หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 897-898
บทที่ 897 บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า
เมื่อทิวทัศน์ยามค่ำคืนแผ่ไปทั่วขอบฟ้า
สมรภูมิหยุ่นลั้วก็ถูกกลืนหายไปในความมืด แต่เมื่อถึงเวลากลางคืนสถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้เงียบลง กลับยิ่งทวีความรุนแรงเข้มข้นมากขึ้น
พายุคลื่นหลิงที่น่าตกใจสร้างหายนะระหว่างสวรรค์และโลกสามารถฉีกมิติออกจากกันได้ พลังทำลายล้างช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก นอกจากนี้สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพายุทอร์นาโดสามารถตรวจจับคลื่นหลิงในฟ้าดินแล้วกวาดเข้าไปกลืนกินคลื่นหลิงบริเวณนั้นทั้งหมดราวกับฝูงหมาบ้าแย่งชิงอาหาร
ดังนั้นกองทัพจำนวนมากจะหยุดเดินทางในตอนกลางคืน ระมัดระวังในการสร้างความผันผวนของคลื่นหลิงขนาดใหญ่ ซึ่งจะดึงดูดความสนใจของพายุทอร์นาโดเอาเข้า
เพราะไม่งั้นจะน่าอัปยศเกินไป ถ้าพวกเขาถูกทำร้ายด้วยพายุทอร์นาโด แทนที่จะเป็นกองทัพอื่น
แต่ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะโหดร้ายแค่ไหนก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งสงครามล่าได้ เมื่อคำนวณจากเวลาสงครามก็ได้เริ่มมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ว่ามีขั้วอำนาจเท่าไรที่ถูกทำลายลงในสงครามครั้งนี้ไปแล้ว
แต่การกำจัดก็ยังคงดำเนินต่อไปและห่างไกลจากจุดสิ้นสุด ทว่าทุกคนในภูมิภาคทางเหนือรู้ว่าเมื่อไรที่สงครามจบลง สถานการณ์จะต้องเปลี่ยนไปครั้งใหญ่อีกครั้งแน่นอน
ภูเขาถูกปกคลุมโดยทิวทัศน์ยามค่ำคืน
ราวกับสัตว์อสูรร้ายที่หมอบอยู่บนพื่น ซึ่งทำให้รู้สึกกดดันอย่างมาก
ขณะนี้ในส่วนลึกของเทือกเขามืดมิดกลับมีกองทัพจำนวนหนึ่งกำลังนั่งหมุนเวียนคลื่นหลิงเพื่อรักษาบาดแผลบนร่างกาย
นี่เป็นกองทัพที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายรุนแรง พวกเขาคือสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นี่ก็คือสถานที่ที่มู่เฉินและพรรคพวกหยุดพักอยู่
มีจอมยุทธ์กระจายตัวเฝ้าระวังอยู่โดยรอบภูเขา สายตามองเข้าไปในความมืดพร้อมกับความเฉียบคม บางครั้งจะมีการลาดตระเวนผ่านไปมา เนื่องจากมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดจึงเพิ่มความโหดร้ายในเทือกเขาอีกหลายส่วน
ในส่วนลึกของเทือกเขามีถ้ำขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง มู่เฉินนั่งอยู่ที่ด้านในเพื่อป้องกันการรบกวนใดๆ เขาใช้หินก้อนใหญ่ปิดทางเข้าออกเอาไว้
การฝึกฝนครั้งนี้สำคัญมากสำหรับมู่เฉิน
เนื่องจากเขามีสองสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ หนึ่งบรรลุระดับจื้อจุนขั้นห้าและสองคือการเรียนรู้คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่
