หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 931-932
บทที่ 931 จุดชนวนสายเลือด
โฮก!!!
เสียงคำรามของมังกรและช้างสะท้อนอยู่ในตำหนักโบราณขณะที่มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า ที่เบื้องหลังสัตว์อสูรขนาดใหญ่สิบตัวบินฉวัดเฉวียนอยู่ในอากาศ มังกรและช้างอย่างละห้าตัวกำจายคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
วิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเกือบเต็ม วิชาเก้ามังกรคชสาร
วิทยายุทธนี้มู่เฉินได้รับจากทวีปซัง แม้ว่าจะเป็นเพียงวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเกือบเต็ม แต่ความสามารถที่จะปลดปล่อยออกมาเมื่อประสบความสำเร็จ ไม่ด้อยไปกว่าวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็มที่แท้จริงเลย
มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า ม่านตาสีดำจ้องมองวังวนลึกล้ำไม่อาจหยั่งรู้ หลังจากการกลั่นมังกรและช้างได้อย่างละห้าตัว เขาก็ไม่ลังเล ฝ่ามือประสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว สร้างตราประทับวูบไหว
“ทักษะเก้ามังกรคชสาร วงล้อมหากาฬ!”
เสียงลึกต่ำดังก้องในหัวใจของมู่เฉิน ขณะที่มังกรและช้างทั้งหมดปลดปล่อยเสียงคำรามที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นริ้วแสงทั้งสิบก็ส่งเสียงหวีดหวิวปะทะกันอย่างหนักหน่วงในอึดใจถัดมา
ฮึ่ม!
ประกายไฟแล่นแปลบปลาบ วงล้อแสงขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในกลุ่มแสง ขอบของวงล้อถูกปกคลุมไปด้วยลวดลลายของมังกรและช้าง ปลดปล่อยคลื่นหลิงออกมา ทำให้มิติเกิดระลอกคลื่นเป็นวง
“ไป!”
มู่เฉินสะบัดนิ้ว วงล้อมหากาฬก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป พริบตาก็ฉีกขาดมิติไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าพยัคฆามังกรฟ้าในทันที
ความเร็วและพลังงานของคลื่นหลิง ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกอย่างเสี่ยยิงยังถึงกับเปลือกตากระตุก เผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ กระทั่งพวกเขาก็คงไม่กล้าดูถูกเลยทีเดียว
โฮก!
พยัคฆามังกรฟ้ารู้สึกได้ถึงการโจมตีที่ทรงพลังของมู่เฉิน ดวงตาของมันหดลง ฝ่าเท้ากระทืบลงบนพื้น แสงสีแดงระเบิดออกมาจากดวงตาพร้อมกับปากเปิดอ้าขึ้น
คลื่นหลิงป่าเถื่อนรวมตัวกันในปากใหญ่ ก่อร่างเป็นปากเสือดุร้ายขนาดใหญ่อย่างเลือนราง ขณะที่รัศมีร้ายกาจกวาดออกมา
“พยัคฆามังกรฟ้าคำราม!”
เสียงคำรามลึกต่ำดังกึกก้องออกมาจากปากดุร้าย อึดใจต่อมาเสียงคำรามที่น่าอัศจรรย์ก็ระเบิดออกมา ทุกคนก็ต้องตะลึงไป เมื่อเห็นพายุคลื่นเสียงขนาดร้อยจั้งเคลื่อนออกมาจากปากของพยัคฆามังกรฟ้า
ครืน!
คลื่นเสียงยิ่งใหญ่กวาดออกขณะส่งเสียงหวีดหวิว ดูราวกับว่ามีภาพของมังกรและเสือกระโดดสลับไปมา ทำให้เกิดรอยแตกในมิติที่คลื่นเสียงพาดผ่าน
ช่างเป็นการโจมตีที่รุนแรงอย่างยิ่ง!
บึ้ม!
