หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 953-954
บทที่ 953 จอมพลสี่ปรากฏตัว
ฟิ้ว!
ริ้วแสงสีดำพุ่งผ่านมิติตรงเข้าหาหุ่นเงาที่ยืนอยู่เหนือเกาะหิน ทว่าแม้มู่เฉินจะทำอย่างลับๆ แต่ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงประสาทสัมผัสของประมุขหมู่ตึกเทวะไปได้
“หึ!”
แม้ประมุขหมู่ตึกเทวะจะไม่รู้ว่าการกระทำของมู่เฉินมีประโยชน์อะไร แต่เขาก็เป็นคนระมัดระวังและหลักแหลม ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยให้เหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เค้นเสียงเย็น เหยียดมือคว้าออกไปในท้องฟ้า ทำให้มิติบิดเบือนขัดขวางริ้วแสงเอาไว้
ตู้ม!
ทว่าจังหวะที่ประมุขหมู่ตึกเทวะเคลื่อนไหว มั่นถัวหลัวก็สาดไอเย็นยะเยือกในดวงตา นางเหยียดนิ้วเรียวออกกดลงไปที่ท้องฟ้า
ทันทีที่นางกดนิ้วลง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกมาก่อร่างเป็นดัชนีคลื่นหลิงที่มีขนาดหลายพันจั้ง ซึ่งปกคลุมไปด้วยชั้นผลึกหลิงที่มีความทนทานมาก
เมื่อดัชนีปรากฏขึ้นก็พุ่งไปหาประมุขหมู่ตึกเทวะทันที ในเวลาเดียวกันประมุขคนอื่นๆ ก็ออกกระบวนท่าโดยไม่ลังเล พวกเขาใช้ทักษะทรงพลังต่างๆ โจมตี พลังทำลายล้างยิ่งใหญ่ล้อมรอบร่างประมุขหมู่ตึกเทวะเอาไว้ทุกทิศทาง
เผชิญหน้ากับการจู่โจมกะทันหันจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนกลุ่มใหญ่ ประมุขหมู่ตึกเทวะก็ขมวดคิ้ว โดยไม่มีทางเลือกเขาต้องยอมปล่อยริ้วแสงสีดำไป จากนั้นก็พลิกมือกดลงบนท้องฟ้า
“ปัง!”
เมื่อฝ่ามือกดลงไปมิติก็พังทลาย หากมองจากบนท้องฟ้าก็จะพบว่ามิติที่พังทลายมีรูปร่างคล้ายฝ่ามือขนาดใหญ่
ฝ่ามือเดียวของเขาสามารถทำลายภูเขาและแม่น้ำได้
เพียงฝ่ามือเดียวซัดออกมา การโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งหมดก็แตกซ่าน กลายเป็นจุดแสงกระจายไปทั่วท้องฟ้า
เหล่าประมุขส่งเสียงครวญคราง พวกเขาได้รับบาดเจ็บถ้วนทั่ว ใบหน้าของแต่ละคนน่าเกลียดลง เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่าถึงจะมีหลายคนมารวมพลังกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะได้
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายน่าเกรงกลัวอย่างแท้จริง!
