หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 939-940

 บทที่ 939 แผนสำรอง

บนท้องฟ้า


โยวหมิงถือหอกยาวโลหิตยืนอยู่พร้อมกับคลื่นหลิงป่าเถื่อนระเบิดออกจากร่างปลดปล่อยความทรงพลังอย่างยิ่ง


มู่เฉินมองไปที่โยวหมิงก็หรี่ตาแคบลง พวกเขาเคยสู้กันแค่ครั้งเดียวนั่นก็คือในเขตหลงเฟิ่ง ซึ่งตอนนั้นความแข็งแกร่งของโยวหมิงด้อยกว่าฟังยี่เล็กน้อยเท่านั้น แต่กระนั้นมู่เฉินก็ยังต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆ นานา ถึงจะขัดขวางไว้ได้


ทว่าตอนนี้จากประสาทสัมผัสของมู่เฉิน ขุมพลังของโยวหมิงอยู่ในระยะปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นห้าแล้ว ซึ่งห่างจากขั้นหกเพียงก้าวเดียว


เมื่อเปรียบเทียบกับในเขตหลงเฟิ่ง เห็นได้ชัดว่าโยวหมิงมีพัฒนาการที่ดี นอกจากนี้จากข่าวที่มู่เฉินได้รับล่าสุด โยวหมิงฟัดกับฟังยี่มาแล้วในสมรภูมิหยุ่นลั้วครั้งหนึ่ง มิหนำซ้ำยังเอาชนะฟังยี่ได้ด้วย


นั่นแสดงให้เห็นว่าพลังของโยวหมิงได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาแซงหน้าฟังยี่ที่แต่เดิมแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ความสามารถของเขาไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง


“ระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดเรอะ”


มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง หากเขาควบคุมรัศมีจั้นยี่อยู่ การเอาชนะโยวหมิงก็ง่ายพอกับพลิกฝ่ามือ ทว่าตอนนี้ชัดว่าสถานการณ์ไม่เอื้อประโยชน์ให้ มิฉะนั้นโยวหมิงคงไม่กล้ากระโจนเข้าใส่แน่นอน


ทว่า…หากโยวหมิงคิดว่าการไม่มีรัศมีจั้นยี่จะหมายถึงเขากลายเป็นเสือไร้เขี้ยวเล็บ โยวหมิงก็ซื่อเกินไปหน่อย ก่อนหน้าตอนที่มู่เฉินสู้กับพยัคฆามังกรฟ้าซึ่งเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก ถึงแม้ว่าเขาจะใช้กลอุบายไปบ้าง แต่ก็ยังคงพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของมู่เฉินได้


ใครก็ตามที่คิดว่าเขาเป็นเป้ากระจอก สุดท้ายก็ต้องจ่ายด้วยเลือดที่แพงระยับ


ขณะที่โยวหมิงเตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่มู่เฉิน ฟังยี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ฉายท่าทางเฉยเมย สายตาเย็นชาจ้องเขม็งมาที่มู่เฉิน แม้ว่าเขาจะเกลียดโยวหมิง แต่ก็เกลียดมู่เฉินเข้าไส้ แม้จะเป็นเพราะคำสั่งจากท่านประมุขด้วย แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือเขาหมายหัวมู่เฉินไว้แล้ว


ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ เขาครองอันดับหนึ่งมาหลายปี กระทั่งโยวหมิงยังด้อยกว่าเขา แต่ในไม่กี่ปีนี้ มู่เฉินระเบิดราวกับดาวจรัสแสง มิหนำซ้ำตอนนี้ยังแซงหน้าเขาไปแล้วด้วย


เผชิญหน้ากับอัจฉริยะแบบนี้ ฟังยี่และโยวหมิงก็เกิดความหวาดกลัวและไม่พอใจ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสพวกเขาจึงตกลงจับมือกันเพื่อกำจัดมู่เฉินเสียก่อน


ไม่เพียงแต่พรสวรรค์ของมู่เฉินน่าทึ่ง แต่เขายังเป็นจั้นเจินซือ เมื่อไรที่เขาเข้าบัญชากองทัพ เขาจะมีพลังที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดยังลำบากในการฆ่าเขา ดังนั้นตอนนี้เมื่อมู่เฉินไม่มีรัศมีจั้นยี่สนับสนุน จึงนับเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา


มีเพียงสังหารมู่เฉินเท่านั้น พวกเขาถึงจะครองตำแหน่งเจ้าจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือต่อได้


โยวหมิงและฟังยี่แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยไอเย็นยะเยือกวูบไหวในดวงตา จิตสังหารเข้มข้นฟุ้งกระจาย


“ครั้งก่อนแกต้องใช้ทุกวิธีถึงจะขัดขวางข้าได้ ตอนนี้ข้าจะดูสิว่าแกจะทำได้แค่ไหน!”


