I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 927-938
ตอนที่ 927
โดนเจอตัว
โจวเหวินปีนขึ้นไปบนปล่อง ก่อนที่จะมองไปปรอบๆ เขาเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยควันดำ และภูเขาไฟนั้นคือทุกอย่างที่เขาเห็น รอบๆข้างนั้น มีเพียงที่เดียวที่ดูต่างออกไปนั้นคือระหว่างภูเขาไฟ2ลูก มันมีภูเขาที่เหมือนเสาค้ำสวรรค์อยู่ที่นึงด้วย
“หรือว่าตรงนั้นจะเป็นหอคอยที่จักรพรรดินีว่าไว้นะ มันอยู่บนยอดเขานั้นเหรอ”โจวเหวินคิดในใจ แต่ไม่ว่าจะมองยังไง สิ่งที่มันดูแปลกตาจากภูเขาไฟลูกอื่นๆก็มีแค่การที่มันสูงกว่าชาวบ้านเขาเท่านั้น
แต่ตอนนี้โจวเหวินเองก็ไม่มีที่จะให้ไปเหมือนกันเพราะงั้น เขาเลยรีบวิ่งไปที่ภูเขาสูงที่ว่าก่อน
“เป็นไปได้ไหมเนี่ยที่การเคลื่อนย้ายจะผิดพลาดหน่ะ”โจวเหวินรู้สึกได้ถึงอะไรแลปกๆ แต่ความผิดพลาดที่ว่าทำไมต้องมาเกิดกับแท่นทองแดงที่ทุกครั้งมันจะวาปไปยังจุดเดิมเสมอด้วยละ
โจวเหวินวิ่งไปตตามพื้นในร่างของแมวหิมะ ระหว่างทางเขาเห็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติโดนพ่นออกมามากมาย หลังจากนั้นไม่นาน สายฟ้าก็ผ่าและพาตัวสิ่งมีชีวิตต่างมิติพวกนั้นหายวับไป
“หรือว่าสายฟ้าที่ผ่าลงมานั้นจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ารอยแยกของมิติ ที่นำพาเจ้าพวกนี้ไปสู่โลกน่ะ สิ่งมีชีวิตต่างมิติทั้งหมดที่อยู่บนโลกก็มาจากที่นั้นงั้นเหรอ ถ้างั้น ถ้าฉันโดนผ่าบ้าง ฉันก็จะได้ย้อนกลับไปยังพื้นที่ต่างมิติบนโลกรึเปล่านะ แล้วจะไปโผล่ที่พื้นที่ต่างมิติไหนกันละ”โจวเหวินคิดในใจ
ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาละก็โจวเหวินต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้า ไม่งั้นมนุษย์อย่างเขาเข้ามาในเขตต่างมิติแบบนี้ ถ้าโดนสิ่งมีชีวิตต่างมิติเจอตัวเข้าละก็ ชะตากรรมถึงตายแน่ๆ
โชคยังดีที่แถวๆนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่เก่งๆซักเท่าไร มากที่สุดก็เป็นแค่ระดับตัวอ่อนไม่ก็ตำนาน มีน้อยตัวที่เป็นระดับมหากาพย์และมีระดับเร้นลับเท่าที่เห็นแค่ตัวเดียวเท่านั้น
“ถ้ามันไม่สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่แกร่งๆแถวๆนี้จริงๆละก็ ตรงนี้ก็เป็นจุดฟาร์มชั้นยอดเลยละ มันมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลากหลายชนิด แถมแต่ละตัวก็มีความต่างกันอย่างชัดเจนด้วย”โจวเหวินมองดูไปเรื่อยๆระหว่างการเดินทาง เขาใช้สดับวานรฟังเสียงรอบข้างอยู่เสมอ ภูเขาเสาหินนั้น อยู่ห่างกับโจวเหวินในตอนแรกมากๆ ทำให้เมื่อยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิตต่างมิติมาเท่านั้น
โชคยังดีที่โจวเหวินมีความสามารถของเนตรมรดกกับลูกแก้วกลบกลิ่นทำให้โจวเหวินนั้นสามารถเดินทางทะลุผ่านเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติได้โดยที่ไม่โดนโจมตี ช่วยทำให้ภาระของเขาเบาขึ้นทันตาเลย
โจวเหวินเดินทางไปเลยเรื่อยๆ เขาใช้เวลาเกือบ3ชั่วโมงในการเดินทาง ประตูมิติของแท่นทองแดงนั้นจะเปิดออกได้แค่36ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าโจวเหวินไม่โดนเจอตัวซะก่อนละก็เขาก็คิดว่าจะกลับทางนี้เหมือนกัน
โจวเหวินมองดูภูเขาที่อยู่ใกล้แค่นี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เจออะไรเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ใกล้ภูเขานี้ด้วย ไม่มีวี่แววของสายฟ้าที่ผ่าลงมาอีกตั่งหาก
ส่วนเรื่องภูเขาไฟปะทุนั้น โจวเหวินไม่รู้ เพราะส่วนยอดของมันนั้นอยู่เหนือควันดำบนท้องฟ้าไปซะอีก
หลังจากที่สแกนรอบๆภูเขาเรียบร้อย เขาก็พบว่าไม่มีอะไรอยู่ เขาเลยลังเลแล้วตัดสินใจลองปีนดู ถ้าเขาไม่เจออะไรอีก เขาก็จะย้อนกลับทางเดิมเพื่อป้องกันการโดนซุ่มโจมตี
โจวเหวินมองไปรอบๆ แล้วพบว่าแถวนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติ เขาเลยปีนขึ้นเขาไปตรงๆ
เขาใช้ร่างของแมวหิมะกระโดดไปตามหินไปมา เพราะว่าภูเขานั้นไม่ได้ใหญ่มากแต่มันชันสุดๆ กำแพงภูเขานั้นแทบจะลาดเอียง90องศาตั้งฉากกับพื้น โจวเหวินเลยต้องใช้รอยแตกของหินในการยึดตัวเองและพักแทน
ตัวของแมวหิมะเองก็ไม่ได้มีความสามารถในการบิน และโจวเหวินเองก็ไม่คิดจะใช้ด้วย เพราะป้องกันการโดนมองเห็นโดยใช่เหตุ
พอเห็นว่าเขากำลังจะปีนไปได้ครึ่งทาง โจวเหวินก็พบว่าบนนั้นมีแผ่นหินรองรับเขาอยู่ เขาเลยลงหยุดที่นั้นคิดจะพักเบรกปรับสภาพร่างกายตัวเองก่อน
แต่ทันทีที่ไปแตะลงบนแท่นหินนั้นเอง เขาก็พบว่ามันมีถ้ำอยู่เหนือกำแพงหินด้านหลังของแท่นหินนั้น พร้อมกับมีดวงตาคู่นึง จ้องมองดูออกมาจากภูเขาที่มืดมิด
นี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของโจวเหวินอย่างเดียว แต่เขาสังเกตเห็นดวงตาคู่นึงมองเขาจริงๆ ดวงตานั้นเรืองแสงได้ทำให้ดูเด่นในถ้ำมืดมากๆ
เจ้าของดวงตาคู่นั้น ค่อยๆเดินออกมาจากถ้ำ สายตานั้นจ้องมองโจวเหวินเขม็ง ทำให้โจวเหวินขนลุกซู่ เตรียมอัญเชิญสดับวานรออกมาพร้อม
แต่ทันใดนั้น ยังไม่ทันได้รอให้โจวเหวินอัญเชิญสดับวานรเลย สิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวนั้นก็ออกมาจากถ้ำ มันเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่มีหัวเป็นเสือแต่มีปีก
ร่างกายของมันเป็นสีดำแต่ก็มีบางจุดที่เป็นสีน้ำเงิน ปีกของมันมีประกายสีน้ำเงินบางทีก็สว่างบางทีก็มืด ตอนที่มันสว่างมันจะสว่างเหมือนกับคริสตอล แต่พอมันมืด ตัวของมันก็จะเหมือนกับเหล็กสีดำที่วางอยู่กับพื้น
โจวเหวินรู้สึกได้ถึงลมปราณมหาศาลได้ทันที่จากตัวของมัน มันเป็นระดับเร้นลับแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่ามันจะมีความสามารถการใช้ร่างความกลัวได้ไหม
โจวเหวินเคลื่อนไหวออกมาช้าๆ แต่สิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวนั้นก็ยังมองตามโจวเหวินเหมือนกับล๊อกเป้าเอาไว้
“โฮก!!!”วินาทีต่อมา สิ่งมีชีวิตต่างมิติคำรามและพุ่งตรงเข้ามาด้านหน้าทันที
โจวเหวินก็เริ่มตอบโต้กลับ แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างออกมาได้ เขาจึงถอยไม่สวนกลับแต่อย่างใด
ตู้ม
ลำแสงเข้มข้นสูงตกลงมาจากบนยอดภูเขาถล่มสิ่งมีชีวิตต่างมิติระดับเร้นลับตัวนั้นและแช่แข็งมันไว้
แม้แต่ระดับเร้นลับที่ดูจะแข็งแกร่งไม่สามารถต้านทานอะได้เลย ร่างของมันยังคงค้างท่าเดิมที่มันเคยเป็น
บนยอดเขามีร่างๆนึงปรากฏตัวออกมา
โจวเหวินตอนแรกใช้ความสามารถของสดับวานรแล้ว เขาก็รู้รูปร่างของเธอได้คร่าวๆ เธอเป็นผู้หญิงสวมเสื้อกันหิมะ ดูสวยมากแต่สีหน้าดูเฉยชา รัศมีรอบตัวเธอนั้นมันต่างจากมนุษย์ปกติ มันดูเย็นเยือกแข็งยังไงชอบกล
นั้นก็เพราะจริงๆแล้วเธอนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่มีความแข็งแกร่งสูงตั่งหาก
“ทำไมถึงมีแมวหิมะมาอยู่ที่นี้กันเล่า”หญิงสาวเสื้อหิมะพูดด้วยความสงสัยก่อนจะเอื้อมมือลงไปแล้วหยิบโจวเหวินขึ้นมาอุ้ม
ในตอนนั้น มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติอีกตัวนึงตัวคล้ายๆงู เลื้อยลงมาจากข้างบน ก่อนจะมองสิ่งมีชีวิตต่างมิติระดับเร้นลับที่โดนแช่แข็ง “นี้มันเสือเวหานี่ ฉลาดมากนะที่เลือกที่มาเลือกซ่อนตัวอยู่นี้ มิน่าละทำไมหาตัวไม่เจอเลย”
“เอามันไปปล่อยในสายฟ้าซะซิ” หญิงสาวคนนั้นพูด
สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่มีหางเป็นงูนั้นตอบ ก่อนจะคว้าตัวของเสือปีกที่โดนแช่เป็นน้ำแข็งอยู่นั้น ก่อนจะเขวี้ยงมันไปที่บริเวณภูเขาไฟ
ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่บินข้ามท้องฟ้าเหมือนดาวตก ก่อนจะผ่านสายฟ้ามิติแล้วหายวับไป
“แล้วเอาไงกับเจ้านี้ดีละ”งูตัวนั้นถามก่อนจะมองไปที่แมวหิมะที่เป็นโจวเหวินแปลงร่างมา
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”ผู้หญิงพูดก่อนจะบินตรงขั้นไปยังภูเขาที่สูงเสียดฟ้า สัตว์ประหลาดหางงูไม่พูดอะไร เขาตามผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปยังยอดเขา
ตอนที่ 928
ระฆังแห่งปราสาทน้ำแข็ง
โจวเหวินโดนหญิงสาวสวมชุดขาวเหมือนหิมะอุ้ม คลื่นความเย็นจากตัวของเธอนั้นแพร่กระจายลงมาถึงตัวของเขาอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าโจวเหวินโดนขังอยู่ในคุกน้ำแข็งยังไงอย่างงั้น
แต่โชคยังดีที่แมวหิมะเองนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติเขตหนาวอยู่แล้ว ทำให้มันมีความทนทานต่อความเย็นได้ดี ไม่งั้นโจวเหวินเองก็คงต้องทนโดนเยือกแข็งจากตัวของเธอไปแล้ว
สาวหิมะคนนั้นบินข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอกควันอย่างรวดเร็วจนขึ้นมาถึงยอดเขา
โจวเหวินมองไปรอบๆแล้วพบว่า ทุกๆอย่างที่เขาเห็นด้านล่างนั้นต่างจากชั้นบนอย่างเห็นได้ชัดเมฆหมอกควันที่ปิดบังวิสัยทัศน์ของท้องฟ้าในชั้นล่างนั้น กลับโปร่งใสเมื่อขึ้นมาอยู่ด้านบน ทำให้สามารถมองเห็นได้ทุกอย่างจากชั้นบน
โจวเหวินเองก็รู้สึกโล่งอกที่ตัวเองไม่เผลอทำอะไรแผลงหรือใช้พลังอะไรอื่นๆที่นอกเหนือจากพลังของแมวหิมะ ไม่งั้นคงโดนสงสัยแล้วโดนจับได้ไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ยังคงกังวลนิดหน่อยในใจ เขาไม่รู้ว่าแมวหิมะที่เขาแปลงร่างนั้นมันเนียนพอที่จะตบตาสาวหิมะได้มากน้อยแค่ไหน แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้ว ตัวเธอเองต้องเป็นอย่างน้อยระดับความกลัวแน่นอน
โชคยังดีที่สาวหิมะนั้นดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตอะไรโจวเหวินเลย หลังจากที่ขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว นางก็เดินตรงไปยังอาคารพร้อมโจวเหวินที่ยังโดนอุ้มอยู่ด้วย ในตอนนั้นเองที่โจวเหวินได้สังเกตว่าด้านบนของภูเขานั้นคือปราสาทน้ำแข็งที่ถูกแกะสลักขึ้นจากน้ำแข็ง สาวหิมะเดินเข้าปราสาทไปโดยมีบาซิลิสก์(ปีศาจหางงู) ตามมาด้วย
“มันเป็นแค่แมวหิมะกากๆเองนะ จะเอามันกลับมาด้วยทำไมละเนี่ย โยนมันกลับลงไปในพายุสายฟ้ามิติก็ได้นี้”บาซิลิสก์พูด
“เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้าซักอย่างนึงจะได้ไหม”สาวหิมะพูดแล้วเดินขึ้นบันไดไป ก่อนจะเข้าไปในห้องที่อยู่บนยอดสุดของปราสาทน้ำแข็ง
ห้องนั้นเป็นห้องเปล่าๆ มีโลงศพคริสตอลวางไว้ด้านใน
สาวหิมะเดินตรงมาที่โลงศพ โลงศพนั้นเปิดออกอัตโนมัติ หลังจากที่เธอนอนลงไปในโลงศพนั้นแล้วอุ้มโจวเหวินไว้ โลงศพก็ปิดลงอัตโนมัติ
โจวเหวินหลังจากนั้นเขาก็พบว่า สาวหิมะนั้น หลับในโลงนั้นจริง เธอดูเหมือนมนุษย์มาก แต่ร่างกายของเธอนั้นเย็นกว่าน้ำแข็งซะอีก
“นี้เธอหลับแบบนี้มาโดยตลอดเวลาเหรอ”โจวเหวินหลุดออกมาจากมือของสาวหิมะ ก่อนจะปีนขึ้นมายังที่ว่างๆของโลงศพ หันกลับไปมองสาวหิมะแล้วพบว่าผิวหนังของเธอนั้นเริ่มกลายเป็นหิน เหมือนกับว่าเธอเป็นหินแบบนี้มานานมากแล้ว ถ้าโจวเหวินแค่ผ่านมาเห็นละก็ เขาคงคิดว่าเธอเป็นแค่รูปปั้นหินที่ไม่มีขีวิตเท่านั้น
โจวเหวินมองออกไปผ่านโลงศพ เขาเห็นภายในห้องทั้งหมด แต่โจวเหวินไม่เห็นอะไรเกินไปกว่าปราสาทน้ำแข็ง ถึงมันจะทำมาจากน้ำแข็งโปร่งใสก็ตาม
แต่เพราะว่ามีสาวหิมะอยู่ระยะเผาขนกับเขาทำให้โจวเหวินไม่กล้าเรียกสดับวานรออกมาฟัง
ถ้าสาวหิมะจับได้ว่าจู่ๆแมวหิมะมีต่างหูขึ้นมาละก็ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแมวหิมะนั้นไม่ใช่แมวหิมะปรกติแน่ๆ
“ดูเหมือนกับว่าจะมีปัญหากับการเคลื่อนย้ายมิติจริงๆซินะ ที่นี่ดูไม่เหมือนสถานที่ที่แท่นทองแดงจะพาเคลื่อนย้ายมาเลย ฉันต้องกลับไปให้เร็วที่สุดที่ทำได้แล้ว”โจวเหวินมองดูสาวหิมะที่กำลังหลับใหล “นี้เธอกำลังหลับอยู่จริงปะเนี่ย ถ้าหลับอยู่แล้วไม่ได้อยู่ในร่างความกลัวแบบนี้ ถ้าฉันโจมตีตอนนี้บางทีมันอาจจะได้ผลก็ได้”
โจวเหวินคิดแบบนั้นได้แค่แวบเดียว เขาไม่กล้าที่จะที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรอต่ออีกหน่อย มันยังเหลือเวลาอีกตั้ง30ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลามากขนาดนั้นก็ได้
พื้นที่ภายในโลงนั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก โจวเหวินไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับทำอะไรซักเท่าไร เพราะงั้นเขาจึงนอนลงไปแล้วพักผ่อนก่อน รอจังหวะและโอกาสมาถึง
เวลาผ่านไป เป็นวินาที เป็นนาที เป็นหลายชั่วโมง แต่สาวหิมะก็ยังคงหลับอยู่ ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น แถมไม่แม้แต่จะหายใจด้วย ทำให้โจวเหวินสงสัยมากๆหรือว่าแท้จริงแล้วคนๆนี้จะเป็นรูปปั้นน้ำแข็งจริงๆ
แต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นโจวเหวินเลยทำได้แค่รออย่างใดเย็น แต่หลังจากรอมาได้ซักพักเขาก็ได้ยินเสียง ก๊อง ก๊อง เสียงเหมือนนาฬิกาโบราณบอกเวลา แต่มันต่างกันตรงที่เสียงนั้นมันแหลมกว่า
โจวเหวินได้ยินเสียงนั้น12ครั้ง จากนั้นสาวหิมะก็ลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะกอดโจวเหวินแล้วลุกออกจากโลงคริสตอล
โจวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าสาวหิมะคนนี้นอนหลับจำศีลต่อไปอีกละก็เขาคงมีปัญหาแน่ๆ เขาคงได้แหกโลงออกมาแหงๆเลย แต่โชคยังดีที่โจวเหวินไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแถมยังเหลือเวลาอีกเยอะเลยด้วย
สาวหิมะกอดโจวเหวินแล้วอุ้มลงชั้นล่าง พอมาถึงโถง เธอก็เห็นบาซิลิสก์กำลังยืนรออยู่ที่โถงนั้นแล้ว
ในตอนนั้นโจวเหวินตะลึงเล็กน้อย เพราะที่ด้านหลังของโถงนั้น บนกำแพงโถง มีระฆังอยู่ ขนาดของมันประมาณฝ่ามือและรูปร่างหน้าตาของมันก็ดันไปคล้ายกับที่จักรพรรดินีเล่าไว้เป๊ะเลย
“แปลกแหะ ไม่ใช่ว่าฉันโดนส่งมาผิดที่หรอกเหรอ หรือว่าที่นี้จะเป็นหอคอยเดียวกับที่จักรพรรดินีพูดถึงกัน”โจวเหวินคิดซักพักแล้วกีเริ่มรู้สึกแปลกๆ “ถ้าหอคอยที่จักรพรรดินีพูดถึงนั้นคือภูเขา นางก็น่าจะพูดตรงๆได้นี้ว่ามันเป็นภูเขาไม่เห็นต้องพูดอ้อมเลย อีกอย่างนางบอกว่าระฆังที่ว่าจะอยู่บนจุดยอดสุดของหอคอย นางไม่ได้บอกเลยว่ามันอยู่บนปราสาทน้ำแข็งแบบนี้”
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ยังมองดูระฆังนั้นดีๆแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจ ว่าระฆังนี้มันเหมือนกับที่จักรพรรดินีพูดถึงงเป๊ะๆ มันแทบไม่ต่างอะไรจากที่นางเล่าเลย
“เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย หรือว่าฉันวาปมาถูกที่แล้วจริงๆ แล้วนั้นคือระฆังที่ว่าเหรอ”โจวเหวินสับสนเล็กน้อย
“เจ้าก็น่าจะรู้นะ ว่าการบังคับสัตว์ที่มาจากบ่อมิติขึ้นมาอาศัยที่นี้น่ะมันทำไม่ได้”บาซิลิสก์พูดแล้วมองโจวเหวินที่อยู่ในอ้อมแขนของสาวหิมะ
“ข้าเองก็บอกไปแล้วใช่เหรอ ว่าข้าไม่ต้องการให้ใครมาสอดเสือกเรื่องของข้าน่ะ”สาวหิมะมองแรงกลับ ก่อนจะวางโจวเหวินลงบนพื้นแล้วเดินไปที่ระฆัง ตอนที่เธอเดินไปที่ระฆังนั้นพลังไอเย็นของเธอก็ปะทุออกมาแรงมากจนตัวของเธอนั้นกลายเป็นเหมือนรูปปั้นน้ำแข็ง
“นั้นมัน ร่างความกลัวเหรอ”โจวเหวินจำพลังแบบนี้ได้
สาวหิมะเดินตรงเข้าไปหาระฆังก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบระฆังมาแล้ววเขย่า
ตริ้ง!!!
