I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 919-922

ตอนที่ 919

 

ทองแดงโจวชาน


วิญญาณร้ายเหล่านั้นอยากจะลากหยาเอ๋อลงไปอยู่ด้วย โจวเหวินเลยปัดมือไล่วิญญาณพวกนั้นออกทำให้พวกมันเผาไหม้กลายเป็นฝุ่นผง


ธิดาปีศาจที่ยังคงแอบซ่อนอยู่ในทะเลสาบนั้นยังคงไม่ได้ออกมาพร้อมโจวเหวิน โจวเหวินนั้นมองไปยังจุดที่ธิดาปีศาจอยู่แล้วแอบๆตกใจ เขาพบว่าวิญญาณอาฆาตพวกนี้กลับไม่ทำอะไรธิดาปีศาจ เหมือนกับว่าธิดาปีศาจไม่มีตัวตนอยู่ยังไงอย่างงั้น


“ธิดาปีศาจยังไม่ออกมาเหรอ แสดงว่ามันยังมีโอกาสอยู่อีกซะนะ ลองดูสถานการณ์ไปก่อนละกัน”โจวเหวินคิดก่อนจะไปซ่อนตัวอยู่บนภูเขาใกล้ๆดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้น


แล้วโจวเหวินก็พบว่าวิญญาณร้ายเหล่านี้ก็ออกมาจากทะเลสาบไม่ได้เหมือนกันเหมือนกับว่ามันมีกำแพงขวางกั้นนอกทะเลสาบยังไงอย่างงั้น


“หรือว่าหุ่นไล่กานั้นก็ออกมาไม่ได้เหมือนกันนะ”โจวเหวินเดา


รอบที่แล้วที่เขาผ่านเข้ามา หุ่นไล่กาไม่ได้เข้ามาโจมตีเขา ตอนนั้นเขาเดินไปตามทางรอบๆทะเลสาบห่างจากทะเลสาบแค่ไม่ถึง2เมตรด้วยซ้ำ


ในระยะแค่นั้นสำหรับสิ่งมีชีวิตสุดโหดอย่างหุ่นไล่กานั้น มันก็มีแค่2เหตุเท่านั้นที่มันไม่โจมตีโจวเหวิน


อันดับแรกคือมันไม่อยากโจมตี อย่างที่2คือมันออกมาจากทะเลสาบไม่ได้


“ถ้าหุ่นไล่กานั้นออกจากทะเลสาบไม่ได้ถ้างั้นเราก็น่าจะยังมีโอกาสชิงลูกบอลทองแดงกลับมาแหะ”โจวเหวินกลับคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงของราชาหยินฟูขึ้นมา


“โจวเหวิน เรามาทำข้อตกลงกัน เจ้าเอาตัวข้าออกจากที่นี้ และข้าจะช่วยเจ้าทำสัญญากับผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุด” ราชาหยินฟูพอเห็นว่าโจวเหวินสามารถออกมาจากทะเลสาบได้ก็ทั้งตกใจและดีใจ


ที่ตกใจก็เพราะโจวเหวินนั้นสามารถออกมาจากทะเลสาบได้ เขาคิดว่าโจวเหวินนั้นเหนือความคาดหมายได้ตลอดเวลา เขาอาจจะอยู่มานานหลายศัตวรรษแล้วก็จริงแต่เขาไม่เคยคิดว่าจะสูญเสียหนักขนาดนี้ให้กับมนุษย์ที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับผู้พิทักษ์ด้วยซ้ำ


สัญชาติญาณของเขายังบอกอีกด้วยว่าการที่โจวเหวินหนีออกมาจากทะเลสาบได้หมายความว่าเขาก็น่าจะหลุดออกมาได้เหมือนกัน


“บอกฉันมาก่อนซิว่าลูกทองแดงนั้นมันคืออะไรกันแน่ แล้วมันใช้ทำอะไร”โจวเหวินคิดซักพักก่อนจะตะโกนกลับไป


ราชาหยินฟูสู้กับหุ่นไล่กาแล้วพูด “นั้นคือแร่ทองแดงโจวชาน”


พอโจวเหวินได้ยินแบบนั้นเขาก็ผงะทันที เพราะทองแดงโจวชาน(มาจากคำว่าปฐมภูผาหรือภูเขาแรก)นั้นใช่ชื่อของแร่ทองแดง แต่โจวชานนั้นเป็นสถานที่ ตามตำนานแล้ว จักรพรรดิเหลืองนั้นไปที่โจวชายเพื่อเก็บแร่ทองแดงมาหล่อแท่นวางดวงชะตาของชาติจีน


ภูเขาโจวชานนั้นอยู่ที่ไหนนะวันนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุป หลายๆคนต่างก็พูดว่าที่ของตนนั้นเป็นที่ตั้งของภูเขาโจวชาน ซึ่งโจวเหวินก็ไม่รู้ว่าอันไหนคือสถานที่จริง


แต่ไม่ว่าตำนานจะถูกหรือผิด ทองแดงแห่งภูเขาโจวชานนั้นก็เป็นแค่แร่โลหะที่ใช้สำหรับการหล่อสิ่งของเท่านั้น มันคู่ควรขนาดที่ระดับหุ่นไล่กากับราชาหยินฟูมาสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายเลยเหรอ


“อย่าบอกนะว่านายอยากจะหล่อแท่นเสริมดวงขี้นมาใหม่หน่ะ”โจวเหวินพพูด


ราชาหยินฟูที่สู้อยู่พอได้ยินโจวเหวินพูดแบบนั้นเขาก็พยายามใจเย็นๆแล้วอธิบาย “คุณค่าที่แท้จริงของแร่ทองแดงโจวชานนั้นไม่ใช่เพราะตัววัตถุ แต่เป็นที่สถานที่ตั่งหาก ภูเขาโจวชานนั้นแท้จริงมันไม่ใช่ชื่อโจวชานแต่แรก แต่มันเป็นสนามรบที่จักรพรรดิเหลืองกับฉีหยูเขาต่อสู้ห่ำหั่นกัน ในสงครามนั้นมีคนตายและบาดเจ็บทั้ง2ฝ่ายนับไม่ถ้วน เลือดของเหล่าผู้พิทักษ์และเทพไหลนองภูเขาแห่งนั้นแล้วอาบเหมืองแร่ทองแดงไปด้วยเลือดของเทพ ทำให้ทองแดงทที่ว่านั้นมีพลังที่พิเศษขึ้นมา จักรพรรดิเหลืองพยายามอย่างหนักในการหาแร่ทองแดงโจวชาน หวังว่าจะใช้เลือดของเหล่าเทพที่ผสานกันอยู่ในแร่ สกัดออกมาเป็นยาอมตะยังไงละ”


