I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 834-839

 

ตอนที่ 834

 

เกมส์เนินเขาต้านหลู


หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยวกับฉางหยูฉีแล้ว พื้นที่รอบข้างของภูเขาหลงหูนั้นมันใหญ่เกินไปมากและมีพื้นที่ต่างมิติมากมาย แต่มีแค่ที่ดังๆไม่กี่ที่ที่พวกเขาไปในวันนี้ หลังจากที่กลับมากันแล้ว ฉางหยูฉีก็จัดแจงให้โจวเหวินนั้นอาศัยอยู่ในตำหนักเทียนฉี โจวเหวินนอนบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาอยากที่จะลองดูว่าเนินเขาต้านหลูในเกมส์นั้นมันจะฟาร์มยาได้ไหม


โจวเหวินเปิดเกมส์เนินเขาต้านหลูแล้วให้ตัวละครของเขาไปยืนตรงหน้าเนินเขาที่มีรูขนาดเท่ากับชามข้าว9รูอยู่ด้านบนเขาเข้าใกล้ภูเขานั้นมาก และทันใดนั้นก็มีอะไรบางอย่างสีแดงพ่นออกมาจากรูนั้น มันคือน้ำยาสีแดงที่เป็นแค่ระดับตำนาน โจวเหวินอัญเชิญดาบทองคำออกมมาแล้วฟันผ่าน้ำยาออกเป็น2เสี่ยง


รูนั้นพ่นยาออกมาอย่างต่อเนื่อง แดงและเหลือง แต่ไม่มีตัวไหนเลยที่จะสู้ดาบทองคำได้ ทันทีที่โดนฟันก็แตกไปทันที


“ทำการสังหารระดับตำนาน ยาพิษ ทำการสังหารระดับมหากาพย์ ยาฟื้นฟู”


ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตามันจะเหมือนๆกัน แต่ความสามารถมันต่างกันอย่างชัดเจน


ติ้ง


เสียงแหลมๆใสๆดังขึ้นมา ไข่สัตว์อสูรดรอปออกมา พอมองดูใลก้ โจวเหวินก็เห็นที่เขียนไว้


“ยาฟื้นฟูระดับมหากาพย์เหรอ”โจวเหวินอดดีใจไม่ได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ระดับมหากาพย์แต่จากที่ฟังฉางหยูฉีพูดแล้ว ยาฟื้นฟูนั้นมันได้ผลดีมาก มันสามารถรักษาบาดแผลของกระดูกและอวัยวะภายในได้ ขอแค่กินยานี้เข้าไป โจวเหวินเลยฟักมันออกมาทันทีเพื่อดูค่าความสามารถ


ยาฟื้นฟู ระดับมหากาพย์


พลังชีวิต ฟื้นฟูโลกา


วิญญาณชีวิต ตัวยาดี


พลัง 21


ความเร็ว 21


ร่างกาย 22


พลังงานลมปร่าณ 39


สกิล ฟื้นฟู


สถานะสวมใส่ ยาทิพย์ (ครั้งเดียว)


“ค่าความสามารถมันดีมาก แต่จากที่ฟังแล้ว ค่าความสามารถพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรเลย ส่วนมาที่เกี่ยวมีแค่พลังงานลมปราณเท่านั้น ยิ่งค่าลมปราณเยอะ ผลของยายิ่งแรง 39นี่นับว่าดีมากเลยทีเดียว”โจวเหวินคิด


ดาบทองคำยังคงฟันยาแตกไปเรื่อยๆ ยาเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง


ยาทิพย์พวกนี้มันมีความแปลกอยู่ด้วย เพราะนอกจากไข่สัตว์อสูรแล้วมันก็ไม่ดรอปอะไรอย่างอื่นอีกเลย โจวเหวินเองก็ไม่เคยเห็นผลึกความสามารถดรอปออกมาเลย มีเพียงแค่ไข่สัตว์อสูรระดับตำนานอีก2ตัวเท่านั้น


แต่ทันใดนั้น ยาสีขาวก็พุ่งออกมาจากรู ยานั้นขนาดใหญ่เท่ากำปั้น เป็นเม็ดสีใสเหมือนลูกบอลหยกที่เก็บหมอกควันไว้ด้านใน


ที่น่าแปลกกว่านั้น ภายในควันของยานั้น มีรูปร่างคล้ายมังกรสีขาวลอยวนในนั้นด้วย ตัวยานั้นก็เหมือนกับว่ามีพลังงานมหาศาลไหลเวียนอยู่ในนั้น


“ยาที่มีรูปร่างเหมือนมังกรเหรอ หรือว่าจะเป็นยาชุบชีวิตที่ฉางหยูฉีพูดถึงกัน”โจวเหวินดีใจมากก่อนจะสั่งการให้ดาบทองคำพุ่งเข้าไปฟันทันที


เพล้ง


ดาบทองคำฟันเข้าไปเต็มๆแต่เม็ดยานั้นกลับไม่แตกออกมา มีเพียงแค่รอยฟันดาบเท่านั้น แต่ไม่นานหลังจากนั้นเม็ดยาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม


ดาบทองคำฟันซ้ำเข้าไปอีกหลายรอบ แต่ละรอบนั้นสร้างรอยดาบเอาไว้ แต่ไม่สามารถฟันเข้าไปให้ทะลุได้ และในอีกซักพัก ยานั้นก็ฟื้นตัวกลับมาเหมือนเดิม


“รอบนี้ตัวยามันฟื้นตัวแรงมาก ฟื้นตัวได้ดีกว่าพลังของหลี่ซวนอีกมั้งเนี่ย”โจวเหวินคิด


น่าเสียดายที่เบม่อนไม่ได้อยู่ด้วย ไม่งั้นก็คงได้ใช้แล้ว โจวเหวินเลยเรียกดาบทองคำกลับมาแล้วเร่งพลังสูงสุดใช้เทพสังหารฟันเข้าไปทันที


ดาบทองคำฟันวิชาเทพสังหาร ตรงเข้าไปที่ยาชุบชีวิตจนยาแตกออกมาในที่สุด


“ทำการสังหารยาชุบชีวิตระดับเร้นลับ”


พอดูข้อความในเกมส์แล้ว โจวเหวินก็รอซักพัก “แค่นี้เหรอ”


ปรกติแล้วเวลาโจวเหวินฆ่าระดับเร้นลับได้มันก็ควรจะมีไข่สัตว์อสูรดรอปออกมาให้ แต่นี้กลับไม่มีอะไรเลย ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะแอบๆเศร้านิดหน่อย แต่เขาคิดว่ายังไงในอนาคตเขาก็ยังมีโอกาสอีกเยอะ เขาเลยไม่ได้สนใจฟาร์มยาต่อ


ติ้ง


ยาระดับตำนานอันหนึ่งดรอปไข่ออกมา โจวเหวินมองดูดีๆแล้วพบชื่อของมัน ว่ามันคือยาเสน่ห์


“มียาอะไรแบบนี้ด้วยเหรอวะ”โจวเหวินแอบๆตกใจ เขาฟักยาเสน่ห์ออกมาเล้วพบว่าค่าความสามาถของมันนั้นธรรมดามากแต่สกิลของยานี้คือ สกิลทำเสน่ห์เลย


โจวเหวินลองนับๆดูแล้ว ในเนินเขาต้านหลูนั้นมียาทั้งหมด 81ชนิด หลังจากฆ่ามันหมดแล้วยาจะไม่มีออกมาอีก นอกจากยาชุบชีวิตแล้ว ก็ไม่มียาระดับเร้นลับอันอื่นโผล่ออกมาเลยด้วย


โจวเหวินหยดเลือดเพื่อรีเกมส์ แต่เกมส์เนินเขาต้านหลูก็ไม่ได้รีตามไปด้วย ดูเหมือนว่าเนินเขาต้านหลูนั้นจะเป็นไปตามกฏเดียวกับสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับตัวอื่นๆ คือรีทุกๆ24ชั่วโมง โจวเหวินเลยล้มเลิกแผนที่จะไปฟาร์ม เขาเลยไปฟาร์มระดับเร้นลับตัวอื่นๆรอ


ติ้ง!