“ฮ่าๆ ดื้อดึงต่อสู้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย” ประมุขหมู่ตึกเทวะยืนจังก้าอยู่บนรัศมีสีดำที่เชี่ยวกราก รอยยิ้มบางเผยบนใบหน้า สายตาอัดแน่นด้วยคำสบประมาท ด้วยพลังของเขาในยามนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะครองภูมิภาคทางเหนือทั้งหมด
สีหน้าของมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ เขียวคล้ำขณะที่กำมือแน่น เผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากสู้สุดชีวิต ตอนนี้พวกเขาได้แต่ภาวนาว่าประมุขหมู่ตึกเทวะยังไม่สามารถควบคุมคลื่นพลังได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้การทุ่มสุดพลังของพวกเขาอาจยังมีโอกาสรอดชีวิต ตราบใดที่พวกเขาหนีออกไปจากที่นี่แล้วกระจายข่าวออกไป หมู่ตึกเทวะจะต้องถูกทำลายไม่เหลือซากแน่นอน
มู่เฉินยืนอยู่ด้านหลังมั่นถัวหลัว สีหน้าเขาเปลี่ยนไปจากพลังอันน่าเกรงขามของประมุขหมู่ตึกเทวะเช่นกัน จากระยะไกลริ้วแสงสีดำก็ไปถึงเกาะหินแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของมู่เฉินจมลงก็คือความจริงที่เมื่อริ้วแสงเข้าใกล้ ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากหุ่นเงาราวกับว่ามันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
มู่เฉินขมวดคิ้วแน่น วัตถุชิ้นนั้นลึกลับมาก ตามการคาดเดาของเขาน่าจะถูกทิ้งไว้โดยจอมพลสี่ แต่ทำไมหุ่นเงาถึงไม่ตอบสนอง?
แววตามู่เฉินวูบไหว จากนั้นก็กัดฟันพร้อมกับสะบัดนิ้ว คลื่นหลิงที่ปกคลุมรอบริ้วแสงสีดำระเบิดออก ยิงเข้าไปตรงกลางหว่างคิ้วของหุ่นเงา
เมื่อริ้วแสงพุ่งเข้ามาก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ จากหุ่นเงา สุดท้ายก็ปล่อยให้มู่เฉินยิงมันใส่หน้าผาก โลหะถูกฝังลงหว่างคิ้วของหุ่นเงา
ตอนแรกนี่เป็นการกระทำไม่มีทางเลือกอื่นของมู่เฉิน เขาต้องการเพียงลองเสี่ยงดู แต่ดูเหมือนจะเกินความคาดหมายของเขาไป เมื่อริ้วแสงฝังตัวเข้าไปในหว่างคิ้วของหุ่นเงา ดวงตากลวงโบ๋ก็ค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง
แสงสีดำเบ่งบานบนหน้าผากของหุ่นเงา สัญลักษณ์โบราณวิ่งพล่านอยู่ที่หว่างคิ้ว ก่อตัวเป็นอักขระโบราณที่แปลกประหลาด สุดท้ายอักขระเหล่านั้นก็แผ่เข้าไปในดวงตากลวงโบ๋นั่น
เมื่ออักขระเข้าไปสถิตในดวงตาของหุ่นเงา แสงประหลาดก็เริ่มรวมตัวกันในดวงตาลึกโบ๋ คลื่นความผันผวนแพร่กระจายออกมาจากหุ่นเงา
คลื่นแปลกประหลาดที่ถูกปล่อยออกมากะทันหัน ถูกตรวจจับได้อย่างรวดเร็วโดยประมุขหมู่ตึกเทวะ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วจ้องมองมู่เฉินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ การเปลี่ยนแปลงฉับพลันของหุ่นเงาชัดว่าเกิดจากการกระทำก่อนหน้าของมู่เฉิน
มู่เฉินโล่งใจในใจ ดูท่าเขาจะคาดเดาได้ถูกต้อง ของลึกลับชิ้นนี้ถูกทิ้งไว้โดยจอมพลสี่จริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร…
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันของหุ่นเงา ทำให้การปะทะทุกรูปแบบหยุดลง เผชิญหน้ากับหุ่นเงาซึ่งได้รับพลังส่วนใหญ่ของจอมพลสี่มา แม้แต่ประมุขหมู่ตึกเทวะก็ไม่กล้าที่จะประมาท
แม้ว่าเขาจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจนมาอยู่ในระดับเดียวกับจอมพลสี่เมื่อยังมีชีวิต ทว่าพลังการต่อสู้ก็ยังมีความแตกต่างกันมาก
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ภายใต้สายตาจดจ่อของทุกคน จุดแสงในดวงตาของหุ่นเงาก็เข้มข้นขึ้น จนสุดท้ายแสงทรงพลังก็พุ่งออกมา ทำให้มิติถึงกับบิดเบือน
เมื่อแสงทรงพลังจางหายไป หุ่นเงาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนผิดหวังคือความจริงมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอะไรเป็นพิเศษ
“ไม่ ดูที่ตามัน!” มู่เฉินหดดวงตาเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ทุกคนเพ่งสายตาไปก็ตระหนักได้ว่าความว่างเปล่าในสายตาของหุ่นเงาไม่มีเหลือกลับถูกแทนที่ด้วยความมึนงงและมากประสบการณ์…
ยามนี้มีร่องรอยพลังชีวิตเปล่งออกมาจากหุ่นเงา!
