่เขาเต็มไปหมด!”


“โฆษณานี้ถูกระงับการเผยแพร่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”


“เชี่ยแม่งเอ๊ย!”


“วิญญาณตามหลอกหลอน!”


“ทำไมถึงมีโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์เยอะขนาดนี้เนี่ย!”


เสียงด่าทอที่มีต่อจางเย่ยิ่งดังขึ้นไปอีก!


คนในวงการบันเทิงญี่ปุ่นและเกาหลี ทั้งสื่อมวลชนและสาธารณชนต่างด่าจนปากเมื่อยคอแห้งไปแล้ว ทันใดนั้นเอง ฉากที่น่าตกตะลึงที่สุดก็เกิดขึ้น!


การแสดงเซี่ยงเซิงของจางเย่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทั้งสื่อญี่ปุ่นและเกาหลีที่คอยรายงานข่าว ยังมีโฆษณาที่องค์กรกาชาดแห่งเอเชียเผยแพร่ รวมกับคำสาปแช่งขอที่ด่าเขาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ!


ระดับความนี้!


จำนวนการออกสื่อ!


รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ!


ตอนเที่ยงคืนของคืนนั้น ทำเนียบดาราของเอเชียอัปเดตแล้ว!


ทุกคนตกตะลึงเมื่อพบว่าจางเย่ขยับขึ้นมาอีกหนึ่งอันดับ ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งระดับ A กลางแถวของเอเชียอย่างเป็นทางการ!


ประชาชนชาวญี่ปุ่น “เชี่ย!”


ประชาชนชาวเกาหลี “เชี่ย!”


ประชาชนชาวจีน “เชี่ย!”


เกิดอะไรขึ้น!


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!


ทำไมหมอนี่ยิ่งโดนด่าคะแนนนิยมยิ่งเพิ่มล่ะ!


แบบนี้ก็ได้เหรอ!?



บทที่ 1410 : นี่สิถึงจะเป็นยอดคน!

โดย

Ink Stone_Fantasy

รุ่งเช้า


ในบ้าน


จางเย่ยังหลับอยู่ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดเข้ามา


“เย่น้อย!”


“แม่ มีอะไรน่ะ”


“ตื่นได้แล้ว”


“เพิ่งจะกี่โมงเอง แล้วอู๋ล่ะ?”


“เมียแกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว รีบลุกขึ้นมา ในทีวีมีแต่ข่าวของแกเต็มไปหมด!”


“เฮ้อ วันไหนไม่มีข่าวของผมบ้างล่ะ ดูจนเบื่อแล้ว”


“อันดับทำเนียบเอเชียของแกขยับขึ้นอีกแล้ว!”


“หา? ไม่ใช่มั้ง? ญี่ปุ่นกับเกาหลีแบนผมไม่ใช่เหรอ?”


“แกไปดูเอง!”


“โอเค ผมไปดูผมไปดู”


จางเย่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสดชื่น เขาหาวแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นดูทำเนียบดาราของเอเชีย เมื่อเห็นก็มีความสุขขึ้นมาทันที ขยับขึ้นจริงๆ?ในอินเทอร์เน็ตทุกคนพูดถึงเรื่องนี้อยู่


บนเวยป๋อ


“ฝั่งญี่ปุ่นเกาหลีตอนนี้คงเซ่อกันไปเลยล่ะสิ!”


“ฮ่าๆๆๆ สมควรจะเซ่อ!”


“ฉันเรียนภาษาเกาหลี เมื่อกี้เข้าไปดูแวบหนึ่ง ทั้งประชาชนและพวกสื่อในญี่ปุ่นและเกาหลีต่างด่าจางเย่กันใหญ่!”


“แน่นอน มีดาราแปลกประหลาดแบบนี้ในประเทศเขาที่ไหน!”


“ใช่แล้ว มีแต่ประเทศของเราที่ตัวประหลาดแบบนี้ออกมาน่ะ!”


“ใครก็ปิดผนึกจอมตอกหน้าจางไม่ได้?”


“คำสั่งแบนไม่มีความหมายโดยสิ้นเชิง!”


“เขาจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของเอเชียด้วยการทะเลาะวิวาทจริงอ่ะ?”


“พรูด น่าสนุกมาก!”


