ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1368-1377
ภาค 10
ตอนที่ 1368
จางเย่กอบกู้สถานการณ์!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ สถานที่จัดงานเทศกาลดนตรี
เสียงเพลงกระหึ่ม แฟนคลับกรีดร้อง!
เอมี่สนุกมาก ร้องตะโกนไปพร้อมกับคนอื่น!
เสี่ยวตงก็โยกตัวและฮัมเพลงตามจังหวะ
มีเพียงสองคนเท่านั้นที่แปลกแยก หนึ่งคือหนิงหลัน เธอรับไม่ไหวกับเสียงเพลงประเภทนี้จนต้องเอามือปิดหูอยู่ตลอด อีกคนคือจางเย่ เขาไม่พูดอะไร ใบหน้าคล้ายหมดความสนใจแล้วอย่างไรอย่างนั้น
หลี่เสี่ยวเสียนถาม “อาจารย์จางไม่ชอบเหรอคะ?”
จางเย่มองเธอแล้วตะโกน “หา?”
เสียงเพลงดังเกินไป
หลี่เสี่ยวเสียนก็ตะโกนถาม “คุณไม่ชอบเหรอ?”
จางเย่เบ้ปาก “เป็นภาษาต่างชาติหมดเลย ฟังไม่เข้าใจ”
เอมี่หันหน้ามาตะโกน “นี่แหละคือเฮฟวี่เมทัลล่ะ!”
จางเย่ตอบกลับเพียง “เหอะๆ”
หนิงหลันก็หัวเราะตาม “เหอะๆ”
เอมี่ประหลาดใจ “เพราะมากเลยนะ!”
เห็นเอมี่เชียร์คนต่างชาติ จางเย่ก็คร้านจะสนใจเธอ
นี่เรียกเพราะเหรอ?
ธรรมดามากเลยต่างหาก!
ทันใดนั้นกลุ่มดาราจากจีนก็ร้องขึ้นมา
“เหล่าเฉินมาแล้ว!”
“ถึงคิวเหล่าเฉินแล้ว!”
“สู้เขา!”
“เยี่ยม ร้องได้ดี!”
“ยังไม่ได้ร้องเลย”
“ฮ่าๆ ฉันซ้อมไว้ก่อนไง”
ถึงตอนนี้จางเย่ถึงเงยหน้าขึ้น
หนิงหลันก็คลายมือที่ปิดหูของเธออยู่ออกเล็กน้อย
การแสดงของเฉินกวง แน่นอนว่าต้องฟังสักหน่อย
ความนิยมของเฉินกวงในเอเชียนั้นไม่เลว แม้ไม่สูงมากแต่ก็ไม่ได้ต่ำมากเกินไป มีแฟนคลับเกาหลีที่ชอบเพลงร็อกอยู่บ้าง นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนหลายคนก็ชอบเขา แต่แน่นอนว่ามันเปรียบเทียบไม่ได้กับดาราเกาหลีเจ้าถิ่นและดารานักร้องเพลงร็อกฝั่งตะวันตก ด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรมก็ดี เหตุผลทางการเมืองก็ดี ในญี่ปุ่นและเกาหลียังนิยมคนผิวขาวและศิลปินดาราเจ้าถิ่นมากกว่า นี่เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก
เสียงเพลงดังขึ้น!
วงดนตรีเป็นของที่นี่ เฉินกวงและจ้าวอู่ลิ่วต่างไม่ได้เอาวงดนตรีมาด้วย เดิมทีพวกเขาสองคนก็ไม่ใช่นักร้องแนวเฮฟวี่เมทัลอยู่แล้ว เพียงเป็นตัวแทนวงการเพลงร็อกของประเทศจีนมาออกงานเป็นแขกรับเชิญเท่านั้น
เฉินกวงตะโกนขึ้นมา
“If you look!”
“Around we’re like!”
“Stars!”
“In the sky!”
เอมี่พูดเสียงดัง “ไม่เลว ไม่เลว!”
เสี่ยวตงหัวเราะ “เพลงนี้นี่เอง!”
หลี่เสี่ยวเสียนก็เคยฟัง “เพลงเฮฟวี่เมทัลร็อกสุดคลาสสิกของอเมริกานี่เอง”
เจี่ยงฮั่นเวย “เสียงเหล่าเฉินใช้ได้เลย”
เดิมทีจางเย่ยังตั้งตารออยู่ พอได้ฟังก็ทำอะไรไม่ถูก
เสียงดี? ดีอะไรกันล่ะ เหล่าเฉินไม่เหมาะกับเพลงประเภทนี้ เขาเป็นนักร้องเพลงร็อก จะเหมือนคนอื่นเขาที่ร้องเพลงแนวเฮฟวี่เมทัลโดยเฉพาะได้อย่างไร
กลุ่มของพวกเขาหยิบ Wifi แบบพกพาออกมาด้วย
จางเย่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเพลงเฮฟวี่เมทัลในโลกนี้บนอินเทอร์เน็ต และพบว่ายังมีไม่กี่ประเภท เริ่มช้าไปหน่อย การเติบโตทางประวัติศาสตร์นั้นแตกต่างจากโลกของเขาอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยก็ช้าไปยี่สิบปี ไม่น่าแปลกใจที่จางเย่ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดในใจ ไม่น่าแปลกใจที่ประเทศจีนในโลกนี้ไม่มีดนตรีเฮฟวี่เมทัลเป็นของตัวเอง ที่แท้ก็เพราะแนวเพลงเฮฟวี่เมทัลของโลกนี้เริ่มช้าเกินไป ยังไม่เติบโตเต็มที่ เทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนานาชาตินี้ก็เพิ่งจัดได้เพียงห้าปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับเพลงในรูปแบบอื่น เพลงแนวเฮฟวี่เมทัลยังอายุน้อยอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม คำวิจารณ์ ‘อายุน้อย’ นี้มีเพียงจางเย่ที่สามารถพูดได้ เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ต่อการเติบโตและความสุกงอมของดนตรีเฮฟวี่เมทัลในโลกเดิม เคยได้ฟังเพลงสุดคลาสสิก และพบเจอวงดนตรีมามากมาย นั่นเป็นเหตุผลที่เขามีคุณสมบัติในการประเมิน แต่สำหรับคนในโลกนี้ รูปแบบเพลงเฮฟวี่เมทัลของที่นี่ในปัจจุบันเป็นฉบับล่าสุดและล้ำสมัยที่สุดแล้ว แน่นอนว่ายังไม่มีความรู้สึกที่ดนตรีสุกงอมอย่างเต็มที่ พวกเขาเองก็ไม่เคยเห็นเพลงเฮฟวี่เมทัลที่พัฒนาจนถึงขีดสุดอย่างแท้จริงมาก่อน บางทีอาจเป็นสองสามปีให้หลัง สิบปีให้หลัง พวกเขาถึงจะได้เห็น
เฉินกวงร้องจบแล้ว
จากนั้นวงดนตรีอื่นก็ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที วงดนตรีก็เป็นวงเฮฟวี่เมทัลจากทั่วโลก บรรยากาศในงานร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
หนิงหลันฟังจนจะอ้วกอยู่รอมร่อ บ่นออกมา “เชี่ย! พวกเราจะกลับกันกี่โมงเนี่ย?”
เอมี่ “เพิ่งเริ่มไปแค่ครึ่งเดียวเองนะ! พี่หนิง ฟังไปอีกหน่อย ใช้ใจฟังสิคะ! พี่จะรู้สึกถึงจิตวิญญาณของดนตรีเฮฟวี่เมทัลอย่างแน่นอน!”
หนิงหลันกลอกตา “ใช่ใจฟัง? ต่อให้ใช้ไตฟังฉันก็ชื่นชมมันไม่ได้!”
จางเย่หัวเราะ เขาก็ไม่สามารถชื่นชมได้เช่นกัน
ผิดพลาด
หยาบกร้าน
เขาฟังแล้วมีแต่ข้อบกพร่องอยู่ทุกที่
และที่สำคัญที่สุด เขาฟังภาษาอังกฤษหรือเกาหลีไม่เข้าใจอยู่แล้ว นี่มีแม้กระทั่งวงที่ร้องเป็นภาษาสเปน สมองหมอนี่จึงคนนี้สับสนไปหมด เทศกาลดนตรีนานาชาติ ทุกประเทศต่างมีเพลงเฮฟวี่เมทัล มีภาษา และการร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลของตัวเอง แต่จีนไม่มี? ประเทศสุดยิ่งใหญ่ต้องเลียนแบบและร้องเพลงของคนอื่น? แค่ได้ยินก็รู้สึกน่าเบื่อแล้ว ไม่รู้สึกมีส่วนร่วมเลยสักนิด
จางเย่เสนอขึ้นมา “พอประมาณแล้วก็กลับกันเถอะ”
หนิงหลัน “ใช่ๆๆ เสียงดังเกินไปแล้ว”
ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ บนเวทีก็มีวงดนตรีเกาหลีร้องเพลงขึ้นมา
ต้าฉีตกใจ “‘BOBO’เหรอ?”
หลี่เสี่ยวเสียนก็ร้องเฮ้คำหนึ่ง “ตอนอยู่บนเครื่องเหล่าจ้าวบอกว่าเขาจะร้องเพลงนี้ไม่ใช่เหรอ?”
เอมี่ตะลึง “เขาบอกเหรอ?”
เสี่ยวตงก็นึกขึ้นมาได้ “น่าจะใช่นะ”
จางเย่ขมวดคิ้ว “เทศกาลดนตรีแบบนี้ ต้องเลือกเพลงไว้ล่วงหน้าแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่สามารถให้สองวงร้องเพลงเดียวกันได้นี่?”
เอมี่ “ใช่ไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฉีเหม่ยหลัน “หรือจะเกิดปัญหา?”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ทุกคนก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
เอมี่ตะโกน “ดูกลุ่มแชตในมือถือเร็ว!”
จางเย่ถาม “กลุ่มแชตอะไรกัน?”
เอมี่ “กลุ่มแชตที่พวกเราตั้งตอนอยู่บนเครื่องไง”
ทุกคนหยิบโทรศัพท์ออกมาดู มันเป็นข้อความจากจ้าวอู่ลิ่ว ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ด้านหลังเวที อีกไม่นานก็ถึงคิวเขาแล้ว!
ในกลุ่มแชต
จ้าวอู่ลิ่ว “เฮ้ มีใครอยู่ไหม?”
ฉีเหม่ยหลันถาม “เกิดอะไรขึ้นเหล่าจ้าว?”
เอมี่ “ทำไมเพลงของคุณถึงโดนคนอื่นเอาไปร้องล่ะ?”
จ้าวอู่ลิ่วด่าอย่างรุนแรง “เชี่ยแม่งเอ๊ย! วงดนตรีเกาหลีเปลี่ยนเพลงกะทันหันน่ะสิ ดันเลือกเพลง ‘BOBO’ แม้แต่ด้านผู้จัดงานพวกเขาก็ยังไม่ได้บอก ขึ้นเวทีไปแล้วถึงได้รู้ ผมเตรียมแต่เพลงนี้มา ไม่ได้เตรียมเพลงอื่นเลย ไม่มีเพลงให้ร้องแล้ว!”
เจี่ยงฮั่นเวยพิมพ์ข้อความ “เปลี่ยนเพลงได้ไหม?”
จ้าวอู่ลิ่ว “ไม่ทันแล้ว วงดนตรีก็ยืมมาแล้ว นัดแนะไว้เรียบร้อยว่าเป็นเพลงนี้ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่นักร้องแนวเฮฟวี่เมทัลอยู่แล้ว ศึกษามาไม่กี่เพลงเอง ภาษาอังกฤษของผมก็ดีกว่าผู้กำกับจางแค่นิดหน่อย ถ้าเปลี่ยนเป็นเพลงอื่น ผมจะจำเนื้อเพลงได้ยังไง? ผมต้องฝึกการออกเสียงใหม่ทั้งหมด มันไม่ทันแน่นอน ไอ้วงดนตรีเกาหลีนั่นชั่วเกินไปแล้ว!”
ฉีเหม่ยหลันแนะนำ “ถ้าเป็นเหล่าเฉินล่ะ?”
จ้าวอู่ลิ่ว “เขาก็เตรียมมาแค่เพลงเดียว”
เอมี่ “งั้นทำยังไงดี?”
จ้าวอู่ลิ่ว “ดังนั้นตอนนี้ฉุกเฉินมาก ใครร้องเฮฟวี่เมทัลเป็นบ้าง? เพลงอะไรก็ได้ เพลงเดียวก็พอแล้ว รีบมาช่วยผมทีเถอะ! ช่วยผมด้วย!”
ฉีเหม่ยหลัน “เข้าใจแล้ว พวกเราปรึกษากันก่อน”
จ้าวอู่ลิ่ว “เหลืออีกสิบนาทีแล้ว!”
เมื่ออยู่ต่างประเทศทุกคนต่างสามัคคีกันอย่างดี
อีกอย่างเรื่องนี้ก็พูดได้ยากว่าคนเกาหลีไม่ได้จงใจขัดขวาง
ฉีเหม่ยหลันในฐานะผู้นำ ถามขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้แล้ว ด้านเหล่าจ้าวเกิดปัญหาขึ้น เราจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี?”
หนิงหลันผายมือ “แค่เพลงป๊อปฉันยังร้องได้ไม่ดีเลยค่ะ เพลงเฮฟวี่เมทัลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”
เจี่ยงฮั่นเวย “ผมก็ร้องเพลงร็อกไม่เป็น”
ต้าฉีแสดงท่าที “ผมยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ร้องไม่ตรงคีย์”
ฉีเหม่ยหลันมองไปทางเอมี่ “เอมี่ เธอได้นิดหน่อยใช่ไหม?”
เอมี่ใกล้ร้องไห้อยู่รอมร่อ “ฉันมีความรู้เล็กน้อยก็จริง แต่ร้องไม่เป็นนะคะ”
เสี่ยวตง “เฮฟวี่เมทัลไม่ค่อยมีคนร้องหรอกค่ะ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่พวกเราสปริงการ์เด็น เสียงก็ไม่ไหวแล้วค่ะ”
พวกเธอเป็นกลุ่มไอดอล ไม่ใช่วงร็อกด้วยซ้ำ
ฉีเหม่ยหลันมองคนสุดท้าย “อาจารย์จางล่ะ?”
จางเย่ทำปากยื่น “เฮฟวี่เมทัลเหรอ?”
ฉีเหม่ยหลัน “ได้ไหม?”
จางเย่หัวเราะ “พอได้ครับ”
หนิงหลันคนแรกที่ไม่เชื่อ “นายร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลได้เหรอ?”
ต้าฉีก็ตะลึง “คุณไม่ได้ภาษาอังกฤษไม่ใช่เหรอ?”
เอมี่ “อาจารย์จาง พูดจริงหรือพูดเล่นคะ? คุณเคยฟังเพลงเฮฟวี่เมทัลเหรอ?”
จางเย่พูดในใจ ตอนที่ฉันฟังเพลงเฮฟวี่เมทัล เธออยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลยมั้ง
ภาค 10
ตอนที่ 1369
การเปิดตัวที่น่าตกใจของ ‘ฝันถึงราชวงศ์ถัง’!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เวลากำลังจะหมดลง!
ต้องรีบแล้ว!
“สรุปใครจะขึ้นไป?”
“มีแค่อาจารย์จางแล้วล่ะ”
“ไม่มีเวลาแล้ว เหล่าจ้าวรออยู่ พวกเรารีบตัดสินใจเถอะ ที่นี่มันต่างประเทศนะ ทุกการกระทำของพวกเราล้วนส่งผลกระทบต่อประเทศ จะทำขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด”
“อาจารย์จางบอกว่าทำได้นี่คะ?”
“งั้นตกลงตามนี้แหละ”
“อาจารย์จาง ลำบากคุณแล้ว”
ทุกคนปรึกษากันเสร็จสิ้น
จางเย่มองพวกเขา “งั้นให้ผมขึ้นแสดงใช่ไหม?”
เอมี่ถอนหายใจ “ไม่มีคนอื่นแล้วล่ะ”
จางเย่พยักหน้า หัวเราะก่อนพูดว่า “โอเค แต่ผมไม่มีวงดนตรีนะ?”
ฉีเหม่ยหลัน “วงดนตรี?”
ต้าฉี “ใช่แล้ว จะทำยังไงเรื่องวงดนตรีล่ะ?”
ทันใดนั้นจางเย่ก็ถามขึ้นมา “เอมี่ ได้ยินมาว่าคุณสามารถตีกลองได้เหรอ?”
เอมี่ตกใจ “หา? อา ได้สิ”
จางเย่มองไปทางเสี่ยวตง “พี่สาวตง ฝีมือเบสไม่ได้ด้อยลงใช่ไหม?”
เสี่ยวตงกะพริบตา “หา? ก็ยังดีอยู่”
จางเย่หันไปทางหลี่เสี่ยวเสียน “สหายเสี่ยวเสียน ยังเล่นกีตาร์ได้อยู่ใช่ไหม?”
หลี่เสี่ยวเสียนตกตะลึง “อ้อ เล่นได้สิ”
จางเย่ดีดนิ้ว “ได้เลย วงดนตรีครบแล้ว!”
ทุกคนอ้าปากตาค้าง
สามสาวจากสปริงการ์เด็นตะโกนด้วยความตกใจ “ไม่ได้หรอก พวกเราไม่ไหว นี่เป็นการแสดงเฮฟวี่เมทัลนะ แม้แต่เพลงร็อกพวกเรายังไม่ค่อยได้เล่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฮฟวี่เมทัลเลย อาจารย์จาง คุณอย่าลากพวกเราลงน้ำเลย คุณหาคนอื่นเถอะ ทางผู้จัดงานเขาให้ยืมวงดนตรีได้นี่?”
จางเย่เหลือบมองพวกเธอ “พวกคุณคิดว่าผมไม่เห็นระดับของพวกคุณหรือไง นี่ไม่ใช่เพราะไม่มีคนแล้วหรอกเหรอ วงดนตรีของทางผู้จัดงานเป็นชาวต่างชาติหมดเลย แล้วผมยังไม่เคยทำงานร่วมกับพวกเขามาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้ เวลาก็ไม่พอแล้ว เหลือแต่พวกคุณสามคนนั่นแหละ!”
ต้าฉี “ใช่แล้ว ที่นี่ก็มีแต่พวกคุณที่เป็นนักดนตรีมืออาชีพ”
หนิงหลันหัวเราะ “คงไม่ให้ฉันกับเหล่าเจี่ยงขึ้นไปหรอกนะ?”
เสี่ยวตงยอมแพ้ “ก็ได้”
เอมี่ก็อยากร้องไห้ “ฉันจะลองดู”
จางเย่ถือโอกาสเรียกพวกเธอเข้ามา “ผมจะอธิบายสั้นๆ ผมเป็นกีตาร์หลัก เสี่ยวเสียน คุณประสานกับผม ทำนองเพลงเป็นแบบนี้…เมื่อผมลงคีย์ต่ำคุณก็ต้องตาม…พี่สาวตง คุณเป็นแบบนี้นะ…ส่วนเอมี่ คุณตีตามสบาย ด้นสดไปเลย…จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตามจังหวะผมให้ได้ก็พอ อย่าเพี้ยน กดเอาไว้ หลังจากนั้นช่วงท่อนบีก็เล่นตามนี้ไปอีกรอบ โอเคไหม?”
