หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 913-916
บทที่ 913 ครอบงำ
“ทักษะดูดกลืนปีศาจ ตราประทับสงครามเขมือบปีศาจ!”
ขณะที่เสียงเย็นของหลินหมิงสะท้อนก้อง กะโหลกดำขนาดใหญ่เบื้องหลังก็เปิดปากขึ้นช้าๆ รัศมีจั้นยี่สีดำที่ป่าเถื่อนรวมตัวกัน ก่อนที่มิติรอบปากใหญ่จะแตกออกกะทันหัน เนื่องจากรัศมีจั้นยี่รุนแรงมากเกินไป
หลังจากแลกกระบวนท่าแบบลองมือไปก่อนหน้า หลินหมิงก็พร้อมพุ่งชนเต็มแรงแล้ว
มู่เฉินมองรัศมีจั้นยี่ที่รวมในปากใหญ่ของกะโหลกดำ ดวงตาก็หดลง การเผชิญหน้ากับจั้นเจิ้นซือที่ทุ่มสุดแรง เห็นชัดว่าเขาไม่โง่พอที่จะปะทะแบบครึ่งๆ กลางๆ
ดังนั้นเขาจึงพรูอากาศออกจากปาก มือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน
“ครืน!”
ลวดลายจั้นเหวินนับไม่ถ้วนวูบวาบบนหัวกะโหลกดำ ขณะที่เสียงอื้ออึงของรัศมีจั้นยี่เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก้อนแสงสีดำหนาแน่นก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในปาก
ก้อนแสงสีดำนั้นราวกับหลุมดำ ไม่มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน แต่คลื่นพลังที่เกิดขึ้นกลับทำให้จอมยุทธ์หลายคนหวาดกลัว
ภายในแสงสีดำ ราวกับว่ามีบางอย่างถูกเขมือบลงไปอย่างรวดเร็ว แสงสีดำเริ่มหดตัวลง อึดใจก็จางหายไป จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมองขึ้นไปก็เห็นตราประทับแสงสีดำขนาดประมาณร้อยจั้งลอยอยู่บนท้องฟ้า
ตราประทับสีดำถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีดำ ขณะที่แสงวูบไหวก็ราวกับปากปีศาจ ทำให้ผู้คนหนาวสั่นสะท้านจิต
ตราประทับสีดำลอยอยู่บนท้องฟ้าเงียบๆ ทว่าคลื่นพลังที่เกิดขึ้นกำจายออกมากลับทำให้มิติบริเวณนี้ถึงกับบิดเบี้ยว
“ไป!”
หลินหมิงส่งยิ้มน่าขนลุกไปให้มู่เฉิน ก่อนที่จะเหยียดมือออกช้าๆ ทันใดนั้นตราประทับแสงสีดำก็ลอยหวือออกมาปรากฏขึ้นเหนือร่างมู่เฉิน ตราประทับสีดำขยายตัวตามสายลม มีขนาดหลายพันจั้งในพริบตา การเคลื่อนไหวน่าตกใจที่กดลงมาทำให้กระทั่งมิติยังส่งเสียงแตกเปรียะ
ตู้ม!
แม้ว่าตราประทับสีดำจะอยู่ห่างจากพื้นดิน แต่แรงกดดันที่น่ากลัวก็ยังสร้างปากปล่องภูเขาขนาดใหญ่ที่เบื้องล่าง
การโจมตีเต็มกำลังของหลินหมิงเป็นสิ่งที่ทำให้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังหนังตากระตุกเมื่อมองดู
เงาบีบลงมา ทว่ามู่เฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพียงแค่กระบวนท่าในมือเปลี่ยนไปเร็วรี่ ภาพซ้อนก่อตัวขึ้นในฝ่ามือของเขา
ตึง!
ตราประทับสีดำราวกับภูเขาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นกะทันหัน ขณะที่มิติสั่นไหวก็ทำให้เกิดแรงกดดันน่ากลัวกระจายออก ทำเอาร่างของมู่เฉินกระตุกถูกกดลงจากบนท้องฟ้าไปหลายร้อยจั้ง…
ภาพนี้ทำเอาสีหน้าเหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์เปลี่ยนแปลงรุนแรง เนื่องจากพวกเขารู้สึกได้ว่าการโจมตีของหลินหมิงครอบงำเพียงใด
“ฮ่าๆๆๆ!”
หลินหมิงหัวเราะร่วนขณะที่ฝ่ามือตบลงไปอีกครั้ง ตราประทับสีดำราวกับภูเขายังคงบีบอัดลงมา ส่วนร่างของมู่เฉินก็ดิ่งลงมาจากขอบฟ้าอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน
จากภาพนี้อย่างเดียว บอกได้ว่าหลินหมิงมีฝีมือเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าถึงแม้จะเผชิญกับหลินหมิงที่ทรงพลัง มู่เฉินก็ยังคงหลุบตาลงด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าตราประทับที่เขาสร้างขึ้นในฝ่ามือกลับยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
ปัง!
แรงกดดันหนักหน่วงอีกครั้งส่งผลให้ร่างของมู่เฉินหล่นลงมาจากขอบฟ้าร่อนลงบนยอดเขา เมื่อฝ่าเท้าของเขาสัมผัสกับพื้น รอยแตกก็กระจายออกครอบคลุมภูเขาทั้งลูกทันที
รัศมีจั้นยี่รอบตัวเขาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มันคลายตัวลงเล็กน้อย
“แกตายแน่!”
ทันทีที่รัศมีจั้นยี่รอบตัวมู่เฉินสับสนวุ่นวาย หลินหมิงก็สาดแสงเย็นยะเยือกในดวงตา ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาปล่อยท่าไม้ตายแล้ว!
ตู้ม!
ตราประทับสีดำระเบิดเป็นลำแสงสีดำจำนวนมหาศาล ทุกลำแสงราวกับหลุมดำ แม้แต่แสงก็ไม่สามารถเล็ดลอดผ่านได้ ตราประทับสีดำบดขยี้ลงมา
ยอดเขาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของมู่เฉินเริ่มแตกสลาย ชัดว่ากำลังจะพังทลายลง ตราประทับสีดำลอยหวือลงมา ยับยั้งมู่เฉินเอาไว้อย่างไร้ปรานี ภายใต้สายตาตกตะลึงที่จ้องมองนับไม่ถ้วน
ยอดเขาพังทลายลงภายใต้การครอบงำของตราประทับ พร้อมด้วยร่างมู่เฉินและยอดเขาถูกกดลงบนพื้นโดยตรง
ครืน!
แผ่นโลกโยกคลอนในยามนี้
ตราประทับสีดำคงอยู่ราวกับภูเขาตั้งตระหง่าน จอมยุทธ์มากมายนิ่งเงียบลงขณะความตกใจพล่านในดวงตา พวกเขาจ้องมองรัศมีจั้นยี่ที่เยือกเย็นและรุนแรง
ลวดลายจั้นเหวินมากมายที่ราวกับปากของปีศาจเต้นยุบยับบนตราประทับสีดำอย่างต่อเนื่อง ช่างเป็นฉากที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
หลินหมิงยืนอยู่บนท้องฟ้า สายตาเยือกเย็นมองตราประทับสีดำพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะชั่วร้าย “มู่เฉิน ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีบางอย่าง แต่เจ้าโง่และมั่นใจเกินไป ตราบใดที่ถูกครอบงำโดยตราประทับสงครามของข้า สิ่งนี้จะค่อยๆ ดูดกินพลังงานทุกหยาดหยดจนกว่าเจ้าจะกลวงโบ๋!”
“เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะรอดออกจากตราประทับนี้ด้วยพลังที่มี!”
เสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายของหลินหมิงสะท้อนทั่ว ทำให้จอมยุทธ์มากมายหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ชัยชนะของการประลองครั้งนี้ชี้ขาดแล้วหรือ? การถูกโจมตีของหลินหมิงสุดพลังเช่นนี้ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ยังพ่ายแพ้อย่างแน่นอน มู่เฉินคงถูกลางร้ายเล็งเป้าเข้าให้แล้ว
ฝั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จอมยุทธ์หลายคนมีสีหน้าซีดขาว แม้แต่ซิวหลัวก็ขมวดคิ้วแน่น ขณะที่ฝั่งจวนยมโลก ทุกคนกำลังออกอาการดีอกดีใจบนใบหน้า เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะอ่อนด้อยปานนี้เมื่อต้องเผชิญกับหลินหมิงที่ทรงอำนาจ
“มู่เฉินอ่อนหัดขนาดนี้เชียว…” ฟังยี่อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางยิ้มเย็นกับฉากนี้ ใครจะคิดว่ามู่เฉินที่ยังยืนหยัดอย่างทระนงเมื่อครู่จะพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงอย่างง่ายดาย
“เจ้าดูถูกมู่เฉินเกินไปแล้ว”
จินไถหลิวหลีเหลือบตามองฟังยี่วูบหนึ่ง ก่อนที่สายตานางจะยกขึ้นมองไปทางตราประทับสีดำที่เหมือนภูเขา ดวงตาของนางหรี่ลง ไม่รู้ว่าทำไมนางเหมือนจะได้ยินเสียงที่น่ากลัวคลุมเครือจากใต้ตราประทับสีดำนั่น เสียงนั้นฟังเหมือนเสียงฟ้าพิโรธเลยทีเดียว
ขณะที่ฟังยี่กำลังจะเปิดปากโต้ตอบเมื่อได้ยินประโยคของจินไถหลิวหลี เสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้องก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไร หลังจากนั้นม่านตาเขาก็หดลง มองเห็นตราประทับสีดำซึ่งปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินสั่นสะเทือนเล็กน้อย
หลินหมิงที่ตอนแรกกำลังแสยะยิ้มชั่วร้ายจู่ๆ ม่านตาก็หดเกร็ง
“ตู้ม! ตู้ม!”
เสียงระเบิดเริ่มถี่ขึ้น ตราประทับสีดำก็สั่นไหวรุนแรงขึ้น สุดท้ายดวงตาของทุกคนก็อัดแน่นไปด้วยความสับสนเมื่อมองไป
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ทันใดนั้นสายฟ้าแพรวพราวก็แล่นแปลบปลาบออกมาจากใต้ตราประทับสีดำ เมื่อสายฟ้าปะทุขึ้นก็มีรอยแตกปรากฏบนตราประทับสีดำ สายฟ้าเลื่อนไหลออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น
ใบหน้าของหลินหมิงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในตอนนี้
ตู้ม!
แต่ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง คลื่นพลังงานภายใต้ตราประทับสีดำก็กลายเป็นรุนแรงทบทวี เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้อง ตราประทับสีดำที่สามารถระงับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกได้ก็ระเบิดออก
ตราประทับสีดำกลายเป็นประกายกระจายไปทั่ว ขณะที่ใบหน้าของหลินหมิงเขียวคล้ำ เขาไม่คิดว่าตราประทับสงครามที่เขาภาคภูมิใจหนักหนาจะถูกทำลายโดยมู่เฉินทันที หลังจากที่เขาพูดคำเหล่านั้น
“เป็นไปได้ยังไง? ตราประทับสงครามเขมือบปีศาจของข้าครอบงำมาก โดยพื้นฐานมู่เฉินจะทำลายได้ยังไง?!” หลินหมิงกัดฟันกรอด มรดกของเขาสืบทอดมาจากจั้นเจิ้นซือยุคโบราณ—จอมมารทุนหลัวซึ่งมีชื่อน่าสะพรึง ดังนั้นมรดกนี้จึงมีความเป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าจะแปลกประหลาด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกได้
“ครอบงำรึ?”
เสียงแผ่วเบาดังก้องจากพื้นที่ถล่มจากตราประทับสีดำ ก่อนที่หินก้อนใหญ่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างร่างหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดิน
ร่างนั้นถูกห่อหุ้มด้วยสายฟ้าแล่นแปลบปลาบ เกลียวสายฟ้ามหัศจรรย์มาก นี่ไม่ใช่สายฟ้าของจริงแต่ถูกสร้างจากรัศมีจั้นยี่ มู่เฉินที่อยู่ในสายฟ้าเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลินหมิงด้วยความไม่แยแส
“ในเมื่อครอบงำ ข้าก็แค่ใช้วิธีที่ครอบงำยิ่งกว่าในการทำลาย” เสียงไม่แยแสของมู่เฉินดังก้องขึ้นอีกครั้ง ในแง่ของความครอบงำ เขาจะสอนให้หลินหมิงรู้ว่าความครอบงำของราชันสงครามจิ่วเจี๋ยไม่ใช่สิ่งที่หลินหมิงจะเข้าใจได้
ทันทีที่พูดจบ กำปั้นที่กำแน่นของมู่เฉินก็กางออกช้าๆ พร้อมกับฝ่ามือที่กางเปิดเกลียวสายฟ้าก็แลบแปลบปลาบออกมา
โฮก!
เสียงคำรามราวกับมังกรดังขึ้นจากฝ่ามือของมู่เฉิน สายฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งขึ้นจากฝ่ามือของมู่เฉิน
เมื่อเกลียวสายฟ้าโชติช่วง ทุกคนในบริเวณนี้ก็พบว่าสายฟ้านี้เป็นมังกรสายฟ้าขนาดหนึ่งจั้ง แต่ที่แปลกประหลาดก็คือสิ่งนี้ไม่ได้มีรูปแบบจริงๆ เมื่อมองอย่างใกล้ชิดก็จะเห็นว่ามันถูกประกอบขึ้นจากลวดลายจั้นเหวินนับไม่ถ้วน
โฮก!
มังกรสายฟ้าขยายร่างเบื้องหน้ามู่เฉิน ร่างตัวเล็กกลับระเบิดเสียงคำรามของมังกรที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ช่างราวกับเทพสายฟ้าเผด็จการสามารถทำลายล้างทุกสรรพสิ่งจนราบคาบ
ลวดลายจั้นเหวินของมังกรสายฟ้าตัวเล็กบางก็คือรัศมีจั้นยี่ที่ควบแน่นของหน่วยรบทั้งห้า
พลังงานนี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหัวใจของกองทัพอื่นๆ แม้แต่หลินหมิงม่านตายังหดลง เขารู้สึกถึงความผันผวนอันตรายอย่างยิ่งที่เกิดขึ้นจากมัน
“ในเมื่อแกชอบครอบงำนัก ข้าจะแสดงให้เห็นว่าใครครอบงำมากกว่า…”
มู่เฉินจ้องหลินหมิง มุมปากยกสูงขึ้น จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้ว มังกรสายฟ้าพุ่งออกไป ทันใดนั้นเสียงฟ้าคำรามก็ทำให้มิติสั่นสะเทือน
“คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ ลวดลายมังกรเก้าสายฟ้า!”
