หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 799-800
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 799 สู้กับหลิ่วเหยียนอีกครั้ง
“หนึ่งก้านธูปเพียงพอแล้ว”
เมื่อมู่เฉินพูดประโยคดังกล่าวก็เคลื่อนตัวไปปรากฏบนลานประลอง แสงคมกริบรวมตัวกันในนัยน์ตาขณะที่จ้องมองไปยังหลิ่วเหยียน
“โอหัง!”
หลิ่วเหยียนกระตุกยิ้มด้วยความโกรธ เขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะผยองจนถึงขนาดพูดว่าหนึ่งก้านธูปก็เพียงพอที่จะเอาชนะเขาแล้ว มันไม่รู้หรือไงว่าการต่อสู้ครั้งก่อนเป็นเพราะโชคช่วยล้วนๆ ถึงจบลงแบบได้รับบาดเจ็บหนักทั้งคู่?
“ครั้งนี้แกตายแน่!”
หลิ่วเหยียนคลี่ยิ้มน่าขนลุก เคลื่อนไปปรากฏตัวบนลานประลองมังกรหงส์ เขาใช้สายตาคมกริบราวกับใบมีดจ้องไปที่มู่เฉิน รังสีสังหารแรงกล้ากวนตัวอยู่ในดวงตา เขารู้ดีว่านี่คือเวลาเหมาะที่จะฆ่ามู่เฉิน ตอนนี้หญิงสาวลึกลับถูกฟังยี่กับองค์ชายโยวหมิงล้อมไว้ นางไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ กับมันได้อีกแล้ว
“ตู้ม!”
คลื่นหลิงมหาศาลระเบิดออกจากร่างหลิ่วเหยียน คลื่นหลิงสีแดงสดก็ม้วนตัวที่เบื้องหลังทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
“ร่างมหาเพลิงนภา!”
ไม่ต้องมีการหยั่งเชิงใดๆ หลิ่วเหยียนวาดตราประทับสองมือ คลื่นหลิงมหาศาลก็พวยพุ่ง ร่างแสงสีแดงสดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในทันที
เขาเร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาตั้งแต่แรกเลยทีเดียว!
ดูเหมือนว่าหลังการปะทะกับมู่เฉินก่อนหน้า ทำให้หลิ่วเหยียนไม่กล้าประมาทอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เนื่องจากเขารู้ดีว่าหากตนเองล้มเหลวอีกครั้งละก็ หน้าเขาแตกละเอียดแน่นอน
เมื่อเห็นภาพนี้ เหล่าจอมยุทธ์ในบริเวณนี้ก็แอบเดาะลิ้น แม้หลิ่วเหยียนจะดูถูกมู่เฉินจากคำพูด แต่เขาก็ไม่ประมาทแม้แต่น้อยเมื่อลงมือ
“ทิ้งชีวิตแกไว้ที่นี่ซะ!
หลิ่วเหยียนปรากฏตัวบนหัวของร่างมหาเพลิงนภา ขณะตะโกนกร้าวซัดฝ่ามือไปข้างหน้าทันที ฝ่ามือใหญ่ของร่างมหาเพลิงนภาก่อตัวเป็นฝ่ามือเพลิงขนาดยักษ์พุ่งตรงไปที่มู่เฉิน
คลื่นความร้อนม้วนตัวกวาดออกมา ทำให้อากาศในบริเวณนี้เหมือนถูกเผา ไม่ต้องสงสัยในพลังที่แข็งแกร่งของหลิ่วเหยียนเลย มิฉะนั้นเขาคงไม่ติดอันดับสี่ของบันทึกมังกรหงส์ ตอนนี้เขาเลือกซัดพลังออกมาเต็มที่ พลังในการโจมตีของเขาก็เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ธรรมดายังต้องหลีกเลี่ยงเมื่อเห็น
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเกรี้ยวกราดของหลิ่วเหยียน มู่เฉินกลับไม่ส่งสัญญาณว่าจะหลบหลีกแต่อย่างใด เขาเงยหน้าขึ้นมองฝ่ามือที่เคลื่อนลงมา มือขวากำแน่นแสงสีทองเข้มพล่านบนชั้นผิว เกล็ดสีทองบางส่วนปกคลุมแขนทั้งสองข้าง
คลื่นพลังพวยพุ่งสามารถทำลายภูเขาได้โถมตัวขึ้นรุนแรงราวกับอสูรร้าย ซึ่งเป็นพลังที่มอบให้เขาจากกายามังกรหงส์
“ตู้ม!”
