I’m really a superstar ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ 1378-1387
ภาค 10
ตอนที่ 1378
ใครจะเป็นผู้ประมูลสูงสุด? (ท้าย)
โดย
Ink Stone_Fantasy
บนเวที
ในเลนส์กล้อง
พู่กันของมิยาโมโตะเซ็นเซนั้นราวกับโบยบินได้!
จางหย่วนฉีมองอย่างเฉยเมย
ฉีเหม่ยหลันก้มหน้ากระซิบบางอย่างกับเธอ
สีหน้าหลี่เสี่ยวเสียนเต็มไปด้วยความชื่นชม
เอมี่ยังโมโหไม่หาย “ตาแก่นี่ป่วยแน่ๆ!”
เสี่ยวตง “ป่วยไม่เบาเลยล่ะ”
ฮั่วตงฟางขมวดคิ้ว “เขาจงใจ? พี่สาวจางกับเสี่ยวเสียนไปกระตุ้นอะไรเขาเข้า? เขาวิ่งไปตรงนั้นเพราะกลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าเขามีตัวตนเหรอ? จำเป็นต้องแสดงออกว่าเขาก็มีความสามารถหรือไง?”
ต้าฉีถาม “เขาเขียนเป็นยังไงบ้าง?”
หลี่เสี่ยวเสียนถอนหายใจ “ฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว เพียงหนึ่งไม่มีสอง!”
เสี่ยวเสียนผู้มองโลกในแง่ดี ให้คำวิจารณ์สูงส่งมาก
ต้าฉี “การเขียนอักษรเป็นของจีนไม่ใช่เหรอ? ทำไมคนญี่ปุ่นถึงเขียนได้ดีขนาดนี้ล่ะ?”
หลี่เสี่ยวเสียนพูดว่า “ญี่ปุ่นก็มีผู้เชี่ยวชาญการเขียนตัวอักษรค่ะ การประมูลผลงานการเขียนตัวอักษรร่วมสมัยระดับนานาชาติ ผลงานการเขียนของอาจารย์มิยาโมโตะทุกชิ้นถูกประมูลไปในราคาสูงมาก”
เสี่ยวตงถาม “เทียบกับผู้เชี่ยวชาญการเขียนตัวอักษรในประเทศของเราล่ะ?”
หลี่เสี่ยวเสียนคิดไตร่ตรองครู่หนึ่ง “มีแต่สูงกว่า ไม่มีต่ำกว่า”
เสี่ยวตงถอนหายใจหนาวเหน็บ “ร้ายกาจขนาดนั้นเลย?”
หลี่เสี่ยวเสียนยิ้มขื่น “ถ้านับแค่ในประเทศจีนกลัวว่ามีเพียงอาจารย์อู๋และอาจารย์เหลียนเท่านั้นที่เทียบเคียงเขาได้ น่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เรื่องรายละเอียดฉันก็ไม่เข้าใจแล้ว ได้ยินมาว่าตัวอักษรของอาจารย์มิยาโมโตะใกล้เคียงกับ ‘ตัวบรรจงกึ่งหวัด’ ของจีนมาก มีความแตกต่างจากสไตล์ส่วนมากของอักษรญี่ปุ่นเล็กน้อย แต่พวกเขาอาจจะไม่เรียกว่า ‘ตัวบรรจงกึ่งหวัด’ ซึ่งจุดนี้ฉันก็ไม่รู้แล้ว ยังไงก็ตามในวงการนี้ถือว่าอาจารย์มิยาโมโตะขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดแล้วล่ะ”
จางเย่เหลือบดู
ตัวบรรจงกึ่งหวัด?
อืม ก็มีกลิ่นกายของตัวบรรจงกึ่งหวัดนิดหน่อยจริงๆ ละนะ
หนึ่งนาที
ห้านาที
มิยาโมโตะเซ็นเซวางพู่กันลง
กล้องจับภาพและแสดงขึ้นจอใหญ่ให้เห็นอย่างชัดเจนในทันที
คนในงานมองขึ้นไป ไม่ว่าจะสงสัยการกระทำของมิยาโมโตะเซ็นเซหรือไม่ แต่เมื่อเห็นผลงาน ทุกคนก็ล้วนชื่นชม!
นักธุรกิจญี่ปุ่นถึงกับยืนขึ้นและปรบมือ!
“เยี่ยม!”
“เขียนได้ดี!”
“สมกับที่เป็นปรมาจารย์มิยาโมโตะ!”
“ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้เห็นของจริง!”
นักธุรกิจฝั่งญี่ปุ่นสิบกว่าคนตื่นเต้นมาก เพราะปกติแล้วพวกเขาจะหาซื้อภาพเขียนอักษรของมิยาโมโตะเซ็นเซมาได้นั้นเป็นไปได้ยากมาก ในการประมูลนานาชาติการเขียนตัวอักษรของมิยาโมโตะเซ็นเซเป็นที่นิยมมาก ถ้าไม่เสียค่าภาษีในอัตราห้าสิบเปอร์เซ็นต์จนถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ยากจะเอามาได้
ดูขนาดกระดาษใหญ่ยักษ์นั่นสิ
และดูความซับซ้อนสูงส่งของตัวอักษรสิ
แค่ราคาก็ต่างกันแล้ว
แต่ภาพเขียนอักษรของวันนี้ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ มีขนาดและคุณภาพอย่างไร ล้วนไม่มีข้อบกพร่อง ล้วนเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของอาจารย์มิยาโมโตะผู้อยู่บนจุดสูงสุดในปัจจุบัน และภาพเขียนยังเป็นของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คนเขาเขียนให้ดูในงาน ทั้งยังลงนามไว้ด้วย ราคาต้องสูงเสียดฟ้าแน่นอน!
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งถามเสียงดัง “มิยาโมโตะเซ็นเซ ภาพเขียนนี้ส่งประมูลจริงเหรอครับ?”
มิยาโมโตะเซ็นเซตอบอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน”
คนไม่น้อยต่างนั่งไม่ติด วิ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อดูใกล้ๆ
หนึ่งคน
สิบคน
ยี่สิบคน
คนรุมล้อมเยอะขึ้นเรื่อยๆ และเต็มไปด้วยเสียงชื่นชม
“สุดยอดจริงๆ!”
“คิดถูกแล้วที่มาวันนี้”
“ตัวอักษรที่ดี! ยอดเยี่ยมมาก!”
แม้แต่นักธุรกิจชาวจีนก็ยังตื่นเต้นไปด้วย
พิธีกรประกาศ “ตอนนี้จะเริ่มการประมูลแล้ว ขอให้ทุกคนกลับที่นั่งด้วยครับ”
ทันทีที่เสียงพูดจบลง การเสนอราคาก็ดังขึ้น!
“สามแสน!”
“ผมให้ห้าแสน!”
“ห้าแสนห้าหมื่น!”
“ห้าแสนแปดหมื่น!”
เพียงแค่เริ่มต้นก็เกินราคาอาหารหนึ่งมื้อและภาพเขียนตัวอักษรของจางหย่วนฉีไปแล้ว และราคายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนที่อยู่ในงานและผู้ชมทางอินเทอร์เน็ตทั่วทั้งเอเชียต่างตกตะลึง!
“หกแสน!”
“เจ็ดแสน!”
“ผมให้เจ็ดแสนห้าหมื่น!”
การแข่งขันอันรุนแรง!
คล้ายกับพิสูจน์เป็นตายอย่างไรอย่างนั้น!
สุดท้ายก็เหลือนักธุรกิจญี่ปุ่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังต่อสู้กันอยู่!
ในที่สุดราคาของภาพเขียนนี้ก็เคาะอยู่ที่หนึ่งล้านหนึ่งแสนดอลลาร์ เทียบได้เกือบสิบล้านหยวน แน่นอนว่าเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตามท้องตลาดอย่างมาก แต่นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ได้รับภาพเขียนรู้สึกว่ามันคุ้มค่า เขาชอบภาพเขียนอักษรนี้มาก!
……
ที่ญี่ปุ่น
ในอินเทอร์เน็ต
“มิยาโมโตะเซ็นเซออกโรงแล้ว!”
“ทีมดาราญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่งแล้ว!”
“เอ่อ อาจารย์มิยาโมโตะนับเป็นทีมดาราไหมนะ?”
“นับสิ”
“ถูกต้อง ยังไงก็เป็นคนฝั่งพวกเราน่า”
……
ที่เกาหลีใต้
ในอินเทอร์เน็ต
“ราคาสูงเทียมฟ้าเลย!”
“จะเอาอะไรไปเทียบได้ล่ะเนี่ย?”
“ตำแหน่งผู้นำคงหนีไม่พ้นเป็นของญี่ปุ่นแล้ว!”
……
ที่ประเทศจีน
มีแต่เสียงก่นด่าของชาวเน็ตเต็มไปหมด
“บ้าไปแล้ว!”
“เขาโผล่มาจากไหนเนี่ย?”
“เดิมทีนายก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนอักษรอยู่แล้ว ตัวอักษรนายเอาชนะหลี่เสี่ยวเสียน เอาชนะพี่สาวจางได้นี่นายได้หน้านักหรือ? เชี่ยแม่ง! ทำไมนายไม่แข่งร้องเพลงกับพี่สาวจางและเสี่ยวเสียนล่ะ!”
“ใช่แล้ว แน่จริงก็แข่งร้องเพลงกันสิ!”
“ตาแก่นี่ จงใจกลั่นแกล้งคนอื่นชัดๆ!”
“การประมูลเพื่อการกุศล เขาก็ยังจะขึ้นไปเอาหน้าอีก!”
……
ที่บ้านคุณยายจางเย่
น้องสาวคนโตโมโห “ปรมาจารย์อะไรกัน!”
น้องสาวคนรองพ่นน้ำลาย “เพ้ย!”
แม่ “ตาเฒ่านี่ทำเสียอารมณ์จริงๆ ถ้าจะทำขนาดนี้ก็ไม่ต้องเทียบมันแล้ว!”
……
ที่โลกภายนอกต่างถกเถียงกันอย่างหนัก
มีทั้งที่ยกย่อง มีทั้งที่ด่าทอ
แต่ภายในงาน การประมูลเพื่อการกุศลยังดำเนินต่อไป หรือจะพูดอีกอย่างว่าจนถึงเวลานี้การประมูลได้ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว ราคาประมูลที่สูงถึงหนึ่งล้านหนึ่งแสนดอลลาร์ ไม่มีใครสามารถสู้กับมิยาโมโตะเซ็นเซได้อีกแล้ว
หนิงหลันส่ายหัว “น่าเบื่อ”
จางเย่ก็ไม่ได้สนใจแต่แรกอยู่แล้ว “ไปกันเถอะ ช่างมันน่า”
เอมี่มองไปทางหลี่เสี่ยวเสียน “เสี่ยวเสียน ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว”
แต่เวลานั้นเอง มิยาโมโตะเซ็นเซกลับไม่ยอมลงจากเวที เขายืนอยู่ถัดจากภาพเขียนอักษรของตนเอง มองไปทางหลี่เสี่ยวเสียนและจางหย่วนฉี ก่อนจะพูดว่า “ตัวอักษรของพวกคุณ มันห่วยมาก” เขาหันกลับไปชี้ภาพอักษรของหลี่เสี่ยวเสียนที่ยังวางอยู่บนเวที และตำหนิอย่างตรงไปตรงมาว่า “การเขียนตัวอักษรไม่ใช่การละเล่นของเด็ก ไม่ใช่ใครก็สามารถเขียนได้ เธอลองดูภาพอักษรนี้สิ ตายด้าน เมื่อกี้พิธีกรแนะนำสิ่งนี้ว่าเป็นผลงานการเขียนตัวอักษร? ฉันยอมรับมันไม่ได้ งานแบบนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าการเขียนตัวอักษร การเขียนตัวอักษรไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกคุณคิด”
ผู้อาวุโสสอนชนรุ่นหลัง?
สิ่งนี้เป็นที่เข้าใจได้
แต่ที่สำคัญคือสถานการณ์มันไม่ใช่!
คนก็ไม่ใช่!
หลี่เสี่ยวเสียนรู้สึกอับอายมาก ถูกวิจารณ์จนดวงตาแดงก่ำแล้ว เธอไม่ได้พูดอะไรเพียงกัดริมฝีปากและรับฟังอย่างเงียบๆ
เสี่ยวตงโมโห!
เอมี่ก็โกรธแล้ว!
ฉีเหม่ยหลันมีสีหน้าเย็นชา!
นี่กำลังทำอะไรอยู่?
ไม่ยอมจบสิ้นเหรอ?
เดิมทีจางเย่กำลังเตรียมตัวจะกลับแล้ว แต่เมื่อได้ฟังดังนั้นเขาก็ชะงักนิ่ง และหันไปมองมิยาโมโตะเซ็นเซที่ยืนอยู่บนเวที คิ้วของเขาเลิกขึ้น
แต่มิยาโมโตะเซ็นเซยังคงพูดต่อไป “ระดับการเขียนอักษรของประเทศจีน…”
พิธีกรชาวเกาหลีก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบพูดขัดขึ้นทันที “ยังมี ยังมีของที่จะนำมาประมูลอีกหรือเปล่าครับ? มีอีกไหม?”
เขาเพียงแค่เปลี่ยนหัวข้อ พิธีกรเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครตอบรับ
ผู้คนในงานก็ไม่คิดว่าจะมีใครพูดอะไรแล้ว ปรมาจารย์การเขียนอักษรคนหนึ่ง ภาพเขียนอักษรราคาสูงเทียมฟ้าออกมา ถึงเอาของอะไรมาก็ไม่มีความหมายแล้ว
แต่ทว่า กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“การเขียนอักษรของเสี่ยวเสียนกับเหล่าจางต่างนั้นเป็นของมือสมัครเล่น พวกเธอไม่ได้เป็นคนในวงการด้วยซ้ำ ถ้าคุณอยากจะ ‘แลกเปลี่ยน’ ละก็ โอเค งั้นได้เลย ผมจะแลกเปลี่ยนวิชากับคุณเอง!”
เป็นจางเย่!
คนที่กำลังพูดอยู่คือจางเย่!
หลี่เสี่ยวเสียนตะลึง!
เสี่ยวตงตกใจมาก!
จางหย่วนฉีและฉีเหม่ยหลันมองเขาเขม็ง!
ทุกคนที่อยู่ในงานต่างจ้องมองเขาอย่างมประหลาดใจ!
หมายความว่ายังไง?
หลี่เสี่ยวเสียนและจางหย่วนฉีเป็นมือสมัครเล่น?
แล้วนายเป็นมืออาชีพหรือไง!?
ภาค 10
ตอนที่ 1379
เปิดตัว ‘บทกวีหลานถิงชวี่ [1]’ !
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทุกคนคล้ายยังไม่ได้สติกลับมา!
มิยาโมโตะเซ็นเซก็ตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าท้าทายตัวเอง “นายเป็นใคร?”
ล่ามของทางนั้นช่วยแปล “คุณคือใครครับ?”
จางเย่หัวเราะ “ผู้น้อยแซ่จาง”
เอมี่ “…”
เฉินกวง “…”
เสี่ยวตงที่เพิ่งโกรธแทบตายเมื่อกี้ก็ถูกคำพูดนี้ทำให้ขำ
ล่ามญี่ปุ่นเหงื่อไหล แปลกลับไปหนึ่งประโยค
มิยาโมโตะเซ็นเซสีหน้าไร้คำพูด ผู้น้อย? ใครเขาสุภาพกับนายกัน! แต่หลังจากล่ามกระซิบชื่อเต็มของจางเย่กับเขา ดวงตาของมิยาโมโตะเซ็นเซก็หรี่ลง เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักจางเย่ อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจจางเย่อย่างละเอียด ปีนั้นที่มหาวิทยาลัยเป่ยต้า คนที่พานักศึกษามาด่าพวกเขาก็คือชายคนนี้? อันธพาลแบบนี้ได้เป็นถึงดาราระดับ A ของเอเชีย? เป็นไปได้ยังไง? ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่! คนแบบนี้ยังไม่ถูกประเทศพวกเขาสั่งแบนอีกเหรอ? ทำไมถึงเดินขึ้นมาบนเวทีระดับเอเชียได้? ทำไมถึงยิ่งเดินสูงขึ้นทุกที?
พิธีกรชาวเกาหลีถาม “คุณจางเย่ คุณจะเสนอของประมูลใหม่เหรอครับ?”
จางเย่ไม่แยแส “ถูกต้อง ผมก็อยากเข้าร่วมสนุกด้วย”
พิธีกรชาวเกาหลี “ผลงานอะไรเหรอครับ?”
จางเย่พูดด้วยท่าทางไม่เห็นต้องถาม “ก็ต้องเป็นการเขียนอักษรแน่นอนอยู่แล้ว น่ะสิ ได้ไหม?”
พิธีกรชาวเกาหลี “เอ่อ นี่ แน่นอนว่าได้ครับ”
……
ที่ประเทศจีน
บ้านคุณยาย
“กรี๊ดดด พี่ชายฉันเองค่า!”
“เชี่ย พี่ชายฉันทำไมถึงขึ้นไปได้ล่ะ?”
“เย่น้อยจะทำอะไรเนี่ย?”
“เขาเขียนอักษรได้เหรอ?”
“เขาเขียนได้ แต่ก็แค่เขียนเล่นๆ เฉยๆ นี่?”
……
ที่บ้านเหยาเจี้ยนไฉ
“พ่อคะ รีบมาเร็วเข้า!”
“ทำไมเหรอ?”
“งานเลี้ยงการกุศลเกิดเรื่องแล้ว! ลุงจางลงมือเองแล้ว!”
