หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 911-912
บทที่ 911 ศึกระหว่างจั้นเจิ้นซือ
ยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ด?!
เมื่อพวกเขาได้ยินผลรวมมหาศาลขนาดนี้ กระทั่งใบหน้าชั่วร้ายของหลินหมิงก็แข็งทื่อ ใบหน้าของเทียนเสียที่อยู่ข้างหลังก็มืดครึ้มลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตกใจกับจำนวนที่ว่า
ยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ดเป็นสิ่งที่ขั้วอำนาจสูงสุดอย่างพวกเขารวบรวมได้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถ้าพวกเขาสูญเสียไป พวกเขาก็ไม่ต้องคิดจะเปิดขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนอีกเลย…
ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินที่บอกว่าเล่นใหญ่ขึ้นจะใหญ่ขนาดนี้ แบบนี้ก็เหมือนกับการผลักคนเข้าสู่เส้นทางที่ไม่มีทางกลับหลังได้!
ทุกคนที่นี่ล้วนตกตะลึง ขณะมองไปที่ชายหนุ่มสงบนิ่งที่มีแววเย็นชาวูบไหวในดวงตา ในเวลาเดียวกันพวกเขาอดรู้สึกถึงหัวใจสั่นระรัวไม่ได้
จวนยมโลกตอนแรกต้องการวางแผนขุดหลุมฝังกลบอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกเขาวางแผนซ้อนแผนหลายชั้น ทว่าพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะกล้าบ้าบิ่นและเผชิญหน้ากับพวกเขาแบบจนมุม มิหนำซ้ำยังดึงจวนยมโลกลงหลุมไปด้วยเช่นกัน
ด้วยการกระทำนี้ จวนยมโลกเท่ากับติดกับเองแล้ว หากพวกเขาไม่มีความกล้าพอที่จะวัดฝีมือกับมู่เฉิน คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะเป็นตัวตลกให้ถูกหัวเราะเยาะเย้ยในหลุมที่ขุดเองและก่อความเสียหายต่อชื่อเสียงพวกเขาเอง ในภูมิภาคทางเหนือขั้วอำนาจสูงสุดให้ความสนใจมากกับชื่อเสียง นั่นเป็นเพราะสิ่งนี้ช่วยในการสรรหาจอมยุทธ์ได้ เมื่อไรที่ชื่อเสียงตกต่ำ ก็ยากที่จอมยุทธ์ทรงพลังจะเข้าร่วมกับพวกเขา
“มู่เฉิน แกบ้าแล้วรึ?!” หลินหมิงกัดฟันกรอด แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอกว่ามู่เฉิน แต่ยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ดเป็นสิ่งที่พวกเขามีเท่านั้น หากมีสิ่งใดผิดพลาด อาจทำให้ประมุขจวนยมโลกเกรี้ยวกราดแน่ จนถึงขั้นที่ทำให้เขากลายเป็นเถ้าถ่านด้วยตบครั้งเดียว
มู่เฉินหลุบตาลงพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ทำไม? จวนยมโลกชอบเล่นไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้าแนะนำให้เราเล่นอะไรที่ใหญ่กว่า แค่เนี่ยพวกเจ้าก็กลายเป็นคนขี้ขลาดไปเลยเหรอ?”
