หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 887-888

 บทที่ 887 ศาสตร์คลื่นจิต

แสงพวยพุ่งในมิติสีแดงฉานไล่ความมืดมิดออกไป


ขณะที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นโบกมือเบาๆ บนบัลลังก์หินโบราณเพื่อระงับเจตจำนงอันน่ากลัวจากกองทหารหิน เมื่อได้เห็นฉากนี้แม้แต่มู่เฉินและจินไถหลิวหลีก็ต้องตกตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เนื่องจากร่างนี้สามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่กองทหารหินได้ แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยในตัวตนของเขาแล้ว


หลังจากจักรพรรดิเทียนเจิ้นแสดงตัวตนก็กวาดสายตามากประสบการณ์ออกไป ทิวทัศน์ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ แต่เขารู้ว่าตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในมหาพันภพแล้วแน่


สายตาของจักรพรรดิเทียนเจิ้นหยุดที่กองทหารหินเบื้องล่าง ความเศร้าโศกฉายบนใบหน้า ย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้เพื่อจะช่วยเขายับยั้งวิญญาณชั่วร้ายในร่าง พวกเขายอมเสียสละตนเองกลายเป็นรูปปั้นหิน ผนึกอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์


มู่เฉินและจินไถหลิวหลีมองหน้ากัน ไม่กล้ารบกวนจักรพรรดิเทียนเจิ้นซึ่งยังคงรำลึกถึงความหลังอันโศกเศร้า นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายเหลือเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณเท่านั้น หากพวกเขาแสดงความไม่พอใจ ก็จะทำให้อีกฝ่ายสลายหายไปได้ ความพยายามที่พวกเขาทำมาตั้งแต่ต้นก็จะสูญเปล่าทั้งหมด


โชคดีที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นไม่ได้อยู่ในอาการนี้นานเกินไป ครู่หนึ่งเขาก็เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มไปให้มู่เฉินและจินไถหลิวหลี “พวกเจ้าทั้งคู่ยังเยาว์วัย แต่สามารถมาถึงที่นี่และจัดการวิญญาณชั่วร้ายนั่นได้ นี่ทำให้ข้าค่อนข้างแปลกใจ”


“ข้าโชคดีได้รับป้ายหินที่ท่านทิ้งไว้ ดังนั้นจึงสามารถเปิดใช้งานค่ายกลศึกที่จัดตั้งไว้ได้ มิฉะนั้นด้วยขุมพลังของพวกเราจะต่อสู้กับวิญญาณชั่วร้ายได้อย่างไรเจ้าคะ?” จินไถหลิวหลีแบมือยื่นป้ายหินแตกร้าวออกไป นี่คือเศษของป้ายหินที่นางระเบิดทิ้งไป


จักรพรรดิเทียนเจิ้นยกมือขึ้น เศษหินบนมือของจินไถหลิวหลีก็ลอยมาตกลงบนมือเขา เขาเหลือบมองวูบหนึ่งก่อนจะยิ้ม “ที่แท้คือตราประทับรบศึกที่ข้าทิ้งไว้นี่เอง แม่นางน้อยมีโชคชะตาต้องกันกับข้านัก”


พอได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของจินไถหลิวหลีก็เปล่งประกายด้วยความดีใจ จากนั้นนางก็มองไปที่มู่เฉิน “ท่านผู้อาวุโส ถ้าเขาไม่ได้ช่วยต้านวิญญาณชั่วนั้นไว้ได้ ข้าก็อาจไม่สามารถปลุกท่านได้…”


เมื่อมู่เฉินได้ยินว่าจินไถหลิวหลียกความดีเรื่องนี้ให้เขาด้วย เขาก็อึ้งไปก่อนที่จะพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงความขอบคุณ หญิงสาวไม่ได้โลภและไม่ได้ยึดผลงานทั้งหมดให้ตัวเอง การกระทำของนางเพิ่มความรู้สึกดีต่อกันอีกหลายส่วน นิสัยของจินไถหลิวหลีดีกว่าเซียวเทียนมาก นางเป็นคนที่ควรค่าแก่การผูกมิตรไมตรีไว้


