หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 959-960

 บทที่ 959 หอวิหคโลกันตร์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

ในที่สุดสงครามการล่าของภูมิภาคทางเหนือก็สิ้นสุดลง


หลังจากห้ำหั่นกันมาหลายเดือน ไม่นานจากนั้นความโกลาหลก็กระจายไปทั่วภูมิภาค


ประมุขหมู่ตึกเทวะสิ้นชีพ!


เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่ว ผู้คนก็ตกใจจนพูดไม่ออก ขั้วอำนาจน้อยใหญ่ตะลึงงันจนถึงจุดที่ไม่อยากจะเชื่อ จอมยุทธ์ที่ยืนอยู่จุดสุดยอดของภูมิภาคทางเหนือสิ้นชีพลงแล้ว


แม้ว่าในสงครามล่าทุกครั้งจะมีขั้วอำนาจสูงสุดที่ล่มสลาย แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าขั้วอำนาจที่ล่มสลายในครั้งนี้จะเป็นสำนักที่ทรงพลังที่สุดในภูมิภาคทางเหนือ…


ดังนั้นทั่วภูมิภาคจึงสั่นสะเทือนขณะที่ความโกลาหลกระจายออกไป นั่นเป็นเพราะทุกคนต่างรู้ว่าเมื่อปราศจากประมุข หมู่ตึกเทวะก็ถึงคราวล่มสลายแน่ ด้วยพละกำลังปัจจุบันของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องทรัพย์สินมหาศาลไว้ได้


ในเวลาเดียวกันทรัพย์สินเหล่านี้ก็จะดึงดูดหมาป่าหิวโซให้มาเพ่นพ่านรอบๆ


แต่คราวนี้ก็ยังเกินความคาดหมายของทุกคนไปอีกครั้ง เนื่องจากการแบ่งดินแดนของหมู่ตึกเทวะไม่เหมือนในอดีตที่แม่น้ำเลือดก่อตัวขึ้นไปทั่ว ตรงกันข้ามกลับแบ่งกันอย่างเงียบสงบ


ภายใต้การจับตามองของขั้วอำนาจนับไม่ถ้วน ทุกคนก็พบว่าดินแดนครึ่งหนึ่งของหมู่ตึกเทวะถูกยึดครองโดยอาณาเขตกงเวทสวรรค์


ยามนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าใครคือผู้ชนะของสงครามล่าครั้งนี้แท้จริง


ขณะเดียวกันข่าวขุมพลังของมั่นถัวหลัวที่เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายและเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสงครามล่าก็ถูกเล่าลือออกไปราวกับไฟไหม้ในภูมิภาคทางเหนือ


เกือบจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย?


เมื่อขั้วอำนาจน้อยใหญ่ได้ยินข่าวนี้ก็สูดลมหายใจเย็นเข้าไปสุดปอด เนื่องจากทุกคนเข้าใจแจ่มแจ้งว่านี่หมายถึงพลังอำนาจของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เกินกว่าขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ไปแล้ว


บางทีในอนาคตการชิงชัยระหว่างขั้วอำนาจเหล่านี้จะสิ้นสุดลง ส่วนอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะเป็นขั้วอำนาจสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุด


จากสถานการณ์ที่มาถึงจุดนี้ หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อพบปะกับขั้วอำนาจสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคทางเหนือ…


ในอนาคตอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะเป็นเจ้าเหนือหัวภูมิภาคทางเหนือเพียงผู้เดียวแน่นอน ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องอีกแล้ว


ขณะเดียวกับชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์กระจายออกไป ชื่อเสียงของมู่เฉินก็ดังเป็นพลุแตก นั่นเพราะจากข้อมูลที่กระจายออกมา สาเหตุที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์กลายเป็นผู้ชนะ เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของมู่เฉินมาก หากไม่มีเขาสถานการณ์ทั้งหมดอาจแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง…


ยิ่งกว่านั้นมู่เฉินยังบรรลุการเป็นจั้นเจินซือในสงครามล่า เขานำหน่วยรบของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เข้าสู้จนสุดท้ายกระทั่งหัตถ์แห่งหมู่ตึกเทวะก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้


แม้แต่ฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะและโยวหมิงแห่งจวนยมโลกก็ยังกลายเป็นหินรองเท้าก้อนสำคัญสำหรับให้มู่เฉินก้าวขึ้นไป


