หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 917-918
บทที่ 917 สภาพสถานการณ์ห่วยแตก
ตู้ม!
ธงรบขนาดใหญ่พร้อมกับรัศมีจั้นยี่พวยพุ่ง เสียงหวีดหวิดดังสะท้อนสุดพรรณนา ผืนธงโบกสะบัดกำจายรังสีคมชัดเป็นพิเศษออกมา
ภายใต้สายตาตื่นตะลึงมากมาย ลวดลายจั้นเหวินบนผืนธงรบก็มาแตะที่จำนวนหนึ่งหมื่นแปดพันลาย อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เมื่อปะทะเข้ากับแสงแห่งความตาย
นี่เป็นจำนวนลวดลายจั้นเหวินที่ทำให้จอมยุทธ์ทั้งหลายต้องสูดลมหายใจเย็น
ชี่!
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ธงรบก็ปะทะกับแสงมฤตยูหนักหน่วง แต่กลับไม่มีคลื่นกระแทกเขย่าแผ่นดินเกิดขึ้นจากการชนสักริ้ว
มีเพียงเสียงดังคล้ายกับใบมีดตัดเต้าหู้ ธงรบราวกับดาบคมที่สามารถแยกฟ้าดินออกจากกัน พุ่งทะลุผ่านแสงมฤตยูไป
ธงรบเกิดการผันผวนเบาบางเมื่อพุ่งผ่าน สายตาของมู่เฉินก็ยังสงบไม่มีระลอกคลื่นใดๆ ขณะที่แสงมฤตยูซึ่งเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนที่เบื้องหน้าแล้วแฉลบผ่านศีรษะไป
ปัง!
เมื่อลำแสงบินออกไปก็แตกกระจายเป็นแสงสีดำโปรยปรายทั่วท้องฟ้า
ม่านตานับไม่ถ้วนหดลง ไม่มีใครคิดว่าการโจมตีน่าทึ่งของหลินหมิงจะอ่อนแอแบบนี้เมื่อปะทะกับธงรบ
“เป็นไปได้ไง?!”
ใบหน้าของหลินหมิงแข็งทื่อขณะที่เฝ้าดูฉากนี้อย่างไม่อยากเชื่อ ไพ่ตายที่เขาภูมิใจหนักหนากลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายขนาดนี้เชียวรึ?
เบื้องหน้าธงรบการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาอ่อนยวบยาบเหมือนเต้าหู้
“จำนวนลวดลายจั้นเหวินบนธงรบของมันเป็นของจริงหรือ?! เป็นไปได้ไง?!” หลินหมิงเรียกสติคืนอย่างสมบูรณ์ในเวลานี้ แต่ความตื่นตกใจก็ทบทวี หลังจากกินคลื่นจิตของอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่มามากมาย เขาถึงสามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินได้ถึงหนึ่งหมื่นสี่พันลาย แล้วมู่เฉินจะเกินหน้าเขาถึงสี่พันลายไปได้ยังไง?
เจ้านั่นได้รับมรดกอะไรมาถึงได้ทรงพลังขนาดนี้?!
วาบ!
ทว่าขณะที่หลินหมิงอยู่ในอาการตกตะลึง มู่เฉินก็ไม่พูดมาก หลังจากที่ธงรบฉีกผ่านแสงมฤตยู พลังก็ไม่ได้ลดลง กลับเจาะทะลุมิติพุ่งเข้าหาหลินหมิงอย่างไร้ปรานี
เสียงลมแหลมกวาดเข้ามาด้วยความเร็วสูงทำให้หลินหมิงฟื้นจากความตกใจ ทันใดนั้นใบหน้าเขาก็อัดแน่นด้วยความหวาดผวา เขาถอยกลับ เวลาเดียวกันรัศมีจั้นยี่ก็สร้างแนวป้องกันขนาดใหญ่หลายชั้นที่เบื้องหน้า
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แต่แนวป้องกันก็ถูกทำลายอย่างรวดเร็วด้วยธงรบนี้
อ็อก! อ็อก!
เมื่อแนวป้องกันทุกชั้นของหลินหมิงขาดออก เขาก็ไม่สามารถทนต่อคลื่นกระแทกของรัศมีจั้นยี่ไหว เลือดสดพ่นเต็มปาก ขณะที่ร่างถลาออกไปอย่างน่าสมเพช
อั้ก! อั้ก!
