หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 775-778
ตอนที่ 775
ชายชุดขาว
“ข้ามีวิธีที่จะมองหาสระมังกรหงส์ที่ทรงพลังมากกว่านี้ เจ้าอยากลองดูไหม?”
ได้ยินคำล่อลวงจากปากของไฉ่เซียว หัวใจของมู่เฉินก็เต้นรัวถึงสองจังหวะอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่คนเก็บอารมณ์เก่งอย่างเขายังอดไม่ได้ที่จะมองไฉ่เซียวด้วยความตกตะลึง ครู่ใหญ่เขาก็ข่มน้ำเสียงเอ่ยด้วยความอึ้งในใจ “เป็นไปได้ยังไง?”
หากสระมังกรหงส์เป็นของที่หาได้ง่ายขนาดนี้ คงไม่มีจอมยุทธ์จำนวนมากเข้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดทุกครั้งที่เขตหลงเฟิ่งเปิดหรอก
“ในเมื่อพวกเขาสามารถสำรวจหาตำแหน่งของสระมังกรหงส์ได้ แล้วทำไมข้าจะทำมั่งไม่ได้?” ไฉ่เซียวยิ้มอ่อน ท่าทางล้ำลึกยากหยั่งถึงของนางทำให้มู่เฉินอึ้งไป เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าลึกลับไม่น้อยจริงๆ
“งั้นน่าจะอันตรายมากใช่ไหม?” มู่เฉินพึมพำ
“บนโลกนี้ถ้าอยากได้อะไรที่คนทั่วไปไม่มี ใครบ้างที่ไม่ต้องจ่ายราคามากกว่าคนทั่วไป?” ไฉ่เซียวจ้องหน้ามู่เฉินเอ่ยต่อ “ข้าว่าเจ้าไม่น่าจะเป็นคนคิดเรื่องนี้พื้นๆ อย่างหวังจะให้เนื้อมังกรหล่นมาจากฟ้าหรอกนะ?”
“ข้าแค่ไม่อยากทำอะไรที่ไร้ประโยชน์น่ะ” มู่เฉินยิ้มก่อนจะพยักหน้าช้าๆ มองไฉ่เซียวด้วยสายตาจริงจัง “แต่ข้าก็สนสิ่งที่เจ้าเสนอมาเหมือนกันนะ ถ้าเจ้าต้องการลอง ข้าก็จะไปพร้อมกับเจ้าเอง”
“แปะ!”
ไฉ่เซียวตบมือเบายิ้มออกมา “ถ้างั้นก็ตัดสินตามนี้ แต่ถ้าต้องการทำตามวิธีของข้า อันดับแรกก็ต้องหาสระมังกรหงส์ให้เจอก่อนหนึ่งสระ ดังนั้นหลังจากเข้าไปในเขตหลงเฟิ่ง เราต้องยึดหนึ่งในนั้นไว้ก่อน”
“ต้องแย่งสระมังกรหงส์อีกเหรอ? แล้วการมองหาสระมังกรหงส์อื่นจะมีความหมายอะไรอีก?” มู่เฉินขมวดคิ้ว
“เจ้าโง่ มีสระที่ทรงพลังและอ่อนพลัง ดังนั้นกายามังกรพรางกับกายาหงส์ฟ้าพรางที่ฝึกได้ก็จะอ่อนแอหรือแข็งแรงขึ้นอยู่กับสระที่ลงไปแช่ หากเราชำระร่างในสระมังกรหงส์เพิ่มอีกสระ ข้าเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเราในตอนท้าย” ไฉ่เซียวพูดตรงๆ อย่างมั่นใจในตัวเอง ดูจากท่าทางตอนนี้นางไม่เหมือนคนที่ไม่มีความรู้เรื่องเขตหลงเฟิ่งเลย
มู่เฉินคิดครู่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าที่ไฉ่เซียวพูดมาถูกต้อง ทว่าเขาก็ยังคงเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนพวกเขาก็ต้องแย่งชิงสระมังกรหงส์หนึ่งสระก่อน ซึ่งทำให้ไม่สามารถหลบเลี่ยงการต่อสู้ที่ดุเดือดได้ เพราะศึกมังกรหงส์ครั้งนี้มีสระเพียงห้าสระเท่านั้น ดังนั้นการแข่งขันย่อมดุเดือดอย่างจินตนาการไม่ออกแน่นอน
ขณะที่มู่เฉินกับไฉ่เซียวสนทนากันด้วยเสียงต่ำ ความวุ่นวายในหอหลงเฟิ่งก็มีมากขึ้นเช่นกัน การมีสระห้าสระสร้างความประสาทเสียให้หลายคน
มู่ฉิวมองภาพนี้ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ “จากการคาดการณ์ เขตหลงเฟิ่งจะเปิดในวันพรุ่งนี้และจะเป็นเวลาดีที่สุดที่จะเข้าไป ส่วนในสุสานนั้นเต็มไปด้วยอันตราย แม้สัตว์อสูรในจะมีสติปัญญาไม่มาก แต่การที่มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงตายอยู่ที่นั่น พวกมันจึงรับความแข็งแกร่งมามากยิ่ง ดังนั้นข้าหวังว่าทุกคนจะเตรียมตัวให้พร้อม”
พูดจบมู่ฉิวก็ไม่อ้อยอิ่งหันหลังกลับออกไป ทิ้งให้บรรยากาศโกลาหลมากยิ่งขึ้นเอาไว้
“ไปกันเถอะ ไม่มีเหตุผลที่เราจะอยู่ที่นี่อีก รอให้เขตหลงเฟิ่งเปิดในวันพรุ่งนี้” เมื่อเห็นดังนี้ มู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนเอ่ยกับไฉ่เซียว
ไฉ่เซียวพยักหน้า จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากหอหลงเฟิ่งไป
การออกไปของมู่เฉินกับไฉ่เซียวดึงดูดความสนใจบางส่วน สายตาของซูปี้เยี่ยกับหงหยูวูบไหว แม้ว่ามู่เฉินที่มาจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสามเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งที่เขาเผยออกมาเกินกว่าที่เห็น จุดนี้ทำให้พวกนางต้องใส่ใจ
ดูเหมือนจะมีม้ามืดหลายคนมาในศึกมังกรหงส์ครั้งนี้แล้ว
หลิ่วเหยียนจ้องทั้งสองคนที่ออกไปด้วยสายตาไม่แยแสขณะที่แสงเย็นเยือกพลุ่งพล่านในส่วนลึกของดวงตาพลางพึมพำกับตัวเอง “ข้าจะปล่อยให้แกได้เสวยสุขอีกวัน เมื่อเข้าไปในเขตหลงเฟิ่ง ข้าจะทำให้แกซึ้งถึงความหมายของคำว่าตายทั้งเป็น…”
ทว่าเมื่อมู่เฉินกับไฉ่เซียวจากไป ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นที่ชั้นบนมีร่างกระเพื่อมเบาๆ ก่อนที่จะหายไป
ออกจากหอหลงเฟิ่ง ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกของเมืองโบราณหลงเฟิ่งมองหาสถานที่พักค้างแรม แต่เมื่อทั้งสองเดินผ่านถนนหลายสายจนมาถึงถนนเส้นหนึ่งที่มีผู้คนสัญจรไม่มากนัก ไฉ่เซียวก็หยุดฝีเท้า สายตาหรี่ลงราวกับแมว
“ตามพวกข้ามาตั้งนาน ยังไม่คิดจะแสดงตัวอีกหรือ?”
เมื่อไฉ่เซียวเอ่ยขึ้น สายฟ้าก็ระเบิดออกจากร่างมู่เฉิน จากนั้นเขาก็กำมือแน่น เสาปีศาจตามปรากฏในมือ เขาเหวี่ยงมันไปที่มิติเบื้องหลังโดยไม่ลังเล
ในมิติมือเรียวยื่นออกมาตบเสายักษ์เบาๆ ทันใดนั้นระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ก็ผันผวนออกมา
ฮึ่ม!