ท่ามกลางความตื่นตะลึงในสายตาทุกคน หุ่นเงาก็ก้มศีรษะลงมองมือตัวเอง อึดใจความมึนงงในดวงตาก็สลายไป ในเวลาเดียวกันทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีครอบงำกำจายออกมาจากร่างหุ่นเงา
“รัศมีนี่…”
เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ สัมผัสถึงรัศมีนี้ ม่านตาก็หดเกร็ง เสียงอุทานดังขึ้น “นั่นคือท่านจอมพลสี่!
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดพูดว่า “ที่แท้วัตถุนั้นบรรจุเศษเสี้ยวจิตสำนึกของท่านจอมพลสี่ที่ทิ้งไว้…”
ชัดว่าการที่มู่เฉินยิงวัตถุลึกลับไปที่กลางหว่างคิ้วของหุ่นเงาโดยไม่ตั้งใจ การทำเช่นนั้นปลดปล่อยจิตสำนึกเข้าไปในร่างหุ่นเงา ทำให้สามารถควบคุมหุ่นเงาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รัศมีของจอมพลสี่ปรากฏขึ้น
“ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านมาหมื่นปี จะมีใครบางคนปลุกจิตสำนึกของข้าได้” ขณะที่ทุกคนตกตะลึง ศีรษะของหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ก็เงยขึ้นช้าๆ สายตามองทะลุมิติไปที่มู่เฉินอัดแน่นด้วยความสูงส่งยิ่งใหญ่
“หืม?”
ทว่าเมื่อจอมพลสี่กำลังมองมู่เฉิน ดวงตาก็เปลี่ยนไป สายตาเขม่นมองรัศมีสีดำเชี่ยวกรากที่อยู่ในระยะไกล พลังงานในรัศมีสีดำดูคุ้นเคยและน่ารังเกียจยิ่งนัก
“คลื่นพลังแม่ทัพปีศาจทุนเทียน?!”
มิติโดยรอบจอมพลสี่ระเบิดออกทันทีภายใต้เสียงคำรามเดือดดาล ก่อนที่ชิ้นส่วนมิติจะรวมตัวกันรอบตัวเขาราวกับพายุ ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
จิตสังหารพุ่งสูงขึ้นในดวงตามากประสบการณ์ เขาสะบัดแขนเสื้อ รัศมีสีดำเชี่ยวกรากก็ถูกฉีก เผยให้เห็นร่างประมุขหมู่ตึกเทวะที่ซ่อนอยู่ภายใน
“ในฐานะจอมยุทธ์มหาพันภพ เจ้าบังอาจกล้าดูดซับพลังงานเผ่าปีศาจ ปล่อยให้มีชีวิตต่อไม่ได้แล้ว!” แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตสำนึก แต่จอมพลสี่ก็ยังอ่อนไหวต่อพลังแม่ทัพปีศาจทุนเทียน ดวงตาเขาจับจ้องไปที่ประมุขหมู่ตึกเทวะด้วยเจตนาฆ่าเข้มข้น
เมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะรู้สึกถึงสายตาของจอมพลสี่ สีหน้าเขาก็น่าเกลียดลง แต่ถึงแม้จะรู้สึกกลัว เขาก็ไม่ตระหนกเค้นเสียงออกไปว่า “สามหาว ถ้าเป็นร่างจริงของเจ้ามาปรากฏ บางทีข้าอาจกลัวอยู่บ้าง แต่เจ้าเป็นเพียงจิตสำนึกเล็กๆ ยังคิดจะฆ่าข้าเนี่ยนะ?”
ถึงยังไงเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับจอมพลสี่ตัวจริง เขาก็ยังสามารถต่อสู้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนกไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน
แต่สถานการณ์ที่เขาเคยมั่นใจอย่างเต็มที่กลับกลายเป็นค่อนข้างลำบาก ซึ่งสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าสำหรับประมุขหมู่ตึกเทวะนัก ทันใดนั้นเขาก็กราดมองมู่เฉินด้วยสายตาโหดเหี้ยมซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตานี่ มู่เฉินก็รู้สึกหนังหัวชาหนึบแต่ก็รู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวด้วย การเข้ามาสมทบของจอมพลสี่ ทำให้สถานการณ์เริ่มเกินการควบคุมของประมุขหมู่ตึกเทวะ เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็มั่นใจในการหลบหนีมากขึ้น
มั่นถัวหลัวเหลือบมองไปที่มู่เฉินขณะที่รู้สึกโล่งใจ เพราะมู่เฉินทำให้มีโอกาสเกิดขึ้น ตอนนี้ต้องดูว่าจอมพลสี่จะมีวิธีการอะไรบ้าง เผื่อพวกเขาจะสามารถช่วยกันประสานพลังสังหารประมุขหมู่ตึกเทวะได้ที่นี่
ขณะที่ความคิดนี้สะท้อนอยู่ในหัวใจของทุกคน จอมพลสี่ก็จ้องมองประมุขหมู่ตึกเทวะอย่างเย็นชาและเย้ยหยันว่า “แค่จอมยุทธ์กระจ้อยร่อยที่เพิ่งบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายยังกล้ายโสใส่จอมพลคนนี้ ช่างน่าขำจริงๆ…”
“ถ้าในโลกภายนอก ด้วยสภาพข้าในตอนนี้บางทีอาจไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ก็จริง แต่ที่นี่เป็นสุสานของข้า ดังนั้นจะให้เจ้าทำอะไรไม่ถูกไม่ควรไม่ได้!”
“ในเมื่อเจ้าชอบพลังเผ่าปีศาจต่างมิติมากนัก งั้นก็อยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์เป็นเพื่อนแม่ทัพปีศาจทุนเทียนซะ!”
เมื่อสิ้นเสียงเย็นชาของจอมพลสี่ เขาก็แบมือออก วัตถุสามเหลี่ยมซึ่งฝังอยู่ที่หว่างคิ้วพลิ้วลงมาบนฝ่ามือช้าๆ
มองภาพนี้เปลือกตาของมู่เฉินก็กระตุกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ หรือว่าวัตถุที่เขาคิดว่าไร้ประโยชน์จะมีความมหัศจรรย์อื่นอีกเรอะ?
บทที่ 954 พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
โลหะสามเหลี่ยมกำจายเกลียวแสงโบราณหมุนวนอยู่เหนือฝ่ามือของจอมพลสี่อย่างช้าๆ ขณะที่เคลื่อนไหวก็ส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา
สัญลักษณ์แสงโบราณปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ บนพื้นผิวราวกับกิ่งไม้ที่ยื่นออกจากต้นไม้โบราณ ขณะเดียวกันทุกคนในมิติก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้ทั้งมิติเหมือนจะเริ่มสั่นสะเทือน
กระทั่งมหาสมุทรเบื้องล่างยังบ้าคลั่งขึ้นมาทันที คลื่นยักษ์หมื่นจั้งก่อตัวขึ้นไม่หยุด ภาพนี้ตระการตายิ่งนัก
มั่นถัวหลัวและคนอื่นมองดูความปั่นป่วนอย่างตกกตะลึง ยามนี้พวกเขารู้สึกถึงคลื่นทรงพลังที่ทะลุทะลวงผ่านมิติ แล้วเคลื่อนลงมายังสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