หลังจากที่ฆ่าตรีสูญเทพสงครามทองคำอีกครั้ง ไข่ก็ดรอปออกมาอีกรอบ


“ไอ้นี้ก็ออกได้ออกดีจังเว้ย อันที่4หรือ5ละมั้งเนี่ย”โจวเหวินจำไม่ได้แล้วว่าดรอปมากี่อัน


“จะดรอปอะไรกันมาเยอะแยะเจ้าตัวนี้อะ ทำไมไม่ดรอปมังกรดำ9ตัวนั้นละ จะได้รู้กันซักทีวันมันคืออะไรกันแน่ๆ”โจวเหวินคิดก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่าง


“หลิวหยุนเคยบอกมาอยู่นี้ว่าเขาสามารถโอนสัตว์อสูรของเขาให้กับคนอื่นได้ในราคาย่อมเยา ฉันเองก็มีวิชาขโมยดวงดาวเหมือนกัน ฉันจะสามารถขายสัตว์อสูรกับคนอื่นได้ไหมนะ ถ้าทำได้ ก็จะได้ขายสัตว์อสูรที่กากๆทิ้งไป”โจวเหวินอยากขายสัตว์อสูรแลกกับเงินหรือทรัพยากรต่างๆที่เขาต้องการ


หรือไม่งั้นถ้าเกิดสามารถโอนสัตว์อสูรให้คนอื่นได้ละก็ เขาก็สามารถให้คนที่เขารักเพื่อเสริมการป้องกันได้ด้วย


แต่จนถึงตอนนี้โจวเหวินก็ยังไม่ค่อยรู้วิธีใช้มันจริงๆเท่าไร ไม่แน่ใจด้วยว่าของเขาจะทำได้เหมือนกันไหม


“กลับไปแล้วค่อยถามหลิวหยุนละกัน จะว่าไปแล้ว เขามาถึงรึยังวะเนี่ย”โจวเหวินวางแผนว่าจะไปเจอกับหลิวหยุนพรุ่งนี้ เพราะหลิวหยุนเข้ามาในปราสาทเทียนฉีไม่ได้ เขาเลยต้องไปหาเอง


ตอนที่โจวเหวินกำลังนอนหลับอยู่นั้นเองฉางเสี่ยวก็ไม่ได้หลับไปด้วย เขาตื่นเต้นมากๆอยู่เลย วันนี้เขาพาเบม่อนไปสุสานมารมา แล้วเขาก็เห็นเบม่อนกินหินเวทย์มนตร์พวกนั้นจริงๆ


ซึ่งผลที่ออมาก็น่าพอใจมาก ไม่เพียงแต่จะกินได้แต่ยังกินเร็วมากด้วย


“ถ้าเป็นแบบนี้ ใช้เวลามากสุดก็แค่3-5วันเท่านั้นละ ตอนนี้หินเวทย์มนตร์เกิดขึ้นเต็มไปหมด แต่ถ้าเบม่อนกินได้เยอะแบบนี้คงจบงานได้ไวแน่ๆ ถ้าลองนับเวลาย่อยดูแล้ว ปัญหาหินเวทมนตร์ทั้งหมดคงหายไปในเวลาไม่ถึงเดือนแน่ๆ”เสี่ยวฉางคิดอย่างตื่นเต้น

 

 

 


ตอนที่ 835

 

ความจุของเบม่อน


ฉางเสี่ยวคิดวางแผนมาดีแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาดูถูกปริมาณความต้องการในการกินของเบม่อนมากไปหน่อย เขาคิดว่าเบม่อนต้องใช้เวลาอีกหลายวันในการพักแล้วย่อยที่กินไปเยอะขนาดนั้น


แต่ในวันต่อมา เบม่อนกลับหิวขึ้นมาใหม่อีกครั้งและกิน กิน กินเยอะกว่าวันแรกซะอีก


“มันควรจะอิ่มได้แล้วไม่ใช่เหรอ”ฉางเสี่ยวเริ่มรู้สึกแปลกๆ


แต่เบม่อนกลับกินต่อไปในวันที่3 มันสวาปามเท่าไรก็ไม่เคยพอ มันกินหินเวทมนตร์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด พวกเขาใช้เวลาในการจัดการกับปัญหาหินเวทมนตร์เพียงแค่3วันเท่านั้น ทุกอย่างถูกจัดการลงด้วยเบม่อนใน3วัน แต่ฉางเสี่ยวก็ไม่ได้ดีใจเลย เพราะนั้นหมายความว่าในเมื่อหินเวทมนตร์หมด แล้วเบม่อนจะกินอะไรละ


กว่าจะถึงเวลางานประมูล เบม่อนกินเยอะมากกว่ามนุษย์ทั้งตระกูลกินซะอีก จำนวนผลึกและแร่งินที่มันกินนั้นแค่ไม่กี่วันก็ทำให้ขนหน้าแข้งของเขาล่วงได้


“ไม่อยากจะเชื่อเลย เบม่อนมันไม่ต้องย่อยด้วยซ้ำ มันกินหินเวทมนตร์ไปตั้งเยอะขนาดนั้น มันควรจะต้องมีเวลาย่อยบ้างซิ นั้นหินเวทมนตร์เลยนะ ทำไมมันถึงหิวได้ละ”ฉางเสี่ยวเริ่มหวั่นใจ


แต่หลังจากนั้นไม่นานฉางเสี่ยวนั้นก็พบว่าตัวแองอ่อนด้อยเกินไป


เพียงแค่ครึ่งเดือนหลังจากที่เบม่อนมาอยู่ด้วย ฉางเสี่ยวก็สังเกตเห็นอาการหิวแบบที่โจวเหวินบอก ฉางเสี่ยวกัดฟันแล้วเอาผลึกที่อยู่ในคลังของเขา มาให้เบม่อนกิน ซึ่งกินไปได้ครึ่งคลังถึงจะพอยับยั้งอาการหิวได้


หน้าของฉางเสี่ยวเสียขึ้นมาเลย ถ้าเบม่อนยังกินอยู่แบบนี้ อีกแค่4-5วันมันคงจะกินผลึกหมดคลังแน่ๆ แต่แล้วหลังจากนั้นละจะทำยังไง


ฉางเสี่ยวจู่ๆก็คิดว่าบางทีนี้อาจจะเป็นแผนการร้านของโจวเหวินก็ได้ โจวเหวินบอกมาว่า ให้เขาเลี้ยงดูให้อาหารมันอย่างน้อยก็จนกว่าที่เขาจะออกจากภูเขาหลงหู แต่นั้นมันก็อีกตั้งเดือนกว่า แล้วฉางเสี่ยวจะเอาผลึกเอาแร่เงินเยอะขนาดนั้นมาจากไหนกัน


“ไม่ซิ ถ้าเบม่อนกินเยอะขนาดนี้ ทำไมโจวเหวินถึงยังเลี้ยงดูมันอยู่ได้ละ ขนาดฉันยังเลี้ยงมันไม่ไหวเลย โจวเหวินก็ต้องไม่ไหวหนักกว่าเดิมซิ”ฉางเสี่ยวรู้สึกได้ว่าโจวเหวินต้องมีวิธีการบางอย่างที่ทำให้เบม่อนไม่จำเป็นต้องกินแน่ๆ ตัวอย่างเช่นการให้เบม่อนหลับเพื่อลดการใช้พลังงานของมัน


แต่ฉางเสี่ยวไม่รู้ว่าวิธีนั้นมันคืออะไรเขาเลยบากหน้าไปถามพี่ฉางชุนชิว


หลังจากที่ได้ยินฉางเสี่ยวเล่าแล้ว ฉางชุนชิวก็ส่ายหน้า “แล้วฉันจะทำอะไรได้ละเนี่ย ไปขอโทษเขาแล้วคืนเบม่อนให้โจวเหวินไปเถอะ ไม่งั้นเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นายเองก็คงเลี้ยงมันถึงเดือนไม่ไหวถูกไหม ฉันเองก็คงให้นายยืมผลึกเอาไปให้มันกินไม่ได้หรอก”


“ฉันหมายถึงว่ามันพอจะมีวิธีการไหนที่ทำให้เบม่อนไม่หิวแล้วกินตลอดเวลาบ้างไหม ไม่งั้นไม่ว่าใครก็ไม่น่าจะแบกรับค่าอาหารแบบนั้นได้หรอกนะ โจวเหวินเองก็คงไม่ได้ให้อาหารมันแบบนี้ทุกวันหรอก พี่พอจะหาทางให้หน่อยได้ไหม”ฉางเสี่ยวกลัวเสียหน้าเลยไม่กล้าไปหาโจวเหวินตรงๆ


“ฉันช่วยไม่ได้หรอก ไปถามโจวเหวินซะซิ”ฉางชุนชิวพูดตรงๆ


แม้แต่ฉางชุนชิวยังช่วยอะไรไม่ได้ฉางเสี่ยวเองก็หมดหนทางเหมือนกัน แต่จะให้เขาไปขอโทษโจวเหวินก็คงไม่ได้ ศักดิ์ศรีของเขามันค้ำคออยู่


“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าโจวเหวินมันจะสามารถเลี้ยงเบม่อนที่กินจุขนาดนี้ได้ มันต้องมีทางซักทางซิวะ”ฉางเสี่ยวไม่ยอมแพ้พาเบม่อนกลับไปหาทางต่อ


