หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 829-830

 บทที่ 829 เทพอสูรร่างมนุษย์

ซ่า!


น้ำสีแดงเลือดกลิ้งตัวไม่จบสิ้นโถมซัดในบ่อหิน อสรพิษเลือดก่อตัวอย่างต่อเนื่องและกัดฉกมู่เฉิน เผยนิสัยก้าวร้าวออกมา


ทว่าลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าดูเหมือนจะถูกท้าทายจากปฏิกิริยาของเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ จึงเปล่งเสียงคำรามที่รุนแรงออกมา ทำให้อสรพิษเหล่านี้แตกสลายและดูดถูกเข้าไปในลวดลาย


เมื่อเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณเทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าของมู่เฉินก็ค่อยๆ สว่างขึ้น แต่ขณะเดียวกันความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายก็ปะทุเปรี้ยงปร้างออกมาจากร่างของมู่เฉิน


ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้ใบหน้ามู่เฉินซีดลงหลายส่วน เมื่อเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณเข้าสู่ร่างกายและก็เริ่มสร้างหายนะขึ้นที่ภายใน แก่นเลือดเทพอสูรดังกล่าวมีความป่าเถื่อนเปี่ยมไปด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว แต่มู่เฉินก็ไม่สามารถจัดการสยบได้ เนื่องจากจะไปรบกวนการปลุกวิญญาณแท้จริง หากกระบวนการนี้จบลงที่ความล้มเหลว เขาก็หน้าด้านไม่พอจะไปบอกมั่นถัวหลัวให้รวบรวมเลือดกลั่นมาเพื่อเขาอีกครั้ง


“เวรเอ๊ย!” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะสบถ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายเขาจะยุ่งเหยิงไปหมดด้วยแก่นเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ จนตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องยากเย็นในการฝึกคัมภีร์หลงเฟิ่งขนาดไหน


ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นการชำระเลือดเทพอสูรชนิดแรกเท่านั้น! ถ้าแค่นี้เขายังไม่สามารถทนได้ เขาจะทนต่อแก่นเลือดอีกเก้าชนิดได้อย่างไร?


มู่เฉินขมวดคิ้ว สายตาวูบไหวขณะนึกถึงวิธีการที่จะจัดการกับเรื่องนี้ แต่ไม่นานแสงสายหนึ่งก็วาบขึ้นในดวงตาขณะรอยยิ้มเย้ยหยันเผยบนมุมปาก


“เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ ดุนักใช่ไหม ได้…ในร่างข้ายังมีบางอย่างที่ดุกว่าแกอีก!”


มู่เฉินหลับตาลงขณะแสงสีทองเข้มเบ่งบานบนพื้นผิวหนัง เส้นใยสีทองเข้มเปล่งประกายในเลือดเขาจากนั้นเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ดังสะท้อนจากภายใน


พวกมันก็คือแก่นเลือดมังกรหงส์!


มู่เฉินได้ดูดซับแก่นเลือดมังกรหงส์ปริมาณมหาศาลเอาไว้เพื่อสร้างกายามังกรหงส์ ดังนั้นจึงมีร่องรอยรัศมีแท้จริงที่เป็นของมังกรและหงส์ฟ้าอยู่ในร่างกาย


แม้ว่าลำดับของอสรพิษเก้าหัวโบราณจะไม่ต่ำนัก แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าเทพอสูรอย่างมังกรกับหงส์ฟ้า


ดังนั้นเมื่อแสงสีทองกระจายออกมาพร้อมเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้า เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณที่กำลังอาละวาดในร่างเขาก็เหมือนเผชิญคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ แสงสีทองปกคลุมเข้ามาทำให้เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณพากันหนี สุดท้ายภายใต้การไล่ล่าของมู่เฉินก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในลวดลายมังกรและหงส์ฟ้า


ด้วยความช่วยเหลือของเลือดมังกรหงส์ ทำให้สถานการณ์ของมู่เฉินกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาตั้งสติเริ่มดูดซับเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณเข้าไปอย่างเต็มที่…