คลื่นเสียงที่ยิงออกมาปะทะกันอย่างหนักกับวงล้อแสง ภายใต้ความสนใจของทุกคน
ในช่วงเวลาที่เกิดการปะทะกัน ก็สร้างเสียงดังขึ้น ผลกระทบรุนแรงกวาดออกไปทั่ว ทำให้รอยแตกปะทุขึ้นบนแผ่นพื้นที่แข็งแรงด้านล่าง
ปัง!
ทั้งสองได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทก ทำเอาร่างกายถึงกับสั่นสะเทือนและกระเด็นออกไป
ร่างมู่เฉินพุ่งชนกับขอบม่านแสง ทำให้เกิดคลื่นกระเพื่อมบนนั้น เขาส่งเสียงครวญครางออกมาจากลำคอก่อนที่มือจะเกาะที่กำแพงแสงทรงตัวเอาไว้ได้ สายตาจ้องเขม็งไปที่เบื้องหน้า เขาเห็นพยัคฆามังกรฟ้าคุกเข่าลงบนพื้น มือเจาะลงบนพื้นที่สลักด้วยอักขระ เกิดรอยทางยาวเหยียดที่เบื้องหน้ามัน
โฮก!
พยัคฆามังกรฟ้าจ้องมาที่มู่เฉินด้วยดวงตาสีแดงฉาน ปลดปล่อยเสียงคำรามลึกออกมาก่อนที่จะถอนมือออกจากพื้น แขนของมันถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล
การปะทะกันกระบวนท่าก่อนหน้า จบลงด้วยการเสมอกัน
ที่ด้านนอกคนที่เฝ้าดูการต่อสู้ดุเดือดก็ฉายท่าทางเคร่งเครียด พวกเขาไม่คิดว่าพยัคฆามังกรฟ้าจะจัดการยากปานนี้ กระทั่งมู่เฉินใช้วิทยายุทธทรงพลังเช่นนี้ก็ทำได้เพียงจบลงด้วยการเสมอกัน
“ความแข็งแกร่งของพยัคฆามังกรฟ้าน่าจะอยู่ในอันดับต้นๆ ของมารอสูร” เหล่าผู้บัญชาการต่างพากันถอนหายใจ อย่างน้อยเมื่อเทียบกับปีศาจวานรเหล็กดำ พยัคฆามังกรฟ้าก็แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด
โฮก!
ขณะที่ผู้เฝ้ามองเกิดความคิดนี้ในใจ พยัคฆามังกรฟ้าก็ปลดปล่อยเสียงคำรามน่าตกตะลึง ทุกคนเห็นริ้วแสงสีแดงกระจายออกมาจากร่างกายเป็นระลอกคลื่น
ลำแสงสีแดงอัดแน่นด้วยรัศมีร้ายกาจ
พร้อมกับการปรากฏของแสง ทันใดนั้นทุกคนก็สังเกตเห็นว่าร่างพยัคฆามังกรฟ้าขยายขนาดขึ้นทีละน้อย เกล็ดสีดำบนพื้นผิวก็เข้มขึ้นอีกหลายส่วน
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจร่างก็ขยายขนาดเท่าตัว ยืนตระหง่านบนลานประลอง ช่างดูราวกับสัตว์อสูรยุคก่อนประวัติศาสตร์ เขาบนหน้าผากก็ยิ่งดำสนิทยิ่งขึ้น
“นรกล่ะ พยัคฆามังกรฟ้าแข็งแกร่งขึ้น เกิดอะไรขึ้น?!” เมื่อทุกคนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“มันกำลังจุดชนวนสายเลือดมังกรฟ้าในร่าง” มั่นถัวหลัวพูดออกมาขณะคิ้วอดขมวดเข้าหากันไม่ได้ การจุดชนวนสายเลือดทำได้เฉพาะกับสัตว์อสูรทรงพลังไม่กี่เผ่าพันธุ์เท่านั้น มารอสูรตัวก่อนๆ ไม่มีตัวไหนทำได้เช่นนี้ ไม่คิดว่าพยัคฆามังกรฟ้าจะสามารถทำได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้น ซึ่งนี่นับเป็นข่าวร้ายรุนแรงสำหรับมู่เฉิน
ก่อนหน้ามู่เฉินสามารถต่อกรได้หลังจากใช้กลวิธีหลากหลาย ตอนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม สถานการณ์ไม่ดีสำหรับเขาเลย
ใบหน้าเรียบเฉยของมู่เฉินเกิดระลอกเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพยัคฆามังกรฟ้าเช่นกัน
ตู้ม!
