ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I’m really a superstar 1337-1348
บทที่ 1337 : ‘เพื่อความรัก’ สั่นสะเทือนทั้งเวที!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทีมงานรายการคืนส่งปี
เหล่าหัวหน้าตื่นเต้นกันจะแย่แล้ว
“หัวเราะแล้ว หัวเราะกันแล้ว!”
“การตอบรับของผู้ชมยอดเยี่ยมมาก!”
“คอมเมนต์บนอินเทอร์เน็ตล่ะ?”
“ฉันดูแล้ว เป็นคอมเมนต์ด้านดีทั้งนั้น!”
“ใช่ ทุกคนหัวเราะกันจะแย่แล้ว! ฮ่าๆๆๆ!”
“สุดยอดจริงๆ เลย วันนี้การแสดงของพี่สาวฉือกับปู่เหลียนเหอสุดยอดไปเลย เทียบกับการซ้อมรอบคัดเลือกรอบที่หนึ่งกับรอบที่สองแล้ว ถือเป็นการแสดงอีกขั้นไปเลย!”
“แน่นอน ทั้งสองคนเป็นถึงปรมาจารย์ละครตลกนะ”
“ผู้มากประสบการณ์ นี่สิถึงเป็นคู่ควรกับเวทีเช่นนี้!”
“ผู้กำกับจางไม่ได้จัดรายการผิดพลาดจริงๆ!”
“ใช่ ให้ละครสั้นนี้นำหน้า ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!”
……
คนกลุ่มหนึ่งในวงการ
“ดูละครตลกเรื่องแรกในรายการคืนส่งปีหรือยัง?”
“ดูแล้ว”
“เฮ้อ ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
“ครั้งนี้เจ๊ฉือดังแล้ว”
“อืม เมื่อก่อนถึงเจ๊ใหญ่ฉือจะเป็นแขกประจำของรายการคืนส่งปี แล้วก็ถือเป็นคนดังของละครตลก ความนิยมเองก็สูงมาก แต่ว่านั่นไม่เหมือนกัน เจ๊ใหญ่ฉือยังไม่เคยเป็นตัวหลักในการแสดงละครตลกมาก่อนเลย ตลอดมาก็ไม่เคยก้าวข้ามภาพลักษณ์ที่เธอทิ้งไว้ให้ผู้ชมได้เลย แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว มีบทละครของจางเย่ ประกอบกับการแสดงของเหลียนเหอและเจ๊ใหญ่ฉือ เป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เจ๊ใหญ่ฉือก้าวขึ้นไปอีกขั้นแล้ว”
“บทละครดีๆ บทหนึ่งสำคัญกับนักแสดงละครตลกมากจริงๆ”
“ใช่ เจ๊ใหญ่ฉือควรขอบคุณจางเย่นะ”
“ถูกต้อง บทละครสั้นประเภทนี้มีค่า ทองคำพันตำลึงก็หาซื้อไม่ได้!”
“จางเย่ตัดใจมอบให้ได้จริงๆ นะ ทำไมเขาไม่แสดงเองล่ะ?”
“เพราะเขาเองก็แสดงไม่ไหวน่ะสิ ต่อให้เขาไปแต่งตัวให้ดูแก่ยังไงก็ไม่มีภาพลักษณ์แบบปู่เหลียน ส่วนสูงก็ไม่ได้ ถึงแสดงยังไงก็ไม่ตลก”
……
ที่ห้องควบคุมหลัก
เสี่ยวหวังวิ่งเข้ามา “ผู้กำกับจาง อันดับเทรนด์ ‘อยากเต้นก็เต้นสิ’ อยู่ที่สองแล้วค่ะ! เป็นรองแค่เสี่ยวหูเตี๋ยเท่านั้น! ทั้งยังใกล้จะไล่ทันแล้ว! ร้อนแรงจริงๆ ค่ะ!”
เมื่อได้ยิน เหล่าพนักงานภายในห้องก็กระตือรือร้นสุดขีด!
เริ่มต้นได้ยอดเยี่ยม!
นี่เป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมมาก!
หรือว่ารายการคืนส่งปีของปีนี้จะดังระเบิดจริงๆ?
จะฟื้นคืนชีพได้ในมือพวกเขาจริงๆ เหรอ?
คนของทีมผู้กำกับไม่กล้าคิดโดยเด็ดขาด!
จางเย่กลับยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร
นี่เพิ่งจะถึงไหนเอง
นี่เพิ่งจะละครสั้นเรื่องแรกเท่านั้น
ยังมีการแสดงสำคัญกับไพ่ตายมากมายที่ยังไม่โผล่ออกมาเลยนะ!
ผู้ชมที่จะดูรายการคืนส่งปีนั้นมีครบทุกรูปแบบ คนแก่ เด็ก ผู้ชาย ผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่สามารถใส่ใจแค่ส่วนหนึ่งแล้วละเลยส่วนที่เหลือได้ ต้องใส่ใจทั้งหมด ทว่าจางเย่หยิบละครสั้นออกมาเรื่องหนึ่งก็สร้างบรรยากาศการถกเถียงอย่างดุเดือดได้แล้ว วัยรุ่นมากมายหัวเราะกันแทบบ้า ผู้อาวุโสจำนวนมากเองก็ชอบอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่จางเย่วางแผนมาอย่างดี รายการคลาสสิคของโลกเดิม เขาเองก็ไม่ได้ทำไปแบบสะเปะสะปะ จำเป็นต้องมีแผนการที่ครอบคลุมทั้งหมด
อันไหนอยู่ด้านหน้า
อันไหนอยู่ด้านหลัง
อันไหนแสดงได้
อันไหนแสดงไม่ได้
ล้วนคิดอย่างเอาใจใส่
เพราะว่านี่คือรายการคืนส่งปี ทั้งเวทีไม่ใช่แค่การแสดงเพียงรายการเดียว ต้องใส่ใจกับอันดับและคุณภาพการแสดง ทั้งยังต้องคิดถึงภาพรวมด้วย แน่นอนว่าทรัพยากรในมือก็เป็นปัญหาหนึ่งเช่นกัน มีการแสดงบางรายการในโลกเดิมของจางเย่ที่โดดเด่นมาก การแสดงก็ยอดเยี่ยม แต่หาคนแสดงออกมาไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงต้องละทิ้งไป
……
ตรงหน้าจอทีวี
คนจีนทั่วประเทศต่างประหลาดใจมาก พวกเขาล้วนคิดไม่ถึงว่ารายการคืนส่งปีของปีนี้จะมีรูปแบบเช่นนี้ แตกต่างกับที่พวกเขาคิดไว้โดยสิ้นเชิง!
“รายการคืนส่งปีปีนี้ ตอนนี้ฉันให้เก้าสิบคะแนน!”
“ใช่ เพิ่งเริ่มการแสดงไปได้สองสามรายการเอง ไม่มีที่ติจริงๆ!”
“ละครตลกนี่ตลกจริงๆ พ่อแม่ฉันอายุเจ็ดสิบแล้ว คนสองคนที่ปกติไม่ดูรายการคืนส่งปี คนที่ไม่เคยชอบละครตลก วันนี้ถึงกับตลกจนขำออกมาแล้ว”
“คุณปู่คุณย่าของฉันเองก็เหมือนกัน ขำกันจะตาย!”
“แม่ฉันเองยังชมจางเย่ด้วย บอกว่าละครตลกเขียนได้ดีมาก ใกล้ชิดกับชีวิต คนทั่วไปรู้สึกจับต้องได้ ใช้ภาษาที่ทันสมัยมาเขียนชีวิตหลังเกษียณของพวกเขาที่อายุมากแล้ว เขียนสิ่งที่อยู่ในใจพวกเขาออกมา”
“การแสดงต่อไปมาแล้ว”
“ดูต่อเถอะ”
“ต่อไปเป็นอะไรเหรอ?”
“ตั้งตารอนะ”
“ปีนี้รายการคืนส่งปีไม่เลวเลย จะดูว่าสามารถยืนหยัดต่อไปได้ไหม”
“ใช่ ถ้าหลังจากนี้ยังดำเนินต่อไปได้นั่นก็ถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ แล้ว”
“ยากมากเลย”
“อืม เริ่มต้นได้ดีแต่ด้านหลังอาจทำได้ไม่ดีก็ได้”
“ไม่ใช่ว่าจางเย่เอาการแสดงที่ดึงดูดที่สุดมาจัดไว้หน้าๆ หมดแล้วหรอกนะ? หลังๆ จะไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว?”
“จะใช่สองสามีภรรยาเหล่าเฉินเหล่าฟ่านไหม?”
“ปีนี้พวกเขาจะร้องเพลงคู่กันไหม”
“สองคนนี้แยกกันแล้วล้วนเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการดนตรี แต่ว่าให้ร้องเพลงด้วยกันกลับไม่ได้เพราะเท่าไหร่ นี่น่าเสียดายมากจริงๆ”
ข้อกังขา
ความกังวล
ความคาดหวัง
คนจีนทั่วโลกต่างพากันจับจ้องไปที่โทรทัศน์อีกครั้ง
……
บนเวที
พิธีกรสองสามคนออกมาเล่นมุกตลกกัน
ห่าวไห่เลี่ยง “มีคู่สามีภรรยาตัวอย่างที่โด่งดังอยู่คู่หนึ่ง พวกคุณมีใครรู้จักบ้าง?”
หลี่เฉิน “สามีภรรยาตัวอย่างที่โด่งดัง? ฉันรู้จักนะ!”
ห่าวไห่เลี่ยง “คุณว่าไง?”
หลี่เฉิน “แน่นอนว่าต้องเป็นคู่สามีภรรยาของผู้กำกับจาง!”
ทุกคนขำกลิ้ง!
คู่สามีภรรยาจางเย่?
คนเขาเพิ่งแต่งงานกันมาได้กี่วันเอง!
ด้านล่างมีหัวหน้าของ SARFT บางคนที่ยิ้มออกมา ช่างประจบประแจงจริงๆ
หลี่เยี่ยนกลอกตา “คุณนี่นะ หน้าด้านเกินไปแล้ว จะพูดแบบนี้เพราะผู้กำกับจางเป็นหัวหน้าผู้กำกับไม่ได้นะ” แล้วเขาพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปว่า “ความจริงผมเองก็คิดว่าเป็นคู่สามีภรรยาของผู้กำกับจางเหมือนกัน”
ผู้ชม
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ห่าวไห่เลี่ยงเอ่ยอย่างจำใจว่า “ยังมีคนอื่นอีกเหรอ?”
หลี่เฉินตอบ “งั้นเป็นคู่สามีภรรยาเฉินกวงฟ่านเหวินลี่หรือเปล่า?”
ห่าวไห่เลี่ยงตอบยิ้มๆ “วันนี้พวกเขาเองก็มาด้วยนะ”
“โอ้?” หลี่เฉินยิ้ม “งั้นก็ให้พวกเราได้ฟังนิทานความรักของพวกเขาหน่อยก็แล้วกัน”
……
ที่ห้องควบคุมหลัก
สีหน้าของจางเย่ดูเปราะบางเล็กน้อย
เสี่ยวหวังเอ่ยด้วยความกังวลใจว่า “ผู้กำกับจาง คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
จางเย่ตอบยิ้มๆ “ไม่มีอะไร แค่เจ็บปวดน่ะ”
เสี่ยวหวังสับสน “เจ็บปวด? หมายความว่ายังไงคะ?”
ความในใจที่จางเย่เอ่ยย่อมหมายถึงเจ็บปวดกับเพลงนี้ นี่เป็นบทเพลงที่เขาตัดสินใจอยู่นานกว่าจะตัดใจหยิบออกมาได้ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะร้องไม่ได้ เพราะหลักๆ แล้วก็คือไม่มีคู่ให้ร้องด้วย ตัวเขาแม้จะแต่งงานแล้ว แต่จะให้ลากเจ๊อู๋มาร้องด้วยกัน? เจ๊อู๋เองก็ทำไม่ได้ แต่ถึงตัวเขาจะร้องไม่ได้แต่จะให้ยกให้คนอื่นก็ตัดใจไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเพลงนี้คลาสสิคมากจนถูกร้องไปอย่างแพร่หลาย
เฮ้อ
ทั้งหมดล้วนเพื่อรายการคืนส่งปี
เหล่าเฉิน เหล่าฟ่าน ถ้าหากพวกคุณร้องแย่ล่ะก็ ผมไม่จบเรื่องกับพวกคุณแน่!
……
บนเวที ม่านขนาดใหญ่ถูกดึงให้เปิดออก
กล้องเองก็ซูมเข้าไป
เสียงดนตรีค่อยๆ ดังก้อง
แสงเงาอันน่าตื่นตะลึงปรากฏขึ้น ร่างของเฉินกวงกับฟ่านเหวินลี่ยืนอยู่บนเวที ยืนแยกกันซ้ายขวา เสื้อผ้า บรรยากาศ ความงดงามของเวที ไม่มีข้อให้ตำหนิได้เลย!
คนดูต่างตกตะลึง
“ว้าว!”
“สวยจัง!”
คนทั้งสองค่อยๆ ยกไมโครโฟนขึ้น
เฉินกวงอ้าปากร้องเสียงเบา
“มอบซีดีเก่าแผ่นหนึ่งให้คุณ”
“ฟังความรักของเราเมื่อตอนนั้นสิ”
“มีบางครั้งอาจลืมมันไปบ้าง”
“แต่ผมก็ยังรักคุณ”
ฟ่านเหวินลี่ร้องตอบ
“ร้องเพลงเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว”
“แต่เมื่อได้ฟังก็ยังหน้าแดงจนอยากหนีไปซ่อน”
“แม้ว่าจะลืมเลือนไปบ่อยๆ”
“แต่ที่จริงฉันก็ยังรักคุณ”
เสียงของฝ่ายชายเปี่ยมด้วยเสน่ห์ดึงดูด!
เสียงของฝ่ายหญิงสบายๆ และเป็นธรรมชาติ!
ผู้ชมมากมายฟังอย่างหลงใหล!
“เป็นเพราะความรัก จึงไม่เจ็บปวดง่ายๆ”
“ดังนั้นทุกสิ่งจึงถือเป็นความสุขสม”
“เพราะความรัก เกิดขึ้นและงอกงามอย่างเรียบง่าย”
“จึงสามารถบ้าคลั่งได้ตลอดเวลาเพียงเพราะเธอ”
“เพราะความรัก จะเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร”
“ดังนั้นเราสองจึงยังอยู่ในวัยเยาว์”
“เพราะความรัก ยังคงอยู่ที่นั่น”
“จึงยังคงมีผู้คนระหกระเหินอยู่ ณ ที่นั้น”
“ไม่มีวันหยุด”
……
ที่หน้าโทรทัศน์
คนจีนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยเองก็ฟังจนลุ่มหลงแล้ว
“เพราะมาก!”
“ยิ่งกว่าเพราะอีก สุดยอดไปเลย!”
“สวยงามมาก!”
“อย่างกับถ่ายเอ็มวีเลย!”
“เพลงนี้เขียนได้ดีจริงๆ!”
“สวรรค์ คู่สามีภรรยาเหล่าเฉินเหล่าฟ่านในที่สุดก็มีเพลงคู่ในระดับพลิกฟ้าแล้ว!”
“ต้องเพราะขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ฉันชอบเพลงนี้มากเลย!”
“ใช่ ถึงจะได้ฟังเป็นครั้งแรก แต่ก็ประทับใจคนมากเลย!”
ช่วงการแสดงดนตรี เป็นช่วงที่ระดับความสนใจไม่สูงนัก ที่ทุกคนชอบที่สุดยังคงเป็นการแสดงละครสั้นและเซี่ยงเซิง ต่อให้มีการเต้นและมายากลก็ทำให้คนประหลาดใจได้ครู่เดียว แต่การแสดงประเภทดนตรีมักเรียบๆ เรื่อยๆ มาตลอด เพลงที่เคยฟัง ทุกคนก็รู้สึกว่าไม่น่าสนใจแล้ว ไม่รู้ว่าฟังมาตั้งกี่รอบ แล้วเพลงที่ไม่เคยฟังล่ะ ทุกคนเพิ่งฟังครั้งแรกจะให้ยอมรับเลยก็เป็นที่กังขา ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้การแสดงดนตรีทำออกมาได้ไม่ดีนัก ดังนั้นหัวหน้าผู้กำกับรายการคืนส่งปีทุกปีส่วนใหญ่จึงมักให้ความสนใจกับตัวนักร้อง ดาราที่เชิญมาก็ชื่อดังขึ้นเรื่อยๆ คนที่เชิญมาก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแม้แต่ดาราเกาหลีก็ยังเชิญมา นี่ก็เพื่อพลิกสถานการณ์ของการแสดงประเภทดนตรี ทำให้คนเซอร์ไพรส์
แต่วันนี้ จางเย่กลับให้บทเรียนพวกเขาบทหนึ่ง
เพลงที่สงบนุ่มนวลหนึ่งเพลง ก็สามารถกึกก้องราวกับจะทำให้หูหนวกได้!
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่า เพลงคู่หนึ่งเพลงจะสามารถสั่นสะเทือนไปทั้งเวที!
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1338
ที่ปักกิ่ง
ณ เขตพักอาศัยแห่งหนึ่ง
เสียงประทัดดังอย่างต่อเนื่อง บรรดาเด็กน้อยเล่นกันอย่างคึกคักอยู่ในเขตที่พักอาศัย ผู้ใหญ่บางคนก็จุดประทัดเป็นเพื่อนเด็กๆ บ้างก็ยืนอยู่สูบบุหรี่พลางพูดคุยกันอยู่ข้างๆ
บนตึก
ครอบครัวหนึ่งเปิดหน้าต่างออกจากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนลงมาด้านล่าง
“เหล่าหลิว!”
“หา?”
“รีบพาเด็กๆ เข้าบ้านเร็วเข้า!”
“ทำไมล่ะ?”
“มาดูรายการคืนส่งปี!”
“ไม่สนุก ไม่ดูหรอก”
“ไอ้หยา กลับเข้ามาดูเดี๋ยวก็รู้เอง!”
“น่าดูขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ปีนี้น่าดูมากจริงๆ!”
……
ที่เซี่ยงไฮ้
บนถนน
โทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล ที่รัก เลิกงานแล้วเหรอ?”
“เพิ่งเลิกน่ะ อายุสามสิบแล้วยังต้องทำงานล่วงเวลา เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
“รีบกลับมาดูรายการคืนส่งปีเร็วเข้า”
“รายการคืนส่งปีเหรอ? แต่ทุกปีคุณก็ไม่เคยดูเลยนี่นา?”
“แต่ปีนี้ไม่เหมือนกัน!”
“จริงหรือหลอกเนี่ย?”
“จริงสิ!”
“ตกลง งั้นฉันจะรีบกลับไป”
……
ที่หนานจิง
ครอบครัวหนึ่ง
เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามแวะมาหา
“เหล่าหลี่ มาอวยพรปีใหม่ให้พวกคุณ”
“ไอ้หยา ขอบคุณ ขอบคุณ”
“เอ๋ ทำไมพวกคุณยังไม่ดูรายการคืนส่งปีอีกล่ะ?”
“รายการคืนส่งปี? พวกเราไม่ดูหรอก พวกเราไม่ชอบละครตลกของทางเหนือ การเต้นหรือร้องเพลงก็ไม่น่าสนใจ ไม่มีอะไรใหม่เลย”
“เฮ้ งั้นพวกคุณรีบดูเลยเถอะ รายการคืนส่งปีของปีนี้ดีจริงๆ!”
“จริงเหรอ?”
“เหล่าหลี่ ฉันจะหลอกคุณทำไมกัน?”
“ตอนนี้แสดงอะไรอยู่?”
“กำลังร้องเพลงน่ะ พออวยพรปีใหม่พวกคุณเสร็จเราก็จะรีบกลับไปดูแล้ว!”
“จริงเหรอ? งั้นพวกเราเองก็จะดูด้วยแล้วกัน”
……
คำชมเชยจากสาธารณะร้อนแรง!
บอกกันปากต่อปาก!
หนึ่งบอกสิบ!
สิบบอกร้อย!
คนมากมายที่ไม่ได้ดูรายการคืนส่งปีล้วนแบกความรู้สึกกังขาไว้ ขณะเปิดโทรทัศน์ภายใต้การแนะนำอย่างแข็งขันของครอบครัว เพื่อนสนิทและเพื่อนบ้าน อยากดูว่ารายการคืนส่งปีที่ครึ่งเป็นครึ่งตายมาตั้งนานจะถูกจางเย่ชุบชีวิตได้อย่างไร เรื่องนี้คนจำนวนมากล้วนมองว่าเป็นความคิดเพ้อฝัน
หนึ่งแสนคน!
หนึ่งล้านคน!
สิบล้านคน!
คนที่เปิดโทรทัศน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
มีบางคนประหลาดใจ มีบางคนถูกคนที่บ้านบังคับให้ดู ผลคือตอนเริ่มดูไม่ได้จริงจังนัก ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งก็หยุดไม่ได้แล้ว ทุกคนล้วนเผยสีหน้าเหนือความคาดหมายออกมา!
บนโทรทัศน์
นักร้องอาวุโสสองสามคนกำลังร้องเพลงอยู่
‘กลับไปหาที่บ้านบ่อยๆ’
“หาช่วงว่างสักเล็กน้อย หาเวลาสักนิดหน่อย”
“พาเด็กๆ กลับไปหาที่บ้านบ่อยๆ”
“นำพารอยยิ้ม พาคำอวยพร”
“กลับไปหาที่บ้านบ่อยๆ ด้วยกันกับคนรัก”
“แม่เตรียมจะพูดคุยด้วยแล้ว”
“พ่อวุ่นวายกับการเตรียมอาหารอร่อยๆ เต็มโต๊ะ”
“คุยเรื่องความกังวลในชีวิตกับแม่”
“คุยเรื่องหน้าที่การงานกับพ่อ”
“กลับไปบ้าน กลับไปหาที่บ้านบ่อยๆ”
“ต่อให้ต้องช่วยแม่ล้างจานชามตะเกียบ”
“คนแก่เฒ่าไม่หวังให้ลูกชายลูกสาวสร้างคุณงามความดียิ่งใหญ่ให้ครอบครัว”
“เรื่องยากชั่วชีวิตนี้ คือหวังให้ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา”
……
ณ สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
แผนกวิจัยแห่งหนึ่ง
เหล่านักวิจัยกำลังดูรายการคืนส่งปี เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทุกคนก็พากันเงียบงันไป
นักวิจัยหญิงคนหนึ่งยืนขึ้นเงียบๆ ก่อนเดินออกไปในสวนแล้วแอบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาที่บ้าน มือของเธอสั่นเล็กน้อย หัวใจเองก็เต้นถี่รัว
โทรติดแล้ว
“เสี่ยวเหวิน นั่นเสี่ยวเหวินเหรอ?”