และการดูดซับนี้ก็คงอยู่ถึงสี่วัน


ในช่วงสี่วัน มู่เฉินสามารถสัมผัสได้เลือนรางถึงบางสิ่งที่ค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิตกลับมาบนแผ่นอกและแผ่นหลังเขา


ในตอนเย็นวันที่สี่ ระดับน้ำในบ่อหินก็แห้งขอด เมื่อน้ำเลือดหมดไป มู่เฉินก็พลิกนิ้ว ครั้งนี้ขวดหยกสองขวดแตกออกพร้อมกันหยดเลือดต่างสีหล่นลงมา เปลี่ยนเป็นน้ำเลือดเดือดพล่านปกคลุมร่างของมู่เฉินไว้ภายในอีกครั้ง


มู่เฉินนั่งอยู่ที่ก้นบ่อหินไม่เคลื่อนไหว ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าเรืองรองมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจำนวนแก่นเลือดเทพอสูรที่หลั่งไหลเข้าไปในลวดลายมากขึ้น พวกมันดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว


ใยเลือดสีแดงเข้มค่อยๆ ปกคลุมผิวกายของมู่เฉิน ขณะที่พวกมันโอบล้อมรอบตัวเขา


ในเวลาครึ่งเดือนต่อมา มู่เฉินไม่เคยก้าวออกจากบ่อหินเลย เมื่อแก่นเลือดเทพอสูรหยดลงในบ่อมากขึ้น กลิ่นคาวเลือดก็กลายเป็นแสงสีเลือดพวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า สร้างความแตกตื่นให้กับหอวิหคโลกันตร์


ความปั่นป่วนนี้ทำให้แม้แต่จิ่วโยวที่เก็บตัวฝึกยุทธ์ยังตกใจ นางพุ่งตัวเข้ามาในบ่อหิน เมื่อตรวจดูว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับมู่เฉิน นางถึงได้โล่งใจและสั่งให้ปิดบริเวณนี้ไว้


“เจ้านี่ชักบ้าบิ่นเกินไปแล้ว” จิ่วโยวยืนอยู่ด้านนอกบ่อหิน มองมู่เฉินที่กำลังฝึกที่ก้นบ่อก่อนจะส่ายหน้าจนใจ ฝึกแบบนี้ยังไม่ให้ใครมายืนคุ้มกันอีก ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร


แม้ว่านางจะตำหนิมู่เฉิน แต่นางก็วางการฝึกไว้ก่อนและนั่งอยู่ด้านนอกคุ้มกันเขา


“แก่นเลือดพวกนี้…” เมื่อจิ่วโยวนั่งลง นางก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงรุนแรงในบ่อเลือด ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปพร้อมกับความประหลาดใจวูบไหวในดวงตา


“เจ้านี่กำลังฝึกวิชาอะไรอยู่ถึงต้องใช้เลือดเทพอสูรมากขนาดนี้?” หัวใจของจิ่วโยวสั่นไหวขณะสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วน แม้ว่าแก่นเลือดเทพอสูรจะสามารถชำระกายได้ แต่พวกมันส่วนมากก็ครอบงำเกินไป ไม่อาจดูดซับไว้ได้โดยง่าย ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินที่พยายามจะดูดซับแก่นเลือดเทพอสูรทั้งสิบชนิดติดต่อกันเลย หากเขาถูกเลือดเทพอสูรเหล่านั้นต่อต้าน ก็จะเกิดเรื่องยุ่งขึ้นแน่นอน


แต่ความกังวลใจของนางไม่ได้อยู่นาน นางได้ยินเสียงมังกรและหงส์ฟ้าดังมาจากร่างของมู่เฉิน ทันใดนั้นหัวใจนางก็กระตุก


“นั่นมันแรงกดดันแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า!”


