I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 898-910
ตอนที่ 898
ลูกทองแดง
“เรื่องนี้เราสะดวกจะเข้าไปแทรกแซงแน่เหรอ”ชูไอขมวดคิ้ว
“เอาจริงๆทางตระกูลฝั่งนั้นได้เตรียมหาคนมาจัดการเรื่องนี้แล้ว แต่เจ้าสิ่งมีชีวิตที่หลุดจองจำออกมา คุณหญิงสามารถจัดการเองได้เลยค่ะ คนอื่นไม่น่าจะไหวกัน”บอดี้การ์ดพูด
“ในเมื่ออยู่ที่นี้ต่อไปก็ไม่ได้อะไร แถมฉันเองก็คงอยู่ในตระกูลอันนานๆมากไม่ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะลองดูละกัน”ชูไอคิดก่อนจะพูด
…
โจวเหวินไปที่ภูเขาฉีซือพร้อมๆกับหยาเอ๋อ แต่เขาไม่ได้ไปที่ค่ายทหารเขาเดินอ้อมเข้าไปในภูเขาฉีซือเพื่อตรงไปที่บริเวณยอดเขาทันที
“ไม่รู้ว่าจะล่อมันมาได้ไหมนะ”โจวเหวินเอาเตาปรุงยา กับยาแดงออกมา ก่อนจะจุดไฟแล้ววางบนพื้น
จากนั้นเขาก็หยิบเอาลูกบอลทองแดงออกมาแล้วฉีดลมปราณเข้าไป
หลังจากที่ลูกบอลนั้นซึมซับลมปราณลงไปแล้ว มันก็เรืองแสงขึ้นมาเรื่อยๆเหมือนกับเหล็กเผาไฟร้อนๆ
ลูกบอลทองแดงนั้นเหมือนกับว่ามีธาตุไฟในตัวเองอยู่แล้ว ตราบใดที่ฉีดลมปราณเข้าไป ลูกบอลนั้นก็จะสร้างความร้อนขึ้นมา แต่นอกจากสร้างความร้อนแล้วมันก็ไม่มีความสามารถอะไรพิเศษอีก
โจวเหวินลองมาหลายรอบแล้วก่อนหน้านี้ และมันก็ทำให้ชายแก่นักเล่นแร่แปรธาตุนั้นตามหาเขาเจอ บางทีมันก็อาจจะเป็นไปได้ที่เรื่องทั้งหมดมันจะเกี่ยวข้องกับลูกบอลทองแดงนี้ ดูเหมือนว่าการฉีดลมปราณเข้าไปในลูกบอลจะทำให้ชายแก่จับตำแหน่งของเขาได้
โจวเหวินนั่งลงกับพื้นแล้วฉีดลมปราณเข้าไปในลูกบอลนั้นเรื่อยๆทำให้มันเผาไหม้ไปเรื่อยๆ
การที่ลมปราณจะหมดนั้นไม่ใช่ปัญหาของโจวเหวิน เพราะยังไงเขาก็มีลมปราณไร้ขีดจำกัดจากวิญญาณชีวิตฆาตกรอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าชายแก่นั้นจะโดนล่อมาไหมหรือจะมาไม้ไหน แต่โจวเหวินก็เตรียมพร้อมที่จะหนีตลอดเวลา โจวเหวินมีทั้งอสูรปฐพีและผ้าคลุมล่องหนอยู่ตลอดเวลา มีสดับวานรคอยฟังเสียง มีมารระเบิดวางกับดับไว้รอบๆพื้นที่ไว้แล้ว
นอกจากนี้โจวเหวินยังแฝงแมลงเอาไว้ในบางพื้นที่รอบๆอีกด้วย
โจวเหวินฟาร์มหนอนแมลงมาได้จากเกมส์ภูเขาไร้หวนกลับมาเยอะมาก ทำให้ตอนนี้เขาได้ใช้ประโยชน์จากมัน แม้แต่ในแม่น้ำของภูเขาฉีซือโจวเหวินยังให้ลูกอ๊อดระเบิดให้ไปแอบอยู่ในน้ำด้วย
ถึงแม้ว่ามันจะฆ่าชายแก่นั้นไม่ได้แต่ขอแค่ยื้อเขาไว้หรือไม่ก็เจอตัวเขาก่อนหน้ามันก็เพียงพอ
“หื้ม นั้นมันอะไรหน่ะ”ทันใดนั้นเอง โจวเหวินก็สังเกตเห็นความผิดปรกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับลูกทองแดง
อาจจะเป็นเพราะการอัดลมปราณและการเผาไหม้ที่นานจนตอนนี้ทั้งลูกกลายเป็นสีเหลืองทอง และภายในสีเหลืองทองนั้นมีอะไรบางอย่างสีม่วงกำลังไหลอยู่ภายในนั้น
แสงสีม่วงทที่ไหลอยู่ในนั้นเหมือนกับควัน ไหลไปมาภายในลูกทองแดงอย่างต่อเนื่อง
โจวเหวินมองมันไปได้ซักพักแล้วรู้สึกได้ว่าสีม่วงที่ว่านั้นมันประหลาดมาก มันดูเหมือนกับว่ามีชีวิต ทุกๆที่ที่มันเคลื่อนที่ผ่าน ลมปราณส่วนนั้นจะหายไป ทำให้ลูกทองแดงที่เผาไหม้เป็นสีเหลืองทองนั้นเย็นลงมาก
โจวเหวินพยายามจะอัดลมปราณเข้าไปอีกแต่ผลก็เป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าจะอัดลมปราณเข้าไปมากแค่ไหน แต่แสงสีม่วงภายในนั้นก็ดูดซับได้หมดทำให้อุณหภูมิของลูกนั้นไม่สูงไม่ต่ำจนเกินไป
“หรือว่าแสงสีม่วงข้างในนี้มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติกัน …หรือทั้งลูกบอลนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติ”โจวเหวินก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ เขายังคงสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ที่เขาเห็นมีแค่แสงสีม่วงที่ไหลเวียนอยู่รอบๆลูกบอลทองแดง มันดูสงบเสงี่ยมมาก ไม่ได้พยายามแหกออกมา
“ไอ้นี้มันมีไว้ใช้ทำอะไรแน่เนี่ย หรือว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของเตาทองแดงนั้น”โจวเหวินงง ตอนแรกเขาอยากจะถามหลิวหยุนว่ามันคืออะไรกันแต่ แต่โชคร้ายที่ตอนนี้หลิวหยุนไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว
“หลิวหยุนบอกมาว่าลูกบอลนั้นมันมี2ลูก ถ้าเขาหามันเจอ บางทีอาจจะรู้ก็ได้ว่ามันใช้ทำอะไรได้”โจวเหวินยังคงสังเกตการณ์ต่อไป แต่มันก็ไมได้มีปฏิกิริยา ต่างอะไรออกไป เขาเลยเลิกสนใจไป
ลมปราณที่ไหลเวียนอยู่นั้นมันวนไปวนมาเหมือนเดิม โจวเหวินเลยให้สดับวานรตั้งใจฟังเสียงสิ่งรอบข้างแล้วให้อสูรปฐพีเตรียมตัวขุดดินหนีเอาไว้ตลอดเวลา
จากนั้นโจวเหวินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาฟาร์มเกมส์ตามปรกติ
ส่วนหยาเอ๋อนั้นกำลังเรียนรู้ภาษามนุษย์จากโทรศัพท์ที่โจวเหวินซื้อให้เธออยู่
“ A E I O U” หยาเอ๋อพยายามอ่านตามที่โทรศัพท์พูดเบาๆอย่างตั้งใจและจริงจังมาก
หลังจากผ่านไป2วันเต็มๆก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่โจวเหวินกำลังจะคิดว่าลูกบอลทองแดงนี้มันไร้ประโยชน์นั้นเอง จู่ๆเขาก็รู้สึกแปลกๆแล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปรกติ
โจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อขึ้นมาโดยไม่ลังเลแล้วกระโดนขึ้นฟ้าทันที
เกือบจะทันทีที่ขาของโจวเหวินหลุดออกจากพื้นนั้นเอง เขาก็เห็นร่างของอสูรปฐพีโดนสายฟ้าฟาดอย่างแรงจนมันกระเด้งกันพื้น
ด้านใต้ตัวของอสูรปฐพีนั้น คือชายแก่นักเล่นแร่แปรธาตุที่ทะลุขึ้นมาจากดินแล้วมองโจวเหวินฟ้าอย่างอาฆาตแค้น
โจวเหวินรีบเก็บอสูรปฐพีกลับมาทันที ก่อนจะใช้อารยสูญหายที่นิ้ว พุ่งตรงไปที่ภูเขาฉีซือที่อยู่ไม่ไกลทันที
โจวเหวินไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือมันเกิดขึ้นได้ยังไง ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว เขาออกมาจากการวาปได้แล้วเขาก็มาถึงที่บริเวณแม่น้ำภูเขาฉีซือพอดี
ชายแก่นั้นไม่สนใจเตาหรือยาที่อยู่ที่พื้นเลย ร่างของเขาวาปตามโจวเหวินมาทันทีเหมือนกับจะเล่นงานโจวเหวินให้ได้
โจวเหวินคิด ไม่ว่าเขาจะมีวิชามุดดินแทรกไม้ยังไง แต่ชายแก่คนนั้นก็คงไม่มีทางไล่จับเขาจากแม่น้ำเลือดได้ เขาเลยบินเหนือแม่น้ำไปที่ภูเขาฉีซือ
แต่ใครมันจะไปคิดว่าทันใดนั้น จู่ๆ กระแสน้ำก็ปรากฏรวมกันเป็นร่างของชายแก่ตามมาเล่นงานโจวเหวิน
“อะไรวะ กายาวารีเหรอ เป็นไปไม่ได้ คนบ้าอะไรมันจะสำเร็จวิชา5ธาตุได้เลยวะ” สิ่งที่โจวเหวินไม่ชอบที่สุดเลยคือการเจอกับคนที่ไม่ว่าจะหนียังไงไปทางไหนก็หนีไม่พ้น หรืออะไรก็ตามแต่ที่มีความสามารถในการวาปได้
ก่อนหน้านี้โจวเหวินก็ไปเจอกับยาติที่สามารถวาปสลับร่างไปมาได้ แต่ชายแก่คนนี้มันโหดกว่ายาติมากนี้ซิ
โชคยังดีที่ชายแก่คนนี้อย่างน้อยก็ยังไม่แกร่งพอที่จะหยุดการวาป โจวเหวินเลยวาป6รอบรวดจนกระทั้งเขาไปถึงกำแพงภูเขาใกล้ๆกับภูเขาฉีซือ ซึ่งเขาสามารถมองเห็นดอกไม้จักรพรรดินีเติบโตบนนั้นอย่างงดงาม
“จักรพรรดินี ช่วยฉันด้วย!”โจวเหวินขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าจักรพรรดินี เขาลองขอความช่วยเหลือดูก่อน ถ้าเธอไม่ยอมช่วย โจวเหวินค่อยบุกเข้าไปในหลูไท่ก้ได้
แต่ดอกไม้นั้นยังคงไม่ตอบสนอง จนกระทั้งชายแก่ตามมาอย่างไวทำให้โจวเหวินจำใจต้องวาปอีกรอบ
รอบนี้พอวาปออกโจวเหวินก็มาถึงกำแพงหินพอดี แต่ดอกไม้นั้นยังคงไม่ตอบสนอง โจวเหวินเลยอัญเชิญอสูรปฐพีออกมาเพื่อเตรียมข้ามไปยังหลูไท่ ลากชายแก่คนนี้ไปหาจิ้งจอก9หาง
ชายแก่เองตอนแรกก็กลัวๆภูเขาฉีซือเหมือนกันแต่พอผ่านไปซักพัก พอเห็นว่าไม่มีอะไรเขาจึงไล่ตามต่อ
ในตอนนั้นเองที่ดอกไม้บนยอดกำแพงก็กรีบดอกหลุดใบ1กรีบ
ทันทีที่กรีบดอกร่วงโรย ชายแก่ที่ไล่ตามโจวเหวินอยู่ก็หยุดกึกทันที เหมือนกับม้าศึกที่ควบความเร็วเต็มที่แต่กลับโดนตรึงไว้อยู่กับที่ในครั้งเดียว
“บ้าเอ้ย! เจ้าเป็นเทพตนใดกัน ข้าคือราชาหยิน จากตระกูลเทพ ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกิน”ชายแก่คนนั้นมองขึ้นไปยังดอกไม้แล้วตกตะลึง
“คนอย่างแกเรียกตัวเองว่าเป็นคนของตระกูลเทพได้ด้วยเหรอ เป็นแค่เศษเดนสวะชั้นต่ำแท้ๆ”จักรพรรดินีพูดออกมาเสียงก้องมาจากดอกไม้
ตอนที่ 899
หนี้บุญคุณ
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าเองก็มิกล้าบังอาจ ..ข้าขอลา….”ชายแก่ที่อ้างตัวเองเป็นราชาหยินฟูนั้นเตรียมจะถอยแล้ว เขาค่อยๆขยับร่างของเขาช้าๆหวังจะใช้วิชามุดดินหนีแต่เขาก็พบว่าไม่ว่าเขาจะใช้วิชาอะไรหนีก็หนีไม่ได้ทั้งนั้น
“ถ้ากล้าขยับอีกก้าวเดียว เจ้าจะต้องตัดแขนของตัวเองนะ”จักรพรรดินีพูด
ราชาหยินฟูหน้าเปลี่ยนสี เขาไม่กล้าขยับอีก เขายืนพูด “ข้าไม่ได้มีความแค้นหรือความบาดหมางใจอะไรกับท่าน และข้าก็…”
“นี้เจ้าคู่ควรกับการมาพูดถึงเรื่องความแค้นกับข้าแล้วยังงั้นเหรอ”จักรพรรดินีพูด “อย่ามาปากดีไปหน่อยเลย แม้แต่หวงตี้ที่เป็นผู้ทำสัญญาคนแรกยังไม่กล้าเรียกตัวเองเป็นเทพเลย แล้วเจ้าเป็นใครกันถึงได้กล้าดีมาพูดสามหาวกับข้าแบบนี้”
ราชาหยินฟูเริ่มเกิดอาการหวาดกลัว ก่อนจะโค้งเคารพแล้วพูด “ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ โปรดให้อภัยในความโง่เขลาของข้าผู้นี้ด้วย…”
จักรพรรดินีพูดต่อ “ถึงเจ้าจะฝึกวิชามาหรือรวมร่างกับผู้พิทักษ์ได้แล้วก็เถอะ แต่ถ้าหวงตี้มีลูกศิษย์เช่นเจ้าจริงๆละก็ มันก็ช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆเลย ใครก็ตามที่กล้ามาบุกรุกดินแดนของข้านั้น ไม่ว่าจะบนสวรรค์หรือบนโลก แม้แต่ในนรกก็ไม่มีที่ให้กับคนแบบนั้นหรอกนะ”
ทันใดนั้นเอง ราชาหยินฟูก็กัดฟัน ฟันแขนของตัวเองข้างซ้ายจนขาดสะบั้นก่อนจะทำความเคารพแล้วชิ่งหนีจากไปทันที
โจวเหวินมองอย่างงงๆ ตอนแรกเขาตั้งใจจะให้จักรพรรดินีกับราชาหยินฟูนั้นสู้กันเองจนเละเทะแต่เขาไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ราชาหยินฟูนั้นเป็นถึงระดับความกลัวแล้ว แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะสู้กับจักรพรรดินีแล้วก็ต้องยอมตัดแขนตัวเองเพื่อแลกกับทางหนีออกมา
“นี้นายคิดจะล่อหมอนั้นมาสู้กับฉันเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บแล้วนายก็จะได้เก็บตกได้ง่ายๆซินะ”ดอกไม้หันกลับมาหาโจวเหวินแล้วพูดเหมือนรู้ทัน
โจวเหวินสะดุ้งโหยงทันทีแล้วรีบพูด “ข…เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว เข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ ฉันเองก็โดนหมอนั้นไล่ตามมาเหมือนกัน ฉันเลยไม่มีทางเลือกเหมือนกันต้องมาอาศัยบารมีของท่านจักรพรรดินี ต้องขอบคุณจริงๆที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ไว้จะตอบแทนคืนให้ในภายหลังนะ เดี๋ยวฉันขอกลับไปเตรียมอุปกรณ์อะไรให้….”
“ถ้ากล้าขยับแม้แต่ก้าวเดียวก็ลองเลยซิ”จักรพรรดินีพูด “คิดจริงๆเหรอว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดจะทำอะไรน่ะ”
โจวเหวินหยุดนิ่งแล้วมองจักรพรรดินี “อะแฮ่ม ฉันแค่อยากจะให้บารมีของท่านช่วยไล่เขาไปให้หน่อยเท่านั้นเอง ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะกล้ามาที่นี้จริงๆ …จะว่าไปแล้ว ท่านจักรพรรดินี มีเรื่องอะไรเหรอที่อยากจะให้มาที่นี้หน่ะ”
“นายให้สัตว์อสูรตัวไหนกินผลไม้เทพไป”จักรพรรดินีถาม
โจวเหวินอัญเชิญแพทย์ปีศาจออกมาแล้วพูด “ฉันให้เจ้านี้กินละ ถ้าเกิดฉันรู้ว่าท่านอยากได้ ฉันคงให้ท่านไปแล้ว”
“มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้วละ”จักรพรรดินีมองแพทย์ปีศาจก่อนจะพูด “วันนี้ฉันช่วยชีวิตนาย แล้วขับไล่ศัตรูของนายไป จะตอบแทนฉันยังไงละ”
“ก็ถ้ามันเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ ฉันก็พร้อมทำทันทีเลย”โจวเหวินตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรแล้ว
“ถ้างั้นใช้สัตว์อสูรของนายช่วยอะไรฉันอย่างซิ แต่ฉันไม่ได้ให้นายช่วยฟรีๆด้วยนะ นายอยากได้เลือดฉันใช่ไหมละ ถ้านายตกลง ฉันก็จะให้เลือดกับนาย”จักรพรรดินีพูด
“มันอันตรายไหมอะ”โจวเหวินถามอย่างระแวง
“จะบอกว่ายากก็ยาก จะบอกว่าไม่ยากก็ไม่ยาก จะบอกว่ามันไม่ยากสำหรับสัตว์อสูรนาย แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะควบคุมมัน และมันก็ไม่ได้ยากที่จะทำสำเร็จ”จักรพรรดินีตอบมาให้งง
“ขอรู้ได้ไหมว่าจะให้ฉันทำอะไรหน่ะ”โจวเหวินถาม
“ฉันอยากจะให้นายขโมยของอย่างนึงมาจากต่างมิติหน่อย”จักรพรรดินีพูด
“ขโมยของเหรอ ฉันมีรุ่นพี่คนนึงที่เก่งเรื่องขโมยของมากๆเลยนะ เขามมีวิชาขโมยดวงดาวที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจสู้ได้ เป็นมือขโมยอันดับ1ของโลกเลย ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันแนะนำเขาให้รู้จักนะ”โจวเหวินพยายามโบ้ย
จักรพรรดินียิ้ม “ของสิ่งนั้นต้องให้สัตว์อสูรที่กินผลไม้เทพเข้าไปเท่านั้นเป็นตัวขโมย”
“มันคืออะไรละ”โจวเหวินถาม
“ถ้าฉันบอกนายต้องไปนะ”จักรพรรดินีพูด
“ต้องไปตอนนี้เลยรึเปล่าละ”โจวเหวินถาม
“ไม่ซักหน่อย”จักรพรรดินีพูด
“ถ้างั้นบอกมาได้เลยว่าจะให้แพทย์ปีศาจของฉันไปขโมยอะไร”โจวเหวินมองดอกไม้แล้วถาม
“ฉันอยากจะให้นายไปขโมยกระดิ่งมาให้หน่อย” จักรพรรดินีคิดแล้วพูด
“กระดิ่งอะไรอะ แล้วพื้นที่ต่างมิติไหน”โจวเหวินถามต่อ
“มันเป็นกระดิ่งขนาดเท่ากำปั้น ทำมาจากสัมฤทธิ์ รูปร่างคล้ายกระดิ่งหรือระฆัง สลักไว้ด้วยตัวอักษรโบราณ ถ้าเห็นแล้วจะรู้เอง แล้วก็ ฉันไม่ได้บอกนะว่ามันอยู่ในพื้นที่ต่างมิติ แต่ฉันบอกว่ามันอยู่ใน ต่างมิติ ถ้ามันอยู่ในพื้นที่ต่างมิติจริงฉันก็คงไม่ต้องการสัตว์อสูรที่กินผลไม้เทพเข้าไปแล้วละ”
“จำเป็นต้องใช้ผลไม้เทพจริงๆเหรอ”โจวเหวินเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“ไปไม่ไกลหรอก”จักรพรรดินีพยักหน้า
“แล้วฉันจะไปยังไงละ”โจวเหวินพูด
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเป็นคนให้นายไปเอง เพราะงั้น ฉันมีทางที่จะส่งนายไปได้อย่างปลอดภัยอยู่แล้ว ที่นายต้องทำก็แค่ทำตามแผนแล้วขโมยกระดิ่งออกมาเท่านั้นเอง”จักรพรรดินีพูด
โจวเหวินกัดฟันแล้วพูด “จะลองดูก็ได้ แต่ฉันต้องขอเวลาเตรียมตัวก่อนนะ แล้วฉันก็อยากได้เลือดนั้นก่อนด้วย”
“ได้ซิ สาบานกับฉันก่อนซิ แล้วฉันจะให้เลย”จักรพรรดินีพูด
โจวเหวินรู้ดีว่าถ้าเกิดเขาสาบานไปแล้ว เขาจะไม่สามารถหลุดจากสัญญาได้ง่ายๆแน่ๆ บางทีมันอาจจะมีเงื่อนไขต่างๆที่ซับซ้อนแน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอสาบาน ถ้าฉันเอากระดิ่งกลับมาไม่ได้ ขอให้สติสัมปัชชัญญะของฉันมีอันเป็นไป”โจวเหวินยกมือขึ้นแล้วสาบายต่อหน้าดอกไม้
ตู้ม!!
