I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 911-914
ตอนที่ 911
ปีศาจเพลิง
“อะแฮ่ม มาทำอะไรที่นี้เหรอ”พิด้าถอยเท้าออกมาจากลาวาแล้ววมองโจวเหวินด้วยสีหน้าเครียด
“เราเป็นคู่หูกันไง จำไม่ได้เหรอ ฉันก็ต้องตามนายมาซิ”โจวเหวินยิ้ม
เอาจริงๆเขาไม่ได้แอบตามพิด้ามาหรอก แต่ตอนที่เขามาที่ภูเขาไฟ เขาได้แอบส่งสปอร์โบราณไปเป็นสายสืบไว้ ถ้ามีอะไรโผล่ออกมาเขาก็จะรู้ได้ทันที
แต่ใครมันจะไปคิดละว่าพิด้าจะเป็นคนที่แอบมาที่นี้ซะเอง โจวเหวินเองก็คิดไว้แต่แรกแล้วว่าหมอนี้มันแปลกๆ ตอนที่เขาฟังข้อเสนอครั้งแรกเขาก็รู้สึกแปลกๆแต่แรกแล้ว เขาเลยมาหยุดพิด้าก่อนที่เขาจะลงไปในลาวา เขาเองก็อยากรู้วว่าอะไรอยู่ในลาวานั้นเหมือนกัน
“ฉันช่วยนายหาสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำเสร็จละไง ข้อตกลงของเรามันจบลงไปแล้ว ถ้านายไม่ไปฆ่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ”พิด้าพูด
“จะบอกแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ นายหลอกใช้ฉัน ให้ล่อสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นออกไปพร้อมกับคนทั้งหมด สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตอนนี้ยังไม่ตาย ข้อตกลงของเราก็ยังคงอยู่ ของที่อยู่ที่นี้มันต้องแบ่งเป็นของฉันด้วยถูกไหม”โจวเหวินพูด
พิด้ารู้ดีว่าการจะสลัดโจวเหวินออกไปตอนนี้นั้นมันไม่ทันแล้ว เขาเลยกัดฟันแล้วพูด “ก็ได้ เราจะแบ่งเท่าๆกันโอเคไหม แต่นายต้องลงไปในนั้นกับฉันด้วยเพื่อเอามันขึ้นมา”
พอพูดจบพิด้าก็เตรียมลงไปในลาวา
“เดี๋ยวก่อน บอกก่อนสิว่าอะไรอยู่ข้างใต้ลาวานั้นกัน”โจวเหวินไม่เชื่อที่พิด้าพูดมาเลยเอื้อมมือเข้าไปจับตัวพิด้า แต่ทันใดนั้นเอง พิด้าก็หันกลับมาต่อยสวนโจวเหวิน แต่โจวเหวินหยิบปลอกดาบไม้ไผ่ขึ้นมาตั้งรับได้ทัน ก่อนที่พิด้าจะกระโดดลงลาวาไปทันที
โจวเหวินมองลาวาด้านใต้นั้นแล้วอัญเชิญสิงโตเกราะเวทออกมาแล้วให้มันมุดลงลาวาไปทันที เปลวเพลิงสีม่วงทั่วร่างของสิงโตนั้นลุกท่วมตัวตอนที่ไล่ตามพิด้าลงไปใต้ลาวา
“ไอ้นี้มันตื้อซะจริง…”พอด้าเห็นสิงโตเกราะเวทไล่ตามมาแบบไม่กลัวความร้อนของลาวาเลยทำให้เขาแอบเครียด
เขาใช้เวลานานมากกว่าจะฟาร์มเต่าเหล็กทมิฬออกมาจนสัตว์อสูรมา ก่อนที่เขาจะสามารถลลงมายังลาวาได้ แต่โจวเหวินกลับทำได้เหมือนกันด้วยพลังของสัตว์อสูรตัวอื่นทำให้พิด้าผิดหวังมากๆ
โชคยังดีที่ความเร็วในการว่ายลาวาของพิด้านั้นเร็วมาก เร็วซะจนสิงโตเกราะเวทตามไม่ทันเลยก็ว่าได้
ชั้นลาวานั้นยิ่งลงไปลึกมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนมากขึ้นเท่านั้น พอลงไปลึกหลาน100เมตรแล้ววจู่ๆ โจวเหวินก็เห็นพื้นที่โล่งด้านใต้ลาวา มันเหมือนเป็นพื้นที่โล่งบางอย่างที่ลาวาไม่ได้ไหลเข้าไปในนั้น เหมือนกับมีเขตพลังงานบางอย่างป้องกันไม่ให้ลาวาเข้าไป และตรงกลางจองพื้นที่โล่งนั้นมีรังไหมสีดำลายแดงอยู่ด้วย
โจวเหวินพอเห็นแบบนั้นผ่านตาของสิงโตเกราะเวทแล้วหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที “รังไหมผู้พิทักษ์งั้นเหรอ มีผู้พิทักษ์อยู่ที่นี้งั้นเหรอ หรือว่าจริงๆแล้ว สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่ว่านั้นจะเป็นผู้ปกป้องผู้พิทักษ์งั้นเหรอ”
“นึกว่าจะเป็นของดีกว่านี้ กลายเป็นผู้พิทักษ์ซะได้”โจวเหวินเริ่มเบื่อนิดหน่อย ผู้พิทักษ์กลายเป็นของที่เขาไม่ต้องการแล้ว ทั้งเลือดทั้งตัวของผู้พิทักษ์ เขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นแล้ว มากสุดก็แค่ฆ่ามันเท่านั้นเอง
พิด้ารีบเร่งเข้าไปหารังไหม เหมือนกับว่าเขาอยากจะลองทำสัญญากับผู้พิทักษ์ดูที่นี้