การเป็นสมาชิกในเผ่าวิหคโลกันตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวิวัฒนาการเข้าสู่การเป็นวิหคอนธโลกันตร์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเผ่าใหญ่ในหมู่เทพอสูร วิหคอนธโลกันตร์มีสายเลือดของวิหคอมตะที่นับว่าอยู่ในตระกูลเดียวกับหงส์ฟ้า วิหคอมตะยังเป็นเทพอสูรชั้นยอดในเผ่าหงส์ฟ้า แต่เนื่องจากมีน้อยมากจึงไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าหงส์ฟ้า


ดังนั้นเมื่อจิ่วโยวสัมผัสถึงแรงกดดันของหงส์ฟ้าแท้จริงที่แผ่ออกมาจากร่างมู่เฉิน สีหน้าของนางก็พิลึกไป ในร่างเจ้านี่มีทุกอย่างเลยจริงๆ


จิ่วโยวส่ายหน้าจนคำพูด ปัดเรื่องนี้ออกจากสมองข่มใจให้สงบ รอให้มู่เฉินฝึกเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน


และการรอคอยก็กินเวลาทั้งเดือน


ในส่วนลึกของหอวิหคโลกันตร์ แม้แต่ท้องฟ้ายังถูกย้อมเป็นสีแดง เมื่อมองไกลๆ แล้วก็ดูราวกับว่าเมฆลุกไหม้ช่างแปลกประหลาดตายิ่งนัก แต่จิ่วโยวไม่ได้มีอารมณ์จะชื่นชมสิ่งรอบตัว นางจ้องมองบ่อหินด้วยความร้อนใจ เนื่องจากมีเสียงคำรามหลากหลายดังมาจากในนั้น


ในบ่อเลือดเดือดพล่าน มู่เฉินนั่งอยู่ที่ก้นบ่อ ตอนนี้รอบตัวเขามีร่างสีเลือดขนาดใหญ่จำนวนมากคำรามอย่างดุร้ายใส่


ร่างสีเลือดเหล่านี้เกิดจากแก่นเลือดเทพอสูรที่เขาดูดซับและชำระ ซึ่งยังมีเศษเสี้ยววิญญาณอยู่ในเลือดเหล่านั้น ตอนแรกมู่เฉินสามารถสยบพวกมันด้วยแรงกดดันแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า แต่เมื่อจำนวนของเลือดเทพอสูรเพิ่มมากขึ้น พวกมันก็รวมตัวกันต่อต้านแรงกดดันของมังกรกับหงส์ฟ้า เนื่องจากพวกมันสัมผัสได้ว่าหากไม่ต่อต้านอีก จิตวิญญาณที่เหลืออยู่ก็จะถูกลบออกและดูดกลืนจนหมด


ต้องยอมรับว่าจิตวิญญาณของเทพอสูรเหล่านี้กำจัดยากเย็นนัก ยิ่งพวกมันมารวมตัวกันต่อต้านแล้ว แม้แต่แรงกดดันมังกรและหงส์ฟ้ายังยากจะมีผลเหมือนในตอนต้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างสมบูรณ์


“มาไกลขนาดนี้ ข้าไม่ยอมให้พวกแกมาทำลายได้หรอก!” มู่เฉินกำหมัดแน่น จากนั้นก็สูดหายใจเต็มปากและแข็งใจ ในเมื่อพวกเจ้าอยากกัดกร่อนข้า งั้นข้าก็จะโอกาสสักรอบ


ความคิดวูบไหว แสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างเขาก็หายไป เมื่อปราศจากการขัดขวางของแสงสีทองแล้ว ร่างเทพอสูรทั้งสิบก็ส่งเสียงคำราม ฝังตัวเข้าไปในร่างของมู่เฉิน


แสงสีเลือดเริ่มแผ่กระจายไปทั่วสรรพางค์กาย


“โดนแก่นเลือดเทพอสูรกัดกร่อน?!” สีหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนไปเมื่อเห็นฉากนี้ นางว่าแล้วต้องเกิดอุบัติเหตุในการดูดซับเลือดเทพอสูรมากเกินไปในครั้งเดียว


โฮก!


