หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 849-854

 บทที่ 849 ต่างเผยความสามารถ

ภายใต้สายตาแผดเผาของผู้คน


การโจมตีน่าสะพรึงกลัวสองสายก็ปะทะกันอย่างดุเดือดราวกับอุกกาบาตชนกัน


เปรี้ยง!


ทันทีที่ปะทะกัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็เกิดขึ้น พายุคลื่นหลิงป่าเถื่อนก่อตัวตามมา จากนั้นด้วยปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว พายุคลื่นหลิงก็ตีวงรัศมีถึงหนึ่งพันลี้เลยทีเดียว


ภูเขาโดนกดจนเป็นที่ราบจากพายุที่ซัดกระหน่ำ หินน้อยใหญ่กลายเป็นฝุ่นผง รอยแตกขนาดใหญ่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นบนพื้น…


เผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็อดมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรงไม่ได้ นั่นเพราะพวกเขารู้ดีว่าหากเป็นพวกเขา ต่อให้ทุ่มสุดแรงก็ยากที่จะทำได้ระดับนี้


แต่ตอนนี้สิ่งนี้กลับปรากฏขึ้นในการดวลกันระหว่างมู่เฉินและฟังยี่


พวกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับฟังยี่ แต่ที่เกินความคาดหมายคือมู่เฉินสามารถสู้ถึงระดับนี้ได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เท่านั้น…


จอมยุทธ์หลายคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างเห็นร่องรอยความเคร่งเครียดฉาบบนนัยน์ตากันและกัน มู่เฉินไม่ได้โอ้อวดความสามารถที่กล้ารับคำท้าของฟังยี่ ตัวเขามีทักษะที่ทรงพลังจริงๆ


วันนี้ศึกระหว่างม้ามืดและเจ้าบันทึกจะต้องน่าตื่นตายิ่งกว่าอะไร


ขณะที่จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมีความคิดนี้กวาดข้ามในใจไป ลำแสงสองสายก็ปะทะกันบนเส้นขอบฟ้า กัดเซาะอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน ฉากนี้เกิดจากตราประทับเคลื่อนฟ้าของฟังยี่กับง้าวเทพมังกรคชสารของมู่เฉิน…


ลำแสงสองสายชัดว่าต่างเร้าคลื่นหลิงออกมาเต็มที่ แต่ตอนนี้กลับตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเกร็ง ไม่มีใครสามารถทำลายอีกฝ่ายได้


วิชาเก้ามังกรคชสารของมู่เฉินไม่ด้อยกว่าคัมภีร์เทพโจวเทียนของฟังยี่!


ที่เบื้องหลังการกวนตัวรุนแรงของคลื่นหลิง ฟังยี่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ความโกรธเกรี้ยววูบไหวในส่วนลึกของดวงตา เห็นได้ชัดว่าภาพเบื้องหน้าเกินความคาดหมายของเขาไปไกล


เขาบอกได้เลยวิชาเก้ามังกรคชสารของมู่เฉินน่าจะเป็นกระบวนท่าเสินซู่ขั้นเกือบจะยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ในแง่ของระดับไม่ได้แตกต่างกับตราประทับเคลื่อนฟ้าเลย แต่ว่าขุมพลังของเขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดนะ!


เขามีขุมพลังเหนือกว่ามู่เฉินนะ พูดโดยทั่วไป พลังอำนาจของวิชาที่อยู่ในระดับเดียวกันจะตัดสินจากคลื่นหลิงของผู้ฝึก ดังนั้นโดยทั่วไปเขาควรจะประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในการปะทะกันกระบวนท่านี้ แต่ผลลัพธ์กลับเกินความคาดหมายของเขา


“แม้คลื่นหลิงของมันจะด้อยกว่าข้า แต่มันสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีพลังสูญเสียแม้แต่น้อยในการหมุนเวียนคลื่นหลิง…”


สายตาฟังยี่วูบไหว ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูง ดังนั้นหลังจากปะทะกันกระบวนท่าแรก เขาก็ค่อยๆ ตระหนักถึงเหตุผลที่มู่เฉินสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกับเขาได้ นอกจากนี้การค้นพบนี้ก็ทำให้ฟังยี่ตกใจมาก นั่นเป็นเพราะยากสำหรับเขาที่จะเชื่อว่ามู่เฉินสามารถควบคุมคลื่นหลิงได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่และบรรลุผลโดยไม่สูญเสียอะไรโดยเปล่าประโยชน์


นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่เขาก็ทำไม่ได้!


“หืม?”


ขณะที่ฟังยี่กำลังคิดถึงวิธีเอาชนะมู่เฉิน ทันใดนั้นสายตาก็ต้องหดเกร็งรีบเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือบริเวณที่ลำแสงสองสายปะทะกัน จู่ๆ ง้าวเทพมังกรคชสารก็ระเบิดคลื่นหลิงที่รุนแรงออกมา


ยามนี้มู่เฉินเร้าง้าวเทพมังกรคชสารจนระเบิดออกแล้ว!


ตู้ม!


เมื่อง้าวเทพระเบิดออก ท้องฟ้าที่สว่างจ้าแต่เดิมก็มืดลง นั่นเป็นเพราะจุดที่ระเบิดเกิดแสงแพรวพราวที่ยับยั้งแสงตะวันและส่องสว่างไปทั่วแทน


พร้อมกับการเกิดระเบิดของแสงพร่างพราว คลื่นกระแทกของคลื่นหลิงหมื่นจั้งก็กวาดออกไป มิติโดยรอบรัศมีหลายพันจั้งก็เกิดรอยแตกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


ตราประทับเคลื่อนฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นกัน


เหล่าจอมยุทธ์มีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ละคนถอยหนีกันจ้าละหวั่น ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี้


สายตาของฟังยี่เย็นชาลง ร่างเขาเปลี่ยนเป็นเงามายาแล้วพุ่งถอยขณะที่หลบคลื่นกระแทกที่แพร่กระจายออกไป ส่วนสายตาเย็นชายังจดจ่ออยู่บนมิติที่โดนผลกระทบจากคลื่นหลิง


มู่เฉินน่าจะอยู่ในจุดนั้น ด้วยความเร็วและการระเบิดของหอกเทพมังกรคชสารระยะประชิด เขาไม่น่าจะหลีกเลี่ยงคลื่นกระแทกได้


ฮึ่ม!


แต่ขณะที่ฟังยี่เกิดความคิดนี้ขึ้นในใจ สีหน้าก็เปลี่ยนไปรุนแรง เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามิติที่เบื้องหลังตนเองกำลังฉีกออกจากกัน ร่างแสงร่างหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับปีกหงส์ฟ้าขนาดใหญ่ที่กางออกปิดบังดวงอาทิตย์เอาไว้


ตึง!


เมื่อร่างนั้นเผยออกมา เขาก็เหวี่ยงหมัด ลวดลายมังกรแท้จริงมองเห็นได้เลือนรางบนกำปั้น พลังหมัดนั้นทำให้รอยแตกร้าวปรากฏในมิติเลยทีเดียว


เผชิญหน้ากับพลังทรงศักยภาพ แม้แต่หัวใจของฟังยี่ก็ยังเต้นไม่เป็นส่ำ ทว่าเขาก็ไม่ใช่พวกเบาปัญญาเช่นกัน เขากำมือคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือราวกับคลื่นยักษ์


“โล่เคลื่อนฟ้า”


คลื่นหลิงกวาดออกก่อร่างเป็นโล่โบราณเบื้องหน้าฟังยี่อย่างรวดเร็ว โดยมีแผนภาพดวงดาวสลับซับซ้อนกะพริบวูบไหวอยู่บนพื้นผิวของโล่ ให้ความรู้สึกทนทานไม่สามารถทำลายได้


ตึง!


หมัดของมู่เฉินซึ่งอัดแน่นด้วยคลื่นหลิงของมังกรแท้จริงก็ชกลงบนโล่ ทำให้เกิดระลอกคลื่นแผ่ออกไป โล่โยกคลอนสุดแรงก่อนจะพังทลายลง


ทว่าฟังยี่ก็ดึงสติกลับมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ใบหน้าเขามืดครึ้มลง เห็นได้ชัดเขาไม่คิดว่ามู่เฉินไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบจากคลื่นกระแทก แต่ยังสามารถปรากฏตัวที่เบื้องหลังเขาอย่างลึกลับ ถ้าเขาไม่ได้ระมัดระวังตลอดเวลา เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากน้ำมือมู่เฉินไปแล้ว


“ในเมื่อแกกล้าลอบกัด ก็อย่าคิดจะได้จากไป!”


ฟังยี่เค้นเสียงเย็นชาในลำคอ ขณะที่คลื่นหลิงของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดถูกเร้าออกมาเต็มที่ แสงสีทองพลุ่งพล่านบนร่างกาย พร้อมกับคลื่นเสียงมังกรคำรามป่าเถื่อน


ฟังยี่ใช้กายามังกรแท้จริงที่ได้รับจากมิติหลงเฟิ่งแล้ว!


แม้ว่ากายามังกรแท้จริงจะด้อยกว่ากายามังกรหงส์ แต่ก็เสริมความแข็งแกร่งได้มากเช่นกัน เมื่อบวกกับพลังทรงประสิทธิภาพของฟังยี่ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า คงแทบไม่มีจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันสามารถต่อกรกับเขาได้


ปัง! ปัง!


ร่างของฟังยี่ยิงออกมาราวกับสายฟ้าฟาด หมัดซัดออกไปราวกับมังกร ทุกหมัดทำให้เกิดรอยแตกบนมิติ ชุดหมัดนี้ประหนึ่งพายุฝนฟ้าคะนอง ปิดทางหนีทีไล่มู่เฉินเอาไว้ทุกทิศทาง


ฟังยี่ก็มีความเชี่ยวชาญสูงในด้านปะทะด้วยพลังกายเช่นกัน!


ภายใต้การโจมตีนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดก็ตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบได้


ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดลงหลายส่วน เนื่องจากฟังยี่รับมือยากกว่าที่คิด การจู่โจมกะทันหันในกระบวนท่าเมื่อครู่ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ผลลัพธ์ กลับยังทำให้ฟังยี่ใช้ประโยชน์เข้าสู้กันในระยะประชิดตัวได้ โดยเร้าพลังของระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดเพื่อสยบเขา


ดวงตาของมู่เฉินวาบแสง เนื่องจากเขาเข้าสู่สภาวะฤทัยปีศาจดำขั้นต้น ใบหน้าของเขาจึงยังคงสงบอยู่ได้จากนั้นเขาก็กระโจนตัวออกไปภายใต้เสียงอุทานนับไม่ถ้วน


แสงสีทองเข้มแล่นเปรียะออกมาจากร่างของมู่เฉิน วิญญาณมังกรแท้จริงแหวกว่าย ส่วนที่แผ่นหลังวิญญาณหงส์ฟ้าแท้จริงก็กลายเป็นปีกคู่ขนาดใหญ่ เกิดมวลลมคลั่งเมื่อเริ่มกระพือ


ยามนี้มู่เฉินเร้ากายามังกรหงส์จนถึงขีดสุดแล้ว เมื่อผสานกับเพลิงอมตะและสายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยสภาวะฤทัยปีศาจขั้นต้น


ด้วยทักษะทั้งหมด หมัดของมู่เฉินก็นำพาพายุไร้ขอบเขตปะทะกับฟังยี่อย่างดุเดือด


ตึง! ตึง! ตึง!