ทว่าพยัคฆามังกรฟ้าไม่ให้เวลาเขาได้ตอบโต้ แสงดุร้ายกะพริบวูบวาบในดวงตา ฝ่าเท้าเหยียบลงโน้มร่างเร่งความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น แม้จะมีร่างกายขนาดใหญ่โตก็มาปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินในพริบตา เงาที่เกิดจากร่างมหึมาห่อหุ้มมู่เฉินไว้ภายใน
ฝ่ามือมันตบลงพุ่งไปที่หัวของมู่เฉินพร้อมกับคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัว แม้แต่มิติก็ถูกทำลายลงที่ใต้ฝ่ามือ
มู่เฉินขยับไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว แขนของเขาทำหน้าที่เหมือนโล่ป้องกันฝ่ามือนั้นเอาไว้
ตึง!
เสียงลึกต่ำดังออกมาพร้อมกับร่างมู่เฉินกระเด็นถอยหลังด้วยตบเดียว ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นกว่าพันเมตร จากนั้นเขาก็ตบมือลงบนพื้น แผ่นหินแตกละเอียดก่อนที่เขาจะทรงตัวได้
มู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้แขนเสื้อของเขาขาดกระจุย แสงสีทองไหลอยู่ใต้ผิวหนัง ฝ่ามือของพยัคฆามังกรฟ้าสามารถทำลายกระดูกของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกธรรมดาได้ ทว่าด้วยกายามังกรหงส์ฟ้า ความแข็งแกร่งของมู่เฉินไม่ได้ด้อยกว่าร่างกายเทพอสูรแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงจากท่อนแขน
ตู้มมม!
ขณะที่มู่เฉินขมวดคิ้ว สายลมก็พัดปกคลุมขณะที่พยัคฆามังกรฟ้าปลดปล่อยการโจมตีราวกับพายุคลั่งอีกครั้ง
มู่เฉินรีบถอยหนีรวดเร็ว
พยัคฆามังกรฟ้าไล่ตามไม่ลดพร้อมเหวี่ยงหมัดอย่างรุนแรง ทำให้เกิดระลอกคลื่นในมิติ
มู่เฉินเสียเปรียบจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เมื่อเหล่าผู้บัญชาการเห็นฉากนี้ หัวใจก็อดจะจมดิ่งไม่ได้ หากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่ามู่เฉินจะมีพลังกายที่ทรงประสิทธิภาพ แต่คงไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากพยัคฆามังกรฟ้าได้
จิ่วโยวกำหมัดแน่น เนื่องจากรอบของมู่เฉินสำคัญมาก หากเขาแพ้ก็คงลำบากที่มั่นถัวหลัวจะทำลายค่ายกล
ตึง!