จักรพรรดิเทียนเจิ้นหัวเราะร่า พูดด้วยความหมายกินลึก “แม้ว่าข้าจะอยู่ในห้วงนิทรา แต่หลังจากฟื้นก็รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น หากเจ้าเอาความดีใส่ตัว บางทีข้าอาจจะคลางใจกับเจ้าก็ได้”


เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความชื่นชม เห็นได้ชัดว่าการกระทำโดยไม่เจตนาของจินไถหลิวหลีได้รับคะแนนพิศวาสเพิ่มอีกหลายส่วน


จินไถหลิวหลีและมู่เฉินแลกเปลี่ยนสายตากัน นางแอบเอามือแตะหน้าอก ท่าทางดีใจนั้นทำให้มู่เฉินอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อลบภาพแม่ทัพเจ้าเล่ห์ของนางทิ้งไป นางก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุมากกว่าเขานิดเดียวเท่านั้นเอง


“ข้าเป็นคนตายอยู่แล้ว การที่พวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้ก็หมายความว่าโชคชะตาเราต้องกัน แม้ว่าตามกฎการสืบทอดของจั้นเจิ้นซือสามารถส่งผ่านให้กับคนคนเดียวได้เท่านั้น แต่ในเมื่อข้ากำลังจะหายไป กฎเหล่านี้ก็ไม่ต้องใส่ใจแล้ว” จักรพรรดิเทียนเจิ้นพูดช้าๆ


มู่เฉินและจินไถหลิวหลีเกิดความปีติในหัวใจ จากนั้นก็เหมือนตระหนักรู้ว่าทำไมข้อมูลเกี่ยวกับจั้นเจิ้นซือถึงได้หายากมากนัก นั่นเพราะพวกเขาส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้นเอง


“เจ้าสองคนมีพรสวรรค์เกี่ยวกับศาสตร์รัศมีจั้นยี่ ต้นกล้าน้อยที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นจั้นเจิ้นซือได้” เมื่อจักรพรรดิเทียนเจิ้นพูดขึ้น ก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเต็มไปด้วยความสุข พวกเขาพยายามเข้ามาในซากอารยธรรมความตายก็เพื่อข้อมูลของจั้นเจิ้นซือไม่ใช่เหรอ?


“จั้นเจิ้นซือมีพื้นฐานมาจากหลิงเจิ้นซือ แต่ในความจริงทั้งสองศาสตร์อยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกัน หลิงเจิ้นซือควบคุมพลังงานฟ้าดิน ขณะที่จั้นเจิ้นซืออาศัยพลังของผู้คน…” เสียงที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ของจักรพรรดิเทียนเจิ้นกระจายออกไปทั่วมิติมืดมิด โดยมีมู่เฉินและจินไถหลิวหลีจดจำทุกถ้อยคำเอาไว้ พวกเขาไม่กล้าที่จะละเลยส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจั้นเจิ้นซือหายากแสนยาก


“แต่เงื่อนไขในการเป็นจั้นเจิ้นซือโหดมาก หากจอมยุทธ์สามัญมีกระแสจิตที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง ก็สามารถสั่งการรัศมีจั้นยี่ของกองทัพได้ แต่พวกเขาก็มีข้อจำกัดและยากที่จะสั่งการเกินจำนวนหมื่นคน”


มู่เฉินและจินไถหลิวหลีพยักหน้าเงียบๆ มีคนมากมายสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ อย่างผู้บัญชาการหรือแม่ทัพต่างๆ ก็สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ แต่ปริมาณรัศมีจั้นยี่ที่พวกเขาสามารถควบคุมได้มีจำกัดมาก นั่นเป็นเพราะเมื่อรัศมีจั้นยี่ถึงขีดจำกัด กระแสจิตของพวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมเพิ่มได้อีก ถ้าหากฝืนเข้า ก็อาจถูกกลืนกินเอาได้


“เหตุผลเบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ยากที่จะเดา ก็แค่รัศมีจั้นยี่อ่อนแอหรือแข็งแกร่งเท่านั้น”