“เชี่ย ในที่สุดก็เกิดเรื่องจนได้เรอะ? ฉันก็กะไว้อยู่แล้วเชียว ไอ้เด็กนี่ไปต่างประเทศต้องไม่มีเรื่องดีแน่! เขาไปถึงไหนเป็นต้องมีเรื่องถึงนั่น!”
“ไอ้หยา พ่ออย่าซ้ำเติมลุงจางเลย รีบมาดูเถอะ!”
……
บนเวยป๋อ
“เชี่ย รีบไปดูถ่ายทอดสดงานเลี้ยงการกุศลเร็ว!”
“จอมตอกหน้าจางลงมือแล้ว!”
“จะทำอะไรฟะ?”
“มิยาโมโตะเซ็นเซเป็นถึงปรมาจารย์การเขียนอักษรระดับโลกเชียวนะ!”
“แบบนั้นแหละอาจารย์จาง! จัดการเขาเลย!”
“ตาแก่นั่นน่ารำคาญเป็นบ้า!”
“ใช่ ไม่เห็นต้องตำหนิเสี่ยวเสียนขนาดนั้นเลย เสี่ยวเสียนเป็นคนจิตใจดีนะ!”
“ความสามารถด้านการเขียนอักษรของจางเย่ เขาจะไหวไหม?”
“ถึงไม่ไหวก็ต้องขึ้นไป! เรื่องนี้มันยอมไม่ได้แล้ว!”
……
ที่วงการการเขียนอักษรแห่งประเทศจีน
มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนกำลังพูดคุยกัน
“อาจารย์อู๋ นี่มัน…”
“ทำไมจางเย่ถึงขึ้นไปล่ะ?”
“นั่นเป็นถึงมิยาโมโตะเซ็นเซ ผู้ชื่อเสียงด้านการเขียนอักษรเทียบเท่ากับอาจารย์อู๋เชียวนะ!”
“จางเย่คิดอะไรอยู่กันแน่?”
“มีใครเคยเห็นตัวอักษรของจางเย่ไหม?”
“ผมไม่เคยเห็นครับ”
“ผมก็ไม่เคยสนใจมาก่อน”
……
ชาวเน็ตญี่ปุ่น
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“มีเรื่องตลกแน่นอน!”
“ไม่เจียมตัวจริงๆ!”
“เขาเป็นดารานักร้องจะมาเข้าใจอะไรกับการเขียนอักษรกัน?”
……
ชาวเน็ตเกาหลี
“จางเย่คนนี้คือคนที่ร้องเพลง ‘ฝันถึงราชวงศ์ถัง’ นั่นใช่ไหม?”
“เขาก็แค่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนั่นแหละ!”
“ตอนนี้เขายังจะทำอะไรได้อีก?”
“กล้าท้าทายปรมาจารย์มิยาโมโตะเลยงั้นเหรอ?”
“เขาบ้าไปแล้วหรือไง?”
……
หนึ่งกระจายสิบ!
สิบกระจายร้อย!
จำนวนคนที่รู้ข่าวมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูการถ่ายทอดสด เวลานี้จำนวนผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบทวีคูณ จะทำอะไรได้ ไม่ว่าใครก็อยากมาดูเรื่องคึกคักทั้งนั้น ผู้คนทั่วโลกล้วนเป็นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้มีคนจำนวนมากที่ไม่ได้สนใจงานเลี้ยงการกุศล แต่พอทางนี้เกิดเรื่อง ก็ต่างรีบร้อนเปิดการถ่ายทอดสดดู!
จางเสีย
ฟ่านเหวินลี่
เหยาเจี้ยนไฉ
วงการการเขียนอักษรของประเทศจีน
วงการการเขียนอักษรของประเทศญี่ปุ่น
สายตาของคนทั่วเอเชียต่างจับจ้องไปที่นั่น!
……
ภายในงาน
พู่กัน หมึก กระดาษและหินฝนหมึกชุดใหม่ถูกนำขึ้นบนเวที
นี่เป็นคำขอของจางเย่ เขาไม่ต้องการใช้พู่กันและหมึกที่ชาวต่างชาติเคยใช้ไปแล้ว
มิยาโมโตะเซ็นเซเดินไปด้านข้าง ยืนกอดอกยิ้มอย่างเย็นชามองอยู่ตรงนั้น
ด้านล่างเวที
เอมี่ดึงเขาไว้ “จางเอ้อร์ คุยกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ก่อเรื่องน่ะ?”
จางเย่หัวเราะ “ก็แค่แลกเปลี่ยนวิชาเขียนอักษรเอง นี่เรียกว่าก่อเรื่องเหรอ?”
เฉินกวงก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “เขาเป็นปรมาจารย์การเขียนอักษร นายจะไปแลกเปลี่ยนอะไร? นายเอาอะไรไปศึกษากับเขา? นี่มันไม่ใช่ขึ้นไปขายหน้าหรอกเหรอ?”
จางเย่ขำ “ผมเคยขายหน้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
หลี่เสี่ยวเสียนก็พูด “อาจารย์จาง ฉันไม่เป็นไรนะคะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ เขาเป็นปรมาจารย์ด้านการเขียนอักษร จะรับไม่ได้กับตัวอักษรของพวกเรา ก็ให้เขาพูดไปเถอะ คุณ…”
จางเย่กลับพูดว่า “ผมรู้อยู่แก่ใจดี”
จางหย่วนฉียิ้มเล็กน้อย “นายไหวไหม?”
จางเย่ฉีกยิ้ม “แน่นอน”
ฉีเหม่ยหลันก็เดินเข้ามา “การเขียนอักษรของคุณอยู่ระดับไหนกันแน่?”
จางเย่หัวเราะเหอะๆ “ผมพูดเองก็ไม่นับสิ”
เขามีความมั่นใจไหม? ถ้าเป็นสัปดาห์ก่อน เขายังไม่กล้าพูด เพราะในเวลานั้นแม้ว่าเขาจะเคย ‘กิน’ หนังสือทักษะการเขียนอักษรจำนวนมากจนเกือบเต็มแล้ว แต่ระดับกลับไม่นับว่าอยู่จุดสูงสุด แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว การสุ่มลอตเตอรี่ครั้งก่อน สุ่มได้หนังสือทักษะการเขียนอักษรมาได้ไม่น้อย ระดับของการเขียนตัวอักษรจึงต่างไปจากเดิมแล้ว และที่สำคัญคือ ด้วยทักษะการเขียนตัวอักษรที่สมบูรณ์แบบของเขาในตอนนี้ ทำให้เขาที่เดิมทีไม่กล้าเขียนผลงานชิ้นนั้น และไม่สามารถเขียนได้ ในสุดตอนนี้ก็สามารถเขียนได้แล้ว!
หมึก พู่กัน ล้วนเตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว
กล้องจับภาพจางเย่อย่างเตรียมพร้อม ซูมเข้าไปที่เขา
จางเย่หัวเราะทีหนึ่ง จากนั้นก็ถลกแขนเสื้อ พร้อมกับเดินขึ้นเวทีไปอย่างช้าๆ
รอบด้านมีเสียงพูดคุยกันของชาวต่างชาติ
“เขาไม่รู้จริงๆ เหรอว่ามิยาโมโตะเซ็นเซเป็นใคร?”
“ใครจะไปรู้ว่าสตาร์คิงของจีนคนนี้คิดอะไรล่ะ”
“เหอะๆ อีกเดี๋ยวจะมีเรื่องตลกให้ดูกันแน่”
“ฉันจะรอดูว่าเขาจะ ‘แลกเปลี่ยน’ การเขียนอักษรกับปรมาจารย์มิยาโมโตะยังไง!”
แม้แต่นักธุรกิจชาวจีนหลายคนในกลุ่มผู้ชมก็หันมองหน้ากัน
ขณะเดินขึ้นเวที จางเย่ก้มหน้ามองผลงานที่มิยาโมโตะเซ็นเซเพิ่งเขียนเสร็จเมื่อครู่ พอเข้ามาใกล้ก็เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น การเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นนั้นมาจากสายเดียวกับจีน แต่สไตล์ก็แตกต่างกัน ตาแก่นั่นพูดถูก บอกว่าตัวเองอยู่จุดสูงสุดก็ไม่เกินไปเลย
ทั้งศิลปะและลีลา
รูปแบบ
พลัง
ล้วนเป็นเอกลักษณ์ของการเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัดของจีน น่าอัศจรรย์มาก!
ความถือดีของมิยาโมโตะเซ็นเซ ก็คือเขาถือดีในความสามารถของตนเอง!
ด้วยระดับและทักษะเช่นนี้ บางทีหากยังมีนักเขียนอักษรที่เก่งเรื่องการเขียน ‘บรรจงกึ่งหวัด’ อยู่บนโลกนี้ ก็คงไม่มีใครเป็นคู่แข่งของมิยาโมโตะเซ็นเซได้ ส่วนอาจารย์อู๋อาจารย์ซุนจากจีน หรืออาจารย์คิมซุงจีจากเกาหลี พวกเขาต่างไม่ได้มุ่งเน้นการเขียน ‘บรรจงกึ่งหวัด’ จึงย่อมไม่อาจนำมาเทียบกันได้ ในสนามตัวอักษรบรรจงกึ่งหวัดนี้ มิยาโมโตะเซ็นเซยืนอยู่บนจุดสูงสุด ไม่มีใครอยู่สูงไปกว่าเขาอีกแล้ว
‘บรรจงกึ่งหวัด’ เหรอ?
คุณคิดว่าคุณไร้คู่ต่อกรแล้วจริงๆ น่ะเหรอ?
จางเย่ยิ้มแล้ว ไม่ใช่รอยยิ้มธรรมดา แต่เป็นการยิ้มเยาะ!
เขากำลังยิ้มเยาะผู้คนบนโลกนี้ที่สายตาแคบสั้น!
เขายิ้มเยาะลิงที่ทำตัวเป็นเจ้าป่าเมื่อสิงโตไม่อยู่บนเขา!
ตำแหน่งสูงสุดของการเขียนอักษรบรรจงกึ่งหวัด ต้องให้คนญี่ปุ่นมาชี้เป็นชี้ตายตั้งแต่เมื่อไร?
จางเย่หยิบพู่กันขึ้นมา และหลับตาลง หลังจากนั้นก็ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากร่างเขาก็เปลี่ยนไป ราวกับกลายเป็นคนละคน!
ทั้งสายตา!
ท่าทาง!
บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนไปในพริบตา!
มิยาโมโตะเซ็นเซตกตะลึง!
เสี่ยวตงช็อก!
หลี่เสี่ยวเสียนจ้องมองจางเย่ด้วยความประหลาดใจ!
ทุกคนในงานเลี้ยงและผู้ชมที่ดูการถ่ายทอดสดต่างรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน!
อะไรกัน?
เกิดอะไรขึ้น?
พู่กันของจางเย่ตวัดลงกระดาษ คล้ายกับใบไม้ร่วงโรยพลิ้วตามลม!
วินาทีนั้นสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนในเอเชียล้วนจับจ้องอยู่ที่พู่กันของจางเย่ นายต้องการเขียนอะไร? ตัวบรรจง? ตัวหวัด? พวกเขาคิดว่าจางเย่ต้องเลี่ยงการเขียนแบบตัวบรรจงกึ่งหวัดแน่นอน เพราะนี่อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์ตัวจริงอย่างมิยาโมโตะเซ็นเซ
แต่ทว่าเมื่อจางเย่จางเย่เขียนตัวอักษรแรก ทุกคนก็ต้องอึ้ง!
หย่ง 永 !
คือคำว่าหย่ง!
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องตะลึง!
ที่พวกตะลึงก็คือจางเย่ใช้เทคนิคการเขียนแบบตัวบรรจงกึ่งหวัด!
ตัวบรรจงกึ่งหวัด!
ตัวบรรจงกึ่งหวัดอันไม่คาดฝัน!
หลี่เสี่ยวเสียนหัวเราะอย่างขื่นขม “จบแล้ว นี่ นี่มัน…”
เอมี่ไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอ?”
จางหย่วนฉีหลี่ตาลง “คือตัวบรรจงกึ่งหวัด”
เสี่ยวตง “อะไรนะ?”
เฉินกวงเป็นลม “อาจารย์จางโมโหสุดๆ แล้ว!”
ฮั่วตงฟางก็เข้าใจจางเย่ดี “เขาจงใจแน่นอน!”
ต้าฉีก็ตบหน้าผากตนเอง “นิสัยแบบนี้ของอาจารย์จาง ไม่มีใครเหมือนแล้วจริงๆ!”
—————————-
[1] บทกวีหลานถิงซวี่ เป็นผลงานของหวางซีจือ ในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก เขาคือผู้ให้กำเนิดตัวอักษรบรรจงกึ่งหวัด บทกวีหลานถิงซวี่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานอันดับหนึ่งในใต้หล้า เขียนด้วยอักษรหวัดแกมบรรจง ลักษณะอักษรอ่อนช้อย สวยงาม ดั่ง เมฆเคลื่อน น้ำไหล เป็นธรรมชาติ และงานเขียนชิ้นนี้ส่งผลให้เขาได้รับการยกย่องให้เป็น “ซูเซิ่ง”书圣 “ลิปิเทพ” กลายเป็นสุดยอดนักเขียนอักษรของจีนในยุคนั้น
ภาค 10
ตอนที่ 1380
ตัวบรรจงกึ่งหวัดงั้นรึ?
มิยาโมโตะเซ็นเซมีโทสะแล้ว!
ดาราและนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลายคนต่างรู้สึกยินดีกับความเย่อหยิ่งของจางเย่! แข่งขันเขียนอักษรตัวบรรจงกึ่งหวัดกับมิยาโมโตะเซ็นเซ? ทั้งยังเขียนคล้ายตัวอักษรของมิยาโมโตะเซ็นเซอีก? นี่เขาไปเอาความกล้าเทียมฟ้านี้มาจากไหน? ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยหรือไง! ในเมื่อนายเข้าใจการเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัด งั้นทำไมนายถึงไม่รู้ว่า ในสนามการเขียนอักษรตัวบรรจงกึ่งหวัด ทั่วทั้งโลกนี้ไม่มีนักเขียนอักษรคนไหนเทียบเคียงกับมิยาโมโตะเซ็นเซได้แล้ว!
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อยังคงปรากฏบนจอภาพด้านหลัง เมื่อจางเย่เขียนตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่สี่ พวกเขาถึงได้ค้นพบว่า…
สมัยโบราณ!
ถึงกับเป็นการจรดอักษรลงบันทึก!
เชี่ย!
เช่นเดียวกับผลงานเมื่อสักครู่ของมิยาโมโตะเซ็นเซ ที่เขาเขียนคือการจดบันทึกแบบโบราณเหมือนกัน!
สมัยโบราณเหมือนกัน!
ตัวอักษรบรรจงกึ่งหวัดเหมือนกัน!
เป็นการจดบันทึกเหมือนกัน!
นายกำลังยั่วโมโหอยู่เหรอ?
ยั่วโมโหปรมาจารย์การเขียนอักษรชื่อดังระดับโลกเนี่ยนะ?
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลย!
แต่ว่าเวลานี้ขณะที่คนอื่นยังคงสบประมาทจางเย่ที่ไม่เจียมตัว มิยาโมโตะเซ็นเซที่ยืนอยู่ห่างจากจางเย่ไปสี่ถึงห้าเมตรกลับตะลึงค้างไปแล้ว!
คนที่ตะลึงคนต่อมาก็คือนักธุรกิจชาวเกาหลีที่มีความรู้ด้านการเขียนอักษร!
คนที่สามคือหลี่เสี่ยวเสียน เธอช็อกจนตาค้างแล้ว!
จากนั้นเป็นเฉียนไห่เทา คนที่รวยที่สุดในประเทศจีน!
ฝูงชนที่อยู่ในงานต่างตะลึงไปทีละคน!
“เสี่ยวเสียน?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มิยาโมโตะเซ็นเซเป็นอะไรไป?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เหล่าเฉียน? เถ้าแก่เฉียน?”
แต่ละคนกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ทุกคนต่างจ้องเขม็งไปยังกระดาษของจางเย่ด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ!
จางเย่ตวัดพู่กันราวกับกำลังโผบินอย่างเสรี
‘ปีที่ ๙ ในรัชกาลหย่งเหอ ปีกุ๋ยโฉว่ย่างเข้าปลายวสันต์ พบปะสมาคม ณ หลานถิง เมืองซานยิน มณฑลไคว่จี เพื่อฉลองแด่เทศกาลซี่[1] หมู่ปราชญ์เมธีล้วนรวมตัว ผู้เยาว์ผู้ชราร่วมชุมนุม มองไปพบเทือกเขาสูง แลป่าไม้อันสมบูรณ์อุดม ดงไผ่ครึ้มเขียวงามขจี ธาราใสไหลเย็นฉ่ำ ทิวทัศน์งามประชันทั้งซ้ายขวา เล่นลอยจอกสายน้ำคดเคี้ยว[2] นั่งเรียงต่อกันไปใคร่สำราญ แม้ไร้เครื่องดีดสีบรรเลงเพลง ทีละจอกจรดตรงริมปาก กลับให้เบิกบานอยู่ภายใน พอใจนักได้จำนรรจ์’
จางเย่เขียนอย่างใจเย็น พู่กันสะบัดพลิ้วไหว สีหน้าท่าทางแปรเปลี่ยนหลากหลาย
ทั้งเงียบสงบ
ทั้งทอดถอนใจ
ทั้งเจ็บปวด
และปีติยินดี
‘จรดจำ ณ ช่วงเวลา ท้องฟ้าโปร่งกระจ่างใส ลมพัดรื่นเย็นกายา เงยหน้ามองเอกภพไร้สิ้นสุด ก้มลงพบสรรพสิ่งสุดรีจัง สองตาประสานใจเสรี ปริ่มเปรมยามพบสิ่งสุนทรีย์ สุดสำราญเหลือคณา’
ในที่สุดหลี่เสี่ยวเสียนก็ทนไม่ไหวแล้ว!