ขณะที่จิ่วโยวเกิดความกังวลในหัวใจ มู่เฉินก็ทุ่มพลังทั้งหมดลงไป เขาปลุกเร้าพลังกายามังกรหงส์เต็มพิกัด เช่นเดียวกับเลือดมังกรหงส์ที่ซ่อนอยู่ในเลือดเนื้อของเขา


แสงสีทองเข้มเคลื่อนผ่านเลือดเนื้อ จากนั้นก็สยบแสงสีเลือดอย่างไร้ปรานี


แสงสองสีกัดกร่อนซึ่งกันและกันอย่างบ้าคลั่ง แต่เนื่องจากที่นี่เป็นร่างกายของมู่เฉิน ดังนั้นเมื่อกายามังกรหงส์กับเลือดมังกรหงส์ระเบิดออกมาสมบูรณ์แบบ แสงสีเลือดที่เกิดจากเทพอสูรทั้งสิบก็ถูกโจมตีจนอ่อนกำลังอย่างต่อเนื่อง


แน่นอนว่าผลลัพธ์ของสิ่งนี้ทำให้ร่างกายของมู่เฉินกลายเป็นสนามรบสมบูรณ์ คลื่นกระแทกที่ก่อตัวขึ้นจากแรงปะทะ หากไม่ใช่เพราะกายามังกรหงส์ที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายแล้วละก็ ร่างเขาคงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จากผลกระทบ


“ดูดกลืนให้หมด!”


สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรง ทั้งดุร้ายและบิดเบี้ยว แต่ในดวงตาไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย เขาคำรามในใจทำให้แสงสีทองกวาดออกมา


แสงสีทองพวยพุ่งพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังกระหึ่ม ราวกับจักรพรรดิกำลังกวาดล้างเหล่ากบฏ ภายใต้ผลกระทบแสงสีเลือดของเทพอสูรทั้งสิบก็แตกสลาย


แสงสีเลือดทั้งหมดถูกดูดซับไว้ในลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าของมู่เฉิน


มู่เฉินลืมตาโพลง เขารู้สึกได้ว่าเลือดเนื้อบนแผ่นอกและแผ่นหลังสั่นสะท้าน ราวกับว่ามีบางสิ่งในเลือดเนื้อแตกสลายและฟื้นคืนขึ้นมา


โฮก!


ร่างของมู่เฉินทะยานขึ้นพร้อมกับคำรามลั่น เสียงคำรามฟังดูเหมือนเสียงมังกรและหงส์ฟ้าร้องในเวลาเดียวกัน แสงสีทองขนาดใหญ่พวยพุ่งจากร่าง แม้แต่ชั้นเมฆยังถูกผ่าแยกตัวจากกัน


จิ่วโยวเงยหน้าขึ้นมองร่างที่อยู่ในแสงสีทอง นางรู้สึกคลุมเครือจากการถูกข่มเล็กน้อย นี่ไม่ใช่การข่มที่เกิดจากคลื่นหลิง แต่เป็นการข่มที่มาจากเทพอสูรที่อยู่ในระดับเดียวกัน


ตอนนี้ความรู้สึกของมู่เฉินที่ให้กับนางก็คือเทพอสูรร่างมนุษย์!



บทที่ 830 ยาหยุ่นลั้ว

แสงสีทองค่อยๆ สลาย


เมื่อจางหายไปจนหมดสิ้น แรงกดดันที่กำจายออกมาจากร่างมู่เฉินก็หดหายไปด้วยเช่นกัน เขาก้มหน้าลงมองแผ่นอก ก็อดอึ้งไปไม่ได้


บนแผ่นอกมีมังกรแท้จริงกำลังแหวกว่ายอยู่ใต้ผิว มังกรนี้มีชีวิตชีวาราวกับว่าเป็นตัวจริงที่อยู่ในร่างมู่เฉิน


ใบหน้ามู่เฉินเปี่ยมไปด้วยแววอัศจรรย์ใจ เขาไม่คิดว่าหลังจากกระตุ้นลวดลายมังกร มันจะกลายเป็นเช่นนี้…นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้เลืองรางว่ามังกรจิ๋วตัวนี้เหมือนจะอัดแน่นด้วยพลังงานน่ากลัว


สายตาเขาวูบไหว จากนั้นด้วยเจตจำนงในหัวใจ มังกรก็ขยับไปที่หมัดอย่างรวดเร็ว เขากำหมัดแน่นพลางซัดออกไป


โฮก!


