I Just Want To Play Games Quietly ฉันก็แค่อยากเล่นเกมเงียบๆเท่านั้นเอง 799-812

 บทที่ 799 ปะทะหนอนไหมน้ำแข็ง


“แปลกแหะ ทำไมมีหนอนไหมน้ำแข็งแค่ตัวเดียวละ อีกตัวนึงไปไหน”ตู่กู๋จงพูดแล้วขมวดคิ้ว


“เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลเสี่ยวมันจะล่อหนอนไหมน้ำแข็งอีกตัวไปทางอื่นแล้วะ”หลี่ซวนพูด


ตู่กู๋จงส่ายหน้า “หนอนไหมน้ำแข็งถ้าอยู่เป็นคู่แล้ว พวกมันสามารโทรจิตหากันได้ มันแทบจะไม่มีทางแยกพวกมันออกจากกันได้เลย หรือถ้ามันแยกได้ก็ไม่มีทางที่จะล่อมันกลับตระกูลเสี่ยวได้แน่ๆ”


“บางทีมันอาจจะไม่ใช่ว่าไม่มีทางก็ได้ แค่ลุงล่อไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะล่อไม่ได้ด้วยซักหน่อย” หลี่ซวนพูด


แต่รอบนี้ตู่กู๋จงไม่โกรธ แต่เขาพูด “อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้”


หลี่ซวนมองตู่กู๋จงด้วยความตกใจ ทุกๆครั้งที่เขาหยอกล้อ ตู่กู๋จงจะมีศักดิ์ศรีและความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่รอบนี้ เขากลับยอมรับตัวเองว่าไม่ได้เก่งเท่าตระกูลเสี่ยว ซึ่งถือว่าเหลือเชื่อทีเดียว


“ไม่เห็นต้องมองฉันแบบนั้นเลย นายลืมไปแล้วเหรอว่าฉันพูดไปว่ายังไง ถ้าตระกูลเสี่ยวมีกุมารทองแมลงระดับเทพที่ได้มาจากร่างจุติของกีฏเทพอยู่ละก็ ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะสามารถล่อหนอนไหมน้ำแข็งออกมาได้ถูกไหม”ตู่กู๋จงพูด


โจวเหวินรู้ดีว่าตู่กู๋จงนั้นพูดถูก แต่กลับกัน พวกนั้นใช้แมลงตัวอื่นล่อเอาหนอนไหมน้ำแข็งออกไป


เสี่ยวเทียนฟางนั้นถือกุมารีแมลงอยู่ในโถงพระ แต่กุมารีแมลงนั้นไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้เลยได้แต่คิดว่ามันน่าจะกำลังไปล่อหนอนไหมน้ำแข็งอยู่


หนอนไหมน้ำแข็งนั้นตอนนี้โดนขังไว้โดยตระกูลเสี่ยว ตอนนี้มันโดนขังไว้ให้สู้กับแมงป่องโลหิต


แต่เอาจริงๆแมงป่องโลหิตก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนอนไหมน้ำแข็งหรอก เพราะตัวของมันตอนนี้ค่อยๆโดนแช่แข็งจากไอเย็นที่หนอนไหมน้ำแข็งปล่อยออกมา ตอนนี้แมงป่องโลหิตทำหน้าที่ได้แค่คอยยื้อเวลาให้ตระกูลเสี่ยว พร้อมๆกับแมลงและสัตว์อสูรอีกหลายตัวเข้าต่อกรกับหนอนไหมน้ำแข็ง


ตระกูลเสี่ยวนั้นยอมสละสัตว์อสูรและแมลงไปจำนวนมาก คนของตระกูลเสี่ยวยังใช้กุมารทองในการช่วยเพิ่มพลังให้กับแมงป่องโลหิตอีกด้วย ทำให้มันสามารถยื้อกับหนอนไหมน้ำแข็งได้นานขนาดนี้


หนอนไหมน้ำแข็งนั้นมีความเย็นมหาศาลมาก โจวเหวินเองก็เคยเห็นสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็งหลายตัวนะ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นธาตุน้ำแข็งที่แข็งแกร่งแบบนี้


ตราบใดที่ร่างของอีกฝ่ายโดนไอเย็น ไม่ว่าจะเป็นแมลงกุมารทองหรือตัวอะไร ร่างกายจะค่อยๆแข็งไปเรื่อยๆ


แถมไอเย็นที่แผ่กระจายออกนั้นมันยังดูไม่เหมือนกับไอเย็นปรกติด้วย แค่สัมผัสเพียงนิดเดียว ร่างของอีกฝ่ายจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว ตอนแรกก็ยังไม่เป็นอะไรหรอก แต่พ่อผ่านไปซักพัก ร่างของมันจะโดนแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็ง และสุดท้าย ร่างก็จะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ


แล้วเราเอาไงดีละ ตอนนี้หนอนไหมน้ำแข็งทั้ง2ตัวถูกจับแยกจากกันแล้ว นี้มันก็เป็นโอกาสที่ดีเลยนะ”หลี่ซวนมองตู่กู๋จง


“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ดูๆกันไปก่อน พวกนั้นไม่น่าใช่คู่ปรับของหนอนไหมน้ำเข็งหรอก”ตู่กู๋จงพูด “ยังไงตระกูลตู่กู๋ของเราก็เป็นราชาแห่งแดนใต้ ตระกูลเล็กๆจะกินอะไรถ้าเราเข้าไปยุ่งพอกลับไปที่ตระกูลฉันจะได้ปวดหัวเอา”


คนจากตระกูลเสี่ยวเองก็มองตู่กู๋จงอยู่ไกลๆ แต่ตู่กู๋จงเองก็ไม่ได้คิดที่จะเข้ามายุ่ง


“พี่ชาย คิดว่าตู่กู๋จงจะเข้ามาแย่งหนอนไหมน้ำแข็งของเราไหม”เสี่ยวหลิวฉีถามเสี่ยวเทียนฟางเสียงเบาๆ


เสี่ยวเทียนฟางพูด “ตระกูลตู่กู๋นั้นคุมเขตแดนใต้ด้วยความเป็นธรรม เขาคงไม่คิดจะมาแย่งกันง่ายๆหรอก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันเองก็หวังให้กุมารีแมลงรีบๆจับหนอนไหมน้ำแข็งให้ได้เหมือนกัน


“เกิดอะไรขึ้นกับกุมารีแมลงเหรอ”เสี่ยวหลิวฉีถาม


“เรื่องมันออกจะยาวหน่อยหน่ะ ตอนนี้รู้แค่ว่ามันกำลังสู้อยู่”เสี่ยวเทียนฟางพูด


“การเชื่อมต่อะระหว่างพี่กับกุมารีแมลงมันอ่อนแอลงเรื่อยๆไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้มันจะไม่มีปัญหาเหรอ”เสี่ยวหลิวฉีเป็นห่วง


“ตราบใดที่ฉันยังมีร่างต้นของกุมารีแมลงในมือ นางก็ต่อต้านอะไรฉันไม่ได้หรอก ถ้านางตายก็แค่ปล่อยให้นางตายแค่นั้นเอง”เสี่ยวเทียนฟางพูดอย่างเยือกเย็น


เสี่ยวหลิวฉีถอนหายใจ “กุมารีแมลงมันหายากมากเลยนะ เราเองก็อุส่าห์พยายามฟูมฟักเธอมาตลอดหลายปี แต่เราเองก็ยังมองไม่เห็นวิญญาณของนางเลย พี่เองก็ทนรับพลังของนางไม่ไหว ถ้าเกิดเราสามารถควบคุมนางได้อย่างเต็มที่ละก็ เชียงรายก็จะไม่ใช่ขีดจำกัดของเราอีกต่อไปแล้ว”


ขอแค่ได้หนอนไหมน้ำแข็งคู่นี้มาได้ละก็ ตระกูลเสี่ยวของเราก็จะมีอำนาจใหญ่คับฟ้าขึ้นมาเลยละ”เสี่ยวเทียนฟางพูด


เสี่ยวหลิวฉีพยักหน้าแล้วพูด “โชคยังดีที่วิชาแมลงที่ได้มาจาก2ผัวเมียนั้นมันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับหนอนไหมน้ำแข็งอยู่บ้าง ไม่งั้นละก็ ถึงจะได้พลังของกุมารีแมลงมาช่วย ก็คงยากที่จะแยกเจ้าคู่นี้ออกจากกันได้…”


แต่จู่ๆเสี่ยวเทียนฟางก็พูดออกมา “บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก”


เสี่ยวหลิวฉีพูดทันที “ขอโทษครับพี่ ผิดไปแล้ว”


โจวเหวินที่อยู่ห่างออกไปจากพวกเขาก็จริง แต่ด้วยความสามารถของสดับวานร ทำให้เขาฟังรายละเอียดบทสนทนาทั้งหมด


“หาก่อนดีกว่าว่าตอนนี้กุมารีแมลงกับหนอนไหมน้ำแข็งมันอยู่ที่ไหน”โจวเหวินใช้สดับวานรฟังเสียงเป็นวงกว้าง แล้วโจวเหวินก็พบหนอนไหมน้ำแข็ง อยู่ในหนองน้ำไกลๆ แต่โจวเหวินกลับไม่พบกุมารีแมลง


“พวกนายอยู่กับหนอนไหมน้ำแข็งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันออกไปตามหาอีกตัว”โจวเหวินพูดกับหลี่ซวนแล้วถอยออกไปเงียบๆ


ไม่นานหลังจากนั้น ตระกูลเสี่ยวก็พบว่ามีคนนึงในกลุ่มของตู่กู๋จงหายไป แต่ตู่กู๋จงยังอยู่ คนที่หายไปเป็นแค่วัยรุ่นพวกเขาเลยไม่ได้กังวลอะไร


ยังไงซะตู่กู๋จงคนเดียวก็ไม่สามารถจับหนอนไหมน้ำแข็งได้อยู่แล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นถึงแม้ว่าจะอยู่ในตระกูลตู่กู๋ แต่ก็คงไปจับหนอนไหมน้ำแข็งคนเดียวไม่ได้อยู่ดี อีกอย่าง ฝั่งทางโน้นก็มีการเตรียมการไว้แล้วด้วย ถ้ามีคนเข้ามาใกล้ เสี่ยวเทียนฟางก็จะรู้ได้ทันที


หลังจากที่โจวเหวินจากไปแล้ว เขาก็สวมผ้าคลุมล่องหน แล้วรีบเดินไปทางที่หนอนไหมน้ำแข็งอีกตัวอยู่ทันที ในบริเวณรอบข้างของหนอนน้ำที่หนอนไหมน้ำแข็งอยู่ตอนนี้ มันมีแมลงตัวน้อยๆซ่อนอยู่ในดินเต็มไปหมดโจวเหวินเลยบินขึ้นไปบนฟ้าเพื่อไม่ให้ไปทำให้แมลงพวกนั้นตื่นได้


ตอนที่โจวเหวินไปถึงจุดที่หนอนไหมน้ำแข็งอยู่ โจวเหวินก็เห็นหนอนไหมน้ำแข็ง ขนาดตัวของมันใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้อีก ที่น่าแปลกใจคือ โจวเหวินหาแล้วหาอีกด้วยสดับวานรก็ไม่มีวี้แววของกุมารีแมลงเลย แต่พอลองมามองด้วยตาตัวเอง กลับเห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังปะทะกับหนอนไหมอยู่


แปลกแหะ พลังของกุมารีแมลงมันทำให้สดับว่านรฟังไม่ได้ยินเสียงด้วยเหรอ แม้แต่เสี่ยวเทียนฟางที่เป็นเจ้าของยังมองไม่เห็นเธอเลย แล้วทำไมฉันกลับเห็นเธอได้ละ”โจวเหวินงงเล็กน้อย ถ้าเขาใช้ราชานรกมองดู การจะเห็นร่างวิญญาณก็ถือว่าไม่แปลก ตอนนี้โจวเหวินไม่ได้เปิดใช้ราชานรกเลย ไม่ได้ใช้สกิลอะไรพิเศษแต่เขากลับมองเห็นกุมารีแมลงทั้งๆที่คนอื่นมองไม่เห็น


เสี่ยวเทียนฟางนั้นพูดว่ากุมารีแมลงนั้นสู้กับหนอนไหมน้ำแข็งอยู่ แต่ภาพที่เห็นนั้นมันต่างออกไปมากๆ


กุมารีแมลงนั้น กำลังนั่งยองๆที่พื้นแล้วใช้นิ้วจิ้มๆหยอกล้อหนอนไหมน้ำแข็ง หนอนไหมน้ำแข็งนั้นก็เล่นไปมาเหมือนกับหมาน้อย เลื้อยวนไปมาไม่ได้คิดจะจู่โจมกุมารีแมลงเลย


โจวเหวินมองดูหนอนไหมน้ำแข็งกลิ้งหลุนๆไปมาบนพื้นแล้วก็คิด “หนอนไหมน้ำแข็งนี้มันเล่นกับกุมารีแมลงจริงๆเหรอ น่ากลัวเหมือนกันแหะ โชคดีนะเนี่ยที่ตระกูลเสี่ยวควบคุมพลังของกุมารีแมลงไม่ได้ ไม่งั้นพวกเขาคงจะมีอำนาจคับฟ้าไปแล้ว”


พอเห็นว่าโจวเหวินเดินมา กุมารีแมลงก็ลุกขึ้นยืนแล้วมองเขา เหมือนกับว่าการล่องหนของเขามันไม่เป็นผลเลย


บทที่ 800 จับหนอนไหมน้ำแข็งมือเปล่า


“ฉันอยากได้หนอนไหมน้ำแข็งตัวนี้ เพื่อแลกกับอิสรภาพของเธอหน่ะ”โจวเหวินชี้ไปที่หนอนไหมน้ำแข็งที่พื้นก่อนจะพูด


กุมารีแมลงพยักหน้าก่อนจะจิ้มๆไปที่ร่างของหนอนไหมน้ำแข็ง2ที หนอนไหมน้ำแข็งทีเดิมทีดุร้าย กลับคลานมาหาโจวเหวินแบบเชื่องๆแล้วหยุดตรงหน้าโจวเหวินโดยไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีโจวเหวิน


“ดูเหมือนว่าตระกูลเสี่ยวจะดูถูกพลังของกุมารีแมลงมากเกินไปซินะ ถ้าพวกนั้นรู้ว่ากุมารีแมลงสามารถทำให้หนอนไหมน้ำแข็งกลายเป็นลูกหมาเชื่องๆเชื่อฟังคำสั่งได้แบบนี้ ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะทำหน้ายังไงเลย”


โจวเหวินเอาโหลเงินที่ได้มาจากตู่กู๋ วางลงไปที่พื้น จากนั้นหนอนไหมน้ำแข็งก็ย่อขนาดตัวลงแล้วกระโดดลงไปในโหลนั้นด้วยตัวเองเหมือนกับหมาเข้าบ้านตัวเอง


โจวเหวินคิดในใจ ก่อนจะหันกลับไปมองกุมารีแมลง ก่อนจะถาม “เธอสามารถควบคุมให้หนอนไหมน้ำแข็งอีกตัวนึงแบบลับๆได้ไหม เอาให้มันเหมือนกับว่าฉันจับมันได้หน่ะ”


กุมารีแมลงพยักหน้าอีกรอบ เหมือนกับว่าเธอกำลังจะบอกว่าเธอทำได้


“ถ้างั้นเธอช่วยควบคุมหนอนไหมน้ำแข็งทั้ง2ตัวทำเหมือนกับว่าฉันเป็นคนจับมันเองกับมือได้ไหม ขอแบบดิ้นๆหน่อยน่ะ”โจวเหวินบอกแผนการของเขาให้กุมารีแมลงฟัง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเธอเข้าใจ โจวเหวินจึงหยิบโหลเงิ้นนั้นขึ้นมาแล้วบินกลับไปหาหลี่ซวนทันที


“ไม่นะ กุมารีแมลงพลาดแล้ว มีใครบางคนขโมยหนอนไหมน้ำแข็งไปแล้ว”เสี่ยวเทียนฟางหน้าเปลี่ยนสีทันที


“อะไรกัน จะเป็นไปได้ยังไงกัน ใครกันที่ขโมยหนอนไหมน้ำแข็งไปไปต่อหน้ากุมารีแมลงโดยที่นางไม่รู้กัน”เสี่ยวหลิวฉีเองก็ผงะเขาพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเชื่อ


“แมลงที่ฉันส่งไปเป็นสายก็ไม่ตอบสนองอะไรเลยด้วย กุมารีแมลงก็ไม่ตอบสนองอะไรเลย”เสี่ยวเทียนฟางสีหน้าเปลี่ยน ก่อนจะพูด “ฉันจะเอาตัวของกุมารีแมลงกลับมาแล้ว เราต้องเอาชนะเจ้าตัวนี้ให้ได้ เหลือหนอนไหมน้ำแข็งแค่ตัวเดียวแล้ว”


เสี่ยวเทียนฟางเสียงตกลง แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นโจวเหวินที่หายไปซักพักนึงกลับมาหาตู่กู๋จงก่อนจะพูดอะไรกันนิดหน่อย แล้วพวกเขาก็เดินหน้ามาทางหนอนไหมน้ำแข็ง


“พวกเขาจะมาขโมยหนอนไหมน้ำแข็งน้ำแข็งเหรอ”เสี่ยวเทียนคิด


เสี่ยวหลิวฉีเดินหน้าเข้าขวางโจวเหวินทันที และห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไป ก่อนที่เขาจะพูดเสียงดังใส่ตู่กู๋จง “ท่านผู้อาวุโสตระกูลตู่กู๋ ตอนนี้เรากำลังจะจับหนอนไหมน้ำแข็ง การที่ท่านจะมายื่นมือเข้าแทรกนั้นไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำเลยนะครับ”


ตู่กู๋จงพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วเห็นฉันมาแย่งรึไง ฉันยังไม่ทำอะไรเลย ฉันไปแทรกแซงกิจการอะไรของนายตั้งแต่เมื่อไรกันละ”


“การทำงานของตระกูลตู่กู๋ โปร่งใสและเที่ยงธรรมเสมอมา ท่านคงไม่อยากให้ชื่อเสียงของตระกูลตู่กู๋เสื่อมเสียหรอกนะ จะว่าไปแล้ว สหายของท่านไม่ใช่คนของตระกูลตู่กู๋หรอกเหรอ”


“ฉันก็อยากให้เขาเป็นคนของตู่กู๋แหล่ะ แต่น่าเสียดายนะที่เขาไม่ใช่” ตู่กู๋จงไม่รอให้เสี่ยวหลิวฉีพูดต่อ “แต่จะบอกว่าเขาไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลตู่กู๋เลยก็คงไม่ถูก ถึงเขาจะไม่ใช่คนของตระกูลตู่กู๋ แต่เขาก็มีศักดิ์เป็นถึงปรมาจารย์ของฉันเชียวนะ”


เสี่ยวหลิวฉวนกับเสี่ยวเทียนฟางผงะทันที ถึงเม้ว่าตู่กู๋จงจะไม่ใช่คนที่แกร่งที่สุดของตระกูลตู่กู๋ แต่เขาก็มีความอาวุโสสูงมาก และโด่งดังในด้านวิชาแมลงสุดๆ เขาเรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดคนนึงในเขตแดนใต้เลยก็ว่าได้


แต่ตู่กู๋จงกลับบอกว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเขาเป็นปรมาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเอาซะเลย แต่ตู่กู๋จงเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นเหมือนกัน


“หรือว่าชายคนนั้นจะสำเร็จวิชาย้อนวัยเยาว์ด้วย ทำให้เขาดูหนุ่ม แต่จริงๆแล้วเขาเป็นปรมาจารย์เฒ่างั้นเหรอ”เสี่ยวเทียนฟางคิดในใจ


“ในเมื่อเขาเป็นปรมาจารย์ของท่าน เขาก็ยิ่งไม่ควรที่จะกระทำการเข้าแทรกแซงกว่าเดิมอีก”เสี่ยวหลิวฉีพูด


ตู่กู๋จงงเลยพูดพร้อมรอยยิ้ม “ถึงนายจะบอกฉันแบบนี้ก็เท่านั้นละ เพราะฉันเป็นแค่ศิษย์ขจองท่านปรมาจารย์เท่านั้น นายเคยเห็นลูกศิษย์ที่ไหนสั่งปรมาจารย์ที่ยศสูงกว่าได้เหรอ”


“ว่ายังไงนะ…”เสี่ยวหลิวฉีมองหน้าโจวเหวินแล้วจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นโจวเหวินก็หยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะเกิดลมหมุนสีแดงที่มือ ดูดเอาหนอนไหมน้ำแข็งที่พวกเขากำลังสู้อยู่เข้ามา


หนอนไหมน้ำแข็งที่แกร่งกล้านั้นไม่ทันได้ทำอะไรเลย มันไม่สามารถต้านแรงดูดของลมหมุนได้ สุดท้ายก็โดนดูดลงโหลเงินของโจวเหวินอยู่ดี


“ป…เป็นไปได้ยังไงกัน”ไม่ใช่แค่ตระกูลเสี่ยว แต่ตาของตู่กู๋จงเองก็เบิกกว้างเป็นไข่ห่านเหมือนกัน


ถึงแม้ว่าเขาจะคิดเอาไว้แล้ว ว่าโจวเหวินน่าจะหาทางเอาชนะหนอนไหมน้ำแข็งได้ แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะง่ายแบบนี้


ตอนแรกเขาคิดว่าโจวเหวินนั้นจะเอาชนะได้โดยการต่อสู้ หรือใช้เจ้าพญานกเพลิงหรือสัตว์อสูรตัวอื่นในการเข้าสู้


แต่ใครมันจะไปคิดละว่าแค่โจวเหวินยื่นมือออกมาก็สามารถดูดหนอนไหมน้ำแข็งเข้ามาไว้ในไหเงินได้เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ระดับราชาแมลง แต่เป็นแค่หนอนน้อยธรรมดาเท่านั้น


ตระกูลเสี่ยวเองก็พูดอะไรไม่ออก พวกเขาสู้กับหนอนไหมน้ำแข็งมาตั้งแต่เช้า แต่พลังของหนอนไหมน้ำแข็งก็ยังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย


พวกเขาเสียทั้งแมลงทั้งกุมารทองไปหลายตัวมากๆ แต่ก็ยังไม่มีวี้แววจะเอาชนะได้เลย แม้แต่แมงป่องโลหิตก็ตายไปแล้วด้วย


แต่โจวเหวินนั้นกลับใช้แค่มือเดียวก็สามารถจับหนอนไหมน้ำแข็งได้เลย เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ


“สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์แห่งตระกูลตู่กู๋ เจ้านั้นมันเป็นระดับปีศาจจริงๆ”เสี่ยวเทียนฟางตกใจมากจนหน้าเสีย


หลังจากที่พวกเขาใช้ทุกอย่างไปหมดแล้ว หนอนไหมน้ำแข็งยังโดนคนอื่นจับไปอีก เสี่ยวเทียนฟางจึงไม่มีอะไรเหลือไว้ใช้ต่อรอง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหนอนไหมน้ำแข็งอีกตัวก็ต้องอยู่ในมือของตู่กู๋จงแน่ๆ


เขาอยากจะไปแย่งมันกลับคืนมา แต่แมลงของพวกเขาตอนนี้สังเวยไปกับการจับหนอนไหมน้ำแข็งไปหมดแล้ว อีกอย่างคนตรงหน้าของเขานั้นคือคนที่สามารถหนอนไหมน้ำแข็งได้ด้วยมือเปล่าด้วย ยังไงพวกเขาก็สู้ไม่ไหว


ในตอนนั้นเองที่เสี่ยวเทียนฟางรู้สึกได้ว่ากุมารีได้กลับเข้ามายังลูกแก้วของมันแล้ว


“กลับมาช้าเกินไปแล้ว”เสี่ยวเทียนฟางคิด


“กุมารีในมือของนายมันน่าสนใจดีนี้”โจวเหวินพูดแล้วมองลูกแก้วกุมารีในมือของเสี่ยวเทียนฟาง


สีหน้าของตระกูลเสี่ยวนั้นเปลี่ยนทันที คนที่พูดนั้นคือคนที่สามารถจับหนอนไหมน้ำแข็งที่แข็งแกร่งได้ด้วยมือเดียว ถ้าเขาอยากจะเอากุมารีไปละก็ พวกเขาไม่มีทางต้านไว้ได้แน่นอนเลย


แม้แต่กุมารีแมลงที่มีพลังระดับเทพ แต่เพียงตัวเดียวก็คงสู้ไม่ไหวกับพลังระดับนั้นแน่ๆ


“ท่านผู้อาวุโสตู่กู๋ ตระกูลตู่กู๋เป็นจ้าวครองเขตแดนใต้ก็จริง แต่ท่านจะยืนดูปล่อยให้ปรมาจารย์ของท่านมาแย่งชิงกุมารีของเราไปได้ยังไงกัน”เสี่ยวหลิวฉีพยายามพูดหาทางรอด


“ใครบอกละว่าฉันจะไปแย่งของนาย ฉันก็แค่สนใจในสิ่งนั้นเป็นพิเศษแค่นั้นเอง ไม่ได้อยากแย่งมันมาหรอก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากซื้อกุมารีนั้นมาแค่นั้นเอง”โจวเหวินพูดขึ้นมาก่อนที่ตู่กู๋จงจะพูดซะอีก


“กุมารีตัวนี้เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเสี่ยวของเรา ไม่ได้มีไว้ขายหรอกนะ”เสี่ยวหลิวฉีพูด


“แล้วถ้าแลกกับหนอนไหมน้ำแข็งละ ยังจะขายอยู่ไหม”โจวเหวินพูดดีๆ


“นี้คิดจะเอาหนอนไหมน้ำแข็งมาล่อซื้อกุมารีงั้นเหรอ?”เสี่ยวเทียนฟางกับเสี่ยวหลิวฉีตกใจมากทันที


“ทำไมละ มันไม่คุ้มเหรอ อะ ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ถ้างั้นหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวละเป็นไง


“คิดจะเอาหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวมาแลกกับกุมารีแมลงอย่างงั้นเหรอ”เสี่ยวเทียนฟางกับเสี่ยวหลิวฉีเริ่มมองหน้ากันไปมา


ในมุมมองของพวกเขา กุมารีแมลงนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง แต่มันก็แกร่งกว่าหนอนไหมน้ำแข็งแค่ตัวเดียวเท่านั้น มันเทียบกับพลังของหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวไม่ได้หรอก


ยิ่งกว่านั้น กุมารีแมลงยังเป็นกุมารีที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งอีกด้วย อย่าว่าแต่หนอนไหม2ตัวเลย แค่ตัวเดียวจริงๆ เสี่ยวเทียนฟางก็คิดจะเอามาแลกอยู่แล้ว


“ปรมาจารย์ เอาแบบนั้นจริงๆเหรอ” ตู่กู่จงยังตกใจเลยที่คิดจะแลกหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวกับกุมารี มันเป็นการแลกที่ไม่คุ้มเสียเอาซะเลย


แต่ที่พวกเขาไม่รู้คือหนอนไหมตัวนั้น พลังต่ำต้อยกว่ากุมารีแมลงมากๆ เรียกว่าคนละระดับชั้นกันเลยก็ได้ ถึงแม้ว่าจะแลกเปลี่ยนจริงๆ แต่โจวเหวินก็ได้เปรียบมากกว่าอยู่ดี นี้ยังไม่นับเรื่องที่ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้กะจะให้หนอนไหมน้ำแข็งกับตระกูลเสี่ยวจริงๆอีกด้วย


บทที่ 801 แลกเปลี่ยน


“ถามอีกครั้งนะ คิดจะแลกหนอนไหมน้ำแข็งกับกุมารีแมลงของเราจริงๆเหรอ”เสี่ยวเทียนฟางกลัวว่าโจวเหวินจะโดนตู่กู๋จงเป่าหู เลยรีบถาม


“มันก็ขึ้นอยู่กับว่ากุมารีของนายจะทำให้ฉันสนใจได้มากแค่ไหน ช่วยบอกทีได้ไหมว่ากุมารีที่นายถืออยู่นั้น มันมีอะไรพิเศษบ้างกัน”โจวเหวินต้องการจะพูดเพื่อล่อซื้อเสี่ยวเทียนฟาง อีกอย่าง เขาอยากจะรู้เรื่องกุมารีมากกว่านี้ด้วย


“เรื่องนั้น”เสี่ยวเทียนฟางลังเลเล็กน้อย เขาไม่มั่นใจว่าโจวเหวินอยากจะแลกเปลี่ยนกุมารีแมลงกับหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวจริงๆไหม ถ้าเกิดเขาบอกต้นกำเนิดของกุมารีแมลงไปชัดเจนแล้วโจวเหวินกลับไม่แลกขึ้นมา เขาจะเป็นฝ่ายเสียหายอย่างหนักซะเอง


“ท่านปรมาจารย์ อยากได้กุมารีทำไมไม่บอกฉันเล่า ที่ตระกูลตู่กู๋ก็มี กลับไปกับฉันเถอะ ฉันยอมให้แลกกุมารีในตระกูลตู่กู๋กี่ตัวก็ได้ แลกกับหนอนไหมน้ำแข็งตัวเดียวก็เอาเลย อยากได้ตัวไหนเลือกเลยก็ได้”ตู่กู๋จงพูด


“พี่ชาย”เสี่ยวหลิวฉีเริ่มกังวลแล้วพูดกับเสี่ยวเทียนฟาง


เสี่ยวเทียนฟางกัดฟันแล้วพูดกับโจวเหวิน “กุมารีของฉันมีแค่ตัวเดียวเท่านั้นและไม่มีใครเหมือนมาก่อน มันเป็นกุมารีที่พิเศษกว่าตัวอื่นและเชื่อว่าทั่วทั้งรัฐบาลกลางนี้จะไม่มีตัวที่2อีกแล้ว ถ้าเกิดว่าอยากจะได้มันจริงๆขอคุยเป็นการส่วนตัวจะได้รึไม่


“ที่นี้ก็ไม่มีคนนอกอยู่แล้วนี้ ทำไมต้องไปพูดกันเป็นความลับด้วย”โจวเหวินถาม


เสี่ยวเทียนฟางพูด “เพื่อที่ผมจะได้บอกความลับของกุมารีของผมให้ฟังไงละ ถ้าเกิดกุมารีตัวนี้โอนถ่ายไปอยู่กับคุณแล้ว คุณเองก็คงไม่อยากให้คนอื่นรู้ความลับหรอก จริงไหม”


“นั้นก็ถูก ได้เลย”โจวเหวินพยักหน้า


“ท่านปรมาจารย์ กุมารีนั้นยังไงก็ไม่คุ้มกับการแลกหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวหรอกนะ มาแลกกับฉันดีกว่า กุมารีที่ตระกูลตู่กู๋ดีกว่าตั้งเยอะนะ”ตู่กู๋จงพยายามหยุดโจวเหวิน


“ไม่เอาหน่า ฉันเคยเห็นกุมารีของตระกูลนายมาแล้ว แต่ละตัวไม่ได้ความทั้งนั้น แต่ฉันเห็นความต่างในกุมารีตัวนั้นตัวเดียวตั่งหาก”โจวเหวินพูด


“ช่างตาแหลมเสียจริง เชิญครับเชิญ”เสี่ยวเทียนฟางพูด


“รอฉันอยู่นี้นะ เดี๋ยวฉันกลับมา”โจวเหวินบอกกับหลี่ซวนและตู่กู๋จง ก่อนจะตามเสี่ยวเทียนฟางไปยังค่ายพักชั่วคราวที่สร้างไว้ใกล้ๆถ้ำ


เสี่ยวเทียนฟางกับเสี่ยวหลิวฉีนั้นไม่ได้ระแวงโจวเหวินเลยตลอดทาง พวกเขาดูจะไม่สนใจที่จะวางกับดักหรอกซุ่มโจมตีเลยด้วย เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าพลังของโจวเหวินนั้นไร้เทียมทานเกินไป ถึงพวกเขาจะซุ่มโจมตี ก็มีแต่จะเสียกับเสีย


“แล้วจะให้พวกเราเรียกท่านว่าอะไรดี”ตอนที่พวกเขาเข้าไปในถ้ำ เสี่ยวเทียนฟางก็บอกให้เสี่ยวหลิวฉี ไปอารักขาหน้าปากทางถ้ำ เขาอยากจะคุยกับโจวเหวินตามลำพัง


“เรียกฉันว่าโจวก็ได้”โจวเหวินพูด


“งั้นท่านโจว ท่านคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารทองซินะ ท่านคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าวิธีการสร้างกุมารทองนั้นบางครั้งมันก็มีวิธีการสร้างที่พิเศษมากๆ…”เสี่ยวเทียนฟางพูด


โจวเหวินโบกมือทันที “ฉันไม่สนใจหรอกว่ากุมารีนี้มันมาจากไหนทำมาจากอะไร ที่ฉันอยากจะรู้คือมันพิเศษยังไง ถ้ามันไม่พิเศษฉันก็คงไม่จำเป็นต้องเอามันมาหรอก”


พอเห็นโจวเหวินไม่สนใจวิธีการทำกุมารี เสี่ยวเทียนฟางก็ยิ้มแล้วพูด “ท่านโจวนี้สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ วิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆๆ กุมารีของผมนั้นถูกสร้างขึ้นโดยท่านอาจารย์ อ๋าซาน ตัวมันเองมีพลังและความสามารถที่ต่างจากกุมารีทั่วๆไป เธอไม่ได้มีพลังในการเคลื่อนย้ายสิ่งของหรืออะไรพวกนั้นแบบที่กุมารีปรกติมี แต่เธอนั้นมีความสามารถในการควบคุมแมลงขั้นสูงได้และสามารถจับกุมแมลงระดับเร้นลับได้อย่างอิสระเลยครับ”


“แค่นั้นเหรอ”โจเวหวินผิดหวัง


เสี่ยวเทียนฟางกัดฟันแล้วพูดต่อ “ร่างต้นของกุมารีตัวนี้คือกีฏเทพ เทพแห่งแมลงในตำนานที่จุติร่างลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ ทำให้เธอมีความสามารถในการควบคุมแมลงได้ทุกชนิด เพียงแต่ว่าเธอนั้นรับมือได้ยากเกินกว่าที่ตระกูลเสี่ยวของเราจะรับเลี้ยงไหว แต่ถ้ามันได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างท่านเป็นคนดูแล บางทีนางอาจจะสามารถดึงความสามารถทั้งหมดออกมาใช้ได้นะครับ”


“ร่างจุติของกีฏเทพเหรอ น่าสนใจขึ้นมาหน่อยแหะ ฉันได้ยินมาว่ามีคู่สามีภรรยาที่เลี้ยงดูแมลงแล้ว ลูกที่อยู่ในท้องของพวกเขาก็ว่ากันว่าเป็นกีฏเทพลงมาจุติเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นเด็กคนนั้นกัน”โจวเหวินพูด


“เรื่องนั้น…”เสี่ยวเทียนฟางไม่อยากยอมรับและไม่ปฏิเสธ


“ฉันก็แค่ได้ยินมาเฉยๆหน่ะ แต่ฉันอยากจะรู้จากปากของนายมากกว่า ถ้ากุมารีตัวนี้เป็นสิ่งที่ทำมาจากเด็กในท้องคนนั้นจริงๆแล้วฉันถึงจะยอมแลกด้วย”


“ท่านรู้เรื่องงนี้อยู่แล้ว แล้วท่านยังอยากจะแลกเปลี่ยนอยู่อีกเหรอครับ”เสี่ยวเทียนฝางไม่มั่นใจเลยถามอีกรอบ


“ดูเหมือนว่ากุมารีของนายจะทำมาจากเด็กคนนั้นจริงๆซินะ มิน่า ถึงได้ระวังตัวกันขนาดนี้”โจวเหวินพูดก่อนจะวางโหลเงินไว้บนโต๊ะหินแล้วยื่นมาข้างหน้าเสี่ยวเทียนฝาง “ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ฉันก็อยากได้มัน แลกกันเลยดีกว่า


“ถ้าเช่นนั้น ผมขอดูหนอนไหมน้ำแข็งที่อยู่ด้านในก่อนจะได้รึไม่ ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อใจท่านหรอกนะ แต่นี้มันเกี่ยวข้องกับชะตากรรมในอนาคตของตระกูลเสี่ยวด้วย…”เสี่ยวเทียนฝางถามด้วยความระมัดระวัง ขั้นตอนแลกเปลี่ยนนี้เป็นช่วงที่ควรจะระแวงไว้มากที่สุด


“ก็เปิดออกมาเลยซิ โหลเงินพิเศษของฉันมันทำมาอย่างดี ถ้าเกิดแมลงโดนจับมาแล้ว ถึงจะเป็นแมลงเทพมังกรก็ยากที่จะหลบหนีออกมาได้”โจวเหวินพูดอย่างเฉยเมย


เสี่ยวเทียนฟางพอได้ยินว่าโหลเงินนี้มันแข็งแกร่งมาก เขาจึงหยิบมันขึ้นมาดูอย่างใกล้ชิด ก่อนจะคิดว่าโหลนี้มันดูดีก็จริง แต่ไม่รู้ว่ามันดีมากขนาดนั้นจริงๆเหรอ


ตระกูลเสี่ยวเองก็เลี้ยงแมลงเหมือนกัน แต่ก็นับว่าเป็นพุทธศาสนิกชนรูปแบบนึง พวกเขาไม่เพียงแต่จะเชี่ยวชาญเรื่องกุมารทอง แต่เขายังเชี่ยวชาญเรื่องไสยเวทด้วย โหลเงินเก็บแมลงนี้ ถ้าเกิดมีการลงมนตร์เอาไว้ ยังไงเขาก็ต้องมองออก แต่นี้เขาไม่เห็นเลย


เสี่ยวเทียนฟางไม่กล้าเปิดมันออก เขากลัวว่าหนอนไหมน้ำแข็งจะหลุดแล้วหนีออกมาหลังจากเปิดออกมาแล้ว และเขาก็ไม่มั่นใจด้วยว่าจะหนีรอดจากหนอนไหมน้ำแข็งทั้ง2ตัวในถ้ำแบบนี้ได้


แต่พอลองมาคิดๆดูแล้ว ตอนนี้กุมารียังเชื่อมต่อกับเขาอยู่ ถ้าโจวเหวินอยากจะได้กุมารีจริง ยังไงโจวเหวินก็ฆ่าเสี่ยวเทียนฟางไม่ได้


เสี่ยวเทียนฟางเองก็คิดแบบนั้นก่อนจะค่อยๆเปิดโหลเงินนั้นออกมาแล้วมองผ่านรูโหลเงินนั้น ก่อนที่เขาจะเห็นหนอนไหมน้ำแข็งด้านใน ที่เหมือนจะโดนผนึกอยู่ในโหล


เสี่ยวเทียนโล่งใจก่อนจะเปิดโหลออกมาทั้งหมด หนอนไหมน้ำแข็งนั้นพยายามจะดิ้นออกมา เดินวนเวียนเป็นวงกลม พยายามจะปีน แต่ก็ปีนไม่ขึ้น


“ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโหลแมลงแบบนี้ในโลกด้วย เปิดหูเปิดตาจริงๆเลย”เสี่ยวเทียนฟางคิดก่อนจะพูด “เห็นแบบนี้แล้วก็โล่งใจ ถ้างั้นผมจะไม่ปิดบังอีกแล้วละกัน กุมารีนี้เป็นกุมารีที่ได้มาจากเด็กคนนั้นจริงๆ และนางมีความสามารถในการควบคุมและต่อต้านแมลงขั้นสูงมากๆ จะเรียกได้ว่าเป็นกุมารีที่เป็นราชินีของแมลงก็ได้ มันมีแค่ตัวเดียวในโลกเท่านั้น”


“แหงอยู่แล้วละ ฉันไม่เคยมองพลาดอยู่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้น หนอนไหมน้ำแข็งก็เป็นของนายแล้ว โอนถ่ายกุมารีนั้นมาให้ฉันได้แล้ว”โจวเหวินพูด


เสี่ยวเทียนฟางพูดอย่างอับอาย “ท่านโจว โหลของท่านมันดีเกินไปตระกูลเสี่ยวของเราไม่สามารถหาสิ่งที่จะมาทดแทนได้เลย หากไม่มีโหลที่กักเก็บหนอนไหมน้ำแข็งนี้ เราก็ไม่มีทางเอามมันกลับไปที่ตระกูลได้ ตอนแรกเราตั้งใจจะใช้กุมารีในการควบคุมมัน แต่ถ้าตอนนี้กุมารีโอนย้ายไปอยู่กับท่าน เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ท่านช่วยเราพาเอาหนอนไหมน้ำแข็งนี้ไปส่งถึงที่หมายของเราจนกระทั้งฝึกฝนเสร็จได้รึไม่”


บทที่ 802 โตขึ้น


โจวเหวินคิด “เสี่ยวเทียนฟางคนนี้มันโลภจริงๆเลยเว้ย ได้คืบจะเอาศอกอยู่ได้”


โจวเหวินเลยพูด “ก็แค่โหลแมลงเอง สำหรับฉันมันไม่มีอะไรอยู่แล้ว เอาไปด้วยเลยก็ได้ ไม่ต้องเอามาคืน”


“ท่านโจว เอาจริงเหรอครับ”เสี่ยวเทียนฟางตาลุกวาวก่อนจะคำนับโจวแหวิน


“แค่ให้ความมั่นใจกับฉันจริงๆละกันว่ากุมารีตัวนี้เป็นกีฏเทพจุติมาจริงๆ ถ้าฉันจับได้ว่ามีอะไรผิดปรกติแม้แต่นิดเดียวละก็ อย่าว่าแต่หนอนไหมน้ำแข็งเลย แม้แต่ตระกูลเสี่ยวของนายได้เกิดหายนะแน่ๆ”โจวเหวินพูดขู่


เสี่ยวเทียนฟางผงะ เขาทำใจนิ่งๆก่อนจะพูดด้วยความมั่นใจ “วางใจได้เลยครับ ว่ากุมารีตัวนี้เป็นร่างจุติของกีฏเทพจริงๆ มันเชื่อมต่อวิญญาณกับผมเองทำให้ผมรู้ดี ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็มาลงที่ผมได้เลยครับ”


เสี่ยวเทียนฟางสาบานกึ่งๆสาปแช่งตัวเอง


“ถ้างั้นฉันก็วางใจ เอาละ ปลดผนึกของนางได้”โจวเหวินพูด


“อยากให้ผมปลดผนึกของนางเหรอครับ หรือว่าจะให้แค่ส่งผนึกของนางให้กับท่าน”เสี่ยวเทียนฟางถามด้วยความสงสัย


“ไม่ละ นั้นมันเป็นกุมารีระดับเทพ การจะปลดผนึกวิญญาณของนางด้วยตัวเองนั้นจะทำให้เสียพลังวิญญาณไปเยอะ ปลดเองไปเลย”โจวเหวินพูด


“ได้ครับ”เสี่ยวเทียนฟางรู้สึกว่าโจวเหวินนั้นเป็นคนใหญ่คนโตของจริง ไม่แปลกใจเลยที่จะได้เป็นถึงปรมาจารย์ของตู่กู๋จง เขาคิดอีกด้วยว่าโจวเหวินนั้นต้องมีพลังพิเศษมากๆถึงขนาดจับหนอนไหมน้ำแข็งได้ด้วยมือเปล่า เขาเลยไม่ลังเลอีกต่อไป


เขายื่นกุมารีออกมาให้โจวเหวิน โจวเหวินรับมา ก่อนที่เสี่ยวเทียนฟางจะหยิบเอาผ้ายันเล็กๆใบหนึ่งขึ้นมา แล้วกัดลิ้นตัวเอง หยดเลือดลงไปบนผ้ายันนั้น


ทันทีที่เลือดโดนผ้ายัน จู่ๆผ้ายันนั้นก็ไฟลุกถ้วมขึ้นมาแล้วกุมารีในมือของโจวเหวินก็เริ่มสั่นสะท้าน


สีหน้าของเสี่ยวเทียนฟางเริ่มเปลี่ยนไป หน้าตาของเขาดูซีดเซียว เหงื่อไหลเย็นเริ่มตกลงมาที่หน้าผาก เขาดูเจ็บปวดมากๆ


โจวเหวินถามกับทางกู๋ฉานชุยมาแล้ว เขารู้ว่าผนึกวิญญาณที่ว่านั้นมันเชื่อมต่อกุมารรีเข้ากับพลังชีวิตของตัวเสี่ยวเทียนฟางเอง เพราะงั้น การจะปลดผนึกวิญญาณได้ มันจะทำความเสียหายให้กับตัวเสี่ยวเทียนฟางโดยตรง


เสี่ยวเทียนฟางตั้งใจจะปลดผนึกวิญญาณของนางตั้งแต่แรกแล้ว เพราะยังไงเขาก็ควบคุมนางไม่ได้ แถมยังโดนนางกลืนกินพลังชีวิตไปเรื่อยๆอีก