พูดไปเขียนไป
สามสาวสปริงการ์เด็นก็ยิ่งช็อก
เอมี่ตกใจ “นี่เพลงอะไรอ่ะ?”
เสี่ยวตงก็ถาม “ทำไมถึงไม่เคยได้ยินทำนองเพลงแบบนี้เลย? มีเพลงนี้ด้วยเหรอ?”
จางเย่กลอกตา “คุณจะสนใจทำไมว่ามันเป็นเพลงอะไร ยังไงผมก็เป็นคนร้อง”
หลี่เสี่ยวเสียนเชื่อฟังมากที่สุด “โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้วอาจารย์จาง”
จางเย่ดูนาฬิกา “ป่ะ ขึ้นไปกัน!”
เสี่ยวตงตบหน้าผาก ฝืนใจเดินตามอยู่ด้านหลังจางเย่
เอมี่ก็กัดฟันและเบิกตากว้าง รวมกับกำลังจะไปเผชิญความตายอย่างไรอย่างนั้น
หนิงหลันดูท่าทางตอนเดินจากไปของพวกเขาก็ขำ “สหายกลุ่มนี้ทำไมทำเหมือนจะขึ้นไปลานประหารอย่างนั้นล่ะ?
ต้าฉีกังวล “นี่ นี่มันจะไหวไหมนะ?”
ฉีเหม่ยหลันหัวเราะ “ไหวไม่ไหวก็ต้องดูเขาแล้วล่ะ”
ต้าฉี “ผมกลัวก็แต่ระดับภาษาอังกฤษของอาจารย์จางจะปล่อยไก่ ร้องเพลงของต่างชาติ ออกเสียงภาษาอังกฤษผิดเพี้ยนไป จะไม่ขายหน้าคนอื่นเขาหรอกเหรอ ด้านล่างเวทีมีชาวต่างชาติเยอะมากเลยนะ”
เจี่ยงฮั่นเวยก็ส่ายหัวอย่างแรง การรวมตัวของวงดนตรีเฉพาะกิจนี้มันเสี่ยงเกินไป
ด้านหลังเวที
จ้าวอู่ลิ่วเดินวนไปเวียนมาอย่างร้อนรน
เฉินกวงยังอยู่ที่นี่พูดคุยปรึกษากับเขา
ขณะนั้นจางเย่ก็พาทุกคนเข้ามา “ขึ้นแสดงเมื่อไรน่ะ?”
เฉินกวงตกใจ “นายมาได้ยังไง?”
เสี่ยวตงหัวเราะขื่น “พวกเรามากู้สถานการณ์แล้วไง”
จ้าวอู่ลิ่วประหลาดใจมาก “เยี่ยมเลย! ก็ยังคงเป็นน้องชายของฉันที่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญ! อาจารย์จาง คุณร้องนำเหรอ? คุณร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลได้จริงๆ?”
จางเย่หัวเราะ “ผมร้องเป็นสิ”
เฉินกวง “นายร้องภาษาอังกฤษได้เหรอ?”
จางเย่หัวเราะไม่ตอบคำ
จ้าวอู่ลิ่ว “ไม่รู้ล่ะ ฉันติดต่อกับทางผู้จัดงานก่อน ต้องเปลี่ยนคน”
เขาลากล่ามที่มาด้วยออกไป สื่อสารกันนานมากกว่าจะเรียบร้อย
ในช่วงเวลานี้จางเย่ก็แลกเปลี่ยนบทเพลงกับสามสาวจากสปริงการ์เด็น ช่วงไหนที่ต้องเข้าจังหวะ ช่วงไหนที่ต้องเน้นหนัก ล้วนสื่อสารกับพวกเธออย่างละเอียด โชคดีที่ทุกคนเป็นเพื่อนเก่าแก่ เคยรวมทีมขึ้นแสดงด้วยกันมาแล้วจึงเข้าใจและเข้าขากันดี
ตอนนั้นเองพนักงานชาวเกาหลีคนหนึ่งก็เข้ามาพูดสองสามประโยค
ล่ามพูดทันที “ถึงคิวพวกเราแล้ว!”
จางเย่หัวเราะ “สหายทั้งหลาย ไปกันเถอะ!”
เสี่ยวตง “โอเค!”
เอมี่ “เชี่ย สู้เว้ย!”
หลี่เสี่ยวเสียน “ฉันก็จะทุ่มสุดตัวแล้ว!”
เฉินกวงเรียกเขาไว้ “เอ๊ะ ทำไมนายไม่เปลี่ยนชุดล่ะ? นายยังใส่ชุดจีนอยู่เลยนะ!”
จางเย่กลับยกมือขึ้นจัดชุดคอปกคล้ายเสื้อผ้าสมัยราชวงศ์ถังของเขา “ไม่ต้องเปลี่ยน!”
เฉินกวงสีหน้าทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าคิดเลยว่าพวกเขาร้องเพลงออกมาจะเป็นอย่างไร
ทั้งสี่คนสูดหายใจเข้าลึกขณะอยู่บริเวณรอทำการแสดง จางเย่กระโดดพาทุกคนขึ้นไปบนเวที!
สถานที่จัดงานอันยิ่งใหญ่!
ผู้ชมเกือบหนึ่งหมื่นคน!
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่พวกเขา!
……
ผู้ชมชาวอเมริกัน
“ว็อท?”
“ใครอ่ะ?”
“ไม่รู้จักนะ”
“ชุดแบบนี้แปลกมาก”
“คนจีนเหรอ?”
……
ผู้ชมชาวเกาหลี
“กรี๊ด นั่นมันสปริงการ์เด็นนี่!”
“ใช่จริงด้วย เสี่ยวตง เอมี่ หลี่เสี่ยวเสียน!”
“พวกเธอมาผิดที่หรือเปล่า?”
“ใช่ นี่มันเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนะ ไม่ใช่เพลงป๊อป!”
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?”
“ฉันรู้จัก เขาคือจางเย่!”
“อะไรนะ? เขาก็คือจางเย่? สตาร์คิงของประเทศจีน?”
“ถูกต้อง!”
……
นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีน
“กรี๊ดดดด!”
“จางเย่!”
“จางเย่นี่นา!”
“เชี่ย หมอนี่มาได้ยังไง?”
“แล้วก็มีสปริงการ์เด็น?”
“พวกเขาจะทำอะไรน่ะ? อาจารย์จ้าวอู่ลิ่วล่ะ?”
“ทำไมถึงเปลี่ยนคน?”
“จางเย่ร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นที่ไหนกันล่ะ!”
“พูดถูก สกิลภาษาอังกฤษของหมอนี่ยังเทียบกับเด็กม.ต้นไม่ได้เลยนะ!”
“นั่นมันชุดราชวงศ์ถังเหรอ?”
“ชุดร่วมสมัยของราชวงศ์ถังมั้ง? ใส่ชุดนี้จะร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลได้ยังไง? อย่างน้อยนายต้องใส่กางเกงหนังสักตัวไหม?”
“พรูด หมอนี่ไม่เป็นมืออาชีพเลย!”
“นี่มันจะมาป่วนชัดๆ!”
……
วงดนตรีเฮฟวี่เมทัลแต่ละประเทศต่างส่ายหัว
โดยเฉพาะวงดนตรีสองสามวงจากญี่ปุ่นและเกาหลีที่มีความคิดเห็นรุนแรง
“นี่มันอะไรกัน?”
“พวกเขาร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลใช่ไหม?”
“ดูการแต่งตัวก็ไม่น่าใช่แล้ว”
“พวกเขาโผล่มาจากไหน?”
“คนจีน? ประเทศจีนไม่มีเฮฟวี่เมทัลนี่นา”
“ต้องร้องเลียนแบบเพลงคนอื่นแน่ น่าเบื่อ”
“เทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลดีๆ แบบนี้ เชิญคนจีนมาทำไมฟะ? มาก่อกวนเหรอ?”
“แค่เอาเพลงที่พวกเขาเตรียมมาไปร้อง พวกเขาก็ไม่มีเพลงให้ร้องแล้วเหรอ? อ่อนชะมัดเลย”
“หมายความว่ายังไง?”
“เมื่อกี้มีวงดนตรีเกาหลีเปลี่ยนเพลง เลยมีปัญหาเรื่องเลือกเพลงกับคนจีนน่ะ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย? พวกเขาก็เลยร้องไม่ได้แล้ว? ได้แต่เปลี่ยนคน? แต่ก็จริงแหละ ประเทศจีนไม่มีเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นของตัวเองนี่ พวกเขาจะร้องได้สักกี่เพลงกัน?”
……
ตรงที่นั่งวีไอพี
เฉินกวงและจ้าวอู่ลิ่วกลับมาแล้ว
หนิงหลันทักทาย “รีบนั่งสิ ใกล้จะเริ่มแล้ว”
เฉินกวงไม่มีความคาดหวังแม้แต่นิด
หัวใจจ้าวอู่ลิ่วเต้นเร็วราวกับตีกลอง เขาส่งเสียงเชียร์อยู่ในใจอย่างเงียบๆ
ฉีเหม่ยหลันใช้ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่เวที
ต้าฉีตะโกน “สู้เขา! สู้ๆ!”
……
บนเวที
จางเย่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างมั่นคง
พวกเสี่ยวตงทั้งสามคนประจำอยู่ที่เครื่องดนตรี
ดูจากการพูดพึมพำของผู้ชมด้านล่างเวที ฟังดูแล้วกลับไม่ใช่เสียงต้อนรับอันอบอุ่น จางเย่อารมณ์ไม่ดีแล้ว วงดนตรีที่ขึ้นมาเล่นก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้ หรือเพราะเขาใส่ชุดราชวงศ์ถัง? คิดว่าเขาร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลไม่ได้? เพราะเขาเป็นคนจีน ก็เลยคิดว่าเขาไม่เข้าใจเพลงเฮฟวี่เมทัล?
จางเย่รู้สึกว่าน่าขำ แต่ก็รู้สึกหดหู่ในใจ
หวนนึกถึงยุคเฟื่องฟูของราชวงศ์ถัง ประเทศจีนแข็งแกร่งขนาดไหน?
เวลานี้พวกเราไม่มีอะไรเลย?
เวลานี้พวกเราทำอะไรไม่ได้เลย?
เวลานี้ในแผ่นดินใครกล้าจะไม่ยอมรับ?
เปลี่ยนชุด?
เปลี่ยนเป็นชุดที่เฮฟวี่เมทัลควรใส่?
เหลวไหลทั้งเพ!
วันนี้ฉันจะใส่ชุดนี้!
วันนี้ฉันจะใส่ชุดราชวงศ์ถัง!
ฉันจะให้นายฟังเพลงเฮฟวี่เมทัลของประเทศจีน!
กีตาร์ไฟฟ้าของจางเย่ส่งเสียงกึกก้อง!
เมโลดีอันหนักหน่วงครอบคลุมทั่วสถานที่จัดงาน เมโลดีสไตล์เฮฟวี่เมทัลที่แข็งแกร่งทำให้ทุกคนที่ฟังต่างประหลาดใจ ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปทางจางเย่ที่อยู่บนเวทีอย่างตกตะลึง!
เสียงเบสดังเข้ามา!
กลองชุดเริ่มบรรเลง!
เมโลดีเริ่มสูงขึ้น!
สีหน้าจางเย่เต็มไปด้วยการรำลึก เขาหลับตาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็เปล่งเสียงร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์หนักหน่วงออกมาดังก้อง เพียงแค่เขาเปิดปาก ผู้ชมทั้งหลายต่างก็ตกตะลึง นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนตะลึง เฉินกวงก็ช็อกไป ฉีเหม่ยหลันทึ่ง หนิงหลันก็อึ้งเช่นกัน แม้แต่สามสาวที่ขึ้นแสดงพร้อมจางเย่ก็ยังตกใจมากจนเกือบจะทำเครื่องดนตรีหลุดมือ!
จางเย่ร้อง
“อันดอกเบญจมาศ ดาบโบราณและสุรา!”
“ถูกกาแฟแทรกซึมความคึกคักของศาลา!”
“ต่างชาตินมัสการแสงจันทร์คนโบราณบนแท่นบูชาสุริยะ!”
“สุดโหยหาไคหยวนยุคแห่งความรุ่งโรจน์!!!”
ทุกคนต้องตกใจอีกครั้ง!
ภาษาจีน!
สวรรค์!
ทำไมถึงเป็นภาษาจีน!
เฉินกวงและจ้าวอู่ลิ่วมองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึง!
หนิงหลันสูดหายใจเฮือกใหญ่!
ต้าฉีเบิกตาโตเป็นไข่ห่าน!
อีกนิดเดียวฉีเหม่ยหลันก็จะยืนขึ้นมาแล้ว!
จางเย่ร้องเสียงสูง
“ลม! พัดพาความเจ็บปวดไม่ได้!”
“ดอกไม้! ไม่สามารถซึมซับความคิดถึง!”
“หิมะ! ไม่อาจสะท้อนเทือกเขาและสายน้ำ!”
“พระจันทร์! กลบเกลื่อนความฝันในอดีตไม่ได้!”
ทันใดนั้นเขาก็ชูมือขวาขึ้น และกางฝ่ามือออก จากนั้นก็ร้องด้วยเสียงอันดังว่า
“ตามโชคชะตาที่ตีตราบนฝ่ามือ!”
“คืนนี้ตื่นขึ้นมาโดยไร้ความฝัน!”
“เดินตามโชคชะตาไปสู่ตำนาน!”
“พาความฝันกลับไปยังราชวงศ์ถัง!!!!”
พาความฝัน?
กลับไปยังราชวงศ์ถัง?
ราวกับมีภาพเสมือนสุดยิ่งใหญ่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา!
ทันใดนั้นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนทั้งหลายก็ยืนขึ้นและคำรามอย่างดุเดือด!
ผู้ชมชาวตะวันตกยืนขึ้นอย่างตกใจ เป็นไปได้ยังไง!
ผู้ชมชาวเกาหลีรู้สึกตะลึงงัน ใบหน้าแสดงความไม่อยากจะเชื่อออกมา!
พระเจ้า!
นี่คือเฮฟวี่เมทัลของจีน?
นี่คือเพลงเฮฟวี่เมทัลของประเทศจีน!?
เป็นไปไม่ได้!
ประเทศจีนไม่มีเฮฟวี่เมทัลไม่ใช่เหรอ!
เป็นไปไม่ได้!
แล้วทำไมเพลงนี้มันถึงสมบูรณ์แบบกว่าเฮฟวี่เมทัลของพวกเขาอีกล่ะ??
ทุกคนต่างช็อกไปแล้ว!
จางเย่ร้องเสียงดัง
“คืนนี้แสงจันทร์ส่องสะท้อนอยู่กลางถ้วยชา!”
“ชายไถนาหญิงทอผ้าวุ่นวายบนเส้นทางสายไหม!”
“คืนนี้แสงจันทร์ส่องสะท้อนอยู่กลางถ้วยชา!”
“สมบัติแห่งสวรรค์ความงดงามของผืนโลก!”
“คืนนี้แสงจันทร์ส่องสะท้อนอยู่กลางถ้วยชา!”
“กลิ่นหมึกจากบทกวีโบยบินบนกระแสน้ำ!”
“คืนนี้แสงจันทร์ส่องสะท้อนอยู่กลางถ้วยชา!”
“วีรบุรุษกล้าหาญบ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง!!!!”
เอมี่เลือดเดือดพลุ่งพล่าน กระหน่ำไม้กลองลงไปไม่หยุด!
เสี่ยวตงเล่นเบสอย่างเมามัน!
ทันใดนั้นจางเย่ก็ใช้วิธีการร้องแหบต่ำตะโกนออกมา
“ระลึกถึงความรุ่งเรืองในยุคไคหยวน!”
“ในแผ่นดินเพื่อนรักสัมพันธ์เหนียวแน่น!”
“ความรู้ในโลกอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด!”
“สิบล้านครัวเรือนร่วมกันพิทักษ์รักษา!!”
เขาก็ชูมือขวาขึ้น!
เฉินกวงชูมือขึ้น!
จ้าวอู่ลิ่วชูมือขึ้น!
ต้าฉีก็ชูมือขึ้น!
แม้แต่หนิงหลันผู้ซึ่งไม่ชอบเพลงเฮฟวี่เมทัลก็ยังชูมือขวาขึ้นเช่นกัน!
ผู้ชมเดือดพล่าน!
ทุกคนตอบสนองเต็มที่!
หนึ่งมือ!
หนึ่งร้อยมือ!
หนึ่งพันมือ!
จางเย่สูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็คำราม
“ตามโชคชะตาที่ตีตราบนฝ่ามือ!”
“คืนนี้ตื่นขึ้นมาโดยไร้ความฝัน!”
“เดินตามโชคชะตาไปสู่ตำนาน!”
“ราวกับย้อนไปยังความฝันสมัยราชวงศ์ถัง!!!!!”
คลื่นน้ำโหมพล่านสาดซัด!
งดงามแพรวพราว!
พลุ่งพล่านปั่นป่วน!
ภาคภูมิและหยิ่งทระนง!
บ้าไปแล้ว!
ทุกคนล้วนกำลังบ้าคลั่ง!
วินาทีนั้นเลือดในกายของเฉินกวงจ้าวอู่ลิ่วเดือดพล่าน!
วินาทีนั้นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนนับไม่ถ้วนต่างมีน้ำตาเอ่อล้นที่ดวงตา!
นี่คือเฮฟวี่เมทัลที่เป็นของพวกเราเอง!
วันนี้ ในที่สุดประเทศจีนก็มีเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นของตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว!
……
วันนี้
ณ วันนี้
เพลงที่บุกเบิกแนวเฮฟวี่เมทัลจีนในโลกเดิมของจางเย่ เพลงเฮฟวี่เมทัลสุดคลาสสิคของจีน เพลงเฮฟวี่เมทัลที่ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งที่สุดของจีน ‘ฝันถึงราชวงศ์ถัง’ เผยโฉมแล้ว!
เสื้อผ้ายุคราชวงศ์ถัง
บทเพลง ‘ฝันถึงราชวงศ์ถัง’
จางเย่และสปริงการ์เด็นได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งเอเชีย!
ภาค 10
ตอนที่ 1370
การแสดงปิดท้าย ‘น่าอับอาย’!
โดย
Ink Stone_Fantasy
การแสดงจบลงแล้ว
ผู้ชมด้านล่างเวทีกรีดร้องกันทั้งงาน!
“สุดยอดเลย!”
“สวรรค์!”
“มารดามันเถอะ นี่สิถึงเรียกว่าเพลงเฮฟวี่เมทัล!”
“เหมือนเลือดในร่างกายกำลังเผาไหม้เลย!”
“นี่คือเพลงเฮฟวี่เมทัลของพวกเราเอง!”
“อาจารย์จางยอดเยี่ยม!”
“ฝันถึงราชวงศ์ถังอันยอดเยี่ยม!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนนับไม่ถ้วนต่างตะโกนชื่อจางเย่!