ใบหน้าของหลินหมิงเขียวคล้ำขณะที่สายตาวูบไหวรุนแรง ดวงตาจ้องเขม็งไปที่มู่เฉินดูเหมือนต้องการจะขบหัวมู่เฉินแล้วกลืนลงไปทั้งตัว
ทั่วบริเวณหมู่ตึกเทวะ ยอดเขาหมื่นเทพและขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก็ประหลาดใจเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้เห็นแววตาสงบนิ่งของมู่เฉิน หัวใจของพวกเขาก็ถึงกับเต้นไม่เป็นส่ำ แม้ว่ามู่เฉินจะยังอายุน้อย แต่ความเด็ดขาดก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าจอมยุทธ์อาวุโสที่มีไหวพริบเลย
เผชิญหน้ากับความบ้าบิ่นของมู่เฉิน แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก็ยังเกิดความหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้ มิหนำซ้ำยาหยุ่นลั้วสี่แสนเม็ดก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสั่นไหวด้วยความกลัว
“ถ้าไม่กล้ารับคำท้าก็ปล่อยตัวผู้บัญชาการปิงเหอแล้วไสหัวไป” มู่เฉินมองดูหลินหมิงและจอมยุทธ์ชั้นสูงขึ้นของจวนยมโลกซึ่งมีใบหน้าเขียวคล้ำ เขาเย้ยหยันต่อ “จวนยมโลกก็แค่กลุ่มคนโง่เง่าที่ไม่มีความสามารถ”
ขณะที่พูดก็เลื่อนสายตามาจ้องมองหลินหมิงอีกครั้ง “เจ้าแค่ตกลงไปในโชคชะตา ถ้าเพ้อเจ้อจนอยากทะยานขึ้นฟ้า ก็ต้องมีโชคไม่งั้นก็เท่ากับแสวงหาความอัปยศอดสู!”
ดวงตาของหลินหมิงพล่านด้วยริ้วเลือดขณะจ้องมองมู่เฉินก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายบนมุมปาก “มู่เฉินดูเหมือนแกเรียกร้องความตายซะจริง!”
“งั้นในกรณีนี้ ข้าจะสนองความต้องการของแกเอง!”
หลินหมิงก้าวออกไป น้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เมื่อจอมยุทธ์ชั้นสูงของจวนยมโลกเห็นหลินหมิงรับคำท้าของมู่เฉิน ใบหน้าของพวกเขาก็อดเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แม้ว่าหลินหมิงจะไม่เคยแพ้สักครั้งเดียว แต่ความเชื่อมโยงในเรื่องนี้มีมากเกินไป หากมีสิ่งใดผิดพลาดก็ไม่มีหน้าไหนรับผิดชอบได้!
เทียนเสียและโยวหมิงแลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งคู่ต่างโกรธแค้นมู่เฉิน นอกจากนี้พวกเขายังเห็นได้ชัดว่าจวนยมโลกถูกบังคับให้เดินบนเส้นทางที่ไม่มีทางถอยหนีโดยมู่เฉินแล้ว
เรื่องนี้เริ่มต้นจากพวกเขา แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ที่ตีโต้มา หากพวกเขายอมก้มหัวแล้วเรื่องนี้กระจายออกไป จวนยมโลกกลายเป็นตัวตลกแน่
เวลานั้นประมุขก็คงจะเดือดดาลไม่แพ้กัน ถ้าประมุขตรวจสอบเรื่องนี้ ก็จะไม่มีใครหนีรอดไปได้ ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองอย่างหนัก หนทางเดียวที่พวกเขาทำได้คือยอมรับคำท้า
นอกจากนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ถ้ามู่เฉินแพ้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็จะพบกับความพินาศครั้งใหญ่ พวกเขาจะกลับไปมือเปล่าจากสงครามล่าเสี่ยงต่อการถูกทำลาย
แม้จะมีความเสี่ยงสูงในการท้าทายครั้งนี้ แต่การเก็บเกี่ยวก็เป็นสิ่งดึงดูดอย่างยิ่ง
ดังนั้นความกังวลอย่างเดียวของพวกเขาคือระหว่างมู่เฉินกับหลินหมิงใครมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่ากัน
“แม้ว่ามู่เฉินจะเอาชนะเซียวเทียนในซากอารยธรรมความตาย แต่เซียวเทียนก็ยังไม่ได้เป็นจั้นเจิ้นซือตัวจริง ดังนั้นไม่มีอะไรจะเทียบได้…”
“สำหรับจินไถหลิวหลี นางก็ยังไม่ได้เป็นจั้นเจิ้นซือเช่นกัน ดังนั้นมู่เฉินจึงได้เปรียบสูงกว่าจากการต่อสู้ครั้งก่อน หลินหมิงปัจจุบันเป็นคนที่แม้แต่จินไถหลิวหลีก็ไม่มั่นใจที่จะเอาชนะ”
“นอกจากนี้มรดกที่หลินหมิงได้รับ ก็ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณ…”
โยวหมิงและเทียนเสียแลกเปลี่ยนสายตากันพลางส่งเสียงสนทนา สุดท้ายดวงตาของทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด นั่นเพราะหลินหมิงมีโอกาสจะเอาชนะสูงกว่าของมู่เฉินแน่นอน!