สายตาคมกริบของโยวหมิงจ้องเขม็งมาที่มู่เฉิน จากนั้นก็ก้าวออกมา หอกโลหิตในมือกลายเป็นลำแสงทะยานออกมาพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขต ราวกับภูเขาเคลื่อนตัวเข้าหามู่เฉินจากทุกทิศทุกทาง


โยวหมิงไม่มีความปรานีเมื่อออกกระบวนท่า คลื่นหลิงในร่างระเบิดออกอย่างสมบูรณ์


ทว่าตอบสนองต่อการจู่โจมที่เฉียบคมของโยวหมิง มู่เฉินก็แค่ยิ้มพลางกำหมัดแน่นขึ้น แสงสีทองแวววาวแวววาวปะทุออกมาจากร่างกาย ขณะที่เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก้องกังวาน


โฮก!


มู่เฉินกำมือแน่น พื้นผิวของกำปั้นพวยพุ่งด้วยแสงสีทอง ลวดลายมังกรแท้จริงบินฉวัดเฉวียนบนพื้นผิวของกำปั้น ซึ่งมีพลังงานที่น่ากลัวระเบิดออก


กายามังกรหงส์! ลวดลายมังกรแท้จริง!


มู่เฉินเหวี่ยงกำปั้น ลวดลายมังกรแท้จริงก็คำราม พลังงานน่าสะพรึงทำให้มิติกระเพื่อมไหว ก่อนที่จะปะทะกับหอกโลหิต


เคร้ง!


เสียงโลหะดังก้อง คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้กวาดออกมา


“หืม?”


โยวหมิงหดดวงตาเมื่อตระหนักได้ว่ามู่เฉินสามารถหยุดการโจมตีของเขาด้วยหมัดเท่านั้น นอกจากนี้พลังงานที่น่าสะพรึงยังทำให้ตัวหอกงอลงเล็กน้อยอีกด้วย


ฉากนี่ทำให้หัวใจโยวหมิงสั่นไหว หอกยมโลกเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นกลางที่เฉียบคมแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าธรรมดาก็จะถูกเจาะทะลุทันทีถ้ารับการโจมตีด้วยกำปั้น ทว่ากำปั้นของมู่เฉินราวกับโลหะทำให้หอกโค้งงอลงได้


ความแข็งแกร่งและร่างทรงพลังนั้นราวกับมนุษย์เทพอสูร!


ไอ้เวรนี้เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่พลังการต่อสู้กลับเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดอย่างเขายังเทียบไม่ได้


ตู้ม!


พลังงานน่ากลัวระเบิดออกจากหอกอย่างต่อเนื่อง โยวหมิงได้แต่กัดฟันกรอดก่อนที่จะดึงหอกกลับมาอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกันก็ถูกพลังงานที่รุนแรงผลักให้ก้าวถอยหลังหลายสิบก้าว


ปะทะกระบวนท่าแรกก็ทำให้เขาเข้าใจว่ามู่เฉินครอบครองพลังการต่อสู้ที่น่ากลัวเพียงใด แม้ว่ามู่เฉินจะไม่สามารถใช้รัศมีจั้นยี่ได้ แต่ก็ยังเป็นจอมยุทธ์แข็งแกร่งที่ยากจะจัดการ


“จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดยังไม่พอที่จะบีบให้ข้าหนีหรอก” ม่านตาสีดำของมู่เฉินวูบไหวด้วยแสงสีทอง เขามองโยวหมิงและพูดเบาๆ


ใบหน้าของโยวหมิงมืดครึ้มลงหลายส่วน


“ข้าบอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เจ้าจะปะทะได้คนเดียว” ฟังยี่พูดเสียงไม่แยแสจากด้านข้าง “นอกจากนี้เจ้าได้อายแน่ ถ้าเจ้าไม่งัดไพ่ตายออกมาใช้”