แต่ถึงอย่างนั้นความหิวของเบม่อนนั้นมันไม่ใช่ความหิวแบบที่ทนกันได้ หิวแล้วมันต้องได้กิน และมันก็คงไม่กินแค่เค้กก้อนเดียวแน่ๆ


ฉางเสี่ยวลองคิดหาทางหลากหลายวิธี แม้กระทั้งการสะกดจิตให้เบม่อนหลับก็ลองแล้วแต่มันก็ไร้ผล เพราะถึงแม้จะหลับได้แต่กระเพาะและความหิวของเบม่อนก็ทำงานตลอดเวลา ตราบใดที่อาการหิวยังอยู่โจวเหวินก็จะรู้สึกได้แน่ๆ


ฉางเสี่ยวไม่อยากเสียเบม่อนไป เขาเลยเอาอาหารมาป้อนเบม่อนทุกครั้งที่เบม่อนรู้สึกหิว แต่พอผ่านไปได้เพียงไม่กี่วัน ผลึกและไข่สัตว์อสูรทั้งหมดก็หมดลงจากคลังของเขา หลังจากนั้นเขาก็ทำได้แค่หยิบยืมของชาวบ้านเท่านั้น


ฉางเสี่ยวนั้นยังไงก็เป็นมนุษย์ ศักดิ์ศรีของเขามันทำให้เขาต้องแบกหน้าไปขอผลึกจากคนอื่น เขายอมทุบหม้อข้าวหม้อแกงตัวเองทั้งหมด ยังดีเสียกว่าที่จะส่งเบม่อนกลับไปตอนนี้


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่พอ ฉางเสี่ยวเลยรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ถ้าเขารู้ว่าเบม่อนกินเยอะขนาดนี้เขาก็คงไม่สัญญากับโจวเหวินให้เสียหน้าหรอก


ถึงตอนนี้เบม่อนมาอยู่กับเขาแล้ว แต่เขากลับรักษาอะไรมันไว้ไม่ได้เลย


“สัตว์อสูรบ้าอะไรวะเนี่ย นี่มันหลุมดูดตังชัดๆ ไอ้โจวเหวินบ้านั้นมันเลี้ยงสัตว์อสูรเวรนี้ให้เป็นระดับเร้นลับได้ไงกัน”ฉางเสี่ยวรู้สึกเครียด


ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะมีวิธีที่ทำให้เบม่อนไม่หิวระหว่างวันได้ แต่การที่จะพัฒนามันให้เป็นระดับเร้นลับนั้น เบม่อนก็ยังจำเป็นต้องกินอย่างมหาศาลอยู่ดี เขารู้ได้เลยว่าโจวเหวินนั้นลงทุนกับเบม่อนไปมากแค่ไหนกัน



ระหว่างนั้นโจวเหวินก็อาศัยอยู่ในตำหนักเทียนฉีไปเรื่อยๆ ตอนเช้าเขาออกไปเดินเล่นในเมือง เหตุผลหลักๆก็เพื่อที่จะให้หลิวหยุนหาเขาเจอ แต่โชคไม่ดีเลย ที่จนถึงป่านนี้หลิวหยุนก็ยังไม่มา ทำให้โจวเหวินแอบห่วงนิดหน่อยว่าหลิวหยุนจะโดนหยาเอ๋อฆ่าตายไปแล้ว


ตอนที่เขากลับมายังตำหนักเทียนฉีตอนกลางคืนนั้น เขาก็พบว่าฉางชุนชิวนั่งรอเขาอยู่ที่สวน ตรงจุดที่เขาจะต้องผ่าน เหมือนกับว่ามารอเขาอยู่ยังไงอย่างงั้น


“มารอฉันอยู่เหรอ”โจวเหวินถามฉางชุนชิวที่ลุกขึ้นแล้วเดินตรงมา


ฉางชุนชิวยื่นกล่องไม้เล็กๆให้โจวเหวิน “นี้เครื่องรางที่ฉันบอกก่อนหน้านี้”


“ฉันสัญญากับฉางเสี่ยวแล้วว่าจะให้ยืมเบม่อนฟรีๆ นายไม่ต้องให้ฉันก็ได้”โจวเหวินพูด


ฉางชุนชิวพูดพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องนั้นฉางเสี่ยวผิดเอง ฉันต้องขอโทษแทนน้องฉันด้วยนะ ถือซะว่าเป็นสิ่งของแทนคำขอโทษไง จะได้ไหม”


“ถ้านายมาพูดถึงขนาดนี้จะให้ฉันไม่รับมันก็จะหักน้ำใจกันเกินไปซินะ งั้นฉันรับมันไว้ละกัน แล้วเดี๋ยวฉันจะเรียกเบม่อนกลับมา เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน”โจวเหวินพูด


“อย่าพึ่งเรียกเบม่อนกลับมา ให้ฉางเสี่ยวมันพยายามให้อาหารต่ออีกซัก2วันเถอะ ถือซะว่าเป็นการลงโทษน้องชายของฉันละกัน”ฉางชุนชิวพูด


“ได้ ตามนั้นละกัน”โจวเหวินพูดแล้วรับกล่องไม้มา


จากนั้นฉางชุนชิวก็ยื่นกล่องอีกกล่องมาให้กับโจวเหวิน “ส่วนนี้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อกี้ อันนี้ฉันให้จากใจฉัน นายอาจจะต้องใช้มันในงานประมูล”


“ถ้างั้นฉันจะรับไว้นะ ขอบคุณ”โจวเหวินไม่ปฏิเสธ


หลังจากคุยกันไปได้ซักพัก ฉางชุนชิวก็จากไปโจวเหวินก็กลับห้องไปเปิดกล่อง กล่องแรกนั้นมีเครื่องรางมนตร์เปลี่ยนชีวิต ส่วนอีกกล่องนึงนั้นเป็นบัตรเหมือนกับนามบัตรทางธุรกิจที่ไม่มีลวดลายอะไรมาก นามบัตรนั้นทำมาจากหิน สลักคำ2คำเอาไว้ว่า “เทียนฉี”


“เอาไปใช้อะไรได้ละเนี่ย”โจวเหวินมองไปมาแล้วพบว่า นามบัตรนั้นมันทำมาจากหินธรรมดา ไม่ใช่ผลึกหรอสิ่งของจากต่างมิติ


ในอีกมุมนึงของเมืองหลงหู เมสซิสอยู่กับชายแก่คนหนึ่ง กำลังพูดคุยกันอยู่


“เราต้องได้อสูรปฐพีมาให้ได้ ถ้าซื้อไม่ได้ ก็ใช้ไม้แข็งเลย”ชายแก่พูดกับเมสซิส “เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมม นายอาจจะต้องลงมือในวันนั้นเลย”


“ผมกับผู้พิทักษ์พร้อมตลอดครับ ตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ”


“รอให้รู้ผลงานประมูลก่อนก็ได้ ยังไงที่นี้ก็คือเขตภูเขาหลงหู เขตพื้นที่ของตระกูลฉาง ถึงนายจะลงมือตอนนี้ได้ แต่ฉันเองก็อยากจะลองดูมมากกว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายในภูเขาแห่งนี้บ้าง”ชายแก่พูด

 

 

 


ตอนที่ 836

 

หินเวทย์งอก


หลังจากนั้น2วันโจวเหวินก็ดึงตัวเบม่อนกลับและฉางเสี่ยวก็ไม่มายุ่งกับเขาอีกเลย


ตอนที่เบม่อนหายไปนั้น ฉางเสี่ยวรู้สึกโล่งใจมาก เพราะถ้าเขาต้องเลี้ยงมันไปอีกเดือนนึงละก็เขาจะต้องหมดตัวแน่ๆ


โจวเหวินเองก็ยังรอคอยหลิวหยุน แต่ก่อนที่หลิวหยุนจะมา ฉางชุนชิวก็รีบมาหาก่อน


“โจวเหวิน ที่ที่สุสานมารเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ขอยืมเบม่อนมาใช้อีกรอบหน่อยได้ไหม”ฉางชุนชิวทำหน้าจริงจัง เหมือนกับว่ามีเรื่องขอขาดบาดตายเกิดขึ้น”


“เกิดอะไรขึ้น” เพราะว่าท่าทางเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย โจวเหวินเลยตั้งใจจะถามก่อนว่าการเอาเบม่อนไปนั้นมันเสี่ยงไหม


“หินเวทย์มนตร์ที่ถูกเบม่อนกินไปนั้น จู่ๆมันก็งอกออกมาใหม่อีกแล้ว แถมมันยังงอกออกมาเร็วมากๆด้วย ฉันขอยืมเบม่อนอีกรอบได้ไหม”ฉางชุนชิว