โจวเหวินพบว่าเสียงระฆังที่โจวเหวินได้ยินก่อนหน้านี้ ไม่ได้มาจากระฆังอันนี้เสียงของมันต่างจากเสียงตะกี้มากๆ
เสียงของระฆังนี้นั้น โจวเหวินรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ระเบิดออกมาเป็นคลื่นทำให้ทั้งปราสาทสั่นไหว
หลังจากที่สั่นระฆังเสร็จ สาวหิมะก็วางระฆังกลับเข้าที่เดิม ก่อนที่ร่างของเธอจะถอนออกจากร่างความกลัว โจวเหวินไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ดูจากสีหน้าของสาวหิมะดูเธอจะเหนื่อยๆ
“ขอบใจเจ้ามากนะ”บาซิลิสก์พูดแล้วยิ้ม
สาวหิมะเมิน ก่อนจะอุ้มโจวเหวินเดินออกจากโถงไป
โจวเหวินตอนแรกว่าจะหาโอกาสหนีแต่พอเห็นว่าระฆังอยู่ที่นี้เขาเลยลังเล เขาเริ่มคิดแล้วว่าบางทีเขาเองก็น่าจะขโมยระฆังจากที่นี่ได้
จากนั้น สาวหิมะก็เดินกลับไปที่โลงคริสตอลของเธอพร้อมๆกับโจวเหวิน ก่อนที่เธอจะนอนหลับอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เธอคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติไม่ใช่เหรอ แค่สั่นระฆังแล้วต้องไปนอนเลยเหรอ ไม่กินอะไรซักนิดเลยเหรอ”โจวเหวินเองก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ตั้งแต่ที่เขามานี้เขายังไม่ได้กินอะไรเลย
แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเอาอะไรออกมาจากห้วงมิติได้ ไม่งั้นเขาอาจจะเสี่ยงโดนจับได้
ทันใดนั้นเอง โจวเหวินก็เริ่มคิดขึ้นมา “เดี๋ยวนะ ชิบหายละ หรือว่าเธอคนนี้คิดจะเลี้ยงขุนฉันให้อ้วนแล้วกินงั้นเหรอ”
ตอนที่ 929
ขโมยระฆัง
ภายในโลงนั้นโจวเหวินเอาแต่คิดว่า จะทำยังไงถึงจะขโมยระฆังมาได้แบบไม่มีใครรู้แล้วหนีออกไปให้ได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่แน่ใจว่านั้นเป็นกระดิ่งเดียวกันกับจักรพรรดินีต้องการไหม แต่ไหนๆมันก็มาอยู่นี้แล้ว ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะเอามันกลับไปด้วยสาวหิมะนั้นเป็นระดับความกลัว บาซิลิสก์ตัวนั้นเองก็น่าจะเช่นกัน ต่อหน้าระดับความกลัว2ตัว ก็จะขโมยระฆังมานั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ แถมที่นี้เป็นปราสาทน้ำแข็ง จะใช้สกิลมุดดินหนีก็ไม่ได้ การวาปน่าจะเป็นวิธีที่ตอบโจทย์ที่สุด
ตราบใดก็ตามที่สามารถหนีออกมาจากปราสาทน้ำแข็งได้ เขาก็สามารถมุดดินกลับไปที่ประตูมิติได้โดยใช้อสูรปัฐพี
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องลองเสี่ยงดูเท่านั้นซินะ แต่การจะขโมยระฆังจากระดับความกลัว2ตตัวเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”โจวเหวินจำที่จักรพรรดินีพูดถึงระฆังได้
จักรพรรดินีเคยพูดเอาไว้ว่า ระฆังนั้นคนที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถแตะได้ การจะขโมยมันมาได้นั้นต้องใช้สัตว์อสูรที่กินผลไม้เทพมาเท่านั้น หรือก็คือ แพทย์ปีศาจต้องเป็นคนถือระฆังเอาไว้ระหว่างทางกลับ
โจวเหวินลองคำนวณความเป็นไปได้หลายๆอย่างแล้ว เขาก็รู้สึกว่าถึงเขาจะสู้ระดับความกลัว2ตัวไม่ได้ด้วยความสามารถของตัวเอง แต่ถ้าเกิดเขาเข้าถึงระฆังได้ละก็ เขาก็น่าจะหลบหนีออกมาเข้าประตูมิติได้อย่างไม่มีปัญหา
เพราะงั้นโจวเหวินเลยรอ ตัดสินใจแล้วว่าถ้าเกิดสาวหิมะพาเขาไปที่ระฆังอีกครั้งเมื่อไร เขาจะฉวยโอกาสนั้นเข้าฉกมาทันที
เวลาผ่านไปอีก12ชั่วโมง ในที่สุด โจวเหวินก็ได้ยินเสียงนาฬิกาดังขึ้นอีกครั้ง สาวหิมะก็ได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
รอบนี้สาวหิมะก็ทำแบบเดิม เธออุ้มโจวเหวินแล้วเดินไปที่โถงใหญ่แห่งปราสาทน้ำแข็ง
โจวเหวินตั้งใจตั้งมั่นเต็มที่และคิดแผนหนีหลังจากที่ขโมยระฆังมาได้แล้ว
ตอนที่สาวหิมะเดินมาถึงโถงใหญ่ บาซิลิสก์เองก็มายืนอยู่ตรงหน้าระฆังแล้ว เหมือนกับว่าเขาอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดไม่ได้ไปไหนเลย
แต่พอเห็นสาวหิมะเดินเข้ามา บาซิลิสก์ก็เขยิบตัวออกห่าง
ตอนที่สาวหิมะวางโจวเหวินลงกับพื้นแล้วเดินตรงเข้าไปหาระฆังนั้นเอง โจวเหวินเห็นโอกาสและเขาก็ไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป เขาไม่ลังเลแปลี่ยนวิญญาณชีวิตเป็นอารยสูญหาย กลับคืนร่างมนุษย์ก่อนจะวาปตรงไปที่ระฆัง ใช้แพทย์ปีศาจ เชื่อมวิญญาณกับตัวเอง แล้วคว้าระฆังมาทันที จังหวะที่ระฆังแตะโดนตัวของเขานั้น วิญญาณของเขาสั่นไหวอย่างแรง แต่โชคยังดีที่แพทย์ปีศาจมาห่อหุ้มวิญญาณของเขาอีกทีทำให้เขาไม่เป็นไรเท่าไร
สาวหิมะกับบาซิลิสก์ตอบโต้อย่างไว สาวหิมะกลายร่างเป็นร่างความกลัว ส่วนบาซิลิสก์เองก็งอกแขนออกมาอีก4ข้าง พร้อมกลับซัดลำแสงออกมาจากแขนทั้ง6ข้างเข้าใส่โจวเหวินทันที
แต่โจวเหวินพอได้ระฆังมาแล้วก็ตัดสินใจ วาปตัวเองออกจากโถงทันทีโดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหลังจากวาปติดต่อกัน4รอบรวดโจวเหวินในที่สุดก็หนีออกมาพ้นจากปราสาทน้ำแข็ง
พอเกือบจะหนีออกมาจากปราสาทได้แล้วโจวเหวินก็อัญเชิญอสูรปฐพีออกมารอเตรียมไว้แล้วคิด “ด้วยความสามารถในการมุดดินของอสูรปฐพี ระยะมุดดินสูงสุดยังไงก็น่าจะเกือบถึงประตูวาปได้แล้ว ถึงแม้ว่าระดับความกลัว2ตัวนั้นจะตามทัน ยังไงฉันก็ยังมีวาปเหลือไว้ฉุกเฉินอีกอันนึงอยู่”
โจวเหวินขึ้นขี่อสูรปฐพีแต่แล้วเรื่องที่โจวเหวินไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทันทีที่โจวเหวินออกมาจากปราสาทน้ำแข็งได้ ภาพที่โจวเหวินเห็น ภายนอกของปราสาทที่ควรจะเป็นภูเขาสูงใหญ่มหึมา ที่โจวเหวินคิดว่าจะใช้สกิลมุดดินหนี แต่ในคววามเป็นจริงแล้วภายนอกของปปราสาทน้ำแข็ง ไม่ใช่ภูเขา แค่เป็นทะเลสุดลูกหูลู่ตาไม่มีพื้นดินแม้แต่น้อย
น้ำทะเลสีฟ้าจรดเส้นขอบฟ้านอกจากทะเลแล้วก็ไม่เห็นอะไรอย่างอื่นอีกเลย และปราสาทน้ำแข็งนี้ก็กำลังลอยอยู่บนน้ำ
“นี้มัน….เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย”โจวเหวินสับสนสุดๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ซู่!!
อสูรปฐพีที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงสุดนั้นหน้าทิ่มลงน้ำทันทีที่ไม่มีพื้นให้เหยียบ น้ำทะเลกระแทกหน้าของโจวเหวินอย่างแรง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมด้านนอกของปราสาทน้ำแข็งจะกลายเป็นทะเล แต่อย่างน้อยตอนนี้ เขาต้องหนีออกไปให้ไกลที่สุดที่ทำได้ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ทันทีทันใดนั้นแอง โจวเหวินก็สั่งให้อสูรปฐพีดำลงไปในทะเลทันที
แต่ก่อนที่อสูรปฐพีจะดำลงไปได้นั้น คลื่นน้ำแข็งก็ยิงมาเป็นลำแสงจากปราสาทน้ำแข็งโจวเหวินเสียวสันหลังทันที ก่อนจะเก็บอสูรปฐพีกลับมาแล้วใช้อารยมิติวาปครั้งสุดท้ายวาปออกจากตรงจุดนั้นโดยด่วน
ลำแสงเยือกแข็งนั้นทันทีที่กระทบกับน้ำทะเล มันก็แช่แข็งน้ำทะเลในระแวกนั้นเป็นวงกว้างทันที น้ำทะเลกลายไปเป็นธารน้ำแข็ง
บาซิลิสก์เองก็ไล่ตามมาอย่างโกรธแค้น หางของมันสะบัดไปมา มันเข้าถึงตัวของโจวเหวินได้ในพริบตาเดียวเท่านั้น ก่อนที่มันจะตวัดมือเป็นใบมีด ใช้สายลมเป็นคมดาบ ฟันเข้าใส่โจวเหวินอย่างบ้าคลั่งกะจะหั่นตัวของโจวเหวินเป็นชิ้นๆให้ได้
โจวเหวินกัดฟันแล้วเรียกเบม่อนออกมาขวางใบมีดพวกนั้น เบม่อนออกมาพร้อมคำรามด้วยสุดยอดพลังรับเข้ากับคมมีด
ฉวก ฉวก
ร่างกายอันกำยำของเบม่อนโดนดาบปาดจนเป็นบาดแผลยาว กระดูกเหมือนจะแตกหักด้วย เบม่อนที่โดนแรงกระแทกนั้นกระเด็นออกไปชนเข้ากับน้ำแข็งทำให้น้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆและน้ำทะเลโพยพุ่งมาจากแรงกระแทกนั้น
โจวเหวินที่บินอยู่บนฟ้าพยายามหนีออกจากตรงนั้นให้ไกลที่สุดที่ทำได้ ก่อนจะเรียกเบม่อนกลับมา แล้วสวมผ้าคลุมล่องหนใช้หายตัวสมบูรณ์ทันที
บาซิลิสก์มองไปรอบๆแล้วไม่เห็นร่องรอยของโจวเหวิน มันเลยหันกลับไปตะโกนใส่สาวหิมะ “เจ้าหมอนั้นเจ้าเป็นคนพากลับมาเอง มันเป็นพวกของเจ้างั้นเรอะ”
สาวหิมะพูดด้วยความเยือกเย็น “ถ้ามันเป็นของข้า เจ้าคิดว่าข้าโง่ขนาดให้มันขโมยระฆังนภาไปหน้าด้านๆแบบนี้รึ ถ้าเจ้าสงสัยข้านัก เจ้าเอาเวลาไปลากตัวเขากลับมาดีกว่า ที่นี้ยังไงเขาก็หนีไปไหนไม่พ้นอยู่แล้ว
“เรื่องนี้เจ้าไปอธิบายกับท่านผู้นั้นด้วยตัวเองเลยนะ”บาซิลิสก์พูดแล้วกัดฟันเริ่มออกตามหาโจวเหวินทันที
โจวเหวินสวมผ้าคลุมล่องหนแล้วดำดิ่งลงไปในทะเลลึกทันที เขาหวังพึ่งความสามารถในการหายตัวสมบูรณ์3นาทีอย่างคุ้มค่า ว่ายลงไปใต้น้ำให้ลึกที่สุดที่ทำได้ ทะเลที่นี่เองก็ลึกมาก โจวเหวินดำลงไปแล้วด้านใต้นั้นเขาเห็นอะไรบางอย่างวิบวับเหมือนดวงดาวใต้น้ำ แต่ดาวพวกนั้นมีหลายสี ชวนให้โจวเหวินนึกถึงของเหลวในภูเขาไฟ
ตอนที่โจวเหวินดำดิ่งลงไปเรื่อยๆนั้นเอง เขาก็พบว่าเขาไม่ได้มองผิดจริงๆ สีสันประกายดาวใต้ทะเลดวงนั้นแท้จริงแล้วเหมือนกับที่โจวเหวินเคยเจอ มันคือน้ำพุหลากสี ที่พ่นน้ำพุออกมาพร้อมผลึก ทันทีที่ผลึกโดนน้ำทะเลแล้ว มันก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติแต่ต่างกันตรงที่ว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติของที่นี้ทั้งหมดนั้นเป็นสัตว์น้ำหมดเลย
ตอนที่ 930
ศึกใต้น้ำ
“ที่นี่มันไม่ใช่ที่ๆฉันพึ่งมาจริงๆละ”โจวเหวินมองสิ่งมีชีวิตขนาดยักฆ์ผุดขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล พลางว่ายกลางผืนน้ำอันกว้างใหญ่ทำให้โจวเหวินแทบอยากจะร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
ตอนนี้เขามั่นใจได้แล้วว่าการวาปข้ามมิติของเขามันต้องมีปัญหาแน่ๆ แต่ทำไมถึงมีปัญหากันละ โจวเหวินคิดอีกพักใหญ่ๆ จักรพรรดินีเองก็บอกให้เขาไปเอาระฆังมา แล้วเขาก็ได้ระฆังมาแล้ว อย่างน้อยก็เสร็จไปแล้วภารกิจนึง ส่วนจิ้งจอกเก้าหางอยากจะให้เขานำข้อความไปส่งถึงตี้ฉิน ซึ่งมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำตามที่นางขอ ยิ่งกว่านั้นจิ้งจอก9หางยังให้ลูกแก้วพลางตัวมาอีก ถ้าโจวเหวินกลับไปมือเปล่าคงไม่ดีแน่ๆ
โจวเหวินคิดแต่ก็ยังหาเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่นี้ไม่ได้ แถมตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาคิดเรื่องแบบนั้นด้วย เพราะเวลาของการล่องหนสมบูรณ์มันใกล้จะหมดลงทุกที เขาต้องหาทางสลัดสาวหิมะกับบาซิลิสก์ออกไปให้พ้นทางไวที่สุดที่ทำได้ เพราะถ้าเขาโดนเจอตัวเข้าอีกรอบนี้เขาไม่รอดแน่ๆ
แต่ในทะเลอันอ้างว้างแบบนี้ มันก็ไม่ค่อยจะมีที่ให้โจวเหวินหลบซักเท่าไรหรอก ตอนนี้เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปที่ก้นทะเลก่ออนเพื่อที่จะหาน้ำพุแล้วเข้าไปหลบในนั้น
ตอนแรกโจวเหวินอยากจะใช้เนตรมรดกในการพลางตัวหรอก แต่แถวๆนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับตำนานอยู่เลย การจะแสกนระดับมหากาพย์ก็กินเวลานานด้วย เขากลัวว่าเวลาในการหายตัววสมบูรณ์จะหมดลงซะก่อน
ตรงกึ่งกลางของน้ำพุนั้นเป็นจุดที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติเกิดขึ้นมา พวกมันมีจำนวนมหาศาล น่าจะพอบังสายตาของบาซิลิสก์กับสาวหิมะได้บ้าง
โจวเหวินตอนนี้ไม่มีเวลามาเลือกมากแล้ว เวลา3นาทีใกล้หมดเต็มที เขาเลยว่ายไปที่น้ำพุที่อยู่ใกล้ที่สุด
น้ำพุที่โจวเหวินว่ายไปหานั้นเป็นน้ำพุของเหลวสีน้ำเงิน ตอนที่โจวเหวินมาก่อนหน้านี้ เขาก็มาจากภูเขาไฟที่มีของเหลวสีน้ำเงินเหมือนกัน เขาเลยคิดไปเองว่าบางทีของเหลวสีน้ำเงินอาจจะปลอดภัยก็ได้โจวเหวินมองน้ำพุสีน้ำเงินแล้วก็พบว่า ของเหลวภายในนั้นมันแบ่งชั้นกับน้ำทะเลอย่างชัดเจนเหมือนกับว่าน้ำนั้นเป็นน้ำมันยังไงอย่างงั้น
โจวเหวินดำลงไปในของเหลวสีน้ำเงิน ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้นั้นมันเป็นแบบเดียวกับของเหลวสีน้ำเงินก่อนหน้านี้เลย แต่ต่างกันตรงที่ว่ารอบนี้ มันมืดกว่า และเย็นกว่า
โชคดีที่อุณหภูมิที่หนาวเย็นนั้นมันเย็นไม่พอที่จะทำอันตรายอะไรร่างกายโจวเหวินได้เขาจึงดำลงไปด้านใต้ของน้ำพุ พยายามหาที่หลบในจุดที่ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้
ที่ก้นของเหลวสีน้ำเงินนั้นเต็มไปด้วยผลึกแก้วสีน้ำเงินใส จำนวนของมันนั้นมีมหาศาลนับไม่ถ้วนผลึกเกาะตัวกันแน่นจนกลายเป็นเหมือนก้อนๆเดียว โจวเหวินดำลงไปจนสุดแล้วก็เห็นผลึกที่แปลกประหลาดอันนึง