บทที่ 914 ลวดลายมังกรเก้าสายฟ้า
ครืน!
เสียงฟ้าคำรามรุนแรงดังก้องไปทั่ว ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น กระทั่งจอมยุทธ์ทุกคนก็ต่างมีสายตาเคร่งเครียด ขณะจ้องมองสายฟ้าที่พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของมู่เฉิน
สายฟ้าไม่ได้มีรูปลักษณ์ยิ่งใหญ่ เนื่องจากเป็นเพียงมังกรสายฟ้าที่มีขนาดหนึ่งจั้ง ทว่าพลังงานที่บรรจุอยู่ภายในมังกรตัวนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกบางคนยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง
มังกรสายฟ้าถูกสร้างขึ้นด้วยลวดลายจั้นเหวินที่อัดแน่นด้วยรัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบทั้งห้า ด้วยรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตกดอัดเข้าด้วยกัน ทำให้พลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์นัก
แม้ว่าคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ที่มู่เฉินได้รับมาจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่ฝึกฝนเขาก็ได้รับทักษะรัศมีจั้นยี่ที่ราชันสงครามจิ่วเจี๋ยทิ้งเอาไว้ภายใน
ทักษะนี้ก็คือลวดลายมังกรเก้าสายฟ้าที่มู่เฉินกำลังใช้อยู่ขณะนี้นี่เอง
จากข้อมูลบางอย่างที่มู่เฉินได้รับ ลวดลายมังกรเก้าสายฟ้าเป็นเพียงบางสิ่งที่คิดค้นไว้โดยไม่ได้ตั้งใจจากราชันสงครามจิ่วเจี๋ย แต่ไม่ว่าอย่างไรวิชานี้ก็คิดขึ้นโดยจั้นเจิ้นซือที่เทียบเคียงกับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อ ในแง่ของความแข็งแกร่งก็ถือว่าทรงพลังอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยู่ในระดับเดียวกับมู่เฉิน
ยกตัวอย่างลวดลายมังกรเก้าสายฟ้า ซึ่งใช้กระบวนการพิเศษในการบีบอัดรัศมีจั้นยี่ ว่ากันว่าเมื่อผู้ฝึกศึกษาไปจนถึงจุดที่เชี่ยวชาญแล้ว ก็สามารถสร้างลวดลายมังกรสายฟ้าที่มีขนาดเท่ากับแมลงวัน แม้สิ่งนี้จะมีขนาดเล็กมาก แต่พลังที่บรรจุอยู่ก็เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ไม่สามารถต้านทานได้
แน่นอนว่าตอนนี้ลวดลายมังกรสายฟ้าที่มู่เฉินสร้างขึ้นยังห่างไกลจากขนาดของแมลงวัน แม้ว่าจะยังมีช่องว่างขนาดใหญ่สำหรับเขาที่จะไปถึงระดับนั้น แต่พลังก็ยังเหนือกว่าตราประทับสงครามเขมือบปีศาจมากนัก
แม้ว่ามู่เฉินจะไม่รู้ว่าหลินหมิงได้รับมรดกอะไรมา แต่ก็เป็นเรื่องตลกที่จะเปรียบเทียบกับสุดยอดจอมยุทธ์แบบราชันสงครามจิ่วเจี๋ย
ม่านตาดำของมู่เฉินจ้องนิ่งไปที่หลินหมิงที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างไม่แยแส โดยไม่มีอาการลังเลในการโจมตี นิ้วเรียวก็กดลงบนท้องฟ้าเบาๆ
ตู้ม!
สายฟ้าฟาดฉีกมิติ ทันใดนั้นก็ปรากฏตรงหน้าหลินหมิง
เมื่อหลินหมิงฟื้นจากอาการตื่นตะลึงก็เส้นขนลุกชันไปหมด เขาแผดเสียงคำรามดังลั่น มือสองข้างสร้างตราประทับรวดเร็ว “ภพอเวจี ปากเขมือบปีศาจ!”
โฮก!
ที่ด้านหลังมวลคลื่นยักษ์สีดำของรัศมีจั้นยี่ที่แผ่ปกคลุมกองทัพขนาดใหญ่ก็พุ่งผ่านมิติปรากฏที่เบื้องหน้าหลินหมิง ควบแน่นกลายเป็นปากสีดำขนาดพันจั้ง
เมื่อปากขนาดใหญ่เปิดออก ริ้วสีดำสนิทภายในปากก็ดูราวกับก้นเหวลึก ให้ความรู้สึกว่าเชื่อมต่อกับมิติหลุมดำ ทุกอย่างที่เข้าไปจะถูกดูดกินโดยความมืดมิดนี้
ฟิ้ว!
ทว่ามังกรสายฟ้าขนาดหนึ่งจั้งกลับไม่ได้สนใจ เมื่อเสียงฟ้าร้องดังขึ้น มันก็ไม่ลังเลพุ่งชนเข้าไปในปาก
หลินหมิงเห็นว่าลวดลายมังกรสายฟ้าถูกดูดกลืน แต่คนขี้ระแวดระวังอย่างเขากลับไม่ได้โอ้อวดอีก เขารีบเปลี่ยนตราประทับในฝ่ามือเพื่อพยายามควบคุมรัศมีจั้นยี่ทำลายลวดลายมังกรสายฟ้า แต่ทันทีที่เกิดความคิดนี้ เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องก็เปล่งออกมาจากปาก
รัศมีจั้นยี่ที่ผยองเกินพรรณนาปะทุราวกับภูเขาไฟระเบิดออกมาจากปากเหวนั่น
สัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่ป่าเถื่อน หลินหมิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทันใดนั้นร่างเขาก็ถอยออกไป รัศมีจั้นยี่สีดำมืดก่อตัวเป็นม่านชั้นกีดขวางขนาดใหญ่ตั้งรับที่เบื้องหน้า
แคร็ก!
ขณะที่หลินหมิงถอยออกมา ปากเหวปีศาจก็ราวกับไม่สามารถทนรับได้กับการระเบิดของรัศมีจั้นยี่รุนแรง รอยแตกปรากฏขึ้นบนปากอันใหญ่โต สายฟ้าพล่านออกมาจากรอยแตกเหล่านั้น ตามมาด้วยการระเบิดกะทันหันของปากปีศาจ
ครืน!
สายฟ้าพร้อมกับรัศมีจั้นยี่หาใดเปรียบกวาดออกมาราวกับคลื่นยักษ์เหนือชั้น ขณะที่ม่านรัศมีจั้นยี่ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจแนวป้องกันที่หลินหมิงทิ้งไว้เบื้องหลังก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ สายฟ้ารัศมีจั้นยี่ที่เกรี้ยวกราดพวยพุ่งราวกับคลื่นห้อมล้อมตัวหลินหมิงไว้
เมื่อเงากดลงมา ใบหน้าของหลินหมิงก็มืดครึ้ม ทันใดนั้นเขาก็กระทืบเท้า หัวกะโหลกดำปรากฏขึ้นเหนือร่างเขา มันเปิดปากที่ดุร้าย คลื่นเสียงสีดำขนาดใหญ่แผ่ออกมาทันที
ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นเสียงที่ถูกสร้างขึ้นด้วยรัศมีจั้นยี่ปะทะกับคลื่นสายฟ้า ทำให้เกิดการระเบิดทันที ตรงจุดที่เกิดการชนกันมิติก็บิดเบี้ยวลงหลายส่วน
แสงเย็นวาบในดวงตามู่เฉิน ขณะที่เฝ้าดูฉากนี้ ตราประทับก็เปลี่ยนแปลงเร็วรี่
ตู้ม!