ด้วยพลังที่สามารถทำลายภูเขา หมัดนั้นก็ชกลงไปบนแขนของมู่เฉิน ทำให้มิติถึงกับเป็นระลอกคลื่น ขณะที่ร่างของมู่เฉินถูกซัดกลับไปด้านหลัง อึดใจมู่เฉินก็กระแทกฝ่ามือไปบนมิติว่างเปล่า เมื่อเกิดความผันผวนของคลื่นหลิงก็ทรงตัวได้ เขาก้มหัวลงมองแขนตัวเองอีกครั้ง ยามนี้แขนของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสดไหลออกมาไม่ขาด
“จุดชนวนสายเลือดมังกรฟ้าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันอย่างมาก ซึ่งเป็นผลเพิ่มความเร็ว การป้องกันและพลังงาน…” แววตาของมู่เฉินวูบไหว แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ แต่เขาก็ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดในหัวใจ เนื่องจากการใช้สภาวะทัยปีศาจขั้นต้น ในทางตรงกันข้ามเขากลับประเมินการเปลี่ยนแปลงของความแข็งแกร่งพยัคฆามังกรฟ้าได้อย่างตลอดเวลา
“พยัคฆามังกรฟ้าที่อยู่ในสถานะนี้ โอกาสที่ข้าจะชนะนั้นต่ำมาก…”
“แต่ก็จะมีผลสะท้อนกลับจากการจุดชนวนสายเลือด เมื่อสายเลือดถูกเร้าพลังมาใช้จนหมด มันก็จะอยู่ในสภาวะอ่อนแอ”
“ข้าไม่สามารถรอจนกว่ามันจะเร้าพลังสายเลือดอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นข้าต้องเพิ่มอัตราความเร็วในการจุดชนวน”
“แต่จะเพิ่มอัตราความเร็วของการจุดชนวนสายเลือดได้ยังไง?”
“…”
ม่านตาสีดำของมู่เฉินราวกับกำลังหมุนครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประกายแสงแล่นพล่านอยู่ในหัวใจ… ในที่สุดเขาก็หดดวงตาลง
ตู้ม!
การปะทะกันเกิดอีกครั้ง ร่างมู่เฉินถลาไปอย่างหนักชนกับกำแพงแสง แต่เขาไม่ได้สนใจอาการที่เป็น ทันใดนั้นเขาก็วาดตราประทับลึกลับโบราณขึ้นมาทันที
ตู้มมม!
คลื่นหลิงไร้ขีดจำกัดกวาดออกมาราวกับพายุจากร่างของมู่เฉินพร้อมกับเปลวไฟสีทองกะพริบผ่านม่านตาสีดำ อึดใจต่อมาแสงสีดำก็พุ่งออกจากหัวของมู่เฉิน
แสงขยายตัว ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีขนาดหลายพันจั้ง ทุกคนที่อยู่ด้านนอกอดหดดวงตาไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้
นี่เป็นเจดีย์สีดำที่มีมังกรโบราณสลักอยู่รอบด้าน มิหนำซ้ำการปรากฏของเจดีย์สีดำยังทำให้เกิดระลอกคลื่นโดดเดี่ยวและโบราณแผ่ขยายออกไป
นี่ก็คือเจดีย์ฝูถู
ตราประทับของมู่เฉินเปลี่ยนไป เจดีย์ฝูถูก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะบีบอัดลงมาราวกับสายฟ้าฟาด ทันใดนั้นก็ตรงเข้าล้อมร่างพยัคฆามังกรฟ้า อึดใจต่อมามังกรหลายสิบตัวก็บินออกจากพื้นผิวของเจดีย์ กลายเป็นเพลิงสีทองพุ่งเข้าไปในเจดีย์ ปกคลุมร่างพยัคฆามังกรฟ้าเอาไว้
ทว่าคราวนี้เพลิงสีทองไม่ได้ทำการโจมตีใดๆ กลับกลายเป็นเปลวไฟลุกโชติช่วงไหลเข้าไปในร่างของพยัคฆามังกรฟ้าผ่านทางรูจมูก
โฮก!
ดวงตาของพยัคฆามังกรฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน สายเลือดมังกรฟ้าในร่างกายได้รับการจุดชนวนอย่างสมบูรณ์พร้อมกับคลื่นหลิงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมา
สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงผันผวน สีหน้าของเหล่าผู้บัญชาการก็เปลี่ยนไป กระทั่งซิวหลัวยังต้องหดตาลง เพราะเขายังยากในการจัดการความผันผวนรุนแรงนี้
มู่เฉินกำลังทำอะไร? ทำไมความแข็งแกร่งของพยัคฆามังกรฟ้าถึงเพิ่มขึ้นฉับพลัน?