ทั้งสองซัดกันราวกับมังกรร้าย เสียงหมัดฟังดูราวกับเสียงฟ้าคำรน การปะทะกันทุกครั้งทำให้ระลอกมิติกระเพื่อมไหวพร้อมกับลมหมุนคลื่นหลิงน่ากลัวก่อหายนะ


เบื้องล่างสมรภูมิ เหล่าจอมยุทธ์ฉายแววตาตกตะลึง ขณะที่พวกเขามองจอมยุทธ์ทั้งสองฟัดกันไม่ยั้งบนท้องฟ้า


“ไอ้หนูนั่นต่อกรกับฟังยี่ได้ถึงระดับนี้เชียวเหรอ” ใบหน้าของสูป้ามืดครึ้มลง ขณะที่จ้องมองการดวลเดือดบนท้องฟ้า ด้วยสายตาเขาสามารถบอกได้เลยว่าแม้ฟังยี่จะได้เปรียบเล็กน้อยในการต่อสู้ แต่ก็ไม่มากพอจะพลิกสถานการณ์ให้ชนะได้


ความยากในการจัดการกับมู่เฉินเหนือความคาดหมายจริงๆ


ทว่าสูป้าก็ไม่ได้กังวลมากนักเนื่องจากรู้ว่าฟังยี่ทรงพลังเพียงใด ตอนนี้มู่เฉินตกอยู่ในกระบวนการโจมตีของฟังยี่แล้ว หากการดวลยืดเยื้อออกไป มู่เฉินก็จะเผยช่องโหว่ขึ้นมาแน่นอน


ส่วนจอมยุทธ์ที่มีสายตาแหลมคมอย่างสูป้าก็คือจิ่วโยวและเสี่ยยิง ตอนนี้ทั้งสองกำลังขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขากังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน


“ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ยังกล้ามาปะทะซึ่งหน้ากับข้า ช่างไม่รู้จักประมาณตน!”


สองกระบวนท่าปะทะเดือดอีกครั้ง ดวงตาของฟังยี่เปลี่ยนเป็นคมปลาบ เสียงเยือกเย็นเปล่งออกมาขณะที่ฝ่ามือเหวี่ยงออกไปสุดแรงพร้อมกับคลื่นหลิงเชี่ยวกรากต่อยเข้าที่แขนของมู่เฉินซึ่งไขว้กันราวกับสายฟ้าฟาด


ปัง!


มิติสั่นไหว ร่างมู่เฉินก็พุ่งออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ มีหยดเลือดไหลลงมาที่มุมปาก เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือของฟังยี่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ


โห้!


เสียงอื้ออึงดังขึ้นไปทั่วบริเวณ ดูท่ามู่เฉินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟังยี่ในการปะทะกันซึ่งหน้า


ภายใต้แววตาเสียดายมากมาย ร่างมู่เฉินก็ถอยออกมา จังหวะนั้นดวงตาคมกริบราวกับนกอินทรีก็ส่องประกายวูบไหว


ที่เบื้องล่างม่านตาของสูป้า จิ่วโยวและเสี่ยยิงก็หดเกร็งกะทันหัน


นั่นเพราะเวลานี้มีแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากด้านหลังมู่เฉินที่กำลังถลาออกไป ภายใต้แสงระยิบระยับดอกไม้ขนาดใหญ่และน่าหลงใหลก็ปรากฏอย่างเลือนราง


ใบหน้าของฟังยี่เปลี่ยนไปรุนแรง นั่นเพราะเขารู้สึกถึงแรงกระเพื่อมอันตรายขีดสุดที่มาจากดอกไม้ลึกลับและน่าหลงใหลนั่น!


บทที่ 850 ร่างแสงดาวปฐมกาล

บนขอบฟ้า


ร่างมู่เฉินพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ ขณะที่แสงสีม่วงพวยพุ่งออกมาจากด้านหลัง ก่อตัวเป็นดอกไม้ที่น่าหลงใหลและลึกลับ


ดอกไม้ค่อยๆ คลี่บานพร้อมกับลวดลายโบราณปกคลุมไปทั่วกลีบดอก ขณะที่ดอกไม้พลิ้วไหว กระทั่งท้องฟ้าก็ดูเหมือนมืดลง พลังลึกลับแผ่ออกมาเงียบๆ


ทุกคนรู้สึกถึงคลื่นอันตรายหนาแน่นในเวลานี้ พวกเขามองไปที่ดอกไม้ลึกลับน่าหลงใหลที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินด้วยแววตาตกตะลึง


“ทำไมไอ้เวรนี่ถึงมีทักษะมากขนาดนี้?!” ใบหน้าสูป้าเขียวคล้ำขณะที่มองภาพนี้ สายตาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอย่างยิ่ง นั่นเพราะเขาสามารถบอกได้ว่าทักษะที่มู่เฉินใช้ครั้งนี้ทรงพลังยิ่งกว่าวิชาเก้ามังกรคชสารที่ใช้มาก่อนหน้าเสียอีก!


วิชาเก้ามังกรคชสารก็เป็นกระบวนท่าระดับเสินซู่ขั้นเกือบเต็มแล้ว แบบนี้ไม่ได้หมายความมู่เฉินมีกระบวนท่าเสินซู่ขั้นเต็มอยู่กับตัวหรอกหรือ?!


ความจริงข้อนี้ทำให้สูป้าหนังตากระตุกไม่หยุด นั่นเพราะเขารู้ดีว่าวิชาระดับนี้ล้ำค่าและหายากมากแค่ไหน แม้แต่ในหมู่ตึกเทวะก็ยังเป็นวิชาชั้นยอดที่กระทั่งคนอย่างเขายังเข้าถึงได้ยาก


ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือกระบวนท่าระดับเสินซู่ขั้นเต็มใช่ว่าได้รับมาแล้วจะประสบผลสำเร็จในการฝึกฝน นั่นเพราะมันมีเงื่อนไขเข้มงวดมากสำหรับผู้ฝึก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝนได้สำเร็จ


ดังนั้นเมื่อสูป้าเห็นมู่เฉินมีวิชาล้ำค่าในระดับเสินซู่ขั้นเต็มและยังสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ กระทั่งคนอย่างเขายังอดรู้สึกไม่ได้ที่จะอิจฉาในหัวใจ


ขณะที่ทุกสายตาพุ่งไปยังดอกไม้ลึกลับที่อยู่เบื้องหลังมู่เฉินด้วยอาการตกใจ มู่เฉินกลับเลียคราบเลือดที่มุมปาก ม่านตาสีดำลึกล้ำที่ไม่มีริ้วอารมณ์ใดๆ จ้องตรงไปที่ฟังยี่ที่มีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไปรุนแรง


มู่เฉินไม่ลังเลขณะประสานมือกันเข้าด้วยกัน ดอกแมนดาลาด้านหลังก็เบ่งบาน เกสรดอกไม้เล็งไปที่ฟังยี่


วาบ!


ใบหน้าของฟังยี่เขียวคล้ำ เขาส่งแรงถอยกลับไปอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพมายาบนท้องฟ้า เขาสัมผัสได้ว่ากระบวนท่านี้ของมู่เฉินทรงพลังปานใด เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ แม้แต่คนอย่างเขายังต้องเลือกที่จะหลบไปก่อน


ฟังยี่เคยได้เห็นการโจมตีลึกลับนี้ของมู่เฉินในเขตหลงเฟิ่งมาก่อน ตอนนั้นท่าไม้ตายของโยวหมิงก็ถูกต้านไว้ด้วยกระบวนท่านี้ของมู่เฉิน ดังนั้นฟังยี่จึงรู้ซึ้งถึงพลังดี


นอกจากนี้มู่เฉินยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่สู้กับโยวหมิง ดังนั้นกระบวนท่าเดียวกันจึงทรงประสิทธิภาพมากกว่าเดิมหลายเท่า


ฮึ่ม! ฮึ่ม!


มู่เฉินมองไปที่ฟังยี่ที่ถอยห่างอย่างไม่แยแส จากนั้นก็หลับตาลงช้าๆ ระลอกเสียงเยือกเย็นกระเพื่อมภายในใจซึ่งอัดแน่นด้วยจิตสังหาร


“แสงบุปผาทำลายฟ้า!”


มู่เฉินเหยียดนิ้วออกกดลงบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ จังหวะนั้นมิติที่เบื้องล่างปลายนิ้วก็แตกออกเป็นเสี่ยงราวกับกระจก รอยแตกพล่านออกมา


ปัง!


ดอกแมนดาลาที่อยู่ด้านหลังก็เบ่งบานอย่างสมบูรณ์ วินาทีต่อมาเกสรดอกไม้สั่นไหวพร้อมกับแสงสีม่วงเข้มยิงออกมา


เมื่อแสงสีม่วงเข้มพุ่งผ่านขอบฟ้า ทั่วบริเวณก็มืดลง ราวกับแสงธรรมชาติถูกกลืนกินโดยแสงสีม่วง ช่างเป็นฉากที่ประหลาดนัก


ความเร็วของแสงสีม่วงไม่สามารถพรรณนาได้ ดูราวกับงูเลื้อยที่ทำให้มิติแตกออกในเส้นทางผ่าน ระยะทางราวกับถูกมันมองข้าม


แค่พริบตาเดียวแสงทำลายล้างก็มาถึงที่เบื้องหน้าฟังยี่


ใบหน้าฟังยี่เคร่งเครียดลง เขาสูดหายใจเข้าลึก ฝ่ามือวาดตราประทับวูบไหว คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดออก ก่อร่างเป็นภาพดวงดาวขนาดพันจั้งที่เบื้องหน้า


“ภาพดาวเคลื่อนฟ้า!”


แผนภาพดวงดาวกระจายออก ช่างลึกซึ้งและลึกลับมาก เกิดการไหลเวียนของคลื่นหลิงทรงพลัง


ตู้ม!


แสงสีม่วงพุ่งออกอย่างไม่ลังเล กระแทกเข้ากับแผนภาพดวงดาวภายใต้สายตาตื่นตะลึงนับไม่ถ้วน


แคร็ก!


ทันทีที่ปะทะกัน ก็เกิดรอยแตกบนภาพดวงดาวที่ทรงพลัง รอยแตกกระจายออกไปด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ครอบคลุมทั้งแผนภาพในเวลาไม่กี่อึดใจ


บึ้ม!


ขณะที่รอยแตกกระจายออกไปถึงขีดสุด แผนภาพดวงดาวก็สลายแล้วร่วงกราวกลายเป็นประกายแสงพร่างพราย ฉากนี้งดงามตระการตามาก


ฟิ้ว!


ลำแสงทำลายล้างทะลุผ่านจุดแสงทั่วฟ้าอย่างไม่ลดกำลัง ซัดเข้าที่ร่างเลือนรางที่ซ่อนอยู่ในนั้น ทันใดนั้นท้องฟ้าแถบนั้นก็ราวกับพังทลายลง


จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนท่าทางเปลี่ยนไปรุนแรง เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ แม้แต่ฟังยี่ที่อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุด ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน


“น่าเกรงขามจริง” ในหุบเขาใบหน้าของหวูเทียนอยู่ในอาการตกตะลึงกับฉากนี้ สายตาหันมองร่างที่มีผมยาวเหยียดสีดำด้วยความยากลำบาก แม้เขาจะเคยเห็นว่ามู่เฉินทรงพลังเพียงใดในพิธีมอบยศราชัน แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามู่เฉินจะสามารถบีบจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดมาอยู่ในจุดนี้ได้


ต้องรู้ว่าเมื่อปีก่อนตอนที่มู่เฉินเพิ่งเข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาเป็นเพียงไอ้หนูน้อยที่เพิ่งบรรลุระดับจื้อจุน แต่ตอนนี้เขาไม่มีความกลัวแม้จะต้องประจันหน้ากับเจ้าบันทึกจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ


พัฒนาการของเขาทำให้แม้แต่คนที่ภาคภูมิใจในตนเองอย่างหวูเทียนก็พูดไม่ออก


ทุกสายตายามนี้รวมกันอยู่บนท้องฟ้าที่ประกายแสงพร่างพราว


จิ่วโยว สูป้าและเสี่ยยิงก็ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาเฉียบคมกำลังจ้องมองไปที่คลื่นหลิงที่ผันผวนรุนแรง


มู่เฉินยืนบนท้องฟ้า ปาดเลือดที่มุมปากออก ม่านตาสีดำจับจ้องไปที่แสงพราวระยับ เหมือนจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มาจากจุดนั้น ราวกับว่าคนที่อยู่ข้างในอันตรธานหายไป


ฟังยี่ถูกฆ่าไปแล้วเหรอ?