จักรพรรดิเทียนเจิ้นกล่าวเสียงเบาว่า “มิหนำซ้ำคลื่นจิตก็แตกต่างจากคลื่นหลิง มันไร้แบบแผน ไม่มีรูปร่าง เป็นภาพลวงตาที่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น ยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเชื่อมโยงได้ พูดโดยทั่วไปก็คือความแข็งแกร่งของคลื่นจิตเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิด ทว่าแม้แต่คนที่คลื่นจิตทรงพลังตั้งแต่เกิด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถควบคุมกระแสจิตของนักรบเป็นล้านคนได้”


“ถ้าเช่นนั้นทำไมจั้นเจิ้นซือถึงสามารถควบคุมกองทัพนับล้านหรือแม้แต่สิบล้านคนได้เจ้าคะ?” จินไถหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะถาม


จักรพรรดิเทียนเจิ้นยิ้มบาง “นั่นเป็นเพราะจั้นเจิ้นซือสามารถเพาะบ่มคลื่นจิตของพวกเขาได้ไง”


เพาะบ่มคลื่นจิต?!


ดวงตาของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีหดลงในเวลาเดียวกัน ประกายไม่อยากเชื่อเผยบนสีหน้าของพวกเขา สิ่งลึกลับและลวงตาเช่นนั้นจะเพาะบ่มได้ยังไง?!


ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน!


“ท่านผู้อาวุโส มี…วิธีจะเพาะบ่มคลื่นจิตได้ยังไงเจ้าคะ?” จินไถหลิวหลีถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ คลื่นจิตเป็นภาพลวงตาและไม่มีรูปร่างที่จอมยุทธ์ธรรมดาไม่สามารถจับต้องได้ ไม่ต้องพูดถึงการเพาะบ่มเลย


“ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินล้วนฝึกฝนได้ แล้วทำไมแค่คลื่นจิตจะฝึกไม่ได้ล่ะ?” จักรพรรดิเทียนเจิ้นถามคำถามแทนการตอบ


จินไถหลิวหลีและมู่เฉินมองหน้ากันอย่างจนคำพูด พวกเขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น จักรพรรดิเทียนเจิ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาเข้าใจศาสตร์นี้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกยากที่จะเชื่อเพียงใด พวกเขาก็ต้องยอมรับความจริงในข้อนี้เท่านั้น


“สำหรับจั้นเจิ้นซือทุกคน วิธีการเพาะบ่มคลื่นจิตของพวกเขามีค่าอย่างยิ่ง ตั้งแต่โบราณกาลวิธีการเพาะบ่มคลื่นจิตนี้เป็นสิ่งที่หายากมาก ถ้าไม่ใช่ผู้สืบทอดรุ่นต่อไป ก็ไม่ง่ายที่จะถ่ายทอดให้” จักรพรรดิเทียนเจิ้นพูดต่อ


มู่เฉินพูดไม่ออก ที่แท้มรดกของจั้นเจิ้นซือถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากภัยพิบัติในยุคโบราณจำนวนจั้นเจิ้นซือจึงมีน้อยลงมาก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ตราบใดที่ปิดประตูเฝ้าเองก็จะเป็นเรื่องยากที่จะกระจายออกไป


“นั่นไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมจั้นเจิ้นซือจึงหายาก เพราะวิธีการฝึกคลื่นจิตอันตรายยิ่งกว่าสิ่งใด หากการฝึกฝนล้มเหลวคลื่นจิตของคนคนนั้นก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายและได้รับความเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นหากไม่พบคนที่เหมาะสม พวกเขาก็จะไม่ถ่ายทอดวิธีการเพาะบ่มไปให้ ไม่งั้นใครจะรับไหวถ้าศิษย์ต้องตายหลังจากรับไป?” จักรพรรดิเทียนเจิ้นถอนหายใจเบา คิดว่าคงรู้สึกข่มขื่นใจกับความยากลำบากในถ่ายทอดวิธีการของจั้นเจิ้นซือ


