หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 899-900
บทที่ 899 นึกภาพคุกสายฟ้า
ด้วยความช่วยเหลือของเจดีย์ฝูถู
ทำให้เรื่องการกลั่นยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ดเสร็จได้แน่นอน นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจก็คือความจริงที่เจดีย์ต้องการเพียงคลื่นหลิงในการขับเคลื่อน เขาไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าดูตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้เขาประหยัดเวลาได้มาก
นั่นเป็นเพราะขณะที่เจดีย์ช่วยชำระยาหยุ่นลั้ว เขาก็สามารถเริ่มศึกษาคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ที่ได้รับจากจักรพรรดิเทียนเจิ้นในซากอารยธรรมความตายพร้อมกันได้ด้วย
ภายในถ้ำควันสีฟ้าอมเขียวหนาแน่นแทรกซึมอยู่ แก่นคลื่นหลิงที่บรรจุในกลุ่มควันสีฟ้าอมเขียวเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังต้องน้ำลายสอด้วยความอยากได้
มู่เฉินนั่งเงียบๆ ในจุดลึกของถ้ำ รอบตัวถูกปกคลุมด้วยควันสีฟ้าอมเขียวหนาทึบ ท่าทางของเขาสงบราวกับก้อนหิน ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ยามนี้เขาเคลื่อนจิตออกจากการกลั่นแก่นคลื่นหลิงโดยปล่อยให้เป็นหน้าที่กับเจดีย์ฝูถู ขณะที่คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ฉายขึ้นในหัวสมอง
ครืน!
เมื่อคัมภีร์ปรากฏขึ้น เสียงฟ้าร้องลึกก็สะท้อนอยู่ภายในหัวสมองของมู่เฉิน เสียงคำรามราวกับพลังเวทมนตร์แปลกประหลาดที่ทำให้จิตสำนึกของผู้คนเลือนราง
แต่การรบกวนของเสียงฟ้าร้องก็โดนมู่เฉินมองข้ามไปอย่างสิ้นเชิง เขาเคยขัดเกลาสายฟ้าฤทัยปีศาจดำซึ่งเป็นสายฟ้าไร้ตัวตนที่อาศัยคลื่นเสียงในการโจมตี ดังนั้นมู่เฉินจึงมีภูมิคุ้มกันข้อนี้ดี
เขาข่มใจก่อนที่จะกวาดสายตามองคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ ทันใดนั้นเสียงโบราณก็ดังก้องมาจากเสียงฟ้าคำรน น้ำเสียงทรงเกียรติทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
“คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่แบ่งออกเป็นภัยพิบัติเก้าประการ สร้างคุกสายฟ้าโดยคลื่นจิต… จะต้องทนทุกข์ทรมานกับสายฟ้าที่ไม่สิ้นสุดเพื่อขัดเกลาคลื่นจิตของตน… สุดท้ายก็จะดึงดูดภัยพิบัติสายฟ้าเข้ามา…”
“ภัยพิบัติสายฟ้าแบ่งเป็นเก้าประการ เมื่อผ่านไปได้อีกประการที่สูงขึ้นก็จะทรงพลังมากยิ่งกว่า เมื่อผ่านภัยพิบัติทั้งเก้าจะบ่งบอกถึงทักษะที่ฝึกฝนสมบูรณ์แบบ… สามารถบัญชากระแสจิตพันล้าน ต่อกรได้กับกระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุน”
สุ้มเสียงโบราณสะท้อนอยู่ในห้วงจิตของมู่เฉิน เสียงที่สะท้อนดังนี้ก็ทำให้มู่เฉินถึงกับตะลึงลานไป การผ่านภัยพิบัติทั้งเก้าขั้นจะช่วยให้ผู้ฝึกสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่พันล้านได้เหรอ?