“น่าเสียดายที่จนจักรพรรดิเหลืองตายไปแล้ว แร่ทองแดงโจวชานก็ยังสกัดออกมาไม่ได้ แต่กลับกันเลือดที่ผสานกันอยู่ในน้ำมันยิ่งเข้มข้นมากขึ้น ผสมกับเปลวเพลิงของเตาปรุงยาทำให้เกิดเป็นลูกบอลทองแดง2ลูก จะเรียกว่าลูกทองแดงพวกนั้นคือตัวอ่อนของยาอมตะก็ได้ เป็นวัตถุที่ทรงอานุภาพที่สุดในหมู่มนุษย์”


“แค่นั้นเองเหรอ?”โจวเหวินรู้สึกได้ว่าที่ราชาหยินเล่ามานั้นมันยังไม่จบเรื่องดีเท่าไร


ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงแล้วหุ่นไล่กานี้มันจะแย่งไปเพื่ออะไรละ ไม่ใช่ว่ามันมีร่างอมตะอยู่แล้วเหรอ ไม่ใช่ว่ามันเป็นของของมนุษย์เหรอ


สถานการณ์ที่ราชาหยินฟูเจอนั้นตอนนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ร่างผลึกของเขานั้นตอนนี้โดนแทรกซึมไปด้วยพลังความชั่วร้ายของหุ่นไล่กาในหลายจุด ไม่รู้ว่าเขาจะยื้อไว้ได้อีกนานแค่ไหน


“ถ้าเจ้าช่วยข้าออกไป ความผิดใจกันที่ผ่านมานี้ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้าทั้งหมด แล้วข้ายังสามารถช่วยเจ้าสกัดทองแดงโจวชานได้อีกด้วย มีแค่ข้าคนเดียวเท่านั้นที่รู้วิธี”ราชาหยินฟูพยายามพูด


“ฉันก็อยากจะช่วยหรอกนะ แต่ฉันสู้ไม่ไหวหรอก” โจวเหวินไม่ได้คิดอยากจะช่วยเลยซักนิด เขากะปล่อยราชาหยินฟูตายอยู่แล้ว


“ถ้าเจ้าไม่อยากได้ยาอมตะแต่เจ้าก็คงอยากได้สัตว์อสูรซินะ ข้ารู้ว่าจักรพรรดิเหลืองเก็บสัตว์อสูรไว้ที่ไหน ตอนนี้สัตว์อสูรนั้นกลับกลายไปเป็นไข่แล้ว ถ้าเจ้าช่วยข้า เจ้าก็เอามันไปได้เลย”ราชาหยินฟูพูดต่อแบบไม่มีอะไรจะเสีย แต่โจวเหวินก็เมินไม่สนใจสุดๆ เขาปล่อยให้ราชาหยินฟูพูดไปโดยที่เขาทำหูทวนลมอยู่


ราชาหยินฟูคงจะฆ่าเขาตายทันทีที่โจวเหวินเข้าไปช่วยเสร็จ จะบอกว่าโจวเหวินขี้ระแวงก็ได้ แต่ความแข็งแกร่งของราชาหยินฟูนั้นโจวเหวินสู้ไม่ไหวจริงๆ พอเห็นว่าโจวเหวินไม่ยอมช่วยเขาเลยไม่พูดแต่รวมพลังทั้งหมดไว้แล้วพุ่งเข้าใส่หุ่นไล่กาแทน


ภายในร่างของราชาหยินฟู ประกายแสงสีทองสว่างวาปขึ้นมาพร้อมกับทำลายตัวเองอย่างแรง


ตู้ม!!!!


แสงสีทองสาดขึ้นไปบนฟ้า แรงระเบิดขนาดมหึมาพอๆกับระเบิดนิวเคลียร์ก่อให้เกิดก้อนเมฆสีทองคล้ายดอกเห็นลอยขึ้นไปบนฟ้า แรงระเบิดทำลายทุกอย่างในทะเลสาบ


แรงกระแทกทำให้ภูเขาและป่าแถวๆนั้นกระจุยกระจายไปหมด


โจวเหวินอัญเชิญเบม่อนออกมาเพื่อบังแรงระเบิด แล้วใช้สดับวานรคอยฟังสถานการณ์ แต่สิ่งที่เห็นคือร่างของหุ่นไล่กาที่กระจัดกระจายแตกหักกลางระเบิด


แต่ที่โจวเหวินคิดไม่ถึงเลยก็คือ หลังจากที่ร่างของหุ่นไล่กาแตกกระจายไปแล้วมันกลับกลายเป็นวิญญาณนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาเหมือนกับว่าตัวของมันนั้นไม่มีร่างจริงๆ มีแค่วิญญาณที่รวมตัวกันจนหนาแน่นเป็นรูปร่าง


แต่วิญญาณร้ายที่อยู่ใกล้ๆกับราชาหยินฟูตอนระเบิดก็สลายหายไปพร้อมๆกับลำแสงทองคำ มีวิญญาณสลายไปจำนวนมาก หลังจากที่ปลดปล่อยพลังงานออกมาระดับนึงแล้ว ร่างของราชาหยินฟูก็หายไป โจวเหวินรู้ดีว่าเมื่อกี้คือวิธีหนีของราชาหยินฟู โจวเหวินหันไปดูอีกที ราชาหยินฟูก็หายไปแล้ว คาดว่าตอนนี้น่าจะหนีไปไกลหลายร้อยไมล์แล้ว


“ยังฆ่ามันไม่ได้อีกเหรอ”โจวเหวินเริ่มเครียด เขาหันกลับไปดูที่ทะเลสาบแล้วเห็นวิญญาณร้ายหลายตัวเริ่มกลับมีรวมตัวกันจนกลายเป็นแกนกลางก้อนกลมๆ ยิ่งวิญญาณมารวมตัวกันมากเท่าไร ลูกแกนกลางนั้นก็ยิ่งเริ่มสร้างร่างของหุ่นไล่กาขึ้นมาอีกครั้ง


แต่ก่อนที่มันจะกลับมาเป็นหุ่นไล่กา จู่ๆแสงดาบสีม่วงก็แทงตรงเข้ามาทะลุแกนกลางของหุ่นไล่กาทันที


ในจังหวะที่แกนกลางโดนแทงนั้น วิญญาณร้ายทั่วทั้งทะเลสาบร้องโหยหวนออกมาอย่างแรง  พวกมันลอยขึ้นฟ้าไปเรื่อยๆเหมือนกับกำลังจะไปเกิดใหม่ จำนวนวิญญาณในทะเลสาบนั้นมันมีมากจนน่าเหลือเชื่อ