ทันทีที่สาบานจบ ฟ้าก็ผ่าลงมาตรงหน้าของโจวเหวินทันที
เดิมทีโจวเหวินคิดแล้วคิดอีกว่าคำสาบานของเขานั้น ยังไงก็ไม่มีทางกำกวมได้ แต่ใครมันจะไปคิดละว่าจักรพรรดินีเองก็ไม่ให้โจวเหวินกลับคำหรือสาบานใหม่ได้เหมือนกัน “สติซินะ บางครั้งสติเนี่ยละที่สำคัญที่สุด”
และในตอนนั้นเองที่บริเวณเกสร จู่ๆก็มีผลึกบางอย่างร่วงหล่นลงมาจากดอกไม้ ก่อนจะตรงมาหาโจวเหวินแล้วหยุดลงตรงหน้าโจวเหวิน
“นี้คือเลือดที่นายต้องการ ฉันให้เวลานายเตรียมตัว1เดือน หลังจากนั้น จงกลับมาที่นี้เพื่อฟังแผนการ”จักรพรรดินีพูด
“หรือว่าตัวจริงของจักรพรรดินีจะเป็นดอกไม้นั้นจริงๆกันนะ”โจวเหวินมองดอกไม้และเลือดที่อยู่ตรงหน้า
ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปแตะเลือดนั้นพร้อมกับเปิดใช้วิชาเลือดอสูร ตอนนั้นเอง เลือดนั้นก็ถูกซึมซับเข้าร่างกายของโจวเหวินอย่างรวดเร็วเหมือนซึมเข้าฟองน้ำและวิชาเลือดอสูรก็เริ่มทำงานทันที
“ได้จริงๆด้วย”โจวเหวินตกใจและดีใจไปพร้อมๆกัน
ตอนที่ 900
เนตรกระจก
ตอนที่เลือดถูกดูดซึมเข้าไปนั้นเอง วิชาลมปราณเลือดอสูรก็เริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง วิญญาณชีวิตของวิชาเลือดอสูรเองก็เริ่มก่อตัวขึ้นเช่นกัน
วิญญาณชีวิตนั้นค่อยๆก่อตัวขึ้นมา แต่มันไม่ได้เป็นวิญญาณชีวิตที่ปรากฏมาเป็นตัวเป็นตน แต่มันผสานเข้ากับดวงตาของโจวเหวิน ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มใสกลายเป็นเหมือนแก้วผลึก
แต่มันไม่ใช่แค่ใสอย่างเดียวมันกลับสะท้อนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาในดวงตาเหมือนกับดวงตากระจกของมังกรเทียน
ตอนที่ดวงตาของโจวเหวินกลายเป็นกระจกอย่างเต็มรูปแบบวิญญาณชีวิตก็ได้ก่อตัวเสร็จสมบูรณ์โจวเหวินกระพริบตา1รอบแล้วตาของเขาก็กลับมาเป็นปรกติ
“เป็นไปได้รึเปล่าที่วิชาเลือดอสูรมันจะมีความสามารถแบบเดียวกับมังกรเทียนน่ะ”โจวเหวินเริ่มคิดในใจ แต่เขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปดูในโทรศัพท์ตอนนี้
เพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้เป้าหมายของโจวเหวินก็สำเร็จแล้ว วิญญาณชีวิตของวิชาเลือดอสูรพัฒนาสมบูรณ์แล้ว ซึ่งโจวเหวินค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องเป็นวิญญาณชีวิตที่เสริมค่าร่างกายแน่นอนและมันจะไม่ซ้ำกับวิชาลมปราณอื่นแน่ๆ
“ถ้างั้น ท่านจักรพรรดินี เดี๋ยวฉันจะกลับมาใหม่ในอีก1เดือนข้างหน้านะ”โจวเหวินออกจากภูเขาฉีซือไปพร้อมกับหยาเอ๋อแต่ก็ยังคิด “ร่างจริงของจักรพรรดินีจริงๆแล้วคือจิ้งจอก9หางเหรอ ทำไมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลยละ”
หลังจากกลับมาที่มหาลัยแล้ว โจวเหวินก็เปิดโทรศัพท์ออกมาดูข้อมูลของวิญญาณชีวิตใหม่
วิญญาณชีวิต เนตรกระจก (ขั้นเริ่มต้น)
“วิญญาณชีวิตของจุลปรัญชาเองก็เสริมร่างกายเหมือนกัน แถมรูปแบบของมันยังมาเป็นรูปแบบดวงตาด้วย แต่มันเป็นตาที่3ที่โผล่ขึ้นมากลางหน้าผาก แต่ดวงตากระจกมันแทนที่ดวงตาของฉันจริงๆเลย ไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้”โจวเหวินเปิดเกมส์ออกมาแล้วคิด เขาอยากจะไปลองดูในเกมส์ว่ามันจะใช้ได้เหมือนกับที่มังกรเทียนใช้รึเปล่า
แต่แล้วโจวเหวินก็ต้องผิดหวัง เพราะเขามองไปที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติด้วยเนตรกระจกก็แล้ว แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่ได้มีความสามารถแบบเดียวกับดวงตากระจกของมังกรเทียนแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่เป็นดวงตากระจกเลย แม้แต่แสงอย่างอื่นที่เข้าตามา โจวเหวินยังไม่รู้สึกถึงความต่างเลยด้วยซ้ำว่ามันต่างจากตาธรรมดายังไง
ไม่มีทั้งความสามารถในการมองไกล ไม่มีความสามารถในการฆ่า สาปก็ไม่ได้ มนต์สะกดก็ไม่มี โจวเหวินลองทุกอย่างเท่าที่ตัวเองนึกออกแล้วแต่ผลปรากฏมันก็ออกมาชัดเจนว่าไม่ได้อะไรซักอย่าง
“แล้ววิญญาณชีวิตนี้มันใช้ทำอะไรได้กันละ หรือว่ามันจะใช้สะท้อนอะไรบางอย่างได้งั้นเหรอ”โจวเหวินลองไปหาเมดูซ่าที่วิหารอาคมสาป
โจวเหวินไม่ได้รีบเข้าไปฆ่าเมดูซ่าแต่ เขาจ้องมองเมดูซ่าด้วยเนตรกระจกของเขา
เมดูซ่าร่างสาวงามใช้สกิลดวงตาหลงใหลทันที ทันทีที่สบตาเข้าซึ่งกันและกัน ตัวของโจวเหวินที่ควรจะกลายเป็นหิน กลับไม่เป็นหิน แต่กลับกัน คนที่กลายเป็นหินกลับเป็นเมดูซ่าซะเอง
“แบบนี้นี่เอง”โจวเหวินดีใจ ถึงแม้ว่ามันจะดูเป็นความสามารถที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ในโลกนี้มันมีวิชาเนตรน่ากลัวมากมาย ถ้าเกิดสามารถเอาชนะวิชาเนตรแล้วสะท้อนกลับได้ทั้งหมดละก็ มันก็นับว่าเป็นวิญญาณชีวิตที่ดีทีเดียว
เมดูซ่าร่างหญิงสาวนั้นเริ่มกลายเป็นหินก่อนที่นางจะกลายร่างเป็นร่างปีศาจหัวงู แล้วใช้ดวงตาหินกับโจวเหวินอีก
แต่โจวเหวินก็ยังคงใช้เนตรกระจกในการต่อกร และผลที่ออกมาคือแม้แต่เมดูซ่าร่างปีศาจก็ยังเหมือนกับว่าได้รับผลจากดวงตาหินของนางเอง แต่มันไม่ได้ชัดเจนอะไรมากขนาดนั้น
“แม้แต่สกิลดวงตาหินก็สะท้อนกลับได้เหรอเนี่ย ไม่รู้ว่ามันจะสามารถใช้กับดวงตากระจกของมังกรเทียนได้ไหมนะ”โจวเหวินรีบฆ่าเมดูซ่า พอเห็นว่ามันไม่มีอะไรดรอปออกมา เขาเลยไม่รอช้าเปลี่ยนเกมส์เข้าไปในจงลู่แล้วไปที่ปราสาทมังกรเทียนหวังจะลองความสามารถใหม่ ตอนที่โจวเหวินยืนอยู่หน้ามังกรเทียนนั้นเอง เขาก็ได้สู้กับมังกรเทียนแล้วบังคับให้มังกรเทียนใช้ดวงตากระจก
โจวเหวินเองก็ใช้เนตรกระจกสะท้อนกลับไป โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าเขาไม่โดนดึงเข้าไปในโลกกระจก แต่มันก็ใช้ได้แค่ไม่นาน สุดท้าย ตัวละครของโจวเหวินก็โดนดูดเข้าโลกกระจกแล้วหน้าจอเกมส์ก็ดับไป
ถึงแม้ว่าตัวของโจวเหวินจะตายอยู่ดีแต่โจวเหวินก็ยังตกใจมาก
เพราะว่าเนตรกระจกนั้นสามารถต้านทานพลังของดวงตากระจกได้จริง แต่ที่ตายเพราะว่าพลังของเนตรกระจกยังอ่อนเกินไปทำให้รับพลังของดวงตากระจกไม่ไหว
“ถ้าเกิดเนตรกระจกไปถึงขั้นสมบูรณ์ละก็ บางทีอาจจะสู้กับดวงตากระจกได้ก็ได้”โจวเหวินคิดถึงงความเป็นไปได้แล้วเริ่มคิดค้นหาทางพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจก
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ลองมาหลากหลายวิธีแล้ว เนตรกระจกก็ไม่พัฒนาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะลองใช้เนตรกระจกกับพลังเนตรที่แกร่งๆหรือลองใช้เนตรกระจกหลายๆแบบก็ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น
ตอนนี้โจวเหวินหาทางพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจกไม่ได้ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากการไปนั่งอ่านข้อมูลของวิชาเนตรในเน็ตเผื่อว่าเขาจะได้หาแรงบรรดาลใจบางอย่างมาพัฒนาวิญญาณชีวิตเนตรกระจกได้
โจวเหวินยุ่งอยู่2วัน เขาใช้ทุกวิธีที่นึกออกแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ผล
“แบบนี้ต่อไปไม่ได้การละ ตอนนี้คงต้องไปจัดการกับสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นก่อนแล้วละ จะได้พัฒนาวิญญาณชีวิตประกายดาวด้วย เผื่อไว้ว่าถ้าฆ่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตัวนั้นได้แล้ว จะได้สัตว์อสูรสายมิติกลับมาหน่อย”โจวเหวินพาหยาเอ๋อออกเดินทางอีกครั้ง
โจวเหวินคิดว่านักเล่นแร่แปรธาตุที่อ้างตัวเองว่าเป็นราชาหยินฟูนั้นคงจะไม่มาตามรังควานเขาอีกซักพัก โจวเหวินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าราชาหยินฟูนั้นจะกลัวจักรพรรดินีมากขนาดนั้น และไม่กล้าเข้ามาถึงตัวเขาเลย แต่ถึงอย่างนั้น ราชาหยินฟูที่เสียแขนไปข้างนึงเองก็ดูไม่บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย แผลแบบนั้นอีกไม่นานก็คงจะรักษาหายแน่นอน
“น่าเสียดายที่เราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลยแหะ สกิลต่างๆที่เขาใช้ถ้าได้รู้ละก็คงจะดีไม่น้อยเลย”โจวเหวินคิดกับตัวเอง
การต่อสู้ระหว่างจักพรรดิเหลืองกับฉีหยูนั้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจริงแล้วมันคือสงครามผู้พิทักษ์ ซึ่งทั้งฝั่งจักพรรดิเหลืองแล้วฉีหยูเองก็คงทำสัญญากับผู้พิทักษ์ระดับเทพด้วยเช่นกัน
“ฟังจากที่ราชาหยินฟูกับจักรพรรดินีพูดกันแล้ว หยินฟูคนนั้นน่าจะเป็นคนจากตระกูลของจักรพรรดิเหลืองซินะถึงได้มีผู้พิทักษ์แบบนั้น แล้วถ้าผู้พิทักษ์ของฉีหยูละจะเป็นแบบไหนกัน”โจวเหวินคิด
โจวเหวินออกเดินทางไปนั้นเขาไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่บนถนนนาน เขาเดินทางรวดเดียวไปยังเขตแถบน่านน้ำทะเลจีนตะวันออก เขาตั้งใจที่จะไปรีบจัดการแล้วรีบกลับ ถ้ามีไข่สัตว์อสูรอะไรดรอป เขาก็จะได้พัฒนาวิญญาณชีวิตอารยมิติต่อซักที
ระหว่างทางโจวเหวินระแวงมากๆ เขาเฝ้าระวังการโจมตีของราชาหยินฟูทุกทิศทาง แต่โชคดีที่หยินฟูไม่ปรากฏตัวออกมาเลย ทำให้โจวเหวินเดินทางมาได้อย่างราบรื่น
เมืองหวางไหนั้นเป็นเมืองที่ตระกูลหลูอยู่ พวกเขาอพยพกันมาหลังจากเกิดพายุต่างมิติ เพราะว่าแถบนี้นั้นมีทรัพยากรที่เกิดจากพื้นที่ต่างมิติมากมาย ทำให้หลายๆตระกูลนั้นย้ายกันมาอยู่ที่นี้ ทำให้หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ กลายเป็นเมืองท่าหวางไหแบบทุกวันนี้
ตระกูลหลูเองก็เป็น1ในตระกูลที่อพยพมา แต่ทุกวันนี้เรียกว่าเมืองหวางไหเป็นของตระกูลหลูแต่เพียงผู้เดียวแล้ว
ตอนที่ 901
สุสานเต่า
ตอนที่โจวเหวินเดินทางมาถึงตระกูลหลู ทางตระกูลหลูก็ได้เข้ามาทำการต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้นพอโจวเหวินพูดถึงเรื่องสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตระกูลหลูที่มาต้อนรับเขาก็เล่าสถานการณ์คร่าวๆจากนั้นก็บอกกับโจวเหวินว่าให้รออยู่ที่ตระกูลหลู2วัน หลังจากที่คนอื่นๆมาถึงแล้ว ทางตระกูลจพาทุกคนไปที่จุดเกิดเหตุพร้อมกับเล่าทุกอย่างให้ทันที
หลังจากที่ได้ยันแบบนั้นโจวเหวินก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่ตระกูลหลูส่งคำเชิญไปนั้น ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่รวมไปถึงตระกูลเสี่ยกับตระกูลฉางด้วย รวมไปถึงนักล่าอิสระชื่อดังอีกหลายๆคนด้วย
ตระกูลหลูตั้งใจจะรอพวกเขามาให้ครบทุกคน ก่อนที่จะพาพวกเขาไปทีเดียว ใครก็ตามที่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวนั้นได้ คนๆนั้นก็ได้จะรางวัลที่ตระกูลหลูจัดไว้ให้
โจวเหวินรู้สึกว่าแบบนี้มันก็แฟร์ดี เพราะยังไงตระกูลหลูก็ต้องการแค่คนมาจัดการกับปัญหา ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติโดนฆ่าตาย พวกเขาก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินก็ไม่ได้คิดจะรออยู่ที่ตระกูลหลู2วันเต็มๆหรอก ในเมื่ออีกตั้ง2วันกว่าจะได้ออกไป เขาจึงออกจากตระกูลหลูเดินทางไปตามพื้นที่ต่างมิติรอบๆดู เผื่อว่าจะมีรูปสลักรูปมือ
เมืองหวางไหนั้นมีพื้นที่ต่างมิติอยู่4-5ที่ ในบรรดาพื้นที่ต่างมิติทั้งหมด ที่โด่งดังที่สุดนั้นเป็นพื้นที่กึ่งชายฝั่งกึ่งทะเล เป็นพื้นที่ต่างมิติที่เรียกกันว่า “สุสานเต่า”
เอาจริงๆสุสานเต่านั้นมันไม่ใช่สุสานจริงๆหรอก แต่มันเป็นพื้นที่ต่างมิติที่อยู่กึ่งกลางระหว่างชายหาดกับพื้นที่น้ำตื้น เหตุผลที่มันเรียกว่าสุสานเต่านั้นแท้จริงแล้วมันเกี่ยวข้องกับตำนานโบราณมากกว่า
เพราะว่าคนโบราณนั้นไม่เข้าใจหลักการไหลเวียนของกระแสน้ำ พวกเขาเห็นน้ำในแม่น้ำไหลทั้งวันทั้งคืน แต่น้ำในทะเลนั้นนอกจากคลื่นก็ไม่เห็นเคลื่อนไหวใดๆเลย พวกเขาเลยคิดว่าโพ้นทะเลนั้น มีหลุมขนาดยักษ์ที่ไร้ก้นบึ้งและน้ำทะเลทั้งหมดนั้นไหลลงไปในหลุมนั้นเรื่อยๆ
หลุมลึกที่ว่านั้นถูกเรียกว่าเป็นซากทะเลแต่โบราณ
เหนือน่านน้ำทะเลนั้น ว่ากันว่ามีเทพภูเขา5ตนประกอบไปด้วย ไต้หยู หยวนกั๋ว ฟางหู หยิงโจว และเปิงไหล และเพราะว่าเทพภูเขาเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเล ทำให้พวกเขาไหลตรงไปยังซากทะเล ห้วงลึกที่ไร้ก้นอย่างช้าๆ ทำให้พวกเขาเริ่มกังวล
เทพแห่งท้องทะเลกังวลว่าเทพภูเขาทั้ง5นั้นจะตกลงไปในซากทะเล จึงส่งเต่ายักษ์ไป15ตัว ผูกเชือกและลากเข้ากับเทพภูเขาทั้ง5 ทำให้เทพภูเขาไม่ไหลตกลงไปยังซากทะเล
ตอนแรกทุกๆอย่างก็ดูดีแหล่ะ แต่หลังจากผ่านไปนานหลายปีผ่านไป จู่ๆก็มียักษ์หลายตนปรากฏขึ้นมาบนชายหาดแล้วจับเอาเต่า6ตัวกินเป็นอาหารแล้วปลดเชือกที่ล่ามเทพภูเขาไว้
ตอนนั้นเองที่หายนะได้เกิดขึ้น เทพภูเขา2ตน คือไต้หยูกับหยวนกั๋วหลุดออกจากเชือกแล้วจมลงไปในซากทะเล เหลือไว้เพียงเทพภูเขาฟางหู หยิงโจว และเปิงไหลเท่านั้น
สุสานเต่าที่ว่านั้น คือจุดที่ยักษ์กินเต่าทั้ง6ตัวแล้วทิ้งกระดองของเต่าไว้ที่ริมทะเล เมื่อน้ำทะเลยกตัวขึ้นสูง กระดองเต่าก็จะจมลงไป เมื่อน้ำลงกระดองก็จะโผล่ขึ้นมา
ตำนานจะจริงหรือไม่โจวเหวินไม่รู้ แต่ในสุสานนี้ หลังจากที่น้ำลงแล้ว ประการังขนาดใหญ่จะปรากฏออกมาเหมือนกับเกาะเล็กๆ6เกาะ แล้วก็จะมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติเต่าหลากหลายชนิดโผล่ออกมา
สถานะสวมใส่ของสัตว์อสูรทุกตัวที่อยู่ในสุสานเต่านั้นจะมีแค่เกราะเท่านั้น แถมการป้องกังยังมหาศาลมากอีกด้วย ในสัตว์อสูรระดับเดียวกันเรียกได้ว่ามีการป้องกันเป็นระดับท๊อปเลยก็ว่าได้
เกราะเต่าบางประเภทยังมีพลังป้องกันมีมากกว่าแค่ป้องกันอย่างเดียวด้วย