มู่เฉินคิดว่าจากเหตุการณ์ในเขตหลงเฟิ่ง จึงกล้าสบประมาททุกคน วันนี้เขาจะซึ้งว่ามีคนที่เหนือกว่าเสมอ!
หลังจากตัดสินใจในใจ เทียนเสียและโยวหมิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จอมยุทธ์คนอื่นๆ ของจวนยมโลกก็สงบลง เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ได้คัดค้านใดๆ หากพวกเขาแพ้การต่อสู้จริงๆ ก็ยังมีสองคนนี่ที่จะรับโทษก่อน…
นอกจากนี้พวกเขายังมีความคิดแบบเดียวกับทั้งสองคนในใจ ถ้าหลินหมิงเอาชนะมู่เฉินได้ ก็ถือเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ในเวลานั้นคงเป็นความดีความชอบใหญ่หลวง หากประมุขจวนยมโลกเกิดความยินดี ดีไม่ดีเขาก็จะให้รางวัลพวกเขาเป็นวิทยายุทธ อาวุธพบสวรรค์ ของเหลวจื้อจุน หรือกระทั่งยาอายุวัฒนะที่หายาก
ดังนั้นก็มาลองเสี่ยงโชคกันเถอะ!
จอมยุทธ์จวนยมโลกกัดฟันกรอดและไม่มีอาการลังเลอีกต่อไป ในเวลาเดียวกันก็หยุดคนที่พยายามส่งเสียงคัดค้าน ตอนนี้เรื่องราวก้าวไปไกลแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะขัดขวางอีกต่อไป
หลินหมิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าจวนยมโลกก็รู้สึกชัดเจนถึงข้อโต้แย้งที่นิ่งลง ทันใดนั้นเส้นเลือดในดวงตาเขาก็หนาแน่นขึ้น ขณะมองไปที่มู่เฉินพูดอย่างน่าขนลุกว่า “รอให้ข้าเอาชนะแก ข้าจะดูสิว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะจัดการกับขยะเปียกอย่างแกยังไง!”
“ในเวลานั้น เจ้าจะตายเพราะความโอ้อวดของตัวเอง!”
“นั่นขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีโอกาสได้เห็นหรือรึเปล่า” มู่เฉินยิ้มบาง
“งั้นเหรอ?!”
แววตาของหลินหมิงเย็นเยือกลง จากนั้นก็เผยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะกระแทกเท้าลงไป มือทั้งสองประสานกัน เสียงตะเบ็งลั่นออกมา “กองทัพยมโลก!”
ตู้ม!
เมื่อหลินหมิงแผดเสียงออกมา เมฆสีดำหนาทึบพร้อมกับมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก็พวยพุ่งออกมาจากด้านหลังเขา รัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลังโอบล้อมพื้นที่บริเวณนี้ทั้งหมดไว้
หลินหมิงยืนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกันกับมหาสมุทรสีดำกวนตัวอยู่ข้างหลัง ขณะที่รัศมีจั้นยี่ส่งเสียงหวีดหวิว ซึ่งกดดันคลื่นพลังทำให้มิติถึงกับบิดเบือน
เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ทรงพลังเช่นนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกอย่างจิ่วโยวยังสีหน้าเปลี่ยนไป
เมฆดำพวยพุ่งที่ด้านหลังเผยให้เห็นกองทัพยิ่งใหญ่ เมื่อมองคร่าวๆ จำนวนนักรบน่าจะเกินห้าหมื่นคน นอกจากนี้ยังมีกองทัพอื่นๆ ของจวนยมโลกอยู่ห่างออกไปอีกด้วย
กองทัพอื่นโดยรอบมีท่าทางเคร่งเครียดเมื่อเฝ้าดูฉากนี้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชื่อเสียงของหมิงหมิงจึงกระจายไปไกลในเวลานี้ พื้นฐานรัศมีจั้นยี่ที่มี กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังยากที่จะเอาชนะเขาได้
หลินหมิงคือจั้นเจิ้นซือตัวจริงเสียงจริง ไม่รู้ว่ามู่เฉินจะเทียบเคียงกันได้หรือไม่ ไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเผชิญหน้ากับหลินหมิงด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าที่มี!