เหล่าผู้บัญชาการแลกเปลี่ยนสายตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เข้าใจเหตุผลของมู่เฉิน มีเพียงมั่นถัวหลัวที่อึ้งไปชั่วแวบหนึ่ง ก่อนที่ม่านตาสีทองคำจะเปล่งประกายแวววาว
“เขาคิดแบบนี้ได้… แต่ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณเจดีย์ เพลิงที่สร้างจากสัญลักษณ์มังกรฟ้ามีความคล้ายคลึงกับพยัคฆามังกรฟ้า ดังนั้นจึงสามารถจุดชนวนสายเลือดของอีกฝ่ายได้…”
มั่นถัวหลัวเลื่อนสายตาไปยังเจดีย์ฝูถู คิ้วก็ขมวดมุ่น จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เจดีย์นั้นดูคุ้นตา… รู้สึกจะคล้ายกับเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าฝูถู…
แต่ทำไมมู่เฉินถึงครอบครองเจดีย์นั่น? นี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเผ่าฝูถูนะ หรือว่าเขาจะเป็นสมาชิกเผ่านี้?!
บทที่ 932 ทำลายค่ายกล
ฟู่! ฟู่!
เพลิงสีทองร้อนแรงขึ้นในเจดีย์ ขณะที่ร่างพยัคฆามังกรฟ้าเริ่มพองตัวขึ้นอีก รัศมีร้ายกาจทรงพลังอย่างยิ่งกวาดออก ทำให้เจดีย์ฝูถูถึงกับส่งเสียงกระหึ่มออกมา
พร้อมกับเพลิงมังกรฟ้าจุดชนวนสายเลือดมังกรฟ้า ความแข็งแกร่งของพยัคฆามังกรฟ้าก็เพิ่มขึ้นตามมาในตอนนี้ทำให้แม้แต่ซิวหลัวยังยากที่จะจัดการ
ด้านนอกลานประลองผู้บัญชาการคนอื่นๆ รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมด พวกเขารู้แล้วว่ามู่เฉินเป็นสาเหตุที่ทำให้ความแข็งแกร่งของพยัคฆามังกรฟ้าเพิ่มขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเจตนาเบื้องหลังความคิดของมู่เฉินคืออะไร ทว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะโง่ ดังนั้นจะต้องมีเขาเลือกทำเช่นนี้ เพียงแค่…มู่เฉินไม่กลัวว่าจะเป็นการเลี้ยงเสือทำลายตนรึ…
ขณะที่ความคิดวนเวียนในหัวใจของเหล่าผู้บัญชาการ มู่เฉินก็จ้องเขม็งไปที่เจดีย์ฝูถู เขาจับสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงของพยัคฆามังกรฟ้าที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากเขาต้องปะทะกับมันในยามนี้ ต่อให้จะมีกายามังกรหงส์ก็คงยากสำหรับเขาที่จะรับการโจมตี
พยัคฆามังกรฟ้าในตอนนี้ใกล้จะเทียบเท่าขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้ว
การเพิ่มพลังเช่นนี้น่าตกใจมาก แต่มู่เฉินกลับไม่กังวลในเรื่องนี้เลย ดวงตาสีดำที่ราวกับหลุมดำกลับมีแสงวูบไหวผ่าน
ยิ่งพลังเพิ่มขึ้นมาก ความเร็วของการจุดชนวนสายเลือดก็ยิ่งเร็วขึ้นเช่นกัน หากพยัคฆามังกรฟ้ายังพอมีสติปัญญาอยู่ละก็ มันคงสามารถบอกได้ถึงเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของมู่เฉิน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันเหลือเพียงส่วนหนึ่งของพลังที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ ส่วนสติปัญญาหดหายไปหมดแล้ว
“โฮก!”