ตอนที่วิญญาณร้ายทั้งหมดหายไปบนฟ้า ธิดาปีศาจก็บินกลับมาที่ชายฝั่งพร้อมลูกบอลทองแดงในมือและดาบโบราณที่มีแกนกลางโดนเสียบอยู่ ขนาดของมันเท่าลูกวอลนัท แต่รูปร่างของมันเหมือนอัญมณีหัวใจสีดำ


ก่อนที่โจวเหวินจะได้ถามธิดาปีศาจว่ามันคืออะไรกันแน่ จู่ๆนางก็อ้าปากแล้วงับแกนกลางนั้นเข้าปากเหมือนกินลูกชิ้นเสียบไม้ย่างก่อนจะเคี้ยวและกลืนลงท้องไป

 

 

 


ตอนที่ 920

 

อาวุธที่โจวเหวินชอบที่สุด


พอเห็นว่าธิดาปีศาจกลืนแกนกลางนั้นเข้าไปแล้ว โจวเหวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นร่างของธิดาปีศาจก็ปลดปล่อยคลื่นเวทมนตร์ออกมาความแรงสูงบ่งบอกว่ามันกำลังจะได้พัฒนา ธิดาปีศาจบินเข้าหาโจวเหวินก่อนที่จะกลับไปเป็นรอยสัก แต่รอยสักนั้นมันต่างออกไปจากเดิม มันกลายเป็นรอยสักกลุ่มก้อนควันหนาแน่นจนมองไม่เห็นข้างใน


“จะกลายเป็นระดับเร้นลับแล้วซินะ” โจวเหวินดีใจ หลังจากที่พัฒนาสำเร็จแล้วบางทีเขาอาจจะได้รู้ความลับของกรงล้อแห่งโชคชะตาของนางมากขึ้นก็ได้


“น่าเสียดายที่ยังฆ่าราชาหยินฟูไม่ตาย”โจวเหวินมองทะเลสาบแล้วคิด ก่อนจะออกไปจากที่นี้พร้อมหยาเอ๋อ


พอออกมาจนมีสัญญาณแล้วโทรศัพท์ของโจวเหวินก็ดังทันที เฟิงชิวเยี่ยนส่งข้อความมาก่อนหน้านี้


“ตอนนี้ผมอยู่ที่ภูเขาไท่ฉาง มีพื้นที่ต่างมิติเอาไว้หลบมาอยู่ได้ครับ ล่อมันมาได้เลย…”


น่าเสียดายที่โจวเหวินไม่ได้เห็นข้อความนี้ เขาไม่ว่างที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแถมเขายังต้องหนีตลอดทำให้ไม่มีสัญญาณเลย


“จบเรื่องแล้ว ฉันกำลังจะกลับแล้ว รีบกลับลั่วหยางให้ไวที่สุดที่ทำได้เลย”โจวเหวินส่งข้อความกลับมา


ถึงแม้ว่าเขาจะยังฆ่าราชาหยินฟูไม่ได้ แต่ราชาหยินฟูเองก็คงเจ็บหนักมากๆพอสมควรแหล่ะ การระเบิดตัวเองครั้งใหญ่แบบนั้น ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องรักษาตัวอีกยาว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามมาหาเขาเร็วๆนี้


รอบนี้ถ้าเขากล้ามาอีก โจวเหวินคิดว่าต้นกล้วยเซียนน่าจะพัฒนาร่างสำเร็จกลายเป็นระดับความกลัวพอดี


“น่าเสียดายแหะ ที่ตามหาตัวมันเองก็ไม่ได้ ไม่งั้นฉันใช้จังหวะนี้ตัดไฟแต่ต้นลมซะได้ก็ดี”โจวเหวินหยิบลูกบอลทองแดงออกมาเล่น จากที่ราชาหยินฟูพูด นี้คือทองแดงโจวชาน แร่ทองแดงที่ดูดซับเลือดและวิญญาณของเหล่าเทพและผู้คนนับไม่ถ้วน


แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินเองก็ลองหลายวิธีแล้ว เขายังหาทางเองไม่ได้เท่าไรเลยโจวเหวินรู้แค่วิธีการทำให้มัเผาไหม้ ถ้ามันร้อนจนถึงขีดสุดละก็ มันจะมีประกายสีม่วงปรากฏออกมา


“ลูกบอลทองแดงอันขนาดนี้เนี่ยนะเหรอ คือต้นกำเนิดของยาอมตะ เป็นไปได้เหรอ ถึงฉันจะอยากได้ยาอมตะก็เถอะ แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง บางทีฉันอาจจะกำลังกินคนตายเป็นร้อยเลยก็ได้ เอามันไปทำอาวุธน่าจะดูคุ้มกว่านะ อย่างน้อยมันก็คงไม่แตกง่ายๆแน่ๆละ แต่การจะเอามันมาทำอาวุธก็คงไม่ง่ายเหมือนกันซินะ จะใช้มันเป็นอาวุธทั้งเป็นลูกบอลแบบนี้ก็คงไม่ไหวซินะ …เดี๋ยวก่อนซิ…”โจวเหวินคิดอะไรได้บางอย่างก่อนจะอัญเชิญยาลมปราณออกมา


“ก่อนหน้านี้ฉันใช้ยาลมปราณเหมือนกับเป็นยามาตลอด แต่ฉันมองข้ามไปว่าจริงๆแล้วมันเหมือนกับเป็นอาวุธมากกว่า ถ้ามันเป็นอาวุธจริงๆละก็ มันก็ควรจะมีรูปร่างที่แน่นอนหลังจากที่มันกลายเป็นขั้นพัฒนาแล้ว นั้นเป็นเหตุผลที่มันยังไม่พัฒนาซักที เพราะว่าฉันยังไม่ได้กำหนดร่างอาวุธให้มันงั้นเหรอ”โจวเหวินคิดแล้วมันก็ยิ่งน่าจะใช่


วิญญาณชีวิตนั้นเกิดมาจากทั้งพรสวรรค์และพรสวรรค์ ประสบการณ์ในชีวิตและในตอนนั้น การสกัดวิญญาณชีวิตออกมานั้นไม่ได้ใช้แค่พลังงานเท่านั้น แต่ใช้พลังใจของเจ้าของด้วย


โจวเหวินเองไม่ได้มีความสนใจอะไรในอาวุธอะไรพิเศษ เขาใช้อาวุธอะไรก็ได้ที่อยู่ในมือ สำหรับเขา อาวุธมันเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น เขาไม่ได้มีความรู้สึกอื่นเลย


โจวเหวินคิดว่านี่มันต้องเป็นเหตุผลแน่ๆว่าทำไมวิญญาณชีวิตยาลมปราณถึงยังไม่พัฒนาซักที