อ่านเสร็จจางเย่ก็ยิ้มออกมา ดูท่าคงต้องเป็นเส้นทางนี้แหละนะ ในประเทศเขาก็ก้าวขึ้นมาด้วยการทะเลาะวิวาทไม่ใช่เหรอ? ไปตีกับวงการนั้นทีวงการนี้ที ไปด่ากับวงการนั้นทีวงการนี้ที ฝนดาบตลอดทางยิ่งโหดเหี้ยมยิ่งแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้จึงไปอยู่จุดสูงสุดของวงการบันเทิงภายในประเทศได้ ในระดับเอเชียก็สามารถทำแบบนี้ได้เหมือนกัน!


ถ้าการทะเลาะเป็นการตอกตะปู อารมณ์ร้ายของจางเย่จัดการฟาดลงไปนานแล้ว


ทะเลาะหนึ่งครั้งคะแนนขึ้นหนึ่งครั้ง โอ้ ทะเลาะอีกหนึ่งครั้งคะแนนก็ขึ้นอีกหนึ่งครั้ง!


ทั้งโด่งดัง!


ทั้งได้ระบายอารมณ์!


ทั้งสาแก่ใจ!


อืม แล้วทำไมเขาถึงจะไม่ทำล่ะ!


อันธพาลแท้จริงจะเป็นยังไงน่ะเหรอ?


ก็คือแบบนี้ไงล่ะ!


ไม่นานเพื่อนของเขาก็โทรมา


เป็นสายจากสตาร์ควีนฉีเหม่ยหลัน


“อาจารย์จาง”


“พี่สาวหลัน”


“ยินดีด้วยนะ ตอนนี้ก็ระดับเอกลางแถวแล้วสิ”


“ฮ่า คุณอยู่จุดสูงสุดของเอเชียแล้ว เทียบกับคุณผมนับเป็นอะไร?”


“ฉันอยู่จุดสูงสุดก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีแม้แต่ชื่อบนทำเนียบดาราระดับโลกด้วยซ้ำ ก็ดังแค่ในประเทศ และแถวเอเชียเท่านั้น”


“คุณมองไปถึงระดับโลกแล้ว ผมยังต้องมองที่เอเชียก่อน”


“ยังไงก็ยินดีด้วยนะ คนที่วิวาทได้สวยงามและยอดเยี่ยมมาตลอดทาง ก็มีแต่คุณแล้วล่ะ”


“ฮ่าๆ พี่ชายคนนี้ไม่มีความสามารถอย่างอื่น จะมีก็แต่ประสบการณ์ทะเลาะวิวาทและปะทะฝีปาก นั่นล้วนเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานบีบบังคับตลอดหลายปีนั่นแหละ”


“ใช่แล้ว”


“มีอะไรเหรอ?”


“อืม…”


“หา?”


“ช่างเถอะ ไม่มีอะไร”


มีเรื่อง?


มีเรื่องอะไรคุณก็พูดสิ!


เห็นเธอไม่บอก จางเย่เองก็ไม่ได้ถาม


เวลาเดียวกัน แม่ที่อยู่ห้องนั่งเล่นก็ได้รับโทรศัพท์


จางเย่เสร็จธุระด้านนี้แล้ว แม่ก็พูดว่า “เย่น้อย เมียแกโทรมาบอกว่าลืมเอกสารไว้ที่บ้าน แกไปหาแล้วเอาไปส่งให้เธอหน่อย”


จางเย่ถาม “อยู่ไหนเหรอ?”


แม่ “เจ๋อชิงบอกว่าอยู่บนโต๊ะข้างเตียง”


จางเย่เข้าไปหาในห้อง “โอเค หาเจอแล้ว”


พ่อเร่ง “รีบไปเถอะ ดูท่าเจ๋อชิงจะรีบใช้”


จางเย่หัวเราะ “แปลกมาก เมื่อก่อนมีแต่ผมที่ลืมนั่นลืมนี่ คุณอู๋ไม่เคยลืมอะไรมาก่อนเลย โอเค ผมจะเอาไปให้เธอ”