พื้นดินแตกร้าวแต่เสาปีศาจกลับกระเด็นกลับมาพร้อมกับร่างมู่เฉินกระตุกสุดตัว พื้นเบื้องล่างฝ่าเท้าเขากลายเป็นผุยผง เขาเงยหน้ามองขึ้นไปด้วยสายตาเคร่งเครียด มิติแผ่ริ้วคลื่นออกมาตรงทิศทางที่เขามองไป ร่างในชุดขาวค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ชายชุดขาวมีผมสีดำยาว คิ้วคมราวกับใบมีดกับดวงตาพร่าวพราวราวกับดวงดาว เขามีใบหน้าหล่อเหลา มิหนำซ้ำยังมีคลื่นพลังลึกลับแผ่ออกมาจากร่างของเขาด้วย
“ฮ่าๆ น่าสะพรึงยิ่งนัก ไม่คิดว่าวิชาพรางมิติยังไม่สามารถหลบหนีประสาทสัมผัสของเจ้าได้ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่มีจอมยุทธ์น่าสะพรึงเช่นนี้ในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ?” ชายชุดขาวยิ้มบาง สายตาของเขาจับจ้องที่ไฉ่เซียวขณะเอ่ยถามอย่างอบอุ่น
แม้ว่าชายคนี้จะมีรูปลักษณ์ให้หญิงสาวต้องตกหลุมรัก แต่ไฉ่เซียวกลับเพียงเหลือบมองผ่านๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “วิชาพรางมิติว่างเปล่าไม่ได้สุดยอดอย่างที่เจ้าคิดหรอก”
“เจ้าเป็นใคร? แล้วตามพวกข้ามาทำไม?” มู่เฉินขมวดคิ้ว
“โทษที ข้าบังเอิญได้ยินพวกเจ้าคุยกันน่ะ แล้วก็รู้สึกสนใจในเรื่องนี้ด้วย” ชายชุดขาวเอ่ย
ดวงตาของมู่เฉินหดลง บทสนทนาของเขากับไฉ่เซียวถูกคลื่นหลิงบังไว้ ชายคนนี้ยังสามารถได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอีกเหรอ? ทักษะของอีกฝ่ายทรงพลังไม่น้อย
“ถ้าสนใจก็ทำเองสิ พวกข้าไม่ต้องการคนเพิ่ม” เสียงใสของไฉ่เซียวไม่มีริ้วอารมณ์ใดๆ ชัดว่านางรู้สึกไม่ชอบชายที่มาเสนอตัวถึงที่
เห็นได้ชัดว่าชายชุดขาวไม่คิดว่าไฉ่เซียวจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยจนเขาขมวดคิ้วยุ่ง “ข้าเชื่อว่าหากได้ความช่วยเหลือจากข้า พวกเจ้าจะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นอาจไม่มีใครกล้ารบกวนเราเมื่อถึงตอนนั้นด้วย”
“แต่ข้าว่ากระเพาะเจ้าใหญ่ไม่น้อยเลย” ไฉ่เซียวโบกมือเบาๆ “ไปซะ ข้าจะไม่เอาเรื่องที่เจ้าแอบฟังพวกข้า”
“ไม่ลองคิดอีกสักหน่อยเหรอ?” แสงส่องประกายในส่วนลึกของดวงตาชายชุดขาวขณะที่เขาเอ่ยเบาๆ “จะดีกว่าที่จะมีสหายเพิ่มขึ้นมานะ?”
“ขู่ข้าเหรอ?” ไฉ่เซียวยิ้ม รอยยิ้มมีเสน่ห์ของนางทำให้หัวใจของผู้คนแทบจะกระดอนออกมาเบ้า
ชายชุดขาวไม่พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองไฉ่เซียวนิ่ง อึดใจต่อมาดวงตาเขาก็หดเกร็ง ร่างหายไปในพริบตา
วาบ!
แต่ทันทีที่เขาหายไป ร่างของไฉ่เซียวก็หายไปปรากฏตัวอีกหลายร้อยจั้งห่างออกไป ก่อนที่นิ้วเรียวจะชี้ไปที่อากาศว่างเปล่า
ฮึ่ม!
มิติผันผวนขณะที่ร่างไฉ่เซียวทะลวงมิติก่อนพายุคลื่นหลิงทรงพลังจะระเบิดออก ทำให้แผ่นหินบนถนนสลายเป็นผุยผง
ไฉ่เซียวถอยทันทีที่ปล่อยการโจมตีกลับมายืนที่จุดเดิม สายตามองมิติที่ค่อยๆ คืนกลับสภาพดังเดิม นางเลิกคิ้วอย่างอัศจรรย์ใจ “ชายคนนั้นทรงพลังแท้จริง เสียดายที่ร่างข้าตอนนี้มีผนึกประทับอยู่มากเกินไป ไม่อย่างนั้นข้าจะผนึกเขาไว้ในมิตินั้นเลย มาดูว่าเขาจะหนีไปไหนได้”
เห็นชัดว่านางไม่เป็นฝ่ายได้เปรียบในการแลกกระบวนท่าก่อนหน้านี้
มู่เฉินมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เขาอาจจะเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งของบันทึกมังกรหงส์—ฟังยี่จากหมู่ตึกเทวะ”
“โอ้ แบบนี้ไม่ได้หมายว่าเจ้าท้าทายห้าอันดับแรกเกือบครบแล้วหรือ?” ไฉ่เซียวอุทาน ในดวงตาฉายแววหัวเราะที่ไม่ปิดบัง
มู่เฉินมองนางพลางขบฟัน “ครั้งนี้เจ้าเป็นคนลงมือนะ!”