“ถ้ามันเป็นอาวุธละก็ อาวุธแบบไหนละที่ฉันต้องการ มีดเหรอ หรือดาบ หรือปืน”โจวเหวินคิดซักพัก แต่สำหรับเขาทุกอย่างมันก็เหมือนกัน ยกเว้นที่ปรกติแล้วเขาไม่ค่อยได้ใช้ปืนเท่าไร ส่วนดาบกับมีดนั้นโจวเหวินค่อนข้างใช้งานบ่อย แต่ทุกอย่างมันก็เหมือนกัน ยกเว้นแค่ว่าดาบมันยาวกว่าและใช้การควบคุมที่มากกว่า


“ยังไงก็เถอะ ในเมื่อมันเหมือนๆกันหมดงั้นก็เอาดาบละกัน”โจวเหวินคิดถึงรูปร่างของดาบในใจ จากนั้นก็เปิดใช้วิชาสกัดลมปราณ พยายามจะพัฒนาวิญญาณชีวิตยาลมปราณ


แต่สุดท้าย มันก็ไม่เป็นผล ในขั้นตอนสุดท้ายนั้น ยาลมปราณเหมือนจะเสถียรแล้วแต่มันก็ยังไม่พัฒนา


“มันพลาดตรงไหนกันละเนี่ยทำไมยาลมปราณถึงยังไม่กลายเป็นอาวุธเลยละ”โจวเหวินเริ่มเครียด


ตอนที่โจวเหวินกลับมาถึงลั่วหยางเฟิงชิวเยี่ยนกลับมาถึงก่อนตั้งนานแล้ว แต่เพราะว่าเขาบาดเจ็บทำให้เขาไปรักษาที่โรงพยาบาล และน่าจะยังไม่กลับมาที่มหาลัยอีกซักพักใหญ่ๆ ประมาณ 10วันถึงครึ่งเดือน


หลังจากแวะไปเยี่ยมเฟิงชิวเยี่ยนแล้วโจวเหวินก็กลับมาที่มหาลัย


ตอนนี้โจวเหวินตั้งหน้าตั้งใจพยายามหาทางทำให้วิญญาณชีวิตยาลมปราณมันพัฒนาให้ได้ก่อน เขารู้สึกได้ว่าเขาน่าจะมาถูกทางแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมยาลมปราณถึงยังไม่พัฒนาซักที


“หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าฉันต้องเลือกอาวุธที่ตรงใจฉันจริงๆถึงจะพัฒนาวิญญาณชีวิตได้งั้นเหรอ”โจวเหวินคิดแล้วตัดสินใจที่จะศึกษาอาวุธทุกรูปแบบอย่างละเอียด พยายามจะหาว่าอาวุธแบบไหนที่เขาชอบมากที่สุดกันแน่


อย่างแรกคือดาบ โจวเหวินนั้นเรียนรู้วิชาดาบก่อน ไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบดาบมากที่สุด แต่เพราะว่าเขามีเกมส์สุสานดาบโบราณอยู่ ที่นั้นมีดาบจำนวนมากทำให้โจวเหวินมีโอกาสและประสบการณ์คลุกคลีกับดาบมาก


โจวเหวินกลับมาที่หอ ทันทีที่เปิดประตูออก เจ้านกอ้วนก็บินเข้าหาโจวเหวินทันที ขนาดของมันโตขึ้นมาอีกน้อยแล้ว ดูเหมือนอาเซิงจะให้มันกินแต่ของดีๆ ไม่มีอดมีอยากกันเลยทีเดียว


ส่วนเจ้าละมั่ง3ตาตอนนี้มันก็ยังคงนอนอยู่บนโซฟา ตอนที่โจวเหวินกลับมา มันก็ลืมตาขึ้นมามองอย่างขี้เกียจ ก่อนจะหลับตาหลับต่อ


“ไอ้หมอนี้มันกินนอนทั้งวันเลย พลังของมันไม่ลดลงบ้างรึไงวะ ลองพยายามฆ่ามันแล้วจับมันมาทำแกะย่างเกลือซะดีไหมเนี่ย”โจวเหวินมองละมั่งแล้วคิดกับตัวเอง


แต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น โจวเหวินตอนนี้แอบๆสงสัยแล้วว่าละมั่ง3ตานั้นพลังของมันอาจจะเป็นถึงระดับความกลัวเลยก็ได้ เพราะงั้น ถ้ามันคิดจะสู้จริงๆ บางทีโจวเหวินอาจจะตายหายวับไปเลยก็ได้


โจวเหวินอัญเชิญสัตว์อสูรตัวอื่นๆออกมาเล่นข้างนอกจากนั้นก็แบ่งขนมที่ซื้อมาให้เจ้านกอ้วนกินก่อนจะให้หยาเอ๋อไปเล่นกับพวกมัน ส่วนโจวเหวินกลับขึ้นไปที่ห้องนอนก่อนจะเริ่มฟาร์มเกมส์ในสุสานดาบโบราณ


ดาบที่ดึงไม่ออกนั้นก็ยังคงเสียบอยู่ที่เดิม ทุกๆครั้งที่เกมส์รี ดาบนั้นจะเปลี่ยนตำแหน่งไป แต่ไม่ว่ายังไงดาบนั้นก็จะยังคงอยู่ โจวเหวินลองดึงมันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วแต่ก็กลับดึงไม่ออก


“รูปร่างของดาบนี้มันประหลาดเกินไป ไม่ใช่แบบที่ฉันชอบเลย”โจวเหวิยมองดาบที่ดึงไม่ออกแล้วส่ายหัวก่อนที่มองไปที่ดาบเล่มอื่นๆ


ในสุสานดาบโบราณนั้นมีดาบสวยๆมากมาย บางอันเป็นดาบที่โจวเหวินใช้ แต่ไม่ว่าเขาจะชอบมันมากแค่ไหน เขาก็ใช้ดาบพวกนั้นแค่ในฐานะอาวุธ ไม่ได้เหมือนกับเฟิงชิวเยี่ยนที่ดาบกับวิญญาณสมานกันเป็นหนึ่ง


หลังจากที่เก็บตัวอยู่ในสุสานดาบโบราณมาซักพักใหญ่ๆ โจวเหวินก็รู้ได้เลยว่าตัวเองคงไม่มีทางเป็นนักดาบที่ชอบดาบขนาดนั้นแน่ๆ เขาเลยยอมแพ้แล้วไปหาข้อมูลต่อ


“ลองดูมีดหน่อยละกัน บางทีฉันอาจจะไม่ได้เกิดมาเป็นนักดาบก็ได้”โจวเหวินลองเปลี่ยนใจดู