ผลึกสีน้ำเงินพวกนั้นรูปร่างคล้ายๆกันหอยเม่น มีแหลม มีคม มีขอบมากมาย ขนาดของมันพอๆกับลูกบาส มันมีอยู่อันเดียวโดดๆ
“หรือว่าผลึกอื่นๆมันจะโดดพ่นไปหมดแล้วกัน ทำไมเหลือแค่ลูกเดียวละ”โจวเหวินแอบคิด เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาก็เห็นมาแล้ว เขาเคยเห็นภูเขาไฟระเบิดพ่นเอาสิ่งมีชีวิตต่างมิติมากมายออกมาแล้ว ปรกติพ่นออกมาทีออกมาเป็น10 มันไม่มีทางเลยที่จะเหลือผลึกแค่อันเดียวเท่านั้น
แต่โจวเหวินเองก็ไม่มีอารมณ์มานั่งคิดอะไรเล็กๆน้อยๆเหมือนกัน เขาแอบข้างๆกับผลึกนั้น เวลา3นาทีของผ้าคลุมล่องหนนั้นหมดลง
โจวเหวินพยายามบังคับหยุดลมปราณของตัวเองแล้วซ่อนตัวอย่างนิ่งสงบ พยายามจะรักษาชีวิตของเขาให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปหาทางกลับที่หลัง
แต่หลังจากนั้นได้ไม่นาน สีหน้าเขาก็เจื่นขึ้นมา
เพราะสดับวานรฟังเสียงได้ยินเสียงของสาวหิมะกับบาซิลิสก์กำลังว่ายตามลงมาและกำลังมองไปทิศทางที่โจวเหวินอยู่ด้วยเหมือนกับว่ารู้ว่าโจวเหวินซ่อนอยู่ตรงนั้น
“เห้ย หรือว่ามันติดตามระฆังมาวะ”โจวเหวินคิดถึงปัญหาขึ้นมาได้ทันที แต่ตอนนี้จะโยนระฆังทิ้งมันก็สายไปแล้ว การจะรีบพุ่งพรวดออกไปตอนนี้ก็เหมือนการลนหาที่ตายด้วย เพราะงั้น โจวเหวินเลยทำได้แค่นิ่งสงบอยู่ข้างๆผลึกเท่านั้น
แน่นอน สาวหิมะกับบาซิลิสก์มองตรงมาที่น้ำพุทันที สาวหิมะมองด้วยดวงตาสีฟ้าแล้วพูด “ระฆังนภาอยู่ในนั้นแน่ๆ”
บาซิลิสก์มองหน้าเธอแล้วพูด “มั่นใจงั้นรึ”
“คิดว่าข้าคิดผิดงั้นเหรอ”สาวหิมะพูด ก่อนจะว่ายตรงไปยังใจกลางของน้ำพุ
บาซิลิสก์ดูไม่พอใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่พูดอะไร มันว่ายน้ำตามสาวหิมะเข้าไปยังใจกลางของน้ำพุ
“นี้เจ้ารู้จริงรึเปล่าเนี่ยว่ามันจะอยู่ที่นี้จริงๆ”บาซิลิสก์พยายามมองหาภายใน แต่ก็ยังไม่เจอตำแหน่งของโจวเหวิน เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นพวกหาตัวคนไม่เก่ง
แต่สาวหิมะพูดอย่างมั่นใจ “เขาอยู่ในนี้แหล่ะ เจ้าไม่เห็นหรือยังไงกัน”
พอพูดจบนางก็ยิงลำแสงน้ำแข็งเข้าใส่ตรงจุดที่โจวเหวินซ่อนอยู่ทันที
โจวเหวินตอนนี้ต้องหนีแล้ว โชคยังดีที่เขาฝึกวิชาวารีมาพอสมควร ทำให้เขาสามารถว่ายหลบลำแสงเยือกแข็งได้โดยที่ไม่ต้องวาป
แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหวบาซิลิสก์ก็จับตำแหน่งของเขาได้ทันที ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะล่องหนอยู่ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว
บาซิลิสก์พุ่งตรงเข้าหาโจวเหวินทันที พร้อมด้วยดาบสายลมที่คมกริบฟันตรงเข้าหาร่างของโจวเหวิน ถึงโจวเหวินจะมีวิชากระบวนท่าระดับเทพยังไงแต่ความเร็วของเขาก็ยังช้าเกินไปถ้าเทียบกับระดับความกลัวอย่างบาซิลิสก์ หลังจากที่หลบดาบสายลมได้แค่ไม่กี่รอบ สุดท้ายโจวเหวินก็หลบไม่พ้นจนต้องใช้วาปหลบออกมาในที่สุด
ดาบสายลมฟันไม่โดนโจวเหวิน แต่ดาบสายลมพวกนั้นฟันเข้าโดนกับผลึกที่อยู่ด้านหลัง ฟันจนผลึกนั้นมีรอยร้าว
โจวเหวินอยากจะอัญเชิญอสูรปฐพีแล้วพยายามมุดพยายามแทรกแผ่นดินหนี แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวมหาศาลที่เกิดขึ้นมาจากใต้ดิน
จากนั้นคลื่นพลังมหาศาลก็ระเบิดออกมาจากใต้พื้นพิภพ ระเบิดเอาทุกอย่างที่อยู่ใต้น้ำพุออกมา แรงระเบิดนั้นแม้แต่สาวหิมะกับบาซิลิสก์เองก็ต้านไว้ไม่ไหว โดนดีดออกมาด้วย
“โอ้ย”โจวเหวินเองโดนแรงกระแทกมหาศาล ดีดออกมาจนอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลอีกครั้งไม่มีโอกาสให้เขาได้มุดดินเลย
หลังจากที่บาซิลิสก์กับสาวหิมะนั้นถูกแยกออกจากกันแล้วพวกเขาก็ตามมาล่าโจวเหวินอีกครั้ง
บาซิลิสก์กำลังจะพุ่งเข้าหาโจวเหวิน แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นผลึกสีฟ้าปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา หลังจากที่มันหลุดออกจากของเหลวสีน้ำเงินแล้ว ผลึกนั้นก็กลายร่างกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่แปลกหูแปลกตา
มันกลายเป็นหอยสีน้ำเงินเป็นรูปพัดเหมือนหอยเชลดูสวยงามมาก ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นมาฝาหอยของมันก็เปิดออกแล้วยิงลำแสงออกมา แต่เป้าหมายที่มันยิงนั้นกลับกลายเป็นบาซิลิสก์
การโจมตีของมันนั้นทำให้โจวเหวินตกใจมาก แต่ที่ตกใจกว่านั้น คือบาซิลิสก์ไม่เลือกที่จะป้องกันแต่เลือกที่จะหลบลำแสงนั้นแทน
“มันเป็นตัวอะไรกันเนี่ย ขนาดระดับความกลัวยังต้องถอยเลยเหรอ”โจวเหวินเริ่มคิดหนักทันที เขากำลังคิดว่าจะใช้จังหวะนี้หลบหนีออกมาดีไหม
เจ้าหอยนี้ดูเหมือนจะเล็งเป้าบาซิลิสก์เต็มที่ มันสาดลำแสงใส่ไม่ยั้ง สีหน้าบาซิลิสก์เองก็ไม่สู้ดี แต่มันทำได้แค่หลบไม่ตอบโต้กลับ
ตอนที่ 931
ยุคมิติ
บาซิลิสก์โดนหอยนั้นหยุดแต่สาวหิมะนั้นไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่น้อย นางพุ่งเข้ามาพร้อมลำแสงน้ำแข็ง ที่โจวเหวินถึงจะใช้พลังเต็มที่แล้วก็ยังหลบไม่พ้น เพราะยังไง ตอนนี้ที่เขากำลังเจอนั้นระดับมันต่างกันเกินไป โจวเหวินยังเป็นแค่ระดับมหากาพย์อยู่เลย
โจวเหวินจำเป็นต้องใช้วาปหนีออกมาอีกรอบแต่ตอนนี้มันไกล้ถึงขีดจำกัดแล้วจำนวนครั้งในการวาปของเขาเหลือน้อยเต็มที่ ไม่มีทางอยู่แบบนี้ไปได้ตลอดแน่ๆ
โจวเหวินรอบนี้วาปกลับลงไปที่ก้นทะเล เขาอยากจะลองเสี่ยงดูว่าเขาจะหนีรอดไหม แต่เหมือนกับว่าสาวหิมะจะมองทะลุทะลวงไปหมด นางตามลงมายังใต้ทะเลแล้วยิงลำแสงเยือกแข็งลงมายังใต้สมุทร ทำให้ก้นทะเลส่วนมากกลายเป็นน้ำแข็งหนาจนโวเหวินไม่สามารถไปถึงก้นที่เป็นชั้นหินได้
โจวเหวินนั้นทำได้แค่หนี หนี หนีอย่างเดียว จำนวนในการวาปที่เหลือก็น้อยลงทุกที จนตอนนี้เหลือแค่2ครั้งสุดท้ายเท่านั้น
ตอนที่โจวเหวินโดนบังคับให้ต้องบาปอีกครั้ง ทันใดนั้นโจวเหวินก็รู้สึกได้ทันทีว่าอารยมิตินั้นส่งพลังมหาศาลออกมา ใช่แล้วในตอนนั้นมันพัฒนาเป็นขั้นสมบูรณ์
โจวเหวินดีใจมาก เขาเห็นใบหน้าบนแหวนเปลี่ยนไป ใบหน้าที่สวยงามกลายเป็นใบหน้าที่อัปลักษณ์บิดเบี้ยว ส่วนใบหน้าที่ดูชั่วร้ายแต่เดิมทีกลับสวยงามหล่อเหลา ส่วนต่างๆของแหวนเองก็ดูจะสลับกลับข้างไปปหมด
ในตอนนั้นเองข้อมูลการพัฒนาก็เด้งเข้ามาในสมองของโจวเหวิน วิญญาณชีวิตอารยมิตินั้นถึงแม้ว่าจะไม่ชัดเจนเท่ากับที่ดูข้อมูลในโทรศัพท์ แต่อย่างน้อยเขาก็พอจะรู้วิธีการใช้งานคร่าวๆแล้ว
วิญญาณชีวิตใหม่ที่พัฒนามาจากอารยมิตินั้นมีชื่อเรียกว่า ยุคมิติ รายละเอียดความสามารถนั้นยังเป็นปริศนา แต่เขารู้สึกได้เลยว่าจำนวนของการวาปนั้นมันต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่ๆ วาปได้กี่ครั้งตอนนี้โจวเหวินยังไม่รู้แต่ที่แน่ๆ มันไม่ใช่แค่10ครั้งแน่ๆ
“เยี่ยมไปเลย!!!”โจวเหวินมองดูสาวหิมะยิงลำแสงอีกครั้ง ก่อนที่โจวเหวินจะใช้วาป
รอบนี้ระยะในการวาปนั้นมันไกลขึ้นกว่าเดิมมากๆ พลังของยุคมิติเองก็ไม่ได้ลดลงไปเลยด้วย ดูเหมือนว่าจำนวนครั้งในการวาปจะเพิ่มขึ้นเยอะมากๆเลย
โจวเหวินวาปต่อเนื่องพยายามจะสลัดสาวหิมะให้หลุดแต่หลังจากนั้นโจวเหวินก็พบว่า ทำยังไงก็คงสลัดไม่หลุดแน่ๆ เพราะนางเองก็มีสกิลแทรกวารีทำให้เธอสามารถเคลื่อนที่ใต้น้ำได้เร็วมากๆในระยะหลาย100ไมล์
โจวเหวินคิดว่าเหตุผลที่ปราสาทน้ำแข็งนั้นมาอยู่ที่ทะเลนี้อาจจะเป็นเพราะว่าสาวหิมะนี้ละที่ใช้พลังของระฆังในการเคลื่อนย้ายสถานที่ข้ามมิติ โจวเหวินเลยลองสั่นระฆังดูบ้าง แต่เขาก็พบว่าไม่ว่าจะสั่นยังไงระฆังก็ไม่ดัง
แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่สาวหิมะสั่นระฆังนั้น นางกำลังเข้าสู่ร่างความกลัว โจวเหวินเลยคิดว่า ระฆังนี้บางทีคงจะมีแค่ระดับความกลัวเท่านั้นที่ใช้ได้เขาเลยล้มเลิกความคิดนั้นไป
โจวเหวินวาปตัวเองขึ้นมาเหนือทะเล แต่สาวหิมะก็ยังตามเขามาได้
บาซิลิสก์เองที่พึ่งสลัดจากการโจมตีของหอยหลุดก็รีบตามมาสมทบ พอเห็นว่าสาวหิมะไล่ตามโจวเหวินอยู่นั้น มันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะรีบตามไป
โจวเหวินใช้วาปหลายรอบมากบนฟ้า ระยะห่างระหว่างเขากับสาวหิมะก็ไกลพอสมควร แต่ถ้าเกิดเขาหยุดแม้แต่นิดเดียว สาวหิมะจะไล่ตามเขาทันถึงที่ทันที
โจวเหวินเดาว่าสาวหิมะเองคงมีวิธีการพิเศษแน่ๆที่จะสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของระฆัง ยกเว้นว่าเขาจะทิ้งระฆังไป มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหนีพ้น
ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะสามารถวาปเพิ่มขึ้นหลายครั้งมากๆแล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีไร้ขีดจำกัด โจวเหวินรู้สึกได้ว่าไม่ช้าก็เร็ว การวาปมันก็ต้องหมดลง เพราะงั้นเขาต้องหาทางหนีให้ได้เร็วที่สุด หลังจากคิดมาซักพักใหญ่ๆแล้วโจวเหวินก็วาปหนีออกจากสาวหิมะ
โชคดีที่ดวงของเขาไม่ได้แย่เท่าไร เขาเจอเข้ากับกลุ่มสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่พึ่งถูกพ่นออกมาจากน้ำพุพอดี โจวเหวินเลยตรงเข้าไปหาสิ่งมีชีวิตต่างมิติพวกนั้น พวกมันเป็นแค่ระดับตัวอ่อน มีบางตัวที่เป็นระดับตำนานเท่านั้น
ตอนนี้สิ่งมีชีวิตพวกนี้นี่ลละที่โจวเหวินต้องการพอดี เขาจึงรีบว่ายเข้าไปและสแกนปลาหมึกไหลด้วยเนตรมรดก
เพราะว่ามันเป็นแค่ระดับตัวอ่อนทำให้โจวเหวินสามารถแสกนเสร็จได้อย่างรวดเร็ว เขาแปลงร่างเป็นมันแล้วเข้าไปแทรกตัวในกลุ่มปลาหมึกไหลทันที น่าเสียดายที่ระฆังนั้นเก็บไว้ในห้วงมิติไม่ได้ทำให้เขาต้องแขวนระฆังนั้นกับครีปของตัวเอง
“ไปไหนแล้วละ”บาซิลิสก์ที่วิ่งไล่ตามมาที่หลังพูด ตอนที่เห็นสาวหิมะหยุดมอง
“ข้างใต้นั้น เขาใช้วิธีการเดิมกับที่ทำตอนแรก ข้าเลยพยายามทำเป็นว่าไม่รู้แล้วไม่ไล่ตามไป รอให้เจ้าเข้าล้อมจับเพื่อให้มันหนีไปไหนไม่ได้อีก”สาวหิมะพูด
บาซิลิสก์เข้าใจที่นางพูดทันทีแล้วถาม “มันกลายเป็นแมวหิมะอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่แมวหิมะ แต่เป็นปลาที่อยู่ในนั้นตั่งหาก”สาวหิมะพูด “วิชาแปลงร่างของเขานั้นช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ขนาดข้ายังแยกไม่ออกเลยว่าเขาปลอมแปลงเป็นตัวอะไร ถ้าเขาไม่ได้ถือระฆังนภาไว้ละก็ แม้แต่ข้าเองก็ยังหาตัวเขาได้ยากนัก”
“แล้วเจ้านั้นมันอยู่ไหนกันละ เจ้าต้องรีบเอาระฆังนภากลับคืนมาให้จงได้ มิเช่นนั้นได้เกิดเรื่องใหญ่แน่”บาซิลิสก์พูด
“เจ้ากับข้าไปล้อมจับกันคนละด้าน แค่นี้เขาก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว”สาวหิมะชี้จุดที่โจวเหวินอยู่ “ระฆังนภายังอยู่กับตัวของเขา ถ้าเจ้าเข้าใกล้เจ้าจะรู้เอง”
หลังจากนั้นสาวหิมะก็มุ่งหน้าไปทางนึง ส่วนบาซิลิสก์ก็ไปอีกทางนึง พอเห็นว่าสาวหิมะกับบาซิลิสก์ลงมาในน้ำแล้ว โจวเหวินก็รู้ได้ทันทีเลยว่าการแปลงร่างของเขานั้นใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เขาต้องหนีให้เร็วที่สุดที่ทำได้
เพียงแค่ว่ารอบนี้ บาซิลิสก์คงไม่ได้ให้โอกาสเขาหนีอีกแล้ว ดาบสายลมฟันฟาดมาที่โจวเหวินตั้งแต่กลางทะเล
โจวเหวินไม่มีทางเลือกต้องเปลี่ยนวิญญาณชีวิตแล้ววาปหนีออกไปอีกครั้งแต่ทันทีที่ออกจากการวาปมาเขาก็พบสาวหิมะที่มาดักยิงแสงเยือกแข็งตรงหน้าของเขา
ตอนนี้เขาสามารถวาปเพิ่มได้ก็จริง แต่ในระยะแค่นี้ ใกล้ๆแค่นี้ ลำแสงน้ำแข็งก็เร็วเกินไปด้วย แม้แต่การตอบสนองของโจวเหวินยังตามไม่ทันเลย แต่ด้วยประสบการณ์และสัญชาติญาณที่เขามี ถึง แม้ว่าจะเฉียดขนาดไหน เขาก็ยังสามารถวาปออกมาได้ แต่ตอนที่เขาออกจากวาปนั้นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมาจับหัวกับขาของเขา เหมือนกับว่าโดนโซ่เหล็กเส้นหนามัดไว้อย่างนั้นเลย
โจวเหวินตกใจมากเพราะคนที่จับตัวเขาไว้นั้นคือบาซิลิสก์ที่มี6แขนมือข้างนึงจับของเขา อีกข้างจับตัว อีกข้างจับขา สีหน้าของมันแค้นเคืองเหมือนกับว่าจะจับโจวเหวินฉีกเป็นชิ้นๆให้ได้
โจวเหวินไม่ลังเล ใช้พลังของแพทย์ปีศาจ หัตย์ขวาแห่งความมืด เข้าโจมตีบาสิลิสก์เข้าเล็งเป้ามือไปที่หัวพยายามจะกระชากสมองของมันออกมา