เมื่อแสงสีทองพวยพุ่ง มู่เฉินก็ซัดฝ่ามือออกไป ดวงตะวันสีทองลุกโชนบนมือปะทะกับฝ่ามือเพลิงที่บีบกดลงมาอย่างจัง
ปัง!
คลื่นกระแทกที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากวาดออกมาขณะอาละวาด เท้าของมู่เฉินจมลงไปในพื้นดิน แต่ดวงตาของทุกคนก็ต้องหดเกร็ง เพราะพวกเขาเห็นว่าพลังจากฝ่ามือของมู่เฉินสามารถหยุดฝ่ามือเพลิงของหลิ่วเหยียนได้ ทำให้ฝ่ามือเพลิงไม่สามารถเคลื่อนที่ลงมาได้อีกแม้แต่น้อย
“ไปให้พ้น!”
มู่เฉินแค่นเสียง นับตั้งแต่ที่เขาสร้างกายามังกรหงส์ได้ พลังต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่หลิ่วเหยียนจะเอาชนะเขาได้ด้วยการโจมตีในระดับนี้
ตู้ม!
แสงสีทองระเบิดออกขณะที่ฝ่ามือเพลิงถูกซัดออกไป ฝ่ามือของมู่เฉินกลายเป็นสีแดง แผ่อุณหภูมิสูงน่ากลัวออกมา เห็นชัดว่าหากไม่ใช่เพราะกายามังกรหงส์ทำให้ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็ไม่กล้าปะทะกับร่างมหาเพลิงนภาของหลิ่วเหยียนในลักษณะนี้
โห!
ความโกลาหลเกิดขึ้น จอมยุทธ์จำนวนมากก็มีสีหน้าอัดแน่นด้วยความตกตะลึง แค่คิดถึงภาพที่มู่เฉินกระแทกร่างมหาเพลิงนภากลับไปได้ด้วยฝ่ามือเดียว ก็ทำเอาพวกเขาตะลึงพรึงเพริดไปหมดแล้ว
“เขามีวิธีบางอย่างจริงๆ ด้วย” ใบหน้าของซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเซวียนเคร่งเครียดลงหลายส่วน มู่เฉินไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าพูดประโยคเหล่านั้นออกมาเมื่อก่อนหน้า
อีกมุมหนึ่ง คนสามคนยืนนิ่งไม่ขยับตัว รัศมีของพวกเขาเหมือนลั่นดาลเข้าด้วยกัน ไม่ว่าใครคนไหนลงมือก่อน ก็จะดึงดูดการโจมตีร้ายแรงเข้ามา
ทั้งสามคนก็คือไฉ่เซียว ฟังยี่และโยวหมิง
ทั้งสามยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ลมหายใจช้าลง แม้พวกเขาจะขัดขวางฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เคลื่อนไหว แต่ความสนใจก็จมอยู่ที่การต่อสู้ระหว่างมู่เฉินกับหลิ่วเหยียน
ดังนั้นเมื่อฟังยี่และโยวหมิงเห็นมู่เฉินตบร่างมหาเพลิงนภากระเด็นกลับได้ด้วยฝ่ามือเดียว ริ้วกระเพื่อมก็ปรากฏในดวงตา เวลาเดียวกันริมฝีปากสีแดงชาดของไฉ่เซียวก็โค้งขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกพอใจกับการแสดงศักยภาพของมู่เฉินนัก
ท่ามกลางการจ้องมองของสายตานับไม่ถ้วน หลิ่วเหยียนที่อยู่บนศีรษะร่างมหาเพลิงนภาก็มองมู่เฉินที่กำลังดึงเท้าออกจากพื้นดินด้วยสีหน้าเยือกเย็น มือทั้งสองค่อยๆ กำหมัดขึ้น
เขาก็สัมผัสได้ว่าเทียบกับวันก่อน มู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นมาก
“แต่แกคิดหรือวันที่ผ่านมาข้าจะไม่มีโอกาสเป็นของตัวเองเลยเรอะ?!”