“ใจของเจ้านั่นล้ำลึก ข้าไม่ชอบ ดังนั้นไม่อยากร่วมมือกับเขา” ไฉ่เซียวแบมือ มีท่าทางไม่แยแส นางไม่รู้สึกกลัวเพียงเพราะชายคนนั้นเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งบนบันทึกมังกรหงส์หรอก
“แล้วแต่เจ้าเถอะ” มู่เฉินพยักหน้า เจ้านั่นส่งแรงกดดันคุกคามจนแม้แต่มู่เฉินยังไม่อยากร่วมมือด้วย แม้จะเป็นเรื่องยุ่งยากหากท้าทายเขา แต่คนอย่างมู่เฉินก็ไม่เคยกลัวปัญหา
มู่เฉินมีท่าทางไม่แยแสเช่นเดียวกัน ทำให้ไฉ่เซียวผิดคาดไปเล็กน้อย นางยิ้มพราว “ข้าคิดว่าเจ้าจะอยากร่วมมือกับเขาซะอีก เพราะหากเจ้าทำงานร่วมกับเขา แม้แต่หลิ่วเหยียนก็คงไม่กล้าแตะต้องเจ้า”
“ให้มันมาตามต้องการ ข้าไม่กลัวมันอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นข้าผูกมิตรไม่ได้เพื่อเอาไว้ใช้ประโยชน์จากพวกเขา” มู่เฉินยิ้ม ทว่าน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปยามมองไฉ่เซียวด้วยยิ้มตาหยี “อีกอย่าง ข้าก็มีเจ้าแล้วนี่ ต่อให้ฟังยี่จะมีพลังน่าสะพรึง แต่เจ้าก็ไม่เห็นด้อยกว่าตรงไหน”
“เมื่อกี้ข้ายังอยากชมเจ้าอยู่เลยนะ…” ไฉ่เซียวกลอกตาใส่มู่เฉิน นางไม่สนใจหันหลังกลับมุ่งหน้าไปที่ถนนโดยมีมู่เฉินเดินตามไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อทั้งสองไปแล้ว มิติก็บิดเบี้ยวเหนือหลังคาไกลออกไป ชายชุดขาวเผยตัวมองไปยังทางที่ทั้งสองออกไป ก่อนจะก้มมองนิ้วมือที่มีรอยเลือด
สายตาล้ำลึกเปล่งประกาย จากนั้นเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะโบกมือหายตัวไป
“แม่นางคนนั้นเป็นใครกัน…. ดูเหมือนศึกมังกรหงส์ครั้งนี้จะน่าสนใจแล้วสิ”
ตอนที่ 776
ทะเลแมลง
วันต่อมา
เมื่อแสงแรกของดวงตะวันแทรกผ่านท้องฟ้ามืดมิดฉายลงบนเทือกเขาหลงเฟิ่ง คลื่นหลิงทั่วสารทิศก็เริ่มปะทุขึ้น
เสียงลมแหวกอากาศนับไม่ถ้วนดังขึ้นจากนอกเทือกเขา จากนั้นจอมยุทธ์จำนวนมากก็เหาะเหินผ่านขอบฟ้าราวกับฝูงตั๊กแตน มุ่งหน้าไปยังเมืองโบราณหลงเฟิ่งจากทุกทิศทาง
เห็นชัดว่าข่าวที่เขตหลงเฟิ่งจะเปิดตัวในวันนี้แพร่กระจายเป็นไฟลามทุ่งภายในเวลาแค่คืนเดียว
มู่เฉินกับไฉ่เซียวยืนอยู่บนหลังคามองไปยังทะเลมนุษย์ที่ดูราวกับเมฆพายุก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา แรงดึงดูดของเขตหลงเฟิ่งมีมากเกินไป ตอนนี้จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือที่มีพลังแก่กล้าคงมารวมตัวกันที่นี่หมดแล้ว ขนาดที่เห็นทำเอาหมดคำพูดไปเลย
เมื่อแสงดวงตะวันยามเช้าส่องลงมาจากขอบฟ้า ทุกคนก็มีสายตาร้อนแรงเมื่อมองออกไปไกล เกิดระลอกกระเพื่อมอย่างต่อเนื่องในมิติบนเทือกเขาซึ่งกำลังปลดปล่อยรัศมีคลุมเครือกว้างใหญ่แพร่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหง
นั่นก็คือทางเข้าของเขตหลงเฟิ่ง
เวลาผ่านไปอย่างต่อเนื่อง เมื่อดวงอาทิตย์ลอยเด่นบนท้องฟ้า บรรยากาศ ณ ที่นี้ก็มาถึงจุดที่น่ากลัว ระลอกคลื่นหลิงผันผวนออกมา ทำให้กระทั่งมิติบริเวณนี้ยังบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ฮึ่ม!
ทันใดนั้นคลื่นหลิงในบริเวณนี้ก็เดือดพล่านราวกับน้ำขณะที่โหมกระหน่ำ คลื่นหลิงกว้างใหญ่รวมตัวบนอากาศภายในเทือกเขาโบราณ คลื่นหลิงเหมือนจะขยายตัวออกไปเลือนรางโถมลูกคลื่นขึ้น
ภายใต้กระแสคลื่นหลิง มิติก็บิดเบี้ยวรุนแรงมากขึ้น…มากขึ้น
ผู้คนนับไม่ถ้วนสาดสายตาร้อนแรงเมื่อมองภาพตรงด้วยหัวใจเต้นแรง
เมื่อการบิดเบือนของมิติไปถึงขีดสุด ลำแสงขนาดใหญ่ก็ปรากฏก่อนจะฉีกมิติออกจากกันทีละน้อย…ละน้อย
แสงไม่มีที่สิ้นสุดเทลงฉีกขาดมิติพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าหงส์ที่ดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดมาจากยุคดึกดำบรรพ์ดังขึ้นอย่างชัดเจนสะท้อนก้องไปทั่ว
เสียงมังกรคำรามนี้เป็นสิ่งที่มู่เฉินไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงคำรามเหมือนมีพลังอำนาจที่เหนือกว่าสวรรค์ ทำให้ผู้คนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“เขตหลงเฟิ่งเปิดแล้ว!”
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังขึ้นฉับพลันไปทั่วพื้นที่ที่กำลังเดือดจัด ระเบิดบรรยากาศออกทันที
วาบ! วาบ!
สายตาจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานขณะคลื่นหลิงมากมายระเบิดออกในอึดใจต่อมา ร่างแสงที่มองเห็นได้พุ่งผ่านท้องฟ้า เสียงลมหวีดหวิวเปลี่ยนเป็นเสียงอัดอากาศดังกึกก้อง จากนั้นร่างคนจำนวนมากราวกับฝูงตั๊กแตนก็พุ่งตรงไปที่มิติที่ฉีกตัวออกจากกัน
เห็นชัดว่าทั่วพื้นที่เกิดความโกลาหลไปหมดแล้ว
มองเห็นภาพตระการตานี้ มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาก่อนจะมองไปที่ไฉ่เซียว “เราก็ไปกันเถอะ”
ไฉ่เซียวพยักหน้า
ทั้งคู่ขยับตัวเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน รวมกับกระแสแสงขนาดใหญ่ สุดท้ายก็พุ่งเข้าไปในมิติที่มีเสียงคำรามของเทพอสูรดังสะท้อน
จังหวะที่ทั้งสองพุ่งตัวเข้าไปในเขตหลงเฟิ่ง ไฉ่เซียวก็คว้ามือมู่เฉินเอาไว้ สัมผัสเย็นฉ่ำทำเอามู่เฉินอึ้งไป แต่ก่อนที่จะพูดอะไร ความผันผวนของมิติรอบตัวก็สับสนอลหม่าน มิติบิดตัวสุดขีด
แต่ความเลือนรางที่เกิดจากมิติผิดเพี้ยนก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนมู่เฉินก็รู้สึกว่าฝ่าเท้าแตะลงบนพื้นดิน ภาพรอบด้านที่ดูเลือนรางกลับมาแจ่มชัดอย่างรวดเร็ว
มู่เฉินลืมตาขึ้นแล้วก็อึ้งไป เพราะทิวทัศน์รอบด้านเปลี่ยนไปใหญ่หลวง เทือกเขาหายไปแทนที่ด้วยทุ่งหญ้าสีแดงเข้ม
และพวกเขาก็ยืนอยู่บนเนินเขาของทุ่งหญ้าแห่งนี้
สายลมพัดผ่านนำพากลิ่นอายโบราณโชยเข้ามา ทุ่งหญ้าสีแดงลู่ลมราวกับทะเลโลหิตแกว่งไกวดูแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ตอนนี้คลื่นมิติกระเพื่อมบนทุ่งหญ้าอย่างต่อเนื่อง ร่างคนจำนวนมากปรากฏขึ้น พวกเขาก็คือเหล่าจอมยุทธ์ที่ผ่านรอยแตกเข้ามาในเขตหลงเฟิ่ง
แต่ดูจากภาพนี้ แต่ละคนถูกโยนมาอย่างสุ่มๆ เมื่อเดินทางผ่านรอยแยกมิติออกมา ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมไฉ่เซียวถึงคว้ามือเขาไปจับไว้ นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องแยกกลุ่มกัน