“พลังงานนี่…”
ใบหน้าของประมุขหมู่ตึกเทวะเปลี่ยนไป อึดใจเขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าด้วยสายตามืดครึ้ม ตอนนี้ท้องฟ้าซึ่งควรจะเป็นสีดำสนิทกลับกระเพื่อมไหว ทันใดนั้นเขาก็ต้องหดดวงตาเมื่อเห็นวัตถุขนาดใหญ่เลื่อนผ่านมิติลงมาสู่บริเวณนี้
วัตถุนี้มีขนาดใหญ่มากจนไม่สามารถมองเห็นทั้งหมดได้ การเคลื่อนตัวลงมาช้าๆ แฝงด้วยความน่าสะพรึงกลัวครอบงำทุกสรรพสิ่ง ทำให้ดวงตาของเหล่าประมุขแข็งเกร็งขึ้นเลยทีเดียว
มู่เฉินและคนอื่นก็เงยหน้าขึ้นมองวัตถุขนาดใหญ่ที่ลดระดับลงมาด้วยแววตาตกตะลึง จากนั้นอึดใจก็พึมพำว่า “นี่มันพีระมิดสีดำ…”
วัตถุขนาดมหึมาที่ปรากฏต่อหน้าพวกเขาก็คือพีระมิดสีดำขนาดใหญ่ที่พวกเขาเห็นหลังจากก้าวเข้าสู่ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนนั่นเอง!
“วัตถุนี้เรียกพีระมิดสีดำมาได้ด้วยเหรอเนี่ย?!” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นเข้าปอด ตอนนี้เขารู้ชัดแจ้งแล้วว่าวัตถุนี้ไม่ใช่แค่โลหะรูปสามเหลี่ยมสีดำ แต่เป็นพีระมิดสีดำที่หดตัวลงจนเล็กจิ๋ว
ขณะนี้พร้อมกับการปรากฏของพีระมิดสีดำ พื้นผิวพีระมิดก็กระเพื่อมไหวด้วยแสงสีทอง แสงเหล่านั้นราวกับดวงดาว ก่อนที่รังสีแสงจะกระจายออกแล้วเชื่อมโยงเข้าด้วยกันเหมือนโซ่ทองที่ห่อหุ้มพื้นผิวพีระมิด ซึ่งทำให้ดูไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้
ยามนี้พวกเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าพีระมิดสีดำเป็นอาวุธที่ทรงพลังเพียงใด พวกเขาลืมตระหนักไปตอนเข้าสู่ขุมทรัพย์จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสุดยอดแห่งยุคโบราณ
“ไม่คิดเลยว่าพีระมิดสีดำนี้จะเป็นอาวุธมหสวรรค์…”
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงขณะที่ส่ายหัวด้วยความรู้สึกเสียดาย “แต่จอมพลสี่ซ่อนไว้อย่างดีจนคนแบบข้าก็ไม่สามารถค้นพบได้”
“อาวุธมหสวรรค์?!”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี่หัวใจก็สั่นไหว ในมหาพันภพมีระดับอาวุธเทพได้แก่อาวุธสรรค์สวรรค์-พบสวรรค์-มหสวรรค์ ซึ่งอาวุธพบสวรรค์ไม่ใช่อาวุธเทพที่ทรงพลังที่สุด เนื่องจากเหนือขึ้นไปยังมีอาวุธมหสวรรค์ อาวุธระดับนี้เป็นวัตถุเทพที่หายากและทรงพลังมาก ต้องรู้ว่าขนาดจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังรู้สึกถึงความโลภที่พลุ่งพล่านขึ้น
ท่องยุทธภพมาหลายปีมู่เฉินไม่เคยเห็นอาวุธมหสวรรค์เลย วัตถุระดับนี้เกินกว่าที่จะเข้าถึงได้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา
แน่นอนว่าไม่ใช่เขาคนเดียว แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่มีอาวุธมหสวรรค์ของแท้ แต่ยามนี้พีระมิดสีดำกลับเป็นอาวุธมหสวรรค์แท้จริง ดังนั้นมู่เฉินจะไม่ตกตะลึงในหัวใจได้ยังไง?