“ถ้าฉันไปด้วยจะโอเคไหมอะ”โจวเหวินถาม


“แน่นอนซิ มากับฉันเลย”ฉางชุนชิวไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพาโจวเหวินเดินไปทันที


ระหว่างออกไปจากตำหนักนั้น ฉางชุนชิวก็อัญเชิญกระเทียนออกมาแล้วพาโจวเหวินขึ้นขี่


ตอนแรกโจวเหวินคิดว่าทัศนียภาพรอบๆภูเขาหลงหูนั้นจะเป็นเหมือนสวรรค์บนดินทั้งหมด แต่แท้จริงแล้วพอไปถึงสุสานมารเท่านั้นแหล่ะ เขาก็รู้เลยว่าเขาคิดผิด


มันเป็นสถานที่ๆไม่น่ารื่นรมเลย ดอกไม้ที่เคยขึ้นอยู่ทุกที่ เหี่ยวเฉาและไม่สามารถขึ้นได้อีก ในตอนเช้าแดดส่องลงมาโดยตรงจนทำให้ดินแห้งและแตก โจวเหวินเห็นหลุมศพขนาดเล็กๆ มีไม่เยอะ แต่ถ้าฉางชุนชิวบอกว่าที่นี้เป็นสุสารมารละก็ หลุมศพที่ไม่มีป้ายหลุมศพแบบนั้น น่าจะมีประวัติอันยาวนานแน่ๆ


แต่สิ่งที่แปลกของหลุมศพพวกนี้ก็คือวัสดุที่ใช้ทำ หลุมศพของคนปรกตินั้นจะใช้วิธีการฝังดินหรือปั้นดิน ถ้าดีๆหน่อยก็จะก่อเป็นอิฐหรือปูนหิน ดีแบบดีสุดๆนั้นก็จะใช้หินหยกและโลหะ


ถึงแม้ว่าโครงสร้างของหลุมศพจะเป็นหิน แต่มันไม่ใช่หินที่แกะสลัก แต่เหมือนกับว่ามันแป็นหินที่เป็นแบบนี้มาโดยธรรมชาติ


มีหินขนาดใหญ่ที่เหมือนจะปล่อยปราณมารออกมา พร้อมกับหินที่อยู่ใกล้ๆ มีรูปแบบคล้ายๆกัน ก่อตัวกันขึ้นมาเป็นกำแพง และถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าอะไรบางอย่าง


แต่ละสุสานนั้นจะมีแท่นหินบูชาอะไรซักอย่างซึ่ง ตระกูลฉางแต่ละคนจะไปนั่งที่นั้นแล้วสังเกตการณ์สุสานมารจากมุมต่างๆ


ฉางชุนชิวพาโจวเหวินลงมาจอดที่เท่นหินหนึ่งแล้วชี้ไปที่หินเวทมนตร์ที่ส่องแสงอยู่ข้างๆกับเขา “เอาเลยให้เบม่อนกินหินเวทมนตร์พวกนั้นเลย”


“ได้เลย” เบม่อนถูกอัญเชิญออกมาแล้วให้มันกินพวกหินเวทมนตร์สีขาวเทาพวกนั้น


“เอาละ ทีนี้ก็รอดูผล ถ้านายพอมีเวลา ช่วยอยู่รอดูตรงนี้ก่อนจะได้ไหม หรือถ้าไม่ว่าฉันจะได้ส่งคนพานายกลับก่อนก็ได้นะ”ฉางชุนชิวพูด


“ไม่เป็นไรหรอกวันนี้ฉันว่าง เดี๋ยวรอดูเลย”โจวเหวินเองก็อยากเห็นเหมมือนกันว่าสุสานมารที่แอบซ่อนอยู่ในตระกูลฉางมาเนิ่นนานนั้นคืออะไรกันแน่ๆ


“อยู่ก็ได้แหล่ะ แต่จำไว้ว่าห้ามออกจากแท่นตรงนี้ไปเด็ดขาดนะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน”ฉางชุนชิวย้ำเตือน


ซึ่งปรกติโจวเหวินเป็นคนที่หวงชีวิตตัวเองอยู่แล้ว เขาไม่คิดจะทำอะไรสุ่มเสี่ยงแน่ๆ


หินเวทมนตร์เองก็ดูเหมือนจะยังไม่งอกขึ้นมาในเร็วๆนี้ หลังจากที่เบม่อนกินไปครั้งล่าสุด มันก็ต้องใช้เวลาตั้งหลายวันกว่าจะงอกขึ้นมาใหม่


โจวเหวินเลยไม่ได้จ้องไปที่จุดที่กินตลอดเวลา แต่เขาแค่สังเกตมองไปรอบๆเท่านั้น เขาพยายามจะหารูปสลักรูปมือที่อยู่แถวๆนี้ เต่แล้วดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นมา


ด้านหลังหลุมศพนั้นเอง โจวเหวินเห็นรูปสลักรูปมืออยู่ด้วย มันเป็นรูปสลักที่แกะสลักบนหิน อาจจะเพราะว่าหินมันไม่ได้เรียบอยู่แล้วทำให้ลวดลายมันเหมือนเป็นธรรมชาติมาก แต่เพราะว่าโจวเหวินเคยเห็นรูปสลักพวกนี้บ่อยมากแล้วทำให้เขาไม่พลาดแน่นอน


แต่โจวเหวินก็ติดปัญหาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นรูปสลักรูปมือแต่ฉางชุนชิวย้ำนักย้ำหนากับเขาไปแล้วว่าห้ามออกจากแท่นนี้ แล้วเขาจะเดินไปถ่ายรูปได้ยังไงกัน


ยิ่งกว่านั้น ที่นี้ยังมีคนของตระกูลฉางอยู่เต็มไปหมด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเนียนไปถ่ายรูปได้


“แล้วจะไปถ่ายยังดีละ”โจวเหวินคิดแล้วคิดอีกแต่ก็ยังคิดหาทางดีๆไม่ได้ แต่ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีคนตะโกนขึ้นมา “มันงอก มันงอกออกมาแล้ว!!”


โจวเหวินตกใจมากแล้วรีบหันไปดู หินเวทมนตร์ที่พึ่งโดนเบม่อนกินไปนั้นตอนนี้มันงอกกลับมาอยู่ที่พื้นอีกครั้ง หินเวทมนตร์มันงอกเหมือนเห็ดที่งอกด้วยความเร็วสูงมากๆ จนสามารถเห็นมันโตได้ด้วยตาเปล่า


“เวลาในการงอกของมันน้อยลงอีกแล้ว แค่ครึ่งชั่วโมงก็งอกขึ้นมาใหม่ได้”คนของตระกูลฉางพูด


“เคยเกิดแบบนี้มาก่อนเหรอ”โจวเหวินถามคนของตระกูลฉางที่คอยดูแลที่นานมานานหลายปี


แต่ฉางชุนชิวกลับส่ายหัว แล้วพูด “เดิมทีอัตราการผุดขึ้นมาใหม่ของหินเวทมนตร์นั้นช้ามากๆ แต่หลังจากพายุมิติ มันก็ผุดเร็วขึ้นมากๆ โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ผ่านมา มันแร็วกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก แถมยังแพร่กระจายได้ไวเป็นดอกเห็ดด้วย เมื่อก่อนหินเวทมนตร์นั้นมันแพร่กระจายอยู่แค่รอบๆบริเวณสุสานนี้แค่ไม่กี่เมตร แต่ตอนนี้แค่ไม่กี่เดือนผ่านมา มันน่าจะกว้างมากกว่า100เมตรแล้ว


“จะว่าไปแล้วก่อน ก่อนหน้านี้พวกนายเคยจัดการกับหินเวทมนตร์มาก่อนไม่ใช่เหรอ”โจวเหวินไม่ค่อยอยากจะชื่อ


“ก็ใช่แหล่ะ แต่ตอนนั้นเราแค่ตั้งใจจะเอาตัวอย่างหินเวทมนตร์กลับมาวิจัยเฉยๆไมได้เป็นการทำลายในวงกว้างขนาดนี้ สถานการณ์แบบนี้ไม่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย แบบที่ทำลายมันไปแล้วแต่มันก็ยังงอกขึ้นมาใหม่ ปรกติแล้วมันจะค่อยๆงอกอย่างช้าๆแต่นี้มันเร็วมากๆเลย”ฉางชุนชิวพูด


“นั้นอะไรหน่ะ” ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีคนชี้ไปที่หินที่พึ่งงอกขึ้นมา


