I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 951-965
I บทที่ 951 ปรมาจารย์หมากรุกหลี่
วิญญาณหมากรุกตัวนี้เหมือนจะหยิ่งผยองยิ่งกว่าตัวที่ติดกับชายแก่ซะอีก ลมปราณของมันกล้าแข็งมากๆ มันนั่งอยู่ข้างแม่น้ำพร้อมๆกับกระดานหมากรุกหินสลักอยู่ข้างหน้าของเขา พอเห็นโจวเหวินกับพวกเดินผ่านมา วิญญาณหมากรุกก็พูดขึ้นมา “หากพวกเจ้าอยากจะไปที่ภูเขาเซียงฉี เจ้าต้องผ่านข้าไปให้ได้ก่อน”
“เราไม่ได้จะไปภูเขาเซียงฉี เราแค่จะผ่านทางน่ะ”หลี่ซวนพูด
“หากพวกเจ้าอยากไปภูเขาเซียงฉีพวกเจ้าต้องผ่านข้าไปให้ได้ก่อน”วิญญาณหมากรุกพูดคำเดิมประโยคเดิมเหมือนกับหุ่นยนต์ที่ไม่มีสติปัญญา
“ลุงเฉิน ภูเขาเซียงฉีที่ว่านั้นมันอยู่ที่ไหนเหรอ”โจวเหวินถามชายแก่ข้างๆ
“ฉันเองก็ไม่เคยไปที่ภูเขาเซียงฉีเหมือนกัน แต่ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่พูดถึงเรื่องภูเขาเซียงฉีในเขตภูเขาอยู่เหมือนกัน ตำนานว่ากันว่ามีแม่ทัพโบราณคนหนึ่งได้ไปเล่นหมากรุกกับเทพ เทพนั้นพ่ายแพ้ให้กับแม่ทัพและหนีไปด้วยความอับอายทิ้งกระดานหมากรุกและตัวหมากเทพไว้ที่นั้น ทำให้ทั้งกระดานและหมากทั้งหลายกลายมาเป็นภูเขาเซียงฉีในปัจจุบัน”ชายแก่นึกแล้วพูด
“ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นเพราะภูเขาเซียงฉีนี้ละที่กลายเป็นพื้นที่ต่างมิติแล้วทำให้พื้นที่แถวนี้เปลี่ยนไป วิญญาณหมากรุกพวกนี้เองก็น่าจะปกป้องภูเขานั้นอยู่ด้วย”โจวเหวินพูด
หลี่ซวนคิด แล้วพูด “พวกนั้นป้องกันคนไม่ให้เข้าไปในภูเขาเซียงฉี หมายความว่าที่นั้นต้องมีอะไรซ่อนอยู่งั้นเหรอ อาจจะเป็นสมบัติก็ได้นะ”
“ถึงมันจะเป็นสมบัติแต่ตอนนี้มันก็เท่านั้นละ ความสามารถในการเล่นหมากรุกของเรายังไงก็ไปไม่ถึงที่นั้นแน่ๆ”โจวเหวินเล่นหมากรุกไม่เป็นและไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในภูเขาเซียงฉีด้วย
“โชคลาภมาหาถึงที่แล้ว วันนี้เรามีโอกาสเราก็ควรจะคว้ามันไว้ซิ ถ้าเราไม่คว้าบางทีเราอาจจะโดนสวรรค์ลงโทษก็ได้นะ”หลี่ซวนเริ่มสนใจ
“ถ้างั้นนายก็ลองไปเล่นแล้วชนะมาให้ได้ซิ ไม่ต้องลากฉันไปด้วย ถ้าฉันไปเจอวิญญาณหมากรุกระดับเร้นลับขึ้นมาพลังของฉันก็ใช้ไม่ได้ผลเหมือนกันนะ”โจวเหวินพูดความจริง เพราะยังไงวิญญาณชีวิต ราชานรกเองก็เป็นแค่ระดับมหากาพย์ ถ้าไปเจอระดับเร้นลับขึ้นมาก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน
ยิ่งกว่านั้นภูเขาเซียงฉีเองก็มีอะไรแปลกๆด้วย บางทีมันอาจจะมีคำสาปพิเศษที่โจวเหวินดิ้นไม่หลุดก็ได้ เพราะถ้าโจวเหวินจะหลุดจากคำสาป เขาจะใช้พลังไฟแห่งบาปไม่ได้ แต่ถ้าอยากจะใช้ไฟแห่งบาป โจวเหวินก็ต้องติดอยู่ใต้คำสาปนั้นซึ่งมันยุ่งยากมากทีเดียว
“นายไม่เห็นต้องเล่นเลยนี้ แค่ดูฉันก็พอ ลองมาดูดีกว่าว่าไอ้พวกวิญญาณหมากรุกจะเอาชนะปราชญ์หมากรุกหลี่อย่างฉันได้รึเปล่า” หลี่ซวนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้วเดินตรงเข้าไปที่ข้างแม่น้ำด้วยความมั่นใจ
หลังจากที่หลี่ซวนข้ามแม่น้ำไปแล้ว อีกฝั่งของแม่น้ำนั้นเหมือนกับว่ามีพลังอะไรบางอย่างครอบคลุมอยู่เหมือนกับว่าเป็นมิติแยกออกมายังไงอย่างงั้น
“ประธานเขาเล่นหมากรุกเก่งเหรอครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถาม
“ฉันไม่เคยเห็นเขาเล่นเลยซักรอบด้วยซ้ำ”โจวเหวินพูด
หลี่ซวนเองก็ไม่ได้รีบร้อน เข้าไปนั่งตรงข้ามกับวิญญาณหมากรุก ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจวิญญาณหมากรุกแม้แต่น้อย ก่อนจะเริ่มเล่นหมากรุกพร้อมๆกับเล่นอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ไปด้วย
โจวเหวินพยายามมองหน้าจอของหลี่ซวน แล้วทันใดนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าทำไมหลี่ซวนถึงได้มั่นใจขนาดนั้น เพราะสิ่งที่หลี่ซวนเปิดตอนนี้ คือโปรแกรมหมากรุกระดับปรมาจารย์ยากสุด
เขาเดินลอกแบบตามที่วิญญาณหมากรุกเดินในเกมส์ จากนั้นตัวของเขาเองก็เดินหมากตามปรมาจารย์ลงบนกระดานหมากจริง หมายความว่าตอนนี้วิญญาณหมากรุกไม่ได้เล่นกับหลี่ซวนแต่เล่นกับ สมองกลหมากรุกระดับปรมาจารย์ที่น้อยคนมากจะชนะได้
ความจริงปรากฏมาแล้วว่า แม้แต่สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่เป็นวิญญาณหมากรุก ความสามารถของมันยังไงก็แกร่งไม่เท่าสมองกลที่มีการเรียนรู้ระดับปรมาจารย์ได้ และหลี่ซวนก็เอาชนะได้ทั้งอย่างนั้นจริงๆ
หลังจากที่ชนะแล้ววิญญาณหมากรุกก็ระเบิดตัวแตกตายไปพร้อมๆกับตัวหมากราชาทันที
ตู้ม!!
ร่างของวิญญาณหมากรุกระเบิดออกมาพร้อมกับผลึกความสามารถ
“ประธานเล่นหมากรุกเก่งสุดยอดไปเลย ถ้ารู้ว่าประธานเก่งขนาดนี้ละก็ ผมคงไม่ต้องเสียสละสัตว์อสูรของโค้ชไปมากขนาดนี้หรอก”ระยะห่างมันไกลไปทำให้เฟิงชิวเยี่ยนมองไม่เห็นหน้าจออของหลี่ซวนเลยคิดว่าหลี่ซวนนั้นเล่นเก่งมากๆจนพูดด้วยความชื่นชม
หลี่ซวนหยิบผลึกขึ้นมาแล้วเดินกลับมาก่อนจะพูดอย่างกำชัย “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าชื่อปราชญ์หมากรุกหลี่นี้มันไม่ได้ได้มาเล่นๆ”
“ประธานสุดยอดไปเลยครับ”เฟิงชิวเยี่ยนชื่นชม
“ไงละโจวเหวิน จะไปด้วยกันไหม”หลี่ซวนพูดกับโจวเหวินอีกรอบ
“เรียกว่าปรมาจารย์หลี่น่าจะเหมาะกว่านะ”โจวเหวินพูด
หลี่ซวนหัวเราะ “ก็แหงละว่าแล้วเชียวว่ายังไงก็ปิดบังนายไม่ได้ แต่นายช่วยอวยฉันให้ภูมิใจเล่นๆซักแปปนึงไม่ได้รึไง”
“ทำไมเหรอครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถามด้วยความงง
หลี่ซวนเลยเอาโทรศัพท์ให้เฟิงชิวเยี่ยนดูแล้วเขาก็เข้าใจทันที แต่เขาก็ยังชมต่อ “ประธานนี้ฉลาดมากๆเลยครับที่คิดวิธีแบบนี้มาได้”
“ก็แหงละ ตั้งแต่ฉันเกิดมาหมอเองก็บอกเลยนะว่าฉันจะเป็นคนหัวดีน่ะ”หลี่ซวนภูมิใจ
ทุกคนต่างพากันเดินทางต่อ ทุกๆครั้งที่เขาเจอวิญญาณหมากรุก หลี่ซวนก็จะใช้โทรศัพท์เข้าจัดการกับพวกมัน เขาเอาชนะวิญญาณหมากรุกได้ทั้งหมดแล้วได้ผลึกมาเยอะแยะมาก
โจวเหวินเองก็ใช้โทรศัพท์มองค่าความสามารถของผลึกพวกนั้น แล้วก็พบว่าพวกวิญญาณหมากรุกพวกนี้ไม่เป็นระดับตำนานก็ระดับมหากาฬ แล้วก็ไม่ได้แกร่งอะไรมากด้วย
แต่ถ้าเกิดเข้าระยะทำการของมันเมื่อไร พื้นที่ต่างมิติหมากรุกจะเริ่มทำงานทันที ทำให้ถ้าเกิดไม่เล่นหมากรุกชนะพวกมันก็ไม่มีทางฆ่าพวกมันได้เลย
ยกเว้นกับโจวเหวินที่ทำลายกฎนั้นทิ้งแล้วฆ่าวิญญาณหมากรุกได้โดยที่ไม่ต้องเล่นหมากรุก
หลี่ซวนนั้นชนะติดต่อกันหลายครั้ง ทั้ง5คนเดินทางไปตามภูเขาเรื่อยๆ ตลอดทางพวกเขาไม่เห็นพ่อของลุงเฉินเลย เจอแต่วิญญาณหมากรุกที่ไร้ซึ่งร่างให้สิง
จนกระทั้งพวกเขาได้ไปถึงหมู่บ้านในภูเขา ที่ๆลุงเฉินบอก แต่ก็ยังไม่เจอพ่อของเขา
ลุงเฉิน เหมือนกับว่าพ่อของคุณจะไม่อยู่แถวนี้ละนะครับ มีแผนอะไรหลังจากนี้ไหมครับ ให้พวกเราไปส่งที่เมืองข้างๆไหม”หลี่ซวนถามตอนที่นั่งพักกัน
“ฉันอายุตั้งปูนนี้แล้ว ขี้เกียจออกไปไหนแล้วละ ให้ฉันอยู่ในหมู่บ้านนี้ต่อไปเถอะ”ชายแก่คิดแล้วพูด
“จะว่าไปลุงเฉิน ภูเขาเซียงฉีที่ว่าอยู่ที่ไหนเหรอครับ”หลี่ซวนถาม
“อยู่ตรงโน้นน่ะ เดินไปตามถนนนั้นเดี๋ยวก็ถึง ภูเขาเซียงฉีนั้นเป็นสถานที่พิเศษมาก มองแล้วจะรู้ได้เลยละ”ชายแก่ชี้ไปทางนั้น
หลังจากที่โจวเหวินกับคนอื่นๆจากไปแล้ว พวกเขาก็เดินทางต่อไปตามเส้นทางแล้วก็ต้องปะทะเข้ากับวิญญาณหมากรุกอีกหมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเพราะหลี่ซวนสามารถจัดการได้หมด
“นั้นนะหรอภูเขาเซียงฉี”หลี่ซวนชี้ไปที่ข้างหน้า
ตอนที่โจวเหวินกับเฟิงชิวเยี่ยนมองตรงไปพวกเขาก็เห็นภูเขาสูงใหญ่แปลกๆตรงหน้า แล้วก็เป็นอย่างที่ลุงฉางว่า มันเป็นภูเขาทรง4เหลี่ยมที่เหมือนกับกระดานหมากรุกเลย
ที่น่าแปลกกว่านั้น คือภูเขาลูกนี้เหมือนมีเสียงฆ่าฟันกันตลอดเวลาเหมือนกันมีกองทัพขนาดยักเข้าห่ำหั่นกันตลอด ท้องฟ้าด้านบนก็มืดสนิทด้วย
ไม่ว่าโจวเหวินจะใช้สดับวานรฟังยังไง ก็ไม่เห็นอะไรเลบ เห็นเพียงแค่วิญญาณหมากรุกในผ้าคลุมดำเท่านั้น ส่วนด้านบนของหมากรุกนั้น คือรังไหมประหลาดที่ลอยอยู่ด้านบน.
I บทที่ 952 วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำ
“รังไหมนั้นมัน ผู้พิทักษ์ อยู่ที่นี้งั้นเหรอ”โจวเหวินตกใจ
ถึงแม้ว่าบนโลกนี้จะมีรังไหมผู้พิทักษ์มากมายกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก แต่โอกาสที่จะเจอมันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การจะเจอมันนั้นต้องใช้ดวงพอสมควร โดยเฉพาะกับพื้นที่ต่างมิติที่ไม่รู้จักแบบนี้
“มีทั้งวิญญาณหมากรุกกับรังไหมผู้พิทักษ์อยู่บนภูเขานั้นเลย”โจวเหวินบอกหลี่ซวนกับเฟิงชิวเยี่ยน
หลี่ซวนยิ่งสนใจเข้าไปใหญ่ทันที “คุ้มค่าแล้วละที่มี ฉันเองก็อยากจะลองมีผู้พิทักษ์เป็นของตัวเองเหมือนกัน ดวงจะมาก็มาหาถึงที่จริงๆแหะ ถ้าพวกนายไม่สนใจงั้นฉันขอเองละนะ”
“คิดดีๆก่อนนะ เรื่องทำสัญญาได้ไหมอันนี้ไม่รู้หรอก แต่ถึงจะทำสัญญาได้ แต่ก็ไม่มีอะไรรับรองได้เลยนะ ผู้พิทักษ์สามารถหักหลังเราได้ตตลอดเวลาเลยนะ”โจวเหวินอธิบายเรื่องผู้พิทักษ์ให้หลี่ซวนฟัง
แต่หลี่ซวนก็ยังไม่สนใจ “ก็ดีแล้ว ไม่มีอะไรผูกมัดกันดี ก็เหมือนมีแฟนนั้นละ ถ้าเหมาะสมกันก็อยู่ด้วยกัน ถ้าไม่เหมาะก็แค่เลิกๆกันไป ถ้าเกิดยังไม่ลองคบกันดูก็ไม่รู้หรอกว่ามันดีรึเปล่าหน่ะ”
“เออ โอเค ตามใจละกัน”โจวเหวินคิดซักพักแล้วพูด “แต่ก็ระวังตัวไว้ด้วยละกัน วิญญาณหมากรุกบนภูเขานั้นอาจจะเป็นระดับเร้นลับเลยก็ได้ ไม่รู้ว่าแผนของนายจะใช้ได้ผลมากซักแค่ไหนนะ”
หลี่ซวนลองคิดซักพักก่อนจะพูด “เอาจริงแล้วหมากรุกน่ะมันมีความซับซ้อนน้อยกว่าโกะอยู่ ถึงจะเป็นระดับปรมาจารย์มนุษย์ใช้แผนหลอกล่อยังไง แต่ก็ยังยากที่จะเอาชนะซุปเปอร์คอมพิวเตอร์สมองกลอยู่ดี ขอแค่วิญญาณหมากรุกพวกนั้นเล่นตามกฎ ยังไงโอกาสชนะก็ยังสูงอยู่ แต่ที่ฉันกลัวคือพวกมันอาจจะมีพลังที่ทำให้กฎของเกมส์มันเปลี่ยนไปเนี่ยซิ”
โจวเหวินคิดซักพักแล้วพูด “ถ้างั้นก็ไม่ต้องขึ้นไปเองไง ฉันจะช่วยนายเล่นหมากรุกเอง ส่วนนายก็เข้าไปทำสัญญากับผู้พิทักษ์ซะ เพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างน้อยฉันก็จัดการเองได้”
“5555 ถ้าอย่างนั้นก็ได้เลย”หลี่ซวนส่งมือถือให้โจวเหวิน
เพราะว่าที่นี้มันไม่มีอินเตอร์เน็ตทำให้โจวเหวินไม่มีวิธีดาวโหลดเกมหมากรุกเข้ามาในโทรศัพท์ตัวเองเลยต้องยืมโทรศัพท์ของหลี่ซวน
“หยาเอ๋อ ข้างบนนั้นมันอันตรายเกินไป รอฉันอยู่ที่นี้นะ”โจวเหวินวางหยาเอ๋อลงแล้วให้เธออยู่ที่ตีนภูเขาก่อนที่จะเอาโทรศัพท์ของหลี่ซวนขึ้นไปยังภูเขา
โจวเหวินคิดไว้แล้วว่าถ้าหลี่ซวนทำสัญญาไม่ได้ เขาก็จะฆ่าผู้พิทักษ์ตัวนั้นทิ้งทันที เพื่อไม่ให้มันตกไปอยู่ในมือของศัตรูในอนาคต
ทันทีที่โจวเหวินก้าวขึ้นภูเขาเซียงฉี โจวเหวินรู้สึกได้ถึงคำสาปที่พุ่งเขามาใส่เขาทันที โชคดีที่วิญญาณชีวิตของเขาทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไร้ขีดจำกัด คำสาปพวกนี้ไร้ผลสำหรับเขา
พอรู้ว่าวิญญาณชีวิต ไท่ฉางไค่เทียนจิงใช้ได้ผลใจของเขาก็สงบลงได้ส่วนนึง
วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำนั่งอยู่หน้ากระดานหมากรุก รูปร่างของมันไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเลย ยากที่จะมองออกว่ามันเป็นวิญญาณ
กระดานหมากรุกที่ว่านั้นมันมีความวิจิตรมากกว่าก่อนหน้านี้ มันไม่ได้สลักมาจากหินข้างแม่น้ำแล้ว มีที่นั่งเล่นบนกระดานทั้ง2ฝั่ง หลังจากที่โจวเหวินเข้าไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำก็ลืมตาขึ้นมาดวงตาดำมืดสนิทนั้นหันมามองโจวเหวินแล้วพูดขึ้น “เจ้าพร้อมที่จะเดิมพันด้วยชะตาแห่งหมากรุกแล้วใช่ไหม”
“พร้อมละ”โจวเหวินหยิบโทรศัพท์ของหลี่ซวนขึ้นมาแล้วเปิดเกมส์หมากรุก เลือกโหมดไว้ที่ระดับปรมาจารย์ยากที่สุด
เพราะว่าโจวเหวินเริ่มก่อนเขาเลยรีเกมออกเกมส์เข้าใหม่อยู่หลายรอบ รอให้คอมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แล้วเขาก็เดินตามที่เกมส์เดินเป็นการเปิดแบบธรรมดา
วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำเองก็เริ่มเดินด้วยม้าเช่นกัน
โจวเหวินเล่นหมากของวิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำ ลงไปในเกมส์แล้วก็จริงแต่ความตึงเครียดนั้นมันเกินกว่าที่จะคาดการได้ และโจวเหวินถึงจะโกงยังไงก็ยังไม่ได้เป็นผู้ชนะโดยสมบูรณ์ มันนานเกินไปจนหลี่ซวนเองก็เริ่มเป็นกังวลทันทีที่เห็น “วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำนั้นมันต้องเป็นระดับเร้นลับแน่ๆเลย สู้กับระดับปรมาจารย์นานขนาดนี้โดยไม่แพ้ได้นานขนาดนี้ โจวเหวินจะเป็นอะไรไหมเนี่ย”
“โค้ชเขาสามารถแหกกฎพื้นที่ต่างมิติได้ ถึงเขาจะแพ้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ”เฟิงชิวเยี่ยนพูด
“มันก็จริงนั้นแหล่ะ แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี”หลี่ซวนรู้สึกใจไม่ดีแปลกๆ
และสุดท้ายก็ไม่มีฝ่ายไหนล้มราชาของอีกฝ่ายได้ ยกเว้นแต่ว่าจะมีใครโยนเกมแล้วทำพลาดร้ายแรง
“เสมอกันรึไม่”วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำพูดเสนอขึ้นมา
“ได้”โจวเหวินเองก็เห็นว่าในเกมส์มันเริ่มเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิมไม่มีทางชนะได้แล้ว
วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำพูด “เริ่มใหม่” แล้วกระดานหมากรุกก็กลับมาเป็นเหมือนตอนต้นเกมส์ทันที
“ในเมื่อเสมอแล้ว ฉันไม่อยากเล่นต่อแล้ว”โจวเหวินคิดว่าจะพอแล้วกำลังลุกออกจากที่นั่ง แต่เขากลับพบว่าเขาลุกออกจากที่นั่งไม่ได้
“เมื่อเกมส์เริ่มไปแล้ว จะไม่สามารถหยุดได้จนกว่าจะได้ผู้ชนะ”วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำพูด
โจวเหวินเองก็ไม่พูดอะไร เล่นหมากรุกต่อ และผลสุดท้าย หลังจากผ่านไปหลายเกมส์ แต่สถานการณ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีฝั่งไหนฆ่าราชาได้เลย
“สถานการณ์ตอนนี้แย่น่าดูเลย วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำเองงก็แกร่งมาก นี้เล่นเสมอกับระดับปรมาจารย์ได้ตั้งหลากรอบนี้มันไม่ธรรมดาละนะ นายคิดว่าปรมาจารย์จะพลาดได้ไหม”หลี่ซวนพูด
“คอมพิวเตอร์มันไม่ใช่คนนะครับ มันพลาดไม่ได้อยู่แล้ว”เฟิงชิวเยี่ยนเองก็เริ่มกังวล
ถึงแม้ว่าระบบของคอมพิวเตอร์จะเสถียรและแม่นยำมากขนาดไหน แต่วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำเองก็สามารถทำให้เสมอได้ตลอด ในสถานการณ์แบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