“สวรรค์!” หลี่เสี่ยวเสียนอุทานด้วยความช็อก!
ฉีเหม่ยหลันตะลึง “นี่ ตัวอักษรพวกนี้…”
จางหย่วนฉียิ้มแล้ว ยิ้มอย่างสดใสเบิกบาน!
เฉินกวงอ้าปากตาค้าง “นี่คือจางเย่เขียนเองเหรอ?”
แม้แต่เจี่ยงฮั่นเวยที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับจางเย่ก็ยังพ่นลมหายใจออกมา!
หลายคนไม่เข้าใจการเขียนอักษร ถึงแม้ว่าจะมีผลงานการเขียนอักษรชั้นครูวางตรงหน้ามากมายก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร มีศิลปะและลีลาชั้นสูงอย่างไร เป็นตัวบรรจงหรือว่าตัวเหลี่ยมแบบโบราณ มีหลายคนไม่รู้อะไรเลย แต่หลังจากเห็นร่องรอยหมึกจากพู่กันของจางเย่ พวกเขาก็ต้องตกตะลึง!
อย่างไร้ที่มาที่ไป!
อย่างไร้เหตุผล!
แม้แต่ตัวพวกเขาเองยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร!
เพียงแค่ตกตะลึงเท่านั้น!
ความตะลึงที่จู่โจมสะท้านถึงจิตวิญญาณ!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้?
ทีมดาราญี่ปุ่นก็อึ้งจนเซ่อ!
“ทำไมกัน!”
“นี่มัน…”
“สวรรค์!”
คนทุกที่อยู่ภายในงานต่างมีสีหน้าตกตะลึง!
จางเย่กลับไม่หยุดแค่นั้น
เขายังคงเขียนต่อ โดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองสีหน้าของผู้คนด้านล่าง
‘เหล่าสหายต่างตามมา พักพิงลงในโลกหล้า เปิดอกเผยความนัย สนทนาในห้องหับ ทั้งวางใจแลไว้ใจ ปล่อยวางเรื่องนอกกาย ละทิ้งเรื่องทั้งหลาย ทั้งยามสงบยามวุ่นวาย เราต่างพบปะอย่างสุขสันต์ แม้เป็นเพียงโมงยามอันแสนสั้น จบลงในพริบตาทว่ายังประทับอยู่ในจิต แต่กลับลืมว่าชราต้องมาเยือน สังขารจึงอ่อนล้าแต่บัดนั้น เมื่อใจมีรักโลดไล่ การใดก็เปลี่ยนผัน ให้สั่นไหวหวาดประหวั่น สิ่งรื่นรมย์แปรเป็นอดีตกาล เนิ่นนานให้ทอดถอนใจ ครุ่นคำนึงอดีตมิอาจหวน ตระหนักว่าชีวิตสั้นยาวแค่เพียงไหน ถึงวาระสุดท้ายต้องสิ้นไป ดังคนโบราณได้กล่าวไว้ “เป็นหรือตายล้วนเรื่องใหญ่” แล้วไยไม่เจ็บปวด!’
……
ที่บ้านเหยาเจี้ยนไฉ
“ตัวอักษรงดงามมาก!”
“พระเจ้า!”
“ลุงจางของหนูถูกวิญญาณเข้าสิงแล้ว!”
……
CCTV
“เทพเจ้า!”
“เชี่ย!”
“จางเย่เป็นเทพไปแล้ว!”
“ตัวอักษรที่ท้าทายสวรรค์!”
“นี่เขาเขียนจริงเหรอเนี่ย?”
……
วงการการเขียนอักษรของประเทศจีน
“อาจารย์อู๋ครับ! นี่มัน…”
“ตัวบรรจงกึ่งหวัดทำไมถึงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณเช่นนี้!”
“บนโลกนี้ยังมีคนที่สามารถเขียนตัวอักษรบรรจงกึ่งหวัดได้ขนาดนี้เชียวหรือ? เป็นไปได้ยังไง! พูดแบบล่วงเกินเลยนะ การเขียนอักษรระดับนี้นักเขียนอักษรสมัยโบราณยังไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้เลย!”
“นี่ก็คือระดับการเขียนอักษรของจางเย่?”
“เขาเรียนมายังไงกันแน่?”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พวกคุณดูคำว่า ‘之จือ[3]’ นั่นสิ!”
“คำว่า ‘จือ’ ตรงท่อนไหน?”
“ทั้งหมดนั่นเลย ดูให้ละเอียดสิ!”
“อะไรกัน? ทำไมถึงเขียนไม่เหมือนกันสักตัวเลยล่ะ?”
“สวรรค์!”
……
ที่วงการเขียนอักษรของประเทศเกาหลีใต้
“อาจารย์คิมคะ คุณคิดว่ายังไง?”
“ไม่รู้สิ”
“หา? ทำไมคุณถึงไม่รู้ละคะ? ตัวอักษรพวกนี้อยู่ระดับไหนกันแน่คะ?”
“การเขียนอักษรระดับนี้ ผมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอให้วิจารณ์ได้หรอก”
“อะไรนะคะ?”
“ผมรู้เพียงว่า บนโลกนี้ได้ให้กำเนิดปรมาจารย์การเขียนอักษรขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว!”
……
วงการการเขียนอักษรของประเทศญี่ปุ่น
“ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่?”
“ดาราในวงการบันเทิงคนหนึ่งครับ”
“เป็นไปไม่ได้! ดาราจะเขียนอักษรออกมาได้ถึงระดับนี้ได้ยังไง!”
“พี่ยามาดะครับ คนนี้กับมิยาโมโตะเซ็นเซ ใครดีกว่ากันเหรอครับ?”
“โคอิคุง นายดูไม่ออกจริงๆ เหรอ?”
“ผม ผม…ผู้ชายคนนี้โผล่มาจากหินก้อนไหนกัน! ทำไมในวงการการเขียนอักษรไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน!”
……
ภายในงาน
เงียบสงบ!
มีเพียงความเงียบงันเท่านั้น!
ทุกคนต่างจ้องมองบนเวทีด้วยความตะลึง ยิ่งมองก็ยิ่งอึ้งงัน!
มีเพียงมิยาโมโตะเซ็นเซเท่านั้นที่แตกต่าง เพราะเขามองเห็นได้ชัดเจนกว่าคนอื่น!
คำว่า ‘จือ’!
ในสายตาเขาล้วนมีแต่คำว่า ‘จือ’!
ตัวแรก : ‘ย่างเข้าปลายวสันต์’ จุดด้านบนเอียงนอน เส้นขีดแรกมุมปลายหนาอย่างเห็นได้ชัด มุมกลางเบี่ยงซ้ายชะงักไว้เป็นจุดทึบ และลากจรดปลายพู่กันค้างไว้ตรงส่วนหาง
ตัวที่สอง : ‘พบปะสมาคม ณ หลานถิง ’ เส้นขีดแนวนอนทับซ้อนเหมือนเป็นเส้นเดียวกัน มีลายขีดเส้นเล็กอันคมชัดเชื่อมต่อกับเส้นล่าง และลากพู่กันตวัดขึ้นเป็นเส้นบางในส่วนหาง
ตัวที่สาม : ‘แม้ไร้เครื่องดีดสีบรรเลงเพลง’ จุดด้านบนคล้ายหัวห่าน เส้นขีดแรกยกขึ้นเล็กน้อยและหักลงมาอย่างเห็นได้ชัด มุมกลางหมุนลากลงมา ส่วนหางโค้งหวัดลงข้างล่าง
ตัวที่สี่!
ตัวที่ห้า!
ตัวที่หก!
ไม่เหมือนกัน!
ทุกตัวล้วนไม่เหมือนกัน!
เทคนิคการเขียนราวกับเทพเจ้ารังสรรค์!
มิยาโมโตะเซ็นเซจ้องคำเหล่านั้นจนดวงตาจะถลนออกมาแล้ว!
นี่คือบทกวีอะไรกันแน่?
นี่คือการเขียนอักษรอะไรกันแน่?
จางเย่ยิ่งเขียนยิ่งรวดเร็ว ข้อมือของเขาตวัดฉวัดเฉวียน พลิ้วไหวไม่สิ้นสุด
‘ทุกคราคำนึงถึงคนอดีต ช่างเหมือนพ้องต้องกันไม่มีผิด ล้วนเป็นความอันแสนรันทด อดมิได้ต้องทอดถอนใจ ผู้คนควรตระหนักทราบแก่ใจ อันความเป็นตายนั้นคือมายา อายุสั้นยาวล้วนมิเป็นสาระ คนโบราณเห็นคนปัจจุบัน ดุจคนปัจจุบันเห็นคนอดีต อนิจจา! พวกเราที่มาร่วมกันเสวนา บันทึกไว้เพื่อเล่ากล่าวขาน แม้นการณ์ในโลกจักเปลี่ยนแปร ทว่ามนุษย์กลับมิแปรเปลี่ยน หากชนรุ่นหลังอ่านบันทึกนี้ ย่อมมีความนึกรู้ประดุจเดียวกัน’
ลงนาม
วางพู่กัน
ทุกอักษรตวัดครบบรรจบในคราวเดียว
จางเย่สูดลมหายใจเข้าลึก อารมณ์ถึงค่อยสงบลงอย่างช้าๆ พอตอนนี้เขาถึงได้มองเห็นผู้คนด้านล่างเวที ทั้งมิยาโมโตะเซ็นเซ เสี่ยวตง เอมี่ จางหย่วนฉี เฉินกวง หนิงหลัน นักธุรกิจชาวจีน นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ทีมดาราจางเกาหลี แม้แต่ตากล้องและพิธีกร ทุกคนต่างตกตะลึงตาค้างอยู่ตรงนั้น!
นี่ก็คือ ‘หลานถิงซวี่’!
ผลงานเขียนอักษรอันดับหนึ่งในใต้หล้า!
———————————————
[1]เทศกาลซี่ เวลาที่บวงสรวงเพื่อขจัดวิญญาณชั่วร้ายในฤดูวสันต์และฤดูศารท
[2]การเล่นลอยจอกบนสายน้ำคดเคี้ยว คือเกมการละเล่นของนักปราชญ์ จอกลอยไปถึงใครก็ต้องเขียนบทกวี แล้วลอยต่อไปที่ใครก็ต้องแต่งทำนองประลองปฏิภาณกวี
[3] 之 จือ เป็นภาษาหนังสือ สามารถมีความหมายได้หลายแบบแล้วแต่รูปประโยค เป็นทั้งสรรพนามแทนตัวบุคคล และศัพท์เสริมน้ำเสียง หรืออาจจะไม่ได้หมายถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ดังนั้นเนื้อหาในบทกวีบางส่วน ผู้แปลจึงแปลคำนี้ในความหมายที่แตกต่างกันไปตามรูปประโยคจะอำนวย
ภาค 10
ตอนที่ 1381
‘หลานถิงซวี่’ กับราคาประมูลสูงเสียดฟ้า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสร็จสมบูรณ์!
ทั้งหมดสามร้อยยี่สิบสี่ตัวอักษร!
ทั้งสุขและทุกข์ในเวลาเดียวกัน!
จากความสงบสู่ความผันผวน!
จากความปั่นป่วนหวนคืนสู่ความเงียบ!
สะบัดขึ้นลงพลิ้วไหว สวยงามไพเราะ!
ทุกคำราวกับคลื่นโหมซัดสาด!
ทุกคำสร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึง!
วินาทีนี้ทั้งงานไม่มีใครพูดจา!
วินาทีนี้การถ่ายทอดสดทั่วเอเชียล้วนเงียบงัน!
ทุกคนเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ประหนึ่งคำพูดนับพันก็ไม่อาจแสดงถึงความตระหนกของพวกเขาได้ ราวกับว่านี่คือการเขียนตัวอักษรจากสวรรค์ ไม่รู้ว่ามีปัญหาใด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใด ถึงได้ปล่อยให้อักษรเหล่านี้ร่วงหล่นลงมา สร้างความตื่นตะลึงให้แก่โลกมนุษย์!
ในโลกเดิมของจางเย่มีไม่กี่อย่างที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ใครคือมือหนึ่งด้านหมากล้อม? นี่เป็นที่ถกเถียงกันมากเพราะมีเยอะจนเลือกไม่ถูก! ใครคือนักวาดภาพวาดหมึกจีนอันดับหนึ่ง? ทุกคนอาจมีตัวเลือกไว้ในใจ แต่ก็ไม่สามารถตัดสินได้! ใครคือเจ้าแห่งบทกวี? หลี่ไป๋? ตู้ฝู่? มีมากมายเกินไป ไม่มีใครกล้าด่วนสรุป! แต่มีเพียงการเขียนอักษรเท่านั้น ที่ทุกคนยอมรับว่าหวางซีจือคืออันดับหนึ่ง!
หวางซีจือ!
‘หลานถิงซวี่’!
ผลงานการเขียนอักษรบรรจงกึ่งหวัดอันดับหนึ่งในใต้หล้า!
ไร้ข้อโต้แย้ง!
และไม่มีใครอาจเป็นที่สองได้!
แต่เห็นได้ชัดว่าในโลกนี้ไม่มีใครรู้จักว่าหวางซีจือ ไม่มีใครเคยได้ยินถึงเกียรติภูมิของ ‘หลานถิงซวี่’ มาก่อน ดังนั้นเมื่อจางเย่หยิบผลงานนี้ออกมา เมื่อเขาเขียนผลงานที่สร้างความตื่นตะลึงแก่โลกนี้ได้ ทุกคนต่างก็หวาดผวา ทุกตัวอักษร ทุกลายเส้นทำให้ทุกคนช็อกจนต้องอ้าปากตาค้าง ควบคุมตัวเองไม่ได้!
เสี่ยวตงเรียกอย่างมึนงง “เสี่ยวเสียน”
หลี่เสี่ยวเสียน “หืม”
เสี่ยวตง “การเขียนอักษรนี้อยู่ระดับไหนกันแน่เหรอ?”
หลี่เสี่ยวเสียนเงียบไป ไม่รู้จะตอบยังไง เธอคิดนานมากจึงค่อยให้คำวิจารณ์ที่คิดขึ้นเองว่า “ผลงานนี้ควรมีอยู่บนสวรรค์เท่านั้น!”
เอมี่รีบร้อนถาม “เทียบกับมิยาโมโตะเซ็นเซล่ะ?”
เฉินกวงก็ถาม “ใช่ ใครดีกว่ากัน?”
คนที่อยู่รอบด้านก็กำลังพูดคุยกัน
กลุ่มนักธุรกิจชาวจีน
“ใครชนะ?”
“การเขียนอักษรของใครดีกว่ากันแน่?”
“ใช่ ใครก็ได้พูดอะไรหน่อยสิ!”
“อย่าเอาแต่เงียบ ใครพอจะรู้เรื่องบ้าง?”
“มีใครเข้าใจการเขียนอักษรบ้าง?”
“ใครก็ได้มาวิเคราะห์หน่อยได้ไหม?”
แน่นอนว่ามีคนที่เข้าใจการเขียนตัวอักษร แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็มีไม่น้อย แต่พอได้ยินคำถามนี้พวกเขาต่างก็ขี้เกียจตอบ ใครดีกว่า? พอเห็นผลงานของจางเย่แล้วพวกนายยังถามอีกเหรอว่าใครดีกว่า? นี่ไม่ใช่ว่าพวกนายกำลังด่าคนอื่นอยู่เรอะ? พวกนายไม่เห็นเหรอว่ามิยาโมโตะเซ็นเซไม่พูดอะไรสักคำ? การเขียนอักษรของจางเย่กับมิยาโมโตะเซ็นเซมันเทียบกันไม่ได้สักนิด!
นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?
ยังสงสัยอีกเหรอ?
เมื่ออยู่ต่อหน้า ‘หลานถิงซวี่’ โลกนี้ก็ไม่มีการเขียนอักษรบรรจงกึ่งหวัดอื่นใดอีกแล้ว!!
พิธีกรชาวเกาหลีมองดูผลงานจางเย่อย่างเซ่อซ่า
จางเย่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
พิธีกรจึงได้มีสติกลับมา รีบพูดว่า “อ่า งั้นตอนนี้เริ่มการประมูลได้เลยครับ อาจารย์จางเย่ ผลงานการเขียนอักษรนี้ชื่อ…”
จางเย่หัวเราะ “หลานถิงซวี่”
พิธีกรชาวเกาหลีประกาศทันที “ทุกท่าน หลานถิงซวี่เสนอราคา…”
แต่ไม่รอให้เขาพูดจบ ด้านล่างเวทีก็มีคนตะโกนขึ้น!
“หนึ่งล้าน!” คนที่เสนอราคาก็คือนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง!
เถ้าแก่ร่างท้วมชาวเกาหลีถึงกับลุกขึ้นยืน “หนึ่งล้านสองแสนดอลลาร์!”
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นอีกคนจ้องเขม็ง “สองล้าน!”
ทุกคนตะลึงจนหน้าถอดสี!
เสี่ยวตงเป็นลม “สวรรค์!”
เอมี่กะพริบตา “นำแล้ว! นำไปแล้ว!”
เฉินกวงก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก “สองล้านดอลลาร์เหรอ?”
ต้าฉีร้องอย่างยินดี “สุดยอด! สุดยอดไปเลย!”
เพิ่งจะเสนอราคาเป็นครั้งที่สามเท่านั้น!
เสนอราคาครั้งที่สามก็สูงถึงสองล้าน!
เกินกว่าราคาซื้อขายสูงสุดของมิยาโมโตะเซ็นเซไปแล้ว!
อีกทั้งยังเป็นพวกนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นและเกาหลีที่เพิ่งหัวเราะให้จางเย่?