แต่โจวเหวินก็พบว่า ตัวเองนั้นประมาทเกินไป มีแค่ระดับความกลัวเท่านั้นที่สามารถเอาชนะระดับคววามกลัวได้ นี้มันเป็นเรื่องปรกติที่โจวเหวินรู้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ด้วยพลังแห่งหัตย์ขวาแห่งความมืด มือของเขาพุ่งทะลุหัวของบาซิลิสก์ได้แต่กลับดึงสมองของเขาออกมาไม่ได้
สมองของมันเหมือนกับเป็นเอ็นของเนื้อ เหนียวแน่นขาดยากจนโจวเหวินดึงออกมาไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยวิธีนี้มันก็ส่งคลื่นความเจ็บปวดมหาศาลไปให้กับบาสิลิสก์ได้ ในตอนนั้นเองที่มันเริ่มโกรธจัดแล้วใช้มือทั้ง6พยายามจะฉีกโจวเหวินเป็นชิ้นๆ
ตอนที่ 932
การคำนวณของสาวหิมะ
ร่างของโจวเหวินโดนพันธนาการไว้ด้วยพลังบางอย่างของบาซิลิสก์ทำให้เขาไม่สามารถวาปหนีออกไปได้ ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มจนมุม พลังมหาศาลกำลังฉีกกระฉากร่างกายของเขา เหมือนกับว่ากล้ามเนื้อและกระดูกของเขากำลังถูกฉีกกระฉากออกจากกัน
“เอาวะ ลองดูก็ได้”โจวเหวินกัดฟันแล้วใช้มือข้างขวาหยิบระฆังนภาออกมา แล้วใช้พลังทั้งหมดของหัตย์ขวาแห่งความมืดอีกครั้ง
“อ๊ากก!!!”บาซิลิสก์ร้องออกมาพร้อมกุมหัวแน่น โจวเหวินยัดระฆังนภาเข้าไปในหัวของบาซิลิสก์ด้วยหัตย์ขวาแห่งความมืด
ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะลองดูเป็นทางออกสุดท้าย แต่เขาไม่คิดว่าวิธีการนี้จะใช้ได้ผลดีขนาดนี้ ตอนแรกเขาคิดว่าจะยอมยกระฆังนภากลับไปให้ดีๆเพื่อที่สาวหิมะกับบาซิลิสก์จะได้ตามเขามาอีกไม่ได้ แล้วเขาก็จะรอด ตอนนี้เพื่อเอาตัวเองให้รอดเขายอมได้ทุกอย่าง
แต่ใครมันจะไปคิดละว่าหลังจากที่ยัดระฆังเข้าไปในหัวของบาซิลิสก์แล้วมันจะร้องหนักมากแล้วกุมหัวจนลืมเรื่องที่จะฉีกโจวเหวินไปสนิทเลย
ทันใดนั้นเอง แสงเยือกแข็งก็ยิงสาดเข้ามาโจวเหวินพยายามจะหลบแต่เขาก็พบว่าแสงเยือกแข็งนั้นไม่ได้ยิงเขาเลยแม้แต่น้อย
แสงเยือกแข็งนั้นมีความแรงสูงมาก ถ้าเทียบกับที่ยิงมาหาโจวเหวินก่อนๆหน้านี้ ที่โจวเหวินโดนยิงใส่นั้นเรียกว่าอุ่นก็ได้
แสงน้ำแข็งนั้นสาดเข้าใส่บาซิลิสก์เต็มๆ แช่แข็งบาซิลิสก์จนกลายเป็นน้ำแข็ง โจวเหวินเลยฉวยโอกาสนี้กระชากตัวเองออกจากมือของบาซิลิสก์แล้วตัวเองก็เป็นอิสระอีกครั้ง
“นี้นางพลาดงั้นเหรอ”โจวเหวินมองบาซิลิสก์อย่างลนลาน แล้วเห็นว่ามันโดนแช่แข็งซะจนขยับไม่ได้แม้แต่น้อย
“ไม่ซิ ไม่ได้พลาด นางตั้งใจตั่งหาก”โจวเหวินหันกลับไปมองที่สาวหิมะ
สาวหิมะเองก็ไม่ได้โจมตตีโจววเหวินต่อ เธอมองโจวเหวินอย่างไร้อารมณ์แล้วพูด “ลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ติดตัวเจ้า เป็นของจิ้งจอก9หางใช่รึไม่”
ตอนที่โจวเหวินได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกดีใจทันทีเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ “ใช่แล้วใช่ ท่านรู้จักนางเหรอ”
“ถ้าข้าไม่รู้จักนานข้าจะพาเจ้ากลับไปที่ปราสาทข้าทำไมกันเล่า”สาวหิมะพูดเบาๆ
โจวเหวินก่อนหน้านี้ก็สงสัยว่าทำไมสาวหิมะถึงได้พาเขากลับไปยังปราสาทน้ำแข็ง เพราะถ้านางแค่อยากได้สัตว์เลี้ยง สิ่งมีชีวิตต่างมิติน่ารักๆก็มีตั้งเยอะแยะ นางเห็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติมามากกว่าโจวเหวินอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาแมวหิมะก็ได้
“ท่านพาผมกลับมาที่ปราสาทแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาเหรอ”โจวเหวินนึกขึ้นมาได้แล้วหันไปมองบาซิลิสก์ที่ตัวแข็งทื่อเป็นน้ำแข็ง
“ต้องขอบคุณเจ้านะ ที่ล่อความสนใจของเขาให้ไปอยู่ที่เจ้าหมดเลย ไม่งั้นข้าคงจัดการกับเจ้าหมอนี้ไม่ได้ง่ายๆแบบนี้แน่ๆ”สาวหิมะพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนกับว่านางตั้งใจจะฆ่าบาซิลิสก์แต่แรกอยู่แล้ว แล้วก็ฉวยโอกาสใช้งานโจวเหวินด้วยเลย
“ถ้าเป็นงั้นจริง ผมเองก็ยินดีครับ ถ้าท่านเป็นเพื่อนกับจิ้งจอกเก้าหางงั้นก็ขอให้ถือซะว่าวันนี้เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยนะครับ”โจวเหวินพูดพยายามเอาตัวรอด
“จิ้งจอกเก้าหางเป็นคนบอกให้เจ้าแอบมาขโมยระฆังนภางั้นเหรอ”สาวหิมะไม่สนใจโจววเหวินแล้วถามตรงๆ
โจวเหวินไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงดีเลย ถ้าสาวหิมะเป็นศัตรูกับจิ้งจอกเก้าหางละก็ เขาคงไม่รอดแน่ๆถ้าเขาตอบว่าใช่
แต่ถ้าสาวหิมะเป็นเพื่อนกับจิ้งจอกเก้าหางละก็ บางที ถ้าเขาตอบว่าไม่ เขาอาจจะเสียโอกาสที่จะรอดไปเลยก็ได้
หลังจากคิดอยู่นานซซักพักใหญ่ๆโจวเหวินก็ตัดสินใจลองเสี่ยงดวงแล้วตอบไปทันที “ใช่ครับ”
“นางได้บอกรึเปล่าว่าให้เจ้าขโมยไปทำไม”สาวหิมะถามต่อ
พอเห็นว่านางไม่มีทีท่าว่าจะโมโห โจวเหวินก็โล่งใจ จากนั้นเขาก็พูด “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมแค่ถูกไหว้วานจากนางมาให้ขโมยระฆังแล้วก็หวังว่าจะได้เจอกับตี้ฉินด้วย ผมมีข้อความจากนางไปฝากให้ถึง”
“ข้อคววามว่ายังไงละ”สาวหิมะถาม
“ท่านไม่ใช่ท่านตี้ฉิน การจะบอกคงจะไม่ใช่เรื่องที่ควรเท่าไร…”โจวเหวินพูด
“งั้นเจ้าก็ตายตรงนี้เลยก็ได้” สาวหิมะพูดอย่างเยือกเย็น
“อา มันเป็นคำ2คำง่ายๆ อย่าอ่านครับ” โจวเหวินรู้สึกว่าถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้กำลังอะไรเลย
“หื้ม ถ้านางเข้าใจคำๆนี้ดีละก็ นางคงไม่ส่งเจ้ามาขโมยระฆังนภาแน่ๆ”สาวหิมะเม้มปากจากนั้นจู่ๆแสงเยือกแข็งในมือของนางก็สาดเข้าใส่บาซิลิสก์อีกรอบนึง แต่รองบนี้มันทำให้ร่างของบาซิลิสก์แตกสลาย กลายเป็นเศษน้ำแข็งจนทำให้โจวเหวินขนลุก
ระดับความกลัวมันฆ่ากันง่ายๆแบบนี้เลยงั้นรึ
ภายในซากน้ำแข็งนั้นเอง มีผลึกสกิลกับระฆังนภาอยู่ด้วย แต่น่าเสียดายที่ของทุกอย่างนั้นไม่ใช่ของโจวเหวิน สาวหิมะเดินเข้าไปเอาทุกอย่างไปด้วยการตวัดมือแค่ครั้งเดียว
“ตี้ฉินกระทำความผิดร้ายแรง ที่ๆเขาถูกขุมขังนั้นมันเป็นพื้นที่ที่อันตรายมากๆ ด้วยกำลังของเจ้าในตอนนี้มันไม่เพียงพอที่จะเข้าไปที่นั้นหรอก”
“เป็นอีกมิตินึงเหรอครับ”โจวเหวินถามด้วยความงง
“จะบอกว่าเป็นช่องว่างระหว่างโลกกับต่างมิติก็ได้นะ มันไม่เชิงอีกมิตินึงหรอก ถ้าเจ้าอยู่ที่นั้นแล้วเจ้าไม่ใช่ระดับความกลัว ก็ยากที่จะรอดได้แน่ๆ”สาวหิมะพูด “แต่ถ้าเจ้าไม่กลัวตาย ข้ายินดีส่งเจ้าไปที่นั้นเพื่อไปพบตี้ฉินนะ ส่วนเรื่องที่เจ้าจะรอดกลับมาไหม อันนี้ขึ้นอยู่กับดวงของเจ้าแล้ว”
“เออ มันอันตรายเกินไปเพราะงั้นผมขอผ่านละกันครับ”โจวเหวินพูด
“เจ้าได้รับการไหว้วานมาแล้วนี้ จะยอมแพ้กลางทางได้ยังไง”สาวหิมะหยุดแล้วพูดต่อ “เจ้าสามารถขโมยระฆังนภามาถึงที่นี้ได้ บางทีเจ้าอาจจะเข้าไปในที่คุมขังของตี้ฉินได้แบบเป็นๆก็ได้นะ”
โจวเหวินไม่คิดมาก่อนว่านางจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ตอนแรกก็ดีใจแหล่ะ แต่วินาทีต่อมาโจวเหวินก็รู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ ใจเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
สาวหิมะจู่ๆก็เหวี่ยงระฆังนภามาที่โจวเหวิน ก่อนที่นางจะยิงลำแสงเยือกแข็งใส่ด้วยความแรงและความเร็วไม่ต่างจากที่โจมตีบาซิลิสก์เลย
“ว่าแล้วเชียว นังอสรพิษแบบนี้เชื่อไม่ได้จริงๆด้วย”โจวเหวินวาปออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะวาปต่อเนื่องเพื่อให้หลุดพ้นจากการตามล่าของสาวหิมะ
โจวเหวินวาปลงใต้น้ำ แล้วใช้เนตรมรดกแปลงร่างตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติแถวๆนั้น รอบนี้ถึงแม้ว่าสาวหิมะจะบินไปรอบๆ แต่นางก็หาตัวของโจวเหวินไม่เจอ
“เจ้าหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ระฆังนี้ไม่ได้เป็นของโลก และก็ไม่ได้เป็นของมิตินี้ด้วย ไม่มีทางที่ฟ้ากับดินจะมาบรรจบกันได้ จงออกมารับความตายในแบบที่ไม่ทรมานเถิด”สาวหิมะยังเชื่อว่าโจวเหวินอยู่แถวๆนี้เลยบินไปบินมาบนฟ้า
ซึ่งจะให้โจวเหวินตอบไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ เพราะการพูดแม้แต่นิดเดียวจะเปิดตำแหน่งของเขาให้นางรู้ทันที และสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวแบบนางคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ๆ แต่ด้วยความที่ตอนนี้ระฆังนภาไม่ได้อยู่กับตัวโจวเหวินแล้ว สาวหิมะเองเลยไม่รู้ว่าโจวเหวินกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวไหน โจวเหวินเลยว่ายน้ำตามตัวอื่นๆ ออกจากพื้นที่นี้ไป
แต่เหมือนกับว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่โจวเหวินกลายเป็นนั้น มันเป็นสัตว์หวงถิ่น มันจะไม่ไปไกลเกินถิ่นฐานของตัวเอง โจวเหวินจำเป็นต้องเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งมีชีวิตตัวอื่นเพื่อสลัดสาวหิมะให้พ้น
โจวเหวินที่เป็นปลานั้นว่ายไปมา ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงสีฟ้าสว่างไสวตรงหน้าของเขา เหมือนอำไพที่เปร่งประกายแสง โจวเหวินมองดูดีๆ แล้วพบว่า มันคือหอยตัวเดิมกับที่โจวเหวินเจอกำลังสงบอยู่ เหมือนกับว่ามันค่อยๆดำดิ่งลงไปในของเหลวสีน้ำเงินอย่างสงบ
ตอนที่ 933
จู่ๆก็เลื่อนระดับ
หอยตัวนี้ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่มันกลับทำให้ระดับความกลัวยังต้องหลบ ดูเหมือนว่ามันจะแข็งแกร่งมาก
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินเห็นลำแสงสีน้ำเงินที่มันยิงออกไปแล้วดูเหมือนมันจะไม่ได้แกร่งเท่าไร ความเร็วของลำแสงก็ไม่ได้เร็วมากแต่ไม่รู้ว่าทำไมบาซิลิสก์ถึงได้ยอม
ตอนนี้โจเวหวินพยายามหนีสุดชีวิตอยู่ เขาไม่มีอารมณ์จะมาศึกษาความสามารถของหอยขนาดนั้น และเขาก็ไม่อยากหาเรื่องเดิมด้วย
ตอนนี้หอยสีฟ้านั้นกำลังพักผ่อนอย่างสงบเงียบอยู่บนทรายก้นทะเล มันไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่ของโจวเหวินแม้แต่น้อย นอกจากที่มันจะโจมตีบาซิลิสก์เมื่อกี้ เขาก็ไม่เห็นมันโจมตีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกเลย
โจวเหวินเห็นปลาว่ายผ่านหน้าของมันไป มันก็ไม่ได้โจมตี
แต่ตอนที่เขากำลังดูหอยนั้นอยู่นั้นเองสายฟ้ามิติก็ผ่าลงมา สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่โดนผ่าไปนั้นก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่บริเวณภูเขาไฟ พวกมันทุกตัวหายไปกันหมด
“ถ้าสายฟ้ามิตินั้นเป็นรอยแยกของมิติที่จะส่งสิ่งมีชีวิตต่างมิติไปที่พื้นที่ต่างมิติบนโลกจริง ฉันจะออกไปจากที่นี้ได้ไหมนะ”โจวเหวินเริ่มคิดแต่เรื่องแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ลองไม่ได้ ถ้าลองแล้วพลาดคือตายสถานเดียว บางทีร่างกายของมนุษย์อาจจะทนรับพลังของแรงฉีกขาดของมิติไม่ไหวด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแค่ลองครั้งเดียวก็เหมือนเอาชีวิตไปตายแล้ว
แต่ตอนที่โจวเหวินกำลังคิดอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของสาวหิมะดึงขึ้นมาจากบนเหนือน้ำทะเล “หากเจ้ายังอยากชีวิตแล้วละก็ เรามาคุยกันได้นะ ขอเพียงแค่เจ้ายอมมอบลูกแก้วจิ้งจอก9หางนั้นให้ข้า ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี้แล้วปล่อยเจ้าไปก็ได้ คิดดีๆนะ เจ้ามีเวลาเพียงแค่3ชั่วโมงเท่านั้น ที่นี้มันไม่มีทางกลับไปที่โลกและไม่มีทางเข้ามิติอื่นแล้วนะ เจ้าจะติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล”
“สิ่งที่นางต้องการคือลูกแก้วจิ้งจอก9หางนี้เอง ถึงว่าพาฉันกลับมาที่ปราสาท แต่ถ้าฉันเอาไปให้บางทีมันอาจจะเป็นข้ออ้างที่ล่อฉันไปฆ่าทิ้งก็ได้”โจวเหวินไม่ขยับ
“เชื่อข้าเสียเถอะ ถ้าเจ้าจะเป็นระดับที่สูงกว่านี้ เจ้าก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี้ได้หรอกไม่ค่อยมีใครโผล่มาแถวนี้ด้วย โอกาสที่คนจะมาที่นี้ทีนึงก็ 100000ปีครั้งนึงละมั้ง เจ้ามีเวลาเหลือแค่3ชั่วโมงสุดท้ายเท่านั้น ถ้าเจ้าอยากจะรอดตาย ก็มาหาข้าที่ปราสาทละกัน”หลังจากที่พูดจบ สาวหิมะก็บินกลับไปที่ปราสาทของตัวเองจริงๆ
