I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 860-875

 ตอนที่ 860

 

ข้างใต้ป่า


โจวเหวินมองไปรอบๆพื้นที่แล้วมองไปที่แผนที่อีกครั้งแต่เขาก็ไม่เห็นพื้นที่ต่างมิติใกล้ๆแต่อย่างใด


พื้นที่ต่างมิติที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นก็อยู่ห่างออกไปเป็นระยะอย่างต่ำก็60กิโลเมตร


“หรือว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหลุดจองจำกัน”โจวเหวินไม่คิดจะประมาท เขาใช้ความสามารถของสดับวานรในการค้นหาตัวของมันโดยรอบแต่ก็ยังไม่พบสิ่งมีชีวิตต่างมิติเลยในระยะที่ได้ยิน


“ดูจากขนาดความเสียหายแล้ว ขนาดของมันน่าจะใหญ่มากๆแน่ๆ ทำไมถึงหาไม่เจอกันละ”โจวเหวินสงสัย


แต่พอคิดๆดูแล้ว ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะหน่วยขนส่งนั้นจะต้องตรวจดูพื้นที่โดยรอบมาก่อนแล้วแน่ๆ ถ้ามันมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติขนาดใหญ่ใหญ่อยู่จริง พวกเขาก็คงไม่คิดจะขนย้ายของกันกลางดึกแบบนี้แน่ๆ


“เจ้าหนู บินไปได้ไหม”เจ้าหน้าที่ถามโจวเหวิน


“ระยะแค่นี้ไม่น่ามีปัญหาครับ”โจวเหวินพยักหน้าแล้วตอบ


“เอาให้แน่ใจนะ เอาเด็กไปด้วยอย่าไปเสี่ยงละ”เจ้าหน้าที่เตือน


“ขอบคุณครับ แต่ผมมั่นใจ”โจวเหวินพูดก่อนจะกระโดดไปพร้อมหยาเอ๋อ หลังจากที่พุ่งตัวไปเหยียบกำแพงหินหลายครั้ง เขาก็ไปถึงถนนอีกฝั่งได้ในที่สุด


“นักศึกษามหาลัยซีหยางนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าเกิดฉันได้ไปเรียนที่นั้นละก็ ฉันคงไม่ต้องมาทำงานต๊อกต๊อยขนาดนี้อยู่หลายปีหรอก ขนาดหัวหน้าหมู่ยังไม่ได้เป็นเลย” ทหารพอเห็นโจวเหวินแบบนั้นก็รู้สึกอิจฉานิดหน่อย


โจวเหวินไม่ได้อยากจะทำตัวเองให้สะดุดตา แบบที่ว่าบินผ่านไปรวดเดียว เขาเลยตั้งใจใช้วิชาตัวเบากระโดดยาวๆไปเฉยๆ


“ตอนที่พวกคุณมาที่นี้ ถนนมันก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเหรอครับ”โจวเหวินถามทหารที่อยู่อีกฝั่ง


“ใช่แล้ว ตอนที่พวกเราอยู่ห่างจากตรงนี้ 40-50กิโล จู่ๆมันก็เกิดเสียงดังมากเลย ตอนนั้นเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอขับมาถึงนี้ถนนมันก็พังไปซะแล้ว”ทหารตอบ


ระยะ40-50กิโลนั้นมันไกลเกินไปมาก บางทีอาจจะยากที่จะฟังเสียง แต่เอาเข้าจริงแล้ว ในถนนเส้นภูเขาแบบนี้ ระยะทาง40-50กิโลนั้นเป็นระยะทางจริงของเส้นถนน แต่ในระยะกระจัดเส้นทางตรงที่เดินทางไปได้นั้นมันไม่ได้ไกลเลย


“40-50กิโลของที่นี้มันก็ไม่ได้ไกลนะ ถ้ามีสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลุดจองจำออกมาจริงๆละก็มันก็ต้องอยู่ไม่ไกลนี้แน่ๆ”โจวเหวินใช้สดับวานรฟังเสียงเรื่อยๆ รอบนี้โจวเหวินเน้นแสกนเข้าไปในป่าใต้ภูเขา


เพราะว่าครั้งที่แล้วที่ตรวจสอบ โจวเหวินรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่หลุดออกมานั้นน่าจะมีขนาดใหญ่มากๆ แล้วก็ไม่น่าที่จะซ่อนในป่าได้


แถมป่าก็ไม่ได้มีร่องรอยการถูกทำลายเหมือนกับมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เดินผ่านเลยด้วย


แต่เพื่อความปลอดภัยโจวเหวินเลยรอบคอบไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะว่าแถวๆนี้ไม่มีพื้นที่ต่างมิติอยู่รอบๆข้าง ทำให้ป่าไม้ใต้ภูเขานั้นไม่ได้เป็นป่าที่ดงดิบขนาดนั้น ต้นไม้เองก็ไม่ได้สูง โจวเหวินแสกนไปเรื่อยๆแล้วคิดว่ามันไม่น่าจะมีอะไร แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆโจวเหวินก็ตรวจพบสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังเดิน ไม่ซิ คลานอยู่ข้างล่างนั้น


สิ่งมีชีวิตตัวนั้นเหมือนกับตะขาบขนาดยักษ์ที่ร่างกายส่วนบนของมัน เป็นร่างมนุษย์มีหัวและมีตัว ดูประหลาดมากๆ


มันเดิน(?) อยู่ในป่าบริเวณใกล้ๆกับจุดที่ภูเขาแตกเลย


“สิ่งมีชีวิตต่างมิติอะไรกันเนี่ย เจ้านั้นเหรอที่ทำถนนถล่มได้หน่ะ”โจวเหวินคิดก่อนจะพูดกับทหาร “มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ในป่าข้างล่างนั้น พยายามอย่าให้ใครเข้าไปใกล้ๆป่าละ”


เจ้าหน้าที่ตะลึงเล็กน้อย เขามองลงไปข้างล่างแล้วไม่เห็นอะไรเลย แต่เขาก็ใช้วอสื่อสารเพื่อบอกให้อีกฝั่งได้รู้


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ประสานงานส่งคนไปสำรวจป่าด้านล่าง หลังจากที่สำรวจไปได้ซักพัก พวกเขาก็เห็นสัตว์ประหลาดที่มีหางเป็นตะขาบกำลังคลานอยู่ตามกำแพงภูเขา


“มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ เตรียมยิงได้”เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งทันที ก่อนที่กระสุนจะระดมเข้าใส่สิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวนั้นเหมือนห่าฝน


กระสุนเงินนั้นถูกยิงเข้าใส่ตัวของมันมากมาย แต่ที่น่ากลัวคือ กระสุนพวกนั้นเหมือนจะละลายไปอย่างรวดเร็วแล้วผสานเข้ากับตัวของมัน พอเห็นกระสุนเงินใช้ไม่ได้ผล เจ้าหน้าที่ระดับมหากาพย์จึงสั่งให้สัตว์อสูรอินทรียักษ์เข้าโจมตีจากบนอากาศ


สัตว์ประหลาดตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมามองบนท้องฟ้าก่อนจะยิ่งแสงสีแดงออกมาจากดวงตา อินทรีที่โดนแสงนั้นร่วงลงจากฟ้าทันที ร่างกายของมันสลายและละลายกลายเป็นก้อนเลือด เจ้าหน้าที่เริ่มหวาดกลัวมัน มันสามารถทำลายสัตว์อสูรของเจ้าหน้าที่ระดับมหากาพย์ ทั้ง5ตัวได้อย่างง่ายดาย พลังระดับนั้นมันคือระดับเร้นลับอย่างไม่ต้องสงสัย


เอาจริงๆแค่มันฆ่าอินทรีสายฟ้าได้ในการโจมตีครั้งเดียว พลังของมันก็น่าจะเกินกว่าระดับมหากาพย์ไปไกลแล้ว


“ถอย ทุกคนถอย!!!”เจ้าหน้าที่สั่งการแต่น่าเสียดายที่มันช้าไปแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันขึ้นรถดีเลย แต่สัตว์ประหลาดตัวนั้นคลานขึ้นมาตามภูเขาก่อนจะยิงแสงสีแดงสาดเข้าใส่ตัวรถ ทำให้ตัวรถละลายในทันที ทุกคนที่อยู่แถวนั้นตื่นตระหนกไปหมด ความกลัวตายเริ่มปกคลุมเข้ามาในใจ


“ถอย ถอยเดี๋ยวนี้ ผู้กองหยานกับฉันจะรับหน้ามันเอง คนอื่นๆ ถอยไปเดี๋ยวนี้ ทิ้งของเอาไว้ก่อน  เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนแล้วอัญเชิญสัตว์อสูรออกมาเพื่อตรึงกำลังสัตว์ประหลาดตัวนั้นในขณะที่คนอื่นกำลังจะหนี


ร่างกายของสัตว์ประหลาดตัวนั้นสูงมากกว่า10เมตร ปีนขึ้นมาบนภูเขาก่อนจะคำรามก้อง ดวงตาสีแดงฉางฉีดลำแสงออกมาใส่เจ้าหน้าที่ แต่เขาสามารถหลบได้อย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองดาบสัตว์อสูรระดับมหากาพย์ ก็ฟันเข้าใส่สัตว์ประหลาดตัวนั้นหวังจะฟันตัดมันให้ขาดเป็น2ท่อน แต่จู่ๆร่างกายของมันก็ม้วนตัวอย่างรวดเร็ว มันใช้ตัวที่ยาวเหมือนตะขาบรัดตัวของเจ้าหน้าที่นั้นเอาไว้ ดาบของเจ้าหน้าที่คนนั้นที่ฟันไปก็แตกสลายเป็นเศษแก้วทำอะไรมันไม่ได้เลย


“มันจบแล้ว”สีหน้าของเจ้าหน้าที่ทุกคนซีดเผือก เขาพยายามจะหนีแต่ความเร็วมันต่างกันเกินไป ยังไงเขาก็ไม่มีทางหนีรอดแน่ๆ


แต่ทันใดนั้น แสงดาบสีทองก็ผ่าลงมาจากฟ้าอย่างแรงทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง วินาทีต่อมา พวกเขาก็เห็นแสงดาบสีทองนั้นผ่าตัวของตะขาบนั้นครึ่งตัวก่อนที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นจะกลิ้งตกลงไปจากภูเขา


พอแสงดาบสีทองนั้นหายไป ภาพที่ปรากฏต่อมาคือชายที่ถือดาบสีทองไว้ในมือข้างนึง อีกข้างนึงอุ้มเด็กคนนึงอยู่ ยืนอยู่กลางอากาศ ซึ่งคนๆนั้นคือนักศึกษามหาลัยซีหยางที่พึ่งผ่านไปนั้นเอง


เจ้าหน้าที่และทหารทุกคนตะลึง มองโจวเหวินอย่างไม่น่าเชื่อ


“ขอบคุณที่ช่วยนะ”เจ้าหน้าที่เคารพโจวเหวิน


“ผมเกรงว่าที่นี้จะไม่ปลอดภัยเท่าไร มันยังมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวอื่นอยู่อีก พวกคุณต้องออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด”โจวเหวินพูดก่อนจะอัญเชิญเบม่อนร่างยักษ์ออกมา


“เบม่อนเหรอ จอมทรราชเบม่อนนี้ ไม่ใช่ว่าเบม่อนมันเป็นของฝั่งตะวันตกเหรอ”เจ้าหน้าที่ตะโกนอย่างตกใจทันทีที่เห็นเบม่อน

 

 

 


ตอนที่ 861

 

เทพภูเขา


โจวเหวินสั่งการให้เบม่อนนั้นช่วยทีมขนส่งเคลื่อนย้ายรถบรรทุกไปอีกฝั่งทันที


รถบรรทุกพวกนั้นโดนหยิบแล้วยกไปอีกฝั่งได้ง่ายเหมือนของเล่น และเมื่อย้ายรถเสร็จ เบม่อนก็เปลี่ยนไปย้ายคนข้ามไปอีกฝั่งต่อ


“ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”เจ้าหน้าที่คนนึงพูด


“โจวเหวินครับ”โจวเหวินตอบแล้วพูดต่อ “ไปเถอะครับ ที่อยู่ข้างใต้นั้นมันไม่น่าจะเป็นแค่สิ่งมีชีวิตต่างมิติธรรมดา แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกว่านั้นมาก บางทีคุณอาจจะเป็นอันตรายได้นะครับ”


เจ้าหน้าที่วันธยาหัตรให้โจวเหวินก่อนจะออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนขึ้นรถแล้วไปต่อ


“ผู้กองจินครับ ไม่คิดเลยนะครับว่าเบม่อนจะเป็นสัตว์อสูรของพวกเราเขตตะวันออก แถมยังเป็นของนักศึกษาอีกด้วย โจวเหวินคนนั้นยอดเยี่ยมไปเลยนะครับ ไม่ได้มีดีแค่สัตว์อสูรแต่พลังของเขาเองก็มีมากมายด้วยถ้าเกิดมีคนอย่างเขาอยู่ละก็ พวกสิ่งมีชีวิตต่างมิติคงไม่ได้น่ากลัวสำหรับเราต่อไปแล้วซินะครับ”


ผู้กองจินส่ายหัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ “คนแบบนี้ที่นายว่าเนี่ย ร้อยล้านคนจะมีซักคนนึงนะ การจะคาดหวังให้เขาปกป้องมวลมนุษยชาติทั้งหมดคงจะเป็นไปไม่ได้หรอก ทหารอย่างพวกเราถึงได้สำคัญไงละ เพราะงั้น พวกเราเองก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อปกป้องประชาชนและคนที่อ่อนแอกว่า”


“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะครับ แต่พลังแบบนั้น ตลอดชีวิตของพวกเราจะไปถึงขั้นนั้นได้รึเปล่ายังไม่รู้เลยครับ”ทหารถอนหายใจ


ผู้กองจินพูด “ก็ถ้าทุกคนคิดแบบนาย มนุษยชาติก็คงจะสูญพันธ์ไปแล้วละ ตอนนี้เราอาจจะยังทำไม่ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตของเราจะทำไม่ได้ไปด้วย มนุษย์เมื่อสมัยก่อนเคยคิดไหมละว่าตัวเองจะได้มีโทรศัพท์มือถือหน่ะ คิดว่าคนยุคโบราณคิดไหมว่าตัวเองจะได้สู้ด้วยปืน คนอย่างโจวเหวินน่ะถือว่าเป็นผู้บุกเบิก และวันหนึ่งผู้บุกเบิกเนี่ยละจะเป็นคนนำพาเอาเหล่าสัตว์อสูร สกิล และวิชาลมปราณที่เก่งกาจมาสู่ทุกๆคน จากนั้นมนุษย์ก็จะเปลี่ยนโลกอีกครั้ง พวกเราเองก็ต้องพยายามอย่างหนักให้แกร่งขึ้น ถ้าวันนึง ยุคนั้นมาถึงจริงๆ พวกเราเองก็จะได้มีพลังมากพอที่จะควบคุมอะไรพวกนั้นได้ ไม่ใช่ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง”


“ผู้กองครับ ผมเข้าใจที่ผู้กองจะสื่อนะครับ แต่พอมามองด้วยสายตาของตัวเองแล้วผมก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดีละครับ คนหนุ่มแบบนั้นแต่มีพลังมากมหาศาลขนาดนั้น พรสวรรค์ของมนุษย์นี้มันต่างกันลิบลับจริงๆนะครับ”เจ้าหน้าที่พูด


โจวเหวินตอนนี้ยังคงตรวจสอบป่าเบื้องล่างของภูเขาดู การที่ถนนบนภูเขานั้นถล่มแบบนี้ได้ มันไม่น่าจะใช้ฝีมือของสิ่งมีชีวิตต่างมิติตัวเมื่อกี้แน่ๆ มันต้องเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่แข็งแกร่งกว่านั้นหลายเท่า


แต่เขาใช้สดับวานรตรวจสอบหาในป่าแล้วแต่ก็ไม่เห็นจะเจออะไรเลย


เขาเลยตัดสินใจเดินหน้าต่อ เขาสวมผ้าคลุมล่องหนไว้กับตัวเองและหยาเอ๋อจากนั้นก็เดินไปตามเส้นทางที่ตะขาบตัวนั้นเดินมา


ป่านั้นรกทึบมาก ภายใต้แสงจันทร์นวลๆแบบนี้โจวเหวินไม่กล้าที่จะเข้าป่ามืดๆแบบนั้นไป เขาเลยบินขึ้นมาเหนือป่านั้น โจวเหวินห่อตัวด้วยผ้าคลุมล่องหนแถมเขาเองยังเตรียมเรียกอสูรปฐพีมาตลอด เขาสามารถหนีออกไปได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยถ้าเขาสู้ไม่ได้ แต่เขาหนีออกไปได้มันก็น่าจะพอ


แต่ตลอดทางที่บินไปนั้นโจวเหวินไม่เจออะไรเลย แต่กลิ่นอายของตะขาบตัวนั้นยังอยู่ ทำให้โจวเหวินสามารถตามกลิ่นนั้นไปเรื่อยๆจนกระทั้งพบเข้ากับอะไรบางอย่าง ที่สุดปลายของกลิ่นอายนั้น มีภูเขาย่อมๆอยู่ ภูเขานั้นสูงแค่2-300เมตรเท่านั้น แต่มันค่อนข้างชัน และด้านบนของเขานั้นมีสิ่งก่อสร้างบางอย่างเหมือนวัดอยู่ที่นั้น รูปร่างหน้าตาของมันเหมือนวัดเทพธรณียังไงอย่างงั้น


มีวัดเทพธรณีอยู่ในที่แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย”โจวเหวินตกใจเล็กน้อยก่อนจะสังเกตุดูรอบๆภูเขาแล้วเขาก็พบว่ามันไม่มีบันไดทางขึ้นภูเขานี้


“แปลกแหะ ถ้าไม่มีบันไดแล้วคนโบราณเขาขึ้นไปทำวัดบนนั้นได้ไงกันล่ะ”โจวเหวินสังเกตุที่วัดนั้นดีๆแล้วพบว่ามีกลิ่นของกำยานอยู่ในนั้นด้วย


ป้ายหน้าวัดขนาดเล็กๆเขียนสลักเอาไว้ด้านบนด้วยคำสามคำ “วัด ภู เขา”


“มันไม่ใช่วัดเทพธรณี แต่เป็นวัดภูเขาแทนงั้นเหรอ”โจวเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย


ถ้าเป็นวัดเทพธรณีโจวเหวินก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมาก เพราะวัดเทพธรณีนั้นมีให้เห็นทั่วไปในเขตตะวันออก โดยปรกติแล้วมันไม่มีอันตรายอะไรมีแต่ประโยชน์ที่จะได้กลับมาด้วย แต่วัดภูเขานั้นต่างออกไป วัดภูเขานั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือวัดเทพภูเขา กับวัดมารภูเขา ถ้าวัดเทพภูเขาก็จะเป็นแบบเดียวกับวัดเทพธรณี มันไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้าวัดมารภูเขาละก็ จะมีเทพมารอาศัยอยู่ในนั้น


เทพภูเขาบางตนนั้นจริงๆแล้วเป็นอสูรกายที่ยึดครองภูเขาลูกนั้นๆ อสูรกายตัวนั้นอาจจะเป็นตัวดีหรือตัวร้ายก็ได้ แต่เพราะว่าพลังอันมหาศาลของพวกมันทำให้มนุษย์เคารพบูชาพวกมันเป็นเทพภูเขา


แต่ถึงอย่างนั้นต่างจากเทพธรณี เทพภูเขาไม่จำเป็นต้องให้พรกับมนุษย์ เทพภูเขาบางตนนั้นได้รับความเคารพบูชาจากมนุษย์เพราะว่าพวกมันฆ่ามนุษย์มามากมายเกินไปจนมนุษย์หวาดกลัวแล้วต้องกราบไหว้เพื่อให้หยุดการฆ่าแกงนี้


ถึงแม้ว่าวัดภูเขาที่นี้จะไม่ได้ใหญ่มาก แต่โครงสร้างของมันก็ดูแปลกตาสุดๆ โครงของมันทำจากไม้สักอย่างดี มีกลิ่นของกำยานลอยอบอวน และเพราะคำสามคำบนป้ายนั้นเขียนไว้แบบก่ำกึ่งทำให้โจเวหวินไม่รู้ว่าเทพภูเขาที่จุติอยู่ที่นี้นั้น เป็นแบบไหนกันแน่ๆ


“ตะขาบนั้นน่าจะออกมาจากวัดภูเขานี้แน่ๆ ดูเหมือนว่าเทพภูเขาแห่งนี้จะเป็นมารเทพซินะ แล้วการที่ถนนภูเขาพังทลายแบบนั้นบางทีก็อาจจะเกี่ยวกับมารเทพตนนี้ด้วยก็ได้”โจวเหวินคิดกับตัวเอง


โจวเหวินใช้พลังของสดับวานรฟังเสียงภายในวัดเทพภูเขา โจวเหวินอยากจะรู้ว่าอะไรกันแน่ที่สถิติอยู่ในวัดภูเขานั้น


แต่เพราะว่ามันมีพลังงานอะไรบางอย่างมาปกคลุมวัดภูเขาแห่งนี้เอาไว้ทำให้โจวเหวินไม่ได้ยินอะไรข้างในเลย แต่พอลองเงี่ยหูฟังดีๆ ภาพภายในวัดภูเขาแห่งนั้นก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของโจวเหวิน


ภายในตำหนักของวัดนั้นมันเรียบง่าย ภายในนั้นมีบทสวดอยู่ มีธูปกำยานจุดอยู่ และมีเทียนปักอยู่ทั้ง2ข้าง ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาธูบเทียนไปวางเอาไว้ โจวเหวินสังเกตุเข้าไปด้านในของวัดแล้วหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที


“โอเค เห็นชัดๆแล้วว่าวัดภูเขานี้เป็นวัดมารภูเขา แต่ฉันเคยเห็นมารอสรพิษ มารจิ้งจอก มารหมาป่ามาแล้ว แต่เจ้านี้เป็นมารคางคกงั้นเหรอ ครั้งแรกที่เห็นเลยนะเนี่ย”โจวเหวินมองดูรูปร่างของเทพภูเขาแล้วอดคิดสงสัยไม่ได้


รูปปั้นของเทพภูเขาแห่งนี้เป็นคางคกขนาดใหญ่ตัวอ้วน นอนอยู่บนแท่น มันหลับตาเหมือนกำลังเพลิดเพลินกับชีวิตอยู่ยังไงอย่างงั้น


ร่างกายของมันถูกหล่อมาจากทองแดง มีปุ่มจุดๆบนตัวมันมากมายดูน่าเกลียดน่ากลัว ถ้าเป็นโจวเหวินเขาคงไม่มาสักการะบูชาเทพภูเขาวัดนี้แน่ๆแต่โจวเหวินมองไปดีๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างผิดปรกติ


คางคกตนนั้นนอนเหมือนเป็นรูปปั้นตรงนั้นก็จริงแต่ถ้าดูดีๆมันต่างจากคางคกปรกติออย่างเห็นได้ชัด


แต่ในตอนนั้นเอง คางคกตนนั้นก็ลืมตาขึ้นมาแล้วหันมามองทางที่โจวเหวินอยู่

 

 

 


ตอนที่ 862

 

กลืนกินของมีค่า


โจวเหวินตอนนี้สวมผ้าคลุมล่องหนอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้ใช้ล่องหนสมบูรณ์แต่ยังไงเขาก็ล่องหนอยู่แน่ๆ การที่เทพคางคกจะมองตรงมาทางเขาได้นั้นแปลว่ามันต้องเห็นเขาจริงๆ


เทพคางคกมองมาทางโจวเหวินก่อนจะเปิดปากแล้วร้องเสียงแปลกๆออกมา


โจวเหวินตกใจจึงรีบถอยมาตั้งหลักแล้วชักดาบออกมาทันทีเตรียมโจมตีถ้าจำเป็น


โจวเหวินไม่ได้รู้สึกถึงคำสาปหรือพลังอะไรที่พุ่งออกมาจากวัด แต่เขารู้สึกได้ว่ากระเป๋ากางเกงของเขามันกระตุกเล้กน้อย จากนั้นก็นิ่งไป


“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” โจวเหวินสังสน เขารู้ดีว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เขาจึงเอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋า แต่แล้วหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที


จริงๆแล้วในกระเป๋ากางเกงของเขานั้นมีเงินสำรองของเขาอยู่ถึงมันจะไม่ได้เยอะแต่ก็มี100กว่าๆ โจวเหวินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินเช่นขึ้นรถหรือซื้อของใช้จำเป็น แต่เงินนั้นมันหายไปแล้ว หายไปแบบไร้ร่องรอยเลยด้วย


“เทพภูเขานั้นมันบ้าอะไรวะเนี่ย ทำแบบนี้ได้ไงกัน”ตอนที่โจวเหวินกำลังตกใจนั้นเอง เทพคางคกก็ร้องขึ้นมาอีกครั้ง


โจวเหวินพุ่งตัวถอยออกมาทันที เขายังไม่รู้ว่าพลังของเทพคางคก คืออะไรกันแน่ เขาเลยตั้งใจจะออกห่างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะตามมา


แต่มันสายเกินไปแล้ว เพราะทันทีที่เสียงร้องนั้นดังมาถึงหูของโจวเหวิน เขาก็รู้สึกได้เลยว่าข้อมือของเขามันเบาๆขึ้น กำไรข้อมือของเขามันหายไปแล้ว


“ชิบหายละ”โจวเหวินตกใจ กำไลนั้นหายก็หายได้แหล่ะ แต่ในกำไรนั้นมันมีผลึกห้วงมิติแห่งความว่างเปล่าอยู่ด้วย ภายในห้วงมิติเองก็มีของหลายๆอย่างซึ่งมันหายไม่ได้เด็ดขาด


โจวเหวินเลยเอาจริงเรียกเบม่อนออกมา แล้วให้เบม่อนขยายร่างต่อยไปที่วัดภูเขานั้นอย่างจัง


ตู้ม!!!