สายตาของหลิ่วเหยียนเย็นชาขณะวาดตราประทับเร็วรี่ ในเวลาเดียวกันร่างมหาเพลิงนภาก็สร้างตราประทับขึ้นด้วยเช่นกัน พริบตาเพลิงสีแดงนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่ง ก่อตัวเป็นหม้อกลั่นขนาดใหญ่ตรงหน้า
เมื่อเห็นหม้อกลั่น มู่เฉินก็หรี่ตาลง เขาไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร เนื่องจากเขาเคยเจ็บตัวเพราะมันตอนที่สู้กับหลิ่วเหยียนครั้งก่อน
“เตามหาเพลิง ขนนกโหมสวรรค์!”
อย่างที่มู่เฉินคาดไว้ สิ่งที่ตามมาพร้อมกับเสียงตะโกนของหลิ่วเหยียนก็คือเพลิงหลากหลายสีที่พวยพุ่งอยู่ในหม้อใหญ่ ก่อตัวเป็นขนนกสีรุ้ง ระลอกคลื่นทำลายล้างแผ่ออกมาจากขนนกนั่น
“มุกเดิมอีกแล้วเหรอ?” มู่เฉินแค่นเสียงเมื่อเห็นภาพนี้
หลิ่วเหยียนกวาดสายตาเย็นชามองมู่เฉิน ทว่ารอยยิ้มเหี้ยมกลับผุดบนมุมปาก รอยยิ้มนั้นเหมือนจะยิ้มเยาะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับเปลี่ยนตราประทับอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว!
ขนนกสายรุ้งลุกโชนด้วยเปลวเพลิงพุ่งออกจากหม้อทันที ทว่าพลังป่าเถื่อนที่บรรจุอยู่ในขนนกไม่ได้โจมตีมู่เฉิน กลับพุ่งไปหาหลิ่วเหยียนท่ามกลางสายตาตกตะลึง
ขนนกสายรุ้งพุ่งตรงมา หลิ่วเหยียนก็อ้าปากกลืนเข้าไปท่ามกลางสายตาตะลึงค้างจำนวนมาก
แม้แต่มู่เฉินยังอดไม่ได้ที่จะตกใจกับภาพนี้
ตู้ม!
เมื่อกลืนขนนกเข้าไป ร่างของหลิ่วเหยียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นเดียวกับม่านตา ผิวของเขาเริ่มแห้งกร้าน ราวกับความชุ่มชื้นและเลือดในร่างถูกเผาจนแห้ง
เปรี๊ยะ!
รอยแตกละเอียดกระจายบนผิวหนังพร้อมกับพล่านออกไป ทำให้ดูราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่แตกร้าว ทำเอาคนมองหนังหัวชาหนึบไปหมด
“หลิ่วเหยียนบ้าไปแล้ว มันกล้ากลืนขนนกลงไปอย่างนี้เลย ไม่กลัวว่าร่างกายจะระเบิดออกเรอะ?” จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนพูดคุยกัน ชัดว่ารู้ถึงข้อเสียในการกระทำของหลิ่วเหยียนด้วย
ทว่าซูปี้เยี่ย หงหยูและคนอื่นกลับมองภาพนี้อย่างครุ่นคิด
“ฮ่าๆ ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะดูถูกจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์นะ” ฟังยี่หัวเราะเบาๆ ออกมาในเวลานี้
ไฉ่เซียวเหลือตามองไปอย่างเย็นชา แต่ใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง นางรู้สึกได้ว่าทักษะนี้ของหลิ่วเหยียนทรงพลังมากแค่ไหน
“ฮึ่ม!”
