I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 848-859

 ตอนที่ 848

 

สู้เพื่อโอกาส


 


ว่ากันว่าพื้นฐานดั้งเดิมทางด้านการเงินของ6ตระกูลและตระกูลใหญ่ๆพวกนี้รวยมาก เพราะงั้นวิธีการของพวกเขาจึงหลากหลายมาก มากซะจนเปิดหูเปิดตาโจวเหวินได้เลย


บางคนก็ให้สัตว์อสูรของตัวเองออกมาใช้งาน ตระกูลเคปเรียกอัญเชิญสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนตำราออกมา แล้วเปิดหน้าหนังสือออกก่อนจะเปลี่ยนตัวหนังสือให้กลายเป็นของจริง


สัตว์อสูรบางตัวก็สามารถใช้งานบนหินเวทมนตร์ได้โดยที่ไม่กลายเป็นหิน ทุกๆคนต่างกันหาทางแก้ปัญหานี้


“คนพวกนี้นับว่ามีฝีมือจริงๆ แต่ปัญหาของสุสานมารคงไม่ได้แก้ง่ายๆหรอกมั้ง”โจวเหวินคิดขึ้นมา


เขาพยายามอย่างหนักมาหลายวัน เล็งหวังไปที่อสูรปฐพี ถ้าเกิดมีใครแย่งไปได้ก่อนมันก็คงจะกระอักกระอ่วนหน้าดู โจวเหวินคิดก่อนจะเดินตรงไปหาฉางชุนชิวก่อนจะถามเสียงเบาๆ “ฉันหาทางแก้ปัญหาในสุสานมารได้แล้วแต่ฉันต้องขุดสุสานมารหน่ะ”


ฉางชุนชิวส่ายหน้า “สุสานมารขุดไม่ได้เด็ดขาด ถึงฉันจะเห็นด้วย แต่เหล่าผู้เฒ่าในตระกูลไม่ยอมแน่ๆ”


“ฉันก็คิดไว้แล้วละว่ามันต้องมีปัญหา แต่การจะแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่ขุดหน่ะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะ แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันตรวจสอบมาดีมากๆแล้ว ภายในสุสานนั้นมันมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติมากกว่า1ตัว และมี2ตัวในนั้นที่เป็นต้นเหตุของปัญหา เราแค่ต้องขุดบางส่วนของหลุม และจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติพวกนั้น ฉันมั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่ชิบหายแน่นอน”โจวเหวินพูด


ฉางชุนชิวพูดด้วยเสียงเข้ม “ถึงฉันจะเชื่อนายแต่มันก็เท่านั้นละ ที่นี้มันคือสถานที่ตกทอดมาจากยุคบรรพบุรุษเลยนะ ตระกูลฉางเฝ้าปกป้องที่นี้มาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว พวกเขาไม่กล้าหรอก ไม่งั้นตระกูลฉางก็เสี่ยงถูกทำลาย ถึงจะทำเพื่อตระกูลฉางเองก็เถอะ แต่พวกผู้อาวุโสไม่มีทางยอมให้ใครมาทำแบบนั้นแน่นอน”


“แต่ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างกับสุสานมารในตอนนี้ ตระกูลฉางก็ล้มสลายอยู่ดีนะ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นละ ทำไมไม่ลองดูซะเลยละ”โจวเหวินพูดพยายามเกลี่ยกล่อมฉางชุนชิวให้สนับสนุน


ฉางชุนชิวมองหน้าโจวเหวินแล้วถาม “มั่นใจเหรอ เรื่องนี้มันผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวไม่ได้เลยนะ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ตระกูลฉางของเราเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกะนนะ”


โจวเหวินรู้ดีว่าฉางชุนชิวต้องการหลักฐานที่มันหนักแน่นมากกว่านี้แต่จะให้โจวเหวินควักหลักฐานออกมาได้ไงกัน จะให้เขาควักมือถืออกมาโชว์เลยว่ามีเกมส์นี้อยู่ก็คงไม่ใช่เรื่อง โจวเหวินเลยคิดไปซักพักใหญ่ๆแล้วพูด “ คืองี้ ฉันหน่ะมีสกิลตรวจสอบแบบพิเศษที่ทำให้มองเห็นสถานการณ์ภายในสุสานมารได้หน่ะ เลยมั่นได้มากขนาดนี้ไงว่าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้”


“นายมองเห็นทะลุผ่านสุสานมารได้จริงๆเหรอ”ฉางชุนชิวมองหน้าโจวเหวินอย่างตกใจ


เอาจริงๆตระกูลฉางก็มีสัตว์อสูรที่มองทะลุหรือตรวจสอบได้ และมีมากกว่าตัวเดียวด้วย แต่ถ้าอยู่ในสุสานมาร ปรกติแล้ว ไม่ว่าสกิลจะดีแค่ไหน ก็จะไม่มีทางมองส่องทะลุเข้าไปได้


ไม่ได้บอกว่าสัตว์อสูรสายตรวจสอบพวกนั้นสกิลไม่ดี แต่เทพีที่หลับไหลอยู่ในสุสานมารนั้นมีพลังแกร่งกล้าที่สามารถปิดบังวิสัยทัศน์ทุกอย่างที่อยู่ใต้สุสานได้ แม้แต่สัตว์อสูรบางตัวที่มีความสามารถในการทำนาย ยังทำนายได้แค่ส่วนบนที่เป็นหน้ากากวิญญาณมารเลย แถมภาพที่ทำนายออกมาก็ย่ำแย่มากจนดูไม่รู้เรื่อง


“สุสานมารหน่ะมี3ชั้นด้วยกัน ชั้นแรกนั้นมีหน้ากากเฝ้าอยู่ มันน่าจะเป็นเหตุผลที่มีใบหน้าโผล่ขึ้นมาบนหินเวทมนตร์และทำให้หินเวทยมนตร์มีพลังในการงอกใหม่อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นเพราะมัน ส่วนชั้นที่สองเป็นสัตว์ประหลาดลูกครึ่งปลางูมังกร ที่คนของตระกูลฉางอยู่ๆก็กระโดดลงไปในสุสานนั้นทั้งหมดเป็นเพราะมัน ส่วนชั้นสามนั้นคือเทพีที่ตระกูลฉางพยายามปกป้องและเฝ้าไม่ให้มันหลุดออกมาได้ แต่ที่เราจะทำนั้นไม่ได้เป็นการรบกวนเธอแต่อย่างใด เราแค่ขุดสุสานเพื่อจัดการเจ้า2ตัวก่อนหน้านั้นแล้วปัญหาของตระกูลฉางก็จะหมดไป”โจวเหวินอธิบายที่เขาจะทำอย่างละเอียด


เขาไม่ได้กลัวตระกูลฉางขโมยข้อมูลของโจวเหวินไปหรอก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร แต่การจะจัดการกับหน้ากากวิญญาณมารกับมารแล้งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ขนาดตัวโจวเหวินยังต้องใช้ทั้งเบม่อน ทั้งสดับวานร ทั้งผ้าคลุมล่องหนในการฆ่าทั้ง2ตัวเลย


ฉางชุนชิวมองโจวเหวินที่พูดออกมาละเอียดขนาดนั้น แล้วก็เชื่อขึ้นมา ก่อนจะคิด “แต่ถึงยังไง ก็ไม่มีใครการันตีได้อยู่ดีว่าถ้าขุดสุสานแล้วมันจะไม่กระทบกับชั้นที่อยู่ล่างสุด แถมสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ด้านบนทั้ง2ตัว เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทำอะไรได้ การจะฆ่ามันคงจะไม่ง่ายแน่ๆ”


หลังจากหยุด ฉางชุนชิวก็พูดต่อ “เรื่องที่ปัญหาทั้งหมดนี้มันเกิดมาจากสิ่งมีชีวิตต่างมิติในสุสานนั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เพราะทางตระกูลฉางของเราเองก็เคยคำนวณเอาไว้อยู่ แต่ประเด็นคือไม่มีใครกล้าขุดลงไปในสุสานมารซักที แต่ขอเวลาฉันซักพักนะ เดี๋ยวฉันจะลองดู ฉันจะหาทางคุยกับผู้อาวุโสให้”


“ได้เลย” โจวเหวินตอนนี้ทำได้แค่รอข่าวจากฉางชุนชิว


ตอนนี้ฉางชุนชิวเป็นคนใหญ่คนโตของตระกูลก็จริง แต่ตอนนี้คนที่เป็นใหญ่ในตระกูลจริงๆแล้วคือลุงของฉางชุนชิว ฉางซือหยู ที่ตอนนี้กำลังคุยกับคนของตระกูลเคปกับคนของตระกูลก๊อตอยู่


“ชุนชิว มาพอดีเลย คุณชาลีกับคุณเมสซิสตอนนี้หาวิธีการกำจัดปัญหาในสุสานมารกันได้แล้ว ลองมาฟังพร้อมกันดูซิ”


ถึงแม้ว่าเขาจะอยากพูดเรื่องที่โจวเหวินพึ่งเล่ามา แต่การจะพูดต่อหน้าคนเยอะๆแบบนี้ก็คงไม่ได้ เขาจึงได้แต่รออย่างใจเย็น


“ซือหยู ก็อย่างที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ไง ว่าปัญหาทั้งหมดในสุสานนี้มันเกิดขึ้นมาจากหน้ากากนั้น การจะทำลายหน้ากากนั้นโดยไม่ขุดสุสาน มีแต่จะต้องใช้อาคมเทพพยากรณ์ขั้นสูงของตระกูลเคปเท่านั้น….”ชาลีพูดขึ้นมาช้าๆ


ฉางซือหยูฟังเงียบๆแต่ยังไม่ออกความเห็นใดๆ หลังจากที่ฟังจบเขาก็หันไปมองเมซซิสต่อ


เมซซิสพูด “แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการของชาลีนะครับ ก็จริงอยู่ที่มันมีหน้ากากอยู่ในนั้นจริง แต่วิชาเทพพยากรณ์อะไรนั้นมันอาจจะใช้ไม่ได้ผลนะครับ ถ้าให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้ละก็ ผมรับรองเลยครับว่าคุณจะไม่มีทางผิดหวัง”


“แล้วคุณมีวิธีการแบบไหนกันละที่ดีกว่าวิธีของผมน่ะ”ชาลีพูดขึ้นมา


เมซซิสไม่พูดแต่อัญเชิญอะไรบางอย่างออกมา มันคือยักฆ์ขนาดใหญ่ที่น่ากลัว


แตกต่างจากยักษ์ปรกติที่ดูป่าเถื่อนยักษ์ตนนีสวมชุดเกราะที่หรูหราและให้อารมณ์เหมือนเป็นเทพมากกว่า เหมือนกับว่ามันสามารถเหยียบพื้นให้โลกแตกได้


“ขอแนะนำ นี้คือผู้พิทักษ์ของผม จักรพรรดิยักษ์เทพ ด้วยพลังของเขา การจะฆ่าหน้ากากนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย”เมสซิสพูด


สายตาของทุกคนหันไปมองที่จักรพรรรดิยักษ์เทพ ถึงแม้ว่าจะมีหลายๆคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของผู้พิทักษ์แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเคยเห็นผู้พิทักฆ์ตัวเป็นๆ


“ไม่ว่าผู้พิทักษ์จะแกร่งแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางจะทำลายหน้ากากในสุสานนั้นได้หรอกครับ คุณมั่นใจได้ไงกันว่ามันจะไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุสานหน่ะ”ชาลีไม่หวั่นเขาพูดต่ออย่างคาดคั้น


เมซซิสพูด “พลังของผู้พิทักษ์ตนนี้เหนือกว่าจินตนาการของมนุษย์ปรกติมากครับ ถึงแม้จะไม่ได้ขุด แต่ผมก็สามารถทำลายหน้ากากที่อยู่ใต้ดินได้ ผมมั่นใจด้วยครับว่า สุสานมารจะไม่มีทางเสียหายด้วย ถ้าเสียหายแม้แต่นิดเดียว คุณไม่จำเป็นต้องให้ไข่อสูรปฐพีกับผมก็ได้ครับ”

 

 

 


ตอนที่ 849

 

วิธีของฉัน


ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสุสานแต่ขนาดของจักรพรรดิยักษ์เทพนั้นขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่ขนาดที่คนที่บินอยู่ในสุสานยังสามารถมองเห็นมันได้


ตอนที่โจวเหวินเห็นมันเอง สายตาของเขาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที เขาได้กลิ่นอายของผู้พิทักษ์แล้วทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวนั้นคือผู้พิทักษ์แน่ๆ


ผู้พิทักษ์ที่อยู่ในระดับเทพนั้นโจวเหวินสามารถฆ่าได้แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าผู้พิทักษ์ทุกตัวจะเก่งเสมอไป จักรพรรดิยักษ์เทพอาจจะอยู่ระดับเดียวกันกับเทวดา6ปีกก็ได้


โจวเหวินอยากจะดูให้ชัดๆแต่เมสซิสนั้นเก็บผู้พิทักษ์กลับไปก่อน


โจวแหวินเลยคิดทบทวนซักพักในใจ “หรือว่าเจ้าหมอนั้นมันจะใช้พลังของผู้พิทักษ์ในการจัดการปัญหาในสุสานหน่ะ รนหาที่ตายรึไงวะเนี่ย”


ผู้พิทักษ์นั้นเดิมทีลงมาที่โลกเพื่อทำสงครามกับผู้พิทักษ์ตัวอื่นที่ต่างสายพันธ์อยู่แล้ว เพราะงั้นผู้พิทักษ์ทุกตัวนับว่าเป็นศัตรูกัน แล้วเมสซิสยังคิดจะใช้ผู้พิทักษ์ ในการไปถล่มที่นอนของเทพีผู้พิทักษ์ที่หลับอยู่ในสุสาน เด็กป.4คิดยังรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น


โจวเหวินเดาได้ง่ายๆเลยคือเทพีที่นอนอยู่นั้นจะโกรธจัดแล้วพุ่งออกมาจากสุสาน หลังจากนั้นผลที่ออกมานั้นมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะไม่ใช่แค่ตระกูลฉางที่ตายห่า พวกเราจะตายห่ากันหมดนี่ละ


โจวเหวินเองก็ยังไม่อยากตาย อย่าว่าแต่จะให้ครอบครับของฉางหยูฉีตายหมดเลย เขาเลยตัดสินใจไว้แล้ว ว่าถ้าเกิดตระกูลฉางคิดจะใช้พลังของผู้พิทักษ์ในการจัดการปัญหาในสุสานมารจริงๆ ยังไงเขาก็ต้องหยุดมันไว้ซะ ฉางซือหยูตอนนี้กำลังตัดสินใจเรื่องข้อเสนอของชาลีและเมสซิสอยู่ ดูเหมือนว่าแผนของทั้ง2คนนั้นดูใช้งานได้เหมือนกันหมด เลยทำให้ไม่รู้ว่าอันไหนมันจะใช้ได้จริง


ทั้งชาลีและเมสซิสจึงพยายามงัดเหตุผลทุกอย่างออกมาสู้ และหวังว่าตระกูลฉางจะเลือกแผนของตัวเอง


“ชุนชิว คิดว่าไง”ฉางซือหยูถามฉางชุนชิว


ตั้งแต่ยังเด็กฉางชุนชิวเข้ามาช่วยงานป้องกันระวังสุสานมารและฉางซือหยูเองก็ตั้งใจจะฝึกฉางชุนชิวให้กลายเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป ในตอนนั้นเอง ฉางชุนชิวไม่เพียงแต่จะโดนถามความเห็นแต่ยังเป็นการพิสูจน์ความคิดด้วย


ฉางชุนชิวคิดก่อนจะพูดกับฉางซือหยู “คุณลุงครับ ถ้าเป็นไปปได้ ผมอยากจะให้คุณลุงฟังความเห็นจากหลายๆฝ่ายก่อนจะเริ่มตัดสินใจครับ”


“น่าเสียดายนะ ที่นอกจากพวกเรา2คนแล้ว คนอื่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหน้ากากอยู่ในสุสานมารด้วย อย่าว่าแต่จะรู้วิธีทำลายมันโดยไม่ขุดสุสานเลย”เมสซิสพูด


ฉางซือหยูมองฉางชุนชิวแล้วคิดก่อนจะถาม “มีแผนอื่นอีกเหรอ”


ฉางชุนชิวพูดทันที “ผมพูดแทนโจวเหวินที่มาจากตระกูลอันในลั่วหยางครับ เขาเองก็มีแผนที่วางไว้เพื่อแก้ไขปปัญหาในสุสานมารเหมือนกัน อยากจะลองฟังก่อนไหมครับ”


“คนของหยูฉีเหรอ”ฉางซือหยูนั้นรู้อยู่แล้วว่าโจวเหวินเป็นใคร


“ใช่ครับ หยูฉีนั้นมีสัมพันธ์อันดีกับโจวเหวินมากและเคยถูกโจวเหวินช่วยชีวิตเอาไว้ครั้งนึงครับ เขาไม่เคยมีเจตนาร้ายกับตระกูลฉางของเราเลย”ฉางชุนชิวพูด


“ถ้างั้นก็เชิญเขามาเล่าแผนของเขาเลย” ฉางซือหยูคิดแล้วพูด


ฉางชุนชิวรับคำสั่งแล้วไปตามหาโจวเหวิน พอฉางชุนชิวเดินไปแล้ว ชาลีก็พูด “โจวเหวินเป็นแค่เด็กที่มีดวงเท่านั้นเองนะครับ คุณคงจะไม่เชื่อที่เขาพูดใช่ไหมครับ ให้งานที่สำคัญขนาดนี้ให้เด็กที่ไร้ประสบการณ์แบบนั้น นี้มันคือชะตากรรมของตระกูลฉางเลยนะครับ”


“ไม่เป็นไรหรอก แค่ฟังแผนไว้เฉยๆหน่ะ สุดท้ายแล้วของใครดีสุดก็ใช้ของคนนั้นแหล่ะ”ฉางซือหยูพูดเบาๆ


พอเห็นฉางซือหยูตัดสินใจไปแล้ว ชาลีกับเมสซิสก็ไม่พูดอะไรอีก


ฉางชุนชิวพูดกับโจวเหวิน เขาเชื่อในตัวโจวเหวิน เพราะยังไงมีแค่โจวเหวินคนเดียวที่ไม่ได้เห็นแค่หน้ากากแต่เห็นรวมไปถึงสัตว์ประหลาดที่อยู่ใต้หน้ากากนั้นอีกที รวมไปถึงเทพีอมรณาที่อยู่ด้านใต้สุดด้วย