ขณะที่หลินหมิงกระเด็นออกไป นักรบมากมายในกองทัพเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นเสียงกระอักเลือดก็ดังก้องอย่างต่อเนื่อง กองทัพที่ยืนตระหง่านด้วยขวัญกำลังใจสูงในไม่กี่นาทีก่อนก็ทรุดตัวลง รัศมีจั้นยี่ที่ยิ่งใหญ่ในตอนแรกกลายเป็นความวุ่นวายและอ่อนแอ
ทุกคนบอกได้ว่านักรบเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บหนักไปตามๆ กัน
หลินหมิงมองไปที่มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่พังทลายลงในพริบตา ใบหน้าก็ซีดเซียวลง เขาเข้าใจว่าตนเองแพ้ในการปะทะนี้อย่างสิ้นเชิง ขวัญกำลังใจของนักรบถดถอยลง ความเจ็บปวดรุนแรงทิ่มแทงในหัวสมอง คลื่นจิตอ่อนล้าจากผลกระทบของทักษะก่อนหน้า เขาที่สูญเสียรัศมีจั้นยี่ไปไม่สามารถต่อสู้กับกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ได้
ประกายแสงวูบไหวในดวงตาของหลินหมิง จากนั้นเขาก็กัดฟันกรอดก่อนที่ร่างจะทะยานถอยกลับไป
ทว่าขณะที่หลินหมิงกำลังถอยร่น มู่เฉินกลับส่งเสียงเย็นในลำคอพร้อมมือกำหมัดแน่น ธงรบขยายตัว รัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากก่อตัวเป็นมือมหึมาเจาะทะลุมิติ ห่อหุ้มร่างหลินหมิงทันที
“ไอ้เวร แกช่างกล้า!”
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันเกิดขึ้น ไม่มีใครคิดว่าหลินหมิงจะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว จอมยุทธ์จากจวนยมโลกก็ไม่ทันได้ตอบสนอง มีเพียงเทียนเสียเท่านั้นที่แผดเสียงคำราม ทว่าในเวลาอันสั้นเขาก็ได้แต่เหวี่ยงฝ่ามือออกไป คลื่นหลิงโหมกระหน่ำก่อตัวเป็นฝ่ามือคลื่นหลิงขนาดนับพันจั้งที่เส้นขอบฟ้า พยายามปราบมู่เฉินอย่างไร้ปรานี
เมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดออกกระบวนท่า เขาก็เปิดเผยความแข็งแกร่งเหนือชั้น แม้แต่การโจมตีที่เร่งรีบยังมีพลังไม่ด้อยไปกว่ากระบวนท่าที่มู่เฉินและหลินหมิงทุ่มสุดแรงไปก่อนหน้า
ขณะที่ฝ่ามือคลื่นหลิงกดลงมาราวกับภูเขา ประกายแสงก็วูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน เขาพ่นลมหายใจเย็น ไม่ได้หลบหลีกแม้แต่น้อย มือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน มือรัศมีจั้นยี่ที่กำลังจะคว้าจับหมิงหมิงก็พุ่งออกไปปะทะกับฝ่ามือคลื่นหลิงจังใหญ่
ครืน!
การปะทะนี้ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เมื่อคลื่นกระแทกกวาดออก ยอดเขาโดยรอบก็พังทลาย
กระบวนท่าเดียวนี้ ทำเอามู่เฉินถึงกับส่งเสียงคราง ฝ่ามือรัศมีจั้นยี่หายไป ทว่าในเวลาเดียวกันการโจมตีจากเทียนเสียก็จางลงและหายไปเช่นกัน
โอ้!