ยิ่งกว่านั้นยังมีสกิลที่โด่งดังที่มีแค่ที่นี้เท่านั้น อย่างสกิลลมหายใจเต่า ซึ่งเป็นสกิลที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่ระดับตัวอ่อนยันระดับมหากาพย์ หลังจากที่มีสกิลนี้แล้ว เราสามารถหยุดลมหายใจและหัวใจที่เต้นอยู่ได้ เป็นสกิลที่จำเป็นมากในการแกล้งตาย
หลิวหยุนเองก็มีสกิลนั้นเหมือนกัน แล้วเขาก็ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆด้วย
แน่นอนว่าเอาจริงๆแล้วสกิลลมหายใจเต่านั้นไม่เพียงแต่จะใช้แกล้งตาย แต่มันยังใช้กลบลมปราณของตัวเองได้อีกด้วย เพราะสิ่งมีชีวิตต่างมิติบางตัวนั้นจะสามารถจับลมปราณหรือลมหายใจได้ ทำให้พวกมันรู้ถึงตัวตนและตำแหน่งของมนุษย์ที่อยู่แถวๆนั้น การที่ไม่ปล่อยลมปราณหรือลมหายใจออกมานั้น หมายความว่าจะโดนจับได้ยากขึ้นนั้นเอง
ซึ่งจริงๆแล้ววิชาลมหายใจเต่าระดับเร้นลับนั้น บางคนก็บอกว่าเคยดรอปออกมาได้ แต่ไม่มีใครเคยได้เห็นมันจริงๆ
ตอนที่โจวเหวินมาถึงสุสานเต่านั้นเอง มันก็บ่ายกว่าๆแล้ว โจวเหวินเห็นคนหลายๆคนกำลังสู้กับเต่าอยู่ที่ชายหาด และในทะเลไม่ไกลจากตรงนั้น โจวเหวินก็เห็นเกาะปะการังหลายแห่ง ซึ่งคนน้อยกว่าบนชายฝั่งมาก
เต่าบนชายหาดนั้นระดับของมันไม่สูงมาก ส่วนมากจะเป็นระดับตัวอ่อน ซึ่งคนที่มาล่าเต่าแถวนี้นั้นจึงเป็นพวกมือใหม่ไม่ก็คนทีพึ่งฝึกมาได้ไม่นาน
โจวเหวินเองไม่สนใจเรื่องเต่า แต่เขาเดินไปตามชายหายช้าๆพยายามหารูปสลักรูปมือระหว่างทาง
ก่อนมาที่นี่ อาเซิงเคยเล่าเรื่องให้โจวเหวินฟังว่ามีใครบางคนเห็นว่ากระดองเต่าที่ลอยอยู่กลางทะเลนั้นจู่ๆก็ขยับลึกเข้าไปในทะเล เหมือนกับว่ามันจะไปทำภารกิจที่เคยได้รับไว้ กลับไปหาเทพภูเขา ว่ากันว่าถ้าตามมันไป ก็มีโอกาสที่จะได้เจอเทพภูเขาไต้หยูและหยวนกั๋วที่จมอยู่ที่ซากทะเล
“ทำไมเขามาอยู่ที่นี้ได้เนี่ย” บนชายหาดสุสานเต่านั้นเอง ชาย2คนเห็นโจวเหวินและคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ตระกูลอันน่าจะส่งเขามาเพื่อสู้กับสิ่งมีชีวิตต่างมิติเพื่อแย่งสัมปทานผงเวทมนตร์ให้กับตระกูลอันละมั้ง
ชาย2คนนี้เอาจริงๆแล้วไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นอุเอซึกินาโอะ กับบอดี้การ์ดหญิงของเธอ ที่ใช้วิชาแปลงกาย การจะใช้ร่างปรกติอยู่กลางทะเลนั้นมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พวกเธอจึงใช้วิชาจำแลงกายแล้วเปลี่ยนร่างของตัวเองแอบมาที่เมืองหวางไห
และก็เหมือนกับโจวเหวิน พวกเธอต้องอยู่ที่เมืองหวางไหเพื่อรอคนอื่นๆมาเหมือนกัน พวกเธอเลยว่างไม่มีอะไรทำเลยมาแวะสุสานเต่าแล้วกำลังจะกลับกัน
สุสานเต่านั้นเป็นพื้นที่ต่างมิติแบบเปิด ทุกคนสามารถเข้าและออกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะมองหาเกาะปะการังแล้วตั้งใจที่จะขึ้นไปบนเกาะเต่านั้น แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะมาเจอโจวเหวินมาก่อน
นาโอะกรอกตาแล้วพูด “เราเข้าไปทักทายเขาหน่อยดีกว่า”
“ทำไมละคะ?”บอดี้การ์ดหญิงพูดแบบไม่ค่อยอยากไป
“เขามาที่นี้ในฐานะคู่แข่งของเราไม่ใช่เหรอ การดึงข้อมูลจากฝั่งคู่แข่งมาได้ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ของเราไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันมีวิธีล้วงข้อมูลเขามาอยู่แล้ว”นาโอะพูดแล้วเดินตรงไปหาโจวเหวิน
ถึงแม้ว่าบอดี้การ์ดจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร แต่เธอก็ทำได้แค่เดินตามไป
“สวัสดี ใช่โจวเหวินรึเปล่า”นาโอะเข้าหาโจวเหวินในเสียงของผู้ชาย
โจวเหวินที่รู้สึกได้มานานแล้วว่ามีใครบางคนกำลังมองเขาอยู่ แล้วเขาก็พบนาโอะกับบอดี้การ์ดหญิง แต่โจวเหวินจำพวกเขาไม่ได้ เขาแค่รู้สึกคุ้นๆเท่านั้น
พอเห็นพวกเขาเข้ามาทัก โจวเหวินจึงสงสัยเล็กน้อย แล้วพูด “ผมโจวเหวิน พวกคุณคือใครกัน”
“โจวเหวินจริงๆด้วย เยี่ยมไปเลย พวกเราเป็นแฟนคลับของคุณหน่ะ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี้”นาโอะหยิบเอากระดาษสมุดออกมากับปากกาแล้วยื่นให้โจวเหวินด้วยท่าทีตื่นเต้น “ขอลายเซนหน่อยได้ไหมครับ”
“ไม่”โจวเหวินพูดแล้วเมินเดินผ่านทันที
ตั้งแต่ที่โจวเหวินเคยเจอย่าเค่อ เขาก็มีความรู้สึกฝังใจทันที ว่าการเซนชื่อนั้นเป็นเหมือนเป็นการยื่นชีวิตให้ไปอยู่ในอันตราย ตั้งแต่วันนั้นมาโจวเหวินไม่เคยคิดจะเซนชื่ออีกเลย และจะไม่ให้รายเซนกับคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด
ตอนที่ 902
เต่าเหล็กทมิฬ
โดยที่ไม่หันหลังกลับ โจวเหวินเดินจากไปอย่างไวโดยที่มีนาโอะยืนถือกระดาษกับปากกาคว้างอยู่กับความว่างเปล่า
การกระทำของโจวเหวินนั้นในมุมมองของนาโอะ มันดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ถึงจะไม่อยากแจกลายเซนแฟนคลับ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องเย็นชาทำตัวแบบนั้นเลย
“ช่างมันเถอะ เราไปกันได้แล้ว”บอดี้การ์ดหญิงพูด
“อ้อ เข้าใจละว่าทำไม นายไปก่อนเลย ฉันคิดหาวิธีใหม่ได้แล้ว” นาโอะพูดก่อนจะรีบวิ่งไปอีกทาง
พอหาที่ลับตาคนได้แล้ว นาโอะก็กลับร่างของหญิงสาวตามเดิม แล้วเปลี่ยนกลับไปเป็นชุดผู้หญิงเวลามาเที่ยวทะเล ก่อนจะเดินกลับไปที่ชายหาด
ถึงแม้ว่านาโอะจะไม่เคยชอบแนวคิดที่ผู้ชายมองผู้หญิงเป็นแค่ของประดับก็ตาม แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงนั้นก็สร้างความได้เปรียบได้ในหลายๆแง่เหมือนกัน
หรือจะให้พูด คนปรกตินั้น ก็จะไม่ค่อยสนใจและไม่อยากยุ่งกับแฟนคลับผู้ชายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแฟนคลับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยน่ารักอย่างเธอนั้น ยังไงก็ยากจะปฏิเสธ
อุเอซึกิ นาโอะ เองก็ค่อนข้างมั่นใจในหุ่นและหน้าตาของตัวเองมากๆ และเชื่อว่าหุ่นและหน้าตาของเธอนั้นดีกว่าตอนที่เป็นชูไอซะอีก
“ในเมื่อที่นี้ไม่มีใครรู้จักเรา จะใช้ร่างนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ”นาโอะคิดก่อนจะเดินไปที่ชายหาดแล้วเดินไปหาโจวเหวิน
โจวเหวินที่กำลังเดินไปเรื่อยๆตามชายหาดกำลังตามหารูปสลักรูปมือออยู่นั้นเองจู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมองเขาอีกครั้ง โจวเหวินเลยหันกลับไป แล้วพบว่า ผู้ชาย2คนที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว แต่คนที่มองเขานั้น กลับเป็นหญิงสาววัยสะพรั้ง อายุ18-20ปี สวยน่ารักมากๆ
พอเห็นว่าโจวเหวินมองมาทางเธอแล้ว นาโอะจึง “ยิ้มกระชากใจ” ในมุมมองของนาโอะนี้คืออาวุธลับที่พิฆาตชายทุกคนที่อยู่ในระยะสายตาด้วยซ้ำ
โจวเหวินมองดวงตาของนาโอะแล้วรู้สึกคุ้นๆ แต่ยังไงก็ตามเขาก็ทำได้แค่คุ้นเท่านั้น การจะมองดวงตาของใครซักคนแล้วแยกออกนั้นมันยากมากๆ เพราะงั้นเขาเลยอยากจะมองใกล้ๆมากกว่านี้เพื่อให้แยกออกว่าเขาเคยเห็นสายตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
นาโอะคิด “หึหึ ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั้นละ”
พอคิดแบบนั้น นาโอะก็เดินเข้าไปหาโจวเหวิน สายลมพัดพามวลผมของเธอให้สยายไปตามกระแสลมทะเลที่พัดผ่าน ชุดเดรสฤดูร้อนของเธอต้องลมและแสงแดดเจิดจ้า ทำให้ดูเปร่งประกาย และเน้นชัดให้รูปร่างของเธอนั้นดูดีเข้าไปกว่าเดิมอีก
การเดินเข้าหาของเธอนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เว่อร์เหมือนนางแบบบนรันเวย์ แต่มันกลับดูธรรมชาติและรู้สึกได้ถึงความน่ารักในแบบที่นางแบบหาไม่ได้
“ฉันชื่อไหเอ๋อนะ นี้ฉันเคยเจอนายที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ช่วยบอกชื่อของนายหน่อยจะได้ไหม”นาโอะเข้าหาโจวเหวินก่อนจะเอามือสยายผมแล้วพูดกับโจวเหวินด้วยรอยยิ้ม
“จำผิดคนแล้ว ฉันไม่รู้จักเธอหรอก”โจวเหวินพูด ก่อนจะคิด เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้จริงๆแล้วเดินจากไป
นาโอะผงะเล็กน้อย พอเห็นโจวเหวินหันกลับกลับอย่างใจเย็นเธอก็เดินตามมาแล้วมามาหยุดข้างหน้าโจวเหวินแล้วพูดด้วยท่าทางกึ่งๆเขินอายกึ่งๆขี้เล่น “ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอก เราไปเดินเล่นด้วยกันหน่อยจะได้ไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอไปเถอะ”โจวเหวินโบกมือไล่นาโอะโดยที่มองไปทางปะการังข้างหลังเธอก่อนที่จะเดินเมินเธอไป
นาโอะยืนคว้างอีกครั้ง เธอตอบสนองไม่ทันเลยทีเดียว สติของเธอเด้งกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่โจวเหวินเดินจากไปแล้วโดยไม่หันหลังกลับ
“ไอ้หมอนี้ มันเป็นผู้หญิงปลอมตัวมารึยังไงกันนะ”นาโอะเริ่มคิดแปลกๆ
โจวเหวินเดินวนรอบชายหาดแล้วแต่ก็ยังไม่พบรูปสลักรูปมือแม้แต่น้อย เขาเลยฆ่าไล่ฆ่าเต่าที่คลานอยู่ตามชายหาด แต่น่าเสียดายมันเป็นแค่เต่ากระดองเหล็กระดับตัวอ่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรดรอปออกมาเลย
โจวเหวินเลยอัญเชิญวัวยักษ์ต้าเหว่ยแล้วขี่วัวเข้าไปในเกาะในทะเล เกาะทั้ง6ในทะเลนั้นจะปรากฏขึ้นมาเฉพาะตอนที่น้ำลงเท่านั้น ตามข้อมูลที่โจวเหวินได้มานั้น มันมักจะมีเต่าระดับเร้นลับปรากฏตัวออกมาบริเวณเกาะกระดองเต่าทั้ง6แต่จำนวนของมันนั้นน้อยมากๆ ส่วนมากที่เห็นมีแค่ระดับตำนานกับระดับมหากาพย์
โจวเหวินไม่ได้สนใจพวกเต่าธรรมดาอยู่แล้ว เพราะเดิมทีที่เขาตั้งใจคือเขาตั้งใจจะไปหารูปสลักรูปมือที่เกาะนั้นเฉยๆ
ที่เกาะกระดองเต่านั้นมีคนล่าเต่ากันอยู่มากมาย คนที่มาล่าบนเกาะนั้นแกร่งกว่าคนที่อยู่ที่ชายหาดแน่นอน เพราะส่วนมากนั้นจะเป็นระดับตำนานกัน และบางครั้งก็มักจะเห็นคนระดับมหากาพย์มาที่เกาะนี้ด้วย
โจวเหวินไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เขาไปที่เกาะแรกแลล้วไม่พบรูปปสลัก แต่ตอนที่เขากำลังจะออกจากเกาะไปนั้น เขาก็พบเข้ากับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์พุ่งขึ้นมาจากทะเล
มันเป็นเต่าที่ขนาดตัวเท่าๆกับช้าง กระดองของมันนั้น ดูเหมือนกับกระดองเต่าเหล็กมาก แต่มันเป็นสีดำเข้มและดูแกร่งกว่ามากๆ บนกระดองนั้นยังมีลวดลายประดับด้วยสีทองเหมือนเป็นดิ้นสีทองบนกระดองนั้น
“ต เต่าเหล็กทมิฬระดับเร้นลับนี้”ไม่ไกลกันนั้นมีใครบางคนร้องออกมา
เสียงของเขานั้นทำให้หลายๆคนที่อยู่แถวๆนั้นหันมาทางเดียวกัน บางคนก็พุ่งตรงมาทางนั้นเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าคนที่กล้าพุ่งเข้าใส่นั้นเป็นพวกระดับมหากาพย์
เพราะว่าความเร็วของเต่าเหล็กทมิฬนั้นมันไม่ได้เร็วมาก ระดับมหากาพย์นั้นสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถซัดการโจมตีระดับมหากาพย์ได้จากทุกทิศทาง ดึงความสนใจไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง ที่ต้องระวังก็มีแค่หัวกับหางของเต่าเท่านั้น
เต่าในสุสานเต่านั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมากแต่ความสามารถทางการต่อสู้นั้นไม่ได้สูงมาก มันเป็นระดับเร้นลับที่สามารถโดนระดับมหากาพย์หลายคนรุมกระทืบได้
แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีแค่ระดับมหากาพย์ของมนุษย์นั้นส่วนมากทำอะไรเต่าเหล็กทมิฬไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสกิล หรือสัตว์อสูร โจมตีเข้าใส่เต่าเหล็กทมิฬ ก็มักจะมีเสียงเหมือนโลหะกระทบกันอย่างแรงจนมีเสียงดังก้อง แต่มันกลับไม่มีร่องรอยคววามเสียหายแม้แต่น้อย
โจวเหวินมองไปรอบๆซักพัก เขายังไม่รีบโจมตีเต่าเหล็กทมิฬนทันที
นาโอะที่ตามไปที่เกาะนั้นเองทันทีที่เห็นเต่าเหล็กทมิฬ เธอก็เกิดความคิดในหัว “บางทีเราอาจจะใช้โอกาสนี้ในการลองดูฝีมือของโจวเหวินก็ได้”
หลังจากได้เห็นวิชาดาบของโจวเหวินแล้ว ถึงแม้ว่านาโอะจะมีผู้พิทักษ์มารสวรรค์ซึ่งเหนือกว่าโจวเหวินแน่ๆ แต่เธอก็ไม่กล้าดูถูกโจวเหวินอยู่ดี
นาโอะคิดว่าบางทีโจวเหวินอาจจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอในอนาคต และในครั้งนี้ โจวเหวินก็เป็นคู่แข่งคนสำคัญของเธอในการแย่งชิงสัมปทานผงเวทมนตร์ โจวเหวินเป็นตัวแทนของตระกูลอัน ถ้าเธอสามารถหาทางฆ่าโจวเหวินก่อนที่จะไปฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติ มันก็ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก2ตัว
“วิชาดาบของฉันอาจจะไม่ได้ดีเท่านาย แต่ในการต่อสู้จริง นายไม่มีทางชนะฉันได้แน่”นาโอะคิดก่อนจะค่อยๆตรงไปทางเต่าเหล็กทมิฬ
พวกคนระดับมหากาพย์นั้นยังไงก็โจมตีเต่านั้นไม่เข้าเลยแม้แต่น้อย
โจวเหวินมองดูแล้ว เขาพอจะเข้าใจพื้นฐานของเต่าเหล็กทมิฬพอสมควร มันเป็นระดับเร้นลับที่มีแต่พลังป้องกันเท่านั้น ด้านอื่นๆนั้นอ่อนมาก ตราบใดที่ทำลายการป้องกันของมันได้ก็ฆ่าได้ไม่ยาก
ตอนที่ 903
เผชิญหน้านาโอะ
โจวเหวินอัญเชิญตรีสูญเทพสงครามออกมาก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปที่หัวของเต่าเหล็กทมิฬ
ส่วนกระดองของเต่านั้นเป็นส่วนที่แข็งที่สุด ส่วนแขนขาและหัวนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนของการป้องกัน ตรีสูญเทพสงครามทองคำเองก็มีความสามารถในการเจาะทะลุ ถ้าแทงเข้าก็ตายแน่นอน
แต่ตอนที่ตรีสูญกำลังจะเสียงเข้าทะลุคอของเต่านั้นเอง ทันใดนั้นตรีสูญในมือของโจวเหวินก็โดนแรงกระแทกอะไรบางอย่างฟันเข้าใส่ตรีสูญ
สิ่งที่ฟันเข้ามานั้นเป็นแสงดาบที่รวดเร็วและรุนแรง มันแรงพอที่จะทำให้ตรีสูญนั้นเบี่ยงทิศทางทำให้แทงไม่โดน