“ตาย!”
สายตาของหลินหมิงเย็นเยือกลงหลายส่วนขณะยิ้มน่าขนลุก เมื่อเขาเริ่มออกกระบวนท่า มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก็ส่งเสียงหวีดหวิวที่ด้านหลังราวกับโห่ร้อง ขณะที่รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตรวมตัวก่อร่างเป็นดาบขนาดมหึมาที่มีขนาดพันจั้ง ใบดาบอัดแน่นไปด้วยลวดลายจั้นเหวินโดยที่มีรัศมีจั้นยี่เต้นระริกแหวกมิติออก
ฟิ้ว!
ดาบรัศมีจั้นยี่ฟันลงมาที่มู่เฉินทันที
การเคลื่อนไหวของหลินหมิง ทำให้เกิดความเคร่งเครียดร้ายแรงกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกบางคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกว่าการโจมตีครั้งนี้ทรงพลังเพียงใด เผชิญกับการโจมตีนี้แม้แต่พวกเขายังต้องใช้ทุกอย่างเดิมพัน ดังนั้นพวกเขาสงสัยว่ามู่เฉินจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ทุกสายตาพุ่งตรงไปยังร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพอาณาเขตสวรรค์
ฮา
ควันสีขาวพ่นออกมาจากปากของมู่เฉินเบาๆ แววตาคมชัดขึ้น มือทั้งสองประสานกันขณะที่ตะโกนก้อง “กองทัพอาณาเขตสวรรค์ลุยไปกับข้า!”
“ลุย!”
เสียงคำรามดังกึกก้องทั่วบริเวณ ภายใต้เสียงคำรามฟ้าดินก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ท่ามกลางหน่วยรบหลากหลายของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หน่วยรบทั้งห้าก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จำนวนนักรบมหาศาลแผ่ปกคลุมดวงอาทิตย์ ช่างดูน่าตื่นตาตื่นใจนัก
ทั้งห้าหน่วยรบลอยตัวอยู่ด้านหลังมู่เฉิน รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตกวาดออกราวกับพายุ จากนั้นมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก็ก่อร่างขึ้นที่ด้านหลังมู่เฉิน ทำเอามิติแปรเปลี่ยน
ใบหน้าของมู่เฉินเย็นชาลงขณะกระทืบเท้า ทันใดนั้นมิติก็ผันผวนด้วยระลอกคลื่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตกวนตัวอยู่ข้างหลังก็เริ่มรวมตัวกันเป็นหอกรัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวิน
ฮึ่ม!
หอกรัศมีจั้นยี่ส่งเสียงครางกระหึ่มดังทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ อึดใจถัดมาก็แทงทะลุปะทะกับใบดาบภายใต้สายตาเคร่งเครียดนับไม่ถ้วน
ครืน!
คลื่นกระแทกป่าเถื่อนพัดออกมาราวกับพายุคลั่ง ทำให้เกิดความผันผวนในมิติ รอยแตกปรากฏขึ้นในพื้นที่ว่างเปล่า
ทุกกองทัพที่นี่ เฝ้ามองการปะทะกันอย่างดุเดือดด้วยความตกใจในใจ พักใหญ่เมื่อพายุสลายตัว พวกเขาก็เห็นสองร่างยืนตระหง่านอยู่บนขอบฟ้า ราวกับก้อนหินไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ฮา
จอมยุทธ์บางคนสูดลมหายใจเบาเข้าปอด ขณะที่ในใจรู้สึกสั่นไหว ความแข็งแกร่งที่มู่เฉินแสดงออมา ทำให้พวกเขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า
ไม่เพียงแต่หลินหมิงเป็นจั้นเจิ้นซือ
มู่เฉินก็เป็นจั้นเจินซือตัวจริงด้วยเช่นกัน!