“แม่ หนูเอง”
“อา ลูกเป็นยังไงบ้าง? ทำงานอยู่ทางนั้นราบรื่นดีไหม? โครงการวิจัยสำเร็จหรือเปล่า? ร่างกายล่ะ? ปักกิ่งหนาวไหมลูก? ได้สวมเสื้อโค้ตไหม?”
“สวมแล้ว สวมตั้งนานแล้ว”
“งั้นก็ดี งั้นก็ดีแล้ว”
“แม่ ปีนี้หนูอาจจะ…”
“แม่รู้ งานของลูกสำคัญที่สุด แม่กับพ่อไม่มีปัญหา สบายดีมากๆ เลย เหอๆ พวกเราเข้าใจ ลูกมุ่งมั่นค้นคว้าวิจัยไปนะ จะต้องสร้างเกียรติยศให้ประเทศชาติได้แน่!”
นักวิจัยหญิงคนนั้นได้ยินชัดเจน ที่ปลายสายของโทรศัพท์มีเสียงเพลงเพลงนั้นดังลอดออกมา กลับไปหาที่บ้านบ่อยๆ นะ กลับไปหาที่บ่อยๆ แม้ว่าจะต้องช่วยพ่อกับแม่ล้างตะเกียบจานชาม
นาทีที่วางสายโทรศัพท์ เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
……
ไม่มีการลิปซิงค์!
รายการคืนส่งปีปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อน ล้วนเป็นการร้องสดทั้งหมด!
นี่เป็นเงื่อนไขของจางเย่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการบีบบังคับด้วยว่าจำเป็นต้องร้องสด
เคยมีหัวหน้าทีมงานและคนจากทีมผลิตแสดงความกังขาอย่างรุนแรง แล้วก็มีคนไม่น้อยที่ออกเสียงคัดค้าน พวกเขาคิดว่าบนเวทีถ่ายทอดสดแบบนี้หากยังใช้การร้องสด เหล่านักร้องจะมีความกดดันมากเกินไป สถานการณ์พลิกผันได้ง่าย เพื่อทำให้ผลลัพธ์ของการแสดงออกมาดีที่สุดและมั่นคงที่สุด แน่นอนว่าต้องใช้การลิปซิงค์ ทว่าจางเย่กลับปฏิเสธทันที และไม่เปิดทางให้ถกเถียงใดๆ อีก!
คำพูดนั้นของจางเย่ คนของทีมงานผลิตรายการยังจำได้เป็นอย่างดี
ในตอนนั้นเขาพูดว่า “ถ้าหากนักร้องคนหนึ่งไม่มีแม้กระทั่งทักษะการร้องเพลงและความกล้าที่จะร้องเพลงบนเวที งั้นยังจะขึ้นแสดงรายการคืนส่งปีอะไรอีก! ผมไม่สนว่ารายการคืนส่งปีของคนอื่นจะเป็นยังไง แต่รายการคืนส่งปีของผมต้องไม่มีการลิปซิงค์! ถ้าคุณตกลงคุณก็ขึ้นไป คุณไม่เห็นด้วยก็ลงมานี่ เปลี่ยนเอาคนที่ร้องได้ขึ้นไปแสดง!”
ข้อตำหนิ?
อาจจะมี
ข้อผิดพลาด?
ก็อาจจะมีเหมือนกัน
แต่ว่าสิ่งเหล่านี้จางเย่ล้วนรับได้ เพราะไม่มีนักร้องคนไหนที่สามารถรับรองได้ว่าตนเองจะสามารถร้องเพลงได้โดยไร้ข้อผิดพลาดได้ในทุกเวที ทว่านี่เป็นเรื่องของความคิด คุณขึ้นมาร้องลิปซิงค์ คุณขยับปากร้อง “กลับบ้านไปหาที่บ้านบ่อยๆ นะ” แบบปลอมๆ? ที่ตัวคุณร้องมันปลอมทั้งหมด แบบนี้คุณจะไปสร้างความประทับใจให้ใครได้?
……
บนโทรทัศน์
เพลงที่สองร้องจบแล้ว
นอกจาก ‘เพราะความรัก’ ‘กลับบ้านมาหาบ่อยๆ’ แล้วก็ยังมีอีกเพลงหนึ่ง สามเพลงนี้เชื่อมต่อกันเป็นเพลงชุดหนึ่งที่เกี่ยวกับความรู้สึกของครอบครัวและความรัก
ทันใดนั้น เพลงที่สามก็เริ่มขึ้นแล้ว
……
ณ ห้องควบคุมหลัก
จางเย่คอยกำกับอยู่ตลอด
ไม่มีใครรู้ถึงความพิเศษของเพลงเพลงนี้ คาดว่าคนที่รู้จะมีแค่ตัวเขา
นี่ไม่ได้เป็นเพียงเพลงคู่ที่ธรรมดาเรียบง่ายขนาดนั้น เพราะบรรดาเพลงที่สามารถขึ้นแสดงในรายการคืนส่งปีในโลกเดิมของเขา และได้รับการยอมรับรวมถึงมีความนิยมที่สามารถก้าวข้ามการแสดงด้านภาษาและละครสั้น เซี่ยงเซิงเหล่านี้ไปได้ ย่อมไม่อาจเป็นเพียงเพลงธรรมดาๆ แน่นอน ซึ่งเพลงในลำดับถัดไปก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น!
……
บนเวที
ครอบครัวชาวมองโกเลียสามคนขึ้นเวทีมาแล้ว
เสียงดนตรีและท่วงทำนองที่ไพเราะดังขึ้น
เด็กหญิงเอ่ยถามว่า “พ่อคะ ตอนที่พระอาทิตย์ปรากฏตัว พระจันทร์ก็กลับบ้านใช่ไหมคะ?”
พ่อตอบกลับ “ไม่ใช่จ้ะ”
เด็กหญิงถาม “ตอนที่ดวงดาวออกมา พระอาทิตย์ไปอยู่ที่ไหนคะ?”
พ่อตอบ “อยู่บนฟ้า”
เด็กหญิงถาม “ทำไมหนูหายังไงก็หาไม่เจอ?”
พ่อตอบ “ก็กลับบ้านไปแล้วไงล่ะ”
เด็กหญิงกับพ่อประสานเสียง “พระอาทิตย์ พระจันทร์และดวงดาวเป็นครอบครัวที่โชคดี”
เด็กหญิงเอ่ยถาม “แม่คะ ใบไม้เป็นสีเขียวแล้วเมื่อไหร่ดอกไม้จะบานคะ?”
แม่ตอบ “รอให้ใบไม้ร่วงโรยเสียก่อน”
เด็กหญิงถาม “ดอกไม้เบ่งบานแล้วจะไปเก็บผลไม้ได้หรือยังคะ?”
แม่ตอบ “รอดอกไม้เหี่ยวเฉาเสียก่อน”
เด็กหญิงถาม “ถ้าปลูกผลไม้ไว้ในดินมันจะแตกหน่ออ่อนไหมคะ?”
แม่ตอบ “รอให้ถึงใบไม้ผลิเสียก่อน”
พ่อแม่และเด็กหญิงประสานเสียง “ดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ก็คือครอบครัวที่โชคดี”
……
ความคิดของจางเย่ไม่ผิดเลย!
เขาใช้ข้อเท็จจริงพิสูจน์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ผลงานที่โด่งดังไปทั่วสารทิศในโลกเดิมของเขาก็สามารถสะเทือนฟ้าพลิกแผ่นดินได้ในโลกนี้!
ในพริบตานั้น คนจีนมากมายทั่วโลกก็ถูกดึงดูดด้วยมนต์เสน่ห์อีกครั้ง!
“ว้าว!”
“เด็กหญิงคนนี้น่ารักจริงๆ!”
“เพลงนี้ก็น่ารักมากๆ เลย!”
“ชอบจะตายแล้ว!”
“เพราะมาก ไม่เลวเลย!”
“เพลงนี้พิเศษมาก ไม่ใช่วิธีการร้องที่พบเห็นได้บ่อยๆ นะ!”
“อบอุ่นมากเลย!”
“ฉันชอบเพลงนี้! ฉันชอบเพลงนี้!”
“เพลงดีขึ้นเรื่อยๆ เลย!”
“เพลงสามเพลงนี้ ฉันให้คะแนนเต็ม!”
“เพลงพวกนี้แต่งออกมาได้เยี่ยมมาก เนื้อร้องดี ทำนองเองก็ดี!”
“อ๊าๆๆ ฉันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย ทำไมเหมือนว่าฉันจะถูกรายการคืนส่งปีของปีนี้ทำให้ลุ่มหลงเข้าแล้วล่ะ! ฉันนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์มาครึ่งชั่วโมงแบบไม่ขยับไปไหนเลยนะ! สวรรค์ ฉันบ้าไปแล้วเหรอ? เมื่อก่อนฉันไม่เคยดูรายการคืนส่งปีเลย! ต่อให้ดูก็จะต้องเหน็บแนมไปด้วยตลอด!”
“ฉันก็เหมือนกัน!”
“รายการคืนส่งปีปีนี้กลับตาลปัตรไปเลยจริงๆ!”
“ลำดับต่อไปล่ะ?”
“ลำดับต่อไปเป็นการแสดงอะไร?”
“เร็วเข้า!”
“ตั้งตารอมากๆ!”
“ฉันอยากรู้จังเลยว่ามายากลของปีนี้จะเป็นยังไง!”
“ฉันสนใจงานของจางเย่ เหยาเจี้ยนไฉแล้วก็ต่งซานซานมากกว่า!”
“การแสดงของเสี่ยวหูเตี๋ยได้อธิบายความรู้สึกที่ฉันมีต่อรายการคืนส่งปีปีนี้ไปหมดแล้ว หยุดไม่ได้แล้ว!”
“ใช่ ฉันน่ะ ขนาดอาหารคืนส่งท้ายปียังไม่ได้ไปกินเลย ดูรายการคืนส่งปีอยู่ตรงนี้ตลอด นี่เป็นเรื่องที่หลายปีก่อนหน้านี้ไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยล่ะ!”
“ว้าว เริ่มแจกการ์ดความสุขแล้ว!”
“การ์ดความสุขมาอีกรอบแล้ว รีบแย่งเร็ว!”
“รางวัลใหญ่สองร้อยล้านมาแล้ว!”
“ดาราก็ส่งอั่งเปาแล้ว”
“ฮ่าๆๆ ฉันแย่งอั่งเปาของจางหย่วนฉีมาได้ล่ะ!”
“ฉันแย่งมาได้เยอะมาก เจ็ดหยวนแปดเหมา!”
“เชี่ย ฉันแย่งของจางเย่ได้! ได้มาสองเฟินครึ่ง! น้องสาวแกสิ จางเย่ไอ้คนขี้เหนียว! ทำไมเขาให้น้อยกว่าใครเพื่อนเลย!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
“ฉันกะจะแย่งการ์ดความสามัคคีล่ะ!”
“ความอุดมสมบูรณ์จ๋า!”
คนจำนวนมากนั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ รายการคืนส่งปีปีนี้ดึงดูดพวกเขาได้อยู่หมัด ตอนนี้ต่อให้สั่งให้ทุกคนปิดโทรทัศน์ ทุกคนก็ไม่ยอมปิดแล้ว!
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1339
บทที่ 1339 : การแสดงมายากลอันสะเทือนเลื่อนลั่น!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตรงหน้าโทรทัศน์
คนจีนทั่วโลกต่างเงยหน้าจับจ้อง
เร็วๆๆๆ!
ยังมีอะไรอีก?
ยังมีการแสดงอะไรอีก?
รีบเอาออกมาเร็วเข้า!
การแสดงหลังๆ ยังมีอะไรพิเศษอีก?
ตอนนั้นเอง พิธีกรหญิงของรายการคืนส่งปีเหยียนเหมยก็ยิ้มพลางประกาศการแสดงลำดับถัดไป “ต่อไปฉันจะขอแนะนำนักมายากลท่านหนึ่งให้ทุกคนรู้จัก ได้ยินมาว่าวันนี้เขานำกลระยะใกล้มาแสดงให้พวกเราดูด้วย ฟังดูแปลกพิสดารสุดๆ ไปเลยนะคะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จแค่ไหน พวกเราไปรับชมกันเลยดีไหมคะ?”
……
ห้องควบคุมหลัก
จางเย่เผยยิ้มน้อยๆ
มายากลมาแล้ว นี่เป็นการแสดงที่เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ร้องเพลงเขายังสามารถแต่งเพลงได้ เต้นรำเขายังสามารถสอนไปทีละท่าได้ กระทั่งแอโรบิก เขายังสามารถขึ้นไปควบคุมกำกับได้ บอกกับทุกคนว่าควรหมุนควรกระโดดอย่างไร แต่มีแค่มายากลเท่านั้นที่ทำไม่ได้ เพราะจางเย่ไม่เข้าใจวิธีการของมันเลย มีบางมายากลที่เขาเคยเห็นมาก่อนแล้วก็สามารถบอกกับนักมายากลได้ แต่ถ้าคุณต้องการให้จางเย่อธิบายว่าตกลงแล้วอุปกรณ์ทำอย่างไร ความลับของกลอยู่ตรงไหน ส่วนใหญ่เขาก็อธิบายออกมาไม่ได้ เขารู้เพียงกลที่ชาวเน็ตเคยวิเคราะห์ออกมาตอนอยู่ที่โลกเดิมเท่านั้น เขาพอรู้แค่ขั้นตอนของกลพื้นฐานเท่านั้น นี่จึงทำให้เขากับนักมายากลต้องยุ่งกันอยู่ครึ่งเดือนกว่า เดากันไปทีละนิด ทดลองไปทีละหน่อย ความยากลำบากเหล่านั้นไม่อาจอธิบายให้คนภายนอกรู้ได้เลยจริงๆ
รายการคืนส่งปี!
หลิวเชียน! [1]
เหรียญ!
มายากลที่จางเย่ตั้งตาคอยมานาน ในที่สุดก็ถูกเขาฟื้นฟูกลับมาในโลกนี้ ดังนั้นจิตใจของจางเย่ตอนนี้คือคาดหวังมากทีเดียว เขาแทบรอดูคนของโลกนี้แสดงอาการตะลึงจนปากอ้าตาค้างไม่ไหว สีหน้าท่าทางแบบนั้น อารมณ์สั่นสะเทือนแบบนั้น เคยปรากฏมาแล้วบนใบหน้าของคนที่โลกเดิมของเขา
……
ผู้คนที่อยู่หน้าโทรทัศน์งุนงง
“มายากลล่ะ?”
“ควรเป็นการแสดงมายากลแล้วนี่?”
“กลระยะใกล้เหรอ?”
“หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“ไม่รู้สิ”
“ระยะใกล้? ต้องใกล้เท่าไหนล่ะ?”
“ไม่ชอบเลย อยากดูละครสั้นเซี่ยงเซิงมากกว่า รีบๆ เอามาอีกเถอะ”
“ฮ่าๆ ใช่ ยังเป็นการแสดงภาษานั่นแหละที่ยอดเยี่ยม การแสดงอื่นๆ น่ะตรงกันข้ามเลย”
“มายากลก็ซ้ำกันทุกปี เปลี่ยนเป็นนกพิราบ เปลี่ยนเป็นดอกไม้ เปลี่ยนเป็นคนจริงๆ ดูแค่ครั้งสองครั้งยังพอไหว แต่ดูมากๆ ก็น่าเบื่อออก ไม่มีอะไรใหม่เลย”
“ใช่ อุปกรณ์หรือเทคนิคพิเศษที่พวกเขามีน่ะ คนดูที่ฉลาดหน่อยก็มองออกได้ พอดูหลายครั้งเข้าก็เบื่อแล้ว”
“เหอะๆ ยังจำมายากลของปีที่แล้วได้อยู่ไหม?”
“จำได้ๆ เพิ่งฉายได้ห้านาทีก็มีคนมาเฉลยได้แล้ว”
“ใช่ ที่สลับกล่องกันข้างหลัง”
“อืม แค่อำพรางไว้เท่านั้นแหละ ทุกวันนี้มายากลก็เป็นแบบนี้หมด”
“ว่าไปก็ใช่ นักมายากลยืนอยู่ไกลๆ มีทั้งผ้าม่านทั้งเสื้อคลุม คุณไม่รู้เลยว่าด้านหลังเขาขยับมือเท้ายังไง”
มีคนบางกลุ่มที่แค่ได้ยินว่าการแสดงมายากล ก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว
ในโลกนี้ ผู้ชมในประเทศเริ่มจากประหลาดใจกับมายากล จากนั้นก็เป็นชื่นชอบ ไปจนถึงเฉยชาแบบในปัจจุบัน เมื่อได้สัมผัสมากๆ เข้า ดูไปเยอะๆ เข้า พอนักมายากลเข้าไปในผ้าม่าน ทุกคนก็รู้แล้วว่าคุณกำลังโกง ถึงขั้นว่าต่อให้บางครั้งนักมายากลไม่ได้ใช้กลโกงอะไรเลย ทุกคนก็คิดว่าคุณโกงอยู่ดีและคิดว่าที่แท้ก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรเลย ความสนใจจึงลดลงไปตามธรรมชาติ
แต่ว่าเมื่อกล้องซูมเข้าไป
แต่ว่เมื่อหน้าจอจับอยู่ที่หลังของนักมายากล
คนทั้งหมดที่อยู่หน้าโทรทัศน์ก็พากันนิ่งงัน
ใกล้ไปแล้ว!
กล้องจะเข้าใกล้เกินไปแล้ว!
“สามเมตร? สองเมตร?”
“เชี่ย!”
“นี่จะแสดงยังไงล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าเขาต้องแสดงมายากลเหรอ?”
“แม้แต่รูขุมขนบนหน้านักมายากลฉันก็มองเห็นเลยเนี่ย!”
“เฮ้อ ก่อเรื่องแล้ว!”
“อะฮ่า ใครมอบความกล้าให้เขาเนี่ย?”
“ใกล้ขนาดนี้ ความผิดพลาดแค่อย่างเดียวก็มองออกแล้วนะ”
“ใช่ เขาใจกล้ามากจริงๆ นะนี่!”
ผู้ชมทั้งโลกล้วนรู้สึกคาดไม่ถึง ความอยากรู้อยากเห็นถูกปลุกขึ้นมาแล้ว!
คนที่ไม่ได้สนใจมายากลที่กำลังเตรียมจะไปห้องน้ำสักรอบ นาทีนี้ก็ต้องนั่งลงแล้ว พวกเขาอยากรู้ว่าตกลงแล้วคนคนนี้จะเสกกลอะไรออกมา
บนหน้าจอ
โต๊ะกระจกทรงกลมล้อมอยู่รอบตัวนักมายากล ที่อยู่รอบๆ คือเหล่าคนดู ล้อมนักมายากลไว้สามร้อยหกสิบองศา บนโต๊ะวางสิ่งของไว้เล็กน้อย
นักมายากลนั่งอยู่ตรงกลาง
เฉินเถียนแต่งกายงดงามเป็นที่สุด เขาหันมายิ้มให้กับกล้องที่อยู่ใกล้ๆ “สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อเฉินเถียน สิ่งที่เรียกว่ากลชัดเจนหรือเรียกอีกอย่างว่ากลระยะใกล้ ก็คือการแสดงมายากลภายใต้สถานการณ์ที่ใกล้ชิดกันมากๆ แล้วตกลงต้องใกล้เท่าไหร่น่ะเหรอ?” ทันใดนั้นเขาก็พลันยืดนิ้วมือไปทางกล้อง
ผู้ชมหน้าโทรทัศน์เห็นเพียงมือข้างหนึ่งวางลงมา
ผู้ชมในห้องอัดเองก็สามารถเห็นได้ชัดเจนจากบนจอข้างเวที
เชี่ย!
นี่มันหนึ่งเมตรเองไม่ใช่เหรอ?
ทุกคนประหลาดใจไม่หยุด
เฉินเถียนยิ้ม “ใช่ ใกล้ขนาดนี้แหละครับ ไม่ต้องพูดไร้สาระเยอะแยะก็แล้วกัน ผมจะทำการแสดงง่ายๆ ให้ทุกคนดูก่อน” เขาชี้ไปที่แก้วบนโต๊ะ หยิบขึ้นมา “ในนี้เป็นน้ำแอปเปิล” เขาจรดแก้วบนริมฝีปาก ดื่มลงไปอึกใหญ่ จากนั้นก็มองไปที่กล้อง จากนั้นก็หยิบกล่องน้ำผลไม้ที่วางอยู่ด้านข้างมาเติมน้ำลงไปข้างใน “อืม เติมมันให้เต็ม นี่คือน้ำแอปเปิลเทียนสี่ อร่อยมากเลยนะครับ”
ผู้ชมงุนงง
จากนั้นก็มีเสียงพรืด ด้านล่างเวทีปรากฏเสียงหัวเราะไม่น้อย!
จากนั้นก็จับตามองเขาแบบไม่กะพริบตาต่อไป
แก้วกระดาษ
น้ำแอปเปิล
ปริมาณน้ำเต็มแก้ว
ก็ไม่มีจุดพิเศษอะไรนี่นา
เฉินเถียนยกมือขึ้นปิดปากแก้วไว้ “ต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรน่ารำคาญเยอะแยะแล้ว มือปิดอยู่ด้านบนแล้วก็ด้านล่าง แล้วก็เป็นวินาทีที่คุณจะได้ประจักษ์ถึงความมหัศจรรย์”
มหัศจรรย์?
มหัศจรรย์อะไร?
คุณทำให้น้ำหายไปได้เหรอ?
คนดูกะพริบตา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นเพียงเฉินเถียนหยุดไปสองวินาที จากนั้นก็พลันคว่ำแก้วกระดาษลง คิดไม่ถึงว่าจะกลับถ้วยมาไว้ใจกลางฝ่ามือ ภายใต้การจับจ้องอย่างงุนงงของทุกคน เขาก็ละมือที่ปิดปากแก้วอยู่ออก ทว่ากลับไม่มีแม้แต่น้ำแอปเปิลสักหยดร่วงลงมา สองมือประกบกัน แก้วกระดาษถูกขยำไปแล้ว!
ไม่มีน้ำ!
ในแก้วกระดาษกลับว่างเปล่า!
ว่างเปล่าไปภายใต้สายตาของผู้ชม!
เสียงปรบมือระเบิดขึ้นในห้องอัด!
คนมากมายเบิกตากว้างจนแทบจะเป็นไข่ห่านอยู่แล้ว!
“เชี่ย!”
“หา!”
“เรื่องอะไรกันเนี่ย?”
“ทำไมไม่มีน้ำแล้ว?”
“น้ำผลไม้ล่ะ?”
“สุดยอดไปเลย! นี่มันสุดยอดไปเลย!”