โจวเหวินกับฉางชุนชิวก็มองไปทางนั้นแล้วเห็นว่าบนหินเวทย์มนตร์นั้นมีใบหน้าของคนสลักเอาไว้บนหิน ลวดลายบนหินก็ดูแตกต่างออกไปจากเดิมมากๆ


“มันเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นรึเปล่า”โจวเหวินถามฉางชุนชิวอีกรอบ


แต่ฉางชุนชิวไม่ตอบแล้วเอาแต่มองหินนั้น ก่อนจะสั่งการ “ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”


ทุกคนๆต่างทำหน้าตึงแครียด เหมือนกับว่าทุกคนในตระกูลฉางรู้ความน่ากลัวของสุสานมารดี มีแค่โจวเหวินคนเดียวที่ยังงงๆอยู่ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วมันน่ากลัวยังไง

 

 

 


ตอนที่ 837

 

มารแล้ง


รูปสลักใบหน้าที่อยู่ตรงหินนั้นเป็นใบหน้าของคนเต็มๆหลับตา ไม่เหมือนกับใบหน้าหินอื่นๆ เพราะใบหน้าบนหินนั้น มันให้ความรู้สึกสุดชื่นและมีชีวิตแบบที่หน้ากากหินปรกติไม่มี เหมือนกับว่ามันสามารถลืมตาและตื่นขึ้นมามีชีวิตได้ตลอดเวลา


ทุกคนจ้องมองใบหน้าบนหินนั้นด้วยความตึงเครียด และทันใดนั้นก็มีจู่ๆก็มีคนกระโดดจากแท่นหิน ลงไปที่พื้น


ที่พื้นนั้นมันเต็มไปด้วยหินเวทมนตร์เต็มไปหมด ทันทีที่ขาแตะถึงพื้นแล้ว เท้าของเขาก็กลายเป็นหินเวทมนตร์ในทันที พร้อมๆกับน่องที่กลายเป็นหิน และอีก2วินาทีต่อมา ขาทั้งขาของเขาก็กลายเป็นหินเวทมนตร์


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากซะจนมีแค่ฉางชุนชิวคนเดียวที่ตอบสนองทัน เขาใช้สันมือฟันเข้าที่ขาของชายคนนั้นเหมือนดาบ อย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นมือมาจับแล้วกระชากชายคนนั้นกลับขึ้นแท่นหิน


ชายคนนั้นเหมือนจะพึ่งรู้สึกตัวแล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วกุมขาที่เลือดไหลโชก


“ห้ามเลือดให้เขาซะ”ฉางชุนชิวออกคำสั่งแต่เขายังคงจ้องมองขาของคนๆนั้นที่ยังคงติดอยู่กับพื้น


ขานั้นแข็งกลายเป็นหินเวทมนตร์ และดูไม่ต่างอะไรจากหินเวทมนตร์แม้แต่น้อย


ถึงแม้ว่าโจวเหวินอยากจะถามอยู่หรอกว่าที่นี้มันเกิดอะไรขี้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาถามแล้ว เขาใช้สดับวานรฟังไปรอบๆสุสานและหินเวทมนตร์เหล่านั้น เต่เขาก็พบว่ามีพลังงานบางอย่างไหลวนเวียนอยู่ในหินเวทมนตร์ แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย


“โจวเหวินกลับไปก่อนเถอะ ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว อยู่ที่นี้มันอันตรายเกินไป”ฉางชุนชิวพบอกโจวเหวิน


ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะอยากถ่ายรูปสลักรูปมือที่อยู่หลังสุสาน แต่ตอนนี้เขาทำไม่ได้แล้วแน่ๆ เขาเลยทำตามที่ฉางชุนชิวบอกแล้วออกจากที่นี้ไป


ปัญหาในสุสานมารนั้นมันใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก ตอนที่ตระกูลฉางพาโจวเหวินกลับไป โจวเหวินก็เห็นตระกูลฉางอีกหลายๆคนโถมกันไปที่สุสานมารแห่งนั้น


โจวเหวินไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะงั้น ถึงเขาจะอยากช่วยก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ตอนที่เขากลับถึงตำหนักเทียนฉี โจวเหวินก็เริ่มคิดถึงเรื่องสุสานมาร กับใบหน้าประหลาดที่ปรากฏขึ้นมาไม่รู้ว่ามันคืออะไร


โจวเหวินไม่แน่ใจว่าใบหน้านั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของหินเวทมนตร์ หรือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติกันแน่


และการที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้น มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของความชิบหาย ในอีก2-3วันถัดมา เขารู้สึกได้เลยว่าตระกูลฉางนั้นตอนนี้อยู่ในสภาวะตึงแครียด เหล่าปรมาจารย์ในตำหนักเทียนฉีต่างก็รีบเร่งไปที่สุสานมารกันทั้งนั้น


“หยูฉี เกิดอะไรขึ้นที่สุสานมารกันแน่ะหน่ะ”โจวเหวินอดที่จะถามฉางหยูฉีไม่ได้


“สถานการณ์ตอนนี้แย่มากเลย จากเมื่อวันก่อน ตอนนี้ทุกวันมีคนพยายามจะกระโดดลงไปในนั้นมากขึ้นไปอีก ถึงจะช่วยขึ้นมาได้แต่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันเองก็ยังไม่รู้สาเหตุอะไรหรอก”


“ลองทำลายใบหน้าบนหินเวทมนตร์ดูรึยังละ”โจวเหวินถาม


“ลองเล้ว มันไม่ได้ผล ทำลายไปเดี๋ยมันก็งอกขึ้นมาใหม่ ทำลายหินทั้งก้อนไป หน้านั้นก็จะไปโผล่ที่หินก้อนอื่น ตอนนี้ทั้งสุสานมารมีใบหน้าโผล่มาแล้ว7หน้า”


โจวเหวินรู้ดีว่าตอนนี้ตระกูลฉางกำลังเจอปัญหาใหญ่ ถ้าไม่รีบแก้ละก็จะมีคนพิการหรือตายไปมากกว่านี้ และสุดท้ายตระกูลฉางก็จะถูกทำลาย


“นี้ ถามจริงๆนะ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงพูดออกมาไม่ได้กัน”โจวเหวินถาม


“ฉางหยูฉีลังเล็กน้อยก่อนจะกระซิบ “ฉันจะบอกนายก็ได้ แต่นายห้ามไปบอกคนอื่นนะ ตำนานว่ากันไว้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลฉางถูกฝังไว้ในถ้ำจักรพรรดิมังกรก็จริง แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นหรอกที่ตระกูลฉางต้องไปฝังรวมกันอยู่ที่นั้นเพื่อไม่ให้อะไรก็ตามแต่ที่อยู่ในนั้นมันออกมาตั่งหากละ”


“หมายความว่าไงอะ จะบอกว่าเคยมีคนเคยถูกฝังไว้ในนั้นแล้วเหรอ”โจวเหวินถาม


“ถ้าจะเรียกให้ถูก มันไม่ใช่คนหรอก แต่เป็นพวกอมรณามากกว่า” ฉางหยูฉีพูด


“อมรณาเหรอ พวกซอมบี้งั้นเหรอ”โจวเหวินพยายามคิดถึงซอมบี้ขึ้นมา แต่เขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง


“คนปรกติอาจจะสับสนระหว่างอมรณากับซอมบี้ แต่เอาจริงๆแล้ว2อย่างนี้มันคนละอย่างกัน ตามตำนานแล้วอมรณาเป็นเทพที่ลงมาช่วยจักรพรรดิเหลืองเอาชนะฉีหยู แล้วพอเสร็จกิจก็หลับใหลอยู่ใต้พื้นดี รอคอยพลังเทพฟื้นคืนกลับมาจะได้กลับสวรรค์ ในตอนแรก เหล่าบรรพบุรุษของฉัน ได้เข้าต่อสู้กับอมรณาเหล่านั้นแต่ทำยังไงก็สู้ไม่ได้ บรรพบุรุษของฉันจึงเข้าไปปิดผนึกมันลงไปยังพื้นดิน แต่เมื่อไรก็ตามที่พลังเทพของมันกลับคืนมา มันจะตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลอีกครั้ง หรือถ้ามีคนมาปลุกมันขึ้นมาละก็พลังของมันสามารถทำให้พื้นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์นั้นแห้งเหือดกลายเป็นดินแดงได้ เราจึงเรียกมันว่ามารแล้ง เป็นตัวตนที่น่ากลัวมาก”