ในคลื่นสายฟ้า ทันใดนั้นสายฟ้าก็เจิดจ้า เมื่อมองใกล้เข้าไปก็เห็นลวดลายจั้นเหวินสายฟ้าระเบิดขึ้นในคลื่นยักษ์
นี่คือการทำลายตัวเองของลวดลายจั้นเหวิน
สายฟ้ากวาดออก คลื่นเสียงสีดำขนาดใหญ่ก็ระเบิดตัว หลินหมิงได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ร่างของเขาถลากลับไปในสภาพที่น่าสมเพช เสียงครางดังออกจากลำคอ
ร่างหลินหมิงปลิวไปถึงพันจั้ง นักรบมากมายในกองทัพก็กระอักเลือดอย่างช่วยไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากการปะทะกันของรัศมีจั้นยี่เช่นกัน
โห้!
เสียงโกลาหลดังก้อง เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าหลินหมิงที่ตอนแรกมีฝีมือเหนือกว่าจะถูกพลิกสถานการณ์กลับในเวลาไม่กี่นาที
จอมยุทธ์ชั้นสูงของจวนยมโลกที่ใบหน้ากระจายไปด้วยความสุขเมื่อครู่ รอยยิ้มก็แข็งค้าง เห็นได้ชัดว่าการโต้กลับของมู่เฉินเกินความคาดหมายไปไกล
ตรงกันข้ามกับจอมยุทธ์อาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่ตึงเครียดก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา คิ้วของซิวหลัวที่ขมวดแน่นก็ค่อยๆ คลายลง
“ฮ่าๆ ผู้บัญชาการซิวหลัววางใจเถอะ ในเมื่อผู้บัญชาการมู่กล้าทำ เขาก็ต้องไตร่ตรองแน่ชัดแล้ว ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะทรงพลัง แต่มู่เฉินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เคี้ยวง่ายนักหรอก” เลี่ยซันยิ้มอยู่ที่ด้านข้าง
ซิวหลัวก็ส่งยิ้มตอบ สายตามองไปยังร่างอ่อนอาวุโสที่อยู่ไกลออกไป “ผู้บัญชาการจิ่วโยวพาชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมกลับมายังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราจริงๆ”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเยือกเย็นของจิ่วโยว นางมองไปที่ร่างของมู่เฉิน ตอนที่นางพาเขามาที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ ไม่มีใครคิดเลยว่าภายในสองปีชายหนุ่มที่ไม่มีนัยสำคัญจะเติบโตขึ้นมากเพียงนี้ นอกจากนี้นางยังเข้าใจมากว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ในอนาคตชื่อเสียงของเขาจะต้องก้องดังไปทั่วทวีปเทียนหลัวหรือแม้กระทั่ง…ในมหาพันภพ
“ไอ้เจ้านี่เหมือนตะขาบไม่รู้จักตาย…ไม่รู้จักล้ม!” ฝั่งหมู่ตึกเทวะใบหน้าของฟังยี่ก็บิดเบี้ยวลงหลายส่วน เขากัดฟันกรอดจ้องมองมู่เฉินที่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้พลางเปล่งเสียงเย็นออกมา
“อาณาเขตกงเวทสวรรค์โชคดีที่ได้พบชายหนุ่มที่โดดเด่นคนนี้” เทียนหลงจู่ขมวดคิ้ว เวลาเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้นที่ชื่อมู่เฉินดังเป็นพลุแตกในภูมิภาคทางเหนือ ตอนแรกคงไม่มีใครคิดว่าม้ามืดตัวนี้จะคงอยู่ยาวจนถึงบัดนี้
ได้เห็นความสามารถที่ทรงประสิทธิภาพของมู่เฉิน กระทั่งเทียนหลงจู่ก็ยังต้องให้การประเมินที่ดีแก่เขา
“แม้ว่ามู่เฉินจะมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่หลินหมิงก็ไม่ใช่จัดการได้ง่าย” จินไถหลิวหลีพูดแทรกด้วยเสียงเบาพร้อมกับจ้องมองไปที่หลินหมิง ในฐานะคนที่เคยสู้กันมาก่อน นางรู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายเล็กน้อย นอกจากนี้นางยังสัมผัสได้คลุมเครือว่ามรดกที่เขาได้รับมานั้นแปลกเกินไป หากไม่ระมัดระวังก็อาจล้มเหลวลงไม่เป็นท่า
ขณะที่จินไถหลิวหลีพูด หลินหมิงก็เช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากจากที่ไกลพลางจ้องมองมู่เฉินอย่างมืดมน
“หลังจากที่ข้าบรรลุการเป็นจั้นเจิ้นซือ แกเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ” จิตสังหารกำจายในเสียงของหลินหมิงแน่นหนา สายตาชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
มู่เฉินมองหลินหมิงที่ริ้วเส้นเลือดสีดำไต่ขึ้นมาบนดวงตาก็หรี่ตาลง
“ดังนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าข้าให้ความสำคัญยิ่งใหญ่กับแก ข้าจะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด…เพื่อฆ่าแก!” รอยยิ้มที่เคลือบบนใบหน้าของหลินหมิงเลวร้ายมากขึ้น จากนั้นเขาก็กัดฝ่ามือตัวเอง เลือดไหลจากฝ่ามือ ซึ่งเป็นเลือดสีดำที่ดูแปลกประหลาดมาก
ใบหน้าของหลินหมิงบิดเบี้ยวขณะที่เลือดสดไหลออกมาฝ่ามือ พร้อมกับหยดเลือดสีดำไหล ลูกปัดสีดำที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของเด็กทารกก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขา
เมื่อลูกปัดสีดำปรากฏขึ้น หากมองให้ชัดเจนก็จะเห็นว่าในนั้นมีใบหน้าดุร้ายมากมายพร้อมผสานด้วยเสียงกรีดร้องแหลมน่ากลัว ซึ่งเต็มไปด้วยความแค้นเคืองและเกลียดชัง
คลื่นพลังแปลกประหลาดกระจายออกไป
เมื่อมู่เฉินและจินไถหลิวหลีสัมผัสกับลอนคลื่นนั่น สีหน้าก็เปลี่ยนไป นั่นเป็นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมของคลื่นจิต…
ทั้งสองจ้องเขม็งไปที่ลูกปัดสีดำ จากนั้นก็สูดอากาศเย็นเข้าไปสุดปอด นั่นเพราะพวกเขาพบว่าใบหน้าที่น่าสยดสยองในลูกปัดเป็นเหล่าแม่ทัพที่พ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงจนไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้…
ที่แท้สาเหตุที่คลื่นจิตของพวกเขาหายไป เพราะถูกหลินหมิงใช้วิธีดังกล่าวดึงไปนั่นเอง!