โจวเหวินหันกลับไปมองตามทิศทางที่แสงดาบฟันมา แต่เขาก็ต้องพบกับสาวสวยที่ถือดาบรูปร่างหน้าตาประหลาด เขาจำได้ว่าดาบนั้นคือดาบที่คล้ายๆกับดาบที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“ทำไมถึงโจมตีฉันละ”โจวเหวินหันกลับไปมองสาวคนนั้น ที่เคยเข้ามาคุยกับเขาก่อน ดูเหมือนว่าจะชื่อไหเอ๋อ
“เต่านี้มันคือ เต่าเหล็กทมิฬด้ายทอง มันหายากกว่าปรกติมากๆ แน่นอนว่าคนที่ได้ของจากมันไปนั้นคือคนที่ฆ่ามันได้ ฉันผิดตรงไหนเหรอ” นาโอะถือดาบในมือถือดาบคุซานางิ(เทียนกงหยุน) ดาบที่เป็นสถานะสวมใส่ของงูบาฉี
“ก็ถูก”โจวเหวินพูดจากนั้นเขาก็พุ่งตัวตรงเข้าใส่นาโอะทันที
นาโอะนั้นดีใจ เธอใช้ดาบฟันสวนเข้าไปอย่างไม่ลังเล แล้วคิดในใจ “โจวเหวิน วันนี้แหล่ะที่คนอย่างนายจะได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของฉัน”
แต่ตอนนั้นเองที่นาโอะกลับได้ยินเสียงกระดิ่งดังก้องขึ้นมา พร้อมกับสมองและวิญญาณของเธอที่จู่ๆเหมือนกับรับแรงกระแทกอย่างแรงจนสั่นไหวมึนหัวไปหมด
โจวเหวินนั้นไม่ได้สนใจนาโอะแม้แต่น้อย เขาพุ่งเข้ามาเพื่อให้เข้าระยะของกระดิ่งก่อนจะใช้ตรีสูญพุ่งตัวกลับไปที่หัวของเต่าเหล็กทมิฬแทงให้ตายทันที จากนั้นก็เหวี่ยงตัวของเต่าเหล็กทมิฬขึ้นฟ้า จากนั้นปลายของตรีสูญก็แทงเข้าไปที่ท้องของเต่าอย่างแรง เปิดท้องของเต่าออก ก่อนที่โจวเหวินจะคว้าผลึกที่อยู่ในท้องของเต่ามา
ตอนนาโอหายจากอาการมึนนั้นเอง ร่างของเต่าเหล็กทมิฬก็ร่วงลงมาถึงพื้นแล้ว คนที่ต่างโจมตีเต่าเหล็กทมิฬเองก็พึ่งฟื้นจากอาการมึนหัวด้วยเช่นกัน มีเพียงคนเดียวที่ไม่ตกใจ คือคนที่ฆ่าเต่าเหล็กทมิฬลงกับมือในพริบตานั้นเอง
นาโอะทั้งโกรธจัดทั้งตกใจ เธอตกใจที่ว่า เมื่อกี้นี้ ถ้าโจวเหวินตั้งใจจะฆ่าเธอจริงๆละก็เขาสามารถใช้ตอนที่สมองเธอสั่นไหว เข้ามาฆ่าเธอได้อย่างง่ายดาย แต่เขากลับไม่ทำ เขาแค่ตั้งใจจะทำให้เธอมึนหัวเพื่อฉวยโอกาสฆ่าเต่าเฉยๆ เธอโกรธที่โจวเหวินอาจจะไม่ได้มองเธอว่าเป็นศัตรูแม้แต่น้อยเลยด้วยซ้ำ เขาตั้งใจพุ่งตัวมาหาเธอเหมือนกับตั้งใจจะมาหยอกล้อเธอยังไงอย่างงั้น
“ปล่อยผลึกนั้นเดี๋ยวนี้นะ”นาโอะจะไม่ปล่อยโจวเหวินอีกต่อไป ดาบในมือของเธอพุ่งตรงเข้าหาโจวเหวินเหมือนกับสายฟ้าฟาด แสงดาบลุกโชนพร้อมจะฟาดฟัน
วัวยักฆ์ต้าเหว่ยสั่นกระดิ่งอีกครั้ง และในขณะเดียวกันตรีสูญในมือของโจวเหวินก็แทงเข้าไปกลางอกของนาโอะ
ฟรุบ
นาโอะมึนหัวอีกครั้งแต่ในจังหวะที่ตรีสูญกำลังจะแทงอกของเธอนั้นเอง ร่างของนาโอะก็หายวับไป สิ่งที่ตรีสูญแทงไปนั้นมีเพียงแค่ผ้าคลุมเท่านั้น
นาโอะตอนนี้อยู่ในชุดเกราะเหมือนเปลือกจักจั่นสีขาว เปิดเผยแค่เพียงตาเท่านั้น ดูเหมือนชุดนินจาของญี่ปุ่นโบราณ
นาโอะถือดาบและมีดสั้นในมือ พุ่งเข้าฟันโจวเหวินด้วยความเร็วและแรงสูงกลางอากาศ
เพล้ง
ตรีสูญของโจวเหวินเข้ารับดาบของนาโอะ โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าถ้าไม่ใช่ตรีสูญเทพสงครามทองคำละก็ป่านนี้โจวเหวินได้ตายไปแล้วแน่ๆ
“ดาบคมมาก คมกว่าดาบทองคำของฉันซะอีก”โจวเหวินคิดแล้วเริ่มสนใจในดาบของนาโอะ แต่เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันคือร่างแปลงของงูบาฉี
นาโอะนั้นโดนแรงกระแทกจากการปะทะอัดลงมาถึงพื้น แต่ทันทีที่ถึงพื้นควันสีขาวจำนวนมหาศาลก็โพยพุ่งออกมาทำให้บดบังวิสัยทัศน์ร่างของเธอหายไป ปรากฏขึ้นมาอีกททีด้านหลังของโจวเหวินพร้อมดาบที่พร้อมฟัน
คูลดาวของวัวต้าเหว่ยรีเสร็จพอดี กระดิ่งเลยดังอีกรอบ
นาโอะนั้นตอนนี้เริ่มเดาทางของเสียงได้แล้ว จังหวะที่เสียงกระดิ่งดังขึ้นนั้นเอง ร่างของเธอก็ระเบิดควันออกมาพทำให้เธอไม่สามารถโจมตีเธอตอนที่เธอมึนได้ และตอนที่เธอหายมึนและปรากฏตัวออกมาด้านข้างของโจวเหวิน ดาบของเธอก็ฟันเข้าใส่ขาของวัวยักฆ์ต้าเหว่ยแล้ว
โจวเหวินใช้ตรีสูญเข้ารับการโจมตีของนาโอะ แต่นาโอะกลับม้วนตัวเข้าไปในทรายก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง แล้วจู่ๆดาบก็พุ่งตัวขึ้นมาจากทรายแทงเข้ากลางลำตัวของวัวยักฆ์ต้าเหว่ย
“ขนาดนี้เลยเหรอ ถึงมันจะดูคุ้นๆแต่มันก็มีส่วนต่างนิดหน่อยแหะ”โจวเหวินเรียกวัวยักฆ์ต้าเหว่ยกลับมาแล้วอุ้มหยาเอ๋อหลบหนีออกมาจากแสงดาบ แล้วเก็บตรีสูญกลับมาด้วยเช่นกัน
เพราะตอนนี้ตรีสูญรับดาบมา2ครั้งแล้ว ผลที่ออกมาคือมันมีรอยบิ่นบนตรีสูญอย่างชัดเจน ถ้าเกิดโดนฟันมากกว่านี้ตรีสูญเองก็อาจจะแตกได้เหมือนกัน
นาโอะใช้ดาบบไล่ฟันอย่างไว ตัวดาบนั้นเรียกว่าฟันไร้เงาเลยก็ได้ มันเร็วมากซะจนมองไม่เห็นตัวดาบด้วยซ้ำ
แต่กระบวนท่าของโจวเหวินนั้นไม่ว่าดาบของนาโอะจะเร็วแรงแค่ไหนมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะฟันแม้แต่ปลายเสื้อของโจวเหวินได้ด้วยซ้ำ
การจะหลบดาบแค่นี้ สกิลจ้าวมังกรบินดัดแปลงระดับเทพมันหลบง่ายๆอยู่แล้ว
นาโอะเองก็ใช้สกิลทุกอย่างที่มีทั้งเปลี่ยนทิศทางกลางคัน ใช้สกิลต่างๆแต่ก็ยังไม่ได้ผล
โจวเหวินเองก็ทำการสำรวจนาโอะทุกๆการเคลื่อนไหว และพบว่า สกิลวาปไปมาของนาโอะนั้นมันคล้ายๆกับวิชาหลบหนี5ธาตุเลย แต่มันก็ยังมีความต่างอยู่นิดหน่อย
วิชาหลบหนี5ธาตุนั้นเป็นวิชาที่ต้องผสานร่างกายเข้าไปส่วนหนึ่งกับธาตุทั้ง5 ในร่างกายคนๆนั้นต้องมีคุณสมบัติธาตุทั้ง5อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นสกิลที่เธอใช้นั้นไม่ได้ผสานตัวเองกับธาตุ แต่เหมือนอาศัยธาตุที่อยู่รอบตัวมากกว่า ทำให้เธอสามารถวาปได้เพียงระยะสั้นๆเท่านั้น
และร่างกายเนื้อของเธอก็ยังมีตัวตนอยู่ตอนที่เธอวาป เพราะเธอไม่ได้ผสานรวมไปกับธาตุตอนที่เคลื่อนย้ายตัวเอง เพราะงั้น ถึงจะใช้วิชานี้วาปไปไหนก็ได้ใกล้ๆก็ตามแต่ มันก็ยังได้ยินเสียงจุดที่เธอกำลังจะโผล่มาได้อยู่ดี
ตอนที่นาโอะมุดทรายไปนั้นเอง โจวเหวินก็เปลี่ยนกระบวนท่าดาบเป็นสายโจมตี ซึ่งเป็น1ใน13กระบวนท่าแรกที่โจวเหวินได้มาจากมิติดอกท้อ
นาโอะตอนแรกตั้งใจจะพุ่งตัวออกมาจากทรายแต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นแสงดาบพุ่งตรงเข้ามาทั้งๆที่ยังไม่ได้พุ่งออกไปเลยด้วยซ้ำ จะเคลื่อนย้ายตอนนี้มันก็สายไปแล้วเธอจึงต้องเอาดาบมาป้องกันโจวเหวิน
ดาบคุซานางินั้นคมมากจนทำให้แสงดาบนั้นแยกออกเป็นสองส่วน แต่ด้วยระยะของดาบที่มันใกล้มากเกินทำให้วิถีของแสงดาบที่ถูกฟันจนขาด2ส่วนนั้นพุ่งยังแยกไม่พ้นตัวเธอ ยังคงโดนตัวเธอเต็มๆ ตอนนี้นาโอะหนีไม่พ้นแล้ว
ตู้ม!!!!
พลังงานมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างของนาโอะอย่างแรง
ตอนที่ 904
สวนกลับมารสวรรค์
ชุดเกราะสีดำทมิฬเข้ามาครอบครุมร่างกายของนาโอะทันที แสงดาบที่ฟันเข้ามานั้นทำอะไรชุดเกราะไม่ได้เลย และแตกสลายไปในที่สุด
“มารสวรรค์เหรอ อะไรจะโชคดีขนาดนี้วะเนี่ย จู่ๆก็ได้มาเจอผู้ทำสัญญาของมารสวรรค์ตัวจริงเสียงจริงเลย”
โจวเหวินจำชุดเกราะของนาโอะได้แทบจะทันที มันเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ในลูกบาศเป๊ะๆ
นาโอะนั้นโดนบังคับให้ต้องใช้ผู้พิทักษ์มารสวรรค์ ทำให้ต้องเปิดเผยตัวออกมา ก่อนที่พุ่งตัวออกมาจากทรายด้วยความเร็วระดับเร้นลับที่เสริมเข้ามา เร็วยิ่งกว่าเก่ามากๆ ดาบคุซานางิฟันตรงเข้าหาโจวเหวินแบบไร้เงา ความเร็วของดาบนั้นแทบจะเรียกได้ว่ามองไม่ทันแล้ว มีเพียงแสงวาบเดียวเท่านั้น
โจวเหวินก็ใช้กระบวนท่าหลบหลีกออกมา ถึงมันจะดูไม่ได้เร็วอะไรแต่มันก็หลบหลีกออกมาได้ในระยะไม่กี่เซน ดาบนั้นเกือบจะปาดหูของเขาขาดไปแล้วซะด้วยซ้ำ
ดาบสายลม ดาบหลากวิถี ดาบจุติ ดาบสายลม
นาโอะยัดสกิลดาบทุกอย่างที่มี แต่รอบนี้ สกิลพวกนั้นเพิ่มพลังมากขึ้นหลายเท่าจากการรวมร่างกับผู้พิทักษ์ ทั้งความเร็วและพลัง
ทุกที่ๆคลื่นดาบซัดผ่าน ปะการังและผืนน้ำจะแยกตัวออก คนที่อยู่บนชายฝั่งตอนนี้เริ่มหวาดกลัวแล้วหนีออกมาแล้ว แม้แต่เต่าบนเกาะยังหนีลงน้ำเลย
“นั้นมันมารสวรรค์นี้ มารสววรรค์ในการจัดอันดับ”
“ใช่จริงๆด้วย นั้นมันมารสวรรค์จริงๆ ฉันเห็นคนที่แปลงร่างเป็นมารสวรรค์ด้วยนะ สวยโคตรๆเลย แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนแถวนี้เลย”
“ไม่คิดมาก่อนเลยนะเนี่ยว่าคนที่เป็นเจ้าของมารสวรรค์จะเป็นสาวสวยหน่ะ แต่มันก็โหดร้ายเกินไปนะ วิชาดาบนั้นมันรุนแรงสุดๆไปเลย”
“แล้วไอ้หนุ่มที่สู้กับมารสวรรค์นั้นเป็นใครกันละ เก่งเหมือนกันนะที่หลบการโจมตีของมารสวรรค์ได้อาศัยแค่วิชากระบวนท่าเท่านั้นน่ะ”
“ฉันคิดว่าเขาทำได้แค่หลบแหล่ะ คงสวนกลับไม่ได้หรอก”
“ฉันไม่คิดแบบนั้นนะ นายเห็นในมือของเขาไหมละ ยังอุ้มเด็กไว้อยู่เลย แล้วดูความใจนิ่งของยัยหนูนั้นซิ ถ้าเกิดเขาหลบได้แบบเฉียวเฉียดหนีแบบเอาเป็นเอาตาย เด็กนั้นคงร้องไปแล้วถูกไหมละ แต่ยัยหนูนั้นกลับใจเย็นได้ขนาดนั้นมันอธิบายได้อย่างเดียวเลย คือตอนนี้เขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างอยู่หมัด”
“จะพูดก็พูดเถอะ หมอนั้นมันเป็นใครกันแน่น่ะ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย อายุคงยังไม่ถึง20ด้วยละมั่ง แค่คิดว่าเขาสามารถรับมือกับมารสวรรค์ได้โดยที่ไม่ใช้สัตว์อสูรเลยก็น่ากลัวเหมือนกันนะ”
ชื่อและหน้าตาของโจวเหวินนั้นเป็นที่รู้จักใน6ตระกูล และตระกูลใหญ่ๆบางคน แต่สำหรับคนธรรมดาแล้ว โจวเหวินเป็นแค่คนโนเนมคนนึงเท่านั้น
ถ้ามีคนจาก6ตระกูลหรือกรมควบคุมพิเศษมาอยู่ที่นี่ พวกเขาคงจะรู้ทันทีว่าโจวเหวินเป็นใคร
ตอนนี้โจวเหวินใช้วิชาจ้าวปีศาจผสานกับสกิลมังกรบินในการหลบหลีกกลางอากาศขั้นสูงสุด ถึงแม้ว่านาโอะจะมีผู้พิทักษ์คอยเสริมพลัง ด้านความเร็วกับความแรงนั้นไปถึงระดับเร้นลับแล้วก็จริง แต่ก็ยังโจมตีโจวเหวินไม่โดนอยู่ดี
“เป็นไปไม่ได้หน่ะ นี้ฉันใส่มารสวรรค์แล้วนะ ความเร็วระดับเร้นลับทำไมหมอนี้เป็นแค่ระดับมหากาพย์ถึงหลบได้ละ ความเร็วมันต่างกันมากเลยนะ”นาโอะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เธอรู้สึกมาตลอดเลยว่าหลังจากที่เธอได้พลังของมารสวรรค์มาแล้ว เธอจะกลายเป็นคนไร้เทียมทานที่ไม่มีใครสู้ได้ ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่ทำสัญญากับผู้พิทักษ์เหมือนกัน
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินคนนี้ก็ได้ทำลายความมั่นใจนั้นไปหมด นี้ยังไม่นับเรื่องที่โจวเหวินใช้แค่วิชากระบวนท่าก็หนีเธอได้อีกซึ่งเธอรับไม่ได้เอามาก นาโอะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น มันยิ่งทำให้เธอฝืนตัวเองให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นกว่านี้อีก
แต่ถึงจะเร็วแค่ไหนเธอก็ฟันโจวเหวินไม่โดนอยู่ดี เธอมั่นใจว่าโจวเหวินนั้นเร็วได้ไม่ได้เท่าเธอ แต่เขากลับสามารถหลบดาบของเธอได้อยู่ดี
โจวเหวินระหว่างที่หลบการโจมตีของนาโอะนั้น ก็สังเกตความสามารถของมารสวรรค์ไปด้วย
ตัวของเขาเองนั้นเห็นได้ชัดว่าเร็วไม่เท่ากับนาโอะ แต่กระบวนท่าของเขานั้นไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว อย่างน้อยนาโอะก็ไม่ได้เร็วเกินกว่าที่เขาจะตอบสนองได้ทัน
โจวเหวินนั้นมั่นใจในกระบวนท่าหลบหลีกของตัวเองมาก สกิลจ้าวมังกรบินนั้นเขาฝึกมาตั้งแต่ระดับล่างสุด ตลอดทางมาจนถึงขั้นนี้ มันเป็นสกิลที่สามารถใช้แล้วเข้ากับตัวของโจวเหวินได้มากที่สุด
ภายใต้วิถีดาบไร้เงานั้น โจวเหวินใช้ความพลิ้วไหวของตัวเอง หลบหลีกวิถีดาบกลางอากาศเหมือนกับใบไม้เล็กๆที่เต้นรำไปตามสายลม เคลื่อนไหวไปตามกระแสของพลัง ไม่ว่าสายลมจะพัดโหมกระหน่ำแค่ไหน ดาบนั้นก็จะฟันโจวเหวินไม่โดน
“ความเร็วระดับนี้มันเป็นระดับสูงสุดของระดับเร้นลับเลยนะเนี่ย ความแรงของพลังก็ด้วยถึงจะยังไม่รู้ก็เถอะว่ามารสวรรค์มันมีพลังมากว่านี้อีกแต่แค่นี้ก็ถือว่าน่าประทับใจแล้วละ มันเป็นผู้พิทักษ์ที่แกร่งมากๆเลย”โจวเหวินลองคำนวณความสามารถของมันออกมา
แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินก็ยังรู้ด้วย ว่าตอนนี้นาโอะใช้แค่การเสริมพลังของผู้พิทักษ์ ยังไม่ได้ใช้ความสามารถของมันจริงๆ ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้พิทักษ์
โจวเหวินเองก็รอดูอยู่ เขาอยากจะเห็นว่าพลังของมารสวรรค์ที่ซ่อนอยู่นั้นมันคืออะไรกัน ทั้งพลังชีวิต วิญญาณชีวิต และกรงล้อแห่งดวงชะตา รวมไปถึงสกิลของผู้พิทักษ์ด้วย
แต่นาโอะนั้นกลับไม่ใช้อะไรออกมาเลย เหมือนกับว่าอยากจะเอาชนะโจวเหวินให้ได้ด้วยคมดาบเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าจะต้องกดดันเธอเพิ่มอีกหน่อยละมั้งเนี่ยถึงจะยอมใช้พลังของมารสวรรค์ออกมา”โจวเหวินคิดก่อนจะรอให้นาโอะฟัน แต่รอบนี้เขาไม่หลบอีกต่อไป
แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาคือเสียงคำรามที่ดังกึกก้อง เบม่อนปรากฏตัวออกมากลางอากาศก่อนจะกลายเป็นถุงมือปรากฏขึ้นมาที่มือของโจวเหวิน แล้วเขาก็ใช้หมัดนั้นรับเข้ากับดาบคุซซานางิของนาโอะ
“เบม่อนงั้นเหรอ”นาโอะตาโตตะลึงกับสิ่งที่เห็นทันที กลับกลายเป็นว่าโจวเหวินนั้นคือเจ้าของเบม่อน
ในการประลองครั้งล่าสุด งูบาฉีนั้นแพ้ให้กับเบม่อน แล้วก็เกือบโดนเขมือบเข้าไปทั้งตัวด้วย
ไม่ใช่แค่นาโอะ แต่ทุกคนที่ดูอยู่บนชายหาดต่างก็เห็นเสียงคำรามและเห็นเบม่อนก่อนที่จะกลายไปเป็นถุงมือจริงๆ
แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ออกอาการอะไร หมัดของโจวเหวินก็พุ่งตรงเข้าหาดาบของบาฉี
ตู้ม!!