ศึกนี้เป็นการเผชิญหน้ากันของจั้นเจิ้นซือแท้จริงแล้ว!
บทที่ 912 ทักษะดูดกลืนปีศาจ
รัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนกวาดอาละวาดราวกับพายุทั่วมิติ
ภูเขาโดยรอบสั่นสะเทือนจากพลังรัศมี หินก้อนใหญ่กลิ้งหล่นลงมาไม่หยุด ทำให้พื้นดินด้านล่างเต็มไปด้วยหลุมบ่อ
ร่างสองร่างยืนประจันหน้ากันบนขอบฟ้า ที่เบื้องหลังพวกเขามีมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ขนาดมหึมาสองแห่งที่สร้างแรงกดดันทรงพลัง กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังต้องหวาดกลัว
ขั้วอำนาจอื่นๆ ล้วนฉายสีหน้าเคร่งเครียดรุนแรง ขณะมองการเผชิญหน้าบนขอบฟ้า นี่เป็นศึกนระหว่างจั้นเจิ้นซือซึ่งเป็นการต่อสู้ที่หาดูได้ยากมาก เนื่องจากมีจำนวนจั้นเจิ้นซือน้อยยิ่งกว่าหยิบมือในภูมิภาคทางเหนือ
แม้ว่าจะเคยมีจั้นเจิ้นซือในภูมิภาคทางเหนือในอดีต แต่สุดท้ายพวกเขาก็ออกเดินทางไปทวีปที่ใหญ่กว่าที่นี่ นั่นเป็นเพราะที่เหล่านั้นทำให้พวกเขาสามารถได้รับทรัพยากรที่ดีขึ้น
แม้ว่าภูมิภาคทางเหนือจะมีขนาดใหญ่มากในมุมมองของหลายคน แต่ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของทวีปเทียนหลัวซึ่งเป็นหนึ่งในสิบทวีปหลักของมหาพันภพเท่านั้น
“ไอ้เวรนั่นบรรลุการเป็นจั้นเจิ้นซือจริงๆ!” ฝั่งหมู่ตึกเทวะ ท่าทางของฟังยี่มืดมนลงหลายส่วน ขณะจ้องมองรัศมีจั้นยี่พลุ่งพล่านที่ด้านหลังมู่เฉิน ย้อนกลับไปตอนที่เขาพบกับมู่เฉินในเขตหลงเฟิ่ง อีกฝ่ายไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะถูกมองว่ามีความสำคัญอะไร แม้ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงเพราะมู่เฉินได้รับความช่วยเหลือจากธิดาเทพจักรพรรดิอัคคี ดังนั้นจึงกลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์ใหญ่ที่สุดในเขตหลงเฟิ่ง
ทว่าเขาจะไปคิดได้อย่างไรว่าเมื่อพบกันอีกครั้ง คนที่เขาดูแคลนในอดีตจะสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ มิหนำซ้ำตอนนี้มู่เฉินก็บรรลุการจั้นเจิ้นซือ ทิ้งเขาในกองฝุ่นด้วยพลังรัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่
จินไถหลิวหลีมองภาพนี้ด้วยท่าทางสงบ แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ได้รับมรดกของจักรพรรดิเทียนเจิ้น แต่เขาก็ได้รับมรดกของราชันสงครามจิ่วเจี๋ยที่น่าเกรงขามยิ่งกว่า แม้ว่ามรดกจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่การไม่สมบูรณ์ก็จะไม่ปรากฏผลสะท้อนใดในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
“มู่เฉินเป็นจอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์จริงๆ ดูเหมือนศึกนี้จะเป็นการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมของยักษ์ แต่นี่ก็ดีเช่นกัน หนึ่งในสองคนนี้จะได้รับบาดเจ็บแน่นอน ซึ่งเป็นข่าวดีของหมู่ตึกเทวะ” เทียนหลงจู่จ้องมองฉากนี้เรียบเฉย เป็นธรรมชาติที่เขาจะเต็มใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นการเผชิญหน้าระหว่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์และจวนยมโลก แม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องบาดหมางกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นมิตรกับจวนยมโลกเช่นกัน