“มิน่าล่ะเขาถึงเล็งเป้าไปที่เหล่าแม่ทัพ ที่แท้ก็เพราะต้องการสกัดคลื่นจิตของคนเหล่านั้นไว้!” ใบหน้าของจินไถหลิวหลีเคร่งเครียด หัวใจสะท้านจากวิธีการเลวร้ายของหลินหมิง
“ฮี่ๆๆๆ…”
รอยยิ้มที่แขวนบนใบหน้าของหลินหมิงดูชั่วร้ายอย่างที่สุด ก่อนที่เขาจะคว้าลูกปัดสีดำโยนเข้าปาก ภายใต้การจ้องมองที่ตื่นตกใจของมู่เฉินและจินไถหลิวหลี
ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ราวกับว่ามีเลือดไหลออกมา น่ากลัวยิ่งนัก
บทที่ 915 กลับคืน
ทันทีที่หลินหมิงกลืนลูกปัดลงไป
ดวงตาเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานริ้วเลือดไต่ขึ้นมายั้วเยี้ย หลอดเลือดดำเต้นตุบตับบนหน้าผาก ดูน่ากลัวยิ่งนัก
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้จำกัดเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น ทุกคนสัมผัสได้ว่าในช่วงเวลานี้มีความผันผวนที่น่ากลัวและรุนแรงระเบิดออกราวกับพายุที่ก่อจากจิตใจของเขา
ใบหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง
นั่นเป็นเพราะความผันผวนที่แปลกประหลาดคือพลังจิต เมื่อเทียบกับก่อนหน้าก็มีความปั่นป่วนขนาดใหญ่พวยพุ่งในคลื่นจิตของหลินหมิงคนนี้ คลื่นจิตของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรง
“เขาสามารถกินคลื่นจิตของคนอื่นแล้วเปลี่ยนเป็นของตัวเองได้เรอะ?!” หัวใจของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งคู่ต่างตกใจกับทักษะของหลินหมิง
นั่นเป็นเพราะพลังของคลื่นจิตไม่เหมือนกับคลื่นหลิง คลื่นจิตอัดแน่นไปด้วยความนึกคิดและเจตจำนงของบุคคล เมื่อคนคนหนึ่งกินความนึกคิดของคนอื่นก็จะเกิดผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว ความเข้ากันไม่ได้ของการควบรวมคลื่นจิต ซึ่งจะทำให้พวกเขาแยกออกจากกัน นำไปสู่ความพินาศ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่มีจั้นเจิ้นซือที่กินคลื่นจิตของผู้อื่น ดังนั้นเมื่อมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเห็นการกระทำของหลินหมิง พวกเขาทั้งสองก็เกิดอาการยากจะเชื่อ
“ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหลินหมิงถึงกล้ารับคำท้า ที่แท้ก็มีวิธีการแบบนี้ซ่อนไว้ในแขนเสื้อนี่เอง” เทียนหลงจู่รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากวิธีการของหลินหมิงเกินความคาดหมายไปไกลอย่างชัดเจน
“แม้ว่าคลื่นจิตของเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็วุ่นวายและรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย ต้องมีผลกระทบจากการใช้วิธีการนี้แน่นอน” ดวงตาของจินไถหลิวหลีวูบไหวขณะที่พูดเสียงแผ่วเบา ไม่มีพลังใดในโลกที่ได้มาโดยไม่มีเหตุผล แม้ว่าวิธีการนี้ของหลินหมิงจะผิดปกติและทรงพลัง แต่เขาก็ต้องจ่ายในราคาที่แพงระยับ
“ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น มีเพียงการเอาชนะมู่เฉินได้ถึงจะทำให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง ดังนั้นแม้ว่าจะต้องจ่ายราคาสูง แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ” เทียนหลงจู่กล่าว
“เมื่อไรที่มู่เฉินแพ้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะต้องพังครืนลงแน่นอน!” ฟังยี่พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
จินไถหลิวหลีไม่ได้พูดอะไร ทว่าคิ้วกลับมุ่นเข้าหากันขณะที่จ้องมองร่างสูงโปร่งอ่อนเยาว์ที่อยู่ไกลไป อย่างที่เทียนหลงจู่พูด ถ้ามู่เฉินแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์แน่นอน
เผชิญหน้ากับหลินหมิงที่ใช้วิธีแปลกประหลาดในการกลืนกินคลื่นจิตของจอมยุทธ์คนอื่นๆ สร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง ไม่รู้ว่ามู่เฉินจะยังมีทางที่สามารถโต้กลับได้ไหม…
“ฮี่ๆๆๆ…”
เส้นเลือดไต่ยั้วเยี้ยบนหน้าผากของหลินหมิงทำเอาใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูป สีหน้าเคร่งเครียดลงก่อนที่จะยิ้มให้กับมู่เฉิน ความรุนแรงของคลื่นจิตในหัวสมองแทบจะฉีกหัวออกเป็นชิ้นๆ นี้เป็นผลสะท้อนกลับจากการใช้วิธีดังกล่าว แต่ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคามากแค่ไหน วันนี้เขาก็ต้องฆ่ามู่เฉินให้จงได้ ตราบใดที่เขาสามารถได้รับคลื่นจิตของมู่เฉิน เขาก็สามารถลดผลกระทบได้มากที่สุด
“วันนี้แกต้องตาย!”
เสียงของหลินหมิงเต็มไปด้วยจิตสังหารหนาแน่น เพื่อที่จะชนะในการประลองครั้งนี้ เขาจ่ายอะไรออกไปมากมาย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้รับชัยชนะ
ตู้ม!
หลินหมิงกระทืบเท้า รัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตด้านหลังก็พวยพุ่งป่าเถื่อนไปบนท้องฟ้า ราวกับมีม่านแสงในเส้นขอบฟ้า การเคลื่อนไหวช่างน่าตกใจ
“ตายซะ!”
ขณะที่เขาคำราม รัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนสีดำสนิทก็กลายเป็นริ้วรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นดงหอกสีดำที่มีลวดลายจั้นเหวินหนาแน่น
เปรียบเทียบกับกระบวนท่าก่อนหน้าของหลินหมิงถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าหลายส่วน ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากที่เฝ้าดูถึงกับหนังหัวชาหนึบ
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
หอกบินฉวัดเฉวียนบนท้องฟ้าราวกับห่าลูกศรล้อมรอบพื้นที่ที่มู่เฉินอยู่ กระทั่งมิติก็บิดเบือนจากการโจมตีน่ากลัวที่กำลังจะบีบกดลงมาไม่ช้านี้
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงของหลินหมิง มู่เฉินก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนที่จะสูดอากาศเข้าสุดปอด จากนั้นก็วาดตราประทับบนฝ่ามือ รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตส่งเสียงหวีดหวิวอยู่ที่ด้านหลังเขา
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ระลอกคลื่นรัศมีจั้นยี่กระเพื่อมออกมาควบแน่นที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็นโล่รัศมีจั้นยี่ขนาดหลายพันจั้งที่มีลวดลายจั้นเหวินหนาทึบกะพริบอยู่บนนั้น
ในตอนนี้มู่เฉินสามารถใช้รัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบทั้งห้าได้อย่างสมบูรณ์
ปัง! ปัง! ปัง!
เมื่อโล่ถูกสร้างขึ้นเรียบร้อย การโจมตีจากทั่วสารทิศบนท้องฟ้าก็พุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด จังหวะที่ปะทะกัน เสียงดังสนั่นก็แตกออก ขณะที่หอกนับไม่ถ้วนซัดลงมากระแทกกับโล่จังใหญ่
การชนกันทุกครั้งทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง คลื่นกระแทกสร้างหายนะทำให้มิติถึงกับกระเพื่อมขึ้นลงพร้อมกับรอยแตกแพร่กระจายออกไป
กองทัพอื่นๆ ก็ตื่นตกใจ เมื่อเฝ้าดูการเผชิญหน้าสะเทือนโลกาที่เกิดขึ้นในท้องฟ้า
ครืน!