ชาลีและเมสซิสนั้นเห็นแค่หน้ากากที่อยู่ชั้นบนอย่างเดียว ถ้าเกิดจะต้องลอง ฉางชุนชิวก็เข้าข้างและเชื่อในตัวโจวเหวินมากกว่า


“พวกนั้นแค่เจอหน้ากาก พวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจัดการกับหน้ากากได้ไหม ถึงแม้จะทำได้แต่ถ้าสัตว์ประหลาดข้างใต้นั้นยังอยู่ละก็ เอาหน้ากากออกไปได้ก็เท่านั้นละ”โจวเหวินหยุดแล้วพูดต่อ “อีกอย่างนะ ฉันคิดว่าเทพีที่หลับอยู่ใต้หลุมศพนั้น จริงๆแล้วคือผู้พิทักษ์ด้วย ผู้พิทักษ์แต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย แต่ถ้าเป็นศัตรูขึ้นมา ถ้าเมสซิสใช้พลังของผู้พิทักษ์โจมตีสุสานมารละก็ บางทีมันอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นก็ได้นะ”


ฉางชุนชิวคิดแล้วถาม “นายมั่นใจเหรอว่าเทพีนั้นเป็นผู้พิทักษ์หน่ะ”


“จะบอกว่ามั่นใจก็ไม่ได้ เพราะที่ฉันเห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความสามารถในการตรวจสอบเท่านั้น แต่มันดูเหมือนผู้พิทักษ์มากๆเท่านั้นเอง ทั้งกลิ่นอายทั้งรูปร่าง”โจวเหวินพูด


“ถ้ามันมีโอกาสเป็นผู้พิทักษ์จริงละก็ จะให้เมสซิสใช้วิธีนั้นไม่ได้เด็ดขาด”ฉางชุนชิวตัดสินใจแล้วแตะแขนของโจวเหวิน “ไปหาท่านจ้าวตระกูลกับฉันก่อนเถอะ แล้วพยายามเอาโอกาสนั้นมาอยู่ในมือให้ได้ ฉันจะช่วยนายเต็มที่เอง”


“โอเค”โจวเหวินตัดสินใจแล้วเดินไปหาฉางซือหยูพร้อมกัน


“โจวเหวินขอคารวะท่านเจ้าตระกูล”โจวเหวินเริ่มต้นอย่างสุภาพนอบน้อม


ในอดีตตระกูลราชาวีรบุรุษตระกูลฉางนั้นเป็นหัวหน้าของเหล่าวีรบุรุษทั้ง6 ทำให้ทุกวันนี้ จ้าวตระกูลฉางยังคงมีหน้ามีตาและสถานะที่พิเศษในรัฐบาลกลาง แม้แต่คนใน6ตระกูลด้วยกันยังต้องให้ความเคารพและยำเกรงต่อหน้าชายคนนี้


“นายเป็นเพื่อนกับหยูฉี ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ฉันเคยได้ยินหยูฉีเล่าเรื่องของนายบ่อยแล้วละ”ฉางซือหยูมองโจวเหวินแล้วพูด “ฉันได้ยินมาว่านายมีแผนที่จะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นในสุสานมารตอนนี้ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”


“วิธีของผมมันง่ายมากครับ เราต้องขุดสุสานมารแล้วฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ในนั้น เพื่อให้ปัญหาทั้งหมดมันคลี่คลายครับ”โจวเหวินพูด


ตอนที่โจจวเหวินพูดออกมา ไม่ใช่แค่คนจากตระกูลฉางหรอกที่ขมวดคิ้ว ชาลีที่ฟังอยู่ก็สวนขึ้นมาทันที “นี้ไอ้หนุ่ม ถ้าแค่ขุดสุสานแล้วฆ่าแล้วเรื่องมันจบเนี่ย ตระกูลฉางจะชวนนายมาทำไมกันละ”


ฉางซือหยูยังไม่ปฏิเสธโจวเหวิน แต่เขามองโจวเหวินแล้วพูด “งั้นช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมนายต้องขุดสุสานมาร”


โจวเหวินพูด “ผมมีสกิลในการตรวจสอบครับ ผมสามารถแยกชั้นของสุสานมารแบ่งออกได้เป็นสามชั้นครับ ชั้นแรกเป็นหน้ากาก ชั้นที่2เป็นสัตว์ประหลาดและชั้นที่3คือเทพีอมรณาที่ตระกูลฉางเฝ้าป้องกันอยู่ครับ การที่จะจัดการปัญหานี้ได้ทั้งหมดนั้นจะต้องจัดการทั้งหน้ากากในชั้นแรกและสัตว์ประหลาดในชั้นที่2 เพราะงั้นถ้าไม่ขุดลงไปในสุสานก็ไม่มีทางจัดการทั้ง2ตัวได้เลยครับ”


“นี้จะมากเกินไปแล้วนะ ตระกูลฉางหน่ะมีวิชาตาทิพย์นะ แม้แต่ตาทิพย์ของตระกูลฉางยังมองไม่เห็นข้างในนั้นแบบชัดเจนเลยแต่นายกลับมองเห็นได้ชัดขนานั้นแถมยังแบ่งออกเป็น3ชั้นเนี่ยนะ ฉันว่านายเอาเรื่องที่เราพูดไปผสมโรงตีไข่แล้วอยากจะแย่งผลงานจากพวกเรามากกว่า”ชาลีพูด


“จริงหรือเท็จ ท่านเป็นคนตัดสินเองครับ”โจวเหวินไม่ได้เถียงชาลี แต่เขาพูดต่อ “ท่านจ้าวตระกูล ให้ผมจัดการเถอะครับ เราต้องขุดสุสานนั้น มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วครับ”

 

 

 


ตอนที่ 850

 

สังหารหน้ากากวิญญาณมาร


(เมสซิสอยู่ตระกูลก๊อต)


“ท่านจ้าวตระกูล ผมคิดว่าไม่เห็นจะต้องทำให้เสียเวลาเพิ่มเลยนี้ครับ สุสานมารนั้นเดิมทีมันเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดอยู่แล้ว ตัวเลือกในครั้งนี้นั้นเหลือแค่ผมกับคุณชาลีก็พอแล้วครับ”เมสซิสพูด


หลังจากที่ฟังเมสซิสพูดแล้ว โจวเหวินก็พูดทันที“”ท่านครับ ถ้าผมเป็นท่าน ผมจะไม่เลือกใช้พลังของผู้พิทักษ์นะครับ”


“โจวเหวิน หมายความว่าไงกัน”เมสซิสและเหล่าตระกูลก๊อตมองหน้าโจวเหวิน


“ทำไมละ”ฉางซือหยูถาม แล้วมองโจวเหวินอย่างสนใจ


“เหตุผลนั้นเป็นอะไรที่ไม่สามารถบอกได้ในที่สาธารณะครับ แต่ผมได้บอกกับฉางชุนชิวไว้แล้ว แต่ยังไงผมก็ต้องขอให้เขาอธิบายให้ท่านฟังแบบส่วนตัวอีกทีครับ”โจวเหวินพูดแล้วมองหน้าเมสซิส


จริงๆแล้วเขามีวิธีการที่ดีกว่านี้ แต่เขาตั้งใจจะหักหน้าแล้วทำให้เมสซิสโกรธโดยเฉพาะ เพราะว่าเขาต้องการหาข้ออ้างในการฆ่าผู้พิทักษ์ของเมสซิสเอง


ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะตอนนี้เมสซิสและตระกูลก๊อตนั้นมองโจวเหวินด้วยสายตาเขม่นมากๆ


ฉางชุนชิวใช้รหัสลับในการส่งข้อมูลเหตุผลของโจวเหวินให้กับฉางซือหยู หลังจากที่ฟังแล้ว ฉางซือหยูก็หันกลับมาถามโจวเหวินทันที “นายมั่นใจเรื่องนี้แล้วใช่ไหม”


“ผมไม่มีหลักฐานหรอกครับ แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะขอเลือกไม่เสี่ยงจะดีกว่าครับ”โจวเหวินพูด


“ท่านครับ อย่าไปฟังเหตุผลไร้สาระของเขานะครับ ผู้พิทักษ์ของผมนั้นผมรู้ดีที่สุด ยังไงก็ไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”เมสซิสพยายามจะอธิบาย ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าโจวเหวินนั้นพูดอะไรกับตระกูลฉางแต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ


“ทำตัวตามสบายกันก่อนเถอะ เราต้องการเวลาที่จะหารือกัน เพราะงั้น รอซักครู่นะ”ฉางชุนชิวให้คนพาทั้ง3คนออกไปก่อนแล้วทิ้งไว้เพียงแค่คนของตระกูลฉางไว้ในห้อง


“โจวเหวิน เสร็จเรื่องนี้รับคำท้าของฉันเลยนะ”เมสซิสพูดแล้วมองโจวเหวินด้วยหางตา


“นายพึ่งแค่ผู้พิทักษ์อย่างเดียวจะไปเก่งอะไรซักเท่าไรกัน”โจวเหวินปากดี


“ถือว่าตกลงแล้วกันนะ รอบนี้แกหนีไม่พ้นแน่”เมสซิสพูด


“ฉันกลัวว่านายต่างหากที่จะหนีตอนถึงเวลาหน่ะ”โจวเหวินยังคงปากดีต่อ


เมสซิสไม่พูดอะไรต่อเพราะว่าที่นี้ยังคงเป็นเขตของตระกูลฉาง เขาสู้กับโจวเหวินที่นี้ไม่ได้ จะพูดไปก็เท่านั้น เขาทำได้แค่รอเวลาอย่างเดียว


ตระกูลฉางนั้นเริ่มการประชุมกันอย่างเดือด ฉางชุนชิวนั้นสนับสนุนโจวเหวินเต็มที่แต่เพราะว่าตอนนี้อำนาจอยู่ในมือของจ้าวตระกูลฉาง แถมเหล่าผู้อาวุโสเองก็ไม่เห็นด้วยกับการขุดสุสานอยู่แล้ว


โดยเฉพาะอย่างยิ่งลุงของฉางชุนชิว(คนละคนกับจ้าวตระกูล) ซึ่งเป็นผู้อาวุโสในตระกูล ที่ค้านหัวชนฝา


“ถ้าเขาอยากจะให้เราขุดสุสานละก็ ตระกูลฉางของเราคงทำไปนานแล้ว ทำไมต้องมายืมมือคนนอกด้วยละ” ตระกูลฉางส่วนมากคิดแบบนั้น


เหตุผลที่พวกเขาต้องยอมมอบอสูรปฐพีแล้วยืมมือคนนอกมาช่วยนั้นความจริงๆแล้วเป็นเพราะว่าเขาอยากจะจัดการเรื่องนี้โดยที่ไม่ต้องขุดมากกว่า


“โจวเหวินสามารถมองเห็นทะลุชั้นของสุสานได้เลยนะครับ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าสามารถขุดที่ไหนได้บ้าง ตรงไหนขุดไม่ได้ อันตรายในสุสานมารนั้น คุณลุงน่าจะเห็นชัดกว่าผมนะครับ เราไม่ควรจะเสี่ยงแบบนั้นเลย”


“วิธีการที่จะไม่เสี่ยงมันก็มีไง อย่างของชาลีกับเมสซิสยังไม่เห็นต้องขุดเลย ไม่มีความเสี่ยงซักนิด แล้วถึงโจวเหวินจะบอกว่ามีผู้พิทักษ์อยู่ข้างล่างนั้นเราก็แค่เลือกวิธีของชาลีท่านั้นเองก็จบ อีกอย่างการที่เขาพูดว่ามีผู้พิทักษ์หลับอยู่ใต้สุสานนั้นก็ไม่มีมูลหรือมีหลักฐานอะไรเลยด้วย ตอนที่เขามาที่นึ้ครั้งแรกเขาก็ยังไม่เห็นจะเจออะไรเลยแม้แต่นิดเดียวแต่พอมาวันนี้เขากลับเข้าใจทุกอย่าง แบบนี้มันน่าเชื่องั้นเหรอ” ลุงฉางพูด


“ลุง….”ฉางชุนชิวอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่โดนขัด


“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว สุสานมารเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ห้ามรื้อทุบขุดทำลายเด็ดขาด บรรพบุรุษของเราเองก็เคยบอกเอาไว้นี้ ว่าถ้าขุดสุสานนั้นขึ้นมาเมื่อไร ตระกูลฉางของเราก็ถึงคราวอวสารเมื่อนั้น ฉันไม่เห็นด้วยกับการขุดสุสาน”


ฉางชุนชิวพูดไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงแต่ก็ยังเปลี่ยนความคิดของผู้อาวุโสในตระกูลไม่ได้เลย


หลังจากคุยผ่านไปซักพัก ตระกูลฉางก็ตกลงกันได้แล้วฉางซือหยูก็เดินออกมาแล้วพูดกับทั้ง3คน “หลังจากเราประชุมกันแล้ว เราตัดสินใจให้คุณชาลีเป็นคนที่จะช่วยเราคนแรก ถ้ามีปัญหาหรือคุณชาลีทำไม่ได้ พวกคุณจะได้รับการพิจารณาทีหลัง


“ท่านจ้าวตระกูลเลือกถูกแล้ว”ชาลียิ้มแต่สายตาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง


เมสซิสมองเขม่นโจวเหวินอยู่เป็นพักๆ เขาคิดว่าโจวเหวินต้องการจะตัดสิทธิ์ของเขา ไม่งั้นเขาคงได้สิทธิ์นั้นไปแล้ว


“ขอโทษนะ ฉันทำเต็มที่แล้ว”ฉางชุนชิวเดินไปหาโจวเหวินแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด


“ไม่เป็นไรหรอก ตระกูลเคปอาจทำไม่สำเร็จก็ได้ บางทีเราอาจจะยังมีโอกาศอยู่”โจวเหวินรู้สึกได้ว่าชาลีมองไม่เห็นสัตว์ประหลาดที่อยู่ลึกลงไปด้วยซ้ำ โอกาสที่จะแก้ไขสถานการณ์ภายในสุสานได้นั้นมันแทบจะเป็น0เลย


อีกอย่างคือ บางทีเขาอาจจะเอาชีวิตไปทิ้งก็ได้ เพราะว่าหน้ากากวิญญาณมารกับมารแล้งนั้นมันมีพลังที่แปลกประหลาดมากๆ โจวเหวินเองยังเคยโดนฆ่าแบบจู่ๆก็ตายเลย ชาลีเองก็คงสภาพไม่ต่างกันเท่าไร


ตอนที่ทั้งคู่กำลังคุยกันนั้นเอง ลุงฉางเดินผ่านพวกเขาแล้วมองโจวเหวินก่อนจะพูดกับฉางชุนชิว “อย่ามาพูดเรื่องขุดสุสานให้ฉันได้ยินอีกนะ ตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้มาทำลายตระกูลฉางเด็ดขาด”


“ลุง…”ฉางชุนชิวอยากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ลุงฉางเดินจากไปแล้ว


“อย่าไปสนใจเลย ยุคนี้มันเป็นยุคของพวกลุงๆเขาน่ะ ลุงของฉันก็แค่กลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตระกูลหน่ะ ไม่ได้จงใจจะเกลียดนายหรอกนะ”ฉางชุนชิวพูดกับโจวเหวิน


“ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันว่าลุงของนายเหมือนจะกำลังเข้าใจฉันผิดอยู่นะ ฉันกลัวว่าถ้าชาลีพลาดขึ้นมา พวกเขาจะให้โอกาสนั้นกับเมสซิสมมากกว่าฉันนี้ซิ”โจวเหวินพูด


“ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน”ฉางชุนชิวพูด


แต่โจวเหวินก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนแก่ถึงได้ดูถูกดูแคลนคนรุ่นใหม่กันนัก


ฉางชุนชิวคิดซักพัก ก่อนจะพูด “ก่อนหน้านี้นายก็เคยเจอลุงของฉันนี้ ตอนที่มาที่นี้ครั้งแรก ฉันคิดว่านี้อาจจะเป็นเพราะนายกลับไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยว่าเจออะไรก็ได้มั้ง”


โจวเหวินนึกขึ้นมาได้เลย แล้วรู้เลยว่าลุงคนนั้นต้องกำลังคิดว่าเขามาดูเล่นๆไม่ได้มีความสามารถจริงๆ


ชาลีเดินเริ่มลงมือแล้ว โจวเหวินกับฉางชุนชิวจึงเข้าไปที่หน้าแท่นเพื่อดู โจวเหวินเองก็อยากจะเห็นเวทย์ที่ชาลีใช้เหมือนกัน


ปีกเทวดาปรากฏขึ้นมาที่หลังของชาลีก่อนที่เขาจะบินขึ้นไปเหนือสุสาน ก่อนจะหยุดตรงหน้าเส้นพอดี เขาอัญเชิญสัตว์อสูรออกมา2ตัว ตัวนึงเป็นกางเขนอีกตัวเป็นสมุด


ทันทีที่เขาเปิดสมุด อักษรอาคมในสมุดนั้นก็เริ่มส่องแสงก่อนจะพุ่งเข้าใส่สุสาน แล้วดึงตัวของหน้ากากวิญญาณมารออกมา ถึงจะมาแค่วิญญาณแต่โจวเหวินก็เห็นได้ชัดว่ามันคือหน้ากากอันเดียวกันแน่ๆ


“เก่งเหมือนกันนะเนี่ย”โจวเหวินคิด


ชาลีไม่ลังเล ทันทีที่วิญญาณของหน้ากากปรากฏขึ้นมากางเขนนั้นก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้ากลายเป็นดาบแสงแทงทะลุหน้ากากทันที วิญญาณของหน้ากากวิญญาณมารแตกสลายออกเป็นฝุ่นควันเล็กๆน้อยๆ ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงแกร๊กที่ใต้สุสานมาร เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างแตก

 

 

 


ตอนที่ 851

 

คนเดียวก็พอ


โจวเหวินพอเห็นชาลีแบบนั้นแล้วก็รู้สึกได้ถึงลางไม่ค่อยดี


พลังของหนังสือกับกางเขนนั้นรุนแรงมากก็จริง แต่เขาไม่ได้รู้จักหน้ากากนั้นเลยแม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าการทำลายหน้ากากนั้นมันเปล่าประโยชน์ มันรังแต่จะทำให้เขาซวยมากยิ่งขึ้น