“ตอนนี้มาดูกันสิว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้ายในการต่อสู้ครั้งนี้ระหว่างจั้นเจิ้นซือ”
“แกก็เป็นจั้นเจิ้นซือรึ…”
หลินหมิงยืนอยู่บนท้องฟ้าขณะจ้องมองมู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาก่อนที่จะหัวเราะเสียงชั่วร้าย “แต่ก็ช่างเถอะ ไม่รู้ว่าจะเกิดพัฒนาการมากแค่ไหนกับคลื่นจิตของข้าหลังจากที่ดูดกลืนคลื่นจิตของจั้นเจิ้นซือตัวจริง!”
สิ้นเสียงพูดปลายเท้าก็ก้าวไปในอากาศ ทำให้มิติถึงกับกระเพื่อมไหว ที่ด้านหลังมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตก็ส่งเสียงคำราม จากนั้นทุกคนสัมผัสได้ถึงการกดขี่ทรงพลังที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่พลุ่งพล่าน
คลื่นยักษ์ม้วนตัวบนพื้นผิวมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ ที่ใจกลางเกิดการก่อตัวของหลุมวน ภายในนั้นสามารถมองเห็นหัวกะโหลกสีดำขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาช้าๆ
หัวกะโหลกดำเต็มไปด้วยลวดลายจั้นเหวินหนาแน่น ม่านตาสีดำสนิทกะพริบวาบ มองจากที่ไกลราวกับปีศาจยาตรามาจากนรก กระจายความผันผวนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อหัวกะโหลกสีดำปรากฏขึ้น ทุกกองทัพก็มีท่าทางแสดงออกเปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงการคุกคามที่เกิดขึ้นจากหัวกะโหลกดำนี้
“นั่นคือวิญญาณสงครามของหลินหมิงรึ?” จอมยุทธ์บางคนฉายสีหน้าหนักหน่วง เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ว่าวิญญาณสงครามที่หลินหมิงสร้างแข็งแกร่งกว่าวิญญาณสงครามของกองทัพอื่นไม่รู้กี่เท่า
นี่คือพลังของจั้นเจิ้นซือ ในมือของคนเหล่านี้รัศมีจั้นยี่รุนแรงจะแสดงพลังน่าสะพรึงกลัวที่สุด
“ลำแสงสงครามมรณะ!”
ใบหน้าของหลินหมิงฉายรอยยิ้มชั่วร้ายสายหนึ่งขณะวาดตราประทับ หัวกะโหลกดำอ้าปาก ลำแสงสีดำสนิทขนาดร้อยจั้งยิงออกไป เส้นทางที่ลำแสงพุ่งผ่าน มิติจะแตกสลายทันที ช่างสงบนิ่งแต่ก็เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่ากลัว
เมื่อวิญญาณสงครามก่อร่าง พลังอำนาจก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ลำแสงที่ดูเรียบง่ายแต่พลังดุดันยิ่งกว่าใบดาบเมื่อครู่อีก
ลำแสงขยายอย่างรวดเร็วในม่านตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็ประสานมือกันฉับพลัน
ครืน!
พริบตาลำแสงสีดำก็มาถึงพร้อมกับระเบิดเบื้องหน้ามู่เฉิน ขณะที่แสงสีดำพล่านออกมากลืนกินร่างของมู่เฉิน
มิติบริเวณนี้กระเพื่อมและบิดเบี้ยว
จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมองเหตุการณ์นี้อย่างอึ้งไป มู่เฉินถูกหลินหมิงโจมตีโดยกระบวนท่าที่ราวกับสายฟ้าฟาดเหรอ?