“สมบัติในมือเจ้าช่างวิเศษยิ่งนัก เจ้าสามารถคำนวณความเป็นไปได้ของหมากรุกแล้วเลือกแผนที่ดีที่สุดออกมาได้”วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำพูดขึ้นมาใส่โจวเหวินทันที
โจวเหวินตกใจทันที ปัญญาของวิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำนั้นดีกว่าวิญญาณหมากรุกปรกติมาก มันเห็นแม้แต่เกมส์ที่โจวเหวินเล่นอยู่
โจวเหวินเองตอนนี้เริ่มกังวลแล้วว่าวิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำจะใช้วิธีการอะไรซักอย่างไหมที่จะทำให้เขาโทรศัพท์ใช้การไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นวิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำก็ไม่ได้มีแผนแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย มันพูดขึ้นมา “การเอาชนะหมากรุกแบบนั้นมันช่างง่ายแสนง่าย ข้าจะชนะมันให้ดู”
โจวเหวินเริ่มประหม่าขึ้นมาทันที เอาจริงแล้ว คอมพิวเตอร์นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะแพ้ไม่เป็น แถมมันยังเป็นแค่เกมมือถือด้วย พวกระบบสมองกลและการประมวลผลเองมันไม่ได้ดีขนาดนั้น
วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำเริ่มเกมส์ใหม่อีกครั้งแต่รอบนี้ โจวเหวินรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าบรรยากาศรอบตัวของวิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำมันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ความมั่นใจว่าจะชนะนั้นมีอย่างเต็มเปี่ยม
โจวเหวินเองก็เล่นตามวิธีที่เกมส์บอกเหมือนเดิม แต่รอบนี้แม้แต่คนที่เล่นหมากรุกไม่เป็นอย่างโจวเหวินยังบอกได้เลยว่าสถานการณ์นั้นไม่ได้เข้าข้างโจวเหวินเลยแม้แต่น้อย
“แย่ละ เกมนี้แย่แน่ๆ”เมื่อหมากรุกเข้าสู่กลางเกมส์เฟิงชิวเยี่ยนที่เป็นคนที่เล่นหมากรุกเก่งที่สุดก็รู้สึกได้ในทันที
“เตรียมรับมือได้เลยโจวเหวิน”หลี่ซวนเรียกวิญญาณชีวิตขึ้นมาสวมใส่เตรียมพร้อมสู้ทันที
ซึ่งก็แน่นอน ทุกๆอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่โจวเหวินคิดเลย สุดท้ายปรมาจารย์ในเกมส์ของโจวเหวินก็หนีไปไหนไม่พ้นจนบนหน้าจอโทรศัพท์นั้นมีคำว่าชัยชนะปรากฏขึ้นมา วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำนั้นสามารถเอาชนะปรมาจารย์หมากรุกที่เป็นคอมพิวเตอร์ได้จริงๆ
โจวเหวินไม่ลังเลเปลี่ยนวิญญาณชีวิตเป็นไท่ฉางไค่เทียนจิงทันทีแล้วเตรียมพร้อมสู้กับวิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำ
แต่วิญญาณหมากรุกผ้าคลุมดำกลับเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองโจวเหวินก่อนจะยิ้มแปลกๆ “เจ้าอยากจะทำสัญญากับผู้พิทักษ์ใช่ไหมเล่า”
I บทที่ 953 ไม่ควรอยู่ที่นี่
โจวเหวินมองวิญญาณหมากรุกชุดดำด้วยความสงสัย มันชนะหมากรุกแต่มันกลับไม่ใช้กฎในการครอบงำร่างของโจวหวินเอง แต่กลับถามคำถามอะไรแบบนั้นออกมา โจวเหวินเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
“มีเพื่อนของฉันอยากจะทำสัญญากับผู้พิทักษ์หน่ะ”โจวเหวินไม่ได้บอกว่าเขาอยากจะทำสัญญา
เขาตอบเผื่อไว้ว่าวิญญาณหมากรุกชุดดำจะสามารถอ่านใจเขาได้ ถ้าเกิดเขาตอบของเขาไปนั้นมันอาจจะแย่ก็ได้ เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือการฆ่าผู้พิทักษ์ไม่ใช่ทำสัญญากับมัน
“คนนั้นน่ะเหรอ”วิญญาณหมากรุกชุดดำมองหลี่ซวน
“ใช่แล้ว”โจวเหวินพยักหน้า
วิญญาณหมากรุกชุดดำพูดกระซิบ “ข้าจะให้โอกาสเขาในการทำสัญญาก็ได้ แต่มีข้อแม้อยู่ข้อนึง”
โจวเหวินมองด้วยความตะลึง นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเจอสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่คอยปกป้องผู้พิทักษ์เจรจาต่อรองกับเขาโดยมีเดิมพันเป็นผู้พิทักษ์ซะเอง
“หมอนี้ มันฉลาดมาก ฉลาดเกินไปแล้วด้วย”โจวเหวินคิดก่อนจะถาม “เงื่อนไขอะไร”
วิญญาณหมากรุกชุดดำคิดซักพักก่อนจะพูด “หากเพื่อนของเจ้าทำสัญญาไม่สำเร็จ เจ้าต้องช่วยฆ่าทำลายผู้พิทักษ์ในรังไหมนั้นซะ”
โจวเหวินตกใจมากกว่าเดิมทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เพราะนั้นเป็นสิ่งที่โจวเหวินต้องการแต่แรกอยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าวิญญาณหมากรุกชุดดำนั้นกลับเป็นคนเสนอมาให้เองเลย
“บอกมาแบบนี้ นายไม่ได้เป็นคนที่คอยปกป้องรังไหมนั้นเหรอ”โจวเหวินถาม
วิญญาณหมากรุกชุดดำไม่ตอบ แต่ถามโจวเหวินต่อ “คิดดูดีๆนะ ถ้าเจ้าตกลง เพื่อนของเจ้าจะได้ลองทำสัญญา แต่ถ้าเจ้าตอบไม่ตกลง เจ้าก็ออกไปจากที่นี้ได้เลย
“ทำไมนายถึงเลือกเราละ”โจวเหวินถามย้ำ
“เพราะว่าเจ้าทำได้ไงละ เจ้าคนเดียวเท่านั้น”วิญญาณหมากรุกชุดดำพูดตอบตรงๆ
“ถ้างั้นขอไปคุยกับเพื่อนก่อนนะ”โจวเหวินพูด
“ได้”วิญญาณหมากรุกชุดดำพยักหน้า แล้วโจวเหวินก็รู้สึกได้เลยว่าคำสาปรอบตัวของเขานั้นได้หายไป เขาสามารถลุกขึ้นจากแท่นหินได้แล้ว
พอเห็นโจวเหวินเดินลงมาจากภูเขาแล้วทั้งหลี่ซวนและเฟิงชิวเยี่ยนก็ดูสงสัยไปหมด หลี่ซวนเลยถาม “โจวเหวินเกิดอะไรขึ้น”
วิญญาณหมากรุกชุดดำนั้นบอกว่าให้เราสามารถขึ้นไปลองทำสัญญาได้ แต่ก็มีเงื่อนไขข้อนึง”โจวเหวินพูด
มีเงื่อนไขด้วยเหรอ”หลี่ซวนกับเฟิงชิวเยี่ยนมองด้วยสายตาเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้คิดว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้นละ”โจวเหวินรู้สึกเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้พิทักษ์กับสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่เฝ้าป้องกันนั้น มันไม่ได้เรียบง่ายแบบที่เขาคิดก่อนหน้านี้
“โค้ชครับ เงื่อนไขที่ว่ามันคืออะไรกันครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถาม
โจวเหวินทวนคำพูดของวิญญาณหมากรุกชุดดำให้ฟัง
ทั้งหลี่ซวนและเฟิงชิวเยี่ยนพอได้ยินแบบนั้นก็ตะลึงแบบเดียวกับโจวเหวิน พวกเขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย มันอยู่นอกเหนือจินตนาการของพวกเขา
“ถ้าทำสัญญาไม่ได้ พวกเราจะมีพลังพอจะล้มผู้พิทักษ์ได้จริงๆเหรอ”หลี่ซวนถามโจวเหวิน
“นายลองดูก่อนก็ได้ ในเมื่อวิญญาณหมากรุกนั้นกล้าพูดแบบนั้น ฉันเองก็มั่นใจอยู่เหมือนกัน ถ้านายอยากจะลองดู งั้นก็ไปลองดูเลย”โจวเหวินเองอยากจะฆ่าผู้พิทักษ์อยู่แล้ว เพื่อกำจัดศัตรูในอนาคตของตัวเอง
“โอเค ก็ได้ ฉันจะลองดู”พอได้ยินโจวเหวินพูดแบบนั้นแล้ว หลี่ซวนก็ไม่ลังเล
หลังจากทั้ง3คนตกลลงกันแล้ว พวกเขาก็ขึ้นไปที่ยอดเขาพร้อมกันพร้อมกับเข้าไปหาวิญญาณหมากรุกชุดดำ
“ตราบเท่าที่เรารักษาสัญญา เราสามารถลองทำสัญญาได้ตามใจเลยใช่ไหม”หลี่ซวนถา
“ถูกต้อง”วิญญาณหมากรุกพูดแล้วพยักหน้า
“ก็ได้ ถ้างั้นเราสัญญา เราเข้าไปลองได้เลยใช่ไหม”หลี่ซวนมองวิญญาณหมากรุกแล้วพูด
“เจ้าเข้าไปได้เลย”วิญญาณหมากรุกพพูด แล้วไม่ถามอะไรโจวเหวินอีก ไม่ได้ขอให้โจวเหวินสาบานด้วย
เอาจริงๆแล้ว มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติไม่กี่ตัวหรอกที่มีพลังในการทำสัญญาสาบาน มันเป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมากมีแค่สิ่งมีชีวิตต่างมิติไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ใช้มันได้
“ถ้างั้นฉันไปละนะ”หลี่ซวนเดินตรงเข้าไปหารังไหมผู้พิทักษ์แล้วมองวิญญาณหมากรุกอีกที
วิญญาณหมากรุกเองก็นั่งอยู่ตรงนั้นที่เดิมไม่มีทีท่าจะมาหยุดหรือห้ามแต่อย่างใด
หลี่ซวนเลยตั้งใจมุ่งมั่นตั้งสมาธิอยู่แต่กับผู้พิทักษ์อย่างเดียว เขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว ใช้มีดกรีดนิ้วตัวเองก่อนจะหยดเลือดลงไปบนรังไหม
เเต่โชคร้ายที่ผู้พิทักษ์นั้นไม่สนใจหลี่ซวนเลยแม้แต่น้อย เลือดของหลี่ซวนไหลลงไปแต่กลับไม่ซึมลงไปในรังไหม
“เห้อ โชคไม่ดีเลยแหะ”หลี่ซวนถอยกลับมา
“พวกเจ้าจะลองด้วยก็ได้นะ”วิญญาณหมากรุกพูดกับโจวเหวินและเฟิงชิวเยี่ยน
“ไม่เอาอะ”โจวเหวินพูด
“ผมก็ไม่เอาเหมือนกันครับ”เฟิงชิวเยี่ยนพูด
วิญญาณหมากรุกพึมพำออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย เขามองโจวเหวินแล้วพูด “ในเมื่อพวกเจ้าสัญญากับผู้พิทักษ์ไม่ได้ เจ้าก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้เอาไว้
“ถามได้ไหมว่าทำไมเราถึงต้องทำแบบนั้น”โจวเหวินถาม
วิญญาณหมากรุกยืนขึ้นมองรังไหมแล้วพูด “รังไหมผู้พิทักษ์ไม่สมควรจะมาอยู่ที่นี้”
โจวเหวินถามต่อทันที “นายไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องมันหรอกเหรอ?”
แต่วิญญาณหมากรุกกลับส่ายหัว “หน้าที่ของข้าคือการปกป้องรังไหมถูกต้องแล้ว เพราะงั้นก่อนหน้าที่จะทำสัญญาข้าจึงฆ่ามันไม่ได้ ยกเว้นจะมีกรณีพิเศษ”
โจวเหวินเดากรณีพิเศษที่ว่าแล้วพูด “ยกเว้นแต่ว่าผู้พิทักษ์จะออกมาจากรังไหมเองโดยที่ยังไม่ทำสัญญา”
วิญญาณหมากรุกพยักหน้า “ผู้พิทักษ์ที่ยังไม่ได้ทำสัญญานั้นเดิมทีไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาจากรังไหม แต่ถ้าเจ้าสามารถทำลายรังไหมนั้นแล้วบังคับให้มันออกมาได้ ข้าเองก็จะสามารถต่อกรมันได้เหมือนกัน
“พูดง่ายๆก็คือ ที่เราต้องทำก็แค่ทำลายรังไหมนั้น ไม่จำเป็นต้องไปสู้กับผู้พิทักษ์ถูกไหม”โจวเหวินถาม
“แน่นอน แต่ถ้าเจ้าอยากจะเข้าร่วมการต่อสู้ ข้าก็ไม่ขัดเช่นกัน”วิญญาณหมากรุกพูด
โจวเหวินกับทั้ง2คนมองหน้ากันไปมา พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าวิญญาณหมากรุกจะขออะไรง่ายๆแบบนั้น
“แล้วทำไมถึงพูดว่ามันไม่ควรจะมาอยู่ที่นี้ละ”หลี่ซวนถาม
วิญญาณหมากรุกมองแล้วพูด “เหตุผลนั้นซับซ้อนยิ่งนัก หากจะพูดง่ายๆ ทั้งข้าและผู้พิทักษ์ตนนี้ ไม่สมควรจะมาอยู่บนภพนี้ด้วยซ้ำ แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้พวกข้าต้องมาอยู่ในมิติภพนี้”
งั้นหมายความว่านายไม่ใช่วิญญาณหมากรุกงั้นเหรอ”โจวเหวินกับทั้ง2คนมองหน้ากันเองอย่างงงๆ
“ไม่ใช่หรอก” วิญญาณหมากรุกชุดดำตอบ
คำตอบที่ได้กลับมานั้นทำให้โจวเหวินแปลกใจยิ่งกว่าเดิม หลี่ซวนเลยถามขึ้นมา “ถ้านายไม่ใช่วิญญาณหมากรุก แล้วทำไมนายถึงมีพลังของหมากรุกได้ละ แล้วทำไมเล่นหมากรุกเก่งขนาดนี้”
“หมากรุกมันก็เหมือนกันหมดนั้นละ ถึงข้าจะไม่ใช่วิญญาณหมากรุก แต่ข้าก็มีพลังแบบนี้ได้ การจะเรียนรู้หมากรุกมันไม่ยากหรอก”วิญญาณหมากรุกชุดดำพูด
I บทที่ 954 หมากรุกประหลาด
หลี่ซวนถามอีกครั้ง “แล้วนายเป็นใครกันละ”
วิญญาณหมากรุกหัวเราะแต่ไม่ตอบ “ความสงสัยใคร้รู้ของมนุษย์ไร้ก้นบึ้งเสียจริง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาอธิบายซักหน่อย เจ้าทำตามที่สัญญาไว้ก่อนเถอะ”
โจวเหวินคิดซักพักก่อนจะพูด “นายพาหยาเอ๋อลลงไปตีนภูเขาก่อนเถอะ ถ้าแค่ทำลายเปลือกรังไหม แค่ฉันคนเดียวก็พอ”
หลี่ซวนกับเฟิงชิวเยี่ยนยังไม่ได้พูดอะไร แต่วิญญาณหมากรุกก็พูดเติมขึ้นมา “ถูกแล้วละ พวกเจ้าอยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้แค่พลังของเขาคนเดียวก็พอแล้ว”
ถึงหลี่ซวนกับเฟิงชิวเยี่ยนจะขัดใจยังไงแต่โจวเหวินก็ยังให้พวกเขาลงไปที่ตีนภูเขาก่อนอยู่ดี จากนั้นเขาก็ไปยืนคนเดียวด้านหน้ารังไหม
ด้วยความที่ว่าตัวโจวเหวินเองก็ไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านในนั้น มีความสามารถอะไรกันแน่ โจวเหวินเลยไม่ได้คิดจะฟันรังไหมให้แตกทันที แต่เขาอัญเชิญมารระเบิดออกมาแล้วให้มันใช้ระเบิดเวลาใส่รังไหมแทน
“ถอยออกไปอีกเถอะ อีกซักพักรังไหมจะระเบิดออกแล้ว”โจวเหวินพูดแล้วลงภูเขาไปแล้วอุ้มหยาเอ๋อถอยห่างออกมาเพิ่มอีก
เมื่อถึงระยะปลอดภัยที่ยังสามารถควบคุมมารระเบิดได้อยู่แล้ว โจวเหวินก็สั่งให้มารระเบิดจุดระเบิดนั้นทันที
ตู้ม!!!!!!
เสียงสนั่นดังลั่น รังไหมของผู้พิทักษ์โดนระเบิดจนแตกเป็นเสี่ยงๆและผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านในก็ปรากฏออกมา
รูปร่างของผู้พิทักษ์ปรกติแล้วนั้นหน้าตาจะเหมือนคน ถึงแม้ว่าจะต่างจากคนจริงๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่ต่างมาก ที่ต่างมีแค่ปีกกับหัวที่ดูเหมือนสัตว์แค่นั้นเอง
แต่ผู้พิทักษ์ที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้น มันต่างออกไปอย่างชัดเจน เขาไม่เห็นโครงความเป็นมนุษย์อยู่ในตัวมันเลยแม้แต่นิดเดียว
รูปร่างภายนอกของมันเหมือนแมวหรือหมาขนาดใหญ่ แต่ร่างกายของมันไม่มีกล้ามเนื้อ แต่กลับแทนที่ด้วยโลหะเหมือนสัตว์หุ่นยนต์ ทันทีที่ผู้พิทักษ์ปรากฏตัวออกมา มันก็เผชิญหน้ากับวิญญาณหมากรุกทันที และคลื่นพลังของทั้งคู่ก็โถมเข้าใส่กันทันที
“เริ่มแล้วเหรอ?”หลี่ซวนถามขึ้นมาแล้วมองขึ้นไปบนภูเขาด้วยความตื่นเต้น
“มันเริ่มแล้วละ”โจวเหวินมองไปรอบๆ ตั้งแต่ที่ร่างของผู้พิทักษ์ปรากฏออกมา คำสาปของที่นี้ก็กินพื้นที่มหาศาล กินภูเขาไปทั้งลู่ และรวมไปถึงที่ๆโจวเหวินอยู่ด้วย
ยิ่งกว่านั้นคำสาปกฎในครั้งนี้ยังต่างออกไปจากครั้งที่แล้วด้วย
โจวเหวินมองขึ้นไปด้านบนภูเขา การต่อสู้ครั้งนี้ดูต่างจากการต่อสู้ปรกติ เพราะว่านี้คือการต่อสู้ของวิญญาณหมากรุก กับผู้พิทักษ์ ตัวผู้พิทักษ์เองก็คงมีพลังที่ต่างอออกไปจากผู้พิทักษ์สายบู้ปรกติแน่นอน
ตอนที่โจวเหวินมองอยู่นั้นเอง จากนั้นเขาก็เห็นว่าทั้งคู่นั้นจู่ๆก็นั่งลงบนกระดานหมากรุกกัน
“อะไรกันวะเนี่ย ออกมาเพื่อมาเล่นหมากรุกกันเนี่ยนะ”หลี่ซวนผิดหวัง
แต่ภาพที่พวกเขาเห็นต่อมานั้นมันต่างจากที่พวกเขาคิดไว้มากๆ
ตัวหมากนั้นขนาดใหญ่มหึมามากๆ แม้แต่กระดานหมากรุกเองยังดูต่างออกไปจากเดิม
ตู้ม!!!
ตัวหมากลอยลงมาตั้งบนกระดาน ทั้ง3คนเห็นแล้ว มันคือตัวหมากที่มีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ม้า
“หลบออกไปเดี๋ยวนี้”ทันทีที่ตัวหมากตกลงมา โจวเหวินก็รู้สึกแปลกๆในใจ เลยผลักทั้งเฟิงชิวเยี่ยนและหลี่ซวนออกไปแล้วอุ้มหยาเอ๋อกระโดดไปอีกทาง
ตู้ม!!!
ตรงจุดที่พวกเขาเคยยืนอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีรอยรูปเหมือนเกือกม้าขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นมาเหมือนกับว่ามีสิ่งมีชีวิตล่องหนที่น่ากลัวตกลงมาทับตรงนั้น โชคยังดีที่โจวเหวินตอบสนองทันไม่งั้นพวกเขาคงแบนไปแลล้ว
“อะไรกันวะเนี่ย!!”หลี่ซวนยืนขึ้นมาแล้วปล่อยแมลงออกไปทันที แต่แมลงพวกนั้นพอพุ่งเข้าไปถึงรอยเกือกม้าแล้ว กลับไม่พบอะไรเลยเหมือนกับว่ามันไม่มีอยู่จริง
ตู้ม!!