มู่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าอึดใจต่อมาม่านตาก็หดเกร็ง


ปัง!


จังหวะเดียวกันนั้นประกายแสงในอีกมุมหนึ่งบนท้องฟ้าก็ระเบิดออก แสงผันผวนบ้าคลั่ง ร่างใหญ่ร่างหนึ่งทะยานออกมาปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉิน ฝ่ามือขนาดใหญ่ราวภูเขาฟาดลงมาใส่อย่างจัง


การโจมตีเกิดขึ้นกะทันหัน กระทั่งมู่เฉินที่อยู่ในสภาวะฤทัยปีศาจ ก็ยังไม่ทันตั้งตัว ทว่าก่อนที่ฝ่ามือจะซัดใส่ร่าง ร่างเขาก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เกราะมังกรหงส์ถูกเรียกออกมา


เคร้ง!


ฝ่ามือกระแทกลงมาราวกับภูเขา ทำให้มิติกระเพื่อม แรงอันไร้ปรานีกระแทกใส่มู่เฉิน ทันใดนั้นเสียงปะทะของโลหะก็ดังขึ้น ร่างของมู่เฉินดิ่งพสุธาลงมาบนยอดเขาจนวินาศสันตะโร รอยแตกกระจายอย่างรวดเร็วบนพื้นดิน


การพลิกผันฉับพลัน ทำให้ทุกคนตกใจไป จนมู่เฉินตกลงมาบนพื้นแล้ว พวกเขาถึงได้สติกลับมา แล้วรีบเงยหน้าขึ้นมอง บนท้องฟ้ามีร่างใหญ่โตแผ่แรงกดดันของคลื่นหลิงที่น่าอัศจรรย์


ร่างนั้นมีขนาดพันจั้งโดยมีภาพสลักดวงดาวนับไม่ถ้วนบนพื้นผิว กลุ่มดาวเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ราวกับกลายเป็นแผนภาพดวงดาวที่ลึกซึ้ง


แต่ขณะนี้แขนซ้ายของร่างนั้นถูกทำลาย ทำให้กลายเป็นยักษ์แขนเดียว!


“นั่นคือ?!”


สายตามากมายจ้องมองไปที่ยักษ์แขนเดียว จากนั้นเสียงอุทานก็ดังก้องออกไป “นั่นมันร่างแสงดาวปฐมกาล?”


“ร่างแสงดาวปฐมกาลอันดับหกสิบห้าของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง?!”


“ใช่ ว่ากันว่าร่างแสงดาวปฐมกาลนี้เป็นร่างเทห์สวรรค์ชั้นยอดของหมู่ตึกเทวะ ไม่คิดว่าฟังยี่จะฝึกฝนได้สำเร็จ แต่ปกติน้อยคนมากที่บีบให้เขาต้องงัดร่างเทห์สวรรค์นี้ออกมา”


“อันดับหกสิบห้า ร่างเทห์สวรรค์นี้ทรงพลังมาก ว่ากันว่าเมื่อฝึกจนถึงขั้นสูงสุด ก็สามารถเปลี่ยนร่างให้กลายเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ภายใต้แสงดาวร่างแสงดาวปฐมกาลก็จะอยู่ยงคงกระพัน”


“อืม ไม่แปลกใจเลยที่สามารถต้านกระบวนท่าก่อนหน้าของมู่เฉินได้ ที่แท้ฟังยี่ก็งัดไม้เด็ดออกมาแล้วนี่เอง”


“…”


ภายใต้ความโกลาหล ร่างของฟังยี่ก็ปรากฏบนหัวของร่างใหญ่โตในพริบตา ใบหน้าเขาซีดลงหลายส่วน เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บจากกระบวนท่าเมื่อครู่ของมู่เฉินด้วยเช่นกัน


มันหนักหนาจนแม้แต่เร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาแล้วยังต้องจ่ายราคาด้วยแขนข้างหนึ่งที่ถูกทำลาย ซึ่งทำให้พลังอำนาจของร่างแสงดาวปฐมกาลอ่อนแอลงจากเดิม


สายตามืดครึ้มของฟังยี่มองลงไปบนพื้นดินที่ยุบตัว เขารู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าของคลื่นหลิงในร่างกาย แม้เขาจะไม่เคยประเมินมู่เฉินต่ำ แต่ก็เกินความคาดหมายที่ตัวเองถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์นี้สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้


“สามารถบีบข้าให้มาถึงจุดนี้ได้ อันดับสามในบันทึกมังกรหงส์เจ้าก็สมควรได้รับแล้ว”


เสียงของฟังยี่เย็นชาลงพร้อมกับจิตสังหารพลุ่งพล่านในดวงตาเต็มพิกัด เขารู้ว่าถ้าไม่กำจัดมู่เฉินในครั้งนี้ ชื่อเสียงของอีกฝ่ายจะเติบโตแบบฉุดไม่อยู่แน่


ถึงเวลานั้นคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนอย่างฟังยี่จะกลายเป็นหินรองเท้าให้กับมู่เฉิน


เห็นได้ชัดนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาทนได้


ดังนั้นฟังยี่จึงวาดตราประทับเร็วรี่ แสงดาวพร่างพราวระเบิดออกจากแผนภาพดวงดาวบนร่างแสงดาวปฐมกาล จากนั้นแสงดาวก็พุ่งมารวมกันบนฝ่ามือใหญ่โต ก่อร่างเป็นหอกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาว


“หอกแสงดาว!”


“ข้าจะจบศึกด้วยกระบวนท่านี้!”


ฟังยี่คำรามออกมาจากลำคอ ฝ่าเท้ากระทืบลงไป ร่างเขาราวกับรวมเข้ากับร่างแสงดาวปฐมกาล ส่งเสียงหวีดหวิวพร้อมกับแสงดาวปกคลุมทั่วท้องฟ้า หอกที่เต็มไปด้วยดวงดาวกวนตัวด้วยระลอกคลื่นขนาดใหญ่ ซัดลงมาบนพื้นดินที่พังทลาย


จอมยุทธ์หลายคนสวมสีหน้าหนักหน่วง ทุกคนบอกได้ว่าฟังยี่เร้าการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดแล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะสังหารมู่เฉินที่กำลังบาดเจ็บให้จงได้


การต่อสู้ระหว่างม้ามืดกับเจ้าบันทึกมาถึงจุดชี้เป็นชี้ตายแล้ว!


บทที่ 851 กระบวนท่าย่อยเปิดสามตะวัน

หอกขนาดพันจั้งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า


ราวกับดาวหางที่นำพาพลังทำลายล้างที่ไม่สามารถต้านทานได้มาด้วย ทำให้เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่ใกล้ต้องถอยหลบออกไปหลายช่วงตัว


ทุกคนบอกได้เลยว่าฟังยี่ตั้งใจฆ่ามู่เฉิน เนื่องจากเขาใช้พลังทั้งหมดในกระบวนท่านี้แล้ว


ปัง! ปัง!


ผืนโลกพังทลายต่อเนื่อง รอยแตกขนาดใหญ่ขยายตัวบนพื้นอย่างรวดเร็ว มองเหมือนปากใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัว


บริเวณที่มู่เฉินร่วงลง หินใหญ่ร้อยจั้งจำนวนมากก็พังทลายกลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้แรงกดดันน่าสะพรึงนั้น


ฟังยี่ใส่พลังทุกหยาดหยดลงในกระบวนท่านี้บวกกับร่างแสงดาวปฐมกาล คลื่นพลังในนั้นยิ่งเพิ่มความน่าสะพรึง แม้แจ่จอมยุทธ์อย่างจิ่วโยว สูป้าและเสี่ยยิงยังตื่นตะลึง


สายตานับไม่ถ้วนพุ่งไปตรงจุดที่ถูกทำลายที่ซ่อนร่างมู่เฉินไว้ นับตั้งแต่ถูกซัดลงไปก็ไม่เกิดการเคลื่อนไหวใดทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขายังพอมีพลังที่จะต้านกระบวนท่านี้ของฟังยี่หรือไม่


ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่ม้ามืดจะท้าทายเจ้าบันทึกจริงๆ


“คิดว่าซ่อนตัวเหมือนหนูแล้วจะหลบพ้นไปได้เรอะ?!”


หอกแสงดาวซัดลงมา ฟังยี่ที่ยืนอยู่ด้านบนหัวร่างแสงดาวปฐมกาลก็สาดสายตาเย็นชามองไปที่จุดวินาศสันตะโร เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีของมู่เฉินที่ซ่อนตัวอยู่ แม้ว่ามู่เฉินจะประสบการโจมตีของเขาไปก่อนหน้า แต่เขาก็รู้ว่าการโจมตีเช่นนั้นยังไม่สามารถทำให้มู่เฉินที่มีการป้องกันอันน่าทึ่งได้รับบาดเจ็บ


แต่ไม่ว่ามู่เฉินจะซ่อนตัวอย่างไร ผลลัพธ์วันนี้ก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว!


นั่นเพราะท่าพิฆาตไปถึงแล้ว!


“ออกมา!”


ฟังยี่กำมือเข้าหากัน หอกแสงดาวก็อยู่เหนือท้องฟ้าบนจุดวินาศสันตะโรพอดี จากนั้นแรงกระทบน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ขยายออกไป ทำให้พื้นดินแตกกระจายมากขึ้นกว่าเดิม


ขณะที่พื้นดินถูกฉีกขาด ทุกคนก็เห็นร่างร่างหนึ่งยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ใต้ดิน เขาสวมชุดเกราะมังกรหงส์สีทองอร่าม แววตายากเกินหยั่งถึงจ้องมองไปที่การโจมตีที่น่ากลัวที่กำลังมาถึง


“เจอแล้ว ไอ้ลูกหนู!” รังสีสังหารพวยพุ่งขึ้นในดวงตาของฟังยี่ หอกแสงดาวสั่นสะเทือน ก่อนที่จะเล็งเป้าไปที่มู่เฉินแล้วซัดตรงลงมาเต็มแรง


ทุกคนกลั้นหายใจขณะจ้องมองร่างสวมชุดเกราะสีทอง พวกเขาไม่รู้ว่ามู่เฉินจะป้องกันการโจมตีจากฟังยี่ได้ด้วยวิธีอย่างไร


การประลองยืดยาวถึงตอนนี้ คลื่นหลิงของมู่เฉินคงใกล้ถูกใช้หมดไปแล้วมั้ง?


ฮา


ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็พรูลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วกำแน่น!


“ค่ายกลบัวยมทูต!”


เสียงลึกต่ำเปล่งออกมาจากปากมู่เฉิน ทันทีที่สิ้นเสียง คลื่นหลิงอันน่าทึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากจุดลึกของผืนโลกที่พังทลาย


แผ่นโลกสั่นสะเทือนขณะที่ดอกบัวสีดำเมื่อมสี่ดอกปรากฏขึ้นเบื้องล่างมู่เฉิน แต่ละดอกกระเพื่อมด้วยคลื่นหลิงที่ทรงพลังขณะที่หมุนคว้างช้าๆ


“นั่น…ค่ายกล?!”