“เป็นไปได้ยังไง! มีใครเห็นชัดๆ บ้าง? เปลี่ยนไปได้ยังไง?”
“ไม่รู้เหมือนกัน! แค่พริบตาก็ไม่มีแล้ว!”
“สวรรค์ ใกล้ขนาดนี้แท้ๆ เขาทำได้ยังไงกัน?”
“ใช่ คนตั้งกี่ร้อยล้านคนทั่วโลกกำลังดูอยู่! ใกล้แค่หนึ่งเมตร กล้องเองก็ไม่ได้ตัดไปไหนเลย! ทำไมถึงไม่มีแล้วล่ะ?”
“นี่คือกลระยะใกล้เหรอ?”
“นี่คือสิ่งที่จางเย่วางแผนเอาไว้?”
“แม่ง มายากลก็ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
“โฆษณาน้ำแอปเปิลเทียนสี่นั่นก็ทำโฆษณาออกมาแบบนี้ได้ด้วย?”
“พูดถึงแทรกโฆษณาแบบเนียนๆ ฉันแม่งยอมจางเย่จริงๆ!”
ทุกคนพลันได้เปิดโลกแล้ว พวกเขาหลายคนไม่เคยเห็นการแสดงมายากลที่ใกล้ขนาดนี้มาก่อน จึงถูกทำให้ตกใจไปหมดแล้ว!
แต่พวกเขาไม่รู้ว่า นี่มันแค่อาหารเรียกน้ำย่อย นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง!
————————
[1] ชื่อนักมายากลที่มีชื่อเสียงที่สุดของไต้หวัน
บทที่ 1340 : คนจีนทั่วโลกตะลึงค้าง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่บ้านคุณยาย
“สุดยอดไปเลย!”
“อันนี้ดีมาก อันนี้ดีมาก!”
“เรื่องอะไรกันเนี่ย?”
“ตกลงแล้วทำให้หายไปได้ยังไงกันน่ะ?”
“ไม่ต้องตะโกนแล้ว ไม่ต้องตะโกนแล้ว ดูต่อกันเถอะ”
……
บ้านเจ๊อู๋
“ไอ้หยา!”
“ทำฉันตกใจจนตัวลอยเลยแน่ะ!”
“นี่…นี่….”
“น้ำผลไม้ล่ะ? น้ำผลไม้อยู่ไหน?”
“รอจางน้อยกลับมาจะต้องถามเขาให้ได้!”
……
ครอบครัวหนึ่ง
“ที่รักคะ รีบมาดูมายากลเร็ว!”
“ผมเล่นไพ่นกกระจอกอยู่นะ”
“ไม่ต้องเล่นแล้ว! รีบมาดูเร็ว!”
“ทำไมเหรอ?”
“มายากลของปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ น่ะสิ!”
……
กลระยะใกล้ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีเวทีใหญ่โตอะไร
แต่ในบางครั้งสิ่งที่ยิ่งเรียบง่ายก็ยิ่งสั่นสะเทือนใจคน!
ในโทรทัศน์ พิธีกรเหยียนเหมยเดินขึ้นมาบนเวทีอย่างอัศจรรย์ใจ “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณเฉินเถียน มหัศจรรย์มากจริงๆ”
เฉินเถียนยืนขึ้นแล้วกล่าวยิ้มๆ “สวัสดีครับคุณพิธีกร”
เหยียนเหมยมองไปที่คนดูแล้วเอ่ยว่า “วันนี้พวกเราในห้องอัดได้เชิญให้คนดูมานั่งล้อมเขาไว้สามร้อยหกสิบองศา หน้า หลัง ซ้าย ขวา ดูมายากลของเขาอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าถูกจับตามองทุกการกระทำ” ว่าแล้วเธอก็นั่งลงไป “แน่นอนว่ายังมีฉันด้วย”
เฉินเถียนพรูลมหายใจออกมา “กดดันมากเลยครับ” เขาเองก็นั่งลงไป มองไปที่กล้องแล้วกล่าวยิ้มๆ “ก็ได้ ทุกคนมาดูสิ่งของที่ผมจะใช้ในวันนี้กันก่อนนะครับ อันดับแรก นี่คือโต๊ะกลมสามร้อยหกสิบองศาตัวหนึ่ง” เขายื่นมือไปเคาะโต๊ะกระจก “นี่คือแผ่นกระจกนิรภัย”
ปึง ปึง ปึง
เฉินเถียนเอ่ย “แข็งแรงมาก”
เหยียนเหมยไม่เชื่อ เธอเองก็ยื่นมือไปเคาะด้วย
เฉินเถียนยิ้มพลางถาม “แข็งแรงไหมครับ?”
เหยียนเหมยพยักหน้า “แข็งแรงค่ะ”
เฉินเถียนหันหน้าไปพูดกับผู้ชมด้านข้าง “คุณเองก็มาลองสิ”
ชายวัยกลางคนคนนั้นยื่นมือมาเคาะลงไปสองสามครั้ง
เฉินเถียน “แข็งแรงไหมครับ?”
ชายวัยกลางคนตอบ “แข็งแรง”
เฉินเถียนตอบ “ดีครับ สิ่งต่อไปที่ผมจำเป็นต้องใช้ก็คือแผ่นรองโต๊ะ” เขาหยิบแผ่นรองโต๊ะสีดำขึ้นมาปูลงไป “จากนั้นก็มีอันนี้ เหรียญ แล้วก็ชามแก้วหนึ่งใบ” เขาหยิบขึ้นมาทีละอย่าง “ความจริงแล้วขั้นตอนทั้งหมดนั้นง่ายมาก” เขามองไปด้านข้าง “คุณผู้ชายครับ ขอยืมมือขวาคุณหน่อยนะครับ”
ชายวัยกลางคนยื่นมือออกมาด้วยความมึนงง
เฉินเถียนก้มมองแล้วหรี่ตา “คุณได้ล้างมือมาไหมครับ?”
คนดูพากันหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆ”
เฉินเถียนหยิบเหรียญขึ้นมาวางลงใจกลางฝ่ามือของชายคนนั้น มีทั้งหมดสามเหรียญ เขาหยิบไปเองเหรียญหนึ่ง “เรื่องที่ผมจะทำต่อไปนี้ ก็คือการทำให้เหรียญเหรียญนี้ร่วงทะลุผ่านโต๊ะลงไป!”
เหยียนเหมยประหลาดใจ “อะไรนะ?”
ผู้ชมเองก็ตะลึงค้างไปแล้ว!
คุณพูดอะไรนะ?
ทะลุผ่าน?
กระจก?
จะเป็นไปได้ยังไง!
นี่คือปฏิกิริยาตอบรับแรกของคนดู!
เฉินเถียนเอ่ยยิ้มๆ “ผมรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ดังนั้นผมจึงอยากทำข้อตกลงกับทุกคนหน่อย ถ้าหากผมทำได้จริงๆ ไม่ต้องมากมาย ทุกคนแค่ปรบมือให้ผมห้านาทีก็พอ ตกลงไหมครับ?”
เหยียนเหมยตอบ “ไม่ต้องพูดถึงห้านาทีเลย สิบนาทีก็ย่อมได้!”
ทุกคนล้วนเบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน
เฉินเถียนยิ้ม “งั้นก็ตกลง ดูให้ดีๆ นะครับ อย่ากะพริบตาล่ะ”
เขาหยิบเหรียญหนึ่งขึ้นมาคีบไว้ในมือ มือด้านล่างถือชามแก้วไว้ รองไว้ใต้โต๊ะกระจก ชั่วพริบตาเวลาก็พลันแข็งค้าง
หนึ่งวินาที
สองวินาที
ทันใดนั้นเอง มือข้างที่คีบเหรียญไว้ของเฉินเถียนก็คลายออก
นาทีนั้นชามแก้วที่อยู่ข้างล่างก็พลันส่งเสียงติงตัง!
เหยียนเหมยตะลึงค้าง!
ผู้ชมเอะอะ!
เฉินเถียนยกมือข้างที่ถือชามแก้วขึ้นมา เหรียญเหรียญนั้นอยู่ข้างในเรียบร้อยแล้ว!
เพียงพริบตาเสียงปรบมือก็ระเบิดขึ้น!
“สวรรค์!”
“ว้าว!”
“ผ่านไปได้จริงๆ!”
“ทำได้ยังไงน่ะ?”
“นี่…นี่มันเหนือความคาดหมายมากเลย!”
ในห้องอัดเดือดพล่านแล้ว!
ผู้ชมที่อยู่หน้าโทรทัศน์แต่ละคนเองก็ปากอ้าตาค้าง รูขุมขนทั่วร่างแทบจะระเบิดออก เพราะว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อของพวกเขา พวกเขาได้เห็นด้วยตาตัวเอง!
เหยียนเหมยรีบพูดขึ้น “นี่ นี่เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เฉินเถียนมองเธอ “คุณเหยียนเหมย ผมเห็นแววกังขาเล็กน้อยในดวงตาของคุณ ผมรู้ว่าคุณสงสัยอะไร ในใจคุณกำลังคิดว่าแผ่นรองโต๊ะสีดำนี้คงจะเกี่ยวข้องกับการที่เหรียญทะลุลงไปแน่ ใช่ไหมครับ? พูดออกมาเลยครับว่าใช่”
เหยียนเหมยจำใจตอบ “ใช่ค่ะ”
คนดูถูกหยอกจนหัวเราะแล้ว
ใช่!
แผ่นรองโต๊ะ!
แผ่นรองโต๊ะนั่นต้องเป็นอุปกรณ์เล่นกลแน่!
เฉินเถียนตอบ “โอเคครับ จากความกังขาของคุณเหยียนเหมย ผมจะเก็บแผ่นรองโต๊ะนี่ลงไป” แล้วเขาก็หยิบมันออกไปจริงๆ “ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเหรียญยังสามารถทะลุไปได้อีก นั่นก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายแล้ว” เขามองไปที่กล้อง “แล้วก็ยังมีข้อตกลงนั้น ถ้าผมทำได้ ไม่ต้องมากมายอะไร ทุกคนแค่ปรบมือให้ผมสองชั่วโมงก็พอ”
เหยียนเหมย “พรืด!”
คนดู “พรืด!”
ฮ่าๆๆๆ!
สองชั่วโมง?
นี่แม่งยังไม่เยอะอีกเหรอ!
รายการคืนส่งปียาวกี่ชั่วโมงกัน!
เฉินเถียนหยิบเหรียญเหรียญหนึ่งมาวางบนโต๊ะกระจก มือปิดไว้ ด้านล่างใช้ชามเล็กๆ รองรับไว้ข้างใต้โต๊ะ
ทันใดนั้นห้องส่งก็เงียบเป็นเป่าสาก!
เฉินเถียนไม่ขยับเลยสักนิด
ผู้ชมเองก็ไม่กะพริบตา
ทันใดนั้นเฉินเถียนก็ขยับมือ
นาทีนั้นทุกคนก็ได้เห็นเหรียญพลันทะลุหล่นจากโต๊ะกระจกไปต่อหน้าต่อตา เสียงติงตังดังมาจากในชามเล็ก!
……
ที่บ้านคุณยาย
น้องสามทั้งสามร้องตะโกนออกมา!
พ่อแม่เองก็ร้องอุทานออกมาเช่นกัน!
……
ที่บ้านเจ๊อู๋
อู๋ม่อดูจนนิ่งค้าง!
อู๋ฉางเหอและหลี่ฉินฉินประหลาดใจจนไม่มีอะไรเทียบได้!
……
ที่ห้องอัด
คนจำนวนมากประหลาดใจจนลืมปรบมือ!
เหยียนเหมยเอ่ย “ทำได้ยังไงกัน?” เธอเคาะโต๊ะ “ทำได้ยังไงกันคะ?”
เฉินเถียนมองเธอ “คุณเหยียนเหมย ผมมองเห็นแววกังขาในดวงตาของคุณอีกครั้ง ผมรู้คุณกำลังคิดอะไร คุณกำลังคิดว่า ‘ถึงแม้ว่าเหรียญจะร่วงผ่านโต๊ะลงไป แต่นาทีที่ร่วงผ่านไปนั้น มือของคุณอยู่บนโต๊ะ ในฝ่ามือของคุณจะต้องมีกลโกงอะไรแน่’ ใช่ไหมครับ? เชิญพูดว่าใช่ได้เลย”
เหยียนเหมยยิ้มขื่นอีกครั้ง “ใช่ค่ะ”
คนดู
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“คนอื่นเขาไม่ได้พูดอะไรเลย!”
“เป็นนายพูดเองทั้งนั้น!”
เฉินเถียนเช็ดมือ “โอเคครับ จากความกังขาของคุณเหยียนเหมย ลำดับต่อไปผมจะทำสิ่งที่ท้าทายเป็นพิเศษ ผมจะให้เหรียญร่วงผ่านกระจกกันความร้อนไปโดยตรง แต่ว่ามือของผมจะไม่ปิดมันไว้”
อะไรนะ?
ไม่ปิดไว้?
ทุกคนเอะอะขึ้นมาทันที!
เฉินเถียนเอ่ยคำพูดที่สร้างความประหลาดใจให้ทุกคนอีกครั้ง “และไม่ใช่แค่นี้ ผมยังจะให้คุณกำหนดจุดเองด้วย”
เหยียนเหมยชี้นิ้วไปสุ่มๆ “งั้นเอาตรงนี้”
เฉินเถียนเอ่ย “ตรงนี้เหรอ? ได้ครับ” เขาหยิบเหรียญสามเหรียญรวมเข้าด้วยกัน วางไว้บนกระจกตรงตำแหน่งที่เหยียนเหมยชี้ “ยิ่งไปกว่านั้นเหรียญสามเหรียญนี้คุณยังกำหนดให้เหรียญหนึ่งตกลงไปได้ด้วย”
เหยียนเหมยงุนงง “ฉันกำหนดเหรอคะ?”
เฉินเถียนพยักหน้า “ครับ”
เหยียนเหมยไม่พูดมากอีก “งั้นก็เอาเหรียญตรงกลางแล้วกัน”
ในห้องอัดมีผู้ชมตะโกนออกมาว่ายอดเยี่ยม!
สวยงาม!
ตรงกลางย่อมทะลุยากที่สุด!
เหรียญอีกสองเหรียญล้วนวางอยู่ด้านบนของของเหรียญตรงกลาง เหรียญตรงกลางอยู่ในสภาพที่ถูกประกบไว้!
เฉินเถียนเอ่ย “ตรงกลางสินะครับ? ได้ งั้นก็ขอให้ทุกคนอย่ากะพริบตานะครับ” เขาค้อมเอว ยื่นมือไปใต้โต๊ะแล้วชี้นิ้วขึ้นมาจากข้างใต้ “นี่ใช่ไหมครับ?”
เหยียนเหมยมอง “ใช่ค่ะ”
ตอนนั้นเอง ไม่แม้แต่จะรอให้ผู้ชมตอบรับ!
เฉินเถียนพลันยื่นมือทะลุโต๊ะกระจกไปหยิบมา!
เหยียนเหมยตกใจจนกระโดดลุก!
ผู้ชมตกใจจนตัวลอย!
กริ๊ง!
เหรียญถูกแรงสั่นจากการกระโดดจนขยับไปเล็กน้อย!
ตอนนั้นเอง ทุกคนพลันค้นพบอย่างตื่นตะลึงว่าเหรียญบนแผ่นกระจกเหลือเพียงสองเหรียญแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเหรียญตรงกลางยังไปปรากฏอยู่ในมือของเฉินเถียนอย่างน่าประทับใจ!
เสียงปรบมือ!
เสียงชมเชย!
เสียงตะโกน!
เพียงพริบตาก็ท่วมท้นทั้งเวที!
……
บนเวยป๋อร้อนระอุแล้ว!
“อ๊าๆๆๆ!”
“นี่…นี่…”
“สุดยอดไปเลย!”
“ทำได้ยังไงกันน่ะ!”
“พระเจ้า!”
“ต้องเฉียบคมขนาดนั้นเลยเหรอ!”
“ทำไมไม่มีข้อผิดพลาดเลยล่ะ?”
“ใช่ ทำไมดูไม่ออกเลย?”
“เชี่ย ฉันซบอยู่บนโทรทัศน์แล้ว!”
“สวรรค์!”
……
ในโทรทัศน์
เหยียนเหมยประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฉันไม่มีทางเชื่อสายตาตัวเองเด็ดขาด”
เฉินเถียนมองเธออีกครั้ง
เหยียนเหมยพยักหน้าทันที “ฉันสงสัยค่ะ!”
เฉินเถียน “หา? ผมยังไม่ได้ถามเลย”
เหยียนเหมย “คุณไม่ได้ถาม แต่ฉันรู้ว่าคุณจะถาม เชิญตอบมาว่าใช่ได้เลย”
ผู้คนระเบิดหัวเราะ!
เฉินเถียนตอบยิ้มๆ “ความจริงแล้วการแสดงมายากลทั่วไปถึงตรงนี้ก็จะจบแล้ว แต่วันนี้เป็นเวทีของรายการคืนส่งปี ดังนั้นผมจึงอยากเพิ่มเข้าไปอีกช่วงหนึ่ง”
ผู้ชมได้ยินดังนั้นต่างก็กระตือรือร้น!
ว้าว!
ยังมีอีกเหรอ?
ยังแสดงอะไรอีก?
จบแล้วเหรอ?
เหรียญตกลงไปโดยไม่ต้องปิดไว้แล้ว ยังเป็นแบบไหนได้อีก?
หนึ่งนาทีสุดท้าย!
ตอนที่มือหนึ่งของเฉินเถียนอยู่บนโต๊ะ มือข้างหนึ่งก็พลันทะลุกระจกลงไปจริงๆ แล้วตรงไปหยิบเหรียญที่เหยียนเหมยวางไว้ในฝ่ามือที่อยู่ใต้โต๊ะ
ทั่วทั้งสนามล้วนบ้าคลั่ง!
ผู้ชมจำนวนมากหน้าโทรทัศน์เองก็ตกใจจนตัวลอย!
“อ๊าๆๆๆ!”
“สวรรค์!”
“เชี่ย ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ไหม!”
“พระเจ้า!”
“บอกทีว่านี่เรื่องจริง!”
“ทำได้ยังไง?”
“ทำได้ยังไงกัน!?”
การแสดงมายากลที่ไม่เคยได้รับความสนใจตลอดมาในรายการคืนส่งปี กลับถูกจุดระเบิดไปทั่วทั้งห้องอัด!
ตกตะลึง!
สั่นสะเทือน!
ขวัญผวา!
งุนงง!
ความรู้สึกแต่ละอย่างเขียนอยู่บนหน้าผู้คนทั้งหมด!
พวกเขาคลุ้มคลั่งไปแล้วจริงๆ มายากลนี่สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนยิ่งนัก!
เป็นแผนการของจางเย่อีกหรือเปล่า?
นี่เป็นความคิดของจางเย่เหรอ?
ความเรียบง่ายที่สร้างความสั่นสะเทือน!
ในความสั่นสะเทือนยังมีอารมณ์ขัน!
มายากลครั้งนี้มันสุดยอดไปเลย!
บทที่ 1341 : เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของศิลปะพระแต่งนาง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
เฉินเถียนดังแล้ว
มายากลก็ดังแล้ว
แม้แต่คนในวงการมายากลเองก็ยังตะลึงไม่หยุด
“น้ำแอปเปิลหายไปได้ไง?”
“เหรียญล่ะ?”
“หลอกสายตาเหรอ?”
“หรือว่าเหรียญเป็นแค่ของตกแต่ง?”
“ใช้วิธีอะไรน่ะ?”
“เดาไม่ออกเลย”
“แล้วเรื่องแก้วล่ะ? ทำยังไงกันน่ะ?”
“มีใครเห็นไหมว่าทำยังไง?”
“ทิ้งช่วงสั้นไป ไม่มีทางวิเคราะห์ได้เลย!”
“ฉันดูออกอันหนึ่ง แต่อันอื่นยังเดาไม่ออก ต้องเอาไปเล่นรีเพลย์ช้าๆ ถึงจะวิเคราะห์ได้ทีละนิด”
“เฉินเถียนเองนับว่าเป็นยอดฝีมือของวงการนี้แล้ว จัดการกลได้ดีมาก แต่ว่าถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเฉินเถียนมีฝีมือระดับนี้นะ?”
“นั่นสิ ทำไมจู่ๆ เขาก็มีทักษะระดับนี้ได้ล่ะ?”
“เล่นกลแล้วยังมีแทรกอารมณ์ขันอีก ไม่ใช่สไตล์เขาเลย”
“หรือจะเป็นไอเดียของจางเย่?”
“ได้ยินมาว่าอย่างนั้นเหมือนกัน กลนี้เป็นจางเย่ออกแบบ”
“แต่เขาเป็นคนนอกวงการนะ คิดออกมาได้ยังไงน่ะ?”
“จะไปรู้เรอะ!”
กลชุดนี้มีชื่อว่า ‘พันเปลี่ยนหมื่นแปลง’ ที่แม้แต่คนในวงการยังตื่นตะลึง คนธรรมดาเองยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใครๆ ก็รู้ว่ามายากลความจริงแล้วเป็นแค่ภาพลวงตา ไม่มีสิ่งที่เรียกกว่าการเคลื่อนย้ายพริบตาหรือพลังเหนือธรรมชาติอะไรตั้งแต่แรก แต่ว่ากลนี้มีเคล็ดลับอยู่ตรงไหน พวกเขากลับมองไม่ออก!
ดังนั้นจึงต้องตะลึง!
ดังนั้นจึงต้องชมเชย!
ในเน็ตถูกหัวข้อของกลนี้ยึดครองไปแล้ว!
……
ที่บริษัทเทียนซี
โฆษณาน้ำผลไม้นั้นพวกเขาเป็นสปอนเซอร์ให้เอง
พอนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ บริษัทน้ำสะอาดเทียนซีและน้ำแร่เหรินเจียนั้นเป็นคู่แข่งกันโดยตรง ศึกโฆษณาสะท้านสะเทือนฟ้าดินของจางเย่กับหลี่เสี่ยวเสี่ยวยังประทับไว้ในใจไม่ลืม เรียกได้ว่าเทียนซีนั้นเป็นศัตรูกับจางเย่เพราะเขากำราบอีกฝ่ายลงได้ แต่เพราะเช่นนี้ เทียนซีจึงทราบว่าคนคนนี้เก่งกาจแค่ไหน ในวงการธุรกิจไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร พวกเขาจึงเข้ามาร่วมประมูลสปอนเซอร์ของรายการคืนส่งปีด้วยเช่นกัน ถึงกับระบุว่าต้องการให้จางเย่ออกแบบวิธีการโฆษณาให้ ซึ่งดูไปแล้ว นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดจริงๆ!
“ยิงโฆษณาแล้ว!”