ชาวต่างชาติหลายคนก็ร่วมตะโกนด้วย สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมแล้ว!
เหล่าวงดนตรีที่ร่วมแสดงต่างมึนงง วงดนตรีคนขาวอีกหลายวงก็ดูอย่างตะลึง เพลงเมื่อกี้ทำให้พวกเขาเปิดหูเปิดตาจริงๆ เพลงเฮฟวี่เมทัลนี้แตกต่างจากสไตล์ของพวกเขาค่อนข้างมาก เห็นได้ชัดว่าเพิ่มองค์ประกอบของตนเองเข้าไป นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดและสไตล์ของชนเผ่าอยู่ พวกเขาฟังจบก็ได้รับประโยชน์มากมาย ทั้งรู้สึกสดใหม่ และได้เรียนรู้เพลงระดับชั้นสูงมาก ไม่รู้ว่าพวกเขารู้สึกผิดไปหรือไม่ว่าเพลงเฮฟวี่เมทัลของคนจีนนี้ ‘ก้าวหน้า’ กว่าพวกเขาเยอะมาก! น่าตกตะลึงเกินไปแล้ว! ราวกับเพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่ได้มีอยู่ในยุคนี้!
วงดนตรีเกาหลีสองสามวงสีหน้าไม่น่าดู ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้! พวกเขาเพิ่งหัวเราะเยาะประเทศจีนที่ไม่มีเพลงเฮฟวี่เมทัลของตัวเองไป ตอนนี้กลับถูกจางเย่ตอกใบหน้าเข้าอย่างจัง จางเย่? คือสตาร์คิงของประเทศจีนที่เคยต่อยตีกับลีอันซู ดาราเกาหลีของพวกเขาใช่ไหม? ไอ้หมอนี่มันโผล่มาจากไหนกันแน่!
……
จางเย่กระโดดลงเวที
วงสปริงการ์เด็นเดินตามลงมาทีหลัง
มีวงดนตรีญี่ปุ่นวงหนึ่งขึ้นแสดงเป็นวงถัดไป
เทศกาลดนตรียังคงดำเนินต่อไป
……
พอมาถึงด้านหลังเวที ทุกคนก็ระเบิดแล้ว!
เสี่ยวตงตะโกน “สนุกมาก! สนุกสุดๆ ไปเลย!”
หลี่เสี่ยวเสียนตื่นเต้น “นี่ เพลงนี้มันสุดยอดมากเลย!”
เอมี่คว้าแขนของจางเย่ “อาจารย์จาง! คุณคือพี่ชายของฉัน! พี่ชายสุดที่รัก! คุณเทพมาก! เพลงก็ร้ายกาจมาก! เชี่ย อย่างเทพเลย!”
เสี่ยวตง “ฉันค้นพบว่าฉันตกหลุมรักเพลงเฮฟวี่เมทัลเข้าซะแล้ว!”
เอมี่หัวเราะฮาๆ เสียงดัง “ครั้งนี้ราศีจับพวกเราแล้ว! ครั้งนี้พวกเราสร้างชื่อเสียงให้กับวงการเพลงร็อกของประเทศจีนแล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่วงการเพลงร็อกจีนได้ส่งเสียงบนเวทีเฮฟวี่เมทัลระดับนานาชาติ! เจ๋งไปเลย! อาจารย์จาง พวกเราจะดังแล้วใช่ไหมคะ?”
จางเย่หัวเราะ “ใครจะรู้ล่ะ ร้องเพลงสนุกก็โอเคแล้ว”
หลี่เสี่ยวเสียน “ต้องดังแน่นอนอยู่แล้ว เธอดูผู้ชมด้านล่างเวทีสิ บ้าคลั่งกันขนาดไหน!”
เสี่ยวตงประหลาดใจ “ใช่ คนหลักพันต่างชูมือขวาขึ้นมากันหมด ฉากนั้นมันสุดยอดมาก! แม้แต่ชาวต่างชาติยังถูกพวกเราทำให้ตะลึงเลย!”
เวลานี้ด้านหลังเวทียังมีวงดนตรีอีกสองสามวง
สมาชิกวงดนตรีฟินแลนด์คนหนึ่งมองพวกเขาและยิ้มอย่างซื่อๆ
สมาชิกวงดนตรีฟินแลนด์คนหนึ่งชูนิ้วโป้งขึ้นให้พวกเขา
พวกจางเย่ก็ส่งยิ้มกลับไป
จางเย่หยิบน้ำดื่มขึ้นมาหนึ่งขวดก่อนพูด “ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะ เหนื่อยแทบตายแล้ว”
เอมี่ยังคงความตื่นเต้น “เหนื่อยที่ไหนกัน ฉันกำลังสนุกเลย”
จางเย่กลอกตา “คุณไม่เหนื่อย แต่ผมเหนื่อย เสียงแหบหมดแล้ว”
เสียงของเขาไม่ใช่สไตล์เฮฟวี่เมทัล ที่ร้องไปเมื่อครู่เขาต้องดัดเสียงเอา เพลงนี้ร้องยากมาก คนธรรมดาไม่สามารถร้องได้ จางเย่เองก็ต้องสูญเสียพลังงานไปไม่น้อย
หนึ่งเพลง
สองเพลง
สามเพลง
ในที่สุดการแสดงเพลงสุดท้ายก็จบลงแล้ว
เพลงในลิสต์ทั้งหมดของเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนานาชาติขึ้นแสดงหมดแล้ว!
จางเย่หัวเราะ “ไปกันเถอะ”
สามสาววงสปริงการ์เด็นก็เตรียมตัวจะกลับแล้ว
คนของทางผู้จัดงานกลับเข้ามาบอกกับพวกเขา ตามธรรมเนียมของเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลทุกปี หลังจากที่ทุกวงร้องเพลงเสร็จแล้วจะมีวงที่ได้กลับขึ้นมาแสดงเพลงสุดท้าย นั่นคือวงดนตรีที่ได้รับเสียงเชียร์มากที่สุดนั่นเอง ทุกปีล้วนเป็นเช่นนี้
จางเย่ไม่ได้ใส่ใจ เขาคิดว่ายังไงก็คงวนมาไม่ถึงพวกเขา
แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหน้าเวที เขากับสาวๆ สปริงการ์เด็นก็ต้องตกตะลึง!
เสียงกรีดร้องถล่มทลาย!
พวกเขาตะโกนชื่อของแต่ละคนออกมา!
“สตรองวินด์!”
“จางเย่!”
“ดับเบิ้ลยูไอไนน์ตี้ไนน์!”
“วงเอสเอส!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
แรกเริ่มผู้ชมต่างตะโกนเรียกชื่อแต่ละวง หลายวงดนตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่างก็ถูกเรียกชื่อ แต่ว่าหลังจากนั้นเสียงคำรามของนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนกว่าร้อยคนก็บดบังเสียงจากผู้คนนับไม่ถ้วน ยิ่งตะโกนยิ่งดัง เสียงตะโกนดังขึ้นเรื่อยๆ จนถึงท้ายที่สุดก็มีชาวต่างชาติจำนวนมากร่วมตะโกนพร้อมกัน!
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
ผู้ชมตะโกนเสียงดัง!
จางเย่ชี้มาที่ตัวเอง “เรียกพวกเราเหรอ?”
เอมี่ “ใช่! คือพวกเราเอง!”
เสี่ยวตง “สวรรค์ เป็นพวกเราจริงสิ?”
หลี่เสี่ยวเสียนร้อนรน “จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดี?”
จางเย่หัวเราะ “ทุกคนเรียกร้องขนาดนี้ งั้นก็เอามาอีกสักเพลงเถอะ!”
เสี่ยวตง “คุณยังมีเพลงเฮฟวี่เมทัลภาษาจีนเพลงอื่นอีกเหรอ?”
เอมี่ก็ไม่กล้าเชื่อ “ยังมีอีกไหม?”
จางเย่หัวเราะไม่ตอบคำ
ยังมีอีกไหม?
เธอโยนคำว่า ‘ไหม’ นั่นทิ้งไปซะ!
ณ ที่นั่งวีไอพี
เฉินกวงช็อกไปแล้ว!
จ้าวอู่ลิ่วก็ซาบซึ้งจะน้ำตาเกือบไหลออกมา!
ต้าฉีประหลาดใจ “ชาวต่างชาติตะโกนเรียกจางเย่เหรอ?”
ฉีเหม่ยหลันสูดหายใจเข้า “นี่คือการขอให้เขาขึ้นแสดงอีกรอบ เพลงนั้นของจางเย่ทำให้ผู้ชมตกตะลึงได้จริงๆ!”
เฉินกวงทั้งแปลกใจทั้งตื่นเต้น “แต่ แต่เขายังร้องได้อยู่ไหม?”
จ้าวอู่ลิ่วก็ได้สติกลับคืนมาแล้ว “เอ๊ะ ใช่สิ เขาจะเอาเพลงที่ไหนขึ้นไปร้องอีกกัน?”
เจี่ยงฮั่นเวยมองไปทางเวทีที่ไร้เงาคน “พวกเขาไม่ออกมาเหรอ?”
ฉีเหม่ยหลันกังวล “ไม่มีเพลงแล้วจริงๆ เหรอ?”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
คนยังไม่ออกมา?
ผลคือผู้ชมตะโกนดังขึ้นกว่าเดิม!
ในกรุงโซล บนเวทีดนตรีระดับนานาชาติ คนนับหมื่นเรียกชื่อคนจีนคนหนึ่ง นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน? นี่คือการได้รับเกียรติขนาดไหนกัน?
วงดนตรีต่างประเทศทั้งหลายมองดูจนโง่งมไปแล้ว!
วงดนตรีจากเกาหลีทั้งหลายมีสีหน้าทะมึน!
พวกเขาสิถึงจะเป็นวงดนตรีเจ้าถิ่น!
ที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกเขา!
แต่ที่ทุกคนเรียกร้องให้แสดงรอบสุดท้ายกลับเป็นวงดนตรีจากประเทศจีน?
มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไง!
ขณะนั้นเสียงตะโกนเรียกก็ดุเดือดมากขึ้น!
“กรี๊ด!”
“ออกมาเถอะ!”
“จางเย่!”
“ขอจางเย่!”
“สปริงการ์เด็น!”
“ขออีกเพลงหนึ่ง!”
“ขออีกเพลงหนึ่ง!”
“ขออีกเพลงหนึ่ง!”
บนเวที
จางเย่พาทีมของเขากระโดดขึ้นมาแล้ว!
ขออีกหนึ่งเพลง?
ได้เลย!
อีกสิบเพลงก็ยังได้!
เวลานั้นเสียงเบส กีตาร์ และกลองชุดล้วนบรรเลงขึ้นมา!
เพียงแค่จางเย่เริ่มร้อง เสียงของเขาก็จุดชนวนผู้ชมอีกครั้ง!
“เฮ้!!!!!!!!!!”
“โว้ว!!!!!!!!”
ผู้ชมด้านล่างบ้าคลั่งไปแล้ว!
ทุกคนกำลังพลุ่งพล่าน!
จางเย่ร้องเสียงดัง
“เธอและฉันอยู่ท่ามกลางฝูงชน!”
“พบเจอขัดเกลาซึ่งกันและกัน!”
“เธอและฉันอยู่ท่ามกลางฝูงชน!”
“แสร้งว่าซื่อตรงใบหน้าคงซึ่งรอยยิ้ม!”
“ไม่ต้องพูดใดใดด้วยตัวเราต่างรู้!”
“ที่แท้แล้วเธอและฉันอยากทำสิ่งใด!”
“อย่าได้ใส่ใจและยิ่งไม่ต้องเสียใจ!”
“เธอจะเข้าใจฉันได้ในสักวันหนึ่ง!”
เฉินกวงไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแล้ว!
วินาทีนี้จ้าวอู่ลิ่วก็ตื่นเต้นจนลืมตัว!
หนิงหลินกรีดร้อง!
ต้าฉีคำราม!
ยังมีอีก!
ยังมีเพลงอีกจริงๆ!
เยี่ยมมาก!
อาจารย์จางสุดยอดไปเลย!
จางเย่ร้องเสียงสูง “ไม่เชื่ออีกแล้ว!”
เสี่ยวตงเพิ่งเรียนร้องเมื่อสักครู่ “เชื่อเหตุผลไปทำไม!”
จางเย่กับเอมี่ตะโกนพร้อมกัน “เดิมทีผู้คนก็ไม่เคยแยแสสิ่งใด!!!”
จางเย่ “ไม่จดจำอีกแล้ว!”
หลี่เสี่ยวเสียนร้องเสียงสูง “จดจำอดีตเพื่ออะไร!”
จางเย่ เสี่ยวตง หลี่เสี่ยวเสียน เอมี่ “ตัวฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป!!!!”
ผู้ชมกรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง ชูมือโบกไปมาอย่างบ้าคลั่ง!
มีคนฟังจนร้องไห้!
เวลานั้นเอง
เสียงกีตาร์เบาลง
เสียงกลองเงียบไปแล้ว
เสียงเบสดังขึ้นเป็นพักๆ
หนึ่งวินาที
สองวินาที
จางเย่ในชุดราชวงศ์ถังจับหน้าอกตนเอง และหลับตาลง
“ครั้งหนึ่งฉันเคยรู้สึกโดดเดี่ยว”
“และเคยถูกผู้อื่นเมินเฉย”
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น สีหน้าเด็ดขาดปราศจากความรู้สึก เขาตะโกนด้วยเสียงอันกึกก้อง “แต่ฉันไม่เคยรู้สึกอับอาย!!!!!”
ผู้ชมเลือดเดือดพลุ่งพล่าน!
ทุกคนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกแล้ว!
กรีดร้อง!
คำราม!
ฟั่นเฟือน!
ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับการยกเว้น!
เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายได้กระแทกลงกลางใจของดาราจากประเทศจีนทุกคน!
เคยโดดเดี่ยว
ถูกเมินเฉย
แต่ไม่เคยรู้สึกอับอาย!?
จางเย่!
ที่จริงแล้วนายเป็นคนยังไงกันแน่??
ภาค 10
ตอนที่ 1371
ความนิยมในเอเชียเพิ่มขึ้นแล้ว!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในคืนนั้น
การแสดงประสบความสำเร็จอย่างมาก
การร้องเพลงของจางเย่ ทำให้เขาคว้าชื่อเสียงในเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนานาชาติมาได้
แต่แม้งานจะเลิกแล้ว ผู้ชมเกือบหมื่นคนกลับไม่ยินดีที่จะกลับไป พวกเขายังตื่นเต้นค้างอยู่ และกำลังตะโกนเรียกคนคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง ชื่อของคนจีนคนหนึ่ง!
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
“จางเย่!”
เพลง ‘ฝันถึงราชวงศ์ถัง’!
เพลง ‘น่าอับอาย’!
ทำให้ผู้ชมทุกคนสะบัดหัวอย่างเมามัน!
เยี่ยมมาก!
เยี่ยมสุดๆ!
……
เมื่อกลับขึ้นไปบนรถบัส
จางเย่มีสีหน้าคล้ายยังไม่หายอยาก
เพลงของราชวงศ์ถัง
เพลงของวงเสือดำ
วันนี้เขาได้หยิบมันออกมาแล้ว สะใจ! สาสมใจมาก!
แม้ว่าจางเย่จะไม่ใช่มืออาชีพด้านนี้ แต่เขาก็มีเพลงร็อกอยู่ในหัวใจและกระดูก!
บนรถ
จางเย่และสามสาวสปริงการ์เด็นถูกทุกคน ‘รายล้อม’ อยู่!
ต้าฉียกนิ้วโป้งให้อย่างตื่นเต้น “อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงแล้ว สุดยอด! สุดยอดมาก! พวกคุณเห็นบรรยากาศในงานหรือเปล่า? คนนับหมื่นตะโกนเรียกชื่อคุณ! คนนับหมื่นส่งเสียงเชียร์! คอนเสิร์ตธรรมดาในประเทศเรามีบรรยากาศแบบนี้ที่ไหนกัน มีเพียงเพลงเฮฟวี่เมทัลเท่านั้นที่มันบ้าคลั่งได้ขนาดนี้! ผมอยู่ด้านล่างฟังจนเลือดในตัวเดือดพล่านเลย ผมกับเหล่าเฉิน เหล่าจ้าวตะโกนจนเสียงแหบแห้งแล้ว!”
จางเย่หัวเราะ “ฮ่าๆ”
เอมี่พูดเสียงดัง “ฉันก็สะใจมาก!”
เสี่ยวตงปลื้มใจ “วันนี้ได้ปลดปล่อยจริงๆ!”
“ใช่!” หลี่เสี่ยวเสียนพูด “ใครบอกว่าประเทศจีนไม่มีเพลงเฮฟวี่เมทัลกันล่ะ!”
ฉีเหม่ยหลันฟังถึงตรงนี้ก็ยิ้มออกมา “วันนี้ฉันถึงได้รู้แล้วว่าฉายา ‘จอมตอกหน้าจาง’ มีที่มายังไง ฉันไม่เคยสนใจมาก่อน แถมยังสงสัยว่าทำไมคนอื่นมักเรียกเขาแบบนี้”
เอมี่ “ฮ่าๆ คุณเพิ่งรู้เหรอคะพี่สาวหลัน? อาจารย์จางเดินสายตอกหน้าคนอื่นมานานหลายปีแล้ว! ตอนนี้ก็ออกมาเดินนอกประเทศต่อแล้ว!”
หนิงหลันหัวเราะ “ฉันไม่เคยฟังเพลงเฮฟวี่เมทัลมาก่อน วันนี้ตอนฟังคนอื่นร้อง ในความคิดฉันคือมันน่าหนวกหูมาก สะเทือนจนฉันปวดหูเลย แต่ตอนอาจารย์จางของพวกเราร้องฉันกลับไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ยังชอบฟังด้วยซ้ำ นี่มันอะไรกัน? มันคือความสามารถเฉพาะตัวของอาจารย์จางน้อยนี่เอง! ฮ่าๆ!”
จางเย่เสแสร้งโบกไม้โบกมือ “พี่สาวหลัน ชมเกินไป ชมเกินไปแล้ว”
จ้าวอู่ลิ่วสูดหายใจเข้า “ผู้กำกับจาง วันนี้ผมยอมคุณเลยจริงๆ ยอมรับอย่างสมบูรณ์! มีอะไรบ้างที่คุณทำไม่ได้? เพลงเฮฟวี่เมทัลคุณก็ทำออกมาในสไตล์จีนได้? หรือเพิ่งแต่งได้ในงาน? คุณรู้ไหมว่าวงดนตรีในประเทศจีนมีอยู่มากมายแต่ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้กลับไม่มีผลงานดีๆ ออกมาเลย? รู้แบบนี้ตั้งแต่แรกนะ พวกเราจะไปให้คุณสอนตั้งนานแล้ว! พวกเราจะได้ส่งเสียงเพลงร็อกจีนในเวทีต่างประเทศตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วแน่ๆ!”