เสียงกระแทกดังลั่นขึ้นอีกครั้งไม่ไกลจากพวกเขา แล้วเขาก็เห็นตัวหมากวางลงบนกระดานฝั่งวิญญาณหมากรุกชุดดำ
ตัวหมากของเขานั้นต่างออกไปจากตตัวหมากของผู้พิทักษ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นม้าเหมือนกัน แต่ตัวหมากนี้ไม่มีตัวอักษรคำว่าม้าเขียนอยู่ แต่กลับเป็นรูปหัวม้าขนาดใหญ่แกะสลักด้านบน
“ตัวหมากแบบนั้นไม่ใช่ว่าเป็นหมากรุกของแถบตะวันตกเหรอ”โจวเหวินพูด
“น่าจะใช่นะ ถึงฉันจะไม่เคยเล่นมาก่อนแต่ฉันเคยเห็นคนอื่นเลยอยู่เหมือนกัน มันคือหมากรุกเขตตะวันตก มันต่างจากหมมากรุกเขตตะวันออกอย่างชัดเจนเลย”หลี่ซวนพูดแล้วมองกระดานหมากรุกที่อยู่บนยอดเขานั้น
ตู้ม!!!ๆ
ในตอนที่ตัวหมากของทั้ง2ฝ่ายกำลังตกลงมานั้นเอง พื้นที่รอบข้างก็เหมือนมียักษ์หล่นลงมมาจากฟ้าเช่นกัน ทั้งภูเขาและแม่น้ำแตกกระจายไปหมด
ผู้พิทักษ์เองเหมือนจะตั้งใจเล็งเป้าพวกเขาเป็นพิเศษ ทุกๆครั้งที่ตัวหมากลลงถึงพื้น มันจะสร้างความเสียหายมหาศาลให้แก่พื้นที่แถบนั้นทั้งหมด โจวเหวินกับพวกเองจึงต้องคอยหลบเปปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอด
“เราอยู่ที่นี้ไม่ได้แล้ว เราต้องออกไปจากนี้”หลี่ซวนนำแล้ววิ่งออกไปข้างนอก แต่แรงกระแทกนั้นก็ยังอยู่และเกือบจะโดนเขาหลายรอบมากๆ
และเพราะด้วยกฎของหมากรุก ถ้าโดนโจมตีตัวของพวกเขาจะระเบิดในทันที ไม่ว่าจะแกร่งแค่ไหนก็ตาม อยู่ในกฏนี้ก็ไร้ประโยชน์
“ขึ้นมานั่ง”โจวเหวินอแญเชิญอสูรปฐพีออกมาแล้วให้พรรคพวกขึ้นมาขี่ จากนั้นก็ให้มันมุดดินหนีออกไปแต่ถึงอย่างนั้นสกิลมุดดินก็หนีออกมาได้แค่หลาย100เมตรเท่านั้นมันยังไม่เพียงพอต่อการหลุดออกมาจากระยะโจมตีเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะหนีออกมามากแค่ไหน สุดท้ายพวกเขาก็ต้องคอยหลบอยู่ดี
โจวเหวินเลยใช้ไท่ฉางไค่เทียนจิงแล้วพยายามถอยออกมาห่างๆ และแล้วเขาก็สามารถออกมาได้ แต่หยาเอ๋อนั้นโดนทิ้งไว้ข้างในออกมาด้วยไม่ได้
“ดูเหมือนมันกินอาณาเขตไปหลาย100ไมล์เลยนะครับ ทุกๆอย่างเหมือนจะเปลี่ยนปลายเป็นกระดานหมากรุกไปหมดแล้ว ตัวหมากแต่ละตัวตกลงมาในตำแหน่งที่มันควรจะอยู่แบบนี้ไม่ดีแน่ครับ”เฟิงชิวเยี่ยนพูด
ตู้ม!!
ตรงจุดที่ๆพวกเขายืนนั้นเอง ตัวหมากตกลงมาเพิ่มอีก แต่โชคดีที่โจวเหวินมองตำแหน่งออกเรียบร้อยแล้ว ลองเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นดูแล้วหลบมัน
“ทางเดียวที่จะรอดไปได้ดูเหมือนจะเป็นการฆ่าผู้พิทักษ์นั้นนะ”โจวเหวินวาปเข้าไปหาหยาเอ๋อก่อนจะส่งหยาเอ๋อให้กับหลี่ซวน แล้วขี่อสูรปฐพีตตรงเข้าไปยังใจกลายภูเขาอีกครั้งนึง
ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องกฎแล้ว เขาสนแค่จะฆ่าผู้พิทักษ์เท่านั้น บางทีเป้าหมายของผู้พิทักษ์อาจจะเป็นการฆ่าโจวเหวินก็ได้ ทันทีที่โจวเหวินปรากฎตัวออกมา ป้อมปืนใหญ่ก็พุ่งตัวเข้าใส่โจวเหวินในทันที
โจวเหวินเปิดใช้วิญญาณชีวิตไท่ฉางไค่เทียนจิงปกป้องตัวเองจากฎ แล้วเรียกดาบแสงออกฟันเข้าใส่ผู้พิทักษ์ตัวนั้นหวังจะฆ่ามันในครั้งเดียวแล้วจบเกมหมากรุกบ้าๆนี้ซักที
I บทที่ 955 พลังมังกรเทียน
สกิลผ่านภาฟันทะลุมิติ พลังทำลายล้างมหาศาล
พอผู้พิทักษ์มองเห็นคลื่นดาบที่ซัดเข้ามา แต่มันกลับแยกตัวออกเหมือนกับว่าชิ้นส่วนของมันสามารถถแยกตัวออกจากกันได้
สกิลผ่านภาฟันผ่าเข้าไปข้างในตัวของมันแต่กลับทำอะไรมันไม่ได้
ดาบแสงในมือของโจวเหวินฟันซ้ำเข้าไปแต่ร่างกายของผู้พิทักษ์กลับแตกออกเป็นส่วนๆ แต่ละส่วนนั้นสามารถหลบคลื่นดาบได้ทั้งหมด จนตัวของมันเล็กลง และเล็กลงเรื่อยๆ
แต่ทุกๆส่วนที่แยกออกมานั้นต่างก็มีปัญญาของมัน แปลว่าในขณะที่สู้กับโจวเหวินอยู่นั้น ชิ้นส่วนของมันก็ยังคงเล่นหมากรุกต่อไปทุกๆครั้งที่นิ้วขยับ ตัวหมากใหม่ก็จะปรากฏขึ้นมาบนกระดาน
ตำแหน่งของตัวหมากนั้นรอบนี้ไม่ได้โจมตีโจวเหวินแต่กลับไปโผล่ตรงที่หลี่ซวนและพวกแทน
ตอนนี้พวกหลี่ซวนไม่มีความสามารถของสดับวานรในการฟังเสียงกระดานหมากรุกทำให้เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ตัวหมากจะหล่นลงมาใส่หัวพวกเขา แต่พวกเขาก็สามารถหลบได้ตั้งหลายครั้งโดยอาศัยประสบการณ์และสัญชาติญาณของตัวเองที่เตรียมพร้อมสำหรับอันตรายอยู่ตลอดเวลา
โจวเหวินอัญเชิญสัตว์อสูรออกมาอย่างเช่น เบม่อน มารระเบิด มังกรเทียน เข้าโจมตีผู้พิทักษ์พร้อมๆกัน
ซึ่งวิธีนี้มันใช้ได้ผล ด้วยการโจมตีต่อเนื่องของสัตว์อสูรระดับเร้นลับของโจวเหวิน ทำให้ผู้พิทักษ์ไม่สามารถแยกตัวออกมาได้อย่างไม่จำกัด มันรับแรงกดดันของการโดนลุมไม่ไหวจนโดนเบม่อนต่อยกระแทกไปจังๆ1หมัด แต่ชิ้นส่วนที่โดนเบม่อนต่อยนั้นกลับแตกตัวออกเหมือนหุ่นยนต์จิ๋วขนาดเล็ก แล้วประกอบร่างรวมกันใหม่อีกครั้ง ภายใต้การโจมตีกดดันขนาดนี้แต่ผู้พิทักษ์ตัวนี้ก็ยังอยู่รอดได้อยู่ดี
ตัวหมากป้อมปืนหล่นลงมาใส่หัวเฟิงชิวเยี่ยนกับหลี่ซวนอีกครั้ง รอบนี้พวกเขาหลบไม่ทัน หลี่ซวนเลยเหวี่ยงแขนผลักทั้งหยาเอ๋อและเฟิงชิวเยี่ยนออกห่างจากตัวเขา ก่อนที่เขาจะโดนตัวหมากขนาดยักษ์ที่มองไม่เห็นทับอย่างงแรง เขาใช้แขนทั้ง2ข้างดันพื้นเอาไว้พยายามรีดเอาพลังทั้งหมดออกมาต้านแรงของตัวหมาก
ตู้ม!!!!!
ภายใต้แรงระเบิดอย่างรุนแรงของคำสาปหมากรุก เกราะส่วนหลังของหลี่ซวนทั้งหมดแตกกระจายไปหมดกระดูกทุกส่วนของหลี่ซวนแตกหักและทิ่มเข้าเนื้อไปหมด แม้แต่กระดูกสันหลังยังทิ่มออกมาจากร่างกาย เลือดไหลออกมาเต็มไปหมดแต่มือของโจวเหวินก็ยังค้ำยันอยู่ได้ ทั้งๆที่หินรอบๆข้างแตกทั้งหมดจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ หยาเอ๋อกับเฟิงชิวเยี่ยนที่โดนเขาช่วยไว้ก็กระเด็นออกมา หยาเอ๋อไม่ได้บาดเจ็บอะไร ส่วนเฟิงชิวเยี่ยนบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
“ประธาน”เฟิงชิวเยี่ยนตกใจมากที่เห็นสภาพของหลี่ซวนในตอนนี้ ร่างของหลี่ซวนเหมือนคนที่ตายไปแล้วมากๆ
“อย่าเข้ามา”หลี่ซวนตะโกนออกมาแล้วเพื่อไล่ไม่ให้เฟิงชิวเยี่ยนมาหาเขา
บาดแผลบนร่างกายของเขาหายด้วยความเร็วสูงมากๆ เกราะวิญญาณชีวิตของเขาเองก็ซ่อมแซมร่างกายโดยอัตโนมัติ
ตู้ม!!!
แต่ในตอนนั้นเอง ตัวหมากยักษ์ก็พุ่งลงมากระแทกซ้ำอีกครั้งอย่างรุนแรงเหยียบกลางหลังของหลี่ซวนเต็มๆทำให้เลือดพุ่งออกมาจากปาก หลี่ซวนที่ยังรักษาร่างกายไม่หายดีนั้นเองโดนกระแทกและระเบิดอย่างแรงอีกครั้ง จนชุดเกราะแตกทุกส่วน กระดูกทั้งตัวแทบจะหลุดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นหลี่ซวนก็ยังไม่ตาย บาดแผลและกระดูก รวมไปถึงชุดเกราะที่แตกหักรักษาตัวเองคืนกลับมาด้วยความเร็วสูงเหลือเชื่อ
โจวเหวินรู้ดีว่าหลี่ซวนคงทนแบบนั้นได้อีกไม่นานแน่ๆ แต่เขาเองก็ยังหาทางกำจัดผู้พิทักษ์ตัวนี้ไม่ได้เขาเลยส่งเบม่อนให้ไปช่วยหลี่ซวนก่อน
ผู้พิทักษ์ถล่มหลี่ซวน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ยังรอดมาได้แบบปางตาย และสถานการณ์ก็จะมีแต่แย่ลงและแย่ลงเท่านั้น
โชคยังดีที่เบม่อนพุ่งเข้ามาแล้วเป็นโล่กันทั้ง3คนเอาไว้ให้รอดจากการโดนหมากย้ำ
เบม่อนนั้นเปิดใช้สุดยอดพลังอยู่แต่แม้แต่มันเองก็ยังกระอักเลือดที่โดนแรงกระแทกแล้วระเบิดมหาศาล กระดูกของมันเริ่มแตกออกมา
โจวเหวินรู้ดีว่านี้มันไม่ใช่เพราะว่าผู้พิทักษ์แกร่งเกินไปแต่มันเป็นเพราะว่ามันใช้พลังของพื้นที่ต่างมิติภูเขาเซียงฉี เบม่อนเองก็ไม่ใช่ว่าจะแพ้ผู้พิทักษ์แต่เป็นเพราะว่าเขาติดคำสาปของภูเขาเซียงฉีนี้ตั้งหาก มันเป็นคำสาปที่แกร่งมาก ไม่ว่าสัตว์อสูรจะแกร่งแค่ไหน ก็ยากจะต้านทานคำสาปที่ห้อมล้อมพื้นที่นี้ไว้ได้
เมื่อก่อนหลี่ซวนเองก็เคยแหกคำสาปได้ แต่ตอนนั้นเขาทำได้เพราะพลังชีวิตของเขา แต่คำสาปของภูเขาเซียงฉีทำให้เขาถูกทำลายทันทีที่โดนตัวหมากรุก แต่พลังชีวิตกับวิญญาณชีวิตของเขาทำให้เขายังไม่ตาย แถมวิญญาณชีวิตของหลี่ซวนยังเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายจนสามารถต้านทางการโจมตีของตัวหมากรุกได้
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นละก็ ต่อให้เป็นระดับเร้นลับ ก็อาจจะรับการโจมตีถึง2ครั้งไม่ไหวด้วยซ้ำ
โจวเหวินเองก็โจมตีผู้พิทักษ์อย่างบ้าคลั่ง แต่ผู้พิทักษ์นั้นเหมือนจะแค้นหลี่ซวนเป็นพิเศษไม่ว่าร่างกายของผู้พิทักษ์มันจะแตกสลายไปซักกี่ครั้ง แต่มันก็ยังกลับคืนร่างมาได้เสมอ
ร่างกายของมันเหมือนกับว่าสร้างขึ้นมาจากหุ่นยนต์นาโนขนาดเล็กจิ๋วจำนวนมาก ถ้าเกิดไม่ทำให้มันสลายหายไปในพริบตาก็คงยากที่จะฆ่ามันลงได้
“ไปตายห่าซะ”โจวเหวินรู้ดีว่าตอนนี้หมดเวลาที่จะมาเก็บของแล้ว เขาเลยให้มังกรเทียนออกมาแล้วใช้ดวงตากระจกทันที
พลังของดวงตากระจกนั้น ดูดเอาร่างของผู้พิทักษ์เข้าไป แต่ร่างที่ดูดเข้าไปนั้นเป็นแค่ส่วนเดียวของร่างกายมันเท่านั้น เพราะซักพักนึงต่อมาก็มีหุ่นยนต์จำนวนมหาศาลโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ ค่อยๆผสานตัวกันแล้วสร้างขึ้นมาเป็นร่างผู้พิทัก์อีกครั้ง
“วิญญาณหมากรุก นายรีบหาทางหนีเร็วเข้า”โจวเหวินตะโกนหาวิญญาณหมากรุกชุดดำก็จะเก็บสัตว์อสูรทั้งหมดของตัวเองเหลือไว้แค่มังกรเทียนแล้วใส่ชุดเกราะกระจก
วินาทีต่อมาทั้งตัวของงมังกรเทียนก็เจิดจรัสเบิกเนตรออกมารอบตัว เปลี่ยนดวงตาทุกดวงเป็นดวงตากระจกพร้อมกัน
วิญญาณหมากรุกชุดดำพอเห็นแบบนั้นก็ตกใจมากทันทีร่างของเขาหายวับไปทันทีไม่รู้ว่าไปหลบที่ไหน
ร่างของผู้พิทักษ์ที่พึ่งก่อตัวขึ้นมาใหม่นั้นโดนดวงตากระจกดูด แม้แต่พื้นที่ต่างมิติเองก็โดนดูดไปด้วย
ผู้พิทักษ์ที่เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตายทนรับพลังของเนตรราชันต์ไม่ไหว มันจึงเริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆ ร่างกายที่เหลืออยู่ของมันพุ่งตรงไปที่รังไหมทันที
แต่ไม่ทันการแล้ว ร่างของผู้พิทักษ์ทั้งหมดโดนดูดหายวับไปกับตา พร้อมด้วยภูเขาเซียงฉีที่โดนพลังของดวงตากระจกดูดหายอันตธานไปมากกว่าครึ่ง
พลังหมากรุกที่ควบคุมพื้นที่ต่างมิตินี้เสื่อมสลายไปทันที
เมื่อจบการต่อสู้ลง มังกรเทียนก็ทิ้งตัวลงอย่างอ่อนแรง มันแทบจะยกคอไม่ขึ้นด้วยซ้ำ การใช้เบิดเนตรราชันต์กับดวงตากระจกเต็มที่แบบนี้กินพลังงานจำนวนมหาศาล จนพลังงานในร่างกายหมดเกลี้ยง โชคยังดีที่พลังของดวงตากระจกนั้นรุนแรงพอที่จะจัดการได้ทันเวลา เพราะว่าถ้าเกิดผู้พิทักษ์รอดมาได้ละก็มังกรเทียยนได้ตายเองแน่ๆ
วิญญาณหมากรุกชุดดำที่หลบอยู่ใต้ภูเขาค่อยๆออกมาแล้วมองสภาพของภูเขาที่หายไปเกือบครึ่งลูก
“หลี่ซวน โอเคไหม”โจวเหวินไม่มีเวลาจะมาสนใจ เขารีบตรงไปหาหลี่ซวนทันที
เบม่อนนั้นบาดเจ็บสาหัสจนปางตาย แต่เบม่อนนั้นรับการโจมตีแค่2ครั้งเท่านั้นยังเป็นขนาดนี้ หลี่ซวนนั้นต้องโดนแบบนั้นไปไม่ต่ำกว่า 5-6ครั้ง
“ไม่เป็นไร”หลี่ววนค่อยๆคลานออกมา ชุดเกราะและร่างกายของเขานั้นฟื้นฟูตัวเองในระดับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หายดีเหมือนยาวิเศษ
I บทที่ 956 ผู้พิทักษ์ที่ผิดปรกติ
ตอนที่เกราะของหลี่ซวนซ่อมกลับมาเต็มที่ ภาพประหลาดก็ได้เกิดขึ้น ตอนที่เกราะแตกออกมา มันมีผงประหลาดปรากฏออกมาแล้วผสมเข้ากับชุดเกราะวิญญาณชีวิต ทำให้การรักษาตัวเองรวดเร็วมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นชุดเกราะหลังจากที่ซ่อมแซมตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็ออกจะดูต่างออกไปจากชุดเกราะเดิม มันดูมีความมันเลื่อมที่ได้มาจากผงโลหะประหลาดที่ผสานเข้าไปกับวิญญาณชีวิต
“นี้มัน ผู้พิทักษ์ตัวนั้นนี้ มันจะทำอะไรกันแน่น่ะ มันจะเข้ามายึดร่างฉันเหรอ”หลี่ซวนผงะ
“ดูเหมือนว่ามันจะเลือกที่จะยอมรับเลือดของนายแล้วทำสัญญากับนายแทนที่จะยอมตายซินะ” วิญญาณหมากรุกลอยขึ้นมาแล้วพูดกับโจวเหวิน
“ไม่ใช่ว่าการทำสัญญามันจะเกิดขึ้นต่อเมื่อทั้ง2ฝ่ายยินยอมเหรอ ทำไมฉันถึงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยละ” หลี่ซวนสงสัยแล้วถาม
“สัญญาผู้พิทักษ์นั้นปรกติแล้วต้องตกลงกันทั้ง2ฝ่าย แต่ในกรณีนี้ มันไม่มีเวลารอการตอบรับของเจ้าแล้ว มันเลยใช้วิธีเข้ามาทำสัญญาโดยที่ไม่รอเจ้าอนุมัติ”วิญญาณหมากรุกพูด
“ทำแบบนั้นก็ได้ด้วยเหรอ”หลี่ซวนพูดแล้วมอง ชุดเกราะของตัวเองที่ดูประหลาด
ชิ้นส่วนโลหะปรากฏขึ้นมาบนร่างของเขาเหมือนตัดแปะดูน่าเกลียดมาก
วิญญาณหมากรุกมองแล้วพูด “การทำสัญญาปรกตินั้น ทั้ง2ฝ่ายจะมีสิทธิ์ในการยกเลิกสัญญาทั้งคู่ แต่การบังคับสัญญาแบบนี้นั้น ฝ่ายเสียเปรียบจะเป็นฝ่ายผู้พิทักษ์เสียมากกว่า เพราะหากเจ้าไม่ยินยอม ผู้พิทักษ์ก็ไม่มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญา ถ้าเจ้าตาย มันก็จะตายไปด้วย เพราะงั้น จะเรียกว่าเจ้าเป็นจ้าวชีวิตของมันแล้วก็ได้ตอนนี้”
“งั้นก็ดีเลยซิ แต่มันน่าเกลียดสุดๆไปเลย”หลี่ซวนเองก็ยังคิดอยู่เลยว่าไม่ชอบรูปร่างของชุดเกราะตอนนี้สุดๆ
“ช่างมันเถอะ มันจะค่อยๆผสานตัวกับชุดเกราะของเจ้าเอง หลังจากที่ชุดเกราะของเจ้าแตกสลายและสร้างขึ้นมาใหม่ มันก็จะกลับกลายมาเป็นเหมือนเดิมเอง หรือไม่เอาจริงๆ ถ้าเจ้ารอไปซักพัก บางทีมันอาจจะพึ่งบาดเจ็บมาจากการโดนโจมตีเมื่อกี้ ทำให้มันมีแรงไม่พอที่จะผสานร่างกับชุดเกราะของเจ้า หลังจากที่มันหายดีแล้ว มันอาจจะค่อยๆผสานตัวกับชุดเกราะของเจ้าจริงๆได้แล้วมันก็จะทำสัญญากับเจ้าอัตโนมัติ”
“ถ้าเป็นงั้น ดูเหมือนฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันซินะ จะว่าไปแล้วผู้พิทักษ์ตนนี้ชื่ออะไรหน่ะ”หลี่ซวนหันไปถาม
“อัลฟ่า”วิญญาณหหมากรุกพูดชื่อออกมา
แต่เอาจริงๆถึงเขาจะไม่รู้แต่สุดท้ายผู้พิทักษ์จะติดต่อกับหลี่ซวนมาเองเมื่อมันฟื้นตัวพอประมาณแล้ว
โจวเหวินที่ฟังอยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะยินดีไปกับหลี่ซวนหรือว่าจะรู้สึกแย่แทนดี
เพราะว่าผู้พิทักษ์นั้นไปผสานตัวเข้ากับชุดเกราะวิญญาณชีวิต ทั้งๆที่มันบาดเจ็บสาหัสอยู่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าสัญญาที่ทำแบบไหน เพราะงั้นโจวเหวินเลยไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
“ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ พลังของอัลฟ่านั้นเกินกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้มาก ถ้าไม่ได้เจ้า ข้าเองก็คงจะไม่ไหวเช่นกัน”วิญญาณหมากรุกชุดดำพูด
“แล้วทำไมนายถึงอยากจะเอามันออกไปให้ได้ละ”โจวเหวินถาม