เทพคางคกกระโดดออกมาจากวัดแล้วขยายร่างของมันอย่างรวดเร็ว ตัวของมันนั้นใหญ่พอๆกับเบม่อน มันใช้หัวของมันรับหมัดของเบม่อนอย่างจัง


ไม่รู้ว่าหัวของมันทำมาจากอะไรแต่ที่แน่ๆคือมันแข็งมากๆ หมัดของเบม่อนนั้นต่อยเข้าไปเหมือนต่อยเหล็กกล้า มันไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยซักนิด


โจวเหวินเห็นชัดๆเลยว่าถึงมันจะน่าเกลียดยังไงแต่จริงๆแล้งวมันไม่ใช่คางคก มันเป็นส่วนผสมของร่างของสิงโต เท้าของม้า หัวของมังกร และขนาดตัวที่มโหฬารรวมไปถึงเกล็ดทองแดงอีกด้วย เกล็ดนั้นเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมทำให้ดูเหมือนเป็นชุดเกราะ และพอมันหดตัวลง เกล็ดนั้นจึงหดไปด้วยจนเหมือนเป็นตะปุ่มตะป่ำเหมือนคางคก


“นั้นมันสัตว์ในตำนานไม่ใช่หรือไงหน่ะ”โจวเหวินมองดูแล้วเขาก็คิดถึงสัตว์ในตำนานตัวนึงขึ้นมา


ตำนานว่ากันไว้ว่า เคยมีสัตว์เทพตัวนึง รู้จักกันในนาม เทียนลู่ (ตัวปี่เซี๊ยะ) มันเป็นสัตว์เทพที่คอยปัดเป่าความชั่วร้ายของโลก และปกป้องโลกจากวิญญาณร้าย แถมมันยังเป็นตัวกินเงินกินทองดูดเงินดูดทองมาได้จากรอบทิศอีกด้วย


สมัยก่อนที่อยากทำมาค้าขึ้น ก็จะวางเทียนลู่เอาไว้ที่หน้าบ้านเพื่อให้ดูดเงินทองไหลมาเทมา


ยิ่งโจวเหวินมองมันมากเท่าไร ยิ่งทำให้โจวเหวินคิดว่ามันต้องใช่เทียนลู่แน่ๆ มันสามารถสู้กับเบม่อนได้แต่ความเร็วของมันไม่ตกลงเลย


มันเนี่ยละน่าจะเป็นตัวที่กัดภูเขาทำให้ถนนบนภูเขาพังทลายแบบนั้น


“เป็นแกซินะที่กินภูเขาเข้าไปหน่ะ”โจวเหวินสั่งการให้ดาบทองคำพุ่งเข้าใส่เทียนลู่ทันที เขาอยากจะช่วยเบม่อนสู้เต็มที่ เพื่อที่เขาจะได้เอาลูกแก้วผลึกห้วงมิติกลับคืนมา


พอเห็นดาบทองคำพุ่งมา เทียนลู่จึงเปิดปากแล้วดูดดาบทองคำลงท้องไปทันที


“อะไรวะนั้นน่ะ ความสามารถของมันน่ากลัวไปแล้ว กลืนระดับเร้นลับไปทั้งตัวได้เลยเหรอ”โจวเหวินตะลึง แล้วไม่กล้าขยับตัวไปใกล้ เขาถอยออกมาไกลๆแล้วดูการต่อสู้กับเบม่อนอยู่ห่าง เขาอยากจะหาจุดอ่อนของมันให้ได้ก่อนแล้วค่อยเริ่มลงมือ


เบม่อนนั้นไม่ได้ได้เปรียบเลยถึงตอนนี้มันจะเปิดสุดยอดพลัง แต่มันก็ทำได้เพียงต้านทานพลังของเทียนลู่ไว้เท่านั้น


เกล็ดหนาและแข็งของมันนั้นทำให้เทียนลู่ได้รับบาดเจ็บน้อยมากๆ เบม่อนเองก็ยากที่จะฆ่ามันได้


แต่ในตอนนั้นเองเทียนลู่ก็อ้าปากกว้างแล้วร้องเสียงประหลาดออกมา


โจวเหวินที่ถอยออกมาไกลมากแล้วเริ่มรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ของมีค่าหลายๆอย่างของเขาก็หายไป แม้แต่ของที่เขาซื้อไว้ให้หยาเอ๋อก็หายไปด้วย


พลังของมันน่ากลัวมากขนาดที่ว่าพื้นดินข้างใต้ภูเขาแยกออกจากกัน สินแร่ทองคำที่อยู่ใต้ดินนั้นไหลออกมาจากใต้ดินเล้วตรงเข้าไปในปากของมันทำให้ตัวของมันสว่างใสเหมือนชุบทองมา


เปร้ง เปร้ง เปร้ง


ไม่รู้ว่าเทียนลู่กินทองไปมากขนาดไหนแล้ว แต่ตอนนี้พลังของปี่เซี๊ยะเทียนลู่นั้น แข็งแกร่งขึ้นมากมันสามารถสู้กับเบม่อนในร่างสุดยอดพลังได้แบบที่ได้เปรียบเข้าไปทุกที


แต่หลังจากที่ผ่านไปไม่นาน แสงสีทองบนตัวของปี่เซี๊ยะเทียนลู่ก็เริ่มสว่างน้อยลง ดูเหมือนกับว่าพลังแร่ทองที่มันกินเข้าไปมันหมดลงแล้ว เบม่อนจึงใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าโจมตี แต่เทียนลู่ก็คำรามออกมาอีกครั้งแล้วเกิดเป็นรอยแตกที่พื้นอีกครั้งแร่เงินไหลเข้าปากของเทียนลู่อีกรอบ


จากนั้นตัวของเทียนลู่ก็สว่างด้วยแสงสีเงิน พลังของมันเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง แล้วสู้กับเบม่อนต่อ


โชคยังดีที่เบม่อนนั้นสู้กับใครก็ได้ในระยะประชิด มันสู้แบบเอาเป็นเอาตายจนภูเขารอบๆตัวของเขามันถลายหายไปหมด ป่าที่อยู่รอบๆเองก็โดนทำลายจนเหี้ยน


หลังจากนั้นไม่นานแสงสีเงินก็หายไปอีกครั้ง หลังจากนั้น ปี่เซี๊ยะก็คำรามอีกรอบแล้วแร่ทองแดงที่อยู่ในเหมืองก็ลอยมาเข้าปากของมัน แล้วมันก็สู้กับเบม่อนต่อ


การต่อสู้นั้นเป็นไปอย่างยาวนานมาก แสงบนตัวของปี่เซี๊ยะเทียนลู่นั้นหมดลง และเวลาของสุดยอดพลังก็หมดลงตามไปด้วย ทั้ง2ตัวตอนนี้อยู่ในสถานะอ่อนแรงล้าแล้ว


“ไอ้ตัวนี้มันกินเงินกินทองได้หมดเลยเว้ย ขอแค่เป็นของมีค่าที่อยู่ในตัวของฉันมันก็ดูดไปได้หมดเลย ถ้าอยากจะฆ่ามันจริงๆละก็ คงต้องเล่นตามน้ำมันก่อนล่ะ”” โจวเหวินไปหาที่ปลอดภัย ก่อนจะถอดทุกอย่างที่เรียกว่ามีค่าออกแล้วสวมผ้าคลุมล่องหนเอบย่องไปหาปี่เซี๊ยะเงียบๆ


โจวเหวินไม่ได้ใช้ดาบแสง เพราะกลัวว่าดาบแสงนั้นจะถูกนับว่าเป็นของมีค่าด้วย เขาไม่อยากเสียอะไรไปอีกแล้ว


โจวเหวินเข้าหาปี่เซี๊ยะจากด้านหลัง เขาไม่ได้คิดจะใช้อาวุธใดๆ แต่เขาผสานวิญญาณเข้ากับแพทย์ปีศาจแทน

 

 

 


ตอนที่ 863

 

เหรียญทองแดง3เหรียญ


หลังจากที่โจวเหวินเตรียมพร้อมเรียบร้อยเขาก็ตรงเข้าไปหาด้านหลังของปี่เซี๊ยะ ก่อนจะใช้ลำแสงส่องทะลุเผยให้เห็นภายในของปี่เซี๊ยะ


ดาบทองคำนั้นโดนหลอมและละลายไปแล้ว ทำให้โจวเหวินรู้สึกเสียดายมากที่อาวุธดีๆที่เขาใช้งานมาตั้งนานกลับต้องมาถูกทำลายเพราะอะไรแบบนี้ แร่เงินแร่ทองและทองแดงที่โดนดูดมานั้นถูกหลอมละลายจนเกือบหมดแล้ว แต่โชคดีที่โจวเหวินนั้นเห็นลูกแก้วห้วงมิติแห่งความว่างเปล่าพอดี ลูกแก้วนั้นนยังไม่โดนหลอมละลายไป แต่กำไรนั้นโดนหลอมจนหายไปหมดแล้วเหลือเพียงลูกแก้วเท่านั้น


“โชคดีจริงๆที่ลูกแก้วยังอยู่”โจวเหวินใช้กรงล้อแห่งโชคชะตาของแพทย์ปีศาจ หัตรขวาแห่งความมืด ตอนที่เบม่อนกำลังต่อสู้อยู่ทันที


มือขวาของโจวเหวินล้วงเข้าไปด้านหลังของปี่เซี๊ยะก่อนจะกระชากสมองของมันออกมาอย่างแรง แต่ด้วยความที่ว่าตัวของมันใหญ่มากทำให้โจวเหวินดึงสมองออกมาได้ไม่หมด ทำได้เพียงแค่ทำลายสมองให้ได้มากที่สุดที่ทำได้


ปี่เซี๊ยะคำรามออกมาอย่างดัง เบม่อนจึงใช้จังหวะนี้ จับมันกดกระแทกพื้นแล้วระดมหมัดใส่หัวมันทันที


โจวเหวินเองก็ไม่รอช้า ใช้หัตรขวาแห่งความมืด2ครั้งที่เหลืทอทำลายสมองของมันให้สิ้นซาก


ปี่เซี๊ยะที่ถูกทำลายสมองไปแล้ว มันจึงทำอะไรไม่ได้อีก ทำได้แค่ปล่อยให้ตัวเอง โดนต่อยแล้วต่อยอีก พลังของมันลดลง และลดลงเรื่อยๆ


โจวเหวินเห็นมันสภาพไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจอัญเชิญดาบแสงออกมาเพื่อปาดคอปิดฉาก ก่อนจะให้เบม่อนกระชากแผลที่คอออกจนกระทั้งมันตายจริงๆ


โจวเหวินอัญเชิญสดับวานรออกมาแล้วให้มันมุดเข้าไปในท้องของปี่เซี๊ยะ เพื่อไปเอาลูกแก้วห้วงมิติกลับมา หลังจากนั้นไม่นาน สดับวานรก็มุดออกมาแล้วถือลูกแก้วห้วงมิติและอะไรบางอย่างออกมมาด้วย


โจวเหวินมองมันดีๆๆแล้วพบว่าสิ่งที่สดับวานรเอาออกมาด้วยนั้นคือเหรียญทองแดง3เหรียญที่โดนมัดติดกัดด้วยเชือกด้ายสีแดง เหรียญทองแดงนั้นเป็นเหรียญโบราณที่มีรูตรงกลางและมีวงกลมด้านนอก อาจจะเพราะว่ามันเก่ามากแล้วทำให้ลวดลายและอักษรบนนั้นมันอ่านได้ไม่ชัด แถมมันยังดูไม่ดึงดูดสายตาคนเอาซะเลย


แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งๆนี้กลับไม่โดนย่อยในกระเพาะของปี่เซี๊ยะที่ย่อยได้แม้กระทั้งดาบระดับเร้นลับ มันไม่น่าจะใช่แค่เหรียญธรรมดาแน่ๆ สดับวานรวางทั้งลูกแก้วและเหรียญทองแดงบนมือของโจวเหวิน โจวเหวินหยิบเหรียญทองแดงขึ้นมาดูแล้วพบว่ามันไม่มีอะไรพิเศษเลย เขาเลยเก็บเหรียญทองแดงมาก่อน จากนั้นก็มองซากของปี่เซี๊ยะเทียนลู่ด้วยลำแสงส่องทะลุ


“ไม่มีทั้งไข่สัตว์อสูรหรือผลึกดรอปออกมาเลยเหรอ”โจวเหวินผิดหวังเล็กน้อย ปี่เซี๊ยะนั้นมีพลังที่สุดยอดมาก ถ้าจะได้มันมาคงสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เยอะมากแน่ๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ดรอปอะไรมาเลย แถมโจวเหวินยังเสียดาบทองคำไปอีก มันทำให้โจวเหวินรู้สึกขาดทุนมากๆ


“ดูเหมือนว่าฉันต้องหาวิธีสร้างอาวุธแบบเดียวกันกับดาบทองคำขึ้นมาใหม่อีกซะนะ”โจวเหวินคิดกับตัวเอง”


แต่ถึงอย่างนั้นสกิลระดับดาบทองคำนั้นหายากมาก และโอกาสในการรวมร่างสำเร็จก็ไม่ได้เยอะเลย การจะสร้างดาบทองคำขึ้นมาใหม่นั้นโอกาสต่ำมากๆ โชคยังดีที่โจวเหวินไม่ได้มีความคิดย้ำคิดย้ำทำขนาดนั้นเขาคิดแค่ว่าถ้าสามารถเอาสกิลโจมตีทะลุทุกอย่างมารวมร่างกับดาบอะไรก็ได้ ก็จะได้ดาบแบบเดียวกับดาบทองคำเหมือนกัน


“ไม่รู้ว่าจะสามารถรวมสกิลพวกนั้นให้เข้ากับดาบแสงได้ไหมนะ”โจวเหวินคิดแล้วลองดูรอบๆอีกครั้ง


หลังจากที่ดูไปรอบๆแล้วโจวเหวินก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตต่างมิติอะไร โจวเหวินเลยตัดสินใจออกเดินทางต่อไปพร้อมกับหยาเอ๋อ


“จะว่าไปแล้ว เหรียญทองแดงมันไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลยนี้ ทำไมมันไม่โดนปี่เซี๊ยะย่อยไปละ”ระหว่างทางกลับ โจวเหวินก็ศึกษาเหรียญทองแดงไปเรื่อยๆ แต่ไมม่ว่าโจวเหวินจะใช้วิธีไหน มันก็ไม่เห็นจะตอบสนองอะไรเลย


นอกเหนือจากการที่มันจะแข็งกว่าเหรียญทองแดงปรกติแล้ว โจวเหวินก็ยังไม่รู้วิธีการใช้งานอย่างอื่นเลย


“คงต้องหาทางทำอาวุธใหม่ก่อนละนะ” โจวเหวินตอนนี้มีงูทรราชกลายพันธ์อยู่ น่าเสียดายที่โจวเหวินลองเอาไปรวมร่างแล้วแต่อัตราความสำเร็จในการรวมร่างนั้นมันต่ำเตี้ยเลี่ยดินมากๆ ความเข้ากันของตรีสูญเทพสงครามทองคำกับดาบแสงเองก็ไม่ได้สูงมากเหมือนกัน แค่31เอง น้อยขนาดนั้นโจวเหวินเองก็ไม่กล้าเสี่ยง


”การรวมร่างสัตว์อสูรที่ไม่เหมือนกันเกินไปเข้าด้วยกันมันคงจะยากแหะ ถ้างั้นลองรวมร่างมันให้กลายเป็นดาบน่าจะดีกว่าแหะ”โจวเหวินตัดสินใจจะลองดู


โจวเหวินฟาร์มสุสานดาบโบราณมานานมากแล้ว ถึงเขาจะไม่ค่อยได้ดาบระดับเร้นลับเลย แต่ดาบระดับมหากาพย์กับตำนานนั้นเขาได้มาเยอะมากๆแล้ว โจวเหวินเลยคิดจะใช้ดาบพวกนี้มารวมร่างกับงูทรราชและตรีสูญให้กลายเป็นดาบก่อนที่จะเอาไปรวมร่างอีกที


อันดับแรกโจวเหวินลองใช้ดาบรวมร่างกับงูทรราช โอกาสสำเร็จ 63% แต่รวมร่างออกมาเสีย


ต่อมาโจวเหวินก็ใช้ตรีสูญเทพสงครามทองคำมารวมร่างกับดาบระดับมหากาพย์ รอบนี้รวมร่างสำเร็จ แถมสกิลคงกระพันยังอยู่เหมือนเดิมอีกด้วย


“ดวงอย่างน้อยก็ยังมีอยู่ซินะโจวเหวินกังวลว่าตั้งแต่ที่เขารวมร่างจงฉีออกมาแล้วดวงของเขาจะลดลง “หรือว่าดวงฉันจะลดลงไปจริงๆวะ ถ้าเป็นงั้นก็ขาดทุนยับเลยนะเนี่ย


เมื่อไม่มีงูทรราชให้เป็นส่วนประสบเหลืออีกแล้ว ตอนนี้โจวเหวินเลยได้แต่ล้มเลิกความคิดที่จะรวมร่าง แล้วรอฟาร์มให้ได้สัตว์อสูรเพิ่มก่อน


ระหว่างทางนั้นเอง โจวเหวินตั้งมั้นไปกับการฟาร์มทะเลดวงดาวและสุสานดาบโบราณ ทะเลดวงดาวนั้นโจวเหวินหาดวงดาวให้ครบ28ดวงอยู่ ส่วนสุสานดาบนั้นโจวเหวินพยายามฟาร์มหาดาบระดับเร้นลับในสุสาน


ดาบแสงนั้นมีความสามารถในการลอบโจมตีได้ดีเยี่ยมก็จริง แต่การต่อสู้แบบตรงๆตัวนั้นไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไร โจวเหวินอยากได้อาวุธที่ใช้สู้แบบประจัญหน้าได้มากกว่า


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดวงซวยขึ้นหรืออะไรแต่โจวเหวินฟาร์มไม่ได้ของที่โจวเหวินอยากได้เลยซักอย่างได้แต่ของอะไรที่เขาไม่ได้ใช้ทั้งนั้น


แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินก็ตั้งใจพัฒนาวิญญาณชีวิตประกายดาวของเขาอยู่แล้ว โจวเหวินเลยตั้งใจจะอ้อมไปที่สุสานแห่งปฐมกษัตริย์อีกครั้ง เขาหวังว่าจะได้เจอรูปสลักรูปมือแล้วดาวโหลดเกมส์นั้นมาได้


แต่ก่อนที่โจวเหวินจะไปถึงที่สุสานแห่งปฐมกษัตริย์  เขาก็เห็นที่ตลาดในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ผู้คนมากมายต่างพากันมาขายผลึกและไข่สัตว์อสูรที่ได้มาจากสุสานแห่งปฐมกษัตริย์


ภายในสุสานนั้นมีไข่สัตว์อสูรแปลกๆมากมายก็จริง แต่ที่มนุษย์รู้จักส่วนมากนั้นเป็นเพียงแค่สุสานแห่งปฐมกษัตริย์ส่วนนอกเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในสุสานจริงๆ


ถ้าสุสานปฐมกษัตริย์จัดว่าเป็นเมืองใต้ดินขนาดใหญ่ ส่วนที่มนุษย์รู้จักนั้น มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหน้าประตูเมืองเท่านั้น


นอกเหนือจาก6วีรบุรุษในตำนานแล้ว ไม่เคยมีใครเข้าไปในสุสานจริงๆมาก่อน


โจวเหวินเดินผ่านตลาดแล้วตรงไปยังสุสานส่วนนอกพยายามจะตามหารูปสลักรูปมือ แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินก็เห็นอะไรบางอย่างในตลาด


หลังจากที่ดูดีๆแล้ว โจวเหวินก็พบกับหลิวหยุนที่ดูเหมือนจะกำลังเถียงกับชายแก่คนนึงอยู่ที่ตลาดนั้น


“เจอหลิวหยุนอีกแล้วเหรอเนี่ย เขามาทำอะไรที่นี้กันนะ”โจวเหวินเริ่มสนใจแล้วหามุมเงียบๆที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตุแอบมองหลิวหยุนทุกฝีก้าว

 

 

 


ตอนที่ 864

 

ขายดาบ


โจวเหวินมองไปรอบๆ แล้วเขาก็พบต้นตอของปัญหาที่หลิวหยุนกำลังเถียงกับชายแก่คนนั้น


หลิวหยุนอยากซื้อดาบทองแดงเล่มนึงมาจากชายแก่ แต่ชายแก่บอกว่าเขาไม่ขายอะไรให้ทั้งนั้น แถมชายแก่ยังบอกอีกด้วยว่า ชายแก่คนนั้นจะใช้ดาบเล่มนั้นเพื่อแลกกับสัตว์อสูรระดับเร้นลับ เพราะงั้นเขาเลยไม่ขายให้ใครไม่ว่าจะราคาสูงแค่ไหนก็ตาม ชายแก่คนนั้นเล่าว่าดาบเล่มนี้ถูกขุดขึ้นมาจากสุสานปฐมกษัตริย์ตั้งแต่ก่อนจะเกิดพายุต่างมิติซะอีก มันคือดาบแห่งปฐมกษัตริย์


แต่ไม่มีใครเชื่อ ถึงดาบนั้นจะเป็นของปฐมกษัตริย์จริงๆ แต่ในยุคนี้มันก็เป็นได้แค่ของเก่าที่ไม่มีราคาเท่านั้น


ชายแก่ยังคงยืนยันที่จะใช้ดาบเล่มนี้เพื่อตามหาสัตว์อสูรระดับเร้นลับเท่านั้น แต่หลิวหยุนก็เหมือนหาเรื่อง ไม่ยอม อยากจะซื้อดาบเล่มนี้ให้ได้ แต่เขาเองก็ไม่ยอมเสนอแลกสัตว์อสูรระดับเร้นลับเหมือนกัน


