I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 830-833
ตอนที่ 830
ภูเขาหลงหู
โจวเหวินออกเดินทางไปยังภูเขาหลงหู ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าหลิวหยุนต้องการจะทำอะไรกันแน่
หลังจากที่เดินมาได้ซักพัก โจวเหวินก็ตกใจที่เขาพบว่า จู่ๆวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวจู่ๆก็เติบโตขึ้นเองอัตโนมัติ
“เกิดอะไรขึ้นหน่ะ ทำไมธุลีดวงดาวถึงได้พัฒนาขึ้นเองได้กัน” โจวเหวินไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไปแต่ที่แน่ๆคือวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวของเขาเติบโตขึ้นจริงๆ
หลังจากลองมาคิดๆดูแล้ว ความเป็นไปได้มันมีแค่อย่างเดียวเท่านั้น คือตอนที่เขาเดิน มันทำให้ธุลีดวงดาวเติบโตขึ้น
โจวเหวินลองดูอีกครั้งและมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทุกๆครั้งที่โจวเหวินเดิน ยิ่งไกลเท่าไร ความเร็วในการเติบโตก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่พอเขาหยุดเดิน ธุลีดวงดาวก็หยุดเติบโต ยิ่งกว่านั้นการจะเดินวนย้อนทางเดิมมันก็ทำไม่ได้ด้วย ทางที่โจวเหวินไปนั้นจำเป็นจะต้องเป็นแส้นทางที่โจวเหวินไม่เคยไปมาก่อน ธุลีดวงดาวถึงจะพัฒนาไปได้ไว
“การพัฒนาวิญญาณชีวิตธุลีดวงดาวมันน่าสนใจดีแหะ สิ่งที่ต้องทำมีแค่เดินทางแค่นั้นเอง ง่ายมากๆเลย”โจวเหวินอดคิดดีใจไม่ได้ แค่เดินทางเขาก็พัฒนาวิญญาณชีวิตได้ ถือว่าเป็นวิญญาณชีวิตที่พัฒนาง่ายที่สุดแล้วด้วย
“ถ้าเป็นแบบนี้จริง ตอนที่ฉันไปถึงภูเขาหลงหู ป่านนั้นธุลีดวงดาวคงจะพัฒนาไปขั้นพัฒนาแล้วละ”
เพราะว่าตอนนี้มีเรื่องติดค้างในใจอยู่ ทำให้โจวแหวินไม่มีอารมณ์มาแวะพื้นที่ต่างมิติแถวๆนี้ซักเท่าไร โจวเหวินเลยเดินทางสายตรงไปยังภูเขาหลงหู
ภูเขาหลงหูนั้นเดิมทีเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของลักธิเต๋า ก่อนจะเกิดพายุต่างมิติ ผู้ตั้งคือเฉิงยี่ผู้โด่งดัง และว่ากันว่า เฉิงยี่คนนั้นฝึกวิชาอยู่ที่ภูเขาหลงหูแห่งนี้
ตามตำนานว่ากันว่า ตระกูลฉางนั้นเป็นลูกหลานของเฉิงยี่ หลังจากที่ภูเขาหลงหูเป็นพื้นที่ต่างมิติ ตระกูลฉางจึงย้ายเข้ามาอยู่ในภูเขาหลงหูและกลายเป็นเจ้าของภูเขาหลงหูในที่สุด
ตำนานว่ากันว่า หลังจากที่ภูเขาหลงหูเปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่ต่างมิติแล้ว ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์ลึกลับต่างๆมากมายในนั้น ทำให้ที่นั้นกลายเป็นพื้นที่ที่น่าหวาดกลัว นอกจากตระกูลฉางแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในนั้นอีก
ตระกูลฉางนั้นเก่งจากเรื่องวิชาเล่นแร่แปรธาตุและมนตร์ผนึกกระบี่ ได้ยินมาว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะทำประโยชน์จากที่นี้ได้ แต่มันยังมีสมบัติตกทอดจากเฉิงยี่อยู่ในนั้นอีกด้วย
การที่วีรบุรุษตระกูลฉางสามารถขึ้นครองพลังแบบนั้นได้ เป็นหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนของสมบัติเฉิงยี่
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของราชาวีรบุรุษตระกูลฉางจะยิ่งใหญ่มาก แต่ตระกูลฉางนั้นอยู่ใต้เงามืดของ6ตระกูลมานาน พวกเขาไม่ได้เย่อหยิ่งเหมือนตระกูลเคป และไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนตระกูลเสี่ย พวกเขาเป็นเหมือนป้อมปราการที่เฝ้าระวังภูเขาหลงหูเอาไว้ ทำให้ยากที่จะได้ข่าวอะไรจากตระกูลฉาง
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครกล้าดูถูกตระกูลฉาง เอาเข้าจริงแล้ว ตระกูลวีรบุรุษอื่นๆจำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลฉางซะด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้น ตระกูลฉางยังครอบครองเซิฟเวอร์หลักของรัฐบาลกลางอีกด้วยทำให้พวกเขามีข้อมูลมหาศาลไหลผ่านตระกูลฉางตลอดเวลา