ในตอนแรกโจวเหวินก็คิดว่าสาวหิมะอาจจะล่อเขาออกไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็พบว่าเธอจากไปแล้วจริงๆ โจวเหวินค่อยๆแอบไปดูแถวๆปราสาทน้ำแข็งแล้วพบว่าภายในปราสาทน้ำแข็งนั้นมีสาวหิมะอยู่ตรงๆ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความคิดอยากจะออกมาจับตัวเขาเลยด้วย
ถ้านางสามารถพาเขากลับไปที่เขตภูเขาไฟได้จริงละก็ โจวเหวินก็อาจจะยอมให้ลูกแก้วกับนางได้ เพราะยังไงชีวิตก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว
แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าสาวหิมะจะรักษาสัญญาจริง
โจวเหวินคิดเรื่องนี้อย่างหนักแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ เหตุผลก็เพราะว่ายังไงเขาก็สู้ระดับความกลัวไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าเขาเข้าไปในปราสาท ยังไงเขาก็จะกลายเป็นแค่ปลาที่รอโดนจับย่างกินเท่านั้น เหมือนกับเอาชีวิตตัวเองไปอยู่ในมือของคนอื่น
โจวเหวินหันหลังกลับไปยังทะเล มันเป็นทะเลที่ไร้ทางออกจริงๆ ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากทะเล
“ไม่รู้ว่าฉันจะไปถึงเขตภูเขาไฟได้ไหมนะ ถ้าไปได้ ถึงจะรีบแค่ไหนมันก็น่าจะเกิน36ชั่วโมงอยู่ดี” โจวเหวินคิดแบบนั้นแล้วว่ายผ่านหน้าหอยตัวเดิมอีกครั้ง
“แปลกแหะ ทำไมยังอยู่นี่อีกละ”โจวเหวินมองดูหอยนั้นด้วยความตกใจเล็กน้อย
พายุสายฟ้ามิติพึ่งจะซัดผ่านบริเวณนี้ไปก่อนหน้านี้และสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวอื่นๆก็โดนวาปหายไปจนหมดเหลือเพียงหอยตัวนี้ตัวเดียว ที่ดูเด่นมากๆ
“ดูเหมือนตัวหอยเองจะมีพลังพิเศษอยู่ด้วยซินะ”โจวเหวินเริ่มคิดอยากจะลองศึกษามันดู แต่ที่นี้เป็นโลกเป็นจริง เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรมาก
แต่หลังจากที่คิดดูแล้ว เขาก็ลองใช้เนตรมรดกแสกนหอยตัวนั้นดูอยู่ดี เขาลองดูว่าเขาจะพอแปลงร่างเป็นมันได้ไหม ถ้าทำได้ พลังที่เขามีจะเป็นแบบไหนกัน
เนตรมรดกมองหอยที่มีสีน้ำเงินอำไพเหมือนส่องกระจก หอยอำไพเองก็ยังคงอยู่นิ่งทำให้โจวเหวินรู้สึกโล่งใจมากๆ
พลังงานลมปราณจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในดวงตาของเขา จำนวนลมปราณที่เป็นข้อมูลของหอยอำไพนั้นมีมหาศาลมากๆ มากจนทำให้โจวเหวินหวาดกลัว มันมากพอๆกับตอนที่โจวเหวินแสกนมังกรเทียนเลย
หลังจากที่แสกนไปได้ซักพักแล้วเขาก็ยังแปลงร่างไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าหอยอำไพนั้นมีข้อมูลจำนวนมหาศาลเกินไป
ลมปราณของโจวเหวินนั้นแทบจะแห้งเหือดแล้ว แต่ข้อมูลที่ได้รับมาจากหอยอำไพนั้นก็ยังไม่หมด ส่วนเนตรมรดกที่รับข้อมูลมหาศาลแบบนั้นก็เริ่มที่จะพัฒนาไปอีกขั้นนึง
“เดี๋ยวก่อนซิ ไม่จริงหน่ะ มันจะพัฒนาระดับขั้นวิญญาณชีวิตง่ายแบบนี้เลยเหรอ…”โจเวหวินยังไม่เชื่อเลย การเปลี่ยนระดับขั้นนั้นมันเกิดขึ้นกะทันหันมากๆ
ในขณะเดียวกันนั้นเอง โจวเหวินก็ดีใจมากๆ เพราะการพัฒนาเป็นขั้นสมบูรณ์ของวิญญาณชีวิตเนตรมรดกนั้นทำให้ค่าร่างกายของเขานั้นเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับ41แล้ว
นั้นหมายความว่าโจวเหวินสามารถเรียนรู้สกิลระดับเร้นลับเพิ่มขึ้นมาได้อีกหลายสกิลที่โจวเหวินไม่เคยฝึกมาก่อน ตอนนี้โจวเหวินสามารถฝึกได้หมดแล้ว
การเปลี่ยนแปลงของเนตรมรดกนั้นเกิดขึ้นภายในดวงตาของเขา เขารู้สึกได้ว่าพลังงานประหลาดแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเขา เหมือนกับเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขานั้นมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
สาวหิมะเองก็เอาระฆังนภากลับไปวางไว้ในโถงที่เดิมก่อนจะมานั่งในโถงรอให้โจวเหวินมา
นางไม่ได้โกหกโจวเหวินเลยแม้แต่น้อย ตามแผนที่วางไว้ นางจะออกจากที่นี้ในอีก3ชั่วโมงจริงๆโดยใช้พลังของระฆังนภา
เมื่อเธอออกไปแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อไร ปรกติแล้วที่นี้ก็ไม่มีใครมาเยือนในรอบ1แสนปีอยู่แล้ว
สิ่งมีชีวิตต่างมิติของที่นี้ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนล้ำค่าสำหรับมนุษย์ก็จริงแต่สำหรับเผ่าพันธ์ต่างมิติแล้วพวกมันอ่อนแอเกินไปมาก
เธอมองดูเวลา มันเหลือเวลาอีกแค่15นาทีเท่านั้นก่อนจะถึงเส้นตายที่กำหนด แต่โจวเหวินก็ยังไม่มา
“ดูเหมือนจะไม่มาแล้วซินะ น่าเสียดายจริงๆเลยเลย ถ้าเกิดยอมให้ลูกแก้วมาละก็ ฉันจะยอมพาออกไปดีๆก็ได้นะเนี่ย”นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ทันใดนั้นเอง สาวหิมะก็ลุกขึ้นมองออกไปด้านนอกแล้วเห็นโจวเหวินกำลังบินมาจากฟ้า พอนางเห็นโจวเหวินมาแต่ไกล เขาก็บินมาถึงหน้าประตูพอดี
“มาจนได้สินะ”สาวหิมะพูดพร้อมเดินออกจากโถงไป แล้วยืนตรงบันไดโถง “เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ในที่สุดเจ้าก็เลือกทางที่ฉลาดซักทีนะ ให้ข้าเป็นคนพาเจ้าออกไปเถอะ”
โจวเหวินมองสาวหิมะแล้วพูด “ฉันไม่ได้คิดจะให้ลูกแก้วกับเธอหรอก”
“ถ้างั้นเจ้าคงเลือกที่ตายที่นี้ซินะ”สาวหิมะพูด
“ไม่ละ ฉันจะออกไปที่นี้กับเธอ”โจวเหวินพูด
สาวหิมะพูด “ถ้าเจ้าไม่คิดจะให้ลูกแก้วกับข้า แล้วเจ้าคิดจริงๆเหรอว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าได้ออกไปง่ายๆ”
“แน่นอนซิ แต่เธอเองก็คงจะไม่ชอบใจมากๆแน่ๆ”โจวเหวินพูด
ตอนที่ 934
เหนือฟ้ามีฟ้า
“โฮ่ ถ้าเช่นนั้นข้าเองก็อยากจะรู้เหตุผลของเจ้าเช่นกัน ทำไมข้าต้องพาเจ้าออกไปด้วย” สาวหิมะดูไม่โกรธ ในความคิดของเธอ การที่โจวเหวินพูดแบบนั้น เหมือนกับมดที่ไปอวดขนาดกับช้าง ในมุมของนาง นางคิดว่านี้เป็นเรื่องขำขันเต็มรูปแบบมาก
โจวเหวินพูด “ง่ายมากๆเลย เพราะว่าเธอเป็นคนบอกเองนี้ว่าจะออกไปจากนี้ภายใน3ชั่วโมงเพราะงั้นหมายความว่าขอแค่ฉันเข้ามาในปราสาทน้ำแข็งนี้ตามเวลา3ชั่วโมงเป๊ะ ไม่ว่าเธอจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ยังไงเธอก็ต้องไปจากที่นี้และพาฉันออกไปด้วย”
“อ้อ เพราะงั้นเจ้าเลยคิดว่าจะโยนตัวเองลงกับดักว่างั้นเถอะ”สาวหิมะเยาะเย้ย
เพราะว่าโจวเหวินนั้นสามารถวาปได้ การจะไล่ตามจับโจวเหวินในที่กว้างนั้นมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไร แต่พอเป็นในปราสาทน้ำแข็งถึงปราสาทจะใหญ่ขนาดไหน แต่ตัวปราสาทน้ำแข็งเองก็เหมือนมีบัฟให้เธอแกร่งขึ้นอยู่แล้ว
ด้วยพลังของเธอเอง เธอสามารถละลายน้ำแข็งทำน้ำท่วมปราสาทยังได้เลย ตราบใดที่โจวเหวินยังอยู่ ยังไงเขาก็หนีไปไหนไม่ได้แน่ๆ ก่อนหน้านี้เพราะว่าเธอยากจะให้โจวเหวินล่อบาซิลิสก์เอาไว้เพื่อที่จะให้เธอสามารถจัดกับกับบาซิลิสก์ได้ง่ายๆ เธอเลยปล่อยให้โจวเหวินหลุดออกจากปราสาทได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้เธอไม่มีห่วงอะไรแล้ว ทันทีที่โจวเหวินเข้ามาในปราสาท เขาก็จะกลายเป็นเหมือนนกในกรงทันที
“ไม่ใช่กับดักซักหน่อยแต่เป็นกรงนกตั่งหาก”โจวเหวินมองปราสาทแล้วพูด ถ้าเกิดเขาอยากจะออกจากที่นี่เขาก็จำเป็นต้องเข้ามาที่นี้ด้วยตัวเอง ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
สาวหิมะยิ้มออกมา ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ในชีวิตของเธอ เธอแทบจะนับครั้งที่ยิ้มได้เลย แต่ครั้งนี้เธอยิ้มออกมาจริงๆ และก็เป็นยิ้มอย่างความสุขจริงจัง เหมือนกับเธอได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิตมา
“ถ้างั้นก็เข้ามาเลย ข้าจะพาเจ้าไปชมเองว่าปราสาทเหมันต์ของข้านั้นมันเป็นเช่นไรกัน”สาวหิมะพูด
โจวเหวินไม่ลังเลอีกต่อไป เขาประมาณกาลเวลาไว้เป๊ะๆแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในปราสาท
โจวเหวินเข้าปราสาทไป สาวหิมะเองยังไม่ได้ทำอะไรทันที นางแค่มองโจวเหวินอย่างสนใจ แล้วพูด “ข้าเองเคยเห็นมนุษย์มาเยอะแยะมากมาย แต่มีเจ้าเป็นคนแรกเนี่ยแหล่ะที่กล้าหาญโอหังเช่นนี้ เจ้าเป็นคนแรกเลย เจ้าต้องการอะไรกันละ เจ้าบุกมาเยือนยังปราสาทแห่งข้าแล้ว เจ้าต้องการสิ่งใดอีกเล่า”
“ถ้าเธอไม่ทำอะไรฉัน ฉันก็ยินดีเป็นแขกที่ดีนะ”โจวเหวินพูด
“นี้เจ้ารู้รึเปล่าเนี่ยว่าเจ้ากำลังพูดกับใครอยู่”สาวหิมะคนนั้นมองโจวเหวินด้วยสายตาเย็นเฉียบจนสัมผัสได้
“ฉันเองก็กำลังจะถามเหมือนกันเลย”โจวเหวินไม่รู้เรื่องจริงๆว่าสาวหิมะคนนี้เป็นใคร
“จิ้งจอกเก้าหางกล้าหาญส่งเจ้ามาเพื่อขโมยระฆังนภา แต่นางกลับไม่บอกเจ้าเนี่ยนะ ว่าผู้ที่ครอบครองระฆังนภาอยู่นั้นเป็น1ใน4จอมราชันต์ปีศาจหน่ะ”
“อะไรคือ4จอมราชาปีศาจหน่ะ”โจวเหวินถาม
“เจ้านี้ช่างเป็นมนุษย์ที่โง่เขล่าเสียจริง ไม่รู้แม้แต่เรื่อง4จอมราชาปีศาจ ถ้างั้นเจ้าคงเป็นไอ้โง่ที่โดนสาวงามหลอกใช้มาให้ขโมยระฆังนภาซินะ แต่ไม่เป็นไรหรอก สำหรับมนุษย์ที่มีความโอหังไร้ความหวาดกลัวอย่างเจ้า ถ้าเจ้ารู้ว่า4ราชันต์ปีศาจเป็นยังไงเจ้าคงไม่กล้าคิดจะมาเหยียบที่แห่งนี้ด้วยซ้ำ” เธอคนนั้นพูดต่อ “บนโลกของเจ้านั้น สิ่งที่เรียกกันว่าระดับเร้นลับนั้นเป็นได้แค่มดปลวกของพวกเราเผ่าพันธ์ต่างมิติ ระดับความกลัวนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นของความแข็งแกร่ง ระดับมหันตภัยนั้นถึงจะสามารถครองพื้นที่ในโลกต่างมิติได้ ส่วน4ราชาปีศาจที่ว่านั้นคือตระกูลชั้นสูงทั้ง4ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ผู้สืบทอดของ4ตระกูลนั้นคือระดับมหันตภัยและข้าราชินีเหมันต์คือราชินีแห่ง1ใน4เผ่าพันธุ์ชั้นสูงนั้น”
“อ้อ ถึงว่าทำไมถึงเก่งขนาดนี้ แล้วเธอได้เป็นระดับมหันตภัยแล้วว่างั้นเถอะ”โจวเหวินถามแล้วมองราชินีเหมันต์
ราชินีเหมันต์กลืนน้ำลายทันที การจะกลายเป็นระดับมหันตภัยนั้นไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อย ถึงเธอจะเป็นราชินีของเผ่าก็จริง แต่เธอนั้นมีแค่พรสวรรค์กับคววามเป็นไปได้ที่จะสามารถกลายเป็นระดับมหันตภัยเท่านั้น การจะกลายเป็นระดับมหันตภัยเต็มตัวได้นั้น ใช้แค่พรสวรรค์อย่างเดียวไม่พอ มันต้องใช้พรแสวงและอื่นๆให้เต็มที่ด้วย
“ถึงจะไม่ใช่ระดับนั้นแต่ก็ฆ่าคนได้ง่ายๆหน่า”ราชินีเหมันต์พูด
ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะไม่ใช่คนคุยเก่ง แต่ถ้าเขาปล่อยราชินีเหมันต์ไม่พูดอะไรแบบนั้นต่อไป นางอาจจะเปลี่ยนใจอยากฆ่าเขาแทนก็ได้ เขาเลยคุยกับนางไปเรื่อยๆ
“แล้วรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร”โจวเหวินถามอย่างจริงจัง
“เจ้าหรอ เจ้าเป็นแค่มนุษย์ เหตุใดข้าจึงต้องรู้จักเจ้าด้วย”ราชินีเหมันต์พูดแล้วเม้มปาก
“แหงละ เธอคงจะไม่อยากรู้จักชื่อฉันแน่ๆ แต่อาจารย์ของฉันบางทีเธออาจจะรู้จักก็ได้”โจวเหวินพูด
“อาจารย์ของเจ้าใครกันละ มนุษย์งั้นเหรอ”ราชินีเหมันต์พูด แบบไม่สนใจที่โจวเหวินเล่าแม้แต่น้อย
“ใช่แล้วเขาเคยเป็นมนุษย์ อาจารย์ของฉันคือหวังหมิงหยวน เธอเองก็คงเคยได้ยินชื่อนี้ซินะ”โจวเหวินเอาเข้าจริงตั้งใจจะหาข่าวเกี่ยวกับอาจารย์หวังหมิงหยวน
ถึงอาจารย์หวังหมิงหยวนจะแกร่งมากในหมู่มนุษย์ แต่ยังไงเขาเองก็เป็นระดับเร้นลับมาได้ไม่นาน อีกอย่างระดับเร้นลับนั้นเอาจริงในโลกต่างมิติ มันกระจอกมากๆ
โจวเหวินพูดกับราชินีเหมันต์ด้วยน้ำเสียงเชิงโม้ แต่จริงๆ เขาพยายามจะเค้นข่าวออกมาให้มากที่สุด แต่ราชินีเหมันต์กลับแสดงท่าทีที่เหนือจากที่โจวเหวินคิด ราชินีเหมันต์มองโจวเหวินด้วยความตกใจ แล้วพูด “เจ้าคือลูกศิษย์ของหวังหมิงหยวนงั้นรึ”
โจวเหวินผงะเล็กน้อยพอเห็นท่าทีของราชินีเหมันต์แล้ว ตอนที่เธอพูดถึงหวังหมิงหยวน สีหน้าของเธอไม่ได้เหมือนกับการดูถูกมนุษย์แบบที่เคยทำ
“ใช่แล้วฉันเนี่ยละ คือลูกศิษย์เอก คนโปรดและเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากสุดในบรรดาลูกศิษย์แล้ว เทียบกับเธอพอได้รึยังละ”โจวเหวินพยายามโชว์ความมั่นใจ
ราชินีเหมันต์พูด “หวังหมิงหยวนนั้นสามารถเอาชนะเทพมังกรได้และขึ้นเป็นราชาเทพเจ้ามังกรคนใหม่ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอาจารย์ที่แกร่งแค่ไหน เขาก็มาถึงนี้เพื่อมาช่วยเจ้าไม่ได้หรอกนะชีวิตของเจ้ายังคงอยู่ในมือของข้า ส่งลูกแก้วมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แล้วจะส่งเจ้าไปหาราชาเทพมังกรด้วย