“แปลกแหะ คนเจ้าเล่ห์อย่างหลิวหยุนเนี่ยนะตั้งใจจะซื้อดาบเล่มนั้นจริงๆ แถมยังซื้อในที่เสียงดังโหวกเหวกโวยวายแบบนั้นด้วย เอาจริงๆถ้าเขาอยากได้ดาบเล่มนั้นจริงๆ เขาก็แค่ขโมยมาก็ได้นี้หน่า หมอนั้นจะทำอะไรกันแน่นะ”โจวเหวินคิดกับตัวเอง


“ฉันให้ราคาไข่สัตว์อสูรรูปปั้นทองแดง3ตัวระดับมหากาพย์เลย เพื่อแลกกับดาบของลุง”หลิวหยุนพูด


“อย่าว่าแต่3เลย ต่อให้เอามา10ตัว ฉันก็ไม่ขายหรอก”ชายแก่คนนั้นดื้อด้าน เขาไม่ยอมปล่อยดาบทองแดงไป แล้วยังเถียงคอเป็นเอ็นด้วย


ตอนที่คนอื่นได้ยินข้อเสนอว่าหลิวหยุนจะยอมแลกรูปปั้นทองแดง3ตัวเพื่อแลกกับดาบทองแดกบิ่นๆอันนึงก็ตกใจมาก


“ถ้างั้น5ใบละเป็นไง ทั้งหมดที่ฉันมีละ”หลิวหยุนพูดแล้วหยิบไข่สัตว์อสูรนั้นขึ้นมา


ทุกคนต่างผงะทันทีที่เห็น รูปปั้นทองแดงนั้นเป็นสัตว์อสูรที่น้อยคนจะไม่รู้จัก แต่มันเป็นสัตว์อสูรที่หายากมากๆ ไข่ของมันเด่นหลามากเพราะงั้น เวลาหลิวหยุนโชว์ขึ้นมาทุกคนเลยรู้แน่ๆว่ามันต้องเป็นไข่ของรูปปั้นทองแดง


“นี้ไอ้น้อง มีไข่รูปปั้นทองแดงตั้ง5ใบเอาไปขายได้ราคางามๆเลยนะ ทำไมถึงเอามาแลกกับดาบพังๆอันนั้นละ””คนข้างๆพูด ทุกๆคนก็เห็นด้วย รูปปั้นทองแดงนั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีชื่อเสียงแถมจำนวนของมันก็มีจำกัด ทำให้ราคาของมันพุ่งขึ้นสูงมากๆ การที่มีคนนำไข่รูปปั้นทองแดงมาเสนอขาย5ใบพร้อมกันนั้นมันทำให้คนตั้งตัวได้เลย


“ไม่ละ ฉันชอบดาบนั้น รักเหมือนลูกเลยก็ว่าได้”หลิวหยุนพูด


“ถ้ารักมากก็เอาไข่สัตว์อสูรระดับเร้นลับมาแลกซะซิ ไม่งั้นก็เท่านั้นละ”ชายแก่ยังคงปากแข็ง


ทุกคนตอนนี้ต่างเริ่มคิดแล้วว่าไม่หลิวหยุนก็ต้องเป็นชายแก่นี้ต้องมีปัญหาทางสมองแน่ๆ หลิวหยุนเองก็ใช้ของไม่คุ้มค่า ชายแก่นั้นก็หวงของเกินเหตุ


 


“นี้น้องชาย ฉันมีดาบแบบเดียวที่เห็นนั้นอยู่นะ ถ้านายอยากได้ ไข่รูปปั้นทองแดง 5 ใบฉันก็ยอมขายให้นะ” ชายร่างยักษ์เดินเข้ามาแล้วมองไข่รูปปั้นทองแดง5ใบที่อยู่ที่พื้น แล้วพูดกับหลิวหยุน


“ที่ฉันต้องการคือดาบที่ขุดออกมาจากสุสานชั้นในนะ ดาบที่นายมีมันดาบอะไรละ”หลิวหยุนพูด


“ฉันไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่ดาบของฉันหน่ะ เป็นสมบัติโบราณที่ปู่ของฉันขุดขึ้นมาจากสุสานปฐมกษัตริย์ของจริง”ชายร่างใหญ่พูด


“จริงเหรอ”หลิวหยุนมองดาบในมือของเขาอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไร


แน่นอนว่าดาบโบราณทั้ง2เล่มนั้นเหมือนกันมาก ถึงจะต่างกันเล้กน้อยแต่โดยรวมมันคือดาบที่ทำขึ้นในยุคเดียวกันแน่ๆ


“ของจริงซิ ดีกว่าดาบของลุงนั้นแน่ๆละ”ชายร่างใหญ่ตบอก


ชายแก่นั้นเหมือนจะของขึ้นแล้วพูด “อยากได้ของดีแต่เสือกจะจ่ายราคาถูก เอาไข่ของดีๆไปจ่ายแลกของปลอมก็ได้นะตามใจเลย”


“เห้ยลุงพูดดีๆนะ ของใครปลอมกันแน่ ของลุงรึเปล่า””ชายร่างใหญ่เริ่มโกรธ


หลิวหยุนหัวเราะแล้วพูดกับชายแก่ “นี้ลุง คิดเสียดายขึ้นมารึไง เสียดายตอนนี้ก็สายไปแล้ว ฉันไม่ซื้อดาบของลุงแล้ว ดูกันดีกว่าว่าใครขายออกกันแน่” พอพูดจบเขาก็ผลักไข่ทั้ง5ใบให้กับชายร่างใหญ่ก่อนจะพูด “ฉันไม่สนหรอกว่าของนายจะของจริงหรือของปลอม แต่ฉันจะซื้อของนายให้ลุงนี้มันหน้าเสียซักที”


ชายร่างใหญ่ดีใจ รีบเก็บไข่สัตว์อสูร ด้วยความไม่ชัวร์เขาจึงเช็คของก่อน พอมั่นใจแล้วว่ามันเป็นไข่ของรูปปั้นทองแดงจริงๆ เขาก็ยื่นดาบทองแดงนั้นให้กับหลิวหยุน


“ลุงเองเองก็ค่อยนึกเสียใจเอานะ”หลิวหยุนพูดแล้วเดินจากไป


โจวเหวินเองก็ใส่ผ้าคลุมล่องหนแล้วเดินตามไป


หลิวหยุนนั้นไม่ได้เดินเข้าเมืองไปแต่เลี้ยวตรงมุมแล้วเดินเข้าป่าข้างๆไปแล้วนั่งลงหลังต้นไม้ใหญ่ หลังจากที่รอไปได้สักพัก ชายแก่ที่เคยจะขายดาบทองแดงก็เดินออกมา เหมือนกับหัวขโมยที่มารวมตัวกันหลังจากปล้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว


หลังจากที่เห็นชายแก่แล้วโจวเหวินก็เข้าใจทุกอย่างทันที ทั้ง2คนนั้นเป็นพวกกันตั้งแต่แรก และทำทุกอย่างนั้นก็เพื่อล่อให้ชายร่างใหญ่นั้นขายดาบให้พวกเขาในราคาที่ถูกแสนถูก


ชายร่างใหญ่นั้นเป็นนักล่าอิสระเดิมทีเขาเข้าไปในพื้นที่ต่างมิติเพื่อล่าของมาขาย ซึ่งปรกติเขาคงไม่ขายดาบนั้นแน่ๆ พวกนั้นอยากได้ดาบของชายคนนั้น การจะไปขอซื้อตรงๆคงโดนโก่งราคายับแน่นอน พวกเขาเลยรวมหัวกันทำแบบนี้เพื่อกดราคาลงมา


“ดาบทองแดงนั้นมันคือดาบอะไรกันแน่นะทำไมมันถึงคุ้มที่หลิวหยุนจะทำอะไรแบบนั้นได้นะ”โจวเหวินเริ่มสงสัยเลยเดินตามไป


“นี้ของจริงเหรอ”ชายแก่ถามหลิวหยุนทันทีที่มาถึง


“ใช่ นี้ละของจริง ถ้ามีดาบนี้เราก็สามารถเข้าไปในสุสานปฐมกษัตริย์ได้ซักที”หลิวหยุนพูด


“ไหนของดูหน่อยซิ”ชายแก่พูดอยากจะขอดู


หลิวหยุนชักมือกลับไม่ให้ชายแก่จับดาบ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นต้องรีบเลยนี้ เราคุยกันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ฉันเป็นคนถือดาบ ฉันเป็นคนเปิดประตู หลังจากที่เรากลับกันแล้ว ของทุกอย่างแบ่งครึ่งกัน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันไม่ทำพลาดอยู่แล้ว”


“ฉันไม่กลัวนายหลอกฉันหรอก ฉันแค่อยากจะดูให้ชัดเจนว่ามันใช้ของจริงใช่ไหมเท่านั้นเอง”ชายแก่คนนั้นพูด


“หลิวหยุนคนนี้ไม่เคยพลาดอยู่แล้ว ถึงฉันจะหลอกคนอื่นได้แต่ฉันหลอกลุงไม่ได้อยู่แล้ว”หลิวหยุนยังคงถือดาบทองแดงไว้แล้วถาม “เริ่มเมื่อไรละ”


“เร็วเท่าไรยิ่งดี ถ้าพร้อมแล้ว เย็นนี้เลยก็ได้”ชายแก่พูด


“โอเค ตกลง เจอกันหน้าสุสานปฐมกษัตริย์คืนนี้ละกัน”หลิวหยุนเดินจากไป


ชายแก่มองแผ่นหลังของหลิวหยุนแล้วจากไปบ้าง


โจวเหวินแอบมองไปทางที่ชายแก่คนนั้นเดินไปแล้วแอบคิด เขารู้สึกได้เหมือนกับว่าชายแก่คนนั้นมันคุ้นหูคุ้นตาเขาแปลกๆ เหมือนกับว่าเขาเคยเจอชายแก่คนนั้นที่ไหนมาก่อน แต่ทั้งรูปร่างหน้าตาโจวเหวินไม่เคยเห็นที่ไหนมาเลย


“หรือว่า ชายแก่คนนั้น จะเป็นผู้วิเศษจิงเต้ากันนะ”โจวเหวินคิดขึ้นมาได้


เพราะด้วยความที่มีอะไรบางอย่างที่อยู่รอบๆตัวของชายแก่คนนั้นที่เหมือนกับผู้วิเศษจิงเต้ามากๆ ถึงแม้ว่าหน้าตารูปร่างจะไม่ใช่ก็ตาม


“คนอย่างผู้วิเศษจิงเต้า จะเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนรูปร่างก็คงไม่ใช่ปัญหา น่าจะใช้ผู้วิเศษจิงเต้าแน่ๆ แต่ทำไมเขาถึงไปอยู่กับหลิวหยุนได้ละ แล้ว2คนนั้นต้องการอะไรจากสุสานปฐมกษัตริย์กันแน่”โจวเหวินนั้นเต็มไปด้วยคำถามในใจ

 

 

 


ตอนที่ 865

 

เซี่ยหยูคุน


โจวเหวินคิดแบบนั้นก่อนจะรู้สึกว่านี้มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่ดี เดิมทีแล้วเขาไม่เคยคิดจะเข้าไปในสุสานปฐมกษัตริย์ตั้งแต่แรก เพราะงั้นเขาเลยไม่จำเป็นต้องไปคิดอะไรอีก


หลังจากที่คิดแบบนั้นแล้ว เขาก็กลับไปยังทางเข้าสุสานปฐมกษัตริย์ แล้วตามหารูปสลักรูปมือต่อ หวังว่าจะได้เจออะไรบ้าง เดิมทีโจวเหวินไม่ได้คิดจะเข้าไปในสุสานปฐมกษัตริย์อยู่แล้ว ตอนนี้พอยิ่งรู้ว่าหลิวหยุนกับผู้วิเศษจิงเต้ากำลังจะเข้าไปในนั้นเขายิ่งไม่อยากเข้าไปใหญ่เลย


รอบนอกของสุสานปฐมกษัตริย์นั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกระดับตำนานและภายในก็จะมีรูปปั้นทองแดงระดับมหากาพย์ บางคนก็ว่าเจอรูปปั้นทองระดับเร้นลับ แต่มันหายากมาก จนโจวเหวินก็ยังไม่เคยเห็นเลย


แต่จุดหมายของเขาในการมาที่สุสานปฐมกษัตริย์คือการหารูปสลักรูปมือ เขาไม่ได้คิดจะเข้าไปในนั้นแค่หารูปสลักเฉยๆ ในบรรดาเกมส์ที่โจวเหวินมีนั้น ที่เขาอยากได้ที่สุดน่าจะเป็นเกมส์สุสานปฐมกษัตริย์นี้ละ เพราะมันยังเป็นที่ๆเขาไม่สามารถเข้าไปได้ซักที เหตุผลหลักๆที่เขาเข้าไปในนั้นไม่ได้ เป็นเพราะว่าเขาหาทางเข้าไม่เจอ ทำได้เพียงแค่เดินวนไปรอบๆเท่านั้น


สถานที่อย่างสุสานปฐมกษัตริย์นั้นไม่ใช่ๆที่ใครก็เข้าได้ มันจึงไม่มีทางเข้าเป็นเรื่องปรกติ ถ้าอยากจะเข้าไปในนั้นก็ต้องขุดหาทางเข้ากันเอาเอง


สุสานปฐมกษัตริย์เองก็เป็นแบบนั้น มันไม่มีทางเข้า แต่รอบๆของสุสานนั้นมันเต็มไปด้วยรูที่พยายามขุด ได้ยินกันมาว่ามีหลายๆคนพยายามจะเข้าไปในนั้นกัน แต่ผลที่ออกมาคือพวกเขาขุดได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นแล้วก็มีอาเพศภัยเกิดขึ้น


โจวเหวินใช้พลังของสดับวานรตามหารอบๆโดยละเอียด จนกระทั้งดวงดีไปเห็นข้างใต้ของหินที่โดนทับอยู่ใต้ดิน ในที่สุดโจวเหวินก็เจอรูปสลักรูปมือแล้ว


โจวเหวินดีใจมาก เขาปัดฝุ่นรูปสลักรูปมือแล้วใช้โทรศัพท์ถ่ายเพื่อเข้าไปหน้าโหลดเกมส์ทันที


หลังจากที่รอไปซักพัก เกมส์ก็ดาวโหลดเสร็จสมบูรณ์ เกมส์นี้จะกลายเป็นเกมส์ที่สำคัญสำหรับโจวเหวินเกมส์นึงเลยก็ได้


หลังจากที่โหลดเกมส์แล้วโจวเหวินก็พบว่าความเร็วในการโหลดเกมส์นั้นมันไม่ได้เกี่ยวกับขนาดของแผนที่เกมส์ แต่มันเกี่ยวกับพลังและคำสาปภายในเกมส์นั้นๆมากกว่า


ตอนนี้ภารกิจของเขาเสร็จแล้ว เขาได้เกมส์มาแล้ว เพื่อที่จะไม่ไปชนเข้ากับหลิวหยุนกับผู้วิเศษจิงเต้าโจวเหวินเลยตั้งใจจะออกจากที่นี้แล้วเดินทางต่อ


แต่ใครมันจะไปคิดละว่าเขาเดินอยู่ๆเขาก็เจอเข้ากับหลิวหยุนกำลังยืนพิงต้นไม้อยู่ข้างๆถนนมองเขาด้วยรอยยิ้ม


“อ้าว ว่าไงละเจ้ารุ่นน้อง ไม่เจอกันนานเลยนะ ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะมาเจอกันอีกที่นี้หน่ะ”หลิวหยุนพูดแล้วยิ้ม


“ไอ้หมอนี้มันเห็นฉันตั้งแต่แรกแล้วนี่หว่า”โจวเหวินรู้ได้ทันที ก่อนจะมองหลิวหยุนแล้วพูด “อ้าวรุ่นพี่ มาหาฉันถึงที่แบบนี้อยากจะรับเลี้ยงดูหยาเอ๋อขึ้นมาแล้วเหรอ”


ตอนที่หลิวหยุนได้ยินชื่อหยาเอ๋อ เขาก็อดผงะไม่ได้ เขามองหยาเอ๋อในมือของโจวเหวินแล้วส่ายหัว “ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายมากกว่าหน่ะ นายได้ยินเรื่องที่ฉันคุยกับตาแก่นั้นไปแล้วใช่ไหมละ สนใจที่จะเข้าไปในสุสานปฐมกษัตริย์ด้วยกันไหม ดาบนี้คือกุญแจที่แท้จริงสู่สุสานปฐมกษัตริย์ ถ้ามีมันกับอสูรปฐพีของนายละก็ เราก็จะสามารถเข้าไปในนั้นได้อย่างปลอดภัย คิดว่าไงละ จะไปกันไหม”


“ไม่ไป”โจวเหวินตอบห้วนๆ


“นายไม่อยากจะรู้เหรอว่าข้างใจสุสานปฐมกษัตริย์ มันมีอะไรกันแน่ มันมี…”หลิวหยุนตะลึงไปเล็กน้อยเขากำลังจะพูดแต่ก็โดนโจวเหวินขัด


“ฉันไม่อยากรู้ ฉันไม่อยากเข้าไปในนั้นด้วย”โจวเหวินพูดก่อนจะเดินผ่านหลิวหยุนไป


ไม่ต้องนับเรื่องอันตรายที่อยู่ในสุสานปฐมกษัตริย์ก็ได้ แต่แค่ชายแก่ที่ไปด้วยน่าสงสัยว่าเป็นผู้วิเศษจิงเต้าแค่นั้นก็เป็นเหตุผลเพียงพอที่โจวเหวินจะไม่ไปแล้ว


อีกอย่าง ถ้าหลิวหยุนเจอเขาได้ โจวเหวินก็เชื่อว่าผู้วิเศษจิงเต้าก็เห็นเขาแล้วเหมือนกัน


“ฉันได้ยินมาว่ามันมีต้นไม้เทพอยู่ในสุสานปฐมกษัตริย์ด้วยนะ ถ้าได้กินมันละก็ นายจะมีชีวิตอมตะเลย”หลิวหยุนไม่ยอมแพ้ ตื้อโจวเหวินต่อ


“ไม่ไป”โจวเหวินมั่นคงมาก ไม่ว่าหลิวหยุนจะเอาอะไรมาล่อ เขาก็จะไม่ไปที่นั้นเด็ดขาด


“ข้างในนั้นมันยังมีผู้พิทักษ์ด้วยนะ ถ้านายเข้าไปนายอาจจะมีโอกาสได้ทำสัญญากับผู้พิทักษ์ก็ได้นะ”หลิวหยุนพูดต่อ


“ไม่ไป”โจวเหวินได้ยินข่าวดี แต่ตอนนี้ถึงจะมีผู้พิทักษ์อยู่แต่โจวเหวินก็ไม่คิดจะเข้าไปอยู่ดี


เพราะยังไงตอนนี้โจวเหวินก็ได้เกมส์สุสานปฐมกษัตริย์มาแล้ว เขาสามารถเล่นได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงเลย


“นายรู้รึเปล่าเนี่ยว่าชายแก่คนนั้นเป็นใคร” จู่หลิวหยุนก็ถามโจวเหวินขึ้นมา


“รู้”โจวเหวินตอบ


จู่ๆโจวเหวินตอบแบบนี้หลิวหยุนเลยอึ้ง เขาเลยถามกลับ “นายรู้ได้ไงกัน เป็นไปไม่ได้หน่า นายไม่น่าจะเคยเห็นเขามาก่อนนี้ ทำไมนายถึงไปรู้จักคนที่ตายไปแล้วได้ละ”


“นายบอกว่าเขาเป็นใครนะ”โจวเหวินได้ยินหลิวหยุนพูดแบบนั้นแล้วรู้สึกแปลกๆ เขามองหน้าหลิวหยุนแล้วถาม


ทุกคนต่างรู้ดีว่าผู้วิเศษจิงเต้ายังไม่ตายแน่ๆ ถึงครั้งล่าสุดเขาจะบาดเจ็บสาหัสแต่เขาเองก็ยังไม่ตาย กรมควบคุมพิเศษยังตามจับเขาไม่ได้เลยจนถึงตอนนี้


“นายคงจะคุ้นเคยกับคณะสำรวจจงลู่ดีซินะ ชายแก่คนนั้นคือ1ในขณะสำรวจยังไงละ”หลิวหยุนพูด


“บ้าหน่า เป็นไปไม่ได้ ฉันอ่านข้อมูลของทั้งคณะมาแล้ว ไม่มีคนหน้าตาแบบนั้นเลยนะ”โจวเหวินตอบกลับ


พอเห็นโจวเหวินทำหน้าตาแบบนั้นหลิวหยุนเลยหัวเราะหึหึก่อนจะพูด “ผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางไปกับทีมสำรวจและเจ้าหน้าที่ทั้งหลายอยู่ในบันทึกก็จริง นายอ่านข้อมูลบันทึกนั้นแล้ว นายไม่รู้สึกแปลกๆบ้างเหรอ นายไม่เคยคิดบ้างเหรอว่าบางทีมันอาจจะมีคนหายไปจากรายชื่อพวกนี้ก็ได้นะ”


“ฉันไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระนะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คณะสำรวจจะเอาคนนอกมาร่วมด้วยหน่ะ”โจวเหวินพูด


“คนนอกเหรอ ไม่ใช่ซักหน่อย นายอ่านข้อมูลมาตั้งเยอะ นายไม่คิดบ้างเหรอ ว่ามันมีข้อมูลบางอย่างที่เป๊ะเกินไปหน่ะ”หลิวหยุนพูด


โจวเหวินขมวดคิ้วแล้วคิด ตอนแรกเขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีอะไรบางอย่างหายไปแพราะว่าทุกอย่างในข้อมูลนั้นมันสมบูรณ์อยู่แล้ว ทั้งรายชื่อและรายละเอียดผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ ศาสตราจารย์ทั้งหลาย


พอเห็นโจวเหวินไม่เข้าใจ หลิวหยุนเลยพูด “นายไม่เคยคิดบ้างเหรอว่าบางทีมันอาจจะมีคนจงใจทำให้ข้อมูลของทีมสำรวจหายไปแบบไร้ร่องรอยก็ได้นะ”


โจวเหวินผงะขึ้นมา แล้วคิดถึงข้อมูลที่เขาเคยอ่าน “หรือว่ามันจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับทหารกับเจ้าหน้าที่เหรอ?”