ดังนั้นเมื่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ตั้งมั่นคงบนจุดสูงสุด มู่เฉินก็ทะยานเข้าสู่ทำเนียบมังกรหงส์แทนที่ฟังยี่ที่เป็นเจ้าบันทึกมาเนิ่นนาน เขากลายเป็นสุดยอดจอมยุทธ์รุ่นใหม่ในหมู่คนรุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ


ด้วยผลงานที่น่าทึ่งของเขา ไม่มีใครพูดทักท้วงการเป็นเจ้าบันทึกของหมู่คนรุ่นใหม่ในภูมิภาคทางเหนือเลย


ขณะที่ภูมิภาคทางเหนือตกอยู่ในความปั่นป่วนจากการล่มสลายของหมู่ตึกเทวะ


อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ร้อนระอุไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่สงครามล่าจบลงไม่มีวันไหนที่สงบเลย


นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องควบรวมดินแดนของหมู่ตึกเทวะเกือบครึ่ง ด้วยเขตแดนจำนวนมากเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องลำบากสำหรับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่จะกินในคำเดียว


นอกจากนี้ยังมีขั้วอำนาจบางส่วนในเขตแดนหมู่ตึกเทวะไม่ยอมจำนน พวกเขาแอบใช้วิธีก่อจลาจล ซึ่งยิ่งเพิ่มยุ่งยากให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์เข้าไปอีก


ทว่าปัญหาเหล่านี้ก็ได้รับการแก้ไขทั้งหมด หลังจากจอมพลทั้งสามเคลื่อนพล พวกเขาจัดการกำจัดวัชพืชที่ทำให้เกิดความวุ่นวายออกไปจนเฮี้ยนเตี้ยน ทำให้พวกที่อยู่เบื้องหลังร้อนหนาวไปหมด


อันที่จริงกลุ่มเหล่านี้ไม่ได้จงรักภักดีอะไรต่อหมู่ตึกเทวะ พวกเขาเพียงแต่กลัวว่าหลังจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์เข้ามาบริหารจะมีการเปลี่ยนแปลงผลประโยชน์เท่านั้นเอง


แต่หลังจากการนองเลือดมากมายปะทุขึ้นจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาถึงได้เข้าใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จะต้านทานได้ สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือยอมจำนนโดยดี มิฉะนั้นจะไม่มีสถานที่สำหรับพวกเขาในภูมิภาคทางเหนืออีกสักตารางนิ้วเดียว


ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสววรค์ก็ยิ่งทะยานขึ้นพร้อมกับขั้วอำนาจที่เข้ามาสวามิภักดิ์มากมาย ทำให้พลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว


ดังนั้นในเวลาเพียงหนึ่งเดือนอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ค่อยๆ กลืนกินดินแดนครึ่งหนึ่งของหมู่ตึกเทวะ แม้จะมีเรื่องวุ่นวายเป็นครั้งคราว แต่โดยรวมก็เริ่มสงบลงได้ด้วยดี


เมื่อกินดินแดนครึ่งหนึ่งเข้ามารวมในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาก็กลายเป็นหมูอ้วนพีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่โชคดีที่มั่นถัวหลัวและจอมพลทั้งสามให้หลักเหตุผล แม้ว่าจะมีจอมยุทธ์จำนวนมากเข้ามาสวามิภักดิ์เรื่อยๆ พวกเขาก็ไม่ได้มอบตำแหน่งสำคัญให้ ตำแหน่งที่สำคัญยังคงมอบให้กับเหล่าจอมยุทธ์ชาญศึกของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ สิ่งนี้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภายในที่จะส่งผลให้กับสำนัก…


แต่ต้องบอกว่าตราบใดที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ร่วมใจผ่านช่วงเวลานี้ ค่อยๆ ย่อยเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากเขตใหญ่ต่างๆ พลังที่หล่อหลอมในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็อยู่เหนือทั่วภูมิภาคทางเหนือได้


เมื่อถึงเวลานั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะเป็นเจ้าเหนือหัวแท้จริง!


เขตต้าหลัวเทียน อาณาเขตกงเวทสวรรค์ หอวิหคโลกันตร์


หอวิหคโลกันตร์ปัจจุบันก็เติบโตขึ้นพร้อมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ซึ่งแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก นอกจากนี้จำนวนจอมยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน


เมื่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์เติบโต ผลประโยชน์ที่หอวิหคโลกันตร์ได้รับก็ดีที่สุดในบรรดาเหล่าผู้บัญชาการ เมืองภายใต้การดูแลจากหนึ่งร้อยเมืองเพิ่มเป็นหกร้อยเมืองเลยทีเดียว!


การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แบบนี้ ทำให้หอวิหคโลกันตร์กลายเป็นอันดับหนึ่งของหมู่ผู้บัญชาการอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ผู้บัญชาการซิวหลัวที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับหอวิหคโลกันตร์ได้อีกแล้ว


ทว่าผู้บัญชาการคนอื่นไม่มีความเห็นใดเกี่ยวกับการกระทำของมั่นถัวหลัวที่ให้รางวัลมหาศาลกับหอวิหคโลกันตร์ เพราะทุกคนรู้ชัดว่าเป็นเพราะทุ่มเทของมู่เฉินทำให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของพวกเขากลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สิ่งที่พวกเขาทำจึงเทียบไม่ติดเลย


นอกจากนี้มู่เฉินยังมอบพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจให้กับมั่นถัวหลัวอีกด้วย…


ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะอิจฉาการเติบโตของหอวิหคโลกันตร์ แต่ก็ไม่มีใครพูดถึงความไม่พอใจใดๆ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หอวิหคโลกันตร์และมู่เฉินสมควรได้รับ


แม้ว่าหอวิหคโลกันตร์จะเต็มไปด้วยความสุขจากดินแดนที่ขยายตัว แต่ก็มีปัญหาตามมาเช่นกัน โชคดีที่มีความช่วยเหลือของถังปิงผู้ดูแลคนสำคัญและจอมยุทธ์มากมายที่เข้าร่วม ทำให้หอวิหคโลกันตร์สามารถควบคุมเมืองต่างๆ อย่างสมบูรณ์หลังจากนั้นหนึ่งเดือน…


จำนวนเมืองหกร้อยเมือง การส่งบรรณาการประจำปีให้กับหอวิหคโลกันตร์เพียงอย่างเดียวก็เป็นของเหลวจื้อจุนถึงหลายแสนหยดซึ่งมากกว่าในอดีตหลายเท่า


ในส่วนลึกของหอวิหคโลกันตร์ แม้จะมีการขยายตัวของดินแดน แต่สถานที่นี้ยังคงเป็นดินแดนต้องห้าม มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้ามาที่นี่ได้


ยามนี้มู่เฉินยืนมือไพล่หลังอยู่บนหลังคาหอสูง เขามองไปโดยรอบหอวิหคโลกันตร์ ร่างแสงทะยานผ่านอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าที่นี่ยังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง


ขณะที่หอวิหคโลกันตร์เข้ารับเมืองจำนวนมาก มู่เฉินก็ไม่ได้ว่าง เพราะไม่ใช่ทุกเมืองที่จะยอมจำนนโดยดี มีบางเมืองกระด้างกระเดื่อง ดังนั้นมู่เฉินจึงต้องไปเยี่ยมเยือนพร้อมหน่วยรบวิหคโลกันตร์ กวาดล้างสิ่งกีดขวางเหล่านั้นสิ้นซาก ดังนั้นในเดือนหนึ่งที่ผ่านมา กระทั่งเขาที่ผ่านการต่อสู้โหดร้ายในสงครามล่ามาก็ยังทนไม่ค่อยไหว..


แต่โชคดีที่หลังจากทำงานหนักมาก ในที่สุดสถานการณ์ของหอวิหคโลกันตร์ก็มั่นคงขึ้น ตราบใดที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก็รอเพียงเวลาที่หอวิหคโลกันตร์จะเติบโต


“อดีตเทียบปัจจุบันไม่ได้เลยจริงๆ…”


มู่เฉินยืนอยู่บนหลังคา เขามองหอวิหคโลกันตร์ที่ยิ่งใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ สองปีก่อนตอนที่เขามาถึงที่นี่ หอวิหคโลกันตร์เกือบจะถูกบีบให้ปลดประจำการ แต่ใครจะคิดว่าหลังจากผ่านไปสองปีก็เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง


“ใช่… แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะเจ้าที่ช่วยสนับสนุนนะ”


เสียงหัวเราะเพราะพริ้งดังขึ้นข้างหลังมู่เฉิน เขาหันไปมองก็เห็นร่างสะคราญโฉมของจิ่วโยว นางกำลังกลั้วเสียงหัวเราะขณะยืนอยู่ข้างหลังเขา