“ตำแหน่งดีมาก!”
“ถึงจะมีแค่ฉากเดียว คำโปรยประโยคเดียวก็เยี่ยมสุดๆ ไปเลย!”
“ใช่ ทุกคนพูดถึงแบรนด์เราหมดแล้ว ทุกครั้งที่คุยกันเรื่องกลนี้เลย!”
“เงินก้อนนี้ คุ้มค่าจริงๆ!”
……
บนเวทีคืนส่งปี
รายการยังคำทำการแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง
……
มาถึงการแสดงกายกรรม
นี่เป็นโชว์การแสดงกายกรรมที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การทำรายการคืนส่งปีของโลกของจางเย่ ทั้งความยาก ชุด และการยอมรับจากประชาชนล้วนแต่เจิดจรัสงดงาม จางเย่ทุ่มเทเต็มที่เพื่อหาทางติดต่อกับคณะกายกรรมหลายกลุ่ม กว่าจะนำการแสดงนี้ออกมาในโลกใบนี้ได้
เหล่าผู้ชมล้วนตื่นตาตื่นใจมาก
“เอาอีก!”
“คราวนี้เป็นกายกรรมล่ะ!”
“ว้าว!”
“เยี่ยม!”
“ยอดไปเลย!”
“ตื่นตามาก!”
“นักแสดงร้ายกาจจริงๆ!”
“ท่าแบบนี้ก็เล่นได้ด้วยเหรอ?”
“สุดยอด!”
“กายกรรมนี้โคตรสุดยอดจริงๆ!”
……
ในห้องอัด
บรรดากลุ่มผู้ชม
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจกับการแสดงใดเท่าไร เธอชื่อจ้าวเข่อ เป็นภรรยาของเกาซีเลี่ยง ทายาทของศิลปะพระแต่งนาง หลังจากชมการแสดงบนเวที ฟังเสียงเชียร์และปรบมือรอบๆ ตัวแล้วเธอก็ยังไม่สนใจ เพราะในขณะนี้ เธอกำลังเป็นกังวลที่สามีเธอกำลังจะขึ้นเวที แล้วเธอยังจะสนใจชมการแสดงอื่นได้อย่างไร?
ว่ากันตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเข่อได้นั่งชมการแสดงของสามีในที่นั่งของผู้ชม หลายปีมานี้ เธอต้องติดตามสามีไปแสดง เพราะเธอเป็นผู้จัดการของเขาด้วย แต่ไม่เคยได้นั่งในที่นั่งผู้ชมมาก่อน เพราะเกรงว่าจะได้ยินคนรอบข้างว่าร้ายสามี เธอโมโหที่สุดก็ตอนได้ยินคนวิจารณ์สามีนั่นเอง ดังนั้นทางที่ดีก็อย่าไปฟังเลย เพียงแค่รออยู่หลังเวทีให้เขาแสดงจบก็พอ แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป เธอมานั่งตรงแถวหน้าสุดเพื่อให้กำลังใจสามีของตนเอง เธอไม่คิดจะหลบซ่อนอีก!
เหล่าเกา!
ไม่ต้องตื่นเต้นนะ!
เธอทำได้!
เธอไม่เป็นไรหรอก!
ให้พวกเขาได้เห็นความพยายามตลอดยี่สิบปีของเธอ!
ให้พวกเขาได้เห็นว่าอะไรคือศิลปะพระแต่งนางที่แท้จริง!
……
บนเวที รายการแสดงกายกรรมจบแล้ว
จากนั้นตัวแสดงจึงขึ้นเวที รายการต่อไปเริ่มต้นขึ้น
บนจอเขียนตัวอักษรไว้อย่างชัดเจน
‘กุ้ยเฟยเมามายใหม่’
เนื้อร้อง : จางเย่
ทำนอง : จางเย่
ท่าเต้น : จางเย่
ผู้แสดง : เกาซีเลี่ยง
……
มาแล้ว
มาแล้ว!
ชั่วขณะนั้น ใจของจ้าวเข่อแทบกระดอนพุ่งออกมาจากอก เธอรู้สึกได้ว่าเส้นเลือดบริเวณลำคอเต้นตึกตัก สิ่งเดียวที่เธอกังวลคือผู้ชมจะไม่ยอมรับการแสดงนี้ ไม่ให้ความสำคัญกับสามีของเธอ เธอหันหน้ามองไปรอบๆ ดูผู้ชมที่ยังคุยกันเรื่องการแสดงชุดก่อน ในหัวของเธอมีแต่เสียงอ้อนวอน
ได้โปรดเถอะทุกคน!
นี่คือความพยายามที่เหล่าเกาทุ่มเทมาทั้งชีวิต!
ช่วยดูแล้วยอมรับเขาด้วยเถอะ!
ช่วงฟังเขาอย่างจริงจังด้วยเถอะ!
พริบตานั้นแสงสีบนเวทีพลันเปลี่ยนไป!
ดนตรีดังขึ้น แสงไฟเปลี่ยนแปร!
ที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นที่สุดคือแท่นกลางเวทีที่ค่อยๆ เลื่อนขึ้น บนแท่นนั้นเป็นบุคคลในชุดสตรี เสื้อคลุมแดงตัวใหญ่รายล้อมด้วยบรรดานักเต้น!
“ว้าว!”
“สวยมาก”
“ผู้หญิงคนนี้คือใครน่ะ?”
“ไม่รู้สิ”
“ฉันก็ไม่รู้จัก”
ผู้ชมต่างคุยกันเรื่องการแสดง
แต่เมื่อดนตรีดังขึ้น เกาซีเลี่ยงขยับแขนเสื้อยาวแล้วเปล่งเสียงขับร้องออกมา ผู้ชมทั้งในห้องส่งและทางบ้านก็ต้องตะลึงงันแล้ว!
รักแค้นห่างเพียงชั่วพริบตา
ยกจอกเมรัยชูจันทรา น้ำใจข้าเทียมนภา
รักแค้นไกลสุดตา
ถามท่านยามใดจึงเสน่หา
หอจวี๋ฮวาสะท้อนเงาจันทร์จ้า
ใจข้าร้าวรานถึงเพียงไหน
เมามายในอ้อมอกจอมไผท
ฝันหวนกลับไปยุคต้าถัง
ระบำแขนเสื้อสุดงดงาม!
ใบหน้าที่สะสวยชวนตะลึง!
น้ำเสียงที่อ่อนโยนชวนลุ่มหลง!
ทุกคนมองแล้วก็ต้องตะลึงงัน!
……
มีคนจำเขาได้น้อยมาก
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกาซีเลี่ยงเป็นใครด้วยซ้ำ
ในโลกออนไลน์
“สวย!”
“สวยโคตร!”
“ผู้หญิงคนนี้ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะ?”
“นั่นผู้ชายต่างหาก”
“เมนต์บนไปไกลๆ เลย!”
“ฮ่าๆ ผู้ชายบ้านนายสวยขนาดนี้เลยเรอะ? ร้องเพลงก็ติดสำเนียงผู้หญิงนี่นะ?”
“เป็นผู้ชายจริงๆ ชื่อเกาซีเลี่ยง ไปเสิร์ชดูสิ”
“อะไรนะ?”
“เชี่ย ฉันเจอแล้ว!”
“แม่งผู้ชายจริงๆ ด้วย!”
“สวรรค์!”
“ผู้ชาย?”
“พระเจ้า! อะไรกัน?”
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
“เชี่ย ผู้ชายจริงด้วย งั้นในโลกนี้ยังมีใครกล้าบอกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอีกเนี่ย?”
“นี่ นี่เรียกว่าการแสดงอะไรนะ?”
“เห็นว่าเรียกว่าพระแต่งนาง!”
“พระแต่งนาง? น่าประทับใจจริงๆ!”
“แสดงได้เหมือนจริงมาก!”
“เชี่ยเอ๊ย! สุดมาก! สุดมากจริงๆ!”
“นั่นสิ เขามีความสามารถจริงๆ! ถ้าไม่ฝึกมาสิบยี่สิบปีต้องทำไม่ได้แน่! การเคลื่อนไหว ท่วงท่า น้ำเสียง ทุกอย่างลอกเลียนได้สมบูรณ์แบบมาก!”
“วันนี้ได้พบเจอเทพแล้ว!”
……
ที่สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง
นักข่าวหลายคนต้องอ้าปากค้าง
……
ที่บ้านยายของจางเย่
ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อสายตา
……
ที่บ้านคุณอู๋
ทั้งครอบครัวล้วนจ้องตาแทบถลน
……
ในห้องส่ง
จ้าวเข่อเองก็ตะลึงงันเช่นกัน เธอคิดว่าจะมีเสียงก่นด่าและเคลือบแคลง แต่กลับไม่ได้ยินแม้แต่น้อย!
ทุกคนล้วนชมเชย
“พระแต่งนางเหรอ?”
“ไม่ใช่การแต่งหญิงธรรมดาสินะ!”
“เป็นศิลปะแขนงหนึ่งใช่ไหม?”
“แน่นอน!”
“ถ้านี่ไม่ใช่ศิลปะ ก็ไม่มีอันไหนเรียกว่าศิลปะได้แล้ว!”
“สวยเกินไปแล้ว จากหัวจรดเท้าพูดได้คำเดียว – สวย!”
เสียงปรบมือดังลั่น!
คำชมเชยท่วมท้น!
ผู้ชมบางส่วนถึงกับโบกไม้โบกมือร้องลั่น!
พอได้ยินเสียงอันกึกก้องเหล่านี้ข้างหู จ้าวเข่อจ้องมองสามีบนเวที จากนั้นก็ยิ้มออกมา ขณะที่แย้มยิ้ม น้ำตาก็ค่อยๆ หยดหล่นจากหางตาอย่างควบคุมไม่ได้!
เหล่าเกา!
ได้ยินไหม?
ได้ยินรึเปล่า?
นั่นเสียงปรบมือของคุณนะ!
นั่นเสียงเชียร์คุณนะ!
พระแต่งนางคืออะไร?
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้จัก
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคนเข้าใจ
ทั้งดูแคลน
หยามหยัน
สายตาอันแปลกประหลาด
ล้วนคือสิ่งที่ทุกคนมองมาในอดีต
ดังนั้น จ้าวเข่อจึงขอบคุณจางเย่อย่างยิ่ง เพราะว่าวันนี้ จางเย่ได้ต้านทานแรงกดดันทั้งมวล แล้วยืนยันส่งศิลปะแขนงนี้ให้ได้ขึ้นเวที เพราะว่าวันนี้ จางเย่ได้กู้คืนชื่อเสียงของศิลปะการแสดงพระแต่งนางให้แล้ว!
ไม่ใช่แค่การแต่งหญิง!
แต่นี่คือศิลปะ!
คือศิลปะที่แท้จริง!
บทที่ 1342 : การบุกของ ‘กวนอิมพันมือ’!
โดย
Ink Stone_Fantasy
บนเวยป๋อ
กระแสพูดคุยยังคงร้อนแรง
“รายการคืนส่งปีของปีนี้ต่างจากเดิมมากจริงๆ!”
“ทุกรายการล้วนสดใหม่!”
“ใช่ เห็นด้วย สดใหม่มาก!”
“หลายการแสดงไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนด้วย!”
“ใช่ เพิ่งเคยได้ยินการแสดงพระแต่งนางก็วันนี้เอง!”
“รายการคืนส่งปีของปีนี้สนุกมากจริงๆ!”
“ใช่ เมื่อก่อนมีแค่เซี่ยงเซิงกับละครตลกที่พอดูได้หน่อย บางครั้งถึงกับไม่สนุกด้วยซ้ำไป แต่ปีนี้ ทั้งเพลง ทั้งรายการเต้น ทั้งมายากล ต่างทำให้ผู้ชมต้องตะลึงทั้งนั้น!”
“จางเย่มีความสามารถจริงๆ”
“เห็นว่ายังมีรายการใหม่ๆ อีกหลายอันเลยนะ”
“หือ? มีอีกเหรอ?”
“ใช่ การเต้นโดยคณะเต้นคนหูหนวกไง”
“อ้อเห็นรายการนั้นแล้วล่ะ แต่คณะเต้นคนหูหนวกนี่มันยังไงกันน่ะ?”
“นั่นสิ คนหูหนวกจะเต้นได้ไง? ฉันก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“ใช่ เหมือนอย่าง ‘โบยบินสู่สรวงสวรรค์’ นั่นไง ฉันว่าก็เป็นการแสดงที่ดีนะ นักเต้นเก่งๆ ในประเทศเรามีตั้งมากมาย ทำไมไม่เชิญมาล่ะ? พวกเขาน่าจะเต้นดีกว่าไม่ใช่เหรอ?”
“เอ๊ะ มาแล้วล่ะๆ!”
“รายการต่อไปแล้วเหรอ?”
……
บนจอโทรทัศน์
การถ่ายทอดสดยังดำเนินต่อไป
เหยียนเหมย พิธีกรจาก CCTV ยืนบนเวทีพร้อมรอยยิ้มฝืดฝืนเล็กน้อย “ต่อไปขอแนะนำโค้ชผู้นี้ให้กับทุกท่านนะคะ นี่คือ ฉีเสี่ยวเม่ย คือผู้ฝึกสอนของคณะเต้นรำผู้พิการทางโสตประสาท จากคณะดนตรีและศิลปะการแสดงชนกลุ่มน้อยประจำชาติค่ะ”
กล้องสลับไปทางผู้ชม
ที่แถวหน้า ฉีเสี่ยวเม่ยยืนขึ้นอย่างกระวนกระวาย ใช้ภาษามือทักทายทุกคน
เหยียนเหมยแปลให้ “เธอบอกว่า ‘สวัสดีค่ะทุกคน’”
ผู้ชมตอบรับด้วยการปรบมือ
ฉีเสี่ยวเม่ยส่งภาษามืออีกครั้ง
เหยียนเหมย “อาจารย์ฉีกล่าวว่า ‘เด็กๆ เหล่านี้ เกิดมาบนโลกที่ไม่มีเสียง แต่ในสมองของพวกเขาและเธอต่างได้ยินสำเนียงเดียวกันกับเรา” เธอหยุดมองภาษามือของฉีเสี่ยวเหมยชั่วครู่ แล้วอธิบาย “นี่คือโลกที่ไม่มีเสียงพูดคุย แต่เธอจะใช้วิถีทางของตัวเองเพื่อสื่อสารและเชื่อมต่อกับทุกคน ขอบคุณค่ะ”
ฉีเสี่ยวเม่ยค้อมกายลงน้อยๆ
ผู้ชมปรบมือขึ้นอีกครั้ง
เหยียนเหมยมองกล้อง “ต่อไป ฉันขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับรายการสุดพิเศษรายการนี้ ที่พิเศษนั้นเป็นเพราะนักแสดงทุกคนล้วนใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไร้เสียง ไม่ได้ยินเสียงของพ่อแม่ที่รักใคร่ และแน่นอน ไม่มีทางรับรู้ถึงเสียงดนตรีที่งดงาม แต่ถึงอย่างนั้น พวกเธอก็ยังสามารถส่งคำอวยพรสำหรับตรุษจีนนี้ด้วยการเต้นอันงดงาม ขอให้ทุกท่านสนุกไปกับรายการต่อไป ‘กวนอิมพันมือ’”
……
ที่บ้านคุณอู๋
อู๋ฉางเหอ “เริ่มแล้ว”
หลี่ฉินฉิน “รายการนี้เสี่ยงมากนะ”
“ใช่ มีข้อขัดแย้งมากมายแน่” อู๋ฉางเหอตอบ
……
ที่บ้านยายของจางเย่
น้องสาวคนโตของเขาประนมมือ “ขอให้รอดๆ!”
น้องอีกสองคนก็ภาวนา “ขอให้การแสดงนี้ราบรื่นด้วยเถอะนะคะ!”
ยายของจางเย่ถาม “พวกเธอทำอะไรน่ะ?”
น้องรอง “ย่าคะ ย่าไม่รู้หรอกว่าการแสดงนี้น่ะถูกคนวิจารณ์ตั้งแต่การคัดเลือกรอบสองแล้ว โดนวิจารณ์ยับเลย”
……
ในเน็ต
ทุกคนยังถกเถียงกันเรื่องการแสดงชิ้นนี้
“ฉันว่าดีมากนะ”
“ดีตรงไหน”
“ต้องเป็นเบื้องบนจัดลงมาให้แน่ๆ”
“นี่เป็นโอกาสดีให้คนพิการมีส่วนร่วมในรายการนะ”
“แต่งานจะออกมาไม่ดีน่ะสิ”
“ฉันสงสารคนพิการนะ แต่รายการคืนส่งปีไม่ใช่รายการการกุศล ยังไงก็ต้องให้คนที่แสดงได้ดีขึ้นแสดง”
“ไม่แน่นะ พวกเธออาจจะเต้นได้ดีก็ได้”
“พอเถอะน่า ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนหูหนวกจะเต้นได้ดีกว่าคนปกติน่ะ”
“ใช่ พวกเธอไม่ได้ยินแม้แต่เสียงดนตรีนะ!”
หลายคนนึกสงสัย การแสดงของคณะเต้นของคนหูหนวกเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันตั้งแต่ลิสต์รายการแสดงของจางเย่ถูกเปิดเผยแล้ว บ้างสนับสนุนและชื่นชมรายการนี้ การให้คนพิการมาแสดงบนเวทีคืนส่งปีเองก็ดูมีมนุษยธรรม ส่วนที่ว่าการเต้นจะดีพอหรือไม่เป็นเรื่องรองลงไป ที่สำคัญคือคนพิการก็ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากการแสดงในรายการคืนส่งปี แต่คนที่คัดค้านเห็นว่าคุณภาพของการแสดงไม่ควรต้องเสียไปเพียงเพื่อแสดงความเห็นใจคนพิการ ไม่สมควรเป็นเรื่องของคุณธรรมอะไรแบบนั้น เพราะว่าไม่ยุติธรรม
ต่างคนต่างความคิด
ความเห็นแย้งไม่ได้สิ้นสุด
จนกระทั่งในที่สุด การแสดงก็เริ่มต้นขึ้น
คำตอบของสิ่งที่ทุกคนสงสัยกำลังจะเผยออกมาแล้ว
……
บนหน้าจอโทรทัศน์
การออกแบบชุดยังคงน่าตื่นตา
แสงสีบนเวทีก็ชวนให้ตะลึง
นักแสดงยืนบนเวที กล้องจับภาพหน้าตรง เป็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ในชุดสีทองงดงาม
ไม่สิ!
ไม่ได้มีคนเดียว!
มีหลายคน!
ยืนเรียงแถว?
แต่กลับดูเหมือนมีแค่คนเดียว
เหล่าผู้ชมชะงักไปเล็กน้อย
ดนตรีเริ่มบรรเลงด้วยเสียงกู่ฉิน
ทันใดนั้นขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง แขนคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นหลังเด็กหญิงคนแรก แขนคู่ต่อๆ มาปรากฏขึ้นจากด้านหลังในเวลาแทบจะใกล้ๆ กัน เหมือนว่าแขนนั้น ‘งอก’ ออกมาจากด้านหลังเด็กสาว เหมือนจริงมากๆ!
สามคู่!
ห้าคู่!
สิบคู่!
ทันใด แขนสิบกว่าคู่นั้นก็หดกลับลงโดยพร้อมเพรียง ก่อนเริ่มสยายออกมาอีกครั้ง มือเหล่านั้นประดับเล็บยาวสีทอง ดูทั้งตื่นตาตื่นใจและน่าหลงใหล
ประชาชนจีนทั่วโลกต้องตะลึง!
“อะไรกัน?”
“เป็นไปได้ไง?”
“นี่ นี่ทำได้ยังไงกัน?”
“ทำไมถึงทำได้กัน?”
“ทำไมเคลื่อนไหวเป็นทำนองเดียวกันขนาดนี้?”
“เป็นไปไม่ได้!”
“หูหนวกไม่ใช่เหรอ?”
“คนปกติยังทำได้ไม่แม่นยำขนาดนี้! ทำได้ยังไงกัน?”
“เชี่ย!”
แต่ว่า พวกเขากลับตกตะลึงเร็วเกินไป!
เมื่อแขนนับสิบคู่นั้นดึงกลับไปอีกครั้ง พวกเธอก็โบกช้าๆ ก่อนสยายเรียงรายออกมาด้านหลังเด็กสาวคนแรกเหมือนใบพัดที่คลี่ออก ภาพของกวนอิมพันมือที่น่าตระหนกปรากฏขึ้นแล้ว!
ชั่วขณะนั้น!
ทุกๆ คนที่ได้เห็น!
ชาวจีนทุกคนทั่วโลกต่างต้องขวัญสะท้าน!
ภาพนี้สั่นสะเทือนจิตใจพวกเขา!
ผู้ชมในห้องส่งตาค้าง!
ผู้ชมตรงหน้าจอยิ่งตาค้าง!
“สวรรค์!”
“อ๊า!”
“สวรรค์!”
“เง็กเซียน!”
“สวยโคตร!”
“คนหูหนวกเหรอ? นี่พวกเธอหูหนวกจริงๆ เหรอ?”
“ทำไมถึงแสดงได้งดงามขนาดนี้!”
……
ที่บ้านยายของจางเย่
แม่ตาค้าง!
พ่อเองก็อ้าปากสูดลมหายใจเฮือก!
น้องสาวทั้งสามขนลุกอย่างตกตะลึง!
……
ทุกคนต้องปิดปากสนิทแล้ว!
คนที่เคยเคลือบแคลงสงสัยและวิจารณ์ล้วนไม่อ้าปากแล้ว
ชั่วขณะนี้ ทุกคนรู้สึกได้แต่ความตกตะลึง มองความงดงามจนแทบหยุดหายใจบนจอทีวีอย่างยากอธิบายออกมาเป็นคำพูด!
การระบำยังดำเนินต่อไป
ดึงกลับ
ยืดขยาย
แขนที่พลิ้วไหวอย่างมีชีวิตชีวาคล้ายติดอยู่กับแผ่นหลังของผู้แสดงคนแรก และถูกควบคุมโดยเธอเพียงคนเดียว พลิ้วไหว เป็นอิสระ เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง!
เสียงปรบมือดังไม่หยุด!
ในห้องส่งบางคนที่ตื่นเต้นจนต้องลุกขึ้นยืน!
มีคนที่ร้องไห้อย่างทนไม่ได้ แต่ยิ่งปาดน้ำตาก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม!
สุดยอด!
สุดยอดมาก!
พิธีกรอย่างเหยียนเหมยก็ตาแดงรื้น!