การเผชิญหน้าอย่างดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป แต่ทุกคนรู้สึกได้ว่าโล่ค่อยๆ บิดเบือน เห็นได้ชัดว่าเริ่มรู้สึกเครียดขึงจากการโจมตีที่รุนแรงของหลินหมิง
เมื่อเทียบกับก่อนหน้า หลินหมิงรุนแรงมากขึ้นอีกหลายส่วน
“สลาย!”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายของหลินหมิงดังก้อง ดงหอกซัดเข้าไปไม่หยุด สุดท้ายก็แทงทะลุผ่านโล่ที่แข็งแกร่ง
ปัง!
ในที่สุดโล่ขนาดใหญ่ก็พังทลายลง
อั้ก!
ที่ด้านหลังเหล่านักรบทั้งห้าหน่วยรบก็มีใบหน้าซีดเซียว เลือดสดพุ่งออกมาจากปาก ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทกของรัศมีจั้นยี่
ที่เบื้องหลังจอมยุทธ์จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็อดตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าเคร่งเครียดและกังวลถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่าแม้แต่พวกเขายังไม่สามารถรักษาความสงบในใจจากสถานการณ์กลับตาลปัตรแบบรวดเร็วนี้ได้
ร่างของมู่เฉินถอยกลับไปหลายร้อยจั้ง ก่อนที่จะทรงตัวได้ สายตากวาดมองไปที่เหล่านักรบ เมื่อเห็นหลายคนกระอักเลือด แววตาเขาก็เย็นเยือกลงทันที
“กระบวนท่าต่อไป ข้าจะทำให้กองทัพของแกไม่เหลือสักคน!” หลินหมิงแสยะฟันขาว ก่อนยกมือขึ้นแล้วสะบัดลง
ตู้ม!
ที่ด้านหลังรัศมีจั้นยี่สีดำสนิทก็ส่งเสียงหวีดหวิวจากกองทัพมหึมาบนท้องฟ้าราวกับเสาแสงสีดำขณะที่รวมตัวกันแน่นหนา เพียงสิบกว่าอึดใจกะโหลกสีดำขนาดใหญ่ก็ก่อร่างขึ้นอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้กะโหลกดำควบแน่นใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มองเห็นลวดลายจั้นเหวินมากมายกะพริบบนผิว มากจนน่าตื่นตายิ่งนัก
เมื่อกะโหลกปรากฏขึ้น เปลือกตาของจอมยุทธ์หลายคนที่นี่ก็กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากพวกเขารับรู้ถึงภัยคุกคามที่แผ่ออกมาจากมัน
“ลวดลายจั้นเหวินนี่…”
จินไถหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะหดดวงตา สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่จ้องมองกะโหลกดำ ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว “มีลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นห้าพันกว่าลาย…”
ก่อนหน้าหลินหมิงสามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นกว่าลายเท่านั้น แต่ตอนนี้เท่ากับเพิ่มขึ้นเกือบครึ่งเท่าเลยทีเดียว พลังความแข็งแกร่งนี้สามารถจินตนาการได้เลย
วิญญาณสงครามที่ก่อร่างขึ้นจากลวดลายจั้นเหวินจำนวนมากนี้ หากปล่อยกระบวนท่าโจมตีไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกทั่วไป แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดก็อยู่ในสถานการณ์คับขัน
หลินหมิงตั้งใจที่จะจบศึกลงแล้วจริงๆ
“คึๆ…”
กะโหลกดำขนาดใหญ่ราวกับภูเขาลูกโตลอยอยู่ที่ด้านหลังหลินหมิง แม้ว่าร่างของเขาจะเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับกะโหลกนั่น แต่จากความป่าเถื่อนที่กำจายออกมาจากร่างเขาก็ไม่มีใครกล้าดูถูก
ดวงตาสีแดงจ้องมองไปที่มู่เฉินที่มีสีหน้าเย็นเยือก เสียงหัวเราะหลอนประสาทก็เปล่งออกมาจากปากเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรูที่หนังเหนียวเคี้ยวยาก แต่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะมู่เฉินจะเป็นจั้นเจินซือแท้จริงคนแรกที่ตายด้วยน้ำมือของเขา…
“แกและกองทัพของแกจงกลายเป็นปุ๋ยอยู่ที่นี่เถอะ”
หลินหมิงแสยะยิ้มชั่วร้าย จากนั้นก็ประกบมือวาดตราประทับเร็วรี่ ฉับพลันกะโหลกดำที่ด้านหลังก็ระเบิดออกมาพร้อมกับแสงพราว ระลอกคลื่นรัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนกวาดออกไปราวกับพายุ ส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วบริเวณ
เหล่าจอมยุทธ์ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดลง เนื่องจากพวกเขาสามารถบอกได้ว่าหลินหมิงตั้งใจจะยุติการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว การต่อสู้ครั้งสำคัญของจวนยมโลกและอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะถูกกำหนดแล้ว!
และตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน อาณาเขตกงเวทสวรรค์อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!
ฝั่งของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เหล่าผู้บัญชาการก็ได้แต่กำหมัดอย่างช่วยไม่ได้
ฮา
ภายใต้สายตาที่จ้องมองมานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็สูดหายใจเข้าลึก ขณะที่สายตากวาดมองไปยังนักรบมากมายที่ด้านหลัง สายตาของพรรคพวกยังคงเต็มไปด้วยเจตจำนงในการต่อสู้และความไว้วางใจ
ระหว่างเดินทางมาที่นี่ มู่เฉินนำพาพวกเขาสร้างปาฏิหาริย์มากมาย หากไม่มีมู่เฉิน พวกเขาก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้มากนัก บางทีที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นเหมือนในอดีตที่พวกเขาเป็นเพียงปืนใหญ่ระหว่างการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญ
การปรากฏตัวของมู่เฉินทำให้พวกเขามีค่า หากไม่มีจั้นเจิ้นซือ กองทัพก็คือจอมยุทธ์ธรรมดานั่นเอง
ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ตราบใดที่มู่เฉินยังยืนอยู่ตรงหน้า!
เมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ในสายตาของเหล่านักรบ มู่เฉินก็เม้มริมฝีปาก ประกายคมกล้าวูบไหวในดวงตา
เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหลินหมิงซึ่งมีแต่ความชั่วร้ายอัดเต็มใบหน้า ในเมื่อแกต้องการสู้ ข้าจะทำให้แกซึ้งจนจบเลย!
แกไม่ใช่คนเดียวที่ซ่อนไพ่ตายไว้ในแขนเสื้อ!
ไอเย็นเยือกพลุ่งพล่านในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นฝ่ามือก็ประกบเข้าหากันแผ่วเบา ดวงตาปิดลงอย่างช้าๆ ภายใต้สายตาตื่นตกใจไม่ถ้วน
ครืน!