จิ่วโยวก้าวออกมายืนเคียงข้างมู่เฉิน นางจ้องมองไปที่ท้องฟ้าห่างไกล หลุดเข้าไปในภวังค์ “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นอย่างมากในเวลาเพียงสองปี”


สองปีก่อนตอนที่มู่เฉินมาถึงอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขายังไม่ได้ชำระร่างเทห์สวรรค์เลย แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือแล้ว การเติบโตของเขาทำให้คนอื่นถอนหายใจด้วยความชื่นชม


“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพี่ใหญ่จิ่วโยวที่คอยชี้แนะข้า” มู่เฉินยิ้มบาง หากไม่ใช่จิ่วโยวนำเขามายังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาอาจยังเดินไร้จุดหมายอยู่ในมหาพันภพแบบคนไร้บ้านอยู่เลย


จิ่วโยวยิ้มบางตอบคำพูดของเขา


มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยวก็สังเกตเห็นว่ารอยยิ้มนางเหมือนกำลังฝืน เขาขมวดคิ้ว “เป็นอะไรรึเปล่า?”


จิ่วโยวลังเลสั้นๆ ก่อนที่จะพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าได้รับสารจากเผ่า อีกห้าวันผู้อาวุโสเทียนเช่อจะมาพาข้ากลับไปที่เผ่าน่ะ…”


เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดของนางม่านตาก็หดลง


ในที่สุดเผ่าวิหคโลกันตร์ก็จะมาแล้วหรือ?


บทที่ 960 ผู้อาวุโสเทียนเช่อ

ห้าวันผันผ่านในพริบตา


เมื่อถึงวันที่ห้ามาถึงคนจากเผ่าวิหคโลกันตร์ก็มาตามสัญญา ปรากฏตัวขึ้นที่เขตต้าหลัวเทียน


เขตต้าหลัวเทียน ตำหนักรับรอง


เผ่าวิหคโลกันตร์มีประวัติศาสตร์ยาวนานในหมู่สัตว์อสูรของมหาพันภพ ดังนั้นเมื่อพวกเขามาที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ แม้แต่มั่นถัวหลัวก็ต้องออกมารับหน้า นางออกจากสมาธิเพื่อต้อนรับพวกเขาด้วยตนเอง


ที่ด้านหน้าตำหนัก มั่นถัวหลัวยืนมือไพล่หลัง พร้อมด้วยจอมพลทั้งสาม มู่เฉินและจิ่วโยว ทว่าตอนนี้จิ่วโยวมีท่าทีเหม่อลอยมาก มู่เฉินที่อยู่ด้านข้างรู้ว่านางยังคงกังวลอยู่ในใจ แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีความหมาย รอให้สมาชิกเผ่าวิหคโลกันตร์มาถึงก่อน ค่อยดูทัศนคติของอีกฝ่ายต่อเรื่องนี้เถอะ


“วางใจเถอะ ถึงแม้เผ่าวิหคโลกันตร์จะทรงพลัง แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พวกเขาอย่าคิดทำอำเภอใจภายใต้การเฝ้าดูของข้า” มั่นถัวหลัวเหลือบมองไปที่มู่เฉินและจิ่วโยวก่อนจะพูด


ด้วยสายตาเฉียบคม นางรู้ว่าจิ่วโยวเป็นกังวลเรื่องอะไร จิ่วโยวกับมู่เฉินมีพันธะโลหิตเชื่อมโยงกัน ซึ่งเป็นสัญญาที่ผูกมัดชีวิตของพวกเขาไว้ด้วยกัน หากฝ่ายหนึ่งตายอีกฝ่ายก็จะสิ้นใจตามไปด้วย


พูดทั่วไปแล้วพันธะโลหิตไม่ใช่เรื่องหายากในหมู่สัตว์อสูร เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างพันธะกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังและเท่าเทียมกัน ด้วยวิธีนี้ทั้งคู่จะได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่ชัดว่ามู่เฉินไม่ใช่สัตว์อสูรที่มีสายเลือดทรงพลัง


นอกจากนี้สำหรับสัตว์อสูรที่มีสายเลือดพิเศษพวกเขาจะดูถูกมนุษย์ นั่นเป็นเพราะภายใต้สถานการณ์ทั่วไปสัตว์อสูรในระดับเดียวกับมนุษย์จะแข็งแกร่งกว่า เนื่องจากพวกเขามีพรสวรรค์และพลังกายที่มีมาแต่กำเนิดซึ่งแข็งแรงกว่ามนุษย์