“นายคิดว่าทหารพวกนั้นเป็นคนจัดการการสำรวจจงลู่เหรอ พวกนั้นทำหน้าที่แค่คอยรักษาความปลอดภัยเท่านั้นละ”หลิวหยุนพูด


“ลองคิดดูละกันนะ เหล่าผู้เชี่ยวชาญ ศาสตราจารย์คนสำคัญระดับโลกมาอยู่รวมกัน เคลื่อนที่เป็นคณะสำรวจด้วยกัน แต่กลับมีแค่เจ้าหน้าที่ทหารที่คอยดูแลปกป้องรักษาความปลอดภัยเท่านั้น แต่กลับไม่มีคนคอยดูหรือควบคุมการทำงานของผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นแบบองค์รวมเลย นายไม่คิดว่าแปลกบ้างเหรอ”หลิวหยุนพูดต่อ


นายหมายความว่ารัฐบาลกลางตั้งใจจะปิดบังข้อมูลบางส่วน แล้วชายแก่คนนั้นก็เป็น1ในนั้นงั้นเหรอ”โจวเหวินมองหลิวหยุนแล้วถาม


“เอาจริงๆฉันเองก็ได้ไปสืบมาแล้วละ ฉันเคยแอบเข้าไปในสำนักงานรัฐบาลกลางแล้วฉันก็ได้ไปอ่านข้อมูลมา นายไม่สังเกตุเหรอว่าข้อมูลพวกนั้นมันสมบูรณ์แบบ …มากเกินไปสมบูรณ์แบบจนไม่มีที่ติ เหมือนกับว่าจงใจปลอมแปลงขึ้นมา แล้วฉันก็เจอข้อมูลอีกบางส่วน เกี่ยวกับการหายตัวไประหว่างที่ทีมสำรวจจัดตั้งขึ้นแล้วไม่มีใครเจอตัวอีกแล้ว แล้วหลังจากที่ฉันสืบไปสืบมาฉันก็มั่นใจได้เลยว่าคนพวกนั้นต้องไปที่จงลู่แน่ๆ”หลิวหยุนหยุดแล้วพูดต่อ “ชายคนนั้นชื่อว่าเซี่ยหยูคุน และเขาเป็น1ในคนพวกนั้น”

 

 

 


ตอนที่ 866

 

กระจกโบราณ


“ไปเจอเขาที่ไหนเนี่ย”โจวเหวินมองหลิวหยุนด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาสงสัยว่าทำไมหลิวหยุนถึงสนใจเรื่องอะไรแบบนี้ได้


“เจอโดยบังเอิญหน่ะ ตอนที่ฉันรอที่นายอยู่นี้ ฉันเดาไว้แล้วว่าหลังจากที่นายได้อสูรปฐพีมานายต้องมาที่นี้แน่ๆ แต่ใครมันจะไปคิดละว่าระหว่างรอนายอยู่ เซี่ยหยูคุนคนนั้นจะกำลังขายของอยู่ในตลาดหน้าตาของเขาเหมือนกับคนที่ฉันเคยเห็นเป๊ะๆ”หลิวหยุนหยุดแล้วเล่าต่อ “หลังจากนั้นฉันก็ไปคุยกับคนๆนั้น ตอนนั้นฉันเองก็ไม่มั่นใจหรอกแต่เขาดูไม่มีพิษภัยอะไร แถมชายแก่คนนั้นยังบอกเรื่องสำคัญบางอย่างกับฉันด้วย ฉันรู้แค่ว่าตอนนั้นเขาไปที่จงลู่ พร้อมๆกับคณะสำรวจทั้งหลาย เขามีหน้าที่ควบคุมงานของทีมสำรวจอีกที แต่หลังจากนั้น ทุกคนก็กลับหายตัวไป เขาเล่าว่าตอนนั้นเขาออกมาจากทีมเพราะอาการป่วยแล้วกลับมาที่ค่าย ซึ่งที่เขาเล่ามานั้นฉันไม่เชื่อเลยซักนิด”


“แล้วไงต่อ”โจวเหวินรู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ


เขารู้สึกได้ว่า ชายแก่คนนั้นยังไงก็ต้องเป็นผู้วิเศษจิงเต้าแน่ๆ แต่หลิวหยุนกลับบอกว่าเขาคือเซี่ยหยูคุน แล้วก็ดันไปเกี่ยวข้องกับทีมสำรวจที่จงลู่ด้วย มันมีอะไรแปลกๆอยู่


“จากนั้นเขาก็คุยกับฉันเรื่องสมบัติ เรื่องของที่อยู่ภายในสุสานปฐมจักรพรรดิ แล้วเขาก็มีวิธีการที่จะเข้าไปในนั้นได้ด้วย ฉันคิดว่าเขาดูรู้ลู่ทางในนั้นพอสมควรเลย ผนวกกับการที่ฉันอยากรู้อยากเห็น ฉันเลยตกลงกับเขาว่าจะเข้าไปในนั้นด้วย ฉันยินยอมให้ความร่วมมือกับเขาไปก่อน ระหว่างที่รอนายมานี้ไง”หลิวหยุนพูด


โจวเหวินมองหลิวหยุนไปซักพักแล้วถาม “ทำไมนายถึงสนใจเรื่องทีมสำรวจละ


“อะ แฮ่ม ก็แน่นอนซิ เพราะว่าฉัน เป็น คน ที่ ใส่ใจรุ่นน้องของฉันยังไงละ ฉันรู้ว่านายสนใจและใส่ใจเรื่องนี้มาก ฉันก็เลยไปสืบมาให้นายไง”หลิวหยุนพูด “แต่ถ้านายไม่เชื่อ เราหักหลังเขาเลยก็ได้นะ จับตาเฒ่านั้นไปทรมารเค้นความจริงอะไรของนายก็ได้”


“จะให้ฉันทรมารเขาเนี่ยนะ ฉันกลัวว่าเรา2คนเนี่ยละจะโดนกระทืบเอา”โจวเหวินพูดแล้วเม้มปาก


“เห้ย เอาหน่า หมอนั้นอาจจะดูมีฝีมือก็จริง แต่เขายังห่างไกลจากพวกเราเยอะ ฉันคนเดียวก็ล้มเขาได้สบายๆอยู่แล้ว”หลิวหยุนพูด


โจวเหวินไม่ค่อยอยากปิดบังอะไร เขาเลยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายถึงสนใจเรื่องนี้นะ แต่หมอนั่นหนะ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะใช้เซี่ยหยูคุนจริงๆรึเปล่าด้วย ฉันคิดว่าฉันเหมือนคนอื่นมากกว่า”


“ใครละ”หลิวหยุนถามโจวเหวินด้วยสีหน้าจริงจัง


“ผู้วิเศษจิงเต้า (หรือชื่อจิงเต้าเซียน) โจวเหวินพูดออกมา3คำ


พอได้ยินคำนั้นหลิวหยุนก็สีหน้าเปลี่ยนทันทีแล้วพูดอย่างไม่เชื่อ “ใช่เหรอวะ จิงเต้าเซียนงั้นเหรอ”


“ยังไงก็เถอะ ฉันจะไม่เข้าไปในสุสานเด็ดขาด อยากทำอะไรก็ทำเลย”โจวเหวินพูดแล้วกำลังจะลาจาก แต่เขากับหลิวหยุนทันทีที่หันหน้าไปอีกทางแล้วสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนทันที


พวกเขาพบกับชายแก่ที่พวกเขากำลังพูดถึง ไม่รู้ว่ามายืนตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร แต่เขากำลังยืนยิ้มให้กับ2คนนั้น ทำเอาโจวเหวินเหงื่อแตกหลังไปหมด


หลิวหยุนตอนแรกว่าจะไปห้ามโจวเหวิน แต่พอเขาหันไปเห็นชายแก่ หน้าของเขาก็เปลี่ยนสีเหมือนกัน


“อ้าวลุง มาตั้งแต่เมื่อไรกันเนี่ย”หลิวหยุนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ การที่เซี่ยหยูคุนเข้ามาใกล้ระยะขนาดนี้แต่ไม่ใครรู้เรื่องเลย


ชายแก่ไม่สนใจเขา แล้วมองโจวเหวินก่อนจะพูด “ไม่เน่าเชื่อเลยนะว่านายจะจำฉันได้ น่าประหลาดใจเสียจริง”


คนอย่างนายจำไม่ได้ยากหรอก”โจวเหวินพูดแล้วมองผู้วิเศษจิงเต้า ชายแก่คนนั้นเหมือนจะยอมรับมาแล้วว่าตัวเองเป็นอย่างที่โจวเหวินคิดจริงๆ


ผู้วิเศษจิงเต้าเปลี่ยนเรื่อง “ถ้านายสนใจในสุสานปฐมจักรพรรดิละก็ ทำไมนายไม่เข้าไปกับพวกเราละ  นายก็น่าจะรู้นี้ ถึงฉันจะฆ่าคนทั้งโลกได้ แต่ฉันก็จะให้นายตายไม่ได้ นายไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเรื่องฉันเลยซักนิด


“แกเป็นผู้วิเศษจิงเต้าจริงๆงั้นเหรอ”หลิวหยุนเบิกตากว้างแล้วมองผู้วิเศษจิงเต้าอย่างไม่น่าเชื่อ


จอมมารอันดับ1ของรัฐบาลกลาง เมื่อกี้เขาพึ่งพูดว่าจะล้มผู้วิเศษจิงเต้าคนเดียว แต่ตอนนี้ที่เขาทำคือการยืนตัวเกร็งขาสั่นอ่อนแรง


“ดูเหมือนว่านายเองก็กำลังรอฉันอยู่เลยซิท่า”โจวเหวินมองผู้วิเศษจิงเต้า


“ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะรออสูรปฐพีของตระกูลเสี่ยถูกประมูลออกมาก่อนแล้วฉันค่อยชิงมันมา แต่ตอนนี้นายเองกลับเป็นคนที่ได้มันไปซินะ เพราะงั้นฉันเลยทำได้แค่รอนายมาที่นี้ยังไงละ”ผู้วิเศษจิงเต้าพูด


“ขอโทษทีนะ แต่ฉันไม่สนใจที่จะเข้าไปในนั้นหรอก ฉันจะกลับละ นายกับรุ่นพี่ของฉันจะทำอะไรก็ทำเถอะไปกันเองเลยก็ได้”โจวเหวินพูด


หลิวหยุนหน้าเสียแล้วยิ้มแห้งๆ “ฉ…ฉันเองก็ไม่สนใจเหมือนกัน ลุงไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ”


ผู้วิเศษจิงเต้ามองด้วยสายตาที่มั่นคงก่อนจะถอนหายใจ “พวกนายอยากจะไม่ไปก็แล้วแต่เถอะ แต่ตอนนี้พวกนายทั้ง2คนมีกุญแจที่จะเข้าไปในนั้นอยู่ คนนึงมีอสูรปฐพี ส่วนอีกคนมีดาบจักรพรรดิฉิน ทั้ง2สิ่งนี้คือกุญแจสู่สุสานเพราะงั้น ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็คงต้องขอให้พวกนายไปกับฉันด้วยนั้นละ”


“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ละ”โจวเหวินพร้อมสู้และพร้อมหนีตลอดเวลา


ผู้วิเศษจิงเต้ายิ้มแล้วพูด “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันก็เคยบอกไปแล้วไง ถึงฉันจะฆ่าทุกคนบนโลกได้ แต่ฉันก็จะเก็บนายเอาไว้ นายไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกับฉันเป็นศัตรูก็ได้นะ แต่ยังไงรอบนี้ พวกนายก็ต้องเข้ามาในสุสานกับฉันอยู่ดี ร่างกายของฉันมันแก่และอ่อนแอมากไปแล้ว ฉันต้องการพลังชีวิตเพื่อมาต่อชีวิตของฉัน”


“นั้นมันก็เรื่องของนาย ไม่ใช่เรื่องของฉัน” โจวเหวินพูดแล้วถอยหลังเตรียมเดินจากไป ถึงแม้ว่าผู้วิเศษจิงเต้าจะเรียกเขาว่าเป็นหนูทดลองก็จริง ทำให้โอกาสที่ผู้วิเศษจิงเต้าจะฆ่าเขานั้นมันต่ำมาก


แต่ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าผู้วิเศษจิงเต้าวางแผนอะไรไว้ ทางที่ดี โจวเหวินก็อยากที่จะออกห่างจากตัวของเขาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้


โจวเหวินเคยเห็นด้วยตาของตัวเองมาแล้ว ทั้งปรมาจารย์เหล้าไวน์ ทั้งเสี่ยจิวหวง ทุกคนนั้นต่างจบลงด้วยความชิบหาย พวกเขานั้นถือว่าเป็นหนูทดลองของผู้วิเศษจิงเต้าเช่นกันด้วย


“ถ้าโจวเหวินไม่ไป ฉันไปก็เท่านั้นละ ถ้างั้นฉันจะให้ดาบนี้กับนายนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะไปละ ถ้าอยากได้อะไรก็คุยกับรุ่นน้องฉันเองนะ”หลิวหยุนพูดก่อนจะวางงดาบบนพื้น


ผู้วิเศษจิงเต้านั้นไม่พูดอะไรหรือหยุดพวกเขา แต่เขาหยิบอะไรบางอย่างออกมา มันเป็นกระจกทองแดงโบราณ หน้าบานกระจกนั้นมันเบลอทำให้เงาที่ส่องออกมานั้นมันเบลอด้วย โจวเหวินเห็นกระจกนั้นแล้วรู้สึกแปลกๆ เขาจึงอัญเชิญอสูรปฐพีออกมาหวังว่าจะหนีมุดลงดิน


การเคลื่อนไหวของหลิวหยุนก็ไม่ใช่ช้าเหมือนกัน เขาพุ่งเข้าป่าไปทันที


แต่ผู้วิเศษจิงเต้าก็ไม่ขยับอะไรมาก เขาเอากระจกออกมา แล้วหมุนมันช้าๆ จากนั้น ภาพที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น โจวเหวินที่ตอนนี้หนีออกมาได้แล้ว กับหลิวหยุนที่พุ่งเข้าป่าไปแล้ว จู่ๆก็หันหน้ากลับมา


“มากับฉัน”ผู้วิเศษจิงเต้าเดินไปพร้อมกับกระจกโบราณ โจวเหวินกับหลิวหยุนที่หนีไปแล้วนั้นควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เหมือนกลายเป็นหุ่นเชิดแล้วเดินตรงไปทางสุสาน

 

 

 


ตอนที่ 867

 

กระจกหยินหยาง


โจวเหวินรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขานั้นมันขยับไม่ได้ และต้องเดินตามผู้วิเศษจิงเต้าไปยังสุสานปฐมกษัตริย์


ทุกการทำงานของร่างกายยังคงปกติดี เขาสามารถใช้สกิลทั้งหลายได้ปรกติ แต่ไม่รู้ว่าทำไม โจวเหวินถึงเดินตามผู้วิเศษจิงเต้าแบบห้ามไม่อยู่เลย


โจวเหวินไม่สามารถโจมตีมั่วได้ด้วย อันดับแรกเขาต้องสังเกตุการณ์กระจกนั้นก่อนว่ามันทำอะไรได้โดยใช้พลังของสดับวานร แล้วโจวเหวินก็พบว่า บนกระจกนั้นมีเงาของเขากับหลิวหยุนอยู่ด้วย


ปัญหาก็คือ ตอนนี้ตอนนี้ผู้วิเศษจิงเต้าเดินหันหน้าออกห่างจากตัวของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่กระจกโบราณนั้นจะมีเงาของพวกเขาอยู่ แล้วมันมีเงาของพวกเขาได้ยังไงกัน


หลิวหยุนที่โดนลากกลับมานั้นรวบรวมพลังไว้เต็มที่ พร้อมจะปล่อยตลอดเวลา แต่เขาก็ลังเลหลายครั้งไม่กล้าโจมตีผู้วิเศษจิ้งเต้า


ถึงแม้ว่าผู้วิเศษจิงเต้าจะหันหน้าออกห่างพวกเขา แต่คนๆนั้นยังไงก็คือผู้วิเศษจิงเต้าอยู่ดี สำหรับหลิวหยุนแล้วเขาคิดว่าการลอบโจมตีผู้วิเศษจิงเต้านั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรเอาซะเลย


โจวเหวินเองก็ไม่ได้โจมตีแต่อย่างใด แต่เขาแอบลองใช้วิชาลมปราณต่างๆพยายามหาทางแก้ ลองเปลี่ยนวิญญาณชีวิตเพื่อให้หลุดจากการควบคุมของกระจกโบราณ


ถ้าเกิดไม่สามารถหลุดจากการควบคุมของกระจกแล้วไปโจมตีผู้วิเศษจิงเต้าเข้าละก็ ตัวพวกเขาที่โดนควบคุมอยู่ยังไงก็เสียเปรียบมากๆ


ความสามารถของวิญญาณชีวิตที่สามารถล้างคำสาปก็ไม่มีผล เพราะดูเหมือนกระจกโบราณนั้นจะไม่ใช่คำสาป โจวเหวินลองใช้ไท่ฉางไค่เทียนจิงดูก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดจากการควบคุมได้


“ไม่ใช่คำสาป แล้วมันคืออะไรกันละ”โจวเหวินทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงปัญหา


หยาเอ๋อที่อยู่ในมือของโจวเหวินนั้น ไม่ได้มีสะท้อนอยู่ในเงาของกระจก


“ทำไมถึงไม่มีเงาของหยาเอ๋อละ หรือว่าผู้วิเศษจิงเต้าไม่ได้ต้องการหยาเอ๋อตั้งแต่แรก หรือว่าหยาเอ๋อเป็นคนพิเศษที่กระจกโบราณทำอะไรเธอไม่ได้กันแน่ ถ้ามันเป็นเพราะว่าหยาเอ๋อเป็นคนพิเศษ บางทีเธออาจจะช่วยเราได้ก็ได้”โจวเหวินคิดมาซักพักใหญ่ๆพยายามหาจุดแตกต่างระหว่างหยาเอ๋อกับตัวเขาเอง มันอาจจะเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วหยาเอ๋อเคยตายมาแล้วครั้งนึงแล้วไม่ได้นับเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้วก็ได้


โจวเหวินคิดซักพักก่อนจะลองเปลี่ยนวิชาลมปราณมาเป็นจุลปรัชญาดู เขาอยากจะลองดูว่าวิญญาณชีวิตราชานรกนั้นจะสามารถเอาชนะการควบคุมของกระจกโบราณได้มากน้อยแค่ไหน แต่สุดท้ายผลที่ออกมาก็เปล่าประโยชน์ แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากที่โจวเหวินเปิดใช้ราชานรกแล้วมองไปที่ผู้วิเศษจิงเต้า โจวเหวินก็ผงะทันที


เขาแทบไม่เชื่อสายตาจนอยากจะขยี้ตาด้วยซ้ำ เขามองดูแล้วมองดูอีก แต่ก็แหมือนเดิม บนร่างของผู้วิเศษจิงเต้านั้นไม่มีเปลวเพลิงแห่งบาปอยู่เลยแม้แต่น้อย โจวเหวินมองมนุษย์มาแล้วนับไม่ถ้วน เขาไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนที่ไม่มีไฟแห่งบาปเลย แต่บนตัวของผู้วิเศษจิงเต้านั้น ไม่มีแม้แต่ประกายไฟแห่งบาปซะด้วยซ้ำ


“เป็นไปไม่ได้หน่ะ ยิ่งคนทำเลวมากเท่าไร เปลวเพลิงแห่งบาปก็จะลุกท่วมมากเท่านั้น ผู้วิเศษจิงเต้าเป็นถึงจอมมารของรัฐบาลกลาง เขาฆ่าคนไปมหาศาล ทำเลวทรามนับไม่ถ้วน ทำไมไม่มีบาปเลยละ อะไรคือไฟแห่งบาปกันแน่ๆ อย่าว่าแต่การที่เขาเป็นจอมมารเลย แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่ค่อยได้ทำเลวอะไรยังมีไฟแห่งบาปเลย มันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่เขาจะไม่มีไฟนั้น…. หรือว่ามันจะมีวิธีขจัดไฟแห่งบาปได้แต่ ฉันยังไม่รู้กันนะ” โจวเหวินคิด


พลังของราชานรกนั้นไร้ผล โจวเหวินเลยได้แต่ลองหาทางอื่น เขาลองแปลี่ยนวิชาลมปราณไปเรื่อยๆลองหาวิธีใหม่ๆแต่ก็ยังหลุดออกจากการควบคุมไม่ได้


หลิวหยุนเองก็ลองหาวิธีมากมายเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิมตอนที่พวกเขามาถึงหน้าสุสานปฐมจักรพรรดิ พวกเขาก็ยังคงขยับร่างกายไม่ได้อยู่ดี


ผู้วิเศษจิงเต้านั้นหยุดลงก่อนจะเขย่ากระจกทำให้ทั้ง2คนขยับตัวได้อีกครั้งก่อนที่ผู้วิเศษจิงเต้าจะยิ้มแล้วพูด “กระจกโบราณนี้มีชื่อว่ากระจกหยินหยาง พวกนายคงไม่เคยได้ยินชื่อของมันหรอก แต่ในสมัยโบราณ กระจกหยินหยางนั้นเป็นเครื่องมือของเทพสวรรค์เพื่อใช้ขจัดวิญญาณ ที่ฉันทำก็แค่ใช้มันผนึกวิญญาณของพวกนายไว้ ถ้านายตามฉันมาทำตามเงื่อนไขให้สำเร็จ พวกนายก็จะเป็นอิสระแต่เอาจริงๆพวกนายจะเลือกขัดขืนไม่ไปก็ได้ แต่วิญญาณของพวกนายก็จะโดนผนึกอยู่ในกระจกหยินหยางไปเรื่อยๆจนกระทั้งวิญญาณนั้นสลายไปในที่สุด”


“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นละถ้าวิญญาณของพวกเราสลายไป


“ก็ถ้าจะให้พูดง่ายๆ กระจกหยินหยางนั้นจะเป็นการกักขังวิญญาณ1ใน3ของมนุษย์เฉยๆ ถึงจะเสียวิญญาณส่วนนั้นไป มันก็ไม่มีปัญหาเพราะอีก2ส่วนก็ยังอยู่ มันไม่ได้ทำความเสียหายกับร่างกายแต่อย่างใด แต่ในทางจิตใจ จะเรียกว่าเสียสติไปเลยก็ได้นะ”ผู้วิเศษจิงเต้าพูดแล้วยิ้ม


หลิวหยุนกับโจวเหวินมองหน้ากันเอง โจวเหวินรู้ดีว่าผู้วิเศษจิงเต้านั้นไม่ใช่พวกเก่งแต่ปากแน่ๆ เงาภายในกระจกหยินหยางนั้นไม่ได้จู่ๆก็เกิดขึ้นมาแน่ๆ มันคือวิญญาณของพวกเขาที่โดนกักขังในนั้นจริงๆ


หลิวหยุนคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่างก่อนจะถามออกไป “หรือว่ากระจกหยินหยางนั้นจะเปนสมบัติล้ำค่าจากสงครามฉางโจวในตำนานกัน”


“รู้ดีเหมือนกันนี้ แต่มันไม่ใช่สมบัติหรอก มันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับเร้นลับเท่านั้นละ หรือจะให้พูดใหม่ก็คือ มันเป็นสัตว์อสูรที่เหนือกว่าระดับเร้นลับปรกติอยู่นิดหน่อยนะ”ผู้วิเศษจิงเต้าพูด


“สัตว์อสูรระดับความกลัวงงั้นเหรอ”โจวเหวินมองกระจกหยินหยาง


ผู้วิเศษจิงเต้าหลี่ตามอง “แม้แต่เรื่องระดับความกลัวก็รู้ด้วยอย่างงั้นเหรอ หึหึ ใช่แล้วละ กระจกหยินหยางนั้นเป็นระดับความกลัว ถ้าฉันอยากจะฆ่าพวกนาย แค่คิดฉันก็ฆ่าได้แล้ว แต่พวกนายไม่ต้องกังวลไปหรอกนะว่าจะเป็นแบบนั้น เพราะในเมื่อฉันฆ่าพวกนายได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ฉันก็คงไม่หลอกพวกนายมาที่สุสานนี้หรอก พวกนายจะได้รับอิสระตราบใดก็ตามที่ช่วยฉันเข้าไปในนั้น แล้วของในสุสานนั้นฉันต้องการแค่อย่างเดียวเท่านั้น ที่เหลือจะเอาอะไรก็เอาไปเลย”


“ยังไงเราก็ขัดขืนไม่ได้นี้ อยากทำอะไรก็เอาเลย”หลิวหยุนพูด


โจวเหวินไม่ได้พูดอะไร เพราะมันต้องเป็นแบบนั้น


แต่เขาเองก็ยังคิดในใจ “ถ้ากระจกหยินหยางเป็นสัตว์อสูรแล้วสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นระดับความกลัวได้ ถ้าอย่างนั้นสัตว์อสูรที่สามารถพัฒนาต่อได้อย่างเช่นมังกรเทียนเองก็น่าจะพัฒนาไปถึงระดับความกลัวได้เหมือนกัน แต่จะว่าไปแล้วจะพัฒนาต่อไปยังไงละเนี่ย”