และตอนนี้ คือโอกาสที่เขาจะได้ขจัดเสี้ยนหนามที่อยู่กับเขามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้ เขาจึงแอบๆดีใจมากกว่าโจวเหวินซะอีก


เพราะสิ่งที่เขาได้รับกลับมานั้นมันคุ้มกว่ากันมาก เขาได้มาทั้งหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวกับโหลกักแมลง เขาเชื่อว่าตระกูลเสี่ยวของเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าที่ผ่านมา และความเจ็บปวดที่ได้มาจากกุมารีแมลงก็จะหายไปจากเขาตลอดกาลด้วย


แกร๊ก


หลังจากที่ผ้ายันไหม้จนหมดแล้ว ลูกแก้วกุมารีจู่ๆก็แตกร้าวออกมาจากด้านบน แล้วโจวเหวินก็เห็นว่ามีเลือดหรือไหลออกมาด้วย


เสี่ยวเทียนฟางรู้ดีว่าเสียงนั้นมันคือเสียงพิธีกรรมเสร็จแล้ว เขาจึงตั้งสติของตัวเองแล้วพูดทั้งความเจ็บปวด


“ท่านโจว รีบๆผนึกพลังของกุมารีนั้นไว้เถิด เดี๋ยวนางจะหนีไปได้นะ”เสี่ยวเทียนฟางพูด


จริงๆเขาไม่ได้กลัวนางหนีไปหรอก เพราะยังไงเขาก็ขายให้โจวเหวินไปแล้ว หนีไม่หนีก็เรื่องของเขา เขาแค่กลัวว่ากุมารีแมลงจะมาทำร้ายเขามากกว่า


“การซื้อขายเสร็จแล้ว ฉันกลับก่อนละ”โจวเหวินหยิบกุมารีแมลงแล้วอัดลมปราณเข้าไปในนั้นทำให้ลูกแก้วกุมารีกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนจะเก็บมันแล้วยืนขึ้น


“ให้ผมส่งท่านกลับเถอะครับ”เสี่ยวเทียนฟางเรียกคนมาแล้วพูด “ตอนนี้ผมคงเดินไปส่งท่านเองไม่ไหว ขอโทษด้วยนะครับ”


“รักษาตัวก่อนเถอะ อย่าฝืนเลย”โจวเหวินพูดแล้วเอากุมารีไป


เสี่ยวหลิวฉีเข้ามาในถ้ำแล้วถามอย่างเป็นกังวลทันที “พี่ชาย สำเร็จแล้วเหรอ เขายอมแลกหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวจริงๆเหรอ


“ใช่แล้วละ หนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวนี้มีร่องรอยการต่อสู้ที่เราทำไว้อย่างชัดเจนเลย ไม่ผิดตัวแน่ๆ”เสี่ยวเทียนฟางพูดอย่างตื่นเต้น “ดูเหมือนว่าปรมาจารย์โจวคนนั้นจะไม่รู้ปัญหาที่กุมารีแมลงมี เพราะงั้นฉันก็ถือว่ากำไรมาก นอกจากนี้ได้หนอนไหมน้ำแข็งมา2ตัว ยังถือว่าได้เอาภาระออกไปจากชีวิตตัวเองอีก ตอนนี้เรา2คนก็มีหนอนไหมน้ำแข็งกันคนละตัวแล้ว หลังจากนี้อีก2-3ปีเราจะฝึกมันกัน ตระกูลเสี่ยวของเราก็จะได้ออกไปไกลพัฒนาก้าวไกลไปไกลกว่าที่เคยเป็น แถมเรายังได้โหลแมลงนี้มาด้วย “


เสี่ยวเทียนฟางเปิดโหลแมลงแล้วให้เสี่ยวหลิวฉีดูหนอนไหมน้ำแข็งที่อยู่ด้านใน ไปพร้อมๆกับสาธิตความสามารถของโหลแมลงด้วย


“ปรมาจารย์โจวคนนั้นให้ของดีกับเรามาจริง ช่างโง่เขลาดีแท้เลย”เสี่ยวหลิวฉีพูด


โจวเหวินที่เดินออกมาไกลแล้ว แต่เขายังคงได้ยินบทสนทนาอย่างชัดเจน ก็แอบคิดในใจ “ใครกันแน่วะที่โง่”


กุมารีแมลงนั้นมีพลังในการควบคุมหนอนไหมน้ำแข็งได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันคือตัวตนที่มีพลังมหาศาล แต่เจ้า2พี่น้องตระกูลเสี่ยวกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองมีของดีอยู่ในมือ พวกเขากลับยอมแลกของดีขนาดนั้นกับหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัว


แล้วไอ้สิ่งที่เรียกว่าโหลแมลงพิเศษนั้น จริงๆแล้วมันก็แค่โหลเงินโง่ๆธรรมดาๆ มันกักขังหนอนไหมน้ำแข็งไม่ได้อยู่แล้ว


แต่ที่หนอนไหมน้ำแข็งโดนขังในนั้นได้เป็นเพราะว่ากุมารีแมลงสั่งให้มันเข้าไปอยู่ในนั้นแล้วทำตัวดีๆ ถ้าเธอไม่สั่งเอาไว้อย่างนั้น พวกมันจะออกมาอาละวาดทันที


พี่น้องตระกูลเสี่ยวอาจจะมองว่ากุมารีแมลงไม่มีประโยชน์ก็จริง แต่พวกเขาได้เสียสมบัติชิ้นสำคัญไปแล้ว


หลังจากที่กุมารีแมลงเป็นอิสระเธอก็แทบอยากจะฆ่าพี่น้องตระกูลเสี่ยวทิ้งทันที แต่โจวเหวินใช้ลมปราณเบรกตัวเธอเอาไว้ก่อน ไม่ให้เธอล้างแค้นในตอนนี้


ยังไงซะโจวเหวินก็เข้ามาแลกเปลี่ยนกับตระกูลเสี่ยวในนามของตระกูลตู่กู๋ ถ้าพวกเขาตายตอนนี้ ชื่อเสียงของตระกูลตู่กู๋อาจจะโดนทำลายไปด้วยก็ได้


แถมตู่กู๋จงเองก็ตั้งใจแสดงละครเล่นกับเขาอย่างสุดความสามารถด้วย จะให้เขาไปทำไม่ดีกับตระกูลตู่กู๋ก็คงไม่ดีเท่าไร


“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว แถมเจ้า2คนนั้นก็มีหนอนไหมน้ำแข็งอยู่กับตัวด้วย เธอจะไปกลัวไม่ได้ล้างแค้นทำไมละ”โจวเหวินแตะที่กุมารีแมลงในกระเป๋าเบาๆแล้วกระซิบ


กุมารีแมลงค่อยๆสงบลง หลังจากที่ผนึกวิญญาณของกุมารีโดนถอนออกไปแล้ว กุมารีแมลงจึงสามารถกลับคืนร่างเดิมได้อีกครั้ง


ก่อนหน้านี้ เธอโดนผนึกวิญญาณทำให้เธอกลับเข้าร่างเดิมที่อยู่ในลูกแก้วไม่ได้ และต้องทำตามคำสั่งของเสี่ยวเทียนฟางตลอดเวลา ไม่งั้น เสี่ยวเทียนฟางก็จะสามารถทำลายร่างของเธอได้อย่างง่ายดาย


แต่ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว กุมารีแมลงเลยสามารถกลับเข้าร่างเดิมของเธอได้


หลังจากที่กลับมาหาหลี่ซวนกับตู่กู๋จง ทั้ง3คนก็กลับไปกลับที่พักของตัวเองพร้อมกัน


“ท่านปรมาจารย์….การแสดงของฉันเป็นไงบ้างละ”ตู่กู๋จงถามด้วยรอยยิ้มระหว่างทางกลับ


“ก็ไม่เลวนะ แต่ดูเกินจริงไปหน่อย”โจวเหวินยิ้ม


“ฉันอยู่มานานขนาดนี้แล้ว ความสามารถในการแสดงของฉันก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา เสี่ยวเทียนฟางไม่มีทางแยกออกแน่ๆ ทีนี้คิดไว้รึยังละว่าจะสอนอะไรฉันเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงพญานกเพลิงละ”


“เริ่มจากวิธีการหาพญานกเพลิงก่อนเลยละกัน”โจวเหวินกะจะบอกความจริง แต่ความจริงที่ว่านั้นทำให้ตู่กู๋จงแอบผิดหวังเล็กน้อย


ระหว่างทางนั้น โจวเหวินรู้สึกได้ว่ากุมารีแมลงนั้นมีอะไรผิดปรกติไป ร่างที่เหมือนจะเป็นหินชุ่มอยู่ในน้ำมันพรายของนาง เหมือนจะค่อยๆเติบโตขึ้นมาอย่างช้าๆ ไม่เพียงแต่กระดูกจะใหญ่ขึ้น แต่เส้นเลือดและเลือดเริ่มไหลเวียนแล้วด้วย


“เกิดอะไรขึ้นหน่ะ นางจะคืนชีพกลับมาเหรอ”โจวเหวินตกใจมากเขาเลยเอาเธอเก็บเข้าไปในห้วงมิติก่อน ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเธอข้างนอกละก็ชิบหายแน่ๆ


803 หยาเอ๋อ


แกร๊ก!!


แก้วผลึกด้านนอกของกุมารีแมลงแตกออกมา น้ำมันพรายไหลออกมาด้านนอก


กุมารีแมลงนั้นตัวใหญ่ขึ้นจนลูกแก้วเก็บไว้ไม่อยู่แล้ว ร่างกายของนางนั้นกลายเป็นเลือดและเนื้อแบบคนจริงๆ ผิวหนังของเธอเริ่มปรากฏออกมาพร้อมๆกับผมขนและเล็บ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น จากกุมารีแมลงที่เป็นแค่รูปปั้นหินเล็กๆ ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเด็กทารกคนจริงๆแล้ว


เด็กนั้นดูเป็นเด็กน้อยไร้เดียวสาเหมือนกับเด็กปรกติ แต่ถ้ามองดูดีๆ จะพบว่าหัวใจของเธอนั้นไม่ได้เต้น และเลือดของนางก็ไม่ไหลเวียน


จะบอกว่าเธอเป็นคนตายก็ได้ แต่ทุกๆอย่างของเธอเหมือนคนปรกติ มีลมปราณไหลเวียนในร่างกาย ดวงตาของเธอเปิดกว้าง เหมือนเด็กปรกติ แค่หัวใจของเธอไม่เต้น เลยยากที่จะรู้ได้ว่าเธอตายหรือยัง


ตอนที่โจวเหวินกลับมาถึงหอพัก เด็กคนนั้นก็เติบโตจนอายุประมาณ1ขวบ หลังจากนั้น เธอก็หยุดเติบโตอย่างรวดเร็ว


โจวเหวินตอนแรกคิดว่าเธอจะโตกลับกลายเป็นร่างเดิม เป็นหญิงสาวอายุ18-19 แต่ใครมันจะไปคิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้


“หรือว่าอาจจะเป็นเพราะห้วงมิติแห่งความว่างเปล่ากัน”โจวเหวินเอาเด็กคนนั้นออกมาจากนั้นก็เช็ดเนื้อตัวล้างเอาน้ำมันพรายออกจากตัวของเธอ


แต่สุดท้ายเด็กคนนั้นก็ไม่โตไปมากกว่านี้อีก เธอนั่งอยู่บนเตียงมองโจวเหวินอย่างไร้อารมณ์


โจวเหวินหยิบเสื้อผ้าที่ตอนแรกเขาซื้อมาให้ธิดาปีศาจให้ห้วงมิติแห่งความว่างเปล่า ตอนแรกเขากะจะให้ธิดาปีศาจใส่ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ใส่เท่าไร


แต่ตัวของกุมารีแมลงนั้นเล็กกว่าธิดาปีศาจมาก ทำให้เสื้อที่ใส่มันหลวมมาก แต่นี้มันเป็นเสื้อที่ดูจะเหมาะที่สุดกับเธอในตอนนี้ที่โจวเหวินจะหาได้แล้ว โจวเหวินคงต้องไปหาซื้อเสื้อใหม่ให้ทีหลัง


“ใส่เสื้อผ้าเองได้ไหม”โจวเหวินถามแล้วมองเด็กสาว


เด็กสาวส่ายหน้า


“หรือว่ากลับไปเป็นเด็กแค่ร่างกายกันแต่ความคิดสติปัญญายังเหมือนเดิม”โจวแหวินช่วยเธอสวมชุดก่อนจะพาเธอไปนั่งบนเตียงแล้วถาม”ยังจำฉันได้ไหม”


โจวเหวินไม่รู้ว่าสถานการณ์มันเกิดอะไรขึ้นหรือเป็นอะไรบ้างแล้ว เพราะตอนนี้ที่เขารู้มาจากกู๋ฉานชุยนั้นมันไม่ตรงเอาซะเลย


ตามที่กู๋ฉานชุยบอก ถ้ากุมารีหลุดจากผนึกแล้ว วิญญาณจะกลับเข้าร่างของมัน แต่เขาไม่ได้บอกมาด้วยว่าเธอจะฟื้นคืนชีพหรือกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง กุมารีนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ การจะสร้างขึ้นมานั้นมันอันตรายมาก เพราะถ้าผิดพลาดขึ้นมา วิญญาณของเด็กนั้นจะอาฆาตและไปทำร้ายผู้คน


โจวเหวินไม่ได้อยากจะเลี้ยงกุมารีแมลงแบบเดียวกับที่เสี่ยวเทียนฟางทำ แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่านางจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเด็กเหมือนกัน นี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากที่กู๋ฉานชุยบอกเขามาไกลมากแล้ว


แต่เด็กสาวคนนั้นพยักหน้า เหมือนกับว่าจำเขาได้


“ความทรงจำยังอยู่ซินะ”โจวเหวินถอนหายใจอย่างโล่งอก


“แล้ว ตอนนี้เป็นอิสระแล้ว มีแผนว่าจะทำอะไรละ”โจวเหวินถถาม


เด็กสาวคนนั้นมองโจวเหวินแบบไม่ให้คำตอบกลับมา เหมือนกับว่าไม่เข้าใจที่โจวเหวินพูด


“แบบ อยากจะทำอะไรต่อในอนาคต หรืออยากไปไหนไรเงี่ย”โจวเหวินกลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจเลยอธิบายเพิ่ม


เด็กสาวคนนั้นยังคงมองโดยที่ไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าเข้าใจด้วยรึเปล่า


“อา….เธอมีชื่อไหม”โจวเหวินอยากจะเรียกเธอ แต่เขาพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย จะให้เรียกว่ากุมารีแมลงเหมือนกับที่เสี่ยวเทียนฟางเรียกก็แปลกๆ เธอเองก็คงจะไม่ชอบเหมือนกันด้วย


รอบนี้เด็กสาวมองโจวเหวินแล้วส่ายหัว


“ไม่มีชื่องั้นเหรอ”โจวเหวินถาม


เด็กสาวพยักหน้า โจวเหวินคิดซักพักก่อนจะพูด “ถ้างั้นให้ฉันตั้งชื่อให้ไหม”


เด็กสาวพยักหน้า เป็นการบอกให้รู้ว่าเธอเข้าใจที่เขาพูด และไอคิวของเธอไม่ได้น้อยลงไปเลย แต่แค่ไม่รู้ทำไมเธอถึงยังพูดไม่ได้เท่านั้นเอง


โจวเหวินคิดซักพักใหญ่ๆก่อนจะมองเด็กสาวแล้วถาม “เอาชื่อนี้เป็นไงละ เสี่ยวลี่”


เด็กสาวไร้สีหน้าท่าทางเธอแค่หันหน้าไปข้างๆเล็กน้อย


“ไม่เอาหรอ งั้นเสี่ยวหนาละ”โจวเหวินคิดแล้วถามอีก


เด็กสาวทำแบบเดิมเหมือนกับว่าไม่ได้ยินที่โจวเหวินพูด ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วชี้นิ้วไปที่หน้าอกบนของโจวเหวิน


โจวเหวินก้มลงไปมองแล้วพบว่าตรงจุดนั้นมันมีแค่เสื้อเท่านั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย ไม่มีลวดลายหรือคำอะไร


“เดี๋ยวนะ เธอกำลังจะหมายถึงนี้เหรอ”โจวเหวินหยิบเอาสร้อยงาขึ้นมา


มันเป็นสร้อยที่หวังหมิงหยวนแกะสลักขึ้นมาให้ ว่ากันว่ามันถูกแกะสลักขึ้นมาจากเขี้ยวของมังกรขาวแห่งถ้ำหลงจิง ส่วนที่มานั้น พี่หลิวหยุนบอกมาว่าเขาขโมยมาจากในถ้ำหลงจิง แต่หวังหมิงหยวนบอกมาว่าเขาเก็บมันได้เอง


“สามารถมองเห็นทะลุได้เลยเหรอ ดูเหมือนว่าความสามารถบางอย่างของนางจะยังอยู่นะ”โจเวหวินมองดูทิศทางที่นิ้วที่ชี้ตรงมายังสร้อยไม่ว่าสร้อยจะไปไหน แปลว่าเขาเดาถูกแล้ว


“เธออยากจะให้ตั้งชื่อเธอเป็นชื่อนี้เหรอ อ้อ รู้ละ สร้อยนี้มันทำมาจากเขี้ยวมังกร ถ้างั้นฉันเรียกเธอว่าเสี่ยวหลงละเป็นไง”โจวเหวินพึ่งนึกได้


แต่เด็กสาวมองเขาก่อนจะไม่ตอบอะไร และมองอยู่อย่างงั้นโดยไม่กระพริบตาซะจนโจวเหวินเริ่มขนลุก


“เออ จะว่าไปแล้ว เสี่ยวหลงมันแปลว่าฟันน้อยนี้หว่า”โจวเหวินนึกได้แล้วรู้สึกผิด


เด็กสาวคนนั้นมองโจวเหวินแล้วพยักหน้าช้าๆ


โจวเหวินมองเธอเข้าไปในตา ก่อนจะรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแย่ในใจ ก่อนจะคิดแล้วพูด “เสี่ยวหลงดูไม่ดีเท่าไรเนอะ มันดูไม่เหมือนชื่อผู้หญิงเลย เอางี้ ฉันเรียกเธอว่าหยาเอ๋อเป็นไง  เป็นความหมายที่แปลประมาณว่าอยากให้เธอโตไวๆเหมือนดอกไม้ที่ผลิบานด้วยไง”


เด็กสาวพยักหน้าน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะดูพยักหน้าไม่ตื่นเต้น แต่ในแววตาของเธอก็ไม่ได้มีความหนักใจกับชื่ออีกแล้ว


“ถ้างั้นฉันเรียกเธอว่าหยาเอ๋อนะ”โจวเหวินปาดเหงื่อตัวเอง จากนั้นก็มองหยาเอ่อแล้วพูด “หยาเอ๋อเธอยังควบคุมหนอนไหมน้ำแข็งได้อยู่ไหม”


หยาเอ๋อพยักหน้า โจวเหวินเลยโล่งใจขึ้นมา ถ้าหยาเอ๋อควบคุมหนอนไหมน้ำแข็งไม่ได้ แผนของเขาก็จะล้มเหลวทันที ถึงแม้ว่าผลลัพท์มันจะเท่าเดิมก็เถอะ แต่อย่างน้อยโจวเหวินก็ไม่ค่อยชอบอะไรที่ควบคุมไม่ได้เท่าไร


“ แล้วคนอื่นจะยังมองไม่เห็นเธออยู่ไหม”โจวเหวินถาม


รอบนี้หยาเอ๋อส่ายหน้า เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้เธอหลุดออกจากสถานะวิญญาณแล้ว


โจวเหวินเองก็ถามคำถามเกี่ยวกับหยาเอ๋อนิดหน่อย บางทีอาจจะรู้เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวข้องก็ได้ แต่เรื่องเธอรู้นั้นมันจำกัดมาก การที่เธอพูดไม่ได้ ทำให้โจวเหวินทำได้เพียงแค่ลองถามไปเรื่อยๆเท่านั้น


ตอนนี้ที่โจวเหวินรู้คือความสามารถในการสื่อสารของหยาเอ๋อนั้นยังคงเหมือนเดิม ทั้งความทรงจำและความคิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเธอถึงมาอยู่ในร่างนี้ แล้วไม่ยอมโตไปมากกว่านี้ก็ไม่รู้


“จะว่าไปแล้วเธอยังมีชีวิตอยู่ไหมนะ”โจวเหวินตอนนี้คาดเดาสถานการณ์ของหยาเอ๋อไม่ได้เลย เขาเลยถาม “แล้วตอนนี้อยากทำอะไรละ”


“ฆ่า” หยาเอ๋อพูดคำๆเดียวออกมา


“อ้าวพูดได้เหรอ”โจวเหวินมองด้วยสีหน้าอึ้งๆ เขาก็พูดอยู่คนเดียวมาตั้งนาน ตลอดที่ผ่านมานั้น หยาเอ๋อสามารถพูดได้มาโดยตลอด


804 ทำลายล้าง


แต่โจวเหวินนั้นถามหยาเอ๋ออีกรอบ แต่เธอก็พยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้าตอบตามเดิมไม่พูดด้วยอีก


“เมื่อกี้นี้เธอพึ่งพูดออกมาคำนึงใช่ไหมน่ะ”ถึงแม้ว่าโจวเหวินจะรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นความฝัน แต่เมื่อกี้จู่ๆเธอก็พูดออกมาคำนึงแน่ๆ แต่หลังจากนั้นหยาเอ๋อก็ไม่พูดอะไรอีกเลย


หยาเอ๋อจู่ๆก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่ผลที่ออกมาคือเธอเดินไปได้ไม่ถึง2ก้าวดีเลยเธอก็ขาอ่อนล้มจ้ำเบ้าลงไปกองกับพื้นแล้ว ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอนั้นจะไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยปปรกติเลย


หยาเอ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเธอจ้องเขม็งก่อนที่จู่ๆร่างของเธอจะลอยขึ้นมาจากพื้น


โจวเหวินนั้นอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆเขาก็เห็นเธอบินออกนอกหน้าต่างแล้วมุ่งหน้าไปทางตระกูลเสี่ยวทันที


โจวเหวินกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาเลยสวมผ้าคลุมล่องหนแล้วตามไปดูทันที


ภายในตระกูลเสี่ยวนั้นเอง เสี่ยวเทียนฝางกับเสี่ยวหลิวฉีกำลังเตรียมแผนการสำหรับฝึกหนอนไหมน้ำแข็งอยู่ พวกเขาอดใจรอที่จะฝึกมันให้เชื่อไม่ไหวแล้ว