ผู้คนบริเวณนี้ไม่สามารถยับยั้งเสียงอุทานได้ หลังจากเห็นดอกบัวสี่ดอกที่ด้านหลังมู่เฉินและสัมผัสถึงความผันผวนพิเศษของคลื่นหลิง นั่นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าค่ายกลนี้ไม่ใช่สิ่งธรรมดาเลย


ทว่าสีหน้าฟังยี่ไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ถึงจะมีเสียงอุทานอัศจรรย์มากมาย เขาเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับมู่เฉิน ดังนั้นจึงรู้ข้อมูลมาไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็คือตัวตนที่เป็นหลิงเจิ้นซือ มิหนำซ้ำเขายังรู้ด้วยว่าในระหว่างพิธีมอบยศราชันมู่เฉินใช้สิ่งนี้เอาชนะชิวไท่ยิง


“ชิวไท่ยิงเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะต้น ขนาดเสถียรภาพคลื่นพลังยังไม่สามารถรักษาได้อย่างมั่นคง แกช่างไร้เดียงสาจริงๆ ที่จะใช้กระบวนท่าที่เคยจัดการมันกับข้า!”


รอยยิ้มเย็นเยือกโค้งขึ้นที่มุมปากของฟังยี่ เขากำกำปั้น หอกแสงดาวก็พุ่งลงไปหมายจะสังหารมู่เฉิน


ใบหน้าของมู่เฉินสงบนิ่ง ฝ่ามือวาดตราประทับฉับพลัน


ตู้ม!


ดอกบัวสี่ดำทั้งสี่สั่นไหว ทันใดนั้นกลีบดอกก็เริ่มคลี่บานพร้อมกับชั้นแสงมืดมิดรวมตัวกันอย่างรวดเร็วที่เกสรดอกบัว อึดใจเสาแสงสีดำทั้งสี่ก็ยิงออกมาจากเกสรดอกบัวทั้งหมด


ฮึ่ม! ฮึ่ม!


เสาแสงทั้งสี่ไขว้พันกันอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า ดูราวกับมังกรดำสี่ตัวคำรามจากนั้นก็ม้วนตัวเข้าด้วยกัน จากนั้นพร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าตกตะลึงก็พุ่งปะทะกับหอกเต็มแรง!


ตึง!


จังหวะที่เกิดการปะทะกัน พื้นดินก็ถูกทำลาย คลื่นกระแทกกระจายออกพร้อมกับชั้นของดินพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่อึดใจพื้นบริเวณนี้ก็กลายเป็นหลุมใหญ่หลายพันจั้ง


ในปากปล่องแสงมืดมิดไร้ขอบเขตปะทะกับหอกอย่างรุนแรง ทุกการกระทบจะทำให้ปล่องด้านล่างขยายตัวออกไป


ทุกคนตกตะลึงไปเมื่อมองการปะทะกันของกระบวนท่านี้ แต่ในสายตาพวกเขาส่วนใหญ่ตกใจกับการต้านทานที่ทรงพลังของมู่เฉิน


นั่นเพราะในมุมมองของพวกเขา หอกแสงดาวที่ควรชนะอย่างไร้ข้อกังขากลับแสดงสัญญาณถูกต้านจากการถูกขัดขวางของค่ายกลดอกบัวสีดำ ซึ่งนี่ทำให้พวกเขาอึ้งไปโดยไม่ต้องสงสัย


ลึกลงไปในปากปล่อง มู่เฉินมองไปที่การปะทะกันที่น่ากลัวบนท้องฟ้า ไม่มีระลอกคลื่นใดในดวงตา


ย้อนกลับไปตอนที่เขาต่อสู้กับชิวไท่ยิง เขาสามารถสร้างดอกบัวสี่ดอกของค่ายกลบัวยมทูตได้แล้ว ทว่าความจริงเนื่องจากเขาเพิ่งจะมีพัฒนาการในตอนนั้น คลื่นพลังในร่างกายจึงไม่สามารถควบคุมได้ในระดับที่ดี ดังนั้นดอกบัวทั้งสี่ในช่วงเวลานั้นจึงไม่ถือว่าสมบูรณ์นัก


แต่ตอนนี้มู่เฉินรักษาเสถียรภาพของคลื่นหลิงในร่างกายได้ยอดเยี่ยม บวกกับความช่วยเหลือของสภาวะฤทัยปีศาจขั้นต้น ดอกบัวทั้งสี่ที่เขาใช้ก็สมบูรณ์แบบและแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนอย่างชัดเจน


ดังนั้นหากฟังยี่ประเมินค่ายกลของเขาต่ำไปก็ต้องเจอปัญหาแน่นอน


“ไอ้เวร!”


เป็นไปตามที่มู่เฉินคาดการณ์ไว้ ใบหน้าฟังยี่ตอนนี้เขียวคล้ำลง ไพ่ตายหลายใบที่เขามั่นใจในการคว้าชัยชนะ สุดท้ายก็ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ในสายตาของเขานี่เป็นอะไรที่เกินทนจริงๆ


“ข้าไม่เชื่อว่าจะจัดการกับแกไม่ได้!”


จิตสังหารอัดแน่นในนัยน์ตาของฟังยี่ ตอนอยู่ในเขตหลงเฟิ่ง มู่เฉินใช้กลยุทธ์ทั้งหมดก็ทำได้แค่บีบโยวหมิงถอยไป มิหนำซ้ำสุดท้ายยังเกือบจะโดนโยวหมิงสังหารได้ ทว่าเพียงไม่กี่เดือนเขาก็เติบโตขึ้นถึงระดับนี้ แม้ว่าฟังยี่ก็ต้องเผยไพ่ตายหลายใบในการสู้ พัฒนาการที่เพิ่มขึ้นของมู่เฉินทำให้ฟังยี่รู้สึกตื่นกลัวในใจ หากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไปและเขาปล่อยให้มู่เฉินรอดมือไปได้ ก็ยากที่จะตัดสินว่าใครจะชนะในครั้งต่อไปแล้ว


ดังนั้นวันนี้มู่เฉินจะต้องตาย!


ไอเย็นเยือกวาบขึ้นในดวงตาฟังยี่ วินาทีต่อมาเขาก็กระทืบเท้า กระแทกฝ่ามือไปบนศีรษะของร่างแสงดาวปฐมกาล จากนั้นเลือดไหลออกมาจากฝ่ามือ แผนภาพดวงดาวที่ดูเหมือนวาดขึ้นจากเลือดก็ถูกสร้างขึ้นบนศีรษะร่างแสงดาวปฐมกาล


“ภาพหมู่ดาวกลั่นโลหิต”


เสียงดังกึกก้องเมื่อแสงสีโลหิตกระจายออกจากศีรษะร่างแสงดาวปฐมกาล ก่อนที่แสงโลหิตจะระเบิดออกปกคลุมหอกเอาไว้


ตู้ม!


คลื่นหลิงบนตัวหอกเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้มิติสั่นคลอนรุนแรงราวกับน้ำเดือด พายุพลังงานที่น่ากลัวก็พัดออกไป!


ปัง!


เสาแสงสีดำที่ราวกับมังกรดำสี่ตัวที่ไขว้พันกันเริ่มแสดงสัญญาณพังทลาย รอยร้าวกระจายไปทั่วเสาแสง ก่อนที่จะระเบิดออกเบื้องหน้าสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน


หอกฉีกขาดคลื่นหลิงปั่นป่วน พุ่งลงมาหามู่เฉินด้วยไอสังหารเชี่ยวกราก


ทว่าหลังจากจ่ายราคามหาศาลเพื่อที่จะทำลายค่ายกลดอกบัวยมทูตแล้ว แผนภาพดวงดาวที่ปกคลุมบนตัวหอกก็สลัวลงมาก


แต่กระนั้นกระบวนท่าโจมตีดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้ายังไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ


มู่เฉินเงยหน้ามองหอกที่พุ่งเข้ามา แรงกดดันน่ากลัวที่ปกคลุมไปทั่วทำให้มู่เฉินรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่โถมเข้ามา แม้จะได้รับการปกป้องจากเกราะมังกรหงส์ก็ตาม


“ยังไม่พอเหรอ…”


มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง ค่ายกลดอกบัวยมทูตทั้งสี่ยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากฟังยี่ ดูท่าร่างแสงดาวปฐมกาลจะทรงพลังสมกับชื่อเสียงแท้จริง


แต่…ในแง่ร่างเทห์สวรรค์ มู่เฉินไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น


ฮา


มือของมู่เฉินประสานเข้าด้วยกัน แสงสีทองพร่างพราวระเบิดออกจากร่างกาย ร่างขนาดพันจั้งก็ปรากฏขึ้นในพริบตาพร้อมกับดวงตะวันสีทองลอยอยู่เบื้องหลังศีรษะ ทำให้เกิดแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้


เมื่อร่างเทพสุริยะปรากฏขึ้น แม้แต่ฟังยี่ก็ยังต้องม่านตาหดเกร็ง นั่นเป็นเพราะในขณะนี้เขารู้สึกได้ถึงคลื่นผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างแสงดาวปฐมกาล ซึ่งเป็นความรู้สึกถึงอันตราย


“ทักษะเทห์สวรรค์ คลื่นเก้าตะวัน!”


ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังก้องในใจของมู่เฉิน


ฮึ่ม! ฮึ่ม!


ดวงตะวันสีทองสองดวงเคลื่อนขึ้นมาตรงหว่างคิ้วและหน้าอกของมู่เฉิน ขณะที่พลังงานน่าสะพรึงกลัวเริ่มไหลออกมา แต่นี่ไม่ใช่ขีดสุด เพราะในเวลาเดียวกันมีแสงสีทองโชติช่วงรวมตัวกันบนหน้าท้องของมู่เฉิน ผลึกเพลิงมหาตะวันอีกลูกกำลังก่อตัวขึ้น!


“คลื่นเก้าตะวัน—เปิดสามตะวัน!”


เสียงตะโกนทำให้จอมยุทธ์ที่อยู่ในบริเวณนี้สีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรง ยามนี้พลังงานทรงประสิทธิภาพระเบิดออกจากร่างเทพสุริยะราวกับภูเขาไฟ!


ท้องฟ้าถึงกับแปรเปลี่ยนต่อกระบวนท่านี้!


บทที่ 852 แพ้ทั้งคู่

ดวงตะวันสีทองเจิดจ้าสามดวง


ขึ้นจากหว่างคิ้ว หน้าอกและหน้าท้องของร่างเทพสุริยะ ก่อนที่แสงสีทองไร้ขอบเขตจะกระจายออกไป แสงนี้ดูคล้ายของเหลวสีทองซึ่งทำให้ร่างเทพสุริยะเปล่งประกายด้วยสีทองมากยิ่งขึ้น ช่างดูราวกับพระพุทธรูปทองคำเมื่อมองจากที่ไกล


คลื่นพลังงานผันผวนจำนวนมากกระจายออกไปอย่างน่าตกใจ ทำให้มิติเป็นลอนคลื่นเลยทีเดียว


ร่างมู่เฉินรวมตัวกับร่างเทพสุริยะ จากนั้นก็จ้องมองผ่านร่างใหญ่จับจ้องไปที่หอกที่กำลังซัดเข้ามา เผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มแรงของฟังยี่ กลับไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยในดวงตา มีเพียงไฟการต่อสู้ที่เข้มข้น


ยามนี้เก้าตะวันของร่างเทพสุริยะเขาสามารถเปิดได้ถึงกระบวนท่าสามตะวัน พลังงานนั้นราวกับมังกรคำรามพลุ่งพล่านอยู่ภายใน นำมาซึ่งพลังน่าสะพรึงที่สามารถบิดเบือนฟ้าดิน


ถึงแม้ว่าฟังยี่จะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุด มิหนำซ้ำยังฝึกฝนร่างแสงดาวปฐมกาลที่อยู่ในทำเนียบร่างเทห์สวรรค์ แต่ในแง่ความแข็งแกร่งของร่างเทห์สวรรค์ มู่เฉินมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้ากับร่างเทพสุริยะที่เขาได้ขัดเกลา


นั่นเพราะเมื่อร่างเทพสุริยะได้รับการพัฒนาจนถึงขีดสุดแล้ว ก็คือร่างมหาเทพนิรันดร์ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบร่างมหาเทพปฐมกาลในตำนานเลยทีเดียว


แม้ว่าร่างเทพสุริยะจะเป็นเพียงร่างต้นของร่างมหาเทพนิรันดร์ แต่ราชสีห์ก็ยังมีเขี้ยวเล็บแหลมไม่ว่าจะตัวเล็กเพียงใด และไม่ว่าพยัคฆ์จะอ่อนวัยแค่ไหนก็ยังคงมีศักดิ์ศรีของพยัคฆ์ไม่เสื่อมคลาย ดังนั้นใครก็ตามที่คิดดูถูกก็ต้องจ่ายราคามหาศาลแน่นอน


โฮก!


เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังก้องอยู่ในใจของมู่เฉิน เขาวาดตราประทับสองมือ ร่างเทพสุริยะยกมือข้างหนึ่งแล้วเหยียดออกไป ขณะที่ของเหลวสีทองหลั่งไหลออกมาก็ปกคลุมท่อนแขนอันใหญ่โต ทั้งแขนถูกปกคลุมด้วยผลึกสีทองที่เต็มไปด้วยลวดลายลึกซึ้งนับไม่ถ้วน คลื่นพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวกำลังกระเพื่อมเป็นวงคลื่นอย่างเงียบเชียบ


ตู้ม!


ร่างเทพสุริยะกระแทกฝ่ามือออกไป ทำให้มิติรอบด้านแตกร้าว คลื่นกระแทกสีทองกวาดออกมาอย่างป่าเถื่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังน่ากลัวที่บรรจุอยู่ในฝ่ามือของมู่เฉิน


นี่เป็นคลื่นหลิงของเขาผสมผสานกับคลื่นสามตะวันของร่างเทพสุริยะที่เร้าออกมาจนถึงขีดสุด


เหล่าจอมยุทธ์มีท่าทางเปลี่ยนไปจากกระบวนท่าของมู่เฉิน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดหลายคนยังมีแววเคร่งเครียดบนใบหน้า เห็นชัดว่าต่างรู้สึกถึงคลื่นคุกคามที่แข็งแกร่ง


“มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ เขาสามารถแสดงพลังการต่อสู้ได้เช่นนี้ทั้งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ น่าเหลือเชื่อมาก” บรรดาจอมยุทธ์ฉายแววตกใจในดวงตา นั่นเพราะพวกเขารู้ชัดเจนเกี่ยวกับช่องว่างพลังขนาดใหญ่ของขั้นทั้งเก้าในระดับจื้อจุนดี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถมช่องว่างนี้ให้เต็ม ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกยากที่จะเชื่อว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จด้วยขุมพลังที่มี


นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญก็คือฟังยี่ไม่ใช่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าธรรมดา ด้วยความแข็งแกร่งและไพ่ตายหลากหลาย คงแทบไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังระดับเดียวกันหน้าไหนสามารถต่อกรกับเขาได้…


ทว่าตอนนี้มู่เฉินกลับทำได้…


ภายใต้สายตาเคร่งเครียดนับไม่ถ้วน หอกใหญ่ก็ซัดลงมาจากฟากฟ้าราวกับดาวหาง ปะทะเข้ากับฝ่ามือสีทองขนาดใหญ่


ตึง!


ทันใดนั้นการปะทะกันก็ทำให้บริเวณนี้เงียบกริบลง ราวกับทุกสิ่งอย่างหายไปสิ้นเชิง เวลาก็เหมือนถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์


พายุทอร์นาโดสีทองเกิดขึ้นทันทีและขยายตัวออกไป ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็มีขนาดถึงหมื่นจั้ง จากนั้นความหายนะก็บังเกิด!


คลื่นหลิงในพายุทอร์นาโดสีทองมีความรุนแรงอย่างมาก โดยเฉพาะพลังทำลายล้างเป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์แบบจิ่วโยว สูป้าและเสี่ยยิงยังมีสีหน้าเปลี่ยนไป


ขณะที่พายุทอร์นาโดสีทองสร้างหายนะ ร่างเทห์สวรรค์สองร่างก็ได้ผลกระทบเป็นกลุ่มแรก


บึ้ม!


แขนร่างเทพสุริยะซึ่งปกคลุมไปด้วยผลึกสีทองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนหอกของฟังยี่ก็แตกสลาย


คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าระเบิดออกไป


ร่างเทพสุริยะและร่างดาวปฐมกาลกระเด็นออกไปคนละทาง ขณะที่ร่างถลาออกไปรอยแตกหนาแน่นก็ปกคลุมไปทั่วร่างใหญ่ของพวกเขา


เห็นได้ชัดว่าผลกระทบที่น่ากลัวได้ทำลายแนวป้องกันทรงพลังของพวกเขาในพริบตา


ภายใต้สายตาตะลึงงันนับไม่ถ้วน ร่างทั้งสองก็บินข้ามขอบฟ้า ก่อนจะตกลงมาทิ้งรอยลึกยาวหมื่นจั้งสองรอยไว้บนพื้น ระหว่างทางภูเขาขนาดใหญ่แตกออก ก้อนหินใหญ่น้อยกระเด็นไปคนละทิศละทาง


บึ้ม!


หลังจากทำลายภูเขาอีกลูก แรงผลักของร่างใหญ่ทั้งสองก็หมดลง หลังจากที่แรงกระแทกสลาย ร่างทั้งสองก็แตกกระจายกลายเป็นละอองแสง


ปัง!


จอมยุทธ์ทั้งสองพุ่งออกจากในนั้นแล้วเข้าไปในซากปรักหักพัง พวกเขานอนแนบบนพื้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงเลือดไหลบนร่างและลมหายใจที่อ่อนลง


บนขอบฟ้า หลังจากกินเวลานาน ในที่สุดพายุสีทองน่าสะพรึงก็ค่อยๆ สลายตัวลง ดังนั้นสายตาทั้งหมดของผู้คนจึงจับจ้องมาที่ร่างทั้งสองในซากปรักหักพัง


หากไม่ใช่เพราะหน้าอกของพวกเขาที่ยังขยับขึ้นลง ทุกคนคงคิดว่าทั้งคู่ตายจากการประจัญบานกันที่น่ากลัวเมื่อครู่ไปแล้ว


ทั่วบริเวณเงียบกริบ


จอมยุทธ์มากมายตกตะลึง เนื่องจากไม่มีใครคิดว่าการต่อสู้ระหว่างม้ามืดและเจ้าบันทึกจะน่าสะพรึงขนาดนี้ มิหนำซ้ำผลลัพธ์ยังออกมาเหนือความคาดหมายมากอีกด้วย


นั่นเพราะตอนแรกพวกเขาคิดว่าฟังยี่จะสามารถเอาชนะศึกนี้ได้แบบเบ็ดเสร็จ ทว่าผลลัพธ์กลายเป็นทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บหนักไปพร้อมกัน


หลายคนแลกเปลี่ยนสายตากันและอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นเข้าไปในปอด ถ้าผลลัพธ์การต่อสู้วันนี้กระจายออกไปละก็ อาจจะทำให้เกิดคลื่นใหญ่ซัดไปทั่วภูมิภาคอีกครั้ง


แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ได้กำชัยชนะครั้งนี้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาประสบความสำเร็จเพียงใดในการบีบฟังยี่ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดต้องใช้ร่างแสงดาวปฐมกาลและสุดท้ายยังมาจบที่บาดเจ็บสาหัสทั้งสองฝ่าย


เพราะตอนนั้นมู่เฉินยังถูกห้อมล้อมด้วยอันตรายมากมาย เมื่อเผชิญหน้ากับโยวหมิงที่สองบนบันทึกมังกรหงส์ในเขตหลงเฟิ่ง สุดท้ายเขาทำได้เพียงพยายามซื้อเวลาเพื่อให้ธิดาเทพจักรพรรดิอัคคีจัดการฟังยี่ได้


แต่ตอนนี้เพียงไม่กี่เดือน เขาก็สามารถต่อสู้กับฟังยี่ด้วยพลังที่ตนเองมีและยังไม่เป็นฝ่ายแพ้!


พัฒนาการดังกล่าวน่าตกตะลึงจริงๆ


“เจ้าหนุ่มนี่น่ากลัวจริงๆ ในอนาคตจะต้องมีจอมยุทธ์ชั้นยอดถือกำเนิดในอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นแน่!”


หลายคนพูดคุยกันเบาๆ ขณะประเมินมู่เฉินในระดับสูง นั่นเพราะพวกเขาตระหนักถึงสถานะของมู่เฉินที่ก้าวกระโดดขึ้นมาในภูมิภาคทางเหนือในเวลาเพียงหนึ่งปียากมากเพียงไร


ในหุบเขาหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตถึงกับไร้เสียง หวูเทียนฉายสีหน้าตกตะลึง แม้แต่เสี่ยยิงยังดูเคร่งเครียดลงหลายส่วน เมื่อก่อนเขามองมู่เฉินอย่างเหยียดหยามเล็กน้อยตลอด แม้ว่ามู่เฉินจะสามารถเอาชนะชิวไท่ยิงได้ แต่ในสายตาเขา มู่เฉินก็ยังอ่อนด้อยกว่าจอมยุทธ์ที่มีประสบการณ์อย่างเขา


ทว่าความคิดนี้ถูกล้างไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากได้เห็นภาพการต่อสู้ของอีกฝ่ายกับฟังยี่ นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจมองข้ามกระบวนท่าการโจมตีที่ทุ่มสุดแรงของมู่เฉินเมื่อสักครู่ได้


ชายหนุ่มคนนี้ราวกับพยัคฆ์ที่ไม่อาจประมาทได้


“สารเลว!”


เมื่อเทียบกับอาการตกตะลึงของฝูงชน สูป้ามีใบหน้าเขียวคล้ำขณะที่แววเกรี้ยวกราดวูบไหวในดวงตา สายตาของเขาดิ่งลงเนื่องจากผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายไปมาก และขณะเวลาเดียวกันเขาก็ทั้งคั่งแค้นและปวดใจ เพราะนี่เท่ากับยาหยุ่นลั้วของพวกเขาสลายกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว


“ข้าขอขอบคุณสำหรับยาหยุ่นลั้วที่เจ้าภูเขาเอ่อมอบให้” ใบหน้าของจิ่วโยวที่เคร่งเครียดมาตลอดเผยรอยยิ้มหวานออกมา นางหลิ่วตามองสูป้าอย่างล้อเลียน


ใบหน้าของสูป้ากระตุก มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน


ขณะที่ทั่วบริเวณกำลังตกอยู่ในอาการตื่นตะลึงกับผลการต่อสู้ ร่างชุ่มโชกเลือดสองร่างก็โซเซยืนขึ้นมาจากซากปรักหักพัง


ใบหน้าของมู่เฉินซีดขาว เขาปาดเลือดที่มุมปากพลางอมยิ้มมองไปที่ฟังยี่ที่มีสีหน้าดิ่งลง “วันนี้เจ้ายังฆ่าข้าไม่ได้หรอก”


สายตาฟังยี่เย็นชาและบาดลึก ขณะจ้องมองไปที่มู่เฉิน คลื่นความโกรธไม่รู้จบพวยพุ่งอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประเมินมู่เฉินต่ำ แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกบีบมาอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้


ผลลัพธ์ดังกล่าวมีผลต่อชื่อเสียงเขาอย่างมาก นั่นเพราะในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ ชื่อเสียงของมู่เฉินไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลย แต่หากคนอื่นรู้ผลการต่อสู้วันนี้ละก็ ทุกคนจะต้องรู้สึกว่ามู่เฉินคือจอมยุทธ์ที่มีคุณสมบัติระดับเดียวกับเขา เรื่องนี้เขาจะทนไปได้อย่างไร!