การทำงานแบบตระกูลฉางนั้น การจะตรวจสอบพวกเขาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และการทำให้พวกนั้นประทับใจหรือเป็นมิตรได้ด้วยนั้น ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเหมือนกัน
โจวเหวินมุ่งหน้าตลอดทางไปยังภูเขาหลงหู ระหว่างทางนั้นภาพทิวทัศน์นั้นสวยงามมาก เป็นภาพของภูเขาสูงผสมกับทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีหมอกจางๆทำให้แสงอาทิตย์พาดผ่านเหมือนกับแดนสวรรค์บนพื้นโลกยังไงอย่างงั้น
“ว่ากันว่าเฉิงยี่นั้นฝึกวิชาในภูเขาหลงหูจนสำเร็จวิชา ก่อนจะกลายมาเป็นชื่อภูเขาหลงหู(แปลว่าภูเขาพยัคฆ์มังกร) ไม่รู้ว่ามันจะยังมีพยัคฆ์ หรือมังกรอะไรหลงเหลืออยู่ในนั้นอีกไหมนะ”โจวเหวินพูดถึงพื้นที่ต่างมิติในภูเขาหลงหู
ตระกูลฉางนั้นเฝ้าระวังภูเขาหลงหูและสร้างงฐานทัพของตระกูลฉางไว้ที่นั้น คนนอกห้ามเข้าเด็ดขาด และพวกเขามองเห็นภูเขาหลงหูได้จากไกลๆเท่านั้น เพราะงั้นถ้าเขาสามารถดาวโหลดเกมส์นั้นมาได้ ก็คงจะดีไม่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น การประมูลที่จะเกิดขึ้นมันไม่ได้จัดขึ้นในพื้นที่ต่างมิติที่หลงหู แต่มันจัดที่เมืองเล็กๆนอกภูเขาแทน แต่ชื่อของเมืองนั้นก็ชื่อเมืองหลงหูเหมือนกัน
ถึงจะบอกว่าเป็นเมืองเล็กๆดูกันดารก็จริง แต่เมืองหลงหูในปัจจุบันนั้นเทียบเท่ากับมหานครได้เลย
เพราะว่าตระกูลฉางอยู่แถวๆนั้น ทำให้คนหลายๆคนย้ายตระกูลของตัวเองมาใกล้ๆภูเขาหลงหู ทำให้อาณาเขตรอบข้างนั้นหลอมรวมกันจนเป็นเหมืองขนาดใหญ่ โดยมีตระกูลฉางคอยดูแลความสงบอยู่
หลังจากที่โจวเหวินเข้าเมืองหลงหูไปแล้ว ตอนแรกเขาคิดว่าหลิวหยุนนั้นจะต้องติดต่อเขามาโดยตรงแน่ๆแต่ผิดถนัดเลย โจวเหวินรอมานานมาก แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของหลิวหยุนแม้แต่น้อย
เอาจริงๆ ถึงแม้ว่าหลิวหยุนจะออกเดินทางมาก่อน แต่ระหว่างทางเขาก็เจอเรื่องมากมายซะจนเดินทางมาช้ากว่าทำให้โจวเหวินถึงที่เมืองหลงหูก่อน
“หลิวหยุนคงไม่ตายง่ายๆหรอกมั้ง”โจวเหวินกังวลเล็กน้อย แต่เขาทำได้แค่รอดูเท่านั้น
โจวเหวินยังไม่ติดต่อฉางหยูฉีไปเพราะเขายังไม่รู้ว่าหลิวหยุนต้องการอะไรกันแน่ๆ ถ้าเกิดเขาอยากจะบังคับโจวเหวินให้เข้าไปขโมยของในบ้านตระกูลฉางขึ้นมา การจะบอกฉางหยูฉีล่วงหน้าก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
โจวเหวินเลยคิดจะหาโรงแรมนอนพัก แต่แล้วโจวเหวินก็เห็นคนที่เดินผ่านมาตรงถนน ดูเหมือนคนที่มาจากแดนตะวันตก
“นั้นมันตระกูลก๊อตเหรอ”โจวเหวินยมองดูๆแล้วสังเกตตราของพวกเขาได้
ถึงแม้ว่าตระกูลก๊อตจะเป็นแค่ชื่อตระกูล แต่ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลของพวกเขาเด่นหลากลางหน้าอก เหมือนกับว่าพวกเขาภูมิใจมากที่เกิดในตระกูลนี้
กลุ่มนั้นนำโดยชายวัยกลางคนที่สูงหล่อเหล่า ใบหน้าและร่างกายของเขานั้นเหมือนถอดแบบออกมาจากรูปปั้นกรีกซะมากกว่า
และดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะรู้สึกได้ว่าโจวเหวินมองไปพอดี เขาเลยมองกลับมาหาโจวเหวินแล้วจำโจวเหวินได้ หลังจากที่เห็นแล้วเขาก็เดินตรงเข้ามาทางนี้พอดี”
“สวัสดีโจวเหวิน ฉันชื่อเมซซิส เป็นสมาชิกตระกูลก๊อต อยากจะเจอนายมานานแล้ว แต่ฉันไม่มีโอกาสได้ไปที่ลั่วหยางซักที การได้มาเจอนายที่นี้ ฉันว่ามันต้องเป็นสิ่งที่พระเจ้าลิขิตมาแน่ๆ”ชายวัยกลางคนที่ชื่อเมซซิสพูดพร้อมรอยยิ้ม
คนจากตระกูลก๊อตที่เหลือก็มองโจวเหวินเหมือนกับว่าสงสัยในตัวของโจวเหวิน
ชายหนุ่มจากตระกูลโนเนม ไม่มีแม้แต่พื้นฐานตระกูลดีๆ แต่กลับสามารถมีชื่อเสียงโด่งดังในรัฐบาลกลางได้มันก็ยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว แถมโจวเหวินยังเป็นลูกศิษย์ของหวังหมิงหยวนคนนั้นอีกด้วย มันยิ่งทำให้คนสนใจกันมากไปใหญ่
“มีอะไรเหรอ”โจวเหวินถามแล้วมองเมซซิส