แต่พวกเขาก็ต้องตกใจยิ่งกว่า เพราะวินาทีต่อมากลุ่มนักธุรกิจชาวจีนที่เพิ่งคืนสติต่างก็ถกแขนเสื้อและกระโจนมาเสนอราคาทันที!
“สองล้านหนึ่งแสน!”
“สองล้านสี่แสน!”
“สองแสนเก้าแสน!”
“สามล้าน!”
“สามล้านห้าแสน!”
“ห้าล้าน!!”
ราคาขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ!
ราคาประมูลยิ่งมายิ่งน่าตกใจ!
พุ่งขึ้นไปแทบจะทีละล้านแล้ว!
เถ้าแก่ซุนร้อนใจแล้ว “เหล่าฉู่ นายจะแย่งกับฉันทำไม!”
เถ้าแก่ฉู่กลอกตา “ใครดีใครได้!”
เขายกป้าย “หกล้าน!”
เถ้าแก่หานที่อยู่ด้านข้างประสานมือขึ้นมา “ทุกท่าน ผมอายุมากกว่าพวกท่านทุกคน ขอเรียกทุกท่านว่าน้องชายสักคำ ครั้งนี้น้องชายทั้งหลายช่วยไว้หน้า ยกผลงานการเขียนอักษรนี้ให้กับพี่ชายคนนี้ได้หรือไม่?”
เถ้าแก่ฉู่ไม่ยินยอม “พี่หาน นี่มันไม่ได้หรอกครับ!”
เถ้าแก่หาน “ธุรกิจครั้งก่อน ฉันยอมให้นายไหม?”
เถ้าแก่ฉู่อับอาย “ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ การประมูลก็ส่วนการประมูลสิครับ!”
เถ้าแก่ซุน “ถูกต้อง! ใครเสนอมากกว่าคนนั้นก็ได้! เรื่องนี้ยอมให้กันไม่ได้เด็ดขาด!”
เขาก็ยกป้ายขึ้นมา “เจ็ดล้าน!”
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตะโกน “เจ็ดล้านห้าแสน!”
บ้าไปแล้ว!
ภายในงานต่างคลุ้มคลั่ง!
……
ประเทศญี่ปุ่น
ณ ที่แห่งหนึ่ง
“คุณท่าน”
“ใครอยู่ที่งานน่ะ?”
“คุณมัตสึดะอยู่ที่นั่นค่ะ”
“โทรไปหาเขา เอาผลงานนั้นมาให้ได้!”
“รับทราบค่ะ!”
……
ประเทศเกาหลี
“รีบโทรศัพท์เร็ว!”
“ครับ!”
“บอกประธานปาร์ค! ช่วยผมประมูล ‘หลานถิงซวี่’ มาให้ได้!”
“แล้วเรื่องราคา…”
“ทุ่มได้ไม่อั้น!”
“เข้าใจแล้วครับ!”
……
ประเทศจีน
บ้านคุณยายจางเย่
“สวรรค์!”
“พวกเขากระตือรือร้นอะไรกันน่ะ?”
“ตัวอักษรของพี่ชายฉันมันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“นี่ นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว!”
“ไม่ได้การ ฉันต้องรีบกลับบ้านแล้ว!”
“เมิ่งเมิ่ง เธอจะไปทำไม? กำลังดูการถ่ายทอดสดกันอยู่นะ!”
“เชี่ย ฉันจะรีบกลับบ้านไปหาสมุดแบบฝึกหัดเมื่อสองปีก่อนน่ะสิ! พี่ชายฉันเคยเขียนการบ้านให้ฉัน! หลายคำด้วย! มันจะได้เงินเท่าไรกันนะ? ถ้าฉันเอามันมาขายได้ จากนี้ก็ไม่ต้องไปเรียนแล้ว!”
“เฮ้ย! ฉันนึกออกแล้ว พี่ชายก็เคยเขียนสมุดแบบฝึกหัดให้ฉันเหมือนกัน! รวยแล้ว! พวกเรารวยแล้ว!”
น้องสาวทั้งหลายต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมาก!
พวกผู้ใหญ่ในครอบครัวได้แต่ร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก!
……
ภายในงาน
การประมูลยังคงดำเนินต่อไป!
ราคาสูงถึงสิบล้านดอลลาร์อย่างน่าเหลือเชื่อ!
คงได้แค่ใช้คำว่าบ้าคลั่ง!
ส่วนตัวจางเย่นั้นเดินกลับไปยังที่นั่ง และร่วมชมการประมูลกับทีมดาราจีนตั้งนานแล้ว
“สิบห้าล้าน!”
“สิบเจ็ดล้าน!”
“ฉันเสนอยี่สิบล้าน!”
“ฉันขอเสนอยี่สิบห้าล้าน!”
เถ้าแก่ซุนยิ้มอย่างขมขื่น เขาวางป้ายประมูลไว้ ไม่สู้ราคาแล้ว เงินทุนของเขายังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นนั้น หลักหนึ่งร้อยล้านหยวนขึ้นไปก็เข้าเนื้อของเขาแล้ว
ทางด้านนั้นเถ้าแก่ฉู่และเถ้าแก่หานยังคงต่อสู้กับนักธุรกิจจากญี่ปุ่นเกาหลีอยู่!
“เชี่ย! ยี่สิบหกล้าน!”
“ยี่สิบเก้าล้าน!”
“สามสิบล้าน!”
ตอนนั้นเองเถ้าแก่ซุนก็ได้รับโทรศัพท์ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากวางสายก็ชูป้ายเสนอราคาแบบไม่แม้แต่จะคิด “สามสิบสองล้านดอลลาร์!”
เถ้าแก่ฉู่ตกใจหน้าถอดสี “เหล่าซุน คุณดื่มมากไปหรือเปล่า?”
เถ้าแก่หานก็โมโหแล้ว “ไหนนายบอกว่าจะไม่สู้แล้วไง?”
เถ้าแก่ซุนยกโทรศัพท์ขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “เหล่าโจวโทรมา เขามาที่งานไม่ได้ เลยวานให้ผมช่วยเขาประมูลหน่อย”
เถ้าแก่ฉู่ร้อนใจ “เหล่าโจวนี่มัน เขาจะก่อกวนไปถึงไหน!”
การแข่งขันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น!
ตอนนี้เข้าขั้นดุเดือดใกล้ระเบิดแล้ว!
นายตามฉันหนี ราคายิ่งพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ!
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประเทศจีน ทั้งสามฝ่ายต่างเปิดฉากฆ่าฟันกันอย่างดุดัน พอเห็นราคาที่ขยับขึ้นสูงจนเสียดฟ้า คนจำนวนมากต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น!
“สี่สิบเอ็ดล้าน!”
“สี่สิบสองล้าน!”
เสี่ยวตงเช็ดเหงื่อ!
เอมี่ช็อกค้าง!
ฉีเหม่ยหลันตกตะลึง!
บ้าไปแล้ว!
นี่คิดจะถวายชีวิตกันเลยหรือไง!?
แต่ว่าขณะนี้เองก็มีนักธุรกิจหลายคนเริ่มลังเล การเสนอราคาจึงขยับขึ้นทีละน้อยลง!
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น!
“ฉันเสนอหนึ่งร้อยล้าน!”
ผู้คนในงานพลันเงียบเสียงลง!
ทุกคนมองเจ้าของเสียงด้วยความตกใจ!
หนึ่งร้อยล้าน?
หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์!?
เป็นเฉียนไห่เทา!
ชายที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศจีน!
เถ้าแก่ซุนยิ้มขื่น
เถ้าแก่หานถอนหายใจ
ใบหน้าของนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนสี ไร้คำพูดจา!
นักธุรกิจชาวเกาหลีลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็หยุด แล้ววางป้ายประมูลลงด้วยความโมโห!
พิธีกร “หนึ่งร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง ยังมีคนจะเสนอราคาอีกไหมครับ? หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สอง? ยังมีอีกไหม? ยังมีคนอยากเสนอราคาไหมครับ? หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สาม!”
การสรุปขั้นสุดท้าย!
การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์!
ภาค 10
ตอนที่ 1382
การเขียนอักษรของจางเย่ถูกยกขึ้นหิ้ง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในอินเทอร์เน็ตระเบิดแล้ว!
ประชาชนญี่ปุ่นตะลึง!
ประชาชนเกาหลีช็อก!
ประชาชนจีนโง่งม!
ผู้คนทั่วทั้งเอเชียเซ่อซ่าไปแล้ว!
“เท่าไร?”
“เขาบอกว่าเท่าไรนะ?”
“หนึ่งร้อยล้านเหรอ? ดอลลาร์?”
“นั่นมันตั้งหกเจ็ดร้อยล้านหยวนเลยนะ?”
“เชี่ยแม่ง! มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ถึงจะเป็นผลงานชิ้นเอกสมัยโบราณ หรือผลงานต้นฉบับการเขียนตัวอักษรที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ยังถือว่ามากเกินไป ไม่เคยมีการประมูลครั้งไหนสูงเท่านี้มาก่อน! ‘หลานถิงซวี่’ นับเป็นอะไรได้? เพิ่งเขียนมันออกมาวันนี้เองนะ! ไม่มีการตกตะกอนทางประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ! ร้อยล้านดอลลาร์? ล้อกันเล่นหรือเปล่า? ผลงานของจางเย่ชิ้นนี้ คู่ควรกับราคานี้จริงๆ เหรอ? พระเจ้า!”
“ตัวอักษรของอาจารย์อู๋ยังไม่ได้ราคานี้เลยนะ!”
“อะไรเรียกว่าไม่ได้ราคานี้? มันห่างไกลกันฟ้ากับดินเลยต่างหาก!”
“อืม ผลงานการเขียนที่แพงที่สุดของอาจารย์อู๋ยังประมูลได้แค่แปดล้านหยวนเอง! ห่างจากเจ็ดร้อยล้านหยวนเกือบร้อยเท่าเชียวนะ!”
“เชี่ย ร้อยเท่า?”
“จริงด้วย!”
“มิยาโมโตะเซ็นเซก็ห่างไกลลิบเลย! ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว!”
“นักเขียนตัวอักษรสมัยใหม่ รวมทั้งอาจารย์ที่มีชีวิตและอาจารย์ผู้ล่วงลับทั้งหมด ก็ไม่เคยได้ราคานี้ นี่มันยิ่งกว่าราคาสูงทะลุฟ้า แต่สูงไปถึงจักรวาลแล้ว!”
“จางเย่สุดยอดไปเลย!”
“สั่นสะเทือนทั้งเอเชีย!”
“หมอนี่มันร้ายกาจมาก!”
“ครั้งนี้ตอกหน้าได้เหี้ยมโหดสุดๆ! เล่นซะหน้าบวมช้ำไปเลย!”
“อาจารย์มิยาโมโตะน้ำตาคลอเบ้าแล้ว!”
“อาจารย์มิยาโมโตะตกใจจนฉี่ราดแน่!”
“ใช่สิ ใครแม่งจะเคยเห็นผลงานการเขียนอักษรที่ราคาสูงขนาดนี้?”
……
ที่บ้านคุณยายจางเย่
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด
“กรี๊ดดดด!”
“หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์!”
“ดังแล้ว!”
“พี่ชายเราจะดังอีกครั้งแล้ว!”
……
ที่บ้านจางเสีย
ลูกสาวเธอตกใจตาค้าง
จางเสียก็ตะลึงอ้าปากค้าง!
ลูกสาว “แม่คะ เมื่อก่อนอาจารย์จางเคยส่งภาพเขียนอักษรให้แม่ด้วยใช่ไหม?”
จางเสียชะงัก “เหมือนจะใช่นะ แม่เคยขอเขา”
ลูกสาวเธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที รีบร้อนตะโกนว่า “อยู่ไหนคะ? วางไว้ที่ไหน?”
“ลูกจะทำอะไรน่ะ?” จางเสียถาม
ลูกสาวเธอตอบกลับทันที “หนูจะไปเอาออกมาไงคะ!”
……
บ้านคุณอู๋
“ฉางเหอ”
“อ่า”
“ทำไมตัวอักษรของเย่น้อยถึงมีคุณค่ามากขนาดนี้ล่ะ!”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ!”
……
ที่บ้านเหยาเจี้ยนไฉ
เหยาเจี้ยนไฉพลันพูดขึ้น “ตัวอักษรที่จางเอ้อร์เคยให้ผมไว้ล่ะ?”
ภรรยาเขาสะดุ้ง “ฉันเก็บไว้ในกล่อง ทำไมเหรอ?”
“ในกล่องเหรอ?” เหยาเจี้ยนไฉโมโห “เธอนี่มันไม่รู้จักคุณค่าเลย! ถ้ามันขาดหรือยับขึ้นมาจะทำยังไง!”
เหยามี่ก็ร้อนใจ “แม่คะ รีบไปเอาออกมาเถอะค่ะ! รีบไปเอาออกมาเร็วเข้า! นี่จะเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวเรานับจากนี้! เร็วๆ เลยค่ะ!”
ทั้งสามคนรีบไปค้นตู้รื้อกล่องทันที!
……
โลกภายนอกต่างโกลาหลแล้ว!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับราคาผลงานเขียนอักษรของจางเย่ที่สูงทะลุฟ้า!
ผู้คนในวงการการเขียนตัวอักษรของเอเชียต่างรีบค้นหาบันทึกการประมูลในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จากนั้นก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า บทกวี ‘หลานถิงซวี่’ นี่คือประวัติการณ์!
หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์!
สถิติการประมูลสูงสุดของการเขียนตัวอักษรระดับเอเชีย!
และคือราคาสูงสุดในการประมูลของการเขียนอักษรระดับโลก!
หนึ่งเดียวเท่านั้น!
‘หลานถิงซวี่’ ได้กลายเป็นผลงานการเขียนตัวอักษรที่ราคาแพงที่สุดในโลก อีกทั้งผลงานการเขียนตัวอักษรนี้ไม่ได้เขียนโดยอาจารย์อู๋ และไม่ได้มาจากอาจารย์มิยาโมโตะ แต่มาจากดาราในวงการบันเทิงคนหนึ่ง สตาร์คิงของประเทศจีน ผู้มีอิทธิพลระดับ A ของเอเชียคนหนึ่งเท่านั้น!
ช่วงเวลานี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์!
ในขณะนี้ผลงานการเขียนตัวอักษรของจางเย่ถูกยกขึ้นสู่หิ้งบูชา!
แทบจะในเวลาเดียวกัน เวทีการค้ารายใหญ่ทั่วเอเชียก็เดือดพล่าน เพราะถูกข่าวการซื้อขายในครั้งนี้ปั่นป่วนไปทุกหนแห่ง!
แพลตฟอร์มการซื้อขายงานเขียนตัวอักษรและภาพวาดของญี่ปุ่น
“รับซื้อผลงานการเขียนอักษรของจางเย่!”
“ใครมีผลงานการเขียนอักษรของจางเย่ไหม? รับซื้อในราคาสูง!”
“หากมีผลงานการเขียนอักษรของจางเย่ สามารถกำหนดราคาได้ตามความพอใจ ตกลงกันได้!”
ฟอรั่มแห่งหนึ่งในเกาหลี
“รับซื้อราคาสูง!”
“ตามหาตัวอักษรของจางเย่ ด่วนด่วนด่วน!”
และโดยเฉพาะในประเทศจีน
“ฉันจำได้ว่าจางเย่มีผลงานเยอะมากเลยนะ?”
“ใช่แล้ว เหยียนเหมยก็มีแผ่นหนึ่ง!”
“ใช่ เธอเคยขอจางเย่ตอนไปสัมภาษณ์เขานี่นา!”
“ยังมีใครอีก?”
ตอนนั้นเองเหยียนเหมยก็โพสต์บทกลอนที่จางเย่เคยให้เธอลงบนเวยป๋อ
มีคนจำนวนมากตะโกนอยู่ในช่องคอมเมนต์
เถ้าแก่บริษัทขายของเล่นคนหนึ่ง “อาจารย์เหยียน ขายไหมครับ?”
ประธานอุตสาหกรรมด้านการโรงแรมแห่งหนึ่ง “เหล่าเหยียน เสนอราคามาเลย!”
“หนึ่งล้านหยวน!”
“ผมให้สามล้าน!”
“ห้าล้าน ขายไหมครับ?”
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ผลงาน ‘ตัวบรรจงกึ่งหวัด’ ที่จางเย่เพิ่งเขียนในงานประมูลการกุศล แต่กลับได้รับการเสนอราคาที่สูงมาก นักธุรกิจและลูกนักการเมืองที่ร่ำรวยหลายคนต่างควานหา!
เหยียนเหมยพิธีกรสาวของ CCTV ก็ตกใจอย่างมาก เชี่ย แพงขนาดนี้เลยเหรอ? เธอรีบลบข้อความในเวยป๋ออย่างรวดเร็ว และโพสต์ข้อความต่อว่า “แค่อยากโชว์เฉยๆ ค่ะ ไม่ขาย”
จางเย่โด่งดังแล้ว!
ตัวอักษรของเขาก็ดังไปด้วยเช่นกัน!
พริบตาเดียวก็ถูกดันขึ้นฟ้าไปแล้ว!
แม้แต่ในเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ ลายเซ็นของจางเย่ก็ถูกเสนอราคาด้วย!
“มีคนอยากได้ลายเซ็นของจางเย่ไหม?”
“ต้องการเท่าไร?”
“หนึ่งแสน!”
“หา? ลายเซ็นเดียวราคาหนึ่งแสนเลยเหรอ?”
“นี่คือตัวอักษรของจางเย่เชียวนะ!”
ทุกคนต่างหมดคำพูด!
“พรูด!”
“บ้า พวกแม่งบ้าไปแล้ว!”
“ตอนนี้หนึ่งตัวอักษรของหมอนี่มีค่าหนึ่งพันทองคำแล้ว!”