เมื่อได้ยินคำพูดของฟังยี่ มู่เฉินก็หรี่ตาลง สองคนนี้…มีแผนสำรองอยู่จริงด้วย


สีหน้าของโยวหมิงเคร่งขรึม จากการหยั่งเชิงเมื่อครู่เขาก็เข้าใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะมู่เฉินเพียงลำพัง เขาสูดอากาศเข้าเต็มปอดมองมู่เฉินอย่างเยือกเย็นพูดเสียงน่าขนลุกว่า “เจ้ามีความสามารถจริงที่บีบบังคับให้ข้าต้องมาถึงจุดนี้ แต่ต่อจากนี้ไปข้าจะทำให้เจ้าหายไปตลอดกาล!”


พูดจบก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ตราประทับก่อตัวเป็นภาพซับซ้อน พร้อมกับตราประทับเปลี่ยนแปลงไป เสียงคำรามลึกต่ำก็ดังกึกก้อง “คัมภีร์โยวหมิง วิญญาณสิงสถิต!”


เมื่อเสียงของโยวหมิงแผดออก หมอกสีมืดมนน่าขนลุกก็แผ่ออกไป ซึ่งบรรจุไว้ด้วยคลื่นหลิงเย็นยะเยือก


ฟู่ ฟู่


ทว่าตอนนี้มวลหมอกสีดำกลับทะลักเข้าไปในหัวของโยวหมิงไม่สิ้นสุดราวกับวาฬดูดน้ำ ภายใต้การเติมเต็มของหมอกสีดำ มู่เฉินรู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงรอบตัวโยวหมิงพลุ่งพล่านขึ้นมาก


ในเวลาสิบกว่าลมหายใจคลื่นหลิงก็ทะลวงระดับจื้อจุนขั้นห้าเข้าสู่ขั้นหก!


เห็นได้ชัดว่าโยวหมิงใช้ทักษะลับเพื่อเพิ่มพูนขุมพลังชั่วคราว!


เมื่อมองภาพนี้ แม้แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะดวงตาหดลง


“วันนี้ที่นี่จะเป็นสุสานของแก!”


อีกด้านหนึ่งฟังยี่ก็มองมู่เฉินอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็เค้นเสียงเย้ย “ความพ่ายแพ้ในครั้งก่อน ครั้งนี้ข้าจะคืนหนี้แค้นทั้งหมดให้!”


พูดจบ ฟังยี่ก็กำมือเม็ดยาสีแดงปรากฏขึ้น เม็ดยานี้ปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดหนาแน่น


ฟังยี่โยนเม็ดยาเข้าปาก ในเวลาต่อมาเส้นเลือดก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาบนดวงตา คลื่นหลิงรอบตัวก็พวยพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!


ไม่กี่ลมหายใจ ฟังยี่ก็เข้าสู่ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกแล้วเช่นกัน!


มู่เฉินมองไปที่ทั้งคู่ที่กำจายคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงออกมาก็ขมวดคิ้ว มิน่าล่ะทั้งสองถึงมั่นใจแบบนี้ ที่แท้พวกเขาก็เตรียมการมาพร้อมแล้วนี่เอง


เผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสองคน แม้แต่มู่เฉินก็เริ่มมีปัญหา เพราะโยวหมิงกับฟังยี่ไม่เหมือนกับพยัคฆามังกรฟ้าที่ไม่มีสติปัญญา ทั้งสองคนเจ้าเล่ห์มาก ถ้าต่อสู้กันจะต้องเป็นศึกเดือดพล่านแน่


แต่ความกดดันนี้กลับทำเอาเลือดในกายมู่เฉินเดือดพล่าน ศึกแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง เส้นทางการฝึกฝนยากลำบากอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เขามีพัฒนาการต่างเป็นเพราะการต่อสู้ระหว่างความเป็นตาย


วันนี้เขาจะมาลองว่า ที่หนึ่งและที่สองบนบันทึกมังกรหงส์จะทำให้เขาหลับอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์ได้จริงหรือไม่!


ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นไม่เล็กเลย


สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของกองทัพอื่นๆ แต่ละคนเริ่มหันมาพูดคุยกัน


“ฟังยี่กับโยวหมิงจับมือกันจัดการมู่เฉิน”


“ท่าทางหมู่ตึกเทวะและจวนยมโลกต้องการกำจัดเขาจริงๆ!”