ซึ่งก็แน่นอนทันทีที่หน้ากากแตกเป็นเสี่ยงๆๆแล้ว ฝุ่นควันพวกนั้นจู่ๆก็พุ่งเข้าใส่ชาลี ชาลีพอเห็นฝุ่นพวกนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนสีทันที ทั้งสมุดและกางเขนของเขาส่องแสงอีกครั้งพยายามจะยับยั้งฝุ่น แต่ฝุ่นพวกนั้นเป็นเหมือนควัน ไม่ว่าจะฟันจะยิงยังไงก็ไม่ได้ สุดท้ายฝุ่นพวกนั้นก็พุ่งเข้าหน้าของชาลีอยู่ดี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ แม้แต่คนของตระกูลเคปเองยังตามไม่ทัน รู้ตัวอีกที ฝุ่นควันพวกนั้นก็ก่อตัวกันจนเป็นหน้ากากบนหน้าของชาลีแล้ว


ตอนนั้นเองที่คนของตระกูลเคปพุ่งเข้าไปช่วยชาลี แต่จู่ๆกางเขนในมือของชาลีก็ส่องแสงแล้วแทงทั้ง2คนที่เข้าไปช่วย


ทั้ง2คนนั้นไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจตั้งรับใดๆทั้งสิ้น พอโดนแทงแล้วพวกเขาก็สิ้นกำลัง ร่วงตกลงไปที่พื้นที่เต็มไปปด้วยหินเวทมนตร์จนร่างของพวกเขากลายเป็นหินเวทย์มนตร์ไปในที่สุด ในตอนนั้นทุกๆคนสั่นกลัวกันขึ้นมาทันที


ชาลีตอนนี้โดนหน้ากากวิญญาณมารเข้าสิงแล้ว มันไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มันตวัดกางเขนและหนังสือพุ่งเข้าใส่เหล่ามนุษย์ที่อยู่บนแท่นหิน


ฉางชุชิวเองก็ตอบสนองทันที เขาใช้ดาบพุ่งฟันสวนหน้าของชาลีทำให้หน้ากากแตกเป็น2ซีกอย่างแม่นยำโดยที่หน้าของชาลีไม่เป็นไรแม้แต่น้อย แต่มันก็ไร้ผล เพราะสุดท้าย หน้ากากก็จะงอกกลับขึ้นมาบนหน้าของชาลีอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้นทุกอย่างก็โกลาหลไปหมด


จนสุดท้ายฉางซือหยูต้องใช้ยันอาคมแปะเข้าไปที่กลางหน้ากากเพื่อสะกดวิญญาณเอาไว้ ทำให้ชาลียืนิ่งอยู่กับที่แต่หน้ากากก็ยังไม่หลุดออกจากหน้าของเขา


คนจากตระกูลเคปคิดหาหลายวิธีการแต่สุดท้ายก็กระชากหน้ากากนั้นไม่ออก พวกเขาเลยขอความช่วยเหลือจากฉางซือหยู


ฉางซือหยูพูด “ยันอาคมเร้นลับของฉันสามารถสะกดวิญญาณไว้ได้เท่านั้น มันไม่มีทางกำจัดมันทั้งหมดได้ แถมหน้ากากนี้มันประหลาดมากๆด้วย การทำลายตัวหน้ากากนั้นไม่ได้ผล ฉันเองก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้เหมือนกันคงต้องลองคิดหาทางอื่น..”


ผลที่ออกมานั้นเป็นไปตามที่โจวเหวินคาดการณ์ไว้เป๊ะ ตัวจริงของหน้ากากนั้นไม่ได้อยู่ที่หน้ากาก ถ้าโจมตีที่หน้ากากไม่ว่าจะโจมตีแรงแค่ไหน ก็ไม่มีทางฆ่ามันได้ ทางเดียวที่จะฆ่ามันได้คือการขุดสุสานแล้วทำลายต้นทางของมันที่อยู่ใต้ดิน


คนจากตระกูลฉางตอนนี้หันเหความสนใจมาหาเมสซิส พวกเขาหวังว่าจะให้เมสซิสช่วยจัดการกับหน้ากากนั้นให้ที แต่เมสซิสกลับส่ายหัวแล้วพูด “ถ้าให้ฉันจัดการมันตั้งแต่แรกบางทีฉันอาจจะยังมีโอกาส แต่ตอนนี้หน้ากากมันอยู่ที่หน้าของชาลีแล้ว ผู้พิทักษ์ของฉันมันมีพลังรุนแรงเกินไป ถึงจะทำลายหน้ากากได้ แต่ชาลีก็คงไม่รอดไปด้วยแน่ๆๆ”


ทั้งตระกูลฉางและตระกูลเคปตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่มีใครสามารถแก้ไขปัญหาหน้ากากบนหน้าของชาลีนี้ได้โดยที่ไม่ทำร้ายชาลีไปด้วยแต่ถ้าไม่ทำลายหน้ากากนี้ทิ้ง ปัญหาในสุสานมารก็จะไม่จบ


ฉางชุนชิวมองดูเหตุการณ์ทุกอย่างแล้วมองโจวเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆเขา แต่หน้าตาของโจวเหวินตอนนี้นั้น สงบนิ่งและดูเหมือนกับว่าคิดไว้อยู่แล้ว เขาเลยตัดสินใจถามโจวเหวินด้วยเสียงที่ดังพอที่จะเรียกความสนใจของคนอื่นได้ “โจวเหวิน นายสามารถจัดการหน้ากากนั้นโดยที่ไม่ทำร้ายชาลีได้ไหม”


ตอนนั้นเองที่ความเงียบเข้าครอบงำ ตอนที่พวกเขาได้ยินคำถามของฉางชุนชิว ทุกคนต่างก็หันมาสนใจทันที


โจวเหวินตอบ “ได้ แต่ฉันก็ต้องบอกอีกเหมือนกัน ว่าฉันไม่ได้มีสกิลเหมือนของชาลีดังนั้น ถ้าอยากจะให้ฉันแก้ปัญหานี้ ฉันต้องขุดสุสานมารให้ได้”


“เวลาแบบนี้แล้ว นายยังคิดจะมาพูดจาไร้สาระอีกเหรอ หน้ากากนั้นถูกดึงออกมาแล้ว นายจะขุดลงไปที่ใต้สุสานอีกทำไมกันละ”ลุงฉางพูด


ในฐานะคนที่เป็นอนุรักษ์นิยมที่สุดในตระกูลฉาง เขาเป็นคนที่ไม่ยินยอมให้ขุดสุสานแบบสุดตัว


โจวเหวินเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องแบบนี้มันเกิดจากข้อมูลที่มีไม่เท่ากัน สำหรับลุงฉางและตระกูลฉางแล้ว สุสานมารนั้นเป็นสถานที่ลึกลับและมีพลังที่ไม่อาจคาดเดาได้ พวกเขาจึงกลัวสุสานมารและกลัวที่จะขุดสุสานมาร กลัวว่าทำไปแล้ว ตระกูลฉางจะถึงกาลอวสาน พวกเขาเลยแย้งสุดตัว


“ลุงครับ โจวเหวินเขาไม่ใช่คนร้ายนะครับ เขาต้องมีเหตุผลแน่ๆถึงได้พูดออกมาแบบนี้”ฉางชุนชิวกับตู่กู๋ซงนั้นเคยเห็นพลังของโจวเหวินกับตาตัวเองมาแล้วด้านนอกของพระราชวังต้องห้าม ทำให้รู้ว่าโจวเหวินนั้นมีพลังที่มหาศาล ยิ่งกว่านั้น ทุกคนรู้ดีอีกว่าโจวเหวินกับจ้าวตระกูลเสี่ยนั้นติดอยู่ในพระราชวังต้องห้ามด้วยกัน และไม่มีใครกลับออกมาได้ แต่โจวเหวินจู่ๆก็กลับมาอยู่ที่ลั่วหยางแบบปลอดภัยโดยที่จ้าวตระกูลเสี่ยหายตัวไป ความสามารถระดับนี้ แม้แต่ฉางชุนชิวยังทำไม่ได้เลย


“สิ่งที่นายพูดหน่ะเป็นแค่ข้อสันนิฐานไม่ใช่ความเป็นจริงไม่ใช่เหรอ”ลุงฉางพูด


“ท่านจ้าวตระกูล ผลของสุสานมารที่มีต่อตระกูลฉางของเรานั้นมันเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นทุกที ถ้าเราไม่สามารถจัดการมันให้เด็ดขาดตอนนี้ ผมกลัวว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีตระกูลฉางของเราจะเหลือเพียงแค่ชื่อนะครับ ถ้าไปถึงจุดนั้น แทนที่จะรอความตาย ผมยอมให้โจวเหวินลองดูจะดีกว่าครับ ผมเชื่อว่าเขาสามารถแก้ปัญหาได้โดยที่ไม่ทำร้ายชาลี ผมจึงขอ ขอความกรุณาจากท่านจ้าวตระกูล โปรดให้โอกาสเขา แล้วก็ให้โอกาสผมคนรุ่นผมและต่อจากผมให้มีอนาคตด้วยเถอะครับ”ฉางชุนชิวก้มลงแทบพื้นต่อหน้าจ้าวตระกูลฉางซือหยูแล้วพูด


“ชุนชิว ทำอะไรของนายวะ ขายขี้หน้าหมด เราไม่จำเป็นต้องขุดสุสานเพื่อทำลายหน้ากากนี้ เรื่องที่เราต้องแคร์มีแค่ชีวิตของชาลีก็พอแล้วส่วนเรื่องอื่น…”คนในตระกูลฉางหงุดหงิดกับการกระทำของฉางชุนชิว


“ถึงตอนนี้ไม่ต้องสนใจอะไรแล้วละ ถ้าท่านจ้าวตระกูลยอมให้ผมใช้ผู้พิทักษ์ ผมสัญญาเลยว่าจะทำลายหน้ากากให้สิ้นซาก แต่ผมไม่รับประกันชีวิตของชาลีหรอกนะ”เมสซิสพูด


“เมสซิส แกกล้าดียังไง….”คนตระกูลเคปมองหน้าเมสซิสเขม่น


“หยุดเถียงกันซักที”หลังจากที่ฉางซือหยูพูดแล้วทุกคนก็เงียบลง ในที่นี้คำพูดของฉางซือหยูถือเป็นจุดสิ้นสุด


“โจวเหวิน นายมั่นใจแค่ไหน”ฉางซือหยูมองฉางชุนชิวที่ก้มอยู่ที่พื้นแล้วถามโจวเหวิน


“ตอนแรกก็70%แต่พอเห็นพลังของหน้ากากแล้ว ตอนนี้มั่นใจ90%เลยครับ”โจวเหวินพูด


“แล้วต้องการอะไรไหม”ฉางซือหยูถามอีก


“ไม่ต้องการครับ ผมคนเดียวพอ”โจวเหวินตอบ


“ถ้างั้นก็ได้ เอาเลย ถ้าทำสำเร็จ ไข่อสูรปฐพีจะเป็นของนาย”ฉางซือหยูพยักหน้า


“ท่านครับ แต่สุสานมาร…”ลุงฉางพูด


“ฉันตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้อีก


ลุงฉางไม่พอใจ “ท่านลืมกำพืดลืมสิ่งที่บรรพบุรุษเฝ้าสั่งสอนไปหมดแล้วเหรอครับ ว่าการขุดสุสานนั้นมันคือหายนะของตระกูลฉาง!!”


“โจวเหวินเอาเลย!”ฉางชุนชิวไม่สนใจคำพูดของลุงตัวเอง เขาลุกขึ้นแล้วดันหลังโจวเหวิน


โจวเหวินไม่ลังเลอีกแล้ว เขาอัญเชิญเบม่อนออกมา ขนาดตัวเบม่อนขนาดยักษ์ตกลงมากระแทกกับพื้นของสุสานมารทันที


“จอมทรราชเบม่อน มันคือสัตว์อสูรของโจวเหวินหรอกเหรอเนี่ย” นอกจากตระกูลฉางที่รู้อยู่แล้ว คนอื่นๆต่างตกใจมากๆ เพราะว่าครั้งล่าสุดในการจัดอันดับนั้น ถึงแม้ว่าเบม่อนจะอยู่แค่ที่ 4 แต่ถึงอย่างนั้นเบม่อนก็เป็นที่4แบบไม่เคยแพ้ใครเลย

 

 

 


ตอนที่ 852

 

กำจัด


ทันทีที่ได้รับคำสั่งของโจวเหวิน เบม่อนก็เปิดใช้สุดยอดพลังก่อนจะหมุนเขาเป็นสว่านแล้วขุดเจาะสุสานมารลงไปทันที


“ตระกูลฉาง….จบสิ้นแล้ว”ลุงฉางสีหน้าสิ้นหวัง ทั้งกลัว ทั้งโกรธจนหน้าซีด


ตระกูลฉางคนอื่นๆก็กังวลกัน เพราะยังไงมันก็คือมรดกตกทอดที่สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่นตั้งแต่รุ่นทวด ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของตระกูล จนแม้แต่ฉางชุนชิวเองยังเหงื่อออกมือ


แต่สุสานมารโดนขุดไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย


“เดิมทีเบม่อนเป็นสัตว์อสูรของฝั่งตะวันตก แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ในมือของโจวเหวินแบบนี้” ชายแก่จากแดนเหนือนั้นมองเบม่อนด้วยสายตาอิจฉา มันเป็นสัตว์อสูรสงครามชั้นยอด ใครๆก็ต่างหมายปองมัน แต่สัตว์อสูรแบบนี้ทั้งรัฐบาลเองก็มีน้อยคนมากที่มี


เมสซิสเองก็มองโจวเหวินด้วยสายตาเย็นชา ถึงแม้ว่าเบม่อนจะเก่งกาจแต่ยังไงก็ไม่มีทางเก่งเท่าผู้พิทักษ์อยู่แล้ว ยิ่งจักรพรรดิยักษ์เทพเป็นสายพลังเหมือนกันด้วย ยังไงก็แข่งแกร่งกว่าสัตว์อสูรในสายเดียวกันแน่ๆ


ถ้าโจวเหวินอยากจะใช้แค่เบม่อนอย่างเดียว เมสซิสยังไงก็ชนะแน่นอน


แต่ในตอนที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆเบม่อนก็หยุดขุดแล้วก้าวถอยออกมา ตระกูลฉางสงสัยว่าทำไมเบม่อนถึงไม่ขุดต่อ ทันทใดนั้นเขาก็เห็นโจวเหวินสบัดมือพร้อมกับอะไรบางอย่างวาบขึ้นมา


เสียงแกร๊กดังขึ้นมาจากสุสานมาร แต่ยังไม่ทันจะเห็นอะไรเกิดขึ้นเลย จู่ๆก็มีเลือดสีดำพุ่งขึ้นมาจากตรงจุดที่ขุดเหมือนน้ำพุสาดกระจายไปทั่ว


แกร๊ก


ตอนที่เลือดสีดำพุ่งออกมานั้นเอง หน้ากากบนใบหน้าของชาลีก็มีรอยแตกเช่นกัน รอยแตกนั้นยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ และมีเลือดสีดำพุ่งออกมาเหมือนกันก่อนที่หน้ากากนั้นจะแตกสลายกลายเป็นผง


ไม่ใช่แค่หน้ากากบนหน้าชาลี แต่รวมไปถึงใบหน้าบนหินเวทมนตร์ทั้งหลายตอนนี้เสื่อมสลายไปหมดแล้ว เพียงแค่ว่าคนที่กลายเป็นหินไปแล้วไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้เท่านั้นเอง พวกเขาตายไปนานแล้ว ถึงจะไม่มีหินเวทมนตร์ ก็ไม่มีทางทำให้เขากลับมามีชีวิตได้อยู่ดี


ตระกูลฉางดีใจหนักมากทันทีที่เห็น ฉางชุนชิวเองก็โล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาลงเดิมพันไว้สูง และโชคดีที่เขาชนะกลับมา


“โชคดีนะที่ไม่มีอะไรมากกว่านี้หน่””โจวเหวินไม่ขุดต่อ เพราะว่าถ้าเขาขุดลงไปมากกว่านี้เขาจะต้องหายตัวแล้วใช้สดับวานร ซึ่งเขาไม่อยากที่จะเปิดตัวขนาดนั้น


การจัดการหน้ากากวิญญาณมารนั้น โจวเหวินไม่ต้องล่องหนก็ได้ แค่ขุดลงไปก็พอแต่การจะจัดการกับมารแล้งนั้นโจวเหวินต้องใช้ทั้งสดับวานรและผ้าคลุมล่องหนด้วย


“สหายของเราช่วยให้เราพ้นจากอันตราย ฉันไม่รู้จะขอบคุณนายยังไงดี ไปกันเถอะ เราไปเอาไข่สัตว์อสูรปฐพีกัน”ฉางซือหยูพูดกับฉางชุนชิวต่อ “ส่วนนาย วันนี้ทำได้ดีมาก กลับไปพักเถอะ”


“ครับ”ฉางชุนชิวรับบัญชา


ฉางซือหยวนพาโจวเหวินกลับไปที่ตำหนักเทียนฉี ตอนที่ไปถึงตำหนัก เขารอให้โจวเหวินนั่งที่ก่อนจะพูด “นายยังมีอะไรอยากจะบอกฉันอยู่ใช่ไหม”


โจวเหวินผงะเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าฉางซือหยูจะรู้ว่าเขามีเรื่องอยากจะบอกด้วย เขาเลยไม่ลังเลที่จะพูดออกมา “ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าต้นเหตุของปัญหานี้อยู่ที่สิ่งมีชีวิตต่างมิติ2ตัว ผมพึ่งจัดการไปได้ตัวนึง อีกตัวยังอยู่ ถ้าผมยังไม่ได้กำจัดมัน ปัญหานี้ก็ยังแก้ไม่หมดครับ”


“นายไม่ได้ลงมือนี้ กังวลอะไรอยู่หรือ”ฉางซือหยูพูด


“เดิมทีสิ่งมีชีวิตต่างมิตินั้นมันไม่ได้ยากที่จะรับมือครับ แต่ผมต้องใช้สัตว์อสูรพิเศษ แล้วผมไม่อยากให้สัตว์อสูรพิเศษนั้นเปิดเผยต่อสายตาใครทั้งนั้น ผมเลยอยากจะให้ท่านจ้าวตระกูลอนุญาตให้ผมไปที่สุสานมารคนเดียวด้วย แล้วคอยดูต้นทางอย่าให้มีคนอื่นมาหน่ะครับ”โจวเหวินพูด


“เรื่องนั้นไม่ยากเลย ไม่ต้องบอกฉันก็ได้ ให้ฉางชุนชิวจัดการให้ก็ได้ ฉันมั่นใจได้เลยว่าเรื่องนี้จะไม่มีใครรู้เห็นอีก นอกจากนายและชุนชิว แล้วฉันจะไม่ถามอะไรต่ออีกด้วย”ฉางซือหยูพูดต่อ “แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉัน ไม่ซิ ตระกูลฉางอยากจะให้นายเก็บเป็นความลับ”