“ไอ้หยา ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจะไปนอนเฝ้าหน้าประตูของจางเย่ทุกวันเพื่อขอลายเซ็นเขาให้ได้!”
……
ณ กรุงโซล
ภายในงานประมูลการกุศล
เถ้าแก่หานพูดด้วยความอิจฉา “เหล่าเฉียน ยินดีด้วยนะ”
เฉียนไห่เทาผู้ร่ำรวยที่สุดของจีนหัวเราะเสียงดัง “ขอบคุณ”
เถ้าแก่ซุนกลอกตา “มีเวลาผมจะไปศึกษาที่บ้านคุณ คุณอย่าห้ามไม่ให้ผมดูล่ะ”
เฉียนไห่เทา “ฮ่าๆ ยินดี ยินดี”
ชัดเจนว่าเฉียนไห่เทาเองก็ตื่นเต้นมาก เขาชอบตัวอักษรแผ่นนี้จริงๆ ชอบจนเข้ากระดูก ดังนั้นจะเสียเงินเท่าไรเขาก็ยินยอม เพราะอย่างไรก็ไม่ได้ขาดเงิน ทว่านี่คือสมบัติของชาติ แม้ตอนนี้ยังไม่ใช่ว่ แต่อีกหลายปีต้องใช่อย่างแน่นอน! ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยบทกวี ‘หลานถิงซวี่’ แผ่นนี้ตกอยู่ในมือชาวต่างชาติได้เด็ดขาด!
นักธุรกิจญี่ปุ่นมีสีหน้าเสียดายอย่างมาก!
นักธุรกิจเกาหลีใต้ก็แสนเสียใจ!
พวกเขาพลาด ‘หลานถิงซวี่’ ไปต่อหน้าต่อตา!
ทางด้านหนึ่ง
ทีมดาราจากประเทศจีน
เอมี่เย้าแหย่จางเย่ “ท่านปู่จาง เทพจริงๆ! ท่านช่างเทพสุดๆ ไปเลย!”
ต้าฉีก็ยอมจำนน “ที่แท้การเขียนอักษรของคุณก็ร้ายกาจถึงขนาดนี้!”
หลี่เสี่ยวเสียน “ราคาสูงมาก นี่มันราคาสูงทะลุฟ้าจริงๆ!”
เสี่ยวตง “ดูสิ อาจารย์จางตาแดงเลย เขาคงไม่คิดว่าตัวอักษรจะประมูลได้ราคานี้แน่ๆ”
เอมี่ “ใช่แล้วใช่แล้ว อาจารย์จางตื่นเต้นมากเลยล่ะสิ ในที่สุดการเขียนตัวอักษรของเขาก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกแล้ว! เป็นใครจะไม่ตื่นเต้นล่ะ?”
ตื่นเต้น?
ได้รับการยอมรับ?
จางเย่หลั่งน้ำตาออกมาอย่างฉับพลัน!
ฉันแม่งตื่นเต้นที่ไหน!
ฉันแม่งอยากได้รับการยอมรับที่ไหนกัน!
ที่ไอ้บ้านี่ตาแดงเป็นเพราะเหตุผลพวกนี้เสียเมื่อไร เขาเสียดายเงินต่างหาก!
หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์!
หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เชียวนะ!
เชี่ยแม่งเอ๊ย!
ถ้าฉันรู้ว่าฉันสามารถขายได้เงินเยอะขนาดนี้ ฉันแอบเขียนมันที่บ้านแล้วเอาไปประมูลเองไม่ดีกว่าเหรอ! ฉัน ฉันจะมาเสแสร้งทำเรื่องไร้สาระอยู่ตรงนี้ทำไมกัน!
ภาค 10
ตอนที่ 1383
อันดับในทำเนียบดาราระดับเอเชียของจางเย่!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ท้องฟ้ามืดลง
สิ้นสุดการถ่ายทอดสด
งานเลี้ยงการกุศลจบลงแล้ว
ผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงของสภากาชาดแห่งเอเชียเดินเข้ามาคว้าจับมือของจางเย่ เขารู้สึกตื่นเต้นมากจนตัวสั่นไปหมด
ผู้รับผิดชอบงานเลี้ยง “อาจารย์จางครับ!”
จางเย่ “ครับ”
ผู้รับผิดชอบงานเลี้ยง “ขอบคุณครับ! ขอบคุณ!”
จางเย่ “อ่า ไม่ต้องเกรงใจครับ”
ผู้รับผิดชอบงานเลี้ยง “ขอบคุณมากครับ! ขอบคุณมากจริงๆ!”
จางเย่ “ยินดีครับ เพื่อการกุศลนี่ครับ”
ไม่มีใครรู้ว่าประโยคนี้จางเย่ต้องกัดฟันพูดออกมาแค่ไหน
ผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงตื่นเต้นจนพูดสะเปะสะปะ “หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เลยนะ ผลงานการบริจาคของคุณ พวกเราจะไม่ลืมเลือนไปชั่วชีวิต ผู้คนทั้งเอเชียจะจดจำความเมตตาของคุณและคุณเฉียนตลอดไป! ยอดบริจาคในวันนี้เกินความคาดหมายมาก พวกเราไม่กล้าจินตนาการเลยครับ! เมื่อครู่เจ้าหน้าที่สภากาชาดของเราถึงกับน้ำตาคลอ แม้ว่าจะเอาราคาประมูลทั้งหมดของเราในช่วงห้าปีที่ผ่านมารวมกัน ก็ยังไม่เยอะเท่าสินค้าประมูลหนึ่งชิ้นของคุณเลย คุณธรรมของคุณได้กระตุ้นผม และผมเชื่อว่ายังกระตุ้นอีกหลายคนด้วย ภายใต้การนำของคุณ จะมีคนมาร่วมบริจาคมากขึ้นอย่างแน่นอน!”
ได้เยอะมาก?
งั้นนายก็คืนให้ฉันสักสิบยี่สิบล้านสิ!
ฉันไม่บริจาคเยอะขนาดนี้แล้วได้ไหมล่ะ?
หัวใจของจางเย่กำลังหลั่งเลือด
ผู้รับผิดชอบงานเลี้ยง “เดิมทีงานเลี้ยงการกุศลเอเชียทุกปีจะมีของรางวัลแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมมากที่สุด เรากำหนดรางวัลไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” เขาลังเลเล็กน้อยจากนั้นก็พูดต่อ “แต่ว่าตอนนี้คงต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะรางวัลนี้คงไม่อาจแสดงความขอบคุณที่พวกเรามีต่อพวกคุณได้ ผมขอกลับไปปรึกษากับเบื้องบนก่อน เพื่อประชุมและตัดสินใจ คุณรอผมหน่อยนะครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เร็วที่สุด! สำหรับคนเช่นคุณ พวกเราต้องให้รางวัลที่เป็นกำลังใจอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน!”
เจ้าหน้าที่สภากาชาดหลายคนที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อทำงานเสร็จแล้วก็เดินเข้ามา พวกเขาต่างมองจางเย่ ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้น!
นี่คือเสียงปรบมือเพื่อขอบคุณ!
นี่คือการปรบมือด้วยความเคารพ!
นี่คือเสียงปรบมือแห่งการชื่นชม!
เห็นผู้คนตื่นเต้นขนาดนี้ จางเย่ก็ไม่กล้าหน้าหนาถามพวกเขาว่ามีค่าคอมมิชชันให้หรือไม่ นี่ก็คือการเสแสร้งอย่างหนึ่ง คิดถึงตรงนี้ เขาก็หันไปมองรอบทิศ ครู่เดียวก็มองเห็นมิยาโมโตะเซ็นเซที่กำลังเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับฝูงชน จางเย่รีบตะโกนเรียกเขาไว้
“อาจารย์มิยาโมโตะ!” จางเย่ตะโกน
มิยาโมโตะเซ็นเซหันมาอย่างประหลาดใจ
จางเย่ “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าระดับการเขียนอักษรของประเทศจีนเป็นยังไงนะ?”
ล่ามญี่ปุ่นที่อยู่ด้านข้างช่วยแปลให้เขาฟัง
เท้าของมิยาโมโตะเซ็นเซสะดุดจนเกือบล้ม เขาแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน และหันหน้าเดินออกไป
จางเย่ตะโกนอยู่ด้านหลัง “อ้าว รีบไปไหนล่ะ? มาคุยกันอีกหน่อยสิ คุณจะวิจารณ์การเขียนอักษรของพวกเราทีมดาราจากจีนไม่ใช่เหรอ?”
มิยาโมโตะเซ็นเซสะดุดอีกครั้ง ก่อนจะรีบซอยเท้าจากไปทันที!
จางเย่หัวเราะเย็นชา นายจะมาอวดโอ่อะไรกับฉัน ทักษะการเขียนตัวอักษรทั้งหมดที่นายมีก็เรียนรู้มาจากพวกฉันทั้งนั้น การเขียนอักษรของประเทศจีนต้องให้นายมาวิจารณ์เหรอ?
ทีมดาราจากญี่ปุ่น “…”
ทีมดาราจากเกาหลี “…”
เจ้าหน้าที่สภากาชาด “…”
คนอื่นเขาตีคนไม่ตีหน้า!
จางเย่กลับดีนัก ตีคนแล้วยังตีหน้า!
ตบหัวแล้วยังไม่พอ แม่งยังวกกลับมาตบหน้าอีกฉาด!
มีเพียงทีมดาราจากประเทศจีนเท่านั้นที่ต่างจัดการธุระของตนเองไป พวกเขาคุ้นชินแล้ว นิสัยของจางเย่พวกเขาจะไม่รู้ได้ยังไง ครั้งนี้เดิมทีก็เป็นเพราะมิยาโมโตะเซ็นเซจงใจกลั่นแกล้งพวกเขาก่อน สุดท้ายยังไม่ทันแกล้งสำเร็จก็มาเจอกับปากกระบอกปืนของจางเย่พอดี คนในทีมดาราจากจีนยังคิดว่ามิยาโมโตะเซ็นเซโชคร้ายทีเดียว!
……
ด้านนอกงานเลี้ยง
มีผู้คนแออัดคับคั่ง
พอจางเย่เดินออกมาก็ถูกผู้สื่อข่าวจากประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียรุมล้อม จนเดินออกไปไม่ได้ ทุกคนเบียดเสียดยัดเยียดแน่นขนัด
“อาจารย์จางเย่!”
“อาจารย์จาง!”
“ผมมาจากสถานีโทรทัศน์แห่งเกาหลี!”
“ฉันมาจากสำนักข่าวซินหัวค่ะ!”
“ฉันมาจากสถานีไดโตะของญี่ปุ่นค่ะ!”
“ช่วยให้สัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ!”
“คุณทราบหรือไม่ครับว่า ‘หลานถิงซวี่’ ของคุณทำลายสถิติโลกด้านยอดขายภาพเขียนอักษร?”
“ใครเป็นครูสอนการเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัดให้คุณเหรอคะ?”
“ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าคุณเป็นคนที่มีทักษะการเขียนตัวอักษรที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน คุณคิดว่ายังไงครับ?”
“คุณคิดว่าการเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัดของคุณ สามารถเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้าได้ไหมคะ?”
“การเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัดของคุณดีเยี่ยมขนาดนี้ ในอนาคตจะผันตัวไปเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ไหมคะ?”
ภาษาญี่ปุ่นฟังไม่เข้าใจ
ภาษาเกาหลีก็ฟังไม่เข้าใจ
ดีตรงที่ผู้สื่อข่าวเหล่านั้นถามเขาเป็นภาษาอังกฤษ
แต่เขาก็ยิ่งฟังไม่เข้าใจไปใหญ่
จางเย่จึงทำได้เพียงตอบคำถามของผู้สื่อข่าวจีน “ทำลายสถิติการซื้อขายของโลก? ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะเป็นอย่างนั้นมั้ง ครูของผมคือหวางซีจือ แต่เดาว่าพวกคุณคงไม่รู้จัก หนึ่งในใต้หล้า? คนที่มีทักษะการเขียนตัวอักษรที่สูงที่สุด? ระดับนั้นผมไม่กล้ารับหรอกครับ ในประเทศจีนมีปรมาจารย์ด้านการเขียนอักษรมากมาย ผมเองก็ไม่ใช่คนในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนอักษร ทุกคนก็รู้ดีว่าผมก็เป็นแค่ศิลปินตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น”
คำถามมาอย่างไม่ขาดสาย
จางเย่ก็ตอบไปทีละข้อ
ในขณะเดียวกันเขาก็นึกขึ้นได้ เดิมที ‘หลานถิงซวี่’ ก็ไม่ใช่ของที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ดังนั้นเมื่อคนที่นี่เห็นเข้าจึงตกใจและคิดว่าเป็นผลงานของเทพเจ้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากหยิบเอาการเขียนอักษรบรรจงกึ่งหวัดที่จางเย่เพิ่งเขียนแผ่นนี้ไปแสดงที่โลกเดิมของเขา แม้ว่าจะเหมือนต้นฉบับทุกอย่าง แม้แต่รูปลักษณ์ของทุกคำก็เหมือนกันทุกประการ แต่ก็เป็นได้แค่ของเลียนแบบเท่านั้น
หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์งั้นเหรอ?
พอคิดมาถึงตรงนี้ จางเย่ก็สงบใจลงได้แล้ว
……
ในคืนนั้น
ข่าวเผยแพร่ไปทั่วทั้งเอเชีย
‘ดาราจีนคือดาวเด่น!’
‘หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สะเทือนทั้งเอเชีย!’
‘ผลงานการเขียนตัวอักษรอันน่าทึ่ง : หลานถิงซวี่!’
‘ดาราจีนกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการเขียนตัวอักษรยุคใหม่!’
‘การเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัดของจีนเขย่าโลก!’
‘งานประมูลเพื่อการกุศลประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่!’
‘มิยาโมโตะเซ็นเซปรมาจารย์ด้านการเขียนตัวอักษรชาวญี่ปุ่นถูกตอกหน้า!’
ข่าวออกมาอย่างล้นหลาม
มีชาวเอเชียจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ชมการถ่ายทอดสดงานเลี้ยงการกุศล แต่เมื่อรู้ข่าวก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
……
ตอนดึกของคืนเดียวกัน
ณ โรงแรมที่พัก
ทีมดาราจากจีนเรียกร้องให้ซื้อของกินกับไวน์ และมาเฉลิมฉลองในห้องพักของโรงแรม
“วันนี้มีความสุขมากเลย!”
“ในที่สุดก็ได้อันดับหนึ่งแล้ว!”
“ฮ่าๆ พวกนายเห็นสีหน้าของมิยาโมโตะเซ็นเซไหม?”
“เห็นๆ เสียหน้าจนหนีไปเลย”
“มา พวกเราหมดแก้ว”
“ฉันว่า ทุกคนควรดื่มให้อาจารย์จางหนึ่งแก้ว”
“ใช่ วันนี้ต้องขอบคุณจางเย่ที่แก้แค้นให้กับพี่สาวจางและเสี่ยวเสียน!”
“หมดแก้ว”
“เอามาอีก!”
หลังปาร์ตี้จบลง
ทุกคนต่างเปิดดูทำเนียบดาราระดับเอเชีย ทันใดนั้นก็พบว่าชื่อของจางเย่ขยับขึ้นมาถึงสองอันดับ แซงหน้าลีอันซูดาราเกาหลีสุดโด่งดังไปแล้ว!
นี่คือทำเนียบระดับเอเชียนะ!
นี่คือทำเนียบดาราชั้นนำที่มีอิทธิพลของเอเชียเชียวนะ!
ขยับขึ้นสองอันดับในชั่วข้ามคืน?
นี่สถานการณ์แบบไหนกัน!?
ภาค 10
ตอนที่ 1384
การต้อนรับอันบ้าคลั่งที่สนามบิน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันต่อมา
ช่วงเช้า
บนเครื่องบินที่กำลังบินกลับประเทศ
ทีมดาราจากจีนยังคงพูดคุยกันอยู่
“สภากาชาดให้ของรางวัลนายหรือยัง?”
“ยังนะ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังกับของที่พวกเขาจะให้ด้วย”
“เหอะๆ มีคะแนนนิยมก็พอแล้วสินะ”
“ใช่ ครั้งนี้คะแนนนิยมของจางเย่พุ่งกระฉูดเลย”
“นี่มันชื่อเสียงระดับเอเชียเชียวนะ”
“ฮ่าๆ กลับไปต้องเลี้ยงแล้วล่ะจางเอ้อร์”
“รอบนี้มีแต่นายที่คะแนนนิยมเพิ่มสูงขึ้นนะ”
“ใช่แล้ว อีกอย่างทำเนียบคนดังของเอเชียขึ้นยากกว่าในประเทศเรามากนะ มีความเคลื่อนไหวเยอะมากทุกวัน การแข่งขันก็สูง เหมือนพวกเราสปริงการ์เด็น แค่รักษาอันดับความนิยมในทำเนียบเอเชียในแต่ละเดือนได้ก็ไม่เลวแล้ว แถมต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดอีกด้วย ใครจะทำได้ง่ายๆ เหมือนอย่างอาจารย์จาง ออกทริปครั้งหนึ่ง ร้องเพลงสองเพลง เขียนตัวอักษรหนึ่งแผ่น ก็ได้คะแนนนิยมระดับเอเชียมหาศาลแล้ว”
“พูดว่าง่ายก็ไม่ถูกนะ เป็นเพราะจางเอ้อร์สะสมความนิยมมาพอแล้ว ทั้งชื่อเสียงและความสำเร็จของเขา ไม่ว่าหยิบยกอันไหนไปพูดนอกประเทศก็กระตุ้นความสนใจผู้คนได้ทั้งนั้น เช่นนักหมากล้อมอันดับหนึ่ง เช่นนักคณิตศาสตร์ระดับโลก แค่สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้คนทั่วเอเชียเปิดใจแล้ว ความนิยมก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเอง อีกอย่างกว่าจะเป็นทุกวันนี้ได้จางเอ้อก็ทุ่มเทสุดชีวิตเหมือนกัน เส้นทางของเขาไม่ง่ายดายเลย และไม่มีใครเลียนแบบได้ด้วย”
“อาจารย์จาง คุณตั้งเป้าจะเติบโตในระดับเอเชียจริงเหรอ?”
“ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เลว ฉันคิดว่าภายในสองปีนี้อาจารย์จางมีลุ้นขึ้นไปถึงระดับเอสได้ จากนั้นก็พยายามไปยังเวทีระดับนานาชาติต่อไป”
ทุกคนผลัดกันพูดคนละคำสองคำ
เวทีนานาชาติเหรอ?
ฉันต้องขึ้นสู่จุดสูงสุดของเอเชียให้ได้ก่อนละนะ
จางเย่ไม่ได้คิดไกลถึงขั้นนั้น ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ
ใช้เวลาเพียงไม่นาน
เครื่องบินก็ลงจอด
ทีมดาราจีนต่างเดินออกมาและร่ำลากันไปด้วย เตรียมตัวจะแยกกัน ผู้จัดการหรือทีมงานของดาราแต่ละคนต่างก็มารอรับที่สนามบินแล้ว
ทั้งแว่นตากันแดด
หน้ากากปิดปาก
หมวก
สามสิ่งที่ดาราต้องใช้ ทุกคนต่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว
อทว่าทันทีที่ออกจากจุดตรวจเช็กความปลอดภัย ภายในสนามบินก็โกลาหลจนเกินควบคุมทันที!
ผู้คนแออัด!
เบียดเสียดยัดเยียด!
“กรี๊ด!”
“พวกเขานี่!”
“ออกมาแล้ว!”
“ฉันเห็นพวกเขาแล้ว!”
“กรี๊ดดดดด!”
สถานที่เต็มไปด้วยฝูงชนและเหล่าแฟนคลับ!
เสียงกรีดร้องดังลั่นล็อบบี้สนามบิน!
จางหย่วนฉีหัวเราะ “พอเถอะ ข่าวรั่วแล้ว”
ฉีเหม่ยหลันทำอะไรไม่ถูก “รอหน่อยเถอะ ออกไปตอนนี้ไม่ปลอดภัย”
พวกเสี่ยวตงกับเอมี่เองก็ยังยืนนิ่ง ไม่มีใครกล้าออกไปข้างนอก
เจี่ยงฮั่นเวยแปลกใจ “ทำไมคนเยอะขนาดนี้?”
มีเพียงจางเย่ที่ยิ้มออกมาอย่างสบายใจ “พวกคุณอยู่นี่ไปนะ งั้นพี่ชายคนนี้ขอตัวก่อน” จากนั้นเขาก็เดินกรีดกรายออกไป
หนิงหลันหัวเราะ “นายไม่กลัวแฟนคลับจะสกัดนายไว้เหรอ?”
จางเย่โบกมือ หัวเราะก่อนจะพูดอย่างมั่นใจ “แฟนคลับผม? แฟนคลับของผมไม่เคยมารับที่สนามบิน”
แต่เมื่อจางเย่เดินออกจากเกทสนามบินไป ภาพตรงหน้ากลับแตกต่างจากที่เขาจินตนาการไว้ เขาคิดว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นฝูงชนมองตัวเขาราวกับพบเจอญาติ ทุกคนต่างร้องตะโกน จากนั้นก็พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งราวกับหมาป่าโหย!
“จางเย่!”
“จางเย่นี่!”
“ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!”
แทบทุกคนไม่ได้มองดาราคนอื่นเลยด้วยซ้ำ เพียงมุ่งตรงไปที่จางเย่ เหมือนกำลังรอเขาอยู่!
จางเย่ก็ตกตะลึงเช่นกัน!
หา?
เกิดอะไรขึ้น?
หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้อง “อาจารย์จางคะ ฉันชอบคุณมากเลย ฉันอ่านบทกลอนของคุณมาตั้งแต่ฉันยังเด็ก เพลงของคุณฉันก็ฟังมาหมดแล้ว ฉันขอลายเซ็นของคุณหน่อยสิคะ!”
จางเย่ “อา ได้”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเบียดเข้ามา “อาจารย์จาง ครั้งนี้คุณสร้างคุณูปการแก่ประเทศชาติอย่างสูงเลย ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก คุณช่วยเซ็นให้ผมหน่อยครับ!”
จางเย่ “อา โอเค”
เด็กสาวคนหนึ่งยืดตัวขึ้นและตะโกน “อาจารย์จาง คุณ วันนี้ทรงผมคุณดูดีมากเลยค่ะ ช่วยเซ็นให้หนูหน่อยสิคะ!”
จางเย่ “…”
นักศึกษาคนหนึ่ง “อาจารย์จาง รองเท้าคุณสวยมากเลย ผมขอลายเซ็นหน่อยครับ!”
จางเย่ “…”
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
รองเท้าฉันสวยแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการให้ลายเซ็นด้วย!
เวลานั้นแม้แต่มดก็เบียดเข้ามาไม่ได้ ทุกคนต่างเป็นบ้าไปแล้ว!
“กรี๊ด! ฉันได้มาแล้ว!”
“ฉันก็ได้แล้ว!”
“ลายเซ็นของจางเย่!”
“ฮ่าๆๆๆ! รวยแล้ว!”
“อย่าเบียดสิ!”
“อาจารย์ขอลายเซ็นหน่อย! ขอลายเซ็นหน่อยครับ!”
“เชี่ย ใครดันฉันเนี่ย?”
“อย่าแย่งกัน เข้าแถวสิ!”
“เชี่ย ฉันมาก่อนนะ!”
“อาจารย์จางเขียนให้ผมหน่อยสิ! เขียนตัวอักษรก็ได้! ที่บ้านยังรอกินข้าวอยู่นะครับ!”
รอกินข้าว?
ลายเซ็นฉันเกี่ยวอะไรกับเรื่องกินข้าวของนาย?
จางเย่ฟังแล้วไม่ได้คิดมาก ยังคงแจกลายเซ็นอย่างต่อเนื่อง
ในบรรดาผู้คนล้อมรอบปิดทางอยู่ ศิษย์น้องหยางซูที่มารับจางเย่เบียดเข้ามาไม่ได้ก็รู้สึกร้อนรนยิ่งนัก!
ไกลออกไป
คนในทีมดาราจีนตะลึงอ้าปากค้าง
หนิงหลันมองซ้ายมองขวา ก่อนจะลองเดินออกไป คนจากสตูดิโอของเธอที่อยู่ด้านข้างเดินมารับเธอ ไม่มีใครมาสกัดเธอไว้สักคน
เฉินกวงเห็นดังนั้นก็เดินออกไปบ้าง
เสี่ยวตงหลี่เสี่ยวเสียนและเอมี่ทั้งสามคนก็เดินออกไปอย่างลังเล
ไม่มีใครสนใจพวกเขา!
ไม่มีใครมองพวกเขาเลย!
เสี่ยวตงหันกลับไปพูดกับดาราคนอื่น “น่าจะไม่มีปัญหามั้งนะ?”
เจี่ยงฮั่นเวยกลอกตาขาว นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ต้าฉีหัวเราะอย่างทำอะไรไม่ถูก “ดูท่าว่าจะมารับอาจารย์จางคนเดียวแล้วสิ”
แน่นอนว่าจางหย่วนฉีและฉีเหม่ยหลันสองสตาร์ควีนไม่สามารถออกไปได้โดยง่าย ด้วยความนิยมของทั้งคู่ย่อมถูกสกัดไว้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องทดลอง
ฉีเหม่ยหลันถามขึ้น “เขาบอกว่าแฟนคลับของเขาไม่มารับที่สนามบินไม่ใช่เหรอ?”
จางหย่วนฉียิ้ม “มารับที่ไหนกันล่ะ เรียกว่ามาหาเงินต่างหาก”
“หาเงิน?” ฉีเหม่ยหลันแปลกใจ
เอมี่ได้ยินก็ขำ “พี่สาวหลัน พี่ไม่รู้หรอกเหรอคะ?”
ฉีเหม่ยหลันถาม “รู้อะไรเหรอ?”
เอมี่กลั้นหัวเราะ ก่อนพูดต่อ “ในประเทศ ลายเซ็นของท่านปู่จางถูกเรียกราคาถึงหนึ่งแสนหยวน และยังมีคนขายได้จริงๆ ด้วยค่ะ!”
เฉินกวงตกใจ “อะไรนะ?”
เจี่ยงฮั่นเวยกะพริบตา “ลายเซ็น?”
ฉีเหม่ยหลันก็ตกตะลึงเช่นกัน “หนึ่งแสนหยวน?”
เชี่ย!
ลายเซ็นใครแพงขนาดนี้กัน?
แม้แต่ลายเซ็นของซูเปอร์สตาร์ระดับนานาชาติก็ยังขายได้ไม่ถึงหนึ่งแสนเลยมั้ง?
ถ้ามีในปริมาณน้อยก็แล้วไป เพราะมีดาราระดับนานาชาติหลายคนที่ทั้งชีวิตนี้แจกลายเซ็นน้อยมาก จึงเป็นของมีค่าที่หายาก หนึ่งลายเซ็นหนึ่งขายได้ถึงหนึ่งแสนมันก็สมเหตุสมผล แต่จางเย่ไม่ใช่แบบนั้น ลายเซ็นของหมอนี่กระจายไปทั่วตั้งนานแล้ว เขาไม่เคยปฏิเสธการแจกลายเซ็นมาก่อน ใครมาขอเขาก็เซ็นให้หมด แบบนี้แม่งยังขายได้ถึงหนึ่งแสนหยวนต่อหนึ่งลายเซ็นเลยเหรอ? ตัวอักษรของเขามันมีค่าเท่าไรกันแน่! แม้แต่ลายเซ็นก็ยังฮอตจนได้ราคาสูงขนาดนี้แล้ว!
ทีมดาราจีนไม่มีใครอยู่รอเขาแล้ว ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านของตนเอง
ก่อนจะจากไปพวกเขายังยิ้มและมองจางเย่ที่ถูกล้อมรอบด้วย ‘หมาป่า’ หมอนั่นยังคงแจกลายเซ็นไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าต้องเซ็นไปถึงเมื่อไร
ตัวอักษรของหมอนี่ฮอตไปทั่วทั้งเอเชียแล้วจริงๆ!
ภาค 10
ตอนที่ 1385
ทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชีย!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนกลางวัน
เวลาเที่ยงตรง
ภายในคฤหาสน์
จางเย่ผลักประตูเข้ามา ก่อนตะโกนเสียงดัง “ผมกลับมาแล้ว”
เขามองไปที่ห้องนั่งเล่น เห็นพ่อแม่และคุณอู๋ที่กำลังเตรียมอาหารกันอยู่
คุณอู๋หันมามองเขาแล้วยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอ? ดื่มชาอะไรดี? เดี๋ยวฉันชงให้”
จางเย่โบกมือ “ไม่ต้องหรอก ผมดื่มมาแล้ว”
แม่ถาม “ทำไมกลับมาช้าแบบนี้? เครื่องถึงปักกิ่งตั้งแต่แปดโมงแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงตั้งแต่แปดโมงแล้ว” จางเย่เดินไปนั่งที่โซฟา เขาเหนื่อยแทบตายแล้ว “ผมลงเครื่องมาก็ถูกคนขวางไว้น่ะสิ ผมแจกลายเซ็นจนมืออ่อนหมดแล้ว” เขายกมือขวาขึ้น “ดูสิ ดูมือผมสิ จะยกไม่ขึ้นอยู่แล้ว พวกนั้นก็ทรมานคนเกินไปจริงๆ”
พ่อถาม “ลูกไม่เซ็นไม่ได้เหรอ?”
จางเย่น้ำตาไหลอาบแก้ม “ผมให้สัมภาษณ์ไว้ตอน ‘นัดกับเหยียนเหมย’ คำพูดมันดันหลุดออกไปแล้ว ผมบอกว่าขอเพียงมีแฟนคลับมาขอลายเซ็น ผมก็จะไม่ปฏิเสธ ตอนนี้ซวยแท้ รู้แต่แรกผมไม่พูดบ้าๆ แบบนั้นหรอก”
แม่ส่งเสียงอืมตอบคำหนึ่ง “เจ้าหน้าที่ที่สนามบินไม่สนใจเลยหรือไง?”
จางเย่ “สนใจสิ”
แม่ “ใช่แล้วไง ปล่อยให้พวกเขาวุ่นวายต่อไปก็กระทบกับระเบียบของสนามบินน่ะสิ”
จางเย่พูด “ใช่แล้ว ดังนั้นสนามบินจึงจัดห้องรับรองแยกต่างหากสำหรับแจกลายเซ็นให้ผม พนักงานภาคพื้นดินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องก็มาเข้าแถวด้วย”
เจ้าหน้าที่สนามบินพวกนี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว!
จางเย่อยากด่าบรรพบุรุษพวกนั้นเหลือเกิน
แม่ “…”
พ่อ “…”
อู๋เจ๋อชิงทำกับข้าวไปหัวเราะไป “นั่นก็เพราะตัวอักษรของเธอดังมาก บนแพลตฟอร์มการซื้อขายในประเทศเรา ลายเซ็นเธอถูกขายไปในราคาหนึ่งแสนหยวนเลยนะ ซื้อขายกันเสร็จสมบูรณ์แล้วด้วย”
อีกนิดเดียวจางเย่ก็จะกระโดดขึ้นมาแล้ว “อะไรนะ? หนึ่งแสน? เชี่ย ผมก็สงสัยอยู่ว่าพวกนั้นกำลังทำอะไร! งั้นวันนี้ผมเซ็นออกไปเท่าไรแล้วเนี่ย? ห้าแสน? หนึ่งล้าน?”
อู๋เจ๋อชิงพูดอย่างนุ่มนวล “คิดมากไปแล้ว การทำธุรกรรมนั้นแค่บังเอิญ ไม่ใช่ราคาท้องตลาด เธอคิดว่าจะหากินด้วยการขายลายเซ็นจริงๆ น่ะเหรอ? คิกๆ”
แม่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ “จริงสิ เรื่องการเขียนอักษรของลูก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
พ่อก็แปลกใจ “ใช่แล้ว ตอนลูกยังเด็กพ่อกับแม่ก็ไม่เคยส่งลูกเรียนการคัดลายมือเลยนี่?”
อู๋เจ๋อชิงยิ้ม “คุณพ่อ ระดับการเขียนอักษรนี้ ไม่ใช่แค่ระดับคัดลายมือเริ่มต้นแล้วค่ะ”
จางเย่หัวเราะฮาๆ “เรียนด้วยตัวเองน่ะ ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง”
“ตัวอักษรของเย่น้อยเมื่อก่อนก็ดีมากแล้วค่ะ” อู๋เจ๋อชิงพูด “‘โคลงมู่หลาน’ ยังแขวนไว้อยู่ที่บ้าน แต่ก็ยังเทียบกับ ‘หลานถิงซวี่’ ไม่ได้ ตอนที่ฉันดูถ่ายทอดสดก็คิดว่า ‘หลานถิงซวี่’ คือผลงานการเขียนอักษรตัวบรรจงกึ่งหวัดที่ชวนให้คนตกตะลึงที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเห็นมา เป็นหนึ่งไม่มีสองอีกแล้ว”
จางเย่หัวเราะ “หลายปีแล้ว ผมก็ต้องพัฒนาขึ้นบ้างสิน่า”
พ่อ “เมื่อวานนี้สื่อมวลชนในประเทศแทบจะระเบิดแล้ว พาดหัวหน้าแรกมีแต่เย่น้อย ยังบอกว่าผลงานบรรจงกึ่งหวัดอันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์อะไรสักอย่าง พ่อก็ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร”
แม่พูดทิ่มแทง “เหอะ ก็หมายความว่าลูกชายโง่เง่าของเราเอาผลงานการเขียนอักษรราคาหกถึงเจ็ดร้อยล้านหยวนบริจาคให้สภากาชาดไง ผลงานบรรจงกึ่งหวัดอันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์? คนโง่อันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์ล่ะสิไม่ว่า!”
พ่อ “…”
จางเย่ “…”
อู๋เจ๋อชิงหัวเราะคิกอยู่อีกด้าน
อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ครอบครัวนั่งทานอย่างพร้อมหน้า
พูดถึงทริปเกาหลีครั้งนี้ จางเย่ก็กินข้าวไปพลางคุยโวอย่างหน้าชื่นตาบาน “พ่อ แม่ อู๋ นี่ผมไม่ได้โม้นะ สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างวิกฤตเลยล่ะ ผมไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือกับมิยาโมโตะเซ็นเซด้วยซ้ำ อืม เขาบีบคั้นคนอื่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ในใจผมก็คิดว่านายแม่งจะมาโอ้อวดอะไรฟะ! ยังจะมาคุยเรื่องการเขียนอักษรกับฉันเหรอ? ฉันปิดตาก็ยังเอาชนะนายได้เลย! ฉันต้องทนนายเหรอ? ตอนนั้นผมก็ถลกแขนเสื้อเดินขึ้นไป สะบัดพู่กันขีดเขียนเสร็จเรียบร้อยก็มองลงไปด้านล่างเวที ช่วงเวลานั้นมีแต่ความเงียบ มิยาโมโตะเซ็นเซเซ่อไปเลย เขาหนีหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมต่อหน้าผมอีก!”
พ่อหมดคำพูด “ทำไมเวลาทะเลาะกับคนต่างชาติ ลูกถึงได้มีชีวิตชีวาขนาดนี้?”