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน หลิ่วเหยียนก็ประสานมือเข้าด้วยกันพลางเปลี่ยนตราประทับอีกครั้ง พริบตาเดียวแสงสีทองก็ระเบิดออกจากร่างพร้อมกับเสียงมังกรคลุมเครือคำรามตามมา
ขณะที่แสงสีทองพวยพุ่ง ก็ก่อตัวเป็นลวดลายมังกรบนผิวกาย เมื่อลวดลายมังกรเหล่านั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ร่างของหลิ่วเหยียนก็เริ่มเปลี่ยนจากสีทองกลายเป็นสีแดง
รอยแตกบนพื้นผิวร่างกายเขากำลังค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟู
“นั่นคือ…กายามังกรพราง!”
“ที่แท้เขาก็ใช้กายามังกรพรางปกป้องเพื่อต้านพลังงานรุนแรงของขนนกสายรุ้งจนเขาสามารถควบคุมได้ เมื่อใช้วิธีนี้ ร่างของเขาก็จะไม่ระเบิด!”
“นั่นลวดลายมังกรเจ็ดสิบลาย ดูเหมือนแก่นเลือดมังกรแท้จริงที่หลิ่วเหยียนครอบครองจะบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย!”
“คราวนี้มู่เฉินตายแน่!”
“…”
เมื่อร่างของหลิ่วเหยียนเปลี่ยนเป็นสีทองราวกับหลอมมาจากทองคำ อันตรายจากที่ร่างกายปะทุลั่นก็หายไป ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้หลิ่วเหยียนก็ใช้วิธีนี้ปกป้องตัวเอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำอะไรบ้าๆ ลงไป
มองร่างสีทองบนท้องฟ้าแล้ว ดวงตามู่เฉินก็อดหดลงไม่ได้ หลิ่วเหยียนเป็นคู่ต่อสู้ที่โค่นไม่ได้ง่ายจริงๆ เขามีทักษะลับซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ…
บนท้องฟ้า หลิ่วเหยียนมองมู่เฉินจากจุดสูงกว่า รังสีสังหารวูบขึ้นในดวงตาจนเหมือนจริง รอยยิ้มแขวนบนมุมปากดูป่าเถื่อนยิ่งนัก
“ข้าบอกแล้วว่าเพราะดวงล้วนๆ แกถึงรอดตายมาได้จากครั้งก่อน!” เสียงน่าขนลุกของหลิ่วเหยียนดังก้องฟ้า จากนั้นเขาก็ไม่ให้เวลามู่เฉินเตรียมตัวใดๆ
“แต่ไม่ว่าจะโชคดีเพียงใด เบื้องหน้าพลังของแท้ก็ไร้ประโยชน์ทั้งหมด!”
สายตาของหลิ่วเหยียนเหี้ยมเกรียมขณะที่งอนิ้วพร้อมกับเพลิงหลากปะทุจากปลายนิ้ว สุดท้ายเพลิงเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นสีทองพร้อมกับเสียงมังกรคำราม
แรงกระเพื่อมน่ากลัวผันผวนอย่างเดือดพล่านมิติรอบตัวหลิ่วเหยียน
เมื่อรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมนั่น สีหน้าของซูปี้เยี่ย หงหยู ติงเซวียนและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป
“คัมภีร์เทพมหาเพลิง ดัชนีมังกรเพลิงฟ้า!”