จางเย่พูด “ผมแค่ช่วยคุณกู้สถานการณ์เฉยๆ ไม่ได้เป็นมืออาชีพด้านนี้”
เฉินกวงหัวเราะเสียงดัง “นายกู้สถานการณ์ที่ไหนกันล่ะ นายมันสั่นสะเทือนเวทีต่างหาก นายรู้ไหม? วันนี้นายร้องเพลงทำให้เพลงเฮฟวี่เมทัลร็อกของจีนพลิกบทบาทใหม่แล้ว! ทั้งสองเพลงนั้นเป็นผลงานบุกเบิกวงการเพลงเฮฟวี่เมทัลของจีน! เป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงเลยล่ะ! นอกจากนี้ยังช่วยวงดนตรีเฮฟวี่เมทัลในประเทศที่ยังสะเปะสะปะให้เจอลู่ทาง นายมีสถานะเทียบเท่ากับปรมาจารย์ นักร้องเฮฟวี่เมทัลรุ่นหลังจะมีใครลืมชื่อของนายได้? ต่อไปถ้าพูดถึงประวัติความเป็นมาของเพลงเฮฟวี่เมทัลในจีน ที่พวกเขาจะกล่าวถึงเป็นชื่อแรกก็คือชื่อของนาย! ในเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนานาชาติครั้งที่ห้านี้! ความสำเร็จของนายจะคงอยู่ตลอดไป!”
จางเย่ร้องโอออกมาคำหนึ่ง “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ไม่ถึงขนาดนั้น”
เสี่ยวตงฟังแล้วก็กลอกตาเล็กน้อย “อ้าว อ้าว แล้วพวกเราล่ะ? ไม่มีใครพูดถึงพวกเราเลย?”
เอมี่ก็ไม่สนุกแล้ว “ใช่แล้ว คุณูปการของพวกเราล่ะ?”
ทุกคนรีบเยินยออย่างรวดเร็ว
“พวกคุณก็สุดยอดมากนะ”
“ใช่ จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์แล้ว!”
“อ่าๆ ทักษะเบสของพี่สาวตงเยี่ยมยอดมากเลย!”
“เสียงกลองของเอมี่ก็ตีได้ถึงใจมาก!”
“ใช่แล้ว ยากจะเชื่อว่าเป็นการรวมตัวก่อนขึ้นแสดงจริงๆ”
“ร้องก็เพราะมากด้วย!”
“ท่อนที่พวกคุณทั้งสามคนร้องในช่วงสุดท้าย มันเจ๋งสุดๆ เลย!”
คำสรรเสริญเยินยอพวกนี้ทำให้สามสาวจากสปริงการ์เด็นมีความสุขจนตัวลอย
เอมี่ยืดอก “ต่อไปนี้พวกพี่สาวก็คือนักร้องเฮฟวี่เมทัล!”
เสี่ยวตงก็พูดเล่นว่า “ใช่แล้ว พวกเราเปลี่ยนแนวแล้ว ไม่ใช่กลุ่มไอดอลเยาวชนอีกต่อไป!”
จางเย่ “…”
หลี่เสี่ยวเสียน “…”
ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา
แต่วันนี้ก็มีความสุขมากจริงๆ!
พวกเขาเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ประเทศจีนจริงๆ!
……
อีกด้านหนึ่ง
ที่ไหนสักแห่งในกรุงโซล
สถานที่ทำงานของทีมดาราเกาหลีลีอันซู
“โอปป้า! โอปป้า!”
“มีอะไรเหรอ?”
“จางเย่คนนั้นมาที่กรุงโซลค่ะ!”
“อะไรนะ? เขามาทำไม?”
“น่าจะเพราะงานเลี้ยงการกุศลที่จะมีในวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อกี้เขาและคนของทีมดาราจากจีนไปร่วมงานเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลระดับนานาชาติ เขาขึ้นแสดงด้วยนะคะ แล้วยังใช้วงสตรองวินด์ข่มวงดนตรีเกาหลีที่โด่งดังที่สุดของเราและวงดนตรีอื่นจากต่างประเทศเสียมิด! ในงานต่างบ้าคลั่งกันมาก! คิดไม่ถึงเลยจริงๆ!”
“เป็นไปได้ยังไง!”
“จริงๆ นะคะ! หนึ่งในทีมงานของเราอยู่ในงานด้วยค่ะ!”
“คนจีนร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลได้ที่ไหนกันล่ะ!”
……
เครือข่ายสังคมออนไลน์เกาหลี
“วิดีโอออกมาแล้ว!”
“ฉันจะแนะนำวิดีโอหนึ่งให้พวกนาย ทุกคนลองไปดู!”
“อะไรเหรอ?”
“เพลงจากเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัล!”
“ว้าว เพลงนี้สุดยอดไปเลย!”
“สั่นสะเทือน เลือดพล่านมาก!”
“เขาคือใคร?”
“สตาร์คิงของประเทศจีน และเป็นดาราระดับเอของเอเชีย!”
“ไม่รู้จักอ่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้จัก”
“หา? นี่ใช่ผู้เล่นหมากล้อมอันดับหนึ่งของโลกหรือเปล่า?”
“ถูกต้อง เขานั่นแหละ!”
“โอ้ๆ พอบอกฉันก็นึกออกเลย!”
……
ณ ญี่ปุ่น
ในอินเทอร์เน็ต
“คลาสสิกสุดๆ!”
“ใครชอบเพลงเฮฟวี่เมทัลต้องฟังแล้วล่ะ!”
“ยากจะเชื่อว่านี่เป็นผลงานของคนจีน!”
“จางเย่คือใคร?”
“เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยของจีน คนที่พานักศึกษามาด่าแขกในปีนั้นไง”
“อา? เขานั้นเอง!”
“เขาร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ?”
“อืม ได้ยินมาว่าเขาเป็นดาราที่อยู่บนจุดสูงสุดของจีนเลยล่ะ!”
“ถูกต้อง มีชื่อของเขาอยู่บนทำเนียบดาราระดับเอของเอเชียด้วย!”
……
แม้แต่สื่อเอเชียก็ยังรายงานข่าวนี้!
นักข่าวในเอเชียก็ตกใจเช่นกัน!
เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก!
‘เทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลนานาชาติเปิดฉากขึ้น!’
‘ดาราจากจีนสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้ชม!’
‘จีนเปิดตัวเพลงเฮฟวี่เมทัลในเอเชีย!’
‘บทเพลง ‘ฝันถึงราชวงศ์ถัง’ ได้รับความนิยมในเทศกาลดนตรี!’
‘ดาราชาวจีนยึดครองการแสดง!’
‘จางเย่ : จุดด่างพร้อยของดาราเอเชียระดับเอ!’
……
เทปบันทึกภาพเทศกาลดนตรีเผยแพร่ออกไปแล้ว!
เป็นซาวน์แทร็กต้นฉบับของทั้งสองเพลง!
นี่ทำให้คะแนนนิยมของจางเย่ในทวีปเอเชียเพิ่มสูงอย่างมาก!
และเป็นครั้งแรกที่จางเย่เกิดความคิดริจะก้าวขึ้นไปบนเวทีต่างประเทศ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งเอเชียและสื่อมวลชนด้วยวิธีนี้!
ในคืนวันเดียวกันนั้น
ทำเนียบดาราระดับเอเชียก็อัปเดตแล้ว
คะแนนนิยมของจางเย่บนทำเนียบเพิ่มขึ้นไม่น้อย!
ภาค 10
ตอนที่ 1372
ข่าวมาถึงในประเทศ!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เช้าวันต่อมา
ทางฝั่งประเทศจีนเพิ่งได้รับข่าวนี้
ที่สตูดิโอจางเย่ ทุกคนมาทำงานกันแล้ว
“อรุณสวัสดิ์”
“ผู้กำกับฮา อรุณสวัสดิ์ครับ”
“พี่จั่ว มาแล้วเหรอคะ?”
“อรุณสวัสดิ์ครับ เมื่อคืนไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีค่ะ หลังจากที่ผู้กำกับจางได้ขึ้นระดับเอส เสียงด่าทอก็ลดน้อยลงแล้ว”
“ฮะ เกิดอะไรขึ้น? มันเป็นมายังไงเนี่ย?”
“มีอะไรเหรอเสี่ยวหวัง?”
“พวกคุณดูสิคะ ทำไมคะแนนนิยมในทำเนียบดาราระดับเอเชียของผู้กำกับจางถึงได้เพิ่มขึ้นขนาดนี้?”
“ขึ้นนิดๆ หน่อยๆ มันก็เป็นเรื่องปกตินี่?”
“ไม่ใช่นิดหน่อยค่ะ เพิ่มขึ้นเยอะมากเลย!”
“อะไรนะ? ไม่ใช่มั้ง”
“นั่นสิ การประมูลเพื่อการกุศลจะเริ่มขึ้นในคืนนี้ไม่ใช่หรือ? อีกอย่างกิจกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้กำกับจางปรากฏตัวในทวีปเอเชียมากขึ้น ให้คนรู้จักเขามากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้คาดหวังว่าจะเพิ่มคะแนนนิยมอะไรมากมายเลยนะ!”
“เธอลองดูสิ!”
“เชี่ย เพิ่มขึ้นจริงด้วย!”
“นี่มันอะไรกัน? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ผู้กำกับไปก่อเรื่องที่ต่างประเทศอีกแล้วเหรอ?”
พวกเขามึนงงไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้แต่รีบร้อนติดต่อไปสอบถาม
……
ที่สื่อหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง
“อะไรนะ?”
“เรื่องจริงเหรอ?”
“จางเย่สร้างความตะลึงให้กับชาวต่างชาติที่เกาหลี?”
“เทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัล?”
“เชี่ย! มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”
“สื่อเอเชียต่างรายงานข่าวแล้วเหรอ?”
“เร็วๆๆ! รีบทำความเข้าใจสถานการณ์เลย!”
“แล้วทำไมจางเย่ถึงไปร่วมงานเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลได้เนี่ย!”
……
ที่ CCTV
“มีเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
“อะไรเหรอ? เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่อะไร?”
“ข้อมูลล่ะ?”
“ข้อมูลเกี่ยวกับเทศกาลดนตรีล่ะ?”
“อะไรคือไม่มี?”
“ไปหามาสิ! ด่วนเลย!”
“ต้องเอาเทปบันทึกภาพเทศกาลดนตรีเมื่อคืนมาให้ได้!”
……
ที่บ้านพ่อแม่
ในแวดวงสังคม
“เหล่าจาง!”
“อ้าว พี่สาวซุน”
“เย่น้อยบ้านคุณทำตัวเด่นอีกแล้วล่ะ!”
“หา? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“คุณไม่ได้ดูข่าวเหรอ? เขาร้องเพลงที่เกาหลีทำให้ต่างชาติตกใจกันไปหมด!”
“ร้องเพลงอะไรเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
……
ในตอนนี้
ข่าวลือบินว่อนไปทั่วประเทศแล้ว!
ที่ช้ากว่านั้นไม่ใช่เพราะความแตกต่างด้านเวลา และไม่ใช่เพราะข่าวถูกบล็อก สาเหตุหลักมาจากสื่อมวลชนของจีนไม่สนใจงานเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลระดับนานาชาติ เพราะใครก็รู้ว่าสถานะเพลงเฮฟวี่เมทัลของจีนนั้นยังอยู่ต่ำเกินไป หรืออาจกล่าวได้ว่าไม่มีสถานะเลย ซึ่งนี่ไม่ใช่การพูดเกินจริง พวกเขาไม่มีเพลงสไตล์เฮฟวี่เมทัลเป็นของตัวเองมานานมากจนไม่ได้ให้ความสนใจแล้ว เหมือนอย่างที่ชาวตะวันตกที่ไม่สนใจปิงปองมากนัก เพราะทุกคนเล่นได้ไม่ดี แพ้อยู่ทุกวัน ใครจะว่างไปสนใจกัน?
ดังนั้นข่าวจึงล่าช้าไป!
ดังนั้นประเทศจีนจึงเป็นผู้รู้ข่าวเป็นคนสุดท้าย!
หลังจากทราบเรื่องเทศกาลดนตรีเมื่อคืนนี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างอยากรู้อยากเห็นแทบบ้า และมีบางคนที่ไม่อยากจะเชื่อ จางเย่ร้องอะไรกันแน่? เพลงอะไร? ดูจากข่าวทางสื่อเอเชียนำเสนอ จางเย่นำทีมสปริงการ์เด็นขึ้นเวที และกำราบวงดนตรีจากต่างประเทศเสียราบคาบ? เอาชนะใจฝูงชนและถึงกับได้ขึ้นแสดงปิดท้าย? กลายเป็นวงดนตรีที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในเทศกาลดนตรีเมื่อคืนนี้?
นี่เล่านิทานอยู่เหรอ?
นี่ไม่ใช่ฝันอยู่หรอกนะ?
วงการเฮฟวี่เมทัลของจีนแข็งแกร่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
วิดีโอ?
ข้อมูล?
ซาวน์แทร็กต้นฉบับในงาน?
หากอยากได้สิ่งเหล่านี้ ประเทศอื่นคงจะติดต่อสอบถามเข้าไป แต่ในประเทศจีน นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักนิด สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของจีนก็คือการค้นไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์ ในฐานะหนึ่งในประเทศผู้นำของโลก ชาวเน็ตจีนทุกคนล้วนมีความสามารถและสติปัญญาซึ่งทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องหวาดกลัว
ข้อมูลนั้นถูกประชาชนผู้เปี่ยมความสามารถค้นมาได้อย่างรวดเร็ว!
ทั้งยังเป็นวิดีโอในงานเทศกาลดนตรีเฮฟวี่เมทัลที่มีความละเอียดสูงด้วย!
มีคนจำนวนมากที่เดิมทีแค่ดูเพราะความอยากรู้อยากเห็น ทว่าสุดท้ายก็ถูกคลิปนั้นทำให้ตกตะลึงไป!
……
บนเวยป๋อ
มีผู้ที่ชื่นชอบเพลงเฮฟวี่เมทัลจำนวนมากกำลังกรีดร้อง
“สวรรค์!”
“ร้องได้เทพมาก! จางเย่อย่างเทพเลย!”
“นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว!”
“ฉันขนลุกไปหมด!”
“จางเย่ ไอ้หมอนี่ร้องเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นด้วยเหรอ?”
“นี่มันภาษาจีน! พระเจ้า! น้ำตาเต็มหน้าฉันแล้ว!”
“ภาษาจีนจริงด้วย! เพลงเฮฟวี่เมทัลภาษาจีนจริงๆ!”
“พวกเรามีเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นของตัวเองแล้ว! กรี๊ดดดด!”
“ตื่นเต้น! ไร้คำบรรยาย!”
“พาความฝันกลับไปยังราชวงศ์ถัง?”
“พระเจ้า! น่าตกใจอะไรเช่นนี้!”
“เหล่าเฉินกับเหล่าจ้าวต้องเป็นคนขึ้นแสดงไม่ใช่เหรอ? ฉันเคยได้ยินเรื่องเทศกาลดนตรีนี้อยู่นะ แต่เชิญจางเย่ด้วยเหรอ? ทำไมเขาขึ้นไปได้ล่ะ? แล้วยังมีพวกเสี่ยวตงด้วย?”
“ฉันได้ยินพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนพูดกันว่าตอนนั้นวงดนตรีเกาหลีแย่งเพลงของจ้าวอู่ลิ่วไปร้อง เหล่าจ้าวเตรียมมาแค่เพลงเดียว เขาร้องไม่ได้ จางเย่จึงพาเสี่ยวตง เอมี่และหลี่เสี่ยวเสียนไปช่วยกู้สถานการณ์ ใครจะคิดว่าพอขึ้นเวทีจะทำให้ทุกคนต้องตะลึงขนาดนั้น!”
“สุดยอดมาก!”
“เชี่ย ฉันก็ช็อกไปเลย!”
“สำหรับจางเย่ มีคนไม่น้อยทั้งด่าทั้งวิจารณ์เขา และตั้งคำถามกับเขา หลายปีที่ผ่านมาเขาโดนคนอื่นบีบคั้นมาไม่น้อย แต่เพราะอะไรจางเย่ถึงยังสามารถเดินหน้าทีละก้าวจนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวงการบันเทิงได้ล่ะ? ทำไมหลังจากด่าเขาเสร็จ ทุกคนถึงยังทั้งรักทั้งเกลียดขนาดนั้น? เพราะเมื่อใดก็ตามที่ถึงช่วงเวลาที่สำคัญ เราก็จะมองเห็นเขาทุกครั้ง ต่อให้นายไม่ยอมก็ไม่ได้แล้ว!”
“จางเย่จะฮ็อตอีกแล้ว!”
“ครั้งนี้หมอนี่ดังไปถึงระดับเอเชียแล้ว!”
“เพลงมันเพราะตรงไหนเหรอ? ฉันยังหาจุดมาชมไม่ได้เลย”
“บรรทัดบน นายต้องฟังหลายๆ รอบ มันเจ๋งจริงๆ!”
“ใช่แล้ว ทั้งสองเพลงนี้ถือเป็นการบุกเบิกเพลงเฮฟวี่เมทัลของประเทศจีนเลยนะ คุณูปการสุดยิ่งใหญ่!”
“จอมตอกหน้าจางหวนคืนสู่ยุทธภพแล้ว!”
“ตอกหน้าไปถึงเอเชียเลย!”
“ฮ่าๆๆๆๆ! เยี่ยม! ฟินสุดๆ!”
“ฉันล่ะชอบนิสัยแบบนี้ของจางเย่จริงๆ!”
“ถูกต้อง พรูด ไม่มีอะไรเหมาะสมเท่าคำว่าตอกหน้าแล้ว!”
มีคนไม่น้อยที่รู้สึกว่ามันธรรมดา เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชอบและยอมรับแนวเพลงอย่างเฮฟวี่เมทัล แม้จะมีคนนับไม่ถ้วนวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองเพลงนี้ โต้เถียงกัน แต่สำหรับเรื่องที่จางเย่สร้างความตื่นตะลึงบนเวทีระดับเอเชียนั้น ทุกคนต่างชื่นชอบและยินดี!
ยกระดับ!
มีหน้ามีตา!
ส่งเสริมประเทศของพวกเรา!
……
ที่บ้านของจางเสีย
“แม่คะ ดูข่าวแล้วหรือยัง?”
“หึๆ ดูแล้ว”
“อาจารย์จางเก่งมากเลย”
“เขาน่ะ ไม่ยอมอยู่ว่างหรอก”
……
ณ บ้านของเจ้าหญิงแห่งเพลงรัก เซวียข่ายฉี
“พี่สาวเซวีย ฟังหรือยัง?”
“อืม”
“เป็นยังไงบ้าง?”
“นี่สิถึงจะเป็นเฮฟวี่เมทัล!”
……
ที่สตูดิโอของนักดนตรีหวงเฉิง
“อาจาร์ยหวง คิดว่ายังไงบ้างครับ?”
“จางเย่สุดยอดมาก เมื่อเทียบกับประเทศเราแล้ว ทางด้านเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีทั้งสองประเทศมีคนฟังเพลงเฮฟวี่เมทัลเป็นจำนวนมาก ระดับความสามารถสูง และเป็นมืออาชีพมาก พวกเขาต่างถูกเพลงของจางเย่ทำให้ตกตะลึง นี่ก็แสดงว่าความสามารถของจางเย่ ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!”