หลินหมิงหรี่ตาลงมองตรงแสงสีดำแผ่ออกมา ทันใดนั้นม่านตาก็หดเกร็ง เมื่อมวลลมทรงพลังกวาดผ่าน แสงสีดำสลายหายไปทันที
เบื้องหลังแสงสีดำ มู่เฉินยืนอยู่อย่างใจเย็นพร้อมกับฝ่ามือรัศมีจั้นยี่ขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายจั้นเหวินซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้ที่เบื้องหน้า
การโจมตีที่ทรงพลังจากหลินหมิงได้รับการต่อต้านจากฝ่ามือรัศมีจั้นยี่นี้
“นั่นคือฝ่ามือวิญญาณสงครามที่สร้างขึ้นโดยรัศมีจั้นยี่ของห้ากองทัพเรอะ? จำนวนลวดลายค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว” จอมยุทธ์หลายคนมองฉากนี้อย่างตะลึงลานในใจ
ม่านตาดำของมู่เฉินจับจ้องไปที่หลินหมิงที่ไกลออกไป จากนั้นแสงเย็นยะเยือกก็วูบไหวในดวงตาเขา ฝ่ามือรัศมีจั้นยี่ขนาดใหญ่ที่มีขนาดราวพันจั้งก็พุ่งออกมา ปรากฏขึ้นเหนือร่างหลินหมิง ก่อนที่จะตบลงมาอย่างโหดเหี้ยมและหนักหน่วง
นี่เป็นฝ่ามือที่เรียบง่ายไม่มีลูกเล่นใด ลวดลายจั้นเหวินมากมายแล่นแปลบปลาบบนฝ่ามือใหญ่โต รัศมีจั้นยี่น่าสะพรึงกลัวกวาดออกไป ราวกับภูเขามหึมาบีบกดลงมาจากท้องฟ้า พลังอำนาจสามารถทำลายมิติได้เลยทีเดียว
การโจมตีดังกล่าวเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ต้องห้ำหั่นเต็มกำลัง
“หึ!”
ทว่าหลินหมิงเค้นกลับเสียงเย็นชาใส่การโจมตีนี้ขณะกระแทกฝ่าเท้าลงไป กะโหลกดำที่ด้านหลังเปิดปากชั่วร้ายออก ก่อนที่จะเปล่งเสียงกรีดร้องบาดแก้วหู
ฮือ! ฮือ!
คลื่นเสียงสีดำที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไป ทุกระลอกคลื่นบรรจุพลังงานที่น่ากลัวซึ่งระเบิดอย่างรุนแรงเมื่อฝ่ามือรัศมีจั้นยี่ขนาดใหญ่เคลื่อนตัวลงมา ภายใต้การระเบิดทำให้ฝ่ามือไม่สามารถเลื่อนลงมาได้
เมื่อกระบวนท่าถูกสกัด ดวงตาของมู่เฉินก็กะพริบวูบวาบ มือทั้งสองประสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ลำแสงรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วนถูกยิงขึ้นจากมหาสมุทรที่ด้านหลัง ก่อนที่จะพุ่งทะลุเส้นขอบฟ้า ห่อหุ้มร่างหลินหมิงและกองทัพเบื้องหลังไว้
ช่างเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่มาก
“แกคิดว่าข้าจะกลัวที่จะแข่งในเรื่องรัศมีจั้นยี่รึ?” เผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งใหญ่จากมู่เฉิน หลินหมิงก็ไม่มีอาการกลัวสักนิดขณะเค้นเสียงเย้ยหยันเย็นชา เขาสะบัดมือลง มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ที่ด้านหลังก็ปลดปล่อยคลื่นพลังกวาดไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลายเป็นชั้นคลื่นยักษ์หมื่นจั้งมากมายม้วนตัวไปในมิติ ปะทะเข้ากับลำแสงที่โอบล้อมทุกทิศทาง
ปัง! ปัง! ปัง!