ขุมพลังของมู่เฉินบรรลุระดับจื้อจุนขั้นสี่มาระยะหนึ่งแล้ว ตลอดเวลาหนึ่งเดือนในสมรภูมิหยุ่นลั่ว เขาผ่านการต่อสู้ระหว่างความเป็นตายมาหลายครั้ง คลื่นหลิงของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นจากการต่อสู้ต่างๆ ที่ผ่านมา จากการคาดการณ์เขาน่าจะมาถึงระดับจื้อจุนขั้นสี่ระยะปลายสุดแล้ว
แน่นอนว่าก้าวนี้ยังมีระยะห่างกับการบรรลุที่แท้จริงอยู่บ้าง เพราะการก้าวออกจากขอบเขตขั้นสี่ไปสู่ขั้นห้าไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ในโลกนี้มีจอมยุทธ์มากมายนับไม่ถ้วนถูกกักอยู่ในขอบเขตของขั้นสี่ไม่น้อย
หากเป็นเวลาอื่นมู่เฉินอาจยังไม่มีความคิดที่จะลองบรรลุ แต่ในสมรภูมิหยุ่นลั้วเขากลับมีโอกาสที่จะลอง
นั่นก็คือเม็ดยาหยุ่นลั้ว
เม็ดยาหยุ่นลั้วเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสมรภูมิหยุ่นลั้ว ไม่เพียงแต่สามารถใช้เพื่อเปิดขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน แต่ยังสามารถเปลี่ยนเป็นไอหยุ่นลั้วที่บริสุทธิ์ได้อีกด้วย นั่นคือแก่นแท้ของคลื่นหลิงจากร่างของจอมยุทธ์ที่สิ้นชีพลงที่นี่ แม้ว่าคลื่นหลิงจะสลายลงเมื่อตายไป แต่สมรภูมิหยุ่นลั้วเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นไอหยุ่นลั้วจึงยังถูกเก็บรักษาไว้อยู่บางส่วน
ซึ่งแก่นคลื่นหลิงเหล่านั้นก็คือเม็ดยาหยุ่นลั้ว
นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนทุกคน หากได้ดูดซับไอหยุ่นลั้วก็จะสามารถเสริมสร้างพลังงานหลิงในร่างกายได้
ดังนั้นมู่เฉินจึงมีความคิดเกี่ยวกับยาหยุ่นลั้วนี้
แต่โดยทั่วไปแล้วยาหยุ่นลั้วจะต้องถูกส่งมอบให้กับสำนักของตนเพื่อใช้เปิดขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ดังนั้นเม็ดยาจึงมีค่าอย่างยิ่งสำหรับทุกกองทัพ ถึงแม้จะรู้ว่าเม็ดยาเหล่านั้นจะมีประโยชน์ในการฝึกฝนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครกล้าใช้ในการฝึกยุทธ์
แต่ข้อจำกัดนี้ไม่มีผลอย่างเห็นได้ชัดสำหรับพวกมู่เฉินที่เก็บเกี่ยวได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยจำนวนรวมเม็ดยาหยุ่นลั้วถึงสองแสนเม็ด พวกเขาบรรลุภารกิจเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเหล่าผู้บัญชาการจึงหารือกันและแบ่งส่วนเข้ากระเป๋าของตนเอง
สำหรับมู่เฉิน เขาได้รับเม็ดยาทั้งหมดสองหมื่นเม็ด
แน่นอนว่า สองหมื่นเม็ดนี้ได้เพราะเขาทำงานหนักสุด ส่วนผู้บัญชาการคนอื่นได้รับไปแค่คนละหนึ่งหมื่นเม็ดเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พอใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะมู่เฉินพวกเขาอาจยังกำลังมองตามหาซากอารยธรรมต่างๆ เพื่อกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้วอยู่เลย จะทำงานสำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้รับส่วนแบ่งเลย…
ฮา
ในส่วนลึกถ้ำ มู่เฉินหายใจเข้าลึก ใบหน้าเคร่งขรึมลง แต่เขายังไม่ได้เริ่มต้นฝึกฝน กลับเข้าสู่สมาธิเพื่อปรับสภาพเสียก่อน
พัฒนาการแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาต้องทุ่มเททุกอย่างถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ
ดังนั้นมู่เฉินจึงอยู่ในสมาธิไปกว่าครึ่งวัน เมื่อถึงเวลาที่ทิวทัศน์ยามค่ำคืนผันแปร ดวงตาเขาก็ค่อยๆ เปิดขึ้นพร้อมแสงวูบไหว ไม่มีอาการอ่อนเพลียใดๆ เหมือนก่อนหน้าให้เห็นอีก
คลื่นหลิงภายในร่างกายเขาก็ได้รับการฟื้นฟูเต็มที่จนถึงปลายยอดสุดของระดับจื้อจุนขั้นสี่
“ใกล้แล้ว”
มู่เฉินพึมพำ จากนั้นสายตาก็หดเกร็ง เขาสะบัดแขนเสื้อ ขวดหยกก็พุ่งไปแล้วระเบิดออก ทันใดนั้นเสียงครางกระหึ่มก็ดังก้องจากขวด ลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งออกก่อตัวเป็นยาหยุ่นลั้วมหาศาลลอยอยู่รอบถ้ำ
เมื่อเม็ดยาหยุ่นลั้วนับหมื่นปรากฏ ถ้ำก็ค่อยๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกซึ่งเกิดจากการกระจายของไอหยุ่นลั้วนั่นเอง
มู่เฉินหายใจเข้าลึก ละอองหมอกก็เข้าสู่ร่างกายทางจมูก ทันใดนั้นราวกับลาวาต้มเดือดอยู่ในร่างกาย แก่นพลังงานหลิงบริสุทธิ์ไหลผ่านเส้นสายภายใน ทำให้เส้นลมปราณสั่นสะท้านประหนึ่งหมาป่าหิวโหย
นั่นเป็นความรู้สึกโลภระดับสูงสุด
พลังงานหลิงภายในร่างกายเขาราวกับต้องการกลืนกินแก่นพลังเหล่านั้นจนหมด
“ทำให้พลังงานหลิงมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เชียว” เมื่อรู้สึกถึงความปั่นป่วนภายในร่าง มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ พลังงานหลิงโหยหาไอหยุ่นลั้วมากเกินกว่าของเหลวจื้อจุนเสียอีก
“ยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ด อาจเทียบได้กับของเหลวจื้อจุนสองแสนหยดเลยทีเดียว” มู่เฉินพึมพำอย่างตกตะลึง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมขั้วอำนาจทั้งหลายในภูมิภาคทางเหนือถึงบ้าคลั่งในช่วงสงครามล่า ไม่ต้องพูดถึงของเหลวหลิงเสินที่แม้แต่จอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนยังหัวใจหวั่นไหว แค่ยาหยุ่นลั้วเพียงอย่างเดียวก็ทำให้ขั้วอำนาจน้อยใหญ่บ้าคลั่งได้แล้ว
เพราะหากพวกเขาสามารถได้รับยาหยุ่นลั้วหนึ่งหมื่นเม็ดก็จะเทียบเท่ากับของเหลวจื้อจุนหนึ่งแสนหยด นี่ถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่มากพอแม้จะเป็นขั้วอำนาจระดับสูงก็ตาม
มู่เฉินส่ายหัวเบาๆ พลางระงับความรู้สึกในใจลง สายตาเบนความสนใจไปที่ยาหยุ่นลั้ว จากนั้นก็ประสานมือวาดตราประทับฉับพลัน
ฮึ่ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกจากฝ่ามือ ในคลื่นหลิงมีเพลิงสีม่วงปะทุขึ้นพร้อมกับอุณหภูมิทะยานสูง นี่ก็คือเพลิงอมตะ
ถ้าเขาต้องการที่จะดูดซับแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ เขาก็ต้องชำระเม็ดยาทั้งหมดก่อนเป็นอันดับแรก
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
มู่เฉินชี้นิ้วทั้งสองออก ยาหยุ่นลั้วก็ก่อเป็นริ้วแสงบินเข้าไปในเพลิงสีม่วง
บึ้ม!
เมื่อเม็ดยาเข้าสู่เพลิงสีม่วง เสียงลึกต่ำก็กระจายออก เม็ดยาหยุ่นลั้วระเบิดก่อนที่จะถูกหลอมด้วยเพลิงสีม่วงกลายเป็นสายหมอกให้มู่เฉินกลืนกิน
ฉ่า ฉ่า!