เมื่อหมัดพุ่งออกไป เสียงมังกรคำรามรุนแรงก็ลั่นดังในบริเวณนี้ รอยร้าวปรากฏบนมิติเบื้องหน้าจากหมัดหลุ่นๆ หมัดเดียว


ซู้ด!


มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะสูดปากเมื่อเห็นภาพนี้ เขาแค่เหวี่ยงหมัดออกไปเบาๆ เท่านั้นแล้วก็ควบคุมมังกรอีกนิดหน่อย ไม่คิดว่าจะเกิดพลังทำลายล้างจากมันปานนี้


หลังจากกระตุ้นวิญญาณมังกรแท้จริงสำเร็จ มันก็น่าสะพรึงกว่าแต่ก่อนมากเลยทีเดียว


“วาบ!”


ร่างจิ่วโยวปรากฏตรงหน้ามู่เฉิน นางมองมังกรแท้จริงที่เคลื่อนตัวบนแผ่นอกของมู่เฉินด้วยความอัศจรรย์ใจ ตัวนางเองก็เป็นเทพอสูร ดังนั้นจึงสัมผัสได้ถึงรัศมีคุกคามที่แผ่ออกมาจากมังกรจิ๋ว


นี่เป็นของสายเลือดมังกรบริสุทธิ์


มู่เฉินสัมผัสถึงมังกรที่เคลื่อนไปตามแผ่นอก จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขายิ้มให้จิ่วโยว “ลองโจมตีข้าดูสิ”


จิ่วโยวเหลือบมองมู่เฉินด้วยความสงสัย แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรสะบัดนิ้วออกไปเบาๆ พลังคมชัดรุนแรงกวาดออกราวกับสายฟ้าฟาดพุ่งเป้าไปที่แผ่นอกของมู่เฉิน


เผชิญหน้ากับการโจมตีจากจิ่วโยว มู่เฉินกลับไม่ป้องกันแต่อย่างใด แม้แต่คลื่นหลิงบนร่างยังลดลง ปล่อยให้คลื่นหลิงสายนั้นโจมตีเข้ามา


ชี่!


ทว่าขณะที่คลื่นหลิงกำลังจะสัมผัสตัวมู่เฉิน มังกรที่แหวกว่ายบนแผ่นอกก็ปล่อยเสียงคำรามต่ำลึก มันอ้าปากกลืนกินคลื่นหลิงที่พุ่งเข้ามาทันที


หลังจากกลืนกินคลื่นหลิงเรียบร้อย วิญญาณมังกรแท้จริงก็สั่นไหวเบาๆ ก่อนจะกลับสู่สภาวะปกติ แหวกว่ายใต้ผิวหนังของมู่เฉินต่อไปเงียบๆ


จิ่วโยวมองภาพนี้ด้วยสีหน้าอัศจรรย์ใจ


มู่เฉินอดยิ้มกริ่มไม่ได้ ไม่เพียงแต่วิญญาณมังกรแท้จริงจะมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับเขาแล้ว มิหนำซ้ำยังมีความสามารถในการป้องกันอีกด้วย การปกป้องทรงพลังไม่ด้อยไปกว่าเกราะมังกรหงส์เลย ถ้ามู่เฉินเรียกใช้เกราะมังกรหงส์บวกพลังป้องกันร่างกาย เผชิญกับการป้องกันทั้งสามชั้นนี้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้ายังต้องรู้สึกปวดหัวแน่นอน


