I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 844-847
ตอนที่ 844
ปะทะมารแล้ง
สิ่งมีชีวิตตัวนั้นมันแปลกประหลาดมาก ตัวท่อนล่างของมันเป็นเหมือนงูหรือปลา มีกรงเล็บเหมือนมังกรที่ตัวท่อนบน หัวเหมือนมังกร ไม่มีเขา ดูแปลกประหลาดมาก มันนอนเงียบๆอยู่ในหลุม โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมเบม่อนถึงยืนนิ่งอยู่ข้างนอกหลุมแบบนั้น เอาแต่จ้องมองเข้าไปข้างใน
โจวเหวินเลยเปลี่ยนใจอัญเชิญตรีสูญออกมาแล้วส่งมันเข้าไปโจมตีสัตว์ประหลาดที่อยู่ในหลุม
แต่ตรีสูญนั้นพอเข้าใกล้หลุมศพมันก็สูญเสียการควบคุมแล้วตกลงมาอยู่ที่ขอบหลุมทันที
โจวเหวินส่งสัตว์อสูรไปอีกหลายตัวเข้าไปในนั้นแต่ผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม ถ้าเกิดมีตัวอะไรเข้าใกล้หลุมศพมากกินไป มันจะยืนนิ่งเหมือนกับว่าโดนสะกด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรืออยู่ในรูปแบบอาวุธทุกอย่างที่เป็นสัตว์อสูรเป็นเหมือนกันหมด
“สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ที่นั้นมันแปลกมากเลยเว้ย ตอนแรกก็หน้ากากวิญญาณมาร แล้วนี้ยังจะมีสัตว์ประหลาดตัวนี้อีก ความสามารถของมันก็ประหลาดมากๆด้วย”โจวเหวินคิดแล้วลองอัญเชิญสดับวานรให้เข้าไปในหลุมดู
แต่รอบนี้ สดับวานรนั้นไม่ยืนนิ่ง มันเปิดใช้นิพพานอเวจีขั้น2แล้วพุ่งเข้าใส่สัตว์ประหลาดตัวนั้นก่อนจะใช้กรงเล็บฉีกกระชากมันออกมา สัตว์ประหลาดไม่ทันจะขัดขืน ตายไปในทันที ทำให้เบม่อนและสัตว์อสูรตัวอื่นกลับมาได้สติอีกครั้ง
“โชคดีนะเนี่ยที่สัตว์อสูรของเรายังมีเหลือเฟือ ความสามารถหลากหลายแบบนี้คนปรกติไม่มีทางจัดการกับเจ้าตัวพวกนี้ได้เลย”โจวเหวินคิดในใจ
“ทำการสังหารระดับเร้นลับ มารแล้ง”แจ้งเตือนในเกมส์เด้งขึ้นมา
“ระดับเร้นลับอีกแล้วเหรอ มันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั้นกันน่ะ เป็นอมรณาแน่ๆเหรอ”โจวเหวินคิดแล้วถ้ามันเป็นอมรณาทำไมถึงมีระดับเร้นลับตั้ง2ตัวคอยเฝ้าระวังกันละ
หลังจากที่มารแล้งถูกทำลายไปแล้ว โจวเหวินก็สั่งการให้เบม่อนขุดต่อ เขาอยากจะรู้ว่ามันจะยังมีมารแล้งเหลืออยู่ในสุสานอีกไหม
เบม่อนได้รับคำสั่งก็ขุดลงไปเรื่อยๆ ไม่นานหลังจากขุดลงไป จากที่เคยเป็นหินเวทย์มนตร์ข้างใต้นั้นกลับหลอมละลายกลายเป็นลาวา
แต่เบม่อนไม่กลัวลาวาอยู่แล้ว มันดูดกลืนลาวาลงท้องจนหมดก่อนจะปรากฏภาพของอะไรบางอย่างข้างล่างนั้น โจวเหวินเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่หินเวทมนตร์ แต่มันคือโลหะสีดำที่หล่อขึ้นรูปเป็นเตียง มีฟูกบนเตียงและด้านบนมีเหมือนมุ้งผ้าโปร่งแสงห้อยลงมากั้นระหว่างเตียงกับโลกภายนอกเอาไว้
ลาวาทั้งหลายนั้นโดนมุ้งนั้นกั้นเอาไว้ทำให้ลาวาไม่ไหลลงมาที่เตียงฃ
บนเตียงนั้นเอง มีหญิงสาวสวยมากๆนอนหลับอยู่ เธอนอนหลับตาพริ้มดูไม่มีพิษภัย สวยงามระดับที่เหนือเกินจินตนาการของชายใดๆและยากที่จะจินตนาการต่อได้ว่าจะสวยมากแค่ไหนถ้าเธอลืมตาขึ้นมา
ผู้หญิงสวมชุดนอนเดรสสีแดงยาว รูปร่างและทรวดทรงที่ดูอรชรกับเสน่ห์ถึงขนาดที่ว่าขนาดภาพกราฟฟิกเกมส์ยังทำให้ผู้ชายที่มองรู้สึกหลงเสน่ห์มากๆได้
ถ้าเป็นในความเป็นจริงไม่รู้ว่าเธอจะยั่วยวนขนาดไหน
แต่โจวเหวินนั้นไม่มีอารมณ์จะมามองความสวยของเธอ เขาตั้งการ์ดสูงทันที เพราะผู้หญิงคนนี้ มีกลิ่นอายที่เขาคุ้นเคย มันไม่ใช่กลิ่นอายของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต่างมิติ แต่เป็นกลิ่นอายของผู้พิทักษ์
แต่ผู้พิทักษ์ปรกตินั้นจะอยู่ในรังไหม แต่หญิงสาวคนนี้นอนอยู่บนเตียง ซึ่งทำให้รู้ได้เลยว่า เธอนั้นออกมาจากรังไหมได้แล้ว