“ในตอนนั้นบรรพบุรุษของฉันได้ค้นพบว่าพวกมันหลับใหลอยู่ใต้พื้นดินเพื่อรอคออยการฟื้นพลัง พวกเขาจึงตัดสินใจฝังตัวเองไว้ที่นั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันกลับมา และเหตุการณ์ที่ถ้ำจักรพรรดิมังกรนั้น ทำให้เรื่องมันบานปลายเข้าไปใหญ่ ตลอดหลายปีมานี้ ตระกูลฉางของเราคอยเฝ้าระวังที่สุสานมารเพื่อป้องกันพวกอมรณามันกลับขึ้นมาบนโลก แต่พายุมิติมันทำให้พลังของอมรณามาแข็งแกร่งขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ตระกูลฉางของเราจะป้องกันได้อีกนานเค่ไหน เราเองก็ยังไม่รู้เลย”


“มันอยู่บนโลกนี้มาตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์พายุมิติอีกเหรอ มันมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ”โจวเหวินตกใจ


ถ้าเกิดหลังเหตุการณ์พายุมิติ การจะมีตัวอะไรแบบนี้โผล่มาเขาก็จะไม่ค่อยตกใจเท่าไร แต่ก่อนพายุมิตินั้นมันก็หลาย10ปีที่แล้ว ตอนนั้นตระกูลฉางก็เริ่มมาคุ้มกันที่นี้แล้ว


“ไม่รู้หรอกนะว่าจริงไหม แต่มันมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากหลับใหลอยู่ในนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันมักจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในสุสานมาร อมรณาจะตต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ”ฉางหยูฉีพูด


“หลังจากพูดจบ ฉางหยูฉีก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวจะออก “ฉันมีธุระต้องไปข้างนอกหน่อยนะ ตอนที่ฉันไม่อยู่ในตำหนักเทียนฉี นายก็อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวละ เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยเอาได้


“จะไปไหนอะ”โจวเหวินแปลกใจที่ฉางหยูฉีต้องไปไหนด้วยตอนนี้


สถานการณ์ในสุสานมารตอนนี้มันอันตรายมาก ฉางหยูฉีที่เป็นคนสำคัญควรจะอยู่ในตำหนักเทียนฉีมากกว่า


“ฉันจะไปฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติกับพี่ชายหน่ะ”ฉางหยูฉีพูด


พอนึกถึงเรื่องของฉางหยูฉี จู่ๆโจวเหวินก็พูดขึ้นมา “เอาจริงๆฉันมีแอปเปิลทองคำที่เปลี่ยนพลังชีวิตของคนได้อยู่นะ มันไม่มีผลข้างเคียงด้วย อยากจะลองดูไหม”


ฉางหยูฉีตอนแรกก็ดีใจ แต่เธอก็กลับส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก ฉันหน่ะเดิมทีก็ทำอะไรไม่ค่อยได้อยู่แล้ว ตอนนี้ขอแค่ฉันได้ช่วยทุกคนก็พอแล้วละ”

 

 

 


ตอนที่ 838

 

สายลมแรกแห่งสามภพ


โจวเหวินนิ่งเงียบไป ความสามารถของฉางหยูฉีนั้นเรียกว่าเป็นสุดยอดพรสวรรค์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำสาปสำหรับเธอเหมือนกัน โจวเหวินเข้าใจความรู้สึกของฉางหยูฉีเหมือนกัน เธอต้องเป็นเพื่อนกับสิ่งมีชีวิตต่างมิติ เพื่อให้มันโดนฆ่าตาย


แต่ตระกูลฉางตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มันอาจจะทำให้ตระกูลฉางแตกสลายไปเลยก็ได้ เพราะงั้นสำหรับตระกูลฉางแล้วสิ่งที่เธอทำคือการช่วยชีวิตเหล่าผู้คนที่เธอรักมากที่สุด


“แต่ละครอบครัวก็มีปัญหาของตัวเองซินะ แล้วยิ่งเป็นตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฉางด้วย”โจวเหวินถอนหายใจ


หลังจากที่ฉางหยูฉีออกไปแล้ว โจวเหวินก็ไม่ได้อยู่ในตำหนักเทียนฉีต่อ เขาออกเดินทางเข้าไปในเมืองหลงหูเเล้วหาโรงแรมอยู่ เหตุผลแรกก็เพราะว่าเขาไม่อยากรบกวนตระกูลฉางอีกแล้ว อีกอย่างการที่เขาอยู่ที่นี้มันทำให้เขาสามารถติดต่อกับหลิวหยุนได้สะดวกมากขึ้นตอนที่เขามาถึง…


ในตอนบ่ายวันนั้นเอง การพัฒนาร่างของธิดาปีศาจกลายเป็นระดับมหากาพย์ก็เสร็จสมบูรณ์สกิลต่างๆของเธอไม่เปลี่ยนไปเลย เพียงแค่ว่าค่าความสามารถของเธอนั้นกลายเป็น41ทั้งหมด โจวเหวินตอนนี้ยังอยากรู้ต่อว่าถ้าเธอเป็นระดับเร้นลับแล้ว กรงล้อแห่งโชคชะตาของเธอจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน


การได้ธิดาปีศาจกลับมามันทำให้โจวเหวินสบายใจขึ้นไปหลายเปราะ เพราะถึงเธอจะเป็นแค่ระดับมหากาพย์แต่พลังของเธอนั้นช่วยโจวเหวินได้เยอะมาก ตอนที่โจวเหวินกำลังดีใจกับการพัฒนาร่างของธิดาปีศาจยู่นั้นเอง ต้นกล้วยเซียนที่พัฒนาร่างมาเป็นเวลานานมากๆก็พัฒนาร่างเสร็จสมบูรณ์ในวันเดียวกัน โจวเหวินดีใจมาก เขารอต้นกล้วยเซียนพัฒนาร่างเสร็จมานานมากๆ ต้นกล้วยเซียนตอนนี้กลายเป็นเทพธิดาตัวน้อยในชุดสีน้ำเงินบนใบกล้วย ทำให้โจวเหวินรอที่จะอ่านค่าความสามารถของเธอไม่ไหวแล้ว


ต้นกล้วยเซียน ระดับเร้นลับ (สามารถพัฒนาได้)


พลังชีวิต สายลมเซียน


วิญญาณชีวิต เทพีสายลมสวรรค์


กรงล้อแห่งโชคชะตา สายลมแรกแห่งสามภพ (หยิน)


พลัง 81


ความเร็ว 81


ร่างกาย 81


พลังงานลมปราณ 81


สกิล สายลมหยิน


สถานะสวมใส่ พัด


ในแง่ของสกิลแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ค่าความสามารถเพิ่มขึ้นสูงถึง81ซึ่งเรียกว่าเป็นสุดยอดของระดับเร้นลับแล้ว มีกรงล้อแห่งดวงชะตาที่เรียกว่าสายลมแรกแห่งสามภพ ชื่อมันดูเท่มากๆ แต่ไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้กันแน่


“แล้วทำไมมันมีคำว่าหยินอยู่หลังกรงล้อแห่งดวงชะตาละ มันมีสายลมแรกแห่งสามภพหยางด้วยเหรอ”โจวเหวินคิดในใจ


เขาอัญเชิญต้นกล้วยเซียนออกมาในโลกความเป็นจริง แล้วเขาก็เห็นสาวผิวผ่องใสใส่ชุดสีน้ำเงินอมเขียว อายุประมาณ14-15 ขาสวยเรียวขาวนั่งอยู่บนใบกล้วย ใบกล้วยรอบนี้ใหญ่กวง่าเมื่อก่อนมาก หญิงสาวนั่งบนนั้นแล้วลอยไปมาอย่างสบายอารมณ์


ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะไม่ค่อยสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาของสัตว์อสูร แต่มันก็ถือว่าเป็นสัตว์อสูรที่สวยงามมากๆตัวนึง


โจวเหวินเปิดเกมส์แล้วเขาเกมส์วิหารเหล็กหลอมไป เขาอยากจะลองพลังของต้นกล้วยเซียนใหม่ดู


ในวิหารนี้มันทีเตาไฟเต็มไปหมด อุณหภูมิของที่นี้จึงค่อนข้างสูงมาก ต้นกล้วยเซียนนั่งอยู่บนใบกล้วยลอยอยู่ข้างๆโจวเหวิน พอโจวเหวินสั่ง มันก็เป่าลมแรงเข้าใส่วิหารทันที


หูมมมมมม


วิญญาณธาตุไฟและสิ่งมีชีวิตต่างมิติต่างๆโดนเป่ากระเด็นแล้วแช่แข็งทันที ส่วนเตาไฟทั้งหลายก็ดับลง เหมือนกับว่าพึ่งมีพายุใหญ่เข้าซัดพัดผ่าน ในเกมส์ของโจวเหวินมีแจ้งเตือนขึ้นมาถึงการตายของสิ่งมีชีวิตต่างมิติเต็มไปหมด โจวเหวินเดินลงไปดูแล้วพบว่าส วิหารทั้งวิหารนั้น สภาพพังยับเยินเหมือนกับว่ามีเฮอริเคนซัดกระหน่ำ เตาไฟที่เคยติดอยู่ทั่ววิหารตอนนี้ดับไปหมดแล้ว อุณหภูมิก็ลดลงต่ำจนเป็นอุณหภูมิห้อง