ทันทีที่แก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย มู่เฉินก็เริ่มตัวสั่นสะท้าน ผิวหนังแดงกล่ำโดยมีควันขาวขุ่นเล็ดลอดออกมาจากรูขุมขน
เขารู้สึกได้ว่าในร่างราวกับมีกระแสลาวาไหลไปทั่วร่างกาย ทุกที่ที่มันผ่านเส้นลมปราณจะกระตุก ความรู้สึกเจ็บปวดแผ่ออกมา
ทว่าภายใต้ความเจ็บปวดเป็นความโลภ เส้นสายเลือดเนื้อในร่างมู่เฉินเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาในเวลานี้ กลืนกินแก่นคลื่นอย่างหิวโหย ราวกับหลุมไร้ก้นที่ไม่มีวันเติมเต็มให้พอใจ
ความเจ็บปวดและความกระหายตีกวนในหัวใจของมู่เฉิน ทว่าเขากลับปกป้องจิตใจสุดกำลัง มุ่งเน้นไปที่การดูดซับแก่นคลื่นบริสุทธิ์
เขารู้ว่า แม้เขาจะมียาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ด แต่นี่เป็นจำนวนทั้งหมดที่เขาสามารถใช้ได้ ดังนั้นหากเขาล้มเหลว พัฒนาการของเขาก็จะต้องล่าช้าไปอีก…
แล้วตอนนี้เมื่อสงครามล่าทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มู่เฉินก็รู้ดีว่าระดับจื้อจุนขั้นสี่อ่อนแอไปแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีเวลารออีก
ครั้งนี้เขาต้องบรรลุอย่างเดียวเท่านั้น!
บทที่ 898 อีกไม่ไกล
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ถ้ำกว้างขวางเต็มไปด้วยควันหนากำลังเต้นระริก ดูเหมือนว่าจะมีเสียงบางอย่างเปล่งออกมา ภายในควันก็คือแก่นคลื่นหลิงที่บริสุทธิ์ที่สุด เศษเสี้ยวเล็กๆ นี่กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหนึ่งก็ยากที่จะกลั่นกรองได้ แม้จะใช้เวลาทั้งเดือนก็ตาม
ดังนั้นจึงมองเห็นได้ว่ามีคลื่นหลิงมหาศาลเพียงใดอัดแน่นอยู่ภายในถ้ำ
ภายในถ้ำเงียบสงบ ควันที่คละคลุ้งก็กระเพื่อมราวกับว่ามีหลุมน้ำวนปรากฏในจุดลึกที่สุด ทำให้ควันไหลหายไปตามกระแสน้ำวนนี้
ปลายหลุมน้ำวนสามารถมองเห็นร่างที่นั่งนิ่งราวกับก้อนหิน โดยที่ควันเหล่านี้พุ่งเข้าไปในร่างเขาผ่านทางนาสิกประสาท
ร่างนี้ก็คือมู่เฉินซึ่งกำลังพยายามบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า
เมื่อควันที่หลั่งไหลเข้ามาในร่างกายมากขึ้น ผิวของเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงและร้อนระอุ เม็ดเหงื่อผุดออกมาจากรูขุมขน แต่ทันทีที่สัมผัสกับผิวหนังที่ลวกร้อนของเขา เม็ดเหงื่อก็ส่งเสียงฟู่ๆ แล้วระเหยไป
คิ้วของมู่เฉินขมวดแน่น ชัดว่าแก่นคลื่นหลิงในเม็ดยาหยุ่นลั้วไม่ได้กลั่นง่ายอย่างที่เขาคิดไว้ นั่นเป็นเพราะคลื่นหลิงบริสุทธิ์เกินไป ดังนั้นหากเขาต้องการดูดซับให้สำเร็จ เขาก็ต้องทำให้พลังงานเจือจางลงโดยคลื่นหลิงของตนเองเสียก่อน จากนั้นถึงจะรวมเข้ากับจุดจื้อจุนไห่เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานของเขา
ทว่ากระบวนการนี้ก็ช้านัก
มู่เฉินที่อยู่ในระหว่างการเพาะบ่มพลังก็ขมวดคิ้วแน่น ในเวลาเดียวกันเมื่อเขาพยายามกลั่นแก่นคลื่นหลิง สมองก็หมุนวนเร็วรี่ จากการประเมินเขาต้องการเวลาประมาณสองเดือน สำหรับการจะดูดซับยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ดนี้