จุดนั้นจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวและยากที่จะเชื่อว่าคัมภีร์นี้จะทรงพลังเพียงใด ตอนนี้เขาสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้สองถึงสามหมื่นคนก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เขาจินตนาการภาพไม่ออกเลยว่าจะน่ากลัวแค่ไหนถ้าเขาควบคุมรัศมีจั้นยี่พันล้านได้ เวลานั้นเขาอาจจะเป็นเหมือนที่เสียงนั้นกล่าวไว้ ไม่จำเป็นต้องกลัวแม้จะต้องเผชิญกับยอดยุทธ์ของมหาพันภพ
หากใครสามารถฝึกฝนบนเส้นทางของจั้นเจินซือไปจนถึงสุดทาง เขาหรือนางก็จะสามารถยืนอยู่บนยอดพีระมิดได้
มู่เฉินสงบใจลง จากนั้นก็เริ่มดำดิ่งกับวิธีการฝึกฝนของคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ ทักษะนี้ลึกลับอย่างยิ่งและมีเพียงจอมเวทที่มีคลื่นจิตทรงประสิทธิภาพเท่านั้นที่สามารถอ่านและวิเคราะห์ได้ หากเป็นคนที่คลื่นจิตอ่อนแอคงยากที่จะอ่านมันด้วยซ้ำ
ทว่าแม้มู่เฉินจะมีคลื่นจิตเหนือล้ำกว่าจอมเวทธรรมดา แต่เมื่อเขาอ่านคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่จบก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดเสียดแทงในสมอง ความรู้สึกนี้ยิ่งกว่าบัญชารัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบทั้งห้าเพื่อเข้าห้ำหั่นในสมรภูมิที่ดุเดือดเสียอีก
มู่เฉินแอบเดาะลิ้นกับการตอบสนองต่อสิ่งนี้ ไม่แปลกใจว่าทำไมจั้นเจิ้นซือจึงหาได้ยากยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงความหายากแสนยากของทักษะ แค่อ่านอย่างเดียวก็ต้องตั้งหลักสูงแล้ว ดังนั้นแม้ว่าคนธรรมดาจะได้รับไป แต่โดยพื้นฐานก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะฝึกฝน ด้วยอุปสรรคนานัปการจึงไม่น่าแปลกใจที่จั้นเจิ้นซือมีจำนวนน้อยมาก
แต่ถึงการอ่านคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่จะเป็นปัญหามาก แต่หลังจากอ่านจบมู่เฉินก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้ ทักษะการสร้างภาพนี้เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างแท้จริง
นั่นเป็นเพราะถ้าเขาต้องการฝึกฝนคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ เขาจะต้องวาดภาพคุกสายฟ้าในใจด้วยคลื่นจิตของเขาและเข้าไปเพื่อขัดเกลาโดยสายฟ้า…
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะฝึกฝนด้วยสายฟ้าในมหาพันภพ เพราะทักษะสายฟ้ามากมายล้วนต้องฝึกฝนด้วยวิธีนี้ แต่คลื่นจิตไม่มีรูปร่าง เขาจะขัดเกลาด้วยสายฟ้าได้อย่างไร?
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องสร้างภาพคุกสายฟ้าในใจและฝังคลื่นจิตของเขาไว้ภายใน จากนั้นก็ใช้สายฟ้าจินตภาพโจมตีคลื่นจิตของตนเอง ซึ่งนั่นจะเป็นการเสริมสร้างคลื่นจิตของเขาให้แข็งแกร่งจากกระบวนการนี้
มู่เฉินไม่เคยได้ยินวิธีการฝึกฝนแบบนี้เลย
ในแง่ของคนธรรมดาสิ่งที่เรียกว่า ‘จินตภาพ’ คล้ายกับภาพความฝัน… การสร้างบางสิ่งที่ไม่มีอยู่… และใช้สิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเพื่อให้บรรลุผลในการขัดเกลารัศมีจั้นยี่ของตน
กระทั่งมู่เฉินที่ใจเย็นก็ยังต้องใช้เวลานานเพื่อออกเรียกสติจากวิธีฝึกฝนที่แปลกประหลาดอย่างช้าๆ เขายิ้มอย่างขมขื่น เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนใดที่วิปริตในการสร้างทักษะที่เหลือเชื่อนี้ขึ้นมา
นอกจากนี้ถ้าเขาต้องการฝึกฝนคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ เขาต้องมีความเข้ากันได้กับสายฟ้าในระดับหนึ่ง นั่นเพราะด้วยความเข้ากันได้เท่านั้น เขาจึงสามารถวาดภาพคุกสายฟ้าที่มีประสิทธิภาพในการชำระได้จริงๆ