เอาเข้าจริงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ6ตระกูลก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก แต่ยังไง6ตระกูลก็เป็นผู้กุมอำนาจในรัฐบาลกลาง การที่โจวเหวินมีตัวตนขึ้นมาเด่นหลาแบบนี้ จะให้6ตระกูลญาติดีด้วยก็คงจะไม่ใช่เรื่องเท่าไร
“ถ้าเป็นไปได้ฉันเองก็อยากจะมาประลองกับนายอย่างเท่าเทียมหน่ะ”เมซซิสพูด
“เมซซิส คุณโหดร้ายเกินไปแล้วนะมาท้าดวลกับหนุ่มน้อยแบบนี้หน่ะ”ฉางชุนชิวเดินตรงเข้ามากลางวง
แน่นอนละว่าที่นี้เป็นเขตภูเขาหลงหู ถ้าคนอย่างโจวเหวินกับเมซซิสมารวมตัวกันที่นี้ได้โดยที่ตระกูลฉางไม่รู้เรื่องอะไรเลย พวกเขาก็คงไม่ใช่ตระกูลฉางแล้วละ
เมซซิสยิ้ม “กฎของตระกูลก๊อตหน่ะมันต่างจากเขตตะวันออกของพวกนายนะ คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการยกย่อง และโจวเหวินเองก็แกร่งมากพอที่จะคู่ควรเป็นคู่ประลองของฉันด้วย”
ฉางชุนชิวพูดด้วยรอยยิ้มแบบเฉือดเฉือน “ถ้างั้นก็รอให้โจวเหวินไปที่ตระกูลก๊อตของคุณเถอะครับ แล้วค่อยท้าประลอง ตอนนี้เขาเป็นแขกของผม”
ตอนที่ 831
สุสานมาร
“เอาเถอะ ฉันเองก็ตามใจเจ้าภาพอยู่แล้ว”เมสซิสพูดพร้อมรอยยิ้ม
ฉางชุนชิวโค้งเล็กน้อยก่อนจะพูด “ผมได้เตรียมที่พักไว้ให้คุณแล้วครับ ฉางเสี่ยวจะพาคุณไปเอง ผมหวังว่าคุณจะไม่ผิดหวังนะครับ”
“ขอบใจมากนะ”เมซซิสพูด
ฉางเสี่ยวพาเมสซิสไปที่บ้านพัก ก่อนที่ฉางเสี่ยวจะจากไป เขาก็หันกลับมองโจวเหวินเล็กน้อยเหมือนกับมีเรื่องอะไรบางอย่าง
โจวเหวินรู้สึกได้ถึงแรงอาฆาตแปลกที่พุ่งเข้ามาหาเขา ถึงแม้ว่าเขาจะพาฉางหยูฉีหนีเที่ยวรอบที่แล้ว แต่เขาก็สามารถส่งเธอกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ไม่เห็นต้องแค้นอะไรเลย
ที่โจวเหวินไม่รู้คือ จอมทรราชเบม่อนของเขานั้นแท้จริงแล้วเป็นสมบัติของตระกูลฉาง และฉางเสี่ยวก็รู้แล้วด้วยว่าเบม่อนนั้นอยู่กับเขา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉางหยูฉีแม้แต่น้อย
“โจวเหวินมากับฉันหน่อย เราได้เตรียมห้องให้กับนายที่ตำหนักเทียนฉีแล้ว และหยูฉีก็รอนายอยู่ด้วย”ฉางชุนชิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
โจวเหวินตอนแรกไม่อยากจะเข้าตระกูลฉางก่อนเลย แต่ในเมื่อฉางชุนชิวมาเองแบบนี้ เขาเองก็คงปฏิเสธไม่ได้
ตำหนักเทียนฉีนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำเป็นสถานที่ๆสวยงามมากๆ ตระกูลฉางอยู่ที่นี้มาหลายช่วงอายุคนเล้ว เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนและตั้งสมาธิมากๆ พอเห็นตำหนักเทียนฉีแล้วโจวเหวินก็นึกถึงตำนานของฉางเทียนฉีขึ้นมา
ตำนานว่ากันไว้ว่า ฉางเทียนฉี วีรบุรุษแห่งตระกูลฉาง เจ้าของฉายาราชาวีรบุรุษนั้น พ่อของเขาคือผู้สืบทอดสายเลือดมาจากเฉิงยี่โดยตรง และเขาได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าของเฉิงยี่ที่ถูกฝังเอาไว้ที่นี้
สมบัติที่ว่านั้นก็คือ ถ้ำจักรพรรดิมังกร และฉางเทียนฉีก็ตั้งใจจะฝังร่างของพ่อของเขาไว้ทีนั้น ว่ากันว่าที่นั้นเป็นจุดเริ่มต้นกำเนิดจักรพรรดิที่จะมาจุติในอนาคต
แต่ตอนที่เขากำลังจะไปฝังศพพ่อของเขานั้นเอง ชายที่แบกโลงของพ่อเขาอั้นฉี่ไม่ไหว แล้วฉี่ราดขึ้นมากลางถ้ำจักรพรรดิมังกร ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าร้องคำรามเหมือนเสียงมังกร ลมปราณโพยพุ่งออกมากลางอากาศ เหมือนกับว่าจะเกิดอาเพศขึ้น
แต่จู่ๆศพของพ่อฉางเทียนฉีก็ส่องประกายขึ้นมา ผนึกคำสาปนั้นไว้กับตัวเอง และให้อภัยกับชายคนนั้น ฉางเทียนฉีจึงฝังร่างของพ่อไว้ในถ้ำนั้น ก่อนจะทิ้งข้อความไว้ว่าถ้ำแห่งนี้ไร้ซึ่งมนตร์ขลังแล้ว แต่ที่นั้นว่ากันว่าก็ยังมีอาคมซ่อนไว้อยู่รอวันที่จะได้เปิดเผย
ฉางชุนชิวพาโจวเหวินเข้าไปในตำหนักเทียนฉี ก่อนจะพาเขาเข้ามาในโถงหลัก
“แล้วหยูฉีละ”โจวเหวินถามถึงฉางหยูฉี