คลื่นจิตที่ราวกับภาพลวงตา แม้กระทั่งยอดยุทธ์หลายคนยังรู้สึกไม่คุ้นเคย ดังนั้นคลื่นจิตของพวกเขาส่วนใหญ่มักยังอยู่ในสถานะเริ่มต้น หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักและส่งผลให้สติวุ่นวาย ราคาที่ต้องจ่ายทำให้ผู้คนสะพรึงกลัวเลยทีเดียว


ใบหน้าของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พวกเขารู้สึกอึ้งไปกับความอันตรายของศาสตร์คลื่นจิตนี้ ถ้านี่เป็นวิทยายุทธเทพก็แค่ผ่านไปถ้าล้มเหลว แต่สำหรับศาสตร์คลื่นจิตนี้ ถ้าประสบความสำเร็จก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าล้มเหลวพวกเขาก็จะถูกลดทอนเป็นคนปัญญาอ่อน…


นี่เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนกล้าจะฝึกฝน


ทว่าขณะที่มู่เฉินรู้สึกหวาดกลัวในใจ ก็รู้สึกถึงความวิเศษเช่นกัน มหาพันภพเต็มไปด้วยความลึกลับนานัปการ แม้ว่าคลื่นหลิงจะเป็นพื้นฐาน แต่ก็มีศาสตร์พิเศษอื่นๆ ที่สามารถเปิดเส้นทางอื่นได้ หากใครสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดในเส้นทางเหล่านั้น พวกเขาก็จะไม่อ่อนแอกว่าจอมยุทธ์สุดยอดในเส้นทางของคลื่นหลิงเลย เพียงแค่การมุ่งเน้นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน


“ข้าได้บอกพวกเจ้าถึงความเสี่ยงของศาสตร์คลื่นจิตแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะไปต่อหรือไม่?” จักรพรรดิเทียนเจิ้นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม


จินไถหลิวหลีกำหมัดแน่นพลางพยักหน้า ความสามารถของนางในด้านคลื่นหลิงไม่โดดเด่นเลย ดังนั้นแม้ว่านางจะฝึกฝนอย่างตรากตรำตลอดชีวิต ก็ยากสำหรับนางที่จะได้รับความสำเร็จใดๆ หากนางต้องการเป็นยอดยุทธ์ที่แท้จริงที่มีพลังพอในการปกป้องตระกูลของตัวเอง นางก็ต้องเดินบนเส้นทางของจั้นเจิ้นซือ


มู่เฉินเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล ภาระที่เขาแบกรับไม่ได้น้อยเช่นกัน ในอนาคตเขาไม่เพียงแต่จะต้องไปเยือนตระกูลลั่วเสิน มิหนำซ้ำยังต้องไปขั้วอำนาจลึกลับที่กักตัวมารดาเขาไว้ เขาต้องการพลังที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อไปเยี่ยมเยือนสถานที่เหล่านั้น ดังนั้นเขาต้องรับทุกวิธีเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น


“ช่างกล้าหาญ”


จักรพรรดิเทียนเจิ้นยิ้มเหมือนจะพอใจกับความกล้าหาญที่ทั้งสองแสดงให้เห็น จากนั้นก็พูดต่อ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะทดสอบว่าพวกเจ้าเข้ากันได้กับศาสตร์คลื่นจิตของข้าหรือไม่”


เมื่อพูดจบเขาก็โบกมือ ลูกผลึกแสงห้าลูกพุ่งออกจากฝ่ามือ แต่ละลูกมีสีที่แตกต่างกัน ทว่าล้วนแต่มีประกายลึกลับเปล่งออกมา


สายตาของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีถูกดึงดูดเข้าหาลูกผลึกแสงแบบไม่กะพริบตา ถ้าเป็นในโลกภายนอกลูกผลึกแสงทั้งห้าคงมีมูลค่ามหาศาล จนไม่สามารถใช้ของเหลวจื้อจุนนับล้านหยดซื้อได้


“ในบรรดาลูกผลึกแสงทั้งห้านี้ มีเพียงลูกเดียวที่เป็นศาสตร์คลื่นจิตแบบสมบูรณ์ที่ข้าทิ้งไว้ สำหรับอีกสี่ลูกเป็นสิ่งที่ข้าได้รับมาโดยบังเอิญตอนยังมีชีวิตอยู่ เจ้าสองคนจะต้องเข้าหาพวกมันด้วยคลื่นจิตที่มี หากเข้ากันได้ลูกผลึกแสงก็จะเรืองแสงขึ้นมา…”