วิญญาณหมากรุกลังเลแล้วพูด “อย่างที่เจ้ารู้ สถานที่ที่ทั้งข้าและอัลฟ่าควรจะไปอยู่ที่พื้นที่ต่างมิติเขตตะวันตก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ต่างมิติเหมือนกัน แต่กฎนั้นมันต่างออกไปอย่างชัดเจน แต่เพราะเหตุการณ์อะไรบางอย่างอัลฟ่ากับข้าจึงมาอยู่ที่นี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่านั้นมันเกิดขึ้นเพราะอัลฟ่า ตัวมันเองมีปัญหาและเสียการควบคุม และตัวมันเอง พอมาถึงที่นี้แล้วมันก็ดูดซัพพลังของภูเขาเซียงฉีแห่งนี้ ทำให้มันแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และปัญหามันก็ยิ่งมากขึ้น มันมักใหญ่ไฝ่สูงล้มเลิกการเป็นตัวแทนของเผ่าพันธ์ ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกำจัดมันทิ้งเท่านั้นละ”
สีหน้าของโจวเหวินประหลาดยิ่งกว่าเดิมทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เพราะว่าตอนนี้ผู้พิทักษ์ตัวนั้นไปผสานกับวิญญาณชีวิตของหลี่ซวนแล้วไม่รู้ว่ามันจะมีปัญหาอะไรอีกไหมในอนาคต
“รับนี้ไว้เถิด ตัวข้าเองจะกลับไปที่เขตตะวันตกแล้ว ถ้าเจ้าไปที่เขตตะวันตกในอนาคต จงนำสิ่งนี้ ไปที่พื้นที่ต่างมิติในเมืองโอเทโล่ ข้าสัญญาว่าจะนำทางเจ้าเพื่อไปทำสัญญากับผู้พิทักษ์ตนใหม่ของเผ่าพันธุ์ข้าเอง” วิญญาณหมากรุกพูดแล้วยื่นอะไรบางอย่างให้โจวเหวิน
มันคือตัวหมากรุกราชา
“ถ้ามีโอกาสจะแวะไปนะ แต่ฉันคงจะไม่ได้ไปทำสัญญาหรอก”โจวเหวินรับไว้
“ผู้พิทักษ์แห่งเผ่าพันธ์ข้านั้นเหมาะสมกับเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ถ้าได้เจ้าเป็นผู้ครอบครองละก็ เจ้าจะไร้เทียมทานที่สุดในยุคเลย ขอให้เจ้าจงพิจารณาด้วย ข้าจะรอการตอบรับของเจ้า”วิญญาณหมากรุกทำความเคารพแล้วจากไป
ทั้งกลุ่มตัดสินใจเดินทางต่อ ระหว่างทางที่เดินไปนั้นโจวเหวินก็มองไปตลอดเส้นทางด้วยแต่ก็โชคไม่ดีไม่เจอรูปสลักรูปมือแต่อย่างใด โจวเหวินเองก็ไม่ได้สนใจที่วิญญาณหมากรุกพูดมากนัก ตอนนี้แค่สัตว์อสูรของเขาก็แกร่งมากพอแล้ว โจวเหวินมั่นใจว่าวิญญาณหมากรุกเองก็ไม่รู้เรื่องวิชาลมปราณทั้งหมดที่มีในตัวของโจวเหวินด้วย
นี้ยังไม่รวมเรื่องที่ตัวเขาเองไม่ได้ตั้งใจจะทำสัญญากับผู้พิทักษ์ตั้งแต่แรก เพราะถึงเขาจะอยากทำสัญญาจริงเขาก็ไม่คิดจะทำสัญญากับผู้พิทักษ์แห่งเมืองโอเทลโล่แน่ๆ
แต่ถ้ามีโอกาส โจวเหวินเองก็อยากจะลองไปดูเหมือนกัน บางทีก็อาจจะเจอรูปสลักรูปมือก็เป็นได้
ในวันต่อมมาพวกเขาก็ไม่ได้เจอปัญหาอะไร ถึงแม้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติโผล่มาให้เห็นอยู่บ่อยๆครั้ง แต่ระดับของพวกมันก็ไม่ได้สูงทำให้พวกโจวเหวินจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ระหว่างที่เดินทางนั้น เฟิงชิวเยี่ยนแทบจะไม่พูดเลยตลอดทาง โจวเหวินคิดว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเดินทางกลับบ้านเกิดมั้ง หลี่ซวนเองก็พอจะเดาความคิดของเฟิงชิวเยี่ยนอยู่ แต่จะให้เขาพูดออกไปมากก็ไม่ได้
“โค้ช ขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหมครับ”เฟิงชิวเยี่ยนจู่ๆก็ถามขึ้นมาระหว่างที่พักระหว่างวัน
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลย ไม่ต้องสุภาพก็ได้”โจวเหวินยิ้ง
เฟิงชิวเยี่ยนพูด “โค้ชไม่ได้วางแผนที่จะทำสัญญากับผู้พิทักษ์ใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่ตอนนี้หรอก”โจวเหวินตอบ
“แต่ถ้าไม่ทำสัญญากับผู้พิทักษ์แล้ว ระดับขั้นสูงสุดของมนุษย์ก็จะเป็นแค่ระดับมหากาพย์วิญญาณชีวิตขั้นสมบูรณ์ แล้วโค้ชจะพัฒนาไปทางไหนได้ต่อละครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถาม
โจวเหวินเองก็อึ้งแล้วไม่ได้ให้คำตอบทันที เขาวางแผนกับตัวเองว่าจะกลายเป็นระดับเร้นลับได้โดยใช้วิชาเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่เฟิงชิวเยี่ยนนนั้นไม่ได้ฝึกวิชาเซียนศักดิ์สิทธิ์ การจะเป็นระดับเร้นลับด้วยพลังของตัวเองนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย
“ในตอนนี้มนุษย์เรามีทางเลือกให้2ทางในการจะเป็นระดับเร้นลับหน่ะ ทางแรกคือรวมร่างกับผู้พิทักษ์แล้วกลายเป็นเหมือนกับอาจารย์ของฉัน หวังหมิงหยวน เพื่อให้ร่างกายมนุษย์พัฒนาไปอีกขั้นได้ ส่วนอีกทางนึงคือการทำสัญญากับผู้พิทักษ์แล้วผสานพลังกับผู้พิทักษ์เพื่อกลายเป็นระดับเร้นลับ วิธีนี้ง่ายกว่าก็จริง แต่ต้องอย่างลืมว่าพลังระดับเร้นลับทั้งหมดนั้นมาจากผู้พิทักษ์ ตัวร่างมนุษย์เองก็ยังไม่ได้แกร่งขึ้นแต่อย่างใด”โจวเหวินไม่ใช่โค้ชจริงๆ เพราะงั้นเขาจึงตัดสินไม่ได้ว่าจะให้เฟิงชิวเยี่ยนไปทางไหน
“แล้วโค้ชจะไปเส้นทางไหนครับ อย่างแรกเหรอครับ”เฟิงชิวเยี่ยนถาม
“ฉันไม่คิดจะเลือกซักทางหรอก ฉันจะใช้ความสามารถของตัวเอง ไปให้ถึงระดับเร้นลับให้ได้ แต่เส้นทางที่ว่านั้นมันคือทางตันชัดๆ”โจวเหวินตอบ
———————————
ตั้งแต่ตอน 957 เป็นต้นไปทางเราได้เปลี่ยนคนแปลใหม่ อาจมีข้อบกพร่อง เรื่องการแปลสามารถ แนะนำติชมที่ เพจ ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง ขอบคุณค่ะ
I บทที่ 957
ด้วยวิธีนี้ โจวเหวินจึงสามารถควบคุมวิญญาณชีวิตที่ส่องแสงออกไปได้ เมื่อมันอยู่ใกล้กับกุ้ยไห่ เจ้าวิญญาณชีวิตที่ส่องแสงก็ดูจะดีขึ้นมาก แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังห่างไกลจากร่างกายที่สมบูรณ์แบบเล็กน้อย
ทุกครั้งที่หยุดพักโจวเหวินจะฝึกฝนการใช้พลังปราณแทนและดูดซับคริสตัลต้นกำเนิดในเกมเพื่อปรับปรุงปราณต้นกำเนิดของดาบลูกปราย
เนื่องจากคริสตัลพลังปราณต้นกำเนิดที่โจวเหวินดูดซับในเกมส่วนใหญ่เป็นระดับตำนาน ดังนั้นพลังต้นกำเนิดของดาบลูกปรายจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โจวเหวินรู้สึกได้ว่าปราณต้นกำเนิดมาถึงขีดจำกัดแล้วและจวนจะได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว
แต่โจวเหวินยังไม่ทราบว่าดาบลูกปรายจะบรรลุความสมบูรณ์แบบได้อย่างไร
ครั้งสุดท้ายที่เขาเลื่อนขั้นร่างวิวัฒนาการ โจวเหวินได้ฝึกฝนเจตจำนงดาบ 3000 ครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ส่งผลใด ๆ ดูเหมือนว่ากุญแจสำคัญในการส่งเสริมร่างกายที่สมบูรณ์แบบจะไม่ใช่เจตนาดาบ
“มันถูกเรียกว่าดาบลูกปราย ฉันคิดว่ามันน่าจะแยกออกจากรูปร่างดาบได้ คราวนี้ดาบลูกปรายจะเปลี่ยนกลับมาเป็นดาบได้ไหม?” โจวเหวินคิดอย่างเงียบ ๆ
ปัญหานี้โจวเหวินได้พิจารณามาหลายครั้งแล้ว มันไม่เหมือนกับดาบเล่มอื่น ๆ ที่เขามี หากดาบลูกปรายต้องการที่จะกลายเป็นดาบจริง ๆ โจวเหวินก็ตั้งใจที่จะใช้ดาบประกายแสงเป็นต้นแบบ
หรือนั่นจะเป็นผลให้ดาบลูกปรายไม่สามารถสร้างรูปร่าง และไม่สามารถส่งเสริมความสมบูรณ์แบบได้กันนะ?
“ถ้ามันไม่กลายเป็นดาบ แล้วฉันจะเลื่อนระดับดาบลูกปรายได้ยังไง” โจวเหวินพิจารณาความเป็นไปได้ต่าง ๆ และพยายามหลายวิธี แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายเขาจึงยอมแพ้ไปก่อน และเดินทางไปที่กุ้ยไห่ ที่นั่น เฟิงฉียาน ไดดเชิญโจวเหวินและหลี่ซวนมาอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกเขา
ซึ่งโจวเหวินและหลี่ซวนเองก็ตอบรับคำดังกล่าว พวกเขาสองคนติดตามเฟิงฉีหยูไปยังตระกูลเฟิง ในความเป็นจริงมีไม่กี่แห่งที่เมืองกุ้ยไห่จะอยู่ได้ หากพวกเขาไม่ได้ไปที่ตระกูลเฟิง ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือโรงแรมเพียงแห่งเดียวในเมืองกุ้ยไห่
ตระกูลเฟิงนั้นถือเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง หนึ่งตั้งในเมืองหลวงจักรวรรดิและอีกหนึ่งก็คือตระกูลเฟิงของกุ้ยไห่!
กุ้ยไห่เป็นพื้นที่ติดทะเล สิ่งมีชีวิตที่ถูกทำลายในเขตทะเลใกล้เคียงมักจะขึ้นฝั่งมาในย่านนนี้ นั่นจึงทำให้กุ้ยไห่ใกล้เป็นเมืองรกร้างมากขึ้นทุกที แทบไม่มีคนเดินบนถนนให้เห็นเลย
คนในตระกูลเฟิงเห็นเฟิงฉียานกลับมาแล้ว พวกเขาทุกคนต่างก็ดีใจเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเฟิงฉียานน่าจะเป็นที่ชื่นชอบในตระกูลเฟิงมากทีเดียว
เมื่อพวกเขารู้ว่าโจวเหวินและลี่ซวนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเฟิงฉียาน ทั้งครอบครัวเฟิงก็พากันกระตือรือร้นกับพวกเขาเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเอี้ยนหยาน สถานะครอบครัวของนายค่อนข้างสูงทีเดียว ถึงกับมีห้องรับรองพิเศษด้วย” ลี่ซวนมองไปที่ห้องและกล่าวว่า
เฟิงฉียานกล่าวว่า “ฉันเป็นหลานชายคนโตของครอบครัว ดังนั้นจึงมีสิทธิพิเศษบางอย่าง แต่ในอนาคตเอง ความรับผิดชอบของตระกูลเฟิงก็ต้องตกเป็นภาระของฉัน”
“ฉียานกลับมาแล้วเหรอ” ในขณะที่ทั้งสามคุยกัน สาวงามคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“น้องหลิงฉันเพิ่งกลับมา ฉันว่าจะไปหาหลังจากที่คุยกันเสร็จพอดี” เฟิงฉียานคุยกับผู้หญิงคนนั้น
“เสี่ยวเอี้ยนหยาน ทำไมนายไม่แนะนำให้เรารู้จักกับสาวงามเช่นนี้กัน เธอคือพี่สาวนายเหรอ?” ลี่ซวนเฝ้าดูผู้หญิงคนนั้นอย่างชื่นชม
ลี่ซวนไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดไปขนาดนั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นสวยจริง ๆ แม้แต่โจวเหวินก็ยังมองตาค้างไปเลย
“นี่คือฉินหลิง น้องหลิงนี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน โจวเหวินและหลี่ซวน พวกเขาช่วยฉันมามากตอนที่อยู่สถาบัน” เฟิงฉียานแนะนำทั้ง 3 คนให้รู้จักกัน
ฉินหลิงเป็นผู้หญิงที่สุภาพมาก แต่นั่นก็ทำให้ยากที่จะเข้าใกล้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเธอจะดูอ่อนโยนมาก แต่หญิงสาวก็รักษาระยะห่างจากคนอื่น ๆ อยู่เสมอ
หลังจากที่ฉินหลิงจากไป ลี่ซวนก็ถามเฟิงฉียาน“เธอไม่ใช่น้องสาวนายใช่ไหม?”
“ทำไมถึงรู้ล่ะ?” เฟิงฉียานรู้สึกประหลาดใจ
“นอกเหนือจากการฝึกศิลปะการต่อสู้แล้ว นายดูโง่กว่าเธอ แถมนามสกุลของเธอคือฉิน และของนายคือ เฟิง แบบนี้แล้วเธอจะเป็นพี่นายได้ยังไง?” ลี่ซวนเม้มปากพูด
เฟิงฉียานอธิบาย “ผิดแล้วล่ะ พวกเราในตระกูลเฟิงมีประเพณีที่จะให้กำเนิดเด็กชายจะใช้นามสกุลเฟิง แต่ถ้าผู้หญิงจะนามสกุลฉิน”
“ประเพณีแปลกจริง ๆ หรือว่าฉินจะนามสกุลของฝั่งแม่ ? ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงตระกูลนี้ก็นามสกุลฉินกันหมดสิ?” ลี่ซวนกล่าวด้วยความสงสัย
เฟิงฉียานกล่าวว่า “อันที่จริงก็ไม่ได้มีเหตุผลหรอก มันเป็นความคิดของผู้อาวุโสที่สกุลฉินนั่นแหละ พวกเขามีความกตัญญูอย่างยิ่งต่อครอบครัวเฟิงของเรา ดังนั้นเพื่อขอบคุณคนคนนั้น ผู้หญิงของตระกูลเฟิงทั้งหมดจึงใช้นามสกุลว่าฉิน ก่อนที่ต่อมามันก็ได้กลายเป็นประเพณีนี้จนถึงทุกวันนี้ “
เฟิงฉียานเงียบไปซักพักก่อนที่จะพูดค้อ “แต่ฉินหลิงไม่ใช่พี่สาวของฉันจริง ๆ เธอและครอบครัวเฟิงของเราไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด”
“แล้วเธอจะทำยังไงกับนาย? ฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนาย” ลี่ซวนถามแบบหว่านแห
เฟิงฉียานหน้าแดง “ จริง ๆ แล้วหลิงหลิงเป็นคู่หมั้นของฉัน”
“บ้าจริง ทำไมนายถึงมีคู่หมั้น? แถมยังสวยอีก! ภายนอกเธอดูแก่กว่านายซัก 7 ปีด้วยซ้ำ”ลี่ซวนตาเบิกกว้างในทันที
เฟิงฉียานอธิบายว่า “ที่กุ้ยไห่ คนของที่นี่ค่อนข้างหัวโบราณ พ่อแม่ของพี่สาว และพ่อแม่ของฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดังนั้นพวกเราจึงกลายเป็นอย่างที่เห็น”
“นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ทำไมยังมีการแต่งงานแบบคลุมถุงชนอยู่… ทำไมฉันถึงไม่ได้เจออะไรแบบนี้บ้าง พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย!” ลี่ซวนถอนหายใจ
เฟิงฉียานที่เห็นดังนั้นก็พลันพูดต่อ “ไม่ใช่อย่างที่นายคิด เหตุผลที่เราแต่งงานกันนั้นเกี่ยวข้องกับชะตากรรมลิขิตของเรา ไม่ใช่การคลุมถุงชน”
“กงล้อโชคชะตา? ฉันจำได้ว่ากงล้อโชคชะตาของนายคือดาบพริบตาราชาสวรรค์ ส่วนกงล้อโชคชะตาของเธอเกี่ยวกับมีด แบบนี้เธอยังคิดจะคู่กับนายอยู่? ถ้าอย่างนั้นนายก็โชคดีเกินไปแล้ว” หลี่ซวนกล่าว
“อย่าพูดเลย ปล่อยให้ฉียานพูดให้จบก่อน” โจวเหวินเห็นว่าอารมณ์ของเฟิงฉียานผิดไปเล็กน้อย
เฟิงฉียานกล่าวว่า “กงล้อโชคชะตาของเธอเป็นดาบ และวิญญาณชีวิตเป็นมีดสังเวย มีดใด ๆ ก็ตามที่อยู่ในมือของเธอจะแข็งแกร่งขึ้น เหตุผลที่พ่อของฉันหมั่นกับเธอก็เพราะเขาคิดจะให้กงล้อโชคชะตาและวิญญาณชีวิตของเธอช่วยฉัน “
“แม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ฉินหลิงก็สวยมาก ถึงนายจะอายุน้อยกว่าก็ยังพอไหวน่า” หลี่ซวนสบายใจ
“พี่หลิงเป็นคนเก่งมาก” เฟิงฉียานถอนหายใจแผ่วเบา
ลี่ซวนฉลาดมาก เขาถามกลับไปว่า“แล้วไม่ชอบเหรอ”
“ก็เปล่า แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องพวกนี้ ตอนนี้ฉันแค่อยากทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น” เฟิงฉียานกล่าว
“นั่นแค่ข้ออ้างน่า ถ้าชอบกันจริง ๆ ไม่มีทางหรอกที่จะไม่คิดอะไรเลย” ลี่ซวนเม้มปากกล่าว
เฟิงฉียานมองออกไปนอกประตู เมื่อเห็นไม่มีใครมาที่นี่ เขาจึงลดเสียงลงและพูดกับโจวเหวินและลี่ซวนว่า “งั้นสัญญากับฉันก่อน ว่าจะไม่เอาไปบอกใคร”
“นี่นายไม่เชื่อใจพวกฉันรึไง ? ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องพูดก็ได้ บอกมานะว่าทำไม ฉินหลิงหน้าตาก็ดูดี? อายุเธอก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น แถมน่าจะไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย หรือว่าเธอจะมีชู้กัน” ลี่ซวนกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ไม่มีทางหรอก เธอไม่ใช่คนแบบนั้น”เฟิงฉียานลังเลก่อนที่เขาจะพูดอีกครั้ง “คิดว่าน่ะนะ”
โจวเหวินและหลี่ซวนต่างตกใจจ้องมองไปที่เฟิงชิวเอี้ยนด้วยความสงสัยว่าเขาหมายถึงอะไร
I บทที่ 958
“นายหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ” ลี่ซวนมองไปที่เฟิงฉีหยานด้วยสีหน้างงงวย ดังนั้นเฟิงฉีหยานจึงอธิบายว่า “เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเราในตอนนั้นมันดีมาก ฉันกับเธอรู้จักกันมานานมากแล้ว ครั้งหนึ่งฉันตามหลิงหลิงไปที่ชายทะเลใกล้ ๆ ในเวลานั้นอสูรทลายผนึกแทบจะไม่ปรากฏ ดังนั้นเรา 2 คนจึงไปเล่นกันที่ชายหาด “
ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เฟิงฉีหยานจะกล่าวต่อไปว่า “ฉันจำได้แค่ว่า อสูรทลายผนึกมันขึ้นมาจากทะเลและพุ่งมาหาเราบนชายหาด ตอนนั้นกลิ่นคาวของมันคลุ้งไปทั่ว แค่ฉันได้กลิ่น หัวของฉันก็แทบจะว่างเปล่าอยู่แล้ว ตอนที่ฉันมัวแต่ตกตะลง ก็ได้หลิงหลิงนี่แหละ ราวกับว่าเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน น่ากลัวจนแทบจำไม่ได้ เธอจัดการมันจนสิ้นซากด้วยตัวคนเดียวก่อนที่ฉันจะหมดสติไป “