โจวเหวินเลยสั่งให้สิงโตเกราะเวทหยุด เพราะถึงจะลงไปหยุดยังไงพอถึงเวลาผู้พิทักษ์ก็ต้องเกิดมาอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว การฆ่าผู้พิทักษ์ที่ไม่มีสัญญากับฆ่าแบบที่ติดสัญญานั้นความยากมันก็พอๆกันด้วย เอาจริงๆฆ่าตอนทำสัญญาแล้ว มันออกจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ โจวเหวินเลยไม่จำเป็นต้องหยุดพิด้า
พิด้ารีบตรงเข้าไปยังรังไหมก่อนจะหยดเลือดตัวเองลงไป ทันใดนั้นเอง รังไหมดูดซับเลือดของพิด้าเข้าไป แล้วรังไหมก็แตกออก เหมือนหินลาวาที่แตกออกมาก่อนมีร่างไฟปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพิด้า
“ข้ามีนามว่าปีศาจเพลิง นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ฆ่าจะสู้เคียงบ่าไหล่และสาบานจะตายไปพร้อมเจ้า ลาวาในตัวของปีศาจเพลิงระเบิดออกมาก่อนที่มันจะใช้มือแตะไปที่หัวของพิด้า
ร่างกายของพิด้านั้นถูกไหลเวียนไปด้วยลาวาที่สูบฉีด และเริ่มเข้ามาห่อหุ้มตัวกลายเป็นชุดเกราะอย่างน่าเกรงขามและพลังไฟที่ระเบิดออกมาอย่างร้อนแรง
โจวเหวินเรียกสิงโตเกราะเวทกลับมาแล้วออกจากภูเขาไฟทันที
ตู้ม
ไม่นานหลลังจากที่โจวเหวินออกมา เขาได้ยินเสียงดังลั่นออกมาจากภูเขาไฟพร้อมเสาไฟสีแดงและควันสีดำพุ่งขึ้นฟ้า ภูเขาไฟ ตอนนี้ระเบิดออกมาแล้ว
ฉางเสี่ยวและคนอื่นๆที่กำลังสู้กับสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นเองก็สังเกตเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูเขาไฟ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมภูเขาไฟถึงได้ระเบิดออกมา
จากนั้นพิด้าที่สวมชุดเกราะปีศาจเพลิงนั้นก็พุ่งออกมาจากภูเขาไฟ
ความโลภนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนของมนุษย์ที่รุนแรงมาก ซึ่งพิด้าเองก็เป็น1ในคนโลภนั้น หลังจากที่ได้รับพลังของปีศาจเพลิงมา พิด้าจึงรีบพุ่งออกจากภูเขาไฟที่กำลังระเบิดแล้วฆ่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำทันที เขาไม่ได้ต้องการแค่ผู้พิทักษ์แต่เขายังต้องการทุกอย่างอีกด้วย
กลุ่มกระเรียนขาวที่กำลังสู้อยู่กับสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีแล้ว ไม่ได้มีแรงมาเผื่อต้องรับมือกับพิด้า ด้วยเปลวเพลิงที่รุนแรงรอยตัว พิด้าพุ่งหมุนตัวเข้าใส่สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำอย่างไว
สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่ตอนนี้โดนตรึงไว้ด้วยตาข่ายวิญญาณถึงจะวาปออกมาได้ แต่ก็หลบไฟความรุนแรมมหาศาลไม่ได้อยู่ดี ทำให้ร่างของมันลุกเป็นไฟ แม้แต่อาคมตาข่ายวิญญาณของตระกูลฉางก็ไหม้ไฟไปด้วย
สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่หลุดจากการพันธนาการของตาข่ายวิญญาณแล้วจึงวาปอย่างต่อเนื่องไปที่ทะเลมันตั้งใจจะใช้ทะเลเป็นตัวดับไฟในร่างของมัน
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำก็พบว่า ทันทีที่ไฟโดนน้ำทะเล มันกลับลุกท่วมยิ่งกว่าเดิมเหมือนกับว่ามันพึ่งไปโดนน้ำมันราดมา
พิด้าไล่ตามสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำไปที่ทะเลอย่างไว
ฉางเสี่ยวเองก็โกรธมาก เขาลงทุนลงแรง ลงคนไปเยอะมากๆ ถ้ามาโดนแย่งตัดหน้าแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ แต่หน่วยกระเรียนขาวนั้นไม่เก่งในด้านการต่อสู้ในน้ำ ดูจากพลังของพิด้าตอนนี้แล้ว ยังไงก็ไม่มีทางชิงสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำกลับมาได้แน่ๆ
ตระกูลเสี่ยกับนักล่าอิสระหลายคนก็ตามมาที่ทะเล แต่พวกเขากลับยอมแพ้ กลางทาง เพราะยังไงความเร็วของพวกเขาในทะเลยังไงก็เทียบสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่วาปได้กับพิด้าไม่ได้หรอก
พิด้าเองก็ฝึกวิชาแปลกๆ ตัวเองฝึกวิชาลมปราณธาตุไฟและมีผู้พิทักษ์ธาตุไฟแท้ๆ แต่วิชาวารีของเขากลับดีอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งกว่านั้น ปีศาจเพลิงยังดูไม่กลัวน้ำเลยด้วย ไฟนั้นกลับสามารถเผาไหม้ในน้ำได้อย่างไม่ลดแรงเลย
สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นสามารถหลบจากพิด้าได้ไม่ยากก็จริง แต่ไฟในตัวของมันก็ยังคงไม่ดับ ยิ่งไฟเผาไหม้มากเท่าไร ลมปราณของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำก็ยิ่งอ่อนลง และอ่อนลงมากเท่านั้น ระยะทางในการวาปก็ยิ่งสั้นลงเรื่อยๆ และมันก็โดนพิด้าไล่ตามทันมากขึ้นเรื่อยๆ
พอเห็นว่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำอ่อนแรงลง พิด้าจึงระเบิดพลังทั้งหมดออกมาแล้วแปลงร่างเป็นมังกรไฟ กลืนกินสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำเข้าไปทั้งตัวจนเหลือแต่เถ้าถ่านและมีผลึกดรอปออกมา
“ผลึกสกิลงั้นรึ”พิด้าดีใจมาก ตอนที่เขากำลังจะหยิบไปปนั้นเอง จู่ๆก็มีร่างๆนึงพุ่งขึ้นมาจากน้ำร่างกายของมันคล้ายๆกับมังกร มันเร็วกว่าตัวของพิด้าซะอีก คว้าผลึกไปต่อหน้าต่อตาของพิด้า
พิด้ามองดูคนๆนั้นดีๆแล้วเขาก้พบว่าคนที่แย่งไปนั้นก็คือโจวเหวินนั้นเอง
“ไหนแกบอกว่าไม่ใช่ชาวเลแล้วว่ายน้ำห่วยแตกไงวะ”พิด้าโกรธจัด โจวเหวินนั้นว่ายน้ำเก่งกว่าพิด้ามากๆ แต่ตอนแรกกลับทำเป็นว่ายน้ำไม่เป็นซะอย่างงั้น
ตอนที่ 912
เอาชนะปีศาจเพลิง
“ก็ฉันไม่อยากว่ายอะ แต่จะให้ว่ายก็ไม่ใช่ว่าว่ายไม่ได้ซักหน่อย”โจวเหวินพูดพร้อมกับผลึกในมือ “ตามที่เราตกลงกันไว้ ผลึกนี้มันต้องเป็นของฉันนะ”
“เออ อยากได้ก็เอาไปเลย เอาแม่งไปให้หมดเลย”พิด้าพูด จากนั้นไฟในมือของเขาก็ลุกโชนขึ้นพร้อมกับเสียงคำรามเหมือนมังกรก่อนจะพุ่งตรงมาหาโจวเหวิน
โจวเหวินวาปตัวออกมาทำให้เปลวไฟนั้นตกลงไปบนน้ำทะเล และทำให้ใต้ทะเลนั้นลุกท่วมเป็นทะเลเพลิง
“ในเมื่อนายเอาไปแล้ว ข้อตกลงของเราก็จบกันได้ซักที ทีนี้ ฉันจะเอาของนั้นคืนจากนายละนะ”พิด้าพูดพร้อมมองเปลวไฟที่ลุกท่วมทะเล
“ก็เอาซิ”โจวเหวินพยักหน้าแล้วอัญเชิญสิงโตเกราะเวทออกมา ยืนจังก้าเหมือนปีศาจจากขุมนรก ท่ามกลางทะเลเพลิงเปลวไฟสีม่วงรอบตัวของมันลุกโชนไม่หยุด
“คิดว่าเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟแล้ววจะมาสู้กับปีศาจเพลิงได้จริงๆเหรอ ถ้าคิดแบบนั้นละก็ อ่อนหัดเกินไปแล้ว”พิด้าพูดแล้วระเบิดเปลวเพลิงพุ่งตัวเข้าหาโจวเหวิน
สิงโตเกราะเวทเองก็พุ่งตัวเข้าใส่อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย มันไม่คิดจะหลบไฟของพิด้าเลยแม้แต่นิดเดียว พิด้าเองก็ตกใจเล้กน้อยว่าทำไมพลังไฟของปีศาจเพลิงถึงไม่เผาไหม้สิงโตเกราะเวท แต่ในตอนนั้นเอง เปลวเพลิงสีแดงเหลืองทองเหมือนแมคม่าก็ระเบิดออกมาแทนเปลวไฟสีม่วงบนตัวของสิงโตเกราะเวท
“ขอดูพลังไฟที่แท้จริงของแกหน่อยเถอะ” พอพิด้าพูดจบ ร่างของปีศาจเพลิงก็เปลี่ยนกลายเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ ความร้อนมหาศาลแพร่กระจายจนทำให้น้ำทะเลนั้นละเหยกลายเป็นไอเหมือนน้ำเดือน น้ำทะเลที่อยู่ใกล้นั้นเริ่มเดือดพล่าน หินที่อยู่แถวนั้นเริ่มหลอมละลายกลายเป็นแม็กม่า สภาพแวดล้อมดูเหมือนนรกเข้าทุกที
พิด้านั้นปล่อยพลังเป็นรัศมีเหมือนกับคลื่นความร้อนของดวงอาทิตย์ ต่อยซัดเข้าใส่สิงโตเกราะเวท ทำให้เกราะเหล็กของสิงโตเกราะเวทนั้นเริ่มหลอมละลาย
สิงโตเกราะเวทเองก็ใช้หอกทั้ง2ข้างแทงเข้ารับมือของพิด้า แต่ความร้อนที่มหาศาลนั้นมันทำให้เหมือนกับว่าหอกนั้นเป็นแท่งเหล็กร้อนๆที่พึ่งเข้าเตามาสดๆ
“ละลายไปซะ”อุณหภูมิตัวของพิด้าเพิ่มสูงขึ้นจนสิงโตเกราะเวทแทบจะละลาย ภายใต้ความร้อนระดับนี้ ชุดเกราะของสิงโตเกราะเวทกลายเป็นสีแดงเหมือนเหล็กเผาไฟ แต่ในตัวของมันยังคงมีเปลวไฟสีม่วงอยู่
พิด้าคิดว่าถ้าใส่พลังไฟเยอะกว่านี้ละก็ สิงโตเกราะเวทคงได้หลอมตายแน่ๆ แต่ซักพักนึง เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ
อุณหภูมิที่สูงลิ่วมันไม่ได้ทำให้สิงโตเกราะเวทละลายไปเลยแต่มันกลับทำให้เปลวไฟสีม่วงนั้นมันลุกโชนมากขึ้นกว่าเดิม
ตู้ม!!!