“มู่เฉินเป็นจั้นเจิ้นซือ ถ้าเขาเติบโตขึ้นก็จะเป็นปัญหาในอนาคตแน่ ตอนนี้เขาไม่มีการสนับสนุนของรัศมีจั้นยี่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดและเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่าเขา”


“ทั้งโยวหมิงและฟังยี่เข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นหกแล้ว!”


“ถ้าเป็นแบบนี้ มู่เฉินคงซวยแล้วแหละ น่าเสียดายกับม้ามืดคนนี้จริง มิฉะนั้นเขาจะต้องผงาดขึ้นเป็นลำดับหนึ่งของจอมยุทธ์รุ่นใหม่ในภูมิภาคทางเหนือหลังจากจบสงครามล่าครั้งนี้แน่”


“…”


เสียงหลากหลายสะท้อนไปทั่ว หงหยูจากแดนปีศาจ ซูปี้เยี่ยแห่งยอดเขาหมื่นเทพและจอมยุทธ์รุ่นใหม่ชั้นสูงคนอื่นของภูมิภาคทางเหนือก็ให้ความสนใจของการดวลกันครั้งนี้ แต่ฉากนี้ก็ทำเอาพวกเขาต้องทอดถอนหายใจ เพราะที่เขตหลงเฟิ่งตอนนั้นมู่เฉินงัดกลยุทธ์ทั้งหมดออกมาก็ทำได้เพียงขัดขวางโยวหมิง ทว่าตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมากจนกระทั่งโยวหมิงและฟังยี่ต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเขา


ความเร็วในการเติบโตของเขาน่าสะพรึงกลัวจริงๆ


“ถ้ามู่เฉินชนะศึกครั้งนี้ จะไม่มีใครหน้าไหนสั่นคลอนบัลลังก์ของเขาในฐานะสุดยอดจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ แต่ถ้าเขาพลาด ด้วยนิสัยของโยวหมิงและฟังยี่คงไม่ไว้ชีวิตเขาแน่นอน ความสำเร็จทั้งหมดก็จะกลายเป็นอากาศธาตุ”


บทที่ 940 สามสุดยอดคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์

ยืนอยู่บนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบ


โยวหมิงและฟังยี่ก็สาดแววตาคมกริบราวกับใบดาบขณะจ้องมู่เฉินเหมือนเหยี่ยวจ้องมองเหยื่อ


คลื่นหลิงที่กระเพื่อมไหวรอบตัวพวกเขาทรงพลังในระดับที่น่าตกใจ โยวหมิงใช้เคล็ดวิชาลับ ส่วนฟังยี่ใช้เม็ดยา เพื่อให้มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกชั่วคราว


เห็นได้ชัดว่าพวกเขายอมจ่ายราคาก้อนใหญ่เพื่อที่จะกำจัดมู่เฉิน


ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาของพวกเขา มู่เฉินก็พรูลมหายใจสีขาวขุ่นออกมาช้าๆ สายตาที่จ้องมองทั้งสองคนก็ค่อยๆ คมชัดขึ้น ในเวลาเดียวกันเลือดในร่างก็เริ่มเดือด


ความต้องการสู้พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจของมู่เฉิน


เขากำหมัดขึ้นฉับพลัน เสาปีศาจราชันพระสุเมรุที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าก็กำจายรัศมีเชี่ยวกรากดุร้ายออกมา มือเขาจับเสาปีศาจไว้ขณะที่จ้องมองไปที่คู่ต่อสู้สองคนก็ยิ้มบาง “พวกเจ้าต้องการที่จะปราบข้า พอดีเลยข้าก็อยากใช้พวกเจ้าเป็นหินลับมีดเหมือนกัน!”