“เมื่อตื่นขึ้นมาฉันก็เห็นหลิงหลิงอยู่ข้าง ๆ ส่วนอสูรทลายผนึกก็ได้หายไปแล้ว เมื่อฉันพูดถึงมัน หลิงหลิงก็ทำท่างุนงง เธอว่าฉันคิดมากไปเองจนเห็นภาพหลอน” มาถึงตรงนี้ ท่าทีของเฟิงฉีหยานก็เริ่มแปลก ๆ “แต่ฉันไม่คิดว่ามันเป็นความฝันหรอกนะ แต่เพราะตอนนั้นฉันไม่พบร่องรอยของมันเลย ดังนั้นจึงได้แต่เก็บมันไว้ในใจเงียบ ๆ โดยไม่ได้บอกใคร“
“ตอนนั้นนายอายุเท่าไหร่?”ลี่ซวนถาม
“น่าจะสามขวบ” เฟิงฉีหยานพูด
“แล้วฉินหลิงล่ะ?” ลี่ซวนถามอีกครั้ง
“สิบสาม ไม่ก็สิบสี่” เฟิงฉีหยานคิดสักพักก่อนที่จะตอบ
“เด็กเล็กอายุเพียง 3 หรือ 4 ขวบนี่ถือเป็นเรื่องปกติที่จะคิดเพ้อเจ้อ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องในหัวของนายเองก็ได้ ถ้าฉินหลิงอายุสิบสามสิบสี่ปีจริง เธอก็ไม่ควรจะมีพลังระดับตำนานตอนอายุเพียงแค่นั้นนะ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีความเป็นไปได้ที่จะใช้สัตว์เลี้ยงคู่หู…“ ลี่ซวนวิเคราะห์
“แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง” การแสดงออกของเฟิงฉีหยานดูหนักแน่น
“ถ้านายมั่นใจล่ะก็ แสดงว่าเธอคนนั้นมีปัญหาแล้วล่ะ” โจวเหวินพูด
เฟิงฉีหยางกล่าวว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนั้นมันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า เพราะฉะนั้นฉันอยากจะให้ช่วยหาความจริงให้หน่อย”
“แล้วจะให้ทำยังไงเล่า ? อย่าบอกนะว่าจะดึงตัวฉินหลิงมาถามว่าเธอรู้เรื่องอสูรตนนั้นรึเปล่า ? ต่อให้เรากล้าถาม แต่เธอก็คงไม่ยอมบอกหรอก? “ลี่ซวนกล่าว
“ฉันรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตอนนี้ฉันมีแค่พวกนายเท่านั้น” เฟิงฉีหยานกล่าว
“เราจะพยายามให้มากที่สุด แต่คงรับประกันไม่ได้ว่าจะได้เรื่องอะไรกลับมาหรือเปล่านะ” โจวเหวินคิดสักพักก่อนตอบ
เฟิงฉีหยานดีใจมาก แต่เขายังไม่กำชับโจวเหวิน “อาจารย์ ฉันหวังว่าสิ่งนี้จะเก็บไว้เป็นความลับ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร อย่าให้คนอื่น ๆ นอกจากพวกเรารู้อย่างเด็ดขาด”
“ฉันเข้าใจ” โจวเหวินรับคำ
“พี่โจว มีแผนอะไรไหม” เฟิงฉีหยานคิดว่าจะจัดการให้พวกเขาอยู่กับคนสองคนโดยอ้างว่าจะไปหาผู้อาวุโสที่บ้าน แต่เขาไม่มั่นใจนักจึงเลือกที่จะถามโจวเหวินก่อน
“ฉันไม่รู้ เอาเป็นว่าไปลองดูก่อนละกัน ไม่ใช่ฉีหยานบอกว่าจะจัดการให้เราติดต่อฉินหลิงหรอกเหรอ ? ถึงเวลาก็น่าจะพอมีทางเองแหละ” โจวเหวินกล่าว
“ฉันได้แมลงพิษจากย่านการค้าใต้มา หากเราสามารถติดกับผู้คนได้ก็จะส่งผลต่อเจตจำนงของพวกเขาได้ อยากลองไหม” หลี่ซวนกล่าวพร้อมหรี่ตา
“ ไม่ ไม่จำเป็น เราเป็นแขก แล้วถ้าเกิดโดนจับได้ล่ะก็เป็นเรื่องแน่” โจวเหวินส่ายหัว
“ ฉันจะไปฮุ่ยไห่เฟิง นายอยากไปกับฉันไหม” โจวเหวินถามหลี่ซวน
“ ฉันไม่คุ้นเคยกับเขา มันไม่สมเหตุสมผลที่จะไปที่นั่น ไปเองเถอะ ฉันจะไปดูรอบๆ ” ลี่ซวนกล่าว
หลังจากทั้งสองแยกจากกัน โจวเหวินก็พาหยาเอ๋อไปที่บ้านของฮุ่ย ครอบครัวของฮุ่ยนั้นเป็นครอบครัวใหญ่ในกุ้ยไห่ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องสอบถาม ใช้เวลาไม่นานก็พบบ้านของพวกเขาแล้ว
ก่อนที่จะมาถึง โจวเหวินได้เรียกหาฮุ่ยไห่เฟิงให้มาพบเขาที่ประตูก่อนแล้ว
“ ฉันไม่ได้คาดหวังว่านายจะมาเร็วขนาดนี้” ฮุ่ยไห่เฟิงกอดโจวเหวินด้วยรอยยิ้ม
โจวเหวินดูจะไม่คุ้นเคยกับความกระตือรือร้นเช่นนี้เท่าไหร่ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงอาการอะไร “ทุกอย่างยังราบรื่น แต่สถานการณ์ทางฝั่งกุ้ยไห่เลวร้ายมาก”
ฮุ่ยไห่เฟิงพยักหน้า “ มันแย่จริง ๆ เดือนนี้ยังไม่จบ มีการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในทะเล 2 มิติ แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่หากเป็นเช่นนี้ทุกเดือนต้องลำบากแน่ มันเหนื่อยมากและผิดพลาดได้ง่าย ตอนนี้สิ่งมีชีวิต 2 มิติจากทะเลอยู่ในระดับมหากาพย์ก็จริง แต่ใครจะรู้ว่าจะมีโอกาสที่พวกสิ่งมีชีวิตระดับตำนานจะมาขึ้นฝั่งในอนาคตหรือเปล่า สถานการณ์ของไฮ่เฉิงถือได้ว่าลำบากมากทีเดียว”
“ นายเคยคิดที่จะย้ายไปอยู่ในประเทศหรือเปล่า” โจวเหวินถาม
“การย้ายไปมาไม่ใช่เรื่องง่าย เรายังมีบ้านและงานในกุ้ยไห่ แม้ว่าเราจะละทิ้งธุรกิจที่บ้านและไปเมืองอื่นได้ แต่ทุกคนต้องกินดื่มและฝึกฝน ถ้าแล้วทรัพยากรของเราล่ะ? “ ฮุ่ยไห่เฟิงดึงโจวเหวินเข้าใกล้มากขึ้น “หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ ฉันจะแสดงอะไรดี ๆ ให้นายดู “
ตระกูลฮุ่ยมีขนาดใหญ่มาก ในความเป็นจริงมันไม่ใช่บ้านธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนฐานทัพเลยมากกว่า
เมื่อมาถึงสถานที่คล้ายโกดัง ฮุ่ยไห่เฟิงก็เปิดประตูก่อนจะชี้เข้าไปข้างในแล้วพูดว่า “รู้จักเจ้าสิ่งนี้ไหม”
ภายในนั้น โจวเหวินได้เห็นเข้าเครื่องจักรขนาดใหญ่ภายในโกดัง มันเต็มไปด้วยเครื่องยนต์แบบใช้จักรและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ทางด้านซ้ายของโกดังมีอุปกรณ์มากมายเช่นลู่วิ่งที่พวกสัตว์เลี้ยงหลายตัวกำลังเดินอยู่บนนั้น
“สัตว์เลี้ยงคู่หูยังฝึกแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” โจวเหวินกล่าวด้วยสายตาประหลาดใจที่ได้เห็นสัตว์เลี้ยงคู่หูพวกนั้น
“นี่คือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มันใช้พลังของสัตว์เลี้ยงคู่หูเพื่อขับเคลื่อนกลไกดังกล่าว และทำการกักเก็บพลังงานที่สร้างไว้ นี่เป็นเพราะพวกสัตว์เลี้ยงคู่หูไม่จำเป็นต้องต่อสู้ตลอดเวลา และเมื่อพวกมันไม่มีอะไรต้องทำ ดังนั้นเราจึงใช้ประโยชน์จากมันให้ทำอย่างอื่นแทน ด้วยวิธีนี้ ความแข็งแกร่งของพวกนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ และถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว” ฮุ่ยไห่เฟิงกล่าว
โจวเหวินเคยได้ยินมาก่อนว่าสัตว์เลี้ยงคู่หูกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในหลาย ๆ ที่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมันจริงๆ
“สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นพลังงานใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่” โจวเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า แต่สัตว์เลี้ยงคู่ใจสามารถฟื้นฟูความแข็งแรงทางกายภาพโดยอัตโนมัติ และไม่ต้องเติมพลังงาน ดังนั้นมันจึงง่ายมาก” ฮุ่ยไห่เฟิงกล่าว ก่อนจะพาพวกเขาเข้าไปข้างในโกดังต่อ
ด้านในสุดของโกดังมีห้องกระจกกั้นอยู่ ภายในนั้นจะเห็นได้ว่ามีเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูงอยู่ภายในและเจ้าหน้าที่หลายคนที่ยุ่งอยู่
ฮุ่ยไห่เฟิงและโจวเหวินเปลี่ยนเป็นชุดพิเศษก่อนที่จะเข้าไปในห้องกระจก จากนั้นฮุ่ยไห่เฟิงก็ชี้ไปที่บางสิ่งในถังและพูดว่า“ ดูนี่สินี่คือแนวทางการวิจัยหลักของเราในตอนนี้”
โจวเหวินมองไปที่ถังเพาะเลี้ยง เขาเห็นเข้ากับวัตถุสีขาว ๆ ที่อยู่ข้างในซึ่งดูเหมือนกับชิ้นส่วนของไขมันและคล้ายกับเชื้อราเล็กน้อย
“นี่คืออะไร?” โจวเหวินถามอย่างไม่เข้าใจ
I ตอนที่ 959
“นี่คือสิ่งมีชีวิตมิติเทียมที่เราศึกษา” ฮุ่ยไห่เฟิงตอบ
“สิ่งมีชีวิตมิติเทียม? สร้างมันขึ้นงั้นเหรอ ได้ยังไงกัน?” โจวเหวินไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ฮุ่ยไห่เฟิงอธิบายว่า “สิ่งมีชีวิตต่างมิติแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตบนโลกปกติ สิ่งมีชีวิตบนโลกโดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้คาร์บอน แต่สิ่งมีชีวิตต่างมิตินั้นแตกต่างกัน แม้ว่าสิ่งมีชีวิตบางมิติจะมีเนื้อและเลือด แต่วัสดุพื้นฐานที่ก่อตัวขึ้นนั้นไม่ใช่คาร์บอน จากการวิจัยเราพบว่าหลังจากที่สิ่งมีชีวิตบนโลกได้รับผลกระทบจากพายุต่างมิติ องค์ประกอบของร่างกายพวกมันก็ค่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ซึ่งเจ้าองค์ประกอบที่ผิดธรรมชาติพวกนี้เองที่ได้เปลี่ยนวัสดุพื้นฐานอย่างคาร์บอนดั้งเดิมไป”
“ดังนั้นเราจึงดึงองค์ประกอบนี้และพัฒนาหาวิธีใช้งานมัน จากผลการวิจัยในปัจจุบัน องค์ประกอบนี้สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและอาจทำให้พวกมันกลายพันธุ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติได้ในเวลาอันสั้น “ ฮุ่ยไห่เฟิงพูด ก่อนจะชี้ไปหาสิ่งที่พวกเขาพูดถึงด้วยความตื่นเต้น “นี่คือความสำเร็จล่าสุด เราได้ใช้องค์ประกอบนี้เพื่อเปลี่ยนเชื้อราของโลกให้กลายเป็นมากกว่าเชื้อราธรรมดาได้สำเร็จ สิ่งมีชีวิตต่างมิติแม้ว่าจะเป็นเพียงระดับปกติที่พบบ่อยที่สุด แต่นี่ก็เป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่มากทีเดียว การทดสอบพืชและสัตว์กำลังจะดำเนินการต่อไปในอนาคต ถ้าเป็นไปด้วยดี บางทีวันหนึ่งมนุษย์อาจกลายเป็นแบบนี้ได้ด้วยการฉีดสารนี้เข้าไป วันนั้นจะเป็นวันที่เราทรงพลังพอ ๆ กับพวกสิ่งมีชีวิตต่างมิติ “
“แล้วมีผลข้างเคียงไหม” โจวเหวินถามด้วยความกังวล
“จากการทดลองในปัจจุบันเรายังไม่พบผลข้างเคียง มั่นใจได้ว่าเราจะทำการทดลองอย่างเข้มงวดและจะไม่ปล่อยให้มนุษย์เสี่ยงได้อย่างแน่นอน” ฮุ่ยไห่เฟิงกล่าวต่อว่า “เป้าหมายของเราคือทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์วิวัฒนาการไปได้ไกลมากกว่านี้ ปัจจุบันนี้เราอ่อนแอเกินไป ในอนาคต หากมนุษย์สามารถมีร่างกายที่ทรงพลังเหมือนสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลังเกิดพวกเขาจะมีวิญญาณชีวิตตั้งแต่แรกเกิดเลย ถ้าทำได้จริง ในเวลานั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวการรุกรานของสิ่งมีชีวิตต่างมิติใด ๆ อีกต่อไป!
“ฟังดูดีทีเดียว” โจวเหวินพยักหน้า
“แต่นี่เป็นแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ยังคงมีหนทางอีกยาวไกลก่อนที่จะมีการทดลองในมนุษย์จริง ฉันหวังว่าวันนั้นจะไม่นานเกินไป” ฮุ่ยไห่เฟิงกล่าว
หลังออกจากห้องทดลอง ทั้งสองก็ยังคงคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในสถาบัน และสิ่งที่พวกเขากำลังทำต่อจากนี้ไป
“นายเป็นเจ้าถิ่นของกุ้ยไห่ ถ้างั้นพอจะมีช่องมิติพิเศษที่พาฉันไปดูไหม” โจวเหวินยังคิดเกี่ยวกับการดาวน์โหลดดันเจี้ยน
ฮุ่ยไห่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้านายอยากเห็นช่องมิติพิเศษล่ะก็ ถ้างั้นนายก็ถามถูกที่แล้วจริง ๆ แม้ว่ากุ้ยไห่จะเป็นสถานที่เล็ก ๆ แต่ที่นี่ก็มีช่องมิติมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องมิติในทะเล ซึ่งนายจะไม่มีวันเห็นสิ่งนั้นในทะเลแทบอื่นอย่างแน่นอน “
“พิเศษตรงไหนกัน” โจวเหวินเริ่มสนใจ
“เยอะแยะไปหมดเลยล่ะ ทั้งแนวปะการังเทพ หลุมสีฟ้าใต้ทะเล เกาะจำนวนนับไม่ถ้วน ฯลฯ ล้วนเป็นช่องมิติลึกลับและมีมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่สามารถเจาะเข้าไปในพวกมันได้ แม้แต่ปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ในต่างแดนเมื่อพวกเขาพบกับช่องมิติเหล่านี้ก็ยังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงไป “ ฮุ่ยไห่เฟิงได้เล่าให้โจวเหวินเสียจนหมดเปลือกเกี่ยวกับมิติที่มีชื่อเสียงใกล้กุ้ยไห่
“ถึงตอนนี้จะยังเช้าอยู่ แต่ฉันจะไปดูแนวปะการังที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ไหม” โจวเหวินกล่าว
“ ฉันยังมีงานต้องทำ ฉันไปกับนายไม่ได้ เอาเป็นฉันจะหาคนที่เชื่อถือได้ไปเป็นคนนำทางให้ละกัน” ฮุ่ยไห่เฟิงรับคำ
“ไม่จำเป็น เฟิงฉีหยานที่เป็นสมาชิกของกลุ่มซวนเหวินของเรา ฉันจะให้เขาจัดการให้” โจวเหวินกล่าว
“ลืมไปซะสนิทเลยแหะ แบบนั้นก็ฟังดูดีนะ” ฮุ่ยไห่เฟิงคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไม่ลืมเตือนโจวเหวิน “เมื่อเร็ว ๆ นี้ท้องทะเลไม่ค่อยสงบนัก มีอสูรทลายผนึกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน หลายครั้งฉันกลัวว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะงั้นอย่าไปไกลมาก ลองดูแค่แถว ๆ พื้นที่นอกชายฝั่งก็พอแล้ว “
หลังจากกล่าวอำลาฮุ่ยไห่เฟิง โจวเหวินก็ทำท่าจะติดต่อกับหลี่ซวน แต่แล้วเขากฌได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในเมืองกุ้ยไห่
เสียงที่รุนแรงดังก้องไปทั่วเมือง ทันใดนั้นก็มีผู้คนบนท้องถนนก็พากันวิ่งหนีไปยังที่หลบภัยใต้ดิน
“เกิดอะไรขึ้น?” โจวเหวินถามคนที่กำลังวิ่งหนีมาทางเขา
“สัตว์ทะเลบางตัวกำลังขึ้นฝั่ง รีบไปที่หลบภัยเร็วเข้า!” ชายคนนั้นพูดแล้วรีบออกไป
โจวเหวินจึงรีบวิ่งไปที่ชายฝั่ง กำแพงเมืองชั้นนอกหล่อด้วยกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กสูง ผู้คนจากตระกูลใหญ่ที่เดินทางกลับมาล้วนแต่มารวมตัวกันที่นี่
โจวเหวินขึ้นไปบนกำแพงสูง เขามองไปทางทะเลก็ต้องพบกับสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจ
ไกลออกไปไม่เท่าไหร่ มีปูตัวใหญ่ประมาณรถถังกำลังเดินขึ้นมาบนชายฝั่งจำนวนมาก ฝูงปูกรูกันมาทางเมืองกุ้ยไห่ ปูตัวใหญ่ห่างจากกำแพงสูงไม่ถึง 5 ไมล์
เมื่อมองไปที่ปูสีดำอย่างปูของลีเจี้ยน โจวเหวินก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากของเขาเพราะรู้สึกว่าน้ำลายไหลออกมา
โอหยางหลานเคยพาเขาไปกินปูมาก่อน และได้ยินมาว่ามันแพงมาก แต่รสชาติมันดีจริง ๆ
และปูนั้นก็แค่ใหญ่แบบธรรมดาเท่านั้น ปูที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ตัวใหญ่กว่ามาก ถ้าเอามาปรุงอาจจะอร่อยกว่าที่โจวเหวินกินมาก่อนหน้านี้ก็เป็นได้
“นี่นายมาจากไหนเนี่ย รีบไปหลบภัยสิ มาทำอะไรที่นี่” ชายวัยกลางคนเห็นโจวเหวินยืนอยู่บนกำแพงสูงมองดูปูตัวใหญ่ที่มาจากชายหาดอย่างงุนงง ดังนั้นเขาจึงดึงตัวและเอ่ยถาม
“ช่วยปกป้องเมือง” โจวเหวินกล่าว
“เด็กอย่างนายเนี่ยนะ ไปหาที่หลบเถอะ” คนวัยกลางคนพูดและจากไป เพื่อช่วยในการส่งเสบียง
ฟิ้ว ตู้มม!
โจวเหวินได้ยินเสียงดังของปืนใหญ่ที่วางบนกำแพงสูงกำลังเปิดฉากยิง ลูกปืนใหญ่ที่ผสมกับทองคำระเบิดใส่ฝูงปู เกิดคลื่นกระแทกของระเบิดอย่างรุนแรง
ชิ้นส่วนบางส่วนกระทบกับกระดองของปู แต่มันแทบจะไม่ได้ผลเลย ทิ้งไว้ก็เพียงบาดแผลเล็กน้อยที่กระดองเท่านั้น โดยไม่ทำให้ปูพวกนี้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด
พวกปูสองสามตัวที่ได้รับบาดเจ็บ พวกมันก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไรเลย นอกจากจะเคลื่อนที่ช้าลงเล็กน้อยเท่านั้น
ฟิ้ว ตู้มม! ฟิ้ว ตู้มม!