ในมุมมองของพวกเขามนุษย์ส่วนใหญ่ปวกเปียก ซ้ำยังตายง่ายก่อนที่จะกลายเป็นยอดยุทธ์อย่างแท้จริง ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธที่จะสร้างพันธะโลหิตกับมนุษย์ เพราะพวกเขามองว่านอกจากเป็นการปนเปื้อนความบริสุทธิ์ของสายเลือดแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


ดังนั้นในหมู่สัตว์อสูรหัวอนุรักษ์นิยม หากมีใครก่อพันธะโลหิตกับมนุษย์ จะถูกมองว่าเป็นกบฏและทำโทษโดยดึงสายเลือดออกจนตาย


ด้วยเหตุนี้จิ่วโยวจึงกังวลใจตลอด นางไม่กังวลว่าเผ่าวิหคโลกันตร์จะทำอะไรกับตัวนาง เนื่องจากบิดาของนางเป็นประมุขคนปัจจุบัน บวกกับพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมของนาง สถานะที่มีก็ได้รับการเคารพนับถือมาก ไม่มีใครในเผ่ากล้าทำอะไรนาง แต่นางกังวลว่าหลังจากเผ่ารู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาจะทำบางสิ่งกับมู่เฉินต่างหาก…


แต่เมื่อได้ยินคำรับประกันของมั่นถัวหลัว นางก็รู้สึกโล่งใจลงบ้าง ก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกขอบคุณ ทว่าขณะที่กำลังจะพูดบางอย่าง ดวงตาก็ต้องหดเกร็ง นางเงยหน้าขึ้นก็เห็นสายฟ้าพาดผ่านจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็เห็นสายฟ้ามาถึงตัวแล้ว มองเห็นนกที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าสีม่วงพุ่งผ่านอากาศเข้ามา


นกสีม่วงตัวนั้นบินวนอยู่เหนือตำหนัก จากนั้นร่างแสงจำนวนหนึ่งก็ร่อนลงมาเบื้องหน้ากลุ่มมั่นถัวหลัว


“ฮ่าๆ ตาเฒ่าคนนี้ชื่อเทียนเช่อเป็นผู้อาวุโสจากเผ่าวิหคโลกันตร์ ขออภัยที่มารบกวนในวันนี้ท่านประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์” เมื่อร่างแสงหลายร่างปรากฏขึ้น เสียงหัวเราะมากวัยก็ดังขึ้น แรงกดดันอันน่าประหลาดใจของคลื่นหลิงแผ่ขยายออกไป ทำให้พื้นที่ทั้งหมดบีบเอาไว้


เมื่อแสงจางลงก็เห็นร่างหลายร่างปรากฏตัวเบื้องหน้าตำหนักรับรองส่วนหน้า มีผู้อาวุโสสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอมเขียวเป็นผู้นำกลุ่ม บนเสื้อคลุมปักลายนกชนิดหนึ่งปล่อยแรงกดดันทรงพลังออกมา


แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่าตกใจปล่อยมาจากร่างเขา


ยืนอยู่ด้านหลังเป็นคนอีกหลายคน ที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดก็คือร่างอ่อนเยาว์เพรียวบางที่สวมชุดสีเหมือนกัน เขามีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคม ริมฝีปากบางและฉายแสงคมชัดจากดวงตาที่น่าดึงดูดใจ


เมื่อจอมพลทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหลังมั่นถัวหลัวรู้สึกถึงแรงกดดันก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้ค่อนข้างทรงพลัง นี่คือจะทดสอบความสามารถของอาณาเขตกงเวทสวรรค์เรอะ? ท่าทางอาจจะต้องออกเหงื่อกันก่อนจะกระชับมิตรได้ซะล่ะมั้ง… วันนี้ท่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว


“ท่านผู้อาวุโสเทียนเช่อเผ่าวิหคโลกันตร์นี่เอง อุตส่าห์ให้เกียรติมาเป็นแขกของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ข้าในฐานะประมุขก็จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อต้อนรับทุกคน”