“ผมก็ชอบทั้งสองเพลงเลยครับ! ฟังทีไรต้องขนลุกทุกที!”
……
วงดนตรีเพลงร็อกวงหนึ่งในประเทศ
“นี่คือผลงานบุกเบิกเพลงเฮฟวี่เมทัลภายในประเทศเลย!”
“เยี่ยมมาก!”
“พวกเราต้องขอบคุณจางเย่แล้ว!”
……
ทั้งประชาชน
สื่อมวลชน
อุตสาหกรรมบันเทิง
วงการเพลงร็อก
ทั่วทั้งเอเชีย
มีเสียงชื่นชมสรรเสริญจากทุกที่!
ภาค 10
ตอนที่ 1373
งานเลี้ยงการกุศลเริ่มต้นแล้ว!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนเที่ยง
เวลาเที่ยงครึ่ง
ณ กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้
ที่นี่ท้องฟ้าแจ่มใส มองไม่เห็นหมอกควัน นอกจากเรื่องนี้ที่ต่างกันแล้ว นอกจากนั้นก็เหมือนกัน รอบด้านเต็มไปด้วยตึกสูง รถราวิ่งกันวุ่นวาย ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากประเทศจีนเลย
ทั้งหมดนั่งในร้านอาหารที่ติดป้ายภาษาเกาหลี เพราะอยู่ต่างประเทศ กลุ่มดาราจากประเทศจีนจึงไม่เรื่องมาก เจอร้านอาหารใกล้ที่พักก็เดินเข้าไปนั่ง
มีคนเกาหลีชี้มาทางพวกเขา
“ว้าว”
“พวกนายดูสิ”
“ผู้หญิงกลุ่มนั้นสวยมากเลย”
“ดาราหรือเปล่า?”
“เหมือนจะไม่ใช่คนในประเทศเรานะ?”
“นั่นมันดาราของจีนนี่!”
“อ้ะ คนนั้นคือจางเย่”
“จริงด้วย เมื่อคืนฉันเพิ่งดูคลิปของเขาไป!”
“เป็นเขาจริงๆ!”
“ในข่าวบอกว่า เขามันลวงโลกนี่”
“ชื่อเสียงเขาในจีนแย่มากเลยนะ”
“อืม โอปป้าลีอันซูก็ถูกเขาต่อยมา”
“ตอนคณะผู้แทนจากญี่ปุ่นไปเยือนจีนก็เคยถูกเขาด่า”
“แต่เขาร้องเพลงได้ไม่เลวจริงๆ”
นึกถึงครั้งที่ทีมดาราจากจีนมาถึงสนามบินเกาหลีตอนแรก ไม่มีใครรู้จักจางเย่ และไม่มีใครสนใจเขา แต่หลังจากนั้นวันเดียว พอทีมดาราจีนไปเดินที่ถนนและเข้าร้านอาหาร ก็มีคนจดจำจางเย่ตอนไม่สวมแว่นตากันแดดได้แล้ว ความเปลี่ยนแปลงนี้ชัดเจนมาก คะแนนนิยมในทำเนียบดาราระดับเอเชียของจางเย่ที่เพิ่มสูงขึ้น ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึงจุดที่ตั้งเป้าไว้ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี นี่แสดงให้เห็นว่าจางเย่สามารถเพิ่มความนิยมในเอเชียได้อีกมาก การเดินทางมาเกาหลีครั้งนี้ จางเย่ได้ทำภารกิจเปิดตัวบนเวทีระดับเอเชียสำเร็จแล้ว
ทุกคนสั่งอาหาร
ต่างคนต่างกินข้าว
หนิงหลันยิ้ม ก่อนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปทางด้านหลังจางเย่ “คนพวกนั้นคุยเรื่องนายอยู่หรือเปล่า?”
จางเย่หัวเราะ “ใครจะรู้ล่ะ ฟังไม่ออกอยู่ดี”
เสี่ยวตงหัวเราะคิกคัก “ดูผู้กำกับจางของพวกเราสิ ทั้งมีเสน่ห์ ความสามารถก็สูง ไปที่ไหนก็ฮ็อตถึงที่นั่น เปิดตัวบนตลาดเอเชียแล้ว”
จางเย่เสแสร้งโบกมือ “ชมเกินไป ชมกันเกินไปแล้ว”
เปลือกตาของล่ามสาวกระตุกแล้วกระตุกอีก หันหน้าไปมองเล็กน้อย อยากบอกจางเย่จริงๆ ว่า : ที่จริงที่พวกเขาพูดถึงคุณน่ะไม่มีอะไรดีเลย
คดโกง
ลวงโลก
ชกต่อย
ด่าคน
คำไหนบ้างที่เรียกว่าชม?
เฉินกวงถาม “อ้าว แล้วพี่สาวหลันล่ะ?”
เอมี่ตอบ “พี่เขาออกไปจัดการธุระตั้งแต่เช้าแล้ว น่าจะรับคนมาแล้วละมั้ง?”
หลี่เสี่ยวเสียน “ฉันส่งโลเคชันให้พี่สาวหลันแล้ว อีกเดี๋ยวเธอก็คงมา”
ขณะที่พูดคุยอยู่ ตัวคนก็มาถึงแล้ว
ด้านนอกสตาร์ควีนสองคนเดินเคียงคู่กันมา
คนแรกคือฉีเหม่ยหลัน
อีกคนคือจางหย่วนฉี
ด้านหลังยังมีดาราจากจีนอีกสี่ถึงห้าคน ล้วนเป็นคนที่มาร่วมงานเลี้ยงการกุศลของเอเชียในครั้งนี้ น่าจะเพิ่งลงจากเครื่องมาพร้อมจางหย่วนฉี เพิ่งเดินทางมาถึงในวันนี้ ฮั่วตงฟางก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แต่นอกจากเหล่าฮั่วแล้ว จางเย่ก็ไม่รู้จักคุ้นเคยกับคนอื่น และไม่เคยติดต่อคบหากันมาก่อน
จางเย่ทักทาย “เหล่าจาง เหล่าฮั่ว มาแล้วเหรอ?”
ฮั่วตงฟางหัวเราะ “กินกันหมดแล้วเหรอ? ทำไมถึงไม่รอพวกเราเลย?”
จางเย่ “ใครจะรู้ว่าพวกคุณจะมาถึงกันเมื่อไรล่ะ”
ฮั่วตงฟางนั่งลงข้างๆ จางเย่ “ครั้งนี้นายดังใหญ่แล้ว ที่จีนได้ยินเรื่องของนายเมื่อคืน สื่อเหมือนโดนทิ้งระเบิด ในเน็ตก็พูดคุยกันอย่างร้อนแรง ก่อนพวกเราจะขึ้นเครื่องมาก็มีข่าวรายงานว่านายช่วยผลักดันอุตสาหกรรมเพลงร็อกของประเทศจีน เจ๋งไปเลยนี่ ออกมาครั้งหนึ่งก็ไม่ว่างเว้นเลย”
จางเย่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “นั่นก็ใช่ เพื่อเกียรติยศของประเทศ ผมจะอยู่เฉยได้เหรอ?”
จ้าวอู่ลิ่วหัวเราะ “ถูกต้อง เพื่อเกียรติยศของประเทศ ต้องให้อาจารย์จางลงมือเอง”
จางหย่วนฉีก็นั่งลงแล้ว “ตอนเย็นไปงานเลี้ยงการกุศล นายกับฉันเดินพรมแดงด้วยกันล่ะ”
จางเย่หัวเราะ “เราสองคนเหรอ? ได้เลย”
ฉีเหม่ยหลันยิ้ม “ฉันกับพี่สาวจางสู้กันมาตลอดทางเลยล่ะ”
เรียงตามลำดับของทีมดาราจากจีนในครั้งนี้ คนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีนคือจางหย่วนฉี ฉีเหม่ยหลันและจางเย่ ทั้งสามคนต่างเป็นระดับเอส หากอิงตามนี้ แน่นอนว่าสองในสามคนนี้ต้องเดินพรมแดงร่วมกัน จางหย่วนฉีและฉีเหม่ยหลันต่างเป็นผู้หญิงทั้งคู่ ถ้าเดินด้วยกันจะดูไม่เหมาะสมเท่าไร ดังนั้นจางเย่จึงต้องเป็นคนเดินพรมแดงกับหนึ่งในสองคนนี้ ชายหญิงเคียงคู่กัน ดูท่าพวกเธอคงตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว
จางเย่อารมณ์ดีมาก “ขนาดนั้นเชียว? สู้กันมาตลอดทางเลย?”
ฮั่วตงฟางส่งเสียงอืมตอบ “สุดท้ายก็ต้องเป่ายิ้งฉุบตัดสิน”
จางเย่หัวเราะฮาๆ เสียงดัง “ยังเป็นพี่สาวจางที่โชคดีสินะ”
จางหย่วนฉีแทงหนึ่งดาบ “โชคดีอะไรล่ะ? ฉันเป็นคนแพ้”
จางเย่ตะลึงจนจะเป็นลม “หา? คนที่แพ้ต้องเดินพรมแดงกับผมเหรอ?”
จางหย่วนฉียิ้ม และเหลือบมองเขา “ไม่งั้นนายคิดว่ายังไงล่ะ?”
จางเย่ “…”
ทุกคนต่างหัวเราะเสียงดังลั่น!
หลังจากกินข้าวทุกคนก็เริ่มยุ่งวุ่นวาย
แต่งหน้า
ทำผม
เปลี่ยนชุด
มีดาราบางคนพาทีมงานของตนเองมาด้วย และมีดาราบางคนที่ไม่ได้พามา เจ้าภาพงานเลี้ยงการกุศลมีทีมช่างแต่งหน้ามืออาชีพให้ จางเย่ไม่ได้ใช้คนที่เจ้าภาพส่งมา เขาให้ทีมงานที่จางหย่วนฉีพามาแต่งหน้าเขาพร้อมกับจางหย่วนฉี จางเย่แต่งง่ายมาก ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาที่เหลือคือรอจางหย่วนฉี เขาเพิ่งได้รู้ว่าดาราผู้หญิงตอนแต่งหน้าทำผมนั้นยุ่งยากแค่ไหน ใช้เวลาไปถึงสองชั่วโมงเต็ม
เวลาสี่โมงเย็น
ทีมดาราจากจีนเดินทางมาถึงด้านนอกงานเลี้ยงแล้ว
นักข่าวแห่มามืดฟ้ามัวดิน มีทั้งสื่อจากญี่ปุ่น สื่อเกาหลี และมีสื่อจากจีน ต่างรวมตัวกันรอบๆ พรมแดงเพื่อถ่ายรูป
ด้านนั้นกลุ่มดาราเกาหลีเริ่มเดินเข้าไปในงานแล้ว ในจำนวนนั้นจางเย่เห็นคนรู้จักเก่าแก่ที่ไม่ได้พบกันนานคนหนึ่ง ดาราเกาหลีลีอันซู
ดาราเกาหลีกำลังทยอยเดินเข้างานไปทีละกลุ่ม
ทีมดาราจากจีนมองอยู่ในระยะไกลก็ได้ยินเสียงจางเย่พูดอยู่ข้างๆ
จางเย่บ่นพึมพำ “ลีอันซูยังอยู่ในวงการบันเทิงเหรอ? ผมนึกว่าเขาออกจากวงการไปแล้วซะอีก เห็นคนรู้จักแล้วคิดถึงจริงๆ คิดถึงวันที่ได้เตะโด่งเขาไปในปีนั้น”
จางหย่วนฉี “…”
เฉินกวง “…”
ฮั่วตงฟาง “…”
ทางด้านนั้นมีดาราสาวเกาหลีคนหนึ่งก็ล้มลงบนพรมแดง!
นักข่าวต่างบ้าคลั่งขึ้นทันที แย่งกดชัตเตอร์ถ่ายรูปรัวๆ!
จางเย่เยาะเย้ย “ไม่เป็นมืออาชีพเลย การลื่นล้มดูจอมปลอมมาก คนนี้ไม่น่าจะเก่งเรื่องการแสดง ดูก็รู้ว่าอยากสร้างกระแส ดูสิดู ข้อเท้าแพลงเธอก็ทำให้มันสมจริงหน่อยสิ ถ้าเธอก้าวเท้าไปด้านหน้าข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยล้มลงกับพื้น ฉันจะถือว่าเธอเป็นมืออาชีพ นี่ดันนอนราบไปทั้งอย่างนั้นมันมีที่ไหนกัน เธอจะบินเหรอ?”
เสี่ยวตง “…”
หลี่เสี่ยวเสียน “…”
เอมี่ “…”
ดาราเกาหลีเดินเสร็จแล้ว
ดาราจากญี่ปุ่นก็มาแล้ว
ปรากฏว่านักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นคนแรกนั้นเพิ่งเดินได้เพียงสองก้าวก็ลื่นล้มลงบนพรมแดง ดาราชายที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาช่วยเธอ สีหน้านักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นดูขวยเขิน
นักข่าวรัวชัตเตอร์อีกครั้ง!
คลิ๊ก!
คลิ๊ก!
จุดนั้นเต็มไปด้วยแสงแฟลช!
จางเย่ตบมือชมเชย “นี่สิ! แบบนี้ถึงเรียกว่ามืออาชีพ! ดูคนอื่นเขาล้มสิ คาดว่าคงซ้อมมาไม่น้อย การแสดงยอดเยี่ยมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกส่วนได้ทำหน้าที่ ทุกเซลล์ในร่างกายล้วนกำลังแสดงอยู่! เนียนกริบไร้ร่องรอย! แม้แต่ในเวทีระหว่างประเทศ และผู้ตัดสินที่เข้มงวดของนานาชาติเห็นแล้วยังต้องให้บอล! ไม่มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย!” เขามองไปทางกลุ่มดาราจากจีน “นี่เป็นดาราฟุตบอลหญิงจากสโมสรไหนกัน?”
ต้าฉี “…”
ฉีเหม่ยหลัน “…”
เจี่ยงฮั่นเวย “…”
กลุ่มดาราจากจีน “…”
ฟุตบอลเชี่ยอะไรล่ะ!
คนอื่นเขาเป็นถึงนักแสดงภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงระดับเอเชียเลยนะโว้ย!
ทุกคนต่างรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้!
ฝีปากอย่างอาจารย์จางเนี่ย ไม่มีใครเทียบได้แล้ว!
คุณต้องชั่วร้ายขนาดนี้เลยเรอะไง!?
ฮั่วตงฟางตบไหล่เขา “อาจารย์จาง ฉันนับว่าได้รับรู้แล้วว่าทำไมพี่สาวจางกับพี่สาวหลันไม่อยากเดินพรมแดงกับคุณ”
จางเย่กลอกตา “เพราะอะไรล่ะ?”
เอมี่เหงื่อไหล “เพราะปากของคุณสามารถทำให้ผู้คนขุ่นเคืองได้มากเกินไปน่ะสิ คนอื่นโดนโกรธยังมีคนให้อภัย แต่คุณนี่สุดยอด ทุกประโยคทำให้คนอยากตาย! ช่องว่างเล็กน้อยยังไม่เหลือให้ นี่ถ้าให้ดาราหญิงเหล่านั้นมาได้ยิน เรื่องโกรธคงไม่ต้องพูดถึง น่าจะแค้นจนอยากฆ่าคุณให้ตายเลยมากกว่า!”
หลี่เสี่ยวเสียน “พรูด!”
เฉินกวงก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆ!”
ภาค 10
ตอนที่ 1374
สิ่งที่จางเย่เตรียมมาประมูล!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ข้างในงานเลี้ยง
ในงานตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ทุกแห่งระยิบระยับเฉิดฉาย
งานเลี้ยงการกุศลนี้ไม่รู้ว่าจัดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง โดยทั่วไปมีปีละหนึ่งครั้ง ทุกครั้งก็จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ แต่ปีนี้แตกต่างไปเล็กน้อยคือมีการถ่ายทอดสดแค่ครึ่งทาง ตอนเข้างานจะไม่มีการถ่ายทอดสด ต้องรอจนกว่าการประมูลจะเริ่มขึ้นถึงจะถ่ายทอดสัญญาณ ฝั่งเกาหลีก็ดี ทั้งฝั่งญี่ปุ่น ฝั่งจีน หรือแม้แต่ประเทศอื่นแถบเอเชียต่างก็ใช้รูปแบบการถ่ายทอดสดทางเว็บไซต์เหมือนกันหมด
ในงานมีคนอยู่สี่ประเภท
พนักงาน
ดารา
นักข่าว
นักธุรกิจจากทุกวงการ
ทุกฝ่ายต่างมาพบเจอและร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน
การเดินพรมแดงเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ทีมดาราจากจีนก็ถูกพนักงานของสภากาชาดแห่งเอเชียนำทางมาที่โต๊ะ แบ่งที่นั่งเป็นสองโต๊ะที่อยู่ติดกัน
เฉินกวงก็เพิ่งได้เข้าร่วมเป็นครั้งแรก ปีที่แล้วคะแนนนิยมเขายังไม่สูงขนาดนี้ เขาหันหน้ามองไปมา “มีนักธุรกิจเยอะเหมือนกันนะ”
พวกเสี่ยวตงมาร่วมงานทุกปี “ใช่แล้ว ต้องอาศัยการเสนอราคาของพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ มีทั้งต่างชาติและจากจีน”
ฮั่วตงฟางหัวเราะ “มีคนที่ฉันรู้จักอยู่ไม่น้อยเลย ตรงนั้นก็เจ้าของธุรกิจด้านยารักษาโรคของภาคเหนือนี่? นั่นก็ซีอีโอของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซุนเหอใช่ไหม? โอ้? เถ้าแก่เฉียนก็มาเหรอ?”
เอมี่ตะลึง “เถ้าแก่เฉียน?”
หลี่เสี่ยวเสียนมองออกไป “เฉียนไห่เทา?”
ต้าฉีก็ไม่คาดฝัน “คนที่รวยที่สุดในจีนน่ะเหรอ?”
ด้านขบวนของทีมนักธุรกิจจากจีนก็หรูหราเช่นกัน มีเถ้าแก่ระดับสูงของประเทศมาไม่น้อย แม้แต่คนร่ำรวยที่สุดก็ยังมา กิจกรรมการกุศลประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ไม่ว่าจะมาเพื่อภาพลักษณ์องค์กรหรือมาด้วยประสงค์ของตนเอง นักธุรกิจจากจีนล้วนสนับสนุนกิจกรรมประเภทนี้ทั้งสิ้น
หลายคนเป็นคนรู้จักเก่าแก่คุ้นเคยกันดี เข้ามาในงานก็เริ่มพูดคุยกัน
จางหย่วนฉี ฉีเหม่ยหลัน หนิงหลัน เจี่ยงฮั่นเวยต่างไปทักทายกับคนรู้จักแล้ว
จางเย่ไม่มีคนรู้จักและไม่ได้สนใจด้วย เขานั่งฮัมเพลงเบาๆ และเล่นโทรศัพท์ไปด้วย จางเย่ไม่ได้สนใจจะไปทักทายเพื่อขยายเครือข่ายความสัมพันธ์แม้แต่น้อย ในฐานะดาราระดับเอของเอเชีย ทั่วทั้งงานเลี้ยงนี้ไม่มีดาราระดับเอคนไหนเป็นเหมือนเขาแน่นอน
ต้าฉีถาม “อาจารย์จาง”
จางเย่เงยหน้าขึ้น “หืม”
ต้าฉีหัวเราะ “คุณเตรียมอะไรมาประมูลเหรอ?”