แต่ที่น่าประหลาดใจคือ สิ่งมีชีวิตต่างมิติทั้งหลายที่โดนพัดตายด้วยสายลมแรกแห่งสามภพนั้น หายไปเลย ไม่มีศพ ไม่มีผลึก ไม่มีไข่สัตว์อสูรดรอปออกมาเลย


“รุนแรงเกินไปแล้ว นี้นน่ะเหรอสายลมแรกแห่งสามภพ”ตอนที่โจวเหวินตื่นเต้นนั้นเอง เขาก็เห็นต้นกล้วยเซียนดูอ่อนแรง พลังงานลมปราณของเธอโดนสูบจนแห้งไปหมด สายลมแรกแห่งสามภพเองก็ติดคูลดาวด้วย


“น่าเสียดายแหะ ถ้าใช้ได้หลายครั้งนี้มันใช้ง่ายกว่าระเบิดนิวเคลียร์อีกนะเนี่ย”โจวเหวินแอบๆโลภเล็กน้อย


ถึงจะไม่ได้ใช้สายลมแรกแห่งสามภพ สายลมหยินของต้นกล้วยเซียนก็กลายเป็นสกิลที่รุนแรงมหาศาลแล้ว สิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับธรรมดาเอาชนะเธอไม่ได้แน่ๆ ถึงจะไม่โดนพัดจนปลิวแต่อย่างน้อยก็โดนแช่จนแข็งแน่ๆ การพัฒนาร่างของต้นกล้วยเซียนกับธิดาปีศาจนั้นทำให้โจวเหวินรู้สึกดีมากๆ


และเป็นอีกครั้งที่เขาฟาร์มที่ภูเขาต้าหลูแต่ก็ไม่ดรอปไข่สัตว์อสูรระดับเร้นลับออกมา


โจวเหวินเลยออกไปข้างนอกซื้อของแล้วกำลังจะกลับ ตอนที่เขากลับมานั้นเอง เขาก็พบหลิวหยุนที่นั่งอยู่ในห้องของเขาไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหน สภาพของหลิวหยุนนั้นนับว่ายับเยินมาก ตาดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า สภาพจิตใจไม่ค่อยไหวแล้ว หัวมันเหนอะหน่ะ เหมือนกับว่าไม่ได้สระผมมาครึ่งเดือน หนวดเคราเฟิ้ม เสื้อผ้ายับเยินและเลอะเทอะเหมือนกับไปคลุกดินทรายมา ถึงจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ดัง แต่สภาพตอนนี้เหมือนยาจกก็ไม่ปาน


“แล้วหยาเอ๋อละ”โจวเหวินถามหลิวหยุน


“หยาเอ๋อปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ถ้าอยากจะได้เธอคืน ช่วยอะไรฉันอย่างนึงซิ”หลิวหยุนพูด


เขาอุส่าห์เดินทางยากลำบากมาถึงนี้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ


“ให้ฉันช่วยขโมยไข่ของอสูรปฐพีเนี่ยนะ”โจวเหวินถาม


“ใช่แล้ว” หลิวหยุน พยักหน้าอย่างภูมิใจ “ตราบใดที่นายทำตามอย่างว่าง่าย เรื่องจบเมื่อไรฉันก็จะคืนหยาเอ๋อให้นายทันที ไม่เช่นนั้นละก็…”


“ไม่ต้องมาไม่เช่นนั้นหรอก อยากจะเอาเธอไปทำอะไรก็เอาเลย”โจวเหวินพูด


“อะไรนะ นายไม่กล้วฉันจะฆ่า….”หลิวหยุนหัวเสีย เขาอุส่าห์ลำบากตรากตรำมาถึงนี้เพื่อการนี้แต่โจวเหวินกลับมาบอกแบบนี้ทำให้เขาหัวร้อนมาก


“ก็ถ้ากล้าฆ่าเธอก็เอาซิ เอาเลย”โจวเหวินพูดแบบไม่สนใจใยดี


“หมายความว่าไงวะ คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ”หลิวหยุนพูดแบบโกรธๆ


“ตอนที่นายเดินทางมานี่ มันราบลื่นตลอดทางรึเปล่าละ”โจวเหวินจู่ๆก็ถาม


“ถามทำไมวะ นายเกี่ยวอะไรด้วย”หลิวหยุนถามกลับ


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก แต่ฉันว่าคนที่อยู่กับนายนั่นละคือตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้น”โจวเหวินพูด


“นายจะบอกว่าหยาเอ๋อเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้งั้นเหรอ”หลิวหยุนโกรธจัดกว่าเดิม เขาคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งนาน คิดว่าเป็นฝีมือของโจวเหวิน แต่ที่ไหนได้เป็นฝีมือของหยาเอ๋อตั้งแต่แรกงั้นเหรอ


นายรู้จักหวางลู่จากตระกูลหวางใช่ไหม บางคนก็เกิดมาแตกต่างนะ หยาเอ๋อก็เหมือนกัน เธอเป็นขั้วตรงข้ามกับหวางลู่ เธอจะนำพาความซวยมาให้แบบมหาศาลเลย …. ฉันเข้าใจนะ เอาเถอะ ถ้านายชอบอยากได้ ก็เอาเลย มันช่วยฉันได้มากเหมือนกัน”โจวเหวินพูด


หลิวหยุนนั้นไม่ทันเอะใจแม้แต่น้อย แน่นอนเขาไม่รู้จักหวางลู่หรือหวางฉานหรอก แต่เขาไม่คิดว่าหยาเอ๋อจะเป็นคนแบบนั้นด้วยเหมือนกัน…

 

 

 


ตอนที่ 839

 

ค่าอาหาร


“ถ้างั้น หรือฉันควรจะคืนเธอให้นายดีละ”หลิวหยุนเริ่มหวั่นใจ


ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้หรอก แต่พอยิ่งคิดดูดีๆ หลิวหยุนก็รู้สึกได้ว่ามันคือเรื่องจริง


“ช่วงนี้ฉันยิ่งยุ่งๆอยู่ด้วย คงไม่มีเวลามาเลี้ยงเด็กหรอก ไม่งั้นรุ่นพี่เลี้ยงเด็กนั้นให้หน่อยซักวัน2วันรอฉันกลับลั่วหยางได้ไหมละ”


“เอาไปเลยเถอะ”หลิวหยุนพูด


“รุ่นพี่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันให้ค่าจ้างอยู่แล้วเอาเป็นไข่สัตว์อสูรระดับมหากาพย์วันละฟองเป็นไง ราคาแบบนี้เอาไปจ้างดาราสาวสวยมารับเลี้ยงได้เลยนะ คิดว่าไงละ”โจวเหวินพูด


หลิวหยุนตบโต๊ะทันที “นี้เห็นฉันเป็นอะไรวะ ฉันคือหลิวหยุน เป็นโจร เป็นคนที่จับเด็กของแกมาเป็นตัวประกันนะโว้ย แล้วจะมาให้ไข่สัตว์อสูรฉันวันละฟองอีกเหรอ ไม่เอาโว้ย ถึงจะเปลี่ยนเป็นไข่ระดับเร้นลับก็ไม่เอา คอยอยู่นี้แหล่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาหยาเอ๋อมาคืนให้เลย”


“โถ่วรุ่นพี่ แบบนั้นมันก็ไม่เหมาะนะ รุ่นพี่อุส่าห์หิ้วเธอมาตั้งหลายกิโล จู่ๆจะส่งกลับมาให้ฉันแบบนี้ ขาดทุนแย่เลย เก็บไว้กับตัวอีกซักหน่อยก็ได้นะ”โจวเหวินพูด


“เก็บไว้กับผีอะซิ เอาคืนไปเลยนะ”หลิวหยุนพูด


“จะคืนให้ฉันจริงๆใช่ไหม”โจวเหวินถาม


“เออซิ ฉันพูดคำไหนก็คำนั้นละ”หลิวหยุนกัดฟันพูด


“งั้นก็ได้ครับ แต่รุ่นพี่เอาหยาเอ๋อไปตั้งหลายวัน ป่านนี้เธอคงหิวและผอมไปละมั่ง รุ่นพี่คงต้องจ่ายค่าอาหารให้ฉันไปซื้อของอร่อยๆให้หยาเอ๋อกินแล้วละ”โจวเหวินยื่นมือออกมาหาหลิวหยุน