ขณะที่เสียงของหลิ่วเหยียนสะท้อนก้องเย็นชา แสงสีทองเจิดจ้าพุ่งออกจากสองนิ้ว ลำแสงบิดเกลียวกลายเปลี่ยนเป็นมังกรเพลิงสีทองกู่คำราม ทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ภายใต้การโจมตีแบบหมดหน้าตักของหลิ่วเหยียน ท้องฟ้าก็เริ่มถล่มลงราวกับไม่สามารถทนรับพลังได้!
ผู้คนนับไม่ถ้วนเบิกตากว้างพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเวทนา การโจมตีระดับนี้…
มู่เฉินตายแน่!
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 800 พลังอำนาจกายามังกรหงส์
เสาเพลิงสีทองราวกับมังกรยักษ์กางเล็บ
ความโกลาหลขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะนำพาการทำลายล้างกวาดลงมา
ในบริเวณที่เสาเพลิงสีทองปกคลุม สามารถมองเห็นร่างร่างหนึ่ง เขาเหมือนจะเงยหน้าขึ้นในเวลานี้ เพลิงสีทองขยายขนาดในดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว แต่เขากลับไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับว่าหวาดกลัวเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีน่ากลัวเช่นนี้
“น่าเสียดาย…”
ผู้คนมากมายถอนหายใจ พรสวรรค์ของมู่เฉินชวนตะลึงนัก หากเขามีเวลามากกว่านี้อีกหลายปีเขาก็คงกลายเป็นจอมยุทธ์ฝีมือโดดเด่นในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือแน่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ในโลกนี้อัจฉริยชนที่มีพรสวรรค์ล้วนตายอย่างง่ายดาย
“ตู้ม!”
ภายใต้การจ้องมองของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนรวมถึงซูปี้เยี่ย หงหยูและคนอื่นบนท้องฟ้า เสาเพลิงสีทองก็บีบอัดลงมาในตอนนี้ กระทั่งพื้นดินยังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
แม้แต่เกล็ดสีทองบนจัตุรัสมังกรหงส์ยังดูเหมือนหลอมละลายจากเสาเพลิงสีทอง กลายเป็นของเหลวสีทองไหลออกมา ทั่วลานประลองหลอมละลายด้วยความเร็วน่าตกใจ
พลังทำลายล้างนี้ทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนถึงกับตากระตุก พลังการโจมตีเต็มกำลังของหลิ่วเหยียนช่างน่ากลัวยิ่งนัก… เขาสมแล้วกับการได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์
ซูปี้เยี่ย หงหยู ติงเซวียน และจอมยุทธ์ติดอันดับคนอื่นๆ มีใบหน้าเคร่งขรึมลงหลายส่วน พวกเขาถามตัวเองว่าหากต้องเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้จากหลิ่วเหยียน ต่อให้เอาชีวิตรอดได้ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน
แต่ตอนนี้มู่เฉินคงไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านแล้ว…
ฟังยี่ โยวหมิงและไฉ่เซียวยังคงควบคุมรัศมีของตัวเองไว้ขณะมองจัตุรัสมังกรหงส์ที่กำลังหลอมละลายด้วยดวงตาหรี่ลง ทว่าฟังยี่กับโยวหมิงฉายสีหน้าเรียบเฉย ส่วนไฉ่เซียวขมวดคิ้วเบาๆ เห็นชัดว่าเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