สิงโตเกราะเวทสบัดหอกออกจากพิด้าทำให้พิด้าเสียหลักก่อนจะพุ่งตรงเข้าใช้หอกที่แดงเหมือนเหล็กหลอมประกายไปด้วยไฟสีม่วงนั้นพุ่งแทงพิด้าสุดแรง
พิด้าที่ตกใจมาก ใช้สกิลทุกอย่างของปีศาจไฟไปสู้กับสิงโตเกราะเวท ปีศาจเพลิงเองก็มีพลังที่รุนแรงมาก ไฟของมันไม่ได้เหมือนกับไฟปรกติ ไฟของปีศาจเพลิงนั้นจะลุกไหม้จนกว่าคนที่โดนมันจะโดนไหม้ตาย และมันจะไม่หยุดไหม้เด็ดขาด ยิ่งกว่านั้น ปีศาจเพลิงเองยังไม่ได้มีแค่ไฟ แต่พลังอีกอย่างนึงของมันคือคลื่นความร้อนที่แพร่กระจายออกมาไม่หยุด ถึงจะไม่โดนไฟแต่ความร้อนมหาศาลรอบตัวของมันนั้นก็ทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงได้อยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้น ความสามารถที่ว่านั้นกลับได้ผลน้อยมากกับสิงโตเกราะเวท เพราะว่าด้วยความที่มันมีความสามารถพิเศษคือยิ่งอุณหภูมิสูงเท่าไร มันยิ่งแข็งแกร่มากขึ้นเท่านั้น ในตอนแรกพิด้าใช้พลังของปีศาจเพลิงในการกดสิงโตเกราะเวทได้ก็จริง แต่พอเวลาผ่านไปความร้อนพวกนั้นกลับกลายเป้นทำให้พิด้าเสียเปรียบซะเอง
“สัตว์อสูรตัวนี้มันอะไรกันวะ”พิด้าเริ่มรู้สึกแปลกๆเขาไม่เชื่อตาตัวเองว่าพลังของผู้พิทักษ์อย่างปีศาจเพลิงนั้นจะทำอะไรสิงโตเกราะเวทไม่ได้เลย แถมยังโดนดึงพลังไปใช้ซะอีก
ที่โจวเหวินทำนั้นคือการล่อให้เขาปล่อยไฟออกมามากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วค่อยกลับมาพลิกสถานการณ์ในภายหลัง
พิด้าเห็นว่าโจวเหวินยังไม่ขึ้นจากน้ำ เขาเลยบินตรงขึ้นชายฝั่ง หลังจากที่เข้าฝั่งแล้ว เขาก็ใช้พลังของปีศาจเพลิงในการปล่อยพลังไฟออกจากเท้า เป็นเหมือนไอพ่น ก่อนจะพุ่งหนีไปด้วยความเร็ววที่เหลือเชื่อ
พิด้าหนีออกมาจนกระทั้งถึงบริเวณเขตภูเขา เขาหันหลังกลับไปมองแล้วพบว่าเขาไม่เจอโจวเหวินอยู่ข้างหลังเขาเลยโล่งใจแล้วลงจอดกับพื้น
แต่ตอนที่เขากำลังจะถึงพื้นนั้นเอง จู่ๆเขาก็เห็นโจวเหวินกำลังขี่ตัวนิ่มขนาดใหญ่มองเขาอยู่ที่หุบเขาฝั่งตรงกันข้าม
พิด้าตกใจมากเลยรีบพุ่งตัวหนีไปอีกทางนึงทันที
แต่ไม่ว่าพิด้าจะไวแค่ไหนแต่ทุกๆครั้งที่เขาหยุด เขาก็จะเห็นโจวเหวินอุ้มเด็กน้อยตัวนึงกำลังขี่ตัวนิ่มปรากฏตัวขึ้นแถวนั้นเสมอ และมันเป็นแบบนี้ติดต่อกันมากๆแล้วด้วยจนพลังของปีศาจเพลิงเริ่มเสื่อมลง
“แกต้องการอะไร”หลังจากที่ลงจอดแล้ว เขาก็เห็นโจวเหวินอีกครั้งแต่รอบนี้เขาไม่หนีอีกแล้ว เขาเดินตรงเข้าไปหาโจวเหวิน
“ที่ฉันต้องการคือที่นายเคยพูดกับฉันเอาไว้ไง”โจวเหวินพูด
“แล้วฉันไปพูดอะไรกับนายวะ”พิด้าถาม
“ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าข้อตกลงของเรามันจบลงแล้ว ข้อตกลงบอกว่าฉันจะได้ทุกอย่างยกเว้น30%ของผงเวทมนตร์ไง นั้นคือสิ่งที่ฉันต้องการ”โจวเหวินพูด
“ไข่ของอสูรนภาไพลิน(ชื่อของสิ่งมีชีวิตที่หลุดจองจำออกมา) นายก็ได้ไปแล้ว ผลึกของมันนายก็ได้ไปแล้ว จะเอาอะไรอีกวะ”พิด้าพูด
“ผู้พิทักษ์ของนายไง”โจวเหวินพูด
“นายไม่ได้ฝึกวิชาธาตุไฟซักหน่อย ถึงฉันอยากจะให้นาย นายก็ทำสัญญาไม่ได้หรอก ฉันให้นายไม่ได้จริงๆ แล้วงี้นายจะทำยังไงละ”พิด้าพูด
“ง่ายๆ ก็แค่ฆ่ามันซะ”โจวเหวินพูดจบก็กำดาบไม้ไผ่แน่นเตรียมพร้อมจะฟันตลอดเวลา ผู้พิทักษ์แต่ละตัวนั้นจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงในสงคราม เพราะงั้น ถ้าเก็บไปได้1ตัวก็ถือว่าดี
“ถ้างั้นก็ข้ามศพของฉันไปก่อนเถอะ”พิด้าพูด ก่อนจะพุ่งขึ้นฟ้าอย่างเกรี้ยวโกรธก่อนที่ชุดเกราะนั้นจะระเบิดพลังไฟออกมาความรุนแรงสูงจนเหมือนกับไฟนั้นเผาไหม้ท้องฟ้า ก่อนจะตกลงมาเหมือนฝนดาวตกวันสิ้นโลก
พอเห็นพิด้าบินแบบนั้นแล้ว แต่โจวเหวินกลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว เขาแค่มองพิด้าอยู่แบบนั้น
ดาบไม้ไผ่จู่ๆก็ถูกชักออกมาจากฟักก่อนที่จะฟันดาบเทพสังหารเข้าไปที่ใจกลางของปีศาจเพลิง แล้วตัวของโจวเหวินก็พุ่งออกไปทางด้านหลังแล้วค่อยๆก็เก็บดาบไม้ไผ่ลงฝักช้าๆในขณะที่เกราะของปีศาจเพลิงค่อยๆแตกออกเป็น2เสี่ยงพร้อมเสียงระเบิดและลาวาที่ทะลักออกมา