จางเย่ถามกลับ “พวกคุณเตรียมอะไรไว้บ้างล่ะ?”
ต้าฉีพูดอย่างเกรงใจ “ผมเหรอ ภาพเขียนพู่กันจีนที่เขียนด้วยตัวเองน่ะครับ”
เสี่ยวตงอยากรู้ “พี่ฉีเข้าใจด้านนี้ด้วยเหรอคะ?”
ต้าฉีหัวเราะ “ฮ่าๆ เข้าใจนิดหน่อยน่ะ ตอนเด็กได้เรียนมาเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าเทียบกับมืออาชีพไม่ได้ แค่เข้าร่วมสนุกๆ เหตุผลหลักคือไม่รู้จะเอาอะไรมาแล้ว”
หลี่เสี่ยวเสียนยิ้มอย่างเขินอาย “เดิมทีวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเปรียบเทียบความเป็นมืออาชีพ พวกเรามาที่นี่เพื่อการกุศล และเพิ่มกำลังของการบริจาคเท่านั้น”
เอมี่ “นั่นก็ต้องเข้าใจนิดหน่อยไหมล่ะ ไม่งั้นถ้าได้ราคาเสนอย่ำแย่ขึ้นมา ไม่อับอายขายหน้าหรอกเหรอ” จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก “เสี่ยวเสียน เธอวางใจเถอะ อีกเดี๋ยวถ้าตัวอักษรของเธอไม่มีใครต้องการ ฉันจะเสนอราคากู้หน้าให้เธอเอง”
หลี่เสี่ยวเสียนตีเธอเบาๆ “เธออ่ะ แช่งฉัน”
เอมี่ “ฮ่าๆๆๆ”
จางเย่ถาม “เสี่ยวเสียนเขียนอะไรเหรอ?”
หลี่เสี่ยวเสียนอ้อมแอ้มตอบ “การเขียนตัวอักษรแหละค่ะ ฉันชอบด้านนี้มาตลอด”
ฮั่นตงฟาง “เอ๊ะ อาจารย์จางก็เขียนอักษรเป็นไม่ใช่เหรอ?”
ต้าฉีถาม “ระดับการเขียนอักษรของอาจารย์จางเป็นยังไงบ้าง?”
จางเย่หัวเราะ “พอถูไถน่ะ”
หลี่เสี่ยวเสียนกลับพูดว่า “พอถูไถที่ไหนกันละคะ พี่ฉี คุณยังไม่เคยเห็นตัวอักษรของอาจารย์จาง”
ต้าฉีสนอกสนใจ “จริงเหรอ?”
จางเย่โบกมือ “ก็แค่เขียนเล่นๆ เอามาแสดงไม่ได้หรอก”
จริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่รู้ แค่เดาส่งเดชไปเท่านั้น ขอบเขตการเขียนอักษรของจางเย่นั้นอยู่ตรงระดับใดกันแน่ ไม่มีใครรู้ และมีหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจางเย่สามารถเขียนตัวอักษรได้
จางเย่ “ของประมูลของผมก็คือใบชา”
เฉินกวงตาเป็นประกาย “ต้าหงเผา?”
จางเย่หัวเราะ “ใช่แล้ว”
เอมี่ปรบมือ “เยี่ยมเลย งั้นวันนี้ทีมดาราจีนของเราต้องขึ้นอันดับหนึ่งแล้วล่ะ ของที่เราเอามาก็นับว่าเข้าร่วมเพื่อความสนุกสนาน และคงไม่ได้ราคามากมายอะไรนัก แต่ของอาจารย์จางไม่เหมือนกัน ชาอันดับหนึ่งตลอดกาลเชียวนะ อีกอย่างทั้งโลกนี้มีอยู่แค่ที่บ้านอาจารย์จาง เป็นสิ่งของล้ำค่าที่สุดแล้ว”
เวลานี้เองพวกจางหย่วนฉีก็กลับมาแล้ว
หนิงหลันได้ยินก็ถาม “เอามาเยอะแค่ไหน?”
จางเย่พูดอย่างเจ็บปวด “ห้ากรัม”
เอมี่เป็นลม!
เสี่ยวตงหมดคำพูด!
ทุกคนหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้!
ฉีเหม่ยหลันตะลึง “แค่ห้ากรัมเหรอ?”
จางหย่วนฉีหัวเราะ “หมอนี่ขี้เหนียวจะตาย สามารถดึงต้าหงเผาห้ากรัมออกมาจากมือเขาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ถือว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วจริงๆ!” ยังเป็นจางหย่วนฉีที่รู้จักเขาดี
จางเย่กลับไม่ชอบใจ “พวกคุณคิดว่าชาของผมมันมาจากอากาศหรือไง ต้องคิดเป็นชั่ง? ชาของผมคิดเป็นกรัมนะ ใบชาห้ากรัมก็ชงได้หนึ่งกาแล้ว”
ทุกคนมองอย่างหมั่นไส้
จางเย่ส่งเสียงเหอะคำหนึ่ง “พวกคุณอย่ามาว่าผมงกนะ ต้นชาไม่กี่ต้นของผมผลผลิตแต่ละปีมีไม่กี่ชั่ง ทางนี้ก็จะเอา ทางนั้นก็จะเอา จะเอาครึ่งชั่งก็ต้องให้ครึ่งชั่ง ผมจะทำให้ได้ยังไง? พวกคุณหลายคนก็ได้ดื่มชาของผมมาไม่น้อยเลยนี่?”
หลี่เสี่ยวเสียนเม้มปากหัวเราะ “อร่อยมากเลยค่ะ”
เอมี่ก็กลับคำอย่างรวดเร็ว ยกนิ้วโป้งก่อนพูดว่า “ท่านปู่จางจงเจริญ!”
จางเย่ “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
ต้าฉีอิจฉา “ท่านปู่จาง ผมยังไม่เคยดื่มเลยนะครับ”
จางเย่หัวเราะ “ได้เลย กลับไปแล้วผมจะเอามาให้”
ต้าฉีตอบกลับทันที “พูดแล้วไม่คืนคำนะ! งั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
เฉินกวง “ใบชาของจางเอ้อร์หวังไม่ได้แล้วล่ะ ห้ากรัม แม้จะได้ราคาสูงแต่ก็ไม่ได้สูงมากนักหรอก ดูท่าว่าภารกิจสำคัญนี้จะต้องตกอยู่ที่พี่สาวจางและพี่สาวหลันแล้ว”
เอมี่ตื่นเต้น “ใช่แล้ว จะต้องขายให้ได้ราคาสูงนะคะ!”
หนิงหลัน “ถ้าได้ที่หนึ่ง พวกเราก็ได้หน้าไปด้วย”
ฉีเหม่ยหลันหัวเราะคิก “โอเค ฉันกับเหล่าจางจะพยายามนะ”
จางหย่วนฉีดูนาฬิกา “ใกล้จะเริ่มการถ่ายทอดสดแล้วใช่ไหม?”
“อืม อีกเดี๋ยวก็เริ่มแล้วค่ะ” ล่ามหญิงที่อยู่ด้านข้างตอบ
……
ในอินเทอร์เน็ต
คนทั่วเอเชียจำนวนมากเตรียมพร้อมรออยู่แล้ว
ชาวเน็ตญี่ปุ่น
“เริ่มหรือยัง?”
“ใกล้แล้ว”
“วันนี้ดาราเยอะมาเลยนะ”
“อืม รอดูว่าใครจะได้เป็นอันดับหนึ่ง”
“ปีก่อนเป็นประเทศเกาหลีใช่ไหม?”
“ปีนี้น่าจะเป็นทีมดาราจากญี่ปุ่นของเราแล้วล่ะ”
……
ชาวเน็ตเกาหลี
“มาแล้ว มาแล้ว!”
“ดูรูปที่เดินพรมแดงเมื่อกี้สิ ปีนี้มีหน้าใหม่หลายคนเลยเหรอ?”
“ใช่แล้ว ทำเนียบดาราระดับเอเชียเปลี่ยนอยู่ทุกวัน ผ่านไปปีหนึ่งก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“การประมูลราคาสูงสุดของปีนี้คงไม่พ้นของพวกเราสินะ”
“ฮ่าๆ ถูกต้องแล้ว”
“ต้องดูว่าสิ่งของที่เอาประมูลของดาราเอเชียในปีนี้คืออะไรแล้วล่ะ”
……
ชาวเน็ตจีน
“ดูรูปกันหรือยัง?”
“จางเย่เดินพรมแดงพร้อมกับจางหย่วนฉีด้วย”
“ฮ่าๆ ดูท่าท่างเสแสร้งแกล้งทำของหมอนั่นสิ อยู่ต่างประเทศหรอกนะทุกคนถึงไม่รู้จักเขา ถ้าเป็นในประเทศทุกคนต้องโห่ให้เขาแน่”
“รีบเริ่มงานได้แล้ว รอดูการถ่ายทอดสดอยู่นะ!”
“ปีนี้มีล่ามแปลเรียลไทม์เลยใช่ไหม? ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว”
“ถึงเวลาที่ทีมดาราจากจีนจะแสดงความสามารถของพวกเขาแล้ว!”
“สู้ๆ เอาอันดับหนึ่งมาให้ได้!”
“อยากดูพี่สาวจางแล้ว!”
……
งานเลี้ยงการกุศลของเอเชียประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ทั้งการโฆษณา สร้างแรงผลักดัน ประสิทธิผลของแบรนด์ สิ่งเหล่านี้สั่งสมมาทีละน้อยตั้งแต่หลายปีก่อน จวบจนปัจจุบันนี้จึงได้กลายเป็นงานเลี้ยงการกุศลระดับเอเชียที่ยิ่งใหญ่และได้รับความสนใจอย่างสูง ชาวเอเชียชอบดู บางคนถึงกับคิดว่างานเลี้ยงนี้เป็นรายการบันเทิงประจำปี เลยเป็นกระแสพูดคุยร้อนแรงขึ้นทุกปี และมีการเดาว่าตอนสุดท้ายใครจะได้รับชัยชนะด้วย เป็นเพราะบรรยากาศเช่นนี้ ดาราระดับเอเชียและนักธุรกิจหลายคนจึงเต็มใจจะเข้าร่วม เรื่องดีงามเช่นนี้ งานเลี้ยงการกุศลที่ยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งทำยิ่งคึกคัก ดาราและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมต่างก็ได้รับความสนใจไม่น้อย
ทั้งยังเป็นจุดสนใจจากคนทั่วทั้งเอเชีย!
ดาราและผู้ประกอบการที่ได้เป็นผู้ประมูลสูงสุดอันดับหนึ่งในงาน นอกจากได้รับความสนใจอย่างมากแล้ว ทุกปียังได้รับรางวัลพิเศษจากผู้จัดงานเพื่อเป็นการขอบคุณพวกเขาสำหรับการบริจาคเพื่อการกุศลด้วย สำหรับรางวัลนั้น แต่ละปีล้วนต่างกัน ที่ผ่านมามูลค่าของรางวัลพิเศษนี้สูงมาก และมักเป็นของที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
ไม่รู้ว่าปีนี้จะเป็นอะไร?
ภาค 10
ตอนที่ 1375
เริ่มการประมูล!
โดย
Ink Stone_Fantasy
การถ่ายทอดสดถ่ายทอดสัญญาณแล้ว
งานเลี้ยงการกุศลแห่งเอเชียเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ชาวเน็ตจากหลายประเทศในเอเชียต่างอดใจรอแทบไม่ไหว
พิธีกรเป็นนักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงของเกาหลี คำพูดของเขาถูกถ่ายทอดสดไปยังหลายประเทศพร้อมเสียงพากย์หลากหลายภาษาอย่างรวดเร็ว “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย สายัณห์สวัสดิ์ทุกท่าน งานเลี้ยงการกุศลที่หนึ่งปีมีครั้งเดียวได้จัดขึ้นแล้ว ผมในฐานะพิธีกรรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ ปีนี้เราเชิญศิลปินดาราร่วมหกสิบสามคนจากหลายประเทศในเอเชีย รวมไปถึงนักธุรกิจชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก ท่านผู้ประกอบการทั้งหลาย การประมูลจะเริ่มในไม่ช้า ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบรรดาดาราเอเชียที่เดินทางมาจากแดนไกลและนำสิ่งของมาเข้าร่วมการประมูล สุดท้ายผมต้องขอขอบคุณเหล่าผู้ประกอบการทั้งหลายที่เข้าร่วมงานนี้อีกครั้ง”
บนอินเทอร์เน็ตต่างพูดคุยกันอย่างดุเดือด
……
ณ กรุงโซล
ในงานเลี้ยงการกุศล
อาหาร และไวน์แดงถูกนำมาเสิร์ฟเรียบร้อย ทว่าถึงในประเทศจีนมีซับไตเติลบนหน้าจอหรือมีเสียงพากย์แบบเรียลไทม์ แต่ในงานไม่มี พิธีกรพูดอยู่บนเวที จางเย่ไม่เข้าใจสักประโยค เขาไม่ได้สนใจการประมูลครั้งนี้มากนัก ยังไงการมาของเขาในครั้งนี้ก็แค่เสนอหน้าเล็กน้อย และไม่คิดจะได้ซีนอะไร เขาก้มหน้าก้มตากินอาหารเงียบๆ จากนั้นเทไวน์ใส่แก้วก่อนจะลองชิม รสชาติไม่เลวทีเดียว
เสี่ยวตงหมดคำพูด “อร่อยไหมคะอาจารย์จาง?”
จางเย่ชี้ไปที่จานอาหาร “พอใช้ได้นะ คุณลองชิมดู”
เสี่ยวตง “…”
เอมี่ก็เหงื่อไหล “คุณมาเพื่อกินข้าวจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?”
จางเย่อึ้ง “งานเลี้ยงการกุศลไม่กินข้าวแล้วคุณจะทำอะไร? เขาพูดอืออืออาอาผมก็ฟังไม่ออก”
หลี่เสี่ยวเสียนยิ้ม “ถึงจะบอกว่าเป็นงานเลี้ยง แต่คุณเห็นว่ามีคนกินอาหารสักกี่คนกันคะ? ส่วนใหญ่แค่ชิมเล็กน้อยเท่านั้น เผื่อมีกล้องแพลนมา คุณก้มหน้าก้มตากินข้าว เคี้ยวแก้มพองอยู่แบบนั้นก็ดูจะไม่สง่าเกินไป งานเลี้ยงประเภทนี้พูดให้ชัดก็เหมือนการถ่ายทำรายการนั่นแหละค่ะ”
เฉินกวงก็ส่งเสียงอืมคำหนึ่ง
พอมองพวกหนิงหลันจางหย่วนฉีทั้งหลายก็ต่างไม่ได้แตะต้องอาหารเช่นกัน
จางเย่กลับพ่นลมออกจากจมูกอย่างเยาะเย้ย “งั้นพวกคุณก็ทนหิว ทนแสดงกันต่อไปแล้วกัน ใช่ นั่งตัวตรงอีกหน่อย ยืดเอวขึ้นมา ดีมาก รักษาท่านั่งนี้ไว้นะ อดทนไว้ ผมกินก่อนล่ะ”
เสี่ยวตงกลอกตาบน
เอมี่ก็โมโหแทบตาย
จางเย่เป็นคนที่รักอิสระมาแต่ไหนแต่ไร เขาทนไม่ไหวถ้าต้องโดนจำกัดการกระทำ อย่างไหนสะดวกเขาก็จะทำอย่างนั้น ท้องหิวแล้วจะแกล้งทำได้ยังไง? กินอิ่มสิถึงจะมีแรงเสแสร้ง
บนเวที สินค้าประมูลชิ้นแรกได้ถูกนำออกมาแล้ว
กล้องถ่ายทอดสดแพลนกล้องไปจับภาพหญิงสาวที่เป็นคนนำของมาประมูลทันที เธอคนนั้นเป็นดาวดังด้านกีฬาของญี่ปุ่น นักเทนนิสชื่อดังของเอเชีย ที่เธอนำออกมาคือไม้แร็กเกตที่เธอใช้มานานหลายปี กลุ่มคนด้านล่างเวทีเริ่มเสนอราคาอย่างรวดเร็ว ผู้มีเกียรติทุกคนต่างมีป้ายของตัวเอง เหล่าดาราก็มีเช่นกัน ทุกครั้งที่ยกป้ายก็หมายถึงการเสนอราคา และเสนอได้ไม่จำกัด ราคาซื้อขายสุดท้ายไม่ถูกหักค่าคอมมิชชันเหมือนการประมูลเชิงพาณิชย์ เงินที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจะถูกใช้เพื่อการกุศล ดังนั้นราคาซื้อขายสุดท้ายของการประมูลประเภทนี้จึงสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงของสินค้า เพราะทุกคนมาร่วมประมูลเพื่อการกุศลไม่ใช่เพื่อหาเงิน แน่นอนว่าของที่คุณนำมาต้องมีดีอยู่บ้าง ถ้าของที่นำมาย่ำแย่เกินไป ทุกคนก็คงไม่สามารถจ่ายเงินเป็นล้านเพื่อสิ่งนั้นได้ นั่นคงจะบ้าเกินไป
หนึ่งพันดอลลาร์
สามพันดอลลาร์
ห้าพันดอลลาร์
เคาะราคาเรียบร้อย
ของชิ้นแรกตกลงซื้อขายกันอย่างรวดเร็ว โดยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นเป็นคนซื้อไป นี่แค่วอร์มอัป คนด้านล่างดูเหมือนจะไม่สนใจของชิ้นแรกเท่าไรนัก แต่ถึงอย่างนั้นราคาซื้อขายยังคงสูงกว่ามูลค่าเดิมของไม้แร็กเกต
ชิ้นที่สอง
ชิ้นที่สาม
ชิ้นที่สี่
มีสิ่งของประมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ภาพเขียนพู่กันจีนของต้าฉีคือของชั้นที่ห้า
ในงานใช่ว่าจะไม่มีใครเข้าใจทางด้านนี้ มีคนญี่ปุ่นและคนเกาหลีบางคนที่สนใจด้านนี้โดยเฉพาะ สิ่งของประเภทภาพวาดและการเขียนอักษรล้วนเชื่อมโยงกัน ไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ดังนั้นเมื่อมีคนมองไปตรงนั้น พวกเขาก็แสดงสีหน้าไร้คำพูดออกมา
นักธุรกิจญี่ปุ่นคนหนึ่งส่ายหัว
นักธุรกิจหญิงชาวเกาหลีคนหนึ่งหัวเราะโดยไม่พูดอะไร
นี่มันอะไรกัน?
แค่ระดับเริ่มต้นยังไม่ได้เลย!