จางเย่หัวเราะ “ผมเป็นแบบนั้นเหรอ?”
แม่มองเขา “ใช่!”
จางเย่ “เอาเถอะ ใช่ก็ใช่สิ ผมก็ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนไง สู้กันในหมู่คณะมันไม่มีความหมาย ผมเบื่อจะสู้กันเองแล้ว ตอนนี้วงการบันเทิงจีนมันแตกแยกกันเกินไป วันวันมีแต่นายเหยียบฉันฉันกระทืบนาย พอออกนอกประเทศก็ใบ้กิน มีเรื่องมีราวก็ตายเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต้องร้อนใจไป วงการบันเทิงจีนมีท่านปู่จางอยู่ พี่ชายคนนี้เคยกลัวใครที่ไหน? สงครามระหว่างประเทศผมก็สู้ได้! ดาหน้าเข้ามาเลย!”
“ดี นี่สิถึงจะเป็นลูกชายของฉัน!” แม่คีบเนื้อให้เขาหนึ่งชิ้น ก่อนจะถามต่อ “ตอนนี้ในระดับเอเชีย แกถือว่าเริ่มเดินแล้วหรือยัง?”
จางเย่กลอกตา “อะไรเรียกว่าเริ่มเดินกัน? ผมน่ะบินไปแล้ว!”
แม่เบ้ปาก พูดเอออออย่างหมั่นไส้ “ใช่ๆๆ บินจ้า บิน”
อู๋เจ๋อชิงเตือนทันที “เย่น้อย เธออย่าเพิ่งดีใจเกินไป ก่อนหน้านี้เธอก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับญี่ปุ่นและเกาหลี เคยชกต่อยและทะเลาะกันมาก่อน แม้จะทำให้เธอได้รับความสนใจ และอันดับทำเนียบดาราของเอเชียในปัจจุบันของเธอเองก็สูงมาก แต่ถ้าต้องการก้าวขึ้นไปอีกขั้น ไปอยู่ระดับเอสของเอเชีย เรื่องที่เธอก่อไว้เมื่อก่อนอาจจะเป็นอุปสรรคได้”
จางเย่ “เมื่อก่อนคุณก็เคยพูดประโยคนี้กับผมแล้ว”
อู๋เจ๋อชิงส่งเสียงอืม “เธอต้องเตรียมตัวให้ดี”
จางเย่หัวเราะ “ไม่เป็นไร ไม่ว่าจะมาวิธีไหนผมก็รับมือได้หมดนั่นละ”
หลังทานอาหาร
มีสายเข้าไม่หยุด
ตอนอยู่ที่เกาหลีบางครั้งสัญญาณก็ใช้ไม่ได้เพราะอยู่ต่างประเทศ แต่ตอนนี้จางเย่กลับมาแล้ว เพื่อนของเขาจึงพากันติดต่อมาหา
……
สายจากเหยาเจี้ยนไฉ
“จางเอ้อร์ นายทำได้นี่!”
“ฮ่าๆ ธรรมดาน่า”
“เมื่อไรจะมาบ้านฉันอีก?”
“ทำไมล่ะ?”
“นายเขียนตัวอักษรให้ฉันอีกสักสองแผ่นสิ”
“เชี่ย! ไม่ว่าง!”
……
สายจากคุณย่าจางเสีย
“จางน้อย กลับมาแล้วเหรอ?”
“ใช่ครับ เพิ่งถึงเลย”
“ครั้งนี้เธอถือว่าตั้งมั่นในเอเชียได้แล้วนะ”
“ฮ่าๆ ผมก็ไม่คิดว่ามันจะราบรื่นแบบนี้”
“เธอคือทองคำ อยู่ที่ไหนก็เปล่งประกาย”
……
สายจากสมาคมการเขียนตัวอักษร
“อาจารย์จาง”
“สวัสดีครับ ประธานซุน”
“ไม่พูดเยอะแล้ว คุณเข้าสมาคมการเขียนตัวอักษรเถอะ ผมจะจัดการให้ทันทีเลย!”
“หา? ไม่เป็นไรครับ”
“ไม่ได้ ถ้าไม่มีปรมาจารย์ด้านการเขียนตัวอักษรเช่นคุณอยู่ในสมาคม พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ? คุณจำเป็นต้องเข้าร่วมนะ ผมให้คุณเป็นรองประธานกรรมการ รอผมเกษียณปีหน้า คุณจะเป็นประธานหรือประธานกิตติมศักดิ์ก็ได้ อาจารย์อู๋เองก็เห็นด้วย!”
“ประธานซุน เอาไว้ค่อยคุยกันเถอะครับ”
“ไม่ต้องคุยวันหลังแล้ว! ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคุณอยู่นะ!”
“ผมเป็นดารา จะเพิ่มความยุ่งยากให้คุณเอานะครับ”
“ดาราการเขียนอักษรก็คือดารานะ! ตอนนี้พวกเราก็ยืนอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว!”
“พรูด คุณอย่าล้อเล่นสิครับ”
……
ช่วงบ่าย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว
แต่สายนี้ทำให้จางเย่ตะลึง
อีกฝ่ายคือคนจากสภากาชาดของเอเชีย
“ใช่อาจารย์จางเย่ไหมครับ?”
“ผมเองครับ”
“สวัสดีครับ ผมโทรจากสภากาชาดนะครับ”
“สวัสดีครับ”
“สำหรับผลงานที่โดดเด่นของคุณ เรารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งอย่างมาก มีมติเป็นเอกฉันท์จากที่ประชุมผู้บริหารแล้ว เราตัดสินใจเชิญคุณมาเป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียคนใหม่ โปรดทำงานเพื่อการกุศลร่วมกับเรา คุณยอมรับคำเชิญไหมครับ?”
“หา?”
“อาจารย์จางครับ?”
“อา ผมฟังอยู่”
“พวกเราเชิญคุณอย่างเป็นทางการ คุณคิดว่ายังไงครับ?”
“ได้สิครับ ผมขอถามสักหน่อยนะครับ มีทูตกี่คนเหรอครับ?”
“ทั่วทั้งเอเชียมีแค่คนเดียวครับ”
“ต้องได้รับการคัดเลือกไหม?”
“ไม่ต้องครับ ถ้าคุณตกลงคุณก็ได้เป็นทันที”
“แน่นอนว่าผมตกลงครับ คะแนนนิยมนี้…เอ้ย เรื่องที่ทำเพื่อการกุศลนี้ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณคุณมากครับ งั้นพวกเราจะรีบมอบหนังสือแต่งตั้งให้คุณ จากนั้นจะแจ้งให้สื่อมวลชนเอเชียให้รับทราบ และจัดงานแถลงข่าวเลยนะครับ”
วางสายเรียบร้อย
จางเย่ยังคงอึ้งอยู่
ทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชีย?
นี่คือรางวัลพิเศษที่สภากาชาดเอเชียบอกไว้เหรอ? รางวัลนี้ใหญ่มากจริงๆ! ก่อนหน้านี้จางเย่ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เขาไม่ได้คิดถึงผลที่องค์กรการกุศลจะตอบแทนด้วยซ้ำ! ใครจะรู้ว่าวันต่อมาก็จะได้รับรางวัลใหญ่ขนาดนี้!
ภาค 10
ตอนที่ 1386
ทูตสันถวไมตรีที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดในประวัติศาสตร์!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่ชั้นล่างของคฤหาสน์
จางเย่เดินลงมาอย่างรีบร้อน “พ่อ แม่”
“คุยเสร็จแล้วเหรอ?” พ่อที่กำลังดูโทรทัศน์ถาม
“เรียบร้อยแล้ว” จางเย่หัวเราะ “ผมมีเรื่องอะไรจะบอกทุกคน”
แม่ถาม “เรื่องอะไรเรอะ?”
จางเย่ “สภากาชาดแห่งเอเชียแต่งตั้งให้ผมเป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียคนใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว”
แม่เบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก “อย่ามาแหลหน่อยเลย”
จางเย่เหงื่อตก “เรื่องจริงนะ เดี๋ยวจะมีหนังสือแต่งตั้งส่งมาแล้ว”
พ่อก็ไม่เชื่อ “ทำไมพวกเขาต้องเชิญลูกด้วย?”
จางเย่ “ตัวอักษรผมขายได้ตั้งหกเจ็ดร้อยล้านหยวน บริจาคให้พวกเขาหมดแล้วนั่นไง”
แม่ตะลึงทันที “เชิญแกเป็นจริงๆ เหรอ?”
“เพิ่งโทรมาเมื่อกี้ไง” จางเย่หัวเราะอย่างแสนสุข
อู๋เจ๋อชิงถาม “จะเข้ารับตำแหน่งเมื่อไร?”
จางเย่ยิ้ม “งานแถลงข่าวน่าจะมีขึ้นเร็วๆ นี้นะ”
แม่ตะโกน “ไอ้หยา นี่มันเยี่ยมไปเลย ดีจริงๆ!”
พอเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเหลวไหล พ่อกับแม่ก็ตื่นเต้นทันที ทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชีย? ถือเป็นเกียรติระดับไหนกัน! พวกเขารู้ความสำคัญของชื่อนี้ นี่ไม่ใช่ทูตที่ตั้งขึ้นโดยองค์กรการกุศลทั่วไปในประเทศ แต่เป็นของสภากาชาด ทั้งยังเป็นทูตทางการของเอเชีย!
จางหย่วนฉี?
ฉีเหม่ยหลัน?
หนิงหลัน?
เจี่ยงฮั่นเวย?
พวกเขาเองก็เป็นทูต แต่พวกเขาล้วนเป็นทูตสันถวไมตรีในจีนเท่านั้น! เกาหลีและญี่ปุ่นเช่นกัน ทุกประเทศมีพรีเซนเตอร์องค์กรการกุศลเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นคนดังและนักธุรกิจชั้นนำ ล้วนเป็นบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตา แต่ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดจำนวน หรือก็คือบุคคลสาธารณะที่ต้องการมีส่วนในการกุศลสามารถสมัครได้ จำนวนทูตสันถวไมตรีของสภากาชาดจีนมีประมาณสิบเอ็ดถึงสิบสองคน ประเทศอื่นเองก็มีไม่น้อย ญี่ปุ่นมีแปดถึงเก้าคน ในประเทศเกาหลีเองก็มีทูตประมาณสิบกว่าคนแล้ว
แต่ในเอเชียล่ะ?
คนเดียว!
แค่คนเดียวเท่านั้น!
เอเชียจะมีพรีเซนเตอร์การกุศลเพียงคนเดียวในแต่ละปี เป็นหัวหน้าทูตสันถวไมตรีของทุกประเทศในเอเชีย โดยปกติจะคัดเลือกจากบุคคลสาธารณะที่มีผลงานดีเด่นมากที่สุดในจำนวนพรีเซนเตอร์จากทุกประเทศในเอเชีย แต่ปีนี้เกียรตินั้นกลับตกมาถึงจางเย่? ไม่ต้องพูดถึงพ่อแม่ ขนาดตัวจางเย่เองยังตกตะลึง เขาไม่ได้เป็นแม้แต่ทูตสันถวไมตรีในจีน ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลมาก่อนด้วยซ้ำ งานเลี้ยงการกุศลแห่งเอเชียเป็นงานแรกที่เขาไปเข้าร่วม!
เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง!
สำหรับคนอื่นอาจคิดว่านี่เป็นชื่อเสียงจอมปลอม?
แต่สำหรับจางเย่ที่อยากจะเข้าสู่สนามระดับเอเชีย เรื่องนี้เปรียบเสมือนขนมเปี๊ยะที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้า เหมือนกับการส่งฟืนกลางหิมะอย่างไรอย่างนั้น!
ตำแหน่งนี้คืออะไร?
คือตัวแทนของทั้งเอเชีย!
นี่คือทูตสันถวไมตรีคนเดียวแห่งเอเชียเชียวนะ!
ชื่อเสียง?
อัตราการออกสื่อ?
ระดับความสนใจ?
อย่างอื่นล้วนเทียบไม่ได้!
นี่คือตำแหน่งที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน!
พอคิดถึงตรงนี้ จางเย่ก็รู้สึกว่ามูลค่างานเขียนตัวอักษรหกถึงเจ็ดร้อยล้านไม่น่าปวดใจเท่าไรแล้ว สภากาชาดเอเชียยังมีความชอบธรรมอยู่มากทีเดียวนะ!
……
โลกภายนอก
ข่าวแพร่สะพัดออกไปแล้ว
แต่พอคนได้ยินกลับไม่มีใครเชื่อ!
……
สำนักข่าวซินหัว
“ใครนะ?”
“จางเย่?”
“ทูตสันถวไมตรีเนี่ยนะ?”
“เป็นไปไม่ได้!”
“พรูด นายแม่งอำฉันเหรอ?”
“ไปเอาข่าวมาจากที่ไหน? อย่าสร้างเรื่องได้ไหม?”
……
ณ CCTV
“อะไรนะ?”
“ล้อเล่นน่า!”
“ไม่นะ ไม่ใช่แน่นอน!”
“ข่าวปลอมชัวร์!”
“ถ้าผู้กำกับจางเป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียได้ งั้นฉันก็เป็นประธานยูเอ็นได้น่ะสิ!”
“ใช่ ใครก็รู้ว่าชื่อเสียงผู้กำกับจางฉาวโฉ่ขนาดไหน!”
……
ที่สภากาชาดจีน
“ฮ่าๆๆ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ใครปล่อยข่าวนี้ออกมากัน?”
“นี่มันเป็นเรื่องตลกที่สุดของวันนี้เลย!”
“ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่อาจารย์จางแน่นอน”
แม้แต่เจ้าหน้าที่ของสภากาชาดจีนก็ยังไม่เชื่อ!
……
แต่ทว่า
ข่าวสารยิ่งแพร่กระจายเร็วขึ้น!
มีคนพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ!
ในที่สุดนี้หลายคนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
ต่อจากนั้นจู่ๆ สภากาชาดเอเชียก็ออกประกาศที่เหมือนพายุทำลายล้าง ทำให้ผู้คนทั่วเอเชียคุยกันอย่างดุเดือด เร็วๆ นี้สภากาชาดเอเชียจะแต่งตั้งจางเย่เป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียประจำปีนี้ หวังว่าจะได้จับมือกับอาจารย์จางเย่สร้างงานการกุศลร่วมกัน!
จางเย่!
เป็นจางเย่จริงๆ!
เขากลายเป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียไปแล้ว!
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึงตาค้าง!
……
กลุ่มแชตแก๊งคนบ้า
ข้อความแชตระเบิดแล้ว!
หนิงหลัน “เช็ดเข้!”
เอมี่ “(*&%$#……$##@!”
จางเสีย “เกิดอะไรขึ้น?”
เสี่ยวตง “เชี่ย! ทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียประจำปีนี้คือจางเย่!”
ฮั่วตงฟาง “เหนือความคาดหมาย ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นอาจารย์จาง!”
ต้าฉี “ฮ่าๆๆๆ ผมได้ยินมาว่าปีนี้สตาร์คิงสตาร์ควีนของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะชิงตำแหน่งนี้ นี่คืองานที่ล่อตาล่อใจมาก สามารถทำการกุศล แถมยังสร้างชื่อเสียง และยังเพิ่มอัตราการออกสื่อในแถบเอเชียได้อีก ที่สำคัญคือผมได้ยินว่าสถานะนี้ถูกนับเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของนดารา หากมีผลงานโดดเด่นจะได้รับโบนัสคะแนนนิยมเป็นพิเศษในทำเนียบดาราเอเชียด้วย ไม่คิดว่าจะตกมาถึงอาจารย์จาง!”
เอมี่ “พระเจ้า! แบบนี้คงมีความสุขสุดๆ!”
หลี่เสี่ยวเสียน “คาดไม่ถึงจริงๆ”
ผู้กำกับลี่เคอ “ผู้กำกับจางโชคดีมากเลย”
เวลานั้นจางเย่ก็โผล่ออกมา
จางเย่ “ขอบคุณ ขอบคุณ”
เฉินกวง “ผู้กำกับจาง รีบแจกอั่งเปาเร็ว!”
เสี่ยวตง “ผู้กำกับจาง รีบแจกอั่งเปาเร็ว!”
ฉีเหม่ยหลัน “ผู้กำกับจาง รีบแจกอั่งเปาเร็ว!”
จางหย่วนฉี “ผู้กำกับจาง รีบแจกอั่งเปาเร็ว!”
ประโยคเดียวเด้งมารัวๆ เหล่าคนดังในกลุ่มต่างออกมากันแล้ว!
จางเย่จอมตระหนี่ “อั่งเปาอะไรกัน พี่ชายผู้มุ่งมั่นในการทำกุศลต้องเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต เอาไว้บริจาคเพื่อการกุศลสิ!”
ฟ่านเหวินลี่ “พรูด!”
เอมี่ “เกลียด!”
เสี่ยวตง “เกลียด!”
……
ที่ญี่ปุ่น
ชาวเน็ตกำลังเดือดพล่าน
“ทำไมถึงเป็นเขา?”
“ทำไมไม่ให้โอดะคุงล่ะ?”
“เขานับเป็นตัวอะไร?”
“ใช่ เขามีคุณสมบัติอะไร!”
“ก็เขาบริจาคหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ไง เฮ้อ ใครจะไปสู้กับเขาได้?”
“เงินจำนวนนี้มันมากนักเหรอ? หลายปีมานี้โอดะคุงก็บริจาคไปไม่น้อยเลยนะ”
“หนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ ถึงจะรวมยอดการบริจาคเพื่อการกุศลของคนดังเอเชียในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีตลอดทั้งปีเข้าด้วยกัน ก็ยังไม่ถึงครึ่งของเขาเลยไหมล่ะ?”