ฉางชุนชิวตอบกลับ “ฉันส่งคนไปเรียกเธอมาแล้ว เดี๋ยวเธอก็มา ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มาคุยกันก่อนจะดีกว่า”
โจวเหวินคิด “จะคุยอะไรกันได้ละ แล้วฉันรู้จักนายด้วยเหรอ”
ฉางชุนชิวพูด “จอมทรราชเบม่อนนั้น เป็นสัตว์อสูรของนายใช่ไหม”
โจวเหวินผงะเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าฉางชุนชิวรู้ได้ไง แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธ เขามอฉางชุนชิวแล้วพูด “ทำไมจู่ๆก็ถามละ”
ฉางชุนชิวพูด “จอมทรราชเบม่อนนั้นเดิมทีเป็นไข่สัตว์อสูรจากทางฝั่งตะวันตก ผู้อาวุโสของตระกูลฉางไปที่เขตตะวันตกเพื่อฝึกวิชาและได้ไข่สัตว์อสูรของเบม่อนนั้นกลับมาจากพื้นที่ต่างมิติ เดิมทีตั้งใจว่าไข่สัตว์อสูรนี้จะเตรียมไว้ให้กับลูกหลานของตระกูลผู้มีพรสวรรค์ แต่ใครมันจะไปคิดละว่าจู่ๆจะมีหนอนบ่อนใส้มาขโมยไข่ไปแล้วเอามันออกมาจากตำหนักนี้ได้”
“ไม่น่าใช่เบม่อนตัวเดียวกันมั้ง”โจวเหวินพยายามปฏิเสธ เพราะเขาไม่รู้ว่าที่ฉางชุนชิวพูดนั้นมันจริงไหม หรือถ้าจริง โจวเหวินก็ไม่คิดจะคืนเบม่อนให้อยู่ดี
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ตั้งแต่ที่มันหายไป ทางเราก็คิดไว้แล้วละ ว่าเบม่อนคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่กับตระกูลฉางแน่ๆ แล้วยิ่งนายฟักไปแล้วด้วย ตระกูลเราเองก็คงไม่ขอให้นายคืนเบม่อนมาให้หรอก”ฉางชุนชิวพูดต่อ “เบม่อนนั้นมีแค่ตัวเดียวเท่านั้น มันไม่ใช่ไข่สัตว์อสูรที่ได้มาจากการฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติแต่มันคือสมบัติล้ำค่า มีแค่ตัวเดียวเท่านั้นไม่มีตัวที่2 และเราก็ไม่ได้มีแผนจะชิงมันกลับมาด้วย เราแค่อยากจะรู้ว่านายได้มันมายังไงเท่านั้นเอง เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าคนขโมยนั้นขโมยออกมาได้ยังไง เพื่อป้องกันการเกิดขึ้นอีกในอนาคต”
“ฉันได้มันมาจากงานประมูลหน่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นแค่มิโนทอร์ธรรมดา แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเบม่อน”โจวเหวินพูดจริงครึ่งนึง เขาบอกวิธีการได้เบม่อนมาจริงๆๆ
“แบบนี้นี่เอง ฉันรู้แล้วละว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง โจวเหวินนายนี้เป็นคนที่โชคดีมากจริงๆนะ คนที่ขโมยไปเองก็คงหมายตาเบม่อนไว้เหมือนกันแน่ๆ แต่ฉันไม่คิดเลยว่านายจะชิงมันมาได้ มันต้องมีเรื่องอะไรซักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ แต่แค่เรายังไม่รู้เท่านั้นเอง….”ฉางชุนชิวไม่ตามความต่อ “ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะให้นายเอาเบม่อนมาช่วยอะไรตระกูลฉางของเราหน่อยได้ไหม แน่นอนว่าเรามีรางวัลให้อย่างงามเลย รวมไปถึงของขลังจากตระกูลฉางของเราด้วย คิดว่าไงละ”ฉางชุนชิวพูด
“จะให้ทำอะไรละ”โจวเหวินมองฉางชุนชิวอย่างระแวงเล็กน้อย
เขาได้ยินมาจากหลิวหยุน ว่าตระกูลฉางนั้นมีมนตร์เปลี่ยนชีวิต ทำให้เขาสามารถเพิ่มดวงในการขโมยได้
แสดงว่าเครื่องรางของตระกูลฉางเองก็ถือว่าเป็นของรางวัลที่ดีมากทีเดียว แต่นั้นก็หมายความอีกว่าเรื่องที่ตระกูลฉางจะไหว้วานนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเช่นกัน
“เคยได้ยินเรื่องสุสารมารไหม”ฉางชุนชิวพูด
โจวเหวินส่ายหัว
“ก็ไม่แปลกหรอก คนนอกส่วนมากก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาตระกูลฉางของเราเฝ้าระวังสุสารมารมานาน พยายามกดดันสิ่งมีชีวิตต่างมิติในนั้นไม่ให้ทะลักออกมา”ฉางชุนชิวพูด
“แล้วจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ละ”โจวเหวินถาม
“นายเคยได้ยินเรื่องหลุมศพของพ่อวีรบุรุษที่ถ้ำจักรพรรดิมังกรใช่ไหมละ”ฉางชุนชิวพูดโดยที่ไม่ตอบถาม
“เคยได้ยินอยู่นิดนึงอะ เคยได้ยินว่าปู่ทวดของนายถูกฝังเอาไว้ที่นั้น และปิดผนึกพลังอาคมเอาไว้ในนั้น”