โจวเหวินจำคำที่จักรพรรดินีพูดไว้ได้ ว่ามีแค่ระดับความกลัวเท่านั้นที่จะเอาชนะระดับความกลัวด้วยกันได้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีสัตว์อสูรอยู่มากมายแต่มันไม่มีถึงขั้นนั้นซักตัว การจะเอาชนะกระจกหยินหยางได้นั้นคงไม่ง่ายเลย


“ตอนนี้มันหาทางพัฒนาไประดับความกลัวไม่ทันแล้ว มันจะมีทางอื่นไหมเนี่ยที่จะรอดพ้นจากกระจกหยินหยางแล้วฆ่าผู้วิเศษจิงเต้าได้เลย”โจวเหวินคิด


ผู้วิเศษจิงเต้านั้นเคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน แม้แต่ตัวเขาเองยังบอกเลยว่าร่างกายของเขานั้นไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน หากไม่มีปัจจัยจากภายนอกช่วย เขาก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน


“เอาละ เรียกอสูรปฐพีออกมาแล้วพาพวกเราเข้าไปข้างในได้แล้ว จะได้ไม่มีใครตายกัน”ผู้วิเศษจิงเต้าพูด


 

 

 


ตอนที่ 868

 

เมืองจักรพรรดิใต้ดิน


การจะจัดการกับผู้วิเศษจิงเต้านั้น จะต้องจัดการให้อยู่หมัดในดอกเดียว อย่าให้เขาได้มีโอกาสสวนกลับได้ ไม่งั้นโจวเหวินเองก็คงไม่มีทางต้านทานพลังของกระจกหยินหยางได้แน่ๆ


แต่ก่อนหน้าที่จะทำแบบนั้นได้ โจวเหวินคงต้องยอมทำตามที่ผู้วิเศษจิงเต้าสั่งไปก่อน


ทั้ง3คนขึ้นมานั่งบนหลังของอสูรปฐพี ก่อนที่โจวเหวินจะสั่งให้อสูรปฐพีขุดหลุมเข้าไปในสุสานตามพิกิดที่ผู้วิเศษจิงเต้าบอก อสูรปฐพีเองก็มุดขุดดินลงไป ตอนที่โจวเหวินกลับมามองเห็นได้อีกรอบ เขาก็พบว่าอสูรปฐพีนั้นลงมายืนอยู่บนเสาหินขนาดใหญ่


เสาหินนั้นมีหน้ากว้างมากกว่า4เมตร และสูงมากกว่า30เมตร ข้างใต้ของเสาหินนั้นมีของเหลวสีเงินไหลเวียนอย่างช้าๆ


มันเป็นโลกใต้ดินขนาดยักษ์ มีพื้นที่กว้างหลาย100 ตารางเมตร ทุกๆหลายร้อยเมตรจะมีเสาหินขนาดใหญ่อยู่ แต่เสาหินพวกนั้นเหมือนเป็นเสาที่ค้ำยันเพดาน มีเพียงแค่เสาเดียวที่พวกเขายืนอยู่นั้นที่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีอยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น


ใต้พื้นที่ใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีเงิน ถ้าเกิดตำแหน่งมุดดินไม่เป๊ะจริงๆละก็ เลยไปนิดเดียวพวกเขาก็อาจจะตกลงไปในของเหลวสีเงินพวกนั้นได้


โจวเหวินกับหลิวหยุนมองของเหลวสีเงินพวกนั้นแล้วก็คิด แต่ผู้วิเศษจิงเต้าพูดตัดขึ้นมา “นั้นคือปรอท โลหะชนิดเดียวที่เป็นของเหลวในอุณหภูมิห้อง ปรกติแล้วปรอทจะเป็นพิษกับร่างกายมนุษย์ แต่ด้วยความสามารถของพวกเราแล้ว ปรอทพวกนี้ทำอะไรเราไม่ได้หรอกแต่หลังจากที่เกิดพายุมิติแล้ว ในสารปรอทพวกนั้นมีสิ่งมีชิวิตต่างมิติอาศัยอยู่ด้วย แม้แต่ฉันเองถ้าตกลงไปในนั้นก็ไม่มีทางรอดออกมาได้แน่ๆ”


“ตัวอะไรอยู่ข้างใต้นั้นกันหรอ”โจวเหวินถาม


“ถ้าอยากรู้ก็ดูเอาเองละกัน”ผู้วิเศษจิงเต้าพูดแล้วอัญเชิญหนูตัวเล็กๆออกมาก่อนจะปล่อยมันลงไปในปรอท


หนูตัวนั้นทันทีที่แตะปรอท ปรอทรอบๆตัวของมันก็รวมตัวกันจนเกิดเป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิตตัวยาวที่ดูคล้ายงูมีปีก ก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะกัดหนูตัวนั้นอย่างแรง


ทันทีที่หนูตัวนั้นโดนน้ำลายของมันร่างกายของมันก็เน่าและเสื่อมสลายทันที


พอเห็นร่างของหนูตัวนั้นตายแล้วโจวเหวินกับหลิวหยุนก็อึ้งมากทันที เจ้าตัวที่อยู่ในปรอทตัวนั้นต้องเป็นระดับเร้นลับแน่ๆ


“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ตราบใดที่ไม่ไปแตะปรอท มันก็จะไม่ทำอะไรเราหรอก”ผู้วิเศษจิงเต้าพูดแล้วอัญเชิญนกออกมาก่อนจะนั่งบนนกแล้วขี่ตามกันไปที่ส่วนลึกของโลกใต้ดิน


โจวเหวินเก็บอสูรปฐพีแล้วอัญเชิญสัตว์ขี่มาพร้อมๆกับหลิวหยุน ตามผู้วิเศษจิงเต้าไป


“เห็นมีแต่คนบอกว่าภายในสุสานแห่งปฐมกษัตริย์นั้นเต็มไปด้วยอันตราย พอลงมาจริงๆก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี้”หลิวหยุนมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นอันตรายอะไรเลย


“ก็เพราะเรายังไม่ได้เข้าไปในนั้นจริงๆตั่งหากละ”ผู้วิเศษจิงเต้าพูด


โจวเหวินใช้สดับวานรแสกนดูรอบๆ แล้วเขาก็เห็น สุดปลายของทะเลปรอทนั้น มีประตูโลหะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ตรงกลางของประตูนั้นมีแท่นหรือรูบางอย่างที่มีช่องพอที่จะให้ดาบโบราณเสียบพอดี


หลังจากที่ทั้ง3คนบินมาถึงประตูแล้ว ผู้วิเศษจิงเต้าก็ชี้ไปที่ช่องว่างที่ประตูแล้วพูด “เอาดาบโบราณเสียบเข้าไปในนั้นแล้วเปิดประตูซะ เราจะเข้าไปในสุสานของจริงกันแล้ว


หลิวหยุนลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในมือของผู้วิเศษจิงเต้าอยู่ เขาเลยต้องจำใจเดินตรงไปที่ประตูแล้วค่อยๆเอาดาบเสียบลงไปเหมือนกุญแจ


ตอนที่ดาบเสียบลงไปจนสุดลำแล้ว มันก็เกิดเสียงกริ๊กขึ้น


หลิวหยุนรีบกระโดดถอยตัวออกมาทันที ประตูค่อยๆเปิดออกมาช้าๆเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูนั้น


โจวเหวินมองดูดีๆแล้วก็ตกใจเล็กน้อย เพราะด้านหลังประตูที่อยู่สุดปลายทะเลปรอทนั้นคือเมืองโบราณขนาดยักษ์ที่มีปราสาทและตำหนักโบราณมากมาย พร้อมกับรูปปั้นรถม้าทองแดงขนาดใหญ่อยู่กลางจัตุรัสของเมือง


ปลายสุดถนนนั้น มีปราสาทหลังงาม ที่ด้านหน้าของปราสาทนั้นมีเทพสีทอง12องค์นั่งอยู่ แต่ละองค์นั้นใหญ่โตขนาด3เมตร เหมือนกับว่าเป็นเทพทองคำที่ปกป้องปราสาทแห่งนั้น


กรึกกก


ทันทีที่ทั้ง3คนก้าวเท้าเข้ามาในประตู เหล่าทหารทองแดงจากทั่วทั้งถนนก็ยกมือขึ้นแล้วหันหน้ามาหาทั้ง3คนทันที


ทหารทองแดงเหล่านี้เหมือนกับรูปปั้นทองแดงที่อยู่นอกสุสานเป๊ะๆ แต่รูปปั้นนอกสุสานนั้นจะมือเปล่าไม่มีอาวุธแต่ในสุสานแห่งนี้ทหารทองแดงทุกตัวติดอาวุธมาด้วยเป็นดาบหรือหอก


ดาบของทหารพวกนั้นชักออกจากฝักแล้วพุ่งตรงมาหาทั้ง3คนทันที


“ทหารทองแดงพวกนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”หลิวหยุนเปิดฉากพุ่งเข้าไป


เดิมทีไข่สัตว์อสูรรูปปั้นทองแดงนั้นหายากอยู่แล้ว แถมเจ้าพวกนี้มีอาวุธด้วย ถ้าดรอปไข่ออกมาคงจะได้ราคาสูงมากแน่ๆ


แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากที่หลิวหยุนเข้าต่อสู้แล้วเขาก็พบว่าทหารทองแดงพวกนี้สู้แบบเดียวกับที่นักรบสู้ในสนามรบจริงๆ มันมีแบบแผนและทุกอย่างที่เป็นระเบียบมากๆ


แต่โชคยังดีที่หลิวหยุนเองก็แข็งแกร่งมากเหมือนกัน ถุงมือของเขามันไวพอที่จะจับดาบของเหล่าทหารทองแดงมาฟันทหารทองแดงที่อยู่ข้างๆกันเองจนหมดเกลี้ยง


เพล้ง


ทหารทองแดงแต่ละตัวพยายามฟันหลิวหยุน แต่หลิวหยุนก็สามารถหลบได้หมด ไม่ว่าจะฟันท่าไหน เขาก็สามารถหลบได้หมด


หลังจากที่ฆ่าทหารทองแดงไปแล้ว ไข่สัตว์อสูรก็ดรอปออกมาจริงๆ ซึ่งมือของหลิวหยุนก็เร็วพอที่จะหยิบไข่สัตว์อสูรพวกนั้นมาด้วยก่อนที่เขาจะลงถึงพื้นซะด้วยซ้ำ


หลิวหยุนตั้งใจจะฆ่าพวกทหารทองแดงต่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นรูปปั้นสีทองตัวนึงยืนขึ้นมา ตอนนั่งตัวของมันก็สูง3เมตรแล้ว ตอนยืนมันยิ่งตัวใหญ่กว่าเดิมอีก


รูปปั้นสีทองตัวนั้นค่อยๆเดินลงมาจากบันไดก่อนจะตรงมาทางถนน ทีละก้าว ความเร็วของแต่ละก้าวมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนพอผ่านไปไม่กี่ก้าว ความเร็วของมันก็เริ่มเหมือนสิงโตวิ่งแบบเต็มที่ก่อนจะกระโดดพุ่งเข้าใส่หลิวหยุนที่อยู่ในระยะห่างออกไป100เมตร ก่อนจะกระโดดถีบอย่างแรง


หลิวหยุนตอบสนองทันที เขาใช้ถุงมือที่มีเข้ารับเท้าของรูปปั้นนั้นอย่างแรงโดยที่ไม่ถอย


ตู้มม!!!!


หมัดและเท้าเข้าผสานกันอย่างแรง แต่เป็นหลิวหยุนเองที่กระเด็นออกไปแล้วกระแทกกับพื้นก่อนจะกลิ้งอีกหลายตลบแล้วไปชนกับกำแพงด้านหลัง


“จ…เจ้ารุ่นน้อง …ดูเหมือน…ว่าฉันจะไปต่อไม่ไหวแล้ว….ฝาก..ที่เหลือด้วยนะ…อยู่ต่อไป…แทนฉันด้วยนะ…”หลิวหยุนนั้นพยายามฝืนตัวเองให้พูด ฝืนตัวเองให้ลุกหลายครั้งแต่ก็ลุกไม่ขึ้น เลือดไหลออกมาจากปากของเขากระอักก่อนที่เขาจะพูดจบแล้วล้มลงกับพื้นหัวใจหยุดเต้น ไร้ลมหายใจ เหมือนกับตายไปแล้ว


ผู้วิเศษจิงเต้าหยิบดาบจักรพรรดิฉินขึ้นมาแล้วเอามาสะกิดที่น่องของหลิวหยุน แต่หลิวหยุนกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย กล้ามเนื้อและประสาทเหมือนจะไม่ตอบสนองแล้วด้วย


“ดูเหมือนว่าจะตายไปจริงๆซินะ น่าสงสารจริงๆเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปล่า ฉันจะเอาหัวใจของนายมากินเพิ่มอายุเอง”ผู้วิเศษจิงเต้าเตรียมดาบจะแทงเข้าไปกลางอกของหลิวหยุน


“อั้ก…ไม่ ฉัน ฉันฟื้นแล้ว….” หลิวหยุนจู่ๆก็ลุกขึ้นมานั่งทันที หัวใจกลับมาเต้น ลมปราณกลับมาไหลเวียนอีกครั้ง ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

 

 


ตอนที่ 869

 

รูปปั้นทอง12ตัว


“โจวเหวินฝากจัดการทีนะ”ผู้วิเศษจิงเต้าชี้ไปที่รูปปั้นทองคำที่ตั้งท่าเตรียมจะพุ่งเขามาอีกครั้ง


“ไม่ใช่ว่ากระจกหยินหยางของนายมันแกร่งมากไม่ใช่เหรอ แค่ส่องก็จบแล้วนี้ จะให้ฉันไปสู้ทำไม”โจวเหวินพูด


“กระจกหยินหยางของฉันมันใช้ได้กับร่างจริงๆที่เป็นเนื้อหนังมังสามีวิญญาณเท่านั้น แต่มันใช้ไม่ค่อยได้กับรูปปั้นทองคำเบบนั้น” ผู้วิเศษจิงเต้าดูจะไม่ปิดบังจุดอ่อนอะไรของกระจกหยินหยางเลยแม้แต่น้อย


โจวเหวินเองก็ไม่รู้ว่าที่พูดมามันจริงหรือเท็จ แต่เขาก็ต้องเรียกเบม่อนออกมารับมือกับรูปปั้นทองคำก่อน


กำลังและพลังป้องกันของรูปปั้นทองคำนั้นแข็งแกร่งมาก มันสามารถสู้กับเบม่อนได้อย่างง่ายดาย โจวเหวินเลยให้เบม่อนเปิดสุดยอดพลัง เขาอยากจะล้มมันให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้


พอเปิดสุดยอดพลังเท่านั้นละ รูปปั้นทองคำก็โดนเบม่อนกดดันอย่างหนักทันที แต่พอรูปปั้นทองคำเริ่มสู้ไม่ไหว รูปปั้นทองคำอีกตัวก็วิ่งเข้าสู่การต่อสู้เพิ่มขึ้นมาทันที


พอมีรูปปั้นทองคำมาเพิ่มอีกตัวนึง รูปปั้นทองคำตัวแรกก็แข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆแต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเบม่อน


รูปปั้นทองคำแต่ละตัวนั้นค่อยๆลงมาเรื่อยๆ พวกมันรู้วิธีการสู้แบบรุมกระทืบค่อยๆรวมมือผสานแรงกันสู้อย่างไร้รอยต่อ


“ไม่ไหวละ”โจวเหวินเริ่มรู้แล้วว่ารูปปั้นทองคำนั้นมันเหมือนกับมังกรดำในทะเลใต้ดิน มันมีความสามารถในการโอนถ่ายและแชร์พลังกันได้


หลังจากที่พวกมันลงมาสู้กัน7ตัว พลังของมันก็เทียบเท่าได้กับเบม่อนที่เปิดสุดยอดพลังแล้วทำให้เบม่อนนั้นเริ่มจะเสียเปรียบ


“เบม่อนเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ มาช่วยหน่อยได้ไหมละ”โจวเหวินพูดกับผู้วิเศษจิงเต้า


ผู้วิเศษจิงเต้ายิ้ม “ที่นายต้องทำก็แค่ล่อให้รูปปั้นทองคำทั้ง12ตัวออกมาจากแท่นนั้น แล้วเดี๋ยวฉันเข้าไปเอาอะไรบางอย่างแล้วเราจะออกไปกันทันที ไม่นานหรอก”


โจวเหวินรู้ตัวทันทีเลยว่าที่ผู้วิเศษจิงเต้าเรียกเขามานั้นก็เพื่อการนี้โดยเฉพาะ


ยิ่งรูปปั้นทองคำลงมามากเท่าไร พลังของมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พอรูปปั้นลงมา10ตัวเบม่อนเริ่มโดนกระทืบแล้วกระทืบอีกจนยากจะทนไหว


“ฉันกลัวว่าเบม่อนจะรับ12ตัวไม่ไหวเนี่ยซิ มีแผนอะไรในหัวบ้างไหม”โจวเหวินพูดความจริงออกมา ถึงเบม่อนจะแกร่งแค่ไหนแต่ยังไงโดนลุม12ตัวก็ไม่ไหวอยู่ดี


พลังและความสามารถของรูปปั้นทองคำตอนนี้มันแข็งแกร่งมากๆแล้ว พวกมันสามารถรวมพลังของทุกตัวไว้กับตัวๆเดียว ทำให้แม้แต่สุดยอดพลังก็ยังสู้ไม่ไหว


“ได้ เดี๋ยวฉันจัดการอีก2ตัวที่เหลือเอง”ผู้วิเศษจิงเต้าพูดแล้วพุ่งเข้าไปที่ปราสาทป ที่รูปปั้นทั้ง12เฝ้าอยู่ทันที


โจวเหวินเห็นเขาถือกระจกหยินหยางแล้วพุ่งเขาใส่ปราสาทเหมือนจรวดพุ่งเข้าชนตึก


รูปปั้นทองคำที่ยังไม่ลงมาต่อสู้อีก2คนพอเห็นผู้วิเศษจิงเต้าพุ่งเข้าใส่ มันก็ลุกขึ้นมาตัวนึงป้องกันซ้ายอีกตัวป้องกันขวาแล้วต่อยสวนกันเข้าหาผู้วิเศษจิงเต้าทันที


แต่ผู้วิเศษจิงเต้าจู่ๆแหวนของเขาก็เรืองแสง แล้วทันใดนั้นร่างของเขาก็วาปหายไปก่อนจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งถึงตรงประตูของปราสาทแล้ว


“วาปงั่นเหรอ หรือว่าวิชาลมปราณที่ผู้วิเศษจิงเต้าเป็นคนฝึกก็เป็นสายมิติด้วยเหมือนกันเหรอ”โจวเหวินเดาตอนที่ ผู้วิเศษจิงเต้าเข้าชนประตูปราสาท


ประตูปราสาทนั้นปิดสนิทแน่นหนาและเหมือนจะเปิดออกมาได้ยากมาก แต่ตอนที่ผู้วิเศษจิงเต้าพุ่งเข้าชน มันกลับทะลุผ่านกำแพงตรงเข้าไปได้เหมือนกับว่ามันไม่มีประตูป้องกันอยู่


กำปั้นของรูปปั้นทั้ง2ตัวนั้นตามไประดมหมัดใส่ทันทีแต่ก็ต้องต่อยโดนประตูหนา ไม่สามารถต่อยเข้าไปในประตูได้


ในเมื่อพวกมันไม่สามารถตามผู้วิเศษจิงเต้าได้แล้ว ทั้ง2ตัวจึงหันมาเข้าสู่สนามรบแล้วร่วมด้วยช่วยกันสู้กับเบม่อนทันที


เบม่อนที่ตอนนี้หนักอยู่แล้วพอเพิ่มเข้ามาอีก2ตัว ภาระก็หนักเกินจะต้านทาน มันโดนต่อยหลายหมัดซ้อนจนกระดูกแทบจะแหลก


“ไม่ไหว 12ตัวนี้แม้แต่เบม่อนก็สู้ไม่ได้แน่ๆ หนีก่อนดีกว่า”หลิวหยุนพูดออกมาเตรียมจะหนี แต่ตอนนั้นเองเขากลับโดนพลังงานบางอย่างกั้นเอาไว้ทำให้ออกไปไหนไม่ได้


หลิวหยุนพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดฝ่าสนามพลังนั้นออกไปแต่ก็ออกไปไม่ได้


“ไม่ต้องแปลกใจก็ได้ เมื่อกี้ฉันลองให้อสูรปฐพีลองดูแล้ว มันยังออกไปไหนไม่ได้เลย”โจวเหวินลองดูมาก่อนหน้านี้แล้วถ้าเขาหนีออกไปได้ เขาคงไม่อยู่รอให้เบม่อนโดนกระทืบซะน่วมงี้หรอก


“จิงเต้าเซียนนั้นมันเข้าไปในปราสาทเพื่อไปเอาของแต่ปล่อยให้เราต้องมาโดนรุมยำจนตายแบบนี้ เห็นชัดๆเลยว่าแม่งคิดจะปล่อยเราให้ตาย”หลิวหยุนพูด


“ก็ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปหรอก ถึง12ตัวนี้มันจะแกร่งมากๆ แต่ความเร็วของมันไม่ได้สูงอะไร ถ้าเกิดเราไม่พยายามไปฝืนสู้พวกมันก็ฆ่าเราในรอบเดียวไม่ได้หรอกปัญหาของเราตอนนี้ก็คือ เราจะเข้าไปในปราสาทนั้นยังไงกัน เรารอผู้วิเศษจิงเต้าอยู่ตรงนี้อย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ”โจวเหวินพูดแล้วเรียกเบม่อนกลับมาได้แล้ว


ตอนที่รูปปั้นทองคำเห็นว่าเบม่อนนั้นหายไปพวกมันจึงรีบพุ่งเข้าใส่โจวเหวินกับหลิวหยุนทันที


โจวเหวินเริ่มเคลื่อนที่ออกห่างตั้งแต่ที่พวกมันยังไม่ออกวิ่งด้วยซ้ำ โจวเหวินพยายามบินวนไปรอบๆ เพื่อพยายามศึกษาว่ามันมีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง เพราะถึงเขาจะรู้ว่ามันฆ่าไม่ง่าย แต่ก็คงมีทางที่จะฆ่ามันได้อยู่นั้นละ โจวเหวินใช้วิชาจ้าวมังกรบิน หมุนวนรอบตัวของรูปปั้นทองคำ รูปปั้นทองคำนั้นก็เหมือนกับยักษ์ที่ไล่จับแมลงวัน พวกมันงุ่นง่านไปมาจับตัวของโจวเหวินไม่ได้


หลิวหยุนเองก็ป้องกันและหลบการโมตีเรื่อย เขาเองก็เร็วเหมือนกัน ถึงจะยังช้ากว่าโจวเหวินก็ตาม


“เมื่อกี้หมัดของรูปปั้นมันต่อยเข้าใส่ประตูปราสาทแต่ประตูมันไม่ขยับเลย ฉันว่าประตูนั้นคงเปิดด้วยกำลังไม่ได้แน่ๆ ไม่งั้นผู้วิเศษจิงเต้าก็คงไม่ได้เข้าไปง่ายขนาดนั้น ฉันว่าเราเองก็คงไม่ได้เข้าไปง่ายๆแน่ๆ “หลิวหยุนพูดตอนที่หลบไปเรื่อยๆ


“มันไม่ง่าย แต่ก็ต้องลองดูละวะ นายเคยบอกว่าเป็นหัวขโมยอันดับ1ของโลกไม่ใช่เหรอ ขโมยบ้านไหนเปิดประตูไม่เป็นวะ”โจวเหวินพูด


“เปิดประตูหน่ะมันไม่ยากหรอก แต่มันต้องใช้เวลา ตอนนี้เราโดนไล่กวดแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปเปิดประตูวะ”หลิวหยุนพูด


“เดี๋ยวฉันล่อมันให้ นายฉวยโอกาสนั้นไปเปิดประตูให้ไวเลยนะ”โจวเหวินคิดแล้วพูด


“แล้วจะล่อพวกมันยังไง เบม่อนเองยังสู้ไม่ไหวเลยไม่ใช่เหรอ”หลิวหยุนถามอย่างสงสัย


“ฉันไม่ได้มีสัตว์อสูรแกร่งขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าจะล่อมัน ฉันไม่ได้ต้องการสัตว์อสูรแกร่งๆหรอก ฉันแค่รับตีนให้ได้ก็พอ”โจวเหวินพูดจบก็อัญเชิญสัตว์อสูรออกมาทันที

 

 

 


ตอนที่ 870

 

มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ


ตอนที่หลิวหยุนเข้าไปดูใกล้ๆ เขาเองก็รู้ทันทีว่าสัตว์อสูรที่โจวเหวินเรียกออกมามันคือตัวอะไร ไม่ใช่แค่รู้ แต่เขาเองยังเคยเป็นเจ้าของมันอีกด้วย ก่อนที่เขาจะเอาคืนให้โจวเหวิน


“ไม่นะ นายจะใช้มันรับการโจมตีของรูปปั้นทองคำจริงๆเหรอ นี้นายบ้าไปแล้วเหรอ”หลิวหยุนเคยขโมยสิงโตเกราะเวทไปจากโจวเหวินแล้วครั้งนึง แล้วเขาก็รู้มาว่ามันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับมหากาพย์เท่านั้น การที่โจวเหวินจะใช้สิงโตเกราะเวทมารับการโจมตีของรูปปั้นทองคำนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย


“ลองดูละกัน มันอาจจะใช้ได้ผลก็ได้”โจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อแล้วพุ่งตัวไปมารอบๆเมืองเพื่อหลบการโจมตี


ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของรูปปั้นทองคำพวกนี้ไม่ใช่พลังแต่เป็นความอึดที่มหาศาลขนาดที่เบม่อนที่เปิดสุดยอดพลังยังทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย


ทันทีที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณลงมานั้น มันก็โดนห้อมล้อมไปด้วยทหารทองแดงตามท้องถนนทันที แต่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก มันพุ่งทะลุฝ่าทหารทองแดงทันที เหมือนกับพุ่งตัวเข้าใส่กองกระดาษ มันทำลาย มันฟัน มันฉีกกระฉากทุกอย่างกลางอากาศ


ตอนนี้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณเหมือนกับเสือที่อยู่กลางฝูงแกะ พลังป้องกันมากแค่ไหน สุดท้ายโดนการโจมตีเข้าไปดอกเดียวก็ตายกันไปเป็นฝูง


รูปปั้นทองคำพอเห็นแบบนั้น พวกมันก็พุ่งเข้าใส่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณแล้วต่อด้วยกำปั้นทองคำทันที


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณไม่ถอยและไม่มีท่าทีจะยอมแพ้ มันพุ่งตัวเข้าใช้ปืนเจาะเกระยิงเข้าใส่มือของรูปปั้นทองคำทันที


ตู้ม!!