การจะลองมีดดูนั้นมันออกจะไม่สะดวกเทท่าดาบ เพราะมันไม่มีมีดในสุสานดาบโบราณ แต่ในมหาลัยซีหยางนั้นมีคลังที่จัดแสดงอาวุธมากมายหลากหลาย ซึ่งส่วนมากเป็นมีดทั้งนั้น


ทำไมมีดถึงมีเยอะที่สุดนะเหรอ ก็เพราะว่ามีดมันเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดยังไงละ ดาบนั้นมี2คม ในแง่ของการผลิตถึงมันจะดูมีประโยชน์กว่ามีดก็จริง แต่การมีประโยชน์เยอะไม่ได้หมายความว่ามันจะใช้ง่าย วิชาดาบนั้นมันต้องใช้เวลาและลงทุนหลายๆอย่างไปกับมัน ต่างจากมีดที่ใครๆก็ใช้ได้ เรียบง่ายและใช้งานสะดวก

 

 

 


ตอนที่ 921

 

ฝึกก่อนอาวุธจะตามมาเอง


ขอแค่ตึกเปิด นักศึกษามหาลัยซีหยางก็สามารถเข้าและออกห้องคลังอาวุธได้อย่างอิสระใช้แค่บัตรนักศึกษาเท่านั้น


เพราะงั้นทันทีที่ประตูตึกเปิด โจวเหวินเลยรูดบัตรนักศึกษาและเข้าไปทันที


ปรกติแล้วที่นี้มักจะไม่ค่อยมีใครมาอยู่แล้ว ยิ่งตอนเช้าแบบนี้ ตอนที่โจวเหวินเข้ามาในห้อง เจ้าหน้าที่ยังจัดของกันอยู่เลย นักศึกษาไม่มีซักคน


ในเมื่อมาถึงที่แล้ว โจวเหวินก็ไม่ได้รีบร้อนไปดูมีดแต่อย่างใด เขาค่อยๆไล่ดูแต่ละนิทรรศการ


อาวุธที่นำมาโชว์ที่นี้นั้นทั้งหมดเป็นอาวุธแร่เงินพิเศษที่ผลิตขึ้นมาโดยมนุษย์หลังจากเกิดเหตุการณ์พายุต่างมิติ แต่ส่วนมากนั้นเป็นแค่ของตั้งโชว์ ทำได้แค่ดูอย่างเดียว ของส่วนมากจะเป็นมีด ตามมาด้วยปืนกับหน้าไม้ดาบและอื่นๆจะไม่ค่อยนิยมกัน แล้วก็จะมีโล่และชุดเกราะเงิน แต่มีน้อยมาก ผลที่ได้ไม่ค่อยดีเท่าไร


ตามมาด้วยกระสุนเงินหลากหลายชนิด ส่วนมากจะเป็นกระสุนเงินผสมไม่ก็กระสุนเงินเคลือบ กระสุนเงินบริสุทธ์นั้นหาค่อนข้างยากและจะใช้แค่ในเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น


มีเครื่องยิงจรวดและจรวดหัวปลี รวมไปถึงปืนครกที่ทำมาจากแร่เงิน แต่มันใช้ยิงทำความเสียหายเป็นวงกว้างเท่านั้น ไม่เหมาะกับการต่อสู้ปรกติ ส่วนมากมีไว้ใช้กำจัดศัตรูที่มีจำนวนเยอะมากๆ ไม่ก็ต้นไม้ที่ขยับไม่ได้


แล้วก็ของมีคมชนิดอื่นๆ ตัวอย่างเช่นมีดสั้นที่ขนาดเท่าฝ่ามือ มีดโค้ง มีดชก เยอะจนละลานตาไปหมด แต่ยังไงที่โจวเหวินเห็นมันก็เป็นแค่เครื่องมืออยู่ดี มันไม่ต่างอะไรเท่าไร ถึงมันจะดูอลังการณ์แต่ยังไงมันก็สู้ดาบไม้ไผ่ของโจวเหวินไม่ได้


โจวเหวินพยายามลองนึกถึงดาบไม้ไผ่ในความคิดของตัวเองตอนพัฒนาวิญญาณชีวิตแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผล


“มันจะมีอาวุธแบบไหนที่แบบ เข้าตาตั้งแต่แรกเห็นเลยไหมนะ”โจวเหวินรู้สึกสิ้นหวังนิดหน่อย เขาไม่ใช่คนที่บ้าเลือดขนาดที่ว่าเอาชีวิตไปแขวนไว้กับอาวุธอันเดียว เรื่องแบบนั้นเขาทำไม่ได้จริงๆ


ไม่ว่าอาวุธจะดีแค่ไหน จะล้ำค่าเพียงใด แต่ในจังหวะที่ชีวิตกำลังอยู่ในอันตราย โจวเหวินก็จะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตเขาทันที


“ไอ้หนุ่ม มันไม่มีอาวุธเทพบนโลกหรอก มีแค่คนเจนสนามเท่านั้นละ”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ได้ยินโจวเหวินพูดกับตัวเองพูดขึ้นมา


โจวเหวินหันไปมองแล้วพบว่าคนที่พูดนั้นเป็นชายวัย40 ถึงจะใส่แว่นกันแดดแต่โจวเหวินก็สังเกตุเห็นว่าชายคนนั้นตาบอดและใส่ขาเทียม


“ช่วยอธิบายประโยคนั้นให้เข้าใจหน่อยจะได้ไหมครับ”โจวเหวินถามตอนที่มองเขา


ชายคนนั้นเช็ดอาวุธบนชั้นแล้วพูด “อาวุธหน่ะ เป็นสิ่งที่คนส่วนมากเกลียดมัน มันฆ่าสังหารคนที่เรารัก แต่ในยามคับขัน เราเองก็ต้องการมันเพื่อใช้ปกป้องพวกพ้องและครอบครัว ยกเว้นแต่จะเป็นผู้ที่รักในอาวุธนั้นจริงๆเท่านั้น แต่สำหรับคนปรกติแล้ว ดาบนั้นมันเป็นแค่เครื่องมือ”


โจวเหวินพยักหน้า พยายามคิดตามที่ชายคนนั้นพูด


“แต่รู้อะไรไหม”ชายแก่เช็ดมีดจนสะอาดแล้วค่อยๆเอามันไปวางไว้บนแท่นโชว์ก่อนจะพูด “เมื่อไรก็ตามที่คนเราจับอาวุธและสู้ไปกับมัน ไม่ว่าเราจะรัก หรือเกลียด ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบยังไง อาวุธชิ้นนั้นจะกลายเป็นคู่หูที่สำคัญที่สุด มันคือสิ่งที่สำคัญซะยิ่งกว่าแฟนหรือพี่น้องซะอีก มันเป็นสิ่งเดียวในสนามรบที่เราไว้ใจได้”