ความโกลาหลสะท้อนก้องทั่วบริเวณ ทุกกองทัพตกตะลึงในใจ บางทีพวกเขาอาจไม่เข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างจั้นเจิ้นซือสองคนเท่าไร แต่พวกเขาก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นมู่เฉินต่อต้านการจู่โจมจากเทียนเสียด้วยพลังรัศมีจั้นยี่ จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าสามารถใช้พลังรัศมีจั้นยี่ต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดตัวจริงได้ ความแข็งแกร่งนี้น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว
หึ
เมื่อฝ่ามือรัศมีจั้นยี่แตกเป็นเสี่ยงๆ มู่เฉินก็พ่นเสียงเย็น ปีกหงส์ฟ้ากางออกบนแผ่นหลัง เมื่อปีกกระพือร่างเขาก็กลายเป็นภาพซ้อน ปรากฏตัวต่อหน้าหลินหมิงราวกับสายฟ้าฟาด
หลินหมิงที่เห็นภาพนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไป เขารีบเร้าคลื่นหลิงในร่างแล้วซัดกำปั้นใส่มู่เฉิน
มู่เฉินเหลือบมองหลินหมิงด้วยสีหน้าไม่แยแส ตอนนี้เขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้า ส่วนหลินหมิงพึ่งพาทรัพยากรภายนอกกว่าจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นสี่ ดังนั้นถ้าพวกเขาปะทะกันในแง่ของคลื่นหลิง มู่เฉินก็สามารถสังหารหลินหมิงได้ในสามกระบวนท่า
ดังนั้นมู่เฉินจึงซัดฝ่ามือออกไป ฝ่ามือของเขางุ้มไว้ขัดขวางกำปั้นของหลินหมิง จากนั้นก็ดึงเบาๆ เสียงแตกดังขึ้น ข้อมือของหลินหมิงแหลกละเอียดทันที
อ้ากกกก!
หลินหมิงส่งเสียงร้องน่าสมเพชทันทีที่ข้อมือหัก ทว่ามู่เฉินกลับยกเขาขึ้นราวกับลูกไก่ที่ไม่มีพลังโต้กลับแม้แต่น้อย เปรียบเทียบสถานะของเขาก่อนและหลัง ความแตกต่างคล้ายกับฟ้ากับเหว
จอมยุทธ์หลายคนถอนหายใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้ว่าจั้นเจิ้นซือจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็ต้องประสานกับกระแสจิตของกองทัพ ดังนั้นเมื่อไรที่ไร้พลังรัศมีจั้นยี่ พวกเขาก็จะอ่อนแอลงมาก
แม้ว่าพลังของรัศมีจั้นยี่จะเป็นขุมพลังสำรอง แต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย ดังนั้นจั้นเจิ้นซือจึงไม่เป็นอิสระเหมือนกับจอมยุทธ์ขุมพลังหลิงที่สามารถพึ่งพาพลังของตนเองในการท่องไปทั่วยุทธภพ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีพลังใดสมบูรณ์แบบในโลกนี้
“ไอ้เวร แกรนหาที่ตาย!”
ขณะที่มู่เฉินจับหลินหมิงเป็นตัวประกัน เทียนเสียก็ฟื้นจากอาการตกใจที่มู่เฉินต่อต้านการโจมตีกระบวนท่าเมื่อครู่ของเขาได้ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ดิ่งลง คลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวกระจายออก
“หึ แกเป็นใครกล้าตะโกนใส่สมาชิกจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้า?!” แต่คราวนี้ไม่จำเป็นที่มู่เฉินที่ต้องลงมือเอง เสียงหัวเราะเยือกเย็นของซิวหลัวดังก้อง เขาก้าวย่างออกมาปรากฏตัวขึ้นที่ขอบฟ้า สายตาคมกริบเล็งไปที่เทียนเสีย ต่อต้านการกดขี่คลื่นหลิงของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง
ฉากการเผชิญหน้าระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดสองคนตึงเครียดมากกว่าศึกระหว่างมู่เฉินและหลินหมิงเสียอีก
นอกจากซิวหลัวและเทียนเสียที่เผชิญหน้ากันแล้ว จอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์และจวนยมโลกก็ตั้งท่าเตรียมโรมรันกัน ทำให้บรรยากาศในบริเวณนี้ตึงเครียดลงหลายส่วน