คุกสายฟ้าในห้วงแห่งจิต ซึ่งถูกครอบครองโดยเมฆฟ้าคะนอง เม็ดมุกสีดำลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นสายฟ้า จู่ๆ ก็สั่นสะเทือนราวกับว่าได้รับการเรียก เม็ดมุกพุ่งหายออกมาจากคุกสายฟ้า
นั่นคือเมล็ดพันธุ์คลื่นจิตที่เขาทิ้งไว้ หลังจากสร้างคุกสายฟ้าได้ แล้วแยกความนึกคิดของตัวเองเป็นสองส่วน
ตอนนี้หลังจากที่เมล็ดพันธุ์คลื่นจิตกลับคืนมา ในที่สุดคลื่นจิตของเขาก็สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง!
บทที่ 916 คลื่นจิตที่เพิ่มขึ้นมหาศาล
บนท้องฟ้า
หลินหมิงยืนอยู่พร้อมกับรัศมีจั้นยี่รุนแรงก่อตัวเป็นพายุล้อมรอบตัวไว้ ขณะที่สาดความเผด็จการกระทั่งมิติยังไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ ค่อยๆ บิดเบี้ยวลงทีละน้อย
ภาวะบีบคั้นที่น่ากลัวเล็ดลอดออกจากร่างกายของหลินหมิง
หลินหมิงรู้สึกว่ารัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนในหัวสมองราวกับภูเขาไฟ พลังงานนี้โหมกระหน่ำด้วยต้องการทำลายหัวของเขา ทำให้เส้นเลือดถึงกับบิดเกลียวไปมาบนหน้าผาก
ทว่าขณะนี้เขาได้ระงับความป่าเถื่อนในหัวสมองลงพลางจ้องมองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตาแดงฉาน เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายปิดตาลง หางตาเขาก็กระตุกเล็กน้อย น้ำเสียงขนพองสยองเกล้าเอ่ยขึ้น “ถึงจุดนี้แล้วแกยังกล้าทำท่าแบบนี้ รนหาที่ตายจริงๆ!”
ในเวลาเดียวกันกับที่คลื่นจิตทรงพลังสร้างความเจ็บปวดรุนแรงต่อหัวสมอง สิ่งนี้ยังเพิ่มความมั่นใจกับเขา ภายใต้สภาวะนี้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองสามารถปราบมู่เฉินได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือเหมือนกัน แต่จำนวนลวดลายจั้นเหวินที่เขาควบแน่นถือได้ว่าโดดเด่นมาก แม้จะอยู่ในระดับนี้ก็ตาม
ขณะที่มู่เฉินเพิ่งบรรลุวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือได้ ดังนั้นโดยพื้นฐานจึงยากที่มู่เฉินจะเผชิญหน้ากับเขา
ชัยชนะอยู่ในมือเขาแล้ว
ทว่าแม้จะคิดแบบนี้ในใจ แต่หลินหมิงก็ยังรู้สึกตงิดในใจ คนที่ระมัดระวังอย่างเขาบอกได้ว่าการต่อสู้นี้จะลากยาวต่อไปไม่ได้แล้ว มู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ในเมื่อได้โอกาส เขาก็ต้องเอาชนะมู่เฉินให้จนถึงจุดที่อีกฝ่ายไม่มีแรงแม้แต่จะยืนขึ้นอีกตลอดกาล
เมื่อความคิดวาบผ่านในใจ แววตาของหลินหมิงก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงวูบไหว เหนือขึ้นไปกะโหลกดำขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยเปลวไฟสีแดงเข้มก็ดูเหมือนมีชีวิตขึ้น
ตู้ม!
คลื่นรัศมีจั้นยี่รุนแรงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าพุ่งออกจากกะโหลกดำ มิติบ้าคลั่งขณะที่ปากใหญ่เปิดขึ้นช้าๆ
ลวดลายจั้นเหวินสีดำรวมตัวกันอย่างรุนแรงใกล้ปากนั่นพร้อมกับความผันผวนของทำลายล้างเกิดขึ้นโดยปราศจากเสียงดังรบกวนใดๆ ทำให้จอมยุทธ์รอบด้านเปลือกตากระตุก
เหล่าผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์กำมือแน่น ต่างจ้องมองมู่เฉินที่ดูสงบนิ่ง ในช่วงเวลานี้สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือหวังว่ามู่เฉินจะยังมีไพ่ตายในแขนเสื้อ
“ถ้ามู่เฉินหมดกลยุทธ์ เขาแพ้หลินหมิงแน่” แดนปีศาจและยอดเขาหมื่นเทพที่เฝ้ามองดูฉากนี้ จากนั้นพวกเขาก็ต่างส่ายหัว สถานการณ์ตอนนี้ถูกควบคุมโดยหลินหมิงอย่างสมบูรณ์ ถ้ามู่เฉินไม่มีกลยุทธ์ใดออกมาก็ยากที่จะสั่นสะเทือนชัยชนะในยกนี้ได้
ครืน!
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ดวงตาของหลินหมิงก็ลุกโชนด้วยแสงโชติช่วง ขณะที่ลวดลายจั้นเหวินสีดำในปากกะโหลกขนาดมหึมาถูกรวมจนถึงขีดสุด
มุมปากของหลินหมิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วช้า ก่อนที่จะประกบมือเข้าด้วยกัน น้ำเสียงอัดแน่นด้วยจิตสังหารดังก้อง “ทักษะดูดกลืนปีศาจ แสงความตายเขมือบปีศาจ!”
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ปากสีดำเปิดอ้ากว้างทันที คลื่นกระแทกสีดำก่อร่างเป็นลำแสงสีดำขนาดร้อยจั้งยิงออกไป
แสงสีดำนี้แปลกประหลาดมาก ไม่มีคลื่นความผันผวนใดๆ ช่างเป็นความตายที่นิ่งเงียบจมลึก กระทั่งคลื่นหลิงในฟ้าดินตรงทางผ่านก็ยังถูกทำลาย
เมื่อจอมยุทธ์ที่อยู่ที่นี่สัมผัสได้ว่าแสงสีดำทรงพลังเพียงใด หนังหัวพวกเขาก็ลุกชัน ถ้าพวกเขาถูกโจมตีจากกระบวนท่านี้ แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายก็จะถูกลบทิ้งจนหมดสิ้น การโจมตีของหลินหมิงครั้งนี้รุนแรงและเลวร้ายมาก
เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ มู่เฉินจะสู้อย่างไร?
“ฮึ่ม!”
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน แสงสีดำก็พุ่งทะลุขอบฟ้าครอบร่างมู่เฉินไว้ ความเร็วพอกับสายฟ้าฟาดไม่มีทางหลบพ้นได้
ที่ด้านหลังซิวหลัวก็ขมวดคิ้วแน่น ร่างเกร็งแน่นขึ้น ถ้ามู่เฉินไม่สามารถต้านทานหลินหมิงได้ละก็ เขาก็ต้องพุ่งออกไปช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ก่อน
ลำแสงแห่งความตายปกคลุมไปทั่ว ทว่าขณะที่ทุกคนคิดว่ามู่เฉินยอมแพ้ในการต่อต้านแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เบิกตาโพลง
สายฟ้าวูบไหวในม่านตาสีดำของเขาคมชัดประหนึ่งตาเหยี่ยว ราวกับว่าเขาสามารถทะลุผ่านมิติได้
จินไถหลิวหลีเป็นคนแรกที่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของมู่เฉิน ใบหน้าของนางเปลี่ยนแปลงอย่างอดไม่ได้ นั่นเป็นเพราะในฐานะจั้นเจิ้นซือ นางคุ้นเคยกับพลังจิตดี แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ได้มีรูปร่าง แต่ดวงตาของผู้ฝึกสามารถสำแดงเจตจำนงออกมาได้มากที่สุด ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของมู่เฉินจึงบอกได้เลยว่าคลื่นจิตของเขาทรงพลังอย่างยิ่งยวดในช่วงเวลานี้
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาหลับตาคลื่นจิตก็แข็งแกร่งขึ้น!