“เจ้าพวกนี้มันของดีจริงๆเลย โหลนี้ไม่ว่าจะเป็นแมลงตัวไหนๆ ถ้าโดนขังไว้ข้างในแล้วยังไงก็จะออกมาไม่ได้อีกเลย มันทำให้ง่ายต่อการจับแมลงขึ้นเยอะเลย”เสี่ยหลิวฉีมองหนอนไหมน้ำแข็งภายในโหลนั้น


เสี่ยวเทียนฟางตอนนี้ก็กำลังมองดูหนอนไหมน้ำแข็งอยู่เหมือนกัน พวกมันดูเหมือนเหนื่อยอ่อนแรงล้า มันคลานไปรอบๆอย่างอ่อนแอเหมือนกับว่ามันกำลังหลับอยู่


เสี่ยวหลิวฉีหยิบแมลงออกมาจำนวนหนึ่งก่อนจะมัดมันด้วยเชือกแล้วหย่อนพวกมันลงไปในโหลเงิน แมลงที่หย่อนลงไปนั้นคืออาหารที่หนอนไหมน้ำแข็งกิน พวกเขาตั้งใจจะล่อหนอนไหมน้ำแข็งด้วยวิธีนี้ ด้วยวิธีการให้อาหารแล้วให้มันอดอาหารเพื่อให้มันฝึก


เสี่ยวหลิวฉีนั้นหย่อนพวกแมลงแล้วเตรียมจะกระตุกพวกแมลงออกมาเมื่อหนอนไหมน้ำแข็งเริ่มเคลื่อนไหวแต่ใครมันจะไปคิดละว่าหนอนน้ำแข็งนั้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากแล้วกัดกลืนแมลงที่หย่อนลงไปทันที ไม่มีเวลาให้กระตุกแมลงกลับมาเลย


“ความเร็วของมันเร็วเกินไป เวลาฝึกคงจะมีปัญหาแน่ๆ”เสี่ยวหลิวฉีดึงเชือกขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็เตรียมจะมัดแมลงตัวต่อไป


แต่ที่ไหนได้ เจ้าหนอนไหมน้ำแข็งที่อยู่ข้างในนั้น จู่ๆมันก็เลื้อยคลานออกมานอกโหลแล้วไปอยู่ตรงขอบของโหล ทั้งเสี่ยวหลิวฉีและเสี่ยวเทียนฟางนั้นตกใจมากๆ แล้วรีบถอยออกมาทันที


“เป็นไปได้ไงกัน”เสี่ยวเทียนฟางกลัวมากเขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปรกติอย่างแรง


 


ก่อนที่เสี่ยวหลิวฉีจะได้พูดอะไร หนอนไหมน้ำแข็งอีกตัวก็คลานออกมา เหมือนกับว่าตอนนี้โหลแร่เงินใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว


ทั้งคู่วิ่งออกมาข้างนอกห้องทันที แต่ตอนที่เขาออกมาจากห้องนั้น พวกเขาก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า


พวกเขาเห็นอารามขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของพื้นที่ต่างมิติ ตรงนั้นมีแมลงทุกประเภทอยู่กันเต็มไปหมด คนของตระกูลเสี่ยวนั้นพยายามจะจัดการแมลงพวกนั้นแต่แมลงที่พวกเขาฝึกเลี้ยงมานั้นกลับทรยศหักหลังเจ้านายของพวกมันทั้งหมดและเข้าโจมตีเจ้าของของมันเอง ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพการสังหารหมู่ เสียงกรีดร้อง และเลือดที่สาดกระจายไปทั่ว


“เป็นแบบนี้ไปได้ไงกัน เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”เสี่ยวเทียนฝางกำลังใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตอนนี้วัดทั้งวัดกลายสภาพไปเป็นเหมือนนรก


“มันต้องมีปัญหา มันต้องมีปัญหาออะไรแน่ๆ ไอ้คนที่ชื่อโจวนั้น มันหลอกเรา เขาไม่ได้คิดอยากจะให้พวกเราได้หนอนไหมน้ำแข็งไปด้วยซ้ำ!!….”เสี่ยวหลิวฉีพูดด้วยความเกลียดชังในใจ ในตระกูลเสี่ยวตอนนี้มีแมลงจำนวนมาก แม้แต่แมงป่องโลหิตระดับเร้นลับก็มี แต่เจ้าพวกนั้นกลับเปลี่ยนฝ่ายแล้วออกมาฆ่าเจ้านายของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง รวมไปถึงแมลงระดับเร้นลับหลายๆตัวที่จับได้ก่อนหน้านี้ก็หลุดออกมาจากจองจำแล้วไล่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง


จำนวนของพวกมันมีเยอะมาก ด้วยจำนวนที่เยอะขนาดนี้ มันไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีออกจาที่นี้ได้เลย


“ไอ้โจว แกนะแก ถึงตายไปฉันก็จะไม่ปล่อยแกไปแน่”เสี่ยวเทียนฟางตะโกนออกมา


แต่บนฟ้านั้นเอง จู่ๆร่างๆนึงค่อยๆบินต่ำลงมา เสี่ยวเทียนฟางกับเสี่ยหลิวฉีมองขึ้นไปทันใดนั้นพวกเขาก็ผงะในทันที คนที่ปรากฏตัวลงมานั้นเป็นเพียงเด็กทารกผู้หญิงอายุแค่ขวบกว่าๆเท่านั้น


แต่ผู้หญิงคนนั้นใบหน้าของไร้เดียงสาและน่ารักแบบเดียวกับที่เด็กน้อยควรจะมี เธอไม่มีสีหน้าอย่างอื่น ไม่ซิ สีหน้าของเธอเย็นชาต่างหาก เธอลอยอยู่บนอากาศแล้วมองลงมายังเสี่ยวเทียนฟางกับเสี่ยวหลิวฉีอย่างเลือดเย็น


แมลงทุกตัวนั้นเข่นฆ่าทุกคนไม่เลือกหน้า แต่แมลงพวกนั้นกลับไม่เข้ามาโจมตีเสี่ยวเทียนฟางกับเสี่ยวหลิวฉีเลย


“นั้นมัน…แก แกคือกุ…กุมารีแมลงงั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงกัน…”เสี่ยวเทียนฟางมองหยาเอ๋อดีๆแล้วนึกขึ้นมาได้แล้วชี้ตะโกนไปที่เด็กน้อยทันที


ยังไงซะ เขาก็เคยเชื่อมวิญญาณกับผนึกวิญญาณของหยาเอ๋อ ทำให้เขาคุ้นชินกับกลิ่นอายของหยาเอ๋อดี ตอนนี้มันไม่มีผนึกวิญญาณอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังได้กลิ่นอายของหยาเอ๋ออยู่ดี


“เป็นไปได้ไงกัน กุมารีแมลงงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้”เสี่ยวหลิวฉียังคงไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเด็กน้อยคนนั้นคือกุมารีแมลง เพราะคนตรงหน้าของเขานั้นคือคนเป็นๆ กุมารีนั้นไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาเป็นคนได้


“ลองคิดดูดีๆซิ ใครกันที่สามารถควบคุมแมลงจำนวนมหาศาลขนาดนี้ได้ในครั้งเดียว ใครกันที่สามารถสั่งการแมลงที่เลี้ยงไว้ให้ทรยศเจ้านายได้ นอกเสียจากกุมารีแมลง อีกอย่าง กลิ่นอายของเธอ ยังไงเธอก็คือตัวจริงแน่ๆ..”เสี่ยวเทียนฟางพูดอย่างหวาดกลัว


ในตอนนั้นเอง หนอนไหมน้ำแข็งก็คลานออกมาแล้วสยายปีกที่อยู่ด้านหลังก่อนจะบินมาที่ข้างๆของหยาเอ๋อ เหมือนกับว่าจะปกป้องนาง


เสี่ยวเทียนฟางเข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที ร่างกายของเขาสั่นเครือแล้วพูดแบบกัดฟัน “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว จริงๆแล้วไอ้คนที่ชื่อโจวนั้นมันไม่มีความสามารถอะไรเลย โหลเงินพิเศษที่ทำให้หนอนไหมน้ำแข็งยอมจำนนนั้นมันเป็นของปลอม ปลอมได้ทุกอย่างเลย หนอนไหมน้ำแข็งนั้นไม่ได้อยากจะยอมอะไรเลย แต่ทุกอย่างมันเป็นฝีมือของยัยนั้น ยัยนั้นบงการเรื่องทุกอย่าง …ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีพลังมากขนาดนี้…”


เสี่ยวหลิวฉีเองก็เริ่มกลัว “มันจบแล้วพี่ใหญ่ มันจบแล้วจริงๆ เราไม่น่าตั้งแต่แรกเลย ตอนนี้นางมาแก้แค้นแล้ว”


คนทั้งตระกูลเสี่ยวนั้นตายหมดแล้วแมลงเป็นกองทัพ ไม่ซิ เป็นคลื่นนั้นโอบล้อมพื้นที่ไปหมด ทั้งวัดนั้นเต็มไปด้วยแมลงเต็มไปหมด เหลือไว้เพียงแค่ที่ๆ2คนนั้นยืนอยู่เท่านั้น


“พวกแก…..ตาย”ทันทีที่หยาเอ๋อพูด แมลงนั้นก็ถาโถมเข้าใส่ร่างของพวกเขาทั้งคู่ทันที


2พี่น้องตระกูลเสี่ยวพยายามจะสู้ แต่จำนวนของแมลงนั้นมันเยอะเกินไปจนโถมเข้าใส่ ฝังร่างของทั้งคู่ทั้งเป็นกัดกินทั้งเนื้อหนัง เครื่องใน กระดูกและเลือดจนไม่เหลือซากแต่อย่างใด


โจวเหวินที่ลอยอยู่บนอากาศนั้นเห็นสภาพที่ย่อยยับของตระกูลเสี่ยวแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้


หยาเอ๋อนั้นต้องการล้างแค้น แต่การล้างแค้นแบบนี้มันออกจะโหดเกินไปหน่อยจริงๆ เธอไม่สนเลยว่าจะเป็นใครหน้าไหน ถูกหรือผิด จริงๆแล้วทั้งตระกูลเสี่ยวอาจจะไม่ใช่คนเลวทั้งหมด แต่ทุกคนนั้นต้องรับชะตากรรมเดียวกันทั้งหมด


โจวเหวินนั้นจริงๆก็ไม่ได้สงสารตระกูลเสี่ยวหรอก แต่เขาเริ่มหวั่นๆใจกับตัวตนอย่างหยาเอ๋อแล้ว ถ้าเขาเก็บเธอไว้กับตัวในอนาคต แล้วถ้ามีวันหนึ่งหรือใครบางคนที่ทำให้เธอโมโหขึ้นมาละก็ เธออาจจะทำลายทุกอย่างแบบเดียวกับที่ทำกับตระกูลเสี่ยวก็ได้ และจะเหมารวมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นตัวเขาหรือเพื่อนของเขาด้วย


ในตอนที่โจวเหวินกำลังคิดอยู่นั้นเอง แมลงทั้งหมดก็เริ่มหนีหายจากไป ตอนนี้ที่นี้ไม่มีใครเหลือแล้ว เหลือเพียงหยาเอ๋อที่บินอยู่พร้อมกับหนอนไหมน้ำแข็ง2ตัวที่บินอยู่ข้างๆ


โจวเหวินหยิบเอาโหลเงินที่เขาได้มาจากตู่กู๋จงขึ้นมาแล้วเก็บหนอนไหมน้ำแข็งที่ลงหม้ออย่างว่าง่ายตามเดิม


805 เทพมังกร


“ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว อยากทำอะไรก็ทำได้ ทำทุกอย่างที่อยากทำได้เลย”โจวเหวินพูดแล้วมองหยาเอ๋อที่อยู่ตรงหน้าของเขา


หยาเอ๋อมองดูโจวเหวิน แต่ไม่พูดอะไรออกมา โจวเหวินรู้แล้วว่าเธอพูดได้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะไม่พูด


“แล้วมีที่ไหนอยากไปไหม มีอะไรที่อยากทำรึเปล่า”โจวเหวินถามหยาเอ๋อ


หยาเอ๋อส่ายหน้า เธอถูกตระกูลเสี่ยวทำให้กลายเป็นกุมารีตั้งแต่เธอยังไม่เกิด ทำให้เธอไม่รู้ว่าอยากจะไปที่ไหน หรืออยากทำอะไรจริงๆกันแน่ เพราะเธอไม่เคยได้คิดหรือทำอะไรแบบที่ใจต้องการเลย


“ถ้างั้นก็ติดตามฉันมาก่อนแล้วกัน แต่ถ้าจะอยู่กับฉัน เธอต้องทำตามกฎของฉันด้วย ถ้าเธอทำได้ เธอก็จะไปไหนมาไหนกับฉันได้ทุกที่ แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ เธอก็ต้องออกไปตามทางของเธอเอง”โจวเหวินมองดูหยาเอ๋อแล้วพูด


หยาเอ๋อไม่พูดอะไร เธอแค่มองโจวเหวินนิ่งๆ


“ข้อแรก ถ้าเธออยากจะตามฉันมา ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามทำร้ายคนอื่นโดยเด็ดขาด ข้อที่2 ห้ามใช้หรือสั่งแมลงไปทำร้ายใครโดยที่ฉันไม่อนุญาต ข้อที่3เธอจะเถียงหรือมีเหตุผลมาขัดฉันก็ได้ แต่สุดท้าย เธอต้องฟังที่ฉันพูดด้วย ข้อที่4 ห้ามแสดงพลังอิทธิฤทธิ์ของเธอต่อหน้าคนอื่นสุ่ม4สุ่ม5 ทำได้รึเปล่า”โจวเหวินมองดูหยาเอ๋อแล้วถาม


หยาเอ๋อจ้องโจวเหวินกลับ แล้วพยักหน้า เธอไม่มีความลังเลอะไรในใจเลยด้วย


พอเห็นว่าหยาเอ๋อพยักหน้า โจวเหวินก็รู้สึกแปลกๆ ใจนึงก็ดีใจแหล่ะ แต่อีกใจนึงก็อดเป็นห่วงไม่ได้


ไม่ว่าตอนนี้หยาเอ๋อจะเรียกว่าเป็นคนแล้วหรือยังไงก็ตาม แต่โจวเหวินก็ยังไม่รู้ว่าว่าในตัวของหยาเอ๋อนั้นจะยังมีคำสาปหรือพลังอะไรที่เกี่ยวกับกุมารีอยู่อีกรึเปล่า ซึ่งเธออาจจะมีปัญหาในอนาคตได้


แต่เท่าที่โจวเหวินรู้คือ อย่างน้อยเขาก็สามารถดูแลเธอได้ในตอนนี้


โจวเหวินไปซื้อเสื้อผ้าให้กับหยาเอ๋อ ถึงแม้ว่าเธอจะพูดไม่ได้แต่เธอก็ฉลาดมาก โจวเหวินพูดอะไรเธอก็ทำตามได้ตลอด ดูเหมือนเป็นเด็กดีคนนึงเลย ดูไม่เหมือนกับเด็กที่โตมากับตระกูลเสี่ยวที่โหดร้ายทารุณเลย


“โจวเหวิน นี้นายไปเก็บเด็กที่ไหนมาอีกวะเนี่ย”หลี่ซวนถามโจวเหวินด้วยความตกใจทันทีที่เห็นโจวเหวินหิ้วกระเตงเด็กทารกไว้ที่หลัง


“เก็บได้ข้างทางหน่ะ”โจวเหวินพูด


“หลงทางรึเปล่าอะ”หลี่ซวนพูด


“เปล่าหรอก ที่ๆฉันเจอเด็กคนนี้เป็นพื้นที่ต่างมิติที่เต็มไปด้วยแมลงเต็มไปหมดน่ะ คงไม่มีใครพาเด็กไปที่นั้นแน่ๆ”โจวเหวินพูด


“โลกนี้มันชั่งโหดร้ายเนอะ ถึงขนาดทิ้งเด็กตัวเล็กๆที่น่ารักแบบนี้ได้ลงคอ”หลี่ซวนมองเด็กสาวด้วยความสงสาร


“ไม่รู้ละ แต่ที่ๆคือตอนนี้ฉันวางแผนจะรับเลี้ยงเธอไว้ก่อน”โจวเหวินหยิบเอาโหลแมลงออกมาแล้วยื่นให้หลี่ซวน “ในนั้นมีหนอนไหมน้ำแข็งง2ตัวอยู่ข้างใน


“แล้วตระกูลเสี่ยวละเป็นไง”หลี่ซวนถาม


“โดนกุมารีตัวนั้นถล่มยับไปละ”โจวเหวินไม่ปิดบังแต่ก็ไม่อยากพูดถึงเท่าไร ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาโหดร้ายพอสมควรเลย


“ผลกรรมมันตามทันแล้วละ เรื่องจริงใช่ไหมเนี่ยที่พวกนั้นฆ่าแล้วเอาศพวิญญาณของเด็กมาทำกุมารทองหนะ”หลี่ซวนพูด


“แล้วเด็กนี้มีชื่อไหม”หลี่ซวนถาม ก่อนจะลูบหัวนาง


“หยาเอ๋อ ฉันตั้งชื่อเธอเอง”ตอนที่หลี่ซวนแตะหัวของหยาเอ๋อนั้น เธอก็ไม่ค่อยได้แสดงสีหน้าอะไรเท่าไร โจวเหวินเลยแอบๆโล่งใจ


“ตั้งชื่ออะไรของนายวะเนี่ย เด็กออกจะน่ารักน่าเอ็นดู ทำไมไม่ตั้งชื่อดีๆหน่อยละ อย่างเช่นแบบเสี่ยวหยา เสี่ยวเอ้อ ไรเงี่ย อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าหยาเอ๋อหลายต่อหลายเท่าแน่ๆละ ไม่เอาอะ ไม่เอา นายต้องตั้งชื่อให้เธอใหม่เลยนะ”หลี่ซวนพอได้ยินชื่อหยาเอ๋อแล้วส่ายหัวทันที


“เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลังน่ะ ตอนนี้ชื่อหยาเอ๋อไปก่อน”โจวเหวินไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรดี เลยตั้งอันนี้ไปก่อน


เรื่องของตระกูลเสี่ยวนั้นโดนถล่มเละราบเป็นหน้ากลองภายในคืนเดียวเทท่านั้น หลายๆคนที่เห็นเหตุการณ์เห็นว่ามีร่องรอยของแมลงจำนวนมหาศาล คาดเดาว่าตระกูลเสี่ยวน่าจะโดนพวกแมลงเล่นงาน ส่วนเหตุกาณ์จริงๆนั้นไม่มีใครบอกได้


เรื่องที่ตระกูลเสี่ยวแห่งเชียงรายถูกทำลายสิ้นในคืนเดียวนั้นกลายมาเป็นตำนานเมืองที่เล่าต่อกันแบบปากต่อปาก หลี่ซวนเองก็ตั้งใจจะไปที่บ้านตระกูลตู่กู๋กับตู่กู๋จงเพื่อเรียนรู้วิชาแมลงต่อ แต่โจวเหวินเองตั้งใจจะอยู่ที่นี้ต่อ เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาฝากสปอร์โบราณเข้าไปในตัวของแมลงเทพมังกรแล้ว โจวเหวินเลยอยากจะรอดูผลลัพท์ของมันมากกว่า


สปอร์โบราณนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังแฝงร่างไม่เสร็จ แล้วก็ยังไม่ตายด้วย โจวเหวินเลยไม่รู้ว่าภายในนั้นเกิดอะไรขึ้น


หลี่โหมวไป่เองก็กลับลั่วหยางไปพร้อมๆกับคนของเขาแล้ว กู๋ฉานชุยโทรมาบอกว่าเขาพบวิธีการเก็บแมลงหมอกซากศพได้แล้ว และให้โจวเหวินกลับมาเอาน้ำเต้าได้


โจวเหวินตอนนี้ยังไปไม่ได้ กู๋ฉานชุยเลยให้กู๋โหลวเอาน้ำเต้ามาให้เขาที่เชียงรายแทน ระหว่างนั้นโจวเหวินก็ฟาร์มเกมส์ไปเรื่อยๆระหว่างรอข่าวจากสปอร์โบราณ


เกมส์สุสานดาบโบราณกับหุบเขาไร้หวนคืนนั้นเป็นเกมส์ที่ฟาร์มดีมากๆ ในนั้นมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติหลากหลาย ตอนนี้โจวเหวินฟาร์มหลักๆ2ที่นี้ +กับสัตว์อสูรหายากและสัตว์อสูรระดับเร้นลับทั้งหลายที่ฟาร์มได้วันละครั้ง


หุบเขาไร้หวนกลับทางแยกด้านขวานั้น โจวเหวินลองไปหลายรอบมากๆแล้ว แต่ผลที่ออกมาคือเป็นเหมือนเดิมไม่ว่าโจวเหวินจะรีบไป จะบินไป หรืออะไรยังไงโจวเหวินก็ตายโดนที่ไม่รู้สาเหตุอยู่ดี


เพราะงั้นตอนนี้โจวเหวินเลยยังไม่รู้ว่าทำไมตัวละครของโจวเหวินถึงตายในหิมะ


“ด้วยความสามารถของสดับวานรกับราชานรกก็แล้วถ้ามันมีแมลงซ่อนอยู่ในหิมะยังไงเราก็น่าจะหาเจอซิ ลองใช้วิญญาณชีวิตของเต๋าดูก็แล้ว มันก็ไม่ได้มีคำสาปอะไร แล้วทำไมตัวฉันถึงตายได้ละ”โจวเหวินศึกษาพยายามหาความลับของมัน


โจวเหวินนั้นคาดการณ์ส่วนมากที่ไปตายกันในหุบเขาไร้หวนกลับนั้นคือเดินขวาแล้วก็หลงกันมาตายในหิมะเนี่ยละ


ยังไงซะคนที่ไปทางซ้ายได้ก็ต้องไปเจอกับแมลงจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว มีน้อยคนมากที่จะหาทางจัดการกับแมลงได้ แต่ทางขวานี้เดินไปถึงจะจัดการกับแมลงได้ก็ตายอยู่ดี


ตอนที่โจวเหวินเล่นเกมส์นั้นเอง หยาเอ๋อก็นั่งมองเขาเล่นเกมส์อยู่ที่เก้าอี้เล็ก


ถึงแม้ว่าหยาเอ๋อจะหัวใจไม่เต้น แต่เธอก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กปรกติทั่วๆไป เธอต้องกิน แล้วก็โต โจวเหวินนั้นรู้สึกได้เลยว่าเธอค่อยๆโตขึ้นอย่างช้าๆด้วยความเร็วแบบเดียวกับเด็กปรกติเลย