และเท่าที่โจวเหวินรู้มานั้น ผู้พิทักษ์จะไม่สามารถออกมาจากรังไหมด้วยพลังของตัวเองได้ ยกเว้นแต่ว่าจะมีใครบางคนมาทำลายรังไหมผู้พิทักษ์ให้ หรือใครบางคนมาทำสัญญากับเธอ แต่การที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ในรังไหม แปลว่าไม่เพราะเธอเคยได้ทำสัญญากับมนุษย์มาแล้วก็มีใครบางคนทำลายรังไหมของเธอ
“ตระกูลฉางคอยเฝ้าระวังสุสานมารนี้มานานมากแล้วนี้ มันน่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครขุดลงมาในนี้เพื่อมาทำสัญญากับผู้พิทักษ์แน่ๆ เพราะงั้นมันมีความเป็นไปได้2อย่าง คือ1 คนในตระกูลฉางมีใครซักคนได้เคยทำสัญญากับผู้พิทักษ์นี้แล้ว หรือไม่ก็มีอีกอย่างนึง คือผู้หญิงคนนี้ คือผู้พิทักษ์ที่เหลือรอดจากสงครามเมื่อ100ปีก่อน”โจวเหวินคิด แต่ในตอนนั้นเอง หญิงสาวคนนั้นก็ลืมตาขึ้น
ดวงตาสีแดงฉานจ้องมาที่โจวเหวิน ถึงแม้ว่าเธอจะดูสวยงามมากแล้วหลังจากลืมตา แต่มันก็ทำให้กลัวได้ และมันไม่มีความรู้สึกอ่อนนุ่มฟูของผู้หญิงหลงเหลือในนั้นเลย
ดวงตาสีแดงของเธอนั้นจ้องตรงมาที่โจวเหวินเหมือนกับกำลังมองคนที่กล้าปลุกเธอจากความฝัน
แต่จู่ๆโจวเหวินก็ขนลุกซู่ขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงอันตรายแบบถึงชีวิต โจวแหวินคิดขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เขาสวมผู้คลุมล่องหนอยู่ แต่เธอกลับมองตรงมาทางเขา หมายความว่าผ้าคลุมล่องหนใช้งานไม่ได้กับเธอเหรอ
โจวเหวินเลือกที่จะเปิดก่อนได้เปรียบ เขาสั่งเบม่อนให้คำรามแล้วพุ่งเข้าใส่ผู้หญิงบนเตียงทันที เบม่อนขยายร่างใหญ่แล้วต่อยหวังจะทำลายไปทั้งผู้หญิงคนนั้นและเตียงเลย
แต่หมัดของเบม่อนยังไม่ทันถึง ผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งก่อนจะแหวกมุ้งด้านบนของเธอ และทันใดนั้นเองเปลวเพลิงมหาศาลก็ไหลทะลักออกมาจนโจวเหวินตอบโต้ไม่ทัน สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือไฟเต็มหน้าจอแล้วตัวละครของโจวเหวินก็ตาย
“อะไรวะเนี่ย”โจวเหวินเปิดเกมส์ใหม่อีกรอบ เขาอยากจะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้น ภาพไอค่อนเกมส์สุสานมารกลับจางลงแล้วกดเข้าไปไม่ได้ พร้อมตัวเลขนับถอยหลัง24ชั่วโมงข้างใต้ หมายความว่าต้องรอ24ชั่วโมงกว่าจะกลับเข้าไปใหม่ได้
โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าเขาอยากเข้าไปมากๆ ในที่สุดเขาก็ได้เจอผู้พิทักษ์อีกตัวซักที นี้อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้วิญญาณชีวิตฆาตกรของเขาเป็นระดับสมบูรณ์ก็ได้
“ตอนนี้ฉันมีต้นกล้วยเซียนแล้ว ถึงจะต้านทานพลังไฟของผู้พิทักษ์ไม่ไหว แต่อย่างน้อยก็ขอลองดูหน่อยละกันวะ”โจวเหวินคิด “สุสานมารมีผู้พิทักษ์ซ่อนอยู่จริงๆด้วย หรือว่าอมรณาที่ตระกูลฉางพูดถึงคือผู้พิทักษ์งั้นเหรอ
โจวเหวินคิดไปคิดมาแล้วก็รู้สึกว่าผู้พิทักษ์ตัวนี้น่าจะเป็นผู้พิทักษ์ที่รอดมาได้จากสงครามผู้พิทักษ์ครั้งที่ผ่านมา
ตอนนี้โจวเหวินนั้นเริ่มมีความสงสัยขึ้นมา อย่างแรกเลยคือสงครามระหว่างจักรพรรดิเหลืองกับฉีหยูนั้น อาจจะเป็นสงครามผู้พิทักษ์ก็ได้ และในตอนนั้นก็มีผู้พิทักษ์จำนวนมหาศาลมาเข้าร่วมด้วย
“ผอ.เก่าหายตัวไปหลังจากศึกษาซากสมรภูมิจงลู่ที่น่าจะเป็นซากของสงครามผู้พิทักษ์ หรือว่าสิ่งที่ผอ.เก่าทิ้งไว้ให้นั้นจะเป็นโอกาสที่มนุษย์จะเอาชนะพวกผู้พิทักษ์ได้จริงๆกัน”โจวเหวินคิด
เขาไปฟาร์มเกมส์อื่นรอ24ชั่วโมงอันยาวนาน โจวเหวินเข้าเกมส์ไปอีกรอบแล้วพบว่า สุสานมารนั้นกลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว โจวเหวินสั่งเบม่อนขุดลงไปททันทีแล้วโจวเหวินก็เข้าไปฟันหน้ากากวิญญาณมารก่อนที่มันจะขึ้นมาซะอีก