ประเทศจีนเป็นถึงประเทศที่มีความยิ่งใหญ่ด้านภาพวาดและการเขียนอักษร ก็แค่นี้เองเหรอ?
แต่ชื่อเสียงของต้าฉีในเอเชียยังคงมีอยู่ หลายคนเคยดูภาพยนตร์ของเขา โดยเฉพาะนักธุรกิจชาวจีนสองสามคนยังคงเสนอราคาเพื่อให้เกียรติเขา ในที่สุดภาพเขียนพู่กันจีนภาพนี้ได้ราคาซื้อขายจำนวนหกพันดอลลาร์ นักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่งซื้อไป เหมือนว่าคนนั้นรู้จักกับต้าฉีเป็นการส่วนตัวจึงช่วยกู้หน้าเขาไว้
ต้าฉีหัวเราะ “ผมนึกว่าจะได้สักหลายหมื่นดอลลาร์เสียอีก”
ฮั่วตงฟางขำ “นายหวังสูงไปไหมเหล่าฉี?”
ต้าฉีถามอย่างจริงจัง “วาดได้ไม่ดีจริงเหรอ?”
หลี่เสี่ยวเสียนประเมิน “ก็ได้อยู่ค่ะ”
ต้าฉีมองไปทางจางเย่ “อาจารย์จางล่ะครับ?”
จางเย่กัดฟันฝืนใจตอบกลับหนึ่งคำ “พอได้”
ต้าฉีถอนหายใจ “ดูสิ เป็นพวกเขาที่ไม่รู้จักคุณค่า”
จางเย่เกือบจะหัวเราะจนหงายท้องแล้ว
พอได้อะไรกันล่ะ!
ภาพแบบนี้สิบหยวนฉันยังไม่ซื้อเลย!
ภาพเขียนพู่กันจีนเป็นภาพที่วาดยากที่สุด นายคิดว่าเรียนไม่กี่วันก็ใช้ได้แล้วเหรอ?
หลังจากนั้นก็เป็นการประมูลของที่เสี่ยวตงนำมา สิ่งของประมูลครั้งนี้ไม่ธรรมดา นั่นคืออัลบั้มเก่าก่อนจะมีการรวมตัวเป็นเกิร์ลกรุ๊ปสปริงการ์เด็น มีทั้งหมดสี่เพลง ไม่มีขายในท้องตลาด และไม่สามารถหาซื้อได้ เนื่องด้วยเหตุผลที่ปีนั้นบริษัทแผ่นเสียงปิดตัวลง สุดท้ายต้องหยุดการขายไป แม้ว่าเพลงในอัลบั้มจะได้รับการดัดแปลงและวางจำหน่ายไม่กี่ปีหลังจากที่พวกเธอเดบิวต์ แต่อัลบั้มนี้กลับไม่มีวางจำหน่ายอีกแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่เคยเห็น!
เวลานี้การแข่งขันดุเดือดขึ้นแล้ว
“ห้าพัน!”
“หนึ่งหมื่น!”
“หนึ่งหมื่นหนึ่ง!”
“สองหมื่น!”
“สามหมื่น!”
“สี่หมื่น!”
เสี่ยวตง เอมี่ หลี่เสี่ยวเสียนทั้งสามคนต่างรู้สึกไม่คาดฝัน
ราคาการซื้อขายขั้นสุดท้ายสูงถึงห้าหมื่นดอลลาร์ ประมาณสี่แสนหยวน ถือเป็นยอดการประมูลที่สูงที่สุดชั่วคราว ไม่มีใครเทียบได้!
หนิงหลัน “ร้ายกาจ”
เสี่ยวตงหน้าแดง “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเยอะขนาดนี้”
นักธุรกิจชาวเกาหลีที่ประมูลสินค้าได้ก็มีความสุขมากเช่นกัน เขาขึ้นเวทีไปพูดสองสามประโยค ความหมายก็คือเขาชื่นชอบวงสปริงการ์เด็นมานานหลายปีแล้ว
เสี่ยวตงก็ถูกเชิญให้ขึ้นเวที เธอใช้ภาษาอังกฤษแสดงความขอบคุณนักธุรกิจชาวเกาหลีคนนั้น
เฉินกวงมีความสุข “เป็นที่หนึ่งชั่วคราวแล้ว”
เอมี่ “ก็แค่ชั่วคราว ของที่เป็นไฮไลท์ยังไม่ออกมาเลย”
ต้าฉีหัวเราะ “ถือเป็นสัญญาณที่ดีแล้วน่า”
ดาราญี่ปุ่นและเกาหลีหลายคนในงานเลี้ยงมองไปที่ทีมดาราจากจีน
แม้ว่าจะมีหลายประเทศในแถบเอเชีย แต่ดาราที่เป็นแถวหน้าของเอเชียนั้น คือจีนญี่ปุ่น เกาหลี ทั้งสามประเทศนี้ ดังนั้นนี่จึงเป็นการแข่งขันระหว่างพวกเขา จากความเกลียดชังทางประวัติศาสตร์มากมาย ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ความขัดแย้งทางการเมือง ฯลฯ ทั้งสามประเทศต่างกระทบกระทั่งกันมาตลอด ดาราก็เช่นกัน ไม่มีใครยอมใคร ขอเพียงเป็นสถานการณ์ที่แบ่งลำดับเป็นที่หนึ่งที่สอง ใครก็ไม่ยินยอมเป็นที่สอง ทุกคนจึงต่างนำของล้ำค่าที่สุดของตนออกมาเพื่อได้ราคาประมูลสูงที่สุด ประการแรกเพื่อชัยชนะของประเทศ ประการที่สองเพื่อเพิ่มคะแนนนิยมของตนเอง และได้ยืนอยู่จุดสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของเวทีแห่งการถ่ายทอดสดทั่วเอเชีย
นั่นเป็นภาพอันยิ่งใหญ่ระดับไหนกัน!
ภาค 10
ตอนที่ 1376
ใครจะเป็นผู้ประมูลสูงสุด? (ต้น)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในงานเลี้ยง
บรรยากาศในงานเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาก็มีของประมูลอีกสามชิ้น เป็นของดาราสาวชาวญี่ปุ่นหนึ่งชิ้น เฉินกวงหนึ่งชิ้น และดาวดังนักฟุตบอลชาวเกาหลีอีกหนึ่ง แต่ราคาซื้อขายสุดท้ายก็ยังไม่มีใครสูงไปกว่าวงสปริงการ์เด็น
เวลานี้สินค้าประมูลของลีอันซูก็ออกมาแล้ว
แต่ในงานไม่มีสิ่งของปรากฏให้เห็น
พิธีกรแนะนำอยู่เป็นเวลานาน ด้านล่างเวทีจึงเริ่มชูป้ายแล้ว
“สี่หมื่น!”
“หกหมื่น!”
“แปดหมื่น!”
ตอนนี้สูงกว่าราคาสูงสุดจากประเทศจีนแล้ว!
เอมี่ตะลึง “เขาประมูลอะไรอ่ะ?”
ล่ามสาวที่มาพร้อมกับทีมดาราจากจีนพูดว่า “ลีอันซูประมูลบทเรียนกีตาร์เบื้องต้นของเขา และเขาจะไปสอนกีตาร์ด้วยตนเอง”
จางเย่ “แค่นี้น่ะเหรอ?”
เสี่ยวตงหัวเราะ “ลีอันซูขาดทุนแล้วล่ะ”
ต้าฉีเศร้าใจ “ถูกแซงไปแล้ว”
เอมี่ “ขอให้ลีอันซูเป็นติวเตอร์สอนถึงที่บ้านได้ สามารถเอาไปอวดได้ตลอดชีวิต ก็คุ้มที่จะสู้อยู่นะ”
จางเย่ส่ายหัวและหัวเราะ ก่อนก้มหน้ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยต่อ
เสี่ยวตง “อาจารย์จาง”
จางเย่ตอบแบบไม่เงยหน้า “มีอะไร? กินข้าวอยู่ไง”
เสี่ยวตง “ฉันขอพูดหน่อย อาจารย์จาง”
จางเย่ “ว่ามา”
เสี่ยวตง “เหมือนว่าที่คุณกำลังกินอยู่นั่นมันสเต๊กของฉันนะคะ?”
จางเย่ตกใจ “คุณไม่กินไม่ใช่เหรอ?”
เสี่ยวตง “…”
หลี่เสี่ยวเสียน “พรูด!”
ในที่สุดก็เคาะราคาสูงถึงเก้าหมื่นห้าพันดอลลาร์ นับเป็นเงินจีนถึงหลายแสนหยวน ผู้ประมูลได้เป็นคู่ของพ่อและลูกสาวชาวเกาหลี ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นแฟนตัวยงของลีอันซู หลังจากได้รับของขวัญชิ้นนี้จากพ่อทำให้เธอมีความสุขมาก
ทีมดาราจากเกาหลีเป็นอันดับหนึ่งชั่วคราว!
ดาราเกาหลีสามสี่คนทางด้านนั้นปรบมือให้ทันที!
“เยี่ยม!”
“อันซูฮยอง!”
“ทำได้เยี่ยมมากค่ะ!”
ลีอันซูก็ยิ้มแย้มเต็มใบหน้าเช่นกัน
วันนี้เป็นถิ่นของพวกเขาทีมดาราเกาหลี แน่นอนว่าอันดับหนึ่งไม่อาจมอบให้กับคนอื่นได้
ในที่สุดก็ถึงคราวของจางเย่ ไม่รู้ว่าทางผู้จัดงานจงใจหรือว่าบังเอิญ สิ่งของสำหรับประมูลของจางเย่จึงมาต่อท้ายลีอันซูพอดี ต้าหงเผาถูกนำออกมาแล้ว พิธีกรบนเวทีกำลังถือโน้ตบุ๊ก แนะนำที่มาของใบชาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
กล้องก็แพลนมาทางจางเย่อย่างฉับพลัน
เอมี่รีบเตือนเขาทันที
เสี่ยวตงก็วุ่นอยู่กับการเอาเท้าเตะเขาข้างใต้โต๊ะ ให้เขาใส่ใจภาพลักษณ์
แต่พวกเขากลับไม่คิดว่า หมอนี่ที่ไม่กี่วินาทีก่อนยังจับมีดและส้อมจิ้มตรงนั้นตรงนี้กิน พริบตาก็เปลี่ยนมานั่งตัวตรงอย่างสง่า มีดและส้อมถูกวางไว้บนโต๊ะ มุมปากถูกเช็ดจนสะอาด ทั้งยังหันไปยิ้มให้กล้อง ราวกับว่าเขาติดตามการประมูลอย่างจริงจังมาตั้งแต่แรก
เสี่ยวตง “…”
ต้าฉี “…”
เฉินกวง “…”
ทุกคนต่างตะลึงจนตาค้าง!
ยอดฝีมือ!
การตอบสนองของนายแม่งเร็วเกินไปไหม!
หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจางเย่จึงกล้ากินและดื่มอย่างเต็มที่ทั้งที่ถ่ายทอดสดไปทั่วเอเชียอยู่ ที่แท้เขาเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วนี่เอง!
การประมูลใบชาเริ่มต้นขึ้น
นักธุรกิจญี่ปุ่นและเกาหลีสนใจอย่างมาก
“ห้าพัน”
“หนึ่งหมื่น”
“ฉันให้สามหมื่น”
“ผมให้สามหมื่นสองพัน”
เมื่อราคาขึ้นถึงสามหมื่น นักธุรกิจญี่ปุ่นและเกาหลีหลายคนต่างส่ายหัวและวางป้ายลง ไม่เข้าร่วมต่อ พวกเขารู้สึกว่ามันมากเกินไปแล้ว
ห้ากรัมเองนะ!
ชาแค่หนึ่งกา ทั้งยังเป็นกาเล็กอีก!
ขนาดเครื่องเพชรยังราคาไม่แพงเท่านี้เลย!
แต่นักธุรกิจชาวจีนเหล่านั้นกลับรู้ถึงคุณค่าของต้าหงเผาเป็นอย่างดี ชาอันดับหนึ่งตลอดกาลที่มีชื่อเสียงมายาวนาน หากเป็นการประมูลซื้อขายด้านนอก พวกเขาอาจจะไม่กล้าจะซื้อ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเป็นของจริงหรือปลอม แต่วันนี้พวกเขากล้าและวางใจมาก เพราะคนที่เอามาประมูลคือจางเย่ ต้าหงเผาต้นแม่ที่มีไม้กี่ต้นในโลกล้วนอยู่ในความครอบครองของจางเย่ ถ้าคนอื่นเอาออกมาอาจจะเป็นของปลอม แต่มีแค่จางเย่ที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อได้ดื่มชาอันดับหนึ่งตลอดกาล ทั้งยังสามารถบริจาคเพื่อการกุศล ทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ?
ซีอีโอซุนหันไปด้านข้าง “เถ้าแก่เฉียนไม่ประมูลเหรอครับ?”
คนที่รวยที่สุดของจีนเฉียนไห่เทาพูดยิ้มๆ “ผมคงไม่เข้าร่วมแล้วล่ะ”
ประธานฉือหัวเราะ “เหล่าเฉียน คุณชอบดื่มชามากไม่ใช่เหรอ?”
เฉียนไห่เทา “ฮ่าๆ เพราะผมเคยดื่มแล้วน่ะ ปีนั้นอาจารย์จางมอบใบชาให้ผู้อำนวยการสถานีบีทีวี ผมเลยหน้าด้านไปขอชิมกาหนึ่ง”
ประธานฉือถาม “ชาเป็นยังไงบ้าง?”
เฉียนไห่เทาชื่นชม “สมกับเป็นชาอันดับหนึ่งตลอดกาล”
ประธานฉือตบเข่าฉาด แล้วชูป้ายขึ้น “สี่หมื่น!”
ในที่สุดใบชาถูกขายให้นักธุรกิจชาวจีนในราคาสี่หมื่นดอลลาร์
กลุ่มชาวต่างชาติที่ดูอยู่ต่างช็อกไปแล้ว ใบชาห้ากรัม สี่หมื่นดอลลาร์? พวกนายบ้าไปแล้วเหรอ? ไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหนแล้วหรือไง? ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?
ต้าหงเผาประมูลได้ในราคาที่สูงมาก สร้างสถิติใหม่ในการประมูลใบชาทีเดียว
แต่สี่หมื่นดอลลาร์ก็ยังไม่เข้าใกล้สามอันดับแรกของงานสักนิด เทียบกับราคาประมูลบทเรียนกีตาร์ของลีอันซูแล้ว ต่างกันอย่างยิ่ง ตอนนี้ทีมดาราเกาหลียังเป็นอันดับหนึ่ง
ลีอันซูเหล่ตามองทางจางเย่อย่างแสดงความเหนือกว่า
จางเย่กลับไม่ได้สนใจเขา เริ่มกินข้าวอีกครั้ง
การประมูลดำเนินต่อไป
การแข่งขันเริ่มรุนแรงขึ้นทุกที
สินค้าประมูลของเจี่ยงฮั่นเวยถูกนำออกมาแล้ว เป็นถ้วยรางวัลชุบทองที่เขาได้รับจากรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย มีคุณค่าและมีความหมายอย่างยิ่ง
เสี่ยวตงตกใจ “ลุงเจียง คุณทุ่มสุดตัวเลยเหรอคะ?”
เอมี่ “ไอ้หยา นี่มันก็มากเกินไปแล้ว!”
เจี่ยงฮั่นเวยหัวเราะฮาๆ “ไม่ใช่เพื่อให้พวกเราดาราจากจีนเป็นผู้นำในครั้งนี้หรอกเหรอ? ต้องยอมขาดทุนแล้วล่ะ”
จางเย่ถามอย่างเฉยเมย “ถ้วยรางวัลถ้วยเดียวเรียกขาดทุนเหรอ?”
เจี่ยงฮั่นเวยกลอกตา “ดีกว่าใบชาห้ากรัมของคุณแล้วกัน”
จางเย่กะพริบตา “ใบชาของผมมันเป็นของธรรมดาหรือไง?”
เจี่ยงฮั่นเวยฮึ่มฮั่ม “ถ้วยรางวัลของผมก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน”
ทั้งสองเคยสู้กันมากก่อนแล้ว เสี่ยวตงเห็นเข้ารีบไกล่เกลี่ยทันที “ไอ้หยา ลุงเจียง อาจารย์จาง พวกคุณอย่าทะเลาะกันเลย นี่มันสถานการณ์ไหน เวลาไหนกันคะมันเป็นเวลาที่ทีมดาราจีนของเราต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนะ เราต้องรวมตัวกันเพื่อสู้กับศัตรูสิ”
จางหย่วนฉีและฉีเหม่ยหลันที่อยู่โต๊ะด้านข้างก็มองมาเช่นกัน
ในตอนต้นของการประมูล นักธุรกิจชาวเอเชียหลายคนต่างยื้อแย่งกันประมูลถ้วยรางวัล
แปดหมื่น!
หนึ่งแสน!
หนึ่งแสนสองหมื่น!
ทีมดาราจีนกลับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแล้ว!
“เยี่ยม!”
“สวยงามมาก!”
“ท่านลุงเจียงจงเจริญ!”
“น่ากลัวจริง!”
พวกเขาต่างชื่นชมและเฉลิมฉลอง!
แต่ต่อมา ดาราชายจากญี่ปุ่นก็เคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นกัน เขาถูกประมูลกีตาร์ไฟฟ้าที่ใช้มาตลอดหลายปีได้ในราคาสูงถึงหนึ่งแสนสามหมื่นดอลลาร์ ในฐานะสมาชิกวงดนตรี นักร้องญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงแม้แต่กีตาร์ที่ใช้ในช่วงปีแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยอยากขายออกไป ชัดเจนว่าครั้งนี้ที่เอาออกมาก็เพื่อต่อสู้แย่งชิงอันดับหนึ่ง ทีมดาราญี่ปุ่นก็หมายมั่นอยากได้ซีนเช่นกัน!
ทีมดาราญี่ปุ่น
“เยี่ยม!”
“โยชิดะคุง!”
“ต้องอย่างนี้สิ!”
ทุกคนทำสัญลักษณ์สรรเสริญ
นายมาฉันไป!
โชคชะตาไร้ความแน่นอน!
จีนญี่ปุ่นและเกาหลีต่างระวังกันและกัน ในงานตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน แม้ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับดุเดือดยิ่ง!
มีเพียงจางเย่ที่ทำตัวราวกับอยู่วงนอก ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก หมอนี่มีความรักชาติถึงขีดสุด แต่ความสำนักในเกียรติกลับร่อยหรอ อันดับหนึ่งอันดับสองอะไรกัน ก็แค่การประมูลการกุศลเท่านั้น จะต้องแข่งไปทำไม?
……
ที่ประเทศจีน
ในอินเทอร์เน็ต
“เสี่ยวตงร้ายกาจมาก!”
“เหล่าเจียงก็ทุ่มสุดตัวแล้ว!”
“ไอ้หยา ถูกคนอื่นแซงไปอีกแล้ว!”
“รีบเอากลับมาเร็ว!”
“มีแต่จางเย่ที่ไม่ลงทุนอะไรเลย! เขาทำอะไรอยู่เนี่ย?”