“ฮ่าๆ เทียนเสีย ถ้าพวกเจ้าอยากจะประกาศสงคราม อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะสู้กับเจ้าจนคนสุดท้าย แต่จวนยมโลกควรเคารพการเดิมพันก่อนไหม?”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของมู่เฉินดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด เสียงหัวเราะนี้ทำเอาใบหน้าเหล่าจอมยุทธ์จวนยมโลกรวมถึงเทียนเสียกระตุกอย่างรุนแรง
สายตามากมายวูบไหว บางคนกำลังชื่นชมยินดีในความโชคร้ายของจวนยมโลก คนที่ไม่พอใจมานานก็ใช้สถานการณ์นี้เพื่อเยาะเย้ยถากถาง
“ฮี่ๆ จวนยมโลกหยิ่งผยองมานาน ในที่สุดพวกมันก็ได้สิ่งที่สมควรบ้างแล้ว”
“แต่ไม่รู้ว่าจวนยมโลกจะยอมรับได้หรือไม่ หึๆ หากพวกมันสูญเสียยาหยุ่นลั้ว ประมุขจวนยมโลกคงไม่ปล่อยพวกมันไปแน่”
“แต่ถ้าพวกมันไม่ส่งมอบ ชื่อเสียงของจวนยมโลกป่นปี้หมดแน่…”
“…”
พอได้ยินเสียงเยาะเย้ยดังก้องไปทั่ว ใบหน้าเทียนเสียก็เปลี่ยนไปมาระหว่างสีขาวกับสีขี้เถ้าพร้อมกับไฟโหมกระหน่ำในดวงตา เขาไม่คิดเลยว่าหลินหมิงซึ่งได้เปรียบกว่าจะแพ้ในการประลองครั้งนี้!
“มู่เฉินได้คืบจะเอาศอกเรอะ ข้าส่งปิงเหอให้ก็ได้! จวนยมโลกยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้!” เทียนเสียพูดพลางกัดฟันแน่น
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น มู่เฉินก็หลุบตาลง “ข้าไม่ใช่คนเดียวที่ตัดสินใจนะ ทุกคนที่นี่ก็ได้ยินว่าเป็นการเดิมพันระหว่างพวกเรา ข้าเชื่อว่าถ้าตอนนี้ข้าแพ้ เจ้าคงไม่ใจดีแบบนี้หรอกใช่ไหม?”
เปลือกตาของเทียนเสียกระตุก ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ามู่เฉินไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านโดยง่าย แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมอบยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ดให้ หากเป็นเช่นนั้นคงจะไม่มีสักคนที่จะมีชีวิตรอดเมื่อประมุขจวนยมโลกรู้เรื่องนี้เข้า
แต่ตอนนี้ถ้าพวกเขาปฏิเสธที่จะยอมรับ ชื่อเสียงของจวนยมโลกก็จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
พวกเขาถูกบีบเดินบนเส้นทางที่ไม่มีทางให้เดิน
เมื่อขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ อย่างหมู่ตึกเทวะและตำหนักสุดนภาเห็นจวนยมโลกถูกบีบจนตรอก พวกเขาก็รู้สึกทั้งหนังหัวชาหนึบและยินดีในเวลาเดียวกัน โชคดีที่เป็นจวนยมโลกทำเรื่องนี้ ถ้าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับจวนยมโลก พวกเขาคงอยากฆ่าตัวตายเลยทีเดียว
สถานการณ์ตอนนี้จวนยมโลกถูกบีบภายใต้แรงกดดันใหญ่หลวง ต่อไปก็ต้องดูว่าพวกเขาจะจัดการกับสถานการณ์ห่วยแตกนี้ได้อย่างไร
บทที่ 918 ผู้เฒ่าหมิงฮั้ว
เทือกเขากู่ไห
หลังจากการเผชิญหน้าระหว่างมู่เฉินและหลินหมิงทั่วบริเวณก็วินาศสันตะโรไปหมด รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏบนเทือกเขา ภูเขาหลายลูกพังทลายลงภายใต้การต่อสู้ ทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้ว่าศึกที่เกิดขึ้นรุนแรงเพียงใด
แต่โชคดีที่ศึกสะเทือนแผ่นดินสิ้นสุดลง
ทว่าทุกคนรู้ว่าเมื่อการเผชิญหน้าจบลง เรื่องราวในวันนี้ก็จะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากการเดิมพันที่น่าสะพรึงกลัว
ยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ด!
แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดก็แบกรับไม่ไหวกับจำนวนที่น่าตกใจนี้
ในการทำงานหนักมาหลายเดือน นั่นคือจำนวนที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้รับทั้งหมด ถ้าพวกเขาต้องมอบสิ่งนี้ให้ก็ลืมเกี่ยวกับเร่องการเปิดขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนไปได้เลย การกลับไปที่ฐานคงยังเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดกว่า
ก็เช่นเดียวกับพวกเขา ในฐานะขั้วอำนาจสูงสุดจวนยมโลกก็ไม่ต่างกัน
ดังนั้นเมื่อจอมยุทธ์จวนยมโลก เห็นหลินหมิงถูกมู่เฉินจับไปและยิ่งเมื่อเห็นกองทัพต่างๆ เลื่อนสายตามาจับจ้อง ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ตอนแรกพวกเขาวางแผนจะขุดกับดักอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่ใครจะคิดว่าตอนท้ายกลับเป็นพวกเขาที่ตกลงไปเอง ส่วนอีกฝ่ายก็กระโดดเหยียบบนหัวพวกเขาก้าวข้ามกับดักไป…
“ทั้งหมดเป็นความผิดของไอ้บ้านั่น!” จอมยุทธ์จวนยมโลกกัดฟันกรอด ขณะที่จ้องมองไปที่มู่เฉิน มู่เฉินเป็นคนทำให้สถานการณ์ทั้งหมดพลิกตาลปัตร ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฝ่ายที่ตกลงไปในจุดที่ยากลำบากก็ต้องเป็นอาณาเขตกงเวทสวรรค์
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเกลียดชังมู่เฉินขนาดไหน สถานการณ์ก็พุ่งมาทางนี้แล้ว พวกเขาต้องถมหลุมพรางนี่ซะ
“ในฐานะขั้วอำนาจสูงสุด ข้าเชื่อว่าจวนยมโลกคงจะไม่ทำผิดสัญญาใช่ไหม?” ขณะที่สายตาของเทียนเสียเปลี่ยนแปลง มู่เฉินก็ยิ้มบางพร้อมกับพูด
“หุบปาก!”
เทียนเสียจ้องมองอย่างโหดเหี้ยมไปที่มู่เฉิน ความโกรธพล่านอยู่เต็มหัวใจ ตอนนี้เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามู่เฉินพยายามที่จะพูดสรรเสริญจนกลายเป็นเสียเปรียบ
“เทียนเสีย เจ้าเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงของทวีปเทียนหลัว ในเมื่อสูญเสียการเดิมพัน ก็ควรแสดงวิสัยทัศน์หน่อยนะ แต่แน่นอนว่าถ้าพวกเจ้าต้องการกลืนน้ำลายตัวเอง อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะตามจองล้างจองผลาญไปจนจบเลย” ซิวหลัวกล่าวเสียงเย็น
เทียนเสียขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไฟการต่อสู้ปรากฏขึ้นในดวงตา ที่ด้านหลังจอมยุทธ์จวนยมโลกก็ไม่มีใครกล้าพูด ยามนี้ทุกสายตาจ้องมองมายังที่นี่เป็นตาเดียว คนเหล่านี้ต้องการเห็นว่าพวกเขาจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร
ความเงียบที่ทำให้หายใจไม่ออกยังคงดำเนินต่อไปนาน ก่อนที่เทียนเสียจะถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อเห็นการแสดงออกของเขา ทุกคนก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ตัดสินจากท่าทีแล้วจวนยมโลกคิดจะส่งมอบยาหยุ่นลั้วไปเหรอ?