ถ้าเขากระตุ้นวิญญาณมังกรหงส์ได้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ตอนที่สู้กับชิวไท่ยิง เขาคงไม่ต้องถูกบีบให้ซ่อนอยู่ในร่างเทห์สวรรค์เพื่อสร้างค่ายกลโต้กลับหรอก


“ที่เจ้าฝึกคืออะไรกันแน่เนี่ย?” ในที่สุดจิ่วโยวก็อดรนทนไม่ไหวต้องตั้งคำถาม ตอนนี้มู่เฉินดูราวกับเทพอสูรมากกว่านางเสียอีก


มู่เฉินหัวเราะแห้ง ไม่ได้ปิดบังจิ่วโยว เขาบอกไปตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องของคัมภีร์หลงเฟิ่ง


พอได้ยินที่มู่เฉินพูด จิ่วโยวก็ไร้คำพูดไปครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็อดขมวดคิ้วมองวิญญาณมังกรแท้จริงบนแผ่นอกของมู่เฉินไม่ได้ “ในอนาคตหากเจ้าเจอกับสมาชิกเผ่ามังกรและหงส์ฟ้า อย่าให้พวกเขาค้นพบวิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนตัวเจ้านะ…”


“ทำไม?”


“เผ่ามังกรและหงส์ฟ้าเป็นสุดยอดเผ่าเทพอสูร พลังของพวกเขาเทียบเท่ากับเผ่าโบราณที่ซ่อนตัว ยิ่งกว่านั้นมังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงยังเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นยอดในเผ่าตัวเอง ดังนั้นหากพวกเขาค้นพบว่าเจ้ามีวิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงละก็ พวกเขาอาจจะลงมือกับเจ้าเพื่อแย่งชิงเอาไป” จิ่วโยวเอ่ย


ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเผ่ามังกรกับหงส์ฟ้าจะเผด็จการขนาดนี้ แต่โชคดีที่วิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงยังอ่อนแอในตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่น่าดึงดูดความสนใจของเผ่าพันธุ์เหล่านั้นได้ ส่วนในอนาคตหากเขาฝึกวิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงจนได้ระดับสูง เขาก็คงไม่อ่อนแอแล้วเมื่อถึงตอนนั้น


“ข้าจะระวังตัว” มู่เฉินพยักหน้า


ใบหน้าของจิ่วโยวคลายลง แต่ขณะที่จะพูดต่อ เสียงระฆังใสกังวานก็ดังขึ้นในส่วนลึกของเขตต้าหลัวเทียน จังหวะช่างฟังดูเร่งเร้าผสานกับรังสีสังหารบางจาง


เมื่อมู่เฉินกับจิ่วโยวได้ยินเสียงระฆัง สายตาก็หดเกร็งงมองไปที่ส่วนลึกของเขตต้าหลัวเทียน พวกเขาทราบดีว่านี่เป็นระฆังที่ใช้เรียกประชุมของเหล่าผู้บัญชาการ เวลาเดียวกันก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสงครามกำลังเริ่มต้น


“สงครามกำลังจะเริ่มแล้ว”


ในตำหนักหลักของเขตต้าหลัวเทียน


บรรยากาศในโถงใหญ่เคร่งเครียดลงอย่างยิ่ง ประมุข สามจอมพล สิบผู้บัญชาการและขั้วอำนาจที่สวามิภักดิ์มารวมตัวกันในโถงใหญ่ นี่อาจนับว่าเป็นการรวมตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ จากจุดนี้เห็นได้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์มองสงครามล่าว่าสำคัญเพียงใด บอกว่างานนี้เป็นการบุกเต็มกำลังของพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง


มู่เฉินนั่งอยู่บนบัลลังก์หินภายในโถงกับจิ่วโยวที่อยู่ทางขวาโดยมีเหล่าผู้บัญชาการนั่งเรียงลำดับ ชั้นสูงขึ้นไปก็คือสามจอมพลและมั่นถัวหลัวผู้ไร้เทียมทาน