แต่พอโจวเหวินไปถึงรังของมารแล้ง จู่ๆโจวเหวินก็หน้าจอดับแล้วตายคาที่ไป
เขาอึ้ง หน้าจอเกมส์ดับไปพร้อมกับคูลดาวน์24ชั่วโมงของเกมส์อีกครั้ง
“อะไรวะเนี่ย นี่ต้องรอ24ชั่วโมงต่อการตาย1ครั้งเลยเหรอ เกมส์นี้มันจะแปลกเกินไปแล้วนะ”โจวเหวินเหลืออด
ตอนที่ 845
เทพี
“ดูเหมือนว่าเราจะสามารถเข้าไปในหลุมได้เฉพาะตอนที่หายตัวด้วยแหะ เมื่อกี้ลงไปตรงๆตายทันทีเลย ครั้งที่แล้วฉันหายตัวเข้าไปดูเหมือนมันจะมองไม่เห็นฉัน ฉันเลยไม่ตายซินะ”โจวเหวินคิดในใจ
“ถ้าเกิดอยากจะบุกเข้าไปในนั้นจริงๆ มันยากมากๆเลยนะเนี่ย สัตว์อสูรที่มีอย่างน้อยต้องมีเบม่อน มีผ้าคลุมล่องหน มีสดับวานร แถมถ้าเกิดอยากจะรับมือกับผู้พิทักษ์ได้ ก็ต้องมีสัตว์อสูรที่สามารถคุมไฟได้อีก อย่างน้อยก็ต้องมีสัตว์อสูรระดับเร้นลับ4ตัวเลยนะเนี่ย คนธรรมดาที่ไหนจะไปหาสัตว์อสูรเยอะขนาดนี้ได้ แม้แต่ตระกูลฉางเองยังยากเลย”
“แต่ถึงอย่างนั้น การที่จะจัดการกับปัญหาของตระกูลฉางได้นั้นมันไม่น่าจะต้องฆ่าผู้พิทักษ์นะ ขอแค่ฆ่าหน้ากากวิญญาณมารกับมารแล้งได้ก็น่าจะพอแล้ว” โจวเหวินคิดอยู่ว่าจะช่วยฉางหยูฉีได้ยังไงนั้นเอง จู่ๆฉางหยูฉีก็โทรมา
“กลับมาเมื่อไรเนี่ย”โจวเหวินถาม
“พึ่งกลับมานี้เอง…”เสียงของเธอนั้นเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “โจวเหวิน ฉันขอโทษนะ แต่งานประมูลรอบนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยละ”
“ไม่ใช่ว่าอสูรปฐพีมีไว้สำหรับประมูลอยู่แล้วเหรอ”โจวเหวินพอจะเข้าใจได้ว่าในสถานการณ์คับขันแบบนี้ ตระกูลฉางเองก็คงไม่มีอารมณ์มาจัดงานประมูลเหมือนกัน
“งานประมูลยังคงมีตามเดิม แต่จะจัดขึ้นล่วงหน้าด้วย แต่รอบนี้เงื่อนไขของงานประมูลไม่ใช่เงินอีกต่อไปแล้ว แต่ใครก็ตามที่สามารถแก้ไขปัญหาภายในสุสานมารได้ ก็จะได้ไข่สัตว์อสูรของอสูรปฐพีไปเลย”ฉางหยูฉีพูด
“แบบนั้นก็ดีเลยซิเข้าทางเลย”โจวเหวินดีใจมาก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมสุสานมารถึงเป็นแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มั่นใจ100%ว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาในสุสานมารได้ เขาควรจะลองดูอีกหลายรอบหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
ที่แน่ๆคือในการจัดการปัญหาของตระกูลฉางนั้นมันไม่จำเป็นต้องฆ่าผู้พิทักษ์ก็ได้ เพราะงั้นเขาถึงมั่นใจมากๆว่าเขาทำได้แน่ๆ แต่เขาเองก็ยังต้องฟาร์มเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อลดความเสี่ยง ให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาจริงๆ
“ฉันเองก็หวังให้มีคนมาแก้ไขปัญหาตอนนี้ได้ซักที ไม่งั้นตระกูลฉางต้องแย่แน่””ฉางหยูฉีตอนนี้เหนื่อยมากๆ เธอไม่ได้คุยอะไรกับโจวเหวินต่อ เธอวางสายทันทีที่พูดจบ
“งานประมูลจะเริ่มขึ้นในอีก2วัน เวลากระชั้นชิดเอาเรื่องเลยแหะ แต่มันก็น่าจะพอในการยืนยันละนะ”โจวเหวินตัดสินใจที่จะเอาไข่ของอสูรปฐพีมาให้ได้
เอาจริงๆ เขาต้องใจจะช่วยฉางหยูฉีแต่แรกอยู่แล้ว การได้ไข่สัตว์อสูรมาเพิ่มนั้นก็ถือว่าเป็นโบนัสไปด้วยเลย
“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ต้องหาทางปิดบังสัตว์อสูรของฉันด้วยซินะ”โจวเหวินคิดว่าจะทำยังไงถึงจะซ่อนพลังของสัตว์อสูรของเขาได้ เพราะว่าการบุกสุสานมารนั้นมันต้องใช้สัตว์อสูรเยอะมากๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้ เบม่อน สดับวานรแล้วก็ผ้าคลุมล่องหนแน่ๆละ
ตอนที่เกมส์สุสานมารเปิดขึ้นอีกครั้งนั้น โจวเหวินก็รีบเข้าไปทันที รอบนี้โจวเหวินพยายามสู้แบบมีแบบแผนที่สุดเท่าที่ทำได้