เสียงปืนใหญ่ยังคงดังต่อไป หลังจากที่กระสุนอีกนัดหนึ่งระเบิดในฝูงปู โจวเหวินก็เริ่มรับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ของระเบิดเหล่านั้นแล้ว ที่จริงแล้วไม่ได้เพื่อฆ่าปูตัวใหญ่ แต่เพื่อระเบิดขาของพวกมันตังหาก ด้วยวิธีนี้ พวกปูจะไม่สามารถเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เมืองกุ้ยไห่ได้อีกต่อไป
แต่พวกมันมีจำนวนมากเกินไป ถึงปูที่อยู่ข้างหน้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่พวกปูที่อยู่ด้านหลังก็ยังคลานข้ามพวกมันมา และมุ่งตรงมายังตัวเมืองกุ้ยไห่
การระดมยิงยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็ยังมีปูตัวใหญ่จำนวนมากวิ่งเข้ามาเรื่อย ๆ หลังจากปูตัวใหญ่เข้ามาในเมือง ผู้คนในครอบครัวใหญ่หลายคนก็เริ่มยิงปืนในมือของพวกเขา
เป้าหมายที่พวกเขายิงคือขาปู ถ้าหักข้อต่อของขาปูได้ละก็ เพียงเท่านี้พวกมันก็เคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว
พวกคนระดับตำนาน และระดับนักรบต่างเรียกสัตว์เลี้ยงคู่หูออกมาด้านนอกกำแพงสูง พวกเขารับผิดชอบในการต่อสู้กับปูตัวใหญ่ที่วิ่งเข้ามาใกล้ที่สุด
โจวเหวินมองไปสักพักก่อนจะพบว่ายังมียักษ์ใหญ่อยู่ใต้ทะเลใกล้ชายฝั่งอยู่อีกตัว
I ตอนที่ 960
โจวเหวินใช้ทักษะสดับฟังเพื่อสังเกตอย่างรอบคอบ ตอนนี้เขารู้แล้วว่ายักษ์ในทะเลกำลังเคลื่อนไหว
แต่ก่อนที่เขาจะตัดสินได้ว่าน้ำทะเลยักษ์คืออะไร โจวเหวินก็เห็นว่าจู่ ๆ น้ำทะเลได้ก่อตัวเป็นคลื่นขนาดใหญ่ ปูม้าน้ำลึกขนาดยักษ์ราวกับปราสาทขนาดใหญ่ได้โผล่ขึ้นมาจากทะเลท่ามกลางเกลียวคลื่นที่สาดซัด
ปูตัวใหญ่เหมือนรถถังบนชายหาดว่าตัวใหญ่มากแล้ว แต่เจ้าปูม้าตัวใหญ่นี่กลับทำให้พวกนั้นดูเหมือนลูกปูแรกเกิดไปเลย
แม้แต่กำแพงสูงที่มีความสูงมากกว่า 20 เมตรต่อหน้าปูยักษ์นี้ก็ดูเล็กไปเลย ก้ามขนาดใหญ่ของมันดูน่ากลัวมาก
เมื่อเห็นจ้าวแห่งปูยักษ์ออกมาจากทะเล ทุกคนก็พากันตกตะลึง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักรบที่ต่อสู้กับฝูงปูก็มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างมาก
ก่อนที่ขาของจ้าวแห่งปูยักษ์จะโผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล ทันใดนั้นมันก็อ้าปากและพ่นฟองอากาศออกมานับไม่ถ้วน ฟองเหล่านั้นลอยไปในทิศทางของตัวเมือง ก่อนจะปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของเมืองกุ้ยไห่
มีคนลองยิงปืนไปที่ฟองอากาศ กระสุนดูเหมือนจะพุ่งเข้าไปในฟองสบู่ได้อย่างง่ายได้ แต่ทว่าฟองที่ดูเบาและบางนั่นกลับไม่แตกเลย หลังจากกระสุนเข้าไปภายในฟองนั่นแล้ว ราวกับว่าจู่ ๆ มันก็สูญเสียทิศทาง กระสุนนั่นหยุดนิ่งอยู่ในฟองอากาศทั้งอย่างนั้น
นอกจากนี้ยังมีคนลองใช้มีด หรือแม้กระทั่งสั่งสัตว์เลี้ยงคู่หูให้เข้าไปทำลายฟองอากาศ แต่ไม่ว่าจะทำยังไง การโจมตีทั้งหมดก็ดูเหมือนจะถูกดูดซับเอาไว้ได้หมด
จากนั้นฟองอากาศที่ถูกโจมตีก็เหมือนกับถูกดึงด้วยแรงบางอย่างขึ้นไปบนท้องฟ้า ฟองอากาศบินขึ้นไปที่ความสูงหลายร้อยเมตรในพริบตาและยังคงเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนมันว่าจะทะลุผ่านชั้นบรรยากาศขึ้นไปได้แล้วในตอนนี้
พวกคนที่บินอยู่เริ่มถอยห่างจากเจ้าฟ้องอากาศพวกนั้น ท้ายที่สุดแล้วก็มีมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่รู้วิธีบินเท่านั้น ต่อให้เป็นมนุษย์ระดับนักรบก็ใช่ว่าจะบินได้ถ้าไม่มีสัตว์เลี้ยงที่บินได้
ถ้าตกจากที่สูงขนาดนั้น แน่นอนว่าได้ตายอย่างน่าสยดสยองแน่นอน
ฟองอากาศเหล่านั้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ทั้งหมดออกไปด้านนอกชั้นบรรยากาศ มันก็แตกออก
แนวป้องกันเมืองกุ้ยไห่ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายไปทั่ว แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดา แม้แต่กลุ่มคนระดับนักรบก็เริ่มล่าถอยจากกองทัพปูแล้ว และเนื่องจากการป้องกันหยุดลง ที่ด้านนอกกำแพง พวกปูเองก็จะกระแทกก้ามของพวกมันเข้ากับกำแพง เหล็กและปูนซีเมนต์ที่แตกร้าวกระเด็นไปทั่ว กำแพงสูงจะพังลงมาเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
ฟองอากาศบนท้องฟ้าได้ลอยเข้ามาในเมืองแล้ว โจวเหวินเห็นว่ากุ้ยเฉิงไม่สามารถหยุดการโจมตีเอาไว้ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงสวมชุดเกราะคริสตัลหยกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และในไม่ช้าโจวเหวินก็มาถึงจุดเหนือสุดของทะเล
พิณสีทองปรากฏในมือของเขา ก่อนที่โจวเหวินจะสะบัดนิ้วลงไปที่มัน
ฟริ้งงงง!
การสั่นสะเทือนแปลก ๆ กระจายออกไปโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่พิณทอง ฟองอากาศบนท้องฟ้าแตกออก และพวกปูที่อยู่ตามชายฝั่งและทะเลต่างทำท่าตกใจกลัวคลื่นเสียงนั่น ปูมากมายต่างกระอักของเหลวบางอย่างออกมา ก่อนจะล้มลงบนชายหาดและล้มลง แม้ว่าจะยังมีบางตัวที่ยังไม่ตาย แต่พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนยากที่ลุกขึ้นได้
โจวเหวินจงใจใช้เสียงการดีดกระแทกในทะเลที่ค่อนข้างไกลจากเมืองกุ้ยไห่ แม้ว่าพลังของการสั่นสะเทือนจะแพร่กระจายไปยังเมือง แต่ก็ค่อนข้างเบาบาง และไม่สร้างผลร้ายให้กับมนุษย์ภายในเมือง
มนุษย์ที่สามารถต่อสู้ในแนวหน้ายังคงมีฐานการฝึกอยู่บ้าง พวกเขาตกใจมากทีเดียว บางคนถึงกับอาเจียนออกมาเป็นเลือด
หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ชาวเมืองกุ้ยไห่ก็หันศีรษะไปมา พวกเขาพากันจ้อมมองออกไปยังด้านนอก ก่อนจะพบว่าฟ้องอากาศบนท้องฟ้าเกือบทั้งหมดได้หายไปแล้ว ส่วนกองทัพปูก็ได้รับบาดเจ็บและตายกันเป็นจำนวนมาก
ถ้ามองขึ้นไปก็จะเห็นโจวเหวินกำลังอยู่บนท้องฟ้าในระยะไกลได้อย่างราง ๆ
เมืองกุ้ยไห่อยู่ห่างจากชายฝั่งหลายไมล์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสายตาสั้น ถ้ามองดี ๆ พวกเขาก็สามารถมองเห็นโจวเหวินได้ไม่ใช่เหรอ?
นี่เป็นเพราะโจวเหวินสวมชุดเกราะหยกวิญญาณที่ทำหน้าที่เหมือนกระจก ชุดเกราะนี้สามารถสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์เหมือนกับแหล่งกำเนิดแสงได้ ดังนั้นต่อให้พวกเขา คนพวกนั้นก็จะเห็นเพียงแค่แสงที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์เท่านั้น
“พลังของเสียงสะท้อนนั้นก็น่ากลัวใช้ได้นะ แต่น่าเสียดายที่มันสิ้นเปลืองเกินไป แต่มันก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น” โจวเหวินเหลือบมองไปยังพิณทองในมือ มีสายที่ขาดนับไม่ถ้วนทีเดียว แต่โชคดีที่มันสามารถฟื้นตัวเองได้ ดังนั้นถ้าใช้เวลาสักหน่อยก็คงจะกลับมาเหมือนเดิมเอง
จ้าวแห่งปูยักษ์อยู่ใกล้กับโจวเหวินมาก มันตกใจเสียตัวสั่นแทบจะทำให้ท้องทะเลเกิดคลื่นยักษ์ แต่หลังจากเสียงนั่นหยุดลง สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความโกรธที่ต้องการระบาย จ้าวแห่งปูยักษ์โบกก้ามปูขนาดใหญ่ของมันเข้าใส่โจวเหวินที่ลอยอยู่ในอากาศ
ถึงมันจะใหญ่โต แต่มันก็ไม่ได้เชื่องช้าแต่อย่างใด ก้ามปูใหญ่ยักษ์โบกเข้าใส่โจวเหวินอย่างรุนแรง
ในเวลานี้หลายคนในเมืองต่างก็พากันมองไปที่โจวเหวินบนท้องฟ้า เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของจ้าวแห่งปูยักษ์ก็พากันตกใจ
แต่ทว่าการแสดงออกของโจวเหวินกลับนิ่งเฉย เขาดึงดาบไม้ไผ่ออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะกระพริบหายไป จากนั้นท้องฟ้าก็พลันแยกออก
ผู้คนในเมืองมองเห็นเพียงแสงคล้ายมนุษย์กระพริบอย่างรวดเร็วรอบ ๆ ปูยักษ์เท่านั้น และเมื่อโจวเหวินหยุดอีกครั้ง ปูยักษ์ที่กำลังโบกก้ามของมันก็พลันหยุดนิ่ง
จู่ ๆ กระดองของจ้าวแห่งปูยักษ์ก็แตกออกทีละชิ้น ก้ามปูที่ว่านั่นอยู่ก็เองก็แตกออกด้วยเช่นกัน มันตกลงไปกระแทกกับพื้นน้ำจนเกิดเสียงดัง
โครม! ตูม!
ร่างของปูยักษ์แตกออกประมาณ 45% ตัวของมันค่อย ๆ จมลงไปในทะเล ดูเหมือนคราวนี้จะตายจริง ๆ แล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้คนในเมืองต่างก็ถึงกับทำท่าไม่ถูกไปชั่วขณะ พวกเขาจ้องมองไปยังฉากจบที่ปูยักษ์จมกลับไปในทะเล ส่วนโจวเหวินที่เหมือนดวงอาทิตย์ก็หายไปในอากาศ
หลังจากนั้นไม่นานผู้คนก็แสดงปฏิกิริยา พวกเขาพากันส่งเสียงเชียร์ในที่สุด แต่ละคนดูมีความสุขกันมากทีเดียว
โจวเหวินรีบบินลึกเข้าไปในทะเล ก่อนจะหายไปจากสายตาของผู้คน
เมื่อเขากลับไปที่เมืองกุ้ยไห่ เกราะหยกวิญญาณบนร่างของเขาก็หายไป ส่วนการอุ้มหยาเอ๋อก็ทำให้ดูเหมือนคุณพ่อที่อายุน้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การกลับมาในครั้งนี้ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าโจวเหวินนั้นมีรอยสักรูปปูติดมาด้วย เจ้านี่คือไข่คู่หูของปูยักษ์ที่เขากู้มาในทะเลแล้วฟักออกมา
ราชาปูแห่งห้วงลึก: ระดับสวรรค์ประทาน
วิญญาณชีวิต: ราชามหาสมุทธ
ระดับวิญญาณ: ใจแห่งมหาสมุทธ
วงล้อแห่งโชคชะตา: ต่อต้านกฎแรงโน้มถ่วง
พละกำลัง: 80.
ความรวดเร็ว: 71.
กายภาพ: 80.
พลังปราณดั้งเดิม: 79.
สกิลโดยกำเนิด: กรงอากาศแรงโน้มถ่วง, คมมีดจอมราชัน, จักรพรรดิแห่งห้วงทะเลลึก
สถานะสัตว์เลี้ยงคู่หู: สัตว์พาหนะ
“มันคือสัตว์พาหนะในมหาสมุทร? ไม่เสียแรงที่มานี่แหะ” โจวเหวินยังไม่มีสัตว์ขี่ทางน้ำ คิงคองต้าเหว่ยกลัวน้ำ ถ้าแม่น้ำสายเล็ก ๆ อาจพอได้ แต่ถ้าทะเลคงมาไม่ไหว
สัตว์เดินดินไม่ได้อยู่ในน้ำ ดังนั้นจึงมีเพียงสัตว์ทะเลเท่านั้นที่อยู่ในน้ำ
อย่างไรก็ตาม ขนาดของราชาปูแห่งห้วงลึกนั้นใหญ่เกินไปและคาดว่าไม่สามารถใช้ที่เซียวเจียงหรือเสี่ยวเหอได้ คงต้องเก็บเอาไว้ใช้เฉพาะในมหาสมุทรเท่านั้น
“ ดูเหมือนว่าความโชคดีที่ผ่านมาจะดีมาก ฉันเพิ่งมีสัตว์เลี้ยงคู่หูในตำนานที่ดี เมื่อฉันกลับบ้าน บางทีที่นั้นอาจจะเป็นสถานที่ให้พรของฉันก็เป็นได้” โจวเหวินคิดกับตัวเอง
I ตอนที่ 961
“ ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่? จะทำอย่างไรถ้าลูกฉันโดยทำร้าย โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังได้ฆ่าจ้าวแห่งปูยักษ์ไปแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องรีบหนีเข้าไปในเมือง คิดซิว่านายจะอธิบายกับภรรยาของนายอย่างไรเมื่อกลับไป “ ชายวัยกลางคน คนก่อนนั้นได้พบกับโจวเหวินอีกครั้ง นี่นับเขาเป็นครั้งที่สองแล้ว
“เอาละ ๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” โจวเหวินรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายพูดเพราะเป็นห่วงเด็ก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตอบโต้อะไร
“ พาเด็ก ๆ ไปหลบที่บ้าน เด็ก ๆ เหล่านี้คืออนาคตของเรา” คนวัยกลางคนยังไม่ลืมที่จะกล่าวประโยคดังกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไป
โจวเหวินอุ้มเด็กไปทางประตูเมืองอีกทาง เขาต้องการแวะไปที่แนวปะการังเทพเจ้าเพื่อดูมัน วันนี้ดูเหมือนจะโชคดี เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจจะได้พบรูปแบบของมือเล็ก ๆ นั่น
แนวปะการังเทพเจ้ามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแนวปะการังราชามังกร โดยคนในพื้นที่ เมื่อใดก็ตามที่กระแสน้ำลดลง ผู้คนจะเห็นแนวปะการังรูปมังกรได้อย่างชัดเจนเหนือผิวน้ำทะเล รูปร่างของมันราวกับมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่แหวกว่ายอยู่กลางท้องทะเล
ตำนานเล่าว่าแนวปะการังอันนี้เดิมเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากสวรรค์และโลกมีข้อพันธะ นั่นจึงทำให้มังกรทะเลไม่สามารถขึ้นฝั่งได้ อย่างไรก็ตาม ลูกของมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ถูกชาวประมงตก
เพื่อช่วยลูกของตน มังกรศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจข้อพันธะของสวรรค์และโลก มันรีบวิ่งไปที่ชายฝั่งและตะครุบลูกของมัน แต่ด้วยการละเมิดข้อห้าม นั่นจึงทำให้มันไม่ได้กลับสู่ทะเลและกลายเป็นหินไปตลอดกาลจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้
เดิมนี้เป็นเรื่องราวปรัมปรา ต่อมาหลังจากพายุมิติพื้นที่ใกล้แนวปะการัง ที่นี่ก็ได้กลายเป็นพื้นที่มิติ มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่น่ากลัวมากมายปรากฏตัวขึ้นแถวนี้
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครไปถึงแนวปะการัง และไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าแนวปะการังนี้ได้รับการสร้างขึ้นใหม่เป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่
ตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นแนวปะการังได้จากริมทะเลอีกต่อไป ในน้ำตื้นมีทหารกุ้งและนายพลปูจำนวนมาก พวกมันทั้งหมดที่ว่ามามีพลังอยู่ในระดับนักรบ ว่ากันว่าส่วนที่ลึกลงไปของแนวปะการังมีเทพทะเล และเต่าจอมทัพตามตำนานอาศัยอยู่ พวกมันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติทรงพลังระดับสวรรค์ประทาน
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าลงไปในทะเลลึก ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครรู้ความจริงของตำนานเหล่านี้
มีไม่กี่คนที่กล้าเข้าไปในแนวปะการังเทพเจ้าในเมืองกุ้ยไห่ เมื่อโจวเหวินมาที่นี่เขาย่อมไม่พบใครเลย
ก่อนที่จะมา โจวเหวินได้ลองติดต่อลี่ซวน แต่โทรศัพท์มือถือของเขาไม่สามารถใช้งานได้ อาจเพราะว่าเขาอยู่ในเขตมิติ
“เด็กน้อย ทำไมถึงไม่ยอมกลับไปกัน มากับเด็กอ่อนแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?” ทันทีที่โจวเหวินมาถึงบริเวณรอบนอกของสนามมิติปะการังเทพเจ้า เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก่อนที่จะเข้าไปด้านใน
พอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นชายวัยกลางคนอยู่ตรงนั้นตอนไหนก็ไม่รู้
“บังเอิญเหลือเกินนะ แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ พี่ชาย” โจวเหวินยิ้มและถามคนวัยกลางคน
“การที่ปูขึ้นฝั่งครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับแนวปะการังเทพเจ้า ฉันเลยมาตรวจสอบ ฉันก็เตือนไปแล้วแท้ ๆ ว่ามันอันตราย ทำไมถึงยังเอาลูกของนายมาในที่แบบนี้อีก ” คนวัยกลางคนกล่าว
“นี่น้องสาวของฉัน” โจวเหวินอธิบาย
“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไม่ควรพาเธอไปในสถานที่อันตรายเช่นนี้ แม่ของนายคงอายุมากแล้ว ต้องใช้ความพยายามและความเสี่ยงอย่างมากในการให้กำเนิดลูกสาวอีกครั้ง จะทำอะไรก็คิดให้ดี ๆ “ ชายวัยกลางคนพยายามเตือนโจวเหวิน
โจวเหวินพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงมังกรคำรามมาจากทะเล ทั้งสองหันไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัวและมองไปที่ต้นทางของเสียงคำราม ทิศทางดังกล่าวตรงกับทิศทางของแนวปะการังเทพเจ้าพอดิบพอดี
อาจเป็นเพราะพวกเขายังคงอยู่ในพื้นที่นอกเขตมิติ ดังนั้นจึงมองเหตุการณ์ภายในไม่ชัดเจนนัก คงมีแต่ต้องเดินเข้าไปเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่าเสี่ยงเลย รีบพาเด็กคนนั้นกลับไปซะ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ!” ลุงวัยกลางคนบอกกับโจวเหวิน ก่อนที่เขาจะวิ่งไปยังแนวปะการังเทพเจ้า
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน ตอนนี้ผมว่าอย่าเข้าไปดีกว่านะ” โจวเหวินเตือนด้วยความกรุณา
“งานของฉันคือการตรวจสอบช่องมิติใกล้เคียง หากมีอันตรายฉันต้องเตือนล่วงหน้า อีกเดี๋ยวฉันก็ออกมาแล้ว ยังไงฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่” ลุงวัยกลางคนรีบเข้าไปในช่องมิติ
เดิมทีโจวเหวินไม่ได้วางแผนที่จะเข้าไป ดังนั้นเขาจึงมองหาจากข้างนอก แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ของชายคนนั้น เขาจึงตัดสินใจเข้าไปดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
ในยุคนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่เต็มใจสนใจคนอื่น โจวเหวินไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนแบบนี้ได้ลงคอ
เขาจับมือหยาเอ๋อแล้วเดินเข้าไปในหมอกหนาที่ดูยังไงก็คงจะไม่จางลงไปง่าย ๆ แต่เมื่อโจวเหวินเดินเข้ามาเขาก็เห็นชายหาดสีทองที่มีแสงแดดจ้าและสายลมอ่อน ๆ
ตอนนี้ชายวัยกลางคนที่เข้ามาก่อนนั้นยืนอยู่บนชายหาดจ้องมองไปยังทิศทางของทะเลอย่างว่างเปล่า
โจวเหวินตามองเขาและทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ส่องแสง ก่อนเขาจะมองเห็นมังกรศักดิ์สิทธิ์สีทองกำลังเล่นอยู่ในทะเล เกล็ดของมันราวกับหล่อขึ้นมาจากทองคำที่พากันส่องแสงลึกลับเป็นประกายภายใต้ดวงอาทิตย์
ท้ายที่สุดโจวเหวินก็ได้ที่มาของเสียง เจ้ามังกรกำลังอยู่ในช่วงวุ่นวายกับอะไรบางอย่างอยู่ เห็นดังนั้นเขาจึงรีบตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการใช้ลมหายใจเต่าเพื่อหลบซ่อนตัว หวังว่าเจ้ามังกรทองคำจะยังไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขา
ลมหายใจของมังกรทองเปรียบได้กับมังกรขาวที่โจวเหวินเห็นใต้ทะเลสาบมังกรเมื่อครั้งนู้น มันเป็นการดำรงอยู่ที่น่าสยดสยองมาก หากยังไม่รู้ความสามารถของฝ่ายตรงข้าม โจวเหวินก็ไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับมัน
มังกรทองดูเหมือนจะไม่ได้สนใจพวกมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีที่ได้ว่ายน้ำในมหาสมุทรเสียมากกว่า
ในที่สุดชายวัยกลางคนก็ได้สติจากความตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขากับมังกรทองไม่ใช่ตัวตนในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน เขาค่อย ๆ ก้าวถอยหลังและทำท่าจะออกจากสนามมิติ
ห่างออกไปไม่กี่ก้าว โจวเหวินที่จับมือของหยาเอ๋อร์สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
โจวเหวินรีบห่างออกไปเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้มังกรทองตกใจจนหันมาหา
โชคดีที่คุณลุงวัยกลางคนไม่ได้บู่มบ่ามทำอะไร คนคนนี้เองก็น่าจะรู้ดีว่ามังกรทองไม่ใช่อะไรที่จะต่อกรได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงกลืนสิ่งที่เขาต้องการจะตำหนิโจวเหวินกลับไป
ทั้งสองคนได้แต่ถอยหลังกลับมาอย่างช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ตอนนี้ใช้เวลาไม่นานนักมังกรศักดิ์สิทธิ์สีทองตัวนั้นดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันหันหน้าไปทางโจวเหวินและมองมาที่พวกเขาเขม็ง
ทันใดนั้นเข้ามังกรก็เปล่งแสงขึ้น จากนั้นร่างครึ่งหนึ่งของพวกมันก็ยื่นออกมาจากทะเลและจ้องมองพวกเขาอยู่อย่างนั้น
“บรรลัยแล้ว!” ในใจของลุงสั่นสะท้าน การจ้องมองของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเช่นนี้ เห็นที่ว่าเขาคงมีโอกาสรอดน้อยมาก
มังกรทองจ้องมองพวกเขาสักพัก จากมันนั้นก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและส่งเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่นออกมา
เสียงคำรามของมังกรทำให้ท้องทะเลที่เงียบสงบบ้าคลั่งอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นโจวเหวินและชายวัยกลางคนก็มองเห็นคลื่นทะเลและแถวของทหารกุ้ง ทหารปูหน้าตาประหลาดที่ถูกซัดขึ้นมาพร้อมกับคลื่น
“มาทางนี้…” ชายวัยกลางคนดึงโจวเหวินไปข้าง ๆ หันหลังกลับและพยายามที่จะออกจากสนามมิติ
แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ พวกเขาก็ได้พบว่าแถวของทหารกุ้งและนายพลปูได้มายืนปิดทางหนีพวกเขาไว้นานแล้ว
ตอนที่ 962
ทหารกุ้งและปูดูน่าเกรงขามมาก พวกมันแต่ละตนสูงถึง 2 เมตร เปลือกบนตัวของมันวิวัฒนาการกลายเป็นเกราะ มือและเท้าคมราวกับใบมีด ทำให้ผู้คนรู้สึกน่ากลัวและสยดสยอง ไม่ใช่อะไรที่น่าสบายใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้พบเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
อย่างไรก็ตามทหารกุ้งและปูเพียงแค่ขวางทาง ไม่ได้ทำการโจมตีทันที
มีทหารกุ้งและปูมาที่ชายหาดมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนนี้ไม่สามารถนับจำนวนที่แน่นอนได้เลย
ใบหน้าของคุณลุงวัยกลางคนนั้นน่าเกลียดมาก เขาถอนหายใจ ก่อนจะหันมาพูดกับโจวเหวิน “ฉันเคยเตือนแล้วนะว่าอย่าพาเด็กออกไปเสี่ยง แต่ก็ไม่ยอมฟัง ตอนนี้้จะเอายังไงล่ะ”
“แต่พวกเขาดูไม่มีท่าทีเป็นศัตรูเลยนะ” โจวเหวินรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตต่างมิติจะโจมตีมนุษย์ทันที แต่ทหารกุ้งและนายพลปูเหล่านี้กลับตั้งขบวนอย่างเรียบร้อยและไม่แสดงท่าทีโจมตีแต่อย่างใด
“นี่ยังเรียกว่าไม่เป็นศัตรูอีกเหรอ ต้องรอให้พวกมันฆ่าพวกเราสักคนใช่ไหมถึงจะนับ” คุณลุงวัยกลางคนเรียกสัตว์เลี้ยงคู่ใจออกมา เขาพูดอย่างหมดหวัง “อาจจะยากซะหน่อย แต่ว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่แล้ว ให้หนีไปซะ“
เมื่อพูดอย่างนั้นชายวัยกลางคนก็เข้าต่อสู้กับทหารกุ้งและนายพลปูที่ขวางทางออกทันที
ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นว่าทหารทหารและนายพลปูเหล่านั้นถูกแยกออกจากทั้งสองฝ่าย พวกมันเว้นทางไว้ก่อนจะปรากฏเต่าตัวสูงสามสิบเมตรที่สวมชุดเกราะรบสีดำขึ้น มันยืนสองขาได้เหมือนกับมนุษย์ ในมือนั้นถือปืนฉมวกเดินเข้ามาหา
เมื่อมองไปที่กล้ามเนื้อนูนบนลำตัวชุดเกราะนั้นแปลกมาก ทำให้ชายวัยกลางคนตกใจอีกครั้ง “เป็นไปได้ไหมว่านี่คือเต่าจอมทัพในตำนาน?”