แต่พิด้านนั้นยังคงลอยคว้างกลางอากาศ ตอนนี้เขาไม่ได้มีผู้พิทักษ์แล้ว แต่ปรากฏเป็นปีกอีกาทั้ง2ข้างพร้อมกับหน้ากากสีดำบนใบหน้า กลิ่นอายของเขามันแปลกๆขึ้นมาจากเดิมมากๆ
ตอนที่ 913
วิธีการพัฒนาเนตรกระจก
โจวเหวินขมวดคิ้วแล้วมองพิด้า เพราะตอนนี้พิด้านั้นเปลี่ยนไปเหมือนกับว่าเป็นคนละคน เพราะเมื่อกี้นี้ เป็นครั้งแรก ที่เขาเห็นว่ามนุษย์บังคับให้ผู้พิทักษ์เข้ารับดาบแทนตัวเองแล้วส่งผู้พิทักษ์ไปตายแทน
“หวังหมิงหยวนพูดถูก นายแข็งแกร่งจริงๆ”พิด้ามองโจวเหวินแล้วพูด
พอได้ยินชื่อหวังหมิงหยวน โจวเหวินก็หลี่ตาลงแล้วถาม “นายเป็นใครกันแน่”
“พิด้า ชายผู้จะขึ้นไปเป็นราชาแห่งยักษา จำชื่อนี้เอาไว้”พิด้าพูดแล้วกระพือปีกพุ่งทะลุรอยแยกของมิติไปด้วยความเร็วสูง โจวเหวินเห็นช่องว่างของมิตินั้นปรากฏขึ้นและหายวับไปในเวลาแวบเดียวเท่านั้น จะตามไปก็สายไปเสียแล้ว
“หมอนั้นเป็นแบบเดียวกับอาจารย์ซินะ แต่ดูจะต่างกันอยู่นะ”โจวเหวินคิดในใจ ถึงพิด้าจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาในตอนสุดท้ายแต่เขาก็รู้สึกว่าในร่างของพิด้านั้นมีวิญญาณของมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตต่างมิติผสมรวมกันอยู่ แบบเดียวกับที่หวังหมิงหยวนเป็น
โจวเหวินรู้มาอีกด้วยว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่เห็นด้วยกับหลักการของหวังหมิงหยวน เข้าไปในโลกต่างมิติ และพิด้าเองก็น่าจะเป็น1ในนั้น
โจวเหวินเองตอนแรกก็อยากจะถามเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวังหมิงหยวน แต่พิด้าหนีออกไปแล้วจะตามไปก็ไม่ได้ เขาเลยกลับไปที่ตระกูลหลูพร้อมกับผลึกอสูรนภาไพลินเพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาเป็นคนล้มมันด้วยตัวเอง พอส่งเสร็จโจวเหวินก็ถามกับจ้าวตระกูลหลูเรื่องพิด้า
แต่จ้าวตระกูลหลูกลับบอกเขามาว่า ในเมืองหวางไหนั้นไม่มีนักล่าอิสระที่ชื่อพิด้า และไม่มีใครที่เขาเชิญมาที่ชื่อพิด้าเลย
“แต่ผมเคยเห็นเขาที่ตระกูลหลูนะครับ”โจวเหวินวาดภาพของพิด้าประกอบแล้วยื่นให้จ้าวตระกูลหลู
หลังจากดูเสร็จแล้ว จ้าวตระกูลหลูก็พูดขึ้นมา “ชายคนนี้เป็นนักล่าอิสระของแถบนี้ก็จริง และเขาก็รู้เรื่องนิสัยของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำเป็นอย่างดีด้วย แต่เท่าที่ฉันจำได้เขาไม่ได้ชื่อพิด้า แต่เป็นอาหยีตั่งหาก”
โจวเหวินพอรู้แบบนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะตามสืบเรื่องต่อ หลังจากเสร็จภารกิจตรงนี้แล้วเขาก็กลับเมืองหวางไหทันที
นาโอะนั้นไม่ได้เข้าร่วมการล่า เพราะว่าดันไปเปิดเผยตัวเองเร็วเกินไป ทางพันธมิตรจากต่างแดนเลยยกเลิกแผนที่จะส่งเธอไปล่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำแล้วส่งไปอีกที่นึงในฐานะชูไอแทน เพื่อไม่ให้ตระกูลอันสงสัยเรื่องที่ว่าชูไอกับนาโอะนั้นเกี่ยวข้องกัน
ตอนแรกโจวเหวินตั้งใจจะกลับลั่วหยางเลย แต่ก่อนจะออกจากเมืองหวางไห เขาก้พบว่ามีผู้พิทักษ์อีกตัวนึงปรากฏขึ้นบนหน้าตารางจัดอันดับ ผู้พิทักษ์ตัวนั้นมีชื่อว่าค่ำคืนดวงดาวเข้าท้าทายสัตว์อสูรอันดับ 2 โจวเหวินได้ดูการประลองด้วย แล้วเขาก็เห็นผู้พิทักษ์ค่ำคืนดวงดาวนั้นยืนอยู่บนอากาศก่อนจะร่ายฝนดาวตกลงมาทำลายทุกอย่าง ระเบิดตูมตามอยู่แบบนั้นเกิน10นาทีจนกระทั้งสัตว์อสูรตัวนั้นเกือบตาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมแพ้หนีไป
“มีผู้พิทักษ์มาเพิ่มอีกแล้วเหรอ ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนที่ทำสัญญากับผู้พิทักษ์กี่คนไปแล้วนะ”โจวเหวินคิดในใจ
หลังจากที่ได้ที่2แล้ว มันก็ไม่ไปท้าทายอันดับ1 ดูเหมือนกับว่าไม่ได้คิดตั้งใจจะไปท้าทายมารสวรรค์อยู่แล้ว
โจวเหวินออกจากเมืองหวางไหแล้วดูผลึกสกิลที่ได้มาระหว่างทาง
ผลึกอสูรนภาไพลิน ระดับเร้นลับ ต้องการค่าร่างกาย 41 ค่ามิติ 21 วิชาลลมปราณสายมิติ
“ค่าร่างกาย41อีกแล้ว แบบนี้คงต้องหาวิธีการพัฒนาวิญญาณชีวิตดวงตากระจกให้เป็นระดับเร้นลับให้ได้ก่อนซะแล้วซิ ถ้าทำแบบนั้นแล้วเราก็จะดูดซับสกิลต่างๆได้ตั้งเยอะ” โจวเหวินคิด เขาจนถึงตอนนี้ยังหาวิธีพัฒนาวิญญาณชีวิตดวงตากระจกไม่ได้เลย