อันดับแรกให้เบม่อนขุดเพื่อปลุกหน้ากากวิญญาณมารขึ้นมา ก่อนที่โจวเหวินจะหายตัวเข้าไปหลุมแล้วฆ่าหน้ากากวิญญาณมาร ก่อนจะขุดต่อลงไปจนถึงมารแล้ง แล้วให้สดับวานรฆ่ามารแล้ง ขั้นตอนทุกอย่างนั้นสมบูรณ์แบบมากๆ
โจวเหวินรอไปซักพักนึงเพื่อให้มั่นใจว่าหินเวทย์มนตร์พวกนั้นจะไม่งอกขึ้นมาใหม่ หรือไม่มีหน้าคนโผล่ขึ้นมาอีก สัตว์อสูรที่ไปแตะหินเวทย์ก็ไม่กลายเป็นหินและไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนจู่ๆก็เดินลงไปในสุสานอีก
“พอรู้แล้วก็ง่ายเลยแหะ เอาละทีนี้ไม่เสียเวลาดีกว่า ต่อไปลองใช้ต้นกล้วยเซียนสู้กับไฟของผู้พิทักษ์ดูละกัน”โจเวหวินบอกเบม่อนให้ขุดลงไปต่อ
หลังจากนั้นไม่นานเบม่อนก็ขุดไปจนถึงหญิงสาวคนนั้นอีกครั้ง หญิงสาวคนนั้นเหมือนกับครั้งที่แล้วเปิดมุ้งออกมาก่อนที่เปลวเพลิงจะทะลักท่วม รอบนี่เขาใช้ต้นกล้วยเซียนที่อยู่หลังโจวเหวินเป่าลมมหาศาลด้วยพลังของสายลมแรกแห่งสามภพ
ในพริบตานั้นเอง เปลวเพลิงที่เคยท่วมหน้าจอนั้นโดนดันกลับไปด้วยสายลมเย็นเฉียบ แม๊กม่าลาวาที่ไหลเข้ามานั้นโดนลมเย็นจนมันแข็งกลายเป็นหิน
เตียงโลหะรวมไปถึงหญิงสาวคนนั้นโดนลมซัดอย่างแรงจนกระเด็นไปไกล ซะจนเห็นเป็นแค่จุดดำๆ ไม่รู้ว่าไปไกลถึงขนาดไหนแต่ที่แน่ๆ มันไกลกว่าที่จะเห็นในเกมส์ได้แล้ว
“สมแล้วที่แป็นสายลมแรกแห่งสามภพ แรงโคตรเลย”โจวเหวินดีใจมาก แม้แต่ผู้พิทักษ์ยังต้านทานแรงลมของต้นกล้วยเซียนไม่ไหวเลย
“คำเตือน คำเตือน เทพีกลายเป็นร่างความกลัว เทพีกลายเป็นร่างความกลัว…”ตอนที่โจวเหวินกำลังดีใจนั้นเอง อักษรสีแดงตัวใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในเกมส์เป็นเหมือนคำเตือนเวลาเจอบอสใหญ่ในเกมส์
“ร่างความกลัว…อะไรนะ”โจวเหวินตอบสนองไม่ทัน เขารู้สึกได้ว่าร่างความกลัวที่ว่าน่าจะเป็นระดับความกลัวที่สัตว์อสูรผมเงินพูดถึง โจวเหวินจำได้ว่าสัตว์อสูรส่วนมากในโลกนี้นั้นเป็นแค่ระดับความกลัว แต่เขาไม่ได้บอกอะไรอื่นๆมากกว่านี้อีก
ตอนที่โจวเหวินกำลังสับสนอยู่นั้นเอง โจวเหวินก็เห็นโลกทั้งโลกเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง เหมือนกับว่ากำลังจะลุกท่วมไปด้วยไฟ ร่างสีแดงพุ่งทยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ทุกที่ๆร่างนั้นบินผ่าน จะติดไฟทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอากาศหรือภูเขา
เพราะว่าร่างนั้นอยู่ห่างออกไปมากททำให้โจวเหวินมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ที่แน่ๆมันน่าจะเป็นผู้หญิงชุดแดงหรือ”เทพี”ตนนั้นแน่ๆ แต่เทพีตนนั้นต่างออกไปจากเดิมก่อนหน้านี้เทพีนั้นสวมชุดเดรสสีแดง แต่ตอนนี้ร่างทั้งร่างของเธอลุกท่วมไปด้วยไฟ ไฟนั้นไม่ได้ลุกท่วมแค่ภายนอก แต่ทั้งร่างกายของเธอมันกลายเป็นไฟทั้งหมด ผมสายติดไฟ เซลทุกอณูร้อนแรงมากจนหลอมอากาศได้ ดวงตาสีแดงก่ำเหมือนกับแม่มดเพลิงในตำนาน แค่เห็นก็รู้แล้วว่านี้คือภัยร้ายแรงถึงชีวิต ตอนที่เธอมาถึงนั้น ภูเขาทั้งภูเขาไหม้เป็นจุล แม่น้ำแห้งเหือดในทันที แผ่นดินแห้งแล้งเป็นสีแดง
โจวเหวินรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลแบบที่เขาไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย
เบม่อนคำรามขึ้นฟ้าแล้วต่อยขึ้นไปที่เทพีที่รอยอยู่บนอากาศ ตอนนี้มันใช้สุดยอดพลังอยู่หมัดที่ปล่อยออกไปนั้นมันแรงพอที่จะระเบิดภูเขาได้เลย
แต่เทพีนั้นแค่มองเบม่อนอย่างเหยียดหยาม แต่นางไม่ทำอะไรเลย หมัดอันทรงพลังของเบม่อนกลับแตะต้องตัวเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมือนกับว่ามีไฟที่มองไม่เห็นรับหมัดนั้นเอาไว้
ตอนที่ 846
ความกลัว