ในโลกที่เหมือนกับเป็นดินแดนลึกลับ มีปราสาทหลังมหึมาตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา ที่บนยอดสุดของปราสาทนั้นมีรูปปั้นที่เหมือนกับงูผสมมังกรอยู่ด้วย


บนยอดเขาเทพมังกรนั้นเอง มีเพียงแค่บันไดหมื่นลี้เท่านั้นที่จะเดินขึ้นไปถึงได้ และต้องเดินเท้าไปจนสุดทางเท่านั้น


ชายสวมชุดสีขาวเดินไปที่บันได โดยมีสายฟ้าผ่าซัดลงมาตรงหน้าของเขาก่อนที่เขาจะได้ขึ้นบันได


“หวังหมิงหยวน เจ้ามีหน้าที่ปกป้องต้นไม้เทพ แต่เจ้ากลับละทิ้งหน้าที่ของเจ้าโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่กลับมาที่ภูเขาเทพมังกรแห่งนี้ เจ้าไม่รู้งั้นรึว่าที่นี้ คือสถานที่อยู่ของเทพมังกร ไม่ใช่ที่ๆสายพันธ์เลือดผสมอย่างเจ้าจะมาได้ เจ้าครึ่งมนุษย์อดสู”ก่อนที่จะได้ขึ้นบันไดนั้นเอง จู่ๆก็มีสัตว์ประหลาดที่มีหางเป็นงูโผล่ขึ้นมาขวางทางหวังหมิงหยวน


“ตั้งแต่นี้ไป ข้าจะกลายเป็นราชา แห่งเทพมังกร”หวังหมิงหยวนพูดอย่างใจเย็น


806 ระดับมหันตภัย

สัตว์ประหลาดหางงูที่ป้องกันบันไดหินอยู่นั้นพอได้ยินแบบนี้แล้ว มันก็เหมือนได้ฟังเรื่องขำขันที่สุดในโลก มันหัวเราะออกมาการใหญ่จนน้ำตาแทบไหล

“นี้เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าเจ้าจะกลายไปเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นได้ทั้งๆที่เจ้าพึ่งจะกลายเป็นระดับเร้นลับเองหน่ะ ในสงครามระดับมิตินั้น มนุษย์ที่เรียกว่าระดับเร้นลับอย่างพวกเจ้าก็เป็นได้แค่หน่วยล่อซื้อที่วิ่งไปตายเท่านั้นละ เพราะว่าถึงตอนนั้น พวกเจ้าจะต้องข้ามผ่านกำแพงที่กั้นระหว่างมิติ และมีเพียงแค่เหล่าสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่ถูกกักขังไว้ตั้งแต่โบราณกาลบนโลกเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมสงครามได้”

สัตว์ประหลาดตัวนั้นพูดต่อ “มันก็เหมือนกับการที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าอาศัยอยู่บนอวกาศไม่ได้เพราะว่าไม่มีอากาศหรือสภาพแวดล้อมอื่นๆที่พวกเจ้าต้องการสำหรับการดำลงชีวิตนั้นแหละ กับอีแค่การเป็นระดับเร้นลับมันต่างจากการสงครามระหว่างมิติมาก สำหรับสงครามนั้นก็เหมือนกับการพาสังคมมนุษย์ของพวกเจ้าไปปล่อยสู่อวกาศที่ไม่มีแม้แต่อากาศให้หายใจยังไงละ”

“ขอแค่เรียนรู้ที่จะหายใจและใช้ชีวิตได้ ยังไงมันก็ยังมีความหวังอยู่แล้ว”หวังหมิงหยวนพูด

“โฮ่โฮ่ ความหวังที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ หาใช่ความหวังไม่ เจ้าคงไม่เข้าใจตัวตนระดับราชาเทพมังกรซินะ มดปลวกอย่างเจ้าไม่ควรจะเข้ามาที่นี้ด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ปกป้องต้นไม้เทพเลย จะให้มาเป็นคนรับใช้ของที่นี้ เจ้ายังไม่มีสิทธิ์เลย เต่เจ้ากลับคิดอาจหาญท้าทายท่านราชาเทพมังกรอย่างนั้นเหรอ ข้าเองก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเลย เจ้าไม่ต้องไปถึงราชาเทพมังกรหรอก ให้ข้าคนนี้ได้สั่งสอนเจ้าดีกว่าว่าความแข็งเกร่งที่แท้จริง มันเป็นเช่นไร” สัตว์ประหลาดตัวนั้นพุ่งเข้าโจมตีหวังหมิงหยวนทันที พลังทำลายล้างของงมันนั้น ถาโถมเข้าใส่หวังหมิงหยวนเทียบเท่าได้กับสุดยอดพลัง

ของเบม่อนได้เลย

หวังหมิงหยวนนั้นไม่สนใจเดินต่อไปทีละก้าว ทีละก้าว โดยไม่สนการโจมตีนั้นแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่างูยักษ์นั้นจะเข้าถึงตัวของเขาแล้วก็ตาม

แต่ทันใดนั้นหมัดของมันก็แตกสลายกลายเป็นความว่างเปล่าทันที

“นี้เจ้า ทำลายกำแพงของมิติมาได้แล้วอย่างนั้นรึ เจ้าเลยคิดว่าเจ้าจะสามารถสู้กับท่านราชาเทพมังกรได้ละซิท่า โอหังเสียจริง”ถึงแม้ว่ามันจะพูดแบบนั้นแต่สีหน้าของมันจริงจังมากโดยทีไม่มีการยั้งมือ เมื่อกี้มันเอาจริง กะจะฆ่าจริงและมันก็เกือบจะตายจริงๆด้วย

มันมองหวังหมิงหยวนเดินตรงเข้าไปทีละก้าว ทีละก้าว ก่อนที่มันจะผสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะโจมตีด้วยท่าเหมือนงูพิษเข้าโจมตีศัตรู


“ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น พลังที่แท้จริงของเทพมังกร ….พญามังกรทยานฟ้า…”สัตว์ประหลาดหางงูคำรามพร้อมพลังที่มหาศาลปะทุออกจากร่างกายจนถึงขีดสุด จากนั้นมันก็พุ่งกวาดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเหมือนคลื่นยักษ์แล้วซัดเข้าหาหวังหมิงหยวนจากทุกทิศทาง

งูยักษ์นับไม่ถ้วนที่เขมือบได้แม้กระทั้งแสงสว่าง แต่พอพวกมันเข้าใกล้หวังหมิงหยวน พวกมันกลับสลายหายไปสู่ความว่างเปล่า ไม่สามารถแตะตัวของหวังหมิงหยวนได้เลย เหมือนกับว่าได้รับการปกป้องจากพระเจ้าอยู่ยังไงอย่างงั้น

“…บ้าหน่ะ เป็นไปได้ไงกัน…” สัตว์ประหลาดหางงูนั้นใช้พลังขั้นสูงสุดแล้วแต่ก็ยังแตะแม้แต่เสื้อผ้าของหวังหมิงหยวนไม่ได้ ทำให้เขาเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา

แถมหวังหมิงหยวนนั้นอยู่ห่างจากเขาแค่ไม่ถึง3เมตร ระยะแบบนี้ปรกติต้องโดนไปแล้วแท้ๆ

“เทพมังกรมันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ”หวังหมิงหยวนมองสัตว์ประหลาดหางงู ก่อนจะสะบัดมือเบาๆ ทำให้สัตว์ประหลาดนั้นโดนขว้าด้วยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นก่อนจะโดนเหวี่ยงออกไปอย่างแรง

ตู้ม!

ร่างของเขาโดนเหวี่ยวไปกระแทกกับกำแพงหินอย่างแรงทำให้เกิดเป็นรูขนาดใหญ่ กระดูกทั่วร่างของมันแตกหมด ตัวชุ่มไปด้วยลือด มันพยายามลุกหลายครั้งแล้วแต่ก็ลุกไม่ขึ้น มีแต่เลือดที่พุ่งออกมาจากปาก

“แกเป็นตัวอะไรกันแน่น่ะ ระดับของแกมันไกลเกินไปแล้ว”สัตว์ประหลาดหางงูมองหวังหมิงหยวนด้วยความหวาดกลัว หวางหมิงหยวนผู้ซึ่งโดนสายฟ้าจุตินับไม่ถ้วนผ่ามาแล้ว

หวังหมิงหยวนนั้นกลายเป็นระดับเร้นลับ และไม่นานเขาก็ทำลายกำแพงแห่งมิติและเข้าสู้โลกต่างมิติเต็มตัวด้วยพลังของ6วิหาร จากนั้นเขายังโดนลงทัณฑ์ด้วยสายฟ้าจุติ จนกระทั้งเขากลายเป็นระดับที่สูงกว่า ระดับที่มีชื่อว่า “มหันตภัย”ได้อย่างว่องไว

ในบรรดาสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับนั้น มีแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะได้กลายเป็นระดับมหันตภัยได้

หวังหมิงหยวนไม่ตอบอะไร เขาเดินขึ้นไปตามบันไดหินเรื่อยๆ มุ่งหน้าเข้าสู่ตำหนักมังกร บนยอดเขาทีละก้าว ทีละก้าว

“ถึงเจ้าจะกลายเป็นระดับมหันตภัยแล้ว เจ้าก็อย่าคิดนะว่าจะสามารถเอาชนะท่านราชาเทพมังกรได้หน่ะ ตัวตนอย่างเจ้า มันก็เป็นแค่….มด”สัตว์ประหลาดพูดคำสุดท้ายออกมาแล้วสิ้นลมไป

โจวเหวินนั้นรอแล้วรออีกจนกระทั้งเขาทนรอข่าวว่าสปอร์โบราณนั้นสำเร็จหรือไม่ไม่ไหว เพราะว่าระยะห่างระหว่างเขากับสปอร์โบราณมันห่างกันเกินไป ทำให้โจวเหวินไม่สามารถรับมันกลับได้ด้วย เขาเลยเริ่มกังวล

ดูเหมือนว่าฉันจะต้องไปที่แม่น้ำซากมังกรอีกแล้วซินะ จะได้ไปตามหาแมลงเทพมังกร ถึงแม้ว่าจะแฝงร่างไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยจะได้ไปรับสปอร์โบราณกลับมาได้ซักที”โจวเหวินนั้นตอนนี้พึ่งแค่พลังของไท่ซุยกับเจ้านกแล้วก็หยาเอ๋อ เเค่นี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกแมลงแล้ว เพราะงั้นเขาจึงวางแผนไปที่แม่น้ำซากมังกรด้วยตัวคนเดียว

โจวเหวินนั้นไม่รู้จักตระกูลช่างทำเรือและเขาก็ไม่คิดจะจ่ายเงินมหาศาลเพื่อซื้อเรือแบบพิเศษด้วย เขาเลยซื้อแค่เรือเร็วปรกติ แล้วให้ขนส่งเรือเร็วนั้นไปที่แม่น้ำซากมังกร

“เดี๋ยวก่อนนะ นี้นายจะเอาเรือแบบนั้นมาทำอะไรที่แม่น้ำซากมังกรเนี่ย”คนที่กำลังจะเข้าไปจับแมลงที่แม่น้ำซากมังกรเห็นเรือเร็วของโจวเหวินพอดีเลยเข้ามาถามด้วยความสงสัย

“ไปจับเมลงครับ”โจวเหวินตอบ

ชายคนนั้นมองโจวเหวินก่อนจะถาม “เดี๋ยวก่อนนะ สหาย นายมาจากต่างประเทศใช่ไหมเนี่ย”

“ผมพึ่งมาถึงเชียงรายเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ”โจวเหวินตอบจริงจัง

“ไม่แปลกใจเลย ฉันว่านายคงยังไม่รู้คำสาปของแม่น้ำซากมังกรละซิท่า เรือธรรมดาแบบนายหน่ะ จะโดนพวกแมลงลุมทึ้งทันทีที่ลงไปที่แม่น้ำ นายต้องไปหาเรือที่กันแมลงมาได้ก่อนนะ”ชายคนนั้นเตือนด้วยความหวังดี

“แมลงปรกติไม่มาโจมตีเรือผมหรอกครับ”โจวเหวินพูดก่อนจะพาหยาเอ๋อมาข้างๆ ก่อนจะพากันขึ้นเรือพร้อมกัน แล้วสตาร์ทเครื่องเรือออกเดินทางเข้าไปในแม่น้ำซากมังกรทันที

ชายคนนั้นพูดกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ “ไอ้หมอนั้นมันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ขับเรือเร็วเข้าไปในนั้น ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์จะไม่ดับตอนอยู่ในนั้นก็จริงแต่เสียงของเครื่องยนต์มันจะล่อฝูงแมลงมาหา ถ้าแมลงพวกนั้นเข้าเครื่องยนต์ได้เมื่อไรก็จบเห่ แถมไอ้หมอนั้นยังเอาเด็กไปด้วยอีก เกินเยียวยาไปแล้วจริงๆ”

ชายคนนั้นดูดีๆแล้วน่าจะเป็นคนจากเขตตะวันออกนะ บ้าบิ่นซะจริง เอาหน่ะ ถ้าเขาอยากจะไปตาย เราก็ห้ามเขาไม่ได้หรอก”อีกคนพูด

โจวเหวินขับเรือตรงเข้าไปเรื่อยๆ มีไท่ซุยและเจ้านกยืนอยู่ที่กาบเรือทั้ง2ข้าง ในขณะที่หยาเอ๋อยืนอยู่ข้างๆโจวเหวิน กำลังมองตรงเข้าไปในแม่น้ำซากมังกรด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แมลงในแม่น้ำนี้แค่ได้กลิ่นของเจ้านกอ้วน พวกมันก็หนีกันหมดแล้ว

แต่หยาเอ๋อก็ยื่นมือออกมา จากนั้นก็มีแมลงฝูงหนึ่งบินเข้ามาใกล้ๆเรือ แล้วบินตามเรือแบบนั้นไปเรื่อยๆเหมือนกับว่าทำหน้าที่ปกป้องเรือ

“จะว่าไปแล้ว ไหนๆเราก็ได้น้ำเต้ากลับมาแล้ว จะใช้พลังของหยาเอ๋อจับแมลงมาใส่ในน้ำเต้าบ้างดีไหมนะ”โจวเหวินคิดในใจ

แมลงปรกตินั้นโจวเหวินไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ที่โจวเหวินสนใจคือแมลงระดับเดียวกับหนอนไหมน้ำแข็งตั่งหาก


807 เอาแมลงเทพมังกร


เรือเร็วนั้นไปได้ไวกว่าเรือพายไม้มากๆ ความเร็วแบบก้าวกระโดดนั้นทำให้เขาสามารถเดินทางไปในแม่น้ำได้อย่างรวดเร็วโจวเหวินนั้นรู้สึกได้เลยว่าตัวเขานั้นเข้าใกล้สปอร์โบราณมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ


สำหรับคนที่ศึกษาศาตร์แมลง แม่น้ำซากมังกรนั้นอันตรายเหมือนนรก แต่มันไม่อันตรายเลยสำหรับโจวเหวิน เขาสามารถขับเรือไปตามน้ำไปเรื่อยๆ ยิ่งไปไกลมากเท่าไร เขายิ่งรู้สึกได้ถึงสปอร์โบราณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


โจวเหวินรู้สึกได้เหมือนกับว่าสปอร์โบราณนั้นเหมือนกับว่าอยู่ใต้เรือของเขายังไงอย่างงั้น และเขาเองก็รู้สึกได้ถึงแมลงเทพมังกรอยู่ใต้ผืนน้ำนี้ด้วย


เพราะว่าระยะทางมันใกล้มากๆแล้ว ทำให้โจวเหวินรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่า สปอร์โบราณนั้นพยายามจะควบคุมร่างของแมลงเทพมังกรอยู่


แต่ถึงอย่างนั้น แมลงเทพมังกรนั้นไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับตัวอื่นๆ ร่างกายของมันนั้นใหญ่โต มันเป็นร่างประกอบของหลายวิญญาณเข้าด้วยกัน การที่สปอรโบราณนั้นจะแฝงร่างของแมลงเทพมังกรได้นั้น มันต้องควบคุมส่วนต่างๆของมังกรแทน ทำให้ไม่ว่าจะสปอร์ปรสิตจะควบคุมร่างตรงส่วนไหนก็ไม่สามารถควบคุมร่างมังกรทั้งหมดได้อยู่ดี


การจะแฝงร่างปรสิตวิญญาณนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าจะต้องการควบคุมร่างของแมลงเทพมังกรทั้งหมดละก็มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ยกเว้นแต่ว่าสปอร์ปรสิตจะสามารถแยกร่างได้ เอาแบบที่ว่าแยกร่างได้10ล้านกว่าตัว แล้วแทรกแซงแมลงทุกตัวที่อยู่ในร่างมังกรนั้น แบบนั้นละถึงจะสามารถควบคุมแมลงเทพมังกรได้


“หยาเอ๋อ เธอควบคุมแมลงเทพมังกรข้างล่างนั้นได้ไหม”โจวเหวินตั้งความหวังไปที่หยาเอ๋อ


เธอส่ายหน้า แปลว่าเธอควบคุมมันไม่ได้


“เพราะว่ามันแกร่งไปเหรอ”โจวเหวินถาม


แต่หยาเอ๋อนั้นกลับส่ายหน้า แล้วเธอก็พูดออกมา “คุย ด้วย ไม่ได้”


“เธอหมายความว่าที่เธอสามารถควบคุมฝูงแมลงเป็นเพราะว่าเธอคุยกับแมลงได้เหรอ ที่เธอควบคุมไม่ได้คือแมลงที่เธอคุยไม่ได้หรือว่าไม่อยากคุยด้วยอย่างงั้นเหรอ”โจวเหวินเข้าใจความสามารถของหยาเอ๋อทันที


หยาเอ๋อพยักหน้า ดูเหมือนโจวเหวินจะเข้าใจถูกแล้ว


เขาแค่ไม่รู้ว่าทำไมหยาเอ๋อถึงคุยกับแมลงเทพมังกรไม่ได้ เท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างงนั้น ความหวังที่จะให้หยาเอ๋อพิชิตเอาแมลงเทพมังกรมานั้นก็แตกสลายไปแล้ว


“มันยังมีทางอื่นอีกไหมนะ”โจวเหวินคิดต่อ แต่ก็ยังหาทางไม่ค่อยได้ ถึงจะให้ไท่ซุยแปลงร่างเป็นปลาแล้วมุดลงน้ำไป แต่อย่างมากสุดมันก็กินได้แค่บางส่วนของแมลงเทพมังกรเท่านั้น การจะกำจัดมันได้นั้นยากมาก


แต่พอคิดแบบนั้นแล้ว จู่ๆโจวเหวินก็คิดขึ้นมาได้ว่า “ถึงฉันจะไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวนั้นมันจะเข้าไปอยู่ในน้ำเต้าได้ไหมนะ ถ้าฉันเอามันมาอยู่ในน้ำเต้าได้ฉันก็จะได้ค่อยๆเอาให้ไท่ซุยกินได้ แต่ประเด็นคือ ตัวใหญ่ขนาดนั้นจะจับมันเข้าน้ำเต้าได้ยังไงมากกว่า


หลังจากที่เขาเด็ดน้ำเต้ามาได้จากเถ้าวัลย์แล้ว โจวเหวินเองก็ยังไม่เคยใช้ความสามารถของมันจับแมลงจริงๆมาก่อนเลย แต่ที่แน่ๆคือแมลงมันห้ามตัวเองไม่ให้เข้าไปในน้ำเต้าไม่ได้ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ขนาดนั้นไม่รู้ว่าจะยัดเข้ารึเปล่า


“ดูเหมือนว่ามันจะเหลือแค่วิธีหมาจนตรอกนี้ละ”โจวเหวินใช้ความสามารถของสดับวานรฟังพื้นที่ใต้แม่น้ำรอบๆก่อนจะอัญเชิญไท่ซุยออกมา


โจวเหวินให้ไท่ซุยแปลงร่างกลายเป็นลูกอ๊อดโบราณตัวเล็ก แต่ลูกอ๊อดโบราณตัวจริงนั้นเป็นสีทองแต่ไท่ซุยนั้นเป็นสีขาวเด่นชัดมาก


โจวเหวินวางไท่ซุยลงไปในน้ำก่อนที่จะให้มันว่ายลงไปใต้แม่น้ำ


โจวเหวินเตรียมสุดเกราะมังกรที่ได้มาจากมังกรเลือดอสูร ก่อนจะสวมผ้าคลุมล่องหนไว้อีกชั้นนึง แล้วดำน้ำลงไปใต้แม่น้ำพร้อมกับน้ำเต้า แต่โจวเหวินไปอีกทางนึง


แมลงเทพมังกรนั้นก่อนหน้านี้บาดเจ็บหนักมากเพราะโดนไท่ซุยเล่นงาน ถ้าเกิดมันเห็นไท่ซุยละก็ รับรองว่ามันต้องกลัวแน่นอน


แต่ก่อนหน้านี้เขาให้ไท่ซุยเป็นนกสีขาว แต่รอบนี้เขาให้มันแปลงร่างกลายเป็นลูกอ๊อด แมลงเทพมังกรไม่มีทางรู้หรือจำได้แน่นอน


พอมันเห็นลูกอ๊อดตัวเล็กๆว่ายมาใกล้ๆ มันก็โกรธจัดแล้วพยายามจะกินไท่ซุยทันที


แต่พอไท่ซุยเข้าไปในตัวของแมลงเทพมังกรได้ มันก็กัดกินทั้งซ้ายและขวาพยายามกินร่างกายของแมลงเทพมังกรให้ได้มากที่สุด


แมลงเทพมังกรพอพบว่าลูกอ๊อดที่ตัวเองกินเข้าไปนั้นแท้จริงแล้วยังไม่ตาย และกำลังกัดกินร่างกายของมัน มันก็เริ่มผงะก่อนจะพยายามเอาไท่ซุยออกจากร่างกาย


เดิมทีแล้วมันไม่ใช่มังกรจริงๆแต่มันเป็นร่างรวมของแมลงจำนวนมหาศาล ทำให้ร่างกายของมันนั้นสามารถควบคุมได้อย่างอิสระ มันจึงหั่นแยกท้องของตัวเองออกมา ก่อนจะดีดตัวของไท่ซุยออกจากร่างของมัน