ทว่าแม้สติปัญญาจะไม่มี แต่พยัคฆามังกรฟ้าก็ยังรู้สึกถึงอันตรายจนต้องแผดเสียงลั่น เสียงคำรามดังก้องราวกับฟ้าร้อง จากนั้นมันก็พุ่งตัวออกมา หมัดกวัดแกว่งซัดลงไปที่เจดีย์
ครืน!
ภายใต้กำปั้นคลื่นหลิงพวยพุ่งออกมาราวกับพายุ ทำให้แม้แต่เปลือกตาของซิวหลัวยังกระตุก นี่เป็นการโจมตีที่รวบรวมพลังทั้งหมดของพยัคฆามังกรฟ้าเอาไว้เลยทีเดียว
มู่เฉินรับรู้ได้ถึงการโต้กลับของพยัคฆามังกรฟ้า ตราประทับก็รีบปรับเปลี่ยน ทันทีที่การโจมตีน่ากลัวซัดลงบนเจดีย์ ตัวเจดีย์หายไปหมดสิ้น
ในเวลาเดียวกันเพลิงสีทองก็หายไปเช่นกัน
ตู้ม!
มวลลมแหลมคมจากหมัดพร้อมกับคลื่นหลิงป่าเถื่อนระเบิดออกมากระแทกกับกำแพงแสงรอบลานประลอง ทำให้เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมเป็นวง
มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า ขณะมองดูพยัคฆามังกรฟ้าด้วยความไม่แยแส หลังจากปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวร่างของมันก็หดตัวลงเรื่อยๆ เกล็ดมังกรเริ่มหม่นลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ทุกคนสัมผัสได้ว่าพลังของพยัคฆามังกรฟ้าอ่อนแออย่างรวดเร็วในตอนนี้
เวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจพยัคฆามังกรฟ้าซึ่งมีรัศมีร้ายกาจพลุ่งพล่านก็หมดแรง ซ้ำยังมีเลือดไหลออกมาจากเกล็ดมังกร เห็นได้ชัดว่ามันอ่อนแอลงอย่างมาก
มู่เฉินเลิกคิ้ว แม้เขาคาดว่าจะเกิดผลกระทบหลังจากที่พยัคฆามังกรฟ้าจุดชนวนสายเลือด แต่เขาไม่คิดว่าการสะท้อนกลับจะรุนแรงมากปานนี้
ตอนนี้พยัคฆามังกรฟ้าราวกับเสือกระดาษ
คนอื่นที่อยู่ด้านนอกก็อ้าปากตาค้าง พักใหญ่พวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองมู่เฉินด้วยความตื่นตะลึง เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะใช้กลเม็ดแบบนี้ในการคว้าชัยชนะ…
“สมกับเป็นผู้บัญชาการมู่ น่าเกรงขามนัก”
หลังจากหายจากอาการตกใจ พวกเขาก็ชื่นชมมู่เฉินจากใจ ในการประลองก่อนหน้ามู่เฉินอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบตลอด แต่เขายังคงสามารถรักษาความสงบไว้ได้และใช้สิ่งนี้หาข้อบกพร่องของพยัคฆามังกรฟ้า จนสุดท้ายใช้กลวิธีสุดยอดเอาชนะได้ ความคิดในการต่อสู้ของเขาเป็นสิ่งที่แม้แต่นักรบที่มากประสบการณ์อย่างพวกเขายังอดรู้สึกอึ้งไม่ได้
บนลานประลองร่างของมู่เฉินพลิ้วลงมาช้าๆ พร้อมกันนั้นดวงตาสีแดงฉานของพยัคฆามังกรฟ้าก็ยังกราดออกมา มันกระโจนตัวราวกับเสือคลั่ง
แต่ตอนนี้คลื่นหลิงของมันลดลงอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพลังก็ลดลงอย่างมีนัย ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามกับมู่เฉินได้อีกต่อไป
ดังนั้นเผชิญกับกรงเล็บเสือที่ดุร้าย มู่เฉินก็แค่เขยิบฝ่าเท้าหลบหลีกการโจมตี เวลาเดียวกันฝ่ามือก็ตะครุบลงบนหน้าผากของพยัคฆามังกรฟ้า
“ขอโทษนะ”
มู่เฉินกล่าวเสียงเบา จากนั้นคลื่นหลิงรุนแรงก็ปะทุขึ้นจากฝ่ามือราวกับภูเขาไฟ
ตู้ม!