จักรพรรดิเทียนเจิ้นจ้องมองทั้งสองคนพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “แต่สุดท้ายพวกเจ้าจะได้อะไรไปก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของตนเองแล้ว…”


**สำนวน ปิดประตูเฝ้าเองแปลว่าเก็บไว้ไม่ให้ใครรู้


บทที่ 888 คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่

ลูกผลึกแสงห้าลูกลอยอยู่เบื้องหน้าทั้งสอง


แสงลึกลับเปล่งออกมา ริ้วแสงระยับกำจายไม่ได้รุนแรง ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้คนตื่นตาและหลงใหล นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้ชัดเจนเกี่ยวกับราคาของที่อยู่ในลูกผลึกแสงเหล่านั้น


แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือก็จะแย่งชิงสิ่งเหล่านี้ไปให้จงได้ แม้ไม่ง่ายที่จะสร้างจั้นเจิ้นซือ แต่อย่างน้อยสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้พวกเขามีโอกาสเลี้ยงดูจั้นเจิ้นซือได้ เมื่อไรที่สำเร็จพวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล


ดวงตาของมู่เฉินจ้องมองลูกผลึกแสงทั้งห้าพลางเลียริมฝีปาก จากนั้นเขากับจินไถหลิวหลีก็แลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ละฝ่ายเห็นความตื่นเต้นที่ยากจะห้ามไว้ในสายตาของกันและกัน


“เข้าหาพวกมันด้วยคลื่นจิตของเจ้า” จักรพรรดิเทียนเจิ้นยิ้มขณะที่พูด “คัมภีร์จิตเป็นสิ่งที่แย่งชิงไม่ได้ หากไม่สามารถเข้ากันได้ก็จะไม่สัมฤทธิ์ผล ถ้าเจ้าฝืนฝึกก็รังแต่จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ดังนั้นถ้าไม่มีโชค ครั้งนี้พวกเจ้าก็ได้แต่กลับไปมือเปล่าแล้ว”


หัวใจของมู่เฉินและจินไถหลิวหลีบีบเค้นแน่น ขณะที่พวกเขาไตร่ตรองถึงความโหดร้ายในการก้าวเป็นจั้นเจิ้นซือ ไม่ต้องพูดถึงความเสี่ยงทางด้านศาสตร์คลื่นจิตเลย มิหนำซ้ำยังต้องเข้ากันได้อีกด้วย…


แต่เห็นได้ชัดว่าทั้งสองไม่ได้มีอำนาจต่อรองอะไร จึงทำได้เพียงหายใจเข้าสุดปอดจากนั้นก็หลับตาลง หัวใจของพวกเขาสงบ คลื่นจิตที่ไร้รูปพรั่งพรูออกมา


เมื่อการมองเห็นมืดลงพร้อมกับด้วยการเคลื่อนไหวของคลื่นจิต มู่เฉินก็รับรู้ได้ถึงลูกผลึกแสงทั้งห้าที่ปรากฏเบื้องหน้า แต่ละลูกมีสีสันแตกต่างกัน แต่ทุกลูกล้วนเปล่งประกายลึกลับออกมา ท่ามกลางแสงทั้งห้าลูกที่อยู่ตรงกลางเปล่งประกายเจิดจ้าที่สุด


เห็นได้ชัดว่าลูกผลึกแสงนั้นน่าจะเป็นวิชาที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นทิ้งเอาไว้ซึ่งสมบูรณ์แบบที่สุด ในทางตรงกันข้ามอีกสี่ลูกค่อนข้างมืดทึบกว่าลูกตรงกลาง


ทว่ามู่เฉินก็ไม่แปลกใจกับสิ่งนี้ เพราะนี่สอดคล้องกับที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นบอกว่าศาสตร์คลื่นจิตที่เหลือเขาได้มาโดยบังเอิญ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นของเขา