“ขอบคุณสำหรับยาหยุ่นลั้วของพวกเจ้านะ”


แสงสีทองกะพริบวูบไหวบนพื้นผิวร่างมู่เฉิน ตอนนี้กายามังกรหงส์เริ่มหมุนเวียน แก่นเลือดมังกรหงส์ที่อยู่ภายในร่างกำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว เหตุผลที่เขากล้าต่อสู้กับฟังยี่แบบทุ่มสุดตัว ก็เพราะความสามารถในการฟื้นตัวของกายามังกรหงส์ที่ได้รับมาเปรียบได้กับเทพอสูรเลยทีเดียว ตราบใดที่ไม่ใช่การโจมตีถึงแก่ชีวิต เขาก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว


ฟังยี่เช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากพลางจ้องมองมู่เฉินอย่างเย็นชา ครู่ต่อมาเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังระยะไกล เขาหลับตาสัมผัสอะไรบางอย่างช่วงสั้นๆ ก่อนที่รอยยิ้มแปลกประหลาดจะปรากฏบนใบหน้า


“แม้ผลลัพธ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นตามที่ข้าคาดหวัง แต่…”


ฟังยี่เอี้ยวศีรษะมองมู่เฉินอย่างเย็นชา “สถานการณ์ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าอยู่ดี… บางทีข้าคงต้องบอกเจ้าว่าการสังหารเจ้าเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการต่อสู้นี้ แต่ที่เป้าหมายอีกอย่างคือ…ลากเวลาออกไป เพราะข้าจะสังหารพวกแกทั้งสองกลุ่ม”


“และตอนนี้…พวกแกไม่มีทางหนีแล้ว”


ฟังยี่ชี้ไปยังท้องฟ้าที่ห่างไกล ทางทิศเหนือร่างจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนที่ลุกเป็นไฟกำลังกวาดเข้ามา เสียงโห่ร้องเต็มไปด้วยจิตสังหาร


ส่วนทางทิศใต้เกล็ดหิมะก็พรั่งพรูกันลงมาพร้อมกับเสียงคำรามเหมือนหมีโบราณที่ข่มใจคนฟังได้ดังสะท้อนออกมา


จิ่วโยวและเสี่ยยิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่คือกองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนของหมู่ตึกเทวะ!


นั่นหมายความว่ามีเจ้าภูเขาของหมู่ตึกเทวะอีกสองคนมาถึงแล้ว!


ครั้งนี้พวกเขาถูกล้อมกรอบเสียแล้วจริงๆ!


บทที่ 853 กำลังสนับสนุน

“โฮวววว!”


“โฮก!”


เสียงคำรามของหมาป่าและหมีดังขึ้นที่ขอบฟ้าไกลโพ้น ขณะที่เสียงสะท้อนก้องไปทั่วก็ทำให้ใบหน้าผู้คนเปลี่ยนแปลงไป


พวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดผวา เมื่อมองไปยังทั้งสองทิศทาง เสียงอุทานประหลาดใจก็ดังก้อง


“นั่นกองทัพหมาป่าเพลิงกับกองทัพหมีเวหนของหมู่ตึกเทวะ?!”


“ที่แท้ฟังยี่ก็ตั้งใจลากเวลาเพื่อรอกำลังสนับสนุน ทีนี้สองหน่วยรบอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถึงวาระแล้ว ข้าเกรงว่าทั้งหน่วยรบวิหคโลกันตร์และหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตจะไม่สามารถหนีไปได้เลย!”


“ฟังยี่เจ้าเล่ห์จริงๆ…”


“ในเมื่อกองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนมาอยู่ที่นี่ เจ้าภูเขาทั้งสองก็ต้องมาด้วย พวกเขายังเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเลยนะ ด้วยภาพรวมของกองทัพ แม้ว่ามู่เฉินจะกลั่นวิญญาณสงครามได้ เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว”


“ครั้งนี้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ถึงคราวย่อยยับแน่”


“…”


จิ่วโยวและเสี่ยยิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าระยะไกล สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด ถ้าที่นี่มีเพียงสูป้า พวกเขาก็ยังทำให้อีกฝ่ายหวาดเกรง ไม่กล้าเข้าโจมตีได้ แต่เมี่อใดที่อีกสองทัพของหมู่ตึกเทวะมาถึง สถานการณ์ก็จะหมดความสมดุล ด้วยหน่วยรบทั้งสองของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับสามกองทัพได้


คราวนี้สถานการณ์ของพวกเขาเข้าขั้นวิกฤตแล้วจริงๆ


“ฮ่าๆ สูป้า เจอเหยื่อดีๆ แบบนี้ ไม่เห็นบอกกันเลยนะ ทีนี้รู้ยังว่าผลของการแอบกินคนเดียวเป็นยังไง?” บนท้องฟ้ารัศมีสีแดงและกลิ่นไอเย็นยะเยือกก็กวาดออกมาพร้อมกับริ้วแสงจำนวนมาก เผยให้เห็นภาพสองกองทัพที่ยิ่งใหญ่บนขอบฟ้า ขณะที่รัศมีจั้นยี่น่าทึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน


ชายฉกรรจ์ผมสีแดงยืนหัวเราะอยู่เบื้องหน้ากองทัพหนึ่ง ภาพหมาป่าเพลิงปักอยู่บนเสื้อของเขา ดูราวกับว่ามันกำลังพุ่งทะยานพร้อมกับส่งเสียงคำราม


“ถ้าวันนี้พวกข้าไม่มา ชื่อเสียงของหมู่ตึกเทวะคงป่นปี้แน่” เบื้องหน้าอีกกองทัพเป็นชายร่างแข็งแกร่งกำยำที่ดูคล้ายกับหอคอยเหล็กที่สร้างแรงกดดันไม่รู้จบ รอยแผลเป็นที่ฉีกออกจากมุมหนึ่งของดวงตา ทำให้เขาดูดุร้ายยิ่งขึ้น ในขณะนี้เขาก็กำลังเปิดหัวเราะราวกับหมียักษ์โบราณ


พอได้ยินคำเยาะเย้ยจากทั้งสอง สีหน้าของสูป้าก็เขียวคล้ำ แต่ก็ไม่ได้ตอกหน้าอีกฝ่าย ทำเพียงเค้นเสียงเย็นอย่างไม่พอใจ นั่นเพราะเขารู้ว่าถ้าสองกองทัพนี้ไม่มาช่วยเหลือ คงเป็นเรื่องตึงมือสำหรับเขาที่จะจัดการหน่วยรบทั้งสองของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในวันนี้จริงๆ


“รบกวนท่านทั้งสองด้วย”


ที่เบื้องล่าง ฟังยี่ยิ้มพลางมองไปที่พรรคพวกที่มาช่วยเหลือ “สงครามล่าครั้งนี้เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของหมู่ตึกเทวะ ชื่อเสียงส่วนตัวไม่สำคัญ เรื่องที่เจ้าภูเขาทั้งสองสละเวลามาช่วย เมื่อกลับไปข้าจะรายงานเรื่องนี้กับท่านประมุขเอง”


“ฮ่าๆ ท่านฟังพูดจาเข้าหูมากทีเดียว…เอ๊ะ?”


เจ้าภูเขาเหยียนหลังหัวเราะร่วน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานประหลาดใจในอึดใจต่อมา เมื่อเขาเห็นร่างฟังยี่ที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดซึ่งดูน่าสงสารไม่น้อย ก่อนจะจ้องมองไปที่มู่เฉินที่ยืนประจันหน้ากับฟังยี่ ความงงงวยในใจพลุ่งพล่านขึ้นยิ่งกว่าเดิม


นั่นเพราะเขาตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งของฟังยี่ ในบรรดาจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ แทบไม่มีใครต่อกรกับชายหนุ่มคนนี้ได้ แต่ตอนนี้กลับมีชายที่อ่อนวัยกว่าสามารถบีบให้ฟังยี่ตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ นี่ทำให้เจ้าภูเขาเหยียนหลังประหลาดใจไม่น้อย


“ไอ้หนูนี่ใครถึงสามารถบีบเจ้าจนมีสภาพเช่นนี้?” เจ้าภูเขาเหยียนหลังพูดด้วยความประหลาดใจ


ดวงตาของฟังยี่พล่านด้วยไอเย็นชาขณะที่กวาดสายตาไปที่มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “เขาก็คือยอดม้ามืดที่สร้างคลื่นกระทบไปทั่วภูมิภาคทางเหนือในช่วงนี้ มู่เฉิน… อย่าได้ประมาทนะเจ้าภูเขาเหยียนหลัง ในแง่ของการควบคุมรัศมีจั้นยี่ กลัวว่าแม้แต่ท่านก็อ่อนด้อยกว่ามันไม่น้อย เพราะเขาสามารถกลั่นวิญญาณสงครามวิหคโลกันตร์ได้แล้ว…”


“โอ้?!”


เมื่อได้ยินประโยคนี้ไม่เพียงแต่เจ้าภูเขาเหยียนหลังที่ฉายความตกตะลึงบนใบหน้า กระทั่งเจ้าภูเขาเทียนสงก็มองมู่เฉินด้วยความประหลาดใจ พวกเขาทั้งคู่ควบคุมการกองทัพ ดังนั้นจึงรู้ดีว่าวิญญาณสงครามคือตัวแทนของอะไร ตราบใดที่กองทัพสามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้ พวกเขาก็จะสามารถขยายระดับพลังรัศมีจั้นยี่ของกองทัพได้มาก นี่เป็นทักษะเทพที่ช่วยในแง่ของการต่อสู้กองทัพ


แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความสามารถในการกลั่นวิญญาณสงครามออกมา นี่บ่งบองกว่ามู่เฉินมีคุณสมบัติในการเป็นจั้นเจิ้นซือ ยังไม่พูดถึงโอกาสในการบรรลุเป้าหมายนั้น แต่เมื่อใดที่เขาสามารถเป็นจั้นเจิ้นซือได้ ก็ไม่ต้องสงสัยว่างานนี้ปลาคาร์พกลายเป็นมังกรแน่


กระทั่งระดับต่ำสุดของจั้นเจิ้นซือก็ยังน่าประหวั่นพรั่นพรึงถ้าเขาสั่งการกองทัพทรงพลัง


“มิน่าล่ะเจ้าถึงส่งข้อความด่วนมา” เจ้าภูเขาเทียนสงพูดขึ้นขณะที่สายตาดุร้ายกวาดมองทั่วร่างมู่เฉิน แม้ขุมพลังของมู่เฉินยังไม่เพียงพอที่จะถูกมองอย่างมีความสำคัญ แต่ศักยภาพในฐานะจั้นเจิ้นซือก็มากเกินพอที่จะทำให้พวกเขามองอีกฝ่ายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวง ซึ่งถ้ามีโอกาสก็ควรจะถอนต้นกล้าเช่นนี้ทิ้งไปให้เร็วที่สุด


ฟังยี่ยิ้ม แม้ว่าใบหน้าจะมีคราบเลือด แต่รอยยิ้มก็ยังดูมั่นใจ สายตาที่ราวกับดาบคมกริบมองมาที่งมู่เฉิน “แม้ว่าประสิทธิภาพของเจ้าในการต่อสู้เมื่อครู่จะจัดว่าดี แต่นี่น่าจะเป็นศึกครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว”


ฟังยี่สงบคลื่นในหัวใจลงได้แล้วในตอนนี้ แม้ว่าผลการต่อสู่ก่อนหน้าจะทำให้เขารู้สึกตกใจไปบ้าง แต่ ณ เวลานี้ทุกอย่างก็สิ้นสุดลง เมื่อใดที่มู่เฉินตายเรื่องราวก่อนหน้าก็จะสลายหายไปเป็นอากาศธาตุ


ในภูมิภาคทางเหนือไม่มีใครจำจอมยุทธ์ที่ตายหรอก


มู่เฉินขมวดคิ้วเมื่อมองสถานการณ์นี้ สามเจ้าภูเขาแห่งหมู่ตึกเทวะมาปรากฏตัวที่นี่ มิหนำซ้ำกองทัพทั้งสามยังปิดเส้นทางการหนีอย่างสมบูรณ์ คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะตีฝ่าวงล้อมไปได้


วาบ!