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณไม่ขยับแต่รอบนี้เป็นฝ่ายรูปปั้นทองคำเองที่กระเด็นถอยหลังออกไป ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้แบบ1ต่อ1 ยังไงมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็แกร่งกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าโดนรุมก็อาจจะไม่ไหวเหมือนกัน


“เป็นไปได้เหรอ”ดวงตาของหลิวหยุนแทบจะหลุดออกจากเบ้า เขาเคยขโมยสิงโตเกราะเวทมาก่อนหน้านี้แต่เขาไม่คิดว่ามันจจะแกร่งขนาดนี้


หลังจากที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณลงถึงพื้นแล้ว มันก็พุ่งเข้าใส่เหล่าทหารทองแดงต่อพร้อมเปลวเพลิงสีม่วงที่เผาผลาญอยู่ในร่างกาย


โจวเหวินรู้ดีว่าตอนนี้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณกำลังกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณนั้นเดิมทีแล้วเป็นสัตว์อสูรที่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่มันยังฆ่าได้ พอมันเริ่มฆ่ามันจะยิ่งแกร่งขึ้น ความชั่วร้าย เปลวเพลิงอาฆาตก็จะยิ่งสุมให้มันแกร่งขึ้นเรื่อยๆ


ถ้าเกิดรูปปั้นทองคำเอาชนะมันไม่ได้ในหมัดเดียว มันก็จะแกร่งขึ้นแกร่งขึ้นและบางทีมันตัวเดียวอาจจะสู้รูปปั้นทองคำ12ตัวได้เลยก็ได้ แต่โจวเหวินเองก็ยังไม่มั่นใจว่ามารพยัคฆ์เกราะวิญญาณจะแข็งแกร่งไปได้ถึงขั้นนั้นไหม ตอนนี้ที่เขาทำได้ ก็มีแค่ลองต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น


ตอนที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณกำลังแสดงศักยภาพของมันนั้นเอง มันยิ่งดึงดูดความสนใจของรูปปั้นทองคำมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แรงกดดันที่โจวเหวินกับหลิวหยุนมีนั้นมันน้อยลงมาก หลิวหยุนเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เขาแทบไม่เชื่อสายตาเลย หลังจากที่เขาได้ขโมยมาแล้วส่งคืนให้โจวเหวินมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรที่แกร่งได้ขนาดนี้ ตอนนี้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณตัวเดียวกำลังบวกไม้ยั้งกับรูปปั้นทองคำที่แม้แต่เบม่อนยังสู้ไม่ได้ 5ตัว


“รู้งี้ฉันไม่น่าสงคืนให้โจวเหวินเลยโว้ย”โจวเหวินรู้สึกเสียดายในใจ


“เติมไฟไปหน่อยเป็นไงละ”โจวเหวินอัญเชิญราชินีเตาเพลิงมาเพิ่มอีก3ตัวแล้วให้มันร่ายทะเลเพลิงขนาดยักษ์พร้อมกันในตำแหน่งที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณอยู่


เดิมทีโจวเหวินมีแค่ตัวเดียว แต่ฟาร์มไปเรื่อยๆ โจวเหวินก็ได้เพิ่มมาเป็น3ตัว


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณที่ได้รับบัฟจากเปลวเพลิงก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีก ไฟสีม่วงรอบตัวของมันลุกโชนมากๆ เหมือนกับว่ามันเป็นปีศาจที่ผุดมาจากขุมนรก


รูปปั้นทองคำต้องมารุมกัน7-8ตัวถึงจะพอจะต้านทานพลังของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณได้ แต่ยิ่งมันโจมตีมากมากเท่าไรมันก็ยิ่งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และไม่นาน รูปปั้นทั้ง12ตัวก็เข้ามารุมมันตัวเดียว


“บ้าหน่ะ ไอ้นั้นมันแกร่งกว่าเบม่อนอีกงั้นเหรอ”หลิวหยุนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองพึ่งเอามีดแทงใจตัวเอง เขาขโมยสัตว์อสูรที่แกร่งขนาดนี้มาแต่กลับคืนให้โจวเหวินไป พอคิดแบบนั้นแล้วเขาแทบอยากจะเอาหน้าเขกพื้นดินแรงๆยังไงอย่างงั้นเลย


ภายใต้การรุมของรูปปั้นทองคำทั้ง12ตัวมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ โดนอัดซ้ายขวาหน้าหลัง แต่มันก็ยังคงสู้แบบสุดใจมันคำรามและโกรธแค้นบ้าคลั่ง ถึงแม้ว่ามันจะดูน่าสะเทือนใจ แต่มันก็เปป็นชะตาที่กำหนดไว้แล้ว เพราะแม้แต่เบม่อนยังไม่ไหวเลย


พอเห็นมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณโดนรุมยำแบบนั้นแล้ว โจวเหวินกลับไม่ได้รู้สึกตกใจ แต่ดีใจซะมากกว่า เพราะถ้ารูปปั้นทองคำเอาชนะมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณตั้งแต่แรกนั้นบางทีรูปปั้นทองคำอาจจะไม่ได้มารุมยำแบบนี้ก็ได้


แต่ตอนนี้สกิลของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณเริ่มทำงานแล้ว ยิ่งมันสู้มากเท่าไร มันก็ยิ่งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น ตอนนี้รูปปั้นทั้ง12นั้นฆ่ามันไม่ลงแน่ๆแล้ว ตราบใดที่ร่างกายของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณยังคงทนไหวอยู่ บางทีมันอาจจะแกร่งขึ้นมากกว่ารูปปั้นทองงคำทั้ง12ตัวซะอีก


“เอ้า รออะไรอยู่ละ รีบไปเปิดประตูซิ”โจวเหวินพูด


หลิวหยุนสะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วมองมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ ก่อนจะส่ายหัวสลัดความคิดทั้งหมด วิ่งไปที่ประตูปราสาททันที


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณวิ่งข้ามเมืองล่อความสนใจของรูปปั้นทองคำทุกตัวเอาไว้ ทำให้มันไม่มีเวลามาสนใจโจวเหวินกับหลิวหยุน มีรูปปั้นทองแดงบางตัวเห็นแล้ววิ่งเข้ามาขัดขวางพวกเขาไม่ให้เข้าใกล้ประตู


โจวเหวินใช้พลังของสดับวานรตรวจดูภายในปราสาทแต่ภายในปราสาทนั้นถูกครอบคลุมไปด้วยพลังบางอย่างทำให้สดับวานรฟังเสียงไม่ได้ยิน


ถ้าเกิดโจวเหวินไม่ให้สดับวานรใช้นิพพานออเวจีก็ยากที่จะฟังทะลุเข้าไปในม่านพลังได้


“เปิดได้แล้ว” หลังจากผ่านไปซักพัก หลิวหยุนที่ยุ่งอยู่กับประตูก็ร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะผลักประตูขนาดใหญ่ออกทั้ง2


โจวเหวินมองเข้าไปในประตูนั้นแล้วเห็นภาพด้านในแล้วก็ต้องอึ้ง


ตอนเรกพวกเขาคิดว่าผู้วิเศษจิงเต้าจะออกไปตามหาสมบัติในปราสาท แต่ความเป็นจริงนั้นกลับไม่ใช่เลยเพราะตอนนี้ ผู้วิเศษจิงเต้าก็ยังคงยืนอยู่แถวๆประตู กำลังถือกระจกหยินหยางร่างกายเหงื่อแตกซกเหมือนไปดำน้ำมายังไงอย่างงั้น


ที่กระจกหยินหยางเองก็มีแสงส่องสว่างออกมา ก่อนจะปล่อยลำแสงออกมาปะทะกับอีกฝากนึงของกระจกหยินหยาง คือดาบที่ยาวประมาณ5ฟุตลอยอยู่กลางอากาศ


แสงดาบกับลำแสงของกระจกนั้นกระแทกเข้าใส่กัน ถึงแม้ว่ามันจะดูสูสีกัน แต่เขาก็รู้สึกได้เลยว่าแรงกดดันมหาศาลตกอยู่กับฝั่งกระจกหยินหยาง


“เดี๋ยวก่อนซิ ดาบบ้าอะไรวะเอาชนะกระจกหยินหยางได้ด้วยเหรอ”หลิวหยุนตกใจ เขาไม่กล้าเข้าไปในปราสาท แต่ยังคงมองดาบเล่มนั้นอยู่ภายนอก


โจวเหวินเองก็มองดาบแล้วก็ตกใจ เพราะกระจกหยินหยางจัดว่าเป็นสัตว์อสูรระดับความกลัวแล้ว ไม่มีทางที่ดาบธรรมดาจะเอาชนะได้เลย


ดาบโบราณเล่มนั้นก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร รูปร่างของมันธรรมดา เป็นดาบหินที่ไม่ได้ดูสะดุดตา ไม่ได้มีเพรชพลอยมาประดับแต่รัศมีของมันนั้นน่าหวาดกลัวเหลือเกิน

 

 

 


ตอนที่ 871

 

ความลับของประตู


โจวเหวินมองดาบหินโบราณเล่มใหญ่นั้น แล้วหันไปมองปราสาทที่อยู่ด้านหลังดาบหิน


ที่ๆดาบหินนั้นอยู่นั้น มีดาบหินเป็นเหมือนเส้นตัดแบ่งกลาง มีรูปสลักหรือรูปปั้นตกแต่งไว้นิดหน่อยบริเวณโถง แล้วก็มีเหมือนธงไม้ไผ่ห้อยลงมาจากด้านบนหลังโถงที่ดาบหินอยู่


ธงไม้ไผ่นั้นจริงๆแล้วไม่ใช่ธงไม้ไผ่ แต่เป็นกระดาษโบราณที่คนสมัยก่อนใช้ในการจดบันทึกตั้งแต่สมัยที่กระดาษยังไม่ถูกประดิษคิดค้น คนใช้วิธีการแกะสลักตัวอักษรลงในไม้ไผ่ก่อนจะสานไม้ไผ่เข้าด้วยกันแล้วอบแห้งเพื่อเก็บรักษาได้นาน


พอมองจากนอกประตูไปด้านนอกแล้วภายในโถง ยังมีชั้นที่เก็บม้วนไม้ไผ่มากมาย จำนวนนั้นมีมหาศาลขนาดที่ว่าหอสมุดของรัฐบาลกลางยังไม่น่าจะใหญ่ขนาดนี้เลย แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่โจวเหวินสังเกตซักเท่าไร ที่โจวเหวินสังเกตมากกว่าคือ ที่ม้วนไม้ไผ่พวกนั้น มันมีพลังงานบางอย่างที่เหมือนจะเสริมพลังให้กับดาบหิน ทำให้ดาบหินนั้นมีพลังที่มหาศาลมากเพียงพอที่จะต่อกรกับกระจกหยินหยางได้


“แปลกแหะ ดาบหินนั้นมันมีพลังพอที่จะสู้ได้เหรอ หรือว่าพลังทั้งหมดมาจากตำราพวกนั้นกัน แต่เรื่องแบบนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ”โจวเหวินรู้สึกตะลึงในใจมากๆ


เดิมทีตำรากับดาบนั้นเป็นของที่ไม่ได้คู่กันเลยแม้แต่น้อย การที่ดาบยืมพลังจากตำรานั้นยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่


หลิวหยุนส่งสัญญาณให้โจวเหวินก่อนจะมองที่ผู้วิเศษจิงเต้า ที่กำลังสู้กับดาบหินอยู่ในนั้น


โจวเหวินเข้าใจความหมายของหลิวหยุนได้ทันที เขาตั้งใจที่จะใช้จังหวะที่เขากำลังสู้กับดาบหินอย่างสุดแรง และอาการป่วยที่จิงเต้าเซียนเป็นนั้นฉวยโอกาสฆ่าผู้วิเศษจิงเต้าซะตรงนี้เลย


โจวเหวินนั้นค่อนข้างได้ประโยชน์มากถ้าทำสำเร็จเพราะเขาไม่จำเป็นต้องกังวลที่ต้องมาป้องกันตัวจากผู้วิเศษจิงเต้าในอนาคต เพราะเขาเองก็กลัวว่าสุดท้ายตัวเองจะกลายเป็นแบบเดียวกับปรมาจารย์เหล้าไวน์หรือเสี่ยจิวหวงอีก


แต่ในตอนนั้นเอง กระจกหยินหยางในมือของผู้วิเศษจิงเต้าก็ยิงลำแสงชุดสุดท้ายออกมาใส่ดาบโบราณ แต่ดาบโบราณนั้นกลับเลิกใช้แสงดาบและใช้ตัวดาบฟันทะลุแสงนั้นเข้าใส่กระจกหยินหยางโดยตรงเข้าใส่กระจกหยินหยางแบบไม่สามารถป้องกันได้เลย


ทั้งหลิวหยุนและโจวเหวินดีใจมากที่เห็นแบบนั้นเพราะถ้ากระจกหยินหยางแตกอย่างน้อยวิญญาณที่ถูกผนึกอยู่ในกระจกนั้นก็จะเป็นอิสระ วิญญาณของพวกเขาก็ด้วยเช่นกัน


ชริ้ง


แต่ในจังหวะที่ดาบหินนั้นกำลังจะฟันโดนกระจกหยินหยางนั้นเอง ผู้วิเศษจิงเต้าก็ชักกระจกโบราณกลับ แล้วใช้หินอาคมในมืออีกข้างเข้าใส่ดาบหิน


ดาบหินนั้นส่งเสียงดังลั่นก่อนจะตกลงสู่พื้นอย่างไร้พลังพร้อมๆกับหินอาคมนั้น เหมือนกับว่าหินอาคมนั้นกำลังผนึกวิญญาณของดาบนั้นอยู่ยังไงอย่างงั้น


ผู้วิเศษจิงเต้าไม่สนใจทั้งหินทั้งดาบ เขาวิ่งเข้าไปที่โถงด้านหลังอย่างไวแล้วหายวับไปทันที และในพริบตาเดียวกันนั้น เขาก็วาปไปถึงจุดที่มีกองตำราไม้ไผ่อยู่วินาทีหินอาคมก็แตกออกแล้วดาบหินก็เป็นอิสระอีกครั้ง แต่ดาบหินกลับบินวนไปมาแล้วไม่ตามไปที่โถงด้านหลัง มันกลับบินกลับเข้าฝักของตัวเองซะงั้น


“บ้าเอ้ย รู้งี้น่าจะลงมือแต่แรก”หลิวหยุนเสียดาย


โจวเหวินส่ายหัวแล้วพูด “ลงมือไปก็เท่านั้นละ ผู้วิเศษจิงเต้าคงจับจิตสังหารของเราได้แล้วคงจัดการเราก่อนที่เราจะเข้าถึงตัวด้วยซ้ำ”


“แล้วเราเอาไงต่อละ ไอ้ดาบนั้นมันก็เฝ้าอยู่กลางโถงเลย เราคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปในนั้นแบบเดียวกับที่ผู้วิเศษจิงเต้าทำได้แน่ๆ”หลิวหยุนพูด


“ในเมื่อเราเข้าไปไม่ได้ เรารอก็ได้นี้”โจวเหวินออกมาจากประตูแล้วมองมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณสู้กับรูปปั้นทองคำทั้ง12ตัว


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณนั้นดูจะแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ามันจะยังมีจุดอ่อนด้อย แต่ตอนนี้มันก็สามารถกลับมาต้านทานการลุมของรูปปั้นได้อีกครั้ง ไม่ได้แพ้ยับเหมือนก่อนหน้านี้


โจวเหวินอดมองเปลวไฟสีม่วงที่ลุกโชดช่วงร่างกายและเกราะของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณไม่ได้เลย


“วิชาจักรพรรดิโบราณมันช่วยให้ความสามารถในการต่อสู้ดีขึ้นก็จริง วิญญาณชีวิตของจักรพรรดิโบราณเองก็แกร่งขึ้นต่อเมื่อต่อสู้ไปเรื่อยๆเหมือนกัน มันมีความคล้ายคลึงกันกับมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณเลยนะเนี่ย เป็นไปได้ไหมนะที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณจะสามารถพัฒนาได้ด้วยวิธีนั้นเหมือนกัน มันอาจจะช่วยทำให้วิญญาณชีวิตจักรพรรดิโบราณพัฒนาต่อไปได้ก็ได้”โจวเหวินคิด “ถึงวิชาจักรพรรดิโบราณจะไม่ได้เอาความโกรธแค้นมาเป็นพลังงานแบบเดียวกับมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ แต่มันก็เป็นวิญญาณชีวิตที่ทรงพลังเหมือนกัน ถ้าเกิดใช้วิญญาณชีวิตจักรพรรดิโบราณแบบนั้นละก็”โจวเหวินคิดหาทางทุกอย่างแต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เวลาจะมาศึกษาแต่อย่างใด เขาเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดเกมส์สุสานปฐมจักรพรรดิ


ในเกมส์นั้นสุสานไม่ได้มีทางเข้า แต่ตอนนี้โจวเหวินรู้ทางเข้าจริงๆแล้วเขาจึงอัญเชิญอสูรปฐพีออกมาในเกมส์ก่อนจะมุดดินไปโผล่อีกทีที่เสาท่ามกลางทะเลปรอท


เขาสามารถข้ามทะเลปรอทมาได้อย่างง่ายดายก่อนจะมาโผล่อีกทีที่เมืองแต่เขาไม่ได้มีดาบจักรพรรดิฉินโบราณในเกมส์ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลองเข้าไปในเมืองนั้นโดยการใช้อสูรปฐพีดู


แต่น่าเสียดายที่เมืองนี้มันเหมือนมีสนามพลังอะไรบางอย่างที่คอยป้องกันอยู่ทำให้อสูรปฐพีเข้าไปในนั้นไม่ได้


“คงต้องลองไม้แข็งบ้างซินะ”โจวเหวินสั่งการตัวละครของเขาให้ระดับหมัดต่อยไปที่ประตูอย่างแรงแต่มันก็ไร้ผล ไม่ว่าจะใช้การโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรงขนาดไหน แต่ประตูก็ไม่แม้แต่จะขยับ


“มันไม่มีทางเข้าอื่นนอกจากจะใช้ดาบนั่นเลยเหรอ”โจวเหวินใช้สดับวานรเงี่ยหูฟังโครงสร้างของประตูดีๆ ก่อนจะเพ่งไปที่รูที่เสียบดาบ หวังว่าเขาจะสามารถใช้ความสามารถของสัตว์อสูรตัวเล็กๆในการเปิดกลไกได้


แต่น่าเสียดายที่ภายในรูเสียบนั้นมันไม่มีกลไกอะไรทั้งนั้น มันเป็นแค่ปลอกดาบที่ขนาดเท่ากับดาบจักรพรรดิฉิน


แต่ตอนที่โจวเหวินกำลังผิดหวังนั้นเอง เขาก็พบเข้ากับตัวอักษรที่สลักอยู่บนบานประตู


“แปลกแหะ ทำไมฉันถึงคุ้นๆว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อนละ”โจวเหวินมองด้วยความสงสัย แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ที่หน้าบานประตูในความเป็นจริงนั้น มันไม่มีข้อความอะไรแบบนี้เขียนอยู่


โจวเหวินมองดูตัวอักษรในเกมส์ ตัวอักษรพวกนั้นคือตัวอักษรโบราณของฝั่งตะวันออก ตอนที่โจวเหวินฝึกฝนวิชาเต๋าก่อนหน้านี้เขาก็เรียนรู้ตัวอักษรพวกนี้มาบ้าง ทำให้เขาพอจะอ่านออกอยู่บ้าง


“นี้มันหรือว่าจะเป็นวิชาลมปราณงั้นเหรอ”หลังจากที่อ่านตัวอักษรบนประตูแล้ว โจวเหวินก็ตกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะได้เจอกับวิชาลมปราณแห่งสุสานปฐมจักรพรรดิในที่แบบนี้ แต่วิชาลมปราณนั้นมันไม่มีที่มาที่ไปเอาซะเลย เขาเลยไม่รู้ว่าวิชาลมปราณนั้นมันคืออะไรกันแน่


ตอนที่โจวเหวินกำลังใช้โทรศัพท์นั่งดูวิชาลมปราณอยู่นั้นเองหลิวหยุนที่อยู่ข้างๆก็มองเข้าไปในโถงซักพัก ก่อนจะหันไปมองมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณที่กำลังสู้อยู่ แล้วเขาก็เริ่มใจร้อนก่อนจะพูดออกมา “นี้เจ้ารุ่นน้อง มันใช่เวลาที่นายจะมานั่งเล่นโทรศัพท์ไหมเนี่ยพวกเราหาทางเข้าไปดูข้างในกันเถอะ จะได้รู้ว่าผู้วิเศษจิงเต้านั้นต้องการอะไรกันแน่”


“ถ้ามีดาบหินอยู่ยังไงก็เข้าไปไม่ได้หรอก ถ้านายหาทางได้ก็ลองดูซิ”โจวเหวินพูดสวน


 

 

 