เมื่อไหร่กัน!
เต่าจอมทัพก้าวมาหาพวกเขาทีละก้าว ทุกย่างก้าวดูเหมือนจะทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน มันแทงปืนฉมวกที่แบกไว้บนไหล่ลงไปที่พื้น น้ำหนักของมันก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนทรายสีเหลืองข้างๆ ดูทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ชายวัยกลางคนกัดฟัน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองไม่เก่ง แต่ก็ไม่สามารถรั้งรอได้อีกต่อไป เขาจะต้องรีบหาโอกาสโจมตีก่อนที่จะถูกฆ่า
การรอคอยนั้นชวนให้หมดหวัง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าเต่าจอมทัพพละมือ คุกเข่าข้างหนึ่งลงคำนับโจวเหวิน ก้มศีรษะลงและพูดด้วยน้ำเสียงบึ้งตึง “นายท่าน เราหวังว่านายท่านจะเข้าร่วมกับเราในทะเลแห่งนี้ ถ้านายท่านตอบรับ นายท่านกุ๋ยจะรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก“
ชายวัยกลางคนนิ่งเงียบและจ้องมองไปทางเต่าจอมทัพ ซึ่งคุกเข่าหนึ่งเข่าอยู่ที่นั่นเกือบจะคิดว่าเขากำลังฝันอยู่รึเปล่า
เต่าจอมทัพ สัตว์ในตำนานที่ทรงพลังจนยากจะเอ่ย แต่มันกลับยกย่องคนผู้นี้ด้วยความเคารพอย่างสูงเสียอย่างงั้น
ชายวัยกลางคนมองไปที่โจวเหวินด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้เขาเริ่มตั้งข้อสงสัยเสียแล้วว่าโจวเหวินเป็นมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากพวกสิ่งมีชีวิตต่างมิติหรือเปล่า
“คนไหนคือนายท่านที่ว่า” โจวเหวินเหลือบมองไปทางทะเล แต่มังกรทองหายไปแล้ว
“นายท่านของข้าไปเข้าพบกับอาจารย์ของเขาอยู่ ตอนนี้นายท่านกำลังรอนายท่านของเขาอยู่ในวังมังกร” เต่าจอมทัพกล่าว
“ ถ้าอย่างนั้นฉันว่าคน ๆ นี้ไม่เกี่ยวข้องหรอก ปล่อยเขาออกไปเถอะ” โจวเหวินชี้ไปที่ชายวัยกลางคน
“ข้าจะปฏิบัติตามที่ท่านขอ” เต่านายกลุกขึ้นยืนโบกมือและทหารกุ้งที่ขวางทางก็หลีกทางให้
“สิ่งมีชีวิตต่างมิตินั้นโหดร้าย อย่าเสี่ยงจะดีกว่า” ชายวัยกลางคนเตือนด้วยความลังเล
“ไม่เป็นไร แค่วังมังกร ที่แบบนั้นรั้งฉันไม่ได้หรอก กลับไปก่อนเถอะ” โจวเหวินกล่าว
การแสดงออกของชายวัยกลางคนดูแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปทางออกของสนามมิติ
พลทหารกุ้งไม่ได้หยุดเขาเอาไว้ตามที่สั่ง พวกมันทั้งหมดมาเพื่อพบกับโจวเหวินเท่านั้น
พวกทหารเรียงแถวกันทั้งสองด้านเพื่อทำการแยกน้ำทะเลออกจากกัน ราวกับว่าทะเลได้เปิดม่าน มันได้เผยให้เห็นถนนใต้ทะเลซึ่งทอดไปยังส่วนลึกของมหาสมุทร
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นโจวเหวินเดินลงไปในทะเลพร้อมกับเด็กสาว เขาก็กัดฟันออกมาจากสนามมิติ นอกเขตมิติเขามองย้อนกลับไปที่หมอก ภาพของชายหาดและทะเลรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
“สิ่งมีชีวิตต่างมิติในตำนานคุกเข่าลงให้กับเจ้าหนูมนุษย์ ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ฉันได้เห็นอย่างแน่นอนเลย” คนวัยกลางคนรู้สึกไม่เชื่อและคิดว่านั่นเป็นแค่เรื่องเพ้อเจ้อ
เต่าจอมทัพเป็นผู้นำทางโจวเหวินมุ่งหน้าไปยังทะเลลึก ทิวทัศน์ก้นทะเลนั้นงดงามและลี้ลับ น้ำทะเลเหมือนม่านสามารถมองเห็นสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลนานาชนิดและสามารถเดินไปมาได้ทุกหนทุกแห่ง
นอกจากนี้เขายังเห็นผู้หญิงสวยบางคนนอนอยู่ในเปลือกหอย นี่น่าจะเป็นหอยแมลงภู่ในตำนาน
โจวเหวินคิดเสมอว่าเผ่าพันธุ์มังกรทะเลควรอาศัยอยู่ในวังก้นทะเลเช่นเดียวกับวังคริสตัลน้ำที่เจ้าของเป็นที่อยู่อาศัยของราชามังกรทะเลตะวันออก
แต่ราชามังกรผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากนัก เมื่อโจวเหวินมาถึงวังมังกร เขาก็พบว่ามันกลับกลายเป็นซากเรือขนาดใหญ่ โจวเหวินไม่รู้มากนักเกี่ยวกับเรือรบ และไม่รู้ว่าเรือนี้เป็นเรือประเภทใด จากขนาดของเรือที่โจวเหวินคาดเดาว่าอาจเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินหน่วยรบทางทะเลที่ทันสมัยที่สุดก่อนสมัยที่จะมีพายุมิติ
อย่างไรก็ตาม หลังจากพายุมิติ บรรดาเรือบรรทุกเครื่องบินและกองยานและเรือสำราญต่าง ๆ เกือบจะล่มสลายลงด้วยน้ำมือของสิ่งมีชีวิตต่างมิติ
แม้ว่าเรือลำนี้จะไม่ใช่เรือบรรทุกเครื่องบิน แต่มันก็ไม่เข้ากับวังมังกรแต่อย่างใด
ซากเรืออับปางดูเหมือนจะมีการป้องกันบางอย่าง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลเข้าใกล้ซากเรือ โจวเหวินเดินตามเต่าจอมทัพไปที่ดาดฟ้า จากนั้นมันก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งอีกครั้งแล้วก้มศีรษะไปที่ตำแหน่งของห้องโดยสาร“ ข้าพาเขามาตามนัดแล้วขอรับ “
“ ท่าน ได้โปรดเข้าร่วมกับเรา” มนุษย์หอยเพศชายที่มีเสน่ห์เข้ามาหาโจวเหวิน เข้าทักทายด้วยท่าทางที่เป็นมิตร
โจวเหวินเดินตามหอยตนนั้นเข้าไปในห้องโดยสาร ในไม่ช้าก็มาถึงห้องโดยสารที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม
ข้อสงสัยเกิดขึ้นในใจของโจวเหวิน เมื่อมังกรทองตัวใหญ่เข้ามาในห้องโดยสารกลับกลายเป็นผู้หญิงรูปร่างท้วมสวมชุดเกราะสงครามสีทอง เธอมีเขามังกรอยู่บนหัวและมีผมสีทอง นั่งอยู่ตรงข้ามห้องบนบัลลังค์เหมือนราชินี
แต่เก้าอี้ไม่เหมือนเก้าอี้ปะการังราชามังกรในตำนาน แต่ดูเหมือนกับคอนโซลเรือรบของมนุษย์
“นอกจากมังกรทองจะเพศเมียแล้ว มันยังมีร่างมนุษย์ด้วย!” โจวเหวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ราชินีมังกรสองสามครั้ง
ราชินีมังกรมีผิวขาว แต่รูม่านตาของเธอเป็นสีทอง หญิงสาวมองไปที่โจวเหวินและถามว่า “เผ่าพันธุ์มังกรโบราณส่งคุณมาใช่ไหม”
“เผ่ามังกรโบราณ? ไม่เคยได้ยินมาก่อน” โจวเหวินกล่าว
“ถ้าไม่ใช่คนของมังกรโบราณ เหตุใดจึงมีตราสัญลักษณ์ของเผ่ามังกรโบราณ?” ราชินีมังกรขมวดคิ้ว
“ตราสัญลักษณ์ของเผ่ามังกรโบราณ”? โจวเหวินสะดุ้งเล็กน้อยแล้วจำอะไรบางอย่างได้ เขาบีบฟันมังกรที่คอแล้วพูดว่า“ หมายถึงไอ้นี่เหรอ? อาจารย์ของฉันเอาฟันมังกรมาเป็นของขวัญธรรมดา ๆ ไม่ใช่ตราอะไรนั่นหรอก “
ราชินีมังกรจ้องมองไปที่โจวเหวินชั่วขณะ “เนื่องจากคุณมีสิ่งของอันราชสกุลของเผ่าพันธุ์มังกรโบราณ ไม่ว่าคุณจะหามาจากที่ใด แต่คุณก็นับได้ว่าเป็นคนของเผ่ามังกรโบราณ ตั้งแต่วันนี้คุณคือเจ้าชายแห่งวังมังกรของฉัน”
I บทที่ 963
โจวเหวินมองไปที่ราชินีมังกรด้วยความประหลาดใจ ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรเขาไม่เคยคิดว่าราชินีมังกรจะพูดแบบนี้
ตัวเองเป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์ส่วนราชินีมังกรเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติ ไม่ใช่สายพันธุ์ของโลกใบนี้ แล้วแบบนี้เขาจะกลายเป็นเจ้าชายของมังกรได้ไงเล่า?
โจวเหวินไม่เคยคิดเรื่องการแต่งงานเขาจึงพูดว่า“ ขอบคุณสำหรับความรัก แต่ฉันไม่ได้วางแผนที่จะแต่งงาน”
เมื่อราชินีมังกรได้ยินคำตอบของโจวเหวิน ใบหน้าของเธอก็พลันเย็นลงทันที “จะมาอยู่กับฉัน หรือว่าจะตายเลือกเอา”
การแสดงออกของโจวเหวินมองไปที่ราชินีมังกรอย่างแปลกประหลาดและถามว่า “ถ้าคุณอยากแต่งงาน คงมีผู้ชายหลายคนที่เต็มใจ ทำไมถึงต้องเลือกฉันด้วย”
ราชินีมังกรเมื่อได้ยินดังนั้นพลันกล่าวด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง “มนุษย์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเคียงข้างราชินีมังกรผู้นี้ได้”
“แล้วฉันไม่ใช่มนุษย์เหรอ” โจวเหวินถามอย่างสงสัย
ราชินีมังกรไม่ตอบ ทว่าจ้องเขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “ตอนนี้ข้าต้องการคำตอบ จะอยู่ที่นี่หรือว่าจะตายซะ?”
“ขอโทษนะ ฉันยังไม่อยากคิดเรื่องแต่งงานตอนนี้” แน่นอนว่าโจวเหวินไม่สามารถเลือกที่จะอยู่กับอีกฝ่ายได้ ยังไงเสียพวกเขาก็แตกต่างกันเกินไป
ราชินีมังกรสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน “จัดการเขาซะ”
สิ้นเสียงของราชินีมังกร พลทหารกุ้งและนายพลปูก็รีบวิ่งขึ้นเข้ามาทันที ปืนกุ้งในมือทหารกุ้งแทงไปที่โจวเหวิน
โจวเหวินใช้วิชาในการหลบหลีกและรีบวิ่งไปที่ทางออกของห้องโดยสาร
ทหารกุ้งที่เฝ้าทางออกก็แทงโจวเหวินด้วยปืนกุ้ง
เขาชักดาบไม้ไผ่ออกมาจากฝักและตัดปืนหัวกุ้งที่แทงข้างหน้าเขาออกทั้งหมด ก่อนที่โจวเหวินจะพาหยาเอ๋อร์ไปที่ดาดฟ้า
เต่าจอมทัพยืนอยู่บนดาดฟ้า ความถ่อมตัวก่อนหน้านี้ของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิง เจ้าเต่าถือปืนเหล็กขนาดใหญ่และกระโจนเข้าใส่โจวเหวิน
การโจมตีของปืนนั้นเร็วและรุนแรงมาก ไหนจะน้ำหนักของปืนอีก โจวเหวินคาดว่าความแข็งแกร่งของเต่าจอมทัพอาจไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามหลบหลีกอย่างเต็มความสามารถ
การโจมตีของเต่าจอมทัพนั้นลื่นไหลรวดเร็วราวกับสายลมพัดผ่านใบไม้ ร่างกายที่ใหญ่โตแต่กลับดูรวดเร็วไม่สมรูปร่าง โจวเหวินสะบัดซ้ายและขวาอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าเขาจะหลีกเลี่ยงการโจมตี แต่ก็ไม่มีทางที่จะสลัดฝ่ายตรงข้ามให้หลุดได้เลยแม้แต่น้อย
“ถ้าลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ ราชินีมังกรคงยิ่งกว่านี้แน่นอน” โจวเหวินไม่ตื่นตระหนก เขามีความสามารถในการเทเลพอร์ตและความสามารถในการล่องหน เขาสามารถหลบหนีได้แม้ว่าเขาจะไม่สามารถต่อสู้ได้ก็ตาม
“คนคนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเต่าจอมทัพผู้เป็นตำนาน เขาเป็นนักรบที่บ้าคลั่งสุด ๆ !” โจวเหวินเห็นเต่าจอมทัพที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ยิ่งต่อสู้เจ้าเต่าก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าการโจมตีของมันจะยังไม่อาจคุมคามโจวเหวินได้มากเท่าไหร่ แต่ถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ว่าแล้วเขาจึงเปลี่ยนไปใช้พลังชีวิต อารยมิติโดยตรงและใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ตเพื่อหลบหนีออกจากวังมังกร
ไม่ว่าเต่าจอมทัพจะดุร้ายแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถติดตามโจวเหวินที่มีความสามารถเทเลพอร์ตได้ ในที่สุดเขาก็สลัดเต่าจอมทัพไปได้เสียที
โจวเหวินพยายามจะว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาสีทองแวบ ๆ นั่นคือเงาของราชินีมังกรเกล็ดมังกรสีทองนั่นเอง ร่างกายของเธอว่าชวนเร่าร้อนแล้ว แต่หมัดของเธอร้อนยิ่งกว่าเสียอีก หนึ่งหมัดโจมตีของราชินีมังกรก็ทำให้เกิดกระแสน้ำวนที่น่ากลัวขึ้น ทำให้ร่างกายของโจวเหวินถูกดึงเข้าหาหมัดโดยไม่อาจควบคุม
โจวเหวินใช้เทเลพอร์ตอย่างรวดเร็วเพื่อหนีพลังดึงดูดดดังกล่าว แต่ทว่าราชินีมังกรก็มายืนอยู่ด้านหน้าเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้นตามมา
โจวเหวินต้องเทเลพอร์ตหลบอีกครั้ง แต่การเทเลพอร์ตติดต่อกันหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งเขาก็ยังไม่สามารถหนีไปจากราชินีมังกรได้ ทุกครั้งที่เทเลพอร์ตออกมา ราชินีมังกรก็จะปรากฏตัวต่อหน้าเขาได้ทุกครั้งไป
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือโจวเหวินได้เทเลพอร์ตติดต่อกันหลายครั้ง ตามทฤษฎีแล้วมันควรจะออกจากทะเลและมาที่ชายหาดนานแล้ว แต่สิ่งที่เขาเห็นยังคงเป็นน้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดราวกับว่าเขายังคงดูเหมือนลึกลงไปในมหาสมุทรเสียอย่างงั้น
“ภายใต้มหาสมุทธแห่งนี้ ฉันสามารถไปที่ไหนก็ได้ เว้นแต่ว่านายจะบินได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังว่าจะหนีฉันพ้น ตอนนี้ฉันยังให้โอกาสเจ้ายอมที่จะมาเป็นองค์ชายอยู่นะ” ราชามังกรกล่าวขณะไล่ล่าโจวเหวิน
“ชอบอะไรในตัวฉันกัน แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่เปลี่ยนความคิดหรอกนะ” โจวเหวินกล่าวอย่างเรียบ ๆ
“ถ้างั้นก็เตรียมตัวตาย” ราชินีมังกรไม่ใช่มนุษย์ และเธอไม่สนใจในคำพูดของชายหนุ่มแม้แต่น้อย
“คุณเป็นมังกร ฉันเป็นมนุษย์ เราเข้ากันไม่ได้หรอก” โจวเหวินกล่าวขณะที่กำลังคิดหาทางหนี
“ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนแต่งกับนายล่ะ ฉันอยากให้นายเป็นเจ้าชายวังมังกรเพื่อแต่งงานกับน้องสาวของฉัน เธอเป็นครึ่งมนุษย์” ราชินีมังกรกล่าว
“เดี๋ยวก่อน หมายถึงให้ฉันแต่งงานกับน้องสาวของคุณใช่ไหม แต่ฉันไม่เคยเจอน้องของคุณมาก่อน น้องสาวของคุณคือใคร” โจวเหวินสะดุ้งเล็กน้อย
ราชามังกรยืนอยู่ตรงข้ามกับโจวเหวินและไม่ได้ไล่ตามเขาต่อ เธอหยิบเปลือกหอย เมื่อเปิดมันออกเปลือกหอยก็เปล่งแสงออกมา เช่นเดียวกับการฉายภาพโฮโลแกรมรังสีของแสงกลั่นตัวเป็นแสงและเงาของผู้หญิง
“ฉินหลิง!” โจวเหวินร้องออกมาทันทีที่ร่างของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของแสงและเงานั้นคือฉินหลิงอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่จะเป็นคนอื่นอย่างแน่นอน
“เคยเจอกันแล้วงั้นเหรอ? งั้นก็ดีเลย ในกรณีนี้นายก็สามารถอยู่ในวังมังกรอย่างสบายใจและรอที่จะแต่งงานกับน้องสาวของฉันได้แล้ว” ราชามังกรกล่าว
“เดี๋ยวก่อน!” โจวเหวินยกมือห้ามราชามังกรที่กำลังจะจับเขา“ ถ้าน้องสาวของคุณคือฉินหลิงจริง ๆ เธอก็มีคู่หมั้นอยู่แล้วนะ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แม้ว่าฉันจะเต็มใจแต่งงานกับเธอ แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับฉันหรอก ฉันคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ“
ราชามังกรกล่าวอย่างเย็นชา “สามัญชนไม่ควรค่ากับน้องสาวของฉัน”
“คู่หมั้นของน้องสาวของคุณเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดา พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขานั้นยากที่จะรับมือ เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในอนาคตอย่างแน่นอน เขาดีกว่าฉันแน่…” โจวเหวินพูดอย่างถ่อมตัว
แต่นี่เป็นเรื่องจริง ความสามารถโดยกำเนิดของเฟิงชิวเยี่ยนนั้นไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ แล้วเขายังฝึกฝนหนักว่าโจวเหวินเสียอีก
“ ไม่ว่าเขาจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถรวมกันได้หากไม่ได้รับการอนุมัติจากกฎมิติ” ราชามังกรกล่าว
“กฎมิติอะไร? ฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ผ่าน ฉันก็ต้องไม่ผ่านด้วยไม่ใช่เหรอ” โจวเหวินยิ่งสับสน
“นายต่างออกไป นายมีสิ่งที่ทำให้พวกเรายอมรับ” ราชามังกรกล่าว
“เมื่อไหร่?” โจวเหวินรู้สึกงงงวยมากขึ้น เขาก็ไม่มีรอยประทับบนหัวซะหน่อย ทำไมราชามังกรถึงบอกว่าเขาได้รับการอนุมัติ?
ราชามังกรหญิงพูดอย่างเย็นชา “แสร้งโง่เก่งจังเลยนะ นายคิดว่าราชามังกรไม่รู้จักการ์ดแต่งงานหรือไง?”