ในเส้นทางของจอมยุทธ์ต้องเอาชนะศัตรูทรงพลัง เพื่อก้าวผ่านความเป็นตาย ตอนนี้มู่เฉินคงขุมพลังอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้า มิหนำซ้ำคลื่นหลิงในร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นและได้รับการขัดเกลาจากการต่อสู้ทุกครั้งในสมรภูมิหยุ่นลั้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงโหยหาการต่อสู้ดุร้ายเช่นนี้มากขึ้น


“ปากดี คิดใช้พวกข้าเป็นหินลับ ไม่กลัวจะทำลายตัวเองรึไง?!” โยวหมิงเอ่ยเสียงเย็นชา


มู่เฉินยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เขากำเสาปีศาจแน่นหนาขึ้น มิติที่ด้านหลังกระเพื่อมไหว จุดจื้อจุนไห่ของเขาปรากฏขึ้น คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกมาพร้อมกับแรงกดดันทรงพลัง


ถึงแม้ว่าตอนนี้โยวหมิงและฟังยี่จะเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นหกแล้ว แต่มู่เฉินก็ไม่กลัว ในแง่ของพลังในการต่อสู้พยัคฆามังกรฟ้าที่พ่ายแพ้เขามาก่อนหน้านี้ก็แข็งแกร่งกว่าทั้งสองอย่างชัดเจน ความแตกต่างที่มีก็คือพยัคฆ์มังกรฟ้าไม่มีจิตสำนึกสักเท่าไร ขณะที่ทั้งสองคนมากเล่ห์กล


“ลงมือ!”


โยวหมิงปล่อยเสียงคำราม ร่างทั้งสองกลายเป็นลำแสงพุ่งออกมาในเวลาเดียวกัน โยวหมิงโจมตีมู่เฉินจากด้านหน้า ส่วนฟังยี่วาบมาที่เบื้องหลังในพริบตา


พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงในหมู่คนรุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นจึงประสานงานได้ดีทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหว


“แสงอเวจี สลายดาว!”


ไอเย็นพวยพุ่งในดวงตาของโยวหมิงขณะที่แทงหอกออกไปราวกับมังกร จากนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตหลั่งไหลมารวมตัวกันที่ปลายหอก พริบตาก็เกิดหลุมดำขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนปลายแหลมของหอก ขณะที่คลื่นกระเพื่อนไหว กระทั่งมิติยังฉีกออกเป็นเสี่ยง


หอกที่ดูไม่ได้รุนแรงของโยวหมิง กลับบีบอัดคลื่นหลิงไปอยู่ที่จุดเดียว พลังนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกธรรมดายังไม่กล้าที่จะปะทะ


“คัมภีร์เทพทงเทียน ตราประทับทะลุฟ้า!”


ขณะที่โยวหมิงเปิดการโจมตี ฟังยี่ก็แผดเสียงลั่น คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออก เขาสะบัดฝ่ามือพร้อมกับจุดศูนย์กลางของฝ่ามือก่อร่างเป็นตราประทับแสงโบราณ ซึ่งเหมือนจะบรรจุด้วยพลังงานไร้ขอบเขตและไม่อาจหยั่งรู้ได้


ทั้งสองเข้าใจเกี่ยวกับมู่เฉินถ่องแท้ ดังนั้นพวกเขารู้ว่ามู่เฉินครอบครองกลยุทธ์ที่น่าอัศจรรย์มากมาย จึงไม่มีการยั้งคิดหรือหยั่งเชิงใดๆ เมื่อเริ่มการโจมตี กระบวนท่าสังหารถูกปล่อยออกมาตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยวิธีนี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถฆ่ามู่เฉินได้ แต่ก็บีบให้เขาเสียเปรียบได้แน่


การโจมตีสองประสานประกบหน้าหลังเขาเอาไว้ คลื่นพลังทรงประสิทธิภาพสองสายทำให้คิ้วของมู่เฉินกระตุกเบาๆ อึดใจถัดมาม่านตาสีดำของเขาก็เปลี่ยนเป็นหลุมลึก ซึ่งทำให้ผู้อื่นสะท้านจิต


สภาวะฤทัยปีศาจ!


มือขวามู่เฉินจับเสาปีศาจแน่น ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตครางกระหึ่มหลอมรวมกับรัศมีร้ายกาจของเสาปีศาจ มองจากระยะไกลดูเหมือนมีชั้นผลึกเลือดปรากฏอยู่บนพื้นผิวของเสาปีศาจนี้


นี่ไม่ใช่การตกผลึกของพลังงาน เนื่องจากวิธีดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในการสร้าง ชั้นผลึกนี้เป็นคลื่นหลิงของมู่เฉินที่หลอมรวมกับรัศมีร้ายกาจของเสาปีศาจ แต่ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับผลึกคลื่นหลิงที่สมบูรณ์ แต่พลังของมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกได้


ฮึ่ม!