สายฟ้าจินตภาพในคุกสายฟ้าก็แตกต่างจากสายฟ้าทั่วไป ในทำนองเดียวกันการสร้างสายฟ้าที่มีความเข้ากันได้สูงสุดเท่านั้น ถึงจะมีผลมากที่สุดในการชำระ
และจากพื้นฐานนี้ มู่เฉินก็เข้าใจว่าทำไมตนเองจึงมีความเข้ากันได้สูงกับคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ น่าจะเป็นเพราะเขาเคยหลอมรวมเข้ากับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำนั่นเอง
ในขั้นตอนการวาดภาพคุกสายฟ้า เขาก็สามารถใช้สายฟ้าฤทัยปีศาจดำ เพราะหลังจากที่เคยรวมตัวกันมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงความเข้ากันได้ระหว่างทั้งสอง มันจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการวาดภาพคุกสายฟ้าได้ดีเลยทีเดียว
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เฉินก็รู้สึกถึงความโชคดีอย่างช่วยไม่ได้ ดูท่าคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่จะเหมาะสมกับเขาที่สุดจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้รับเลือก
ทว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวาดภาพคุกสายฟ้า ต้องใช้วิธีแปลกประหลาดมากมายและที่ยากที่สุดคือการสร้างภาพคุกสายฟ้าให้คงอยู่ในห้วงจิตโดยไม่ให้หายไปหลังจากการสร้างเสร็จสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นถ้าเขาต้องการวาดภาพคุกสายฟ้าใหม่ทุกครั้งในการฝึก งั้นก็คงไม่ต้องฝึกกันแล้ว…
และสำหรับจินตภาพที่ต้องการคงอยู่ไว้ก็เกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ความยากลำบากนี้คือสิ่งที่แม้แต่มู่เฉินยังรู้สึกปวดหัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินบนเส้นทางของจั้นเจิ้นซือ
แต่ในเมื่อมาถึงก้าวนี้แล้ว ต่อให้จะเป็นไปไม่ได้แค่ไหนคนอย่างเขาก็ไม่ยอมแพ้แน่นอน เขาใช้ความพยายามมากกว่าจะได้รับคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ ถ้ายอมแพ้ตอนนี้ก็เท่ากับของดีกลับถูกใช้ผิดนะสิ
เมื่อไตร่ตรองแล้ว มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป คลื่นจิตสงบลง เขาตั้งมั่นในความนึกคิด ลบล้างความคิดอื่นๆ ปล่อยให้สมองว่างเปล่าตามคำพูดในคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่
ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ในสภาพว่างเปล่านานแค่ไหน ช่วงเวลาหนึ่งในสมองของมู่เฉินก็ว่างเปล่า เขาลืมกระทั่งตัวเอง ซึ่งนี่เป็นขั้นตอนที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะจากคำพูดบนคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ เมื่อลืมตัวตน คลื่นจิตก็จะกลายเป็นจิตใต้สำนึกและจิตใต้สำนึกก็จะค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ เมื่อไรที่จิตใต้สำนึกหายไปหมด เขาก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว
แต่โชคดีที่มู่เฉินเตรียมตัวก่อน ขณะที่สมองค่อยๆ ว่างเปล่า คลื่นจิตที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกก็เริ่มตื่นขึ้นในรูปแบบของการตื่นรู้…
เมื่อได้ควบคุมคลื่นจิตอีกครั้ง มู่เฉินก็เริ่มสร้างจินตภาพขึ้น…
ครืน!
ในห้วงจิตที่ว่างเปล่า จู่ๆ เสียงคำรามก็ดังสะท้อนกระจายไปสู่ความมืดมิด
เมื่อมีเสียงฟ้าคำรามกึกก้อง ก็น่าจะมีแสงสายฟ้า
คลื่นจิตมู่เฉินเคลื่อนไหว ราวกับการสร้างโลก เมื่อเขาบอกว่าน่าจะมีแสงสายฟ้า ประกายสายฟ้าก็กะพริบอยู่ในความมืด
เมื่อเกิดประกายสายฟ้า ก็ควรมีลำสายฟ้า
เปรี้ยง!