หลังจากนั้นเขาก็ขับรถไปที่ SARFT


……


ช่วงสาย


ด้านนอกอาคาร SARFT


จางเย่ไม่ได้ขับรถเข้าไปจอดด้านใน มันดูผยองเกินไป ทุกครั้งที่เขามาเขามักจะจอดรถไว้ด้านนอกแล้วค่อยเดินเข้าไป แต่วันนี้เขาเพิ่งเดินไปที่ประตูก็เห็นผู้หญิงที่คุ้นหน้าคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไปไหนมาไหนกับฉีเหม่ยหลันเสมอ เขาเห็นในหน้าจอโทรทัศน์บ่อยๆ อ้อ ใช่ นึกออกแล้ว เธอเป็นผู้จัดการของบริษัทฉีเหม่ยหลันคนหนึ่งนั่นเอง น่าจะเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องภายนอกประเทศของบริษัทสตาร์ควีน


หยางเสวี่ย “หัวหน้าเฉิน เรื่องนี้มันเร่งด่วนมากเลยนะคะ”


หัวหน้าเฉิน “ผมเองก็ตัดสินใจไม่ได้เหมือนกัน”


หยางเสวี่ย “ฉันขอพบกับหัวหน้าฉีได้ไหม?”


หัวหน้าเฉิน “หัวหน้าฉียุ่งมากเลย วันนี้ไม่ว่างทั้งวัน”


หยางเสวี่ย “แต่ตอนนี้หนังของพวกเรา…”


หัวหน้าเฉิน “การอนุมัติไม่เร็วนัก ต้องรันไปตามระบบ  ผมบอกไม่ได้ว่าจะเสร็จภายในกี่วัน ผมรับประกันไม่ได้จริงๆ”


หยางเสวี่ย “พี่เฉิน คุณให้ฉันเข้าไปเถอะค่ะ”


หัวหน้าเฉิน “ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของสมาคมสื่อฯ ไม่รับจัดการเรื่องธุรกิจ คุณเองก็ไม่ได้นัดหมายไว้ คนนอกเข้าไปไม่ได้ คุณกลับไปรอฟังข่าวเถอะครับ”


หยางเสวี่ย “แต่ว่า…”


เวลานั้นจางเย่ก็เดินเข้ามาอย่างองอาจ


หัวหน้าเฉินเห็นเขา ก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์อย่างรวดเร็ว “เถ้าแก่จางคุณมาแล้วเหรอครับ?”


หยางเสวี่ยมองเห็นจางเย่ก็ตะลึงไป


จางเย่ยิ้ม “ใช่แล้ว ผมเอาของมาส่งให้คุณอู๋”


หัวหน้าเฉิน “รองบังคับการอู๋น่าจะกำลังประชุมอยู่ครับ”


จางเย่หัวเราะ “โอเค งั้นผมไปรอที่ห้องทำงานของเธอก่อนแล้วกัน” ทันใดนั้นก็ชี้ไปที่หยางเสวี่ยโดยไม่บอกไม่กล่าว ก่อนพูดว่า “พาคนนี้เข้าไปด้วยแล้วกันนะ”


หัวหน้าเฉินเหงื่อไหล “นี่…”


จางเย่พูดกับหยางเสวี่ยโดยตรง “ไปกันเถอะ”


หยางเสวี่ยดีใจอย่างมาก เธอมองหัวหน้าเฉินอย่างระมัดระวัง “พี่เฉิน?”


หัวหน้าเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ จางเย่ต้องการเอาคนเข้าไป ใครจะกล้าขวางกัน?


ดังนั้นหยางเสวี่ยจึงติดตามจางเย่เข้าไปในบริเวณ SARFT พูดตามตรง อาคารหลังนี้เธอเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่ได้เข้ามาจริงๆ ก็คือครั้งนี้แหละ


หยางเสวี่ยซาบซึ้ง “อาจารย์จาง ขอบคุณมากค่ะ!”


จางเย่หัวเราะ “คนของพี่สาวหลันใช่ไหม?”


หยางเสวี่ยรีบตอบ “ใช่ค่ะ”


จางเย่ก็ไม่ได้ถามอย่างอื่นเพิ่มเติม “เข้าไปหาใครเหรอ?”