จิ่วโยวมาปรากฏตัวข้างมู่เฉิน ใบหน้าของนางเคร่งเครียดลงเมื่อเห็นฉากตรงหน้า นางกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูมู่เฉิน “ทำยังไงดี? ถ้าเราทำงานกลุ่มเดียวก็พอที่จะเจาะวงล้อมนี้ไปได้ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่สามารถช่วยหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตไปด้วยได้”


ด้วยการควบคุมรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ของมู่เฉิน แม้จะโดนล้อมอย่างหนาแน่น แต่ถ้าพวกเขาทุ่มสุดตัว ก็น่าจะสามารถหาทางออกไปได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ได้แต่ทอดทิ้งหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตไป


“ฮ่าๆ ทำไม? พวกเจ้าตัดสินใจทอดทิ้งหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตแล้วรึ? ถ้าข่าวนี้รั่วไหลออกไป อนาคตหอวิหคโลกันตร์คงยากจะมีจุดยืนในอาณาเขตกงเวทสวรรค์แล้วมั้ง?” ทว่าก่อนที่มู่เฉินจะตอบ ฟังยี่ก็ยิ้มราวกับอ่านความคิดของจิ่วโยวได้


สายตาจิ่วโยวเปลี่ยนเป็นเย็นชา ไอ้หมาไนฟังยี่เล่ห์เหลี่ยมมาก ที่พูดออกมาแบบนี้ก็เพื่อสุมไฟความไม่ลงรอยให้พวกนางกับหอเหยี่ยวโลหิต


“ผู้บัญชาการจิ่วโยว ผู้บัญชาการมู่ ถ้ามีโอกาสก็หนีไปซะ หากในอนาคตมีโอกาสก็ค่อยช่วยแก้แค้นให้กับหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตด้วย!” ทันใดนั้นเสียงของเสี่ยยิงก็แผดลั่น เขามองไปที่ฟังยี่อย่างเย็นชา จากนั้นก็เงยหน้ามองมู่เฉินและจิ่วโยว สายตาเขามีความเป็นมิตรมากขึ้นหลายส่วนเมื่อเทียบกับอดีต


แม้ว่าเสี่ยยิงจะไม่ใช่คนใจกว้างนัก แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่อาจขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้หรอก แค่ฟังยี่อ้าปากเขาก็เห็นลิ้นไก่ ด้วยสติปัญญาของเขา ชัดว่าไม่มีทางให้แผนเสี้ยมของฟังยี่สำเร็จได้หรอก


“ฮ่าๆ สมกับเป็นผู้บัญชาการเสี่ยยิง หาญกล้าซะจริง”


ฟังยี่ยิ้มอ่อน “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตอนที่หน่วยรบวิหคโลกันตร์หนีออกไปได้ ก็จะเป็นเวลาที่หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตของแกจะสูญสิ้น”


“งั้นก็สู้กันสักตั้ง!” เสี่ยยิงตะเบ็งลั่น จิตสังหารเจาะกระดูกพล่านออกมาจากดวงตา


ฟังยี่ลอยตัวขึ้นบนท้องฟ้าช้าๆ ขณะที่สายตาราวกับเหยี่ยวกวาดมองไปยังผู้ชมทั่วบริเวณ พูดเสียงเบาว่า “เรื่องในวันนี้เป็นเรื่องของหมู่ตึกเทวะและอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ผู้ไม่เกี่ยวข้องโปรดถอยออกห่าง”


เมื่อกองทัพอื่นได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจก็ถึงกับเต้นไม่เป็นส่ำ ในใจเข้าใจแล้วว่าฟังยี่เตรียมที่จะล้างสมรภูมิแล้ว พวกเขาไม่กล้าเอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้หรอก ดังนั้นร่างแสงมากมายจึงทะยานถอยออกไปอย่างรวดเร็ว


จิ่วโยวขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพนี้พร้อมกับคลื่นวูบไหวในดวงตา ชัดว่านางเกิดอาการลังเลว่าจะทิ้งหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตไว้เบื้องหลังดีไหม


ขณะที่นางกำลังสองจิตสองใจ มู่เฉินที่อยู่ข้างๆ ก็หรี่ตาก่อนที่มุมปากจะยกขึ้น ร่างกายที่เกร็งเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายลง


เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ฟังยี่แล้วยิ้มบาง “ดูเหมือนแกคิดว่าวันนี้จะชนะแล้วสินะ”


ใบหน้าของฟังยี่เย็นเยือกลง ขณะมองมู่เฉินที่มีท่าทางสงบนิ่ง “หรือแกคิดว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้เรอะ? ตอนนี้แกเหลือคลื่นหลิงเท่าไร? ในสถานการณ์นี้แกยังสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ได้มากแค่ไหน?”


“ถ้าแกฉลาด ข้าแนะนำให้ยอมแพ้ หลีกเลี่ยงเรื่องหน่วยรบวิหคโลกันตร์จะบรรลัย”


มู่เฉินยิ้ม “เรื่องหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตเราไม่ปล่อยมือหรอก”


เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ความโกลาหลที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ปะทุขึ้นในหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตที่อยู่ในหุบเขา สายตามากมายเคลื่อนเข้ามา แม้แต่เสี่ยยิงและหวูเทียนก็ยังมีสีหน้าซับซ้อน


พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกมู่เฉินเลย แต่พวกเขาไม่คิดว่าในตอนนี้มู่เฉินจะยังคงเทหมดหน้าตักเพื่อช่วยพวกเขา


“ด้วยแกน่ะรึ?” มุมปากของฟังยี่โค้งขึ้น แววเยาะเย้ยผุดขึ้นในดวงตา เจ้าภูเขาเหยียนหลังและเจ้าภูเขาเทียนสงก็มีท่าทางเยาะเย้ยไม่ต่างกัน พวกเขากอดอกมองมู่เฉินอย่างดูถูก เหมือนต้องการดูว่าชายหนุ่มจะมีลูกเล่นอะไรในสถานการณ์เช่นนี้


มู่เฉินเงยหน้าขึ้นพลางยิ้ม “แกคิดว่าข้าอารมณ์ร้อนจนยอมเล่นกับแกนานขนาดนี้เพื่อปล่อยให้แกยื้อเวลาออกไปเรอะ?”


สายตาฟังยี่หดลงขณะที่มองมู่เฉินอย่างเย็นจับขั้วหัวใจ


“แกไม่ใช่คนเดียวที่ลากเวลาเพื่อรอกำลังเสริมมาหรอก”


มู่เฉินยิ้มบาง จากนั้นก็ชี้ไปยังขอบฟ้าไกล “นอกจากนี้ขออภัยด้วย ครั้งนี้กำลังเสริมของข้ามีมากกว่าแกหน่อย”


ตู้ม!


ทันใดนั้นพื้นที่ที่ห่างไกลก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ผู้คนถึงกับหัวใจสั่นไหว พวกเขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ มองเห็นกองทัพแสงมหึมาสามกองทัพกำลังกวาดเข้ามา


ส่วนเบื้องหน้าสุดเป็นจอมยุทธ์สามคนที่กำจายคลื่นหลิงเชี่ยวกราก แต่ละคนราวกับมหาสมุทรที่ซัดมาจากที่ไกล


“อาณาเขตกงเวทสวรรค์ หน่วยรบแยกคีรี!


“อาณาเขตกงเวทสวรรค์ หน่วยรบเทพผาถ้ำ!”


“อาณาเขตกงเวทสวรรค์ หน่วยรบกระบี่เทพ!”


เสียงสามเสียงเปล่งออกมาราวกับเสียงคำรณ ก่อนที่จะรวมตัวกันแล้วระเบิดออก ทำให้ทั่วบริเวณโยกคลอน แม้แต่เจ้าภูเขาเหยียนหลังและเจ้าภูเขาเทียนสงยังมีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรง


“ใครกล้าฆ่าพรรคพวกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้า?!”


บทที่ 854 พลิกสถานการณ์

ริ้วแสงกว้างใหญ่พาดลงมาจากขอบฟ้า


เผยภาพหน่วยรบยิ่งใหญ่ทั้งสามยืนอหังการอยู่บนท้องฟ้า กองทัพอื่นๆ ที่เฝ้ามองก็อดอ้าปากตาค้างไม่ได้ ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสายตากันแล้วสูดอากาศเย็นเข้าไปในปอด…


เวลานี้มีหน่วยรบของอาณาเขตกงเวทสวรรค์มาเสริมที่นี่ถึงสามหน่วยรบเลยทีเดียว!


ทั่วบริเวณนี้แค่เพียงกองทัพของหมู่ตึกเทวะและอาณาเขตกงเวทสวรรค์รวมกันก็เกือบจะมีนักรบถึงแสนคนแล้ว นี่แทบจะเปิดศึกยักษ์ชนยักษ์ได้เลย!


ใครจะคิดว่าการปิดล้อมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในตอนแรกจะเพิ่มแสนยานุภาพขนาดนี้


หากทั้งสองสำนักเปิดศึกกันที่นี่จริงๆ ละก็ คงมีศพนอนเกลื่อนพื้น เลือดฉาบบนท้องฟ้าเป็นแน่…


กองทัพอื่นๆ ที่มองการเชิญหน้าครั้งนี้ก็ถอยออกไปเงียบๆ พิจารณาจากสภาพการณ์ปัจจุบัน เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นก็จะเป็นศึกนองเลือดระหว่างหมู่ตึกเทวะและอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ถ้าพวกเขาถูกลากเข้าไปในสมรภูมิ ด้วยพลังของพวกเขาคงยังไม่สามารถทนรับแรงทำลายล้างจากสองขั้วอำนาจใหญ่ได้


ขณะที่กองทัพอื่นๆ ถอยไปจากบริเวณนี้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของฟังยี่และเจ้าภูเขาทั้งสามแห่งหมู่ตึกเทวะก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด


พวกเขาไม่คิดว่าการเสริมกำลังของอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทรงพลังขนาดนี้


เลี่ยซันเป็นหนึ่งในสามลำดับแรกของผู้บัญชาการอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หงหยาและหลิงเจี้ยนก็ต่างมีชื่อเสียงที่โดดเด่นไม่แพ้กัน หน่วยรบของพวกเขาก็ทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ยิ่งบวกหน่วยรบวิหคโลกันตร์และหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตเข้าไปด้วย สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายก็พลิกผันทันที


นั่นเพราะฝั่งพวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกสามคนเท่านั้น แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เพิ่มจากสองเป็นห้าคนเลยทีเดียว!