เมื่อร่างคนจำนวนมากปรากฏตัว ทุ่งหญ้าสีแดงเข้มที่เคยสงบเงียบก็คึกคักอย่างรวดเร็ว ผู้คนนับไม่ถ้วนมีสายตาใคร่รู้และร้อนผ่าวขณะมองไปรอบๆ พื้นดินแปลกประหลาดนี้ จากนั้นก็มีคนจำนวนหนึ่งอดรนทนไม่ไหวพุ่งตัวออกไปที่ไกล
มู่เฉินมองทุ่งหญ้าสีแดงเข้มกลับขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเหมือนจะรู้สึกถึงความไม่สบายใจเบาบาง
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
เมื่อความรู้สึกไม่สบายใจตีกวนขึ้นในหัวใจของมู่เฉิน หญ้าสีแดงเข้มก็บินฉวัดเฉวียนขึ้นมาบนทุ่งหญ้าแล้วสลายตัวในอากาศเปลี่ยนเป็นหมอกเลือดสีแดงเข้มพุ่งใส่จอมยุทธ์หลายสิบคนที่ออกตัวไปก่อนอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
แต่จอมยุทธ์เหล่านั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว คลื่นหลิงระเบิดออกจากร่างทันทีพยายามจะแหวกหมอกเลือดสีแดงเข้มออกไป แต่เมื่อคลื่นหลิงของพวกเขาสัมผัสกับหมอกเลือดก็ไม่มีผลในการป้องกันใดๆ เมื่อหมอกเลือดสีแดงเข้มกวาดผ่าน แต่ละร่างก็กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวร่วงลงก่อนจะทันได้ส่งเสียงร้องออกมา
เสียงในทุ่งหญ้าเงียบกริบลงทันที จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรงขณะมองภาพนี้
“นั่นอะไรน่ะ?” บางคนอุทานอย่างหวาดผวา
มู่เฉินจ้องมองหมอกเลือดสีแดงเข้ม ม่านตาก็หดเกร็ง เพราะเขาพบว่าหมอกเลือดนั่นไม่ใช่หมอกแท้จริง แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากแมลงประหลาดสีแดงเข้มนับไม่ถ้วน
แมลงพวกนั้นมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ แต่จำนวนมากจนน่าตกใจ ทุกบริเวณที่พวกมันเคลื่อนผ่านแม้แต่คลื่นหลิงก็ถูกดูดกินไว้
ทันใดนั้นมู่เฉินก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาสะบัดมือ คลื่นหลิงกวาดไปทั่วทั้งทุ่งหญ้าจากนั้นเหล่าหญ้าสีแดงก็ลอยขึ้นเปลี่ยนเป็นฝูงแมลงที่รวมตัวกันราวกับหมอกเลือด
มู่เฉินขนลุกเกรียวกับภาพดังกล่าว นี่เป็นทุ่งหญ้าซะที่ไหนล่ะ มันเป็นทุ่งหญ้าที่เกิดจากทะเลแมลงต่างหาก!
“หนีเร็ว!”
มู่เฉินคว้าข้อมือไฉ่เซียวเหาะเหินขึ้นไป อันตรายที่อยู่ในเขตหลงเฟิ่งช่างเหนือความคาดหมายของเขานัก ในสถานที่อันตรายเช่นนี้ หากพวกเขาประมาทแม้แต่น้อย ก็จะกลายเป็นกองกระดูกได้
ขณะที่มู่เฉินพุ่งตัวออก เหล่าจอมยุทธ์ที่รวมตัวกันในบริเวณนี้ก็หนีเอาชีวิตรอดไปเช่นกัน เห็นชัดว่าพวกเขารู้แล้วว่าดันโชคร้ายถูกส่งมายังดินแดนแห่งความตายเข้าให้
ฮึ่มๆ!
ความผันผวนที่เกิดจากการหนีของคนจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้แมลงประหลาดพวกนี้สั่นสะเทือน อึดใจทุ่งหญ้าทั้งผืนก็ราวกับมีชีวิต พายุทอร์นาโดสีแดงเข้มนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น กวาดใส่ร่างคนที่กำลังเหาะหนี
ฮึ่ม!
พายุทอร์นาโดลูกหนึ่งที่ก่อจากทะเลแมลงสีแดงเข้มก็กวาดตัวไปยังมู่เฉินอย่างรวดเร็ว ภาพน่าตกตะลึงนี้ทำให้ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป เขารีบสะบัดมือ ส่งคลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดตัวออกไป
บึ้ม!
พลังงานสองสายปะทะกัน แต่คลื่นหลิงส่วนใหญ่ของเขาถูกแมลงประหลาดดูดกลืนไว้ แต่หลังจากพวกมันดูดคลื่นเข้าไป พวกมันจำนวนมากก็ถูกแผดเผาจากเพลิงสีม่วงที่มองเห็นได้เลือนราง
เห็นภาพนี้แล้ว ดวงตาของมู่เฉินก็วาวแสง
“คลื่นหลิงของเจ้าหลอมรวมกับเพลิงทรงพลังไม่น้อย เร้าออกมาเลย แม้แมลงพวกนั้นจะกลืนคลื่นหลิงได้ แต่ยังไงพวกมันก็กลัวไฟอยู่ดี” ไฉ่เซียวเอ่ยกระตุ้น
มู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับเพลิงสีม่วงเริ่มกวาดตัวออกมาจากร่างเพียงแค่คิด จากนั้นก็ก่อตัวเป็นลูกไฟห่อหุ้มร่างพวกเขาไว้
วาบ!
การใช้เพลิงอมตะเป็นเกราะกำบัง ทำให้มู่เฉินพุ่งตัวออกจากทะเลแมลงที่ขวางทางได้ แมลงที่โดนเพลิงสีม่วงก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน เสียงฉ่าๆ แสบแก้วหูดังอย่างต่อเนื่อง
มู่เฉินทะยานด้วยความเร็วสูงสุด ส่วนทางด้านหลังก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอยู่เรื่อย ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์จำนวนเท่าไรถูกแมลงดูดกลืนจนเหลือแต่กระดูก แต่ตอนนี้มู่เฉินไม่มีพลังมาช่วยพวกเขา การเข้ามาในทะเลแมลง แม้จะมีการปกป้องจากเพลิงอมตะ เขาก็จะยังอ่อนแรงจนตายได้เหมือนกัน
ฟิ้ว!
ภายใต้ความเร็วเต็มพิกัด มู่เฉินใช้เวลาสิบกว่านาที ก่อนที่เขาจะพุ่งออกจากทุ่งหญ้าสีแดงเข้มพลิ้วตัวลงบนภูเขาหัวโล้นลูกหนึ่ง เมื่อหันกลับไปก็เห็นทุ่งหญ้าสีแดงเข้มปกคลุมด้วยหมอกเลือดราวกับวันอวสานโลก
ทว่านอกจากทั้งสองแล้วก็มีร่างสะบักสะบอมส่วนหนึ่งหนีตายออกมาได้ คนเหล่านั้นก็เหมือนกับมู่เฉินที่มีพลังของไฟรวมอยู่ในคลื่นหลิง พวกเขาสามารถฝ่าออกจากทะเลแมลงด้วยพลังนี้
“ช่างเป็นความตายที่น่าสยดสยอง”
มู่เฉินมีสีหน้าเคร่งขรึมลง มีจอมยุทธ์พันคนอยู่ในทุ่งหญ้าเมื่อครู่นี้ แต่ตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงร้อยคนที่รอดออกมาได้ จำนวนการล้มตายเช่นนี้ทำให้แม้แต่มู่เฉินยังขนลุกซู่
อันตรายในเขตหลงเฟิ่งเกินความคาดหมายของเขาจริงๆ
มู่เฉินส่ายหน้าขณะยับยั้งอาการตกใจ ก่อนจะพลิกนิ้ว คลื่นหลิงพุ่งออกมาถักทอเป็นแผนที่ตรงหน้า นี่เป็นแผนที่ที่เขาได้รับมาจากหอหลงเฟิ่ง
แต่แผนที่ผืนนี้ดูคลุมเครือเกินไป ทั้งสองต้องสำรวจเป็นเวลานานก่อนจะสามารถยืนยันตำแหน่งคร่าวๆในปัจจุบันได้
“เราน่าจะอยู่ตรงนี้แหละ”
เรียวนิ้วของไฉ่เซียวชี้ไปที่มุมซ้ายด้านล่างของแผนที่ ก่อนจะเคลื่อนนิ้วช้าๆ ไปตรงจุดแสงที่อยู่ใกล้ที่สุด “สระมังกรหงส์อยู่ที่นี่ เราไปที่นั่นกันก่อนเถอะ”
เมื่อใดที่พวกเขาหาสระมังกรหงส์เจอ ไฉ่เซียวก็จะสามารถใช้พลังของมันเพื่อตามหาสระมังกรหงส์อื่นๆ ได้
มู่เฉินพยักหน้าโบกมืออย่างไม่ลังเลเก็บแผนที่ไว้ก่อนจะมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เขาสูดหายใจลึก แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาร่วมศึกมังกรหงส์ แต่เขาก็จินตนาการได้ว่ารอบสระมังกรหงส์จะต้องเต็มไปด้วยอันตรายยิ่งกว่าที่พวกเขาเพิ่งเจอเมื่อครู่เสียอีก
ทว่าอันตรายเหล่านั้นก็ไม่อาจสร้างความหวาดกลัวและหยุดการก้าวเดินของเขาได้
“ไป!”