แต่ถึงอย่างนั้นรอบนี้ตอนที่เขามาที่เมืองหวางไห ถึงเขาจะไม่ได้ไข่สัตว์อสูรอสูรนภาไพลิน แต่อย่างน้อย เขาก็ได้ไข่ของมันจริงๆมา ถ้าเกิดสามารถฟักลูกตัวน้อยของมันออกมาได้บางทีเราอาจจะได้ใช้ตามแบบที่เราคิด ใช้แทนสัตว์อสูรได้ก็ได้
แต่ตอนนี้ปัญหาจริงๆมันอยู่ที่ว่า ถ้าเกิดอสูรนภาไพลินมันฟักออกมาแล้ว มันเลี้ยงไม่เชื่องจะทำยังไง แล้วก็ยังถามอีกว่าจะทำยังไงให้มันเชื่องเลย
“จะว่าไปแล้วถ้าฉันเลี้ยงมันเหมือนแมลงจะได้ไหมนะ”โจวเหวินแอบคิด
โจวเหวินขี่วัวยักษ์ต้าเหว่ยแล้วให้มันพากลับไปตามถนน พลางเล่นเกมส์ฟาร์มไปด้วย รอบนี้เขาเล่นเกมส์หลูไท่ จนถึงตอนนี้เขายังจัดการกับจิ้งจอก9หางไม่ได้เลย ระดับเร้นลับตัวอื่นไม่ต้องพูดถึงหลังจากฟาร์มสิ่งมีชีวิตต่างมิติทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายเขาก็ไม่มีอะไรให้ฟาร์มแล้วก็ต้องไปตายกับจิ้งจอก9หางตามเคย เหมือนกับรอบที่แล้ว ถึงจะทำลายร่างของมันไปได้ก็ตามแต่ มันก็ยังไม่ตาย มันกลายเป็นร่างความกลัวกลายเป็นเจ้าหญิงปีศาจแล้วฆ่าโจวเหวินทิ้งทันที
แต่รอบนี้ตอนทที่เขาเห็นการโจมตีของร่างความกลัวนั้น โจวเหวินลองมองสวนกลับไปด้วยเนตรกระจก แล้วโจวเหวินก็พบว่าร่างความกลัวที่เป็นสาวงามนั้นย้อนกลับไปเป็นจิ้งจอกอีกครั้ง
แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าความสามารถของเนตรกระจกนั้นยังอ่อนอยู่ ทำให้มีเพียงแค่ใบหน้าเท่านั้นที่กลับไปเป็นจิ้งจอก ส่วนที่เหลือนั้นยังเป็นมนุษย์อยู่
แถมมันย้อนกลับไปเป็นจิ้งจอกได้แค่แปปเดียวด้วย แล้วมันก็รีบกลับไปเป็นคนไวมาก
แต่นั้นก็ทำให้โจวเหวินรู้สึกได้เลย ว่าวิญญาณชีวิตเนตรกระจกกำลังเติบโตขึ้นจริงๆ
แต่ก่อนที่โจวเหวินจะได้ดีใจ หน้าจอของเขาก็ดับไปซะก่อน เขาแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวละครของโจวเหวินตายไปตั้งแต่เมื่อไร
“วิญญาณชีวิตเนตรกระจกดูเหมือนจะสามารถสะท้อนสกิลภาพมายาไปได้ด้วยซินะ ดูเหมือนว่าจะต้องวิญญาณชีวิตเนตรกระจกในการทำลายร่างจำแลงหรือภาพลวงตาที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติสร้างขึ้นมาถึงจะพัฒนาวิญญาณชีวิตได้ แต่ไม่รู้ว่าภาพลวงตาที่มนุษย์สร้างมันจะใช้ได้ไหม”โจวเหวินดีใจมากที่ในที่สุดตัวเองก็หาวิธีการพัฒนาวิญญาณชีวิตจนเจอ
ถ้าเกิดเขาพัฒนาจนสุดแล้ว ค่าร่างกายของเขาก็จะถึง41 และเขาก็จะเรียนรู้สกิลระดับเร้นลับได้อีกหลายสกิล มันจะทำให้เขาแกร่งขึ้นไปอีกเยอะเลย
แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขายังสามารถดูดซับผลึกของอสูรนภาไพลินได้ ซึ่งบางทีอาจจะเป็นสกิลที่ทำให้เขาวาปได้ไม่จำกัดอีกด้วย
“แล้วฉันจะไปหาสิ่งมีชีวิตที่แปลงร่างได้มาจากไหนกันละ จะให้ไปตายกับจิ้งจอกเก้าหางทุกรอบแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ช้าเกินไปแล้ว”โจวเหวินคิด แต่แล้วพอเขาลองไปหาข้อมูลในเน็ตเขาก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลายตัวเลยที่แปลงร่างได้ดี 1ในนั้นคือเหล่าภูติจิ้งจอกจากแดนตะวันออก
“เออวะ ลืมไปได้ไงกัน ด้านบนหลูไท่มีพวกเทวดาตัวปลอมเต็มไปหมดเลยนี้”โจวเหวินเกาหัว ก็ไม่แปลกที่โจวเหวินจะจำไม่ได้เพราะว่าพวกเทวดาจอมปลอมพวกนั้นมันปลอมเนียนมากซะจนโจวเหวินนึกไม่ออกเหมือนกัน
โจวเหวินเลยเข้าไปในหลูไท่ทันทีแล้วลองใช้เนตรกระจกกับเทวดาตัวปลอม ตอนที่เทวดาตัวปลอมระดับมหากาพย์โดนเนตรกระจก พวกมันก็แสดงร่างที่แท้จริงออกมาให้โจวเหวินเห็นตราบใดที่โจวเหวินยังคงมองอยู่
พอโจวเหวินเห็นว่าวิธีนี้มันใช้ได้ผล เขาก็มองไปได้ซักพัก แต่พอเทวดาพวกนั้นโดนเห็นโดยเนตรกระจกแล้ว พวกมันก็พยายามจะกลับร่างเทวดาทันที แต่ใช้เนตรกระจกนั้นมันกินพลังงานมหาศาล โจวเหวินเลยต้องเปลี่ยนวิญญาณชีวิตสลับเป็นฆาตกรอยู่บ้างบางครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเนตรกระจก ด้วยวิธีนี้ ทำให้โจวเหวินสามารถพัฒนาความสามารถของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และพัฒนาไปถึงระดับพัฒนา และขั้นสมบูรณ์ได้โดยขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ตอนที่ 914