ขณะที่จอมพลทั้งสามยืนหน้านิ่วขมวดคิ้ว มั่นถัวหลัวก็คลี่ยิ้มน้อยๆ แม้ว่านางจะไม่ได้เปลี่ยนอากัปกิริยาแต่เสียงที่ดังขึ้นกลับมีคลื่นผันผวนที่สงบเงียบแพร่กระจายออกไปทำให้ผู้คนสงบลงได้ มากจนกระทั่งพื้นที่ที่ถูกครอบงำไว้คืนสู่ความสงบอีกครั้ง


การกระทำของนางทำให้ดวงตาของเทียนเช่อหดลง เขาเพ่งความสนใจไปที่มั่นถัวหลัวก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ไม่คิดว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะสัมผัสขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้ว คงอีกไม่ไกลเจ้าก็จะบรรลุขั้นนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง”


พลังของเทียนเช่ออยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น ซึ่งมีสถานะสูงส่งมากในเผ่าวิหคโลกันตร์ ตามการคาดเดาในตอนแรก ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์น่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นหากต้องต่อสู้หลังจากพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาก็น่าจะได้เปรียบมากกว่าด้วยสถานะของเทพอสูร แต่สถานการณ์ตอนนี้พลังของมั่นถัวหลัวกลับเกินความคาดหมายของเขาไปไกล


ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายยิ่งใหญ่มากแม้แต่ในเผ่าวิหคโลกันตร์ ไม่คิดว่าจะได้พบกับจอมยุทธ์ทรงพลังเช่นนี้ในขั้วอำนาจระดับภูมิภาค


รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของมั่นถัวหลัวขณะที่ตอบว่า “ขอบคุณสำหรับคำชมผู้อาวุโสเทียนเช่อ”


นางรู้ดีว่าความภูมิใจในฐานะเผ่าเทพอสูรเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นจากท่าทีเมื่อครู่ก็ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร หากนางไม่ได้มีพัฒนาการจากสงครามล่าละก็ เทียนเช่อคงไม่มีท่าทางสุภาพขึ้นในเวลานี้แน่


เทียนเช่อยิ้มบาง ก่อนที่จะมองร่างเพรียวบางด้วยตายิ้มหยี “จิ่วโยวน้อย ตาแก่คนนี้เดินทางมาไกลเพื่อพาเจ้ากลับบ้าน เจ้ายังจะซ่อนตัวอีกรึ?”


เมื่อจิ่วโยวเห็นเทียนเช่อจ้องมองมา นางก็ย่างเท้าก้าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้


เทียนเช่อที่เห็นจิ่วโยวก้าวออกมา ดวงตาไร้ริ้วคลื่นก็กะพริบด้วยแสงแวววาวขณะที่สำรวจทั่วร่างของอีกฝ่าย ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มปีติบนใบหน้าในทันที “วิหคอนธโลกันตร์จริงด้วย สาวน้อย เจ้าปลุกสายเลือดนี้ได้จริงๆ… สมกับเป็นสายเลือดล้ำค่าที่สุดในเผ่าของเราในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา”


พอมู่เฉินเห็นภาพนี้ เขาก็อดถามเทียนจิ้วอย่างงุนงงไม่ได้ว่า “ยากมากสำหรับเผ่าวิหคโลกันตร์ที่จะปลุกสายเลือดวิหคอนธโลกันตร์เหรอ?”


จากคำพูดของเทียนเช่อ คนในเผ่าวิหคโลกันตร์ที่สามารถปลุกสายเลือดขึ้นมาได้ก็ไม่น่ามีน้อยนะ


“ฮ่าๆ วิหคโลกันตร์เป็นสัตว์อสูรเริ่มต้น แต่พวกเขาสามารถมีวิวัฒนาการแตกสายไปได้อีกมากมาย เช่น วิหคเพลิงกัลป์ วิหคน้ำแข็งอเวจี เป็นต้น… แต่สายของวิหคอนธโลกันตร์หายากมากเพราะคนที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นอนธโลกันตร์ได้ก็หมายความว่าพวกเขามีสายเลือดของวิหคอมตะอยู่ หากมีโอกาสมากพอพวกเขาอาจจะสามารถพัฒนาเป็นวิหคอมตะซึ่งก็คือเทพอสูรที่แท้จริง มิหนำซ้ำยังอยู่ในชั้นสูงสุดของทำเนียบเทพอสูรอีกด้วย” เทียนจิ้วหัวเราะเบาๆ


“จากที่ข้ารู้จิ่วโยวเป็นเพียงหนึ่งเดียวในช่วงหลายพันปีที่สามารถพัฒนาเป็นวิหคอนธโลกันตร์ได้”


เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี้ก็อดเดาะลิ้นไม่ได้ ในอดีตเขารู้แค่ว่าจิ่วโยวมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดเลยว่านางจะเป็นสัตว์อสูรที่หายากมากแม้แต่ในเผ่าวิหคโลกันตร์


ขณะที่มู่เฉินคุยกับเทียนจิ้วด้วยเสียงโทนต่ำ จิ่วโยวที่อยู่ข้างหน้าก็ฝืนยิ้มให้เทียนเช่อก่อนจะพูดต่อว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่มารับข้า แต่ในเมื่อมาถึงแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวกลับเลยดีกว่า”


เมื่อพูดจบ ชายหน้าตาหล่อเหล่าที่ยืนอยู่ด้านหลังเทียนเช่อก็ยิ้มบาง “องค์หญิงน้อยจิ่วโยว ยังไม่ต้องรีบกลับ ครั้งนี้ที่มาพวกเรายังมีเรื่องอื่นที่จะต้องจัดการ”


“เจ้าเป็นใคร?” จิ่วโยวพูดน้ำเสียงเย็นชา


“ข้าชื่อหลิ่วชิงเป็นผู้คุมกฎของเผ่าของเรา” อีกฝ่ายยิ้มตอบ


“หลิ่วชิง?” ดวงตาของจิ่วโยวเกร็งขึ้นเนื่องจากชื่อนี้ฟังค่อนข้างคุ้นเคย ตอนที่นางออกจากเผ่า เขาคนนี้ก็เป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในหมู่คนรุ่นใหม่แล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้จะดำรงตำแหน่งผู้คุมกฎ การก้าวขึ้นมาในจุดดังกล่าวถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว


“ฮ่าๆ จิ่วโยวน้อย อย่าทำสร้างเรื่องลำบากใจให้หลิ่วชิงเลย…” เทียนเช่อยิ้ม จากนั้นดวงตาที่ขุ่นมัวก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่พูดต่อ “เจ้ามีสายเลือดโดดเด่นที่สุดในช่วงหลายพันปี ป้ายชีวาก็ประทับอยู่ในศาลาบรรพบุรุษ เพียงแต่ช่วงก่อนนี้ พวกเราตระหนักได้ว่าป้ายชีวาของเจ้าปะปนด้วยสิ่งปนเปื้อนเล็กน้อยที่มาจากสายเลือด ดังนั้นตาแก่คนนี้จึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้”


ใบหน้าของจิ่วโยวซีดเซียวลงตอบว่า “ก่อนหน้าข้าได้รับบาดเจ็บหนัก ทำให้มีรอยถูกทิ้งไว้ ในอนาคตก็จะหายไปเอง”


เทียนเช่อส่ายหัวพูดอย่างไม่แยแสว่า “ตั้งแต่ข้าเห็นเจ้าเมื่อครู่ก็รู้ว่าเจ้าได้ทำพันธะโลหิตกับใครบางคน… ดังนั้นเจ้าไม่ต้องซ่อนมันจากข้า แต่วางใจเถอะ ถ้ามีใครในโลกกล้าบังคับให้เจ้าทำพันธะโลหิต เผ่าของเราจะต่อสู้ยิบตาอย่างแน่นอน!


“ดังนั้นเจ้าแค่บอกข้าว่าใครเป็นคนที่เจ้าสร้างพันธะโลหิตด้วยก็พอ!”


เมื่อพูดจนจบ น้ำเสียงก็อัดแน่นไปด้วยเจตนาฆ่า


จิ่วโยวกัดฟันกำมือแน่น แต่ไม่พูดอะไรสักคำ


เทียนเช่อมองไปที่นางก่อนจะขมวดคิ้ว “ต่อให้เจ้าไม่พูด ตาแก่คนนี้ก็รู้สึกได้ ณ ที่นี่คนที่มีกลิ่นสายเลือดของเผ่าวิหคโลกันตร์มีไม่เยอะหรอกนะ!”


พูดถึงตอนท้าย เสียงก็ดังก้องราวกับฟ้าร้องสะท้อนไปทั่วขอบฟ้า ก่อนที่สายตาแหลมคมที่สามารถฉีกท้องฟ้าออกได้จะจ้องเขม็งไปที่มู่เฉิน


“ไอ้หนุ่ม ตาแก่คนนี้พูดถูกไหม?!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)