ทันทีที่ไท่ซุยออกมาได้ มันก็เปลี่ยนร่างของตัวเอง แล้วไปเรียนแบบร่างของแมลงเทพมังกรทันที แมลงเทพมังกร2ตัวปรากฏขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา รูปร่างของมันนั้นเหมือนกันมากจนถ้ามองแค่เงาก็ไม่มีทางแยกออก แต่แมลงเทพมังกรนั้นสามารถเปลี่ยนสีไปมาได้ ในขณะที่ไท่ซุยนั้นเป็นแค่สีขาวเท่านั้น ทำให้แยกสีได้อย่างง่ายดาย


น่าเสียดายที่ไท่ซุยนั้น ก๊อปได้แค่รูปร่างเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะดูตัวใหญ่น่าเกรงขาม แต่พลังของมันก็ยังเล็กกระจิ๋วเหมือนเดิม มันไม่ได้มีพลังแบบเดียวกับที่แมลงเทพมังกรมีด้วยแต่แค่เอาร่างใหญ่โตมาขู่เฉยๆ ซึ่งมันได้ผลมาก แมลงเทพมังกรนั้นหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ไท่ซุยที่เป็นคู่ปรับของมัน แปลงร่างจนตัวโตขนาดเท่ากันกับแมลงเทพมังกรแล้ว แมลงเทพมังกรเลยกลัวว่าไท่ซุยจะสามารถกินมันได้ทั้งตัว มันจึงเริ่มว่ายน้ำหนี


ความเร็วของไท่ซุยนั้นเดิมทีตามแมลงเทพมังกรไม่ทันอยู่แล้ว มันเลยค่อยๆว่ายตามมาอย่างช้าๆอยู่ด้านหลัง ถึงจะรู้ว่าตามยังไงก็ไม่มีทางทันก็ตาม


แมลงเทพมังกรนั้นกลัวมาก มันพยายามหนีไปให้สุดทาง ขอแค่ให้ห่างจากไท่ซุยให้ได้มากที่สุดก็พอ


โจวเหวินใช้สปอร์โบราณควบคุมบางส่วนของครีบหางแมลงเทพมังกร ทำให้ได้ผลกับทิศทางในการหนีของแมลงเทพมังกรพอสมควร


ถึงแม้ว่าเดิมทีแมลงเทพมังกรจะว่ายมาทางนี้อยู่แล้วแน่ๆก็ตามแต่โจวเหวินก็มีประกันใจไว้ก็อุ่นใจกว่า


โจวเหวินยืนอยู่ตรงทางแคบตรงก้นแม่น้ำ เขามองดูแมลงเทพมังกรกำลังว่ายเข้ามาจากไกลๆ พอมันเข้ามาใกล้ๆแล้ว โจวเหวินก็หยิบน้ำเต้าออกมาจากผ้าคลุมล่องหนก่อนจะยัดลมปราณอัดน้ำเต้าให้ประตูน้ำเต้าเปิดออก


แมลงเทพมังกรนั้นชนเข้ากับน้ำเต้าอย่างจัง ทำให้หัวของมันโดนดูดมุดเข้าไปน้ำเต้าไปแล้วครึ้งหัว


ตอนแรกโจวเหวินกลัวว่าแมลงเทพมังกรจะดิ้นหนี แต่ใครมันจะไปคิดละว่าทันทีที่มันเข้ามาในน้ำเต้าได้แล้ว เหมือนกับว่ามันจะอยากเข้ามาในน้ำเต้ามากกว่าเดิม มันแทรกทั้งตัวของมันเข้ามาในน้ำเต้า ตอนที่โจวเหวินปิดน้ำเต้าลง แมลงเทพมังกรก็เข้ามาอยู่ในน้ำเต้าทั้งตัวแล้ว


แมลงเทพมังกรเองก็ดูเหมือนจะไม่คิดที่จะออกมาด้วย มันมุดตัวซ่อนตัวอยู่ในน้ำเต้ามองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นว่าไท่ซุยจะตามมา มันเลยหยุดรออย่างโล่งใจตรงนั้น


โจวเหวินไม่คิดว่ามันจะราบลื่นได้ขนาดนี้ ง่ายจนน่าตกใจ ไท่ซุยที่แปลงร่างเป็นแมลงเทพมังกรอยู่นั้นค่อยๆว่ายตามมา โจวเหวินเองก็สงสัยนิดหน่อย เขาเลยขี่หลังของไท่ซุยก่อนจะให้ไท่ซุยพาเขาขึ้นจากน้ำ


ชาวบ้านที่มาจับแมลงที่โจวเหวินเคยเจอก่อนหน้านี้นั้นก็อยู่แถวนี้พอดี พวกเขาเห็นเรือเร็วของโจวเหวินจอดนิ่งกลางแม่น้ำและมีเด็กสาวนั่งอยู่ที่เรือ โดยที่ตัวของโจวเหวินนั้นหายไปแล้ว พวกเขาเลยคิดว่าโจวเหวินโดนฆ่าตายไปแล้ว เลยคิดว่าจะไปช่วยเด็กสาวคนนั้น แต่ทันใดนั้น เสียงน้ำแตกกระจายก็ดังขึ้นมาทันที



ตอนที่ 808 ตำนานเทพแมลง

“ฉันเตือนพวกนั้นแล้วแท้ๆว่าอย่าใช้เรือเร็วเข้ามาในแม่น้ำนี้ แต่เขาไม่ยอมมฟังฉันเลย ตอนนี้เขาไม่น่าจะรอดแล้วละ เด็กน้อยคนนี้โชคดีที่ไม่โดนฆ่าตายไปด้วย แต่ตอนนี้เธอกำพร้าแล้ว ยังเด็กมากอยู่เลย จะอยู่ยังไงดีเนี่ย”ชายคนนั้นพูดตอนที่พายเรือตรงมาพยายามจะช่วยหยาเอ๋อ แต่ทันใดนั้นคลื่นน้ำก็ซาดซัดเข้ามาตอนที่มีตัวอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากน้ำ

“พระเจ้าช่วย นั้นมัน…แมลงเทพมังกรงั้นเหรอ แมลงเทพมังกรจริงๆด้วย…”หลังจากที่ชายคนนั้นเห็นร่างอันมหึมาของแมลงเทพมังกร พวกเขาก็สั่นกลัวลืมที่จะหนีไปทันที แขนขาของเขาอ่อนแรงขยับไม่ได้

สำหรับคนที่เลี้ยงแมลงนั้น แมลงเทพมังกรถือว่าเป็นระดับเทพเจ้าเลย

แต่ในตอนนั้นเองที่เขาเห็นแมลงเทพมังกรก้มหัวของมันลงไปที่เรือเร็ว

“จบแล้ว เด็กน้อยมันจบแล้ว”พวกเขาคิดทันทีว่าแมลงเทพมังกรกำลังจะกินเด็กแล้ว

แต่ใครมันจะไปคิดละว่าหลังจากที่มันก้มหัวลงแล้ว ชายที่ยืนอยู่บนหัวของมันก็กระโดดลงมาบนเรือ

ชายผู้ยืนมองแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง คนที่หาญกล้ายืนบนหัวของแมลงเทพมังกรและปรากฏตัวขึ้นมาจากใต้น้ำของแม่น้ำซากมังกรได้นั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ปรกติแล้วมนุษย์จะแตะน้ำในแม่น้ำไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่งั้นจะกลายเป็นศพเดินได้ไปทันที

แต่ชายคนนั้นกลับรอดมาได้ ทั้งๆที่ตัวเปียกชุ่มน้ำจากเม่น้ำ แต่พอลองมองดูชายคนที่พึ่งลงงมาดีๆๆแล้ว เขาก็ต้องตกใจ เพราะคนๆนั้นคือชายหนุ่มคนเดิมที่เขาเตือนด้วยความหวังดี เขาดูปรกติดีทุกอย่าง ยิ่งกว่านั้น เขายังพึ่งลงมาจากหัวของแมลงเทพมังกรเหมือนกับเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาด้วย

“พระ พระเจ้าพ..พ…ช่วย เขาเป็นกีฏเทพมากำเนิดชัดๆ แมลงเทพมังกรที่ไหนจะมายอมให้มนุษย์ปรกติจับหัวของมันได้กัน…”ทุกๆคนตะลึงทันที

โจวเหวินเองก็เห็นพวกเขาแล้วเหมือนกัน เขาเลยสั่งให้ไท่ซุยดำลงไปใต้น้ำก่อนจะแปลงร่างกลายเป็นลูกอ๊อดค่อยว่ายตามเรือมา

โจวเหวินสตาร์ทเครื่องของเรืออีกครั้งก่อนจะขับเรือมุ่งหน้ากลับจากแม่น้ำซากมังกร

“กีฏเทพต้องเป็นเทพแมลงลงมาจุติแน่ๆ”ชายคนนั้นพึมพำด้วยความตกใจเขามองไปตามทิศทางที่เรือเร็วนั้นแล่นไปแล้วคิด ว่ามนุษย์ธรรมดาบ้านไหนเขาทำแมลงเทพมังกรเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงได้ละ มีแต่เทพเท่านั้นละที่ทำได้ และคนๆนั้นต้องเป็นเทพแห่งแมลงแน่นอน

ตั้งแต่นั้นมาตำนานแมลงเทพมังกรกับตำนานเทพแห่งแมลงก็ได้แพร่กระจายไปทั่ว บางคนถึงขนาดสร้างรูปปั้นของกีฏเทพขึ้นมาไว้ใกล้ๆแม่น้ำซากมังกรเลยด้วย

เป็นรูปปั้นของชายหนุ่มปริศนาที่อุ้มเด็กน้อยไว้ในมือแล้วขี่บนหัวของแมลงเทพมังกรดูยิ่งใหญ่

หลังจากนั้น ตำนานเทพแมลงนี้ก็ได้ถูกยอมรับจากคนที่เรียนรู้ศาสตร์เมลงมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ หลายๆคนในเขตแดนใต้ที่เดิมเคยเคารพเทพแมลงเริ่มออกมาทำกิจกรรมกันอีกครั้ง

หลังจากที่ได้แมลงเทพมังกรมาจากแม่น้ำซากมังกรแล้ว โจวเหวินก็กลับเมืองเหม็งซาทันที โจวเหวินแวะไปหากู๋ฉานชุยก่อนที่เขาจะกลับจากเหม็งซา ไปที่ลั่วหยางทันที

ถึงแม้ว่ารอบนี้จะไม่มีคนนำทางแล้ว แต่โจวเหวินก็จำทางมาได้ตลอด อีกทั้งยังมีเจ้านกไท่ซุยแล้วก็หยาเอ๋อคอยอยู่ข้างๆ ยังไงก็คงไม่เป็นอันตรายแน่นอน

ระหว่างทางกลับโจวเหวินได้ศึกษาการรวมร่างระหว่างลูกอ๊อดโบราณกลายพันธ์ โจวเหวินเลยพบว่า ถ้าลูกอ๊อดโบราณกลายพันธ์นั้น ถ้าจะรวมร่างให้ดี น่าจะเหมาะกับการไปรวมร่างกับสปอร์โบราณมากๆ การที่สปอร์โบราณสามารถแตกตัวเองไปแฝงร่างนั้น เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ไร้เทียมทานมาก แต่ถึงอย่างนั้นความเข้ากันได้ของพวกมันเรียกได้ว่าต่ำเรี่ยดินแลยก็ว่าได้ โอกาสต่ำกว่า20% ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะรวมร่างสำเร็จ โจวเหวินเลยไม่กล้ารวมร่าง

โจวเหวินลองเอาสัตว์อสูรระดับเร้นลับหลายๆตัวมาลองรวมร่างกับลูกอ๊อดโบราณกลายพันธ์ดู แล้วพบว่าโอกาสสำเร็จนั้นต่ำมากๆ ดีสุดคือไท่ซุย ซึ่งโอกาสสำเร็จมีถึง69%

แต่มันก็เสี่ยงเกินกว่าที่จะรวมร่างอยู่ดี ถึงแม้ว่าโอกาสสำเร็จจะสูง แต่ไท่ซุยนั้นมีความสามารถในการจัดการกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้แบบไม่มีใครเหมือน แม้แต่แมลงเทพมังกรยังต้องสยบ ถ้าเกิดรวมร่างล้มเหลวแล้วต้องเสียมันไปมันได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ

“มันไม่มีอะไรให้รวมร่างได้แล้วเหรอ”โจวเหวินลองเอาระดับมหากาพย์ที่หายากหลายๆตัวมาลองรวมร่างดู แล้วพบว่าแต่ละตัวนั้นโอกาสไม่ได้สูงเลย สูงที่สุดน่าจะเป็นสิงโตเกราะเวท

“ทำไมถึงได้เรื่องมากจังวะ ตัวที่รวมร่างได้ดันมีแต่สัตว์อสูรที่แปลกๆทั้งนั้นเลย ไหนลองดูซิถ้าไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆฉันจะลองเอามารวมร่างดูกับสิงโตเกราะเวทก็ได้”โจวเหวินคิด เขาเริ่มยอมแพ้กับแผนการที่จะรวมร่างลูกอ๊อดโบราณกลายพันธ์

เอาจริงๆโจวเหวินช่วงนี้ไม่ค่อยได้เอาเวลาไปฟาร์มเท่าไรเลย ส่วนมากเขานั่งศึกษาวิชาปฐมภาคีแห่งความวินาศอยู่ เขาอยากจะลองพัฒนาวิญญาณชีวิตไข่แห่งความวินาศให้กลายเป็นขั้นสูงสุดให้ได้

เพราะวิชาปฐมภาคคีแห่งความวินาศนั้นเป็นแบบเดียวกันกับวิชาเซียน มันเน้นหนักไปที่ค่าสกิลลมปราณ ซึ่งโจวเหวินอยากจะลองดูว่าถ้าไข่แห่งความวินาศเป็นระดับสมบูรณ์ละก็ เขาอาจจะได้ดันค่าความสามารถขึ้นไปถึงขั้น41ก็ได้

หลังจากที่โจวเหวินค้นคว้ามาแล้ว เขาก็พบวิธีใช้ไข่แห่งความวินาศขึ้นมา ไข่นี้มันเด่นในเรื่องพลังตั้งรับ ถึงแม้ว่าจะเป็นขั้นแรก แต่พลังป้องกันของมัน ก็เทียบท่าได้กับสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับเลยทีเดียว

โจวเหวินเลยลองให้ดาบแสงฟันไข่แห่งความวินาศดู ปรากฏว่าไข่นั้นเกิดเป็นรอยฟันยาว ต้องฟัน2ครั้งถึงจะแตก

โจวเหวินลองใช้ดาบทองคำ ดาบทองคำนั้นฟันครั้งเดียวไข่แตก

ซึ่งมันก็ถือเป็นเรื่องที่แปลกใช้ได้ เพราะตอนนี้มันยังอยู่แค่ขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าเกิดเขาพัฒนาถึงขั้นสมบูรณ์ไข่แห่งความวินาศคงสามารถรับการโจมตีของสิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับแบบเต็มแรงได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลยด้วย

ยิ่งกว่านั้น ภายในไข่แห่งความวินาศ บาดแผลและลมปราณของโจวเหวินยังสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วมากด้วย เหมือนกับว่ามันเป็นเครื่องซ่อมแซมเร่งด่วนยังไงอย่างงั้น

น่าเสียดายที่ไข่แห่งความวินาศเองไม่มีความสามารถทางการโจมตีเลยแม้แต่น้อย แค่ป้องกันและรักษาเท่านั้น

แต่ก็เพราะว่าไข่แห่งความวินาศเป็นวิญญาณชีวิตรูปแบบคล้ายๆกับวิญญาณชีวิตของหลี่ซวน โจวเหวินเลยคิดว่าการจะพัฒนาไข่แห่งความวินาศนั้น จะทำได้โดยการโดนโจมตีเรื่อยๆ

ซึ่งผลการทดลองหลายต่อหลายครั้งพบว่า หลังจากที่ทำไข่แตกแล้วแตกอีกมันก็ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไร้วี้แววของการแข็งแกร่งขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากโจวเหวินเองบาดเจ็บ ไข่แห่งความวินาศนั้นเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่มันรักษาให้โจวเหวิน

“อย่าบอกนะว่า มันต้องรักษาตัวของฉันถึงจะพัฒนาเนี่ย นี่ฉันต้องเอาตัวเองไปโดนกระทืบอีกกี่ครั้งวะเนี่ย”โจวเหวินคิดแล้วนึกภาพในหัว

ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไข่แห่งความวินาศนั้นสามารถพัฒนาได้โดยการซ่อมแซมร่างกายของโจวเหวินเอง ซึ่งไข่แห่งความวินาศเองก็ทำงานแปลกๆ โจวเหวินต้องบาดเจ็บจากบาดแผลที่ต่างกันเท่านั้น ไข่แห่งความวินาศถึงจะรักษาแล้วแข็งแกร่งขึ้น แต่ถ้าเป็นอาการบาดเจ็บแบบเดียวกัน ถึงจะรักษาได้มันก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นแต่อย่างใด

“นี้ไปโดนกระทืบให้ยังไม่พอ นี้ต้องเลือกวิธีการโดนกระทืบด้วยเหรอ วิญญาณชีวิตนี้มันจะแปลกเกินไปแล้ว”โจวเหวินแทบจะอยากยอมแพ้ แต่เขาก็ต้องทำต่อไป

เพราะยังไงเขาก็หาอย่างอื่นมาทำแทนไม่ได้ เขาเลยลองไป “บาดเจ็บ” รูปแบบต่างๆในเกมส์ แล้วก็ใช้ไข่แห่งความวินาศรักษาเขา

ซึ่งไข่แห่งความวินาศเองก็แข็งแกร่งขึ้นทีละนิด ทีละน้อย จนกระทั้งเมื่อกลับมาถึงลั่วหยาง ไข่แห่งความวินาศเองก็เตรียมพร้อมจะกลายเป็นขั้นพัฒนาแล้ว

“โจวเหวิน นี้ไปแปปเดียวพาเด็กกลับมาด้วยแล้วเหรอ นี้ฉันกลายเป็นคุณยายไปแล้วงั้นเหรอ” หลังจากโจวเหวินกลับมาที่ลั่วหยางได้ไม่นาน อันหลานหยางก็มาหาที่โจวเหวินแล้วเห็นหยาเอ๋อที่นั่งบนโซฟาแล้วตกใจมาก



ตอนที่ 809 สงสัย

โจวเหวินเงียบไปซักพักก่อนจะอธิบาย “เด็กอะไรกันละครับ ไม่ใช่ลูกผมซักหน่อย ผมเก็บเด็กคนนี้ได้ครับ”

“เก็บมาได้เหรอ นี้เด็กหรือเหรียญ5เนี่ย ฉันคิดว่าเป็นลูกสาวเธอซะอีก คิดว่าจะได้เล่นกับหลานซะแล้ว”อันหลานหยางผิดหวัง เหมือนกับว่าอยากให้โจวเหวินมีหลานเร็วๆ

“ถ้ารักเด็กมากก็ลองไปรับเลี้ยงดูซักคนซิครับ”โจวเหวินพูด

อันหลานหยางมอง “ฉันมีลูกชาย2คนลูกสาวคนนึงแล้วนะ ถ้าฉันไปรับหลานมาเลี้ยงอีกมันก็จะแปลกๆอยู่นะ อันเทียนโจเองก็เป็นคนบ้างาน อายุขนาดนั้นแล้ว ก็ยังทำแต่งานงานงานทุกวัน มีเห็นจะมีฟงมีแฟนกับเขาบ้างเลย ตอนนี้ฉันหวังได้กับแค่เธอกับลูกจิ้งเท่านั้นละ อย่าทำตามแบบอันเทียนโจนะ รีบๆหาแฟนแล้วก็ผลิตหลานออกมาให้ฉันเล่นด้วยได้แล้ว”

“ผมพึ่งปี2เองนะครับ ต้องรีบด้วยเหรอครับ”โจวเหวินพูดไม่ออก

“ทำไมถึงจะไม่รีบละ เด็กสาวในมหาลัยมันหาง่ายจะตาย ถ้าเกิดไม่รีบคว้ามาตอนเรียน หลังจากเรียนจบก็จะเริ่มหายากละนะ”อันหลานหยางพูด

“อา—“โจวเหวินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

“ยังไงก็เถอะ ฉันขอเชียร์ไว้คนนึงละกัน ฉันคิดว่าหวางลู่คนนั้นก็ดูดีเหมือนกันนะ แต่น่าเสียดายที่เธอต้องไปเป็นคนคุมตระกูลหวางในอนาคต จะให้มาแต่งงานคงเป็นไปไม่ได้ซินะ ถ้างั้น อีกคนนึงที่น่าจะดีก็น่าจะเป็นเพื่อนที่เรียนอยู่โรงเรียนกุ๋ยเต๋อด้วยกันกับเธอแล้วย้ายมาเรียนที่ซีหยางไง ชื่ออะไรนะ ฟางหลัวซีใช่ไหม ฉันคิดว่าคนนั้นก็ดีเหมือนกันนะ สะโพกใหญ่แบบนั้นเวลามีลูกละ…”

“ดื่มน้ำชาเถอะครับ……”โจวเหวินรีบเทน้ำชาให้อันหลานหยางเพื่อเบรกเธอซักเล็กน้อย

อันหลานหยางดื่มชาก่อนจะมองหยาเอ๋อ ที่นั่งอยู่แล้วถาม “เด็กคนนี้หน้าตาดีนะเนี่ย น่าเสียดายที่ไม่ใช่ลูกของเธอ ว่าแต่ชื่ออะไรลละ”

“ผมยังไมได้ตั้งชื่อจริงๆหรอกครับ แต่ผมตั้งชื่อเล่นให้ว่าหยาเอ๋อ”โจวเหวินตอบ

อันหลานหยางถอนหายใจ “ในสมัยนี้ มีคนตายเป็นจำนวนมากทุกวันเลย จำนวนของเด็กกำพร้าก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โชคดีที่ในลั่วหยางมีบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้า อย่างน้อยพวกเขาจะได้เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิต ถ้าเกิดเป็นเด็กในหมู่บ้านเล็กๆละก็ ถ้าพ่อแม่ตาย เด็กพวกนั้นก็จะอยู่กันไม่เป็น พวกเขาต้องไปพึ่งพิงคนที่ใจดีแล้วสอนให้พวกเขาใช้ชีวิต แต่ในโลกแบบนี้ยุคสมัยแบบนี้ คนดีๆมีเยอะซะที่ไหนกันละ”

“เธอเองก็ยังต้องเรียน ต้องฝึกฝน เธอยังเป็นเด็กอยู่เลย จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลเด็ก ถึงเธอจะมีเวลา แต่เธอจะไปรู้วิธีดูแลเด็กทารกแบบนี้ได้ยังไงกัน เอางี้ไหม เดี๋ยวฉันรับเธอมาเลี้ยงไว้ก่อน ไว้เธอค่อยมีเวลาแวะมาเยี่ยมบ้างละกัน”อันหลานหยางพูด แล้วเดินไปตรงหน้าของหยาเอ๋อ

“เธอไม่ใช่เด็กธรรมดาครับ เธอเก่งมากแล้วก็สามารถดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องให้ผมดูแลอะไรมากด้วยครับ เธอสามารถเข้าใจและทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ครับ”โจวเหวินรีบหยุดอันหลานหยาง

โจวเหวินเห็นความวินาศสันตโรของตระกูลเสี่ยวมากับตาแล้ว เขาเลยไม่กล้าให้หยาเอ๋ออยู่บ้านของอันหลานหยาง ถ้าเกิดมีใครในบ้านทำให้เธอหัวเสียขึ้นมา ผลที่ตามมาคือหายนะลูกเดียวเลย

“เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเด็กทารกตัวแค่นี้ซะที่ไหนกันละ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ฉันเลี้ยงทั้งเทียนโจทั้งลูกจิ้งมาด้วยตัวเอง ฉันมีประสบการณ์ดี”อันหลานหยางพูด แล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะอ้าแขนแล้วพูด “ปะ ไปกัน หยาเอ๋อ กลับบ้านกับพี่สาวนะ เดี๋ยวซื้อขนมกับเสื้อผ้าสวยๆให้นะ ดีไหม?”