“ท่านจ้าวสำนักบอกมาได้เลยครับ”โจวเหวินพูด


“นายเห็นทะลุผ่านม่านพลังนั้นได้ใช่ไหม คงรู้แล้วใช่ไหมว่าเทพีที่อยู่ข้างใต้นั้นจริงๆแล้วคือผู้พิทักษ์ ฉันอยากจะให้นายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่าให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาดหน่ะ”ฉางซือหยูพูด


โจวเหวินผงะ เขาไม่คิดว่าฉางซือหยูจะบอกเขาแบบนี้แต่เขาก็สัญญา “ได้ครับ ผมรับรองเลยว่าเรื่องนี้จะไม่หลุดจากปากผมไปแน่นอน”


ฉางซือหยูพยักหน้า “แบบนั้นก็ดี ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปมันจะเป็นปัญหาใหญ่เอาได้”


หลังจากนั้นฉางซือหยูก็เรียกตัวฉางชุนชิว แล้วให้ฉางชุนชิวพาโจวเหวินไปที่สุสานมารอีกครั้ง


หลังจากที่ทั้งคู่ออกไปแล้ว ลุงฉางก็เข้ามา “ท่านครับ ทำไมถึงทำแบบนี้ละครับ ทำไมท่านถึงตัดสินใจให้พวกเขาขุดสุสานได้ ถ้าจะทำแบบนั้นจริงทำไมต้องให้คนนอกทำครับ ตระกูลฉางของเราก็มีคนมากมาย…”


ฉางซือหยูรินน้ำชาก่อนจะพูดช้าๆ “รู้ไหมว่าทำไมตระกูลฉางของเราถึงอยู่รอดมาได้นานหลายปี มันไม่ใช่เพราะสัตว์อสูรของเราแกร่งกว่าคนอื่น หรือไม่ใช่เพราะอำนาจของเรามากกว่าคนอื่นหรอกนะ แต่เรามองการไกลกว่าคนอื่นตั่งหาก เราคิดมากกว่าคนอื่น เรารู้มากกว่าคนอื่น ทุกวันนี้ทรัพยากรมันสำคัญก็จริง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือความรู้และข้อมูล อย่างโจวเหวินนั้นเขามีข้อมูล เขาสามารถมองเห็นภายในสุสานมารได้ แต่ถ้าเกิดเราไปทำแทนมันจะเกิดอะไรขึ้นละ ถึงจะสำเร็จเหมือนกันแต่ก็อาจจะต้องเสียหายไปมากมาย มันไม่คุ้มเอาซะเลย”ฉางซือหยูหยุดแล้วพูดต่อ “ยิ่งกว่านั้นการที่คนลงมือไม่ใช่คนของ6ตระกูล มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”


ลุงฉางเงียบก่อนจะพูด “ก็ถูกครับ แต่โจวเหวินคนนั้น เขาแข็งแกร่งเกินไปจริงๆนะครับ ขนาดจ้าวตระกูลเสี่ยยังสู้ไม่ได้เลย ตอนนี้เขาได้อสูรปฐพีไปด้วย มันจะไม่เป็น….”


“ตอนนี้ผู้พิทักษ์เริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว อนาคตมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก แต่นายยังจำส่วนสุดท้ายที่ฉางเทียนฉีมอบไว้ให้กับเราได้ไหมละ”ฉางซือหยูพูด


“ท่านหมายถึง เรา มีโอกาส…”ลุงฉางไม่กล้าพูดต่อ


“ค่อยๆเป็นค่อยๆไป รุ่นของเรากำลังจะหมดลงแล้ว โอกาสที่มีเหลือน้อยเต็มที แต่รุ่นถัดไปนั้นยังคงมีความหวังนะ”ฉางซือหยูพูด



โจวเหวินกับฉางชุนชิวเดินมาที่สุสานมารอีกครั้ง ฉางชุนชิวใช้คำสั่งอพยพคนออกจากสุสานมารทั้งหมด


“ทำอะไรได้ทำไปเลยนะ เดี๋ยวฉันกลับมาอีกที”ฉางชุนชิวพูดแล้วจากไป


“ตระกูลฉางงปล่อยให้ฉันอยู่นี้คนเดียวจริงๆเหรอเนี่ย” โจวเหวินคิด ไม่ใช่ทุกคนที่จะตัดสินใจแบบนี้ได้ เพราะสุสานมารนั้นคือความเป็นความตายของตระกูล แต่ตระกูลฉางกลับปล่อยให้มันอยู่ภายใต้เงื้อมือของคนนอกเพียงลำพัง

 

 

 


ตอนที่ 853

 

ฟักอสูรปฐพี


 


โจวเหวินทำตามวิธีการเดิมๆและสามารถฆ่ามารแล้งลงได้อย่างง่ายดาย ตอนที่เขาขุดสุสาน โจวเหวินระมัดระวังตัวเองมากเป็นพิเศษสุดๆ เพราะเขากลัวว่าตัวเองจะไปกระทบกระเทือนเข้ากับเทพธิดาที่อยู่เบื้องล่าง


โชคยังดีที่มันไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหลังจากที่ฆ่ามารแล้งสำเร็จแล้ว โจวเหวินก็เอาหินเวทมนตร์พวกนั้นมากลบสุสานตามเดิม ก่อนจะตามฉางชุนชิวไป


ฉางชุนชิวตอนนี้เตรียมไข่สัตว์อสูรไว้เรียบร้อยแล้ว และตอนที่เขาเจอโจวเหวินเขาก็มอบไข่ให้โจวเหวินไป


“กลัวว่าฉันจะทำงานไม่เสร็จรึไง”โจวเหวินยิ้ม


“กลัวที่ไหนกันละ ฉันกังวลเรื่องเทพีที่อยู่ข้างล่างนั้นตั่งหาก นายจะกลับลั่วหยางแล้วใช่ไหม”ฉางชุนชิวพูด


“ใช่ ฉันเสร็จงานที่นี้แล้ว”โจวเหวินพูด


ฉางชุนชิวคิดซักพักก่อนจะพูด “นายต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ โดยเฉพาะกับเมสซิส เขาไม่จบง่ายๆแน่”


โจวเหวินพยักหน้า “เข้าใจละ”


“ฉันไม่มีอะไรจะตอบแทนหรอกที่นายช่วยน่ะ แต่ถ้านายต้องการความช่วยเหลือเมื่อไร ตระกูลฉางเปิดต้อนรับนายเสมอนะ หรือถ้าจำเป็นนายจะมากกบดานที่ตำหนักเทียนฉีซักปีหรือ2ปีก็ยังได้เลย”ฉางชุนชิวพูดพร้อมรอยยิ้ม


“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีเรื่องที่ต้องทำอยู่ หลังจากจบเรื่องนี้แล้วฉันก็คิดว่าจะกลับเลยน่ะ จะว่าไปแล้วฉันขอไปบอกลาหยูฉีหน่อยได้ไหม”โจวเหวินพูด


“เธอรอนายอยู่ที่ตำหนักเทียนฉีแล้วละ”



“สุดท้าย อสูรปฐพีก็ตกไปอยู่ในมือของโจวเหวิน แล้วตระกูลเคปก็ไม่ได้อะไรกลับไปเลย”ที่ลานกว้างนั้นเอง เมสซิสพูดกับชาลีด้วยรอยยิ้ม


“ตระกูลก๊อตก็ด้วยไม่ใช่รึไงกัน””ชาลีหน้าซีด ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถรอดจากความตายมาได้ แต่บาดแผลในใจของเขาจากการโดนควบคุมก็ยังคงอยู่


เมสซิสยิ้ม “ไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปซักหน่อย ถ้าเป็นนายได้ไข่สัตว์อสูรไป นายก็คงจะฟักไข่สัตว์อสูรทันทีที่ได้มันมาถูกไหมละ แต่เจ้าโจวเหวินคงไม่สามารถฟักได้เร็วขนาดนั้นหรอก เรายังมีโอกาสชิงมันกลับมาได้อยู่”


“นายอยากจะปล้นไข่อสูรปฐพีงั้นเหรอ”ชาลีถาม


“โจวเหวินติดหนี้รับคำท้าสู้ฉันอยู่ ถ้าฉันชนะ ฉันก็จะได้ไข่สัตว์อสูรมาครองแบบฟรีๆ เขาเรียกปล้นที่ไหนละ”เมสซิสพูด


“เหอะ แล้วจะมาบอกฉันเรื่องนี้ทำไมละ”ชาลีพูด


“ก็ฉันกลัวว่าโจวเหวินมันจะไม่กล้าสู้หรือปอดแหกหนีไปซะก่อนหนะซิ ฉันเลยอยากจะขอให้นายช่วยซักหน่อย ถ้าโจวเหวินมันอยากจะหนีหรือไม่กล้าสู้ นายช่วยฉันขัดขวางมันหน่อย ด้วยเขตอาคมหรืออะไรซักอย่างของนายนั้นละ ถึงเขาจะติดปีกบินแต่ก็คงหนียากแน่ๆ”เมสซิสพูด


“แล้วทำไมฉันต้องช่วยนายละ”ชาลีพูด


“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่เลย นายไม่ได้ช่วยฉัน นายช่วยตัวนายเองมากกว่า เพราะถึงแม้ว่านายจะรู้ตำแหน่งของมัน แต่นายมั่นใจได้เหรอว่านายจะชนะเบม่อนได้ แต่ที่แน่ๆ ฉันชนะเบม่อนได้ แล้วถ้าฉันร่วมมือกับนายละก็ ไข่นั้นต้องตกมาเป็นของเราแน่นอน ถึงตอนนั้น ฉันกับนายจะได้ไปที่สุสานแห่งปฐมกษัตริย์พร้อมกัน ส่วนผลประโยชน์ที่ได้เราจะหารครึ่งกัน เป็นไง”เมสซิสพูด


“จะพูดหน่ะมันง่าย แต่อสูรปฐพีมีแค่ตัวเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีอสูรปฐพี นายก็ไม่มีทางเข้าไปที่สุสานนั้นได้ แล้วเราจะร่วมมือกันยังไงละ”ชาลีพูด เขาไม่เชื่อในตัวเมสซิสสุดๆ


“เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ หลังจากที่ได้ไข่สัตว์อสูรมาแล้ว คนของตระกูลเคปจะเป็นฝ่ายฟักไข่ ทีนี้เชื่อได้รึยังละ”เมสซิสยิ้ม


“เอาจริงเหรอเนี่ย”ชาลีมองเมสซิสอย่างไม่อยากจะเชื่อ


ถ้าไม่มีอสูรปฐพี ก็ไม่มีทางเข้าไปในสุสานแห่งปฐมจักรพรรดินั้นได้เลย ตอนแรกพวก6ตระกูลก็ต้องการจะแย่งอสูรปฐพีกันก็เพราะแบบนี้ ข้อเสนอของเมสซิสจึงเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากเล็กน้อย


“นายกับฉันต่างก็มาจากเขตตะวันตกกันทั้งคู่ ถึงแม้ว่าจะเคยทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง แต่นั้นมันก็แค่เรื่องยิบย่อย ยังไงซะเราก็เป็นพวกกันอยู่ดี สุสานแห่งปฐมจักรพรรดินั้นเป็นพื้นที่ต่างมิติของเขตตะวันออก ถ้าเราทำอะไรโจ่งแจ้งข้ามเขตแดนแบบนี้ตระกูลเสี่ยกับตระกูลฉางคงไม่อยู่นิ่งแน่ๆ  ทางเดียวที่จะเอาสมบัติกลับไปได้นั้นมีแค่การที่เรา2คนร่วมมือกัน ถึงจะมีโอกาส นายคิดว่าถ้าโจวเหวินได้อสูรปฐพีไปมันจะไม่รู้เรื่องสุสานแห่งปฐมจักรพรรดิเลยเหรอ”เมสซิสพูด


ชาลีคิดก่อนจะพยักหน้า “ที่นายพูดมันก็มีเหตุผล เราคงต้องร่วมมือกันแล้วละ แต่ตามที่ตกลงกัน สัตว์อสูรนั้นเป็นของตระกูลฉันนะ”


“ได้อยู่แล้ว ตามที่ฉันพูดเลย สัตว์อสูรนั้นจะเป็นของนาย แต่สมบัติที่อยู่ในสุสานแห่งปฐมจักรพรรดิจะแบ่งกันครึ่งนึงโอเคไหม”เมสซิสพูด


“ตกลง” ชาลียื่นมือออกมาจับ


ตอนที่พวกเขากำลังวางแผนการจับไข่สัตว์อสูร โจวเหวินเองตอนนี้ก็แตรียมพร้อมจะฟักแล้ว


เดิมทีมนุษย์ระดับเร้นลับนั้น ถ้าจะฟักสัตว์อสูรระดับเร้นลับ พวกเขาต้องพึ่งพลังจากปัจจัยภายนอก และต้องใช้การเตรียมตัวมากมาย แต่โจวเหวินนั้นไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเลย เขาแทบไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณชีวิตฆาตกรด้วย เพราะว่าแค่วิชาลมปราณเต๋ากับปฐมภาคีแห่งความวินาศเองก็สามารถทำให้เขาฟักไข่ระดับเร้นลับมาได้แล้ว


อสูรปฐพี ระดับเร้นลับ


พลังชีวิต พลังธาตุดิน


วิญญาณชีวิต วิญญาณแห่งโลก


กรงล้อแห่งโชคชะตา พื้นดินแห่งธาตุทั้ง5


พลัง 80


ความเร็ว 80


ร่างกาย 80


พลังงานลมปราณ 80


สกิล มุดดิน


สถานะสวมใส่สัตว์ขี่


“เป็นสัตว์อสูรที่เป็นสัตว์ขี่จริงๆด้วย ไม่มีสกิลโจมตีพิเศษอะไรเลย แต่เอาจริงๆแค่พาหนีลงดินได้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว”หลังจากที่โจวเหวินเห็นค่าความสามารถแล้ว เขาก็ฟักออกมาทันที


และในไม่ช้า สัตว์อสูรก็ปรากฏออกมา รูปร่างมันเหมือนกับตัวนิ่ม แต่ขนาดใหญ่ประมาณรถ ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าโจวเหวิน


โจวเหวินลองดูในเกมส์แล้ว เขาก็พบว่าอสูรปฐพีนั้น สมชื่อตัวเองจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีสกิลโจมตี แต่สกิลมุดลงดินนั้นสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องตราบใดที่ยังมีพลังงานเหลืออยู่ และระยะเวลาการร่ายก็สั้นมากๆด้วย ด้วยพลังงานลมปราณที่อสูรปฐพีมี มันสามารถพาโจวเหวินมุดดินข้ามไปในระยะ100ไมล์ได้ในพริบตา เป็นเครื่องมือหลบหนีชั้นยอด


แถมมันยังสามารถใช้ในการลอบสังหารได้อีกด้วย ต่อให้มีกองทัพนับหมื่น แต่ขอแค่หัวหน้าของอีกฝ่ายเหยียบเท้าลงดิน เขาก็สามารถมุดดินไปฆ่าได้อย่างง่ายดายแถมยังมุดหนีออกมาได้โดยที่ไม่มีใครหยุดได้อีกด้วย


“ขอแค่อยู่บนดินไม่ว่าจะไกลแค่ไหนก็ไปถึงซินะ”โจวเหวินดีใจมาก แต่ตอนที่เขาคิดดีๆ นั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ว่าอสูรปฐพีนั้นมันแอบมีความคล้ายคลึงกับสัตว์อสูรของเขา เขาเลยอยากจะลองใช้ความสามารถในการรวมร่างดู ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม


แต่ตอนที่เขากำลังจะลองดูนั้นเอง เมสซิสก็ส่งคนมาส่งสารท้าประลองแล้ว


หลังจากที่อ่านสารท้าประลองแล้ว โจวเหวินก็ปฏิเสธไปโดยไม่ลังเล เหตุผลแรกก็คือ เขายังไม่รู้จักพลังของจักรพรรดิยักษ์เทพ อย่างที่2คือเขาไม่จำเป็นต้องให้เมสซิสมีข้ออ้างในการชิงอสูรปฐพีไปได้แน่ๆ


อีกอย่างตอนนี้โจวเหวินยังได้ฟักอสูรปฐพีออกมาแล้วด้วย ซึ่งหมายความว่าโจวเหวินอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่ามากๆ ไม่ว่าเขาเมสซิสจะใช้วิธีไหน หรือจะกล่าวหาเขายังไง เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเหมือนกัน เขาไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองลงไปเสี่ยงสู้กับผู้พิทักษ์ที่ตัวเองไม่รู้จัก ถ้าเกิดมันดันเก่งพอๆกับผู้พิทักษ์ในเมืองมดขึ้นมาละก็ มันก็อาจจะอันตรายเกินไป

 

 

 


ตอนที่ 854

 

ไล่ล่า


โจวเหวินเก็บของแล้วเตรียมตัวออกไปจากภูเขาหลงหู เขาปฏิเสธเมสซิสไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีกิจธุระอะไรให้เขาต้องอยู่ที่นี้อีก บางทีเมสซิสอาจจะมาไล่ตามและสกัดเขา ทำให้เขาต้องจำใจสู้ แต่เอาจริงๆถ้าเกิดต้องสู้กับจักรพรรดิยักษ์เทพ ถึงแม้ว่ามันจะเก่งเท่ากับผู้พิทักษ์ในเมืองมดแต่โจวเหวินก็ไม่กลัวที่จะสู้อยู่แล้ว ถึงจะสู้ตรงๆไม่ได้ แต่ก็สู้แบบซุ่มโจมตีได้แน่ๆ


โจวเหวินตอนนี้มีทั้งสกิลมุดดิน วาปและหายตัวได้แถมโจวเหวินยังมีความเร็วสูงซึ่งเรียกได้ว่าเหมาะสำหรับการสู้แบบซุ่มโจมตีสุดๆ


ตอนที่โจวเหวินกำลังเก็บของแล้วอุ้มหยาเอ๋อกำลังจะออกอยู่นั้นเองจู่ๆเขาก็เห็นฉางชุนชิวรีบตรงเข้ามาหา


“โจวเหวิน จะออกจากภูเขาหลงหูรึยัง”ฉางชุนชิวถาม


“กำลังจะไป”โจวเหวินตอบ


“ฉันว่านายอย่าพึ่งไปตอนนี้เลยจะดีกว่านะ เราพึ่งจะตรวจพบว่าเมสซิสเหมือนจะวางแผนอะไรบางอย่างกับชาลีอยู่ ถ้านายไปตอนนี้ นายคงไม่มีทางหนีพ้นพวกนั้นแน่ๆ วิชาเทพพยากรของชาลีนั้นมีความสามารถในการตามหาตัวคนสูงมาก แถมนายเองก็เคยเจอเขาแล้วด้วย ตราบใดที่นายไม่อยู่ห่างเขามากเกินไป ไม่ว่านายจะซ่อนตัวยังไงเขาก็จะหานายเจออยู่ดีน””ฉางชุนชิวพูด