โจวเหวินตกใจทันที ตอนแรกเขาคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวังหมิงหยวนแน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นหวังหมิงหยวนนั้นกลายเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มาก
แม้แต่ราชินีเหมันต์ที่ดูถูกมนุษย์ยังแอบอิจฉานิดหน่อยเลยตอนที่โจวเหวินพูดถึงหวังหมิงหยวนแต่ก็เก็บอาการเอาไว้
ที่โจวเหวินไม่รู้คือ ในตำแหน่งของราชาเผ่าพันธ์ทั้ง8นั้น ทั้งหมดเป็นระดับมหันตภัยทั้งหมด แต่มันก็จะแบ่งระดับอ่อนระดับเก่งไปอีก ในบรรดาตระกูลทั้งหมดนั้น มี2ตระกูลที่เรียกได้ว่าน่าเกรงขามที่สุด แม้แต่ในพื้นที่ต่างมิติก็ยังโด่งดัง 1ในนั้นคือตระกูลมังกร
ต้นตระกูลของราชามังกรนั้นตอนแรกก็เป็นแค่ระดับเดียวกับหัวหน้าทั้งหลายแหละ แต่พอหวังหมิงหยวนเอาชนะราชาเทพมังกรรุ่นก่อนได้ เรื่องนี้ทำให้หลายๆเผ่าพันธุ์เริ่มสั่นคลอน
ส่วนตระกูลที่แข็งแกร่งอย่างราชินีเหมันต์ ที่มองมนุษย์เป็นแค่ขยะกลับไม่ได้มองหวังหมิงหยวนแบบนั้นแม้แต่น้อย เธอมองหวังหมิงหยวนไม่ใช่คนไปแล้วด้วยซ้ำ
โจวเหวินไม่ได้รู้เรื่องนี้แต่ฟังจากที่ราชินีเหมันต์พูด แสดงว่าหวังหมิงหยวนเองยังคงอยู่ในโลกต่างมิติ ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขาเพราะว่าโจวเหวินเอาผลไม้เทพไป แค่นี้มันก็พอใจแล้ว
โจวเหวินมองราชินีเหมันต์แล้วพูด “เธอบอกเองไม่ใช่แหรอที่บอกเองว่าเผ่าพันธุ์ต่างมิตินั้นไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงหรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ ถ้างั้นเราจะรู้ได้ไงว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า”
“เจ้าหมายความเช่นใดกัน”ราชินีเหมันต์พูดเหมือนไม่เข้าใจ”เธอไม่เข้าใจสำนวนของมนุษย์
“มันหมายความว่าอาจารย์เจ๋งยังไง ลูกศิษย์ก็จะดีกว่านั้นไปอีกขั้นนึงไง”โจวเหวินอธิบาย
I บทที่ 935 ร่างจอมมาร
ราชินีเหมันต์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี นี้เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอมนุษย์แบบโจวเหวิน
หวังหมิงหยวนนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง เป็นมนุษย์คนเดียวที่สามารถเอาชนะราชาเทพมังกรได้ ไม่มีใครปฏิเสธได้อีกแล้ว ทุกคนเลยให้ความเคารพเขาไป
แต่นั้นก็ต่อเมื่อหวังหมิงหยวนนั้นมีพลังมากพอที่จะดูแลตัวเองบนโลกใบนี้ อีกอย่าง หวังหมิงหยววนเองก็ผสมรวมร่างกับผู้พิทักษ์ด้วย เขาไม่ได้นับว่าเป็นมนุษย์ตั้งนานแล้ว หลังจากที่รวมร่างกับผู้พิทักษ์ ร่างกายของเขาก็ได้หลุดจากพันธนาการของมนุษย์แล้วก้าวไปอีกขั้นนึง หวังหมิงหยวนนั้นตอนนี้เรียกว่าเป็นคนของต่างมิติมากกว่าคนบนโลกซะอีก
โจวเหวิน เป็นมนุษย์บนโลกอย่างแท้จริง แถมยังไม่ใช่ระดับเร้นลับด้วย แต่กลับยังกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมาทำให้ราชินีเหมันต์รู้สึกขำ ขำขันสุดๆไปเลย
“นี้มนุษย์ทุกคนบนโลกน่าขันแบบเจ้าทุกคนรึเปล่าเนี่ย” ราชินีเหมันต์พูดถามแล้วมองโจวเหวิน
“ฉันไม่คิดว่ามันตลกนะ”โจวเหวินพูด
“ถ้างั้นเจ้าก็คงบ้าแล้วละ เจ้าเป็นแค่ระดับมหากาพย์ ไม่คู่คววรจะมามีชีวิตอยู่ในต่างมิติด้วยซ้ำไป อย่างเจ้านี้นะจะมากล้าเปรียบเทพกับราชาเทพมังกร เจ้าคิดว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้างั้นเหรอ ข้าเกรงว่าตัวเจ้าเองยังไม่เห็นพลังของระดับมหันตภัยจริงๆซินะเจ้าถึงกล้าพูดออกมาแบบนี้” ราชินีเหมันต์พูดต่อ “ใช่แล้วละ ตัวเจ้าเองคงไม่มีทางได้เห็นระดับมหันตภัยบนโลกอยู่แล้ว ระดับความกลัวเองก็ถือเป็นระดับสูงสุดบนโลกแล้วด้วย ถ้าเกิดระดับมหันตภัยไปอยู่บนโลกละก็ แค่เห็นด้วยตาเปล่า ก็ทำให้ตายได้แล้วละ มันคงจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ผู้โง่เขลาจนปัญญาอย่างเจ้าไม่เข้าใจหรอก”
ราชินีเหมันต์พูดแล้วเลิกสนใจโจวเหวิน นางเข้าร่างความกลัว จากนั้นก็เดินไปที่ระฆังแล้วสั่นระฆังอีกครั้ง
โจวเหวินรู้สึกได้ทันทีเลยว่าปราสาททั้งหลังนั้นกำลังสั่นไหว จากนั้นเขาก็หันออกไปมองนอกด้วยพลังของสดับวานร แล้วโจวเหวินก็พบว่า ด้านนอกของปราสาทตอนนี้นั้นไม่ใช่ทะเลอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เขตภูเขาไฟตามเดิมด้วย ด้านนอกนั้นเป็นพื้นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่สุดหูลู่หูตา บนทุ่งหญ้านั้นมีสิ่งงมีชีวิตต่างมิติหลายๆตัวที่มีตัวด้านบนเป็นคน ส่วนท่อนล่างเป็นม้า และสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่รูปร่างหน้าตาประหลาดทั้งหลาย
ราชินีเหมันต์(จะสลับใช้กับสาวหิมะ) วางระฆังลงแล้วมองโจวเหวินก่อนจะพูดอย่างว่างเปล่า “เรื่องตลกของเจ้ามันช่างน่าขันยิ่งนัก แต่ข้าไม่สนใจหรอกนะ ทีนี้ เจ้าส่งลูกแก้วนั้นมาให้ข้าได้แล้ว แล้วข้าจะส่งเจ้าไปหาราชาเทพมังกร ไม่เช่นนั้นละก็ถึงเจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของหวังหมิงหยวนจริง แต่ยังไงวันนี้ก็จะกลายเป็นวันตายของเจ้า”
“ฉันยังไม่ตายซักหน่อย บางทีก็อยากลองตายดูเหมือนกัน” โจวเหวินพูด
“ถ้างั้นก็ดี” สาวหิมะดวงตาเริ่มเย็นเฉียบร่างกายของนางกลายเป็นน้ำแข็ง ปราสาทน้ำแข็งเริ่มปลดปล่อยไอเย็นยะเยือกออกมาปิดทางเข้าออกทั้งหมดที่เป็นไปได้
พลังของระดับความกลัวนั้น มันเกินกว่าระดับเร้นลับปรกติไปไกลมากๆอยู่แล้ว
และในตอนนั้นเอง ที่จู่ๆสาวหิมะก็ต้องผงะ ร่างกายของโจวเหวินนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน ความเร็วของเขานั้นเรียกได้ว่าเกินจากที่จะจินตนาการได้ ตอนที่ปราสาทน้ำแข็งถูกปิดกั้นทั้งหมดนั้น โจวเหวินกลายร่างกายเป็นหอยอำไพ
นี้คือความสามารถใหม่ของเนตรมรดกที่โจวเหวินพึ่งได้มาหลังจากที่พัฒนาเป็นขั้นสมบูรณ์
ร่างจอมมาร (ขั้นสมบูรณ์) สืบทอดสายเลือดของปีศาจ กักเก็บสายเลือดเผ่าพันธุ์นับหมื่น
เนตรมรดกก่อนหน้านี้ทำได้แค่แสกนแล้วแปลงร่าง เมื่อเปลี่ยนวิญญาณชีวิตไป การแปลงร่างก็จะหายไป การจะแปลงร่างได้อีกครั้งนั้นจำเป็นต้องแสกนใหม่อีกรอบ
แต่ถึงอย่างนั้น ร่างจอมมารในตอนนี้มันไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว ตราบใดก็ตามที่โจวเหวินแสกนและแปลงร่างมาก่อน โจวเหวินก็สามารถเก็บความทรงจำในการแปลงร่างนั้นมาแปลงร่างซ้ำได้ทันทีที่เขาต้องการ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาแสกนหรือใช้พลังงานเพิ่มอีก
ยิ่งกว่านั้นการแปลงร่างในขั้นสมบูรณ์นั้นมันยังกินพลังงานน้อยกว่ามากๆด้วย ด้วยพลังงานของโจวเหวินในตอนนี้ มันสามารถรับกับการแปลงร่างเป็นระดับเร้นลับได้แล้ว
“หอยมารดาปีศาจกลายพันธ์งั้นเหรอ” สาวหิมะสีหน้าเปลี่ยนทันที ตอนที่เห็นร่างของโจวเหวินในร่างของหอยอำไพ
ลำแสงเยือกแข็งของเธอโจมตีเข้าใส่เปลือกหอย แต่ลำแสงนั้นกลับเยือกแข็งหอยนั้นไม่ได้ ภายในหอยนั้น เหมือนกับมีลมหมุนสีน้ำเงิน ดูดเอาลำแสงนั้นเข้าไป
โจวเหวินเองตอนนี้ดีใจมาก เพราะหลังจากที่วิญญาณชีวิตของเขาพัฒนา โจวเหวินก็สามารถแสกนหอยมารดาปีศาจกลายพันธ์ได้สำเร็จทันที แล้วเขาก็สามารถกลายร่างได้เลย
และในที่สุดโจวเหวินก็ได้รู้ว่าทำไมบาซิลิสก์ถึงไม่ยอมโจมตีหอยนี้ ก่อนหน้านี้ เพราะว่าจริงๆแล้วหอยมารดาปีศาจนั้นเหมือนเป็นถังขยะรีไซเคิลของเผ่าพันธ์สัตว์ประหลาด
มันสามารถดูดกลืนพลังงานที่ถูกยิงเข้าใส่และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังของตัวเอง แม้แต่พลังระดับความกลัว เองยังสามารถดูดมาได้ และทำให้หอยมารดาปีศาจมีพลังมากขึ้นมหาศาลอีกด้วย
ไม่แปลกเลยที่จะมีแต่หอยนี้อยู่ในน้ำพุแค่ตัวเดียว เท่าที่ดูมันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่มีแค่ตัวเดียวนะเนี่ย”โจวเหวินคิดในใจ
สาวหิมะเองก็ดูเหมือนจะรู้พลังของหอยดี เธอเลยมองโจวเหวินอย่างละแวง
โจวเหวินที่สามารถแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำได้ สาวหิมะก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็มีหลายตัวที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์อื่นได้
แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินยังเป็นแค่ระดับมหากาพย์อยู่เลย แต่กลับสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหอยมารดาปีศาจกลายพันธ์ได้ แถมยังมีพลังที่เหมือนมันอีกด้วยถือว่ายอดเยี่ยมมากทีเดียว
เพราะว่าสิ่งมีชีวิตส่วนมากนั้นจะปลอมแปลงหรือแปลงร่างได้แค่ลักษณะภายนอกเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นสิ่งชีวิตนั้นไปจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นไปเลย แต่ปรกติแล้วมันก็จะเป็นการเปลี่ยนจากระดับสูงไประดับต่ำ ยกตัวอย่างเช่นระดับคววามกลัวที่แปลงร่างเก่งๆ ก็สามารถแปลงร่างไปเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับได้ แต่การที่ความกลัวจะแปลงร่างไปเป็นระดับความกลัวด้วยกันนั้นมันยากมากๆแล้ว อย่าว่าแต่จะให้ขึ้นไปในระดับที่สูงกว่าอย่างระดับมหันตภัยเลย
เพราะว่าระดับของพลังงานที่ใช้นั้นมันต่างกันมาก การเปลี่ยนจากระดับพลังงานต่ำกลายเป็นสูงนั้นมันหายนะชัดๆ
แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป ในบรรดาสัตว์ประหลาดทั้งหลาย มันก็มีวิชาลมปราณบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตระดับต่ำให้กลายเป็นระดับสูงได้ อย่างเช่นวิชาเลือดอสูรซึ่งเป็นวิชาระดับตำนาน ซึ่งว่ากันว่ามันเป็นวิชาลมปราณของเหล่าบรรพบุรุษอสูรและปีศาจนับแสนรวมเข้าด้วยกัน
I บทที่ 936 ข้อตกลงของสาวหิมะ
“วิชาลมปราณเลือดอสูรเป็นวิชาลมปราณลับสุดยอดของราชาปีศาจ มีเพียงผู้ที่สืบสายเลือดท่านั้นที่มีสิทธิ์คู่ควรในการฝึก และในบรรดาผู้สืบสายเลือดทุกคน มีเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้นที่จะมีพรสวรรค์มากพอที่จะฝึกวิชาเลือดอสูรจนพัฒนาไปได้ถึงขั้นนี้ได้ เจ้านี้มันเป็นแค่มนุษย์ต่ำต้อย ปรกติแล้วไม่มีทางได้ฝึกวิชาเลือดอสูรซิ…”
สาวหิมะสงสัยในใจ แต่ก็พยายามโจมตีทุกอย่างเข้าใส่หอยมารดาปีศาจ แต่ผลที่ออกมามันก็เท่านั้น พลังของเธอนั้นโดนดูดไปทั้งหมด
“มันไม่มีทางที่มนุษย์จะฝึกวิชาเลือดอสูรได้ซิ เขายังเป็นแค่ระดับมหากาพย์อยู่เลย ทำไมเขาถึงกลายไปเป็นหอยมารดาปีศาจได้ละ แถมยังมีความสามารถทุกอย่างครบอีกด้วย”สาวหิมะมองโจวเหวินอย่างสงสัยเข้าไปใหญ่
“ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านจะทำตัวเหมือนกับว่าฉันเป็นแขกไม่ได้รับเชิญซินะเนี่ย”โจวเหวินที่รับพลังแสงเยือกแข็งไปหลายยกรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่ไหลเวียนเข้ามาในร่างกาย พลังงานทั้งหมดนี้มันช่วยทำให้เขาสามารถคงร่างนี้ได้อีกนานเลย
สาวหิมะนั้นทำใจให้สงบๆแล้วมองโจวเหวินก่อนจะถาม “เจ้าฝึกวิชาเลือดอสูรอย่างนั้นเหรอ
“ฝึกแล้วไงละ”โจวเหวินไม่ได้ปฏิเสธตอนที่เห็นสาวหิมะถามเรื่องความสามารถที่โจวเหวินมี
พอได้ยินว่าโจวเหวินยอมรับ สาวหิมะก็เหมือนจะไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยถามซ้ำ “นี้เจ้าฝึกวิชาเลือดอสูรจริงๆอย่างงั้นเหรอ”
“ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”โจวเหวินพูด
สาวหิมะมองโจเวหวินแล้วคิดในใจของตัวเอง
วิชาลมปราณเลือดอสูรนั้นเป็นวิชาลมปราณโบราณของฝั่งปีศาจที่มีแต่สายเลือดโดยตรงของราชาปีศาจเท่านั้นถึงจะสามารถมองเห็นได้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะฝึกได้เลย แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินมนุษย์ธรรมดา กลับสามารถฝึกได้ ถ้าเกิดสาวหิมะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองละก็ เธอเองก็คงจะไม่เชื่อแน่ๆถ้ามีคนมาเล่าให้ฟัง
แม้แต่ตัวของนางเองยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าโจวเหวินนั้นจะฝึกวิชานั้นสำเร็จจริงๆ แต่นอกเหนือจากวิชาเลือดอสูรแล้ว วิชาลมปราณอื่นๆที่สามารถทำแบบนั้นได้ เธอเองก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกัน
ก่อนหน้าที่สาวหิมะจะได้ยินโจวเหวินพูดว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ตอนแรกเธอเองก็คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าขำเลยแม้แต่น้อย
มนุษย์ธรรมดาที่สามารถฝึกวิชาเลือดอสูรได้ แค่คิดก็ไม่อยากจะเชื่อแล้ว
“ทำไมเจ้าถึงไปเอาวิชาเลือดอสูรมาได้กัน”สาวหิมะไม่โจมตีต่อ แล้วถอนร่างความกลัวแล้วมองโจวเหวินด้วยสีหน้าแปลกๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยเหรอ”โจวเหวินพูด
ถึงแม้ว่าสาวหิมะจะไม่ตอบ แต่เธอเองก็คิดในใจ “เขาเป็นแค่ระดับมหากาพย์ ยังไงก็ไม่มีทางรอดบนโลกนี้ได้อยู่แล้ว แล้วก็คงไม่ได้มีโอกาสเข้าไปในเผ่าปีศาจเผ่าไหนด้วย อย่าว่าแต่จะได้เข้าถึงราชาปีศาจเลย วิชาเลือดอสูรที่ว่ายากที่จะได้สัมผัสนั้น หรือว่าแท้จริงแล้วจะมีต้นกำเนิดจากบนโลกตามตำนานที่ว่าไว้”
พื้นที่บนโลกที่ว่านั้นถูกเรียกว่าเป็นโบราณสถานต้องห้ามก็ได้ มันคือสถานที่จุติของสิ่งมีชีวิตทรงพลังระดับเทพปีศาจที่เกิดขึ้นมาบนโลก แต่ถึงอย่างนั้น ในบรรดามิติต่างๆที่ว่านั้น ตำนานเองก็ว่ากันไว้ว่าโบราณสถานต้องห้ามนั้น แท้จริงแล้วเป็นสถานที่เกิดมิติต่างๆและสิ่งมีชีวิตต่างมิติทั้งหมด ล้วนเกิดมาจากที่ทั้งสิ้น
แต่มันก็เป็นแค่ตำนานที่ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันยิ่งกว่านั้นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่แกร่งๆเองก็คงไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองจะเกิดมาจากสถานที่กระจอกๆแบบนั้น
แต่ตอนนี้สาวหิมะเริ่มคิดแล้วว่าตำนานอาจจะเป็นจริง ไม่งั้นโจวเหวินที่เป็นมนุษย์โลก จะไปเรียนรู้วิชาเลือดอสูรมาจากไหน และถ้าบนโลกไม่มีสถานที่แบบนั้นอยู่จริงละก็ เผ่าพันธุ์ทั้งหลายถึงได้พยายามต่อสู้แย่งชิงเพื่อยึดโลกเป็นของตัวเองกันละ
แต่ถึงอย่างนั้น สาวหิมะก็เปลี่ยนใจแล้วคิดอีกรอบ หลังจากผ่านสมรภูมิป่าเถือนบนโลกมามากมายบางทีสายเลือดของราชาปีศาจเองอาจจะมาที่โลกแล้วสลักวิชาเลือดอสูรเอาไว้ที่โลกก็ได้
ด้วยความเป็นไปได้นั้น มันก็พอจะบอกได้อยู่ว่าโจวเหวินนั้นเรียนรู้วิชาเลือดอสูรมาได้ยังไง
“เจ้าสนใจมาตกลงกับข้าไหม”สาวหิมะจู่ๆก็พูดขึ้นมา
“ว่ามาเลย”โจวเหวินตอนนี้ระแวงนิดหน่อย ถึงแม้ว่าเขาจะรอดจากการโดนสาวหิมะฆ่าแล้ว แต่ถ้าเขายังกลับไปที่พื้นที่ภูเขาไฟไม่ได้ละก็ เขาก็จะโดนขังอยู่ที่นี้แล้วกลับไปที่โลกอีกไม่ได้ตลอดกาล
ถ้าสาวหิมะอยากได้ลูกแก้วจิ้งจอกเพื่อการันตีว่าเขาจะกลับโลกได้นั้น โจวเหวินก็จะยอมสละทิ้งทันที ถึงแม้ว่าเขาต้องไปเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของปีศาจจิ้งจอก9หางตอนกลับไป แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะดีกว่าติดอยู่ที่นี่แน่ๆ
แต่ใครมันจะไปคิดละว่าสาวหิมะไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเลย “เจ้าสอนวิชาเลือดอสูรให้กับข้า แล้วข้าจะมอบระฆังนภา แล้วข้าก็จะพาเจ้าไปหาตี้ฉินจบเรื่องที่เจ้าต้องทำทั้งหมด”
“เธออยากจะได้วิชาเลือดอสูรเหรอ”โจวเหวินตกใจเล็กน้อยเขาไม่คิดว่านางจะขออะไรแบบนี้
“ใช่แล้ว ขอแค่เจ้ามอบวิชาเลือดอสูรให้ข้า ข้ามั่นใจเลยว่าเจ้าจะสำเร็จทุกอย่างที่เจ้าต้องการมาที่นี้ แล้วข้าเองยังพาเจ้าไปส่งที่ปราสาทเทพมังกรได้อีกด้วยนะ”สาวหิมะพูด
“แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าเธอพูดจริงแล้วจะไม่โกหก”โจวเหวินคิดถึงความเป็นไปได้หลากหลายอย่าง แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่าบางทีนี้อาจจะเป็นหนทางรอดกลับบ้านของเขาก็ได้
“ข้าช่วยให้เจ้าสำเร็จงานทั้งหมดก่อนได้ จนกระทั้งเจ้าใกล้ไปถึงปราสาทเทพมังกร ก่อนที่เจ้าจะไป ข้าขอแค่ให้เจ้าถ่ายทอดวิชาเลือดอสูรให้กับข้าเท่านั้นเอง”สาวหิมะพูด
โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าข้อเสนอของสาวหิมะนั้นมันดีมากๆ แต่ปัญหาติดแค่ว่าเขาไมได้อยากไปหาเทพเจ้ามังกรเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาเองก็ถ่ายทอดวิชาเลือดอสูรออกมาไม่ได้ด้วย
เพราะว่าวิชาเลือดอสูรนั้นมันไม่มีอักษรวิชาให้เรียนรู้มันเป็นภาพ และเราต้องมองภาพเพื่อให้เข้าใจวิชาเลือดอสูร มันเป็นวิชาลมปราณที่ต้องเข้าใจเองและมันสอนกันไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะเป็นโจวเหวินที่สำเร็จวิชาเลือดอสูรทั้งหมดแล้ว แต่เขาเองก็บอกคนอื่นไม่ถูกเหมือนกันว่าต้องฝึกวิชาลมปราณนี้ยังไง
“สิ่งที่เจ้าต้องจ่ายมีแค่สอนวิชาลมปราณให้ข้า เจ้าจะได้ทั้งระฆังนภาแถมกลับไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วนถึงแม้ว่าเจ้าจะแปลงร่างเป็นหอยมารดาปีศาจได้ แต่เจ้าก็ควรจะรู้ไวว้นะว่าพลังแค่นั้นถึงเจ้าจะตายด้วยน้ำมือข้าไม่ได้แต่พลังของผู้ที่แกร่งกว่านั้นมันใช้งานได้เสมอ เจ้าคิดเหรอว่าข้าไม่สามารถหาผู้ที่มาจัดการเจ้าไม่ได้หน่ะ”สาวหิมะพูด
โจวเหวินถอนหายใจแล้วพูด “ฉันเองก็อยากจะตกลงกับเธอนะ แต่โชคไม่ดีที่วิชาลมปราณนี้มันสอนกันแบบปากต่อปากไม่ได้”
หลังจากที่เธอได้ยินแบบนั้นแล้ว สาวหิมะก็นยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่เลยว่าโจวเหวินต้องฝึกวิชาเลือดอสูรมาแน่ๆ เลยถาม “แล้วเจ้าฝึกยังไงกัน”
“ฉันเคยไปที่ๆนึงแล้วมันเป็นรูปศิลปะ แล้ววิชาลมปราณนั้นก็อยู่ในรูปนั้น ฉันเข้าใจได้โดยการมองภาพไม่ใช่จากการอ่านคำ ถ้าอยากจะได้วิชาลมปราณนี้จริงๆ เธอต้องลองไปดูเอง”โจวเหวินพูด
“ที่ใดกันละ”สาวหิมะถาม
“บนโลก”โจวเหวินตอบ
สาวหิมะพอได้ยินแบบนั้นแล้วก็พูด “ถึงระฆังนภาจะมีพลังข้ามมิติได้ก็จริง แต่มันไม่สามารถเดินทางไปยังโล…”
“ถ้าเธออยากไปฉันมีทางไปนะ”โจวเหวินพูดทันที
บทที่ 937 ต่างมิติที่แท้จริง
“แล้วเจ้าจะทำยังไง”สาวหิมะพูดแล้วมองโจวเหวินอย่างไม่เชื่อใจ
“ในเมื่อฉันมาถึงนี้ได้ ฉันก็ต้องมีทางกลับเตรียมไว้แล้วเหมือนกัน ไม่งั้นฉันจะขโมยระฆังไปเพื่ออะไรกันละ เพียงแค่ว่าวิธีการอาจจะยากซักหน่อย”โจวเหวินพูด
“ขอแค่เจ้าบอกที่อยู่ของวิชาเลือดอสูรให้กับข้า ระฆังก็จะเป็นของเจ้า”สาวหิมะพูด
“ไม่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นเลย เธอก็รู้ว่าการข้ามมายังที่นี้มันยากขนาดไหนใช่ไหม แล้วจะให้ส่งกลับไปน่ะ คนที่กลับไปได้มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าฉันจะต้องพาเธอกลับไปด้วยพลังงานที่ใช้ในการข้ามมิติอาจจะไม่พอ ถ้าเกิดยังฝืนข้ามต่อไป ชีวิตก็อาจจะไม่เหลือนะ”โจวเหวินทำหน้าตาจริงจัง
“แล้วเจ้าพยายามจะสื่ออะไรกัน”สาวหิมะมองดูแล้วรู้ได้ทันทีว่าโจวเหวินมีแผน ถ้าเดินทางไปยังโลกด้วยวิธีปรกติไม่ได้ โจวเหวินก็มี วิธีในแบบของเขา
“ถ้าเกิดว่าเธออยากจะไปจริงๆละก็ มันก็มีทางเลือกแค่ไม่กี่วิธีแต่เธออาจจะรู้สึกแย่ๆหน่อย ฉันมีของอย่างนึงที่ใช้กับเธอได้ ให้เธอเข้าไปอยู่ในนั้นก่อน จากนั้นเดี๋ยวฉันพาเธอกลับมาที่โลกเอง”โจวเหวินพูด
“นี้คิดจะให้ข้าเข้าไปอยู่ในกับดักของเจ้างั้นเหรอ”สาวหิมะพูดอย่างเย็นชา
โจวเหวินพูดแล้วหยิบน้ำเต้าแมลงออกมา “ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกนะ หรือว่าระดับความกลัวที่เก่งกาจจะโดนขังไว้ในน้ำเต้าโง่ๆได้ด้วยเหรอ?”
สาวหิมะมองโจวเหวิน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอ ไม่โอเคกับวิธีของโจวเหวิน โจวเหวินเห็นเห็นแบบนั้นจึงพูดขึ้นมา “ก็นะ มันก็ยังมีวิธีที่2อยู่แต่วิธีนี้อาจจะยากหน่อยนะ”
“ลองว่ามาซิ”สาวหิมะพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร
“สิ่งมีชิวตต่างมิติอย่างพวกเธอสามารถทำสัญญากับมนุษย์ได้ไหมละ เธอทำสัญญากับฉันในฐานะผู้พิทักษ์แล้วค่อยข้ามไปพร้อมกัน” สัญญาที่โจวเหวินต้องการจริงๆแล้วไม่ใช่สัญญาผู้พิทักษ์ แต่เป็นสัญญาแบบเดี๋ยวกับหยาเอ๋อ และสัญญาทาสแบบเดียวกับปีศาจสังหาร
สาวหิมะเม้มปากแล้วพูด “พวกที่ทำสัญญาได้นั้นมันพวกผู้พิทักษ์ เผ่าพันธุ์ต่างมิติจริงๆมันทำไมได้ ผู้พิทักษ์หน่ะ มันครึ่งสัตว์อสูรครึ่งสิ่งมีชีวิตต่างมิติ ต่างจากพวกเรามาก”
“ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วละ”โจวเหวินแบมือพูด
“เอาสิ่งของที่จะไว้สำหรับกักขังข้ามาดูห่อย”สาวหิมะพูด ก่อนที่โจวเหวินจะหยิบเอาน้ำเต้าแมลงออกมาแสดงให้ดู
เดิมทีแล้วน้ำเต้าแมลงโจวเหวินเก็บเอาไว้เป็นอาหารสำรองของไท่ซุย ถ้าเกิดมันหิวเมื่อไรมันก็จะกินเอง แต่ถึง แม้ว่าน้ำเต้าแมลงจะมีความสามารถในการรักษาและเพิ่มจำนวนแมลงของตัวเองแต่การจะทำได้นั้นมันต้องการพลังงานลมปราณ แต่ตัวของมันเองนั้นไม่ได้มีพลังงานเก็บเอาไว้ในตัวเพราะงั้นมันจึงต้องใช้พลังงานลมปราณของโจวเหวินเอง
“นี้ละ ข้างในนั้นเองก็มีสิ่งมีชิวิตต่างมิติอยู่ด้วยนะ”โจวเหวินยื่นน้ำเต้าให้กับนาง
สาวหิมะรับน้ำเต้าแล้วมองมัน ศึกษามันได้ซักพักก่อ นจะตอบรับ “ถ้างั้นก็ช้วิธีแรก ฉันจะเข้าไปในนี้แล้วนายก็พาฉันกลับไปที่โลก หลังจากนั้นระฆังจะเป็นของนาย”
“โอเคได้ แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องไปกันที่เขตภูเขาไฟก่อน ประตูวาปที่จิ้งจอก9หางเปิดไว้อยู่ที่นั้น เราต้องไปที่นั้นก่อนประตูวาปถึงจะเปิดออกได้”โจวเหวินพูด
“ไม่มีปัญหา ข้าจะพาเจ้าไปเดี๋ยวนี้เลยก็ได้”สาวหิมะพูด
“เธอพูดเองก่อนหน้านี้นี่ว่าเธอจะพาฉันไปหาตี้ฉิน”โจวเหวินคิดถึงเรื่องของจิ้งจอก9หาง ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะช่วยเธอส่างข้อความให้ถึงที่ จะได้ไม่มีอะไรให้ค้างคากันตอนที่กลับไปแล้ว
“ใช่ แต่เจ้าแน่ใจจริงๆแล้วเหรอว่าจะไปที่นั่นนะ”สาวหิมะยิ้ม
“ทำไมละ”โจวเหวินถาม
“มันก็ไม่ทำไมหรอก แต่สถานที่ ที่ตี้ฉินถูกคุมขังใว้อยู่นั้น เป็นโลกต่างมิติอย่างแท้จริงเลย สภาพแวทดล้อมมันอาจะไม่ได้เป็นแบบที่นี้ ระดับมหากาพย์อย่างเจ้าก็ยากที่จะเอาตัวรอดได้ที่นั้นนะ”สาวหิมะเตือนดีๆ
“ฉันแปลงร่างเป็นระดับเร้นลับได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาละนะ”โจวเหวินคิดซักพักแล้วพูด
“ถ้างั้นก็โอเค”สาวหิมะพยักหน้า
“แล้วนานแค่ไหนละกว่าจะไปถึงที่นั้นได้”โจวเหวินกลัวว่ามันจะนานเกินไปแล้วเลยเวลาที่ต้องกลับเพราะตอนนี้เวลา36ชั่วโมงของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว
“การจะเข้าไปหาตี้ฉินนั้นใช้เวลาไม่นานหรอก ด้วยพลังของระฆังนภา ถ้าร่างกายของเจ้ารับแรงกดดันของบรรยากาศได้ เจ้าสามารถไปกลับได้ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น” สาวหิมะคิดแล้วพูด
“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ ถ้าฉันไม่พยายามลองซักหน่อย ตอนกลับไปฉันอาจจะมองหน้าจิ้งจอกเก้าหางไม่ติดก็ได้”โจวเหวินเองก็อยากจะไปพบกับกษัตริย์จอมทรราชในตำนาน ตี้ฉินคนนั้นเหมือนกัน
เพราะว่ายังไงในประวัติศาสตร์ชาวตะวันออกแล้ว ตี้ฉินนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก จะบอกว่าเขาเป็นจอมทรราชอันดับ1ในยุคโบราณเลยก็ว่าได้
ถ้าเกิดตี้ฉินยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้จริงๆละก็ โจวเหวินก็อยากเห็นด้วยตาตัวเองเหมือนกันว่าชายคนนั้นจะเป็นคนแบบไหนกันแน่
“อ้อ เจ้าควรจะเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าบ้างนะ ตอนที่เจ้าไปถึงที่นี้ สภาพแวดล้อมมันจะกระทบกับร่างของเจ้าหนักมากเลย”สาวหิมะเตือน
“เดี๋ยวฉันใช้ร่างหอยมารดาปีศาจผ่านมันไปเอง”โจวเหวินพูด
“งั้นก็ได้”สาวหิมะไม่พูดอะไรต่อ เธอตรงไปที่ระฆังนภาแล้วสั่นะระฆัง3ครั้งทันที แรงสั่นสะเทือนมหาศาลกึกก้องไปทั่วปราสาทรุนแรงกว่า2ครั้งแรกมากๆ พลังงานสายมิติที่ถูกแพร่กระจายออกมานั้นมันชัดเจนมากๆ น่าเสียดายที่วิญญาณชีวิตยุคมิติพัฒนาจนถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว มันพัฒนาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
โจวเหวินยังคงร่างของหอยมารดาปีศาจอีกต่อไปเรื่อยๆ รอจังหวะที่เคลื่อนย้ายไปอีกมิติเสร็จสิ้น แต่ตอนที่ปราสาทหยุดสั่นไหวนั้นเอง โจวเหวินก็รู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่เข้ามากระแทกร่างกายของเขาอย่างรุนแรง ร่างของเขาร่วงลงมาจากฟ้าตกลงมาบนพื้นเหมือนกับแรงดึงดูดแม่เหล็กไฟฟ้า
ตุ้บ!!