หยาเอ๋อที่นั่งอยู่บนโซฟามองหน้าอันหลานหยางแล้วเบือนหน้าหนีทันที

อันหลานหยางตากระตุกทันที แล้วเธอก็เดินไปข้างหน้าเข้าหาหยาเอ๋ออีกครั้งแล้วพูด “ตามฉันมาเถอะนะ มีทั้งขนมอร่อยๆ ทั้งของเล่นเลยนะจ้ะ”

หยาเอ๋อชักสีหน้าใส่อีกที

ตอนที่โจวเหวินเห็นแบบนั้นเขาก็พูดไม่ออก อันหลานหยางดูเหมือนจะหน้าเสียพอสมควร ทำให้เธอเดินฉุนออกห่างทันที เขาเลยได้เลี้ยงดูหยาเอ๋อต่อไป

“จะว่าไปแล้ว เรื่องของชูเหอที่ตามสืบเป็นยังไงบ้างแล้วครับ”โจวเหวินพูดเปลี่ยนเรื่อง เขารู้ว่าตอนนี้ต้องรีบหาเรื่องใหม่ไม่งั้นเธออาจจะได้เสียหน้ามากกว่านี้ อีกอย่าง โจวเหวินเองก็อยากรู้เรื่องราวของชูเหอในจงลู่เหมือนกันว่ามันยังไงกันแน่

“ถ้าบนพื้นผิวมันก็ดูไม่มีอะไรผิดปรกติเกี่ยวกับคนที่ชื่อชูเหอในจงลู่เลยนะ ทุกอย่างมันดูเป๊ะไปหมดเลย ถ้าเธอไม่ดันไปเจอชูเหอที่เมืองหวงฉวนละก็ คงไม่มีใครสงสัยแน่ๆว่าชูเหอที่อยู่ในจงลู่นั้นอาจจะเป็นตัวปลอม

อันหลานหยางงหยุดก่อนจะพูดต่อ “แต่เพราะว่าที่ชูเหอทำ ทุกอย่างนั้นมันสมบูรณ์แบบเกินไป มันทำให้รู้สึกว่ามันแปลกๆ เหมือนกับว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ฉันแค่ยังหาไม่เจอว่ามันคืออะไรกันแน่ เพราะงั้นฉันเลยเปลี่ยนเป้าการสืบแล้วเริ่มหาจากวงกว้างกันก่อน ทีมสำรวจทุกคนในกลุ่มจะต้องได้รับการตรวจสอบ และปรากฏว่าทุกคนในนั้น บริสุทธิ์หมดเลย ดูเหมือนว่าแค่เปลือกนอกไม่มีปัญหาอะไรเลยซักอย่าง แต่แล้วฉันก็พบจุดที่เหมือนกันอยู่ข้อนึง”

“จุดที่เหมือนกันเหรอครับ?”โจวเหวินถามทันที

“หลังจากที่คนพวกนั้นไปถึงที่จงลู่แล้ว ส่วนมากแล้วจะไม่ได้ติดต่อกลับมาหาครอบครัว หรือไม่ก็ติดต่อกลับมาน้อยมาก ถึงแม้ว่าการติดต่อจะทำได้ยาก ที่จงลู่ไม่มีสัญญาณยังไง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มักจะโทรไปหาหรือให้ครอบครัวโทรมาหาอยู่เสมอ แม้แต่คนที่บ้างานหรือคนที่ไม่มีญาติ ไม่มีหัวใจ ก็ยังโทรไปหาเพื่อนฝูง แต่พอไปสอบถามกับญาติของคณะสำรวจแล้วปรากฏว่าพวกเขาได้รับสายน้อยมากๆ ถึงพวกเขาจะโทรไป อีกฝ่ายก็เหมือนจะยุ่งมากๆแล้ววางสายไปอย่างเร่งรีบโดยไม่คุยอะไรเลย”

โจวเหวินขมวดคิ้ว “หรือว่าจะมีคนในคณะสำรวจที่เป็นแบบเดียวกับชูเหออีก คนที่โดนปลอมตัวไปเหรอครับ”

“มีความเป็นไปได้มากๆเลยจ้ะ”อันหลานหยางพยักหน้า

“แล้วใครกันละที่จะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ อะไรเป็นเหตุที่พวกเขาต้องทำแบบนี้กัน”โจวเหวินพูด

“เรื่องนั้นฉันก็ยังไม่รู้หรอก หลายๆคนในคณะสำรวจเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ต่างมิติ การจะปลอมตัวเป็นคนนั้นๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกเขาปลอมตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบมากๆ เหมือนกับว่าเป็นขบวนการขนาดใหญ่ มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้แล้ว เรื่องนี้ถูกวางแผนมาอย่างดีเลย แต่วางแผนไปเพื่ออะไรและพวกเขาทำอะไรกันแน่ๆ เราเองก็ยังไม่รู้ ทางฝั่งจงลู่ตอนนี้สำรวจจนเกือบจะหมดแล้ว มันไม่มีอะไรที่คุ้มค่ากับการที่ต้องลงมือใหญ่ขนาดนี้เลย

โจวเหวินรู้สึกได้ว่าอันหลานหยางพูดถูก แรงจูงใจในการลงมือนั้นมันน้อยเกินไปมาก ถ้าเทียบกับแผนการที่ทำ แล้วทำไมต้องเลือกที่จงลู่เป็นสถานที่ลงมือด้วยละ

โอหยางเองก็เป็นแค่นักวิจัยที่ไปศึกษาในจงลู่ พวกเขาไม่ได้มีความสามารถในการฆ่ามังกรเทียนหรือจงฉีด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่เจ้าตัวพวกนั้นเลย แค่ผีร้ายก็ยังฆ่าไม่ไหวเลย

ศัตรูนั้นมีความสามารถในการวางแผนขนาดใหญ่ และลงมือปฏิบัติการทุกอย่างอย่างเป็นระบบโดยไม่จำเป็นต้องทำตามที่หัวหน้าอย่างโอหยางบอกเลยด้วยซ้ำ

“แล้วอะไรกันละที่ผอ.เก่ามีแต่พวกนั้นไม่มี”โจวเหวินพูด

“ฉันเองก็คิดถึงคำถามนี้อยู่เหมือนกัน จากข้อมูลที่รู้ในตอนนี้ เรายังไม่ได้คำตอบอะไรเลย”อันหลานหยางพูด

โจวเหวินจู่ๆก็คิดถึงรหัสลับที่ผอ.เก่าทิ้งไว้ให้ และกล่องโลหะที่ด้านในมีเหรียญประหลาดอยู่

“หรือว่าพวกนั้นอยากจะได้เหรียญนั้นกัน”โจวเหวินแอบคิด

พอคิดแบบนั้นแล้วโจวเหวินก็คิดถึงกล่องเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกสัตว์อสูรโซ่เงินปิดล๊อกอยู่ในร้านของฉินซือหยวน กล่องเหล็กนั้นมันคล้ายๆกับกล่องขนาดเล็กที่โจวเหวินเจอในปราสาทมังกรเทียนเลยแถมยังมีรหัสเหมือนกันด้วย ถ้าเขาไม่ได้เห็นกล่องใหญ่นั้น โจวเหวินก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผอ.เก่านั้นมอบรหัสลับไว้ให้โจวเหวินแล้ว

“หรือว่าจะมีบางอย่างอยู่ในกล่องใหญ่นั้นกัน”โจวเหวินพึมพำในใจ



ตอนที่ 810 ข้ารอเจ้าอยู่


“จะไปลองดูดีไหมนะ รหัสลับนั้นจะสามารถเปิดตู้ได้จริงๆงั้นเหรอ”โจวเหวินอดคิดไมได้


ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ โจวเหวินคงไม่มีทางได้เข้าใกล้กล่องโลหะนั้นแน่ๆ แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว เพราะว่าเขามีผ้าคลุมล่องหนอยู่ในมือ ทำให้เขาสามารถหลบหลีกกล้องและคนในร้านได้อย่างง่ายดาย


โจวเหวินนั้นก็รอบคอบมากพอ ตอนที่เขาไปเห็นกล่องนั้นครั้งล่าสุด เขารู้สึกได้ว่าฉินซือหยวนทำตัวแปลกๆ เขาเลยแสดงตัวไม่ให้ฉินซือหยวนรู้ว่าเขาเองก็สนใจกล่องนั้นอยู่เหมือนกัน


และสุดท้าย อันหลานหยางก็ไม่ได้เอาหยาเอ๋อไปด้วย แล้วก็กลับไปแบบแอบๆฉุน


โจวเหวินคิดแล้วคิดอีกก่อนจะตัดสินใจไปลองดูที่ร้านของฉินซือหยวน   ตอนนี้การสืบของอันหลานหยางไปจนถึงทางตันแล้วโจวเหวินคาดการณ์ว่าคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ค่อยได้เท่าไร บางทีกล่องโลหะนั้นอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้โจวเหวินรู้เรื่องราวทุกอย่างมากกว่านี้ก็ได้


หลังจากที่จัดการเก็บของและให้อาหารสัตว์เลี้ยงของเขาแล้ว โจวเหวินก็เริ่มรู้สึกได้ว่าตอนนี้ธิดาปีศาจก็กำลังจะพัฒนาร่างอีกครั้งหลังจากกินผลไม้แห่งความเยาว์วัยไป


“รอบนี้น่าจะขึ้นไปถึงระดับมหากาพย์แล้วซินะ”โจวเหวินดีใจมาก ที่ธิดาปีศาจจะก้าวไปอีกขั้น เข้าใกล้ระดับเร้นลับขึ้นไปทุกที


แต่พอมองดูผลไม้แห่งความเยาว์วัยที่มีแล้ว เขาก็รู้สึกว่าผลไม้แห่งความเยาว์วัยนั้นเหมือนกับว่าจะมีไม่พอที่จะให้ธิดาปีศาจได้พัฒนาร่างอีกรอบ


“โชคดีนะเนี่ยที่เก็บปีศาจสังหารไว้เป็นอาหารสำรองด้วย ถ้าเกิดไม่พอจริงๆแล้วขาดอีกนิดเดียว ก็ให้ธิดาปีศาจกินปีศาจสังหารซะเลย”โจวเหวินเก็บธิดาปีศาจที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาร่างเข้าไปในห้วงมิติ


ต้นกล้วยเซียนที่พัฒนาร่างมานานมากแล้ว คำนวณจากเวลาแล้ว โจวเหวินเลยคิดว่ารอบนี้มันน่าจะพัฒนาร่างเป็นระดับเร้นลับได้ซักที


หลังจากที่เสร็จกิจทุกอย่างแล้ว โจวเหวินเลยออกเดินทางไปที่ร้านของฉินซือหยวน


แต่แทนที่จะเข้าร้านของฉินซือหยวน  ตรงๆ โจวเหวินแวะเข้ามาที่ร้านกาแฟข้างๆร้านของฉินซือหยวน เพื่อสั่งกาแฟ ก่อนที่นั่งริมหน้าต่างเพื่อใช้สดับวานรฟังเสียงภายในร้านของฉินซือหยวน


ร้านกาแฟนี้อยู่ใกล้ๆกับตำแหน่งของร้านฉินซือหยวนมากๆ  แค่นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง โจวเหวินก็สามารถใช้สดับวานรแสกนฟังเสียงทุกอย่างภายในร้านจนเกิดเป็นแผนที่ร้านขนาดย่อมเข้ามาในหัวของโจวเหวิน


“นี้ครับ กาแฟ”พนักงานมาเสริฟกาแฟแล้ววางกาแฟตรงหน้าของโจวเหวิน


“ขอบคุณครับ”โจวเหวินตั้งสมาธิกับร้านของฉินซือหยวนอยู่อยู่ทำให้เขาไม่ได้สนใจพนักงานเสริฟ เขาก็แค่คิดว่าเสียงของพนักงานคุ้นๆ แต่พอมองไปดูแล้วเขาก็ตกใจทันที เพราะคนที่เอากาแฟมาเสริฟนั้น คือกู๋เตียนนั้นเอง


โจวเหวินมองไปรอบๆ แล้วก็อย่างที่คิดไว้ ร้านทั้งร้านนั้นเงียบเหงา และแทบไม่มีคนเข้าร้านเลย


“ไอ้เจ้าของร้านนี้มันมีเงินเหลือหรือไงวะเนี่ยขนาดจ้างกู๋เตียนมาเป็นพนักงานเสริฟได้เนี่ย”โจวเหวินไม่รู้เลยว่าเจ้าของร้านกาแฟคิดอะไรอยู่


“กู๋เตียน มาทำอะไรที่นี่เนี่ย”โจวเหวินถามด้วยความสงสัยจริงๆ


“ทำงาน หาเงิน”กู๋เตียนตอบ


“ทำงานที่นี่มันหาเงินได้ดีกว่าการไปล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติแล้วเอาไข่สัตว์อสูรมาขายอีกเหรอโจวเหวินงง


กู๋เตียนนั้นเรียกได้ว่าเป็น1ในระดับสุดยอดของมหาลัยซีหยาง แค่เขาเอาไข่สัตว์อสูรที่หามาได้ไปขาย รายได้ของเราก็สูงกว่าคนปรกติหลายเท่าแล้ว อย่าว่าแต่จะมาเป็นพนักงานร้านกาแฟนที่เงินเดือนต๊อกต๊อยเลย


 


“เยอะ”ไม่มีแขกเข้าร้าน กู๋เตียนเลยมายืนคุยกับโจวเหวินได้


“จริงเหรอ ร้านกาแฟนี้ให้เงินเดือนนายสูงขนาดนั้นเลยเหรอ”โจวเหวินยังไม่อยากเชื่อว่าทำงานในร้านกาแฟจะได้เงินเดือนสูงกว่าไปล่าสัตว์อสูร


แถมยิ่งเป็นร้านกาแฟที่แทบจะไม่มีคนเข้าร้านเลยด้วย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ค่าจ้างจะสูงตาม


“เดือนละ แสน5”กู๋เตียนตอบ


“พรู๊ต!!!!”กาแฟที่อยู่ในปากของโจวเหวินพุ่งพรวดออกมาหมดทันที ก่อนจะมองไปที่กู๋เตียน “เจ้าของร้านให้เงินเดือนนายแสนห้าเลยเหรอ”


โจวเหวินรู้สึกได้ว่าเจ้าของร้านต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือไม่เขาก็ต้องมีแผนการอะไรซักอย่าง ไม่งั้นเขาคงจะไม่จ่ายเงินเดือนให้กู๋เตียนสูงขนาดนี้แน่ๆ


กู๋เตียนพยักหน้า ทันใดนั้น ก็มีแขกเดินเข้ามาในร้าน กู๋เตียนเลยพูด “ไปทำงานละ”


โจวเหวินมองกู๋เตียนเดินเข้าไปต้อนรับแล้วพูดอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับครับ”


ทันทีที่เห็นหน้าของกู๋เตียน คู่แฟนหนุ่มสาวก็ตกใจกลัวในทันที ก่อนที่พวกเขาจะผงะถอยหลังไป2ก้าวแล้วหันหลังเดินออกไปทันที


“ถ้าไม่มีกู๋เตียน ธุรกิจคงจะขายดีกว่านี้แน่ๆเลยโจวเหวินคิดแบบนั้น แล้วก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของร้านถึงได้จ้างกู๋เตียนมาทำงานที่นี้


หลังจากที่ซดกาแฟไปแล้ว โจวเหวินก็รู้สึกได้เลยว่ากาแฟที่นี้รสชาติดีมาก เหมือนกับว่าเป็นกาแฟทำมือคุณภาพดีเลย


จากนั้นโจวเหวินก็ใช้พลังของสดับวานรนั้นค่อยๆขยายคลื่นเสียงที่ครอบคลุมมาจากร้านของฉินซือหยวนไปทีละชั้นจนกระทั้งโจวเหวินสามารถมองเห็นทะลุทุกอย่างได้ทุกซอกทุกมุมของร้าน


ที่น่าตกใจเล็กน้อย คือที่ชั้นใต้ดินที่4นั้น เป็นชั้นที่กักเก็บกล่องเหล็กเอาไว้ เหมือนกับว่ามันมีพลังงานประหลาด เหมือนม่านหมอกปิดบังภาพข้างในนั้นเอาไว้


โจวเหวินเลยใช้พลังของสดับวานรจนถึงขีดสุด ทำให้ฟังทะลุม่านหมอกนั้นเข้าไปจนกระทั้งโจวเหวินสามารถมองเห็นได้กระจ่าง


แต่ทันทีที่โจวแหวินมองไปทางสัตว์อสูรผมเงินในกล่องนั้นนั้นเอง จู่ๆมันก็โงหัวขึ้นแล้วหันมามองทางโจวเหวิน เหมือนกับว่ากำลังจ้องมองโจวเหวินอยู่ทั้งๆที่โจวเหวินนั่งอยู่ในร้านกาแฟทำให้โจวเหวินตกใจมากๆ


“อะไรวะ เห็นฉันเหรอ? บังเอิญรึเปล่า”โจวเหวินขมวดคิ้ว


ทันใดนั้นเองสัตว์อสูรผมเงินในกล่องนั้นนั้นก็หัวเราะยิ้มเยาะเขา แล้วเปิดปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงอะไรแต่ดูจากปากแล้ว มันกำลังพูดว่า “ข้ารอเจ้าอยู่นะ”


“โอเคชัดเลย มันเห็นฉันแน่ๆ”โจวเหวินตกใจ


หลังจากที่สดับวานรนั้นเป็นระดับเร้นลับแล้ว ความสามารถในการได้ยินก็แข็งแกร่งมาก โจวเหวินสามารถได้ยินได้เหมือนกับที่ตามองเห็น แต่การที่เหมือนตามองเห็นแบบนั้น ถ้าเกิดจ้องมองไปละก็ มันก็ไม่แปลกใจที่จะมีบางคนที่มีจิตสัมผัสจับได้บ้างแหล่ะ


ถึงพลังของสดับวานรมันจะไม่มีรูปร่างหรือตัวตนแต่ข้อมูลที่ออกมานั้นมันก็เป็นรูปธรรมมากพอที่จะทำให้สัตว์อสูรผมเงินในกล่องนั้นนั้นหาตัวเขาเจอ ความสามารถของมันนั้นเหลือล้นจริงๆ


“สัตว์อสูรผมเงินในกล่องนั้นนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย”โจวเหวินสงสัย และเริ่มลังเลที่จะเข้าไป


ตอนนี้โจวเหวินเริ่มกังวลแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าโจวเหวินกดรหัสลงไปในนั้นมันจะเป็นการปลดผนึกทุกอย่างของสัตว์อสูรตัวนั้นเหมือนกับการปล่อยเสือกับเข้าป่ารึเปล่า


“ที่มันบอกว่า รออยู่นี่ หรือว่ามันรู้อยู่แล้ววะว่าฉันจะมา”โจวเหวินสงสัย ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆเข้าไปทุกที


ผอ.เก่านั้นให้รหัสผ่านกับเขามา ทำให้โจวเหวินรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ และอาจจะเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเลยด้วย เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มันห่างไกลเกินกว่าสิ่งเป็นอยู่ตรงหน้ามากๆแล้ว


อย่างน้อยโจวเหวินก็รู้ได้แล้วว่าสัตว์อสูรผมเงินนั้นเป็นตัวตนที่น่ากลัวมาก ถ้ามันเป็นสัตว์อสูรที่ผอ.เก่าเก็บมาได้จริงแล้วผอ.เก่าไปเอามันกลับมาได้ยังไงกันละ



ตอนที่ 811 เหนือกว่าระดับเร้นลับ


โจวเหวินเลยตัดสินใจที่จะไปดูสัตว์อสูรผมเงินที่อยู่ในกล่องของร้านฉินซือหยวน ไม่ว่ามันจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้ามันยังโดนขังอยู่ในกล่องนั้น ก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร


“ถ้าไม่ไปแตะกล่องนั้นแล้วก็ไม่ใส่รหัสลงไป ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั่ง”โจวเหวินตัดสินใจ เขาออกจากร้านกาแฟแล้วเดินตรงไปตรงจุดลับตาคนก่อนจะสวมผ้าคลุมล่องหนแล้วแอบเข้าร้านของฉินซือหยวนไป


โจวเหวินนั้นคุ้นชินกับสถานการณ์ภายในร้านของฉินซือหยวนอยู่แล้ว เขาเลยสามารถหลบหลีกผู้คนและค่อยๆเข้าใกล้ลิฟเข้าไปเรื่อยๆจากนั้นก็เข้าไปในลิฟแล้วกดลิฟขึ้นชั้น4 สำหรับเขาแล้ว ที่นี้ทั้งตึกแทบจะไม่มีความลับเหลืออยู่แล้ว โจวเหวินปีนขึ้นท่อระบายอากาศของลิฟแล้วขึ้นไปบนชั้นบนสุดอย่างรวดเร็ว


ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากจะตรงไปที่ชั้นใต้ดินที่4เลย แต่ว่าชั้นใต้ดินที่4นั้น ถูกปิดตายอย่างสมบูรณ์ที่นั้นไม่มีท่อระบายอากาศหรือหน้าต่างอื่นๆเลยทางเดียวที่จะเข้าไปในนั้นได้คือผ่านทางลิฟพิเศษที่อยู่ในห้องทำงานของฉินซือหยวนเท่านั้น


โจวเหวินจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เขามากับอันหลานหยาง อันหลานหยางยังสามารถพาเข้ามายังชั้นใต้ดินที่4ได้อยู่เลย แต่ตอนนี้ลิฟนั้นกลับปิดไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงทางเข้าเดียวเท่านั้นที่สามารลงไปที่นั้นได้


วันนี้ฉินซือหยวนไม่อยู่ โจวเหวินเลยใช้โอกาสอันดีนี้ อัญเชิญสปอร์โบราณออกมาให้มันไปสะเดาะกลอนประตู แล้วเปิดให้เขาสามารถเข้าไปข้างในออฟฟิศได้อย่างง่ายดาย


แล้วเขาก็ใช้สปอร์โบราณแบบเดียวกับล๊อกของลิฟ ทำให้เขาสามารถใช้ลิฟนี้ลงไปยังชั้นใต้ดินได้ในที่สุด


ล๊อกทุกประเภทนั้นไม่สามารถใช้ป้องกันโจวเหวินได้ เพราะว่าโจวเหวินนั้นมีสัตว์อสูรตัวเล็กที่สามารถสะเดาะกลอนได้อย่างง่ายดาย


โจวเหวินที่ล่องหนเข้ามานั้นสามารถทำอะไรที่ไหนก็ได้ในร้านนี้ และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เข้ามาอยู่ในชั้นที่4ใต้ดิน ที่ๆสัตว์อสูรผมเงินถูกขังไว้อยู่


โจวเหวินไม่ได้ตรงเข้าไปทันทีเพราะว่าแถวๆนี้มีกล้องอยู่เต็มไปหมด เพราะงั้น แค่เขาเปิดประตูเข้าไป ถึงเขาจะล่องหนอยู่ แต่ประตูที่จู่ๆเปิดเองได้ยังไงมันก็น่าสงสัยอยู่แล้ว


ตอนที่โจวเหวินกำลังคิดถึงวิธีการเข้าไปในนั้นอยู่นี้เอง โจวเหวินก็พบว่าจู่ๆไฟฟ้าของทั้งตึกก็ดับลง เหมือนกับเป็นไฟฟ้าลัดวงจรยังไงอย่างงั้น


แต่ต่างกันตรงที่ว่าถ้าไฟฟ้าลัดวงจรปรกตินั้นอาจจะแค่ตัดไฟเฉยๆแค่แปปเดียว จากนั้นอุปกรณ์เก็บไฟสำรองก็จะเริ่มทำงานต่อทันที


แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าพลังงานไฟฟ้าทั่วทั้งงตึกโดนดูดมารวมกันไว้อยู่ในที่เดียว ไม่เหลือไฟฟ้าเลยแม้แต่น้อย ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดนั้นไม่สามารถใช้การได้


โจวเหวินรู้สึกได้ทันทีเลยว่านี้มันต้องเป็นฝีมือของสัตว์อสูรผมเงินแน่ๆ ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในกล่อง แต่สัตว์อสูรผมเงินนั้นมันต้องจับตาดูเขาอยู่แน่ๆ


“ในที่สุดก็มาซักที”สัตว์อสูรผมเงินพูด รอบนี้ มันไม่ได้เปิดปาก แต่เสียงของมันดังขึ้นมาในหัวของโจวเหวินทั้งๆที่เขาไม่ได้มองหน้ากันด้วยซ้ำ


“รู้ได้ไงว่าฉันจะมา”โจวเหวินไม่ได้เปิดประตูเข้าไป เขาพูดกับสัตว์อสูรผมเงินผ่านประตู ซึ่งจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องเปิดประตูก็ได้ยังไงก็คุยกันชัดอยู่แล้ว


“ตั้งแต่ข้าแห็นเจ้าครั้งแรก ข้าก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าคือคนที่หมอนั้นเลือกไว้ เพราะงั้น ยังไงเจ้าก็ต้องมา”สัตว์อสูรผมเงินพูด


“แล้วทำไมถึงได้เลือกฉันละ”โจวเหวินตอนแรกว่าจะไม่ถาม แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดตอบโต้ได้นั้นมันทำให้โจวเหวินเริ่มมีความหวังขึ้นมา ว่าเขาจะได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างกลับมา


โจวเหวินเลยถามไปว่าทำไมถึงได้เลือกเขา อีกฝ่ายนั้นพูดตอบโจวเหวินทุกคำ บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลสำคัญมาซึ่งเอาไปต่อ


“เพราะว่าเจ้าฉลาดไม่พอยังไงละ”สัตว์อสูรผมเงินพูด


โจวเหวินมองหน้าสัตว์อสูรผมเงิน เขานึกถึงความเป็นไปได้หลายๆอย่าง แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้


สัตว์อสูรผมเงินพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “บางอย่างคนฉลาดเขาทำกันไม่ได้หรอก มีแต่คนโง่บรมเท่านั้นแหละที่ทำได้ คนที่เราต้องการนั้น จะต้องไม่ฉลาด ไม่โง่ แต่ก็ต้องมีพรสวรรค์ยังไงละ”


“แล้วไงต่อ”โจวเหวินถาม


“แล้วเจ้าก็ถูกเลือกโดยโอหยาง ข้าเองก็คิดว่าเขาตาแหลมนะ เจ้าเองก็ดูเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรซักอย่างดี””สัตว์อสูรผมเงินพูดพร้อมรอยยิ้ม


“แล้วฉันทำอะไรได้บ้างละ”โจวเหวินถามอีกรอบ


“ไม่รู้ซิ” คำตอบของสัตว์อสูรผมเงินนั้นมันเกินกว่าที่โจวเหวินคิดไว้มาก


“ทำไมถึงไม่รู้ละ”โจวเหวินขมวดคิ้ว


“ก็เพราะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปที่ใดบ้าง เพราะงั้นข้าเลยไม่รู้ว่าเจ้าทำอะไรได้บ้างยังไงละ เจ้ามีหลากหลายความสามารถก็จริงแต่เจ้าก็ยังเป็นเด็ก พ่อแม่ของเจ้ายังไงก็ไม่ยอมให้เจ้าออกไปทำงานหาตังหรอก ก็เหมือนกับที่เจ้าเป็นผู้ชายนั้นละ ก็ไม่มีใครมาขอให้เจ้าท้องลูกแทนซักหน่อย เพราะงั้นเจ้าทำอะไรได้ละ เจ้าถามคำถามนี้กับคนอื่น ใครมันจะไปรู้เล่า เจ้าคิดเองซิว่าเจ้าทำอะไรได้บ้าง”สัตว์อสูรผมเงินพูด


“ฉันไม่ได้มานี้เพื่อมาฟังปรัชญาอะไรไร้สาระนะ ถ้าจะคุยกับฉันเรื่องนี้ต่อ ฉันจะกลับละ”โจวเหวินพูด


“งั้นก็ได้ถ้างั้นข้าจะพูดเรื่องที่เจ้าสนใจก็แล้วกัน เจ้าคงจะรู้จักระดับขั้นเร้นลับดีซินะ”สัตว์อสูรผมเงินเปลี่ยนเรื่องคุย แต่โจวเหวินก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆถึงมาเข้าเรื่องนี้ได้


“หมายถึงระดับที่สูงกว่าระดับเร้นลับเหรอ”โจวเหวินถามอย่างใจเย็น


“ไม่ถูกซะทีเดียว เอาเข้าจริงแล้ว ระดับเร้นลับนั้นถูกแบ่งออกเป็นหลากหลายระดับไปอีกระดับเร้นลับที่เจ้าพูดถึงหรือพบเจอมานั้น ทั้งหมดเป็นแค่ขั้นล่างสุด หรือก็คือพวกนั้นพึ่งกลายมาเป็นระดับเร้นลับยังไงละ”สัตว์อสูรผมเงินพูด


“แล้วทำไมมันถึงได้แบ่งขั้นละ”โจวเหวินถาม


“การที่จะรู้ว่าแต่ละระดับของเร้นลับนั้นมันคืออะไร เราต้องรู้ให้ได้ก่อน ว่าเทพคืออะไร แล้วเจ้ารู้รึเปล่าว่าเทพคืออะไร”สัตว์อสูรผมเงินพูด


“ช่วยพูดให้มันเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อยได้ไหม ฉันไม่มีเวลาจะมานั่งฟังเรื่องเล่าอะไรของนายหรอกนะ คนในร้านเองก็คงไม่ให้เวลาฉันมากด้วย”โจวเหวินพูด


สัตว์อสูรผมเงินพูดต่อ “ตั้งแต่สมัยโบราณ มนุษย์ยุคเริ่มแรกก่อตัวกันขึ้นเป็นสังคม โดยหวาดกลัวสิ่งที่ไม่รู้จักและอันตรายทั้งหลาย และเมื่อความกลัวนั้นมันตกผลึกเป็นตัวตน เมื่อนั้นแหล่ะ เทพจึงถือกำเนิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น มนุษย์กลัวสายฟ้า จึงจินตนาการว่าสายฟ้านั้นเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัว และนั้นทำให้เกิดเทพสายฟ้า(ธอร์) มนุษย์กลัวฝนตกหนัก เพราะฝนตกหนักจะทำให้คนป่วยจึงเกิดเป็นเทพแห่งสายฝน(พระยาแถน) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอีกก็คือสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังต่างๆ เช่นเสือ หมาป่า งู สิงโต อินทรีและอื่นๆ สิ่งพวกนี้คือความกลัวที่มนุษย์ไม่อาจจะพิชิตได้ ความเคารพบูชาจึงเกิดมาจากความกลัวพวกนี้ หากว่าข้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากเหมือนสัตว์พวกนั้นในอดีตกาล มนุษย์พวกนั้นก็จะสร้างรูปปั้นบูชาข้า สรรเสริญข้า และบูชาข้าเป็นเทพ”


“ความกลัวนั้นเป็นอารมณ์แรกของมนุษย์ และความกลัวก็เป็นขั้นแรกของระดับเร้นลับด้วย ตราบใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตระดับเร้นลับที่สามารถสร้างความกลัวได้นั้น มันก็จะจัดอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุดของระดับเร้นลับ ซึ่งพวกสัตว์อสูรระดับเร้นลับทั้งหลายทั้งปวงในตารางจัดอันดับก็อยู่ในระดับนี้ทั้งหมด”


812 เหตุผล


“เดี๋ยวนะ แล้วระดับตำนานระดับมหากาพย์มันไม่ทำให้คนกลัวเหรอ”โจวเหวินพูด


“ถ้างั้นข้าคงบอกผิดไปเอง มาตรฐานที่ข้าตั้งไว้นั้น ระดับขั้นนี้มันมีฐานอยู่ในอารยธรรมต่างมิติหน่ะ พวกระดับตำนานระดับมหากาพย์บนโลกนั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอจะนับอยู่ในอารยธรรมต่างมิติหรอกนะ”สัตว์อสูรผมเงินพูดต่อ


“อะพูดต่อได้เลย”โจวเหวินไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาเลยยักไหล่


“ทั้งน้ำท้วม แผ่นดินไหว พายุหมุน ภูเขาไฟระเบิด และต่างๆนานาที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าไม่สามารถควบคุมหรือต่อกรอะไรกับมันได้ เมื่อไรก็ตามที่เกิดขึ้น มนุษย์จึงได้แต่เฝ้ารอความตายเท่านั้น ขั้นที่2ของระดับเร้นลับเรียกว่าเป็นระดับมหันตภัย ระดับเร้นลับที่ไปถึงขั้นนี้ได้นั้นเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับนึงแล้วในอารยธรรมต่างมิติ”สัตว์อสูรผมเงินพูด


“ระดับมหันตภัยเหรอ”โจวเหวินทวนชื่อนั้นในใจ


“ระดับมหันตภัยนั้นร้ายกาจแล้วก็จริง แต่ยังไง เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า พลังของพวกมันนั้นยังอยู่ในระดับแค่ส่วนพื้นที่เท่านั้น ในขณะที่มีบางพลังที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ในพริบตา ในสมัยโบราณคนมักจะภาวนาไม่ให้ฟ้าถล่ม ขออย่าให้ดินทลาย ในอารยธรรมต่างมิติ เราเรียกขั้นนั้นว่าระดับอวสาน”


สัตว์อสูรผมเงินยิ้มแล้วพูดต่อ “แต่ก็แน่นอนว่าระดับอวสานนั้นมันคือโลกาวินาศสำหรับโลกมนุษย์ของพวกเจ้าเท่านั้น เอาจริงๆในอารยธรรมต่างมิติ ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่สามารถทำลายโลกได้เลย ในอารยธรรมต่างมิติไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้า มีแต่สิ่งที่ (ไม่สามารถอธิบายได้) (อยู่นอกเหนือจินตนาการและความคิดของมนุษย์) เพราะงั้น ขั้นอวสานนั้นถึงจะยิ่งใหญ่แต่มันก็ไม่ได้ทำความเสียหายให้กับอารยธรรมต่างมิติขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเทียบกับโลกมนุษย์แล้ว ระดับอวสานนั้นสามารถดับชีวิตด้อยคุณค่าของมนุษย์ชาติทั้งหมดได้ในพริบตาเลย ถ้าเทียบกับอารยธรรมต่างมิติแล้ว โลกมนุษย์มันช่างบอบบาง”


“แล้วสิ่งมีชีวิตหลังจากขั้นนั้นละ”โจวเหวินถาม


“ในตอนนี้มันยังไม่มี (สิ่งมีชีวิต) หลังจากขั้นนั้นหรอก มีเพียงแค่ตัวตนที่ (ไม่สามารถอธิบายได้)เท่านั้น”สัตว์อสูรผมเงินพูด


“แล้วระดับของแกละ อยู่ระดับไหน”โจวเหวินถามแล้วมองเข้าไปข้างใน


“ข้าเป็นเพียงแค่ระดับความกลัวเท่านั้น ในสถานที่อย่างโลกนี้มันไม่มีระดับไหนสูงกว่าระดับความกลัวแล้ว”


“ทำไมละ”


“เพราะว่าที่นี่คือสถานที่ต้องห้ามโบราณสำหรับระดับที่สูงส่งยังไงละ ระดับของสิ่งมีชีวิต หากก้าวข้ามมิติมายังที่โลกแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับอวสานมาก็เถอะ แต่มันจะถูกลดระดับลงมายังระดับความกลัวทันที”


“แล้วอะไรคือสถานที่ต้องห้ามโบราณละ”โจวเหวินตั้งใจจะถามให้หมดเท่าที่จะทำได้ เขาอยากจะรู้เรื่องให้ได้และไม่อยากพลาดโอกาสสำคัญแบบนี้ไป คนที่จะมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ฟังนั้นหาไม่ได้แล้ว


“ข้าก็ไม่รู้ ตั้งแต่สมัยอดีตโบราณ อารยธรรมต่างมิติก็เรียกโลกนี้ว่าเป็น (สถานที่ต้องห้ามโบราณ)แล้ว และมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเท่านั้นที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้ ดังนั้น อารยธรรมต่างมิติต่างๆนานาจึงอยากจะบุกเข้ามาสำรวจโลกและตั้งใจจะหาความลับของที่นี่ และนั้นทำให้เกิดสงครามมากมายบนโลกแบบที่เจ้าเห็น แท้จริงแล้วเบื้องหลังทั้งหมด มันเป็นแค่เงาของอารยธรรมต่างมิติเท่านั้น”


สัตว์อสูรผมเงินหยุดแล้วพูดต่อ “แต่เพราะว่าเกิดหลายสงครามเกินไปบนโลก ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติต่างๆที่อ่อนแอมาเข้าร่วมสงครามด้วย ซึ่งผลที่ออกมาก็มีแต่ความตายและความสูญเสียอย่างหนัก ทุกวันนี้บนอารยธรรมต่างมิติได้ทำข้อตกลงกัน ไม่ส่งกำลังพลขนาดใหญ่เข้ามาบนโลก และจะไม่ก่อสงครามกันบนโลกอีก แต่ละสายพันธ์จะส่งแค่เหล่า (ผู้พิทักษ์)ลงมาบนโลกเท่านั้น และทำสัญญากับเหล่ามนุษย์บนโลก เพื่อให้เกิดการต่อสู้และประลองกัน ผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชนะที่เหลือดรอดเป็นตัวสุดท้ายนั้น จะเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ในอารยธรรมต่างมิติ และจะมีสิทธิ์ในโลกเป็นเวลา100ปี หลังจากผ่านไป100ปี ผู้พิทักษ์ตัวใหม่ก็จะถูกส่งเข้ามาเพื่อการประลองอีกครั้งเพื่อชี้ขาดว่าเผ่าพันธ์ใดจะเป็นเจ้าของโลกในอีก100ปีข้างหน้า”


“แล้วทำไมพวกผู้พิทักษ์ถึงต้องมาประลองกันเพื่อตัดสินว่าใครเป็นเจ้าของโลกละ เรามนุษย์ชาติไม่ใช่เจ้าของโลกเหรอ”โจวเหวินพูด


สัตว์อสูรผมเงินหัวเราะเบาๆก่อนจะพูด “เจ้ามันก็เป็นแค่คิดเหมือนมนุษย์ปรกติธรรมดาทั่วไปนั้นละ เอาเข้าจริง มนุษย์อย่างพวกเจ้านั้น มันก็เป็นเพียงแค่มดปลวกในสายตาของระดับเร้นลับ พวกเจ้าใช้กำลังเอาชนะและข่มเหงสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วยกำลังจนกระทั้งกลายมาเป็นสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าผู้ปกครองโลก แล้วมันผิดตรงไหนละหากมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าเข้ามายึดครองโลกด้วยกำลัง แบบเดียวกับที่พวกเจ้าทำ และกลายมาเป็นผู้ปกครองโลกใหม่ ถ้าจะโทษ พวกเจ้าก็ไปโทษตัวเองเถิด ที่อ่อนแอ ถึงจะพัฒนาจนกลายเป็นระดับเร้นลับได้แต่ก็ยังเป็นแค่ขั้นความกลัว เปล่าประโยชน์ที่จะต่อกร”


โจวเหวินรู้สึกได้เลยว่าสัตว์อสูรผมเงินนั้นพูดผิด แต่เขาเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะแย้งได้อยู่ดี


“แล้วทำไมผู้พิทักษ์ถึงต้องทำสัญญากับมนุษย์ด้วยละ ทำไมพวกมันถึงไม่สู้กันเองละ”โจวเหวินเปลี่ยนเรื่อง


“ก็เพราะว่าผู้พิทักษ์นั้นมีพลังมหาศาลมาก แต่กฎของโลกนี้บังคับให้ผู้พิทักษ์นั้นต้องอยู่แค่ในระดับขั้นความกลัวเท่านั้น แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่ โดยการใช้ร่างของมนุษย์อย่างพวกเจ้าเป็นตัวขับเคลื่อน ถึงแม้ว่ามันจะทำได้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่พลังของผู้พิทักษ์จะสามารถพุ่งทะลุขั้นความกลัวไปได้ ดังนั้น ในการที่ผู้พิทักษ์จะสามารถเอาชนะได้นั้น จะต้องทำสัญญากับมนุษย์เท่านั้น”


“อย่างนี้นี่เอง”โจวเหวินเข้าใจเลยว่าทำไมผู้พิทักษ์ถึงเลือกมนุษย์ที่แข็งแกร่งในการทำสัญญา ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อชัยชนะนี่เอง


ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่ผู้พิทักษ์จะฉีกสัญญาที่ทำไว้ทิ้งแล้วทรยศไปหามนุษย์ที่แข็งแกร่งกว่า


ยังไงซะ การตามมนุษย์ที่อ่อนแอกว่าก็หมายความว่าโอกาสในการชนะน้อยลง ตามปรกติแล้ว มันจึงต้องการที่จะทำสัญญากับมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ทำได้


ซึ่งแน่นอน ในฐานะมนุษย์โจวเหวินไม่ชอบผู้พิทักษ์อยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมเขายิ่งไม่ชอบใหญ่เลยตรงที่โลกนี้กลายเป็นเหมือนโต๊ะพนันระหว่างมิติซะอย่างงั้น


“แต่ถ้าผู้พิทักษ์พ่ายแพ้ทั้งหมดละ”โจวเหวินถาม แล้วมองไปที่สัตว์อสูรผมเงิน


“คำถามที่ดีจริงๆ โอหยางเองก็ถามข้าเช่นนี้เหมือนกันเหมือนกัน แต่มันไม่มีคำตอบหรอก เพราะมันไม่มีคนอื่นอีกแล้วที่เอาชนะผู้พิทักษ์ได้ในตอนจบ”


โจวเหวินจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนกดลิฟ เขาเลยพูด “มีคนกำลังมา มีอะไรจะพูดอีกไหม รีบๆพูดเร็วเข้าแกอยากจะให้ฉันรู้อะไรอีก”


“โอหยางต้องการจะให้เจ้ารู้คำตอบด้วยตัวเอง เขาเองก็หาทางเอาชนะเช่นกัน แต่ร่างกายของมันอ่อนแอเกินไปแล้ว เขาแก่เกินกว่าจะไปประลองแล้ว เขาเลยอยากที่จะให้คนๆนั้นตามหาคำตอบเอาเอง เขาเลยเลือกเจ้ายังไงละ” สัตว์อสูรผมเงินพูด


“แล้วเขาหาทางเอาชนะได้แล้วเหรอ”โจวเหวินถาม


“วิธีนั้นอยู่ในกล่องโลหะนี้ เปิดมันออกซิแล้วเจ้าจะรู้คำตอบ” สัตว์อสูรผมเงินพูด ก่อนจะชี้โซ่เงินที่มัดตัวเองอยู่


โจวเหวินมองกล่องเหล็ก แต่เขาไม่แน่ใจว่าที่มันพูดมามันเชื่อถือได้มากแค่ไหน


ประตูลิฟเปิดออกแล้วก็มีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในชั้นใต้ดิน ก่อนจะตรงมายังห้องที่เก็บสัตว์อสูรผมเงิน คนๆนั้นคือฉินซือหยวน และเขาดูรีบมาก


ฉินซือหยวนโล่งอก หลังจากที่พบแล้วว่า สัตว์อสูรผมเงินยังอยู่ เขาก็โล่งใจ แต่เขาก็ยังสั่งคนให้ตรวจค้นทั่วชั้นอยู่ดี


 


 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)