สายฟ้าวูบไหว ขณะที่มู่เฉินกำลังจะสร้างคุกสายฟ้าจินตภาพได้ สายฟ้าคำรามในห้วงจิตทวีความรุนแรงขึ้น กลายเป็นเสียงดังกึกก้อง ทำให้มู่เฉินหลุดออกจากสภาวะนี้
เมื่อคลื่นจิตปลิวออกไป สติของมู่เฉินก็ฟื้นคืน ข้อมูลทั้งหมดถูกเทลงในสมอง เขาเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้ ความพยายามครั้งแรกที่จะเห็นภาพคุกสายฟ้าจบลงด้วยความล้มเหลว มันไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆ
แต่มู่เฉินไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความล้มเหลว เพราะถ้าสามารถมองเห็นคุกสายฟ้าได้ง่ายขนาดนี้ ก็ดูถูกวิธีการฝึกฝนของจั้นเจินซือเกินไปแล้ว
“ในเมื่อล้มเหลวก็เริ่มใหม่”
มู่เฉินคลี่ยิ้มไม่ได้สนใจ จากนั้นโดยไม่ลังเล ห้วงจิตก็สงบลง เขาปล่อยให้สมองเข้าสู่สภาวะว่างเปล่าอีกครั้ง
ในเมื่อครั้งแรกล้มเหลว เขาก็จะลองสิบครั้งร้อยครั้งหรือแม้แต่พันครั้ง เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะไม่สามารถมองเห็นภาพคุกสายฟ้าได้หลังจากผ่านไปนับพันครั้ง
คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ เราจะเห็นกันว่าใครจะอึดกว่ากัน!
บทที่ 900 คลื่นจิตที่พัฒนา
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ในถ้ำกว้างขวางถูกปกคลุมไปด้วยควันสีฟ้าอมเขียวหนาแน่นซึ่งปลดปล่อยระลอกคลื่นออกมาเล็กน้อย เนื่องจากส่วนลึกของถ้ำมีแรงดูดกลืนรุนแรงพุ่งออกมาแล้วดูดควันสีฟ้าอมเขียวเหล่านั้น ราวกับการก่อตัวของกระแสน้ำวนสีฟ้าอมเขียว…
ใจกลางน้ำวนมู่เฉินนั่งเงียบราวกับก้อนหิน ยามนี้ร่างเขาเหมือนเหวลึกไร้ก้นกลืนกินควันสีฟ้าอมเขียวเข้าสู่ร่างกายไม่สิ้นสุด
ชี่! ชี่!
พร้อมกับควันสีฟ้าอมเขียวพวยพุ่งเข้ามาในร่างกาย ผิวหนังของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นสีแดงร้อนลวกมากขึ้น ก่อนที่เสื้อผ้าจะกลายเป็นเถ้าถ่านหลังเสียงดังฉ่าเกิดขึ้น
ทว่ามู่เฉินก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวแม้ว่าเสื้อผ้าจะไม่มีแล้ว สีหน้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด นั่นเพราะตอนนี้เขาเข้าสู่สมาธิฝึกฝนลึกซึ้ง นอกจากนี้เขายังปล่อยให้ตนเองอยู่ในสภาพที่ว่างเปล่า หลงลืมตน เขาพยายามนึกภาพคุกสายฟ้าตลอดเวลาภายใต้สมาธิว่างเปล่านี้…
ครืน!
ยามนี้ห้วงจิตของมู่เฉินแตกต่างจากเวลาปกติมาก ความมืดแผ่กระจายออกไปไม่สิ้นสุด เสียงคำรามป่าเถื่อนสะท้อนดังรุนแรง
เปรี้ยง!
ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรน สายฟ้าแล่นผ่านความมืดเป็นครั้งคราว ขณะที่บรรยากาศบ้าคลั่งกระจายออกไปทั่วความมืดมิด
ไม่รู้ว่าเขาทำพลาดไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในที่สุดมู่เฉินก็เห็นภาพคุกสายฟ้าได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีเค้าโครงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ตอนนี้คุกสายฟ้ามีรูปร่างแล้ว มู่เฉินต้องการเพียงแค่ทำให้สมบูรณ์แบบเท่านั้น… ในเมื่อคุกสายฟ้ามีรูปโครงแล้วเขาก็ต้องขัดเกลาคลื่นจิตของตนด้วยสายฟ้าภายในนั้น
ขณะที่คลื่นจิตมู่เฉินหมุนวน เมฆสายฟ้าที่อยู่ในคุกสายฟ้าก็กวนตัวและเริ่มเสียดสีกันอย่างรวดเร็ว แรงเสียดทานจากเมฆสายฟ้าทำให้เกิดเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในเมฆสายฟ้า…
ครืน!
เสียงคำรามทวีความรุนแรงมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงกลุ่มใหญ่แผดออกมา เมฆสายฟ้าถูกฉีกออก สายฟ้าที่มีความหนาประมาณสิบกว่าจั้งก็ยิงออกมา
สายฟ้านี้ประหลาดมาก มันเหมือนจะไร้รูปร่าง แต่ก็สามารถรับรู้ถึงมันได้ชัดเจน มันแหวกว่ายอยู่ในคุกสายฟ้ามืดมิด เสียงครางกระหึ่มกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง
สายฟ้านี้ก็คือสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ!
เพียงครั้งเดียว มู่เฉินก็ประสบความสำเร็จในการสร้างสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเขาเคยชำระสายฟ้าฤทัยปีศาจดำมาก่อน ถ้าใครอยากวาดเสือก็ต้องไปเห็นเสือตัวจริงเสียก่อน หากไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสือมีรูปลักษณ์อย่างไร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะวาดออกมา เหมือนกันกับภาพนึกคิดนี้ ถ้ามู่เฉินไม่เคยเห็นสายฟ้าฤทัยปีศาจดำและไม่เคยรับรู้ลักษณะของมันอย่างแท้จริง เขาก็จะไม่สามารถจินตภาพสายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่มีผลต่อการชำระได้แน่นอน
ทว่านี่เป็นสายฟ้าเพียงเส้นเดียวของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ เห็นได้ชัดว่ายังเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดใช้งานคุกสายฟ้าด้วยสายฟ้าเส้นเดียว…ดังนั้นมู่เฉินยังต้องนึกภาพสายฟ้าฤทัยปีศาจดำให้มากขึ้นเพื่อเติมเต็มโครงร่างคุกสายฟ้า
เมื่อมีเป้าหมายนี้ มู่เฉินก็ไม่ได้ชักช้า เริ่มการนึกภาพขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องรุนแรงก็ดังก้องอยู่ในคุกสายฟ้าอันมืดสลัวอีกครั้ง ขณะที่เมฆสายฟ้ากวนตัวกระทบกันและกัน สายฟ้าอีกเส้นก็เริ่มปรากฏขึ้น…
ชัดว่านี่เป็นงานหนักในการเติมเต็มคุกสายฟ้าและต้องใช้เวลาไม่น้อย ดังนั้นในเวลาต่อมามู่เฉินจึงเข้าสู่กระบวนการน่าเหนื่อยหน่ายในการนึกภาพสายฟ้าฤทัยปีศาจดำทีละเส้น…
เขาขับไล่ความคิดอื่นๆ ทั้งหมดในใจ มุ่งเน้นไปที่การนึกภาพสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ เมื่อคลื่นจิตอ่อนล้าลง เขาก็จะหยุดทำสมาธิเพื่อกู้คืน เมื่อฟื้นตัวก็จะเริ่มนึกภาพอีกครั้ง
เขาไม่รับรู้เรื่องเวลา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เขารู้เพียงว่าต้องสร้างภาพต่อไป จนกว่าคุกสายฟ้าจะถูกสร้างเสร็จในหัวสมองอย่างแท้จริง
สำหรับเวลาเขาลืมไปทั้งหมดแล้ว
เวลาเหมือนจะถูกแช่แข็ง
มู่เฉินไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่เข้าสู่สมาธิเพื่อกู้คืนคลื่นจิต บางทีอาจเป็นพันครั้งหรือมากกว่านั้น…
ในขั้นตอนการนึกคิดภาพ หากเป็นคนที่ไม่มีหัวใจแน่วแน่ก็อาจจะเป็นบ้าไปแล้ว แต่เนื่องจากหลายปีแห่งการฝึกฝนอันขมขื่นของเขา จึงเป็นประโยชน์มากในช่วงเวลาที่สำคัญนี้
ความอุตสาหะทำให้เขาต้องตั้งมั่นในกระบวนการน่าเบื่อหน่าย ความอดทนก็ได้รับการชำระคืน เนื่องจากคุกสายฟ้าเติมเต็มขึ้นเรื่อยๆ
ครืน!