“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เจอก็เจอ”โจวเหวินพูด


ฉางชุนชิวผงะเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าโจวเหวินจะพูดอะไรกันแน่ๆ เขามองไปที่โจวเหวินก่อนจะพูด “นายคงไม่ได้เล็งจะเล่นงานเมสซิสเหมือนกันใช่ไหมเนี่ย”


“ก็ใช่นะ”โจวเหวินยิ้ม


“กลับไปที่ตำหนักเทียนฉีก่อนเถอะ เราได้เตรียมพวกทรัพยากรในการฟักไข่สัตว์อสูรระดับเร้นลับไว้ให้แล้ว มันน่าจะช่วยให้นายฟักไข่ได้ใน3วัน ถ้าฟักออกมาแล้ว นายน่าจะปลอดภัยมากขึ้นแล้วละ”ฉางชุนชิวพูด


“ถ้าเป็นงั้นจริงเมสซิสจะยังไล่ตามฉันอยู่ไหมอะ”โจวเหวินหยุดแล้วพูด “ในเมื่อฉันฟักไข่อสูรปฐพีออกมาแล้วอะ”


พอพูดจบโจวเหวินก็อัญเชิญอสูรปฐพีออกมา


ฉางชุนชิวถึงกับอึ้งแล้วยิ้มแห้งๆ “ดูเหมือนว่าแผนการที่เมสซิสวางไว้จะแป้วแล้วซินะ”


“พวกนั้นโลภเองนี้ จะไปโทษใครได้ละ”โจวเหวินเก็บสัตว์อสูรกลับแล้วบอกลาฉางชุนชิว เขาออกจากภูเขาหลงหูไปเงียบๆพร้อมกับหยาเอ๋อ


ฉางชุนชิวมองแผ่นหลังของโจวเหวินที่เดินจากไปแล้วพึมพำกับตัวเอง “โจวเหวินคนนี้มันมีพลังที่น่ากลัวซะยิ่งกว่าอันเทียนโจในตอนนั้นซะอีก ในสถานการณ์ที่รัฐบาลกลางเอาแน่เอานอนไม่ได้แบบนี้ ไม่รู้ว่ามันคือพรหรือคำสาปกันแน่นะ”


ข่าวเรื่องที่โจวเหวินออกจากหลงหูไปนั้นถูกปิดข่าวอย่างมิดชิด แต่ชาลีก็เดาไว้แล้วว่าโจวเหวินจะออกมา เขาเลยพูด “เขาได้ไข่มายังไม่ถึง24ชั่วโมงเลย คงไม่มีทางฟักออกมาได้แน่ๆ ถ้าเกิดเราตามมันทัน เราก็จะมีโอกาสเอาไข่กลับมาได้”


“แล้วเราจะรออะไรอีกละ รีบไปดักหน้าเขาก่อนที่เขาจะไปถึงลั่วหยางซะซิ”เมสซิสพูด


“ฉันไม่ได้ต้องการแย่งสัตว์อสูรของมันเท่านั้น ฉันต้องการชีวิตของมันด้วย”ดวงตาของชาลีส่องประกาย เรื่องความแค้นระหว่างโจวเหวินกับตระกูลเคปนั้นมันฝังรากลึกเกินไปจนถึงแม้ว่าโจวเหวินจะช่วยชีวิตเขาจากหน้ากากได้ เขาก็ไม่ได้นับบุญคุณอะไรกับโจวเหวินแม้แต่น้อย


คนจากทั้ง2ตระกูลใหญ่นั้นแยกย้ายกันออกไปพร้อมๆกัน ทำให้เมืองหลงหูที่ตอนแรกดูคึกครื้นนั้นเงียบและร้างลงทันตาเห็น


“ท่านครับ ตอนนี้โจวเหวินออกจากเมืองหลงหูไปแล้ว ส่วนเมสซิสกับชาลีก็กำลังไล่ตามเขาไปครับ”หน่วยข่าวกรองของตระกูลฉางเข้ามารายงานกับฉางซือหยู


“เราควรจะส่งคนของเราไปรอโอกาสเอาไข่สัตว์อสูรของเรากลับมาไหมครับท่าน ถ้าเราสามารถนำมันกลับมาได้ เราก็จะได้เปรียบในการประมูลครั้งนี้เลยนะครับ”ลุงฉางพูดขึ้นมา ฉางชุนชิวยังไม่กลับมารายงานให้กับพวกเขาฟังว่าโจวเหวินฟักไข่แล้ว พวกเขาเลยยังไม่รู้


“ไม่ต้องหรอก พวกเมสซิสนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวเหวินเลยแม้แต่น้อย”ฉางซือหยูพูด


“จริงเหรอครับ เมสซิสมีผู้พิทักษ์เลยนะครับ พลังของเขาประมาทไม่ได้เลย แถมยังคู่กับตำราเทพพยากรณ์ของชาลีอีกโจวเหวินคงไม่ได้หนีไปง่ายๆแน่ๆครับ”ลุงฉางไม่ได้คิดแบบนั้น


ฉางซือหยูพูด “อย่าว่าแต่ผู้พิทักษ์เลย ขนาดตัวตนที่ก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ไปแล้วอย่างจ้าวตระกูลเสี่ย ยังฆ่าโจวเหวินไม่ได้เลย คงไม่ต้องพูดถึงเมสซิสหรอกนะ”


ลุงฉางไม่ได้เชื่อที่ฉางซือหยูพูด แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ เพราะยังไงการจะไปเถียงความคิดการตัดสินใจของหัวหน้าตระกูลก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี


โจวเหวินนั้นออกเดินทางไปเรื่อยๆโดยการวิ่งไปตลอดทาง เขาไม่ได้อยากหนีแต่เขาอยากจะสร้างภาพว่าเขากำลังหนีตั่งหาก


เมสซิสนั้นกำลังไล่ตามโจวเหวินมาอยู่ แล้วถ้าตำราเทพพยากรของชาลีติดตามตำแหน่งของโจวเหวินได้จริงละก็ พวกนั้นก็กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


“ไอ้โจวเหวินบ้านั้น ถ้าวิ่งเร็วแบบนั้นเราต้องเร่งมือแล้ว”ชาลีกัดฟัน เขาไล่ตามมา100ไมล์ก็จริง แต่จนถึงตอนนี้เขายังไล่ไม่ทันโจวเหวินเลย


“ก็เหมือนปลาในอวนนั้นละ เขาหนีไม่ได้ห…ตู้ม!!!”เมสซิสกำลังพูดอยู่นั้นเอง จู่ๆคนที่อยู่ทางซ้ายของเขาก็โดนแรงระเบิดจากต้นไม้อย่างแรงทำให้คนๆนั้นกระเด็นและส่งผลกระทบต่อคนโดยรอบ


“เกิดอะไรขึ้นวะ”เมสซิสรีบเข้ามาตรวจสอบอาการแล้วแล้วพบว่าคนที่โดนนั้นสภาพปางตายมากๆแล้ว


“นั้นมันวิชาระเบิดชีวิตนี้ ต้องเป็นฝีมือของโจวเหวินแน่ๆ”ชาลีพูดตอนที่ดูต้นไม้ที่ระเบิด


“บ้าเอ้ย นาย กับนายคอยดูแลคนเจ็บ ส่วนที่เหลือตามฉันมา ฉันจะจับตายไอ้ห่านั้น”เมสซิสโกรธจัด


การไล่ล่าเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่รอบนี้ทุกอย่างระมัดระวังตัวขึ้นอย่างห็นได้ชัด พวกเขาไม่แตะหญ้าหรือต้นไม้เลยแม้แต่น้อย


หลังจากตามมาได้ซักพักพวกเขาก็พุ่งตัวผ่านกอหญ้า แต่ทันทีที่ผ่านนั้น แมลงตัวเล็กๆเป็นฝูงที่แอบอยู่ในหญ้านั้นจู่ๆก็บินเข้าใส่พวกเขา


“ไม่ได้การละ ระวังพวกแมลง”ชาลีตะโกน แต่มันสายไปแล้ว บางคนใช้มือปัดพวกแมลงพยายามจะไล่มันออกไป


แต่ทันทีที่มือปัดโดนแมลง ร่างของแมลงก็เกิดการระเบิดต่อเนื่องทั้งฝูงทันที


เพราะว่าพลังชีวิตของแมลงพวกนี้มันไม่ได้เยอะ ทำให้แรงระเบิดต่อตัวมันต่ำ แต่การระเบิดพร้อมกันทุกตัวนั้นมันก็เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรง บางคนที่ไม่ระวังตัวก็ทำเอาหน้าเสียโฉมได้เหมือนกัน พวกเขาบาดเจ็บแล้วล้มลงบนหญ้าก่อนที่หญ้าจะระเบิดแล้วเกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเป็นทอดๆ


“ไอ้บ้าเอ้ย!!”เมสซิสมองคนของฝั่งตัวเองบาดเจ็บไปทีละคน ถึงจะไม่ได้รุนแรงมากขนาดนั้นแต่มันก็คือการบาดเจ็บ


เหมือนกับว่าตอนที่พวกเขาวิ่งไล่ตามโจวเหวินนั้น พวกเขาต้องมาเจอกับภูเขาและป่าที่เต็มไปด้วยกับระเบิด ไม่ว่าเขาจะแตะไปตรงไหน มันก็เป็นระเบิดได้ทั้งหมด ทำให้พวกเขาต้องระวังตัวมากๆ มันไม่เพียงแต่จะทำให้คนบาดเจ็บแต่มันยังทำให้ความเร็วลดช้าลงไปมากด้วย


“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไอ้เวรนั้นมันต้องหนีไปแน่ๆ คนที่มีสัตว์อสูรบินได้ มากับฉัน ส่วนคนอื่นๆอ้อมไปดักเผื่อว่าจะตามทัน”หลังจากที่พูดเสร็จ เมสซิสกับชาลีก็ขี่สัตว์อสูรบินตามไปทันที

 

 

 


ตอนที่ 855

 

จักรพรรดิยักษ์เทพ


บนท้องฟ้านั้น พวกเขาไม่ได้กลัววิชาระเบิดชีวิตอีกต่อไป ทำให้เมสซิสสามารถเร่งความเร็วเต็มที่ได้อีกครั้ง แต่ตอนที่ชาลีเช็คดูตำแหน่งของโจวเหวินอีกครั้งนั้นเอง เขาก็พบว่าตำแหน่งของโจวเหวินนั้นตอนนี้กลับโยกไปอยู่ด้านหลังเขาซะอย่างงั้น


“แย่ละ” ชาลีและเมสซิสสีหน้าเปลี่ยนทันที เพราะว่าตำแหน่งที่โจวเหวินอยู่นั้น คือพรรคพวกของพวกเขาที่ไม่ได้ตามมาด้วยนั้นเอง


“ถอยกลับเดี๋ยวนี้เลย”หลังจากที่เมสซิสกลับแล้ว พวกเขาก็เห็นซากศพที่ไม่สมประกอบของพรรคพวกของพวกเขา ที่โดนระเบิดกระจุยกระจายจนไม่เหลือชิ้นดี


ป่าทั้งหมดนั้นเละเทะไปหมด แรงระเบิดที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกินจากระเบิดชีวิตปรกติแน่ๆ


“โจวเหวิน!!! กูจะฆ่ามึง 10รอบก็ยังไม่พอ”สีหน้าของเมสซิสนั้น โกรธจัดก่อนจะเร่งให้ชาลีตามตัวของโจวเหวินต่อ


รอบนี้ เมสซิสอัญเชิญผู้พิทักษ์ออกมาแล้วผสานวิญญาณเข้าด้วยกันทันที ร่างของเขาผสานเข้ากับจักรพรรดิยักษ์เทพแล้วกลายร่างขยายใหญ่กลายเป็นยักษ์ที่ตัวสูงมาก โดยตัวของเมสซิสนั้นอยู่ใจกลางของจักรพรรดิยักษ์เทพ เมสซิสใช้มืออุ้มชาลีขึ้นมาเพื่อไม่ให้โดนระเบิดรอบข้างไปด้วยก่อนจะวิ่งตรงออกไป


ซึ่งแน่นอน ทั้งต้นไม้และใบหญ้าที่วิ่งผ่านนั้นระเบิดอย่างต่อเนื่อง แต่จักรพรรดิยักษ์เทพก็ไม่เป็นอะไรเลย


เมสซิสเดินเข้าไปใกล้แม่น้ำ ก่อนที่ลูกอ๊อดในน้ำจะระเบิดออกมาอย่างแรงและต่อเนื่องทำให้เกิดแรงระเบิดที่มหาศาล


แต่ถึงอย่างนั้น แรงระเบิดก็ยังทำอะไรเมสซิสไม่ได้อยู่ดี แรงทั้งหมดถูกจักรพรรดิยักษ์เทพป้องกันไว้ได้ทั้งหมด


“นี้ซินะที่ฆ่าพวกของเรา”เมสซิสเห็นระเบิดของลูกอ๊อดแล้วคิด ว่าสิ่งนี้แน่ๆคือสิ่งที่ฆ่าพรรคพวกของเขา


“โจวเหวิน แผนการโง่ๆของมึงมันใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว ออกมารับความตายซะ”เมสซิสพูด


จากที่ชาลีทำนายไว้ โจวเหวินนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ถึง10ไมล์ ทำให้ถ้าพูดดังๆละก็โจวเหวินจะต้องได้ยินแน่นอน


ซึ่งโจวเหวินก็ได้ยินทุกอย่างชัดเจนจริงๆ แล้วเขาก็คิดในใจ “จักรพรรดิยักษ์เทพนั้นเป็นผู้พิทักษ์สายพลังแน่ๆ เป็นสายเดียวกับเบม่อน และไม่ได้ด้อยไปกว่าแบม่อนเลยด้วย แต่การที่เมสซิสรู้จักเบม่อนดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังมั่นใจได้ขนาดนี้ พลังของมันน่าจะมีมากกว่าเบม่อนด้วยซ้ำซินะ”


โจวเหวินพยายามหนีออกห่างระยะจากเมสซิสก่อน แต่ตอนนี้เมสซิสสวมเกราะจักรพรรดิยักษ์เทพ ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมหาศาล จากที่เคยนำห่างอยู่ไกล แต่ตอนนี้โจวเหวินกลับเข้าใกล้เข้าไปทุกที


แต่โจวเหวินก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก ระหว่างที่เขาหนีนั้นเอง เขาก็อัญเชิญตัวโน้ตออกมาจำนวนมากและเรียกฮาร์ปทองคำออกมาด้วย ตัวโน้ตจำนวนนับหมื่นเรียงตัวกันและด้วยพลังของฮาร์ปทำให้พลังที่ส่งออกมานั้นมีความรุนแรงขนาดทำร้ายระดับเร้นลับได้


แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการโจมตีด้วยคลื่นเสียงไม่สามารถป้องกันได้ด้วยชุดเกราะตรงๆ ถึงแม้ว่าจักรพรรดิยักษ์เทพจะเกราะหนาขนาดไหน แต่คลื่นเสียงก็ยังเจาะทะลุเข้าไปได้ง่ายอยู่ดี


เมสซิสที่ไล่ตามมาอย่างโกรธแค้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นตัวโน้ตนับหมื่นอยู่ข้างหน้าของเขาพร้อมฮาร์ปที่อยู่ตรงกลาง ก่อนที่ฮาร์ปนั้นจะส่งเสียงดังขึ้นมา พริ้ง—-


ตู้ม!!!!!!!!!!


ทันทีที่เสียงจากฮาร์ปดังขึ้น ตัวโน้ตทั้งหมดก็โจมตีผสานในทันที คลื่นเสียงความหนาแน่นสูงถูกส่งมาเหมือนคลื่นซึนามิซัดเข้าใส่เมสซิส


“อะไรกันวะ!!”