ด้วยสุดยอดพลังของเบม่อนทำให้หมัดของโจวเหวินนั้นมีพลังที่รุนแรงในระดับสุดยอดของระดับเร้นลับ
ดาบอันคมกริบนั้นกระแทกเข้ากับหมดเต็มๆ แทนที่จะฟันถุงมือจนขาด แต่มันกลับโดนดีดกระเด็นออกมาจนนาโอะที่ยืนอยู่บนปะการังนั้น ปะการังแตกกระจายไปหมด
“ไม่แปลกใจเลย คนๆนั้นคือเจ้าของเบม่อนนั้นเอง ก็ว่าทำไมถึงแกร่งขนาดนี้”
“เจ้าของเบม่อนเป็นคนของฝั่งตะวันออกงั้นเหรอ แถมยังเด็กมากด้วย”
“5555 ตอนนี้จะบอกว่ามารสวรรค์กำลังเจอปัญหาใหญ่ก็ว่าได้เลย ตอนนี้ไม่ต้องไปดูที่ลูกบาศก์แล้ว พวกเขามาท้าชิงกันในโลกจริงๆเลยเนี่ย “
ตอนที่ 905
พลาดเป็นครั้งที่2
นาโอะมองหน้าโจวเหวินอย่างรุนแรง ทั้งความโกรธแค้นและความเกลียดชังสุมอยู่ในหัวใจของเธอ เธอดึงตัวเองกลับมาก่อนที่จะตั้งหลักแล้วพุ่งเข้าสู้กับโจวเหวินอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง
จู่ๆก็มีเสียงเหมือนนกประหลาดดังขึ้นมาจากไกลๆ นาโอะพอได้ยินเสียงนั้นแล้ว เธอก็มองโจวเหวินอย่างแค้น ก่อนจะระเบิดควันสีขาวออกมารอบตัวแล้วหายไปในที่สุด
“มารสวรรค์หายไปไหนแล้วละ อะไรกันวะ โดนต่อยแค่ทีเดียวก็หนีแล้วเหรอ แล้วไหนลูกบาศก์บอกจะฆ่าเบม่อนให้ได้ไง น่าขันจริงๆเลย เธอคงจะขายขี้หน้าน่าดูเลย”
“แต่เบม่อนกับเจ้าของยังคงอยู่ตรงนี้อยู่เลยนะ”
“มีใครพอจะรู้จักพ่อหนุ่มคนนั้นไหม เขามาจาก6ตระกูลรึเปล่า”
“ไม่หรอก เขาไม่ได้เป็นคนของ6ตระกูลหรอก…”ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่อดกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่ไหวก็พูดขึ้นมา
ที่ไหล่ของเขานั้นมีกล้องความเร็วสูงคุณภาพเยี่ยมอยู่ ซึ่งการต่อสู้ระหว่างนาโอะกับโจวเหวินนั้นถูกถ่ายเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
เขาเป็นนักข่าวตอนแรกกะจะแค่มาที่สุสานเต่าแห่งนี้เพื่อลองเสี่ยงโชคดูเผื่อว่าจะเจอสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่กำลังเป็นข่าวอยู่ แต่ใครมันจะไปคิดว่าจะเจอเรื่องอะไรแบบนี้แทน
ในฐานะนักข่าวข้อมูลของเขานั้นค่อนข้างแน่นอยู่แล้ว เขารู้จักโจวเหวินดี เพราะยังไง โจวเหวินก็เป็นลูกศิษย์ของหวังหมิงหยวน ซึ่งหลายๆคนให้ความสนใจกันมากๆในช่วงนึง เขาเองก็รู้จักโจวเหวินเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้เขาอยากจะสัมภาษณ์โจวเหวินด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่นาโอะหายตัวไปซักพัก โจวเหวินก็หายตัวไปตาม
นักข่าวคนนั้นตอนนี้ที่ทำได้คือกลับไปรีบปั่นงานของตัวเอง โยนไฟล์ภาพที่ได้มาให้เพื่อร่วมงานตัด ก่อนจะเขียนหัวข้อข่าวและเนื้อหา ปล่อยออกมาให้เร็วที่สุดที่ทำได้ไปพร้อมๆกับภาพเหตุการณ์
หลังจากที่มารสวรรค์ขึ้นสู่จุดสูงสุดของอันดับในลูกบาศแล้ว ก็ยังไม่มีคนล้มมันได้อีกเลย
แต่ทันทีที่ข่าวนี้ออกไป ทุกอย่างก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ไม่ใช่แค่กับคนธรรมดา แต่กับ6ตระกูลก็ด้วย พวกเขาอยากจะศึกษาพลังของมารสวรรค์มาตั้งนานแล้ว วีดีโอชุดนี้ จัดได้ว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญในการศึกษามารสวรรค์เลย
ส่วนทางด้านคนธรรมดา พวกเขาไม่ได้สนมารสวรรค์เลยซักนิด พวกเขาสนใจแค่2อย่างเท่านั้น
คือ1 โจวเหวินคือเจ้าของจอมทรราชเบม่อน กับ2 มารสวรรค์หนีโจวเหวินไปหลังจากที่โดนเบม่อนต่อยไปหมัดเดียว
“เบม่อนมันสุดยอดไปเลย น่าเสียดายนะเนี่ยที่เบม่อนไม่ได้มีโอกาสได้ไปท้าชิงกับไท่ซุยในการจัดอันดับรอบที่แล้ว ไม่งั้นเบม่อนอาจจะได้เป็นที่1ของจริงก็ได้”
“คิดว่ามารสวรรค์จะเก่งกาจอะไรนักหนา แต่กลับกลลายเป็นวว่าแม้แต่ที่4อย่างเบม่อนยังสู้ได้ง่ายๆเลย แค่ต่อยหมัดเดียวยังหนีขนาดนี้ แล้วงี้ถ้าเจอไท่ซุยที่1ละก็ มันก็คงไม่มีโอกาสได้หนีแน่ๆเลยใช่ไหม”
“คนจากต่างแดนคิดว่าตัวเองเก่งตลอดละ ปากดีเหลือเกิน ตอนนี้คงรู้แล้วซินะว่าตัวเองกระจอกแค่ไหน”
“เจ้าของเบม่อนนั้นดูเหมือนจะเป็นโจวเหวินนะ ฉันจำได้ว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของหวังหมิงหยวนด้วย”
“หวังหมิงหยวนก็ส่วนหวังหมิงหยวนซิ โจวเหวินก็ส่วนโจวเหวิน ไม่ใช่คนๆเดียวกันซักหน่อย ฉันได้ยินมาอีกด้วยนะว่า โจวเหวินน่ะเป็นคนของเมืองลั่วหยาง”
“ก็ขอให้เขาไม่กลายเป็นแบบหวังหมิงหยวนละก็ ไม่งั้นรัฐบาลกลางของเราคงได้ยับเยินกันแน่ๆ
…
นาโอะพออ่านข่าวแล้วแทบอยากจะกระอักเลือด
นี้ถ้าไม่ใช่เพราะบอดี้การ์ดหญิงของเธอส่งสัญญาณฉุกเฉินให้เธอถอยละก็ เธอเองก็คงไม่ถอยแน่ๆ ผลที่ออกมาก็คือ เธอไม่รู้เลยว่ามีไอ้บ้านักข่าวมาอัดวีดีโอที่เธอโดนต่อยแล้วหนีไป ก่อนจะเอามาตัดต่อแบบเนียนๆจนทุกอย่างมันลำเอียงไปข้างโจวเหวินซะหมด
“ไอ้เวรเอ้ย อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครเป็นคนตัดต่อวีดีโอบ้านี้ ฉันจะกระชากหัวของมันออกมาให้ดู”นาโอะโกรธมาก
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าโจวเหวินจะเป็นเจ้าของเบม่อน นั้นทำให้เธอเครียดมาก แถมยังโดนเขียนข่าวแบบนี้ ทำให้ดูเหมือนว่าเธอกลัวโจวเหวินกับเบม่อนมากจนต้องหนีออกไป
“คุณหญิงคะ คุณหญิงไม่ควรจะใช้มารสวรรค์ออกมาตอนนั้นนะคะ ตอนนี้มารสวรรค์ถูกเปิดโปงออกมาแล้ว มันทำให้เราทำงานกันลำบากขึ้นนะคะ”บอดี้การ์ดหญิงพูด
“ไม่ลำบากอะไรทั้งนั้นแหล่ะ พลังของมารสวรรค์สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำได้ง่ายๆอยู่แล้ว ความจริงมันไม่มีวันเปลี่ยนหรอก”นาโอะพูด
บอดี้การ์ดหญิงพูด “แต่ถ้าทำอย่างนั้น ทุกๆคนก็จะรู้ได้เลยนะคะ ว่าคุณหญิงอยู่ที่นี้กับมารสวรรค์ ทางตระกูลคงจะสงสัยคุณหญิงแน่ๆค่ะ”
นาโอะนั้นเดิมทีรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอไม่ควรจะเปิดเผยตัวตนของมารสวรรค์ออกมา เธอเลยพูดออกมา “ฉันก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันเลือกอะไรไม่ได้แล้วตอนนั้น ถ้าฉันไม่ใช้มารสวรรค์ตอนนั้นฉันเองก็คงโดนโจวเหวินฟันเข้าไปเต็มๆแล้ว ฉันผิดเองแหล่ะที่ประเมินพลังของเขาต่ำไป ฉันไม่คิดเลยว่าเจ้าของเบม่อนนั้นจะเป็นเขาไปได้”
บอดี้การ์ดหญิงพูด “คุณหญิงคะ ฉันเห็นว่าทุกครั้งที่คุณหญิงเจอกับโจวเหวิน คุณหญิงจะมีแต่เสียกับเสียนะคะ ฉันคิดว่าถ้าเป็นไปได้ เราไม่ควรจะไปยุ่งอะไรกับเขามากในอนาคตจะดีกว่านะคะ”
นาโอะพูด “คิดมากไปแล้ว ครั้งหน้าฉันจะไม่ประมาทแล้วละ และฉันจะใช้พลังของมารสวรรค์เต็มความสามารถแล้ว ถ้าถึงตอนนั้นแม้แต่เบม่อนก็สู้ฉันไม่ได้หรอก”
แต่ก่อนที่บอดี้การ์ดหญิงจะได้พูดอะไร นาโอะก็ได้ชิงพูดก่อน “ยังไงซะถึงเราอยากจะหลบหน้าเขา แต่ยังไงเขาก็มาที่นี้เพราะสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำกับผงเวทมนตร์อยู่แล้ว เราจะหลบหน้าเขายังไงละ”
บอดี้การ์ดหญิงคิดก่อนจะพูดกับนาโอะอยู่ดี “คุณหญิงคะ ฉันคิดจริงๆนะคะว่าโจวเหวินคนนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ส่งผลร้ายกับคุณหญิงแน่ๆ เพราะงั้น ถ้าเจอเขาอีก ระวังตัวด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องกังวลลหรอก ฉันจะไม่ทำพลาดเป็นครั้งที่2แล้วละ”นาโอะยิ้ม
โจวเหวินที่ตอนแรกตั้งใจจะตรวจสอบพลังของมารสวรรค์ แต่กลับกลายเป็นว่านาโอะนั้นหนีไปก่อน ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย ถึงแม้ว่าตอนนี้วิญญาณชีวิตฆาตกรของเขาจะไปถึงขั้นสมบูรณ์แล้วก็จริงและเขาไม่จำเป็นต้องฆ่าผู้พิทักษ์แล้ว แต่ถ้าฆ่าได้ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะยังไงสำหรับมนุษย์และโลกนี้แล้ว ผู้พิทักษ์นั้นถือว่าเป็นผู้บุกรุกก็ได้
“โชคไม่ดีเลยแหะที่หารูปสลักรูปมือไม่เจอ ไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสกลับไปที่สุสานเต่าอีกรึเปล่าก็ไม่รู้”โจวเหวินเสียใจนิดหน่อย
เขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสไปที่สุสานเต่าอีกแล้ว เพราะหลังจากนี้ต้องมีไปล่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำอีก
“โชคดีที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ไปเสียเปล่า”โจวเหวินหยิบเอาผลึกออกมา มันเป็นผลึกสกิลของเต่าเหล็กทมิฬ ก่อนที่โจวเหวินจะใช้โทรศัพท์ถ่าย
ผลึกเต่าเหล็กทมิฬด้ายทอง ต้องการค่าร่างกาย41 ค่าพลังงาน 41
“ต้องใช้ค่าร่างกายกับค่าลมปราณซินะ ไม่ยากเท่าไร เพราะเหลือแค่ค่าร่างกายเท่านั้นที่ยังไม่41 คงไม่นานเกินรอเท่าไรหรอก”โจวเหวินเก็บผลึกไว้ในห้วงมิติ
ก่อนที่เขาจะเดินไปตามเมืองแล้วหาโรงแรมอยู่ เฮียเจ้าของโรงแรมเห็นแล้วก็ใช้โทรศัพท์เปิดข่าวขึ้นมาเทียบหน้ากับรูปในข่าวก่อนจะร้องออกมาทันทีด้วยความตกใจ “นายคือโจววเหวินนี่”
โจวเหวินตกใจนิดหน่อยแต่หลังจากที่เห็นข่าวในโทรศัพท์แล้ว เขาก็พบว่าตอนนี้เขาเริ่มดังใหญ่แล้วหลังจากการต่อสู้กับมารสวรรค์
เฮียเจ้าของโรงแรมต้อนรับโจวเหวินอย่างดีแล้วจัดห้องที่ดีที่สุดในโรงแรมให้โจวเหวิน
แต่พอโจวเหวินเห็นราคาค่าห้องแล้วก็สะดุ้งแล้วถามทันที “เออ พอจะลดให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“คุณจะทำอะไรก็ได้ครับ ถ้าไม่พอใจเราคืนเงินก็ได้ แต่ลดให้ไม่ได้หรอกครับ”เจ้าของพูด
“ถ้างั้นเปลี่ยนมาเป็นห้องปรกติเถอะครับ” โจวเหวินพูด
ตอนที่ 906
ท้าประลองกระทันหัน
หลังจากต่อราคากันไปกันมา ในที่สุดเจ้าของโรงแรมก็ยัดเยียดห้องVIPให้จนได้พร้อมกับลดราคาค่าห้องให้20% แต่ถึงจะลดไปแล้ว20% แต่ราคามันก็ยังแพงกว่าห้องปรกติอยู่มากอยู่ดี
โจวเหวินเข้ามาในห้องวีไอพี ห้องนี้เหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่มาซักพักแล้วทำให้มีฝุ่นเกาะบนทีวี
เจ้าของปัดฝุ่นเล็กน้อยก่อนจะพูด “เดี๋ยวอยู่ที่ห้องนี้นะครับ อาหารเช้าจะมาเสริฟที่ห้องนะครับ ตามสบายเลยครับ”
โจวเหวินมองไปตามห้องแล้วเห็นว่าฟูกนอนยังสะอาดอยู่ เขาเลยไม่พูดอะไร
หลังจากที่เจ้าของออกไปแล้ว โจวเหวินก็หยิบเอานมกับอาหารอย่างอื่นออกมาจากห้วงมิติแล้วหาเสื้อผ้ามาห่มให้หยาเอ๋อให้เธอได้กินอาหารดีๆ
ตอนนี้เธอโตขึ้นมากแล้ว เธอโตขึ้นทุกๆวันและเสื้อผ้าที่เธอเคยใส่ตอนนี้เริ่มเล็กไปแล้วด้วย
การได้เห็นหยาเอ๋อค่อยๆเติบโตนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
โจวเหวินเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วพบว่าข่าวส่วนมากตอนนี้มีแต่เรื่องของตัวเขาเอง โลกออนไลน์กำลังลุกเป็นไฟ แต่ตัวหลักของเรื่องนี้ไม่ใช่เขาที่ถูกพูดถึงเยอะที่สุด แต่เป็นเบม่อนตั่งหาก ตอนที่นักข่าวเจอสถานการณ์นั้นเข้าแล้วถ่ายมันมา มันก็อยู่ในช่วงครึ่งหลังแล้ว หลังจากที่ตัดต่ออะไรเสร็จเรียบร้อย ภาพที่โจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อหลบเพลงดาบของนาโอะอย่างสวยงาม ก่อนจะอัญเชิญเบม่อนออกมาเปลี่ยนมันเป็นถุงมือแล้วต่อยไปที่ดาบของนาโอะเต็มๆ
คนส่วนมากนั้นต่างชื่นชมในพลังความแกร่งของเบม่อน คนในเขตตะวันออกเองก็ดีใจที่เจ้าของเบม่อนนั้น แท้จริงแล้วเป็นคนของเขตตะวันออก แต่เขตตะวันตกนั้นก็อ้างว่า โจวเหวินสามารถเอาชนะมารสวรรค์ได้ก็เพราะสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งของเขตพวกเขาตั่งหาก
การอวยเบม่อนว่าแกร่งกว่าโจวเหวินนั้นทำให้โจวเหวินอดรู้สึกรำคาญนิดหน่อยไม่ได้ “คนพวกนี้มันตาถั่วกันเหรอ ที่ฉันเอามันมาเป็นถุงมือหน่ะถูกแล้ว เพราะถ้าปล่อยเบม่อนออกมาสู้ตัวต่อตัวยังไงมันก็แพ้นาโอะแน่ๆ”
โจวเหวินแค่พูดออกมาเฉยๆ จริงๆเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย
และตอนที่เขากำลังจะปิดข่าวแล้วฟาร์มต่อนั้นเอง จู่ๆเขาก็เห็นข่าวที่จู่ๆก็แทรกขึ้นมากระทัน
“สวัสดียามเย็นครับท่านผู้ชมทุกท่าน ผมหยูหลงผู้ประกาศข่าวจากสถานีโทรทัศน์หลวง ตอนนี้ผมกำลังถ่ายทอดสดให้คุณผู้ชมได้เห็นตรงหน้าของลูกบาศในเมืองหลวงนะครับ เมื่อครู่นี้ ได้มีสัตว์อสูรตัวใหม่เข้าท้าชิงกับมารสวรรค์อันดับ1บนลูกบาศแล้วครับ ผู้ท้าชิงที่มาสู้กับมารสวรรค์นั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลยครับ เป็นยักษ์น้ำแข็งที่เคยเข้าท้าชิงกับเทพดาบโบราณก่อนหน้านี้ครับ ยักษ์น้ำแข็งนั้นมีความเหมือนกันกับเบม่อนมาก มันเป็นสายพลังเหมือนกันที่ใช้ร่างกายเข้าแรก ตอนนี้มารสวรรค์พึ่งพ่ายแพ้กับเบม่อนไป ทำให้ยักษ์น้ำแข็งเหมือนจะได้ใจเข้าท้าชิงกับมารสวรรค์ทันทีครับ เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่า…”
โจวเหวินพอได้ยินแบบนั้นแล้วก็ขำกับข่าว เพราะมีใครบางคนเชื่อจริงๆว่าพวกเขาสามารถเอาชนะมารสวรรค์กับนาโอะได้โดยใช้แค่ร่างกายเข้าปะทะอย่างเดียว
เอาจริงๆในระหว่างการต่อสู้ โจวเหวินกับมารสวรรค์นั้น นาโอะไม่ใช้ความสามารถของมารสวรรค์ออกมาเลย ไม่งั้นละก็ การจะใช้แค่เบม่อนนั้นคงไม่มีทางไล่นาโอะไปได้ง่ายๆแน่ๆ
“ไม่รู้ว่าคนๆนั้นจะรับไหมนะ”โจวเหวินคิดแล้วปล่อยโทรศัพท์คาไว้แบบนั้น ปล่อยให้มันเล่นข่าวต่อไปโดยที่ตัวของเขานั้นไปฟาร์มเกมส์ต่อ
ตอนที่เขากำลังฟาร์มที่ภูเขาต้านหลูอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงนักข่าวพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชม มารสวรรค์ตอบรับคำท้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ทั้ง2ฝ่ายกำลังจะเข้ามาในสนามประลอง….”