มู่เฉินเอ่ยเบาๆ จากนั้นก็ออกนำไปเป็นคนแรก ตรงไปทางสระมังกรหงส์ที่เพิ่งทราบตำแหน่งโดยมีไฉ่เซียวตามไปติดๆ
ตอนที่ 777
ภูเขากระดูกขาว
วาบ!
ร่างแสงสองร่างข้ามขอบฟ้ากว้างใหญ่ เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด แต่ระหว่างเคลื่อนผ่านกลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา เห็นชัดว่าพวกเขาตั้งใจข่มเสียงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
ร่างแสงทั้งสองพุ่งไปเป็นระยะหมื่นจั้งในพริบตา แต่ไม่นานพวกเขาก็หยุดลง ร่างกายวูบไหวพลิ้วตัวลงบนยอดเขาก่อนซ่อนตัว
ไม่นานนักหลังจากที่พวกเขาซ่อนตัว ความโกลาหลก็เคลื่อนเข้ามา ระลอกมิติบิดเบี้ยวมองเห็นร่างสัตว์อสูรแปลกประหลาดนับร้อยบินมาพร้อมกับเสียงคำรามอัดแน่นด้วยความกระหายเลือด
มู่เฉินกับไฉ่เซียวซ่อนตัวมองกลุ่มสัตว์อสูรบินผ่านก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า มีสัตว์อสูรประหลาดอยู่มากมายเหลือเกินในเขตหลงเฟิ่ง แม้พวกมันจะมีสติปัญญาต่ำ แต่ก็มีพลังน่ากลัวเนื่องจากมิตินี้ปกคลุมไปด้วยเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง
หากพวกเขาตกอยู่ในการโจมตีของพวกมัน ต่อให้หลบหนีไปได้ ก็คงจะหมดพลังมหาศาลแน่นอน ดังนั้นทั้งคู่จึงพยายามซ่อนตัวเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรฝูงใหญ่เช่นนี้
“ตอนนี้เราอยู่ไม่ไกลจากสระมังกรหงส์นั่นแล้ว” ไฉ่เซียวเอ่ยพลางมองไปรอบๆ
มู่เฉินพยักหน้าเพราะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอัศจรรย์ใจแผ่ออกมาแต่ไกล ความผันผวนที่อัดในแรงกดดันทรงพลังทำให้แม้แต่คลื่นหลิงในร่างกายของมู่เฉินยังหนืดลง
“ไม่รู้ว่าพวกร้ายกาจคนไหนจะมาหมายตาสระมังกรหงส์แห่งนี้?”
ดวงตาของมู่เฉินกะพริบวูบไหว พวกเขารู้ว่าตอนนี้ในเขตหลงเฟิ่งมีสระมังกรหงส์เพียงห้าสระ ทว่าจำนวนจอมยุทธ์ที่เข้ามาในเขตหลงเฟิ่งกลับมีมากมายมหาศาล ดังนั้นจินตนาการได้เลยว่าศึกชิงสระมังกรหงส์จะดุเดือดเพียงใด
คนที่สามารถผ่านอุปสรรคมาจนถึงสระมังกรหงส์ได้น่าจะเป็นพวกจอมยุทธ์ชั้นสูง ถึงตอนนั้นจะต้องเป็นการต่อสู้เข้มข้นแน่นอน
หลังจากฝูงสัตว์อสูรประหลาดน่าตกใจบินไปแล้ว มู่เฉินและไฉ่เซียวก็ออกตัวกันอีกครั้ง เพียงเวลาหนึ่งชั่วโมงสั้นๆ ทั้งสองก็เผชิญหน้ากับฝูงสัตว์อสูรหลายสิบฝูง แม้จะพยายามอย่างที่สุดเพื่อหลบเลี่ยง แต่พวกเขาก็ยังเจอฝูงสัตว์อสูรที่มีประสาทสัมผัสไวจนน่าตกใจ ไม่มีทางเลือกนอกจากสู้ ซึ่งส่งผลต่อความเร็วในการเดินทางไปหลายช่วง
ทว่าความผิดปกตินี้ก็ทำให้มู่เฉินรู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เจอสัตว์อสูรประหลาดจำนวนมากมายขนาดนี้หรอก
ลือกันว่ายิ่งเข้าใกล้สระมังกรหงส์ ก็จะมีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ทรงพลังเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถลดการตั้งรับลงได้เลย
ภายใต้การระแวดระวัง ทั้งสองเดินทางต่อไป ทะยานผ่านเทือกเขาก่อนจะหยุดลงบนยอดเขาโดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง สายตาสองคู่มองตรงไปก็หดเกร็ง
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขาคือพื้นดินยุบตัวเกิดเป็นเหวลึกที่มีร่องจำนวนมากตัดผ่าน ภาพน่ากลัวนี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าสถานที่แห่งนี้ผ่านการต่อสู้สะเทือนฟ้าดินมา
และตอนนี้กลางพื้นดินที่ถล่มลงก็มียอดเขาสูงพุ่งทะลุชั้นเมฆ ภูเขานี้สีขาวซีดเลือนรางแต่เมื่อมองใกล้เข้าไป ก็จะพบว่ามันเป็นภูเขาที่ก่อจากกระดูก!
ทว่ากระดูกมีจำนวนมากจึงกองซ้อนกันเป็นภูเขากระดูกขนาดใหญ่!
อักขระโบราณปรากฏอยู่บนภูเขากระดูกจนเห็นได้ อักขระเหล่านี้ขยายออกไปราวกับมีชีวิต พร้อมกับแรงกดดันน่ากลัวแผ่ออกมาจากภูเขากระดูก ทำให้คนมองรู้สึกหนังหัวชาไปหมด!