คลื่นเสียงนั้นไม่สามารถเจาะทะลุเกราะของจักรพรรดิยักษ์เทพไปได้ก็จริง แต่ชาลีที่อยู่ในมือของเมสซิสนั้นโดนเต็มๆ ตำราหรือไม้กางเขนไม่สามารถช่วยเขาได้เลย


เมสซิสร่ายมนตร์ป่งกัน ก่อนจะส่งให้กับชาลีทำให้ชาลีรอดออกมาได้


ในเมื่อคลื่นเสียงทำอะไรจักรพรรดิยักษ์เทพไม่ได้แล้ว เมสซิสจึงพุ่งไปหวังจะทำลายกองทัพตัวโน้ตทันที แต่ก็ต้องพบว่าตัวโน้ตพวกนั้นได้หายไปหมดแล้ว


เมสซิสวิ่งตามด้วยความเร็วสูงแต่ก็ไม่พบวี่แววของโจวเหวิน


“โจวเหวินมันไปอยู่ไหนวะ”เมสซิสถามชาลี ชาลีเช็ดเลือดที่หน้าก่อนจะหยิบตำราออกมาทำนายอีกครั้ง


“เป็นไปไม่ได้ เขาอยู่ตรงนี้เลย”ชาลีดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อและทันใดนั้นเอง ร่างของโจวเหวินก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศเหนือหัวของเมสซิส พร้อมดาบทองคำในมือฟันตรงเข้าใส่จักรพรรดิยักษ์เทพทันที


ชริ้ง


เกราะทองคำนั้นโดนฟันเข้าไปลึกมากถึง3ฟุต แต่ดาบของโจวเหวินก็ฟันถึงได้แค่นั้น เกราะนี้ไม่ใช่แค่เปลือกเกราะธรรมดา แต่ยังมีสสารบางอย่างที่ทำให้โจวเหวินฟันเข้าไม่ได้มากกว่านี้


“โผล่หัวมาจนได้ซักที”เมสซิสไม่ได้ตกใจ แต่ดีใจด้วย เขาใช้จักรพรรดิยักษ์เทพฟาดเข้าใส่โจวเหวินด้วยหลังมือทันที


แต่โจวเหวินก็วาปหายไปกลางอากาศทันที


เมสซิสตอนแรกคิดว่าโจวเหวินแค่เร็วเฉยๆ แต่เขาลองมองไปรอบๆ แต่เขาก็ไม่เห็นวี่แววของโจวเหวินแม้แต่น้อย


“บ้าเอ้ย ไอ้เวรส้นตีนนั้นมันหายไปไหนของมันวะ”เมสซิสกัดฟันพูด


ชาลีใช้ตำราหาอีกครั้งแล้วเขาก็พบว่าโจวเหวินนั้นวาปหายไปหลายพันไมล์แล้วชี้ “เขาอยู่ตรงนั้น อย่าให้เขาหนีรอด”


เมสซิสใช้พลังของจักรพรรดิยักษ์เทพวิ่งพุ่งทะลุสิ่งกีดขวางทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นระเบิดหรือแมลง เหมือนเครื่องจักรสังหารที่จะมีวันหยุด


“การป้องกันเทียบกับเบม่อนจริงๆด้วย ถ้าเบม่อนเปิดสุดยอดพลัง แต่พลังโจมตีนั้นเหมือนจะแย่กว่ามากเลย แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นไปไม่ได้เลยถ้าเทียบกับเบม่อนแล้ว ทำไมเขาถึงมั่นใจขนาดนั้นละ”โจวเหวินแอบคิด “ดูเหมือนว่าต้องเอาเบม่อนไปลองแล้ว”โจวเหวินเห็นเมสซิสวิ่งตามมาจึงอัญเชิญเบม่อนออกมา ก่อนจะให้เบม่อนเปิดสุดยอดพลังแล้วพุ่งเข้าใส่เมสซิส


“ในที่สุดก็มาซินะ”เมสซิสได้เป้าโจมตีแล้ว ความเร็วของเขาเพิ่มมากขึ้นแทนที่จะตกลง เขาต่อยอย่างบ้าคลั่งไปที่เบม่อน


เบม่อนนั้นรวบรวมพลังจากร่างกายทั้งหมดต่อยไปที่เมสซิสในเกราะจักรพรรดิยักษ์เทพ


เมสซิสพอเห็นแบบนั้นแล้ว เขาก็ไม่ต่อยสวน หรือหลบ กลับกัน เขายอมให้เบม่อนต่อยจักรพรรดิยักษ์เทพตรงๆ


หมัดแรกของเบม่อนต่อยเข้าไปจังๆของเกราะของจักรพรรดิยักษ์เทพ แรงกระแทกมหาศาลส่งออกไปทันที แต่ฝ่ายที่กระเด็นออกไปนั้นไม่ใช่เมสซิส แต่เป็นเบมม่อนที่กระเด็นออกไปพร้อมกระดูกแขนที่แตกร้าว


“เกราะสะท้อนเหรอ”โจวเหวินรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ที่เบม่อนโดนความเสียหายมากขนาดนั้นไม่ใช่แค่จักรพรรดิยักษ์เทพอย่างเดียว แต่รวมไปแรงหมัดของตัวเองด้วย

 

 

 


ตอนที่ 856

 

จุดพลุ


“เข้ามาเลยไอ้เด็กเวร จักรพรรดิยักษ์เทพของกูหน่ะมันไร้เทียมทาน”เมสซิสควบคุมจักรพรรดิยักษ์เทพให้ต่อยเบม่อน โจวเหวินเปลี่ยนใจทันที เขาเรียกเบม่อนกลับมา เขารู้แล้วว่าผู้พิทักษ์ของเมสซิสนั้นมีพลังในการสะท้อนแรงกระแทก ซึ่งถ้าต้องสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเท่ากันอย่างเบม่อน ยังไงก็ชนะแน่ๆ


“ถ้าไม่มีเบม่อน มึงก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกหรอกโจวเหวิน ออกมาตายซะดีๆ จะได้ตายไม่ทรมาน”เมสซิสวิ่งไล่โจวเหวินพร้อมคำพูดขู่ขวัญ


โจวเหวินยังคงหนักแน่น เขาหลบหนีออกมาอย่างรวดเร็วและว่องไว แต่เขาในขณะเดียวกันเขาก็คิดอยู่ว่าเขาจะฆ่าจักรพรรดิยักษ์เทพได้ยังไงเหมือนกัน


เบม่อนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิยักษ์เทพเลยถ้าใช้สุดยอดพลัง แต่จักรพรรดิยักษ์เทพนั้นมีความสามารถในการสะท้อนคลื่นกระแทกได้ เพราะงั้น ถ้าเกิดอยากจะโจมตีมันตรงๆ ก็ต้องทำลายเกราะของมันให้ได้ก่อน


การจะฆ่าเมสซิสที่อยู่ข้างในนั้นมันไม่ยาก แต่ถึงฆ่าเมสซิสไปก็เท่านั้น ผู้พิทักษ์นั้นมันไม่เหมือนกับสัตว์อสูร พวกมันทำสัญญาแบบเท่าเทียม จักรพรรดิยักษ์เทพสามารถหนีหรือถอนสัญญาได้ทันที


ซึ่งเป้าหมายหลักของโจวเหวินก็คือการฆ่าจักรพรรดิยักษ์เทพไม่ใช่ฆ่าเมสซิส


“โชคยังดีที่จักรพรรดิยักษ์เทพไม่น่าจะมีร่างความกลัวหรอก บางทีฉันอาจจะมีโอกาสฆ่ามันได้ก็ได้”โจวเหวินคิด


ถ้ามันเป็นผู้พิทักษ์ปรกติละก็ โจวเหวินก็สามารถใช้ผ้าคลุมล่องหนแล้วโจมตีจากระยะไกลได้ แต่จักรพรรดิยักษ์เทพนั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเกินไป ทำให้การรอบโจมตีนั้นแทบไม่ได้ผลเลย


“หุบปากซักทีแล้วฆ่ามันได้แล้ว จะได้เอาไข่สัตว์อสูรมา”ชาลีตะโกนพร้อมตาที่แดงก่ำ หลังจากที่คนของเขาตายไปหลาย10คน ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสฆ่าโจวเหวินซักที


ขอแค่เขาสามารถฆ่าโจวเหวินแล้วเอาไข่กลับมาได้ ทุกอย่างที่เสียไปก็ถือว่าคุ้มแล้ว ตอนที่เขากำลังจะไล่ตามโจวเหวินทันนั้นเอง จู่ๆเขาก็เห็นโจวเหวินอัญเชิญสัตว์อสูรออกมา มันเป็นตัวนิ่มขนาดยักษ์ แล้วโจวเหวินก็ขึ้นไปขี่บนหลังของมัน


ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสัตว์อสูรที่โจวเหวินได้ไปนั้นคืออสูรปฐพี แต่ไม่มีใครรู้จริงๆว่าอสูรปฐพีจริงๆแล้วหน้าตามันเป็นยังไง


พอเห็นโจวเหวินอัญเชิญสัตว์อสูรออกมาแบบนั้น เขาเลยคิดว่าโจวเหวินจนมุมแล้ว เมสซิสจึงสั่งการให้ต่อยโจวเหวินโดยไม่ลังเล


ตู้มมมม


หมัดของเมสซิสกระแทกลงพื้นอย่างจังจนหินดินทรายแตกกระเจิงเป็นหลุมขนาดยักษ์ แต่โจวเหวินกับสัตว์อสูรของเขาหายวับไปแล้ว


“เป็นไปไม่ได้”เมสซิสกับชาลีเปลี่ยนความคิดทันที


จากนั้นเขาก็พบว่าโจวเหวินนั้นมาโผล่อีกทีไม่กี่10เมตรห่างออกจากตรงนั้น เมสซิสจึงต่อยเข้าไปอีกที รอบนี้พวกเขาเห็นตำตาเลย ว่าตัวนิ่มที่โจวเหวินนั่งอยู่นั้น มันขุดลงไปในดินหลังจากนั้นโจวเหวินก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง หลาย100เมตรห่างออกไป


“นั้นมัน อสูรปฐพีนี้ มันฟักออกมาได้แล้ว ได้ไงกัน”ชาลีพูด


ไม่ว่าจักรพรรดิยักษ์เทพจะแกร่งแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีทางความเร็วในการมุดดินของโจวเหวินได้ทัน แล้วตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีทางชิงไข่สัตว์อสูรมาได้แล้วเพราะตอนนี้ไข่สัตว์อสูรนั้นมันได้ถูกฟักออกมาแล้ว ถึงโจวเหวินจะโดนฆ่าตาย สัตว์อสูรที่ฟักออกมาแล้วก็จะหายไปพร้อมๆกับโจวเหวินอยู่ดี


เมสซิสอึ้งหนักมาก เขาไม่คิดว่าเรื่องทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้


“โชคดีของแกไปนะ”เมสซิสทำอะไรไม่ได้แล้วเลยคิดจะถอย


“ใครบอกว่านายไปได้ละ”โจวเหวินตอบกลับมาแล้วมุดดินเข้าไปขวางหน้าเมสซิส


“ก็ถ้าแกไม่มีอสูรปฐพี แกก็คงตายไปแล้ว อย่ามาพูดหมาๆแบบนั้นเชียว”เมสซิสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่สน เขาตั้งใจจะเหยียบโจวเหวินและอสูรปฐพีไปพร้อมๆกันเลยด้วยซ้ำ


โจวเหวินไม่สนใจแล้วอัญเชิญเบม่อนออกมาแล้วให้มันงัดเท้าจักรพรรดิยักษ์เทพเอาไว้ โจวเหวินให้เบม่อนไปเติมพลังมาทำให้มันสามารถรักษาแผลได้เร็วมาก


“เรียกมาแล้วทำอะไรได้ มีแค่ตัวเดียวเหรอเรียกมาอยู่นั้นละ เรียกมากี่ที แกก็ต้องตายอยู่ดี”เมสซิสพูด


โจวเหวินไม่พูดต่อ แต่เขาอัญเชิญสดับวานรออกมาแล้วปลดนิพพานอเวจีขั้น2 ทำให้มันกลายเป็นลิงยักฆ์ที่ดุร้ายมองหน้าเมสซิสเขม่น


“สัตว์อสูรสายพลังเหรอ เหอะ! อยากมาก็เข้ามา”เมสซิสพูดแบบไม่สนใจ


โจวเหวินอัญเชิญสัตว์อสูรออกมาอย่างต่อเนื่อง  ทั้งวัวยักษ์ต้าเหว่ย มังกรเทียนออกมาล้อมเมสซิส


“นั้นมันมังกรเทียนจากปราสาทหินที่จงลู่ใช่ไหมนั้น”ชาลีที่รู้จักมังกรเทียนหน้าถอดสีทันที


เมสซิสนั้นไม่เข้าใจขนาดนั้นแต่หน้าตาเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ตอนนี้โจวเหวินอัญเชิญสัตว์อสูรรวดเดียว5ตัว ทุกตัวเป็นระดับเร้นลับหมด ขนาดคนใน6ตระกูลยังไม่ค่อยมีใครมีถึงขั้นนี้เลย


 


“ไม่ว่าแกจะเรียกสัตว์อสูรออกมาเยอะแค่ไหน มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดีต่อหน้าจักรพรรดิยักษ์เทพ ถ้าแกยังทำลายการป้องกันของฉันไม่ได้ ยังไงแกก็ฆ่าฉันไม่ได้”ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ตอนนี้ เมสซิสไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย


โจวเหวินเมินเขาแล้วอัญเชิญสัตว์อสูรต่อ ทั้งดาบทองคำ ตรีสูญเทพสงครามทองคำปรากฏขึ้นมาทั้ง2ข้างของเขา ลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมด้วยมังกรดำทั้ง2ตัวปรากฏขึ้นมาเป็นแนวหน้า


“นั้นมันระดับเร้นลับจากวิหารเหล็กหลอม แล้วนั้นก็คือมังกรเลือดอสูรจากทะเลใต้ดินในจงลู่นี่หน่า ทำไมถึงได้มีระดับเร้นลับมากมายขนาดนี้”ชาลีเสียงเริ่มสั่น เขาไม่เคยเห็นใครมีสัตว์อสูรระดับเร้นลับมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต


ตลอดหลายปีที่ผ่านมา 6ตระกูลมีสัตว์อสูรระดับเร้นลับเพิ่มขึ้นมาจากเมื่อก่อนมากมาย แต่ระดับสูงสุดของตระกูลยังมีระดับเร้นลับแค่5-6ตัวเท่านั้น และนับว่าเป็นเสาหลักของตระกูลของจริงด้วย


แต่ตอนนี้โจวเหวินกลับอัญเชิญระดับเร้นลับออกมามากกว่า10ตัวแล้ว รวมไปถึงระดับสูงอย่างเบม่อนกับมังกรเทียน แบบนี้จะไม่ให้ชาลีตกใจได้อย่างไรกัน


เมสซิสตอนนี้เองก็เริ่มคิดผิดขึ้นมาแล้ว เขาคิดว่าโจวเหวินนั้นไม่ใช่คนระดับสูงเหมือนตระกูลของเขาด้วยซ้ำ การที่มีสัตว์อสูรระดับเร้นลับมากมายขนาดนี้ บางทีอาจจะต้องใช้เงินมหาศาลมากๆก็ได้ ถึงแม้ว่าพลังป้องกันของจักรพรรดิยักษ์เทพจะแกร่งแค่ไหน แต่พลังโจมตีของมันก็ไม่ได้เยอะ แถมไม่มีใครรับร้องได้อีกด้วยว่าสัตว์อสูรของโจวเหวินตัวไหนจะมีสกิลที่จักรพรรดิยักษ์เทพแพ้ทางด้วย


เท่าที่เมสซิสรู้ตอนนี้ มีมังกรเทียนละ1ตัวที่สามารถกลืนกันจักรพรรดิยักษ์เทพเข้าไปได้เลย


“เปล่าประโยชน์เรียกสัตว์อสูรออกมามายมายขนาดนี้ยังจะทำลายเกราะของฉันไม่ได้อีก โง่เง่าจริงๆ”เมสซิสนั้นไม่ได้มั่นใจเหมมือนแต่ก่อน


“จริงเหรอ”โจวเหวินพูดออกมาในที่สุด ก่อนจะเรียกสัตว์อสูรออกมาอีก2ตัว ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาของทั้ง2ตัวจะดูคล้ายๆกับใครซักคน แต่ที่แน่ๆมันคือระดับเร้นลับเชียวละ


“มันคือแพทย์ปีศาจกับ มารระเบิดนั้นเอง


“ใช่ซิ ก็ถ้าแกยังเจาะไม่เข้าละก็ จะเรียกสัตว์อสูรออกมาเยอะแยะทำไมกันละ”เมสซิสพูด


“เดี๋ยวนายก็รู้ว่าฉันจะเอาเจ้าพวกนี้มาทำไมกันเยอะแยะ”โจวเหวินโบกมือแล้วกองทัพสัตว์อสูรของเขาก็พุ่งเข้าใส่จักรพรรดิยักษ์เทพ


พอเห็นสัตว์อสูรน่ากลัวมากมายพุ่งเข้ามาจักรพรรดิยักษ์เทพก็ขนลุกทันที แต่เขาก็ต้องสู้เท่านั้น


แต่จักรพรรดิยักษ์เทพจะไปสู้อะไรกับระดับเร้นลับมากมายขนาดนี้ ถึงแมว่าเบม่อนจะเจาะทะลุการป้องกันไม่ได้ แต่ตอนนี้มันก็เพียงพอที่หยุดการเคลื่อนที่ของจักรพรรดิยักษ์เทพได้


เบม่อนกับสดับวานรล๊อกแขน2ข้างไว้ด้วยกัน ส่วนมังกรดำทั้งง2ตัวนั้นมัดขา มังกรเทียนรัดคอแล้วกดจักรพรรดิยักษ์เทพลงกับพื้น


จักรพรรดิยักษ์เทพนั้นมีร่างกายเที่แข็งแกร่งแต่มันไม่ได้มีพลังโจมตีที่มากมายอะไร มันไม่มีทางสู้แรงปะทะของระดับเร้นลับนับ10ตัวได้แน่นอน


วัวยักษ์ต้าเหว่ยกระโดดขึ้นมาเหยียบบนอกของจักรพรรดิยักษ์เทพ ก่อนที่ดาบและตรีสูญทองคำจะแทงเข้าที่ตัวแต่มันก็ไม่ทะลุโล่ของจักรพรรดิยักษ์เทพอยู่ดี


ชาลีโดนแรงกระแทกซัดลงกับพื้น เมสซิสตอนนี้ไม่ว่างสนใจเขา เขาเลยยืนขึ้นเตรียมหนีแต่ทันใดนั้นมีดผ่าตัดก็โผล่ขึ้นมาแล้วกรีดเบาๆบนคอของเขา แพทย์ปีศาจเดินมาอย่างสง่าแล้วเดินต่อไปแบบไม่หันหลังกลับ


ชาลีเอามือปิดคอตัวเองด้วยความกลัว แต่เลือดก็ไหลพุ่งออกมาจากคอ ดวงตาของเขาเปิดกว้าง เขาจะพูดอะไรบางอย่างแต่เลือดก็ไหลออกมาผ่านคอมันเยอะเกินไปจนกระอักเลือดล้มลงไปตายในที่สุด


“น่าเสียดายแหะ”โจวเหวินมองดูต้นไม้แห่งความตายแต่มันก็ไม่ตอบสนอง


“โจวเหวิน สัตว์อสูรตัวไหนของแกก็เปล่าประโยชน์หน่ะ แกทำลายการป้องกันของฉันไม่ได้เท่ากับแกทำอะไรฉันไม่ได้เว้ย”เมสซิสโดนจับล๊อกขึงอยู่แบบนั้นแต่ไม่ได้บาดเจ็บ เขาแค่ขยับไม่ได้เฉยๆ


“แล้วทำไมฉันต้องทำลายกป้องกันของนายละ”พอโจวเหวินพูดจบ มารระเบิดก็ดเดินเข้ามา มันใช้มือกดลงไปที่เกราะของจักรพรรดิยักษ์เทพ ทิ้งรอยแปลกๆอาไว้ รอยนั้นแผ่ขยายไปทั่วเกราะ


สกิลระเบิดเวลานั้นปรกติจะใช้ไม่ค่อยได้ เพราะมันต้องใช้กับสิ่งของที่ขยับไม่ได้เท่านั้น เพราะงั้นการจะใช้กับผู้พิทักษ์นั้นปรกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลย แต่ตอนนี้จักรพรรดิยักษ์เทพโดนจับขึงไว้ทำให้ขยับไปไหนไม่ได้แล้ว


“แกจะทำอะไรหน่ะ”เมสซิสหน้าเปลี่ยนสี ความกลัวเริ่มเกิดขึ้นมาในใจ ถึงเขาจะยังไม่รู้แต่เขาก็รู้แน่ๆว่ามันต้องไม่ดีแน่ๆ