“ใช่แล้ว ไอ้หมอนี่ไม่ทำอะไรเลย ต้าหงเผาต้นแม่ทั้งหมดก็อยู่ที่เขาคนเดียว เขากลับดีนัก เอาใบชาออกมาแค่ห้ากรัม? นายให้อาหารแมวอยู่เหรอไงวะ!”
“น่าโมโหจริงๆ!”
“จางเย่ขี้เหนียวเกินไปแล้ว!”
“ถ้านายเอาออกมาสักครึ่งชั่งหนึ่งชั่ง ใครจะสู้กับนายได้กัน? ผู้นำอันดับหนึ่งของการประมูลครั้งนี้ต้องเป็นทีมดาราจากจีนเราแน่นอน! ไม่พ้นมือไปหรอก!”
“ฮ่าๆๆ ยังจะเอาหนึ่งชั่งอีก? อาจารย์จางเป็นคนขี้งกมากขนาดไหน เอาออกมาแค่สิบกรัมก็คือการเอาชีวิตเขาแล้ว!”
ภาค 10
ตอนที่ 1377
ใครจะเป็นผู้ประมูลสูงสุด? (กลาง)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในประเทศจีน
ที่บ้านคุณยาย
พ่อแม่ของจางเย่ คุณตาคุณยาย ลุงป้าน้าอา น้องสาวทั้งหลาย ทุกคนต่างกำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ แต่ละคนกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
“ไอ้หยา ลุ้นแทบตายแล้ว!”
“พี่ชายฉันเป็นอะไรไปเนี่ย!”
“เย่น้อยเอาใบชาไปแค่ห้ากรัมจริงเหรอ?”
“จบแล้ว จบแล้วล่ะ”
……
ณ เรือนสี่ประสานบ้านคุณอู๋
อู๋ฉางเหอและหลี่ฉินฉินก็กำลังดูอยู่เช่นกัน
“เย่น้อย มันทำอะไรของมัน!”
“คุณจะตะโกนทำไม”
“ต่อยไอ้ญี่ปุ่นตีไอ้เกาหลี ถลกแขนเสื้อขึ้นสิ!”
“ก็แค่งานประมูลเองนะ”
“แค่งานประมูลอะไรกัน นี่คือศักดิ์ศรีของประเทศเลยนะ!”
……
ที่ CCTV
ช่องข่าว
“จบหรือยัง?”
“ยังเลยครับ”
“ผลออกมาเมื่อไรรีบทำต้นฉบับนะ พร้อมรายงานข่าวได้เลย”
“ครับ เข้าใจแล้ว เฮ้อ จางเย่เขาไม่แสดงพลังอะไรเลยครับ”
……
ณ กรุงโซล
ภายในงานเลี้ยงการกุศล
การประมูลใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
ดาราเอเชียระดับสูงหลายคนต่างทยอยเอาของออกมาประมูลแล้ว!
ดาราเกาหลีสตาร์คิงระดับเอสของเอเชียหยิบสมุดเนื้อเพลงในอัลบั้มใหม่ของเขาออกมาประมูล นี่คือต้นฉบับที่เขาใช้บันทึกและแก้ไขด้วยตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล้ำค่าอย่างมาก และมีเพียงเล่มเดียวเท่านั้น
“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
“สองแสน!”
“สองแสนหนึ่งหมื่น!”
ราคาประมูลสูงเทียมฟ้า!
หวนคืนสู่อันดับหนึ่งอีกครั้ง!
สิ่งของที่ฉีเหม่ยหลัน สตาร์ควีนจากจีนเอามาประมูลคือต่างหูของเธอ มูลค่าตลาดของต่างหูเพียงอย่างเดียวก็ห้าหมื่นดอลลาร์แล้ว คนด้านล่างเสนอราคายื้อแย่งกันอย่างรวดเร็ว
“หนึ่งแสนหกหมื่น!”
“หนึ่งแสนเจ็ดหมื่น!”
“หนึ่งแสนเก้าหมื่น!”
แต่น่าเสียราคาซื้อขายสุดท้ายก็ยังคงไม่เกินสองแสนดอลลาร์
เสี่ยวตง “ไอ้หยา!”
เอมี่ “แย่แล้ว แย่แน่!”
ต้าฉี “อีกนิดเดียวเอง!”
ทีมดาราจีนเสียดายกันมาก
จากนั้นสิ่งของที่หนิงหลันเอามาประมูลก็ออกมาแล้ว แต่ราคาไม่สูงนัก ประมูลได้เพียงหนึ่งหมื่นดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากสิ่งที่เธอนำออกมานั้นแทบไม่มีความน่าสนใจเลย ความคิดของหนิงหลันกับจางเย่คล้ายกัน ทั้งสองคนไม่มีความสนอกสนใจต่องานเลี้ยงประมูลมากนัก จุดสำคัญคือมาเพื่อร่วมงานเฉยๆ
งานเขียนอักษรของหลี่เสี่ยวเสียนก็ได้เผยโฉมแล้ว
ตัวอักษรที่สง่างาม ตามเส้นทางของตัวอักษรกึ่งหวัดแกมบรรจง
ฮั่วตงฟางที่ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจด้านนี้กันแน่ “ตัวอักษรที่ดี”
หลี่เสี่ยวเสียนหน้าแดง “เขียนไปเรื่อยน่ะค่ะ”
เจี่ยงฮั่นเวยหัวเราะ “ไม่เลวจริงๆ”
ต้าฉี “ต่อไปนี้วงการบันเทิงเราจะมีผู้เชี่ยวชาญการเขียนอักษรแล้ว”
หลี่เสี่ยวเสียนถูกยกยอจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
จางเย่ก็เงยหน้าขึ้นดูแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาก้มหน้าลงเช่นเดิม ตัวบรรจงกึ่งหวัดนี้มองไปคล้ายกับสวยงามมาก แต่ในสายตาของเขา ตัวอักษรนี้ไม่มีจิตวิญญาณอยู่เลย ทุกส่วนล้วนปิดตาย จางเย่เดาว่าหลี่เสี่ยวเสียนต้องเลียนแบบอาจารย์ด้านการเขียนตัวบรรจงกึ่งหวัดในสมัยโบราณของประเทศจีนอย่างแน่นอน และนั่นกลับทำให้สูญเสียเสน่ห์ของตัวเธอเอง การเขียนตัวอักษรแบบนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อาจจะดีกว่าคนที่เริ่มเขียนคนอื่นนิดหน่อย นับว่าค่อนข้างพอใช้
ในงานมีคนเข้าใจทางด้านนี้ไม่น้อย
ทางด้านญี่ปุ่น ชายคนหนึ่งอายุห้าสิบกว่าปีแสดงท่าทีดูถูก
ดาราสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งถาม “อาจารย์มิยาโมโตะ ตัวอักษรนี้มันทำไมเหรอคะ?”
มิยาโมโตะส่ายหัว “เปลืองกระดาษ”
ดาราชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งหัวเราะ “เทียบกับคุณ การเขียนอักษรทั้งหมดล้วนไม่เข้าขั้นทั้งนั้นแหละครับ”
การเขียนอักษรของหลี่เสี่ยวเสียนได้ราคาประมูลอยู่ที่หกพันดอลลาร์ ถือว่าไม่เลว
สุดท้าย ก็ขึ้นอยู่กับจางหย่วนฉีแล้ว
ความนิยมของจางหย่วนฉีในเอเชียและในประเทศต่างเป็นหนึ่งไม่มีสอง ครั้งนี้ที่เหล่าจางเอามาประมูลก็เหมือนกับปีก่อน เป็นการประมูลอาหารหนึ่งมื้อ ใครจ่ายราคาสูงก็สามารถไปกินอาหารกลางวันกับเธอได้ ทั้งเหล่าจางยังเป็นคนเลี้ยงอาหารอีกด้วย จะพาคนมากี่คนก็ได้ สั่งอาหารแพงแค่ไหนก็ได้ ดูเหมือนเหล่าจางจะใช้อาหารหนึ่งมื้อเป็นของประมูลในงานเลี้ยงการกุศลทุกปีจนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว แต่ปีนี้จางหย่วนฉีกลับเพิ่มของประมูลอีกหนึ่งอย่าง เป็นการซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ที่เธอนำออกมาก็คือภาพเขียนอักษรเช่นกัน
สินค้าประมูลถูกนำออกมาแสดงแล้ว
ภาพเขียนอักษรตัวเดียวคือคำว่า ‘ฉัน’!
จางหย่วนฉียืนยิ้มอยู่บนเวที “ทุกท่าน แสดงความอ่อนด้อยแล้ว”
มีเสียงปรบมืออย่างต่อเนื่องจากผู้คนด้านล่าง
หลี่เสี่ยวเสียนตะลึง “พี่สาวจางก็เขียนอักษรเป็นเหรอ?”
เอมี่ “ตัวอักษรมีพลังมาก!”
ต้าฉี “เยี่ยมเลย! สุดยอดจริงๆ!”
จางเย่ดูแล้วก็แปลกใจเช่นกัน ตัวอักษรตัวนี้ใช้ได้ทีเดียว อย่างน้อยก็ดีกว่าลายมือของหลี่เสี่ยวเสียน มีกลิ่นอายของผู้เข้าสู่การเริ่มต้นที่แท้จริง อืม เหล่าจางนับว่าไม่เลวเลย
สามารถทานอาหารร่วมกับเธอ?
เธอเป็นคนเลี้ยง?
และยังได้ภาพตัวอักษรที่เธอเขียนเองอีกหนึ่ง?
นี่มันซื้อหนึ่งแถมสามแล้ว!
มีคนสนใจไม่น้อย!
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง “หนึ่งแสน!”
นักธุรกิจชาวจีนคนหนึ่ง “หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
นักธุรกิจชาวจีนอีกคน “หนึ่งแสนแปดหมื่น!”
เถ้าแก่ชาวเกาหลีคนหนึ่ง “สองแสน!”
ในที่สุดเฉียนไห่เทาก็ลงมือแล้ว
ชายที่รวยที่สุดในประเทศจีนชูป้าย เสนอราคา “สามแสน!”
ในงานเกิดความโกลาหลทันที!
“ว้าว!”
“สูงกว่าปีก่อนหนึ่งแสนดอลลาร์?”
“ร่ำรวยสุดๆ ไปเลย!”
“ราคาสูงที่สุดในงานก็คืออันนี้ล่ะ!”
“เขาเป็นคนที่รวยที่สุดนี่!”
นักธุรกิจจีนมองหน้ากันและกัน ต่างก็ยิ้มและวางป้ายลง ไม่สู้แล้ว
เถ้าแก่และนักธุรกิจทั้งญี่ปุ่นเกาหลีลังเลหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
พิธีกรเคาะราคาแล้ว
สามแสนดอลลาร์ ทีมดาราจีนกลับคืนสู่ตำแหน่งผู้นำ!
เสี่ยวตงสรรเสริญ “พี่สาวจางร้ายกาจมาก!”
เอมี่ “ช่วงเวลาสำคัญยังต้องพึ่งพี่สาวจาง!”
ฮั่วตงฟางหัวเราะ “ครั้งนี้ยึดไว้ได้มั่นแน่!”
หนิงหลันยิ้ม “ต้องขอบคุณที่พี่สาวจางเขียนอักษรด้วย ถ้าไม่ได้อันดับหนึ่งก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
ต้าฉีปรบมือ “ถูกต้อง ด้านเกาหลีไม่มีคนดังออกมาแล้ว สามแสนดอลลาร์ อย่างน้อยก็สองล้านหยวนเข้าไปแล้ว งานเลี้ยงการกุศลเมื่อปีก่อน ราคาประมูลที่สูงที่สุดก็แค่สองแสนสี่หมื่นดอลลาร์เอง ยกเว้นแต่จะมีคนโง่เดินออกมา ไม่งั้นก็ยากที่จะไล่ตามจริงๆ”
ทีมดาราเกาหลี
ลีอันซูส่ายหัว
คนอื่นก็หัวเราะอย่างขมขื่น พวกเขาสู้ไม่ได้อย่างแน่นอน
ทีมดาราญี่ปุ่นมองหน้ากันไปมาอย่างไม่มีหาทางแล้วเช่นกัน
แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น!
มิยาโมโตะลุกยืนแล้วพูดอย่างดูถูก “แค่นี้ก็เรียกว่าการเขียนอักษรหรือ?”
ทุกคนต่างตกตะลึง และมองไปทางเขา
กล้องแพลนไปทางเขา คนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งเอเชียก็ตะลึงเล็กน้อย
“ใครอ่ะ?”
“ไม่รู้จักเหมือนกัน”
“ฉันรู้จัก เป็นปรมาจารย์ด้านการเขียนอักษรของญี่ปุ่น!”
“หา? มิยาโมโตะคนนั้นน่ะเหรอ?”
“ถูกต้อง เขานั่นแหละ เพิ่งได้รับรางวัลเหรียญทองในการเขียนตัวอักษรระดับเอเชียด้วย!”
“หนึ่งในผู้เขียนอักษรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก? มิยาโมโตะเซ็นเซน่ะนะ?”
“เชี่ย นี่คือปรมาจารย์การเขียนอักษรตัวจริง!”
“ทำไมปีนี้เขาก็มาด้วยล่ะ?”
ในงานมีเสียงกระซิบกระซาบและชี้ไม้ชี้มือ
มีเรื่องดีแท้ๆ แต่ก็ดันมีคนมาขัด นี่คือฉากที่ไม่มีใครคาดคิดจริงๆ ระดับการเขียนอักษรของจางหย่วนฉีและหลี่เสี่ยวเสียนไม่ดี? นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว เดิมทีคนอื่นเขาก็ไม่ได้ทำงานด้านนี้โดยตรง นี่คือการประมูลเพื่อการกุศล ทุกคนต่างเข้าร่วม และช่วยเหลือด้วยความรู้สึกสนุกสนาน หากคุณเคร่งครัดว่าระดับของคนอื่นเขาย่ำแย่ ถ้าอย่างนั้นสินค้าประมูลที่นำมาประมูลกว่าครึ่งก็ต้องโดนโยนลงถังขยะไปแล้ว การประมูลครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการบริจาค ไม่ใช่การเปรียบเทียบระดับความเป็นมืออาชีพสักหน่อย
จางเย่หรี่ตาลง “ตาแก่นั่นเป็นใคร?”
หลี่เสี่ยวเสียนจำเขาได้แล้ว รีบอธิบายทันที “นี่คือปรมาจารย์ของการเขียนตัวอักษรที่แท้จริง ต่อหน้าเขาตัวอักษรของฉันกับพี่สาวจางก็น่าเกลียดจริงๆ นั่นแหละ…”
เอมี่โมโห “แต่ไม่ได้ทำลายเวทีแบบที่เขาทำนี่!”
เจี่ยงฮั่นเวยก็เริ่มโกรธเล็กน้อย “ยังถ่ายทอดสดอยู่นะ ทำอะไรน่ะ?”
แต่ว่ามิตาโมโตะเซ็นเซกลับไม่สนใจคำเตือน ราวกับมีทรายบดบังสายตาของเขาอยู่ เขาเดินขึ้นเวทีไปจริงๆ “ยังเพิ่มของประมูลได้อยู่ไหม?”
ล่ามก็ขึ้นมาช่วยแปลด้วย
พิธีกรชาวเกาหลียิ้มแย้ม “ได้แน่นอนครับ การประมูลยังไม่สิ้นสุด”
มิยาโมโตะเซ็นเซทำหน้านิ่ง “ดี วันนี้ผมไม่ได้เอาของอะไรมา ผมจะเขียนตัวอักษรในงานนี้เลย ขอให้ทุกคนได้รับชมดู และมีส่วนร่วมในการกุศลครั้งนี้ด้วย!”
“อะไรนะ?”
“เขียนขึ้นในงาน?”
“น่าสนใจจริงๆ”
“มีละครดีให้ดูแล้ว”
มีหลายคนดูด้วยความสนุกสนาน
ทีมดาราเกาหลีฟังแล้วก็ชอบใจอย่างมาก
ทีมดาราญี่ปุ่นก็ส่งเสียงเชียร์กันทุกคน!
ผู้จัดงานจัดการทันที พู่กัน หมึก และกระดาษรวมทั้งหินฝนหมึกถูกนำไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างมองไปยังเวที
เลนส์กล้องหลายตัวก็จับภาพบนเวทีเป็นพิเศษ
การเขียนตัวอักษรในจีนญี่ปุ่นและเกาหลี ได้รับอิทธิพลทั้งหมดมาจากประเทศจีน แต่ก็มีความแตกต่างเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นญี่ปุ่น ระหว่างที่พวกเขาฝึกคัดลายมือ ก็ใส่ใจกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปพร้อมกัน การเขียนตัวอักษรของพวกเขานั้นมีสองแบบ แบบแรกคือตัวหนังสือบรรจงเน้นความแข็งแกร่ง รูปแบบนี้เหมาะกับจิตวิญญาณของบูชิโดที่ซึมลึกถึงกระดูกสันหลังของญี่ปุ่น อีกแบบหนึ่งคือตัวหนังสือหวัด เน้นความสวยงาม พลิ้วไหว สไตล์ใบซากุระร่วงโรย รูปแบบนี้เหมาะกับความอ่อนโยนและความโศกเศร้าที่แฝงอยู่ในจิตวิญญาณของญี่ปุ่น
ฝนหมึก
ยกพู่กัน
มิยาโมโตะเซ็นเซเขียนตัวอักษรด้วยสีหน้าเย็นชา!
ระหว่างตัวอักษรญี่ปุ่นและตัวอักษรจีนมีจุดที่คล้ายคลึงกัน ยิ่งกับภาษาจีนตัวเต็มยิ่งคล้ายมาก แต่ก็มีส่วนที่แตกต่าง แต่โดยรวมก็สามารถทำความเข้าใจได้ เนื้อหาของบันทึกในญี่ปุ่นไม่มีความชัดเจน มีเพียงแค่ปีxx จำนวนxxคน ได้ทำเรื่องอะไรไว้ บางช่วงอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าจากคนมีชื่อเสียงในสมัยโบราณของญี่ปุ่นซึ่งซับซ้อนอย่างมาก แต่นี่ก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือสิ่งที่คงเหลือไว้นอกเหนือจากเรื่องเล่าในสมัยโบราณ!
คือตัวอักษร!
ทันทีที่มิยาโมโตะเซ็นเซจรดพู่กัน ในงานก็มีเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม!
“ตัวอักษรที่ดี!”
“นี่สิถึงจะเรียกว่าการเขียนอักษร!”
“ปรมาจารย์ของแท้!”
“เมฆเคลื่อนคล้อยสายน้ำรินไหล นี่ล่ะศิลปะขนานแท้!”
“เฮ้อ การเขียนอักษรของปรมาจารย์นี่ไม่เหมือนกันจริงๆ เพียงแค่เห็นเขาเขียนก็รู้สึกเพลิดเพลินแล้ว”
“มืออาชีพและมือสมัครเล่น ความห่างชั้นมันสูงเกินไปแล้ว”
“การเขียนอักษรของดาราจีน แม้แต่มือสมัครเล่นก็ยังไม่ถึงเลย”
“ทุกอย่างล้วนกลัวการเปรียบเทียบจริงๆ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น