ขนาดของคุกสายฟ้ามืดมิดใหญ่จนไม่สามารถอธิบายได้ เมฆสายฟ้าอัดแน่นอยู่ภายใน สายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่ไร้รูปลักษณ์ครางกระหึ่มทั่วท้องฟ้า ฉากนี้คล้ายกับวันสิ้นโลก หากฉากนี้ปรากฏในโลกภายนอก จอมยุทธ์ที่อยู่ต่ำกว่าขุมพลังตี้จื้อจุนคงไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เลย
หลังจากใช้เวลานึกคิดภาพอยู่นาน คุกสายฟ้าก็ถูกสร้างสำเร็จอย่างแท้จริงซึ่งแสดงให้เห็นว่ารุนแรงและดุร้ายเพียงใด
คลื่นจิตของมู่เฉินลอยไปในคุกสายฟ้า เขารู้สึกได้ว่า สายฟ้าฤทัยปีศาจดำในคุกสายฟ้าจะเริ่มเปิดการโจมตีคลื่นจิตของเขาและขัดเกลาทันทีที่คลื่นจิตเคลื่อนไหว
ในที่สุดเขาก็บรรลุขั้นตอนสำคัญช่วงแรกของการฝึกฝนคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ ต่อจากนี้ก็เป็นขั้นตอนสำคัญเหมือนกัน
นั่นเป็นเพราะมู่เฉินจะต้องรักษาคุกสายฟ้าไว้ ไม่เช่นนั้นถ้าเขาออกจากห้วงแห่งจิตไป คุกสายฟ้าก็จะหายไป ถ้าเขาต้องการฝึกฝนก็ต้องสร้างคุกสายฟ้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง…
หลังจากผ่านประสบการณ์ลำบากในการสร้างคุกสายฟ้า มู่เฉินก็เข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่สามารถใช้พลังงานและเวลาจำนวนมากในการสร้างคุกสายฟ้าได้ทุกครั้งที่ฝึกฝน
ดังนั้นเขาจะต้องสำเร็จในขั้นตอนสำคัญที่สุดเพื่อคงคุกสายฟ้าไว้ในห้วงแห่งจิต ตามคัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่ว่าในบทที่ชื่อว่ากระบวนการกล่อมเกลาคุก
จริงๆ แล้วก็ไม่ยากเกินไปที่จะบรรลุขั้นตอนนี้ เนื่องจากคุกสายฟ้าเกิดจากคลื่นจิตของมู่เฉิน ดังนั้นตราบใดที่คลื่นจิตยังคงอยู่ ที่นี่ก็จะไม่หายไป
ทว่าจิตของเขาจะต้องกลับเข้าร่างไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอด มิฉะนั้นร่างกายก็จะแห้งเฉา… ส่วนทางออกของปัญหานี้ก็ไม่ยากเกินไป ตราบใดที่เขาแยกส่วนหนึ่งของจิตอยู่ที่นี่ การดำรงอยู่ของคุกสายฟ้าก็จะถูกเก็บรักษาไว้
ทว่านั่นเป็นวิธีทั่วไป คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่มีวิธีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ซึ่งก็คือเมล็ดพันธุ์คลื่นจิต
แยกจิตส่วนหนึ่งออกเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์ฝังลงอยู่ในคุกสายฟ้า พูดโดยทั่วไปนี่เป็นวิธีการที่วิปริตอย่างยิ่ง เนื่องจากเมื่อคลื่นจิตถูกแยกออกก็ต้องอ่อนแอลง ส่วนเมล็ดพันธุ์คลื่นจิตต้องแบ่งแยกความนึกคิดของเขาออกไปครึ่งหนึ่ง นี่จะทำให้ตัวเขาอ่อนแอลงเพียงใด?