“ก็ไม่มีอะไรหรอก วันนี้อารมณ์ดีอยากจุดพลุฉลองหน่ะ


“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เวรเอ้ย ปล่อยซิ”เมสซิสดิ้นแรงมาก เขารู้สึกแปลกๆขึ้นมา แม้แต่จักรพรรดิยักษ์เทพตอนนี้ยังสลัดออกมาให้หลุดไม่ได้เลย เห็นได้ชัดเลยว่ามันพึ่งออกมาจากรังไหมได้ไม่นานทำให้มันยังไม่มีร่างความกลัวที่ทรงพลัง


สัญลักษณ์บนเกราะนั้นแผ่ขยายไปเรื่อยๆ จนเกือบจะเต็มเกราะแล้วประกายไปสีม่วงออกมาแสดงให้เห็นถึงอันตราย


โจวเหวินผละตัวออกมาแล้วถอยอย่างไว


“อย่า หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เมสซิสหลุดออกมาได้ อย่างแรกที่เขาจะทำคือถอดเกราะจักรพรรดิยักษ์เทพ แต่มันสายไปแล้ว


มารระเบิดกดระเบิดทันทีพร้อมเสียงระเบิดดังลั่น ความแรงของระเบิดนั้นเทียบเท่าไฮโดรเจนบอมที่ระเบิดแล้วแผ่กระจายแรงระเบิดเป็นวงกว้าง ทำลายทุกอย่างรอบๆให้หายไปเป็นฝุ่นผง

 

 

 


ตอนที่ 857

 

ฆาตกรขั้นสมบูรณ์


เพราะว่าเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดเต็มไปด้วยพลังชีวิตของจักรพรรดิยักษ์เทพนั้นถูกระเบิดด้วยพลังที่อัดแน่นมหาศาล ทำให้เมสซิสไม่มีโอกาสจะได้ร้องด้วยซ้ำ


การตายของมันทำให้โจวเหวินรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเข้ามาในร่างจนวิญญาณชีวิตของเขาเริ่มพัฒนาขึ้นอีกครั้ง


“ในที่สุด ขั้นสมบูรณ์แล้วซินะ”โจวเหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาฆ่าผู้พิทักษ์มาหลายตัวแล้ว ถ้าเกิดเขายังไม่พัฒนาอีกละก็ โจวเหวินก็ไม่รู้ว่าจะไปหาผู้พิทักษ์ฆ่าได้ที่ไหนแล้วเหมือนกัน


วิญญาณชีวิตฆาตกรของโจวเหวินห่อหุ้มตัวของเขาไว้ เดิมทีมันไร้รูปไร้เงาเหมือนกับว่าไม่มีตัวตน พอมาเป็นขั้นพัฒนา มันทำให้โจวเหวินรู้สึกได้ถึงตัวตนของมันเล็กน้อยและสามารถใช้งานมันในรูปแบบวิชาเทพสังหารได้


แต่ความเข้าใจของโจวเหวินที่มีต่อวิญญาณชีวิตนี้ก็ยังน้อยอยู่ดีโจวเหวินสามารถใช้งานมันได้แค่ตอนวิชาเทพสังหารเท่านั้น


ขั้นพัฒนานั้นโจวเหวินสามารถเห็นภาพลางๆของวิญญาณชีวิตได้แล้ว ต่างจากที่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหมือนแต่ก่อน ไม่รู้ว่ามันแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน


วิญญาณชีวิตของเขาค่อยๆผสานกันกันไปมาเรื่อยๆ จนโจวเหวินเริ่มเห็นเค้าโครงของมันอย่างชัดเจน รูปร่างของมันค่อนข้างคุ้นตาเหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง โจวเหวินไม่เห็นหน้าของมัน และไม่ได้เห็นร่างของมันชัดๆ แต่แค่ความรู้สึกมันบอกว่ามันคุ้นเฉยๆ


“หรือว่าจะเป็นผู้หญิงที่ฉันเห็นในความฝันหรือนิมิตรเมื่อนานมาแล้ว”โจวเหวินนึกขึ้นได้ทันที ผู้หญิงที่โจวเหวินเคยฝันถึงตอนที่เขาโดนผีอำช่วงแรกๆที่เขาฝึกวิชานี้ก็ให้ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน


ตอนที่การพัฒนาร่างเสร็จสิ้นลง วิญญาณชีวิตของโจวเหวินก็ยังทำได้แค่เห็นเป็นเงารางๆ วิญญาณชีวิตของเขาไม่ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนหรือเป็นตัวเป็นตนจริงๆ


โจวเหวินอ่านข้อมูลในเกมส์แล้วพบว่าวิญญาณชีวิตฆาตกรนั้น ได้กลายเป็นขั้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว แต่ชื่อกับคำอธิบายของมันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย


สิ่งที่เปลี่ยนอย่างเดียวคือ เขารู้สึกได้ว่าวิญญาณชีวิตของเขามันเติบโตขึ้นจริงๆ ตอนนี้เขาสามารถรับรู้ได้ถึงตัวตนของวิญญาณชีวิตได้แล้ว ส่วนความสามารถอื่นๆ เดี๋ยวค่อยไปลองดูทีหลังก็ได้


“แค่นี้เหรอ นี้คือร่างที่แท้จริงของวิญญาณชีวิตฆาตกรจริงๆเหรอ”โจวเหวินมองแสงและเงาที่สะท้อนอยู่ที่ตัวของเขาเอง เขายังไม่เชื่อเท่าไรว่าสุดท้ายแล้ววิญญาณชีวิตของเขาจะมีแค่นี้ แต่ถึงโจวเหวินจขะไม่เชื่อยังไง ความเป็นจริงมันก็ชัดเจน ว่าวิญญาณชีวิตขั้นสมบูรณ์นั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับขั้นสุดท้ายของระดับชีวิตแล้ว


หลังจากเก็บกวาดซากการระเบิดเรียบร้อยโจวเหวินก็พาหยาเอ๋อขี่อสูรปฐพี รอบนี้เขาไม่ได้รีบเดินทางแล้วแต่เขาก็ไม่ได้ลดความเร็วลงแต่อย่างใด ถนนที่เขาเลือกเดินทางนั้นก็ไม่ใช่ถนนเส้นที่กลับลั่วหยางด้วย


โจวเหวินไม่ได้ตั้งใจจะกลับลั่วหยางตอนนี้ เขาตั้งใจจะเดินอ้อมไปรอบๆพื้นที่คนอยู่ซักพักก่อนเพื่อให้วิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวพัฒนาได้ หลังจากทที่เดินทางมาเป็นเวลา2วันวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวก็เริ่มพัฒนา เหล่าผงธุลีทั้งงหลายเริ่มประกายแสงเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง ถึงโจวเหวินจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรอย่างอื่นได้ไหม แต่เดิมทีมันก็ช่วยเพิ่มความสามารถให้โจวเหวินอยู่แล้ว และตอนนี้มันก็แกร่งกว่าเดิมซะอีก


วิญญาณชีวิต ประกายดาว ขั้นพัฒนา


“การพัฒนาวิญญาณชีวิตนี้มันโคตรง่ายเลยแหะ ถ้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกไม่นานก็คงจะเป็นขั้นสมบูรณ์ได้แน่ๆ ต่างจากอารยมิติที่ตอนนี้ต้องวาปอีกเยอะมากเลยกว่าจะพัฒนาได้ เอาไงดีวะเนี่ย”โจวเหวินคิดไม่ตก


เทพวิหกทมิฬของตระกูลฉางมันวาปได้ไม่จำกัดก็จริงแต่ตระกูลฉางก็ฟักมันออกมาแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโอนมาให้โจวเหวิน แล้วโจวเหวินก็ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับตระกูลฉางขนาดนั้นด้วย


“ค่อยๆเป็นค่อยๆไปละกัน”โจวเหวินเองก็ไม่ได้นิ่งดูดายตอนอยู่ระหว่างทาง เขาก็ได้ศึกษาวิชาเลือดอสูรไปด้วยระหว่างทาง เขาอยากจะรู้ให้ได้ว่ามันเป็นวิชาลมปราณแบบไหนแล้วทำยังไงเขาถึงจะสกัดพลังและวิญญาณชีวิตออกมาได้ การจะสกัดพลังชีวิตออกมานั้นมันไม่ยาก มันคือการรวมเอาวิชาลมปราณที่มีกับพรสวรรค์ของบุคคลๆนั้นมารวมเข้าด้วยกัน ขอแค่มีความเข้าใจในวิชาได้มากพอ เขาก็สามารถทำสำเร็จได้ไม่ยาก


แต่วิญญาณชีวิตนั้น จำเป็นต้องมีพื้นฐานก่อนถึงจะสกัดวิญญาณชีวิตออกมาได้ ซึ่งพื้นฐานที่ว่านั้นสามารถใช้เลือดของผู้พิทักษ์เป็นพื้นฐานได้เหมือนกัน แต่เลือดของผู้พิทักษ์ที่ว่านั้น ต้องเป็นผู้พิทักษ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับวิชานี้


“ไม่รู้ว่าเลือดของจักรพรรดินีจะใช้เป็นพื้นฐานของวิญญาณชีวิตวิชาเลือดอสูรได้ไห””โจวเหวินคิดกับตัวเอง


จนถึงตอนนี้โจวเหวินก็ยังไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของจักรพรรดินีแห่งยอดเขาฉีซือนั้นเป็นอะไรกันแน่ๆ เธออาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติ ผู้พิทักษ์ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้


แต่ถึงอย่างนั้น ที่แน่ๆคือ จักรพรรดินีนั้นอาศัย (หรือโดนขัง) อยู่ที่ภูเขาฉีซือ แล้ววิชาเลือดอสูรนั้นก็เป็นวิชาที่ได้มาจากที่นั้น มันจึงมีความเป็นไปได้สูงว่านางจะมีความเกี่ยวข้องกันได้


“แต่จะว่าไปการจะเอาเลือดจากจักรพรรดินีนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย ถ้าเทียบกับผู้พิทักษ์ตัวอื่นที่ต้องสู้หรือขโมยเลือดมา จักรพรรดินีอย่างน้อยก็ยังพอ (เจรจา) ได้อยู่บ้าง เพียงแค่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรนี้ซิไม่มีทางรู้ได้เลย”โจวเหวินตอนนี้ยังไม่รีบขนาดนั้นเพราะพลังชีวิตของเขาก็ยังไม่ได้เลย


 


ตอนที่โจวเหวินเดินทางไปนั้นเขาก็ศึกษาไปเรื่อยๆ แต่เขาไม่ได้ฝึกไปด้วย เพราะถ้าเกิดจะฝึกเขาก็ต้องสลับวิชาลมปราณไปมาซึ่งมันก็จะทำให้วิญญาณประกายดาวนั้นไม่พัฒนาไปด้วย


หลังจากที่ทำอยู่แบบนั้นเรื่อยๆไม่กี่วันเขาก็ประสบความสำเร็จและสกัดพลังชีวิตออกมาได้ในที่สุด


พลังชีวิต เลือดอสูร


โจวเหวินรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตเลือดอสูรนั้นทำให้ค่าความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมากเป็นพิเศษในค่าร่างกาย


“ดูเหมือนว่าวิชาเลือดอสูรจะเป็นวิชาลมปราณที่เสริมค่าร่างกายซินะ แบบเดียวกับวิชาจุลปรัชญาเลย แต่จุลปรัชญาตอนนี้วิญญาณชีวิตเป็นขั้นสมบูรณ์ไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำให้วิญญาณชีวิตของวิชาเลือดอสูรเป็นขั้นสมบูรณ์แค่นี้ก็เรียบร้อย”


โจวเหวินตอนนี้กังวลเรื่องเลือดที่โจวเหวินจะต้องใช้เพื่อสกัดวิญญาณชีวิตมากกว่า


“จักรพรรดินี ฉันมีข้อเสนอมาให้พิจารณา”โจวเหวินตัดสินใจถามจักรพรรดินีดีๆก่อนว่าเธอจะให้เลือดกับเขาได้ไหม


“มาแปลกแหะ จู่ๆนายก็ทักมาหาฉันเรื่องข้อเสนอก่อนเลยแบบนี้ ไม่กลัวตายบ้างเหรอ ไม่ใช่ว่าพยายามหลบหน้าฉันอยู่ไม่ใช่รึไง”จักรพรรดินีตอบกลับข้อความมา


“จะไปหลบหน้าได้ไงกันละ ช่วงนี้ฉันยุ่งมากๆเลย เลยไม่มีเวลาหน่ะ ถ้ามีเวลาฉันก็คงกลับไปเยี่ยมเยียนเธอที่ภูเขาฉีซือแล้วละ”โจวเหวินพยายามไหลให้ได้มากที่สุด


“อะ โอเค ถ้างั้นก็มาหาฉันซิ ฉันรอฟังอยู่”จักรพรรดินีพูด


“ตอนนี้ฉันอยู่แถบเขตแดนใต้หน่ะ คงกลับไปตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้ากลับไปจะไปหาแน่ๆนะ”โจวเหวินพิมพ์ต่อ “ส่วนเรื่องข้อเสนอหน่ะ ฉันอยากจะขออะไรจากเธอหน่อยจะได้ไหม”


“จะเอาอะไรละ”จักรพรรดินีพิมพ์ตอบสบายๆ


“ฉันอยากได้เลือดของเธอหน่ะ”โจวเหวินกัดฟันแล้วพิมพ์ออกมา เขากังวลใจมากๆ เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีจะรู้สึกยังไงถ้าได้อ่านประโยคนี้

 

 

 


ตอนที่ 858

 

ได้จงฉี


“ได้ซิ”จักรพรรดินีตอบกลับทำให้โจวเหวินดีใจมาก


“จะเอาอะไรเป็นการแลกเปลี่ยนละ”โจวเหวินถามกลับ


“เดี๋ยวนายจะแวะเข้ามาหาฉันไม่ใช่เหรอ งั้นก็ตอนที่นายแวะเข้ามานั้นละเดี๋ยวฉันให้เลือดนายเอง ฉันไม่เอาอะไรหรอก จักรพรรดินีตอบกลับ


โจวเหวินกังวลเล็กน้อย ที่เขาพูดว่าเขาจะกลับไปนั้นจริงๆ แล้วมันเป็นแค่การตอแหล เขาไม่อยากที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีเลย


“ตอนนี้ฉันยังกลับไปไม่ได้อะ ช่วยส่งมาให้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวฉันส่งของที่เธอชอบกลับไปให้ เอาอะไรดีละ ของใช้ไหม โทรศัพท์ไหม หรือเอาพวกของทดลองที่เธออยากจะได้ดีละ”โจวเหวินพูด


“ไม่เอาอะ ถ้านายมานายก็ได้เลือด แต่ถ้านายไม่มาก็ไม่ได้”จักรพรรดินีตอบทำให้โจวเหวินไม่มีทางเลือก


“ถ้างั้นรอก่อนนะ ตอนนี้ฉันยังกลับไม่ได้หน่ะ”โจวเหวินตอบกลับแล้วปิดโทรศัพท์ไป


“ถ้าจะให้พูด ผู้พิทักษ์ตอนอยู่ในรังไหม ร่างกายของงมันเต็มไปด้วยเลือดซินะ แต่พอออกมาจากรังไหมแล้ว เลือดส่วนนึงก็จะผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย ทำให้การเอาเลือดออกมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีจักรพรรดินีอยากให้เราไปหาเพราะแบบนี้ก็ได้มั้ง”โจวเหวินคิด แต่ก็คิดว่ายังไงเขาก็ไม่ควรจะไปที่นั้นอยู่ดี


“ในเมื่อวิชาเลือดอสูรมันชื่อเดียวกับมังกรดำทั้ง9ตัวที่ทะเลใต้ดิน ถ้างั้นเป็นไปได้ไหมว่าผู้พิทักษ์ที่มันเฝ้าอยู่นั้นอาจจะมีคุณสมบัติแบบเดียวกันน่ะ”โจวเหวินเปิดเกมส์แล้วเข้าทะเลใต้ดินไปลองดู แต่ผลที่ออกมานั้นก็เปล่าประโยชน์ วิชาเลือดอสูรไม่สามารถดูดซับได้ โจวเหวินเลยลองไปที่เมืองมด แต่ผลที่ออกมามันก็เหมือนเดิม เลือดของผู้พิทักษ์2ตัวนี้ใช้ไม่ได้เลย


“ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นซินะ”โจวเหวินตอนนี้มีทางเลือกแค่ต้องไปตามหาผู้พิทักษ์ตัวอื่นที่ยังไม่ออกจากรังไหมเท่านั้น


ติ้ง


เพราะว่าตอนนี้วิญญาณชีวิตส่วนใหญ่ของโจวเหวินนั้นเข้าสู่ช่วงคอขวดแล้ว ทำให้โจวเหวินทำได้แค่เล่นเกมส์ฟาร์มไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาฟาร์มเกมส์ทะเลดวงดาวจนมีดวงดาวหงแดงแห่งแดนใต้ทั้ง7ครบหมดแล้ว


สกิลของทั้ง7ดวงนั้นเหมือนๆกับสกิลของสกิลมังกรฟ้ามากๆ มันเป็นวิชาลมปราณผสานที่เมื่อใช้จะมีเงาของพญาหงแดงปรากฏขึ้นมาเหมือนแบบเดียวกับที่มังกรฟ้ามี แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้สกิลมีระดับเพิ่มขึ้นอยู่ดี


“ดูเหมือนว่ามันจำเป็นที่ต้องเก็บดาวให้ครบ28ดวงก่อนซินะถึงพลังจะแผลงฤทธิ์ออกมาได้”โจวเหวินฟาร์มต่อไป


ทั้งดาวเต่าคะนองทิศเหนือกับพยัคฆ์ขาวททิศตะวันตกนั้นหาสกิลได้ยากมาก โจวเหวินลองฟาร์มแล้วฟาร์มอีกแต่ก็ยังไม่ดรอปออกมาซักที


โจวเหวินลองฟาร์มดูหลายรอบ ซึ่งหลายครั้งดวงของเขาก็มาเหมือนกัน บางทีดวงดีๆหน่อยเขาก็สามารถฟาร์มดวงดาวเสือขาวแห่งแดนตะวันตกได้จนครบ ดวงดาวทางตะวันตกทั้ง7ดวงนั้นเป็นสกิลสายป้องกันตัวเองและไม่สามารถพัฒนาระดับได้ทั้งหมด โจวเหวินนั้นแอบๆทรมานตัวเองมากๆ เขาต้องฟาร์มทะเลดวงดาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วต้องมาตามหาสกิลของดาวทั้ง28ดวงอีก ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าถ้ารวมรวบจนครบแล้วจะยังไงต่อ