มู่เฉินกระตุกแขน เสาปีศาจก็ส่งเสียงหวีดหวิว ความผันผวนของเสาปีศาจเจาะผ่านมิติ ปะทะกับหอกยมโลกราวกับสายฟ้าฟาด


ทันทีที่เสาปีศาจและหอกปะทะกัน มู่เฉินก็เหวี่ยงฝ่ามือพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งด้วยเพลิงสีม่วงออกมา เมื่อมองให้ชัดเจนในเปลวไฟสีม่วงยังบรรจุด้วยสายฟ้าไร้รูปลักษณ์ เมื่อพลังสองสายหลอมรวมเข้าด้วยกันก็ทำให้คลื่นหลิงของมู่เฉินทรงพลังมากขึ้น


เคร้ง!


ตึง!


เสียงปะทะกันระหว่างโลหะกับกำปั้นดังขึ้น สิ่งที่ตามมาคือคลื่นกระแทกขนาดมหึมา


ลูกคลื่นถูกยกขึ้นจากทะเลสาบเบื้องล่าง จอมยุทธ์บางคนได้รับผลกระทบ สายตาของพวกเขาเคลื่อนมาก่อนที่จะหดลง บนท้องฟ้าจอมยุทธ์สามคนยืนอยู่สามด้าน ก่อตัวการเผชิญหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยม มู่เฉินใช้เสาปีศาจปะทะกับหอกของโยวหมิง ขณะที่ฝ่ามือปะทะกับฟังยี่


ตรงจุดที่พลังงานบวกกัน มิติก็ถึงกับสั่นพั่บออกมา


ทั้งสามสาดสีหน้าเย็นชา เห็นได้ชัดว่าต่างกำลังหมุนเวียนคลื่นหลิงอย่างบ้าคลั่งในร่างกาย พยายามเอาชนะคู่ต่อสู้


บึ้ม!


ในที่สุดคลื่นหลิงก็มาถึงขีดจำกัด พายุครอบงำก่อตัวขึ้นจากจุดที่พวกเขาทั้งสามประสานกัน ร่างทั้งสามสั่นสะเทือนก่อนที่จะถลากลับไป


มู่เฉินถลากลับไปร้อยจั้งก่อนที่ฝ่าเท้าจะกระแทกพื้นทรงตัวได้อย่างมั่นคง มิติผันผวนอยู่ใต้ฝ่าเท้าเขา เมื่อเขามองไปที่โยวหมิงและฟังยี่ก็เห็นทั้งสองถอยไปเพียงไม่กี่สิบจั้ง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนได้เปรียบในการเผชิญหน้าเมื่อครู่


ทว่าถึงแม้จะได้เปรียบ แต่ใบหน้าทั้งสองกลับมืดครึ้ม พวกเขาสองคนอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นหก แต่ไม่สามารถเหนือกว่าแม้ว่าจะทำการโจมตีด้วยกัน นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ทั้งสองต้องการเลย


ท่ามกลางจลาจลนี้ จอมยุทธ์จากกองทัพอื่นก็หันมาให้ความสนใจต่อสถานการณ์นี้ เมื่อพวกเขาเห็นว่าทั้งโยวหมิงและฟังยี่ไม่สามารถปราบมู่เฉินได้อย่างสมบูรณ์แม้จะร่วมมือกัน ร่องรอยความอัศจรรย์ใจก็ฉายอยู่บนนัยน์ตาของพวกเขา


แม้ทุกคนจะรู้ว่าเมื่อมู่เฉินควบคุมรัศมีจั้นยี่ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็สู้เขาไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาสามารถพึ่งพาขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าของตนได้เท่านั้น ในแง่ของจำนวนโยวหมิงกับฟังยี่มีข้อได้เปรียบ ในแง่ขุมพลังทั้งสองก็ได้เปรียบ แต่ถึงแม้จะมีการรวมตัวกันเช่นนี้ ทั้งคู่ก็ไม่สามารถปราบปรามศัตรูได้ตามที่หวัง


“มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ ดูท่าการเผชิญหน้าของทั้งสามชักจะน่าสนใจแล้ว”


ขณะที่กองทัพอื่นๆ ต่างให้ความสนใจในการประจันหน้านี้


โยวหมิงและฟังยี่แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็วพลางขมวดคิ้วและส่งเสียงสื่อสารกัน