ทว่าขณะที่ทุกสายตาจ้องมองไป แล้วเทียนเสียกำลังจะเปิดปากพูด เสียงแค่นสูงวัยเยือกเย็นก็เปล่งออกมาราวกับฟ้าร้องกึกก้องโดยไม่มีที่มา สะท้อนออกไปในมิตินี้
แม้แต่ฟ้าดินยังสั่นไหวจากเสียงเยือกเย็นนั่น
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปรุนแรง นั่นเพราะพวกเขาตระหนักว่ามีแรงกดขี่ทรงพลังห้อมล้อมรอบพื้นที่นี้ไว้
ขณะที่สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป มิติด้านบนของจวนยมโลกก็บิดเบี้ยว ร่างสูงวัยเยื้องย่างออกมา
ชายชราคนนี้หลังค่อม สวมเสื้อคลุมสีดำ ผมสีเทาดอกเลา ดวงตาที่ดูขุ่นมัวกลับกะพริบด้วยประกายแสงที่สามารถฉีกผ่านมิติได้ เขาถือไม้เท้าหัวกะโหลก ยืนอยู่บนท้องฟ้า แรงกดดันที่ทำเอาทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากบนสีหน้าแผ่ออกมาจากตัวเขา
“ผู้อาวุโสหมิง?!!!” เมื่อเทียนเสียและจอมยุทธ์ของจวนยมโลกเห็นชายชราสวมชุดดำ ความสุขก็กระจายบนใบหน้าทันควัน
“นั่นมันหนึ่งในสามผู้อาวุโสของจวนยมโลก ผู้เฒ่าหมิงฮั้ว!” ใบหน้าซิวหลัวเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาไม่คิดว่าหมิงฮั้วจะมาปรากฏตัวที่นี่
“ผู้เฒ่าหมิงฮั้ว?” มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่คิ้วจะขมวดแน่น สามผู้อาวุโสของจวนยมโลกเทียบเท่ากับสามจอมพลของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของพวกเขา ทว่าจอมยุทธ์ชั้นสูงแบบนี้ควรอยู่ในส่วนลึกของสมรภูมิหยุ่นลั้วไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่นี่?!
“ระวังตัว ตาเฒ่าหมิงฮั้วเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปด เขาทรงพลังมาก” ซิวหลัวร่างตึงเครียด ขณะจ้องมองไปทางชายชราสวมชุดสีดำด้วยความระมัดระวัง ในเวลาเดียวกันเขาก็ก้าวออกไปบังมู่เฉินไว้ที่ด้านหลัง ป้องกันตาเฒ่าหมิงฮั้วที่อาจซัดโจมตีใส่มู่เฉิน
“ระดับจื้อจุนขั้นแปดเรอะ?” หัวใจของมู่เฉินตื่นตะลึง จอมยุทธ์ดังกล่าวอยู่เกือบก้าวสุดท้ายของระดับจื้อจุน ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา แม้จะบวกพลังรัศมีจั้นยี่เข้ามาด้วย ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้
ทุกคนมองไปที่หมิงฮั้วด้วยสายตาประหลาดใจ โดยทั่วไปคนระดับนี้ไม่ควรปรากฏที่นี่ แต่ทำไมคนจากจวนยมโลกถึงมาที่นี่ล่ะ?
“คารวะท่านผู้อาวุโส!”
เหล่าจอมยุทธ์จวนยมโลกคารวะทักทาย
“หึ ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ถ้าพวกเจ้ามอบยาหยุ่นลั้วไป ตาแก่คนนี้จะดูสิว่าพวกเจ้าจะอธิบายให้ท่านประมุขฟังยังไง!” หมิงฮั้วกวาดสายตาเย็นชาไปยังเทียนเสีย ความกดดันที่สาดออกมาจากดวงตาทำให้คนเห็นตัวสั่น
“ผู้อาวุโสหมิงฮั้ว เรื่องนี้…” เทียนเสียยิ้มขมขื่น ตอนแรกพวกเขามั่นใจอย่างที่สุดกับหลินหมิง แต่ใครจะคิดว่ามีตัวโหดอย่างมู่เฉินปรากฏตัวในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ กระทั่งหลินหมิงยังสู้ไม่ได้ ดังนั้นสถานการณ์จึงกลับตาลปัตรจากศึกที่มาดหมายไว้อย่างมั่นใจ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า” หมิงฮั้วพูดอย่างเย็นชา เมื่อเทียนเสียได้ยินก็รู้สึกโล่งใจมาก เพราะเขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้มานานแล้ว
เมื่อหมิงฮั้วพูดเสร็จ เขาก็กวาดสายตาไปที่มู่เฉิน ซิวหลัวและคนอื่นๆ ขณะที่แค่นเสียงขึ้นจมูก “อาณาเขตกงเวทสวรรค์ช่างกล้าหาญจริงๆ ที่คิดวางแผนปล้นจวนยมโลกของข้า”
ซิวหลัวตอบเสียงเบาว่า “ผู้เฒ่าหมิงฮั้วพูดเรื่องอะไร? การเผชิญหน้ากันครั้งนี้ทุกคนเป็นประจักษ์พยาน การเดิมพันระบุไว้อย่างชัดเจน หากท่านไม่ใส่ใจเกี่ยวกับชื่อเสียงของจวนยมโลกที่จะถูกทำลายก็ตามสบาย”
“จุ๊ๆ ชื่อเสียงเสียหาย?” หมิงฮั้วเค้นเสียงเย็น “การเดิมพันครั้งนี้เกิดจากไอ้โง่หลินหมิงคนเดียว จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ตัวเล็กๆ จะสามารถเป็นตัวแทนจวนยมโลกได้ยังไง?”