จุดอ่อนของเฟิงชิวเยี่ยน
ก่อนหน้านี้โจวเหวินดูดซับผลึกลมปราณมามากมาย 1ในนั้นรวมไปถึงผลึกระดับเร้นลับด้วย ซึ่งโจวเหวินเองก็รู้สึกได้เลยว่าวิชายาลมปราณของเขาเองก็ใกล้เข้าช่วงพัฒนาเข้าไปทุกที แต่ไม่รู้ว่าทำไม ทุกๆครั้งที่มันเหมือนจะพัฒนาต่อ แต่มันกลับไม่ถึงขั้นนั้นซักทีเหมือนกับว่ามันยังขาดอะไรบางอย่าง
“ขาดอะไรกันนะ”โจวเหวินมองดูยาลมปราณที่เหมือนก้อนเพรชตรงหน้าของเขาแล้วคิด
สิ่งที่ขาดไปนั้นไม่ใช่พลังงานลมปราณแน่ๆ เพราะตอนนี้วิญญาณชีวิตยาลมปราณนั้นยังเป็นขั้นแรกอยู่เลย และมันก็ดูดซับลมปราณระดับเร้นลับไปเยอะมากแล้วด้วย เพราะงั้น ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณปรกติแล้วมันก็น่าจะเกินกว่าขั้นเริ่มต้นมาตั้งนานแล้ว
“ถ้าไม่ขาดพลังงานแล้วทำไมยาลมปราณถึงยังไม่พัฒนาอีกละ”โจวเหวินคิด แต่ก็ยังคิดไม่ออก แต่ตอนที่เขากำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เฟิงชิวเยี่ยนส่งข้อความมา ปรกติแล้วเฟิงชิวเยี่ยนเป็นคนที่พูดน้อยอยู่แล้วทำให้คนส่วนมากไม่ค่อยเข้าใจที่เขาจะสื่อเท่าไร
“โค้ชครับ ขอบคุณที่ช่วยสอนนะครับ ตอนนี้ผมก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเองแล้ว วิชาดาบผมพัฒนาไปอีกขั้นแล้วครับ ถ้าโค้ชมีเวลาช่วยมาดูวิชาดาบของผมหน่อยจะได้ไหมครับ”
โจวเหวินรู้ดีว่าวิชาดาบของเฟิงชิวเยี่ยนนั้นมันพัฒนาไปเร็วมากอยู่แล้ว แต่เขาก็ชินแล้ว เลยตอบกลับไป “ฉันคงยังไม่กลับมหาลัยอีกซักพักใหญ่ๆเลย ถ้าเกิดถึงเวลาแล้วเดี๋ยวฉันจะกลับไปหานะ”
“ผมรอไม่ได้แล้วครับโค้ช โค้ชอยู่ที่ไหนครับ เดี๋ยวผมไปหา”เฟิงชิวเยี่ยนตอบ
โจวเหวินส่งเส้นทางของเขาให้เฟิงชิวเยี่ยน ยังไงระหว่างทางเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วการได้เจอคนรู้จักนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน โจวเหวินเลยเก็บยาลมปราณลงไป ก่อนจะฟาร์มเกมส์ต่อที่หลูไท่ การพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจกนั้นเป็นไปได้ด้วยดีมากๆ ด้วยความเร็วแบบนี้อีกไม่กี่วันมันคงพัฒนาเป็นขั้นพัฒนาแน่ๆ
โจวเหวินเล่นเกมส์ไปเรื่อยๆแต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ว่ารอยสักของเขามันสั่น แล้วสัตว์อสูรของเขาก็ออกมาด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องรอให้เขาอัญเชิญ
“ธิดาปีศาจเหรอ เกิดอะไรขึ้น”โจวเหวินถามธิดาปีศาจที่มองตรงไปยังทะเลสาบข้างทางเหมือนกับจะขออะไรบางอย่าง
“อาหาร”ธิดาปีศาจตอบ แล้วมองไปทางทะเลสาบ
โจวเหวินไม่รู้ว่าอาหารที่ธิดาปีศาจหมายถึงนั้นคืออะไรกันแน่ เพราะว่าอาหารของธิดาปีศาจนั้นมันแปลกประหลาดมากๆ ขนาดที่ว่ามีผู้พิทักษ์ให้กินทั้งตัวยังไม่กินเลย จะกินแต่ผลไม้แห่งความเยาววัยอย่างเดียว
ทะเลสาบข้างทางนั้นไม่ได้ใหญ่มาก การได้ยินของสดับวานรสามารถฟังได้อย่างครอบคลุมแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรที่แปลกประหลาดออกไปเลย
ทะเลสาบแห่งนี้ดูเป็นทะเลสาบธรรมดาๆที่ไม่มีอะไรเลย มีปลากุ้งปูปรกติไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติหรือพื้นที่ต่างมิติอยู่แถวนี้เลยแม้แต่น้อย
โจวเหวินมองแผนที่ในมือถือแล้วพบว่าจริงๆแล้วในแผนที่มันไม่มีทะเลสาบอยู่ตรงนี้
“แล้วอาหารอยู่ไหนละ”โจวเหวินถามธิดาปีศาจ
ธิดาปีศาจชี้นิ้วออกไปกลางทะเลสาบ โจวเหวินมองตามนิ้วไปที่ทะเลสาบพยายามหลี่ตามองดูว่าตรงนั้นมันมีอะไรกันแน่ ตรงกลางของทะเลสาบนั้น มีไม้ไผ่แท่งนึงตั้งตระหง่านกลางทะเลสาบ บนไม้ไผ่นั้นมีอะไรบางอย่างที่คล้ายๆหุ่นไล่กาอยู่ด้ววย
“อาหารที่ว่านี้มันหุ่นไล่กาเหรอ” โจวเหวินถามแล้วชี้ไปที่หุ่นไล่กา
ธิดาปีศาจพยักหน้า ตายังคงมองไปที่หุ่นไล่กาอยู่
เพราะว่าตอนนี้ผลไม้แห่งความเยาววัยที่โจวเหวินเคยเก็บมาได้โดนกินไปหมดแล้ว หลายๆวันที่ผ่านมานี้ ธิดาปีศาจยังไม่กินอะไรเลย เลยอาจจะเดาๆได้ว่าเธอก็แอบหิวเหมือนกัน