“ครับ”โจวเหวินพยักหน้า


ชายคนนั้นพูดต่อ “เพราะงั้นในสนามรบ ไม่ว่านายจะชอบหรือไม่ ไม่ว่านายจะภูมิใจในตัวเองมากแค่ไหน สุดท้ายนายก็ต้องพยายามเข้าใจอาวุธนั้น คุ้นชินกับมัน ฝึกฝนมัน นายต้องฝึกให้หนักซะยิ่งกว่าไล่ตามจีบสาวซะอีก ไม่เช่นนั้น ในสนามรบ อาวุธพวกนี้ละที่จะเป็นสิ่งที่จบชีวิตของนายลง ถ้านายอยากจะมีชีวิตอยู่รอดในฐานะทหารเจนศึกละก็ นายจะต้องเข้ากับอาวุธของนายให้ได้ ไม่ว่ามันจะห่วยแตกแค่ไหน แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆนายจะพบว่าอาวุธนั้น มันจะกลายเป็นแขนขาให้กับนาย หรือพูดอีกอย่าง มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตนาย มันจะไม่ใช่เครื่องมือที่จะทิ้งกันลงง่ายๆ เพราะว่าถ้าไม่มีมัน ร่างกายของเราก็จะไม่สมประกอบ เหมือนกับคนพิการที่ขาดแขนหรือขา  โอกาสที่คนพิการจะตายในสนามรบนั้น ย่อมมีมากกว่าคนปรกติมากๆอยู่แล้ว”


โจวเหวินฟังแล้วคิดตามในใจ


“จงไปฝึกฝนซะ ไม่ว่าจะอาวุธอะไร ดาบ โล่ปืน ฝึกก่อนแล้วอาวุธจะตามนายไปเอง ไอ้หนุ่ม จงฝึกให้หนักซะ”ชายคนนั้นแตะไหล่ของโจวเหวินแล้วทำความสะอาดต่อ


“ขอบคุณมากครับ คุณชื่ออะไรเหรอครับ”โจวเหวินถาม


“ก็แค่ทหารแก่ที่พิการหน่ะ ไม่ควรค่าแก่การจดจำชื่อหรอก”ชายคนนั้นหยุดพูดกับโจวเหวินแล้วทำงานต่อ


พอได้ฟังแบบนั้นโจวเวหินก็เริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย สงครามนั้นเป็นเรื่องที่มีแต่การสูญเสียสำหรับคนส่วนมาก ไม่มีใครชอบมันหรอก แต่บางครั้งสงครามก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


โจวเหวินเลิกเดินดูงานนิทรรศการ เขารู้ดีว่าทำยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่รักอาวุธพวกนี้อยู่ดี เพราะงั้นไม่ว่าเขาจะมองมันมากแค่ไหน สุดท้าย มันก็เป็นแค่เครื่องมือที่เอามาเทียบกับชีวิตไม่ได้


ก็อย่างที่ชายคนนั้นพูด จงฝึกอาวุธ แล้วอาวุธจะตามมาเอง


โจวเหวินเข้าใจความคิดนั้นทันทีแล้วออกจากตึกก่อนจะกลับไปที่หอ


ระหว่างทางกลับ เขาได้เจอกับหลี่ซวนเชดี้ และกรีฟที่บังเอิญกำลังเดินไปทางกลุ่มซวนเหวินพอดี


“อ้าวโจวเหวิน บังเอิญจังเลย ไปไหนมาเนี่ย”หลี่ซวนเดินเข้ามาทักทาย


โจวเหวินเห็นหลี่ซวนแล้วเขาก็เบิกตาขึ้นมา ก่อนจะเข้าไปดึงตัวโจวเหวินแล้วพูด “ไป ไปฝึกกับฉันหน่อย”


“เห้ยๆๆ อะไรของนายวะ ไปหาคนอื่นนู้น วันนี้ฉันมึนๆอยู่เลย ไม่ไหวหรอก”หลี่ซวนพูดแล้วจับหน้าอกของตัวเอง


เขาไม่ได้กลัวโดนซ้อมหรอก แต่สภาพร่างกายเขาตอนนี้เหมือนจะยังไม่ไหว โจวเหวินเองก็คงไม่ยอมรับแน่ๆ


“โค้ชอยากจะฝึกอะไรเหรอคะ”เชดี้ถถาม


“ฝึกดาบหน่ะ”โจวเหวินพูด


“ถ้าไม่รังเกียจ ให้ฉันเป็นคู่มือให้ได้นะคะ”เชดี้พูดกับโจวเหวิน


“โอเคงั้นไปห้องฝึกกันเลย”โจวเหวินพยักหน้า


ความสามารถในการต่อสู้จริงของเชดี้นั้นออกจะไม่ดีเท่าหลี่ซวน ถ้าต้องสู้จริงๆ ยังไงเธอก็ไม่ใช่คู่มือของหลี่ซวนด้วย แต่ในการฝึกเธอมีดวงตาแห่งโอดินที่ทำให้มองเห็นทุกการเคลื่อนไหว แถมคะแนนการต่อสู้เชิงเทคนิคนั้นยังสูงกว่าหลี่ซวนด้วย ทำให้เธอเหมาะกับการฝึกกับโจวเหวินมากกว่า


เพราะยังไง ด้วยดวงตาแห่งโอดินทำให้เชดี้นั้นมองออกทุกการโจมตีตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่เริ่มโจมตีเลยด้วย ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแลกหมัดเหมือนหลี่ซวน


ทั้ง4คนตามกันไปที่ห้องฝึกซ้อมพร้อมกัน และเชดี้ก็เลือกหยิบดาบออกมา


ปรกติดาบของทางเหนือนั้นจะมีอยู่2แบบ แบบแรกเป็นดาบเอเป้ขนาดใหญ่ กับอีกแบบเป็นดาบเรเปียร์ ทรงตรงแหลมคม ใช้สำหรับเจาะเกราะ ทั้ง2แบบนั้นมีรูปแบบการใช้ที่ต่างกันมากๆ


ปรกติแล้วเชดี้จะชอบใช้ดาบเรเปียร์มากกว่าเพราะด้วยดวงตาแห่งโอดินทำให้เธอสามารถหาจุดอ่อนของศัตรูและโจมตีจุดตายได้ทันที


แต่ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในมหาลัยซีหยาง เธอก็เริ่มเรียนรู้วิชาดาบสายตะวันออกมาขึ้นและปรับใช้วิชาดาบเขตตะวันออกเข้ากับวิชาดาบของตัวเอง