“ดังนั้นแม้ว่ามันจะแพ้ก็เป็นความผิดของมัน หากพวกเจ้าต้องการยาหยุ่นลั้วก็ไปเอาที่มันล่ะกัน”
เมื่อหมิงฮั้วพูดจบ ใบหน้าของเหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็น่าเกลียดไป ชายชราคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ คิดจะผลักความผิดทั้งหมดไปให้หลินหมิง
“โอ้? ถ้างั้นลองปลุกหลินหมิงขึ้นและถามว่าเขาได้รับการยอมรับจากพวกตำแหน่งสูงจากจวนยมโลกหรือไม่?” มู่เฉินยิ้มขณะที่ยกหลินหมิงที่หมดสติ
“ถ้าเจ้าคิดว่าหลินหมิงไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นตัวแทนของจวนยมโลก งั้นพวกตำแหน่งสูงของจวนยมโลกก็ไม่มีคุณสมบัติเหมือนกันถูกไหม?”
ใบหน้าของเทียนเสียและคนที่เหลือเปลี่ยนไป
หมิงฮั้วมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา “ไอ้เด็กเหลือขออย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้า? ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!”
เมื่อหมิงฮั้วพูดจบ ร่างก็หายไปจากขอบฟ้าอย่างลึกลับ
ใบหน้าของซิวหลัวเปลี่ยนไป ก่อนที่จะผลักฝ่ามือไปที่หน้าอกมู่เฉิน คลื่นหลิงพวยพุ่งส่งร่างมู่เฉินกระเด็นออกไป
จังหวะที่ร่างมู่เฉินพัดหายไป พื้นที่ที่เขายืนอยู่ตอนแรกก็ถูกบดขยี้ด้วยมือที่ไม่มีรูปร่างขนาดใหญ่ ทำให้กระทั่งมิติยังถึงกับแตกสลาย
ตรงจุดที่พื้นที่ถูกทำลายร่างของหมิงฮั้วก็ปรากฏขึ้น เมื่อเห็นว่าการโจมตีของตนพลาดเป้าไป แสงเย็นเยือกในดวงตาก็ยิ่งเข้มข้น นิ้วสองนิ้วเสือกแทงออกไป ทำให้มิติกระเพื่อมไหวแสงสีดำพุ่งกวาดออกมา
เมื่อแสงสีดำปรากฏก็ทำเอามู่เฉินขนลุกชัน เขาดึงร่างหลินหมิงมาที่เบื้องหน้าราวกับเป็นเกราะป้องกันโดยไม่ลังเล
บึ้ม!
แสงสีดำกวาดผ่านมิติ สมองของหลินหมิงก็ระเบิดตูม เลือดสดสาดกระเซ็นทุกทิศทาง
มู่เฉินสะบัดมือกำจัดเลือดที่ลอยมาในทิศทางของตน จากนั้นก็มองศพไร้หัวในมือด้วยท่าทางน่าเกลียด ตอนนี้หลินหมิงตายเรียบร้อยแล้ว
ฟิ้ว!