ตอนที่ 872

 

ชายแก่


วิชาลมปราณที่สลักบนประตูนั้นค่อนข้างแปลกมากๆ มันเป็นวิชาลมปราณดั้งเดิมที่เกี่ยวข้องกับวิธีการสกัดลมปราณบริสุทธิ์


แต่ละครั้งที่เขาใช้ลมปราณนั้นมันจะทำให้ของเสียที่อยู่ในลมปราณถูกสกัดออกไป ทำให้ลมปราณที่ได้นั้นมันบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น  เดิมทีเขาคิดว่าถ้าเขาฝึกวิชานี้แล้วจะทำให้เขาสามารถเข้าไปในสุสานได้แต่มันก็ไร้ผล หลังจากที่เขาดึงวิชาลมปราณนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองแล้ว เขาลองผลักประตูแล้วแต่มันก็ยังล๊อคอยู่ไม่เปิดออก ทำให้โจวเหวินผิดหวัง


ตอนแรกเขาอยากที่จะเข้าไปในโถงภายใน ในเกมส์ก่อน เพื่อดูว่ามันจะมีทางไหนที่จะสามารถฝ่าดาบหินนั้นไปได้ไหม แต่ตอนนี้เข้าไปในเมืองยังไม่ได้เลย เขาเลยถอดใจ


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณเองก็แข็งแกร่งขึ้น และแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันสามารถสู้กับรูปปั้นทั้ง12ตัวได้แล้ว มันวิ่งไปมาในเมืองโบราณ ระหว่างทางทหารทองแดงก็ล้มตายเป็นเบือ เหลือทิ้งไว้แค่รูปปั้นทองคำ12ตัวเท่านั้น


“ไอ้เจ้านั้นมันพลังเหลือล้นจริงๆแหะ ถ้าเกิดเวลามีพอละก็ มันคงอาจจะได้แกร่งกว่าเบม่อนแน่ๆ”โจวเหวินรู้สึกโล่งใจแต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ เพราะด้วยการที่มันมีสกิลด้านลบอยู่ จอมบงการกับมารวารีปฐพีทลาย ทำให้โจวเหวินสบายใจไม่ได้เลย


“นี้เจ้ารุ่นน้อง ฉันจำได้ว่าสิงโตตัวนั้นมันเป็นสัตว์อสูรแค่ระดับมหากาพย์นี้ ทำไมพลังมันถึงได้เยอะแบบนั้นละ” หลิวหยุนถามขึ้นมา


“นายไม่รู้เหรือว่าสัตว์อสูรน่ะมันพัฒนาร่างได้”โจวเหวินพูด


หลิวหยุนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่คือสิงโตเกราะเวทกลับไปให้กับโจวเหวินในตอนนั้น สัตว์อสูรที่สามารถพัฒนาร่างได้นั้นมันมีน้อยตัวมาก แล้วส่วนมากก็จะเป็นสัตว์อสูรที่ฟ้าประธานมาให้หรือได้เป็นของรางวัลจากพื้นที่ต่างมิติพิเศษๆถึงจะพัฒนาร่างได้ ในมุมมองของหลิวหยุน สิงโตเกราะเวทเองก็น่าจะเป็นประมาณนั้น


ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือนนั้นเอง รูปปั้นทองคำตัวนึง รับแรงกระแทกไม่ไหว แล้วแตกร้าวพังลงมา ร่างใหญ่โตของมันร่วงลงมากับพื้น แต่ร่างที่เคยแข็งแกร่งของมันนั้นกลับเปราะบางและแตกหักไปทั่ว


โจวเหวินเห็นผลึกดรอปออกมาจากตัวของรูปปั้นทองคำ


หลังจากที่เสียรูปปั้นไปตัวนึง พลังในการต่อสู้ของรูปปั้นทั้งหมดนั้นลดลงอย่างมาก ในขณะที่มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณนั้นแกร่งขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้พลังของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็ยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้รูปปั้นทองคำนั้นโดนกดดันอย่างหนัก


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณตอนนี้เหมือนเครื่องจักรสังหารแห่งสงครามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มันกระหายเลือดเนื้อและการต่อสู้ มากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่รูปปั้นทองคำ11ตัวยังรับไม่ไหว ในที่สุด แปปนึงต่อมา รูปปั้นอีกตัวก็ได้พังทลายลง


จนสุดท้ายพลังของรูปปั้นทองคำก็ตกต่ำลงมากจนไม่สามารถรับมือกับมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณไหว พวกมันก็โดนฆ่าไปทีละตัวจนกระทั้งไม่เหลือสิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ในสุสานโบราณอีกเลย


โจวเหวินเดินลงไปเก็บกวาดซากสงคราม แล้วเก็บไข่สัตว์อสูรกับผลึกที่ดรอปมาจากรูปปั้นทองคำกับทหารทองแดง


รูปปั้นทองคำนั้นดรอปออกมาแต่ผลึก แต่มันเป็นผลึกสกิล


โจวเหวินดูข้อมูลในโทรศัพท์แล้ว เขาก็พบว่ามันต้องใช้วิชาลมปราณของที่นี้ แถมยังต้องการค่าลมปราณ 41 กับค่าร่างกาย41อีกด้วย น่าเสียดายที่ตอนนี้โจวเหวินมีแค่ค่าลมปราณเท่านั้นที่41 แถมเขายังไม่ได้เรียนรู้วิชาลมปราณ สกัดปราณอีกด้วย เพราะงั้นเขาจึงทำได้แค่เก็บไว้ก่อน


หลังจากที่เอาชนะได้แล้วไฟบนตัวของมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณก็ดับไปทำให้มันสงบลงมาก พลังของมันก็หายไปด้วยเหมือนกัน


โจวเหวินยังไม่สั่งให้มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณพุ่งเข้าไปในปราสาทต่อ เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีพลังมหาศาล แต่เขาก็ยังคิดว่ามารพยัคฆ์เกราะวิญญาณยังไม่ก้าวข้ามระดับความกลัวอยู่ดี การสู้กับดาบหินนั้นอาจจะมีแต่สียก็ได้


“นี้เราต้องรออยู่ตรงนี้ รอจอมมารอย่างผู้วิเศษจิงเต้ากลับมาโดยที่เราทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆเหรอ”หลิวหยุนดูไม่ค่อยชอบใจ แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้


เขาเลยลองอัญเชิญสัตว์อสูรระดับมหากาพย์หลายๆตัววิ่งเข้าไปในปราสาท แต่หลังจากที่เข้าไปแล้วพวกมันก็โดนลำแสงที่ปล่อยออกมาจากดาบนั้นฆ่าตายทุกตัวทันทีโดยที่ดาบยังไม่ถูกชักออกจากฝักซะด้วยซ้ำ


โจวเหวินเองก็มองไปที่ดาบหิน แต่ดวงตาของเขากลับจ้องมองไปที่ตำราไม้ไผ่มากกว่า


“ถึงดาบหินนั้นจะแข็งแกร่งแต่ดูเหมือนพลังทั้งหมดของมันจะมาจากตำรานั้นเลย บางทีถ้าเกิดทำลายตำราไม้ไผ่นั้นได้ พลังของดาบหินนั้นอาจจะลดลงไปมากเลยโอกาสที่จะเข้าไปยังมีอยู่ซินะ”โจวเหวินคิด แต่ประเด็นก็คือ  การจะเข้าไปทำลายตำราได้นั้น ยังไงก็ต้องฝ่าด่านดาบหินให้ได้ก่อน เพราะงั้นถ้าอยากจะทำลายตำราก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย


โจวเหวินคิดมาซักพักก่อนจะลองอัญเชิญหนอนเลือดตัวเล็กๆออกมาแล้วให้มันคลานเข้าไปในปราสาท เขาอยากจะเห็นว่าดาบหินนั้นจะตอบสนองยังไงกับสัตว์อสูรขนาดเล็ก


แต่ทันทีที่มันคลานเข้าไปในปราสาท แสงดาบก็ฟาดลงมาใส่หนอนเลือดทันที


“สัตว์อสูรขนาดเล็กก็ใช้ไม่ได้เหรอ”โจวเหวินคิด


ตอนนี้โจวเหวินเริ่มหมดหนทาง อีกหนทางนึงคือตัวของเขาเองต้องเข้าไปในโถงนั้นด้วยตัวเอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่ามันจะใช้ได้ผลไหมด้วย


แต่เขาไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น แถมรูปปั้นหินเองยังแกร่งเกินกว่าที่เขาจะสู้ได้ด้วย


“นั้นอะไรหน่ะ”หลิวหยุนชี้ไปที่ด้านในของเมืองโบราณแล้วร้องออกมา


โจวเหวินหันหลังกลับไปมองข้างในเมือง แล้วเขาก็เห็น ลำแสงที่ยิงตรงลงมายังใจกลางเมือง แสงนั้นส่องสว่างทำให้ทั้งเมืองใต้ดินสว่างจ้า


โจวเหวินขมวดคิ้ว ตอนนั้นเองที่เขาใช้สดับวานรตรวจสอบดู แล้วเขาก็พบว่า มีอะไรบางอย่างอยู่ภายในลำแสงนั้น


“มนุษย์เหรอ… ไม่ใช่ ผู้พิทักษ์เหรอ ก็ไม่ใช่อีก”โจวเหวินมองแล้วสงสัย


รูปร่างของมันเหมือนมนุษย์แต่งกายเหมือนมนุษย์แต่ก็ยังแอบๆมีกลิ่นอายเหมือนผู้พิทักษ์


“เป็นไปไม่ได้หน่ะ…”โจวเหวินเริ่มคิดถึงหวังหมิงหยวนขึ้นมา สิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเขานั้นเหมือนเป็นการรวมร่างกันระหว่างมนุษย์กับผู้พิทักษ์ แต่มันต่างจากหวังหมิงหยวนตรงที่หวังหมิงหยวนนั้นรวมร่างกับผู้พิทักษ์โดยที่ตัวของหวังหมิงหยวนคือหัวหลักที่คอยควบคุมร่าง


แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านั้น ความรู้สึกมันเอียงไปทางผู้พิทักษ์ซะมากกว่า


หลิวหยุนเองก็จ้องสิ่งมีชีวิตตัวนั้นตาไม่กระพริบ เขาเห็นมันค่อยๆเดินบนอากาศ เดินตรงเข้ามาหาพวกเขาเรื่อย เสื้อผ้าของมันเป็นผ้าคลุมยาวที่ดูพริ้วไหวและไม่มีผลต่อแรงโน้มถ่วงทำให้เขาลอยได้แม้ไม่มีลม


หลังจากเข้ามาใกล้แล้ว พวกเขาก็เห็นหน้าตาที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น มันเป็นชายแก่ที่มีผมและหนวดยาวสีขาว แต่งชุดเหมือนเทพจีน


แต่มันต่างจากมนุษย์ปรกติตรงที่ผิวหนังของเขานั้นมันผ่องใสเหมือนกับหินหยก ใสซะจนแทบจะโปร่งแสง


ชายแก่คนนั้นค่อยๆเดินตรงมาทางประตูปราสาท ส่วนโจวเหวินกับหลิวหยุนก็ค่อยๆถอยล่นลงมาเรื่อยๆ แต่ชายแก่กลับดูไม่สนใจพวกเขาเลย เหมือนกับว่าทำเป็นไม่เห็นพวกเขาแล้วเดินต่อไปที่ประตูปราสาท

 

 

 


ตอนที่ 873

 

เตาปรุงยาทองแดง


ตอนที่ชายแก่คนนั้นเข้าไปในโถง ดาบหินเองก็ส่องแสงแบบเดิมกะจะเอาชายแก่คนนั้นให้ตายคาที่


แต่ชายแก่คนนั้นกลับมองแล้วเปลี่ยนร่างตัวเองในฉับพลันทั้งร่างกายเสื้อผ้าและเส้นผมกลายเป็นหยกขาวก่อนจะใช้มือข้างเดียวทำลายแสงดาบนั้นทิ้งอย่างง่ายดาบ


“ร่างความกลัวงั้นเหรอ”โจวเหวินตกใจมาก ชายแก่คนนั้นสามารถทำลายแสงดาบของดาบหินได้ เห็นชัดๆแล้วว่าเขาเป็นระดับความกลัว


ดาบหินพอเห็นแบบนั้นก็ไม่ลังเลชักตัวเองออกมาจากฝักก่อนจะฟันตรงไปที่ชายแก่คนนั้นอีกครั้งด้วยพลังที่มหาศาล


ชายแก่คนนั้นยื่นมือออกไปเพื่อรับดาบ ในตอนนั้นเอง ดาบหยุดนิ่ง ฟันไม่เข้าแม้แต่นิดเดียว แต่ชายแก่คนนั้นก็ดูจะป้องกันดาบอย่างยากลำบากเหมือนกัน


“เจ้านั้นมันเป็นใครวะ ถึงขนาดรับพลังของดาบหินได้ด้วย”หลิวหยุนพูดอย่างตกใจ ส่วนโจวเหวินนั้นไม่พูดอะไรแต่เขาใช้จังหวะนี้ พุ่งเข้าไปในปราสาททันที


หลิวหยุนเองพอเห็นแบบนั้นก็กัดฟันแล้ววิ่งเข้าปราสาทเหมือนกัน


ดาบหินกับชายแก่คนนั้นกำลังสู้กันแบบสูสีพวกมันไม่มีเวลาจะมาสนใจมนุษย์ตัวจ้อยอย่างโจวเหวินกับหลิวหยุนหรอก ทำให้ทั้ง2คนนั้นเข้ามาถึงจุดที่ตำราไม้ไผ่อยู่ในชั่วพพริบตา โจวเหวินเห็นชายแก่คนนั้นยังคงยื้อกับดาบหินอยู่ โจวเหวินเลยรีบตัดสินใจหยิบตำราไม้ไผ่ในชั้นออกมาเปิดดูทันที


เนื้อหาภายในตำรานั้นเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายทั้งสิ้น โจวเหวินลองหยิบตำราม้วนอื่นจากชั้นอื่นมาดู แต่ทุกอันล้วนแต่เป็นตำรากฏหมาย ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ


“ฉันได้ยินมาว่าจักรพรรดิฉินเชื่อเรื่องความเป็นอมตะ และพยายามไขว่คว้าความเป็นอมตะมาโดยตลอด หนังสือที่ถูกฝังมาพร้อมเขาส่วนมากควรจะเป็นหนังสือปรุงยาหรือเกี่ยวกับความเป็นอมตะอะไรพวกนี้มากกว่านะ ไม่น่าจะเป็นตำรากฎหมาย” โจวเหวินหาตำรามาซักพักใหญ่ๆแต่ก็บังไม่เห็นตำรายาซักม้วน


“นี้เจ้ารุ่นน้อง รีบไปต่อกันดีกว่า ตำราพวกนี้ไม่มีอะไรดีหรอก”หลิวหยุนก็ดูจนทั่วแล้ว แต่เขาก็เห็นแต่ตำรากฎหมายทำให้เขาไม่สนใจ


โจวเหวินแลยวางตำรากฎหมายพวกนั้นลง แล้วเขากับหลิวหยุนก็เดินเข้าไปยังสุดทางของปราสาท ที่สุดทางนั้นมีประตูอยู่ และประตูนั้นก็เปิดๆไปแล้วด้วย ซึ่งนั้นน่าจะเป็นฝีมือของผู้วิเศษจิงเต้า


ประตูนั้นกลับถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงหินหยกอีกชั้นนึง แต่สภาพของกำแพงนั้นทำให้พวกเขาตกใจอยู่เหมือนกัน


กำแพงหยกนั้นเหมือนกับว่าโดนการโจมตีทุกรูปแบบมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทางไหนเลยที่จะทำให้รู้สึกว่ามันจะแตกออกมาหรือมีทางเข้าทางอื่น


“มันน่าจะมีประตูลับอยู่แถวรี้ซินะ”หลิวหยุนพูดแล้วลองจับๆประตูดู เขาพยายามหาว่าประตูลับมันอยู่ตรงไหน


“อย่าไปตามหาเลย ถ้านายจะตามหา ลองดูที่ใต้น้ำในบ่อนั้นดีกว่า”โจวเหวินชี้ไปที่บ่อน้ำ


น้ำในบ่อนั้นเป็นสีสีดำไม่มีกลิ่นแปลกๆ ที่สีมันดำน่าจะเป็นเพราะความมืดมากกว่า


“นายคิดว่าข้างใต้นั้นจะมีทางไปต่อเหรอ”หลิวหยุนมองสระน้ำ แต่น้ำในบ่อมันมืดเกินไปซะจนมองไม่เห็นอะไรเลย


“ฉันไม่รู้หรอกว่าข้างล่างนั้นมันมีทางไปต่อไหม แต่ที่แน่ๆคือตามกำแพงมันไม่ได้มีประตูลับแน่ๆ”โจวเหวินสแกนทั่วทั้งปราสาทดูแล้ว มันไม่มีประตูลับจริงๆ”


“แล้วเราจะโดดไปจริงๆเหรอ”หลิวหยุนลังเล


“ฉันว่าเราต้องไปแล้วละ”โจวเหวินพูด ก่อนจะมองออกไปข้างนอก แล้วพวกเขาก็เห็น ชายแก่คนนั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา แต่รอบนี้ต่างจากรอบของผู้วิเศษจิงเต้า รอบนี้ดาบหินพุ่งไล่ตามมาติดๆ พร้อมกับปล่อยแสงดาบยิงออกมาไม้ยั้งจนทุกอย่างพังพินาศ


โจวเหวินเลิกลังเล กลั้นใจแล้วกระโดดลงไปในบ่อพร้อมกับหยาเอ๋อ


สกิลปราณมังกรทำให้เขาสามารถว่ายน้ำและรับรู้ภายในน้ำได้ดีขึ้น


หลิวหยุนเองก็กระโดดตามโจวเหวินมาเหมือนกัน


น่าแปลกที่ว่าน้ำสีดำที่ว่านั้นมันดูไม่เหมือนน้ำเอาซะเลย แรงต้านของน้ำแรงกระเด้งของน้ำไม่มีแม้แต่น้อย ทำให้พวกเขากระโดดลงมาเหมือนกับตกจากตึกสูง5ชั้น ความเร็วในการตกเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่ามีแรงอะไรบางอย่างกระชากพวกเขาลงไป


ตุ๊บ


ตอนที่โจวเหวินกับหลิวหยุนลงถึงพื้น แรงกระแทกจากการตกนั้นเกือบทำให้กระดูกขาของพวกเขาแตกได้ แต่ก่อนที่พวกเขาจะปรับตัวจากสภาพแวดล้อมรอบข้างๆได้ ก็มีเงาของอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมาเหนือหัวของเขา อย่างแรกคือชายแก่ในร่างความกลัว ส่วนอีกตัวคือดาบหินที่พุ่งลงตามมา


ประเด็นคือดาบหินไม่ได้มาแค่ตัว แต่พามาพร้อมกับแสงดาบนับพันที่ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่


ทั้งโจวเหวินและหลิวหยุนกระโดดหลบอย่างไว ก่อนจะหลบหลังอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ที่สามารถกำบังพวกเขาจากแสงดาบได้ แสงดาบระห่ำลงมาเหมือนกับพายุถล่มทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่มันไม่ได้ทำให้สิ่งที่โจวเหวินหลบอยู่มันพังไปด้วย


แล้วโจวเหวินก็พบว่าสิ่งที่เขาใช้หลบอยู่นั้น แท้จริงแล้วเป็นเตาปรุงยาขนาดยักษ์ ขนาดของเตานั้นมันใหญ่เกินกว่า12เมตร ตัวเตานั้นมันทำมาจากทองแดง และไม่ใช่แค่ทองแดงธรรมดาแบบที่ผสมตะกั่วแบบที่เห็นกันในทุกวันนี้ แต่มันคือทองแดงบริสุทธิ์


แสงดาบพุ่งเข้าใส่เตาทองแดงอย่างแรงทำให้เกิดเป็นเสียงก๊องแก๊งของโลหะกระทบกันมากมา แต่มันก็ทำอะไรเตานั้นไม่ได้


โจวเหวินมองเข้าไปในเตาปรุงยาแล้วพบว่าภายในเตานั้นมีเปลวไฟซ่อนเอาไว้อยู่ เปลวไฟนั้นเป็นสีขาวนวล อุณหภูมิไม่รู้ว่าสูงเท่าไรแต่ที่แน่ๆคือภายนอกของเตานั้นรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเท่านั้น ไม่ได้ร้อนจนไหม้แต่อย่างใด


“แปลกแหะ ไม่เคยเห็นเตาที่มีไฟติดตลอดเวลาแบบนี้มาก่อนเลย ไฟปรกติมันต้องมาจากข้างใต้ซิ แต่นี้ไฟติดข้างในเตาเลย มันเป็นเพราะอะไรกันนะ”โจวเหวินรู้สึกสงสัยขึ้นมา


แต่การปะทะกันระหว่างชายแก่กับดาบหินนั้นยังไม่จบ โจวเหวินเลยใช้โอกาสนี้มองไปรอบๆแล้วเขาก็พบว่าที่ๆพวกเขาอยู่นั้นจริงๆแล้วกลายเป็นยอดเขาซะอย่างนั้นเลย


มันไม่ใช่ยอดเขาจริงๆหรอก แต่มันเป็นบนยอดของพื้นที่ใต้ดินขนาดยักษ์ที่มืดมิด ภูเขานั้นกว้างใหญ่มากๆ พวกเขายื่นอยู่บนยอดเขาโดยมีผนังถ้ำอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงแค่20-30เมตรเท่านั้น


รอบๆข้างนั้นมืดสนิท เพราะว่าพื้นที่รอบข้างนั้นมันกว้างใหญ่เกินไปทำให้แสงสว่างส่องไปไม่ถึง มีเพียงแค่ไฟจากเตาปรุงยาทองแดงเท่านั้นที่ส่องสว่าง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะสว่างทั้งหมด


มันเป็นระยะที่แม้แต่สดับวานรรับฟังนั้นยังได้ยินแค่ความว่างเปล่า มีสายลมเย็นๆพัดผ่านไปมา และสายลมกรรโชกที่แรงมากๆพัดผ่านไป เสื้อผ้าของพวกโจวเหวินนั้นเปียกน้ำอยู่ ทำให้สายลมเย็นเฉียบนั้นหนาวยันกระดูกดำ


“แล้วผู้วิเศษจิงเต้าไปไหนแล้วะเนี่ย”โจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อหันหลังให้กับสายลมที่เย็นจัด ก่อนจะมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบตัวของผู้วิเศษจิงเต้า


หลิวหยุนเองก็พึ่งวิ่งตามมาเข้าที่หลังของเตา หลังจากที่มารวมกับโจวเหวินได้แล้วเขาก็พูด บนนี้ไม่มีอะไรเลย มีแค่เตานี้ นายว่าในเตานี้มันจะมียาอัมฤทธิ์ที่จักรพรรดิ์ฉินเคยทำไว้รึเปล่า”


“ไม่น่าใช่หรอก เพราะไม่งั้น ผู้วิเศษจิงเต้าคงจะมาอยู่ที่นี้แล้วละ”โจวเหวินพูดแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากไกลๆเหมือนกับว่าฟ้าผ่า

 

 

 


ตอนที่ 874

 

ลมและไฟ


“ทำไมใต้ดินถึงมีฟ้าผ่าได้เนี่ย”หลิวหยุนสงสัย ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป “ไม่ มันไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลมตั่งหาก”


สายฟ้านั้นเป็นพลังที่รุนแรงมากๆก็จริง แต่ในทางกลับกัน คนส่วนมากไม่เข้าใจความน่ากลัวที่แท้จริงของลม แต่คนที่เคยเดินทางไปรอบโลกอย่างหลิวหยุนนั้น เขาใจดีว่าบางครั้ง ลมนั้นน่ากลัวกว่าฟ้าผ่าหลายเท่า


โจวเหวินเองก็รู้สึกได้ถึงกระแสลมที่แปรผันเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารู้สึกได้ถึงลมได้ดีกว่าหลิวหยุนหลายเท่าเลยด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้ได้เลยว่าพายุที่กำลังจะเข้ามานั้นมันจะน่ากลัวขนาดไหน


ความสามารถของสดับวานรนั้นปลดจนถึงขีดจำกัดแล้ว แต่นอกเหนือจากภายในภูเขานี้ เขาก็ยังไม่เห็นอะไรอย่างอื่นอีกเลย เหมือนกับว่าไม่มีที่ให้หลบแล้วด้วย


“ไปที่หลังภูเขากันเถอะ”โจวเหวินพูดกับหลิวหยุนก่อนจะกระโดดลงมา สายลมนั้นรุนแรงขึ้นมากๆ และไม่รู้ว่าถ้าพายุมาจริงมันจะหนักขนาดไหน เพราะงั้นที่เขาควรทำคือเตรียมตัวให้พร้อม


หลิวหยุนก็กระโดดตามลงมา เขาใช้ตะขอล๊อคตัวเอง ก่อนจะไต่เชือกลงมาจากหน้าผา แล้วยึดตัวเข้ากับด้านข้างของภูเขา


ส่วนบนยอดเขานั้นดาบหินยังคงสู้กับตาแก่คนนั้นแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งคู่เป็นระดับความกลัวด้วยกันหมด รัศมีในการต่อสู้จึงเป็นในวงกว้างมากๆ มันไม่มีทางที่คนธรรมดาจะเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ได้เลย


ฮึ่ม!!