มู่เฉินหยุดอยู่รอบนอกของลูกผลึกแสงนาน ก่อนที่จะเคลื่อนไปตรงกลาง ในเมื่อมีทักษะวิชาสมบูรณ์แบบ ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างเขาจะยอมแพ้ ยังไงก็ต้องลองดู ถ้าโชคดีเข้ากันได้ เขาก็จะจบการเดินทางนี้ด้วยการเก็บเกี่ยวเต็มรูปแบบ


คลื่นจิตของมู่เฉินกวาดเข้าหาลูกผลึกแสงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะม้วนตัวไปรอบๆ


ทว่าเมื่อคลื่นจิตเคลื่อนตัวอยู่รอบๆ ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากลูกผลึกแสง แม้ว่าประกายมันวาวจะดูสว่างขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังห่างไกลจากความเข้ากันได้


ความพยายามของมู่เฉินในการรับวิชาฝึกคลื่นจิตที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นทิ้งไว้ล้มเหลวทันที


ราวกับว่าน้ำเย็นราดรดบนหัวเขา ทำให้หัวใจเขาหนาวจับจิต แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่มั่นใจ แต่ก็ยังเสียใจกับความล้มเหลวที่เข้ากันไม่ได้


แพ้ก็คือแพ้ มู่เฉินไม่ใช่คนที่ปล่อยวางไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มขมขื่นถอนตัวออก ในเมื่อเข้ากันไม่ได้กับคัมภีร์จิตที่จักรพรรดิเทียนเจิ้นสร้างขึ้น เขาก็ลองกับลูกอื่นละกัน


ขณะที่คลื่นจิตของมู่เฉินถอยออก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีคลื่นจิตอีกสายเคลื่อนเข้ามาใกล้ เห็นชัดว่าเป็นของจินไถหลิวหลี นางรู้สึกถึงความสำคัญของลูกผลึกแสงลูกนี้เช่นกัน


คลื่นจิตของมู่เฉินสัมผัสได้ถึงคลื่นจิตของจินไถหลิวหลีที่ม้วนตัวรอบลูกผลึกแสงเย็น


ฮึ่ม! ฮึ่ม!


แต่เพียงแค่คลื่นจิตของจินไถหลิวหลีห้อมล้อมรอบลูกผลึกแสง มู่เฉินก็เห็นแสงระเบิดออกมารุนแรงในทันที ลูกผลึกแสงที่ไม่แสดงปฏิกิริยาต่อคลื่นจิตของมู่เฉิน กลับเปลี่ยนเป็นดวงอาทิตย์ลูกย่อมเปล่งประกายระยิบระยับ


มู่เฉินพูดไม่ออกกับภาพเบื้องหน้า ต่อให้เขาเป็นคนไม่ยึดติดกับอะไรมาก แต่ตอนนี้ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ไอ้ลูกผลึกแสงนั่นไม่ตอบสนองต่อเขา ทว่ากลับตอบสนองอย่างรุนแรงต่อจินไถหลิวหลี มันชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายรึไง?


เมื่อลูกผลึกแสงเปล่งประกายแวววาว จินไถหลิวหลีก็มีอาการตื่นเต้นมากจนไม่สามารถรักษาความสงบนิ่งของตนได้อีก นางเบิกตากว้างมองไปที่ลูกผลึกแสงด้วยดวงตางดงาม


“ขะ…ข้าทำสำเร็จเหรอ?” จินไถหลิวหลีพึมพำขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง นั่นเป็นการแสดงออกของความตื่นเต้นมาก ความสามารถด้านขุมพลังหลิงของนางไม่สูงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะทรัพยากรมหาศาลของหมู่ตึกเทวะ นางคงไม่สามารถบรรลุระดับจื้อจุนขั้นสี่ได้ ดังนั้นนางจึงตระหนักได้ว่าเส้นทางขุมพลังหลิงไม่เหมาะที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง การเป็นจั้นเจิ้นซือต่างหากที่จะทำให้นางเป็นหนึ่ง