แต่ถึงอย่างนั้นโจวเหวินก็ยังฟาร์มต่อไปยาวๆ10วันเต็มๆ ไม่รู้ว่าเขาเสียเลือดรีเกมส์ไปกี่ครั้งแล้ว แต่สกิลสุดท้ายนั้นไม่เคยดรอปออกมาซักที แต่โชคยังดีที่ตอนนั้นโจวเหวินฟาร์มมังกรเลือดอสูรแล้วได้ไข่มาอีกตัวพอดี ค่าความสามารถของสัตว์อสูรนั้นเหมือนมังกร2ตัวแรกเป๊ะแต่ะแค่ตัวอักษรเปลี่ยน


มังกรดำทั้ง9ตัวนั้นตอนนี้โจวเหวินมี3ตัวแล้ว แต่3ตัวนั้นก็ยังรวมร่างกันไม่ได้อยู่ดี เพราะไม่ว่าจะรวมร่างกันยังไงเหมือนกับว่ามันยังขาดร่างหลักไปตัวนึงอยู่ดี


“หรือมันจะเป็นไปได้ว่า จริงๆแล้วมังกรเลือดอสูรที่ไม่มีตัวอักษรนั้นแท้จริงแล้วคือร่างต้นที่แท้จริงหน่ะ”โจวเหวินเดา


แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เดาไปก็เท่านั้นเพราะยังไม่ได้ไข่สัตว์อสูรของมังกรดำไร้ตัวอักษรซักที


ทุกๆครั้งที่โจวเหวินรีเกมส์เขาจะเข้าไปฟาร์มเสือโชคดีทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาฟาร์ม มันไม่เคยจะมีไข่ดรอปออกมา มันเป็นความจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับบางตัวจะดรอปไข่ออกมาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


“จงฉีกับมังกรเทียนก็เป็นระดับเร้นลับที่มีแค่ตัวเดียวนะ ทำไมถึงฟาร์มได้ยากจังละ โดยเฉพาะจงฉีนี้ ไม่เคยดรอปออกมาเลยนะ หรือว่าฉันฟาร์มผิดวิธีแบบเดียวกับที่ฟาร์มเมดูซ่ากัน บางทีจงฉีอาจจะต้องมีวิธีพิเศษที่จะดรอปไข่ออกมาอย่างงั้นเหรอ


โจวเหวินคิดถึงความเป็นไปได้ “หรือว่าจะต้องให้สัตว์อสูรที่มีพลังชีวิตชั่วร้ายมาฆ่าถึงจะดรอปไข่สัตว์อสูรกัน”


โจวเหวินคิดแบบนั้นแล้ววางแผนที่จะลองดู


พลังชีวิตของสิงโตเกราะเวทนั้นมันคือความเลวร้าย ถึงมันจะเป็นแค่ระดับมหากาพย์แต่การจะให้มันฆ่าจงฉีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว


โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อโจวเหวิน ตอนนี้โจวเหวินมีสัตว์อสูรระดับเร้นลับมากพอที่จะอัญเชิญทั้งหมดออกมาแล้วโถมเข้าไปในปราสาทจงฉี กระทืบจงฉีให้ปางตาย แล้วเหลือการโจมตีครั้งสุดท้ายไว้ให้สิงโตเกราะเวท


ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนั้นสำเร็จลงอย่างราบลื่นมาก ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โจวเหวินก็ฆ่าจงฉีได้และแจ้งเตือนขึ้น


ติ้ง


“ทำการสังหารสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับ และได้รับไข่สัตว์อสูร”


“ได้จริงๆเหรอเนี่ย”โจวเหวินเปิดปากกว้าง


เขาแค่อยากจะลองดูเฉยๆ ใครจะไปคิดละว่ามันจะได้จริงๆ


“รู้งี้น่าจะลองวิธีแปลกๆนี้มาตั้งนานแล้ว รออะไรอยู่วะเนี่ย”โจวเหวินตอนแรกคิดว่าแค่ฆ่าอย่างเดียวมันน่าจะเพียงพอที่จะดรอปไข่ แต่ที่ไหนได้ มันต้องมีวิธีพิเศษด้วย


จงฉี ระดับเร้นลับ พัฒนาร่างได้


พลังชีวิต สิ้นความดีสดุดีความชั่ว


วิญญาณชีวิต พรรคมาร


กรงล้อแห่งโชคชะตา ป่าเถื่อน


พลัง 81


ความเร็ว 81


ร่างกาย 81


พลังงานลมปราณ 81


สกิล มารสายลม ร่างจำแลงมาร สถิตวิญญาณ กลืนกิน มารวารีปฐพีทลาย


สถานะสวมใส่ สัตว์ขี่


“เป็นสัตว์ขี่ระดับเร้นลับระดับสุดยอดไปเลยนี้หน่า” โจวเหวินดีใจมาก เขาไล่ดูทั้งสกิลและความสามารถต่างๆ แต่ทันใดนั้นสีหน้าของโจวเหวินก็ต้องแย่ลงทันที


เพราะไอ้เจ้าตัวนี้นั้นความสามารถขึ้นตรงกับความชั่วของเจ้าของมัน ถ้าเกิดคนชั่วช้าใช้มันละก็มันจะกลายเป็นสัตว์อสูรที่แกร่งเกินใคร แต่ถ้าไม่ใช่ ค่าความสามารถและสกิลของมันจะเบาลงมากๆ


ถ้าจะให้พูดถึงการทำความดี ถ้าทำความดีทุกรูปแบบค่าความสามารถของจงฉีจะลดลง แต่ถ้าทำชั่ว ค่าความสามารถของมันจะเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ


แถมยังมีสกิลนึงที่ไม่ควรจะมีอยู่ด้วย นั้นก็คือสกิลมารวารีปฐพีทลาย สกิลนี้ไม่ได้เป็นสกิลที่ใช้สำหรับการโจมตีแต่อย่างใด แต่มันเป็นสกิลติดตัวที่จะทำให้คนที่ครอบครองมันนั้นชั่วขึ้นและชั่วขึ้นเรื่อยๆ


“คิดไว้แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้ นี้ฉันได้ไข่อะไรมาวะเนี่””โจวเหวินมองสัตว์อสูรของจงฉีแล้วเริ่มลังเลว่าเขาควรจะฟักมันออกมาดีไหม


ถ้าฟักมันเจ้านี้ก็ถือว่าเป็นสัตว์ขี่ระดับดีเยี่ยม มีความสามารถที่หลากหลาย แต่น่าเสียดายที่อะไรหลายๆอย่างมันเป็นผลเสียกับเจ้าของเองมากไปหน่อย


โจวเหวินมองไข่สัตว์อสูรแล้วไม่รู้จะทำยังไงดีเลย

 

 

 


ตอนที่ 859

 

มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ


หลังจากที่ลังเลอยู่พักใหญ่ๆ โจวเหวินก็ตัดสินใจว่าจะยังไม่ฟักมัน เขาตั้งใจที่จะลองรวมร่างดูกับสัตว์อสูรที่เขามีก่อน


เอาจริงๆ ตอนนี้โจวเหวินอยากจะโยนมันทิ้งแล้วด้วยซ้ำ มันไม่มีสกิลไหนเลยที่ทำให้โจวเหวินรู้สึกว่ามีประโยชน์ ทุกสกิลมันมีข้อเสียหมดเลย สกิลทุกอย่างนั้นจะแข็งแกร่งและรุนแรงขึ้นต่อเมื่อเราทำความชั่ว และมันจะใช้ได้ผลอย่างมากเมื่อใช้ใส่คนดี


ถ้าโจวเหวินเป็นจอมปีศาจที่ฆ่าคนเป็นผักปลาละก็ จงฉีคงเป็นสัตว์อสูรที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาแน่ๆ แต่ปัญหาคือโจวเหวินไม่ค่อยชอบทำเลวเท่าไรด้วย และเขาก็ไม่ได้คิดจะฆ่าคนดีคนบริสุทธิ์ เพราะงั้นการฟักจงฉีออกมามันเป็นความสี่ยงรุนแรงมาก โจวเหวินเลยไม่ค่อยอยากลองดูเท่าไร แต่พอดูไปซักพัก เขาก็พบว่าจงฉีกับสัตว์อสูรตัวอื่นที่เขามีนั้นมันเข้ากันแทบจะไม่ได้เลย แต่ตอนที่เขากำลังจะตัดสินใจทิ้งมันไปนั้นเขาลองอัญเชิญสิงโตเกราะเวทมาแล้วลองเทียบความเข้ากันได้ดู


ค่าความเข้ากันได้มันมีมากกว่า93 ซึ่งเยอะจนน่าตกใจมาก


“รวมร่างกันได้ด้วยเหรอเนี่ย ความเข้ากันได้ของเจ้า2ตัวนี้มันมีเยอะจนเกินเหตตุละนะ”โจวเหวินคิดซักพัก ถึงมันจะเลวยังไงแต่มันก็เป็นระดับเร้นลับที่ยังสามารถพัฒนาได้ต่อ ซึ่งมันอาจจะแกร่งมากๆในอนาคตก็ได้


“ดูเหมือนว่าสิงโตเกราะเวทก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับฉันอยู่แล้ว บางทีการเอามารวมร่างก็อาจจะมีประโยชน์ก็ได้ แบบ ลบลบเป็นบวกอย่างงี้ ถึงมันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแต่มันก็คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วละ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี้”โจวเหวินเกิดความคิดว่าจะลอง เลยกดรวมร่างสิงโตเกราะเวทกับไข่ของจงฉี


ความเข้ากันได้93%นั้นเรียกได้ว่ามันไม่มีทางพลาดเลย ไข่ของจงฉีนั้นเป็นวัตถุดิบเสริมพลังชั้นเยี่ยม จากไข่มันกลายเป็นหมอกแล้วแทรกเข้าไปในร่างของสิงโตเกราะเวท การรวมร่างเสร็จสมบูรณ์สิงโตเกราะเวทไม่ได้เปลี่ยนหน้าตาไปเท่าไร แต่ความรู้สึกที่เห็นมันนั้นเปลี่ยนไปพอสมควรเลย


โจวเหวินเลยรีบเข้าไปดูค่าความสามารถ “ถ้าเกิดสกิลจอมบงการโดนเอาออกไปได้ก็คงจะดีซินะ


มารพยัคฆ์เกราะวิญญาณ ระดับเร้นลับ (สามารถพัฒนาได้


พลังชีวิต เลวทรามต่ำช้า


วิญญาณชีวิต วิญญาณมารพยัคฆ์


กรงล้อแห่งโชคชะตา ป่าเถื่อน


พลังง 81


ความเร็ว 81


ร่างกาย 81


พลังงานลมปราณ 81


สกิล เตาหลอมร้อยเหล็กไหล บุกทะลวง คำสาปหินเวทย์ คนสัตว์ขี่ผสานเป็น1 ปืนเจาะเกราะ ขี่มาร มารวารีปฐพีทลาย จอมบงการ


…. โจวเหวินอ่านค่าความสามารถแล้วงงแตกทันที ค่าความสามารถของมันนับว่าเป็นระดับดับสุดยอดแล้ว มันเป็นสัตว์อสูรที่เก่งขนาดที่มี8สกิล เป็นครั้ง+แรกที่โจวเหวินรวมร่างได้สกิลมาเยอะกว่านี้ แถมยังงมีโอกาสพัฒนาต่อไปได้ในอนาคตอีก แต่สกิลจอมบงการก็ยังอยู่ อันนี้โจวเหวินยอมรับได้ แต่สกิลมารวารีปฐพีทลายก็เสือกมาด้วยซะงั้น


“มีทั้งสกิลจอมบงการทั้งสกิลมารวารีปฐพีทลาย แบบนี้ฉันจะได้ตายก่อนได้ใช่งานมันไหมเนี่ย “ โจวเหวินตอนนี้เริ่มอยากจะทำลายสัตว์อสูรตัวนี้ทิ้งแล้ว


แต่ถึงอย่างนั้น พอโจวเหวินมานั่งคิดดูดีๆอีกที เขาก็เริ่มลังเล เพราะยังไงตั้งแต่อยู่กับเขามา สกิลจอมบงการนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับเขา การมีสกิลมารวารีปฐพีทลายก็คงไม่ต่างอะไรกันเท่าไร


“ลองดูไปก่อนละกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยไปหาวิธีฆ่ามันทิ้งทีหลัง” โจวเหวินคิดแบบนั้นก่อนจะเก็บมารพยัคฆ์เกราะวิญญาณกลับเข้าตัว แล้วก็เรียกเสือโชคดีออกมาเพื่อให้ดวงดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ซึ่งหลังจากทำแบบนั้นแล้วโจวเหวินก็รู้สึกได้ว่าดวงของเขามันดีขึ้นจริงๆ เพราะยังไงตอนนี้โจวเหวินก็มีค่าดวง12แต้มเล้ว ถึงจะมีอะไรทำให้ดวงซวยมากมาย แต่อย่างน้อยไม่มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นก็ดีมากๆแล้ว


ตอนนี้วิญญาณชีวิตประกายดาวยากที่จะพัฒนายิ่งกว่าธุลีดาวซะอีก โจวเหวินเดินทางไปเรื่อยๆแล้วพบว่าถึงแม้ว่าประกายดาวจะเติบโตขึ้นก็จริง แต่มันเติบโตในแบบที่ช้ามากๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่รู้ว่าต้องไปไหนมาไหนอีกกี่ที่กว่าที่มันจะพัฒนาเป็นขั้นสมบูรณ์


เส้นทางที่โจวเหวินเดินทางไปนั้นส่วนมากเป็นถนนที่มนุษย์ยังใช้งานอยู่หมดดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยจะได้เจอปัญหาอะไรมาก ทุกวันนี้โจวเหวินขี่วัวยักษ์ต้าเหว่ยแล้วออกเดินทางไปตามภูเขาสายลม พอตกดึกเขาก็ยังออกจากเขตภูเขาไม่ได้ เบื้องหน้าของเขานั้นมีเพียงแค่ภูเขาแล้วภูเขาเล่า ถนนนั้นเป็นเหมือนกับงูที่เลื้อยพันไปมาตามภูเขา


โจวเหวินเดินต่อไปแล้วพบว่ามีรถบรรทุกขนาดใหญ่มากมายจอดเรียงกันอยู่ตามถนนด้านหน้าของเขาเหมือนกับเป็นกองคาราวานขนส่งหรืออะไรซักอย่างแต่ไม่รู้ว่าพวกเขามาทำอะไรกันที่นี้ ปรกติแล้วกองคาราวานขนส่งนั้นจะจอดในที่ประจำทนั้น ปรกติมันไม่มีทางจอดกลางภูเขาในกลางดึกแบบนี้แน่ๆ


ด้านหลังของกองรถนั้น มีคนเฝ้ายามหลายๆคนที่สวมชุดทหารพอ พวกเขาเห็นวัวยักษ์ต้าเหว่ย พวกเขาก็พงะ ทหารหลายๆคนวิ่งมาจากกองพันแล้วยกปืนขึ้นเตรียมเล็งยิงที่วัวยักษ์


แต่พอพวกเขาเห็นโจวเหวินนั่งอยู่บนหลังวัวยักษ์ พวกเขาก็สบายใจขึ้นมาเปราะนึง แต่ก็ยังไม่ไว้วางใจ เล็งปืนไปที่พวกเขาต่อ “


“พวกเราคือกองขนส่ง คุณเป็นใครกัน”เจ้าหน้าที่ตะโกนหาโจวเหวินไกลๆ


“นักศึกษาของมหาลัยซีหยางครับ ผมกำลังจะกลับมหาลัย เกิดอะไรขึ้นที่นี้เหรอครับ”โจวเหวินไม่ได้วิ่งต่อ เขาให้วัวยักษ์หยุดตรงนั้นแล้วถาม


“ไม่รู้ว่าทำไมถนนปังฉางถึงถล่มลงมาซะอย่างงั้นเลย รถของเราขับผ่านต่อไปไม่ได้ตอนนี้เรากำลังหาวิธีแก้กันอยู่ ถ้าเกิดนายไม่มีสกิลบินละก็ แนะนำว่าให้เปลี่ยนเส้นทางไปต่อจะดีกว่านะ”เจ้าหน้าที่พูด


“ผมบินได้ครับ แต่ผมบินได้ไม่ไกล ขอผมดูสถานการณ์ตอนนี้หน่อยได้ไหมครับ”โจวเหวินพูด


เจ้าหน้าที่คุยกันไปมาก่อนจะพูด “ได้ มาได้แต่ต้องเอาสัตว์อสูรออกไปก่อน”


โจวเหวินเก็บวัวยักษ์ต้าเหว่ยแล้วเดินตรงเข้ามาพร้อมหยาเอ๋อในมือ


“เป็นนักศึกษามาเดินทางบนถนนในเวลากลางคืนมันก็อันตรายพอแล้ว ทำไมถึงมีเด็กทารกมาด้วยละ”เจ้าหน้าที่มองหยาเอ๋อในมือ


อาจจะเป็นเพราะว่าโจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อมาด้วย เจ้าหน้าที่ทหารเลยยอมให้โจวเหวินผ่านเข้ามาได้


“โลกนี้มันโหดร้ายครับ ครอบครัวของเธอเสียไปแล้ว ผมเก็บเธอมาได้แล้วจะพาเธอกลับมหาลัยครับ”โจวเหวินพูด


ทหารเริ่มสงสาร บรรยากาศผ่อนคลายลงมากแล้ว


“โลกมันก็แบบนี้ละนะ”เจ้าหน้าที่ถอนหายใจแล้วหลีกทางให้


ถนนบนภูเขานั้นพังระเนระนาด คาดการณ์ว่ามีภูเขาพังนับ100เมตร เจ้าหน้าที่ระดับมหากาพย์ใช้สัตว์อสูรบินได้ค่อยๆเคลื่อนย้ายสัมภาระและรถข้ามไปทีละคัน แต่ถึงอย่างนั้น สัตว์อสูรบินได้ที่ยกของหนักๆได้นั้นมีแค่3ตัวเท่านั้น ทำให้ความเร็วในการขนส่งนั้นช้ามากๆ โจวเหวินมองถนนที่ถูกตัดขาดแล้วขมวดคิ้ว


ถนนบนภูเขานั้นถล่มลงมาแบบยับเยิน แถมยังมีร่องรอยของอะไรบางอย่างขนาดใหญ่บนภูเขาอีกด้วย โจวเหวินยมองมันซักพักแล้วพบว่ามันไม่เหมือนกับการที่หินถล่มตามธรรมชาติเท่าไรเลยมันไม่ได้เหมือนกับอะไรบางอย่างใหญ่ๆมาชนด้วย แต่มันเหมือนกับอะไรบางอย่างมากินภูเขาไปซะมากกว่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)