แต่เพราะว่าเธอไม่เคยลองเจอกับนักดาบสายตะวันออกที่แท้จริงมาก่อนทำให้เธอไม่รู้ว่าวิชาดาบที่เธอใช้มันอยู่ในระดับไหน พอเธอได้ยินว่าโจวเหวินอยากฝึกดาบ เธอเลยตอบรับทันที เธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าวิชาดาบของเธอนั้นมันเก่งแค่ไหนแล้ว


ดาบที่เธอเลือกในการฝึกจึงเป็นดาบเรเปียร์แบบเขตเหนือ แต่ตัวใบดาบนั้นเรียวและผอมกว่าดาบในเขตเหนืออีก

 

 

 


ตอนที่ 922

 

ฝึกดาบ


ส่วนโจวเหวินเลือกดาบฝึกซ้อมปรกติ ดาบ3ฟุต 2คม ซึ่งเป็นดาบมาตรฐานที่สุดในเขตตะวันออก เบาและเป็นธรรมชาติ  เรื่องดาบนั้นเอาจริงๆไม่ใช่ปัญหากับโจวเหวินเลย ที่เขาอยากจะฝึกจริงๆนั้นไม่ใช่ดาบแต่เป็นวิชาดาบ13กระบวนท่าที่เขาเคยได้เรียนมาจากหมู่บ้านดอกท้อ


หรือจะพูดให้ถูก วิชาดาบเองก็ไม่สำคัญเช่นกัน แต่ที่สำคัญคือจิตวิญญาณแห่งดาบตั่งหาก


หลังจากที่ฟังที่ชายคนนั้นพูดมาแล้ว โจวเหวินก็นึกขึ้นมาได้ว่ารูปร่างของดาบนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญกว่าคือสิ่งที่ดาบนั้นทำได้มากกว่า


“เข้ามาได้เลย”โจวเหวินมองเชดี้แล้วพูด


เชดี้ไม่ลังเลใช้ดาบแทงเข้าไปดุจสายฟ้าทันที


โจวเหวินเองก็สะบัดดาบออกแทบจะทันที ความเร็วเท่าๆกับเชดี้ มันคือวิชาปัดดาบเร็ว


“ได้แต้ม”กรีฟมองปลายดาบของเชดี้ที่แทงเข้าไปที่อกของโจวเหวิน แต่ดาบของโจวเหวินยังห่างไกลจาเชดี้นักทำให้เขาดีใจจนกระโดดโลดเต้น


การที่ชนะโค้ชได้ครั้งนึงนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ เชดี้เองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะชนะด้วยวิธีแค่นี้ เธอเองก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน


“เอาอีก”โจวเหวินสีหน้าไม่เปลี่ยนเขาถอนดาบออกแล้วเริ่มต่อ


หลังจากที่เชดี้ถอนดาบออกแล้วใช้สกิลเดิมอีกครั้ง รอบนี้โจวเหวินก็ใช้ท่าเดิม แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ดาบของเชดี้โดนตัวโจวเหวินก่อนอีกครั้ง


“อีกรอบ”โจวเหวินถอนดาบแล้วพูด


โจวเหวินนั้นจำกระบวนท่าดาบ3000ท่าได้ แต่เขาไม่เคยฝึกมันมาก่อนเลย ตอนนี้โจวเหวินพยายามฝึกวิชาดาบทั้ง3000ท่าโดยพยายามเข้าใจกระบวนท่าดาบให้ถึงจิตวิญญาณของมัน


หลังจากการโจมตีหลายครั้ง เชดี้ก็เอาชนะโจวเหวินได้อีกครั้งแต่เธอเองก็ตกใจเล็กน้อย


เชดี้นั้นมีดวงตาแห่งโอดินทำให้การเคลื่อนไหวของโจวเหวินนั้นเป็นเหมือนภาพสโลโมชั่นในสายตาของเธอ ตราบใดก็ตามที่ยังอยู่ในความเร็วที่ดาบรับได้ เชดี้ก็สามารถแกะท่าดาบของโจวเหวินได้ทั้งหมด


เพราะงั้นถึงเชดี้จะใช้กระบวนท่าเดิม แต่ผลลัพท์ก็เท่ากัน โอกาสชนะไม่มีเลย


แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่เกี่ยวกัน เพราะทุกๆครั้งที่โจวเหวินบอกว่าเอาใหม่นั้น วิชาดาบของเขาจะแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนทุกครั้ง ไม่ใช่แค่ทั้งในด้านทักษะและความเร็ว แต่ตัวดาบของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยภายใต้วิชาดาบนั้น


หลังจากผ่านไป10กว่าครั้ง เชดี้เองก็ยังต้องใช้กระบวนท่าในการหลบดาบของโจวเหวินเพราะดาบของเธอนั้นไม่มีทางฟันโจวเหวินโดนในครั้งแรกได้ แต่ทันทีที่เธอหลบ โอกาสที่เธอจะชนะก็หมดลงแล้ว เพราะวิชาดาบของโจวเหวินนั้นจะเร็วขึ้นทุกครั้งที่ฟันจนในที่สุดก็หลบไม่พ้นแล้วดาบของโจวเหวินก็ไปจรดที่อกของเชดี้


“แพ้แล้ว”เชดี้ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอง


ในตอนนั้นผ่านมาหลายดาบมาก วิชาดาบของโจวเหวินนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เกินที่จะจินตนาการได้ทีเดียว


คิดง่ายๆเหมือนคนที่แพ้ให้กับเราง่ายๆ10กว่ารอบรวด แต่จู่ๆพอผ่านไปซักๆเราเริ่มสู้ไม่ได้เฉย


นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชดี้ตอนที่สู้กับโจวเหวิน ซึ่งเชดี้ก็ไม่ได้ตกใจอะไร ทั้งกรีฟและเฟิงชิวเยี่ยนเองก็ไม่ตกใจด้วย เพราะว่าเขาคือโค้ช การที่เขาจะชนะได้นั้นเป็นเรื่องที่ปรกติมากๆอยู่แล้ว


“มาต่อเลย”โจวเหวินถอนดาบแล้วคิดซักพักก่อนจะพูด


เชดี้ไม่รู้ว่าความหมายของคำว่าต่อเลยของโจวเหวินนั้นมันคืออะไรเพราะตอนนี้ดาบของโจวเหวินนั้นถึงเธอจะมองเห็นแต่เธอหลบไม่ได้แล้ว เพราะงั้นฝึกต่อไปมันก็ไม่มีความหมาย แต่โจวเหวินก็ยังยืนยันคำเดิมเชดี้เลยไม่มีทางเลือกนอกจากฝึกต่อ


เพียงแค่ว่ารอบนี้ เชดี้รู้สึกได้ว่าวิชาดาบของโจจวเหวินมันเปลี่ยนไปไม่ได้เร็วไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ รอบนี้มันดูเป็นวิชาดาบสายตั้งรับ