ที่นั่งแถวหน้านั้น ฉีเสี่ยวเม่ยส่งสัญญาณมือไม่หยุด กัดฟันเม้มริมฝีปากแน่น พยายามหยุดเสียงสะอื้นขณะควบคุมเด็กๆ บนเวที! นี่แหละ! ดีมาก! พวกเธอทำได้ดีมาก! อาจารย์ภูมิใจในตัวทุกคน! พวกเธอคือนักเรียนที่เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยสอนมา! ดีมาก! ทุกคนเลย ดีมากจริงๆ!
นี่คือการแสดงที่ทุกคนต้องตะลึง!
เปรียบกับ ‘โบยบินสู่สรวงสวรรค์’ แล้วยังน่าตื่นตะลึงยิ่งกว่า!
คนหูหนวกเป็นใบ้!
เด็กสาวพวกนี้ไม่ได้ยินเสียงอะไรแม้แต่น้อย!
ผู้ชมหน้าจอทีวีก็น้ำตาไหลเช่นกัน!
กวนอิมพันมือ?
นี่หรือคือกวนอิมพันมือ?
การแสดงระดับนี้ ต่อให้ออกค้นหาจนสุดหล้าก็หาไม่มีที่สองอีกแล้ว!
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1343
เบ่งบานกลางแสงจ้า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
บนทีวี
โพธิสัตว์กวนอิมพันมือปรากฏกายอย่างมีชีวิตเสมือนจริง!
พันกรเบ่งบานดุจบุปผา!
พันเปลี่ยนหมื่นแปลง!
เคลื่อนตามใจปรารถนา!
ดุจภาพฝันดุจมายา!
แสงสีทองเปล่งประกายสว่างจ้าไปทั่วทั้งเวที
งดงามจนบางคนถึงกับหยุดหายใจ กระทั่งหัวใจก็แทบจะหยุดเต้น!
เมื่อการแสดงดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่ง นักแสดงก็ค่อยๆ ขยับปลายแถว เคลื่อนตัวออกมาทีละคน ชั่วขณะนี้เองทั่วโลกจึงได้เห็นใบหน้าของพวกเธออย่างชัดเจน!
ทั้งตื่นเต้น
ทั้งจริงจัง
ทั้งพิถีพิถัน
นักแสดงคนแรกเป็นเด็กสาวชื่อว่าซุนเยี่ย อายุยี่สิบสองปี เป็นคนเหอเป่ย เกิดมาก็หูหนวกเป็นใบ้ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคือการได้ขึ้นเวทีรายการคืนส่งปีในสักวันหนึ่ง
พ่อคะ
แม่คะ
หนูได้ขึ้นเวทีคืนส่งปีแล้ว!
หนู หนู-
พ่อกับแม่ดูอยู่รึเปล่า?
หนูได้ขึ้นเวทีคืนส่งปีแล้วจริงๆ นะ!
ด้านหลังเธอ เด็กหญิงคนที่สองชื่อว่าหลิวเหม่ยเหม่ยอายุยี่สิบปี เป็นคนอานฮุย เกิดมาก็หูหนวก ความฝันคือสักวัน เทคโนโลยีจะก้าวหน้าจนเธอสามารถได้ยินเสียงของโลกนี้ได้เหมือนกับคนทั่วไป
คนที่สามคือหูลี่เจวียน อายุสิบเก้าจากเทียนจิน ไม่มีความฝันอะไร แค่สนุกกับการเต้น หวังเพียงยังสามารถเต้นต่อไปได้แม้เมื่ออายุเข้าวัยสามสี่ห้าสิบปีแล้ว นี่คือสิ่งที่เธอมีความสุขที่สุด
คนที่สี่คือจ้าวฉี เด็กสาวอายุยี่สิบเอ็ดจากส่านซี ความฝันสูงสุดคือการได้พบกับคนรักในฝัน แต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เด็กสาวคนที่ห้าคือฉือซีอัน
คนที่หกคืออู๋เซิ่งหนาน
คนที่เจ็ดคือเจี่ยฟาง
……
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
คนกว่าครึ่งหมู่บ้านต่างมารวมตัวกัน
“เสี่ยวเยี่ย!”
“ลูกฉัน!”
“นั่นลูกสาวฉันเอง!”
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งหลั่งน้ำตาขณะชี้ไปยังจอโทรทัศน์
……
ที่เมืองเมืองหนึ่ง
กลุ่มวัยรุ่นกำลังตื่นตะลึง
“นั่น!”
“นั่นหลิวเหม่ยเหม่ย!”
“หลิวเหม่ยเหม่ยจากคลาสเรียนการเต้นข้างๆ เราตอนนั้นนี่!”
“เธอจริงๆ!”
“เธอได้ขึ้นรายการคืนส่งปีเลยเหรอเนี่ย?”
……
ณ เมืองใหญ่แห่งหนึ่ง
“เชี่ย!”
“หา!”
“นั่นมันจ้าวฉีไหม?”
“ทำไมเธอถึงได้ขึ้นเวทีคืนส่งปีล่ะ?”
……
ที่นครแห่งหนึ่ง
“เหล่าหลี่ เหล่าหลี่ รีบมาดูเร็ว!”
“ว่าไง?”
“หูลี่เจวียน!”
“หูลี่เจวียน?”
“เพื่อนนักเรียนเราลี่เจวียนไง! นายลืมแล้วเรอะ?”
“หา! ฉันนึกออกแล้ว! ทำไมฉันถึงน้ำตาไหลล่ะ?”
“ฉันยินดีกับเธอด้วยนะ! ยินดีกับเธอจริงๆ!”
……
บ้านคุณอู๋
หลี่ฉินฉินปาดน้ำตา “ดีมากเลย”
อู๋ฉางเหอเองก็ยอมรับนับถือ “เย่น้อยเก่งจริงๆ”
เจ๊อ้วนตะลึง “นี่จางเอ้อร์ออกแบบท่าเต้นหมดเลยเหรอ?”
หลี่ฉินฉินพยักหน้า
อู๋ม่อร้อง “พี่จางผมสุดยอดจริงๆ!”
เจ๊อ้วนหันมองค้อน “อย่าเรียกมั่ว แกต้องเรียกว่าลุงเขยเล็กต่างหาก”
……
บนเวยป๋อ
ทั้งการถกเถียง?
ทั้งคำวิพากษ์วิจารณ์?
ทุกอย่างต่างหายวับไปในพริบตา!
“ขอโทษนะ”
“ผมก็ด้วย!”
“เชี่ย ฉันขอถอนคำพูดของตัวเองแล้ว!”
“ใครแม่งบอกว่าคนหูหนวกเต้นรำไม่ได้วะ? กลุ่มคนหูหนวกจะทำให้คุณภาพรายการคืนส่งปีลดลง? ไร้สาระ! การแสดงชุดนี้ต้องถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์แน่นอน!”
“เห็นด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“พูดตามตรง ฉันไม่เคยเห็นการเต้นระบำที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมา!”
“เด็กๆ พวกนี้ต้องพยายามแค่ไหนถึงทำงานออกมาระดับนี้ได้?”
“ประทับใจจริงๆ เป็นการแสดงที่ชวนตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่า ‘โบยบินสู่สรวงสวรรค์’ ซะอีก!”
“ใช่ ‘โบยบินสู่สรวงสวรรค์’ ทำให้เราตื่นตาไปกับเทคนิค ขณะที่ ‘กวนอิมพันมือ’ นั้นทำให้เราสะเทือนไปถึงอารมณ์! การเต้นระบำก็แสดงได้ถึงขั้นนี้!”
“ใครเป็นคนออกแบบการแสดงนะ? สุดยอดมาก!”
“จางเย่ไง!”
“ใช่ เขาทำทุกอย่างเลย”
“เขาคิดอะไรแบบนี้ออกมาได้ยังไง!”
“ประวัติศาสตร์ของรายการคืนส่งปี ไม่เคยมีการแสดงระบำไหนที่ได้รับการกล่าวถึงระดับเดียวกับ ‘กวนอิมพันมือ’ อีกแล้ว!”
“ฉันร้องไห้แล้ว”
“ฉันด้วย ประทับใจมากจริงๆ!”
“เด็กสาวพวกนั้นต้องลำบากมากแน่ๆ!”
“รู้สึกเหมือนตัวฉันได้รับการชำระเลย”
“ขอบคุณนะ ทุกคนเลย ฉันจะไม่ลืมการเต้นนี้เลยตลอดชีวิต!”
“ทั้งตะลึง ทั้งหัวเราะ ทั้งประทับใจ รายการคืนส่งปีปีนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ!”
“ใช่ ที่แท้รายการคืนส่งปีก็ทำได้ถึงระดับนี้เลยจริงๆ!”
……
การเต้นระบำจบแล้ว
การแสดงก็สิ้นสุดลงแล้ว
แต่ทุกคนก็ยังไม่อาจข่มใจให้สงบได้
เสียงปรบมือทั้งเวทีดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
ฉีเสี่ยวเม่ยที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ชมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก เธอไม่เคยเป็นคนโอ้อวด แต่ช่วงเวลานี้ เธอขอนั่งยืดตัวตรงรับมันเถอะ
ทั้งคำร่ำลือ
คำวิจารณ์
สายตาแปลกประหลาด
แววตาเคลือบแคลง
ตั้งแต่เกิด เธอผ่านอะไรมามากมาย โดยเฉพาะตอนที่ลิสต์รายการแสดงของรายการคืนส่งปีถูกประกาศออกมา เธอและเหล่าเด็กๆ ต้องแบกรับความเครียดมหาศาล รู้สึกเกินทนทานจนแทบหายใจไม่ได้ แต่พวกเธอทั้งหมดก็ทนกัดฟันฝึกซ้อมทั้งวันทั้งคืน ร่างกายของพวกเธอเสียเปรียบแต่แรก ได้แต่ใช้ความพยายามเข้าชดเชย พวกเธอรู้ว่าทุกคนย่อมทำได้เหมือนกับคนธรรมดา ถ้าคนทั่วไปเต้นแบบนี้ได้ พวกเธอเองก็ต้องทำได้ และความจริงแล้วอาจถึงกับทำได้ดียิ่งกว่า
น้ำตาที่ฉีเสี่ยวเม่ยอดทนกลั้นไว้ตลอดมา เริ่มรินไหลลงตามสองแก้ม!
หลายปีที่อดทน!
หลายปีที่รอคอย!
หลายปีที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ!
วันนี้ ในที่สุดโลกก็ได้เห็นการเต้นของพวกเธอแล้ว
วันนี้ ในที่สุดพวกเธอก็ได้เบ่งบานกลางแสงอันเจิดจ้า!
……
บนเวที
เสียงเพลงดังขึ้น
ความฝันของเด็กสาวและครูฝึกของคณะเต้นรำคนหูหนวก จากคณะดนตรีและศิลปะการแสดงชนกลุ่มน้อยแห่งชาติเพิ่งจะจบไปบนเวที ต่อมา พี่น้องผู้ใช้แรงงานสองคนก็ก้าวขึ้นมาเติมเต็มฝันของตนเอง
ยังจำได้ ถึงฤดูใบไม้ผลิเมื่อหลายปีก่อน
ตัวฉันในตอนนั้น ผมยาวของฉันยังไม่ตัด
ไม่มีบัตรเครดิตและไม่มีเธอ
บ้านไม่มีน้ำอุ่นอาบยี่สิบสี่ชั่วโมง
แต่ฉันกลับมีความสุขถึงปานนั้น
แม้มีเพียงกีตาร์ผุพังตัวเดียว
บนถนน ใต้สะพาน ในท้องนา
ร้องบทเพลงที่ไม่มีคนสนใจ
หากวันใด ฉันแก่เฒ่าไร้ที่พึ่งพิง
โปรดทิ้งฉันไว้ ในช่วงเวลานั้น
หากวันใด ฉันจากโลกนี้ไป
โปรดฝังฉันไว้ ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลินี้
คำว่าความฝันนี้ มีเสน่ห์ตลอดกาล
ทั้งสองไม่มีทักษะการร้องที่ยอดเยี่ยม ไม่มีใบหน้าหล่อเหลา ไม่มีออร่าบนเวทีเหมือนดาราใหญ่ แต่เสียงแหบและกว้างนั้นกำลังบอกเล่าเรื่องราวของตนแก่ทุกคน คือเรื่องราวของความฝันที่ชำแรกลึกถึงจิตวิญญาณ
……
ที่ชานเมือง
เพื่อนร่วมงานต่างส่งเสียงเชียร์
“มาแล้ว!”
“พวกเขาล่ะ!”
“เมียฉันเธอเห็นไหม นั่นเพื่อนร่วมงานฉันเองนะ!”
“เป็นหน้าเป็นตาแก่พวกเราคนใช้แรงงานเสียจริง!”
“สู้ๆ นะ!”
“สู้ๆ!”
……
ในอินเทอร์เน็ต
“ยอดมาก!”
“เพลงแต่งดีมาก!”
“เพลงใหม่ของจางเย่เหรอ?”
“เพลงนี้แทงใจดำมาก!”
“มีแค่สองคนนี้แหละถึงร้องเพลงนี้ได้!”
“ทำไมฟังแล้วประทับใจนัก? ฉันว่าพวกเขาร้องดีกว่าดาราบางคนเสียอีก!”
……
บทเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ พี่น้องแรงงานคู่หนึ่ง
การร้องเพลงของพวกเขาทำให้ผู้ฟังประทับใจ!
วันนี้ พวกเขาเองก็เบ่งบานกลางแสงจ้าเช่นกัน
รายการคืนส่งปีพุ่งทะยานสู่ฟ้าอย่างไม่หยุดยั้ง!
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1344
‘ห้าสัมผัสถกเถียง’ ขึ้นเวทีแล้ว!
โดย
Ink Stone_Fantasy
รายการคืนส่งปียังดำเนินต่อไป
คนจีนทั่วโลกยิ่งดูยิ่งคึกคัก!
สำหรับรายการคืนส่งปีในปีก่อนๆ หลายคนต้องเหนื่อยแล้วเพราะความแตกต่างของช่วงเวลาไทม์โซน มีผู้ชมบางส่วนดูไม่จบ หรือต้องเข้านอนไปก่อน แต่ปีนี้กลับต่างออกไป แม้ดึกมากแล้ว แต่ผู้ชมก็ยังคงตาสว่าง ไม่มีใครยอมละสายตาไปจากทีวีเลยแม้แต่คนเดียว!
โคตรสนุก!
รายการคืนส่งปีปีนี้แม่งทำให้โคตรติดเลย!
ยิ่งดูยิ่งหยุดไม่ได้!
เร็วสิ ต่อไปจะเป็นรายการอะไร!
เร็วๆๆๆๆ รอไม่ไหวแล้ว!
อ๊ะ ว่าแต่เซี่ยงเซิงล่ะ? รายการคืนส่งปีผ่านไปเกือบครึ่งแล้ว ยังไม่มีเซี่ยงเซิงอีก?
รายการภาษามักเป็นรายการที่ทุกคนให้ความสนใจที่สุด กระทั่งตอนนี้ รายการปรากฏออกมาเกือบหมดแล้ว ทั้งการเต้น การร้องเพลง กายกรรม มายากล ละครตลก เว้นแต่เซี่ยงเซิงที่ยังไม่มีเลยสักรายการ หลายคนจึงกำลังรอคอยอยู่
……
บนจอ
พิธีกรประกาศ
ในที่สุด รายการเซี่ยงเซิงรายการแรกก็มาแล้ว!
นี่คือรายการคืนส่งปี ต้องดูแลภาพรวม ทั้งยังดูแลแต่ละรายการ ก่อนหน้านี้ ‘กวนอิมพันมือ’ และ ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ก็ดึงน้ำตาคนไปได้หลายคน แต่ทว่าพวกเขาย่อมไม่มีทางให้ทุกคนรู้สึกแต่ความเศร้า ต้องใช้รายการภาษาออกมาผ่อนคลายบรรยากาศบ้าง ซึ่งการนำเรื่องตลกออกมาในช่วงเวลาแบบนี้ยิ่งลำบากยิ่งกว่า ถ้าไม่ใช่รายการที่ดีจริงๆ ย่อมยากที่จะทำได้ตามความคาดหวังของเหล่าผู้ชม และยากที่จะดึงอารมณ์ของคนกลับมาจากรายการก่อนหน้า
แน่นอนว่าเรื่องนี้ จางเย่ย่อมพิจารณาไว้อย่างรอบคอบแล้ว
ผลงานชิ้นนี้ เขามีความมั่นใจเต็มร้อย!
……
ณ วงการเซี่ยงเซิง
ในกลุ่มแช็ตเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง
“นักแสดงพวกนี้ไม่มีศักดิ์ศรี!”
“หึ ไอ้หนุ่มเสี่ยวหูคนนั้นน่ะช่างเถอะ แต่แม้แต่เหล่าหลิวเหล่าหลี่ก็ไปสงบศึกกับจางเย่แล้วเหมือนกัน? ไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ!”
“กิ่งมะกอกยื่นมาจากรายการคืนส่งปี คิดว่าพวกเขายังปฏิเสธได้หรือ?”
“เหล่าหลิวเหล่าหลี่น่ะ ก่อนนี้ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับจางเย่ ดูเหมือนพวกเขาจะฉลาดนะ ตอนนั้นที่วงการเราประณามจางเย่พวกเขาก็ไม่ได้เข้าร่วมด้วย”
“มาดูสิว่าพวกเขาจะมีเซี่ยงเซิงอะไรออกมาเล่น”
“ไม่สนุกแน่”
“เหอะๆ จางเย่เขียนเซี่ยงเซิงแบบปกติได้ด้วยเรอะ!”
“ใช่ บทของจางเย่น่ะมีแต่ความหยาบคาย ใช้ขึ้นเวทีไม่ได้หรอก!”
……
ในอินเทอร์เน็ต
คนไม่น้อยต่างกำลังคุยกันเรื่องนี้อยู่
“เซี่ยงเซิงมาแล้ว!”
“รออยู่นานแล้ว!”
“สคริปต์เซี่ยงเซิงก็เป็นจางเย่เขียนให้เหรอ?”
“อืม จากเขาหมดเลย”
“แล้วจะสนุกเหรอ?”
“เอ่อ เซี่ยงเซิงของจางเย่ออกจะ…”
“ใช่ เขาจะเขียนบทเซี่ยงเซิงของรายการคืนส่งปีได้เหรอ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ?”
“เซี่ยงเซิงชิ้นนี้มีตั้งห้าหกคนเลยเหรอ? แล้วจะแสดงกันยังไงน่ะ?”
“นี่เป็นเซี่ยงเซิงแรกของปีนี้ มาดูก่อนเถอะว่าเป็นยังไง”
แต่ทว่าทุกคนก็ต้องตะลึงเมื่อรายการเซี่ยงเซิงฉายบนหน้าจอ!
……
บนจอโทรทัศน์
แถบตัวอักษรปรากฏขึ้น
นักแสดงเซี่ยงเซิงชื่อดัง หลี่เซียงฉีปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ
เขาเป็นชายร่างอวบ ท่าทางขบขัน แค่เขาปรากฏตัวออกมาก็ทำให้ทุกคนอยากหัวเราะแล้ว
หลี่เซียงฉีเล่นบท ‘หัว’
หัว “อา ขอบอกทุกคนหน่อย เมื่อคืนฉันฝัน ฝันประหลาดมาก ฝันถึงประสาทสัมผัสทั้งห้า ตั้งแต่…”
ตา “สวัสดีหัว!”
หัว “หือ?”
ตา “ฮ่าๆ ฮ่าๆ!”
หัว “สวัสดี สวัสดี!”
ตา “จำฉันได้ไหม?”
หัว “ฉันไม่แน่ใจ! ขอถามหน่อยคุณแซ่อะไร?”
ตา “แซ่ตา”
หัว “อะไรนะ?”
ตา “ตา”
หัว “ในบรรดาร้อยแซ่มีแซ่ของนายด้วยเหรอ?”
ตา “แถวแรกเลย”
หัว “ตรงไหน?”
ตา “จ้าว เฉียน ซุน ตา”
หัว “ไม่เคยได้ยิน! จ้าว เฉียน ซุน ตา? จ้าวเฉียนซุนหลี่ต่างหาก!”
ตา “อ้อ โจวอู๋เจิ้งตา!”
หัว “โจวอู๋เจิ้งหวัง!”
ตา “เฝิงเฉินฉู่ตา”
หัว “หยุดเล่นได้แล้ว! ไม่กลัวเล่นจนตาบอดเรอะไง?”
ตา “ไม่นะ ฉัน…”
หัว “นายชื่ออะไรนะ?”
ตา “ฉันชื่อตา”
หัว “ตา?”
ตา “ช่าย!”
หัว “ไอ้หยา มีคนเรียกแบบนั้นด้วยงั้นเรอะ? หือ?”
ตา “งั้นนายเรียกไอ้นี่อะไร?”
หัว “อย่าจับ! เกิดทำเสียแล้วฉันจะไปหาเปลี่ยนที่ไหน?”
ตา “งั้นนายเรียกนี่ว่าอะไร?”
หัว “นั่นตาฉัน”
ตา “ฉันก็คือตาของนายไง”
ไม่นานจากนั้น ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็ขึ้นเวทีทีละคน และเริ่มถกเถียงกันไม่หยุด!
……
เหล่าผู้ชมในห้องส่ง
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ไอ้หยา ไม่ไหวแล้ว!”
“ขำจะตายแล้ว!”
“ท้องแข็งหมดแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
……
ที่บ้านยายของจางเย่
แม่เขาหัวเราะลั่น เอามือกุมท้องคู้ตัวลง
น้องสาวทั้งสามของเขาก็หัวเราะจนตัวโยน
“พรืด!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ขำมาก!”
“พี่เทพมากจริงๆ!”
……
ในอินเทอร์เน็ต
“สุดยอด!”
“ขอคุกเข่าให้เลย!”
“ฉันด้วย ยอมแล้วจ้า!”
“ถึงจะไม่มีคำสแลง แต่ก็ยังขำ!”
“รูปแบบแปลกใหม่ แต่ภาษากับมุกตลกกลับยังเป็นตามขนบ!”
“จางเย่เขียนมุกตามขนบได้ด้วยเหรอ? แถยังทำได้ดีขนาดนี้เลย?”
“นั่นสิ คิดว่าจะเขียนเป็นแต่มุกหยาบคายเหมือนแต่ก่อนซะอีก!”
“ฮ่าๆๆ สนุกเป็นบ้าเลย! เป็นเซี่ยงเซิงที่ยอดเยี่ยมมาก!”
“เซี่ยงเซิงตามขนบก็สนุกได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!”
“จางเย่ตอกหน้าวงการเซี่ยงเซิงอีกแล้ว!”
“ไอ้หยา ขำจนน้ำตาไหลแล้ว!”
……
ขณะนั้นทั้งวงการเซี่ยงเซิงเงียบสนิท
ถังต้าจางหน้าคร่ำเครียดไม่พูดจาสักคำ
นักแสดงเซี่ยงเซิงตามขนบคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ขึ้นเวทีรายการคืนส่งปีก็โกรธจนหน้าเขียว!