“เจ้านี่ไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ” หัวใจตึงเครียดของจินไถหลิวหลีคลายลง ไม่ว่าอย่างไรนางกับมู่เฉินก็เคยร่วมมือกันอย่างจริงใจและรู้ความลับของกันและกัน เมื่อเปรียบเทียบกับคนเลวทรามอย่างหลินหมิงหรือเซียวเทียน นางยอมเป็นเพื่อนกับมู่เฉินมากกว่า ดังนั้นใจของนางจึงเอนเอียงเข้าข้างมู่เฉิน แม้ว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่หมู่ตึกเทวะอยากได้ก็ตาม
ทันทีที่มู่เฉินลืมตา แสงสีดำแห่งความตายก็กวาดเข้ามา สะท้อนภาพในดวงตาเขา ทำให้ดวงตาดูลึกซึ้งยิ่งขึ้น
กระบวนท่าในมือเขาวูบไหวอย่างรวดเร็วในเวลานี้
ร่างของเหล่านักรบทั้งห้าหน่วยรบก็กระตุกตัว ดูเหมือนพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงพลังงานผิดปกติที่ส่งสัญญาณ ภายใต้สัญญาณผิดปกติ รัศมีจั้นยี่ที่พุ่งขึ้นจากร่างกายของพวกเขาก็มากจนถึงขีดสูงสุด
ตู้ม!
มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่ยิ่งใหญ่กวาดออกไปและพุ่งมารวมตัวอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังมู่เฉิน ขณะที่พายุรัศมีจั้นยี่ส่งเสียงคร่ำครวญ ทุกคนก็เห็นภาพธงรบสงครามปรากฏขึ้นในพายุรัศมีจั้นยี่
พื้นผิวของธงรบห้อมล้อมด้วยสายฟ้า อัดแน่นไปด้วยลวดลายจั้นเหวินหนาทึบซึ่งเปล่งประกายสีสันสดใส ในช่วงเวลาที่ธงรบปรากฏขึ้นฟ้าดินก็ดำมืดลง
แรงกดดันที่อธิบายไม่ได้ถูกปล่อยออกมาจากธงรบนั่น
“ธงรบนั่น…” ม่านตาทุกคนหดลงขณะที่จ้องมองธงรบก่อนที่จะสูดเอาอากาศเย็นเข้าปอด นั่นเป็นเพราะพวกเขาพบว่ามีลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นหกพันกว่าลายบนธงรบนั้น
ซึ่งมีมากกว่ากะโหลกสีดำที่หลินหมิงสร้างขึ้นเสียอีก!
เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินใช้ทักษะพิเศษเพื่อให้คลื่นจิตแกร่งกล้ากว่าเดิม ทำให้เขาสามารถควบแน่นลวดลายจั้นเหวินได้มากขึ้นในระดับของรัศมีจั้นยี่ที่ใกล้เคียงกัน!
“คิดแหกตาเรอะ!”
หลินหมิงก็เห็นภาพนี้ เมื่อตระหนักถึงจำนวนลวดลายจั้นเหวินนบนธงรบของมู่เฉิน ม่านตาก็หดเกร็ง ทว่าความคิดแรกของเขาก็คือมู่เฉินพยายามเล่นปาหี่เพื่อข่มขู่เขา ยิ่งกว่านั้นถึงแม้นี่จะเป็นเรื่องจริงพวกเขาก็ได้แค่อยู่ในระดับเดียวกัน ตอนนี้เขาได้เปรียบอยู่ ต่อให้มู่เฉินต้องการจะตอบโต้ก็ไม่ง่ายนักหรอก!
ดังนั้นหลินหมิงจึงไม่ลังเล แสงมฤตยูเคลื่อนไหวรุนแรงขณะที่บีบกดลงมาอย่างดุเดือด
มู่เฉินคว้าอากาศ ราวกับว่ากำลังคว้าธงรบผืนใหญ่โบกสะบัดลงด้วยสายตาเฉียบคม
“วิญญาณสงครามธงรบ!”
ธงรบขนาดใหญ่ราวกับใบมีดกวาดลงมาจากขอบฟ้า จังหวะที่กวาดลง หน่วยรบทั้งห้าเบื้องหลังก็ปลดปล่อยเสียงคำรามห้าวหาญ รัศมีจั้นยี่ดันตัวขึ้นราวกับคลื่นสึนามิ เทลงในธงรบทั้งหมด
พร้อมกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตหลั่งไหลเข้าไปในธงรบ ลวดลายจั้นเหวินก็ปรากฏบนธงรบมากขึ้น
“ลวดลายจั้นเหวินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!”
บางคนถึงกับอุทาน นั่นเพราะตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนลวดลายจั้นเหวินบนธงรบ!
ไม่กี่อึดใจลวดลายจั้นเหวินบนธงรบก็พุ่งมาแตะที่จำนวนหนึ่งหมื่นเจ็ดพันลาย!
ร่างกายจินไถหลิวหลีสั่นสะท้าน ใบหน้าเคร่งเครียดอย่างที่สุดด้วยความตะลึงงัน มู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นเท่าไรกัน? หรือว่าขีดจำกัดของเขาไม่ใช่ลวดลายจั้นเหวินแค่หนึ่งหมื่นหกพันลายเรอะ?
“เป็นไปได้ไง?!” สีหน้าหลินหมิงเปลี่ยนไปรุนแรงเช่นกัน ความไม่เชื่ออัดแน่นในดวงตา แต่ไม่นานเขาก็กัดฟันพูดขึ้นอีกครั้ง “ภาพลวงตาแบบนี้ ยังคิดแหกตาข้าเรอะ?!”
เขารู้ว่ามีจั้นเจิ้นซือบางคนที่เชี่ยวชาญทักษะลวงตาเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ได้เปรียบในการต่อสู้ ดังนั้นความคิดแรกของเขาก็คือมู่เฉินพยายามใช้ทักษะเด็กเล่นเพื่อให้ได้เปรียบ
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการตอบโต้ของมู่เฉิน เขาจึงไม่แสดงความลังเลใดๆ แสงมฤตยูสีดำยังคงเข้าปกคลุมร่างมู่เฉิน
เวลานี้ถ้าใครถอยกลับก็ต้องเผชิญกับการโจมตีทำลายล้างจากอีกฝ่าย
“ธงรบสะบัด!”
จังหวะนั้นมู่เฉินก็กดฝ่ามือลง ธงรบที่ราวกับใบมีดคมกริบก็พุ่งลงมาปะทะกับแสงสีดำแห่งความตายภายใต้การจ้องมองนับไม่ถ้วน
ทันทีที่เกิดการชนกัน สายตาของเหล่าจอมยุทธ์ก็พุ่งมองไป
เมื่อธงรบเฉือนลง ทุกคนก็รับรู้ได้ว่าจำนวนลวดลายจั้นเหวินบนธงรบมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งหมื่นแปดพันลายแล้ว!
กระทั่งจินไถหลิวหลียังหัวใจโลดขึ้นจากจำนวนลวดลายจั้นเหวิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น