ไฟบนตัวเทพีนั้นลุกท่วมก่อนจะระเบิดออกมาส่งให้ร่างของเบม่อนนั้นกระเด็นออกมาเป็นลูกไฟ ไฟที่แผดเผานั้นรุนแรงมากแม้แต่เบม่อนก็ไม่อาจต้านทานได้
หุบเขาทั้งหุบเขานั้นกลายเป็นทะเลเพลิง ตอนนี้ที่ทำให้ตัวละครของโจวเหวินไม่ไหม้ตายไปซะก่อนก็เพราะว่ามีต้นกล้วยเซียนคอยเป่าลมเย็นให้อยู่ข้างๆนี่ละ
พอเห็นว่าเบม่อนกำลังจะโดนไฟไหมตาย โจวเหวินก็รีบอัญเชิญมังกรเทียนออกมาแล้วให้มันใช้ดวงตากระจกแต่สิ่งที่ดวงตากระจกสะท้อนไปได้นั้นมีเพียงแค่ทะเลเพลิงเท่านั้นมองไม่เห็นเทพีเลยแม้แต่น้อย
“นี้มันอะไรกันวะเนี่ย แม้แต่มังกรเทียนก็ใช้ไม่ได้งั้นเหรอ หรือว่าเป็นเพราะมันอยู่ในร่างความกลัวกัน”โจวเหวินตกใจมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาคิดอะไรแล้ว เพราะทะเลเพลงล้อมเข้ามาจนเผาตัวละครของโจวเหวินจนไหม้ไปในที่สุด
“ร่างความกลัวงั้นเหรอ นี้ซินะพลังที่แท้จริงของระดับเร้นลับหน่ะ”โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่ที่เขาเจอมา เทพีนั้นคือสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว
“แม้แต่ผู้พิทักษ์ในเมืองมดหรือในทะเลใต้ดินยังสู้พลังแบบนี้ไม่ได้เลย ฉันเองก็ยังไม่รู้ด้วยซิว่าเจ้า2ตัวนั้นมันจะมีร่างความกลัวด้วยไหม”โจวเหวินคาดเดาว่าไม่น่ามี หรือไม่โจวเหวินก็ยังทำให้มันกลายร่างออกมาไม่ได้
ถ้าเกิดผู้พิทักษ์ตนไหนจะมีร่างความกลัวได้ละก็ ตัวนั้นก็น่าจะเป็นผู้พิทักษืในท่อนไม้ที่ตอนนี้ไปอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามนั้นละ
ผู้พิทักษ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยออกจากรังไหมนั้นส่วนมากจะไม่ค่อยมีกัน
“จะว่าไปแล้วร่างความกลัวนั้นมันได้มาได้ยังไงกันสัตว์อสูรสามารถไปถึงขั้นนั้นได้ไหมนะ”โจวเหวินคิด
จู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้แล้วคิดในใจ “จะว่าไปแล้ว บางทีจักรพรรดินีอาจจะมีร่างความกลัวด้วยเหมือนกันนะเนี่ย”
หลังจากคิดซักพักแล้วส่งข้อความไปหาจักรพรรดินี “ท่านจักรพรรดินี ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม เธออยู่ในระดับความกลัวรึเปล่า”
โจวเหวินไม่ได้คิดว่าจักรพรรดินีจะตอบ แต่เธอกลับตอบกลับมาซะงั้น “ถ้าฉันอยู่ในระดับนั้นแล้วนายรู้อะไรอีกละ”
“ฉันรู้มาอีกว่ามันมีร่างความกลัวด้วย เธอน่าจะเป็นระดับนั้นซินะ”
“ร่างความกลัวงั้นเหรอ สำหรับมนุษย์อย่างพวกนาย ร่างความกลัวอาจจะไร้เทียมทาน แต่ต่อหน้าจักรพรรดินีผู้นี้ ร่างความกลัวอะไรนั้นก็เป็นแค่ขยะแหล่ะ”จักรพรรดินีพูด “นายคงจะไปเจอร่างความกลัวมาแล้วซิท่า ไม่งั้นนายคงไม่มาถามแบบนี้หรอก”
“สมแล้วที่เป็นท่านจักรพรรดิน””โจวเหวินพยายามล่อซื้อหวังว่าจักรพรรดินีจะพูดออกมามากกว่านี้
ซึ่งจักรพรรดินีก็พูดต่อจริงๆ “ในทางทฤษฏีแล้ว ระดับเร้นลับที่มีร่างความกลัวนั้นก็คือระดับเร้นลับที่แท้จริง แต่ไม่ใช่ระดับเร้นลับทุกตัวจะมีร่างความกลัวได้ มันต้องขึ้นอยู่กับสายเลือดสายพันธ์และพรสวรรค์ด้วย ผู้พิทักษ์ปรกติน่ะจะมีร่างความกลัวได้ต่อเมื่อสู้และพัฒนาความสามารถไปเรื่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับสิ่งมีชีวิตต่างมิติ มีแค่ระดับสูงมากๆเท่านั้นละที่จะมีร่างความกลัวได้”
“แล้วอะไรคือร่างความกลัวละ”โจวเหวินถามต่อ
จักรพรรดินีถามกลับ “นายคิดว่าอะไรคือความต่างระหว่างระดับเร้นลับกับพวกระดับมหากาพย์ระดับตำนานธรรมดาละ”
“ค่าความสามารถกับกรงล้อแห่งโชคชะตาไง”โจวเหวินพูด