“ฉันจะไปเอามาให้นะ”โจวเหวินพูด
“อันตราย”ธิดาปีศาจส่ายหัวจริงจัง
ปรกติแล้วธิดาปีศาจจะไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไร แต่ถ้าเธอพูดคำว่าอันตราย โจวเหวินเลยต้องผงะแล้วตั้งใจดูที่หุ่นไล่กาอีกครั้ง
หุ่นไล่กานั้นดูไม่มีอะไรผิดปรกติเลย มันเป็นหุ่นไล่กาที่ทำมาจากกองฟางล้วนๆ โจวเหวินใช้สดับวานรฟังเครื่องในของมันแล้ว มันก็มีแต่ฟางกับฟาง
นอกจากตัวของมันที่เป็นฟางแล้ว ก็ยังมีเสื้อผ้าขาดๆกับหมวกฟางอีกด้วย ซึ่งก็ดูไม่มีอะไรพิเศษเลยแม้แต่น้อย หุ่นไล่กาตัวนี้เหมือนกับว่าตั้งอยู่ที่นี้มาตั้งนานแล้ว ทำหน้าที่คอยไล่นกน้ำที่จะมาโฉบปลากินในทะเลสาบ
พอมองดูดีๆแล้ว เสื้อผ้ากับหมวกฟางนั้นตอนนี้เริ่มเน่าเปื่อยแล้ว ร่างกายของมันก็อับชื้นเหมือนกับราขึ้น ดูเป็นหุ่นไล่กาเก่าๆที่ทิ้งไว้นานมากๆ
แต่ทันใดนั้นธิดาปีศาจก็กัดปาก มองจ้องเขม็งไปที่หุ่นไล่กา ก่อนจะกระโดดกลับขึ้นหลังของวัวต้าเหว่ยแล้วพูด “หนี”
โจวเหวินตกใจแล้วหันกลับไปมาหุ่นไล่กาอีกครั้ง มันยังคงยืนนิ่งเหมือนหุ่นไล่กาที่ไม่มีชีวิต ไม่เห็นมีอะไรที่น่ากลัวแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็เชื่อในการตัดสินใจของธิดาปีศาจ เขาเลยกระโดดขึ้นหลังวัวยักฆ์ต้าเหว่ยแล้ววิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นทันที หลังจากที่ผ่านทะเลสาบไปได้ซักพักแล้ว ธิดาปีศาจก็ยังมองดูไปที่ทะเลสาบนั้นเหมือนกับจะคิดอะไรบางอย่าง
“มันคืออะไรหน่ะ”โจวเหวินอยากจะรู้ให้ได้ว่าหุ่นไล่กานั้นมันคืออะไรกันแน่
“อาหาร” ธิดาปีศาจตอบมาแค่นี้
โจวเหวินจำเส้นทางเอาไว้ เพื่อไม่ให้บังเอิญเส้นทางนี้อีก ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ถ้าธิดาปีศาจเห็นว่าต้องหนีแบบนั้น โจวเหวินก็ไม่คิดจะทำเป็นเรื่องเล่นๆเหมือนกัน
หลังจากที่เดินทางต่อไปได้อีกซักพักใหญ่ๆ เขาก็เห็นนกสีฟ้าขนาดใหญ่บินด้วยความเร็วสูงบนอากาศ หลังจากนั้นมันก็บินวนรอบๆโจวเหวินหลายครั้ง ก่อนจะลงจอดตรงหน้าของโจวเหวิน และคนที่ลงมาจากหลังของนกตัวนั้น ก็คือเฟิงชิวเยี่ยนนั้นเอง
“ไม่สายเลยจริงๆ”โจวเหวินหัวเราะ
เฟิงชิวเยี่ยนพูดด้วยความจริงใจ “หลังจากที่ผมเอาก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเองไปได้ ผมก็พัฒนาฝีมือดาบขึ้นแล้วครับ ผมอยากได้ให้โค้ชช่วยดูให้หน่อย ผมเลยรีบมาที่นี้เลยครับ”
“ถ้างั้นขอฉันดูหน่อยละกันว่าวิชาดาบของนายไปถึงไหนแล้ว โจวเหววินวางหยาเอ๋อลงบนหลังของวัวยักฆ์ก่อนจะกระโดดลงมาบนหญ้าข้างๆเขา
เฟิงชิวเยี่ยนไม่เสียเวลาอัญเชิญวิญญาณชีวิตของตัวเองออกมา ถือไว้ในมือในท่าพร้อมเตรียมโจมตี
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นายบอกว่านายก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเองได้แล้ว แล้วนายคิดว่าอะไรเป็นจุดอ่อนของนายละ”โจวเหวินพูดกับเฟิงชิวเยี่ยนก่อนที่จะเริ่มโจมตี
เฟิงชิวเยี่ยนตอบ “ผมคิดมาตั้งนานแล้วครับ ว่าถึงแม้ว่าวิชาดาบของผมจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ปัญหาทั้งหลายเหล่านั้นมันแก้ไขได้ด้วยการฝึกอย่างตั้งใจ มันเรียกว่าเป็นข้อบกพร่องมากกว่าจุดอ่อนครับ เพราะงั้นสิ่งที่ผมเรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนจึงมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั้นก็คือความสัญโดษครับ”
“ความสัญโดษงั้นเหรอ”โจวเหวินไม่เข้าใจที่เฟิงชิวเยี่ยนจะสื่อ
“ใช่คววามความสัญโดษ เพราะว่าวิชาดาบของผมนั้นมันคือการต่อสู้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าเกิดโดนลุมจากคนที่เก่งเท่าๆกันละก็ ผมก็แพ้ได้ง่ายๆเพราะเรื่องขีดจำกัดทางร่างกายกับการโดนโจมตีจากรอบทิศทาง”เฟิงชิวเยี่ยนพูด
โจวเหวินพูด “นั้นมันนับว่าเป็นจุดอ่อนด้วยเหรอ ถ้านั้นเป็นจุดอ่อนจริงคนทุกคนบนโลกก็ต้องมีจุดอ่อนนี้ซิ”
“แล้วนายก้าวข้ามจุดอ่อนนั้นไปได้ยังไงกันละ”โจวเหวินเองก็เริ่มสงสัยแล้วเหมือนกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น