“นี่น่าจะเป็นอาวุธมหสวรรค์ขั้นต่ำ จากที่ข้ารู้มามีอาวุธมหสวรรค์แปดชิ้นในวังสวรรค์บรรพกาล หนึ่งในนั้นรู้จักกันในชื่อพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ ถ้าข้าไม่เดาผิดนี่น่าจะเป็นอาวุธชิ้นนั้น” มั่นถัวหลัวถอนหายใจ
“อาวุธมหสวรรค์แปดชิ้น…”
มู่เฉินสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดอีกครั้ง สมกับเป็นวังสวรรค์บรรพกาลจริงๆ กระทั่งอาวุธมหสวรรค์ทรงพลังยังมีถึงแปดชิ้น เห็นได้เลยว่าสำนักโบราณแห่งนี้ทรงอำนาจเพียงใดเมื่อครั้งยังอยู่ ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไปกี่เท่า
“ถ้าข้ามีอาวุธมหสวรรค์สักชิ้น ข้าก็สามารถเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะในตอนนี้ได้” มั่นถัวหลัวยิ้มจนใจ
“ต่อให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราจะทุ่มทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถหาอาวุธมหสวรรค์มาได้เหรอ?” มู่เฉินตะลึงไปเล็กน้อยขณะที่ถาม หากอาวุธมหสวรรค์ทรงพลังขนาดนั้นจริง งั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็น่าจะพอหามาได้ถ้าทุ่มเงินทั้งหมดที่มีใช่ไหม?
“ตามการประเมินของข้า อาวุธมหสวรรค์ชิ้นหนึ่งมีราคาอย่างน้อยสิบล้านหยดของเหลวจื้อจุน…” มั่นถัวหลัวกล่าว
“สะ…สิบล้านหยดของเหลวจื้อจุน?”
มู่เฉินอึ้งไป ความไม่เชื่อเขียนบนใบหน้า ย้อนกลับไปที่ทวีปซังเคล็ดวิชาเก้ามังกรคชสารที่สามารถเปรียบเทียบได้กับทักษะขั้นยอดเยี่ยมก็ถูกประมูลไปด้วยราคาของเหลวจื้อจุนไม่กี่หมื่นหยด รายได้ของหอวิหคโลกันตร์ต่อปีก็มีไม่กี่หมื่นหยดเท่านั้น แต่ตอนนี้อาวุธมหสวรรค์ชิ้นเดียวกลับมีค่าเป็นสิบล้านหยดเหรอ?
ด้วยราคาที่สูงเช่นนี้ แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกคั้นจนแห้งก็ยากที่จะรวบรวมของเหลวจื้อจุนถึงสิบล้านหยดได้
“ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ การสร้างอาวุธมหสวรรค์ยากและมักใช้เวลานานมาก บางทีแม้จะผ่านหลายร้อยหรือหลายพันปีก็ยังไม่สามารถสร้างออกมาได้ชิ้นหนึ่งเลย”
มั่นถัวหลัวนิ่งสงบเกี่ยวกับเรื่องนี้ขณะที่พูดต่อ “พลังของอาวุธมหสวรรค์อาจถือได้ว่าเป็นพลังการทำลายล้างที่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้เลย”
“นอกจากนี้ในมหาพันภพมาตรฐานหนึ่งสำหรับการวัดขั้วอำนาจยักษ์ใหญ่ก็ดูว่ามีอาวุธมหสวรรค์ครอบครองหรือไม่ ดังนั้นในแง่มุมหนึ่งภูมิภาคทางเหนือของทวีปเทียนหลัวก็ไม่ถือเป็นอะไรเลย”
มู่เฉินจนคำพูดพลางยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้เห็นระยะห่างระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแต่ละระดับแล้ว หากอาวุธมหสวรรค์สามารถชดเชยช่องว่างได้ ก็เข้าใจได้ในเรื่องราคาที่น่ากลัว
ไม่แปลกใจว่าทำไมขนาดอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นยอดสำนักในภูมิภาคทางเหนือ พวกเขาก็ไม่สามารถมีอาวุธมหสวรรค์ในครอบครองได้