หัวของพยัคฆามังกรฟ้าระเบิดออกทันที ร่างกลายเป็นประกายแสงที่เต็มไปด้วยแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์
นี่คือรางวัลที่มอบให้จากพยัคฆามังกรฟ้า
มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ แก่นคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็พรั่งพรูเข้าไปในร่างกายของเขา
มู่เฉินยืนนิ่งแต่กลับรู้สึกตกใจในใจ นั่นเป็นเพราะแก่นคลื่นหลิงที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขานั้นไร้ขอบเขตยิ่งนัก ซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าตอนที่เขาดูดซับยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ดในการเข้าสมาธิก่อนหน้าเลย
“พยัคฆามังกรฟ้าน่าจะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นแปดเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นคงไม่ทิ้งแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ไว้เช่นนี้” มู่เฉินอุทานชื่นชมในใจ จากนั้นก็หลับตาลง เขาหมุนเวียนทักษะการเพาะบ่มพลังเพื่อดูดซับพลังงานที่ไร้ขอบเขตในร่าง ก่อนที่จะกลั่นรวมเข้าด้วยกันในจุดจื้อจุนไห่
เมื่อคลื่นหลิงถูกดูดซับไว้ มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าจุดจื้อจุนไห่หนาแน่นขึ้น เทียบกับก่อนหน้านี้หนาขึ้นอีกหลายส่วนเลยทีเดียว
“ถ้าข้าได้รับแก่นคลื่นหลิงมากกว่านี้อีกเล็กน้อย ก็คงจะแตะระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดได้แล้ว”
หนึ่งชั่วโมงต่อมามู่เฉินก็ลืมตา หลุมดำในดวงตาจางหายไปแล้ว ชัดว่าเขาถอนกระบวนท่าสภาวะฤทัยปีศาจขั้นต้นเรียบร้อย เมื่อรับรู้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มู่เฉินก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้
ชี่! ชี่!
ขณะเดียวกันเสียงแปลกประหลาดก็ดังมาจากตำหนักโบราณ ทุกคนจับจ้องที่มา ก็เห็นสัตว์อสูรอีกตัวพังทลายลงบนประตูทองคำเขียว
นั่นแสดงถึงความพ่ายแพ้ของพยัคฆามังกรฟ้า
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผนึกบนประตูก็ถูกละลายไปสี่ ผนึกที่สมบูรณ์แบบเริ่มแสดงสัญญาณวุ่นวายไม่ลงรอย ดูไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ร่างของมู่เฉินกระโดดลงมาจากลานประลองกลับเข้ารวมกลุ่ม เหล่าผู้บัญชาการก็ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ ขอบใจผู้บัญชาการมู่ในครั้งนี้” แม้แต่เทียนจิ้วก็ยังพยักหน้า ดวงตาที่หรี่แคบเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะพูดชม ศึกรอบสุดท้ายมีความสำคัญมากสำหรับพวกเขา หากมู่เฉินล้มเหลวพวกเขาก็ต้องพึ่งพามั่นถัวหลัวเพื่อทำลายค่ายกล แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นนางจะต้องได้รับผลกระทบใหญ่หลวงแน่นอน
“ถ้าไม่ใช่รอบก่อนๆ ถึงการประลองของข้าจะชนะก็ไม่สำคัญเท่าไรหรอก” มู่เฉินยิ้มบาง เขาไม่ได้คิดรับผลสำเร็จทั้งหมดมาไว้ที่ตนเอง
ใบหน้าตึงเครียดของมั่นถัวหลัวเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มขณะมองมู่เฉินด้วยม่านตาสีทองคำพลางพยักหน้า “ทุกคนมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเจ้าจะได้รับรางวัลแน่นอน”