ฉางชุนชิวพูยักหน้า “ตามตำนานมันก็ว่าอย่างงั้นก็จริงแต่นายเชื่อจริงๆเหรอ”
“ไม่รู้ซิ”โจวเหวินไม่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้ว
ถ้าจะให้โจวเหวินพูด มันก็เหมือนกับว่าตระกูลฉางนั้นพึ่งแต่ดวงบุญเก่าที่มีมาตั้งแต่ต้น อาจจะบอกว่าต้นทุนของตระกูลฉางนั้นดีอยู่แล้วจนโกงก็ได้ มันไม่ใช่ชะตากรรมหรืออะไรหรอก
ฉางชุนชิวยิ้ม เขาไม่ได้บอกว่าตำนานนั้นมันจริงไหมหรือยังไง แต่เขาพูด “ถ้ำจักรพรรดิมังกรนั้น คือสุสารมารที่ว่านั้นแหล่ะ”
“หะ!!”โจวเหวินผงะทันที เขาไม่เชื่อที่ตัวเองได้ยินด้วยซ้ำ
ตำนานของถ้ำที่ให้กำเนิดจักรพรรดิมังกร ที่สวรรค์ส่งมานั้นกลับกลายเป็นแหล่งกบดานของมาร สุสารมาร มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
ตั้งแต่ที่เกิดพายุมิติ อาคมในสุสารมารก็มากขึ้นทุกวัน ตระกูลฉางพยายามทุกวิธีทางแล้วที่จะปิดผนึกสุสารมารนั้นซะ แต่สถานการณ์มันแย่ลงทุกวันเลย ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะให้นายใช้เบม่อนช่วยเราปิดผนึกมันชั่วคราวหน่ะ”ฉางชุนชิวอธิบายรายละเอียดที่โจวเหวินจะต้องทำ
ตอนที่ 832
บทที่ 832 ยาทิพย์
ตอนแรกโจวเหวินคิดไว้ว่าเรื่องที่ตระกูลฉางจะให้เขาทำนั้นต้องเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ แต่ใครมันจะไปคิดละว่าหลังจากที่ฟังทั้งหมดแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสู้อะไรทั้งนั้นเลย เพราะหลักๆแล้วที่เขาต้องใช้คือใช้แค่เบม่อนอย่างเดียวเท่านั้น
ที่ตรงทางเข้าของสุสานมารนั้น มันมีหินเวทมนตร์เรืองแสงได้อยู่ ไม่ว่าหินเวทมนตร์นั้นจะไปส่องแสงที่ไหน สิ่งมีชีวิตต่างมิติที่อยู่ในสุสานมารนั้นก็สามารถไปถึงที่นั้นได้ ซึ่งก็เท่ากับว่ามันสามารถหลุดจองจำออกมาได้ตลอดเวลา
แถมหินเวทมนตร์ที่ว่านั้นยังจัดการได้ยากมากด้วย เพราะเราไม่สามารถทำลายมันได้ และย้ายมันไปที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าหินเวทมนตร์นั้นจะโดนทำลายจนเป็นผุยผง แต่ก็ยังสามารถส่องแสงได้อยู่ดี
ยิ่งทำลายหินเวทมนตร์นั้นเท่าไรก็ยิ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่ให้กับหินนั้นด้วยซ้ำ
หินเวทมนตร์นั้นจริงๆแล้วไม่ได้เป็นอันตรายอะไรหรอก แต่ทุกๆที่ ที่มันอยู่นั้นจะมีสัตว์อสูรที่มาจากสุสารมารตามไปด้วยเสมอ
ซึ่งแน่นอนว่าจริงๆแล้วปัญหานี้โจวเหวินไม่ได้รับผลอะไรด้วยเลย เพราะเขาไม่ใช่ตระกูลฉาง แถมฉางชุนชิวเองก็ไม่ได้พูดปัญหาอะไรเกี่ยวกับสุสานมารให้เขาฟังมากนัก เขาแค่อยากจะให้โจวเหวินควบคุมเบม่อนไปกินหินเวทมนตร์นั้นให้หน่อยแค่นั้นเอง
“เรื่องนั้นมันก็ได้อยู่หรอก ฉันเองก็ตกลงด้วย แต่ฉันต้องดูด้วยนะว่าเบม่อนมันจะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินฉันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันนะ”โจวเหวินพูด
“ได้ซิ ได้อยู่แล้ว ฉันกลัวว่าหินเวทมนตร์นั้นมันอาจจะมีเยอะเกินจนเบม่อนกินไม่หมดเนี่ยซิ”ฉางชุนชิวพูด พอได้ยินโจวเหวินตอบตกลงแล้วเขาก็โล่งใจ
โจวเหวินเองก็ไม่ได้กังวลอะไรเรื่องพวกนี้ เพราะเขาเคยเห็นเบม่อนกินมาแล้ว เขาลูกเล็กๆเบม่อนก็กินไหว
ทั้งคู่คุยกันต่ออีกซักพักก่อนที่ฉางหยูฉีจะเดินลงมา แล้วพอเห็นโจวเหวิน นางก็ดีใจไม่น้อยเลย เพราะยังไงเธอเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่แล้ว เอาจริงๆถ้าเป็นคนอื่นอยากจะมาเจอเธอละก็คงไม่มีทางได้เจอแน่ๆ เพราะพวกเขาจะไม่มีทางได้มากเหยียบที่ตำหนักเทียนฉีแน่นอน ดูอย่างเมซซิสที่เป็นตัวแทนของตระกูลเคปยังโดนจับแยกไปอยู่ที่อื่นเลยไม่ใช่ตำหนักนี้
“ภูขาหลงหูเป็นที่ๆน่าสนใจนะ เดี๋ยวให้น้องหยูฉีพานายไปดูรอบๆละกัน”ฉางชุนชิวพูดก่อนจะจากไป