“เจ้านี่มีพลังอยู่ในขั้นห้าเท่านั้น แต่การควบคุมคลื่นหลิงนั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่มีสูญเปล่าเลยสักนิด”


“นอกจากนี้เขายังรวมเอาเปลวไฟและสายฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ในคลื่นหลิง ทำให้คุณภาพสูงและแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ที่มีระดับเดียวกัน”


“ไอ้นี่ตัวปัญหาจริงๆ”


“…”


ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตากันก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอด ทำไมไอ้ตัวหายนะนี้ถึงยากจะรับมือนัก


“อย่ายั้งมือ ใช้พลังทั้งหมดกำจัดมัน!”


แววเย็นเยือกวูบไหวในดวงตาของทั้งคู่ อึดใจต่อมาพวกเขาก็วาดตราประทับ คลื่นหลิงทรงพลังกวาดออกมาจากร่างกายอย่างรวดเร็วโดยไม่มียั้ง ทำให้เกิดลมสลาตันขึ้นในบริเวณนี้


“ร่างเทพใต้พิภพ!”


“ร่างแสงดาวปฐมกาล!”


พร้อมกับเสียงตะโกนก้อง คลื่นหลิงในฟ้าดินก็กวาดเข้าหาทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาไม่กี่อึดใจร่างใหญ่โตสองร่างก็ปรากฏขึ้นนอกตัวพวกเขา ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังออกมา


สายตามู่เฉินหดลงเมื่อเห็นร่างมหึมาทั้งสองที่ปรากฏขึ้นกะทันหัน เขาเคยเห็นร่างแสงดาวปฐมกาลของฟังยี่มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นร่างเทพใต้พิภพของโยวหมิง


ร่างเทพใต้พิภพนี้มีสีดำ มองจากที่ไกลดูเหมือนเป็นเทพปีศาจยืนตระหง่านอยู่ระหว่างฟ้าดิน ขณะที่หายใจคลื่นหลิงก็ราวกับก่อเป็นพายุส่งเสียงครวญครางอย่างไม่รู้จบ


หลังจากนำร่างเทห์สวรรค์ออกมา คลื่นหลิงรอบร่างฟังยี่และโยวหมิงก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย


“มู่เฉินบีบโยวหมิงกับฟังยี่ให้ใช้ร่างเทห์สวรรค์ได้ ทั้งสองร่างนี้ติดอันดับกระทั่งในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่างเลยนะ” เมื่อจอมยุทธ์คนอื่นสังเกตเห็นความผันผวนของคลื่นหลิง สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนไป


“ลำดับที่หกสิบแปดของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์ ร่างเทพใต้พิภพเรอะ?” มู่เฉินพึมพำ ร่างเทพใต้พิภพค่อนข้างมีชื่อเสียง มีเพียงบางสำนักที่ทรงพลังเท่านั้นที่จะมีทักษะในการฝึกฝน


ดูท่าโยวหมิงและฟังยี่ไม่คิดจะยื้อการต่อสู้นี้ต่อไป เพราะยังไงตอนนี้เป้าหมายคือของเหลวหลิงเสิน ไม่ใช่การต่อสู้


“รีบจบให้เร็วเรอะ…ก็ดี”


แสงเย็นไหลมารวมกันในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาสูดหายใจเข้าลึก สองมือวาดตราประทับ ทันใดนั้นคลื่นหลิงป่าเถื่อนก็กวาดออกมาราวกับพายุ รัศมีแสงสีทองเปล่งประกายประหนึ่งดวงอาทิตย์โชติช่วงปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน


จอมยุทธ์สำนักต่างๆ เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นร่างยักษ์สีทองค่อยๆ ปรากฏเคลือบอยู่นอกร่างกายของมู่เฉิน ด้านหลังศีรษะของเงาขนาดใหญ่มีดวงอาทิตย์สีทองเปล่งประกายซึ่งก่อให้เกิดแรงกดดันไม่รู้จบ ทำเอาหัวใจของผู้คนสั่นสะเทือน


แรงกดดันที่มาจากร่างเทห์สวรรค์ของของมู่เฉินแข็งแกร่งยิ่งกว่าของฟังยี่และองค์ชายโยวหมิงเสียอีก!


เว้นแต่ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเมื่อร่างเทห์สวรรค์ทั้งสามปะทะกัน!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)