“การ์ดแต่งงาน?” ทันใดนั้นโจวเหวินก็นึกอะไรขึ้นได้รีบหยิบแผ่นหินที่ได้มา “หมายถึงนี่เหรอ”
I บทที่ 964
“ใช่แล้ว” ทันทีที่ราชินีมังกรเห็นแผ่นหิน เธอก็ยืนยัน
“ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันง่ายมาก ฉันสามารถมอบมันให้กับคู่หมั้นของน้องสาวของคุณ พวกเขาจะได้มีโอกาสอีกครั้งนึง” โจวเหวินกล่าว
“ไม่ได้หรอก เพราะมันได้ผูกพันธะเอาไว้แล้ว” ราชามังกรกล่าวเสียงเย็น
“บัดซบ! แล้วไอ้หมอนั่นมันจะเอามาให้ฉันทำไมเนี่ย? ฉันไม่ได้อยากแต่งงานซะหน่อย” โจวเหวินหน้าเขียวด้วยความเสียใจ ถ้ารู้อย่างงี้เขาไม่รับมันมาซะก็ดีอยู่หรอก
แต่ว่าเขาได้รับรู้อย่างหนึ่ง การสันนิษฐานนั้นถูกต้อง คู่หมั้นของเฟิงชิวเยี่ยนไม่ใช่คน อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ
“แต่ว่าที่จริงแล้วถึงจะไม่มีตราหินนี่ ฉันยังก็คิดว่าคุณควรจะยกน้องสาวให้กับคู่หมั้นของเธออยู่ดีนะ ทำไมถึงต้องมาแตกหักกับเรื่องนี้ด้วย?” โจวเหวินพยายามใช้คำพูดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับราชินีมังกร
หากคิดให้ดี ราชินีมังกรคนนี้ยังคงเป็นพี่สาวคนโตของเฟิงชิวเยี่ยน ไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่จะต้องมีการต่อสู้ฆ่าฟันกับคนเช่นนี้
“ ถ้าไม่มีแผ่นหินนี้ นายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งอะไรได้ ถ้านายไม่สามารถที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเธอได้ เธอจะเป็นได้เพียงแค่นางบำเรอของราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร” ราชินีมังกรกล่าว
“ราชามังกรเจ็ดคาบสมุทธ?” โจวเหวินรู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาได้ยินเพียง 4 ราชามังกรทะเล ราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรคงจะไม่ต่างกัน แล้วทำไมฉินหลิงถึงต้องกลายเป็นนางบำเรอของเขากัน?
ราชินีมังกรเป็นฝ่ายถามโจวเหวิน ดังนั้นเธอจึงต้องอธิบาย “อาณาเขตทะเลแห่งนี้เรียกว่าเจ็ดคาบสมุทรมังกร มันเป็นเขตมิติขนาดใหญ่ แนวปะการังเทพเจ้าเป็นเพียงหนึ่งในเขตมิติขนาดเล็ก แต่ละส่วนเป็นเหมือนทะเลในช่องมิติ เช่นแนวปะการังเทพเจ้าที่มีราชินีมังกรอย่างฉันเป็นผู้ปกครอง แต่ผู้ปกครองสูงสุดคือราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร ที่ปกครองมังกรทะเลทั้ง 7“
การอธิบายของราชินีมังกรทำให้โจวเหวินเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ธรรมชาติของมังกรนั้นประหลาดมาก เขตเจ็ดคาบสมุทรเป็นแค่ฐานฮาเร็มของราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร เมื่อมีมังกรหญิงเกิดใหม่ก็จะถูกรวมอยู่ในฮาเร็มด้วยทันที
พ่อของราชินีมังกรคือราชามังกรแห่งทะเล และแม่ของเธอก็เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเช่นกัน เพราะราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทรต้องการครอบครองแม่ของเธอ ราชามังกรคนก่อนหน้าของเธอจึงได้เข้าต่อสู้กับราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรและก็คงจะถูกสังหาร
แม่ของเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสงครามครั้งนั้นและได้รับการช่วยเหลือจากมนุษย์ ต่อมาเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและแม่ของเธอให้กำเนิดฉินหลิง ก่อนจะเสียชีวิตไป
ราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรไม่ได้เป็นคนฆ่าเธอ จากนั้นก็ให้หญิงสาวตรงหน้ากลายเป็นราชินีมังกรแห่งแนวปะการังเทพเจ้า แต่มันไม่ได้มาจากความปรารถนาที่ดี เขากำลังรอให้ฉินหลิงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และเมื่อนั้นพวกเขาจะต้องกลายเป็นหน่งในฮาเร็มของราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร
“ไม่เคยคิดจะสังหารราชามังกรอะไรนั่นเลยเหรอ” โจวเหวินถาม
“ราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทรอยู่ในระดับตัวตนแห่งหายนะ แม้ว่า 7 ราชามังกรจะผนึกกำลังกัน แต่พวกเราก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” ราชินีมังกรกล่าวเบา ๆ
“หมายความว่ายังไง?” โจวเหวินก็ปวดหัวหลังจากได้ยิน เขาคงไม่มีทางที่จะต่อกรกับตัวตนแห่งหายนะได้แน่นอน
“คุณพาน้องสาวของคุณหนีไปทางบกไม่ได้เหรอ? สวรรค์และโลกมีขนาดใหญ่จะตาย แค่นี้ราชามังกรคงจะหาพวกคุณไม่พบแล้ว โจวเหวินคิดสักพัก
ราชินีมังกรพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าเคยคิดอย่างนั้น แต่เราถูกจำกัดโดยช่องมิติและเป็นไปไม่ได้ที่จะออกจากที่นี่ ข้าออกจากช่องมิติไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่น้องสาวของข้ามีสายเลือดมนุษย์ครึ่งหนึ่ง เธอเลยออกไปข้างนอกได้ แต่ไม่ไกลจากทะเลมากนักเว้นแต่…“
ต้องบอกว่าหญิงสาวไม่ได้พูดต่อ แต่มองไปที่โจวเหวิน
โจวเหวินเข้าใจทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร และรีบแทรกเธอในทันที “บัญชาจากสวรรค์ในร่างของฉันสามารถยกเลิกข้อจำกัดของเธอ และออกจากช่องมิติได้ใช่ไหม?”
“ถูกต้อง ดังนั้นเธอจึงสามารถแต่งงานกับคุณได้เท่านั้น และใช้พลังของเทียนซิน เพื่อยกเลิกข้อจำกัดของสนามมิติที่มีต่อเธอ” ราชินีมังกรกล่าว
โจวเหวินที่ได้ยินดังนั้นจึงส่ายหัวและพูดว่า “ฉันมีการ์ดแค่ใบเดียว แม้ว่าฉันจะสามารถช่วยฉินหลิงได้ แต่ฉันก็ไม่สามารถช่วยคุณด้วยได้นะ?”
“ฉันดูแลตัวเองได้ นายแค่แต่งงานกับฉินหลิงและปกป้องเธอเท่านั้นก็พอ” ราชินีมังกรกล่าว
“เป็นไปไม่ได้หรอก” โจวเหวินส่ายหัว
“ถ้าไม่ทำตามก็ตายไปซะ” ราชินีมังกรกล่าวอย่างเย็นชา
โจวเหวินมองราชินีมังกรและพูดต่อ “ถ้าฉันไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ฉันรู้เรื่องนี้แล้ว แล้วแบบนี้จะปล่อยให้ฉันทนดูโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพวกคุณโดยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง แบบนี้ฉันไม่เอาด้วยหรอก ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปฆ่าราชามังกรอะไรนั่นแล้วช่วยน้องสาวของคุณและคาบสมุทรทั้งเจ็ดยังจะดีซะกว่า “
โจวเหวินคิดในใจว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดี เขาอาจได้รับผลประโยชน์มหาศาลในขณะที่เกิดความขัดแย้งระหว่างมังกรทั้ง 7
ราชินีมังกรมองไปที่โจวเหวินราวกับว่าเธอกำลังมองคนโง่ “รู้ไหมว่าระดับความกลัวคืออะไร? แค่กระดิกนิ้วครั้งเดียวก็ฆ่าแกได้ 1,000,000 ครั้งแล้วมั้ง”
“อันดับความกลัวฉันเคยเห็นมาไม่กี่ตัว มันไม่น่ากลัวอย่างที่ว่าหรอก ถ้าคุณเชื่อฉัน โปรดให้เวลาฉัน และฉันจะสามารถช่วยได้ ” โจวเหวินคิดหาวิธีโน้มน้าวราชินีมังกร และปล่อยให้เธอเป็นที่คลางแคลงในหมู่ 7 มังกร
“ต่อให้นายมีเวลามากแค่ไหน แต่มนุษย์ก็ไม่สามารถเอาชนะราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรได้หรอก ต่อให้ใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ตามอายุของเผ่ามังกร ฉินหลิงจะเป็นผู้ใหญ่ในอีกครึ่งปี” ราชินีมังกรกล่าว
“แล้วคุณล่ะ?” โจวเหวินถามราชินีมังกร.
“ไม่ถึงเดือน” ราชินีมังกรลังเล แต่ยังคงตอบคำถามของโจวเหวิน
“ น้อยกว่าหนึ่งเดือนหรือเปล่า” โจวเหวินครวญคราง
เห็นได้ชัดว่ามันยากมากที่จะเลื่อนระดับตัวตนแห่งหายนะ โจวเหวินไม่รู้เลยว่ากล้วยอมตะสามารถเลื่อนขั้นได้ภายในหนึ่งเดือนหรือไม่
“อย่ายืดยาดอีกเลย มันมีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น พาฉินหลิงหนีไป เพื่อไม่ให้ราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทรหาเธอพบ” ราชินีมังกรกล่าว
“แล้วคุณละ?” โจวเหวินหมายความว่าฉินหลิงมีเวลาครึ่งปีที่จะไป ส่วนราชินีมังกรอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งเดือน โดยธรรมชาติแล้วเธอต้องช่วยราชินีมังกรก่อนฉินหลิง อย่างน้อยของเธอก็ยังพอมีเวลามากกว่า
อย่างไรก็ตามคำพูดนั้นได้ยินเข้าหูของราชินีมังกร แต่มันแตกต่างกันเล็กน้อยและราชินีมังกรมองไปที่โจวเหวินอย่างเคร่งเครียด
โจวเหวินไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดปกติกับคำพูดของเขาและไม่ได้ใส่ใจกับความแปลกประหลาดของราชินีมังกร ตอนนี้เขากำลังคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดี
มันเป็นเรื่องยากที่จะฆ่าสิ่งมีชีวิตมิติที่อยู่ในระดับตัวตนแห่งหายนะแต่ถ้ามีคนทรยศมาช่วยนางบางทีก็อาจจะยังมีโอกาส
ตามความหมายของราชินีมังกร ราชามังกรทั้ง 7 จะต้องทรยศต่อราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทร หากพวกเขาสามารถกระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ภายในพวกเขาอาจมีโอกาสที่จะฆ่าราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรได้
ราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทรนั้นอาจต่อกรได้ยากมากถึงมากที่สุด แต่ตัวตนแห่งหายนะบางครั้งก็ไม่ได้น่ากลัวสมระดับเสมอไป หากสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้อาจไม่จำเป็นต้องรอให้กล้วยอมตะวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์ด้วยซ้ำ
“คุณมีชื่อว่าอะไร จะได้เรียกกันง่ายๆ” โจวเหวินมองไปที่ราชามังกรถาม
I บทที่ 965
“มิกะ” ราชามังกรหญิงตอบรับ
“มิกะ ในความเป็นจริงมันไม่ใช่วิธีที่ดีที่จะพาฉินหลิงไป พันธะของช่องมิติจะหายไปในอนาคตอย่างแน่นอน คิดเหรอว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงเธอจะหนีราชามังกรพ้น? ฉันกลัวว่าเมื่อถึงเวลาที่ถูกจับได้มันจะยิ่งแย่ลงไปอีก ทางออกเดียวคือฆ่าราชามังกรซะ เพื่อให้น้องของคุณได้รับการปลดปล่อยอย่างแท้จริง” โจวเหวินกล่าวด้วยความจริงใจ
“เราสามารถจัดการกับราชามังกรก่อนได้ คุณช่วยบอกฉันก่อนได้ไหมว่าราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรคือสิ่งมีชีวิตต่างมิติแบบไหน? “
“ชนิดที่ว่าถ้าฉันไม่สามารถก้าวไปสู่อันดับความกลัวก็คงไม่มีความหวัง” ถึงมิกะจะพูดเช่นนั้น แต่เธอก็ยอมบอกโจวเหวินเกี่ยวกับราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร
เนื่องจากพ่อของมิกะเคยต่อสู้กับราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรมาก่อน มิกะจึงได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาของเธอเอง และเธอก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถของราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรอย่างแท้จริง
แต่ก็ยังมีความสามารถบางอย่างที่ใช้โดยราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ดังนั้นเธอจึงเล่ามันแบบผ่าน ๆ
ตามที่มิกะกล่าว ราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรดูเหมือนจะไม่ใช่มังกรศักดิ์สิทธิ์ในความหมายดั้งเดิม มันมีหัวมังกร 7 หัวและตัวขนาดมหึมา มีพลังที่หาที่เปรียบมิได้
เมื่อถูกจับโดยราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรมันก็ยากที่จะหลุดพ้นไปได้
ในเวลานั้นพ่อของมิกะมีพลังการต่อสู้ที่ทรงพลังมาก แม้จะในหมู่มังกรทั้ง 7 ก็ถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งระดับสูงสุด ร่างกายของมังกรทองนั้นเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นอมตะ
แต่หลังจากถูกจับโดยราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร ร่างมังกรทองก็ไม่สามารถต้านทานพลังแห่งความหวาดกลัวได้ และในที่สุดมิกะก็ต้องมองร่างพ่อเธอถูกกลืนโดยราชามังกรเจ็ดคาบสมุทร
“มังกรแต่ละตัวมีพลังของคุณสมบัติที่แตกต่างกันใช่ไหม? แบบ ใช้ลม ใช้ไฟ พ่นสายฟ้าออกจากปากได้ แบบนั้นน่ะ” โจวเหวินนึกถึงยามาตะโนะ โอโรจิที่เคยได้เห็นมาก่อน
“ไม่ มังกรทั้งเจ็ดมีพลังที่คล้าย ๆ กันและสามารถพ่นของเหลวที่น่ากลัวออกมาได้ เมื่อสัมผัสกับของเหลวร่างกายจะเป็นอัมพาต ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น” มิกะกล่าว
“พลังความกลัวของมันคืออะไร” โจวเหวินถามอย่างละเอียด
“ฉันไม่เคยเห็น เมื่อมันใช้สภาวะแห่งความกลัว มหาสมุทรก็เกิดคลื่นยักษ์ ฉันสามารถเห็นมังกรที่น่ากลัวตัวหนึ่งกลิ้งไปมาในเกลียวคลื่น แต่นั่นคงไม่สามารถเอาไปพิสูจน์อะไรได้” มิกะตอบ
“ในความคิดของคุณละ ถ้าคุณยินดีที่จะร่วมมือกับฉันมันก็อาจจะยากเกินไปที่จะฆ่าราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทร แต่หากคุณสามารถติดต่อราชามังกรอีก 6 คนและให้พวกเขาร่วมมือด้วย ทุกอย่างก็น่าจะง่ายมากขึ้นไปอีก“ โจวเหวินกล่าว
“ เจ้าสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วทำไมถึงมั่นใจว่าจะฆ่าราชามังกรเจ็ดคาบสมุทรได้?” แม้ว่ามิกะจะยังข้องใจ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมและไม่ได้บอกว่าโจวเหวินหลงตัวเองเกินไปหน่อยไหม
“ใครบอกว่าฉันสู้ไม่ได้ แค่ฉันไม่อยากที่จะทำให้คุณบาดเจ็บก็เท่านั้น” โจวเหวินกล่าว
มิกะจ้องโจวเหวินและพูดว่า“ งั้นก็จงแสดงพลังที่แท้จริงของนายออกมา ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ฉินหลิงเสี่ยงกับคำพูดที่ฟังดูเลื่อนลอยแบบนี้”
โจวเหวินรู้ดีว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมิกะมีมากเกินไป ความแข็งแกร่งของเธอดูเหมือนจะไม่น้อยไปกว่าเทพยักษ์ทรราชย์ มันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเธอ
โชคดีที่โจวเหวินมีสัตว์เลี้ยงคู่หูมากที่สุดและเป็นชายที่มีความสามารถสูงสุด
โจวเหวินทำการการอัญเชิญเทพยักษ์ทรราชย์มาให้มิกะดู แล้วถามว่า“คุณรู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
“เทพยักษ์ทรราชย์ ฉันเคยเห็นมันบนกระดานเกียรติยศ เจ้าของคือเจ้านี่เอง” มิกะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยโดยไม่คาดคิดว่าโจวเหวินมีสัตว์เลี้ยงคู่หูที่ทรงพลังเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเทพยักษ์ทรราชย์จะมีพลังมาก แต่มิกะก็ไม่คิดว่าเธอจะด้อยกว่าแม้แต่น้อย แม้ว่าโจวเหวินจะเป็นเจ้าของเทพยักษ์ทรราชย์ แต่เธอก็ไม่สามารถท้าทายราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทรได้อย่างแน่นอนและทั้งเธอ และทั้งเต่าจอมทัพก็ด้วย
“ตอนนี้คุณเชื่อหรือยัง” โจวเหวินถาม
“มันแข็งแกร่งก็จริง แต่แม้แต่ข้าก็ยังไม่รับประกันว่ามันจะเอาชนะได้ด้วย” มิกะแสดงความเห็น
“งั้นพวกที่เหลือนี่ล่ะ” โจวเหวินเริ่มเรียกสัตว์เลี้ยงคู่หูและนำมังกรเลือดอสูร 3 ตัวออกมา ก่อนจะตามมาด้วยดาบแสงจักรพรรดิปูสีน้ำเงินเข้ม ทุกตัวถูกอัญเชิญออกมาอย่างเต็มอัตราศึก
มิกะอดไม่ได้ที่จะต้องประหลาดใจเมื่อโจวเหวินมีสัตว์เลี้ยงในตำนานมากมาย ไม่นานเธอก็เชื่อสิ่งที่โจวเหวินพูดแล้ว
“ต่อให้สัตว์เลี้ยงคู่หูในตำนานจะมีมากแค่ไหน ราชามังกรก็ไม่สามารถฆ่าได้ เพราะพลังระดับความกลัวเป็นอีกระดับของการดำรงอยู่ มันไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยปริมาณ” มิกะกล่าว
“ไม่ใช่ด้วยปริมาณ คุณภาพต่างหาก” โจวเหวินเปิดเผยการอัญเชิญมังกรคบเพลิงอีกครั้ง
“ มังกรคบเพลิง!” มิกะจำได้ในทันที
มังกรอาจเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่แตกแขนงมากที่สุด แทบไม่มีการนับว่าสัตว์มังกรต่าง ๆ มีกี่สายพันธ์กันแน่ มังกรบางตัวไม่แข็งแกร่งมากนัก พวกมันบางตัวแม้แต่ระดับตำนานก็ไม่สามารถเข้าถึงได้
แต่มังกรบางตัวมีความน่ากลัวอย่างมาก และสามารถแข่งขันกับการดำรงอยู่ที่น่ากลัวของระดับภัยพิบัติได้
มังกรคบเพลิงเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาสัตว์มังกร สำหรับเผ่ามังกรอย่างมิกะย่อมจำได้อย่างแน่นอน
“น่าเสียดายที่มันยังเด็กอยู่ หากสามารถเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และกลายเป็นขั้นสูงสุดได้ก็อาจฆ่าราชามังกรได้” มิกะที่มองอย่างพิจารณากล่าวด้วยความผิดหวัง
“ แม้ว่ามันจะยังเด็ก แต่มันก็เป็นมังกรคบเพลิงอยู่ดี แค่นัยเนตรแห่งเปลวอัคคีของมันก็น่าจะมีผลต่อราชามังกรแล้ว เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้อย่างหนัก คุณเพียงแค่อธิบายรายละเอียดราชามังกรมากกว่านี้ ฉันว่าฉันสามารถหาทางลอบสังหารมันได้โดยไม่ต้องกลัวพลังของเขาเลย…“ โจวเหวินยังคงโน้มน้าวมิกะ
“มันอันตรายเกินไป แถมแทบจะไม่มีโอกาสสำเร็จเลย” มิกะพูดด้วยความสิ้นหวัง
“ตราบใดที่คุณเชื่อใจฉัน ฉันได้คิดวิธีไว้แล้ว และฉันจะช่วยน้องสาวของคุณจากชะตากรรมที่น่าเศร้านี่เอง…” โจวเหวินรู้ว่าการที่มิกะจะเชื่อเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย
ท้ายที่สุดพวกเขาเผชิญหน้ากับราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทร แต่โจวเหวินต้องการความช่วยเหลือจากมิกะ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทนเพื่อให้ได้มาซึ่งความไว้วางใจของเธอ
“นายอยากทำอะไรล่ะ?” มิกะถามอย่างลังเล
“คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะโน้มน้าวราชามังกรอีกหกตนให้มาร่วมกับเรา? โจวเหวินถาม
“นั่นน่ะยิ่งไม่มีทางเลย มิกะตอบอย่างมั่นใจ
“ทำไมล่ะ? พวกเขาไม่ได้รับการกดขี่จากราชามังกรแห่งเจ็ดคาบสมุทรเหรอ พวกเขาไม่อยากต่อต้านเลยเหรอ” โจวเหวินกล่าวด้วยความไม่เชื่อ
“พวกเขาก็ต้องการ ยกเว้นข้า ราชันมังกรอื่น ๆ จะไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงอย่างแน่นอน” มิกะพูดด้วยความมั่นใจ
“ในกรณีนี้โปรดบอกฉันเกี่ยวกับราชามังกรอีก 6 ตนและที่อยู่ของพวกเขา บางทีฉันอาจจะคิดวิธีได้” โจวเหวินอยากได้ข้อมูลให้มากที่สุด
ดังนั้นมิกะจึงเล่าให้โจวเหวินฟังเกี่ยวกับสถานการณ์ของมังกรทั้ง 7 นี่ถึงกับทำให้โจวเหวินถอนหายใจ เขารู้สึกดีที่มีสายลับคอยให้ข้อมูล เขาไม่ต้องไปไหนและเขาเข้าใจสถานการณ์ของทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น