ขณะที่ที่มู่เฉินกับมั่นถัวหลัวสนทนากัน ผู้คนที่อยู่ที่นี่ก็ค้นพบต้นกำเนิดของพีระมิดสีดำ ดวงตาของเหล่าประมุขเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าพีระมิดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของจอมพลสี่ละก็ พวกเขาคงไม่อาจยับยั้งชั่งใจตนเอง แล้วพุ่งเข้าไปกลุ้มรุมเพื่อแย่งชิงกันแล้วก็ได้
“ไม่คิดว่าพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจของวังสวรรค์บรรพกาลจะอยู่ในมือของจอมพลสี่… มีข่าวลือว่าอาวุธชิ้นนี้เป็นประเภทปราบปรามและปกป้อง คราวนี้ดูเหมือนประมุขหมู่ตึกเทวะจะซวยเข้าแล้ว”
เหล่าประมุขแลกเปลี่ยนสายตากันก็รู้สึกโล่งใจขึ้น ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดจอมพลสี่จึงมีความมั่นใจและเต็มไปด้วยคำปรามาสเมื่อเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในเวลานี้ ถ้าจอมพลสี่สามารถยืมพลังพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ วันนี้ประมุขหมู่ตึกเทวะคงไม่สามารถหนีรอดจากความตายไปได้!
ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบกัน ประมุขหมู่ตึกเทวะที่ยืนอยู่ในรัศมีเชี่ยวกรากก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวจนไม่น่าดู สายตาจับจ้องไปที่พีระมิดสีดำที่พุ่งทะลุผ่านมิติ เขารู้สึกถึงความผันผวนน่ากลัวที่กำจายออกมา
นอกจากนี้คลื่นพลังของแม่ทัพปีศาจทุนเทียนที่เขาดูดซับมาก่อนหน้าก็เริ่มดิ้นพล่านราวกับกลัวพีระมิดสีดำ นั่นเป็นเพราะในอดีตแม่ทัพปีศาจทุนเทียนถูกจัดการโดยพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจจนร่างกายสูญสลาย…
“พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจเรอะ…”
แววตาของประมุขหมู่ตึกเทวะวูบไหว จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าบนอากาศ มิติแปรปรวน รัศมีสีดำเชี่ยวกรากกวาดออก ก่อร่างเป็นอสรพิษสีดำขนาดใหญ่โตพุ่งแหวกอากาศซัดใส่จอมพลสี่
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้เขาเลือกที่ออกกระบวนท่าใส่ศัตรูเป็นการระเบิดศึกก่อน
ทว่าประจันหน้ากับการโจมตีที่น่าตกใจของประมุขหมู่ตึกเทวะ จอมพลสี่ก็ยังคงสงบนิ่ง ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ลำแสงสีดำบางจางกดลงมาลอยอยู่เบื้องหน้าจอมพลสี่ ม่านแสงสว่างปรากฏขึ้นพร้อมกับดวงดาวเชื่อมโยงกันเหมือนกับแผนที่ดาว
ต้นกำเนิดของแสงสีดำมาจากพีระมิดสีดำ
ตู้มมม!
อสรพิษสีดำกระแทกอย่างหนักหน่วงกับม่านแสง ระลอกคลื่นแปรปรวนปรากฏบนม่านสีดำบางๆ แต่ไม่มีสัญญาณของการแตกสลายใดๆ
พลังป้องกันดังกล่าว ทำให้มุมริมฝีปากของเหล่าประมุขยังอดกระตุกรุนแรงไม่ได้
ตัดสินจากมุมมองปกติ จอมพลสี่สามารถปะทะในระดับเดียวกับประมุขหมู่ตึกเทวะได้สบาย แต่ด้วยความช่วยเหลือของพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถทะลุผ่านแนวป้องกันมาได้
ความสามารถในการป้องกันของพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ประมุขหมู่ตึกเทวะเฝ้ามองฉากนี้ด้วยใบหน้ามืดครึ้มลงหลายส่วน แววตาวูบไหว อึดใจต่อมาเขาก็ตบตรงที่ว่างข้างหลัง มิติพังลงอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาก็เคลื่อนเข้าไปหวังจะซ่อนตัวอยู่ในรอยแตกของมิติ
“เขากำลังจะหนี!”
เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นเห็นภาพนี้ ดวงตาก็หดลง ประมุขหมู่ตึกเทวะเด็ดเดี่ยวจริง พอเห็นว่าตนเองไม่สามารถปะทะจอมพลสี่ได้ เขาก็เลือกถอยหลบไปอย่างรวดเร็ว
แต่ถ้าอีกฝ่ายหลบหนีไปได้ เขาก็จะเป็นภัยคุกคามใหญ่ของภูมิภาคแน่นอน
ขณะที่มั่นถัวหลัวและคนอื่นมีสีหน้าน่าเกลียดลงและคิดจะเข้าไปขัดขวางประมุขหมู่ตึกเทวะ จอมพลสี่ก็ยิ้มบางจากนั้นสะบัดมือ พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจก็กดอัดลงมากะทันหัน เงาปกคลุมไปทั่วมิติ
พีระมิดล้อมพื้นที่ที่ประมุขหมู่ตึกเทวะใช้หลบหนีทุกทิศทาง แสงดาวนับไม่ถ้วนกระจายออก วิ่งพล่านทะลุผ่านมิติ ครู่หนึ่งแสงก็หดกลับ เมื่อแสงหดกลับก็ดึงร่างที่น่าสมเพชออกมาด้วย
นี่ก็คือประมุขหมู่ตึกเทวะที่พยายามจะหลบหนี!
“ในเมื่อเจ้าดูดซับคลื่นพลังของแม่ทัพปีศาจทุนเทียนไปแล้ว งั้นก็อยู่ที่เถอะ”
เสียงไม่แยแสของจอมพลสี่ดังก้อง จากนั้นตราประทับในมือก็เปลี่ยนไป ห่วงแสงดาวนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากพีระมิด มัดเข้าที่แขนขาของประมุขหมู่ตึกเทวะอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลากเข้ามา โดยไม่สนอีกฝ่ายที่ออกอาการดิ้นรนขัดขืนมากแค่ไหน
แสงดาวเต้นระริกบนพื้นผิวของพีระมิด จากนั้นก็กลายเป็นหลุมดำที่ราวกับกรามใหญ่ของฉลามขณะกลืนกินประมุขหมู่ตึกเทวะเข้าไป
จังหวะที่ประมุขหมู่ตึกเทวะถูกกลืนกิน มู่เฉินและคนอื่นก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของพีระมิด ฉากภายในเผยออกมาให้เห็น ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวสีดำ ประมุขหมู่ตึกเทวะถูกพันธนาการด้วยห่วงดาวนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้น
เหล่าประมุขตกตะลึงในใจ ในเวลาไม่กี่นาทีประมุขหมู่ตึกเทวะก็ได้รับการปราบปรามโดยจอมพลสี่แล้ว
พีระมิดแสงดาวปราบปีศาจน่ากลัวจริงๆ!
“จอมพลสี่ แกต้องการอะไร?!” ใบหน้าของประมุขหมู่ตึกเทวะเขียวคล้ำขณะแผดเสียงคำรามมาจากในพีระมิด เขาไม่คิดว่าสถานการณ์ซึ่งกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมดของตนจะถูกเปลี่ยนเพียงเพราะจอมพลสี่ที่น่าสาปแช่งปรากฏขึ้น
จอมพลสี่ยังคงแสดงออกไม่แยแสขณะที่ตอบว่า “เอาสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าออกมา”
พูดจบเปลวไฟลุกโชติช่วงก็ลุกลามขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เปลวไฟนี้ดูพิเศษอย่างมากราวกับว่าสร้างมาจากแสงดาวพราวตระการตา
ทว่าเมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะเห็นเปลวไฟนี้ ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด ขณะที่ความไม่สบายใจสุดขีดผุดขึ้นในหัวใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น