ที่ด้านหลังจิ่วโยวและเหล่าผู้บัญชาการคนอื่นก็ทะยานออกมาปกป้องมู่เฉิน สายตามองผู้เฒ่าหมิงฮั้วด้วยความระมัดระวัง
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้กองทัพอื่นๆ ตื่นตกใจ เมื่อพวกเขาฟื้นจากอาการ หลินหมิงก็ถูกฆ่าตายเรียบร้อย นี่ทำให้เปลือกตาพวกเขากระตุกอย่างรุนแรง
เพราะทุกคนบอกได้เลยว่ามู่เฉินไม่ใช่คนที่หมิงฮั้วต้องการฆ่า แต่เป็นหมินหมิงที่ถูกจับตัวไว้ต่างหาก
“ผู้เฒ่าหมิงฮั้วเหี้ยมจริงๆ” ซิวหลัวที่มองฉากนี้พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม ด้วยวิธีนี้อีกฝ่ายก็สามารถผลักความผิดทั้งหมดไปยังหลินหมิงได้
หมิงฮั้วมองศพไร้หัวพูดว่า “มันก็แค่คนโง่ที่คิดว่าสามารถทำได้ เพียงเพราะตัวเองบรรลุการเป็นจั้นเจิ้นซือ สงครามล่าครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของจวนยมโลก ดังนั้นแม้ว่าพวกข้าจะสูญเสียวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือก็ช่างเถอะ…”
แม้ว่าจั้นเจิ้นซือจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในจวนยมโลก แต่ราคาก็ไม่คุ้มกับยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ดในสายตาของหมิงฮั้ว
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ หัวใจก็ดิ่งลง วิธีการของหมิงฮั้วไร้ปรานีแท้จริง
“การเดิมพันนี้เริ่มต้นจากหลินหมิง ดังนั้นหากพวกแกต้องการยาหยุ่นลั้วก็ไปเอาที่มันล่ะกัน”
หมิงฮั้วหยุดชั่วครู่แล้วมองไปที่มู่เฉินและเหล่าผู้บัญชาการคนอื่นๆ ของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ “ตอนนี้ถึงตาข้าในการคิดดอกที่พวกแกทำให้จั้นเจิ้นซือของจวนยมโลกตาย!”
เมื่อพูดจบเขาก็ยกมือขึ้น เสียงเย็นดังก้อง “ฆ่าผู้บัญชาการปิงเหอซะ ฝังมันไว้เป็นเพื่อนหลินหมิง!”
เมื่อเทียนเสียและคนอื่นๆ ได้ยินคำสั่ง จิตสังหารก็พวยพุ่งในดวงตา ก่อนที่ร่างจะขยับเข้าหาปิงเหอ เขากดมือลงบนหน้าผากอีกฝ่าย เร้าคลื่นพลังเพิ่มขึ้นเพื่อบดขยี้
เมื่อพวกมู่เฉินเห็นภาพนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เขียวคล้ำ
“ฆ่ามัน!” หมิงฮั้วพูดเสียงเยือกเย็น
“รับทราบ!” เทียนเสียรับคำสั่ง ก่อนที่จะตบออกไปพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย
ทว่าขณะที่ฝ่ามือเทียนเสียกำลังจะตบลงที่หน้าผากของปิงเหอ ร่างเขาก็แข็งทื่อ เสียงหัวเราะมากวัยดังก้อง
“ไอ้เฒ่าหมิงฮั้ว ไอ้แก่หนังเหนียว คิดกลั่นแกล้งเด็กๆ เรอะ แต่เมื่อข้ามาที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกแกจะฆ่าใครจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้า”
เมื่อเสียงมากวัยดังก้อง ทุกคนก็มองเห็นมิติผันผวนเล็กน้อยที่ด้านหลังเทียนเสีย ร่างชายชราคนหนึ่งปรากฏขึ้น ขณะที่มือเขาคว้าห้วงมิติ คลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวห่อหุ้มรอบตัว ทำให้พื้นที่รอบด้านแข็งค้าง เทียนเสียไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ฝ่ามือที่กำลังจะกระแทกหน้าผากปิงเหอก็ชะงักค้าง
เมื่อมู่เฉิน จิ่วโยว เหล่าผู้บัญชาการเห็นร่างเงาชายชรา ความสุขก็เผยขึ้นในดวงตา นั่นเป็นเพราะคนที่ปรากฏก็คือหนึ่งในสามของจอมพลแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์
จอมพลเทียนจิ้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น