แม้ว่าเสียงจะอ่อนเยาว์ แต่ก็ทำให้เหล่าผู้บัญชาการเผยความสุขบนใบหน้าเมื่อได้ยิน กระทั่งมั่นถัวหลัวก็พูดไว้เช่นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วรางวัลจะต้องยิ่งใหญ่เหลือคณนา อาจจะเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูง-ขั้นยอดเยี่ยมกระทั่งวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเกือบเต็ม หรือวิชาเทพที่แข็งแกร่งกว่านั้นก็อาจจะเป็นรางวัลสำหรับพวกเขา
มู่เฉินใจเย็นกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น เขาเพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ท่านประมุขตอนนี้สามารถทำลายค่ายกลหรือยัง?” หลิงถงมองไปที่ประตูสีทองคำเขียว ผ่านประตูนี้ไปก็จะเป็นขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนที่ลึกเกินจะคาดเดา
ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวมองไปที่ประตู ไอเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตา ก่อนหน้านี้เนื่องจากประตูมีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ของตำหนัก กระทั่งนางก็ลำบากในการจัดการ แต่ตอนนี้ผนึกบนประตูอ่อนแรงลงแล้ว ฝันไปเหอะที่มันจะขัดขวางนางได้
“ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ข้าเอง”
มั่นถัวหลัวพูดเสียงเย็น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปคว้าเสาหนึ่งในตำหนักเต็มแรง
ครืน!
เสาที่ได้รับการปกป้องด้วยอักขระอ่อนลงเหมือนเต้าหู้ในมือนาง แค่กำมือมันก็แตกหัก จากนั้นเมื่อนางสะบัดมือคลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่ปกคลุมเสาก็เปลี่ยนเป็นชั้นผลึกแก้วใส
ฟิ้ว!
แสงพร่างพราวที่เปล่งออกมาจากเสาหินยิงออกมาเจาะผ่านขอบฟ้ากระแทกอย่างหนักหน่วงกับประตู
ตึง! ตึง!
เสาหินแตกออกเรื่อยๆ แต่ขณะที่แตกสลาย ผนึกบนประตูก็จางลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของมารอสูรก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมบาดหูก่อนที่จะบิดเบือน…
“แตกซะ!”
มั่นถัวหลัวหรี่ตาสีทองคำแคบลง ร่างของนางไปปรากฏอยู่ด้านหลังเสาหิน กำปั้นเรียวเล็กวาดออกไปชกลงบนเสาหินรุนแรง
บึ้ม!
เสาขนาดใหญ่แตกสลายเป็นฝุ่น พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวฉีกมิติกระแทกกับประตู
แคร็ก!
รอยแตกปรากฏขึ้นทันทีก่อนที่จะกระจายออกไป ใบหน้าของมารอสูรก็ส่งเสียงกรีดร้องคมชัดขณะที่แตกสลาย
ประตูสีทองคำเขียวบิดเบี้ยวถึงขีดสุดก่อนที่จะระเบิด
เมื่อประตูถูกทำลายโดยกำปั้นของมั่นถัวหลัว ดวงตาของมู่เฉินและคนอื่นๆ ก็วาวโรจน์ขึ้น ประตูที่นำไปสู่ส่วนลึกสุดของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนถูกเปิดออกแล้ว
ทว่าพวกเขารู้ว่าหลังจากนี้การต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดในสงครามล่าจะระเบิดออก
นั่นเป็นเพราะของเหลวหลิงเสินเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอย่างมั่นถัวหลัวยังไม่สามารถต้านทานได้
ดังนั้นต่อจากนี้ไปจะเป็นการทำลายล้างแน่นอน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น