นางไม่อาจจินตนาการเลยว่าจะสิ้นหวังเพียงใดหากเส้นทางสุดท้ายนี้ถูกสกัดไว้ หมู่ตึกเทวะทำลายตระกูลของนาง บังคับให้นางเข้าร่วมสำนัก เพราะพวกเขาเห็นพรสวรรค์รัศมีจั้นยี่ที่นางมี แต่ถ้านางไม่สามารถเป็นจั้นเจิ้นซือได้ หมู่ตึกเทวะก็คงจะไม่เหลียวแลนางอีกเลย เวลานั้นนางและครอบครัวที่เหลือก็จะตกอยู่ในอันตราย


แต่โชคดีที่สวรรค์ไม่ได้ปิดประตูทุกบาน เส้นทางสุดท้ายของนางในที่สุดก็ต้อนรับด้วยอ้อมแขนที่อ้ากว้าง


มู่เฉินลืมตาขึ้นมามองจินไถหลิวหลีที่สองตาแดงก่ำจากความตื่นเต้น เขาอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะเงียบลง ดูเหมือนว่านางมีอดีตขมขื่นมากมาย


เห็นได้ชัดว่านางต้องการทักษะวิชานี้มากกว่าเขา


ขณะที่คิดได้ร่องรอยความเสียดายในใจของมู่เฉินก็หายไป แม้ว่าการเป็นจั้นเจิ้นซือจะยอดเยี่ยม ทว่าก็ไม่ใช่หนทางเดียวของมู่เฉิน นี่ทำให้เขามีไพ่ตายเพิ่มขึ้นในแขนเสื้อเท่านั้น


ดังนั้นแม้จะไม่สามารถเป็นจั้นเจิ้นซือได้ คนอย่างมู่เฉินก็ไม่สิ้นหวัง นอกจากนี้ถึงวิชาศาสตร์คลื่นจิตของจักรพรรดิเทียนเจิ้นจะไม่เหมาะสำหรับเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าวิชาอื่นจะไม่เหมาะกับเขา มหาพันภพกว้างใหญ่ไพศาล แม้วิชาศาสตร์คลื่นจิตจะหายาก แต่ชัดว่าไม่ได้มีแค่ของจักรพรรดิเทียนเจิ้น


“ดูเหมือนว่าเจ้ากับข้าจะมีโชคชะตาต่อกันจริงๆ” จักรพรรดิเทียนเจิ้นยิ้มมองจินไถหลิวหลี สายตาของเขาก็อ่อนโยนยิ่งขึ้น


“ขอบคุณผู้อาวุโส!” จินไถหลิวหลีพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ


จักรพรรดิเทียนเจิ้นสะบัดมือ ลูกผลึกแสงก็ลอยออกมา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นริ้วแสงพุ่งเข้าไปที่หว่างคิ้วของ จินไถหลิวหลีและหายไปอย่างรวดเร็ว


เมื่อลูกผลึกแสงฝังลึกลงไปในหว่างคิ้ว ร่างจินไถหลิวหลีก็กระตุก คิ้วมุ่นเข้าหากัน เห็นได้ชัดว่านางได้รับข้อมูลขึ้นในหัวสมองขณะนี้


“ข้าได้ผนึกวิชาไว้ในหัวสมองของเจ้าแล้ว เจ้าสามารถเรียกขึ้นมาดูได้ตลอดเวลาที่ต้องการ มีประสบการณ์มากมายของข้าถูกเก็บไว้ในนั้นเจ้าสามารถเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้เอง ข้าไม่สามารถตามสอนเจ้าได้ ดังนั้นเส้นทางในอนาคตเจ้าต้องเดินไปด้วยตนเอง” จักรพรรดิเทียนเจิ้นกล่าวเสียงนุ่ม


จินไถหลิวหลีประสานมือคำนับ “ขอบพระคุณท่านอาจารย์”


นางเปลี่ยนการเรียกขานจักรพรรดิเทียนเจิ้นอย่างชาญฉลาด จากมุมหนึ่งนางที่ได้รับมรดกของเขาก็ถือเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิเทียนเจิ้นจริงๆ