ทว่าแม้จะเป็นวิธีการวิปริต แต่ก็ยอดเยี่ยมมาก เมล็ดพันธุ์คลื่นจิตที่ถูกทิ้งไว้ในคุกสายฟ้าสามารถถูกขัดเกลาได้ตลอดเวลา นั่นก็หมายความว่าถึงคลื่นจิตอีกครึ่งหนึ่งของมู่เฉินจะไม่ได้อยู่ในคุกสายฟ้า แต่เมล็ดพันธุ์คลื่นจิตที่เขาทิ้งไว้ ก็จะได้รับการขัดเกลาและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ…
เมื่อมองในระยะยาว นี่เป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรอย่างแท้จริง แค่เขาต้องการความกล้าหาญ
แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เฉินยิ่งกว่ากล้าหาญ ดังนั้นเขาจึงแบ่งจิตครึ่งหนึ่งสร้างเมล็ดพันธุ์โดยไม่ลังเล!
ขณะที่จิตแยกออก ความเจ็บปวดรุนแรงก็ตีขึ้นภายในหัวสมอง วินาทีนั้นกระทั่งมู่เฉินยังยากที่จะรักษาสถานะนี้ไว้ จิตของเขาแทบจะปลิวออกไปจากห้วงแห่งจิต แต่โชคดีที่ความอุตสาหะของเขาสูง ดังนั้นสุดท้ายเขาก็สามารถทนต่อความเจ็บปวดในการฉีกขาดที่รุนแรง หลีกเลี่ยงสถานการณ์พยายามอย่างไร้ความหมายก่อนหน้านี้
ในคุกสายฟ้า ครึ่งหนึ่งของจิตมู่เฉินถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของเมฆสายฟ้า ก่อนที่จะควบรวมอย่างช้าๆ และคงอยู่ที่นี่…
ครืน!
ด้านนอกเมฆสายฟ้า ลำสายฟ้าแล่นแปลบปลาบกระแทกเข้ากับคลื่นจิตด้วยความถี่คงที่ พร้อมกับการโจมตีด้วยสายฟ้าทุกครั้ง ก็จะเห็นว่ากลุ่มคลื่นจิตมีความละเอียดยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าขัดเกลามาแล้วกี่ครั้ง ในที่สุดครึ่งหนึ่งของจิตเขาก็รวมตัวกลายเป็นกลุ่มก้อนขนาดหัวแม่มือ
ในที่สุดเมล็ดพันธุ์คลื่นจิตก็อุบัติขึ้น
จิตส่วนที่เหลือของมู่เฉินจ้องมองไปที่เมล็ดพันธุ์คลื่นจิตก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อเมล็ดพันธุ์ถูกสร้างขึ้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดในคุกสายฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะไม่เป็นภาพลวงตาขนาดนั้นอีก…
“สำเร็จแล้วเหรอ?”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ด้วยความคิดสายหนึ่งจิตเขาก็เริ่มจางหายไป สภาพจิตใจว่างเปล่าก็ค่อยๆ หายไปเช่นกัน
เหนือจุดจื้อจุนไห่ ร่างมู่เฉินที่ถูกสร้างขึ้นด้วยคลื่นหลิงก็ค่อยๆ ลืมตาหลังจากผ่านไปไม่รู้นานเท่าไร เมื่อเขาเปิดตาขึ้นมาข้อมูลจำนวนมากที่ถูกสกัดไว้ก็พุ่งเข้าใส่ ขณะที่จิดของเขาควบคุมร่างกายของตนอีกครั้ง
“ฝึกมาหนึ่งเดือน…”
เมื่อรับรู้ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว มู่เฉินก็แอบรู้สึกโล่งใจ ในห้วงแห่งจิตเขารู้สึกราวกับหลายปีผ่านไป แต่ไม่คิดว่าโลกภายนอกจะผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน
แต่โชคดีที่มีผลตอบแทนสำหรับกระบวนน่าเหนื่อหน่ายนี้ เขารู้สึกถึงความคลุมเครือบางอย่างเพิ่มขึ้นในหัวสมอง ซึ่งดูเหมือนจะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์มาก
“หืม?”
ขณะที่มู่เฉินสัมผัสสิ่งที่อยู่ในใจ เขาก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าเกิดริ้วความพิศวง นั่นเป็นเพราะเขาตระหนักว่าแม้จะแยกครึ่งหนึ่งของจิตไปเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์คลื่นจิต แต่คลื่นจิตของเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าเมื่อเดือนก่อน!
ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน คลื่นจิตของเขาก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นยิ่งนัก!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น