ฉางหยูฉีพาโจวเหวินออกมานอกตำหนักแล้วพูด “ฉันรู้แหล่ะว่านายเคยไปพื้นที่ต่างมิติตั้งเยอะแยะมากแล้ว แต่สิ่งมีชีวิตต่างมิติของที่นี้ฉันรับรองเลยว่านายไม่เคยเห็นที่ไหนแน่นอน”
“สิ่งมีชีวิตต่างมิติอะไรกัน”โจวเหวินถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองละหน่า”ฉางหยูฉีทำหน้าตาลึกลับแล้วไม่อธิบายอะไรต่อ
เธอพาโจวเหวินขึ้นเรือเล็กแล้วออกจากฝั่งไปตามแม่น้ำ ทัศนียภาพ2ข้างทางนั้นเหมือนกับสวนสวรรค์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่ดุร้ายเลยแม้แต่น้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลฉางถึงอยู่ที่นี้ได้
ถ้าเกิดมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่ดุร้ายอยู่แถวนี้ ตระกูลฉางคงจะอยู่เป็นสุขไม่ได้แน่ๆ
หลังจากเดินทางทางเรือเสร็จแล้ว โจวเหวินก็เห็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่เหมือนกับภูเขาที่แยกตัวออกอยู่ระหว่างภูเขาสูงด้านหลังกับแม่น้ำที่อยู่เบื่องหน้า
“สิ่งมีชีวิตต่างมิติอยู่ในนั้นละ”ฉางหยูฉีชี้ไปที่ก้อนหินที่เหมือนเนินเขานั้น
“อย่าบอกนะว่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติคือเนินเขานั้นน่ะ”โจวเหวินสงสัย
“รอดูละกัน”ฉางหยูฉีพูดแล้วอัญเชิญธนูออกมา ก่อนจะง้างคันธนูแล้วยิงออกไปที่เนินเขานั้น
ทันทีที่ธนูพุ่งเข้าใส่ภูเขานั้นเอง จู่ๆก็มีแสงสีแดงจากเนินเขานั้นจู่ๆก็โพยพุ่งออกมาจากภูเขาแล้วยิงเข้าใส่ลูกธนูนั้นทันที
ลูกธนูนั้นวนรอบภูเขารอบนึงก่อนจะพุ่งกลับมาหาทางโจวเหวิน
“ยาทิพย์แห่งภูเขาต้านหลูนั้นไม่มีที่ไหนเหมือน สีแดงคือระดับตำนาน สีทองคือระดับมหากาพย์ ถ้าเกิดเจอยาที่มีรวดลายของมังกรกับเสืออยู่บนนั้น นั้นคือระดับเร้นลับ แต่มันหายากมาก”ฉางหยูฉีหยิบลูกธนูแล้วจับยาสีแดงนั้นในมือ มันพยายามจะดิ้นแต่ไม่หลุด
แต่ฉางหยูฉีนั้นไม่ได้คิดจะฆ่ามัน เธอแตะมันด้วยมือเบาๆ ก่อนที่ยานั้นจะสงบลงแล้วเชื่องลงอยู่ในมือของเธอ เหมือนกับว่าถึงฉางหยูฉีจะปล่อยมือมันก็จะไม่หนีไป
“แล้วยาพวกนี้ไว้ใช้ทำอะไรละรักษาอะไรได้เหรอ”โจวเหวินถามอย่างสงสัย
“ยาบางตัวก็มีฤทธิ์รักษา บางตัวก็มีผลที่ต่างกันออกไป อย่างเช่น บางตัวใช้ล้างพิษ บางตัวใช้สมานแผล บางตัวเป็นพิษก็ยังมีเลย” ฉางหยูฉีชี้ไปที่เนินเขานั้นก่อนจะพูด “นายจะลองดูบ้างก็ได้นะ นายอาจจะได้เจอยาชุบชีวิตหรือไม่ก็ยาสั่งตายก็ได้นะ”
“มันทำอะไรได้อะ”โจวเหวินถาม
“นี้นายได้ฟังฉันไหมเนี่ยแค่ชื่อยาน่าจะบอกอยู่ละนะ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ไม่ว่าบาดเจ็บปางตายร้ายแรงขนาดไหน ขอแค่คนๆนั้นยังมีลมปราณหลงเหลือในร่างกายแม้แต่น้อย ยานี้ก็สามารถทำให้คนๆนั้นหายดีได้ในปริดทิ้ง”ฉางหยูฉีพูด
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”โจวเหวินเริ่มอยากได้
“แหงซิของโคตรดีเลยละ แต่สัตว์อสูรที่เป็นยาหน่ะมันเป็นแบบใช้แล้วทิ้งนะ ถ้าใช้แล้วจะเอากลับมาใช้ใหม่ไม่ได้ แถมยานั้นนานๆทีจะโผล่มาทีด้วย นายต้องลองสุ่มดวงดูนะ”ฉางหยูฉีพูด
“โอเค ฉันจะลองดูนะ”โจวเหวินเริ่มสนใจแล้วถามฉางหยูฉีว่าต้องทำยังไง
“ยานั้นจะไหลออกมาจากเนินเขานั้นเอง ที่นายต้องทำก็แค่ล่อมันออกมา ไม่ยากหรอก แค่เอาตัวอะไรที่เคลื่อนไหวได้ไปล่อ แต่อย่าหวังมากนะ ระดับเร้นลับมันหายากมากๆเลย”ฉางหยูฉีพูด
“โอเค”โจวเหวินอัญเชิญค้างคาวเงาพิษออกมาก่อนจะให้มันบินตรงไปยังเนินเขาต้านหลู
ทันทีที่ค้างคาวบินโฉบเข้าไปถึงเนินเขานั้น ยานั้นก็พุ่งเข้าใส่ทันที ยานั้นเป็นสีแดงสดเห็นได้ชัดว่าเป็นแค่ระดับตำนาน
ความสามารถในการต่อสู้ของยานั้นกระจอกมาก มันใช้แค่การพุ่งชนเท่านั้น ทำให้ค้างคาวเงาพิษสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ค้างคาวเงาพิษนั้นบินวนเนินเขานั้นอีกหลายรอบเพื่อล่อยาออกมา แต่ส่วนมากทที่ออกมานั้นเป็นระดับตำนาน ระดับมหากาพย์นั้นไม่ออกมาเลย อย่าว่าแต่ระดับเร้นลับ