“ฮ่าๆๆๆ” เมื่อได้ยินคำเรียกขานนี่ จักรพรรดิเทียนเจิ้นก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้ขณะที่พยักหน้า “ดีๆ ไม่คิดว่าข้าจะได้ผู้สืบทอดก่อนลาลับด้วย หวังว่าทักษะของข้าจะเบ่งบานในมือของเจ้านะ”


จินไถหลิวหลีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นนางก็มองไปที่มู่เฉินอย่างอึดอัด นั่นเป็นเพราะตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่มีอะไรในมือเลย


จักรพรรดิเทียนเจิ้นมองไปที่มู่เฉินครุ่นคิดสั้นๆ “ยังมีลูกผลึกแสงสี่ลูกนะ ทำไมเจ้าไม่ลองดูว่าจะเข้ากันได้ไหม? สิ่งเหล่านี้ข้าได้รับมาระหว่างตอนมีชีวิตอายุ อย่าคิดว่าข้าแค่หยิบมาส่งๆ วิชาที่อยู่ในลูกผลึกแสงทั้งสี่นี้ล้วนมีชื่อลือลั่นใต้หล้า หากไม่ใช่เพราะได้รับความเสียหาย พวกมันมีคุณค่าเหนือล้ำกว่าวิชาที่ข้าทิ้งเอาไว้อีก”


เมื่อได้ยินคำพูดนั่น มู่เฉินก็อึ้งไป เขามองลูกผลึกแสงทั้งสี่ด้วยความประหลาดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าพวกมันเป็นแค่วิชาธรรมดาทั่วไป ไม่คิดว่าจะมีต้นกำเนิดเช่นนั้น


“เสียหายและไม่สมบูรณ์รึ?”


สายตาของมู่เฉินวูบไหวจากนั้นก็คลี่ยิ้ม ระหว่างทางมาที่นี่เขาได้รับสิ่งที่ไม่สมบูรณ์มาหลายอย่าง กระทั่งร่างเทพสุริยะที่เขาได้รับการถ่ายทอดก็เป็นเพียงร่างต้นของร่างมหาเทพนิรันดร์ ดังนั้นเขาจึงสนใจในสิ่งที่ไม่สมบูรณ์มากกว่าด้วยซ้ำ


“งั้นข้าจะลองใหม่” มู่เฉินควบคุมคลื่นจิตและหลับตาลงอีกครั้ง คลื่นจิตของเขากวาดออกไปวูบไหวบนพื้นผิวลูกผลึกแสงทั้งสี่


จินไถหลิวหลีและจักรพรรดิเทียนเจิ้นจ้องมองไปที่มู่เฉิน พวกเขาสัมผัสได้ว่าคลื่นจิตของชายหนุ่มห่อหุ้มลูกผลึกแสงทั้งหมดและรอคอย แต่ไม่ถึงนาทีม่านตาของพวกเขาก็แข็งค้าง นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นแสงพร่างพราวออกมาจากลูกผลึกแสงที่อยู่ทางด้านซ้ายสุด


ลูกผลึกแสงลูกนี้มีสีดำ ทว่าภายในเหมือนจะมีประกายสายฟ้าแล่นแปลบปลาบ เสียงฟ้าร้องดังคลุมเครือออกมา


เมื่อจักรพรรดิเทียนเจิ้นเห็นมู่เฉินมีความเข้ากันสูงขนาดนี้กับลูกผลึกแสงลูกนี้ ดวงตาก็วูบไหว ส่วนลึกปรากฏแววตกใจและประหลาดใจ


มู่เฉินลืมตาขึ้น มองลูกผลึกแสงด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาโบกมือลูกผลึกแสงก็บินเข้ามาร่อนลงในมือเขา


มู่เฉินลังเลสั้นๆ ก่อนจะกำลูกผลึกแสง เกลียวแสงเคลื่อนเข้ามา ร่างเขาก็สั่นเบาๆ ราวกับว่ามีบางสิ่งเข้ามาในหัวสมองพร้อมกับเสียงสายฟ้าฟาด


เสียงกัมปนาทสะท้อนไปทั่ว ลำแสงก่อตัวเป็นอักขระโบราณปรากฏในหัวสมองของมู่เฉิน


คัมภีร์จิตจิ่วเจี๋ยเหลยหยู่!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)