“กรงล้อแห่งโชคชะตามันทำให้ระดับเร้นลับมีความสามารถที่แข็งแกร่งก็จริงแต่ไม่ว่ามันจะแกร่งแค่ไหนมันก็ยังเป็นแค่สกิล ความสามารถ มันไม่ต่างจากสกิลปรกติเท่าไรหรก ในมุมมองของสิ่งมีชีวิตในต่างมิติ พวกนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความกลัว การแปลงร่างคือการบ่งบอกถึงระดับชั้นของสิ่งมีวิต นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมระดับตำนานกับระดับมหากาพย์ในต่างมิติถึงไม่จัดอยู่ในระดับชั้นไหนเลย เพราะว่าพวกมันอ่อนแอเกินไป ระดับชั้นจริงๆมันมีแค่ว่า สิ่งมีชีวิตที่คู่ควรกับการกลัว กับไม่คู่ควรกับการกลัวแค่นั้นเอง”
“ฉันยังไม่เข้าใจพลังของมันเลย”โจวเหวินพูด
จักรพรรดินีตอบ “ก็แหงซิ ไม่เข้าใจหน่ะถูกแล้ว เพราะว่ามันเป็นเรื่องในต่างมิติไงละ ถ้านายยังไม่ได้เข้าไปในระดับขั้นของมิตินั้นๆนายก็จะไม่มีทางเข้าใจได้ ง่ายๆก็เหมือนกับที่มนุษย์ไม่เข้าใจพลังของพระเจ้านั้นละ มนุษย์นั้นกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ ถ้ามนุษย์สามารถเอาชนะพวกนั้นได้ พวกนั้นก็คงไม่ใช่พระเจ้าแล้ว ร่างความกลัวนั้นคือพลังที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ หลังจากที่เปลี่ยนร่างแล้วมนุษย์ธรรมดาจะไม่มีทางสู้ได้อีกต่อไป มีแค่ร่างความกลัวเท่านั้นถึงจะเอาชนะร่างความกลัวด้วยกันได้”
“แล้วทำยังไงถึงจะได้ร่างนั้นมาละ”โจวเหวินถาม
“มนุษย์น่ะทำไม่ได้หรอก ยกเว้นแต่ว่าจะทำสัญญากับผู้พิทักษ์ แล้วใช้พลังของผู้พิทักษ์ในการก้าวข้ามจุดนั้น”จักรพรรดินีพูด
“ทำไมมนุษย์ถึงเป็นระดับเร้นลับไม่ได้ละ”โจวเหวินไม่เข้าใจว่าทำไมมีแค่มนุษย์ที่เป็นระดับเร้นลับไม่ได้
“ลองเปรียบเทียบง่ายๆนะ มนุษย์อย่างพวกนายมีสิ่งที่เรียกว่าการ์ตูนใช่ไหม พวกมันคือสิ่งมีชีวิต2มิติที่พวกนายสร้างขึ้นมา มนุษย์คือสิ่งมีชีวิต3มิติ นายคิดว่าจะมีตัวละครในการ์ตูนตัวไหนที่แข็งแกร่งพอจะกลายมาเป็นตัวละคร3มิติได้ไหมละ โอเค มันเป็นแค่การเปรียบเทียบไม่ได้ตรงอะไร แต่สถานการณ์จริงๆมันก็ประมาณนั้นแหล่ะ ตัวละครในการ์ตูนทำอะไรคนจริงๆไม่ได้ในขณะที่คนจริงๆนั้นสามารถทำลายตัวละครพวกนั้นได้ง่ายดาย นั้นแป็นสาเหตุที่ว่าทำไมร่างความกลัวถึงมีแค่ร่างกลัวเท่านั้นสู้ได้ เพราะว่ามันอยู่คนระดับขั้นของตัวตนแล้วยังไงละ”จักรพรรดินีอธิบาย
“มันไม่มีความหวังสำหรับมนุษย์ชาติบ้างเลยเหรอ”โจวเหวินไม่เชื่อว่ามนุษยชาตินั้นจะเป็นระดับเร้นลับไม่ได้ขนาดเสี่ยจิวหวงยังทำสำเร็จแล้วเลย ถึงแม้ว่าวิธีของเขามันจะชั่วก็ตาม
จักรพรรดินีตอบ “แน่นอนซิว่ามันยังมีหวัง ทำสัญญากับผู้พิทักษ์ซิ หรือไม่ก็ทำอย่างหวังหมิงหยวน กลายเป็น1เดียวกับผู้พิทักษ์ มีแค่2ทางเท่านั้นละ”
“ฉันเคยเห็นมนุษย์ที่กลายเป็นระดับเร้นลับจริงๆมาแล้วนะ”โจวเหวินพูด
แต่ข้อความที่ตอบกลับมานั้นเหมือนกับรู้เรื่องทุกอย่าง “หมายถึงคนที่อยู่ในพระราชวังต้องห้ามอะนะ นายคิดว่าแค่ลำพังพลังของมนุษย์อย่างเดียวจะทำให้มนุษย์กลายเป็นระดับเร้นลับได้เหรอ
โจวเหวินนึกย้อนกลับไปถึงวันนั้น ก็จริงอยู่ที่เสี่ยจิวหวงเองก็พึ่งพลังของสายฟ้าจากผู้พิทักษ์อยู่ดีในการเป็นระดับเร้นลับ
“มันมีแค่2ทางเท่านั้นละสำหรับมนุษย์น่ะ ขึ้นอยู่กับว่านายจะเลือกทางไหน ถ้านายอยากจะทำสัญญากับผู้พิทักษ์ละก็ ฉันคนนี้ก็สามารถช่วยนายทำสัญญากับผู้พิทักษ์ที่สุดยอดให้ได้อยู่แล้ว”จักรพรรดินีพิมพ์มา
“ฉันอยากจะลองดูด้วยพลังของตัวเองก่อนหน่ะ”โจวเหวินพิมพ์
“อยากจะลองก็เอาเลย ค่อยๆลองนะ อนาคตก็ตายอยู่ดี ไว้ถึงตอนนั้นค่อยมาหาฉันอีกทีก็ได้”จักรพรรดินีไม่โกรธ แต่ค่อยๆพูดให้โจวเหวินยอมในที่สุด
ตอนที่ 847
การรวมตัวกันในสุสาน