หลิวหยุนเลือดขึ้นหน้าทันที เขาเคยเห็นคนหน้าไม่อายนะ แต่ไม่เคยเห็นคนหน้าหนาขนาดนี้มาก่อน


“ยังจะมาขอค่าอาหารอีกเหรอ”หลิวหยุนโกรธจัดจนมือสั่น “ฉันตั่งหากที่ทั้งหิวทั้งผอม แกไม่มีสิทธิ์ มาทำแบบนี้นะ ฉันไม่ได้กิน ไม่ได้นอน ไม่ได้ทำห่าอะไรทั้งนั้น ทั้งวันเอาแต่ร้องไห้ ร้องไห้หัวเราะอยู่แบบนั้นอะ ไปหัวเราะกลางงานศพชาวบ้านเขาเนี่ย พ่องงซิ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ไอ้เด็กเปรตนั้นมันกินดีมีสุข แต่ฉันเนี่ยเกือบตาย ได้ยินไหมว่าเกือบตาย แล้วยังเสือกมาขอค่าอาหารเพิ่มอีกเหรอ”


“รุ่นพี่ไม่เห็นต้องเล่นมุกเลย รุ่นพี่ลักพาตัวหยาเอ๋อไป ก็ไม่เห็นต้องรู้สึกผิดคืนกลับมาให้เลยนี้”โจวเหวินตอนนี้โล่งใจเต็มที่แล้วยิ้ม “ยังไงผมก็มีแผนอยู่ที่ตำหนักเทียนฉีอีกหลายวันด้วย ถ้ายังไงรุ่นพี่ช่วยส่งหยาเอ๋อไปให้หน้าตำหนักทีได้ไหมครับ”


“ถ้าไม่เอาฉันจะฆ่าเธอทิ้งซะ”หลิวหยุนพูด


“กล้าฆ่าเหรอ เอาซิถ้าไม่กลัวดวงซวยไม่ตลอดชีวิตก็เอาเลย”โจวเหวินท้า


หลิวหยุนคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ตายแล้วเกิดใหม่ไปภพหน้าน่าจะยังดีกว่า เขาตัวสั่น ก่อนที่จะยิ้มทั้งๆที่หน้าโกรธๆ “เจ้ารุ่นน้อง เห็นว่านายเป็นรุ่นน้องฉันนะ เอางี้ละกัน หยาเอ๋อชอบกินอะไร อยากกินอะไร บอกมาได้เลย เดี๋ยวฉันซื้อเลี้ยงเอง อยากได้อะไรก็บอกเลย”


“สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่”โจวเหวินยกนิ้วให้ “ถ้างั้นบอกฉันหน่อยได้ไหมว่า การใช้วิชาขโมยดวงดาวในการโอนสัตว์อสูรให้คนอื่นหน่ะมันทำยังไง ฉันศึกษามาตั้งนานแล้วก็ยังไม่เข้าใจเลย”


“เจ้ารุ่นน้อง ถ้าอยากจะเรียนรู้ฉันก็สอนได้ก็จริง แต่อันดับแรกนายต้องมีวิญญาณชีวิตของวิชาขโมยดวงดาวซะก่อน”พูดแล้วหลิวหยุนคิดต่อ ”นายไม่ได้ศึกษาวิชาขโมยดวงดาวจริงจังด้วยซ้ำ จะไปมีวิญญาณชีวิตได้ยังไงกัน”


“ฉันมีวิญญาณชีวิตแล้ว แล้วไงต่ออะ”โจวเหวินพูด


ดวงตาของหลิวหยุนเบิกกว้างขึ้นทันทีแล้วถามอย่างไม่เชื่อ “อะไรนะ นายมีวิญญาณชีวิตของวิชานั้นแล้วเหรอ”


“ใช้เวลานานมากเลยกว่าจะสกัดวิญญาณออกมาได้ ฝึกยากมากด้วยตอนนี้ยังเป็นแค่ขั้นเริ่มต้นอยู่เลย”โจวเหวินพูด


หลิวหยุนแทบอยากเดินไปตบหน้าโจวเหวินตอนนี้ แต่พอลองคิดดูอีกที เขาก็ไม่กล้าทำแบบนั้น


“นี้ ไม่ขำนะ ถ้านายไม่ได้สกัดวิญญาณชีวิตออกมาละก็ถ้าใช้วิธีของฉัน มันอันตรายมากเลยนะ”หลิวหยุนยังไม่เชื่อ


“วิญญาณชีวิตของรุ่นพี่ชื่ออะไรละ”โจวเหวินถามหลิวหยุน


“โอเค ฉันจะบอกให้นะ วิญญาณชีวิตของฉันมีชื่อว่าวิญญาณดวงดาว”หลิวหยุนพูดแล้วอัญเชิญดวงดาวมีแสงเจิดจ้าออกมาเหมือนกับว่าเป็นดวงดาวนับพันมารวมตัวกัน


“วิญญาณชีวิตของฉันไม่ได้เหมือนของนาย ของฉันชื่อธุลีดวงดาวแต่มันก็น่าจะคล้ายๆกันนะ”โจวเหวินอัญเชิญของตัวเองออกมา


พอเห็นธุลีดวงดาวของโจวเหวินแล้วหลิวหยุนก็หยุดนิ่ง วิญญาณชีวิตของเขานั้นต่างกัน ทั้งรูปร่างและความสามารถแต่เขาก็รู้สึกได้เลยว่านี้คือวิญญาณชีวิตของวิชาขโมยดวงดาวจริงๆไม่มีผิดแน่ๆ


“เจ้ารุ่นน้อง นายเป็นตัวอะไรกันแน่วะเนี่ย”หลิวหยุนถาม


“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหล่ะ เอาละ บอกวิธีการมาได้แล้ว นายคงไม่อยากตามไปสอนฉันที่ตำหนักเทียนฉีหรอกนะ”โจวเหวินพูด


“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก วิชาของฉันถึงจะซับซ้อนแต่ถ้านายมีวิญญาณชีวิตนั้นอยู่แล้วก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก”หลิวหยุนเล่าเรื่องวิธีการให้ฟัง


ตอนแรกโจวเหวินคิดว่าวิญญาณชีวิตของเขานั้นจะต่างจากหลิวหยุนแล้วเขาจะไม่สามารถเรียนวิชาของหลิวหยุนได้


แต่ถึงอย่างนั้น พอเขาฟังแล้ว ความกังวลของเขาก็หายไปทันที เขาสามารถใช้วิชาของหลิวหยุนได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังของวิญญาณชีวิตเลย ใช้แค่วิชาขโมยดวงดาวก็พอ


หลังจากที่โจวเหวินเข้าใจวิธีการหมดแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่ฝึกปฏิบัติเท่านั้น


“นายฝึกไปก่อนนะ ฉันจะไปเอาหยาเอ๋อมา”หลิวหยุนพูดแล้วเดินจากไป กลัวว่าโจวเหวินจะขออะไรจากเขาอีก


เดิมทีเขาเป็นคนที่ขี้งกในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว แถมเจอโจวเหวินทีไรเขามีเรื่องให้เสียเงินเสียเวลาทุกที ตอนนี้เขาเริ่มคิดอยากจะออกห่างจากโจวเหวินให้มากที่สุดแล้ว โจวเหวินเองก็ไม่ได้ต้องการหลิวหยุนอยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้ห้ามอะไร


และหลังจากที่รอไปได้ซักพัก จู่ๆก็มีพนักงานมาเคาะประตูหน้าห้องของโจวเหวิน บอกว่ามีคนมาพบเขาข้างนอก


พอโจวเหวินออกไปแล้ว เขาก็พบหยาเอ๋อนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ข้างนอก แต่หลิวหยุนนั้นกลัวว่าจะโดนอะไรเพิ่มอีกเลยหายหัวไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย


“หยาเอ๋อ เป็นอะไรรึเปล่า”โจวเหวินถามแล้วแตะหัวของหยาเอ๋อเบาๆ


หยาเอ๋อส่ายหน้าแล้วถอดสร้อยคอยื่นให้โจวเหวิน


โจวเหวินผงะเล็กน้อย เขารู้ว่าสร้อยคอนี้หยาเอ๋อจิ๊กมาจากหลิวหยุนแน่ๆ แต่ไม่รู้ทำไมหยาเอ๋อถึงยื่นให้กับเขากัน


“ให้ฉันเก็บให้เหรอ”โจวเหวินถามก่อนจะรับสร้อยคอมา


หยาเอ๋อส่ายหัว แล้วชี้ไปที่ทับทิมขนาดใหญ่ เหมือนกับว่าที่ทับทิมนั้นมันมีอะไรบางอย่าง


โจวเหวินมองไปที่ทับทิม หลังจากที่ดูดีๆแล้ว เขาก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่าง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)