พายุสายลมแรงกระหน่ำซัดคำรามลั่น สายลมที่พุ่งมาด้วยความเร็วระดับทำลายกำแพงเสียงได้ทำให้เกิดเสียงดังลั่นเหมือนฟ้าผ่าอยู่หลายครั้ง หลังจากที่พายุเริ่มซัดเข้ามา โจวเหวินกับหลิวหยุนที่อยู่หลังยอดเขาตอนนี้กำลังพยายามเต็มที่ เพื่อไม่ให้รับลมเต็มๆ เสื้อผ้าของเขาปลิวสะบัดไปมา แถมเขาแทบจะจับหินเอาไว้ไม่อยู่กระเด็นออกไปเลยซะด้วยซ้ำ เชือกของหลิวหยุนนั้นถูกผูกเข้ากับตัวและแขนของเขาทำให้เขายังไงก็ไม่ปลิวแน่ๆ ส่วนโจวเหวินนั้นอัญเชิญเบม่อนออกมาแล้วให้เบม่อนขยายร่างใหญ่แล้วกอดหลัดภูเขาเอาไว้เหมือนเป็นเพราะป้องกันลม


สายลมที่รุนแรงขนาดนี้มันแหลมคมซะยิ่งกว่าคมมีดซะอีก เกราะระดับมหากาพย์ของหลิวหยุนนั้นโดนสายลมฟันจนขาดเลือดออกมาแล้ว


“ออกมาเลยเจ้าแมวส้ม”หลิวหยุนพูดออกมาแล้วแมวสีส้มก็ปรากฏขึ้นมาข้างเขา ก่อนที่มันจะดูดอย่างแรงทำให้ลมที่เฉือนเนื้อของหลิวหยุนเข้าไปนั้นโดนดูดเข้าปากแมว ทำให้พุงแมวนั้นโตขึ้นมาเหมือนลูกโป่ง


ตอนที่โจวเหวินกำลังกังวลว่าเจ้าแมวส้มจะตัวแตก แต่แล้วแมวส้มนั้นก็กลับพ่นลมที่ดูเข้ามาในท้องเพื่อต้านกระแสลมที่พัดเข้ามา


เอาจริงๆที่ยังเป่าลมสู้ได้อยู่นั้นเป็นเพราะว่าภูเขาลูกนี้นั้นทำหน้าที่ป้องกันกระแสลมส่วนมากเอาไว้แล้ว ทำให้มันถูกลดทอนลงเยอะ แต่ถึงอย่างนั้น โจวเหวินกับหลิวหยุนก็ได้รู้ซึ้ง ว่าพวกเขานั้นคิดตื้นเกินไป พวกเขาพบว่าสายลมที่เป่าไปต้านนั้นโดนหอบพัดกลับมาอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นลมหมุนในพื้นที่ใต้ดิน ลมที่หมุนไปนั้นดูดเข้าหาจุดศูนย์กลางซึ่งขนาดของลมหมุนนั้นมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆด้วย


ดวงตาของหลิวหยุนกระพริบแสงดาวในทันที ก่อนที่ตัวของเขาจะกลายเป็นไอแล้ววาปเข้ามาอยู่ใต้เบม่อน ในตอนนี้เบม่อนพยายามยึดภูเขาเอาไว้แล้วสู้แรงลมที่อันตราย ขนของมันโดนสายลมเฉือนไปไม่ยั้ง


“”บ้าเอ้ย นี้มันลมบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้แรงแบบนี้กัน”หลิวหยุนที่หลบใต้เบม่อนบ่น


“แต่ฉันว่าลมที่แรงจริงๆมันยังมาไม่ถึงเลยนะ”สีหน้าของโจวเหวินดูกังวลขึ้นมาทันที


สายลมหวนใต้ดินนั้นรุนแรงมากขึ้นทุกทีเหมือนกับว่ามันไม่มีวันหยุด เหมือนกับว่ากำลังลมมันเสริมกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เบม่อนเองก็เหมือนกับว่าจะทนไม่ไหว บนยอดภูเขานั้นเอง ชายแก่กับดาบหินยังคงสู้กันอยู่ต่อไป เหมือนกับว่าดาบหินเองจะมีความแค้นสะสมกับชายแก่คนนั้นมาตั้งแต่ชาติปางก่อนทำให้การต่อสู้ไม่ยอมเลิกลาไปได้ง่ายๆ บนยอดเขาจึงเป็นจุดกึ่งงกลางของพายุหมุน แต่ที่ยอดเขานั้นเอง ที่ความเร็วลมมันไม่แรง ทำให้ชายแก่กับดาบหินยังคงสู้ต่อไปได้ท่ามกลางลมที่แรงขนาดนี้


ส่วนเตาปรุงยานั้นไม่ว่าจะโดนโจมตีซักกี่ครั้งกี่หนมันก็ไม่มีวันพัง แต่สายลมที่หวนนั้นพอเข้าไปยังเตาแล้ว สายลมกลับหนุนเปลวเพลิงให้ลุกโหมแรงขึ้นเรื่อยๆจนกระทั้งปะทุออกมาเป็นไฟสีขาว


โจวเหวินกับหลิวหยุนก็เห็นว่าสายลมนั้นเป่าเตาปรุงยาจนไฟที่อยู่ในนั้นมันทะลักออกมา แล้วไฟก็โดนสายลมพัดพาไปจนเป็นเหมือนกับมังกรไฟ ไฟนั้นขยายตัวไปตามลมหมุนอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้พายุหมุน กลับกลายเป็นพายุไฟแล้ว


ถ้าแค่ลมอย่างเดียวเบม่อนก็ยังพอทนได้แห่ง แต่ตอนนี้มีทั้งไฟทั้งลมผสมกันไปมา ทำให้เบม่อนเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน


“ขึ้นไปที่ยอดเขากันเถอะ”โจวเหวินเก็บเบม่อนแล้วกอดหยาเอ๋อแน่นพยายามพุ่งขึ้นไปที่ยอดเขาอย่างทุลักทุเล


ตอนนี้พายุไฟที่ก่อตัวขึ้นมานั้นมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ยอดภูเขา เพราะงั้น บนยอดเขานั้นจะไม่มีลมหรือไฟอยู่ จะมีเพียงแค่ตาของพายุเท่านั้น


ลมที่พัดขึ้นที่ยอดเขานั้นจะโดนไฟที่อยู่ในเตาดูดกลับไปหมุน ทำให้ข้างๆกับเตาปรุงยานั้นมันมีพื้นปลอดภัยเล็กๆเพียงพอที่จะให้พวกเขาปลอดภัยจากพายุไฟและอันตรายจากการโดนลูกหลงได้


แต่ตอนนี้ก่อนที่จะขึ้นไปถึงยอดเขาได้นั้น ทุกอย่างมันลุกท่วมไปด้วยพายุไฟเต็มไปหมด ถ้าอยากจะไปให้ถึงที่นั้น ก็จะต้องผ่านกำแพงพายุไฟที่หนามากกว่า100เมตรซะก่อน


โจวเหวินใส่ชุดเกราะมังกรเลือดอสูรอยู่ ทำให้เขาพอจะทนได้บ้าง แต่หยาเอ๋อนั้นไม่มีอะไรป้องกันซักนิด เธอเองคงทนความร้อนของไฟระดับนั้นไม่ไหวแน่ๆ


แต่โจวเหวินเองก็ไม่มีทางเลือก เขาเปลี่ยนวิญญาณชีวิตเป็นอารยสูญหายก่อนจะใช้ความสามารถในการวาปที่มีทั้งหมด ในการวาปตรงเข้าไปที่ยอดเขา


หลิวหยุนที่สูญเสียการป้องกันจากเบม่อนไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ตามโจวเหวินขึ้นไปบนยอดเขา เขาอัญเชิญเกราะใหม่ออกมาแล้วให้สัตว์อสูรมารวมร่างกับแขนของเขาก่อนจะใช้สกิลพุ่งอุกาบาตทะลุเปลวไฟไป


แต่ความร้อนนั้นมันเผาร่างของหลิวหยุนจนดำไหม้เกราะของเขาละลายไปในหลายส่วน ผมไหม้ มีสะเก็ดไหม้ไฟอยู่เต็มมร่างกายพร้อมตัวที่แดงเพราะความร้อน


ทันทีที่พวกเขามาถึงยอดเขาได้ พวกเขาก็เกือบตายเพราะโดนห่าแสงดาบ แต่โชคยังดีที่พวกเขาเร็วพอแล้วกลิ้งหลุนๆมาถึงเตาได้


โจวเหวินเองก็มาหลบภัยข้างๆกับเตาปรุงยาเช่นกัน ส่วนชายแก่กับดาบหินนั้นยังคงต่อสู้กันต่อไปโดยที่ไม่สนพายุไฟที่ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงรอบๆตัวเขาเลยแม้แต่น้อย


และไม่นานหลังจากนั้นไฟจากเตาก็แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ พายุไฟหมุนตัวเองวนรอบยอดเขา ความเร็วของลมยิ่งมาก ความแรงของไฟก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งไฟแรงขึ้นเท่าไร ความร้อนก็จะทำให้สายลมที่พัดหมุนอยู่นั้นกลายเป็นมังกรไฟที่บ้าคลั่ง


แต่ถึงอย่างนั้น ไฟนั้นก็ยังมีความประหลาดอยู่เหมือนกัน ถึงมันจะรุนแรงขนาดหลอมหินให้ละลายได้เพียงสัมผัส แต่กับเตาปรุงยาแล้ว ตัวเตาเองไม่มีทีท่าจะละลายแม้แต่น้อย


ภูเขาทั้งภูเขาเหมือนลุกไหม้ แต่เตายังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่ว่าไฟข้างนอกหรือข้างในจะร้อนแค่ไหน สัมผัสบนเตาก็จะยังอุ่นเสมอ

 

 

 


ตอนที่ 875

 

ในเตาทองแดง


พื้นที่ใต้ดินขนาดใหญ่นั้นตอนนี้กลายเป็นเหมือนขวดโหลเก็บพายุไฟขนาดยักษ์ไปแล้ว


โจวเหวินไม่ได้สนใจการต่อสู้ระหว่างดาบหินกับชายแก่แม้แต่น้อย ที่เขาสนใจทั้งหมดอยู่ในเตาทองแดงอย่างเดียว


ไม่ว่าจะดูยังไง สายลมที่โหมกระหน่ำพัดเข้ามาในเตานั้นเหมือนกับว่าถูกเตรียมมาเพื่อให้เตาไฟมันร้อนขึ้นจนถึงจุดขีดสุด


“หรือว่าเตาปรุงยานี้จะเป็นเตาที่ปรุงยาเทพอมตะจริงๆ”โจวเหวินคิดในใจ เขาพยายามใช้สดับวานรฟังเสียงที่อยู่ด้านในเตา แต่เพราะว่าพายุไฟนั้นเสียงดังและรุนแรงจนหูแทบดับทำให้เขาไม่ค่อยได้ข้อมูลอะไรกลับมากซักเท่าไร ในขณะที่โจวเหวินกำลังดูเตาอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีแสงปรากฏขึ้นมาด้านในเตา ถึงแม้ว่าพายุไฟที่ออกมาจากเตานั้นจะแรงแค่ไหน แต่แสงที่วาบออกมานั้นมันชัดเจนซะยิ่งกว่าแสงไฟซะอีก


“มันออกมาแล้วซินะ ข้ารอมานานหลายพันปี ในที่สุดวันที่ข้ารอคอยก็มาถึง”เสียงของชายแก่ดังออกมาทันทีที่มันเห็นแสงในเตา


ชายแก่ยิงลำแสงเข้าใส่ดาบหิน ผลักดาบหินให้ออกไปจากการต่อสู้ ก่อนจะบินตรงเข้าหาเตาทองแดง ก่อนจะใช้มือข้างนึงเปิดฝาของเตาขึ้น


แต่ดาบหินเองก็ไม่ยอมจบเรื่องเพียงเท่านั้น มันบินเข้ามาอย่างด้วยความเร็วสูงก่อนจะฟันแขนของชายแก่ด้วยความแรงจนทำให้ชายแก่นั้นต้องยอมปล่อยฝาของเตาก่อน ด้วยแรงกดดันที่ดาบหินโจมตีเข้าใส่ทำให้ชายแก่นั้นไม่สามารถเปิดฝาเตาได้ในตอนนี้


“เจ้าประลองกับข้ามาตั้งนานหลายปี ยังไม่คิดจะยอมแพ้อีกงั้นรึ” ชายแก่โกรธเกรี้ยวก่อนจะถอยกระชากตัวออกไปทันที เขาสลัดหลุดออกมาจากดาบหินได้พักนึง ก่อนที่เขาจะรวบรวมพลังแสงที่มือข้างขวาทำให้มือข้างขวาของเขานั้นมีพลังงานมหาศาลโอบอุ้มอยู่ พร้อมแสงที่สว่างไสว


ดาบหินเองก็รู้สึกได้ถึงอันตราย มันจึงไม่โถมตัวเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า ดาบหินนั้นเองก็รวบรวมพลังทั้งหมดจนอักษรอาคมโบราณ ปรากฏขึ้นที่ตัวดาบหิน


อักษรอาคมเหมือนจะมีพลังงานอะไรบางอย่าง ทุกๆครั้งที่อักษรแต่ละตัวปรากฏขึ้นมา ดาบหินเหมือนจะรู้สึกหนักขึ้น


โจวเหวินมองดูตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นในดาบนั้น แล้วพบว่ามันคือหนึ่งในตัวอักษรที่ปรากฏในตำรากฏหมายเมื่อกี้


“พิฆาต…คนพาล”


ทันใดนั้นเอง ดาบหินก็ระเบิดพลังงานมหาศาลออกมารวดเดียวแล้วฟันตรงไปหาชายแก่


มือขวาของชายแก่เองก็ปล่อยหมัดพรุ่งตรงมาพร้อมๆกัน


แต่จังหวะที่มือขวาของเขาพุ่งออกมานั้น มิติกาลเวลาเหมือนจะบิดเบี้ยว เหมือนกับว่ามีเพียงมือขวาของเขาที่ขยับได้ ส่วนอย่างอื่นนั้นหยุดอยู่นิ่ง


ตู้ม!!!!


ดาบหินปะทะเข้ากับมือขวากระแทกเข้าใส่กัน แต่เป็นฝ่ายดาบหินที่เสียจังหวะไป ถึงแม้ว่าตัวดาบหินจะไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่แรงกระแทกเมื่อกี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ดาบหินกระเด็นเข้าไปในพายุไฟแล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้


ชายแก่คนนั้นบินตรงกลับมาหาเตาทองแดงทันที ตอนนี้ไม่มีดาบหินมาขวางทางแล้ว เขาจึงเปิดฝาที่หนักอึ้งของเตาออกด้วยมือข้างนึงส่วนมืออีกข้างนึงนั้นล้วงเข้าไปในเตาพร้อมดึงอะไรบางอย่างออกมา


แต่ทันใดนั้นเองตอนที่เขากำลังจะหยิบอะไรบางอย่างออกมา จู่ๆแสงสีขาวนั้นก็พุ่งขึ้นมาเหนือเตา


ชายแก่นั้นไม่ได้เตรียมตัวรับมือเรื่องนี้มา ทำให้เขาอาบแสงสีขาวนั้นก่อนจะร้องลั่นแล้วกระโดดถถอยออกจากเตา


แสงสีขาวที่ในเตานั้นส่องสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ หลังจากที่ออกมาจากเตาแล้ว แสงสว่างนั้นก็ค่อยๆลดน้อยลงจนโจวเหวินเห็นได้อย่างชัดเจน มันคือกระจกหยินหยางของจิงเต้าเซียนนั้นเอง


ฝรุบ!!


ผู้วิเศษจิงเต้ากระโดดออกมาจากเตาปรุงยา แล้วยืนด้านบนเตา ถือกระจกหยินหยางในมือแล้วยิ้ม


“เจ้าเป็นใครกัน กล้าดียังไงมาแอบเข้าไปในเตาเช่นนั้น”ชายแก่พยายามจะลุกขึ้น แต่กระจกหยินหยางก็พลิกกับ ทำให้ร่างของชายแก่นั้นกลายเป็นเหมือนหุ่นเชิด เขาไม่สามารถควบคุมร่างของตัวเองได้ ก่อนจะโดนบังคับให้เดินตกยอดเขาลงไปในพายุไฟ


“เป็นแค่นักเล่นแร่แปรธาตุ อย่าริอาจจะมาเอาของที่เป็นของราชาซิ”ผู้วิเศษจิงเต้าพูด


“สมแล้วที่เป็นผู้วิเศษจิงเต้า สุดยอดไปเลย ตาแก่นั้นมันแกร่งมากๆเลยนะ แต่ไม่คิดว่าจะเอาชนะได้ง่ายดายขนาดนี้ แข็งแกร่งจริงๆ” หลิวหยุนอวย


ผู้วิเศษจิงเต้าพูด “ฉันไม่ได้แกร่งหรอก แค่ฉวยโอกาสลอบโจมตีได้หน่ะ ไม่งั้นฉันเองก็สู้ไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่นักเล่นแร่แปรธาตุ แต่เขาฝังตัวเองอยู่ที่นี้แล้วหลอมรวมเข้ากับผู้พิทักษ์แห่งสุสานมานาน หลังจากผ่านมาหลาย10ปี เขาก็ได้พัฒนาจนกลายเป็นระดับความกลัว มีมนุษย์แค่ไม่กี่คนเท่านั้นละที่จะสู้กับเขาได้”


พอเห็นว่าผู้วิเศษจิงเต้านั้นยอมรับตัวเองว่ายังไงก็สู้ชายแก่คนนั้นไม่ได้ เขาแค่ได้เปรียบเพราะลอบโจมตี โจวเหวินกับหลิวหยุนก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย


แต่ชายแก่นั้นอาฆาตแค้น เขากลับขึ้นมาจากกองไฟหวังจะฆ่าผู้วิเศษจิงเต้าด้วยความโกรธแค้น แต่เขาเคยโดนกระจกหยินหยางเล่นงานมาแล้ว และมันก็กักวิญญาณของเขาไว้แล้วด้วย ผู้วิเศษจิงเต้าแค่พลิกกระจก ก็ทำให้ชายแก่คนนั้นกระเด็นตกกองไฟไปอีกรอบได้


ดาบหินนั้นตอนแรกมองว่าชายแก่เป็นศัตรูก็จริง แต่ตอนนี้ แทนที่จะพุ่งกลับมาหาชายแก่ มันกลับพุ่งตรงมาหาผู้วิเศษจิงเต้าแทน


ผู้วิเศษจิงเต้าชูกระจกหยินหยางขึ้นมาสู้กับดาบหิน ชายแก่เองก็ยังไม่ยอมแพ้ พุ่งกลับขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคไม่ดีที่ทันทีที่เขาพุ่งกลับมานั้น เขาก็โดนกระจกควบคุมให้พุ่งเข้าใส่แสงดาบแทน


กลับกลายเป็นภาพเดิมๆที่ชายแก่สู้กับดาบหินอีกครั้ง เพียงแค่ว่ารอบก่อนหน้านี้ชายแก่ยินยอมสู้ด้วยตัวเอง แต่รอบนี้เขาโดนผู้วิเศษจิงเต้าควบคุม


“เกิดอะไรขึ้นหน่ะ เมื่อกี้ดาบหินยังไล่ฟาดชายแก่นั้นอยู่เลย ทำไมจู่ๆตอนนี้ถึงเอาแต่หลบชายแก่นั้นละ”หลิวหยุนมองแล้วสับสน


โจวเหวินเลยพูด “ถ้าฉันเดาผิดนะ ดาบหินนั้นเหมือนเป็นผู้ปกป้องสุสานแห่งนี้ ก่อนหน้านี้ดาบหินไม่ตามไล่ผู้วิเศษจิงเต้าต่อเพราะว่ามันคิดว่าผู้วิเศษจิงเต้าคงไมได้มีพลังเพียงพอที่จะเข้าไปในเตาปรุงยาได้ แต่มันรู้ดีว่าชายแก่นั้นเป็นอันตรายมากกว่ามันจึงปกป้องปราสาทนั้นต่อไปโดยไม่ไล่ตาม แต่พอหลังจากที่รู้ว่าผู้วิเศษจิงเต้านั้นอันตรายกว่าชายแก่มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปจัดการกับผู้วิเศษจิงเต้าแทน แต่มันก็โดนขัดขวางโดยชายแก่ที่โดนผู้วิเศษจิงเต้าควบคุมอีกที กลายเป็นสถานการณ์แบบนั้นแหล่ะ”


หลิวหยุนคิดขึ้นมาได้ก่อนจะใช้กระแสจิตพูดกับโจวเหวินแบบลับๆ “ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ คิดว่านายกับฉันจะจะใช้โอกาสนี้ชิงของที่อยู่ในเตามาได้ไหม”


ในตอนนี้มันมีแสงอีกแสงนึงในเตา มันต่างจากแสงเก๊สว่างจ้าที่ผู้วิเศษจิงเต้าทำ รอบนี้มันเป็นแสงอุ่นๆ ให้ความรู้สึกเย็นๆท่ามกลางเปลวไปที่ร้อนระอุ


“พายุไฟช้างนอกมันแรงขนาดนี้ ข้างในเตานั้นคงหนักกว่านี้แน่ๆ ฉันกลัวว่าแม้แต่เกราะระดับเร้นลับก็เอาไม่อยู่นี้ซิ ถ้านายกับฉันเข้าไปเราคงได้กลายเป็นขี้เถ้าแน่ๆ แล้วเราจะขโมยมันมาได้ไง”โจวเหวินกระซิบ


“ฉันมีสกิลขโมยดวงดาวอยู่ไง ลองดูกันไหมละว่าฉันจะได้อะไร”หลิวหยุนไม่เชื่อเขาจะขโมยไม่ได้ “ถ้านายกับฉันร่วมมือกันละก็เราทำได้แน่ ขโมยของในนั้นออกมาส่วนนายก็ใช้ความสามารถในการวาป วาปฉันกับใช้อสูรปฐพีออกไปจากที่นี้กัน ส่วนของที่ได้แบ่งกันคนละครึ่ง โอเคไหม”


“ได้!” โจวเหวินมองผู้วิเศษจิงเต้าที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ดูเหมือนว่าผู้วิเศษจิงเต้าจะไม่ได้ยินที่พวกเขาพูดด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)