“สระมังกรหงส์น่าจะอยู่บนยอดเขากระดูกนั่น” มู่เฉินมองบนยอดเขาที่สูงเทียมเมฆ เห็นชัดว่าแรงกดดันที่แผ่มาจากตรงนั้นหนาแน่นมากที่สุด
ดวงตาไฉ่เซียวมองไปยังพื้นดินที่ยุบตัวและภูเขากระดูก จากนั้นก็เอ่ยเบาๆ “มีคนไม่น้อยนะ”
มู่เฉินพยักหน้า เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงที่อยู่ที่นี่ นับว่าไม่น้อยเลย ดูเหมือนจอมยุทธ์ที่เข้ามาในเขตหลงเฟิ่งได้ล้วนมีความสามารถน่าดูชม
“รอดูก่อนเถอะ ถึงสระมังกรหงส์จะอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ข้ากลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเอานิ้วจุ่มลงไปได้หรอก” มู่เฉินเอ่ย เขาไม่ได้เสียสติไปกับภาพสระมังกรหงส์ เนื่องจากเขารู้ว่าสิ่งที่อันตรายจริงๆ คือสิ่งที่อยู่ใกล้กับสมบัติมากที่สุด
เขตหลงเฟิ่งเต็มไปด้วยอันตรายทุกพื้นที่ แค่มาถึงที่นี่ยังไม่ง่ายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้ครอบครองสระมังกรหงส์
ไฉ่เซียวไม่แปลกใจกับท่าทางสงบนิ่งของมู่เฉิน หลังจากได้พูดคุยกันในช่วงไม่กี่วันนี้นางก็รู้ว่ามู่เฉินเป็นชายหนุ่มที่มีเฉลียวฉลาดและอารมณ์เหนือกว่าคนวัยเดียวกันมากนัก
แต่เห็นชัดว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้เมื่อเห็นขุมทรัพย์ตรงหน้า
เมื่อมู่เฉินกับไฉ่เซียวมาถึงที่นี่ไม่นาน ก็มีคนจำนวนหนึ่งปรากฏตัวบนท้องฟ้าไกลออกไป ทุกคนกำจายคลื่นหลิงทรงพลังออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
คนที่สามารถผ่านอุปสรรคจากฝูงสัตว์อสูรประหลาดจนมาถึงสระมังกรหงส์ได้ คิดว่าคงไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดาหรอก
จอมยุทธ์เหล่านี้มีจำนวนร้อยคนเห็นจะได้ พวกเขาเข้าใจถึงอันตรายชัดเจนที่อัดแน่นในภูเขากระดูกขาว ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม กลับสร้างพันธมิตรขึ้นเพื่อทะลวงเข้าไปด้วยกัน ด้วยวิธีนี้แม้ว่าจะเผชิญกับอันตราย ก็สามารถช่วยกันต่อสู้ได้
วาบ!
ร่างแสงร้อยร่างทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว กระจายแถวมุ่งหน้าขึ้นสู่ภูเขากระดูกขาว
มู่เฉินยืนมองภาพนั้นเงียบๆ จากนั้นดวงตาก็หดลงเล็กน้อย เนื่องจากเขาได้ยินเสียงร้องแหลมดังออกจากภูเขาฉับพลัน
คร่อก!
ทันทีที่เสียงร้องกระจายออกไป ภูเขากระดูกขาวก็เหมือนจะสั่นสะเทือนรุนแรง อึดใจต่อมาภูเขาก็โยกคลอนขณะที่รอยแตกกระจายตัว ร่างสีขาวมืดฟ้ามัวดินพุ่งออกมาจากรอยแตกนั่น
มีจอมยุทธ์สิบกว่าคนที่มุ่งหน้าไปเร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงถูกล้อมด้วยร่างสีขาวนับร้อยร่างพร้อมกับกรงเล็บแหลมฉีกผ่านมิติพุ่งเข้าใส่พวกเขา
ทว่าปฏิกิริยาของเหล่าจอมยุทธ์ก็ไม่ช้าเช่นกัน คลื่นหลิงระเบิดออกก่อตัวเป็นปราการป้องกันทุกรูปแบบ
ชี่!
ทว่าปราการป้องกันเหล่านี้ไม่สามารถคุ้มครองชีวิตอย่างที่คาดคิดไว้ กรงเล็บที่ปกคลุมด้วยเกล็ดดำทะลวงผ่านชั้นปราการคลื่นหลิงก่อนจะกวาดผ่านโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ทันใดนั้นเลือดสดก็พุ่งกระฉูด ก่อนที่ส่งจะได้ร้องเสียงเจ็บปวด ร่างจอมยุทธ์สิบกว่าคนก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว
“อ้าก!”
เสียงร้องน่าสังเวชดังจากทิศทางอื่น ยามนี้ร่างจอมยุทธ์นับร้อยถอยร่นอย่างรวดเร็ว แววหวาดกลัวฉายบนใบหน้า ทว่ากลุ่มเกือบครึ่งหนึ่งร่างกลับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ
“น่ากลัวอะไรอย่างนี้”
มู่เฉินมีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วนกับภาพนี้ สายตากะพริบวาบ เขาสามารถมองเห็นร่างสีขาวได้อย่างชัดเจน พวกมันเป็นวานรตัวขาวซีด ร่างกายมีขนาดไม่กี่จั้ง ทว่ากรงเล็บใหญ่มีสีดำปกคลุมด้วยเกล็ดหนาแน่นซึ่งสะท้อนแสงทำให้หัวใจสั่นยะเยือกภายใต้แสงตะวัน
นอกจากนี้พวกมันยังมีปีกกระดูกคู่หนึ่งบนแผ่นหลัง นำพาความเร็วอันน่ากลัวมา
“เลือดของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงทำให้มิติแห่งนี้วุ่นวายไปหมดจริงๆ” ไฉ่เซียวเบ้ปาก ตอนแรกมิติแห่งนี้ไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่เพราะการตายของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบวกด้วยเงื่อนไขพิเศษบางอย่างเข้าไป ทำให้กำเนิดสัตว์อสูรทรงพลังซึ่งมีสติปัญญาไม่สูงนักขึ้นมา
มู่เฉินพยักหน้า สัตว์อสูรพวกนั้นอาจมีขุมพลังจื้อจุนขั้นหนึ่งและขั้นสองเท่านั้น แต่จำนวนที่มาแบบมืดฟ้ามัวดินก็ทำให้หัวใจคนมองชาหนึบไปเลยทีเดียว
นอกจากนี้…
สายตาของมู่เฉินพุ่งตรงไปที่ภูเขากระดูกขาวและสัมผัสได้ถึงความผันผวนรุนแรงยิ่งกว่าหลายสายกระจายมาจากส่วนลึก
ภูเขากระดูกขาวแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นไป
บนท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยรังสีกระหายเลือด หลังจากเหล่าวานรขาวสังหารผู้บุกรุกเรียบร้อย พวกมันก็ไม่ได้ไล่ตามออกมา กลับวนอยู่รอบๆ ภูเขากระดูกขาว จำนวนมหาศาลดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วภูเขาเลยทีเดียว
เหล่าจอมยุทธ์ที่ถอยหลบออกมาต่างมีสีหน้าซีดเผือดขณะตกอยู่ในอาการตื่นตกใจ แววหวาดผวาฉายในดวงตา ชัดว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบไม่น้อย
จอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่มองภาพนี้จากรอบด้านก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน เวลานี้ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก ดวงตาแต่ละคู่อัดแน่นด้วยแววหวาดกลัว
ทว่าความเงียบงันไม่ได้คงอยู่นาน เพราะทุกคนรู้ว่าจะต้องมีคนจำนวนมากขึ้นมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เมื่อเวลาผ่านไป ถึงตอนนั้นโอกาสที่พวกเขาจะได้เข้าไปในสระมังกรหงส์ก็จะน้อยลงอีก
“ทุกคนนี่ไม่ใช่ทางออกหากคิดแต่จะรอต่อไป แม้ว่าวานรขาวจะทรงพลัง แต่ถ้าเราร่วมมือกันโจมตี พวกมันก็ไม่สามารถหยุดเราไว้ได้แน่” ในที่สุดก็มีคนที่คิดละเอียดรอบคอบคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงห่อหุ้มด้วยคลื่นหลิงดังก้องฟ้า
“ได้ ลุยด้วยกันเลย!”
เสียงนั้นดึงดูดเสียงสะท้อนมากมาย เพราะพวกเขาไม่สามารถปล่อยสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้ต่อไป หากทุกคนร่วมมือกัน ก็อาจจะผ่านสิ่งกีดขวางอย่างฝูงลิงนี้เข้าไปได้
ตู้ม! ตู้ม!
คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างแสงจำนวนมากค่อยๆ ทะยานขึ้นไปบนเทือกที่อยู่ไกลออกไปอย่างช้าๆ จำนวนช่างน่าตกตะลึงไม่น้อย
“เราก็เตรียมตัวไปกันเถอะ”
เห็นภาพนี้ มู่เฉินก็ยิ้มออกมา เขารอมาครึ่งวันก็เพื่อสิ่งนี้ ด้วยความช่วยเหลือของทุกคนในการฝ่าฝูงวานรขาว เขาถึงจะถือโอกาสขึ้นบนภูเขากระดูกขาวได้
“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่คิดจะเก็บผลประโยชน์จากรอบนอกนะ” ไฉ่เซียวยิ้มหวาน
ที่นี่มีจอมยุทธ์มากมาย ชัดว่าจะต้องมีพวกทรงพลังรวมอยู่ในนั้นด้วย ทว่าก่อนหน้านั้นกลับไม่มีใครเผยตัวออกมา ชัดว่าพวกเขาต่างมีความคิดเฉกเช่นเดียวกับมู่เฉิน
“งั้นเรามาดูกันว่าใครจะซ่อนได้ลึกกว่ากัน”
มู่เฉินยิ้มขณะที่ดวงตาโชนไฟต่อสู้ ไม่ว่าอย่างไรสระมังกรหงส์แห่งนี้ต้องเป็นของเขา!
ตอนที่ 778
ขึ้นบนยอดเขา
ฟิ้ว!
เสียงแหวกอากาศดังจากทุกทิศเมื่อจอมยุทธ์นับพันพุ่งผ่านเส้นขอบฟ้า ทุกคนมีคลื่นหลิงพวยพุ่งรอบตัว สร้างภาพน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
คร่อกๆๆๆ!
ฝูงวานรขาวสัมผัสได้ถึงอันตรายด้านนอกก็ส่งเสียงโหยหวนขึ้นทันควัน น้ำเสียงอัดแน่นด้วยความกระหายเลือดเกรี้ยวกราด
ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันอย่างรวดเร็ว ไม่มีการหยุดยั้งและปะทะกันจังใหญ่ ทันใดนั้นเองคลื่นหลิงป่าเถื่อนก็กวาดอาละวาดบนท้องฟ้า
คลื่นหลิงปั่นป่วนไปทั่ว วานรขาวก็ถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง ทว่าเนื่องจากจำนวนมหาศาล เมื่อตัวหนึ่งร่วงลงอีกตัวหนึ่งก็จะเข้าแทนที่ จึงทำให้เริ่มเกิดการบาดเจ็บล้มตายทางฝั่งมนุษย์ที่โจมตีเข้าใส่ภูเขากระดูกขาว
บริเวณนี้กลายเป็นเครื่องจัรกบดเนื้อ กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นคละคลุ้งไปทั่ว
ทว่าแม้วานรขาวจะได้เปรียบทางด้านจำนวน แต่เนื่องจากสมองมีน้อยนิด ดังนั้นเมื่อจอมยุทธ์จำนวนมากวางแผนร่วมมือกัน ความได้เปรียบของพวกมันก็เริ่มลดลงและถูกโต้กลับ
ปัง!
เสาปีศาจในมือมู่เฉินหวดออกพร้อมกับภาพเงา โบกเหล่าวานรขาวที่พุ่งเข้ามาจนระเบิดออก จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงมองภูเขากระดูกขาวเลือนรางที่ถูกวานรขาวนับไม่ถ้วนปกป้องอยู่
ด้วยจอมยุทธ์จำนวนมากปล่อยการโจมตี ก็เกิดช่องโหว่ในปราการป้องกันของเหล่าวานรขาว
มู่เฉินหันหน้าไปมองด้านข้าง ไฉ่เซียวหายตัวไปตั้งแต่ตอนเริ่มการต่อสู้ ทว่ามู่เฉินไม่ได้เป็นกังวลนัก เนื่องจากพลังของนางอยู่เหนือความคาดหมายของเขาไปไกล คนที่สามารถทำอันตรายนางได้ในเขตหลงเฟิ่งคงมีเพียงน้อยนิด
“น่าจะพอแล้ว”
มู่เฉินมองท้องฟ้าวุ่นวาย ม่านตาสีดำก็คมปลาบขึ้นทีละน้อย อึดใจร่างเขาก็หายไป มิติห่างออกไปหลายร้อยจั้งบิดเบี้ยว ร่างมังกรปรากฏในพริบตา โผทะยานผ่านชั้นแนวป้องกันของวานรขาวขึ้นไปบนภูเขากระดูกขาว
ขณะที่มู่เฉินผ่านวานรขาวมาและกำลังเคลื่อนตัวขึ้นภูเขากระดูกขาว ก็เกิดความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังบางส่วนตรงตำแหน่งอื่น จอมยุทธ์สิบกว่าคนต่างใช้ทักษะของตนผ่านด่านป้องกันขึ้นมา
จอมยุทธ์เหล่านี้ต่างมีพลังแข็งแกร่งนัก นอกจากนี้ก็ชัดว่ากำลังรอคอยโอกาสเหมือนกัน อย่างที่ไฉ่เซียวพูดไว้ก่อนหน้า มู่เฉินไม่ใช่คนเดียวที่คิดจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ใส่ใจคนที่คิดจะคว้าผลประโยชน์เหมือนเขา เพราะหลังจากผ่านด่านวานรขาวแล้ว ภูเขากระดูกขาวยิ่งใหญ่ก็เผยตรงหน้า เขาพุ่งตัวเปลี่ยนร่างเป็นลำแสงทะยานตรงสู่ยอดเขา
แม้ว่ามู่เฉินจะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด แต่ร่างกายก็อยู่ในภาวะตึงเครียดตลอดเวลาขณะที่หมุนเวียนคลื่นหลิงภายใน เพราะเขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าถึงสระมังกรหงส์
ตึง!
ขณะที่มู่เฉินกำลังตื่นระวังสุดขีด รอยร้าวขนาดใหญ่ก็ปรากฏบนภูเขากระดูกขาวตรงหน้า จากนั้นกรงเล็บขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดปกคลุมก็พุ่งออกจากใต้ดิน ปิดล้อมมู่เฉินไว้ด้วยลมจากกรงเล็บแหลมคม
ดวงตามู่เฉินหดเกร็ง เสาปีศาจในมือก็ฟาดใส่กรงเล็บอย่างหนักหน่วงพร้อมกับคลื่นหลิงยิ่งใหญ่
ตู้ม!
คลื่นหลิงรุนแรงระเบิดออกมาราวกับพายุ รอยร้าวจำนวนมากปรากฏบนผืนกระดูกจากคลื่นกระแทก ส่วนร่างของมู่เฉินก็ถอยหลังไปสิบกว่าก้าวเช่นกัน
มู่เฉินยืนกลางอากาศขณะมองไปข้างหน้าพลางขมวดคิ้ว เบื้องล่างในกองกระดูกเสาแสงสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างยักษ์ประหลาดปรากฏขึ้นช้าๆ
สัตว์ประหลาดตัวนี้คล้ายคลึงกับวานรขาว แต่ทั่วร่างกลับเป็นสีแดงและดูดุร้ายอย่างยิ่ง มันปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่สะท้อนประกายเย็นเยือกเมื่อต้องแสงตะวัน
นี่คือคือวานรปีศาจที่มีสายเลือดมังกรแท้จริงอยู่
คลื่นหลิงรุนแรงผันผวนออกมาจากร่างของมัน ทำให้มู่เฉินแอบตกตะลึงอยู่ในใจ การจัดการเจ้ายักษ์ตัวนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการลงมือเลย
เห็นชัดว่าเจ้านี่ต้องเป็นหนึ่งในคลื่นหลิงอันตรายที่มู่เฉินสัมผัสได้
“โฮก!”