ฟังยี่กับโยวหมิงเป็นคนฉลาด ดังนั้นพวกเขาสามารถบอกความกังวลของไฉ่เซียวได้ในพริบตา ฟังยี่ยิ้มบางไม่ได้กล่าวอะไร เพราะในใจเขาไม่เห็นมู่เฉินสำคัญอยู่แล้ว ดังนั้นความเป็นตายของมู่เฉินไม่ส่งผลอะไรกับเขา แต่ถ้ามู่เฉินตาย หัวใจของไฉ่เซียวอาจจะสั่นคลอนจนเผยจุดอ่อนออกมา ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้นางกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ดังนั้นแม้ฟังยี่จะมีท่าทีสงบและผ่อนคลาย แต่คลื่นหลิงมหาศาลในร่างกายกลับหมุนเวียนเงียบๆ ราวกับอสูรร้ายซ่อนเร้นที่รอเวลาระเบิดพลังทำลายล้างออกมา
บนลานประลอง หลิ่วเหยียนยืนอยู่บนหัวร่างมหาเพลิงนภาด้วยสีหน้าซีดเซียว เห็นชัดว่าเขาอ่อนแรงลงอย่างมากจากการโจมตีกระบวนท่าเมื่อครู่ แต่สายตายังคงดุร้ายราวกับหมาป่าขณะมองไปยังลานที่กำลังหลอมละลาย
กระบวนท่าการโจมตีนี้เป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ไม่มีจอมยุทธ์ในขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่สามารถทนรับได้ ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินที่เป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามเลย ต่อให้มีไพ่ตายสักล้านใบซ่อนอยู่ ก็ไม่สามารถรอดชีวิตได้จากสิ่งนี้
“ไอ้สามหาว แกสมควรถูกฝังอยู่ที่นี่”
หลิ่วเหยียนยิ้มน่าขนลุกทว่าทันทีที่เสียงหัวเราะจบลง ดวงตาเขาก็ต้องหดเกร็งพลางยกหน้าขึ้น สายตาจ้องมองไปยังลานประลองที่กำลังหลอมละลายด้วยความไม่อยากเชื่อ
บนท้องฟ้า ซูปี้เยี่ย หงหยูและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง พวกเขามองไปที่ลานประลองที่กำลังหลอมละลายอย่างรวดเร็วด้วยสายตาตกตะลึง
ทะเลเพลิงสีทองเปล่งอุณหภูมิที่น่ากลัวออกมา ทว่าในส่วนลึกของทะเลเพลิงกลับมีเสียงฝีเท้าหนักแน่นแววออกมาราวกับภูเขา ทำให้จัตุรัสมังกรหงส์สั่นสะเทือนในทุกย่างก้าว
จอมยุทธ์ในบริเวณนี้ต่างรับรูว่ามีบางอย่างผิดปกติ ความวุ่นวายนิ่งลงทันที ทุกคนมองไปยังเพลิงสีทองด้วยแววหวาดผวา
ทันใดนั้นมวลลมก็กวาดออกมา พัดพาทะเลเพลิงสีทองออกไป เมื่อทะเลเพลิงสีทองสลายตัว ก็สามารถมองเห็นร่างหยัดตรงสง่าเยื้องย่างออกมา
ร่างนั้นอยู่ภายใต้ชุดเกราะสีทองเข้มดูราวกับสร้างจากเกล็ดทอง ช่างดุดันอย่างยิ่ง บนเกล็ดมีภาพมังกรเห็นได้เลือนราง แผ่แรงกดดันน่ากลัวออกมา
นอกจากนี้ยังมีปีกหงส์ฟ้าคู่ใหญ่ที่ด้านหลังชุดเกราะกำลังสยายปีกออก เมื่อปีกกระพือขึ้นลงก็ทำให้เกิดพายุทำลายล้างในพื้นที่นี้
ร่างในชุดเกราะสีทองยืนอยู่ท่ามกลางจัตุรัสมังกรหงส์ที่หลอมละลาย แม้ร่างจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเปลวเพลิงสีทองลุกไหม้อยู่บนร่าง มิหนำซ้ำยังทำให้ปล่อยควันออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนเห็นดวงตาเย็นเยือกมองออกมาจากชุดเกราะนั้น
นั่นคือมู่เฉิน!
เขาสามารถทนต่อการโจมตีเต็มกำลังของหลิ่วเหยียนได้!