แต่สุดท้ายเขาก็ได้ยาระดับมหากาพย์มา แต่พอฆ่ามันได้ มันกลับไม่ดรอปไข่ออกมาเลย
“555 ดูเหมือนวันนี้นายจะดวงไม่ดีนะ ไข่ไม่ดรอปซักอันเลย”ฉางหยูฉีหัวเราะ
โจวเหวินนั้นลองใช้พลังของสดับวานรฟังเสียงดู เขาอยากจะรู้ว่ายาระดับเร้นลับในนั้นมันมีอีกไหม
แต่หลังจากที่ลองดูแล้ว เขาก็พบว่าสดับวานรนั้นไม่สามารถฟังทะลุเข้าไปในนั้นได้ เหมือนกับว่าในนั้นเป็นมิติที่แยกตัวออกไปจากโลกภายนอกเลย
“ดูเหมือนเนินเขาหลงหูจะเหมือนกับอุโมงค์หลงเหมือนซินะ เป็นจุดศูนย์รวมของพื้นที่ต่างมิติไว้ด้วยกัน”โจวเหวินเปลี่ยนใจแล้วลองตามหาดูว่ามีรูปสลักรูปมืออยู่แถวนี้ไหม
ถ้าเขาสามารถโหลดเกมส์ภูเขาหลงหูมาได้ เขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องการฟาร์มอีกต่อไป
ตอนที่ 833
ใช้งานฟรี
ถึงแม้ว่าไข่แห่งความวินาศมันจะใช้ง่าย แต่การใช้ไข่แห่งความวินาศไปแล้วมันจะไม่สามารถใช้อย่างอื่นได้อีกเลย
ในกรณีที่เพื่อนหรือพี่น้องบาดเจ็บสาหัส ยานั้นจะมีประโยชน์มากกว่าไข่แห่งความวินาศมากแน่ๆ
โจวเหวินมองเนินเขานั้นซักพัก แล้วก็อดดีใจไม่ได้ เพราะบนเนินเขานั้นมันมีรูปสลักรูปมืออยู่จริงๆ
“อยู่นั้นไงละ”โจวเหวินดีใจมาก แล้วเขาก็ถามฉางหยูฉี ฉันขอเข้าไปถ่ายรูปเนินเขานั้นใกล้ๆหน่อยได้ปะ”
“ปรกติแล้วไม่ให้ใข้โทรศัพท์นะ แต่ถ้านายรีบเข้าไปแล้วรีบถ่ายอย่าให้ใครเห็นก็ได้แหล่ะ”ฉางหยูฉีพูดแล้วขยิบตา
โจวเหวินรีบหยิบโทรศัพท์แล้วกระโดดตรงเข้าไปที่เนินเขา พอถึงระยะที่โทรศัพท์จะทำงานได้แล้วเขาก็ถ่ายรูปสลักรูปมือแล้วหน้าจอก็ขึ้นหน้าโหลด
“จะลองต่อไหม”ฉางหยูฉีถามตอนที่โจวเหวินกำลังกลับมาที่เรือ
“วันนี้ดวงไม่ค่อยดีอะ พอก่อนดีกว่า ไปที่อื่นกันเถอะ”คำว่าดูที่อื่นของโจวเหวินก็คือไปหารูปสลักรูปมืออื่นๆอีก
หลังจากที่ดาวโหลดเกมส์เนินเขาต้านหลูมาแล้ว โจวเหวินก็พบว่า มันเป็นแค่เกมส์หุบเขาต้านหลูไม่ใช่ภูเขามังกรพยักฆ์ทั้งหมด
“ดูเหมือนว่ามันจะแยกกันเหมือนอุโมงค์หลงเหมินด้วยซินะ คงดาวโหลดทั้งอันก็คงไม่ได้”โจวเหวินตามฉางหยูฉีไปดูพื้นที่ต่างมิติที่สำคัญข้างเคียงเรื่อยๆ แต่ที่โจวเหวินผิดหวังคือ มีเพียงแค่เนินเขาต้านหลูที่เดียวเท่านั้นที่มีรูปสลัก
“แค่หุบเขาต้านหลูที่เดียวก็คงพอแล้วละ ยังไงการได้ที่ฟาร์มยามาก็ไม่ได้หาง่ายๆอยู่แล้ว”
“จะว่าไปแล้ว ฉันได้ยินมาว่าอสูรปฐพีมันหายากและล้ำค่ามากไม่ใช่เหรอ ทำไมตระกูลของเธอถึงอยากเอามาขายละ”โจวเหวินถาม
ฉางหยูฉีลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูด “อสูรปปฐพีหน่ะมันล้ำค่ามากก็จริง จะเรียกได้ว่ามีอยู่ตัวเดียวบนโลกก็ได้ แต่อสูรปฐพีตัวนี้จริงๆแล้วมันเป็นของราชาวีรบุรุษต้นตระกูลของฉัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ปู่ของฉันเลยไม่ได้ฟักมันออกมา แถมรุ่นหลังๆก็ไม่มีใครกล้าฟักมันด้วย ตอนนี้มันเลยโดนขายประมูลออกไปแบบนี้ จริงๆก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่”
หลังจากหยุดพูดมาซักพัก ฉางหยูฉีก็พูดต่อ “ฉันรู้ดีว่า5ตระกูลที่เหลือคงอยากจะได้มันมา ราคาประมูลมันคงจะสูงมากๆแน่ๆ ฉันเกรงว่านายเองก็คงสู้ไม่ไหวหรอก”
“รู้แบบนั้นแล้วเธอก็ยังชวนฉันมานี่เนี่ยนะ”โจวเหวินพูดขึ้นมา
“ก็แหม มาหาเพื่อนบ้างอะไรบ้างไม่ได้รึไงละ”ฉางหยูฉียิ้มร่า
ทั้งคู่เดินไปตามภูเขา ในตอนที่พวกเขาคคุยกันอยู่นี้เอง จู่ๆก็มีนกกระเรียนตัวใหญ่บินมาจากทางภูเขา พร้อมทั้งชายหนุ่มที่ดึงหน้าตึงนั่งอยู่บนนกกระเรียน
“พี่มาทำอะไรที่นี่เนี่ย”ฉางหยูฉีเห็นว่าชายคนนั้น คือฉางเสี่ยว เลยเดินออกมารับหน้า
“ฉันมาหาโจวเหวินหน่ะ”ตอนที่ฉางเสี่ยวพูดกับฉางหยูฉี น้ำเสียงของเขานั่มมาก แต่พอหันกลับมาหาโจวเหวิน น้ำเสียงก็แข็งกร้าวทันที “โจวเหวิน นายรู้ใช่ไหมว่าเบม่อนหน่ะ แท้จริงแล้วเป็นของตระกูลฉางของเรา”
“แล้วไง?”โจวเหวินถาม