ที่ผ่านมามู่เฉินทำเพียงติดตามจิ่วโยวมาในการประชุมและยืนอยู่ด้านหลังนางราวกับผู้คุ้มกัน แต่เมื่อตอนนี้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการแล้ว จึงได้รับการปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับจิ่วโยว


ในโถงประชุมบรรยากาศบีบคั้นอย่างยิ่ง มั่นถัวหลัวนั่งบนบัลลังก์สูงมองลงมายังทุกคน ก่อนเสียงเยาว์วัยจะดังขึ้น “เจ็ดวันนับจากนี้ไป พายุผลึกวิญญาณในสมรภูมิหยุ่นลั้วจะอยู่ในจุดอ่อนกำลังมากที่สุด ถึงตอนนั้นสงครามล่าจะอุบัติขึ้น”


แม้ว่าทุกคนจะเตรียมพร้อมแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงประกาศ สายตาก็อดสั่นไหวไม่ได้ เผชิญหน้ากับสงครามโหดร้ายอย่างสงครามล่า แม้แต่ขั้วอำนาจสูงสุดอย่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในภูมิภาคทางเหนือก็ไม่สามารถประมาทได้


มั่นถัวหลัวโบกมือ คลื่นหลิงพวยพุ่งออกมา ถักทอเป็นแผนที่ขนาดใหญ่ซับซ้อนกลางอากาศ มองจากลักษณะภูมิประเทศ นี่น่าจะเป็นสมรภูมิหยุ่นลั้วแต่พื้นที่ส่วนใหญ่จัดอยู่ในส่วนมืด คิดว่าคงเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครทราบ


“เนื่องจากมีพายุผลึกวิญญาณในสมรภูมิหยุ่นลั้ว ดังนั้นทุกครั้งที่เปิดตัวภูมิประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แผนที่ที่เรารู้ในอดีตก็จะไร้ประโยชน์ เมื่อเข้าไปในสมรภูมิหยุ่นลั้วแล้ว เราต้องพึ่งตัวเองในการสำรวจภูมิประเทศนี้”


“กองทัพอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะเข้าสู่สมรภูมิหยุ่นลั้วจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หลังจากเข้าไปแล้ว กองทัพจะกระจายกำลัง พวกเจ้าทุกคนจะนำหน่วยรบของตนออกค้นหาซากอารยธรรมโบราณและจัดการเก็บยาหยุ่นลั้ว”


“ยาหยุ่นลั้ว?” ได้ยินคำนี้ มู่เฉินก็อึ้งไป เนื่องจากเป็นคำที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเขา


“เนื่องจากความพิเศษของสมรภูมิหยุ่นลั้ว ทะเลพลังในจุดจื้อจุนไห่ของจอมยุทธ์ที่จบชีวิตในนั้นจะเปลี่ยนเป็นยาหยุ่นลั้วเมื่อเวลาผ่านไป ยาหยุ่นลั้วมีผลดีอย่างยิ่งต่อการฝึกยุทธ์ นอกจากนี้ยังเป็นของจำเป็นที่ใช้ในการทำลายประตูขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนอีกด้วย” เสียงของจิ่วโยวดังขึ้นคลายความสงสัยของมู่เฉิน


“ขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนเป็นสถานที่ที่จอมยุทธ์ตี้จื้อจุนจบชีวิตลง แต่สุสานระดับนั้นจะถูกอำพรางไว้อย่างแน่นหนา มิหนำซ้ำยังมีค่ายกลของสมรภูมิหยุ่นลั้วปกป้องอยู่ ซึ่งค่ายกลที่เกิดตามธรรมชาตินี้จะเชื่อมต่อกับสมรภูมิหยุ่นลั้วทั้งหมด ดังนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ไม่สามารถทำลายผ่านเข้าไปได้ ทางเดียวที่จะทำได้คือใช้ยาหยุ่นลั้ว เนื่องจากแหล่งที่มาของพลังงานภายในนั้นเหมือนกับสมรภูมิหยุ่นลั้ว”