ไม่เห็นสิ่งที่อยากจะเห็น!
เป็นไปได้ยังไง!
จางเย่แต่งเองเหรอ?
บทแบบนี้เขาก็แต่งได้ด้วย?
กลายเป็นว่า ไม่ใช่ว่าเขาจะเขียนบทให้งานใหญ่ไม่ได้?
ทั้งรูปแบบแปลกใหม่!
แนวคิดโดดเด่น!
ตบมุกบ่อย!
แต่ก็ยังมีพลังงานเชิงบวก ฟังแล้วไม่ระคายหู!
แม้แต่คนในวงการเซี่ยงเซิงที่มองเขาในแง่ลบ ก็ยังหาจุดตำหนิเซี่ยงเซิงของจางเย่ชิ้นนี้ไม่ได้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาตกตะลึงที่สุด!
……
ในห้องควบคุมการถ่ายทำ
เสี่ยวหวังปรบมือด้วยความยอมรับนับถือ พลางกระซิบ “เซี่ยงเซิงชุดนี้ขำมาก ฉันดูทีไรก็หัวเราะเกือบตาย!”
ฮาฉีฉีก็พูดเบาๆ “ใช่ แปลกใหม่มาก”
จางเย่ที่ยืนข้างๆ พวกเธอได้ยินเข้า ก็อดแปลกใจไม่ได้ แปลกใหม่เหรอ? ถ้าพวกเธอรู้ว่าเซี่ยงเซิงชิ้นนี้เป็นรายการเก่าตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนในโลกของเขา อยากรู้นักว่าพวกเธอจะมีสีหน้าอย่างไร
จางเย่ใคร่ครวญอยู่นานว่าจะใช้เซี่ยงเซิงบทไหนดีสำหรับรายการคืนส่งปีของปีนี้ เขาเขียนบทออกมามากมาย แต่ก็ตัดทิ้งไป เพราะไม่เห็นว่ามีชิ้นไหนเหมาะสม สุดท้ายได้แต่กัดฟัน นำผลงานชั้นครูชิ้นนี้ออกมาดึงเรตติ้งช่วยรายการคืนส่งปี
ปรมาจารย์หม่าจี้
ห้าสัมผัสถกเถียง!
การแสดงชิ้นนี้ตะลึงใจผู้คน ทำให้ได้รับเสียงเชียร์อย่างหนาแน่น!
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1345
เข้าสู่ช่วงท้ายรายการคืนส่งปี!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่บ้านแห่งหนึ่ง
ณ ครอบครัวที่มีอยู่ด้วยกันสี่ชั่วรุ่น
“ปู่ครับ รายการคืนส่งปีของปีนี้สนุกมากเลย”
“เซี่ยงเซิงก็ไม่เลวทีเดียว”
“ใช่ ขำจริงๆ”
“รายการคืนส่งปีปีนี้ ให้เหมือนความรู้สึกตอนฉันยังเป็นเด็กเลย”
“อ๊ะ ละครตลกอีกแล้ว”
“นี่เรื่องที่สองรึเปล่า?”
“ละครตลกเรื่องแรกทำมาตรฐานไว้ดี เรื่องที่สองต้องดีทำให้ได้ดีมากๆ ถึงจะพอไหว”
“ใช่ ‘อยากเต้นก็เต้น’ นั่นไม่เลวเลยนะ”
“ไม่ต้องคุยกันแล้ว รีบๆ ดูเถอะ”
……
บนจอโทรทัศน์
ฉากได้เปลี่ยนพร้อมแล้ว
นักแสดงละครตลกสองคนเดินออกมา
ผู้ชมหน้าจอโทรทัศน์หลายคนนึกสงสัย ละครตลกที่ยอดเยี่ยมอย่าง ‘อยากเต้นก็เต้น’ กลับถูกวางเป็นละครตลกเรื่องแรก ออกจะเกินไปหรือไม่ ละครตลกระดับนี้สมควรผ่านการเลือกให้เป็นเรื่องสุดท้ายได้ง่ายๆ การเอามาไว้ตอนต้นรายการอาจทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจ แต่เรื่องหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร? ยังจะแสดงให้ได้ตามความคาดหวังของผู้ชมได้อย่างไร? ผู้ชมต้องนึกเปรียบเทียบแน่ๆ ถ้าขืนเรื่องปิดท้ายแย่กว่าสักหน่อยจะไม่ยิ่งมีปัญหาหรือ?
จางเย่คิดอะไรอยู่?
หรือว่าเขามั่นใจมากว่าเรื่องต่อๆ ไปของเขาจะทำได้ดีกว่าเรื่องแรก?
คงไม่หรอกมั้ง?
แต่เมื่อละครตลกเริ่มแสดง ทุกคนก็ต้องพยักหน้าอย่างยอมรับ!
……
ละครตลก ‘ตัวเอกกับตัวประกอบ’
ตัวเอก : เกาหง
ตัวประกอบ : เฉียนหาว
เกาหงมีคิ้วหนาดวงตาโต
เฉียนหาวมีคางแหลมศีรษะล้าน
ทั้งสองเป็นนักแสดงละครตลกที่มีชื่อโด่งดังมากในประเทศ ก่อนนี้ไม่เคยได้ร่วมงานกันบ่อยนักเพราะอยู่คนละคณะ แต่ทว่าจางเย่ที่ผู้เป็นผู้กำกับหลักกลับจัดให้ทั้งสองมาร่วมงานกัน ดังนั้นชั่วขณะที่ทั้งคู่เดินขึ้นเวที ทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายชวนขำจนทำให้ผู้ชมต้องประหลาดใจ
เฉียนหาว “ไม่ใช่แล้ว!”
เกาหง “อะไรไม่ใช่?”
เฉียนหาว “ชุดนี้ไม่ใช่ของผม”
เกาหง “ของคุณนั่นแหละ”
เฉียนหาว “คุณหยิบผิดแน่ ผมขอดูชุดคุณหน่อย”
เกาหง “ห้ามดู! นั่นนั่นแหละชุดคุณ คุณเป็นคนทรยศ”
เฉียนหาว “ผมเป็นคนทรยศเรอะ?! บทไหนกัน?”
เกาหง “ก็บทเรื่องนี้แหละ”
เฉียนหาว “อ้อ งั้นคราวนี้ คราวนี้ผมขอทรยศย้ายข้างอีกรอบแล้วกัน”
อีกรอบเรอะ?
ผู้ชม “ฮ่าๆๆๆ!”
ต่อมาในการแสดงท่อนหลัง
เกาหง “อย่าลืมนะ! พอผมชักปืนแล้วยกขึ้น – คุณล้มเลยนะ”
เฉียนหาว “ทำไม?”
เกาหง “เพื่อแสดงว่าผมยิงแม่นไงล่ะ!”
เฉียนหาว “ได้”
เกาหง “อืม คุณเป็นคนพาพวกญี่ปุ่นมาที่นี่ใช่ไหม?”
เฉียนหาว “กัปตัน กองทัพจักรพรรดิสั่งให้คุณวางอาวุธลงและยอม…”
เกาหง “หุบปาก! ฝันกลางวันไปแล้วไอ้คนทรยศ! ฉันจะฆ่าแก เพื่อประชาชน เพื่อรัฐชา…”
แต่ขณะที่เกาหงหันหน้ากลับไป เฉียนหาวก็ล้มลงไปบนพื้นแล้ว “หือ! ไหน? ไปไหนแล้ว?”
เฉียนหาวลุกขึ้นนั่ง “อยู่นี่”
เกาหง “ฉันยังไม่ยิงเลยทำไมนายล้มแล้วล่ะเฮ้ย?”
เฉียนหาว “อ้าว! ก็คุณบอกนี่ว่าคุณชักปืนยกขึ้นปุ๊บให้ผมล้มปั๊บ?”
เกาหง “แต่ฉันยังไม่ได้ยิงเลยนะ!”
เฉียนหาว “ไอ้หยา ก็ไหนคุณว่าคุณจะโชว์ฝีมือไง!”
ในฐานะตัวประกอบ เฉียนหาวแย่งซีนเกาหงครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนผู้ชมก็หัวเราะจนแทบบ้าแล้ว!
“ไอ้หยา!”
“ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ขำเป็นบ้าเลย!”
“ปวดท้องแล้ว!”
“แม่ง! แม่งโคตรขำเลย!”
“ขำกว่าเรื่องแรกอีก!”
“เชี่ย ที่แท้ไพ่ตายของละครตลกคือเรื่องนี้เอง!”
“ต้องขำขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ยอดเยี่ยมมาก! ละสายตาไม่ได้เลยสักนิด!”
“ขำกลิ้งแล้วฉัน!”
“โอ๊ย ฮ่าๆๆ!”
……
ในห้องควบคุมการถ่ายทำ
จางเย่อยู่ในสภาวะสงบนิ่งไม่ลนลาน
ละครตลกของเฉินเผยซือกับจูสือเหมาถูกจางเย่นำมาใช้ในโลกนี้ นี่เป็นหนึ่งในละครตลกคลาสสิกในยุคแรกของคืนส่งปี ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าจะตกยุคไปหรือไม่ แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วก็พบว่าคงไม่ขนาดนั้น เขาจึงหยิบมาใช้งาน แต่ปัญหาเดียวก็คือการเลือกนักแสดงเป็นไปได้ยากมาก นักแสดงสำหรับ ‘อยากเต้นก็เต้น’ นั้นเลือกง่าย น้าฉือกับอาจารย์เหลียนเหมาะสมกับบทแล้ว แต่นักแสดงอย่างจูสือเหมากับเฉินเผยซือนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคนที่มีเอกลักษณ์เช่นพวกเขาสองคนมาแสดง แม้แต่จางเย่เองก็ทำไม่ได้ จูสือเหมาเหรอ? ตัวเขาเองไม่ได้มีกลิ่นอายเข้มแข็งขนาดนั้น เฉินเผยซือล่ะ? เขาก็แสดงแบบอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นจึงได้แต่หาคนที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดขึ้นมาบนเวที
สุดท้ายก็เป็นนักแสดงละครตลกเกาหงและเฉียนหาวที่ทำให้จางเย่สนใจ
ภายใต้การชี้แนะของจางเย่ซ้ำๆ และซักซ้อมหลายครั้งหลายครานับไม่ถ้วน ละครตลกเรื่อง ‘พระเอกกับตัวประกอบ’ ก็ได้ปรากฏโฉมให้ผู้ชมในโลกนี้ได้รับชม
และเมื่อดูจากปฏิกิริยาของผู้ชมในห้องส่ง?
ก็เรียกได้ว่าพลิกโลกแล้ว!
……
ละครตลกจบแล้ว
ทว่าผู้ชมยังคงหัวเราะ
การแสดงต่อไปเริ่มต้นขึ้นแล้ว เป็นการเต้นระบำ
ผู้ชมเห็นแล้วก็ทราบว่านี่เป็นรายการคั่นเวลา หลังจากการแสดงที่ยอดเยี่ยมอย่างเซี่ยงเซิงกับละครตลกไป ย่อมต้องผ่อนคลายความตื่นตะลึงเหล่านั้นลงสักหน่อย อีกทั้งการแสดงเต้นหลายชิ้นก่อนนี้ ทั้ง ‘โบยบินสู่สรวงสวรรค์’ เอย ‘กวนอิมพันมือ’ เอย ล้วนแล้วแต่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งสิ้น เมื่อคิดถึงมาตรงนี้ ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าแม้การแสดงระบำต่อไปจะทำได้ดี แต่ก็คงถูกการแสดงช่วงแรกบดบังรัศมีไปหมดแล้วแน่ๆ
‘ยูงคู่รัก?’
คืออะไรเนี่ย?
แต่ไม่นานทุกคนก็พบว่าตนพลาดอีกแล้ว!
ถึงกับเรียกว่าผิดพลาดมหันต์!
……
เมื่อแสงไฟบนเวทีหรี่ลง
ชายหญิงคู่หนึ่งก็ขยับมือ เริ่มเคลื่อนไหวร่ายรำ พริบตานั้น ภาพของนกยูงตัวผู้ตัวเมียคู่หนึ่งก็มีชีวิตขึ้นมา!
ทุกท่วงท่า!
ทุกกิริยา!
ทุกความเคลื่อนไหว!
ล้วนแสดงออกมาราวกับมีชีวิตจริง!
ผู้ชมพอเห็นแล้วก็ต้องอ้าปากค้าง!
การออกแบบเวทีกลืนไปกับการแสดง แสงสีน้ำเงินบนจอด้านหลังให้ความรู้สึกดังบทกวี แสงจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไปบนจอโค้งยิ่งสร้างประสบการณ์ทางสายตาที่ตื่นตาตื่นใจ เมื่อผีเสื้อโบยบินในป่าไผ่ เอฟเฟกต์แสงสีก็ค่อยๆ เรืองขึ้นอย่างช้าๆ สร้างบรรยากาศอันงดงามเหนือจริง ช่างสมกับเป็นการเกี้ยวพาราสีของนกยูง
ระหว่างที่คู่รักนกยูงกำลังเกี้ยวพากัน การเต้นรำก็เร่งเร้าไปถึงขีดสุด!
เมื่อนกยูงตัวผู้นอนลง นกยูงตัวเมียก็สยายปีก รำแพนหางแผ่ไปบนจอด้านหลังของเธอ ทำให้ทุกคนได้แต่ตกตะลึงและตื่นตาตื่นใจ!
สวย!
สวยไปจนถึงทุกอณู!
สวยจนซึมแทรกผ่านทุกรูขุมขนกำซาบไปจนถึงก้นบึ้งจิตใจ!
ทั้งกรีดร้อง!
เสียงปรบมือ!
ผู้ชมทุกคนต่างชื่นชมและตื่นตาตื่นใจแก่การแสดงนี้อย่างเก็บไว้ไม่ได้!
“ปรมาจารย์!”
“ฉันรู้จักผู้หญิงคนนั้น ฉางหัววัยสี่สิบกว่า เป็นนักเต้นชื่อดังในประเทศเมื่อหลายปีก่อน ได้รางวัลระดับนานาชาติด้วย ก่อนจะเกษียณจากวงการไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ได้ยินว่าไปอยู่เมืองนอกแล้วนะ”
“นั่นฉางหัวเหรอ?”
“เชี่ย ฉันรู้จักเธอนะ!”
“ปรมาจารย์!”
“ทักษะของเธอมันของจริงแท้ๆ!”
“ความงดงามและศิลปะของการระบำชิ้นนี้น่าตื่นตาตื่นใจเกินไปแล้ว!”
“จางเย่มีความสามารถมาก ถึงกับเกลี้ยกล่อมเชื้อเชิญอาจารย์ฉางกลับมาจากต่างประเทศได้เลยจริงๆ”
“เป็นการเต้นที่ยอดเยี่ยมจนน่ากลัว!”
“ฉางหัวมีชื่อเสียงในการแสดงภาพท่วงท่าของสัตว์อยู่แล้ว การแสดงนี้ต้องเป็นเธอเท่านั้น เป็นคนอื่นไม่ได้เลย!”
“ท่าเต้นก็งดงามมาก!”
“จางเย่แม่งมีความสามารถมากจริงๆ!”
“ใช่ ฉากรำแพนหางนั่นดีจนตาฉันแทบบอดแล้ว!”
“เหมือนกัน รู้สึกเลยว่าใจเต้นตึกตักไปหมด!”
“อ๊ะ มีคำถามล่ะ”
“อะไร?”
“นกยูงตัวเมียไม่มีแพนหางไม่ใช่เหรอ?”
……
ในห้องควบคุม
จางเย่สั่งการลงไป
เรื่องที่นกยูงตัวเมียรำแพนหางนั้น ตอนนั้นในสมัยโลกของจางเย่ หลังจากที่หยางลี่ผิงและคู่เต้นของเธอทำการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจชิ้นนี้เสร็จสิ้นก็มีคนออกมาวิจารณ์เช่นกัน เพราะปรมาจารย์ฉางหัวเองก็เป็นนักเต้นชั้นนำ บทนี้จางเย่จึงไม่เปลี่ยน ทั้งยังทิ้งไฮไลต์ในการรำแพนหางตอนจบไว้ให้ฉางหัว มีแต่เธอเท่านั้นที่เขาจะหวังเชื่อใจได้ ขณะที่คู่เต้นของเธอยังด้อยไปเล็กน้อย ส่วนเรื่องที่ว่านกยูงตัวเมียรำแพนหางได้หรือไม่ จางเย่เองก็มีคำอธิบายให้ตนเองแล้ว
คำอธิบายของเขาคือ
อีกฝ่ายอยากรำแพนหาง นายไปยุ่งอะไรด้วย!
ขนาดมนุษย์ยังมีตัวประหลาดกันตั้งหลายคน แล้วทำไมนกยูงเขาจะมีแบบแปลกแยกออกมาสักตัวสองตัวไม่ได้ล่ะ
……
การแสดงยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
เวลาเคลื่อนใกล้เข้าเที่ยงคืนทุกที
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1346
ใครจะออกมาแบกรายการสุดท้าย?
โดย
Ink Stone_Fantasy
รายการคืนส่งปียังคงดำเนินต่อไป
ขณะนี้ศึกชิงอั่งเปายิ่งดุเดือดขึ้นทุกที ไม่ว่าจะชายหญิงเด็กชรา ทุกคนต่างเข้าร่วมศึกชิงอั่งเปานี้ทั้งสิ้น
ชิงไป
หัวเราะไป
ด่าไป
“ว้าว ได้ซองสามหยวนล่ะ!”
“เมนต์บน นั่นน่ะถือว่าเป็นซองที่ให้เยอะเลยนะ!”
“ฮ่าๆ ฉันได้มาหกเหมา ขอบคุณเจ๊จางสำหรับอั่งเปา!”
“ขอบคุณเจ๊หนิง ได้มาสามเหมา!”
“อ้อ เจ้าสำนักฮั่วก็แจกอั่งเปาล่ะ!”
“เชี่ย ทำไมฉันได้ซองจางเย่อีกแล้ว!”
“ฉันก็ได้ของหมอนั่น!”
“โมโหมาก! หนึ่งเฟินสอง? แม่งมีจุดห้องมาอีก!”
“ฉันได้สองเฟินแปด! ไอ้จุดแปดนี่แม่งจะไปใช้ยังไงวะ!”
“จางเย่แม่งขี้งก!”
“ฮ่าๆ ไม่เคยเห็นดาราที่ไหนขี้งกขนาดนี้มาก่อนเลย!”
“จางเย่ ออกมานะ สัญญาว่าจะไม่ตีนายให้ตาย!”
“จางเย่แม่งก็ขี้โกงแบบนี้แหละ ไม่ใช่ว่าพวกนายไม่รู้สักหน่อย”
“ทำไมยังไม่ได้การ์ดการอุทิศตนเลยล่ะ!”
“ฉันก็เหมือนกัน ใบอื่นได้มาสามชุดแล้ว แต่ไม่มีการอุทิศตนสักใบ! หงุดหงิดเป็นบ้าเลย!”
“อีกยี่สิบนาทีจะเที่ยงคืนแล้วนะ!”
“รายการจบตอนเที่ยงคืน! แต่ยังไม่ได้การ์ดการอุทิศตนเลย!”
“เร็วๆ โอกาสสุดท้ายแล้ว!”
“รายการคืนส่งปีปีนี้ตื่นตาตื่นใจมาก สนุกจนลืมเก็บซองอั่งเปาไปเลย!”
“ใช่ ละสายตาไม่ได้เลย!”
ขณะนั้นเอง
บนจอโทรทัศน์ การแสดงของจางหย่วนฉีก็เริ่มต้นขึ้น
ตอนแรกผู้ชมคิดเพียงว่าสตาร์ควีนคนนี้จะออกมาร้องแค่เพลง คงไม่ต่างจากเพลงอื่นๆ นัก นอกจากว่าเป็นเพลงที่จางเย่แต่งเอง กระทั่งกล้องตัดภาพไปบนเวที ผู้ชมจึงทราบว่าเพลงนี้ต่างไปจากเพลงอื่นๆ
มีอัลบั้มภาพชุดหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอ
ภาพถูกพลิกไปเรื่อยๆ ด้วยแอนิเมชัน
นั่นเป็นชุดภาพของบิดามารดาวัยหนุ่มสาวกับลูกสาวของพวกเขา แต่ละภาพล้วนมีวันที่กำกับให้เห็นที่มุมด้านล่าง พร้อมกับอายุของเด็กหญิง
ภาพแรก หนึ่งขวบ
ภาพที่สอง สองขวบ
ภาพที่สาม สามขวบ
ผู้ชมชะงักไปทันที!
ทุกคนต่างมองด้วยความตื่นตะลึง!
รูปของใคร?
นี่มันหมายความว่าไง?
จางหย่วนฉีนั่งอยู่ตรงหน้าเปียโน เธอหลับตาลง และเล่นเปียโนคลอเสียงร้องของตนเอง
ต้นไม้ชราหน้าประตูแตกหน่ออ่อน
ต้นไม้ที่ตายอยู่ในสวนกลับออกผล
ครึ่งชีวิตเก็บซ่อนหลายวาจา
อยู่ในสมองที่บัดนี้ผมขาวโพลน
ยังจำเท้าน้อยๆ ของเด็กหญิงคนนั้นได้
ทั้งริมฝีปากอวบอูม
ทุ่มเทรักทั้งชีวิตให้
เพียงเพื่อคำว่าพ่อแม่
ในภาพนั้น
เด็กสาวอายุสิบแปดแล้ว
ศีรษะของฝ่ายบิดามารดาเริ่มมีผมขาวแซม
จางหย่วนฉีเปล่งเสียงเพลงดัง
เวลาไปที่ไหน
ยังไม่ทันรู้สึกถึงวัยเยาว์ก็ชราแล้ว
ทั้งชีวิตคือการเลี้ยงเด็กหญิงคนนี้
ทั้งหัวใจ เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้และหัวเราะของเธอ
เด็กหญิงคนนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในภาพนั้น พ่อกับแม่กลับค่อยๆ แก่ลง สิ่งเดียวที่ยังคงเหมือนเดิมคือรอยยิ้มบนใบหน้า ยังคงเปี่ยมด้วยเมตตาและความรักใคร่ดังเช่นเคย เด็กหญิงในภาพไม่ใช่คนไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม เพราะเมื่อเห็นภาพตอนสิบขวบปี ทุกคนก็คาดเดาออกแล้ว จำได้แล้วว่าเธอเป็นใคร!
จางหย่วนฉี!
เด็กสาวในภาพนั้นคือเธอนั่นเอง!