ฉางเสี่ยวอึ้ง เขาไม่คิดว่าโจวเหวินจะตอบมาแบบนั้น โจวเหวินนั้นได้ฟักเบม่อนออกมาแล้วและเลี้ยงเบม่อนมาเป็นระดับเร้นลับแล้ว จะให้โจวเหวินคืนเบม่อนกลับไปเนี่ยนะ ไม่มีทาง
ฉางเสี่ยวเองตอนแรกเขามาด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาไม่ได้คิดจะมาทำร้ายหรือรังแกอะไรโจวเหวินหรอก แค่อยากจะมาคุยให้เคลียร์ ถ้าแค่โจวเหวินพูดด้วยดีๆ ความโกรธของฉางเสี่ยวก็จะหายไปปอย่างง่ายดาย
แต่โจวเหวินเองก็เสือกปากหมา พอตอบไปแบบนั้น ต่างฝ่ายเลยต่างพูดอะไรกันไม่ออก
“โถ่วพี่ ลืมๆเรื่องนั้นไปเถอะ พี่จะโทษโจวเหวินเรื่องนี้ไม่ได้นะ”ฉางหยูฉีพูดช่วยโจวเหวินยิ่งทำให้ฉางเสี่ยวรู้สึกแย่ไปกว่าเก่า
โจวเหวินคิดซักพักก่อนจะพูด “เอาละ ถ้าอยากได้คืนละก็ได้เลย ฉันให้ยืมก็ได้ แต่มีข้อแม้คือต้องให้อาหารมันด้วยนะ ถ้านายให้อาหารมันได้ละก็ นายก็ไม่ต้องให้อะไรฉันแลย ฉันให้นายฟรีๆไปเลย”
“ถ้าฉันให้อาหารมันได้ละ”ฉางเสี่ยวถาม
“เบม่อนก็จะอยู่กับนายฟรีๆไง”โจวเหวินหยุด “แต่ฉันมีเงื่อนไขนะ นายต้องเลี้ยงดูมัน ให้อาหารมันอย่าให้มันหิว อย่างน้อยก็จนกระทั้งฉันออกจากภูเขาหลงหูนี้ไปได้โอเคไหม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้เลย ตกลง เรียกเบม่อนออกมาเลยฉันจะเลี้ยงมันเอง”ฉางเสี่ยวพูดแล้วมองดูว่าโจวเหวินจะเปลี่ยนใจไหม
“ได้เลย” โจวเหวินอัญเชิญเบม่อนออกมาจริงๆแล้วให้มันไปเดินตามฉางเสี่ยว
“นายไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นะ”ฉางหยูฉีพูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นหรอก เขาอยากได้ก็ให้เขาไปเลี้ยงมันดูก่อน”โจวเหวินเห็นฉางเสี่ยวตื่นเต้นดีใจพาเบม่อนกลับไปมาก แต่ในใจของเขาก็แอบสงสาร
เบม่อนนั้นแข็งแกร่งมากก็จริงและอาจจะแกร่งขึ้นกว่านี้ได้อีกในอนาคต คนอื่นอาจจะมองเห็นแค่ความเก่งของมัน แต่ไม่มีใครเคยรู้เลยว่ามันกินจุขนาดไหนในแต่ละวัน
ถ้าโจวเหวินไม่ได้มีเหมืองแร่เงินไม่จำกัดละก็ ป่านนี้เบม่อนหิวตายไปนานแล้ว โจวเหวินรู้ดีว่ามันกินเยอะขนาดไหน และค่ากินของมันจะมากมายขนาดไหนในความเป็นจริง คนปรกติไม่มีทางรับค่ากินของมันไหวแน่ๆ
ในเมื่อฉางเสี่ยวดูอยากได้ขนาดนั้น โจวเหวินเลยไม่จำเป็นต้องไปขัดใจเขา
ฉางเสี่ยวกลับมาที่ตำหนักพร้อมกับเบม่อน ตราบใดที่ยังสามารถเลี้ยงเบม่อนให้อิ่มได้ ก็สามารถเอาไปใช้ได้ฟรีๆ อะไรมันจะดีขนาดนี้
ฉางเสี่ยวนั้นคิดในใจ “ถ้าโจวเหวินมันนึกเปลี่ยนใจอยากจะขอกลับคืนละก็ ฉันไม่ไว้หน้าจริงๆด้วย ตกลงกันไว้เองเเบบนี้ ขอเเค่ฉันให้อาหารมันได้เรื่อยๆมันก็จะเป็นของฉันตลอดไป”
“ฉางเสี่ยว เกิดเรื่องอะไรขึ้นหน่ะ” ฉางชุนชิวถามฉางเสี่ยวอย่างสงสัยตอนที่เขากำลังพาเบม่อนกลับมา
ฉางเสี่ยวตอบ ด้วยรอยยิ้มเยาะ “ไอ้เจ้าเด็กโจวเหวินนั้นมันพลาดละพี่ เขาให้เรายืมเบม่อนมาฟรีๆโดยที่เราไม่ต้องให้ของอะไรมันแล้ว”
ฉางชุนชิวแอบคิด แล้วมองเบม่อนที่ตัวสูง4เมตร “ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นนะ โจวเหวินนั้นก็ไม่น่าใช่คนหน้าบางที่รู้สึกผิดอะไรแบบนั้นด้วย ถึงขนาดให้เบม่อนเรามาใช้ฟรีๆเลยเหรอ”
“ก็เบม่อนอยู่นี้ไงพี่ ถ้าเขาคิดผิดแล้วมาขอคืนละก็เขาก็จะเสียหน้าเหมือนกัน”ฉางเสี่ยวพูด
ฉางชุนชิวคิดหนักก่อนจะพูด “เบม่อนในตำนานหน่ะเป็นถึงสิ่งมีชีวิตที่กินดวงจันทร์ได้เชียวนะ ถึงแม้ว่าในตำนานจะพูดเกินจริงไปบ้างแต่เบม่อนนั้นก็จัดได้ว่ากินจุมาก โจวเหวินเขาได้บอกมารึเปล่าเบม่อนกินอะไร”
“ผมถามแล้ว เขาบอกว่ากินพวกแร่เงินพิเศษหรืออะไรก็ได้ที่มีลมปราณ เราก็ให้เบม่อนมันกินหินเวทมนตร์ไงละก็เท่ากับว่าเราได้มาใช้งานฟรีๆเลยนะ”ฉางเสี่ยวหัวเราะ
“ก็อาจจะนะ”ฉางชุนชิวรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกได้ว่ามันคงไม่ง่ายแบบนั้นแน่ๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น