หลังจากที่รอ24ชั่วโมงเสร็จโจวเหวินก็เข้าเกมส์สุสานมารไปอีกรอบ รอบนี้ เขาไม่คิดจะสู้กับเทพีอีกแล้ว แต่เขาตั้งใจที่จะแค่ฆ่าหน้ากากกับมารแล้งเฉยๆ ไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีก เพื่อยืนยันผลว่าที่ตัวเองทำมานั้นมันใช้ได้ไหม ตอนที่ฉฉางหยูฉีชาวเขามางานประมูล มันไม่ได้มีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับสุสานมาร เพราะงั้นถ้าเขาไม่ขุดต่อไปเทพีก็คงไม่ตื่นขึ้นมาหรอก
งานประมูลนั้นเดิมทีวางแผนจัดขึ้นที่เมืองหลงหูแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนสถานที่มาเป็นที่พักใกล้ๆกับสุสานแล้ว
คนที่ถูกชวนมางานประมูลนั้นเรียกได้ว่าเป็นเหล่ายอดฝีมือแห่งรัฐบาลกลาง คนจาก6ตระกูลเองก็มาที่นี้ด้วย ตอนที่คนจากตระกูลเคปมองหน้าโจวเหวินพวกนั้นเหมือนจะฆ่าจะแกงกันให้ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างคนใน6ตระกูลกับโจวเหวินนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไร มีแค่ตระกูลจากทางเหนือเท่านั้นที่เข้ามาทักทายโจวเหวินก่อน
“หลานฉีเล่าให้ฉันฟังเรื่องนายบ่อยมากเลย เขาอยากจะประลองจริงจังกับนายอีกซักครั้งด้วย ถ้านายมีเวลา ฉันก็อยากจะให้นายมาที่เขตเหนือเหมือนกันนะ”
“เดี๋ยวผมได้ไปแน่ๆครับ”โจวเหวินคิดไว้อยู่แล้วว่าจะไปแวะเยี่ยมเยี่ยนพื้นที่ต่างมิติต่างๆในเขตแดนเหนือแต่มันไกลมากทำให้เขายังไม่เคยได้ไป
แต่ตอนนี้วิญญาณชีวิตธุลีดาวนั้นทำให้เขาต้องออกเดินทางไปยังสถานที่แปลกๆใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อพัฒนาวิญญาณชีวิต ในอนาคตเขาเลยคิดว่าน่าจะไปที่เขตแดนเหนือให้ได้
หลังจากที่คุยกันนิดหน่อยแล้ว ตัวแทนจากตระกูลฉางก็ขึ้นมาพูดเปิดงานประมูล และอย่างที่ฉางหยูฉีเคยบอกไว้ ตอนนี้ไข่สัตว์อสูร อสูรปฐพีนั้นได้เข้าการประมูลแล้ว และตระกูลฉางจะไม่เก็บเงินใดๆเลยถ้าเกิดคนๆนั้นสามารถแก้ไขปัญหาของตระกูลฉางในสุสานมารได้
ซึ่งเอาจริงๆ คนส่วนมากก็รู้เรื่องนี้ล่วงหน้ากันหมดแล้วพวกเขาเลยไม่แปลกใจอะไร ยังไงปัญหาใหญ่ที่ตระกูลฉางรับมือไม่ไหวนั้นมันก็ใหญ่เกินกว่าที่จะปิดข่าวให้มิดอยู่แล้ว
“พี่ฉาง ตอนนี้เรารู้สถานการณ์ภายในนั้นคร่าวๆแล้วก็จริง แต่มันมีบางอย่างที่เรายังไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองเลย พวกเราเลยยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี”ตัวแทนจากตระกูลตู่กู๋พูดถามขึ้นมา
“เดี๋ยวผมจะพาไปที่สุสานมารในอีกไม่ช้านี้ครับ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจก่อน สุสานมารตอนนี้มันเต็มไปด้วยอะไรแปลกๆมากมาย ทุกคนมีโอกาสที่จะโดนควบคุมจิตใจให้กระโดดลงไปในสุสานมารและกลายเป็นรูปปั้นหิน มีอันตรายถึงชีวิต เพราะงั้นคนที่ตั้งใจจะไปที่สุสานมารนั้นขอให้เลือกตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้ามีเหตุผิดพลาดอะไรก็ตามแต่ ตระกูลฉางจะไม่รับผิดชอบใดๆต่อชีวิตของพวกคุณนะครับ”ตัวแทนตระกูลฉางพูด
“ก็ถูกละนี้”เมสซิสพูด
คนส่วนมากนั้นยินดีที่จะเสี่ยงกันอยู่แล้ว มีคนน้อยคนมากเท่านั้นที่จะไม่เสี่ยง
ตระกูลฉางจึงนำใบสัญญายินยอมเข้าไปเสี่ยงด้วยตัวเองมาให้ทุกคนที่จะเข้าไปเซ็น โจวเหวินเองก็เช่นเดียวกัน เขาตั้งใจจะมาเอาไข่ของอสูรปฐพีอยู่แล้ว โอกาสแบบนี้เขาไม่มีทางพลาด
“นายเองก็เคยไปที่นั้นแล้วไม่ใช่เหรอ นายก็รู้นี้ว่าข้างในนั้นมันอันตรายแค่ไหน แล้วทำไมนายยังจะไปอีกละ”ทุกคนออกเดินทางกันหมดแล้ว ส่วนโจวเหวินโดนฉางหยูฉีขัดไว้อยู่
“ฉันคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาในสุสานมารได้แล้ว ฉันเลยอยากจะลองดูหน่อยหน่ะ”โจวเหวินพูด
“วิธีอะไรนะ”ฉางหยูฉีถามอย่างสงสัย
“โจวเหวินเองก็ไม่ได้ปิดบัง “ฉันจะขุดสุสานมารนั้นแล้วกำจัดสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ข้างในนั้นซะ เพื่อลบคำสาปที่มีในสุสาน”