จางหย่วนฉีเปล่งเสียงออกมา
เวลาไปที่ไหน
ยังไม่ทันได้มองเธอให้ดี นัยน์ตาก็ฝ้าฟางแล้ว
ทำงานดูแลบ้านมาทั้งชีวิต
แค่พริบตา ที่เหลืออยู่คือใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
……
ในห้องส่ง
ผู้ชมบางส่วนเริ่มร้องไห้
บ้างก็หันไปกอดพ่อแม่ ตาแดงรื้น
……
ด้านหลังเวที
“เสี่ยวเหอ?”
“คะ?”
“ร้องไห้ทำไม?”
“หนู หนูคิดถึงบ้านค่ะ”
……
ที่บ้านยายของจางเย่
แม่ปาดน้ำตาเบาๆ
พ่อหันมอง “ร้องไห้เหรอ?”
แม่ถลึงตาใส่ “ใครร้องไห้กัน! ฉันคันตาไม่ได้เหรอ?”
พ่อ “อืม”
……
และแล้วบทเพลงก็จบลง
ในโลกออนไลน์เกิดกระแสทันที
“รายการคืนส่งปีปีนี้เรียกน้ำตาได้หลายครั้งจริงๆ!”
“อาจารย์จางขี้โกง!”
“เพลงนี้ออกแบบการแสดงดีมากจริงๆ!”
“เหล่าจางร้องดีกว่าเดิมอีกแล้ว!”
“รายการคืนส่งปีปีนี้สนุกจริงๆ!”
“ใช่ การแสดงสร้างขึ้นได้ดีมาก ประทับใจจริงๆ!”
“ยิ่งดูยิ่งประทับใจ ยิ่งดูยิ่งตื่นตาตื่นใจ!”
“ทุกการแสดงล้วนเป็นงานศิลป์ทั้งนั้น!”
“พวกนายรู้สึกไหม? จางเย่น่ะปฏิบัติกับเจ๊จางต่างจากคนอื่นนะ การแสดงอื่นๆ ล้วนเป็นการแสดงที่จางเย่ทำเองไม่ได้ ยกเว้นที่เจ๊จางแสดง ที่จริงจางเย่ก็ร้องเพลงนี้ได้เช่นกัน แต่เขากลับยกเพลงนี้ให้กับเจ๊จาง”
“จริงด้วย สองคนนี้สนิทกันมานานแล้วนี่”
“ฮ่าๆ ในที่สุดไก่เหล็กก็ยอมให้ถอนขนแล้ว [1]”
“มีแต่เจ๊จางนี่แหละที่สามารถเอาของจากเขาได้น่ะ”
“ฉันชอบเพลงนี้มากเลย!”
“เป็นการแสดงที่น่าประทับใจจริงๆ!”
“ใช่ รายการก่อนนี้ก็น่าประทับใจทุกชิ้นเลย!”
……
ที่บ้านของผู้กำกับลี่เคอ
ทั้งครอบครัวของเขานั่งรับชมรายการคืนส่งปีด้วยกัน
ภรรยาของเขายิ้ม “เหล่าลี่ เสียใจที่ถอนตัวรึเปล่า?”
ลี่เคอส่ายหน้า “ต้องเสียใจทำไม? ต่อให้ผมรับงานนี้ปีนี้ ต่อให้ผมทุ่มเทสุดชีวิตยังไง ก็ยังสร้างผลงานแบบนี้ไม่ได้ คณะกรรมการของปีนี้ตัดสินใจถูกอยู่เรื่องหนึ่งจริงๆ คือการให้จางเย่เป็นผู้กำกับหลักของรายการ ทำถูกแล้วที่ดึงตัวจางเย่มา เพราะด้วยทักษะและความสามารถของเขา เขาเป็นคนเดียวที่สามารถกู้ชีวิตของรายการคืนส่งปีได้จริงๆ”
ภรรยาของเขา “ทำได้ไม่เลวจริงๆ”
ลี่เคอ “อืม จางน้อยมีความสามารถจริงๆ ที่เหลือคือรอดูว่ารายการคืนส่งปีจะจบลงยังไงเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นใครที่ขึ้นมาแบกเป็นคนสุดท้ายนะ”
ภรรยาเขายิ้มฝืน “ยากมากเลยนะ รายการก่อนหน้าล้วนออกมาดีทั้งหมด ทำให้คนยิ่งคาดหวังกับรายการสุดท้าย”
ลี่เคอ “ใช่ ถ้าเป็นปีอื่น นักแสดงคนไหนๆ ก็อยากขึ้นเป็นรายการสุดท้ายทั้งนั้น แต่ว่าปีนี้คงไม่มีใครยอมสมัครใจแน่ ไม่ใช่เรื่องน่าอิจฉาเลย การแสดงก่อนหน้าทั้งหมดตั้งมาตรฐานไว้สูงเกินไป สูงจนแทบจะถึงสวรรค์อยู่แล้ว จะก้าวขึ้นเวทีนี้น่ะง่าย แต่ปัญหาคือจะยังมีใครที่สามารถเชิดหน้าเดินลงจากเวทีได้บ้าง!”
ภรรยาถาม “งั้นจะทำยังไงดีล่ะ?”
ลี่เคอหัวเราะ “ฮ่าๆ นั่นก็เป็นปัญหาที่จางเย่ต้องปวดหัวยังไงล่ะ”
……
เวลาผ่านไปเร็วเกินไปแล้ว!
คืนส่งปีของปีนี้เหมือนยังผ่านไปไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้กลับใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว!
ชาวเน็ตต่างตะลึงเมื่อหันมองเวลา
“อ้าว!”
“เหลือแค่ไม่ถึงสิบนาทีเอง!”
“ใกล้ถึงตรุษจีนแล้ว!”
“ใครจะเป็นคนแสดงรายการสุดท้ายกันนะ?”
“ไม่รู้สิ รายการแสดงไม่ได้บอกลำดับไว้นี่”
“แล้วยังเหลืออีกกี่รายการน่ะ?”
“ไม่รู้สิ แต่คิดว่าไม่น่าจะเหลือเยอะแล้วนะ”
“ถ้าเอาตามธรรมเนียมของทุกปีก็คือไม่ละครตลกก็ต้องเป็นเซี่ยงเซิงไม่ใช่เหรอ?”
“เชี่ย หรือจางเย่จะรับการแสดงสุดท้ายด้วยตัวเอง?”
“ฮ่าๆๆ งั้นก็คงกดดันเขามากๆ เลยนะ!”
“ดูจากกระแสของรายการแสดงก่อนๆ ใครจะแบกไหวกัน?”
“ละครตลกยิ่งแสดงยิ่งยอดเยี่ยม ถ้าเป็นจางเย่เหยาเจี้ยนไฉต่งซานซาน คิดว่าจะทำได้ถึงระดับไหน? จะดีกว่ารายการก่อนหน้านี้รึเปล่า?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
“อีกเดี๋ยวก็เห็นแล้ว”
ที่บอกว่ารายการสุดท้าย แต่กลับไม่ใช่รายการสุดท้ายของคืนนี้จริงๆ เพราะหลังเที่ยงคืนก็ยังมีการแสดงอีกบางส่วน แต่คนมักถือว่ารายการสุดท้ายก่อนเที่ยงคืนคือรายการที่สำคัญที่สุด แน่นอนว่านี่คือรายการที่ผู้ชมชาวจีนทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด และเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทั้งรายการโดยที่ไม่มีใครเปรียบได้!
จะเป็นการแสดงแบบไหนกัน?
ใครกันที่จะมารับแรงกดดันนี้?
จะได้เห็นการจบของรายการที่สมบูรณ์แบบรึเปล่า?
ทุกคนที่มองหน้าจอโทรทัศน์ต่างพูดคุยถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างบ้าคลั่ง!
============================================
[1] คนขี้เหนียวยอมเสียสละ
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1347
‘ขายไม้ค้ำ’ (ต้น)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เริ่มนับถอยหลังเข้าสู่เที่ยงคืน
เหลือเวลาเพียงอีกสิบห้านาทีแล้ว
……
ในห้องควบคุม
จางเย่นั่งอยู่ที่นั่น ออกคำสั่งต่างๆ อย่างว่องไว
“กล้องสองตัดไปตรงนั้น”
“ครับ”
“หรี่ไฟทางซ้ายลงหน่อย!”
“โอเค”
“ไม่พอ หรี่ลงอีก”
“รับทราบ”
“กล้องห้า ตั้งใจตอนถ่ายมุมโคลสอัปด้วยนะ!”
“ได้ครับผู้กำกับจาง”
ตรงด้านข้าง มีช่างแต่งหน้าสองคนกำลังนั่งแต่งหน้าให้เขาอยู่ ตอนนี้ภาพลักษณ์ของจางเย่เป็นเหมือนคนชนบท สวมชุดสีน้ำเงินเข้มเรียบง่าย ทั้งยังสวมหมวกสานใบหนึ่ง
ฮาฉีฉีวิ่งเข้ามา “ไอ้หยา ผู้กำกับจาง ทำไมยังไม่ไปรอประจำที่อีกละคะ? เร็วเข้าๆๆๆ!”
“มาแล้วๆๆ” จางเย่ยังสั่งอีกหลายคำด้วยความกังวล
ฮาฉีฉีรีบพูด “ตรงนี้ฉันจะจัดการเองค่ะไม่ต้องห่วง”
จางเย่ชี้แนะ “เอาล่ะ เหล่าฮา จำไว้นะ ระวังเรื่องมุมกล้องด้วย”
ฮาฉีฉี “โอเคค่ะ ได้ๆ ฉันจะเตือนพวกเขาเอง รีบๆ ไปเถอะค่ะ อาจารย์เหยากับอาจารย์ซานซานนั่งรอคุณอยู่แล้ว”
จางเย่ “รู้แล้วล่ะ”
……
บริเวณด้านหลังเวที
ผู้บริหารของคณะกรรมการรายการคืนส่งปีต่างเข้ามาเยี่ยมชมการทำงาน และสั่งการให้ทีมงานให้ความสำคัญกับรายการเพราะบัดนี้ใกล้ถึงเที่ยงคืนแล้ว ทุกคนต้องยิ่งเตรียมการสำหรับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
เมื่อมาถึงห้องทีมงาน ก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังออกมา
“มีคนอยู่ไหม?”
“ใครกันน่ะ?”
“ดูรายการคืนส่งปีกันอยู่เหรอ?”
เหล่าผู้บริหารขมวดคิ้ว มีคนหนึ่งตรงเข้าไปผลักประตู
ทีมงานคนหนึ่งรีบตรงเข้ามาเมื่อเห็นเข้า “หัวหน้า อย่าเพิ่งครับ ข้างในคือ-“
คือใคร?
จะเป็นใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น!
ทุกคนต่างกำลังทำงานกันวุ่นวาย ทำไมถึงมีคนกล้าแอบอู้อยู่ในห้อง?
เมื่อประตูเปิดออก เหล่าผู้บริหารก็ต้องตะลึงไป
ในห้องนั้นไม่ใหญ่นัก การถ่ายทอดสดรายการคืนส่งปีฉายอยู่บนจอโทรทัศน์ขนาดเล็ก มีหญิงสาวที่สวยงามเกินบรรยายนั่งรับชมอยู่ เป็นอู๋เจ๋อชิงนั่นเอง
“ไอ้หยา!”
“รองฯ อู๋?”
“ทำไมอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ?”
“รองฯ อู๋?”
เหล่าผู้บริหารล้วนงุนงง
อู๋เจ๋อชิงหันหน้ามอง แล้วยิ้มให้ “พวกคุณเองเหรอ เหล่าเฮ่อ เหล่าหวัง?”
ผู้บริหารคนหนึ่งถาม “คุณมาตรวจงานเหมือนกันเหรอครับ?”
อู๋เจ๋อชิงส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”
ผู้บริหารอีกคนสงสัย “คุณอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอครับ? เฮ้อ ถ้ารู้แบบนี้ พวกเราจะเตรียมห้องไว้ให้คุณ ในคืนส่งปีก่อนวันตรุษจีน ทำไมไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านล่ะครับ?”
อู๋เจ๋อชิงหัวเราะคิก “สามีฉันทำงานยุ่งตัวเป็นเกลียวอยู่ที่นี่ ถึงอยู่บ้านไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ยังไงฉันก็ต้องอยู่ฉลองปีใหม่กับเขา” เธอโบกมือให้พวกเขา “เอาล่ะค่ะ ไม่คุยแล้ว การแสดงของสามีฉันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
เหล่าผู้บริหารรู้สึกประทับใจ
ผู้กำกับจางรับจัดการรายการคืนส่งปี
รองฯ อู๋ก็สนับสนุนเขาด้วยการอยู่ด้วยกันที่นี่
ดูสิว่าพวกเขารักกันแค่ไหน!
……
บนจอโทรทัศน์
พิธีกรพูดอยู่ครู่หนึ่ง
และในที่สุดก็ถึงเวลาของการแสดงชุดสุดท้ายแล้ว!
พิธีกรเหยียนเหมยหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วเอ่ยว่า “ฉันเห็นคู่รักคู่หนึ่งอยู่ด้านหลังเวที ถือไม้เท้าไว้ด้วยกัน กำลังสงสัยอยู่ว่าพวกเขามาทำอะไรนะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปดูด้วยกันหน่อยไหมคะ?”
บนหน้าจอพลันปรากฏตัวอักษร
ละครตลก ‘ขายไม้ค้ำ’
บท : จางเย่
ผู้แสดง : จางเย่ ต่งซานซาน เหยาเจี้ยนไฉ
……
ในอินเทอร์เน็ต
“ว้าว!”
“อย่างที่คิดเลย!”
“เชี่ย จางเย่ขึ้นมารับรายการสุดท้ายจริงๆ!”
“พี่น้อง สุดยอดเลย! กล้าหาญมาก!”
“ละครตลกนี้จะสมฐานะรายการปิดท้ายรึเปล่า?”
“ขายไม้เท้า? ฟังดูไม่มีอะไรเท่าไรนะ”
……
ที่บ้านยายของจางเย่
ตาของเขาพูดอย่างตื่นเต้น “มาแล้ว”
น้าสะใภ้รอง “เย่น้อยรับงานเองล่ะ!”
น้องสามตื่นเต้นจนไปนอนอยู่ตรงหน้าจอ “พี่จะมาแล้ว!”
น้องสาวคนโตรำคาญ “เหมิงเหมิง อย่าบังหน้าจอสิ!”
น้องรองตะโกน “อยากดูแล้ว! พี่สู้ๆ!”
พ่อกับแม่เองก็มองหน้าจอตาไม่กะพริบ ในใจรู้สึกกระวนกระวายอยู่เล็กน้อย!
……
การสนทนาทางโทรศัพท์สายหนึ่ง
“ฮัลโหลเหล่าซุน!”
“เจ๊หลี่ สวัสดีปีใหม่!”
“ดูรายการคืนส่งปีรึเปล่า?”
“อ้อ ไม่ได้ดูครับ”
“รีบดูเลย จางเย่จะขึ้นเวทีแล้ว!”
“ถึงตาเขาแล้วเหรอ? โอเคๆ!”
……
บ้านหลังหนึ่ง
“จางเย่!”
“ป้า ทิ้งไพ่สักทีสิคะ”
“หยุดเล่นก่อนแป๊บหนึ่ง”
“ทำไมคะ?”
“ดูละครตลกเรื่องสุดท้ายก่อนค่อยเล่นต่อนะ”
“ไอ้หยา เล่นไปดูไปก็ได้นี่นา”
“รายการสุดท้ายแล้ว ต้องตั้งใจดูหน่อยสิ ฉันไม่มีสมาธิเล่นเลย”
“ก็ได้ งั้นดูด้วยกันก็แล้วกัน”
……
ในวงการเซี่ยงเซิง
“ฉันอยากดูจริงๆ ว่าจางเย่จะเล่นละครตลกแบบไหน”
“ครั้งก่อน บทละครเขาค่อนข้างมีปัญหานะ”
“ปิงปองใช่ไหม? เหอะๆ เขายังไม่เหมาะกับการแสดงละครตลกไง ฉันว่าเขาน่าจะทำเซี่ยงเซิงในรายการคืนส่งปีที่กำกับเองนะ”
“เขาแสดงรายการสุดท้ายเหรอ?”
“ใช่ ไม่กลัวทำเละรึไง?”
“ต้องยอมรับจริงๆ ว่ารายการคืนส่งปีปีนี้ทำได้ดีและโดดเด่นมาก แต่ใครไม่รู้บ้างว่ารายการสุดท้ายสำคัญแค่ไหน? ถ้าเขาทำเละตอนจบ รายการก็เละทั้งรายการเลยนะ! งานทั้งหมดกลายเป็นด่างพร้อยเพราะเขาคนเดียว!”
“งั้นมาดูกันว่าเขาจะปิดรายการยังไง”
“ไม่ดีอย่างเรื่องก่อนๆ นี้แน่”
……
ผู้คนกลับมาเฝ้าหน้าจอมากขึ้น!
คนจีนเปิดทีวีมากขึ้น!
แทบนับจำนวนผู้ชมที่แท้จริงไม่ได้แล้ว!
สามร้อยล้าน!
ห้าร้อยล้าน!
หกร้อยล้าน!
ทีมงานที่ดูแลเรื่องสถิตินี้เห็นตัวเลขแล้วก็แข็งค้างไป บ้างมองจอด้วยความตกตะลึง!
ชาวจีนทั่วโลกกำลังรอชมการแสดงสุดท้ายของจางเย่ก่อนเที่ยงคืน!
หวังว่าจะมีเรื่องให้ตะลึง!
หวังว่าจะได้ยินดีในตอนสุดท้าย!
……
บนจอโทรทัศน์
กล้องตัดภาพไปยังบนเวที
จางเย่กับต่งซานซานอยู่บนเวทีแล้ว ฉากรอบๆ ดูธรรมดาทั่วไป อยู่บนถนน มีม้านั่งยาว ทว่าเครื่องแต่งกายกับท่าทางของพวกเขากลับทำให้ผู้ชมต้องประหลาดใจ เป็นภาพลักษณ์แบบชนบท จางเย่ดูคล้ายคนชนบทแล้ว แต่ต่งซานซานกลับคล้ายยิ่งกว่า เธอแต่งกายในเสื้อคลุมสีแดง ศีรษะโพกผ้า ใบหน้าดูอัปลักษณ์พิกล!
พรืด!
นี่มันภาพลักษณ์อะไรกัน?
ทำไมหน้าตาแบบนี้?
ต่งซานซานเรียกเขา “เฮ้ย คนหลอกลวง! คนหลอกลวง!”
จางเย่ถือไม้ค้ำคู่หนึ่งเดินไปเดินมา พอฟังก็อดเหลียวกลับมาไม่ได้ “คนหลอกลวงอะไรกัน? วันนี้มาขายไอ้นี่ ช่วยอย่าเรียกชื่อในวงการได้ไหม?”
ผู้ชม
“คนหลอกลวงเหรอ?”
“ชื่อในวงการ?”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ต่งซานซานพูดไม่ออก “พ่อไอ้หนู”
จางเย่ “อืม”
ต่งซานซานเบ้ปาก “ฉันว่านะไอ้ไม้ค้ำนี่อย่าไปขายเลย ลืมไปแล้วเรอะ ถนนใหญ่มีแต่คนขาดี ใครมันจะไปซื้อจากแกกัน?”
จางเย่คว่ำปาก “ไร้สาระ บอกว่าไม่ให้ฉันขายรึ? กว่าจะทำไม้ค้ำนี่ได้ ฉันทุ่มเททั้งวันทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนทุ่มเทแรงกายทำขึ้นมา ถ้าไม่ขายแล้วยังจะได้กำไรเรอะ?”
ต่งซานซาน “ไอ้หยา แต่คนเขาสบายดี แกจะไปขายใครล่ะ!”
จางเย่หัวเราะเบาๆ “เธอรู้จักฉันดีไม่ใช่เหรอ? เมื่อกี้ยังเรียกคนหลอกลวงอยู่เลย ฉันน่ะหลอกคนดีให้ทำชั่ว หลอกคนเศร้าให้มีความสุข หลอกคนฉลาดให้โง่ได้ ถึงขนาดคู่รักเขาเข้ากันได้ดียังหลอกให้เลิกกันได้! เพื่อขายไม้ค้ำคู่นี้ ฉันจะหลอกคนขาดีให้คิดว่าขาเสียก็ยังได้!”
ผู้ชม “พรืด!”
ที่แท้ก็จะไปหลอกคนอื่นเขาหรอกเรอะ!
หลอกให้คิดว่าขาเสียเนี่ยนะ?
แกจะหลอกได้ยังไง!
แค่ฉากเปิดเวที ผู้ชมก็ถูกกระตุ้นความอยากรู้แล้ว!
ต่งซานซาน “เหอะๆ แกนี่ขี้โม้จริงๆ!”
จางเย่ “ไม่เชื่อรึ?”
ต่งซานซานคว่ำปาก “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนขาดีจะโดนหลอกได้ว่าขาเสีย!”
จางเย่ “คอยดู เรื่องนี้แหละที่ฉันถนัด”
ต่งซานซานพ่นลมหายใจ “คิดว่าฉันไม่รู้เรอะว่าแกถนัดอะไร พ่อไอ้หนูแกนี่น่าขำจริงๆ พอได้ยินว่าเขาซื้อม้าแกก็ไปขายอาน พอได้ยินว่าซื้อมอเตอร์ไซค์ก็ไปขายหมวกกันน็อก พอได้ยินว่านอนไม่หลับก็ไปขายยากล่อมประสาท พอได้ยินว่า…”
จางเย่โบกมือ “ไม่ต้องพูดแล้ว เขาเรียกว่าการตลาด ต้องรู้จักจับโอกาสให้ดี!”
ต่งซานซานขำคิก “แต่คราวนี้แกน่าจะจับโอกาสพลาดซะแล้วล่ะ”
จางเย่ผายมือ “ไม้ค้ำนี่น่าจะพลาดแล้ว”
ต่งซานซานเหยียดปาก “มันน่ะพอฟังว่าเพื่อนบ้านขาหักตอนขับรถแทร็กเตอร์ ก็ทำไม้ค้ำ(ไกว่) คู่นี้ขึ้นมาล่วงหน้า สุดท้ายเพื่อนบ้านเจ็บหนักจนออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังต้องใช้รถเข็น ไม้ค้ำ(ไกว่) นี่ก็เลยไม่ได้ใช้”
ผู้ชมหัวเราะลั่น
จางเย่แค่นเสียง “ไม่ต้องห่วง วันนี้ฉันต้องขายไม้ค้ำคู่นี้ได้แน่”
ต่งซานซาน “แต่ว่าคนแถวนี้ขาดีกันทั้งนั้น ใครจะไปซื้อกัน?”
จางเย่โบกมือ “เมียจ๋า วันนี้เราต้องดูว่าใครขาดี ก็ไปขายให้เขา ฉันจะให้เธอดูว่าฉันหลอกคนเก่งแค่ไหน”
ต่งซานซาน “นี่มันหลอกคนอื่นนี่นา?”