โจวเหวินวางโทรศัพท์ที่เล่นเกมส์ลงแล้วตั้งใจดูถ่ายทอดสดทันที แน่นอนว่าตอนนี้ นาโอะที่สวมชุดเกราะมารสวรรค์ ค่อยๆลลอยลงมาบนสนามประลองในลูกบาศแล้ว
“เอาวะอย่างน้อยก็มีอะไรดีๆให้ดู บางทีฉันอาจจะได้เห็นความสามารถของมารสวรรค์ก็ได้”โจวเหวินมองนาโอะ แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังหงุดหงิดสุดๆ เขารู้สึกได้เลยว่ายักษ์น้ำแข็งตอนนี้ดวงเริ่มถึงฆาตแลล้ว
เจ้าของยักษ์น้ำแข็งนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก เขารู้สึกว่าขนาดเบม่อนยังเอาชนะมารสวรรค์ได้ ถึงพลังของยักษ์น้ำแข็งจะสู้เบม่อนไม่ได้แต่พลังป้องกันของมันมีมากกว่าเบม่อนแน่ๆ
ถึงจะเอาชนะมารสวรรค์ไม่ได้แต่ด้วยพลังป้องกันที่แน่นหนา อย่างน้อยที่สุด เขาก็น่าจะสามารถบังคับมารสวรรค์ใช้ความสามารถออกมาได้บ้าง จะได้สามารถศึกษามารสวรรค์ได้เพิ่มขึ้น
แต่หลังจากที่มารสวรรค์ลงมาถึงสนามประลองนั้นเอง ยักษ์น้ำแข็งก็คำรามก่อนจะเปิดโหมดเพิ่มความแข็งแกร่งของการป้องกัน ชุดเกราะของมันส่องแสงขึ้นเจิดจ้า
ในการประลองผู้พิทักษ์ครั้งที่ผ่านมา แม้แต่การโจมตีของเทพดาบโบราณก็ยังม่าสามารถเอาชนะความสามารถนี้ได้
โฮก โฮก โฮก!!!
เสียงคำรามติดต่อกัน3ครั้ง ทำให้มีรัศมีวงกลมปรากฏขึ้นมาที่พื้นใต้เท้าของมัน ก่อนจะมีม่านสี่ขาวปรากฏขึ้นมาเป็นเกราะกำบังร่างกายอีกชั้นเป็นการบัฟการป้องกันเข้าไปอีก
หลังจากที่บัฟตัวเองเสร็จหมดแล้ว มันก็พุ่งตัวเองเข้าใส่นาโอะที่ลอยอยู่กลางอากาศทันทีตัวของมันใหญ่มาก ทุกๆก้าวของมันเหมือนกันทำแผ่นดินสะเทือน ตอนที่มันพุ่งไปใกล้ถึงนั้นเอง มันก็กระโดดลลอยตัวขึ้นแล้วกำหมัดแน่น ต่อยไปที่นาโอะทันที
นาโอะนั้นไม่ขยับ ยังคงลอยอยู่นิ่งๆ มองดูหมัดของยักษ์ขนาดมหึมาที่กำลังลอยตรงเข้ามาผ่านช่องมองของชุดเกราะมารสวรรค์
จนกระทั้งหมัดใกล้ถึงเธอจริงๆเธอถึงยกมือขึ้นมาตั้งรับ แต่ในตอนนั้นเอง ชุดเกราะมารสวรรค์ก็ระเบิดพลังออกมาเกิดเป็นเปลวเพลงที่ลุกท่วมตัวของนาโอะ
ตู้มม!!!
หมัดขนาดยักษ์กลับถูกหยุดไว้ด้วยมือเล็กๆของนาโอะ ไม่ว่ายักษ์น้ำแข็งจะพยายามขนาดไหน แต่หมัดนั้นก็ยังต่อยเข้าไปไม่โดน
จากมุมของคนดูมันดูยิ่งดูยิ่งใหญ่เข้าไปใหญ่ ต่อหน้ายักษ์ตัวใหญ่เบิ้ม นาโอะนั้นตัวเล็กเท่ามด เทียบกับภูเขา แต่หมัดของมันนั้นกลับถูกนาโอะป้องกันไว้ได้หมดเลย
และวินาทีต่อมาภาพพที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เปลวไฟที่ลุกท่วมตัวของนาโอะนั้นจู่ๆก็พุ่งเข้าไปล้อมรอบตัวของยักษ์ทันที ไฟเวทนั้นมันเจาะเข้าร่างงกายของยักษ์ได้อย่างง่ายดายผ่านช่องว่างของชุดเกราะของมัน
เจ้าของยักษ์นั้นรู้สึกแปลกๆ จึงตั้งใจจะสั่งให้ยักษ์ยอมแพ้แล้วถอยกลับมาแต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว เสียงระเบิดดังลั่นเกิดขึ้น เพียงแค่ฝ่ามือเดียวของนาโอะก็ระเบิดยักษ์ที่ติดไฟระเบิดกลายเป็นแตงโมโดนค้อนทุบเศษซากเลือดระเบิดออกมาเป็นพรุไฟ
ชื่อของยักษ์นั้นหายไป แล้วโลกก็เงียบสงัดไปอีกครั้ง
ตอนที่ 907
ล่อลวงตาย
“บ้าหน่า มันก็ไม่น่าต่างอะไรกันมากไม่ใช่เหรอระหว่างมันกับเบม่อนหน่ะ ทำไมแปปเดียวมันตายได้ละ”
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นอะ ฉันตาฝาดเหรอ”
“ยักฆ์น้ำแข็งมันอ่อนกว่าเบม่อนมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
…
การวิจารย์เริ่มปะทุขึ้นอย่างเดือด ภาพของมารสวรรค์ที่ฆ่ายักษ์น้ำแข็งตายนั้นมันติดตราตรึงใจมาก แม้แต่6ตระกูลยังไม่คิดเลยว่ายักษ์น้ำแข็งที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันนั้นจะตายง่ายขนาดนั้น
อารมณ์ของนาโอะนั้นดีขึ้นมานิดนึง เธอได้สร้างชื่อกลับมาให้กับมารสวรรค์อีกครั้ง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับการเปิดเผยความสามารถของมารสวรรค์ แต่มันก็คุ้มค่า เพราะถ้าปล่อยให้ยักา์น้ำแข็งหลุดรอดไปละก็ ตระกูลอื่นๆคงจะคิดว่ามารสวรรค์นั้นอ่อนหัด จัดการง่าย แล้วก็จะส่งสัตว์อสูรระดับเร้นลับมาลองเชิงความสามารถของมารสวรรค์อีกซึ่งมันจะยุ่งยาก แต่ตอนนี้เธอได้เชือดไก่ให้ลิงดูโดยการโจมตีครั้งเดียวยักษ์น้ำแข็งตายไปเลย เหมือนเป็นการประกาศว่าถ้าใครยังกล้ามาลองดีอีกละก็ จะเสียสัตว์อสูรระดับเร้นลับไปได้ง่ายๆนะ
ถึงแม้ว่าจำนวนสัตว์อสูรระดับเร้นลลับใน6ตระกูลนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่การจะเสียมันไปด้วยเหตุผลอะไรแบบนี้มันก็คงไม่มีใครอยากจะเอามาเสี่ยงหรอก
“เมื่อกี้นี้มันพลังอะไรกันหน่ะ”โจวเหวินคิดถึงกุญแจสำคัญของความสามารถเมื่อกี้
มันไม่ได้เป็นพลังที่อัดส่งแรงเข้าไปโดยตรงแน่ๆ เพราะถ้าส่งแรงกระแทกโดยตรง แม้แต่สุดยอดพลังของเบม่อนยังต่อยเกราะหนักของยักษ์นั้นไม่แตกเลย
พลังของมารสวรรค์ต้องมีความสามารถพิเศษบางอย่างแน่ๆที่ทำให้ยักษ์นั้นป้องกันไม่ได้และตายในครั้งเดียว
แต่มันคือพลังอะไรกันนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ ถึงจะเห็นด้วยตาของตัวเองก็ไม่สามารถคาดคะเนได้อย่างแม่นยำ เพราะว่ามันมีความเป็นไปได้มากเกินไป มันอาจจะเหมือนกับระเบิดชีวิตก็ได้ ขอแค่แตะตัวอีกฝ่ายได้ก็สามารถเปลี่ยนพลังชีวิตของอีกฝ่ายให้กลายเป็นระเบิดออกมาได้
หรือมันอาจจะเป็นพลังที่เจาะร่างกายเข้าไปเพื่อทำลายร่างกายจากภายในก็ได้ ทำให้เกราะหนักของยักษ์นั้นทำอะไรไม่ได้ เหตุผลมีอีกมากมายที่คิดออก แถมยังมีอีกเยอะเลยด้วยที่ยังคาดไม่ถึง
แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่ได้เห็นการโจมตีของมารสวรรค์และได้สู้กับนาโอะจริงๆแล้ว โจวเหวินก็รู้ได้เลยว่าเขาต้องห้ามไม่ให้โดนไฟของมารสวรรค์เด็ดขาด
“ถึงยักษ์น้ำแข็งจะแกร่งมากก็จริงแต่มันก็ยังอ่อนกว่าเบม่อน เบม่อนสามารถสู้กับมารสวรรค์ได้ แต่ยักษ์น้ำแข็งกลับทำอะไรไม่ได้เลย ความต่างมันต่างกันเยอะเลยนี้หน่า”
“หวังว่าเบม่อนจะกล้าลุกขึ้นท้ามารสวรรค์ แล้วชิงอันดับ1กลับมานะ ให้พวกต่างแดนพวกนั้นรู้ซึ้งถึงพลังของรัฐบาลกลางซะบ้าง”
หลายๆคนตอนนี้เริ่มหวังให้เบม่อนเริ่มเคลื่อนไหว แต่โจวเหวินเองไม่สนใจเรื่องพวกนั้นแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขายังไม่สามารถระบุความสามารถของมารสวรรค์ได้ชัดเจน เพราะงั้น จะให้เขาเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงก็คงไม่ได้ การจะให้เบม่อนไปสู้คนเดียว ก็เท่ากับการส่งไปตายชัดๆ
“รีบทำตัวเองให้เป็นระดับเร้นลลับไวๆก่อนละกัน”โจวเหวินดูดซับผลึกจำนวนมหาศาลในเกมส์หวังจะให้เม็ดลมปราณพัฒนา
“ติ้ง!”หลังจากที่ฆ่าเมดูซ่าได้แล้ว ผลึกสกิลเมดูซ่าก็ดรอปออกมา
โจวเหวินนั้นปรกติแล้วจะรอให้เมดูซ่าเป็นร่างปีศาจก่อนแล้วค่อยฆ่า แต่หลังจากนั้นมันก็ไม่ดรอปอะไรออกมาอีกเลย
ก่อนหน้านี้โจวเหวินเคยเห็นเมดูซ่าดรอปผลึกสกิลออกมา2ชนิด แบบแรก เป็นแบบที่ต้องใช้ค่าร่างกาย41แล้วก็ค่าคำสาปอีก21 ส่วนอีกอันใช้ค่าลมปราณ41 กับค่าพิษอีก21 ค่าลมปราณกับพิษของโจวเหวินนั้นถึงเป้าหมายแล้ว เพราะงั้นเขาเลยมาฟาร์มเมดูซ่าบ่อยๆเพื่อให้ดรอปผลึกสกิลนั้นออกมา
“ขอให้เป็นผลึกสกิลนั้นเถอะ” โจวเหวินภาวนาในใจแล้วหยิบผลึกขึ้นมาดู แล้วเขาก็ดีใจ มันเป็นผลึกที่ต้องใช้ค่าลมปราณกับค่าพิษจริงๆด้วย
“ทีนี้ฉันจะได้ใช้สกิลนี้ได้ซักที”โจวเหวินอดใจรอที่จะดูดซับสกิลไม่ไหวแล้ว
ลมปราณถูกฉีดเข้าไปในผลึกก่อนที่ผลึกนั้นจะกลายเป็นไอแล้วผสานเข้ากับร่างกายของโจวเหวิน ทำให้ร่างของโจวเหวินนั้นรู้สึกเหมือนโดนเข็มทิ่มแทงยิบยับ
ลมปราณนั้นเริ่มไหลเวียนในร่างกาย เส้นลมปราณของเขาขยายออก ลมปราณนั้นไหลเวียนอยู่เกือบชั่วโมงจนร่างกายของโจวเหวินปรับสภาพคุ้นชินกับมันได้สำเร็จ
“ทำการดูดซับผลึกเมดูซ่า และเรียนรู้สกิลระดับเร้นลับ ล่อลวงตาย”
“ว่าแล้วเชียว ไม่ใช่สกิลดวงตาหินซินะ”โจวเหวินนั้นคิดมาตั้งนานแล้วว่าผลึกที่ใช้ค่าคำสาปนั้นน่าจะผลึกของดวงตาหินมากกว่า
“แล้วสกิลล่อลวงตายมันคืออะไรละ มันใช้ค่าพิษด้วย อย่าบอกนะว่ามันจะทำให้ผมของฉันมันกลายเป็นงูพิษหน่ะ”โจวเหวินคิดถึงสภาพของตัวเองที่กลายเป็นแบบเมดูซ่าแล้วก็เริ่มกังวลขึ้นมา ถึงมันจะเป็นสกิลที่ดียังไงแต่ทางด้านจิตใจของเขาก็คงยอมรับไม่ได้แน่ๆ
โจวเหวินอ่านคำอธิบายของสกิลล่อลวงตายแล้วพบว่ามันเป็นสกิลเส้นผมจริงๆ ตอนแรกโจวเหวินก็ตกใจ แต่หลังจากที่ลองอ่านดีๆแล้ว เขาก็โล่งใจขึ้นมา
เพราะในตำนานว่ากันว่า เมดูซ่านั้นเป็นสาวงามที่มีเส้นผมงดงามที่สุดในโลก และเธอก็ภูมิใจในผมของตัวเองมาก แต่อาเธน่านั้นเปลี่ยนเส้นผมของเธอให้กลายเป็นงูพิษ
สกิลลล่อลวงตายนั้นจะเปลี่ยนผมของเขาให้มีพิษรุนแรง แต่มันจะไม่กลายเป็นงูพิษ เพียงแค่แตะเส้นผมนั้นเพียงนิดเดียว ก็จะติดพิษได้อย่างง่ายดาย
โจวเหวินลองใช้สกิลนี้แล้ว ตอนที่ลมปราณเริ่มไหลเวียนสกิลถูกใช้งาน ผมของโจวเหวินก็งอกยาวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในพริบตาเดียวผมของเขาก็งอกยาวลงมาลากดินแล้ว แต่โจวเหวินรู้ดีว่าจริงๆแล้วนั้นไม่ใช่ผมจริงๆแต่เป็นลมปราณที่ก่อตัวขึ้นมาตั่งหาก
โจวเหวินคิด ก่อนจะพยายามลองควบคุมผมที่เกิดจากลมปราณของเขาดู แล้วเขาก็พบว่า มันควบคุมยากมากๆ การจะหวังใช้ผมพิษเป็นอาวุธนั้นดูจะเป็นไปไม่ได้เลย
“หรือว่าต้องรอให้คนมาแตะผลมของฉันเองจริงๆกัน”โจวเหวินรู้สึกเสียใจ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงแต่สกิลนี้ก็คงใช้ไม่ค่อยได้เท่าไร
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ลองทดสอบดูโดยสางผมนั้นลงไปในน้ำ ผมพิษนั้นละลายหายไปกับน้ำทันที และไม่นาน สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ในน้ำก็ติดพิษตายตามไปด้วย
“กลายเป็นว่ามันเป็นสกิลที่ใช้ให้ติดพิษตายซะงั้น เอาจริงๆมันก็ไม่ได้แย่นะ แต่แค่ไม่รู้ว่าพิษมันแรงแค่ไหนเท่านั้นเอง มันจะฆ่าระดับเร้นลับได้รึเปล่า”โจวเหวินศึกษาต่ออีกยาวๆ เขาเองก็อยากจะรู้วิธีการใช้สกิลนี้จริงๆเหมือนกัน ความจริงคือ ผมนี้ไม่จำเป็นต้องในน้ำก็ได้ แม้แต่ในอากาศ ผมพิษก็สามารถปล่อยแก๊ซพิษออกมาเหมือนกับน้ำหอม คนที่ได้กลิ่นก็จะติดพิษรุนแรงไป
แต่พิษนั้นมันไม่ได้แรงอย่างที่โจวเหวินคิด การจะฆ่าระดับเร้นลับด้วยพิษนั้นมันออกจะยากไปหน่อย ยกเว้นแต่วว่าระดับเร้นลับนั้นจะได้รับพิษเข้าไปเยอะพอสมควร
การที่โจวเหวินทำแบบนั้นได้ มันก็อาจแปลว่า โจวเหวินสามารถฆ่าระดับเร้นลับได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องสู้เองเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าสกิลนี้ใช้กับคนละก็มันก็มีประโยชน์สูงมาก เพราะมนุษย์นั้นระดับสูงสุดเป็นแค่ระดับมหากาพย์ แค่ไอน้ำหอมพิษก็ฆ่าคนได้แล้ว
ตอนที่ 908
ลงเกาะ
แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ยังรู้สึกมาตลอดเลยว่าสกิลล่อลวงตายอย่างเดียวนั้นมันใช้ยาก เขาเลยแอบคิด “จริงๆแล้วมันเป็นสกิลสายพิษเหมือนกัน ไม่รู้ว่าล่อลวงตายกับสกิลฝ่ามือมังกรพิษมันจะผสมรวมกันได้ไหมนะ”
โจวเหวินค่อยศึกษาความสามารถของสกิลทั้ง2 ถึงแม้ว่ามันเป็นคนละส่วนของร่างกาย แต่2สกิลนี้จริงๆแล้วมันมีความเหมือนกันในหลายๆด้าน ทั้ง2สกิลนั้นเป็นสกิลลมปราณสายพิษเหมือนกัน และพิษที่ออกมายังคล้ายๆกันอีกด้วย ดังนั้นการจะผสมรวมกันได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว
“มันจะดีมากๆเลยถ้าใช้สกิลพิษของล่อลวงตาย มาใช้บนมือได้”โจวเหวินยังไงก็ถนัดใช้มือมากกว่าใช้ผมอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาเลยเริ่มวิจัยและค้นคว้าหาแนวทาง หวังว่าจะรวม2สกิลนี้ไว้ด้วยกันให้ได้ แต่ขั้นตอนในการรวม2สกิลนั้นมันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสกิลลลมปราณประเภทเดียวกัน แต่การใช้งานมันต่างกันมากๆ โจวเหวินเคยลองศึกษามานานมากแล้ว แล้วก็พบว่าการจะรวม2สกิลลมปราณไว้ด้วยกันนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย ยกเว้นแต่ว่ามันจะเป็นสกิลที่ใช้แบบรวมกันอยู่แล้ว อย่างเช่นกงจักรเวทดารา