ฉางหยูฉีส่ายหน้าทันทีแล้วพูด “วิธีนั้นมันไม่น่าได้หรอกนะ บรรพบุรุษของฉันเคยบอกไว้ว่าถ้าขุดสุสานแล้วปล่อยส่งมีชีวิตที่อยู่นั้นออกมาละก็ ทุกอย่างจะมอดไหม้เป็นจุลย์ ตระกูลฉางจะพังพินาศและสูญสิ้น พวกเราตระกูลฉางจึงทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้มันออกมาได้ตั้งนานหลายปี ผู้เฒ่าผู้แก่คงไม่มีทางยอมแน่ๆ แล้วจะขุดเองได้ยังไงกัน”
“ตามที่ฉันสำรวจมา ในนั้นมันมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติมากกว่า1ตัว ไอ้ตัวที่เธอบอกหน่ะ มันคนละตัวกับตัวที่ฉันจะจัดการหน่ะ”โจวเหวินอธิบาย
ฉางหยูฉียิ้มเจื่อนๆแล้วส่ายหัว “เราไม่มีทางรู้ผลที่จะตามมาได้หรอกถ้าเราขุดสุสานอะ บางทีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้นอาจจะหลุดออกมาหมดเลยก็ได้ ผลที่ตามมามันใหญ่เกินไป ท่านผู้เฒ่าไม่มีทางยอมแน่”
โจวเหวินคิดเงียบๆ การจะกล่อมให้ฉางหยูฉีเชื่อนั้นมันยากเกินไป ขนาดแค่ฉางหยูฉียังยากขนาดนี้ การกล่อมให้ผู้เฒ่าตระกูลฉางเชื่อน่าจะยากกว่านี้โคตรๆแน่ๆ จะให้เขาบอกว่าเขารู้สถานการณ์ภายในนั้นทั้งหมดก็ไม่ได้
ตอนนี้โจวเหวินต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เขายังไม่ยอมแพ้แน่ๆละ หลังจากที่โจวเหวินเห็นพลังที่แท้จริงของแทพีแล้ว ก่อนที่เขาจะมีพลังมากพอจะสู้กับมันได้ อย่างน้อยเขาต้องหาวิธีรับมือกับมันให้ได้ก่อน อย่างน้อยก็ต้องหนีออกมาให้รอด
อสูรปัฐพีนั้นเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือในการหนีชั้นยอดเลย ถ้าเกิดเขาไม่ตายในครั้งเดียวเขาก็จะสามารถมุดดินหนีออกมาได้แน่ๆ
แน่นอนว่าทางที่ดีที่สุดคือการอย่าไปเจอกับผู้พิทักษ์ร่างความกลัว แต่ในกรณีที่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างน้อยก็ต้องมีตัวช่วยชีวิตให้รอดออกมา
ในอนาคต จะต้องมีผู้พิทักษ์ปรากฏตัวมากขึ้นและมากขึ้นกว่านี้แน่ๆ และหนึ่งในนั้นเขาต้องเจอกับร่างความกลัวเข้าซักวันหรืออาจจะหนักกว่านั้นด้วย
ถ้าเป็นแบบที่สัตว์อสูรผมเงินพูดละก็ ถ้ามนุษย์กับผู้พิทักษ์รวมร่างกับผู้พิทักษ์ระดับมหันตภัยได้อย่างสมบูรณ์ละก็ ความชิบหายจะบังเกิดแน่นอน
แค่ระดับความกลัว สำหรับโจวเหวินก็โหดมากพอแล้ว โจวเหวินยังไม่อยากนึกพลังระดับมหันตภัยเลยว่าจะมหาศาลขี้โกงขนาดไหน
เพราะว่าฉางหยูฉีไม่ได้รับให้ไปที่สุสานมาร โจวเหวินเลยตามทุกคนไปที่สุสานมารเอง
ฉางชุนชิวที่เฝ้าสุสานมารอยู่นั้น พอเห็นโจวเหวินมา เขาก็เข้ามาทักทายแล้วพาเขาไปที่แท่นหิน
แท่นหินนี้เป็นแท่นหินโบราณที่สร้างขึ้นมาเพื่อเฝ้าระวังสุสานมาร สร้างขึ้นมาโดยปรมาจารย์ด้านอาคม จนถึงวันนี้หินก็ยังไม่งอกขึ้นมาบนนี้ ข้างใต้ของแท่นนั้นมันเต็มไปด้วยหินเวทมนตร์เต็มไปหมด มีแค่แท่นหิน8แท่นเท่านั้นที่ปลอดภัย
คนส่วนมากที่มานั้นมาจาก5ตระกูลใหญ่ๆ บางคนก็เป็นคนท้องถิ่นชื่อดัง หรือไม่ก็นักล่าอิสระที่มีชื่อเสียง
โจวเหวินมองพวกเขาไปซักพักแล้วไม่เห็นวี่แววของหลิวหยุนแม้แต่น้อย
“ของที่หลิวหยุนเล็งไว้แล้วเขาไม่น่าจะถอดใจง่ายๆนะ ถ้าเขาไม่อยู่นี้บางทีเขาอาจจะคิดจะขโมยไข่ตรงๆอยู่ก็ได้”โจวเหวินคิดในใจ
บางคนเริ่มศึกษาปัญหาในสุสาน บางคนเริ่มจากการถามข้อมูล บางคนก็เริ่มแสดงความสามารถของตัวเองเลย
บางคนเรียกสัตว์อสูรออกมาลองดู บางคนก็ใช้พลังศาสตราทั้งหลายเพื่อปัดเป่าความชั่วร้ายหรือคลายคำสาปที่มี
ผู้เฒ่าจากตระกูลเคปคนนึงอัญเชิญกางเขนออกมาแล้วสวดมนตร์ ก่อนจะร่ายแสงศักดิ์สิทธิ์สาดเข้าใส่คนของตระกูลฉางที่กลายเป็นหินเวทย์มนตร์ไปแล้ว แต่ผลออกมาก็ไร้ความหมาย หินพวกนี้มันชำระล้างไม่ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น