จางเย่หัวเราะเหอะๆ “เรียกว่าเต็มใจถูกหลอก เข้าใจไหม? ช่วยฉันร้องขายหน่อย”
ต่งซานซาน “ฉันหลอกคนไม่เป็น”
จางเย่ “เล่นตามฉันก็พอ โอเคนะ? อ้อๆ มีคนมาแล้ว ตะโกนๆ!”
ขณะนั้น เหยาเจี้ยนไฉก็เดินขึ้นเวทีมาแล้ว
เขาแต่งกายแบบชนบทเช่นกัน ขี่จักรยานผ่านมา
ต่งซานซานร้องตะกุกตะกักดังลั่น “อ๊า ไม้ค้ำ(拐ไกว่) ไม้ค้ำอ่า ไม้ค้ำ(ไกว่)!”
เหยาเจี้ยนไฉบนจักรยานยิ่งขี่ยิ่งโซเซ “เอ้ย เอ้ย”
ผู้ชมขำ
“เลี้ยว(诶ไกว่) เลี้ยว(ไกว่)!”ต่งซานซานสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อแล้วร้องตะโกน
เหยาเจี้ยนไฉเบรก “เฮ้ยๆๆ ร้องมั่วๆ อะไร? ให้ฉันเลี้ยวรู้เหรอว่าฉันจะไปไหน?”
ผู้ชมหัวเราะ “ฮ่าๆๆ!”
จางเย่เตือน “ร้องสิ ขาย”
ต่งซานซานร้อง “ขาย(卖ม่าย) ขาย (ม่าย) จ้า!”
จางเย่โมโห “ก็ขายอะไรเล่า?”
ต่งซานซาน “ไม้ค้ำ (ไกว่)”
จางเย่ “รวมกัน?”
ต่งซานซานร้องดังยิ่งกว่าเดิม “โดนลักพาตัว (拐卖ไกว่ม่าย) โดนลักพาตัว(ไกว่ม่าย) จ้า!”
……
ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ผู้ชมก็หัวเราะก๊าก!
“ลักพาตัว?”
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ไอ้หยา ขำแทบตายแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“อาจารย์ซานซานแสดงได้ดีเกินไปแล้ว!”
“แสดงดีมาก!”
“รายการสุดท้ายท่าทางจะสนุกนะ!”
“เพิ่งเริ่มต้นเองน่า ยังไม่มีอะไรมาก เรายังต้องรอดูจนจบก่อน”
……
ขณะเดียวกัน
ด้านหลังเวที
ฮาฉีฉี
จางจั่ว
เสี่ยวหวัง
สมาชิกทีมผลิต
หัวหน้าทีมผลิตรายการ
ทุกคนต่างจับจ้องหน้าจอเขม็ง บ้างเหงื่อแตกพลั่ก บ้างกระวนกระวายจนมือเท้าเย็นเฉียบ บ้างรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระดอนออกจากหน้าอก พวกเขาเป็นกังวลยิ่งกว่าคนที่แสดงอยู่บนเวทีเสียอีก ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะนี่คือการแสดงสุดท้ายอันแสนสำคัญ!
ทุกคนได้แต่ลอบภาวนาในใจ ขอให้ราบรื่น! ขอให้ราบรื่นด้วยเถอะ!
ผู้กำกับจาง!
อาจารย์เหยา!
อาจารย์ซานซาน!
ต้องพึ่งพวกคุณแล้วนะ!
รายการคืนส่งปีจะสำเร็จล้มเหลว ก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้วนะ!
ฉันนี่แหละคือซูเปอร์สตาร์ I'm really a superstar - ตอนที่ 1348
ขายไม้ค้ำ (จบ)
โดย
Ink Stone_Fantasy
บนจอโทรทัศน์
เหยาเจี้ยนไฉจอดรถจักรยานด้วยความงุนงง เดินเข้ามา “หือ? เกิดอะไรขึ้น? ใครลักพาตัว (ไกว้ม่าย) เธอ?”
ต่งซานซานพูดอย่างโง่งม “ไม่ใช่ เขามีไม้ค้ำขาย (ไกว้ม่าย)”
เหยาเจี้ยนไฉมองเขา “แกจะลักพาตัว (ไกว้ม่าย) คนเรอะ?”
ผู้ชม “ฮ่าๆๆ!”
จางเย่มองอีกฝ่าย “ตาบอดเรอะ? ลักพาตัว? ถ้าจะลักพาตัวจริงๆ ฉันจะลักพาตัวเธอเรอะ? แกจะจ่ายค่าไถ่ให้รึไง?”
ต่งซานซานดูอัปลักษณ์ในชุดนี้จริงๆ
ผู้ชมหัวเราะ “ฮ่าๆๆ”
เหยาเจี้ยนไฉพูดด้วยสำเนียงตงเป่ย “เฮ้ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ต่งซานซานยิ้มแห้ง “เราเป็นผัวเมียกัน มาเที่ยวเล่นแถวนี้!”
จางเย่ก็หัวเราะ “เหอะๆๆ ไม่มีอะไรทำ เลยมาเที่ยวเล่นสนุกกัน!”
เหยาเจี้ยนไฉหันมองกล้อง “สองคนนี้ท่าจะบ้า ดันสนุกกับการขายเมียตอนตรุษจีน?”
……
หลังเวที
ทีมงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“หัวหน้า! ยอดวิวระเบิดแล้วครับ!”
“ว่าไงนะ? มีคนดูเท่าไหร่แล้ว?”
“ยังไม่แน่ใจครับ!”
“แล้วรู้ได้ยังไง?”
“ทีมงานที่ดูเรตติ้งบอกมาครับ! ตั้งแต่ผู้กำกับจางขึ้นเวที จำนวนผู้ชมก็พุ่งขึ้นแทบจะเป็นเส้นตรง! มีผู้ชมจำนวนมหาศาลเลย!”
“เยี่ยม! เยี่ยมมาก!”
“ยังคงเป็นจางเย่ที่มีแรงดึงดูดล่ะนะ!”
“มา ผู้กำกับจาง! มาดูกันว่าคุณดึงเรตติ้งได้เท่าไหร่!”
“เราจะทำลายสถิติรึเปล่า?”
“ขึ้นอยู่กับว่าละครตลกทำออกมาได้ดีแค่ไหนนั่นแหละ!”
……
ละครตลกยังคงดำเนินต่อ
ในที่สุดเหยาเจี้ยนไฉก็โดนจางเย่หลอกเข้าจริงๆ
จางเย่ยิ้ม “ช่วงนี้รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติอะไรไหม? ลองคิดดู ลองคิดดูดีๆ!”
เหยาเจี้ยนไฉเอามือจับศีรษะ “ก็ไม่รู้สึกอะไรนะ นอกจากหน้าบวมๆ นี่แหละ”
ผู้ชมหัวเราะ “ฮ่าๆๆ!”
จางเย่ดีดนิ้ว “นั่นก็ใช่แล้ว! แต่นั่นไม่ใช่อาการหลัก รู้ไหมทำไมหน้าคุณบวม? เพราะว่าปลายเส้นประสาทตาย เลยทำให้ร่างกายครึ่งบนบวมยังไงล่ะ”
เหยาเจี้ยนไฉตะลึง “งั้นปัญหาอยู่ไหน?”
จางเย่ชี้ “ใต้เอวเหนือเท้านั่นไง!”
เหยาเจี้ยนไฉ “ขาฉัน?”
จางเย่ “ตรงเผง”
เหยาเจี้ยนไฉส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก ขาฉันสบายดี”
จางเย่กลอกตา แล้วชี้หน้าพูดกับเหยาเจี้ยนไฉลั่น “เดินออกมาสองก้าว! สองก้าว! ถ้าสบายดีก็เดินออกมาสองก้าวดู! เดิน!”
ผู้ชม
“ฮ่าๆๆ”
“ไอ้หยา จางเย่แม่งเกินไปจริงๆ!”
“เขาบ้าไปแล้ว!”
เหยาเจี้ยนไฉกลัวตัวแข็ง “ได้ ได้ สอง…สองก้าว ฉันเดินก็ได้ถ้าแกอยากให้เดิน”
จางเย่ “หยุด! ไม่มีอะไรผิดปกติกับรองเท้าใช่ไหม? ข้างหนึ่งสูงข้างหนึ่งต่ำ?”
เหยาเจี้ยนไฉ “นี่มันคัทชู พื้นแทบจะราบไปแล้ว!”
จางเย่ “ก็ใช่ งั้นขาคุณมีปัญหาแล้ว ข้างหนึ่งสั้นกว่าอีกข้าง เอาอย่างนี้ ผมจะช่วยปรับแก้ให้ คุณเชื่อไหม? ตอนผมยกมือ คุณยกเท้าให้สูงที่สุด พอผมสะบัด คุณก็กระทืบพื้นให้แรงที่สุดเลยนะ เชื่อไหมว่ามีปัญหากับขาคุณจริงๆ ขาคุณข้างขวาสั้นกว่าอีกข้าง! มา ยก!”
ต่งซานซานยืนดูด้วยความสงสัย
เหยาเจี้ยนไฉลนลานยกขาขึ้น!
จางเย่สะบัดมือลง!
เหยาเจี้ยนไฉกระทืบเท้าลง!
ยก!
กระทืบ!
ยก!
กระทืบ!
ในที่สุด จางเย่ก็ชี้ที่เขา “หยุด! ชารึยัง?”
เหยาเจี้ยนไฉพูดอย่างงุนงง “ชาแล้ว!”
ต่งซานซานรีบดึงตัวจางเย่ ถามด้วยความตื่นเต้น “เอ๋ เขาชาได้ยังไง?”
จางเย่กลอกตา “ก็แน่สิ ถ้าเธอกระทืบเท้าเธอก็ชาเหมือนกัน!”
……
ผู้ชมในห้องส่งระเบิดเสียงหัวเราะ!
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ไม่ไหวแล้ว!”
“ไอ้ชั่วนี่!”
“เหล่าเหยาโดนหลอกอีกแล้ว!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“ถ้าเธอกระทืบเท้าเธอก็ชาเหมือนกัน? เชี่ยโคตรคลาสสิก!”
……
จางเย่ “เดินสิ เดิน! ไม่ต้องฝืน ฉันแน่ใจเต็มร้อยว่าขาแกมีปัญหา อย่าเกร็ง ผ่อนคลาย! ไป! เดินต่อ! เดิน เร็ว! เดิน ไม่ต้องคิดหรอกน่า ทำไมไม่ยอมตามฉันล่ะ? เดินอีก ทีละนิด ไป”
เหยาเจี้ยนไฉเดินทีละก้าวหลังจางเย่ ยิ่งเดินยิ่งเซ “ไอ้หยา ไอ้หยา ไอ้หยา แม่จ๋า!”
จางเย่ยิ้ม “เอาล่ะ คราวนี้เดินเอง!”
ต่งซานซานตะลึง “หลอกจนขาดีเป็นขาเสียได้จริงๆ!”
เหยาเจี้ยนไฉหันไปมอง “ว่าไงนะ?”
จางเย่ขำ “เห็นไหม? เมียฉันก็เห็น เธอบอกว่าขาแกน่ะเสียเพราะไม่ยอมขยับ”
เหยาเจี้ยนไฉแทบร้องไห้ “น้องสาว ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”
ต่งซานซานขำ “ก็ก่อนนี้คุณไม่เคยเจอเขายังไงล่ะ ถ้าเจอนะ ตอนนี้คงพิการไปแล้ว!”
……
ที่บ้านยายของจางเย่
น้องสาวหัวเราะท้องแข็ง!
น้องรองกุมท้องฟุบลงไปกับพื้นขณะลั่นขำไปด้วย!
คนทั้งบ้านเองก็หัวเราะลั่น!
“ขำเกินไปแล้ว!”
“เย่น้อยร้ายมาก!”
“คิดอะไรแบบนี้ได้ยังไง!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
……
ละครตลกเข้าสู่จุดไคลแมกซ์
เสียงหัวเราะของผู้ชมดังไม่หยุด!
เหยาเจี้ยนไฉ “ใช้ไม้ค้ำเหรอ?”
จางเย่ “นั่งลงก่อน ใช้ไม้ค้ำแล้ว ขาแกจะค่อยๆ ปรับตัวสู่สมดุลได้เอง จะค่อยๆ ดีขึ้น ตอนนั้นนะ มีคนแก่เห็นฉันขาเสีย เมียไม่ยอมให้ฉันไปหาหมอเพราะกลัวค่าหมอ สุดท้ายฉันก็เลยพิการ” เขาตบขาให้ดู กล่าวว่า “ข้างในมีเหล็ก งอไม่ได้”
เหยาเจี้ยนไฉตะลึง “ขานี่พิการเหรอ?”
ต่งซานซาน “นั่นขาดีต่างหาก”
จางเย่ร้อง “พูดอะไรของเธอ! ขาดียังจะใช้ไม้ค้ำไปทำไม?”
เหยาเจี้ยนไฉ “นั่นสิ”
ต่งซานซานแทรก “ไม้ค้ำนั่นไม่…”
เหยาเจี้ยนไฉโมโห “ไอ้หยา ฉันว่านะน้องสาว! เธออย่าเพิ่งแทรกก่อนได้ไหม? คนป่วยเขาคุยกันเรื่องโรคภัย เธออย่าแทรกสิเอ้อ!”
ต่งซานซานได้แต่โมโหฟึดฟัด!
……
ด้านหลังเวที
นักแสดงบางส่วนที่แสดงเสร็จแล้วต่างก็กำลังนั่งดูรายการคืนส่งปีด้วยกัน
อย่างจางหย่วนฉี
อย่างเฉินกวง ฟ่านเหวินลี่
อย่างฉือซิ่วฟางและทีมงาน
ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างก็หัวเราะลั่น!
“ฮ่าๆๆๆ!”
“หัวเราะน้ำตาไหลแล้ว!”
“ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว!”
“ขำจะตายแล้ว!”
……
บนหน้าจอ
เหยาเจี้ยนไฉว่า “งั้นฉันจะซื้อไม้ค้ำได้ที่ไหน?”
ต่งซานซาน “พอดีเลย เรามีไม้ค้ำคู่หนึ่งขายให้คุณได้”
แต่จางเย่กลับหงุดหงิด “พูดอะไร? ไปยืนข้างๆ! จะขายอะไรของเธอ? ขายแล้วฉันจะใช้อะไร? ทำไมทำตัวแบบนี้ ผู้หญิงนี่ขี้เหนียวจริงๆ ฉันยกให้เขาเลยไม่ได้เรอะ?”
เหยาเจี้ยนไฉ “ไม่ต้องหรอกๆ!”
ต่งซานซานตะลึง “ไม่ขายแล้วเหรอ?”
จางเย่ยกไม้ค้ำให้เขา “รับไป!”
เหยาเจี้ยนไฉลนลาน “น้องชาย ไอ้หยา น้องชาย ฉันรับมาเปล่าๆ ไม่ได้หรอก ต้องให้เงินนายสิ”
จางเย่บุ้ยปาก “ฉันรู้ว่าแกเป็นยังไง ผู้หญิงอยากได้เงิน แกจะไม่ให้ก็ไม่ได้ แกอยากได้ศักดิ์ศรี งั้นถ้าฉันไม่รับเงิน ก็แปลว่าดูถูกแกใช่ไหม? งั้นฉันรับก็ได้ เอาล่ะ จ่ายแค่ครึ่งเดียวพอ ร้อยหยวน”
เหยาเจี้ยนไฉพูดทันที “อ้อ ได้ๆๆ”
จางเย่ยิ้ม “ถ้าแกจ่ายเยอะกว่านี้ฉันจะโมโหแล้วนะ!”
เหยาเจี้ยนไฉล้วงกระเป๋าหาอยู่นาน “ไอ้หยาน้องชาย น้องชายยังไงคือ ฉันมีแค่สามสิบสองหยวนเองน่ะ”
ต่งซานซานรับเงินมาจากจางเย่ “เรารับเอง ให้เท่าไรก็เท่านั้น”
แต่ตอนนั้นเอง
จางเย่กลับถลึงตาใส่เธอ “แล้วเอาจักรยานไปทำไม?” เขาทำทีโกรธ “จักรยานน่ะ?”
ผู้ชม “ฮ่าๆๆ!”
เหยาเจี้ยนไฉตบหน้าผาก รีบรุนรถเข้ามา “ไอ้หยา ใช่ๆๆ!”
จางเย่ถลึงตามองต่งซานซาน “ทำไมทำตัวแบบนี้?”
ต่งซานซานโมโหจนจะร้องไห้ “ฉันไม่ได้บอกว่าจะเอาจักรยาน แกนั่นแหละที่จะเอาจักรยาน!”
……
ผู้ชม
“ฮ่าๆๆๆ!”
“ขำจะตายแล้วฉัน ไอ้หยา!”
“โคตรตลกเลย!”
“จะเอาจักรยาน? วะฮ่าๆๆๆ!”
“โคตรคลาสสิกเลยจริงๆ!”
……
ที่บ้านคุณอู๋
หลี่ฉินฉินหัวเราะพลางปาดน้ำตา!
อู๋ม่อหอบหายใจเพราะหัวเราะจนเหนื่อย!
“ขำจนเวียนหัวแล้ว!”
“ทำไมขำขนาดนี้!”
“พูดที่ไหนกันว่าจะเอาจักรยาน!”
……
บนจอ
จางเย่พูดอย่างโมโห “ขายหน้าแล้ว เมียฉันฉันก็คุมไม่ได้ ยังจะเอาจักรยานคนอื่นเขาอีก!”
ต่งซานซานพูดอย่างโมโห “ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเอาจักรยาน!”
เหยาเจี้ยนไฉรีบพูด “น้องชายอย่าโมโหเลย ฉันว่าน้องสาวพูดถูกต้อง คนขาเสียอย่างฉัน คงต้องบอกลาจักรยานแล้ว!”
มุกคลาสสิกอีกแล้ว!
ทั้งห้องส่งหัวเราะลั่น!
เสียงดังจนแทบจะทะลุหลังคาไปแล้ว
ต่งซานซานโมโห แล้วชิงจักรยานมา “ไม่ได้! เอาจักรยานคนอื่นเขามาไม่ได้!” จากนั้นยกใส่มือเหยาเจี้ยนไฉ “เร็วเข้า เอากลับไป เอาไปบ้าน คุณไม่รู้หรอกว่าเขาหลอกคุณสาหัสแค่ไหน!”
เหยาเจี้ยนไฉกลับโมโห “เธอนั่นแหละหลอกฉัน! ทำไมทำตัวแบบนี้? ฉันน่ะสงสัยอยู่แล้ว คนที่ใช้ชีวิตด้วยกันสองคน ทำไมถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้!”
ต่งซานซาน “…”
จางเย่ยิ้ม “พี่น้อง รับไม้ค้ำไปเถอะ!”
เหยาเจี้ยนไฉประทับใจมาก “น้องชาย ช่างถือเป็นวาสนาจริงๆ!”
……
ผู้ชมหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอีกแล้ว!
“ฮ่าๆๆๆ!”
“เหล่าเหยาโคตรซื่อเลย!”
“จางเย่แม่งไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว!”
“ขำจะตายแล้วฉัน!”
“ไอ้หยา หายใจไม่ทันแล้ว!”
“ไม่เคยดูละครตลกที่ขำขนาดนี้มาก่อนเลย!”
……
ละครใกล้จบลงแล้ว
และแล้วในที่สุด รายการก็จบลงอย่างสวยงาม
จางเย่เข็นรถจักรยานที่เพิ่งได้มา แล้วหันไปพูดกับภรรยา “ยังจะมองอะไร? อย่าบอกนะว่ารู้สึกผิด? มาๆ ไปที่อื่นกัน!”
ต่งซานซาน “ไปไหน?”
จางเย่ยกขาตั้งจักรยานขึ้นแล้วยิ้มร่า “ไปหาคนขาเสีย ขายจักรยานนี่ให้เขาไง!”
ละครตลกจบแล้ว!
ชั่วขณะนั้นทั้งห้องส่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
คนจีนทั่วโลกก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
เสียงปรบมือดังลั่น!
ทั้งปรบมือ!
กรีดร้อง!
เสียงเชียร์!
ทั้งหมดดังกึกก้องอย่างยาวนาน!
……
บนจอทีวี
ถังต้าจางโกรธจนหน้าเขียว!
เป็นไปได้ยังไง!
เรื่องนี้มันเป็นไปได้ยังไง!
ตัวแบก!
จางเย่กลับแบกการแสดงสุดท้ายไหวจริงๆ!
คนในวงการเซี่ยงเซิงอีกหลายคนที่รอดูจางเย่เป็นตัวตลกต่างเงียบงันกันหมด!
……
ที่บ้านยาย
น้องสาวของเขาตะโกนจนเสียงแหบหมดแล้ว!
“สุดยอด!”
“พี่ยอดมากเลย!”
“รายการคืนส่งปีสุดยอด! ดีมากจริงๆ!”
……
ที่บ้านของผู้กำกับลี่เคอ
“เป็นการแสดงที่ดีจริงๆ!”
“บทละครยิ่งยอดเยี่ยม!”
“สามคนนี้เข้าขากันได้ดีจริงๆ!”
“ใช่ เข้าขากันดีมาก ละครตลกเรื่องนี้เรียกได้ว่าเทพจริงๆ!”
……
บนเวยป๋อ
“ไพ่ตายนี่หว่า!”
“ใช่ ที่แท้ก็เก็บไพ่ตายไว้นี่เอง!”
“ฉันยังคิดอยู่ว่าเซี่ยงเซิงกับละครตลกรายการก่อนก็เทพมากแล้ว ยังสงสัยอยู่เลยว่าจางเย่จะปิดเกมนี้ได้ยังไง แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ แม่งไม่คาดคิดเลยสักนิด!”
“นี่คือละครตลกที่ขำที่สุดเท่าที่เคยดูเลย!”
“เห็นด้วย!”
“หัวเราะตั้งแต่ต้นจนจบเลย!”
“ฉันด้วย ปวดท้องไปหมดแล้วเนี่ย!”
“โคตรสุดยอด!”
“อืม ร้ายกาจจริงๆ!”
“โคตรขำ!”
“สุดยอดมากๆ!”
“เพื่อรายการคืนส่งของปีนี้ จางเย่งัดทุกท่าออกมาใช้แล้วจริงๆ!”
“นี่แหละคือละครตลก! นี่แหละคือรายการคืนส่งปี!”
ชั่วขณะนั้น เหล่าผู้ชมต่างเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างเลือนราง
คืนส่งปีกลับมาแล้ว!
คืนส่งปีที่เปี่ยมมนต์เสน่ห์จากเมื่ออดีตครั้งนั้น ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น