หากศึกนองเลือดเกิดขึ้น หมู่ตึกเทวะจะต้องจ่ายราคาแสนสาหัสแน่นอน


เมื่อเปรียบกับพวกฟังยี่ที่มีสีหน้าน่าเกลียดแล้ว จิ่วโยวและเสี่ยยิงกลับโล่งใจไปหลายส่วน โชคช่วยมากที่กำลังเสริมมาทันเวลา มิฉะนั้นพวกเขาเละเป็นโจ๊กแน่


“ที่แท้เจ้าก็วางแผนเรื่องกำลังเสริมไว้เหมือนกัน” จิ่วโยวกลอกตาใส่มู่เฉิน เขามีไหวพริบไม่ต่างกับฟังยี่ ทั้งคู่ต่างใช้แผนซ้อนแผนแก้ไขสถานการณ์ของกันและกัน


“พวกเราคงต้องจ่ายไม่น้อย ถ้าต้องการจัดการกองทัพจระเข้สวรรค์ ดังนั้นการรอกำลังเสริมมาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”


มู่เฉินยิ้มบาง “เพียงแต่ข้าไม่คิดว่าฟังยี่ก็วางแผนนี้เช่นกัน โชคดีที่กำลังเสริมของเราทรงพลังกว่า”


จิ่วโยวพยักหน้าในที่สุดหัวใจก็กลับมาเต้นจังหวะปกติ ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมของอาณาเขตกงเวทสวรรค์แล้ว ถึงคราวพวกหมู่ตึกเทวะต้องเป็นฝ่ายกังวลบ้าง


“ฮ่าๆ ข้าก็สงสัยว่าใครกล้าตลบหลังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ พวกหมู่ตึกเทวะนี่เอง แต่ดูเหมือนจะไม่มีพวกตัวเก่งเลยนะ ทำไม? เจ้าภูเขาเทียนหลงกับเจ้าภูเขาไป๋หู่ไม่อยู่เหรอ? บนท้องฟ้าเลี่ยซันยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพแยกคีรีที่มีรัศมีจั้นยี่ดุเดือด สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง เสียงหัวเราะที่สร้างแรงกดดันยิ่งใหญ่ดังก้องไปทั่วบริเวณ


เลี่ยซันไม่ธรรมดาและติดลำดับต้นของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ในแง่ของชื่อเสียงก็โด่งดังกว่าจิ่วโยวและผู้บัญชาการอีกสามคนที่อยู่ที่นี่


นอกจากนี้ชัดว่าเขายังมีพลังเหนือล้ำเลยทีเดียว แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเหมือนกัน แต่มู่เฉินก็รู้สึกได้คลุมเครือว่าแรงกดดันที่พล่านออกมาจากร่างอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งกว่าผู้บัญชาการคนอื่น


ในสมรภูมินี้ไม่ว่าจะเป็นฝั่งหมู่ตึกเทวะหรืออาณาเขตกงเวทสรรค์ก็ดูเหมือนจะไม่มีจอมยุทธ์คนไหนที่มีพลังมากกว่าเลี่ยซันเลย


ดังนั้นเมื่อคำพูดเปล่งออกไป ก็ทำเอาใบหน้าของสูป้า เจ้าภูเขาเหยียนหลังและเจ้าภูเขาเทียนสงมืดครึ้มลง แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้งอะไร นั่นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าขุมพลังของเลี่ยซันมาถึงระยะปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นหกแล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าพวกเขาระดับหนึ่ง


“ถ้าเจ้าภูเขาเทียนหลงกับเจ้าภูเขาไป๋หู่อยู่ที่นี่ ผู้บัญชาการเลี่ยซันก็ไม่พูดแบบนี้หรอก” ฟังยี่ที่สงบเงียบพูดพลางจ้องมองเลี่ยซันและพูดขึ้น


ในฐานะจอมยุทธ์ชั้นสูงที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากหมู่ตึกเทวะ ฟังยี่จึงเต็มไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรจากการข่มขู่ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นหกระยะปลายสุดของเลี่ยซัน


“ไม่มีความหมายที่จะสร้างสมมุติฐานที่ไร้ประโยชน์แบบนี้นะพี่ฟังยี่” มู่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม แววหยอกล้อฉายที่มุมปากทำเอาใบหน้าของฟังยี่ดิ่งลง เปลวเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวคุกรุ่นอยู่ในใจ สถานการณ์ที่คาดว่าอยู่ในมือกลับตาลปัตร กระต่ายที่อยู่ในปากกลับงอกเขี้ยวแหลมคมพยายามจะกัดตอบ


“แกคิดว่าตัวเองจะชนะจากกำลังเสริมที่แข็งแกร่งกว่าเรอะ?” คำพูดของฟังยี่เย็นชาขณะจ้องมองมู่เฉินด้วยแววตาคมกริบ “ถ้าเราสู้กันจริง พวกเจ้าก็ต้องจ่ายไม่น้อย ดังนั้นข้าขอเตือนว่า…”


แต่มู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับการคุกคามของอีกฝ่าย เขาไม่รอให้ฟังยี่พูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองผู้บัญชาการทั้งสาม “ทั้งสามท่าน ตั้งกระบวนทัพเถอะ ในเมื่อมาแล้วก็ต้องให้เห็นเลือดออกกันมั่ง มิฉะนั้นคนอื่นจะเอาไปพูดได้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ดีแต่คุย”


“ผู้บัญชาการเสี่ยยิง เมื่อเราเคลื่อนพล ก็ขอให้เจ้าหาโอกาสนำทัพตะลุยเปิดทางออกมา” สายตาของมู่เฉินเบนไปมองหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตในหุบเขา พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด


“ได้เลย!”


เลี่ยซันหัวเราะสาสมใจในน้ำเสียง ชัดว่ารู้สึกชอบในการตัดสินใจเด็ดขาดแบบนี้ของมู่เฉิน ในเมื่อเวลานี้พวกเขาเหนือกว่าก็ต้องเอาทุกอย่างใช้ให้หมด สำหรับราคา ทุกสิ่งอย่างก็ต้องมีการสูญเสียเสมอ พวกเขาไม่สามารถหยุดได้เพียงเพราะต้องจ่ายราคาบางส่วนออกไป


พร้อมกับเสียงหัวเราะก้องของเลี่ยซันแล้ว หน่วยรบแยกคีรีก็คำรามลั่น เสียงพวกเขาดังสะท้อนไปทั่วบริเวณนี้ รัศมีจั้นยี่น่าอัศจรรย์ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า


จำนวนนักรบแยกคีรีมีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน ซึ่งมากกว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ จากจุดนี้จุดเดียวก็สามารถมองเห็นรากฐานยิ่งใหญ่ของหอแยกคีรีในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ แม้ว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์จะพยายามไล่ตามในช่วงปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับราชันชาญศึกของอาณาเขตกงเวทสวรรค์


สำหรับอีกสองหน่วยรบก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่ออกมาอย่างพร้อมเพรียง หน่วยรบทั้งสามเข้าล้อมกองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนที่อยู่บนท้องฟ้าเอาไว้ ขณะที่รัศมีจั้นยี่ระเบิดออกไปทั่ว


ใบหน้าของฟังยี่ สูป้าและคนอื่นๆ ถึงกับเขียวคล้ำ พวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะตัดสินใจเด็ดขาดโดยไม่คำนึงสิ่งที่จะต้องจ่ายในศึกนองเลือดครั้งนี้เลย


“ตอนนี้ควรทำยังไง?”


ฟังยี่และเหล่าเจ้าภูเขาพูดคุยกันภายใต้คลื่นหลิงที่ห่อหุ้มเอาไว้ จากสถานการณ์ปัจจุบันอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถือไพ่เหนือกว่า ถ้าพวกมู่เฉินเต็มใจที่จะจ่ายราคา สามทัพของหมู่ตึกเทวะตกที่นั่งลำบากแน่


ใบหน้าของฟังยี่บิดเบี้ยวก่อนจะกัดฟันกรอดพูดว่า “ถอยเถอะ เราต้องรักษาพลังของเรา ไม่ควรจะสู้ศึกที่เสียเปรียบเช่นนี้ รอให้กองทัพของหมู่ตึกเทวะมารวมตัวกัน การแก้แค้นเรื่องวันนี้ก็ยังไม่สาย!”


เมื่อได้ยินสามเจ้าภูเขาก็ทำได้เพียงกัดฟันกรอดพลางพยักหน้า ถ้าพวกเขาสู้ในสถานการณ์นี้ ก็คงจะบาดเจ็บหนักกันถ้วนทั่ว แม้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะต้องสูญเสียไม่แพ้กัน แต่ชัดว่าหมู่ตึกเทวะจะต้องสูญเสียมากกว่า


ตู้ม!


ในเมื่อตัดสินใจแล้ว พวกเขาก็ไม่ลังเล แต่ละคนโบกมือส่งสัญญาณ กองทัพที่ด้านหลังก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่ กลายเป็นลำแสงยิงออกไปสามทิศทาง


“ในเมื่อมาแล้วก็ต้องทิ้งอะไรไว้หน่อยสิ” เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เลี่ยซันก็เค้นเสียงเย็นขึ้นจมูก เขาโบกมือส่งสัญญาณ ทันใดนั้นรัศมีจั้นยี่แยกคีรีก็กวาดออก ก่อตัวเป็นหอกนับไม่ถ้วน ล้อมกองทัพหมีเวหนที่กำลังถอยร่นออกไป


ส่วนอีกสองผู้บัญชาการก็นำทัพเข้าโรมรันกองทัพหมาป่าเพลิง


ตู้ม!


แม้ว่ากองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนจะล่าถอย แต่พวกเขาก็ตั้งแนวป้องกันเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเห็นการโจมตีพุ่งเข้ามา พวกเขาก็เร้ารัศมีจั้นยี่ออกมาเพื่อป้องกัน รัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตปะทะกันเปรี้ยงปร้าง ทำเอามิติถึงกับสั่นสะเทือน


พายุรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงกวาดออกซัดเข้าใส่ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าจนพังทลายลงกลายเป็นที่ราบเลยทีเดียว


แต่เผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของสามหน่วยรบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ กองทัพหมาป่าเพลิงและกองทัพหมีเวหนที่มีความคิดจะถอยอยู่แล้วก็ไม่สามารถต้านทานได้ ขณะที่รัศมีจั้นยี่ปะทะกันเปรี้ยงๆ รัศมีกองทัพทั้งสองของหมู่ตึกเทวะก็กระเพื่อมไหว ทำให้มีร่างแสงจำนวนมากดิ่งพสุธาลงมาจากกกองทัพ ทั้งหมดนั้นเป็นนักรบที่ได้รับบาดเจ็บหรือที่ตายไป…


มู่เฉินก็ทะยานไปบนท้องฟ้าในเวลานี้ ปรากฏตัวเบื้องหน้าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ แสงสีทองกะพริบวูบวาบบนชั้นผิว บาดแผลที่ได้รับจากการต่อสู้กับฟังยี่ก็เกือบจะหายดีเนื่องจากพลังในการฟื้นฟูที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งทียบได้กับเทพอสูรเลยทีเดียว


“เราจะฟัดใครดี?” จิ่วโยวยืนอยู่ด้านข้างมู่เฉินถามอย่างตื่นเต้น ยืนรอมาตั้งนานในที่สุดนางก็จะได้ยืดเส้นยืดสายเสียที


สายตามู่เฉินพุ่งเป้าไปที่ฟังยี่ที่กำลังถอยหนีออกไปพร้อมกับกองทัพจระเข้สวรรค์ เห็นชัดว่าเขารู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับอีกฝ่ายนัก ครั้งนี้แม้เขาใช้ไพ่ตายไปมากมาย แต่ก็สามารถแค่บีบฟังยี่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ นี่ทำให้เขาเข้าใจดีว่าเจ้าบันทึกมังกรหงส์สมคำล่ำลือจริงๆ


ในเมื่อเขาบีบอีกฝ่ายจนมีสภาพแบบนี้แล้ว ก็ไม่สามารถปล่อยให้มันหนีไปได้ง่ายๆ หรอก


“เราปล่อยมันไปไม่ได้”


ดังนั้นมู่เฉินจึงชี้นิ้วไปยังฟังยี่ที่กำลังถอยไปกับกองทัพจระเข้สวรรค์ รัศมีสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาสีดำ


“ลงมือ!”


มู่เฉินโบกมือลงฉับพลัน หน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่อยู่เบื้องหลังก็คำรามลั่น หลังจากอดทนมาครึ่งค่อนวันในที่สุดก็ถึงเวลาระเบิดความเกรี้ยวกราดเสียที!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)