พอถึงเวลาที่นัดหมาย โจวเหวินก็กลับเข้าไปในตระกูลหลูอีกครั้ง รอบนี้ตระกูลหลูก็ยังคงต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนเดิม แต่ถ้าเทียบกับรอบแรกแล้ว รอบนี้จะออกแนวสุภาพและดูให้เกียรติมากกว่าซะอีก
คุณหลู จ้าวตระกูลหลูในปัจจุบันนั้นออกมาต้อนรับโจวเหวินด้วยตัวเอง และเขาก็ไม่ได้ทำเหมือนกับว่าโจวเหวินเป็นเด็กเพียงเพราะเรื่องอายุ โจวเหวินรู้ดีว่าที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้นั้นอาจจะเป็นเพราะข่าวที่เขาไปสู้กับนาโอะ ทำให้ตระกูลหลูให้ความสนใจกับเขาเป็นพิเศษ หลังจากที่เข้ามาในตระกูลหลูแล้ว โจวเหวินก็พบว่ามีคนอื่นๆที่ตระกูลหลูเชิญมาเยอะแยะเลย ทั้งฉางเสี่ยวจากตระกูลฉาง ทั้งคนของตระกูลเสี่ยที่โจวเหวินไม่รู้จัก แต่ถึงอย่างนั้นคนของตระกูลเสี่ยเหมือนจะมองโจวเหวินแปลกๆไป ไม่ได้แค่หรือเคืองอะไรหรอก แต่แค่ดูไม่อยากจะเข้าใกล้สุดๆเท่านั้นเอง
ซึ่งโจวเหวินก็พอจะเข้าใจได้อยู่แหล่ะ ว่าเขาฆ่าเสี่ยจิวหวง จ้าวตระกูลเสี่ยไป และเสี่ยจิวหวงเองยังเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลเสี่ยอีกด้วย แต่จ้าวตระกูลเสี่ยที่ว่านั้นก็เกือบจะทำลายตระกูลเสี่ยไปแล้วด้วย ถ้าไม่ได้โจวเหวินช่วยหยุดไว้ ทำให้ความรู้ที่มีต่อโจวเหวินนั้นมันตีกันไปมา
คุณหลูเองก็ไม่พูดพร้ำทำเพลง หลังจากที่อธิบายสถานการณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาทุกคนออกเดินทางไปยังสถานที่ที่พบสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำครั้งล่าสุด
ครึ่งเดือนที่ก่อนหน้าที่ผ่านมานี้ สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตัวนี้มักจะมาปรากฏตัวบริเวณใกล้เคียงเมืองหวางไห ทำให้เกิดความเสียหาย บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก ถ้ามันบุกเข้ามาในเมืองหวางไหได้ละก็ ความเสียหายอาจจะมากเกินจะประมาณได้
แต่ในครึ่งเดือนหลังมานี้ สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำมังจะไปโผล่บริเวณชายฝั่ง ส่วนมากนั้นมักจะวิ่งอยู่บริเวณทะเลน้ำตื้น และปรากฏตัวให้เห็นน้อยลงมากๆ แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่
ตระกูลหลูนั้นได้ส่งคนไปตรวจสอบทุกความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าเข้าไปใกล้มากเกินไป แต่ด้วยข้อมูลที่ตระกูลหลูมีทำให้พวกเขาสามารถคาดเดาได้ว่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำแท้จริงแล้วอยู่ที่เกาะเล็กๆที่อยู่ในทะเล
เกาะนั้นอยู่ไม่ไกลจากเมืองหวางไหมากนัก แต่ไม่เหมือนกับเกาะในสุสานเต่า นี้มันคือเกาะจริงๆ ไม่ใช่พื้นที่ต่างมิติ
ตระกูลหลูส่งทีมนำทาง พาพวกโจวเหวินไปถึงที่เกาะ โดยตระกูลหลูแต่ละคนนั้นขึ้นขี่และควบคุมเต่าหินดำระดับมหากาพย์ว่ายไปในทะเลอย่างรวดเร็ว
โจวเหวินยืนอยู่บนหลังเต่าก่อนที่จะมองไปทางทะเลลไกลโพ้น ฉางเสี่ยวเองก็นำทีมกระเรียนของตระกูลฉางบินข้ามทะเลกันมาโดยไม่ได้ขี่เต่าหินดำมาด้วย
เดินทางกันมาได้ประมาณชั่วโมง พวกเขาก็เริ่มเห็นเกาะที่ว่านั้น
“จากข้อมูลที่ทางเราตระกูลลหลูได้แจ้งเอาไว้แล้ว หากใครมีความมั่นใจ ก็สามารถลงไปยังเกาะแล้วเริ่มต้นการล่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำได้เลย แต่ถ้าไม่มั่นใจ ก็ขอให้อย่าพึ่งเข้าไปเสี่ยงเลยนะครับ เพราะยังไง ชีวิตของคนเราก็ยังมีค่า อีกอย่าง ถึงแม้ว่าเกาะนั้นจะไม่ใช่พื้นที่ต่างมิติ แต่ก็มีรายงานของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำอาศัยอยู่ที่นั้นอยู่บ้าง บางทีภายในเกาะนั้นอาจจะไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำแค่ตัวเดียวก็ได้ เพราะงั้นโปรดระวังด้วย ถ้าเกิดว่าพบอะไรบางอย่างผิดปรกติ ขอให้ทุกท่านถอยออกมาทันที ทางตระกูลหลูจะเข้ามาควบคุมสถานการณ์เอง”คุณหลูพูดก่อนจะหันไปหาโจวเหวิน “โจวเหวินให้เราดูและเด็กคนนั้นให้ก่อนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เด็กคนนี้กลัวถ้าอยู่กับคนอื่น”โจวเหวินเห็นว่าทุกคนนั้นลงไปยังเกาะนั้นกันหมดแล้ว โจวเหวินเลยเปลี่ยนค้างคาวเงาพิษเป็นปีกก่อนจะบินโฉบตามลงไป
ก่อนที่จะถึงตัวเกาะ โจวเหวินได้ขยายอาณาเขตรับเสียงของสดับวานรจนถึงขีดสุด เขาอยากที่จะแสกนทั้งเกาะให้เข้าใจสถานการณ์โดยรวมก่อน
เกาะนี้เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่ซักเท่าไร มันเป็นเกาะทั่วๆไปที่เกิดขึ้นมาจากแรงระเบิดของภูเขาไฟ ภูเขาไฟที่ว่านั้นตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง และบางครั้งก็จะปล่อยควันออกมาด้วย ถึงมันจะไม่ได้ปะทุอีกก็จริงแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร
ภูเขาไฟนั้นโดนห้อมล้อมไปด้วยป่า พื้นที่นั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แต่ป่านั้นเป็นป่ารกทึบมากๆ และเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตต่างๆมากมายจนโจวเหวินรู้สึกแปลกๆ
โจวเหวินใช้ความสามารถของสดับวานรฟังเสียงของทั้งเกาะแล้ว แต่โจวเหวินก็ต้องประหลาดใจเพราะเขาไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำบนเกาะนี้เลยแม้แต่น้อย
สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่ตระกูลหลูพึ่งบอกมาก็ไม่เจอ นอกจากแมลง นกและสัตว์ป่าทั่วไปแล้ว มันไม่มีสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำแม้แต่ตัวเดียวอยู่บนเกาะนี้เลย โจวเหวินเดินทางลงไปมาที่ชายหาด ก่อนจะหยุดแล้วแสกนทั่วๆเกาะอีกครั้งนึง แต่ผลก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำอยู่ในระยะแถวนี้เลย
“ตระกูลหลูบอกตำแหน่งผิด หรือว่าสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำมันหนีออกไปแล้วกันนะ”โจวเหวินคิด
แต่ตอนที่โจเวหวินกำลังคิดอยู่นั้นเอง มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ชายคนนั้นเป็นนักล่าอิสระที่ทางตระกูลหลูเชิญมาและดูจะดังมากๆในแถบนี้ด้ววยแต่โจวเหวินไม่รู้จักเขาหรอก ชายคนนั้นเดินมาหาโจวเหวินแล้วพูด “ชื่อของฉันคือพิด้า เป็นคนท้องถิ่นเมืองหวางไห แล้วก็เป็นนักล่าอิสระท้องถิ่นด้วย”
โจวเหวินมองพิด้าแล้วไม่พูดอะไร ชายคนนี้มีกลิ่นอายที่แปลกมากๆ เขาดูเหมือนเป็นแค่ระดับตัวอ่อนธรรมดาๆ ลมปราณที่มีในตัวก็อ่อนมากด้วย แต่ตระกูลหลูคงไม่มีทางชวนมนุษย์ธรรมดาระดับตัวอ่อนมาล่าระดับเร้นลับหรอก
พิด้าพูดต่อ “ในฐานะที่เป็นคนพื้นที่แถบนี้ ฉันรู้เรื่องแถบนี้ดีทุกอย่าง และฉันไม่ได้อยู่ใต้การบัญชาของตระกูลหลูด้วย ฉันรู้ข้อมูลบางอย่างที่แม้แต่ตระกูลหลูก็ยังไม่รู้ และฉันก็มั่นใจด้วยว่า ไม่มีใครสามารถหาสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่เกาะนี้ได้หรอก”
“ทำไมละ”โจวเหวินถามอย่างสงสัย
“ถ้านายยอมมาร่วมมือกับฉัน ฉันจะบอกให้ว่าทำไม แล้วฉันก็จะพานายไปหาสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตัวนั้นด้วย”พิด้าพูด
“ก็ถ้ารู้คำตอบอยู่แล้วทำไมนายไม่ไปจัดการมันซะเองเลยละจะมาบอกทำไม”โจวเหวินพูด
“ถ้าฉันมีพลังมากพอจะทำอะไรอย่างนั้น ฉันก็ไม่ต้องมาหาคนช่วยหรอก”พิด้าหยุด แล้วพูดต่อ “ถ้านายไม่เชื่อฉันละก็ นายลองไปตามหาสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำเองเลยก็ได้ พิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนแล้วค่อยมาช่วยฉันก็ยังได้เลยมันไม่สายไปหรอก”
“แล้วจะให้ฉันช่วยยังไงละ”โจวเหวินถามตรงๆ เขารู้อยู่แล้วว่าในเกาะนี้นั้นมันไม่มีสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำเลยแม้แต่ตัวเดียว
ตอนที่ 909
ไข่
“เราจะร่วมมือกันฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำตัวนั้น หลังจากที่มันตายแล้ว สัมปทานผงเวทมนตร์ของตระกูลหลูจะเป็นของนาย แต่ถ้ามีอะไรดรอปออกมาจากสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำ มันจะเป็นของฉัน ถ้ามันไม่ดรอปก็ถือว่าฉันดวงซวยไปละกัน” พิด้าพูด
“ดูเหมือนเราจะร่วมมือกันไม่ได้แล้วละ” เป้าหมายของโจวเหวินที่มาที่นี้นั้น คือไข่สัตว์อสูรของสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำ การช่วยอาเซิงเรื่องผงเวทมนตร์นั้นเป็นแค่โบนัสเท่านั้น เพราะงั้นเงื่อนไขแบบนี้มันไม่น่ายอมรับสุดๆไปเลย
พิด้าตะลึงกับคำตอบ “สัมปทานเหมือนผงเวทของตระกูลหลูยังไม่พออีกเหรอ”
โจวเหวินไม่อธิบายอะไร เขาใช้สดับวานรฟังจนทั่วเกาะ นอกจากโจวเหวินแล้ว ตระกูลฉางกับตระกูลเสี่ยรวมถึงคนอื่นๆก็ใช้วิธีของตัวเองในการตรวจหาสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำกันทั้งนั้น แต่โชคไม่ดีที่ทุกคนนั้นต่างจากโจวเหวิน และบางคนก็เริ่มที่จะสงสัยแล้ว ว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำนั้นอาจจะไม่ได้มีอยู่ในเกาะนี้เลยด้วยซ้ำ
โจวเหวินคิดซักพักก่อนจะเดินตรงไปยังปล่องภูเขาไฟ ถ้าสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำตัวนั้นยังอยู่ในเกาะนี้จริง มันก็มีทางเดียวที่จะหลบได้คืออยู่ในภูเขาไฟนั้น
“โจวเหวิน ลองคิดดูให้ดีนะ นายก็รู้นี้ว่าโอกาสที่จะดรอปไข่ของสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำมันน้อยขนาดไหนน่ะ…” พิด้ายังตามตื้อไม่เลิก
“นายเองก็รู้นี้ว่ามันต่ำขนาดไหนแล้วทำไมถึงเลือกอยากจะลองอยู่ละ”ทั้ง2คนเดินเข้ามาที่ปล่องภูเขาไฟ หลายๆคนเองก็มารวมตัวกันที่ปากปล่อง รวมถึงฉางเสี่ยววและคนของตระกูลเสี่ยด้วย
พวกเขาเองก็คิดแบบเดียวกับโจวเหวิน พวกเขาคิดว่าบางทีสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำอาจจะหลบอยู่ในภูเขาไฟก้ได้
“นายคงไม่ได้เป็นเหมือนพวกนั้นที่คิดว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำจะอยู่ในภูเขาไฟใช่ไหม”พิด้ากระซิบเหมือนรู้ทัน “ขอโทษที่ต้องย้ำนะ แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังคิดว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำอยู่ในภูเขาไฟนั้น ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีเลยที่จะแอบไปจัดการกับมัน ขืนช้าไปกว่านี้ละก็อาจจะมีปัญหาตามมาแน่ๆ”
“ฉันยอมรับข้อเสนอของนายไม่ได้”โจวเหวินหยุดไกลออกมาจากปากปล่อง
ทั้งตระกูลฉางและตระกูลเสี่ยต่างก็ใช้สัตว์อสูรธาตุไฟในการลงไปสำรวจปล่อง โจวเหวินใช้สดับวานรแสกนดูและ ไม่เจอร่องรอยของสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำเลย ที่โจวเหวินเห็นมีแค่ลาวาจำนวนมหาศาล ของภูเขาที่ยังไม่สงบ และมันก็ไม่เสถียรเอามากๆด้วยปะทุออกมาตอนไหนก็ได้
สถานการณ์ภายในลาวานั้นยากที่จะได้ยินได้ชัดเจน ยกเว้นแต่ว่าจะมีสัตว์อสูรที่ดำลาวาได้จริงๆ ไม่งั้นก็คงไม่รู้ผลที่แน่นอน
ฉางเสี่ยวเห็นโจวเหวินแล้วแอบกังวลเล็กน้อย ชื่อเสียงของโจวเหวินนั้นดังมากๆ และทุกคนต่างก็รู้ดีว่าโจวเหวินนั้นเก่งกาจ ในบรรดาคนทั้งหมดนั้น โจวเหวินมีโอกาสได้มากที่สุด
พอเห็นโจวเหวินไม่ใจอ่อนเลย พิด้าเลยกัดฟันแล้วพูด “โอเคยอมแล้วก็ได้ อะไรก็ตามแต่ที่ดรอปมาจากสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำนายเอาไปเลย สัมปทานตระกูลหลูและสิทธิ์ในการซื้อนายก็เอาไปด้วย ส่วนของฉันขอแค่30%ของผงเวทก็พอ คิดว่าไง”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ค่อยคุยกันได้หน่อย”โจวเหวินพูด
“ตอนนี้นยังไม่สายไปหรอก รีบออกไปจากที่นี้กันดีกว่า เราจะไปล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำกันตอนนี้เลย”พิด้าพูด
“ได้ ขอทวนก่อน จากที่นายพูด ทุกๆอย่างนอกเหนือไปจาก30%ของผงเวทจะเป็นของฉันทั้งหมดถูกไหม มีอะไรอยากจะแย้งรึเปล่า”
“ไม่มีอะ ฉันเป็นแค่คนขายข่าวเฉยๆ จะให้ฉันไปสู้มันเองก็คงไม่ไหวหรอก”พิด้าพูด