ช่วงเวลานี้เกินกว่าที่มู่เฉินรับได้ เนื่องจากตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในหอวิหคโลกันตร์ แต่อยู่ในสงครามล่าที่อันตรายอย่างยิ่ง ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าพรรคพวกจะรอสองเดือนไหวไหม แค่สถานการณ์ที่อาจแปรปรวนในช่วงสองเดือนก็เพียงพอที่จะทำให้การฝึกฝนของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า หากสถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ เขาอาจต้องเผชิญกับการตอบโต้จากคลื่นหลิงของตนเองด้วย
ดังนั้นเขาต้องพยายามย่นเวลาให้สั้นลง
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่งานง่าย มู่เฉินเคยรวมเอาเพลิงอมตะไว้ภายในคลื่นหลิง ดังนั้นความเร็วในการกลั่นของเขาจึงเร็วกว่าจอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไป แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องยากเพียงใดในการกลั่นแก่นคลื่นหลิงในยาหยุ่นลั้ว
เกี่ยวกับการกลั่นก็ต้องใช้เพลิงที่มีประสิทธิภาพมากสุดอย่างชัดเจน ดังนั้นถ้ามู่เฉินต้องการที่จะเพิ่มความเร็วในการกลั่น เขาก็ต้องใช้เพลิงที่รุนแรงกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความเร็ว
แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ เนื่องจากเขาเคยรวมเพลิงอมตะไว้เท่านั้น แม้ว่าสายฟ้าฤทัยปีศาจดำอาจจะมีผลต่อการกลั่นบ้าง แต่ก็ด้อยกว่าเพลิงอมตะในแง่ของการกลั่นคลื่นหลิงตามลักษณะของมัน
“เพลิงอื่นๆ รึ?”
ความคิดมู่เฉินหมุนวนเร็วจี๋ พักใหญ่ความคิดหนึ่งก็วูบขึ้นในใจ อึดใจกระแสจิตของเขาก็พุ่งเข้าไปในจุดจื้อจุนไห่
ภายในจุดจื้อจุนไห่อันยิ่งใหญ่ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระยิบระยับอยู่บนเกลียวคลื่นมากมาย ช่างเป็นฉากที่งดงาม เนื่องจากที่แห่งนี้คือจุดกำเนิดของพลังงานสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนทุกคน
คลื่นหลิงก่อตัวขึ้นเป็นร่างของมู่เฉินเหนือจุดจื้อจุนไห่ เขามองไปที่ทะเลพลังยิ่งใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ยามนี้มีคลื่นหลิงเทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นการรวมเข้าในจุดจื้อจุนไห่ของแก่นคลื่นหลิงที่ได้รับการชำระ
ทว่ามู่เฉินก็ยังไม่พอใจกับความเร็วนี้
“มาลองกันหน่อย…”
มู่เฉินครุ่นคิดสั้นๆ จากนั้นก็กัดฟันกรอดโดยไม่เหลืออาการลังเล มือวาดกระบวนท่าวูบไหว สร้างตราประทับแปลกประหลาดขึ้น
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของตราประทับในมือ คลื่นปั่นป่วนก็ถูกดันขึ้นในทะเลพลัง ขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตส่งเสียงครางกระหึ่มก่อนจะรวมตัวกันบนท้องฟ้า การรวมตัวของคลื่นหลิงดำเนินไปเป็นเวลาสิบลมหายใจ ก่อนที่เจดีย์สีดำขนาดใหญ่จะปรากฏขึ้นเหนือจุดจื้อจุนไห่
เจดีย์สีดำดูเก่าแก่และแข็งแกร่ง ขณะกำจายคลื่นลึกลับโบราณออกมา สิ่งนี้คุ้นเคยนัก เพราะนี่คือเจดีย์เก้าชั้นที่มู่เฉินไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานาน!