บนท้องฟ้า การประจันหน้ากันระหว่างกองทัพน่าสะพรึงกลัวของรัศมีจั้นยี่แยกขอบฟ้าออกเป็นสองฝั่ง จุดที่เกิดการชนกัน มีรอยร้าวซึ่งมีความยาวหมื่นจั้งปริออก
ทุกกองทัพอยู่ในอาการตกตะลึง ขณะที่เฝ้ามองการห้ำหั่นที่รุนแรง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเข้าถึงระดับนี้ ซึ่งทำให้บางคนต้องร้องอุทาน ในแง่ของด้านขุมพลังมู่เฉินอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้า ส่วนหลินหมิงก็อยู่ในขั้นสี่ ถ้าเป็นเวลาปกติคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหก แต่ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของรัศมีจั้นยี่ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ต้องถอยด้วยความกลัวพวกเขา
ความลึกซึ้งของรัศมีจั้นยี่คุ้มค่าที่จะอุทานอย่างแท้จริง
“หลิวหลี เจ้าคิดว่าคนไหนมีโอกาสชนะสูงกว่ากัน?” ฝั่งหมู่ตึกเทวะ เทียนหลงจู่มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยรัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนก็ถามจินไถหลิวหลีที่ยืนอยู่ด้านข้าง
แม้ว่าเทียนหลงจู่จะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด แต่ก็ไม่เคยมีอะไรที่ต้องกลัวในสายตา ทว่าเขาไม่คุ้นเคยกับพลังลึกซึ้งของรัศมีจั้นยี่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเห็นว่าระหว่างมู่เฉินกับหลินหมิงใครจะได้เปรียบกว่ากัน
จินไถหลิวหลีคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา “โดยฐานจำนวนของรัศมีจั้นยี่ วิญญาณสงครามที่สร้างโดยหลินหมิงมีลวดลายจั้นเหวินหนึ่งหมื่นหนึ่งพันลาย ขณะที่มู่เฉินมีหนึ่งหมื่นห้าร้อยลาย ความแตกต่างระหว่างพวกเขาเล็กมาก ดังนั้นหากขึ้นอยู่กับการต่อสู้ระหว่างรัศมีจั้นยี่อย่างเดียวก็ยากที่จะตัดสินผู้ชนะได้ แต่พวกเขาสองคนไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นจึงมีไพ่ตายมากมายซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่นอน จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับทักษะของพวกเขาที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
เมื่อเทียนหลงจู่ได้ยินคำพูดของนางก็พยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปมองการต่อสู้บนท้องฟ้าต่อ
ครืน!
ภายใต้สายตาตื่นตะลึงนับไม่ถ้วน การเผชิญหน้ากันบนท้องฟ้าที่กินเวลาไปหลายนาที ในที่สุดก็ค่อยๆ ถอยกลับ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตระหนักว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับชัยชนะด้วยการโจมตีระดับนี้
“แกมีทักษะบางอย่าง แต่ยิ่งแกทรงพลังมากเท่าไร ก็หมายความว่าคลื่นจิตจะอร่อยมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นวันนี้ข้าจะเขมือบคลื่นจิตของแกให้ได้…”
หลินหมิงเลียริมฝีปาก ความกระหายอยากเผยในแววตา อึดใจรอยยิ้มชั่วร้ายก็แย้มออก “แต่การอุ่นเครื่องจบแล้ว ข้าชักอยากจะดูดกลืนคลื่นจิตของเจ้าแล้ว!”
พร้อมกับเสียงของหลินหมิง สายตาเขาก็เย็นเยือกลงหลายส่วน มือวาดตราประทับแปลกประหลาด
ทันทีที่ตราประทับถูกสร้างขึ้นน้ำเสียงเย็นชาก็เปล่งออกมาจากปากเขา
“ทักษะดูดกลืนปีศาจ ตราประทับสงครามเขมือบปีศาจ!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น