คนนับไม่ถ้วนเบิกตากว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เป็นไปได้ยังไง?!” ใบหน้าของหลิ่วเหยียนอัดแน่นด้วยความหวาดผวา เขาอดไม่ได้ที่จะคำรามเสียงต่ำขณะที่ระลอกคลื่นพัดในใจ เขานึกไม่ออกเลยว่ามู่เฉินสามารถทนต่อการโจมตีน่ากลัวและยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร
บนท้องฟ้าซูปี้เยี่ย หงหยูและคนอื่นๆ ก็สูดอากาศเย็นเยือกเข้าลึกสุดปอดขณะมองมู่เฉินโดยไม่มีอาการสบประมาทใดๆอีก พลังที่มู่เฉินแสดงออกมาในตอนนี้ทำให้แม้แต่พวกเขายังรู้สึกถึงอันตรายใหญ่หลวง สิ่งนี้อาจคุกคามชีวิตของพวกเขาได้เลย
มุมด้านหนึ่ง มุมปากของงไฉ่เซียวโค้งขึ้นเมื่อเห็นร่างคุ้นตา ทว่าในดวงตาของฟังยี่กับโยวหมิงกลับเกิดระลอกคลื่นเบาบาง
กึก! กึก!
คนในชุดเกราะทองก้าวจังหวะหนักหน่วง ขณะที่เดิน รอยเลือดก็เหมือนจะปรากฏระหว่างเกล็ดมังกรของชุดเกราะมังกรหงส์ เห็นชัดว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ปลอดภัยเสียทีเดียว แม้จะมีชุดเกราะปกป้องก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้น ม่านตาสีดำสนิทก็ยังคงคมกริบเหมือนใบมีดภายใต้ชุดเกราะทอง เขาไม่สนใจต่อความเจ็บปวดบนร่างกาย สายตาจับจ้องที่หลิ่วเหยียนราวกับอินทรี พร้อมกับเสียงแหบพร่าดังสะท้อนเกราะออกมา “ถึงตาข้าบ้างล่ะ”
ม่านตาหลิ่วเหยียนหดเกร็งขณะคลื่นหลิงระเบิดออกจากร่าง ปกคลุมทั่วขอบฟ้าจนเป็นสีแดงฉาน
ปัง!
ทว่าทันใดนั้นมู่เฉินก็กระทืบเท้า ลานประลองแตกร้าวใต้เท้า แสงสีทองแล่นแปลบปลาบ ร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้าในพริบตา
เขาไปปรากฏตัวเบื้องหน้าร่างมหาเพลิงนภาพร้อมกับแผดเสียงคำราม เสียงมังกรและหงส์ฟ้ากู่ก้องอยู่ในน้ำเสียงของเขา
แสงสีทองเข้มโชติช่วงระเบิดจากร่างของเขา ขณะที่ภาพมังกรแท้จริงปรากฏบนแผ่นอกและภาพหงส์ฟ้าแท้จริงปรากฏบนแผ่นหลัง
เมื่อมังกรและหงส์ฟ้ารวมตัวกันก็แผ่แรงกดดันโบราณออกไปทั่วฟ้าดิน กระทั่งลานประลองยังโยกคลอน ราวกับได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามมังกรและหงส์ฟ้า
“นั่น…อะไรน่ะ?”
จอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนตะลึงไปเมื่อมองภาพมังกรและหงส์ฟ้าที่ด้านหน้าและด้านหลัง แรงกดดันเก่าแก่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างมังกรแท้จริงธรรมดาจะมีได้ นี่เป็นพลังอำนาจที่แท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า!
“กายามังกรหงส์?!”
ซูปี้เยี่ยอ้าปากค้างอุทานด้วยความตกใจ เสียงที่เคยหวานพลิ้วดูแหบพร่าลงไปตอนนี้ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
หงหยูกับติงเซวียนหัวใจก็สั่นสะท้านพร้อมกับใบหน้าพล่านด้วยความตกตะลึง
กายามังกรหงส์งั้นหรือ? พลังกายสุดยอดในตำนานที่สามารถสร้างได้โดยแก่นมีเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงอยู่ในร่างเดียวเนี่ยนะ? เป็นไปได้อย่างไร?! แก่นเลือดมังกรและหงส์ฟ้าเหมือนน้ำกับไฟ พวกมันจะทำให้ร่างผู้ฝึกระเบิดเป็นจุณได้หากถูกบรรจุไว้ในร่างเดียวกัน!