โจวเหวินพยักหน้าแล้วตามพิด้าลงจากภูเขาไฟ
หลังจากที่พิด้ากับโจวเหวินออกมาจากภูเขาไฟแล้วพวกเขาก็พากันเดินทะลุป่าแล้วมาโผล่อีกฝั่งของชายหาด
จากนั้นพิด้าก็เดินไปตามชายฝั่งอีกซักพักก่อนจะหยุดที่จุดๆนึงแล้วชี้ไปที่ข้างใต้เท้า “ข้างใต้นี้มีถ้ำหินปูนหอยู่ ทางเดียวที่จะเข้าไปได้คือต้องดำน้ำเข้าไป สกิลใต้น้ำของนายโอเคไหมละ แล้วเรื่องเด็กนั้นละจะเอายังไง”
“ฉันไม่ใช่ชาวเลหน่ะ เลยไม่ค่อยคุ้นชินกับน้ำเท่าไร ในน้ำมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติเหรอ”โจวเหวินพูด
“เปล่าหรอก แค่ทางใต้น้ำมันออกจะยาวนิดหน่อยหน่ะ ถ้ามีสกิลใต้น้ำดีๆหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้วละ ถ้านายไม่คุ้นก็ลงไปเดินใต้น้ำแล้วตามฉันมาก็ได้”พิด้าพูด
“ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาไปกันได้เลย” โจวเหวินเดินลงไปในทะเลพร้อมกับหยาเอ๋อ
พิด้าลงทะเลไปก่อน โจวเหวินใช้สกิลเกราะป้องกันเต่าคะนองเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลเข้ามาโดนตัวเขาในระยะ1ฟุต หลังจากนั้นก็กระโดดลงน้ำตามไป
โจวเหวินนั้นอุ้มหยาเอ๋อตลอดทางลงใต้ทะเล พอลงไปถึง เขาก็เห็นถ้ำมืดที่พิด้าว่ายน้ำกำลังจะเข้าไปในนั้น
โจวเหวินค่อยๆเดินตรงเข้าไปในถ้ำหินปูนตามพิด้าไป สกิลว่ายน้ำของพิด้านั้นดีมาก แต่โจวเหวินนั้นเดินในน้ำทำให้เขาต้องค่อยๆเดินช้าๆ พิด้าเองก็ต้องว่ายรอโจวเหวินด้วย
โลกใต้น้ำนั้นมันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ โดยเฉพาะในถ้ำแห่งนี้ มันมีฝูงปลาและสิ่งมีชีวิตต่างๆมากมาย
สกิลเกราะป้องกันเต่าคะนองนั้นมีความสามารถในการป้องกันน้ำอยู่ด้วย ทำให้โจวเหวินสามารถพาหยาเอ๋อลงมาด้วยได้ หยาเอ๋อนั้นมองเหล่าฝูงเปล่าอย่างสงสัย ตอนที่ปลาเข้ามาใกล้เธอก็ยื่นมือออกไปจากอาณาเขตเกราะเหมือนจะเอื้อมไปแตะปลา
ถึงแม้ว่าสกิลเกราะป้องกันเต่าคะนองนั้นจะไม่ใช่สกิลระดับสูงอะไรแต่มันก็ต่างจากสกิลเกราะป้องกันลมปราณอื่นๆทั่วไป
ความต่างจริงๆของมันก็คือมันเป็นสกิลที่ใช้งานง่ายมากๆ สกิลลมปราณอื่นๆนั้นมันจะสร้างเกราะลมปราณขึ้นมาเป็นรูปธรรมแต่เกราะที่สร้างขึ้นมาจากสกิลดวงดาว28ดวงนั้น มันไม่เหมือนกัน เราจะใช้ตอนไหนก็ได้ มันไม่มีเกราะที่เป็นรูปธรรมกายภาพขึ้นมา ไม่ได้มีชั้นเกราะที่กั้นระหว่างเรากับน้ำอยู่
เกราะดวงดาวที่ต่างกันก็จะมีธาตุที่ต่างกัน อย่างเช่น เต่าคะนองก็จะเป็นธาตุน้ำ หงแดงก็จะเป็นธาตุไฟ มังกรฟ้าธาตุไม้ เสือขาวธาตุทอง
ในตอนนี้ โจวเหวินยังคงขาดสกิลอยู่ เขายังเก็บไม่ครบ28สกิล และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาอาจจะต้องเจอสกิลพิเศษอื่นๆอีกรึเปล่า
ถ้ำหินปูนใต้น้ำนั้นมันประหลาดมากๆ เพราะมันไม่ใช่แค่ทางตรงแต่มันยังมีทางอ้อมทางเลี้ยงและต้องผ่านช่องแคบต่างๆมากมาย โจวเหวินเองก็ไม่ได้รีบเดินอะไร ค่อยๆตรงไปเรื่อยๆ หลังจากที่ผ่านมาครึ่งชั่ววโมง ทั้ง2คนก็เดินผ่านทะลุถ้ำนั้นและออกจากน้ำมาได้
โผล่ขึ้นมาจากน้ำนั้นก็ยังคงเป็นถ้ำอยู่ แต่ถ้ำนี้มันต่างจากรอบที่แล้ว มันคือทำผลึกที่มีผลึกสีฟ้าอยู่เต็มไปหมด
โจวเหวินพบว่าตรงกลางของถ้ำที่ห้อมล้อมไปด้วยผลึกนั้น มีไข่ขนาดเท่าครึ่งตัวคนตั้งอยู่ตรงกลาง
“อย่าบอกนะว่าไข่นี้คือไข่ของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำน่ะ
“ดวงของนายมันจะดีเกินไปแล้วนะ ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติจะมาวางไข่ตรงนี้จริงๆ นี้มันเป็นไข่สิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับเลยนะ ถึงมันจะไม่ใช่ไข่สัตว์อสูรที่จะฟังออกมาเป็นสัตว์อสูรได้ แต่สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่พึ่งฟักออกจากไข่นั้นมันฝึกให้เชื่องแล้วเลี้ยงดูง่ายมากๆเลยถ้าเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก”พิด้าพูด
ตอนที่ 910
สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำ
โจวเหวินมองไปรอบๆแล้วก็ยังไม่พบสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่ว่า ทุกอย่างที่อยู่ในถ้ำนี้มีแค่ไข่ใบใหญ่ที่อยู่ใจกลางของถ้ำเพียงเท่านั้น
“บ้าเอ้ย บ้าจริงเชียว ถ้ารู้งี้ฉันน่าจะเข้ามาเอาไข่คนเดียวแท้ๆ มูลค่าของไข่ใบนี้มันมากมายกว่าผงเวทมนตร์เป็นล้านเท่าเลย”พิด้าพูดอย่างเสียดาย
แต่โจวเหวินไม่พูดอะไร เขาเดินตรงไปที่ไข่ เพราะว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ในไข่นั้นยังไม่เกิดออกมาทำให้มันไม่มีอันตรายใดๆ
เขาเดินเข้าไปที่ไข่ ก่อนจะใช้มืออุ้มไข่ขึ้นมา น้ำหนักของไข่นั้นมันหนักกว่าหินที่ขนาดเท่ากันอีก ถึงแม้ว่าไข่จะขนาดไม่ใหญ่มาก แต่น้ำหนักของมันค่อนข้างน่ากลัวทีเดียวถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าโจวเหวินมีแรงมากพอละก็ เขาเองก็คงจะยกไม่ไหวแน่ๆ
ตอนที่โจวเหวินยกไข่ขึ้นมานั้นเอง จู่ๆเขาก็เห็นรอยแยกของมิติกำลังฉีกขาดออกมาข้างๆ เป็นสัญญาณของการข้ามมิติระยะไกลที่กำลังจะมาโผล่ตรงนี้
จากนั้นโจวเหวินก็เห็น สิ่งมีชีวิตต่างมิติคล้ายๆกับม้ายูนิคอร์นพุ่งทะลุรอยแยกออกมา ตัวของมันถูกห่อหุ้มไปด้วยหินผลึกสีสว่างและมันก็คำรามใส่โจวเหวินกรงเล็บของมันคมกริบทะลุช่องว่างมิติ กรงเล็บนั้นไม่ได้ฟันโจวเหวินโดยตรงแต่มันฟันจนมิติที่อยู่ด้านหน้าของโจวเหวินฉีกใกล้เข้ามา
ในพริบตาเดียวกันนั้น โจวเหวินก็เก็บไข่เข้าไปไว้ในห้วงมิติแห่งความว่างเปล่า ก่อนที่จะเบี่ยงตัวหลบการโจมตีอย่างไว และในขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็อัญเชิญเบม่อนออกมารับการโจมตีของม้าตัวนั้น
ตู้ม!!!
แรงกระแทกของทั้ง2ตัวทำให้เกิดการระเบิดของอากาศภายในถ้ำ ส่งผลให้น้ำทะเลจำนวนมากทะลักเข้ามาจากเพดานถ้ำที่แตก เผยให้เห็นว่าแท้จริงแล้วถ้ำนี้มันอยู่ใต้ทะเลนั้นเอง
คนบนเกาะจำนวนหนึ่งเองก็ได้ยินเสียงกระแทกอย่างแรงและเห็นน้ำที่ระเบิดออกมาเป็นเสาสูงประมาณ10เมตรไม่ไกลจากเกาะ ทันใดนั้นพวกเขารับรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นั้นแน่ๆ
ตอนที่มองอยู่นั้นเอง เขาก็เห็นคนๆนึงพุ่งขึ้นมาจากน้ำ คนแรกคือโจวเหวินที่อุ้มเด็กติดมือมาด้วย จากนั้นก็ตามมาด้วยเบม่อนแล้วสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำ
สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตัวนั้นพุ่งเข้าใส่โจวเหวินอย่างบ้าคลั่ง และเบม่อนก็เหวี่ยงหมัดเพื่อเข้ารับการโจมตี แต่เบม่อนนั้นยังไม่ทันได้แตะตัวของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำเลย จู่ๆมันก็หายวับไปทันที แล้วปรากฏตัวอีกทีเหนือหัวของโจวเหวิน เกือบจะแตะหัวของโจวเหวินได้อยู่แล้ว
โจวเหวินวาปหลีกออกมาทันที แล้วปล่อยให้การโจมตีของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นพุ่งผ่านตัวเขาไป
เบม่อนพยายามไล่ตามสิ่งมีชีวิตหลุดจองแต่โชคร้ายที่ความเร็วมันคนละเรื่องกันเลย ทุกๆครั้งที่จะไล่ตามทัน สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำจะวาปหนีออกไปตามไล่โจวเหวินอีกรอบ แต่รอบนี้มันวาปเข้าใส่โจวเหวินตอนที่โจวเหวินกำลังจะออกจากวาปพอดีเป๊ะ
ถ้าโจวเหวินไม่ได้มีกระบวนท่าหลบหลีกหรือการตอบสนองที่ดีพอละก็ ช่วงจังหวะเพียงแวบเดียวตัวของเขาอาจจะขาดครึ่งไปแล้วก็ได้
โจวเหวินใส่เกราะเกล็ดมังกรในมือถือตรีสูญเทพสงครามทองคำ เขาใช้ตรีสูญเข้ารับการโจมตีของมันแบบระยะเผาขน
เพล้ง
กรงเล็บของมันทำลายตรีสูญจนสิ้นซาก ถึงโจวเหวินจะใช้โอกาสนี้ในการหนีฉีกออกมา แต่ตรีสูญแตกไปแล้วยังไงก็ไม่รอด
“เชี่ยเอ้ย ตรีสูญที่เคยฟาร์มมาหมดแล้วด้วย”โจวเหวินเริ่มเครียด เขาเคยคิดว่าตรีสูญเทพสงครามทองคำนั้นเขาฟาร์มมาได้เยอะเกินไป แต่ตอนนี้เขากลับพบว่ามีเยอะเท่าไรมันก็ไม่น่าพอ
การโจมตีที่รุนแรงจนน่ากลัวนั้นทำให้โจวเหวินถึงกับตกใจ ถ้าเขามองไม่ผิด เจ้าตัวนี้มีความสามารถในด้านกรงเล็บผ่ามิติ ดาบปรกติถึงจะเป็นระดับเร้นลับแต่ถ้าโดนผ่ามิติเข้าไป ยังไงก็ไม่รอด ไม่งั้นตรีสูญเองก็คงไม่พังง่ายๆเหมือนกัน
“ต่อไปเราคงต้องหาทางอาวุธเพิ่มแล้วละ ไม่งั้นถ้าเจอกับอะไรแบบนี้อีก เราไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่าอาวุธเราจะไม่แตกไปซะก่อน”โจวเหวินคิดในใจ เขาหลบการโจมตีได้มากมาย และยังไม่กล้าที่จะสวนกลับใดๆ
“โจวเหวิน ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาเลย”ฉางเสี่ยวนำทีมกระเรียนขาวตรงเข้ามา
“กำลังต้องการพอดีเลย ฝากจัดการด้วยนะ”โจวเหวินวาปตัวเอง ออกมาก่อนจะไปโผล่ด้านหลังฝูงกระเรียน
ทันทีที่ฉางเสี่ยวสั่งการ ตระกูลฉางๆหลายๆคนหลังกระเรียนก็เริ่มร่ายอาคมเวทขึ้นมาพร้อมกัน ขนาดของเขตอาคมนั้นใหญ่มาก ทันใดนั้นเอง เกิดเป็นเหมือนโดมเขตอาคมขึ้นมาคลุมทั้งท้องฟ้าและขังสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำไว้ในนั้น
ลำแสงปริศนาส่องแสงขึ้นมาจากอักษรอาคม ผูกโยงกันไปมาจนกลายเป็นเหมือนร่างแหพลังวิญญาณ จับตัวของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำที่อยู่ด้านใน
ถึงสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำจะใช้วาปได้ แต่มันก็ยังไม่หลุดจากตาข่ายวิญญาณ มันวาปไปพร้อมๆกับตาข่าย และปรากฏออกมาก็ยังมีตาข่ายติดอยู่ที่ตัว
ฉางเสี่ยวนำทีมกระเรียนขาวร่างอาคมลมปราณกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขตอาคมวิญญาณนั้นแกร่งขึ้นและแกร่งขึ้น สิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดมาก พยายามจะฉีกกระชากตาข่ายที่คลุมมันเองอยู่แต่ก็ทำไม่ได้ผล
ตาข่ายวิญญาณนั้นดูเหมือนไม่ใช่ตาข่ายแต่ดูเป็นเหมือนรอยสักที่สลักลงไปบนตัวของสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำ ไม่ว่ามันจะดิ้นแค่ไหนมันก็ไม่มีวันหลุดออกมาได้แน่นอน
“ตระกูลฉางนี้สุดยอดจริงๆ สกิลนั้นผสานพลังของคนหลายคน หลากหลายสกิลเข้าไป1จนอานุภาพของมันรุนแรงมากๆเลย”โจวเหวินรู้สึกเปิดหูเปิดตาขึ้นมาทันที เขาไม่เคยเห็นสกิลขนาดใหญ่แบบนั้นมาก่อนเลย
แต่ฉางเสี่ยวก็พูดสวนขึ้นมา “ก็ไม่แปลกหรอก คนนอกอย่างนายไม่มีวันได้รู้ความลับของตระกูลฉางอยู่แล้ว”
โจวเหวินไม่พูดอะไรตอบ เขามองตระกูลฉางสู้กับสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำต่อไป
ตระกูลเสี่ยกับเหล่านักล่าอิสระคนอื่นๆก็มองดูอยู่ แต่ด้วยความที่ตระกูลฉางเข้าไปสู้อยู่ทำให้พวกเขาเข้าไปแทรกแซงด้วยยาก
การจะไปมีเรื่องกับตระกูลฉางเพื่อแย่งสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำกับผงเวทมนตร์มานั้นสำหรับคนส่วนมากมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนตอนนี้กำลังอดทนรอกันอยู่ ถ้าเกิดตระกูลฉางล้มสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำตัวนั้นไม่ได้จริงๆแล้วพ่ายแพ้สูญเสีย พวกเขาก็จะสามารถเข้าเสียบต่อได้ทันที
ในขณะที่ฝูงชนกำลังดูตระกูลฉางสู้อยู่นั้น จู่ๆก็มีคนๆหนึ่งรีบวิ่งไปตรงที่ปากปล่องภูเขาไฟก่อนจะมองลงไปแล้วค่อยๆปีนลงไปยังภูเขาไฟ
ชายคนนั้นลงไปถึงก้นปล่องข้างบ่อลาวาอย่างไว คนๆนั้นคือพิด้าที่พาโจวเหวินไปหาสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำนั้นเอง
“ไอ้พวกโง่ อยากสู้ก็สู้กันไปเลยนะ ขอบใจนะที่ล่อไปให้ แบบนี้ฉันจะได้เอาของที่อยากได้ซักที”พิด้าคิดก่อนจะอัญเชิญสัตว์อสูรเต่าเหล็กทมิฬออกมา ก่อนจะเปลี่ยนร่างมันกลายเป็นชุดเกราะเต็มตัว เตรียมเดินเข้าไปในบ่อลาวา
“ตามที่เราตกลงกันไว้ ทุกๆอย่างนอกจากผงเวทมนตร์ส่วนนึงจะเป็นของฉันทั้งหมดไม่ใช่เหรอ อยากโดนเจ้าเด็กคนนี้แดกรึไง” พิด้ากำลังจะลงบ่อลาวาแต่เขาก็จู่ๆได้ยินเสียงดังขึ้นมา เขาหันหัวกลับไปอย่าตกใจแล้วเห็นโจวเหวินที่ไม่รู้ว่าไปยืนอยู่ด้านหลังเขาตั้งแต่เมื่อไร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น