นี่เป็นวัตถุที่เขาสร้างขึ้นจากคัมภีร์ต้าฝูถู แต่จนบัดนี้มู่เฉินก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่ามันทรงพลังและลึกลับเพียงใด ย้อนกลับไปที่ทวีปเป่ยชาง มารดาของเขาปรากฏตัวในร่างดวงจิตสกัดกลั่นจอมยุทธ์มังกรเหลืองพร้อมกับร่างเทห์สวรรค์เขย่าขวัญจอมยุทธ์คนอื่นๆ แม้ว่ามู่เฉินจะทำแบบนั้นได้ในตอนนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเทียบความแข็งแกร่งของเจดีย์เขากับร่างดวงจิตของมารดา
แต่ถึงกระนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเจดีย์ฝูถูเก้าชั้นนี้ทรงพลังเพียงใด
ทว่าหลังจากที่มู่เฉินเดินทางมายังภูมิภาคทางเหนือ เขาก็แทบไม่ได้ใช้วิชานี้อีก นั่นเป็นเพราะตอนที่เขากำลังจะออกจากสำนักศึกษาเป่ยชาง หลิงซีเตือนว่าอย่าเปิดเผยเจดีย์ฝูถูก่อนที่เขาจะมีพลังป้องกันตัวเองได้มากกว่านี้ มิฉะนั้นถ้าเขาถูกค้นพบก็อาจดึงดูดความหายนะมาสู่ตนเอง
นั่นเป็นเพราะเจดีย์นี้เกี่ยวข้องกับเผ่าลึกลับของมารดาเขา ด้วยขุมพลังในปัจจุบันของเขาเห็นได้ว่ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะไปปะทะกับเผ่าลึกลับนั่น
มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า จ้องมองไปที่เจดีย์อย่างเงียบๆ จากนั้นก็เม้มปากค่อยๆ กำมือ
บางทีพลังของเขาอาจยังไม่เพียงพอในตอนนี้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงการเติบโตของตนเอง เกือบสองปีแล้วที่เขามาอยู่ในภูมิภาคทางเหนือ ตอนที่มาถึงเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหนึ่งเท่านั้น มิหนำซ้ำยังไม่ได้ฝึกฝนร่างเทห์สวรรค์เลยสักนิด ทว่าตอนนี้เขากำลังจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ยิ่งกว่านั้นด้วยพื้นฐานทักษะและพลังรัศมีจั้นยี่ที่ทรงประสิทธิภาพ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเขาก็ไม่กลัวที่ต้องต่อกรด้วย
การเติบโตของเขารวดเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าต้องมีสักวันที่คนอ่อนแออย่างเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นยอดยุทธ์แท้จริง
ในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นตระกูลลั่วเสินหรือเผ่าลึกลับของมารดา เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีก
เขาเชื่อว่าตนจะผงาดขึ้นเทียบเคียงจอมยุทธ์ชั้นนำในโลกนี้ เขาแค่ต้องการเวลา
ฮา
มู่เฉินสูดอากาศเต็มปอด ระงับอารมณ์พลุ่งพล่านลง จากนั้นก็เบนสายตามองเจดีย์ฝูถูที่ถูกเรียกขึ้นมา ด้วยพลังในปัจจุบัน เจดีย์ที่เผยตัวไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่าในอดีต ยังได้รับการปรับแต่งด้วยรูปมังกรสลักในทั้งเก้าชั้นของเจดีย์ ทำให้เจดีย์สีดำยิ่งดูลึกลับและทรงเกียรติมากขึ้น
มู่เฉินจ้องมองเจดีย์ จากนั้นก็วาดกระบวนท่าอีกครั้ง เมื่อตราประทับเปลี่ยนแปลง มังกรที่สลักบนชั้นทั้งเก้าของเจดีย์ก็เริ่มส่องสว่างขึ้น
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรสั่นสะเทือนสวรรค์และโลกดังกึกก้องไปทั่ว เจดีย์เจิดจรัสด้วยแสงสีทองอร่าม ขณะที่มังกรทองคำจำนวนมากบินฉวัดเฉวียนออกมา ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็มีมังกรทองคำมากกว่าสามสิบตัวพุ่งเข้าไปในเจดีย์
ฉ่า! ฉ่า!