“อา เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่อย่างนั้นนายคิดว่าทำไมตำแหน่งทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียถึงเป็นของเขากัน?”
……
ณ เกาหลีใต้
“ผมไม่ยอมรับ!”
“ใช่ นี่มันไม่ยุติธรรม!”
“อิทธิพลของดาราในเอเชียทั้งหมด เกาหลีของพวกเรามาเป็นอันดับหนึ่งนะ!”
“ใช่แล้ว ต้องเป็นหนึ่งในพวกเราสิ ทำไมถึงเอาไปมอบให้ดาราจีนได้!”
“จางเย่เหรอ?”
“ไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย”
“ไม่รู้ว่ามาจากไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมา ในข่าวสองวันนี้ก็มีแต่เขา!”
“แต่การเขียนอักษรของเขาก็ร้ายกาจจริงๆ อาจารย์คิมบอกไว้ไม่ใช่เหรอว่าในด้านการเขียนอักษร เขาเทียบจางเย่ไม่ได้เลย”
……
และที่คึกคักที่สุดก็ยังคงเป็นชาวเน็ตฝั่งจีน
ถึงคนอื่นไม่รู้คุณธรรมของจางเย่ แต่พวกเขาจะไม่รู้ได้เหรอ? ดังนั้นหลังจากรู้ข่าวนี้ ชาวเน็ตหลายคนก็ถึงกับกระอักเลือด!
“พรูด!”
“ทำไมไอ้คนลวงโลกถึงกลายเป็นทูตสันถวไมตรีไปได้!”
“สภากาชาดเอเชียใจกล้าบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!”
“หมอนี่ก็สามารถเป็นพรีเซนเตอร์การกุศลได้? ทั้งยังเป็นพรีเซนเตอร์ของเอเชีย? ฉันพ่นเลือดออกมาเต็มหน้าจอแล้ว!”
“นิสัยของจางเย่มันเข้ากับองค์กรการกุศลไหมเนี่ย?”
“ไอ้บ้าที่ชอบหลอกลวงผู้คนไปวันๆ สุดท้ายกลับแปลงร่างเป็นทูตสันถวไมตรี? เชี่ย!”
“ขำจนฉี่จะราดแล้ว ตำแหน่งทูตสันถวไมตรีทำไมมันตลกแบบนี้! สภากาชาดเอเชียกำลังแสดงตลกอยู่เหรอ? น่าจะใช่แหละมั้ง?”
“พวกเขาไม่ได้เช็กประวัติของจางเย่แน่นอน!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ไม่มีใครรู้ว่าสภากาชาดเอเชียไปเอาความกล้ามาจากไหน!
อันธพาลที่ยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิงคนหนึ่ง!
ต่อยตี!
ตอกหน้า!
ด่าคน!
คนที่ ‘ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง’!
กลับกลายเป็นทูตสันถวไมตรีหนึ่งเดียวของเอเชียเนี่ยนะ?
นี่ นี่มันจะไม่น่าเชื่อถือเกินไปไหม!
ภาค 10
ตอนที่ 1387
จางเย่ผู้ใจบุญ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันจันทร์
ตอนรุ่งเช้า
วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส
จางเย่กินข้าวเสร็จก็มาทำงานที่สตูดิโออย่างสบายใจ แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป ปัง ปัง ปัง พลุริบบิ้นและดอกไม้ก็กระจายเต็มไปหมด ทำเอาจางเย่ตกใจเกือบกระโดด ก่อนจะพบว่าที่แท้เป็นพนักงานของสตูดิโอที่ซื้อของเตรียมไว้และแอบอยู่ตรงประตู รอฉลองให้กับเขา
“ผู้กำกับจาง!”
“ยินดีด้วยครับ!”
“ขอแสดงความยินดีที่คุณได้เป็นทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียนะคะ!”
“พวกเราจะบินขึ้นไปแล้วจริงๆ!”
“จุดสูงสุดของเอเชีย ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว!”
“ตอนนี้ผู้คนในเอเชียต่างรู้จักคุณมากขึ้นแล้วค่ะ”
“ทริปเกาหลีครั้งนี้ ลำบากคุณแล้ว”
“อาจารย์จางผู้ยิ่งใหญ่!”
“ติดตามผู้กำกับจาง มีกินมีใช้!”
“จากนี้ไปเราจะทำให้ผู้คนในเอเชียต้องตกใจได้แล้ว!”
ถึงจางเย่จะมีความสุขมาก แต่เขาก็เบรกทุกคนไว้ก่อน “ใจเย็น ใจเย็นก่อน นี่เพิ่งถึงไหนเอง เป้าหมายของเราคือการก้าวไปสู่จุดสูงสุดของโลกนะ ระยะทางหมื่นลี้เพิ่งเดินได้ครึ่งทาง จากนี้เส้นทางยังอีกยาวไกล” เขากวาดตามองไปที่โต๊ะ เห็นขนมปังที่ไม่รู้ว่าใครกินเหลือครึ่งหนึ่งวางไว้อยู่ เขาก็พูดต่อว่า “อืม นี่ขนมปังของใครกินเหลือไว้? ทำไมถึงกินสิ้นเปลืองล่ะ นิสัยแบบนี้ไม่ดีนะ”
เสี่ยวหวังร้องอาคำหนึ่ง “ฉันจะรีบกินให้หมดค่ะ!”
จางเย่มองไปที่ถังขยะ “ไอ้หยา ใครดื่มน้ำแร่ขวดนี้? ดื่มแค่ครึ่งขวดก็เอาทิ้งแล้วเหรอ? เสียของนะ สิ้นเปลืองกันเกินไปแล้ว!”
ถงฟู่หน้าแดง “ผมทิ้งเองครับ ผม ต่อไปผมจะระวังนะครับ”
จางเย่เดินไปข้างหน้าสองก้าวตรงไปที่ถังขยะ “ไอ้หยา นี่ของใคร เหลือเมล็ดทานตะวันตั้งครึ่งถุง ทำไมถึงเอามาทิ้งแล้วล่ะ? ฟุ่มเฟือย ฟุ่มเฟือยจริงๆ ไม่รู้หรือไงว่าผู้คนที่ประสบภัยยังคงอาศัยอยู่ในความแร้นแค้น?”
เสี่ยวหวังอ้ำอึ้ง “เหมือนว่าคนที่ทิ้งจะเป็นคุณนะคะ”
จางเย่ตะลึง “ผมเหรอ?”
ถงฟู่มั่นใจ “คุณนั่นแหละครับ”
จางเย่ถาม “ทำไมผมถึงจำไม่ได้ล่ะ?”
เสี่ยวโจว “คุณบอกว่าเมล็ดทานตะวันปอกเปลือกแล้วไม่อร่อย คุณเลยให้ฉันทิ้งไปค่ะ”
จางเย่ชี้เธอ “คุณดูสิ คุณดู ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้ทิ้ง เสี่ยวโจว ผมขอตำหนิคุณ ผมให้คุณทิ้งเพราะผมกำลังทดสอบคุณไง คุณยังไม่รู้อีกเหรอ? นี่คือเมล็ดทานตะวันครึ่งถุงเชียวนะ ถ้าเอาไปวางไว้พื้นที่ยากจนแล้วกินอย่างประหยัด พอให้ครอบครัวสามคนกินได้หลายวันเลย”
เสี่ยวโจว “…”
จางจั่ว “…”
ฮาฉีฉี “…”
จางเย่แนะนำจากใจ “ครั้งนี้ผมยกโทษให้ ต่อไปห้ามทำอีกนะ”
เสี่ยวโจวที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมได้แต่ตอบว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะผู้กำกับจาง”
ฮาฉีฉีหัวเราะ “ต่อไปนี้พวกเราต้องระวังมากขึ้น ไม่อาจถ่วงแข้งถ่วงขาผู้กำกับจางได้ พวกเราเองก็ต้องมีส่วนในการกุศลด้วย เริ่มจากประหยัดก่อนก็แล้วกัน”
จางเย่ชี้ไม้ชี้มือ “ดูพี่สาวฮาที่มีอุดมการณ์ของพวกเราสิ ดูเอาไว้” แล้วมองไปทางจางจั่ว “พี่จั่ว คุณจัดประชุมหน่อยเถอะ ดึงจิตสำนึกและอุดมการณ์ของทุกคนออกมา ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น สถานะพวกเราตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เรื่องปัจจัยขั้นพื้นฐานต้องระลึกไว้”
จางจั่วหัวเราะ “ได้เลย เข้าใจแล้วครับ”
จางเย่เสแสร้งแกล้งทำอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดก็พอมีลักษณะของทูตสันถวไมตรีแห่งเอเชียบ้างแล้ว ตอนนี้เขาจะไม่ยอมให้มีสิ่งไหนมาขัดต่ออุดมการณ์เขาเด็ดขาด!
ช่วงสาย
ณ ห้องทำงาน
ฮาฉีฉีผลักประตูเข้ามา “ผู้กำกับจางคะ เจ้าหน้าที่จากสภากาชาดเอเชียติดต่อเรามาแล้วค่ะ พวกเขาได้ประสานงานที่นั่นไว้แล้ว งานแถลงข่าวจะจัดขึ้นที่ปักกิ่งในอีกสามวันค่ะ มีข่าวประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว และเป็นการถ่ายทอดสดนะคะ พวกเขาขอให้เราเตรียมตัวไว้ด้วย”
จางเย่หัวเราะ “อืม จะจัดอะไรใหญ่ขนาดนั้น?”
ฮาฉีฉียิ้ม “ทูตสันถวไมตรีหนึ่งเดียวในเอเชียนี่คะ ก็ต้องยิ่งใหญ่อยู่แล้ว พวกเขาเองก็ต้องการใช้ความนิยมของคุณเพื่อโปรโมตและทำให้ทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลด้วย”
จางเย่พยักหน้า “ได้ ต้องสนับสนุนแน่นอนอยู่แล้ว”
ฮาฉีฉี “โอเคค่ะ งั้นฉันจะหาคนมาจัดการนะคะ”
ในระหว่างวันนี้เครื่องแฟกซ์ของสตูดิโอทำงานไม่หยุด ทุกหน่วยงานต่างส่งข้อความแสดงความยินดี
สภากาชาดจีน
สภากาชาดญี่ปุ่น
สหพันธ์การกุศลแห่งประเทศจีน
สมาคมการกุศลเอกชนแห่งเกาหลี
สภากาชาดเกาหลี
องค์กรการกุศลเอกชน
และอีกมากมาย องค์กรการกุศลหลายแห่งในหลายประเทศต่างแสดงความยินดี ทั้งยังเชิญจางเย่ไปร่วมกิจกรรมของพวกเขาด้วย อาทิ องค์กรบางแห่งต้องการให้เขาช่วยจัดการประมูลนิทรรศการศิลปะเพื่อการกุศล บางสมาคมต้องการเชิญจางเย่ขึ้นไปยืนบนเวที และยังเชิญเขาไปชนบทเพื่อให้ความอบอุ่นกับเด็กๆ ในพื้นที่ภูเขาที่ยากไร้อีกด้วย
แม้แต่หน่วยงานรัฐบาลจีนก็ส่งจดหมายแสดงความยินดี เสี่ยวหวังเอามาให้ด้วยท่าทีตกใจมาก จางเย่ดูจดหมาย ตราประทับด้านล่างเป็นของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้อความเหล่านี้หมายถึงอะไรแน่นอนว่าจางเย่รู้ดี เขาเองก็ประหลาดใจที่ได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยทะเลาะกับพวกเจ้าหน้าที่ ที่ใหญ่ที่สุดก็คงจะเป็นสมาคมสื่อฯ และกระทรวงวัฒนธรรม คณะกรรมการกีฬาเขาก็ด่า และเคยทะเลาะด้วยมาแล้ว แต่ระดับสูงขึ้นไปนั้นเขาไม่เคยติดต่อมาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรก
เนื้อความจดหมายขอแสดงความยินดี นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังต่อจางเย่ด้านการทำกุศลในอนาคต แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นถ้อยคำที่ปกติทั่วไป แต่จางเย่ก็ให้ความสำคัญต่อมาก เขารีบเรียกประชุมทันที
ปรึกษากันไปด้วย และเรียนรู้ไปด้วย
ทุกคนต่างได้รับการล้างบาปทางความคิด!
สะอาด!
บริสุทธิ์!
สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น!
……
สถานี BTV
“เอ๊ะ”
“ทำไมเหรอ?”
“อาจารย์จางโพสต์เวยป๋อแล้ว!”
“อะไร? ทะเลาะกับใครอีกแล้วเหรอ?”
“รอบนี้ตีกับใคร?”
“เอ่อ ไม่ได้ทะเลาะ…”
……
บ้านจางเสีย
“แม่คะ”
“มีอะไรเหรอ?”
“จางเย่โพสต์ข้อความเวยป๋อหลายบรรทัดมากเลยค่ะ”
“อะไรนะ? เขาด่าใครอีกล่ะ?”
“เอ่อ เขาไม่ได้ด่าคนอื่นค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้มั้ง? ไหนแม่ดูหน่อย”
……
บนเวยป๋อ
หลายคนเห็นแล้วก็พูดไม่ออก บัญชีเวยป๋อของจางเย่และบัญชีเวยป๋อทางการของสตูดิโอจางเย่เริ่มส่งต่อข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการกุศลต่างๆ อย่างเข้มข้น
‘ใครจะมาช่วยพวกเขา?’
‘โปรดยื่นมือของคุณเพื่อช่วยเหลือ!’
‘ผ้าห่มบนเตียงหนึ่งผืน อบอุ่นทั้งชีวิต!’
‘คุณยังกินอาหารอย่างสิ้นเปลืองอยู่ไหม?’
‘เด็กบนดอยไม่มีหนังสือเรียนอีกแล้ว!’
สิบข้อความ!
ห้าสิบข้อความ!
หนึ่งร้อยข้อความ!
ทั้งหมดถูกฟลัดข้อความ!
พวกเขาแชร์ข้อความทั้งหมดไปอีกหลากหลายที่!
สตูดิโอของจางเย่เปลี่ยนจากทีมที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการ กลายเป็นแนวหน้าหลักขององค์กรการกุศลในเอเชียอย่างรวดเร็ว!
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง!
แต่คนในวงการต่างกลอกตาบน!
ชาวเน็ตก็กลอกตามองบน!
“พรูด!”
“นี่อย่างฮา!”
“อาจารย์จาง คุณอย่าเสแสร้งอีกเลยได้ไหม?”
“นายเป็นคนยังไง คนในประเทศมีใครยังไม่รู้บ้าง”
“อย่าแกล้งเลยน่าไม่มีประโยชน์หรอก! มีเวลานายก็เขียนตัวอักษรอีกแผ่นหนึ่งไปบริจาคยังจะดีกว่าอีก!”
“มาสไตล์นี้ฉันล่ะรับไม่ได้จริงๆ!”
“ฉันด้วย ก่อนหน้านี้แค่จางเย่เคลื่อนไหวในเวยป๋อนิดเดียว ภายในประเทศต้องปั่นป่วน ต้องมีการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น!”
“ใช่แล้ว เคยมีโพสต์ไหนของจางเย่ที่ไม่ด่าคนบ้าง!”
“@จางเย่ หยุดสร้างปัญหาแล้วไปนอนไป!”
“ไอ้หมอนี่กลับตัวเป็นคนดีแล้วเหรอ? ก๊าก! ทำไมฉันไม่เชื่อเลยสักนิด!”
“เขากลับตัวเป็นคนดี? งั้นแม่หมูก็คงปีนต้นไม้ได้แล้วล่ะ!”
“เสแสร้งฟ่ะ ฉันจะรอดูว่าหมอนี่จะแสร้งทำได้กี่วัน!”
“ถ้าเขาทนไม่ด่าคนได้ถึงหนึ่งเดือน ฉันจะเขียนชื่อฉันกลับหลังนับจากนี้ไป!”
“เอาเลย ครึ่งเดือนก็สุดๆ แล้วล่ะ!”
“เหอะๆ ฉันคิดว่าครึ่งเดือนก็พอแล้ว!”
เวยป๋อเป็นแอปพลิเคชันที่ดารานิยมใช้งาน แต่เวยป๋อของจางเย่กลับไม่เหมือนคนอื่น สถานะเวยป๋อของเขาในวงการบันเทิงมีความพิเศษมาก การต่อสู้นับไม่ถ้วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศึกสงคราม การปะทะฝีปากหลายครั้งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการบันเทิง ทั้งหมดล้วนเกิดจากเวยป๋อของจางเย่ ดังนั้นทุกคนจึงชินกับการโพสต์ด่าคนอื่นของเขา นี่ถือเป็นเรื่องที่ผู้คนนิยมชมชอบด้วย ดังนั้นเมื่อเห็นเวยป๋อของจางเย่ไม่ได้ด่าใคร ทั้งยังเริ่มโพสต์กิจกรรมการกุศล ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นี่แม่งไม่เข้ากันเลยสักนิด!
ชาวเน็ตล้วนเหน็บแนม!
แฟนคลับของจางเย่ก็มาโห่ร้องด้วย!
……
หลังจากเห็นข้อความเหล่านั้น คนในสตูดิโอก็แทบจะหัวเราะ
แต่มจางเย่กลับแทบจะเป็นลม
ชั่วร้ายมาก! ไม่เคยเห็นใครขวางลำแบบนี้มาก่อนเลย!
ทำไมพี่ชายคนนี้จะเปลี่ยนมาทำการกุศลไม่ได้หา?
ชกต่อย?
ด่าคน?
ฮึ ฉันไม่ใช่ฉันคนเดิมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว!
จากวันนี้เป็นต้นไปพี่ชายจะไม่ด่าใครแล้ว ฉันคือคนที่ใจบุญดุจนักบวช!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น