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย แม้แต่จอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนทรงพลังก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย!
แน่นอนว่านี่เป็นหลักการโดยทั่วไป แต่ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะได้รับเกราะมังกรหงส์ที่สร้างมาจากการรวมกันของแก่นเลือดมหาเทพอสูรทั้งสอง การยืมวัตถุเทพเช่นนี้ถึงได้ทำให้เขาหลอมรวมแก่นเลือดแล้วสร้างกายามังกรหงส์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่งได้
ดังนั้นในศึกมังกรหงส์ที่เปิดมาหลายปี แม้จะมีตำนานเกี่ยวกับกายามังกรหงส์ แต่ก็ไม่เคยข่าวว่ามีใครสามารถทำได้สำเร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่ามู่เฉินมีภาพมังกรหงส์ฟ้าอยู่รอบตัว
ฟังยี่กับโยวหมิงที่ขัดขวางไฉ่เซียวไว้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขามองมู่เฉินด้วยสายตาล้ำลึกและเริ่มรู้สึกอันตรายขึ้นมา
ชายหนุ่มคนนี้อาจสามารถเขย่าตำแหน่งของพวกเขาได้จริงๆ
ตู้ม!
สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วนที่พุ่งตรงมาถูกมู่เฉินมองข้ามไป เขาจ้องมองสีหน้าหวาดหวั่นของหลิ่วเหยียนพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมโค้งขึ้นบนมุมปาก จากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไปโดยไม่มีกระบวนท่าใดๆ
หมัดเรียบง่ายมาพร้อมกับแสงสีทองรุนแรงเชี่ยวกรากกวาดออกไป ภาพมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเปล่งประกายในแสงสีทอง เปลี่ยนเป็นฝ่ามือสีทองซัดใส่ร่างมหาเพลิงนภา
มู่เฉินหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างจนถึงขีดสุดในหมัดนี้ ขณะเดียวกันก็ยืมพลังชุดเกราะมังกรหงส์เพื่อขับเคลื่อนพลังกายามังกรหงส์ออกมาทั้งหมด
หมัดหลุ่นๆ นี้ทำให้สีสันของเมฆเปลี่ยนไป!
เสียงฟ้าคำรามระเบิดดังไปทั่วชั้นฟ้า
ยามนี้สีหน้าของหลิ่วเหยียนน่าเกลียดอย่างยิ่งขณะที่วาดตราประทับเร็วรี่ ร่างมหาเพลิงนภาปล่อยพลังเต็มพิกัด เหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกับเพลิงสีแดง
ตู้ม!
หมัดสองหมัดขนาดต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉีกผ่านมิติปะทะกันอย่างหนักหน่วงในอึดใจต่อมาภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน!
ทันทีที่เกิดการปะทะ ชั้นเมฆบนท้องฟ้าก็ฉีกออก มากจนแม้แต่ลานประลองสองแห่งที่ใกล้เคียงกันยังเกิดรอยร้าว
เมื่อแสงสีทองกวาดตัว จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนก็ไม่กะพริบตา จากนั้นม่านตาก็หดเกร็งทันที
นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าภายใต้หมัดที่มาพร้อมภาพมังกรหงส์ หมัดร่างมหาเพลิงนภาเกิดการแตกร้าวอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจก็ระเบิดดังตูม
บึ้ม!
ร่างมหาเพลิงนภาระเบิดออกจากหมัดเดียวของมู่เฉิน!
จอมยุทธ์จำนวนมากอกสั่นขวัญแขวน ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ถูกตัดสินแล้ว
แต่ช่างเหนือความคาดหมายของทุกคน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น