เมื่อมังกรตัวใหญ่พุ่งเข้าไปในเจดีย์ ก็กลายเป็นเปลวไฟสีทองและรวมตัวกัน เปลวไฟแทรกซึมในเจดีย์ราวกับว่าสามารถเผาผลาญทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้ ระลอกคลื่นที่ครอบงำกำจายออกไป
เพลิงเหล่านั้นเป็นเปลวไฟพิเศษที่กลั่นจากเจดีย์ฝูถู ซึ่งเป็นสิ่งที่มู่เฉินต้องการในตอนนี้
“เพลิงครอบงำนี้น่าจะได้ผลที่ดีในการกลั่นแก่นคลื่นหลิง”
มู่เฉินมองเพลิงสีทองในเจดีย์ เมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้น เจดีย์ที่ก่อขึ้นก็แข็งแกร่งกว่าในอดีตอย่างชัดเจน ครั้งก่อนที่เขาใช้เจดีย์ก็มีมังกรทองคำเพียงห้าตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้มีมากกว่าถึงหกเท่า!
ทว่าเทียบกับตอนนั้นที่มารดาใช้เจดีย์ก็มีมังกรทองคำนับร้อยตัว ดูเหมือนจะยังมีช่องว่างระหว่างเขากับมารดาอยู่มาก หลิงเจิ้นต้าจงซือที่เทียบระดับเทียนจื้อจุนน่าสะพรึงกลัวจริงๆ…
มู่เฉินส่ายหัวระงับอาการทอดถอนหายใจในใจ จากนั้นด้วยความคิดสายหนึ่ง มิติเหนือจุดจื้อจุนไห่ก็ถูกแยกออก เกลียวควันสีฟ้าอมเขียวลอยพล่านให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นวันพิพากษาโลก
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
เจดีย์ส่งเสียงกระหึ่มขณะสั่นสะเทือน จากนั้นก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยการควบคุมของมู่เฉิน ตัวเจดีย์แกว่งไปแกว่งมาเบาๆ ก่อนที่แรงดูดน่ากลัวจะระเบิดออกมา
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เกลียวควันสีฟ้าอมเขียวพ่นออกมาราวกับมังกรนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาในเจดีย์
ฉ่า! ฉ่า!
เปลวเพลิงสีทองในเจดีย์เริ่มพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง พวกมันพุ่งออกไปห่อหุ้มควันสีฟ้าอมเขียวที่เข้ามา ปลดปล่อยอุณหภูมิน่าสะพรึงกลัวอย่างเต็มกำลัง
ควันสีฟ้าอมเขียวพวยพุ่ง แยกตัว จากนั้นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ในเกลียวควันสีฟ้าอมเขียวก็ระเบิดออกมาราวกับกระแสน้ำ
ครืน!
เจดีย์ฝูถูสั่นไหว กระแสคลื่นหลิงมากมายเทลงมาจากเจดีย์พร้อมกับเกลียวควันสีฟ้าอมเขียว พุ่งลงสู่กับทะเลพลังเบื้องล่าง
ดังนั้นจุดจื้อจุนไห่จึงพลุ่งพล่านอย่างรุนแรงในเวลานี้ ความผันผวนของคลื่นหลิงป่าเถื่อนอย่างต่อเนื่อง จุดจื้อจุนไห่ที่หยุดนิ่งมานานก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นฉากนี้ ในที่สุดมู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก เขายิ้มบางก่อนที่จะนั่งลง ด้วยความช่วยเหลือของเจดีย์ในการกลั่น สิ่งที่เขาต้องทำก็คือรอ…
ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น