แต่แปลกตรงที่ท่าดาบของโจวเหวินนั้นมันเป็นท่าเดียวกับเมื่อกี้เลย


“วิชาดาบเดียวกันแต่จิตวิญญาณดาบรอบนี้มันคนละเรื่องกันเลยแหะ วิธีการใช้ดาบก็เปลี่ยนไปด้วย เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”เชดี้ตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็รู้เหตุผลแล้วว่าทำไมโจวเหวินถึงให้ฝึกต่อ


เพราะผลที่ออกมานั้นคือโจวเหวินแพ้ติดต่าอกันอีกหลายรอบ เพราะว่าดาบของเขารอบนี้เน้นไปที่การป้องกันและสวนกลับ แต่เพราะเชดี้มีดวงตาแห่งโอดินทำให้เชดี้สามารถโจมตีเข้าจุดบอดของโจวเหวินได้อย่างง่ายดาย


“อีกรอบ”โจวเหวินสีหน้าเดิมไม่เคยเปลี่ยน


หลังจากตอกย้ำความผิดพลาดเข้าไปหลายรอบ เชดี้เริ่มรู้สึกเลยว่าเธอเจาะการป้องกันของโจวเหวินยากขึ้นและยากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งเชดี้ไม่สามารถเอาชนะได้และก็พ่ายแพ้ในที่สุด


แต่โจวเหวินก็ยังบอกให้เอาอีก วิชาดาบของเขายังเป็นวิชาเดิมเพิ่มเติมคือเจตจำนงของดาบนั้นไม่เหมือนดิม


“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ ทำใมโค้ชถึงได้เปลี่ยนจิตแห่งดาบ3ดาบได้โดยใช้วิชาดาบเดิมละ เขาฝึกแบบนั้นได้ไงกัน”กรีฟอึ้ง


“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาน่าจะมีมากกว่านั้นนะ”เฟิงชิวเยี่ยนที่ตามมาดูพูด


กรีฟอึ้งกว่าเดิม “มากกว่า3เนี่ยนะครับ พูดเป็นเล่น วิชาดาบเดียวแต่มีเจตจำนงมากกว่า3 มนุษย์ธรรมดาทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”


“เขาเป็นโค้ชยังไงละ”เฟิงชิวเยี่ยนมองแล้วพูด


แล้วก็เป็นอย่างที่เฟิงชิวเยี่ยนพูด โจวเหวินนั้นมีเจตจำนงแห่งดาบมากกว่า3 เอาจริงๆวิชาดาบนี้เองก็ไม่ใช่วิชาดาบของมนุษย์แต่เดิมที จริงๆมันเป็นวิชาดาบที่ชายชุดของที่อ้างว่าเป็นเซียนแห่งหมู่บ้านดอกท้อสอนเขามา มันไม่ใช่วิชาดาบของมนุษย์แน่ๆเพราะแม้แต่คนที่สอนเองยังคิดไม่ถึงเลยว่าโจวเหวินจะจำวิชาดาบทั้ง3000กระบวนท่าได้สำเร็จ


“4 5 6 พระเจ้าช่วย โค้ชฝึกวิชาดาบมามากเท่าไรกันเนี่ย”กรีฟเริ่มรู้สึกว่าฝันไป


ตั้งแต่เมื่อกี้ถึงตอนนี้โจวเหวินใช้เจตจำนงแห่งดาบไปเป็น10แล้ว และยังไม่หยุดลงง่ายๆด้วย


ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าไหน ยิ่งอยู่ในมือของโจวเหวินมากเท่าไรมันยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นเขาก็เอาชนะเชดี้ได้ในที่สุด


เชดี้ตอนแรกก็ไม่สบายใจแต่ตอนนี้เธอตื่นเต้นมากๆ เธอเองก็เป็นนักดาบเหมือนกัน การที่เธอได้ปะทะกับจิตแห่งดาบมากขนาดนี้ ทำให้เธอได้พัฒนาความสามารถของตัวเองขึ้นมากเหมือนกัน เธอเข้าใจในวิถีดาบของตัวเองเพิ่มมากขึ้น แต่ละครั้งที่ฝึกซ้อมเธอเองก็แกร่งขึ้นเช่นกัน


แต่ความแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาของเธอนั้นยังทำได้ไม่เท่าโจวเหวิน หลังจากที่ใช้จิตแห่งดาบหลากหลายแบบ กรีฟเองก็เริ่มมึนหัวนับไม่ไหวจำไม่ได้แล้วว่าโจวเหวินใช้วิชาดาบแบบไหนไปบ้าง


“นี้โค้ชยังเป็นคนอยู่จริงๆงั้นเหรอ”กรีฟมองตาของโจวเหวินเหมือนกับมองตัวประหลาด


“ร่างกายของโค้ชเห็นได้ชัดเลยว่ายังเป็นคนแน่ๆ เพราะงั้น ในเมื่อเขาทำได้ หนทางแห่งการเป็นระดับเร้นลับของมนุษย์ก็คงอยู่ไม่ไกลแล้วละ”เฟิงชิวเยี่ยนพูด


“ผมไม่รู้ว่าโค้ชเขาเลือกทางถูกไหมนะครับ แต่ถ้าเป็นผม ผมทำไม่ได้แน่ อีกอย่าง มันจำเป็นเหรอครับ เอาจริงๆแค่เพลงดาบเดียวฝึกให้ถึงขั้นสุดยอดก็เก่งมากๆแล้ว ทำไมต้องฝึกหลากหลายจิตแห่งดาบด้วยละครับ”กรีฟยอมแพ้ที่จะนับ ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งปวดหัว


“ถ้าโค้ชเป็นคนทำแบบนั้นฉันเชื่อว่าลึกๆแล้วมันต้องมีเหตุผลแน่นอน เพียงแค่เราเข้าไม่ถึงมันแค่นั้นเอง”เฟิงชิวเยี่ยนพูด


“ช่างมันเถอะ ยังไงเราก็เป็นแค่มนุษย์ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ได้นี้เนอะ”กรีฟคิดว่าตัวเองนั้นอาจจะมาผิดที่ผิดเวลาเท่านั้นเอง


ในอดีต ในตระกูลของเขานั้น ตัวเขาเองก็นับว่าเป็นอัจฉริยะระดับนึง ถึงจะไม่ได้เท่าหลานฉีหรือเชดี้ แต่เขาเองก็นับว่าเก่งมากๆเหมือนกัน แต่นับตั้งแต่เข้ากลุ่มซวนเหวินมา เขาก็เหมือนเป็นคนปรกติที่เข้ามาในค่ายของเหล่าสัตว์ประหลาดยังไงอย่างงั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)