หยางเสวี่ยตอบทันที “หัวหน้าฉีค่ะ”


“โอเค เข้าใจแล้ว” จางเย่พยักหน้า


หัวหน้าฉี? เขารับผิดชอบด้านภาพยนตร์


เรื่องที่ฉีเหม่ยหลันโทรมาแล้วอึกอักไม่ยอมพูดนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว


ด้านหน้ามีคนหนึ่งกำลังเดินมา


“โอ้ ผู้กำกับจาง!”


“เหล่าเหอ”


“กินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?”


“ไม่เป็นไรครับ ผมมาส่งของให้คุณอู๋ กลับไปยังต้องจัดการธุระอย่างอื่นอีก”


“หลังจากคืนส่งปีก็ไม่ได้เจอคุณเลย รวมตัวกันสักหน่อยสิ เรียกพวกทีมงานเก่าทั้งหลายของคืนส่งปีมาด้วย”


“ได้เลย งั้นไม่มีปัญหาครับ”


อีกด้านก็มีคนหนึ่งมองเห็นเขาแล้ว


“หัวหน้าจาง สวัสดีครับ”


“อืม หัวหน้าหลิว ทำไมอ้วนขึ้นล่ะเนี่ย?”


“ฮ่าๆ กินๆๆ แล้วก็กิน ว่าแต่ได้ยินมาว่าคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นอีกแล้วเหรอครับ?”


“ก็ตามนั้นแหละครับ ใช่แล้ว ห้องทำงานของเหล่าฉีอยู่ตรงไหนเหรอ?”


“ขึ้นไปชั้นสอง เลี้ยวซ้ายห้องที่สอง”


“โอเค”


ระหว่างทางทุกคนที่เจอจางเย่ต่างก็ทักทายเขา


เมื่อขึ้นไปชั้นบนจางเย่เดินเลี้ยวซ้าย จากนั้นก็เคาะประตูห้องทำงานห้องหนึ่ง


หัวหน้าฉีเงยหน้าขึ้น “อ้าว เถ้าแก่จาง?”


จางเย่หัวเราะ “เพิ่งกินข้าวเช้าเหรอครับ?”


หัวหน้าฉีวางตะเกียบที่ใช้อยู่ลง “เฮ้อ ตอนนี้มันสายแล้วนี่นะ”


จางเย่ยิ้ม ก่อนจะชี้ไปทางหยางเสวี่ยที่อยู่ด้านหลัง “มีคนอยากคุยธุระกับคุณน่ะ ผมเห็นเธอยืนอยู่ด้านนอกก็เลยพาเธอเข้ามา เรื่องใหญ่มากเลยล่ะ คุณรีบจัดการให้เธอนะ”


หัวหน้าฉีหัวเราะ “หัวหน้าจางบอกเองทั้งที ผมต้องทำให้แน่นอนครับ”


จางเย่ “ได้เลย งั้นผมไม่กวนแล้ว”


จากนั้นจางเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาทิ้งหยางเสวี่ยไว้แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนคนเดียว


ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรสักคำ หรือจะบอกว่าตั้งแต่วินาทีที่เดินเข้าประตูใหญ่ของ SARFT เธอก็ไม่กล้าส่งเสียง ระหว่างทางก็ได้แต่แอบมองจางเย่พูดคุยทักทายกับคนอื่นอย่างเงียบๆ หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง เธอคงไม่รู้สึกรุนแรงขนาดนี้ น่าอิจฉาเกินไปแล้ว!


ที่นี่คือ SARFT เชียวนะ!


SARFT  ที่รับผิดชอบความเป็นไปทุกอย่างของวงการบันเทิง!


ในใจของหยางเสวี่ยมีความรู้สึกมากมายที่ไม่อาจอธิบาย ตอนนี้ที่เธอรู้สึกได้ก็คือ


สุดยอดมาก!


เจ๋งสุดๆ ไปเลย!


ทั่วทั้งวงการบันเทิง ในแวดวงคนดังทั้งหมด ใครจะเป็นเหมือนจางเย่ได้? ใครจะทำเหมือนอย่างจางเย่ได้? เดินไปเดินมาอย่างสง่าผ่าเผยใน SARFT เขามาที่นี่เหมือนมาบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ดาราจากทั่วประเทศที่สามารถทำเช่นนี้ได้ มีแต่จางเย่คนเดียว ไม่มีคนที่สองอีกแล้ว!


นี่สิถึงจะเป็นยอดคน!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)