“ดังนั้นการแย่งชิงยาหยุ่นลั้วจึงเป็นก้าวแรกของสงครามล่าและเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ขั้วอำนาจอื่นๆ ก็หมายมั่นจะแย่งชิงยาหยุ่นลั้วเช่นกัน”


“เพื่อให้เราได้รับยาหยุ่นลั้วมากที่สุด ก็ต้องกระจายกำลังออก ไม่งั้นจะสูญเสียทรัพยากรโดยใช่เหตุถ้าการเพ่งเล็งไปที่จุดใดจุดหนึ่งในเวลาเดียวกัน”


มู่เฉินถูหน้าผากพลางยิ้มขื่น สงครามล่ายากลำบากนัก นอกจากนี้ในเมื่อยาหยุ่นลั้วสำคัญเช่นนี้ การแข่งขันก็ต้องดุเดือดมากแน่นอน


“เมื่อเข้าสู่สมรภูมิหยุ่นลั้ว สามจอมพลและข้าจะค้นหาขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน ดังนั้นภารกิจหายาหยุ่นลั้วจะเป็นของพวกเจ้า” มั่นถัวหลัวมองเหล่าผู้บัญชาการเอ่ยด้วยเสียงขรึม


“ดังนั้นข้าไม่สนใจว่าปกติพวกเจ้าจะต่อสู้เพื่อทรัพยากรและแข่งขันกันอย่างไร แต่ครั้งนี้ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะวางความแค้นระหว่างกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเจ้าจะนำยาหยุ่นลั้วมาได้ในปริมาณที่เพียงพอด้วยตัวเอง และเมื่อไม่มียาหยุ่นลั้วที่เพียงพอ ก็ไม่สามารถเปิดขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนได้ นั่นหมายความว่าเราแพ้สงคราม พวกเจ้าน่าจะรู้ราคาแบบไหนที่เราต้องจ่ายถ้าเหตุการนั้นเกิดขึ้น”


“พวกเจ้าต้องพึ่งพาพลังแห่งตนเพื่อให้ได้ยาหยุ่นลั้วมา เพราะสามจอมพลกับข้าจะไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดกับพวกเจ้าได้ เนื่องจากจะต้องคอยจับตามองยอดยุทธ์ของขั้วอำนาจอื่นไม่ให้เคลื่อนไหว”


เมื่อมองม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวที่ทั้งดึงดูดและทระนง เหล่าผู้บัญชาการก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าด้วยความเคารพ


ครั้นเห็นปฏิกิริยาดังกล่าว มั่นถัวหลัวก็โบกมือ ลำแสงสิบสายพุ่งไปหาผู้บัญชาการทั้งสิบคน เมื่อแสงจางหายไป ก็เผยกระจกสีฟ้าอมเขียวสิบบานที่แสงแล่นแปลบปลาบบนผิวหน้า


“นี่คือกระจกหัวใจเชื่อมโยง หากพวกเจ้าคนใดตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ให้หยดเลือดบนกระจกซะ คนอื่นๆ จะรับรู้ตำแหน่งเร่งรุดไปให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีและจุดนัดพบจะแจ้งผ่านกระจกนี้ด้วย”


มู่เฉินและคนอื่นๆ พยักหน้ารับกระจกหัวใจเชื่อมโยงกันเก็บไว้กับตัว


เมื่อสั่งการทุกอย่างเรียบร้อย มั่นถัวหลัวก็ลุกขึ้น ร่างน้อยแผ่แรงกดดันที่ทุกคนไม่กล้าเผชิญ ดวงตาสีทองคำเปี่ยมไปด้วยความยิ่งใหญ่


“เพื่อให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังสามารถยืนหยัดอยู่ในภูมิภาคทางเหนือได้หลังจากสงครามล่า”


“ทุกคนจงลุกขึ้นสู้!”


ภายในโถงใหญ่ ทุกคนเหยียดกายยืนขึ้น ดวงตาแต่ละคู่ลุกโชนเปี่ยมด้วยไฟแห่งการต่อสู้ ตะโกนเสียงสะท้อนลั่นออกมา


“สู้!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)