โจวเหวินกระแทกเข้ากับพื้นน้ำแข็งอย่างแรง เหมือนกับว่าตัวของเขาโดนภูเขากดทับเอาไว้ทั้งลูกไม่ว่าเขาจะพยายามออกแรงมากแค่ไหน แต่ร่างของเขาก็ขยับไมได้แม้แต่น้อย จิตใจของเขากำลังสั่นสะท้าน เหมือนกับว่าวิญญาณกำลังโดนบางอย่างแทรกแซงอย่างแรง เขารู้สึกเหมือนอยากจะอ้วก ไม่สบายตัวเลยซักนิด เหมือนกับว่ามีความมืดพร้อมเข้าจู่โจมคุณตลอดเวลา
“เป็นแบบนี้ได้ไงกัน ทำไมฉันขยับไม่ได้”โจวเหวินถามสาวหิมะที่อยู่ข้างๆ
สาวหิมะยิ้มแล้วตอบ “ก็บอกแล้วไง ว่าระดับเร้นลับสำหรับมนุษย์มันอาจจจะแกร่งมากๆก็จริง แต่ในโลกของเรานั้นมันก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเท่านั้น ถึงแม้ว่าหอยมารดาปีศาจจะพิเศษยังไง แต่มันก็เป็นแค่ระดับเร้นลับตัวนึง บนโลกมันอาจจะเป็นเหมือนเทพแต่บนมิตินี้ มันก็เป็นแค่หอยธรรมดา นายเคยเห็นหอยที่ไหนเดินได้เหรอ
โจวเหวินพูดไม่ออก เห็นได้ชัดๆเลยว่าสาวหิมะนั้นแท้จริงแล้วรู้ผลที่ตามมาทั้งหมด แต่เธอแค่อยากเห็นโจวเหวินพลาดเท่านั้นเอง
“จากนี้ถึงจุดที่ตี้ฉินอยู่ห่างออกไป12กิโล เจ้ายังจะอยากไปอยู่ไหมละ”สาวหิมะมองโจวเหวิน
“ไปซิแน่นอน”โจวเหวินกัดฟันแล้วยกเลิกแปลงร่าง
ในจังหวะนั้นเองร่างของเขาแทบจะระเบิดออกมาเป็นแตงโม พลังงานมหาศาลมันไหลเวียนเข้าในร่างของเขาตัวจะแตก ก่อนที่ร่างเขาจะระเบิด โจวเหวินได้ใชสกิลกายมังกรแปลงร่างตัวเอง แล้ววก็ใช้แพทย์วิญญาณเชื่อวิญญาณตัวเองอีกเพื่อรับแรงกดดันที่มี ในที่สุดโจวเหวินก็สามารถทนแรงกดดันได้ เขาปาดเหงื่อออกจากหัวทันที ในแค่ไม่กี่วินาทีเมื่อกี้ เขารู้สึกมื่อตัวขอเขาโดนผ่าไปจริงๆแล้ว
I บทที่ 938 ที่ ที่ตี้ฉินอยู่
โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังรับภาระหนักมาก ไม่เพียงแค่แรงกดดันมหาศาลที่กระทำต่อร่างกาย แต่สมองและจิตใจของเขากำลังสั่นไหวอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว
ภายใต้การป้องกันของชุดเกราะและร่างกายมังกร แม้แต่เกราะเกร็ดมังกรนั้นยังโดนแรงกดทับจนเริ่มมีรอยแตกปรากฏขึ้นมา
ที่หนักกว่านั้นคือ ตอนนี้ดวงตาของโจวเหวินเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นเหมือนภาพทับซ้อนกันไปมา ตอนนี้เขามองไม่เห็นแล้วว่าปราสาทน้ำแข็งหรือสาวหิมะที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นอยู่ที่ไหน เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นด้วย ถึงแม้ว่าประสาทสัมผัสของเขาจะดีมากแต่ตอนนี้มันใช้ได้แค่อย่างเดียวคือการรับรู้ตัวเองเท่านั้น
โจวเหวินเปิดปากแล้วลองพูดออกไป ปรากฏว่าเขาพูดก็ไม่ได้พูดออกมาก็ไม่มีเสียง เขาเหมือนกับว่าโดนขังอยู่ในมิติแยก ที่ทำให้รู้สึกเหมือนจะแตกสลายเข้าซักวันนึงให้ได้
“หรือว่านางจงใจจะฆ่าฉันกันแน่วะ”โจวเหวินตกใจ
โจวเหวินรีบอัญเชิญสดับวานรออกมาแล้วใช้ความสามารรถของสดับวานรในการกู้คืนความสามารถในการฟังเสียงกลับมา ทำให้ภาพของปราสาทน้ำแข็งกับสาวหิมะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
ปราสาทยังคงเป็นปราสาทและสาวหิมะก็ยังอยู่ที่เดิม ในภาพที่เขาได้ยินเสียงนั้น ทุกอย่างยังดูปรกติดี มีแค่ตัวเขาที่มองหรือพูดอะไรออกไปไม่ได้ ไม่รู้สึกอะไรซักอย่างเลยด้วย
โจวเหวินหลับตาลง ในเมื่อเขาพูดไม่ได้ เขาก็ใช้นิ้ววาดไปบนอากาศแทน “ทำไมถถึงเป็นแบบนี้”
ตอนนี้แค่พยายามให้ร่างกายกลับมาใช้ได้ปรกติก็ยากแล้วซินะ เพราะที่นี้คือโลกต่างมิติที่แท้จริงยังไงละ ความหนาแน่นและความกดดั้นนั้นมันต่างจากที่โลกมากเกินไป “ถ้าไม่ใช่ระดับเร้นลับละก็ นายไม่มีทางได้อยู่บนโลกใบนี้นานแน่ๆ”สาวหิมะตกใจเล็กน้อยที่โจวเหวินยังพยายามเขียนคำมาได้
“ฉันเองก็เคยไปโลกต่างมิติมากก่อน ทำไมมันไม่เหมือนกันละ”โจวเหวินเขียนอีกรอบ ตอนนี้เขาสับสนมากๆ ครั้งสุดท้ายที่เขาไปนั้นคือตอนที่เขาไปเอาผลไม้เทพ เขายังไม่เห็นรู้สึกอะไรแบบนี้เลย
“ถ้างั้นก็เป็นเพราะเจ้าไม่เคยมาโลกต่างมิติที่แท้จริงแล้วละ”สาวหิมะพูด
“มันต่างกันเหรอ ครั้งที่แล้วที่ฉันไปต้นไม้เทพ ที่หวังหมิงหยวนคุ้มกัน ฉันไปเอาผลไม้เทพมา มันเป็นคนละมิติกันเหรอ”โจวเหวินเขียน
สาวหิมะมองโจวเหวินด้วยความตกใจเล็กน้อย “ที่แท้เจ้าก็คือมนุษย์ที่ได้ผลไม้เทพไปนั้นเอง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นแค่ระดับมหากาพย์แท้ๆแต่กลับสามารถหยิบระฆังนภาได้โดยที่ไม่ตาย ดูเหมือนเจ้าจะพูดจริงซินะ ที่เจ้าเป็นลูกศิษย์ของหวังหมิงหยวนจริงๆด้วย ไม่งั้น เขาเองก็คงไม่ทนรับความเจ็บปวดจากสายฟ้าทรมาน เพื่อที่จะปล่อยเจ้าไปหรอก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโลกต่างมิติเหมือนกัน แต่สวนต้นไม้เทพนั้นสภาพแววดล้อมไม่ได้แย่เท่าที่นี้ ที่นี้แหล่ะถึงเรียกว่าเป็นโลกต่างมิติที่แท้จริง”
“อะไรคือสายฟ้าทรมานเหรอ”โจวเหวินถามทันที
“ไม่รู้งั้นเหรอ”สาวหิมะคิดก่อนจะพูดต่อ “หลังจากที่เจ้าได้รับผลไม้เทพไปแล้ว การที่เจ้าไม่รู้อะไรหลังจากนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี้เนอะ เอาจริงๆแล้ว การที่จะได้ผลไม้เทพไปนั้น มนุษย์ผู้ที่ชนะการประลลอง จะต้องทำสัญญาแล้วกลายไปเป็นตัวแทนของโลกต่างมิติบนโลกมนุษย์ แต่หวังหมิงหยวนไม่ยอมให้เจ้าเซนสัญญา พอเจ้ากลับมาบนโลก เขาเลยโดนทำโทษอย่างหนักหนักจนร่างกายของเขาทนไม่ไหว ในโลกต่างมิติที่แท้จริงนี้ แม้แต่ผู้ที่มีความแกร่งทางจิตใจกล้าหาญยังทนไม่ไหว แต่เจ้ากลับทนได้มากขนาดนี้ การจะบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์เอกของหวังหมิงหยวนก็ไม่ได้พูดเกินจริงแล้ว”
“อาจารย์บาดเจ็บหนักเพราะฉันเหรอ เธอช่วยพาฉันไปหาอาจารย์หน่อยได้ไหม”โจวเหวินไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเขาเลยรีบเขียนทันที
เจ้าจะไปตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์แล้ว ตอนนี้เขาคือราชาเทพมังกรแล้ว แม้แต่เทพมังกรรุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็นคนทรมารลงโทษเขายังพ่ายแพ้แล้วใครกันละจะมาทรมานเขาได้อีก
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เขาสบายดีแล้ว”สาวหิมะพูด
โจวเหวินเองก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่เขาเองก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของหวังหมิงหยวนยังไงดีเหมือนกัน
“สรุปแล้วเจ้าจะไปหาตี้ฉินหรือไปหาหวังหมิงหยวนกันแน่”สาวหิมะถาม
“ไปหาตี้ฉิน”โจวเหวินกัดฟันพูด
ถึงเขาไปหาหวังหมิงหยวนตอนนี้ เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะตอบแทนอาจารย์ได้ยังไง มีแต่จะไปสร้างปัญหาให้เพิ่มเท่านั้น เขาเลยยังไม่ไปหาอาจารย์ก่อน
“ถ้าเจ้าไหวก็ตามข้ามาเลย”สาวหิมะยิ้มแล้วพูดก่อนจะเดินออกไปนอกปราสาท
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินกลับรู้สึกเหมือนกับว่าทุกๆก้าว เขาต้องพยายามสู้กับฟ้าดิน เขาเดินยากมากๆ เดินยังไม่ออกนอกปราสาท เขาก็รู้สึกมึนหัวจะอ้วกขาเริ่มไม่มีแรงจะยืนอยู่แล้ว
“ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ เดิน3วันก็ไม่ถึงหรอก”สาวหิมะพูดแล้วมองโจวเหวินอยู่หน้าประตู
โจวเหวินรู้ดีว่าสาวหิมะนั้นรอเขาของให้นางช่วย เพื่อที่นางจะได้เรียกร้องอะไรเพิ่มขึ้นจากเดิมได้
โจวเหวินกัดฟันแน่น เขาอยากจะอัญเชิญเบม่อนออกมาแต่หลังจากที่ดูดีๆแล้ว เบม่อนนั้นบาดเจ็บหนักจากการโดนบาซิลิสก์โจมตีอย่างแรง บาดแผลนั้นยังไม่หายดีเลยตอนนี้ เขาเกรงว่าเบม่อนเองก็คงจะรับแรงกดดันขนาดนี้ไม่ไหวแน่ๆ
หลังจากลองคิดๆดูแล้ว โจวเหวินก็อัญเชิญมังกรเทียนออกมา เขาอยากจะลองดูว่ามังกรเทียนจะสามารถต้านทานพลังไหวไหมแล้วเขาจะได้ขึ้นขี่มันให้มันพาไปหาตี้ฉิน
หลังจากที่มังกรเทียนปรากฏตัวออกมาแล้ว ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของมันจะดีกว่าโจวเหวินมาก แต่การกระทำหลายๆอย่างของมันก็ยังถูกจำกัดไว้ มันเดินได้ช้ามากๆ ไม่มีความว่องไวหลงเหลืออยู่เลย
“มังกรเทียนงั้นเหรอ”สาวหิมะมองมังกรเทียนที่อยู่กับโจวเหวินด้วยความตกใจเล็กน้อย เธอรู้จักมังกรเทียนดี เพราะยังไงมังกรเทียนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่ต่างจากตัวอื่นๆ มันมีความสามารถมากพอจะพัฒนาไปเป็นระดับมหันตภัยได้ และมันเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่หายากมากๆในต่างมิติ นางเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าโจวเหวินจะมีมังกรเทียนเป็นสัตว์อสูร
“หรือว่าโลกนั้นจะเป็นจุดกำเนิดของโลกต่างมิติจริงๆ ไม่งั้น มันคงไม่มีสิ่งมีชีวิตอย่างมังกรเทียนไปเกิดที่นั้นหรอกใช่ไหม”สาวหิมะเริ่มไม่แน่ใจ
โจวเหวินลองบอกให้มังกรเทียนใช้เบิกเนตรราชันต์ มังกรเทียนเบิกเนตรรอบตัว ทำให้การเคลื่อนไหวของมังกรเทียนนั้นทำได้ง่ายขึ้นมาก การเบิกเนตรราชันนั้น ถ้าเกิดไม่ใช้ดวงตากระจกไปด้วย มังกรเทียนก็สามารถอยู่ในร่างนี้ได้นานพอสมควรเลย
โจวเหวินขี่บนหลังของมังกรเทียนแล้วพูดกับสาวหิมะ “ไปกันเถอะ เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
สาวหิมะพยักหน้าแล้วนำทางไป เธอเดินง่ายๆ แต่มังกรเทียนนั้นพยายามเต็มที่แล้วแต่ก็ยังทำได้แค่เดินตามอยู่ดี
หลังจากที่ออกมากจากปราสาทหิมะแล้วโจวเหวินก็เห็นบันไดหิน แต่ภายนอกเหนือจากบันไดหินไปนั้น เขาใช้สดับวานรไม่ได้ยินอะไรเลยเหมือนกับว่ามันปกคลุมไปด้วยหมอกหนาแน่นจะดๆ
โจวเหวินตามสาวหิมะเดินทะลุหมอกพวกนั้นไป โจวเหวินได้ยินเสียงน่ากลัวดังออกมาจากหมอกนั้นบางครั้งคราว เสียงพวกนั้นมันแปลกมาก มันเป็นเสียงที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ที่นี้โจวเหวินไม่รู้สึกได้ถึงการไหลของเวลาเลย เขาคาดเดาไมได้เลยสว่าเขาเดินไปกับสาวหิมะนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั้งสาวหิมะหยุดลงที่ปลายของบันไดตรงหน้า และหยุดมองสิ่งก่อสร้างแปลกๆตรงหน้า
“ตี้ฉินอยู่ข้างในนี้ละ เจ้าต้องเข้าไปด้วยตัวเอง พยายามอย่าให้ใครเจอตัวได้ ไม่งั้นเจ้าอาจจะออกมาไม่ได้อีก”สาวหิมะพูดแล้วชี้ไปที่สิ่งก่อสร้างตรงหน้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น