วานรปีศาจแดงจ้องมองมู่เฉินอย่างดุร้าย น้ำลายไหลยืดจากปากดูน่ากลัว จากนั้นมันก็ร้องคำราม แขนยาวคว้าท่อนกระดูกขาวชิ้นใหญ่มาไว้ในกรงเล็บก่อนจะกระโจนเข้ามา
ความเร็วของวานรปีศาจรวดเร็วมาก พลองกระดูกใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นภาพเงาปกคลุมทั่วท้องฟ้า กวาดตรงไปหามู่เฉิน เส้นทางที่ท่อนกระดูกตัดไป แม้แต่มิติยังบิดเบี้ยว
มิติเบื้องหลังมู่เฉินบิดเบี้ยว จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นเบาบาง คลื่นหลิงมหาศาลโถมซัด เสาปีศาจก็ครางกระหึ่มออกมาเช่นกัน
ปัง! ปัง! ปัง!
เงาพลองกระดูกนับไม่ถ้วนส่งเสียงหวีดหวิว จากนั้นก็ปะทะเข้าใส่กันอย่างรวดเร็ว พายุคลื่นหลิงระเบิดจากการปะทะพัดอาละวาดในบริเวณนี้
ขณะที่มู่เฉินกับวานรปีศาจกำลังโรมรันพันตูกันอยู่นั้น ความวุ่นวายก็เกิดที่จุดอื่นของภูเขาเช่นกัน คลื่นหลิงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่เข้าสู่ภูเขากระดูกขาวก็เผชิญหน้ากับการขัดขวางจากสัตว์อสูรทรงพลังอื่นเช่นกัน
ตึง!
คลื่นกระแทกหลิงที่มองเห็นด้วยตาเปล่าระเบิดออก ขณะที่มู่เฉินกับวานรปีศาจถอยหลัง มู่เฉินมองวานรปีศาจที่กำลังคำรามก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เนื่องจากสติปัญญาของมันไม่สูง ทำให้วานรปีศาจไม่เกรงกลัวต่อความตาย การโจมตีบ้าคลั่งของมันทำให้แม้แต่มู่เฉินยังขยาดขึ้นมา หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามคนอื่น คงถูกฟาดเละกลายเป็นกองเนื้อด้วยฝีมือของวานรปีศาจนี่ไปนานแล้ว
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มู่เฉินก็ยังปวดกะโหลกจากการถูกพัวพันเอาไว้กับมัน เนื่องจากเขาไม่อยากเสียพลังโดยเปล่าประโยชน์กับสัตว์อสูรที่ไร้สมองเหล่านี้
“เคร้ง!”
เสาปีศาจและพลองกระดูกปะทะกันอีกชุด ร่างของมู่เฉินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาเย็นเยือกลงขณะมองวานรปีศาจที่แผดคำรามพุ่งเข้าใส่ จากนั้นดวงตาของเขาก็กลายเป็นเวิ้งสีดำอย่างรวดเร็ว หมุนคว้างราวกับหลุมดำ
“ตู้ม! ตู้ม!”
เสียงกรีดแหลมสายฟ้าดังกึกก้องในส่วนลึกของหัวใจวานรปีศาจโดยไม่มีสัญญาณเตือน เมื่อเสียงสายฟ้าดังขึ้น ร่างวานรปีศาจก็แข็งค้าง คลื่นหลิงป่าเถื่อนในร่างที่เสียการควบคุม ทำให้ตัวมันสั่นเทิ้มอย่างต่อเนื่อง
เห็นชัดว่าสายฟ้าฤทัยปีศาจดำมีประสิทธิภาพอย่างมากกับสัตว์อสูรสมองกลวงเหล่านี้
ทว่าวานรปีศาจตัวนี้ก็ไม่ธรรมดา มันร้องโหยหวนฉับพลัน ทุบกำปั้นเข้ากับอกฟังดูราวกับเสียงรัวกลอง เมื่อเสียงเหล่านั้นสะท้อนเข้าไปในร่าง ก็ข่มเสียงสายฟ้าคำรามได้ทีละน้อย…ละน้อย
วาบ!
ทว่าขณะที่วานรปีศาจข่มเสียงสายฟ้าได้ มู่เฉินก็ปล่อยการโจมตีอย่างรวดเร็ว พริบตาเขาก็ปรากฏตัวเหนือร่างวานรปีศาจงอนิ้วทั้งสอง สายฟ้าแล่นแปลบปลาบราวกับเป็นหอกยาวก่อตัวจากคลื่นหลิงพุ่งเจาะดวงตาของวานรปีศาจอย่างแม่นยำ
บึ้ม!
ดวงตาข้างหนึ่งของวานรปีศาจระเบิดพร้อมกับเลือดสดพุ่งกระฉูด มากจนแม้แต่ใบหน้าเกือบครึ่งก็ระเบิดด้วย
โฮก!
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้มันคำรามด้วยความโกรธ แต่ก่อนที่มันจะได้คลั่ง เสาปีศาจก็ซัดลงไปบนหัวมันที่ดูราวกับทำจากโลหะเต็มแรง
แต่ครั้งนี้มู่เฉินใส่พลังทั้งหมดลงไป เสาปีศาจก็เคลื่อนลงพร้อมกับมวลลมใหญ่ฉีกผ่านมิติ ดังนั้นต่อให้หัวของวานรปีศาจทำมาจากเหล็กไหล ก็ระเบิดกระจุยกระจายเป็นแตงโมในตอนนี้
ตู้ม!
ร่างใหญ่โตของวานรปีศาจทรุดลงด้วยเสียงดังลั่น ทำเอาพื้นดินเลื่อนลั่นไปหมด
มู่เฉินถือเสาปีศาจในมือพลางพลิ้วตัวลง เลือดไหลลงจากเสาอย่างต่อเนื่อง เขามองวานรปีศาจที่สูญเสียพลังชีวิตก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ โชคดีที่สายฟ้าฤทัยปีศาจดำสามารถทำให้มันเสียสมาธิได้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นปัญหาสำหรับเขาในการกำจัดวานรปีศาจตัวนี้
เขาเงยหน้าขึ้นกวาดมองทิศอื่นๆ ของภูเขากระดูกขาว คลื่นหลิงน่าตกใจผันผวนออกมา ชัดว่ายังมีการต่อสู้ใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่เหล่านั้น
สายตาของมู่เฉินวูบไหว จากนั้นเขาก็คว้าศพวานรปีศาจทะยานมุ่งหน้าไปยังยอดเขาของสระมังกรหงส์
เส้นทางต่อจากนั้นก็เป็นไปอย่างราบรื่น คิดว่าสัตว์อสูรทรงพลังที่เหลือคงถูกจอมยุทธ์คนอื่นๆ ล่อไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีสัตว์อสูรตัวใดมาขัดขวางเขาอีก
ภายใต้ความเร็วสูงสุด มู่เฉินก็ผ่านชั้นเมฆบนยอดเขาในเวลาไม่กี่นาที เขาตบเท้าพลิ้วตัวออกจากชั้นเมฆ ตรงสู่ยอดเขากระดูกขาว
เขายืนบนอากาศสายตาเพ่งตรงไปข้างหน้าแล้วดวงตาก็หดเกร็งลง
บนยอดเขา มีกองกระดูกขาวมากมาย ซึ่งตรงกลางมีกระดูกชิ้นมหึมาสองชิ้น ทั้งสองชิ้นราวกับก้อนหินหนักหมื่นตัน เห็นชัดว่าพวกมันไม่ได้มาจากร่างเดียวกัน แต่ก็ล้วนมีแรงกดดันน่ากลัวแผ่ออกมาจากกระดูกสองชิ้น ภายใต้แรงกดดันนั้นแม้แต่อากาศรอบด้านยังหยุดนิ่ง
กระดูกโบราณทั้งสองเชื่อมต่อกัน สร้างสระขนาดร้อยจั้งที่เต็มไปด้วยลวดลายโบราณ เมื่อแสงสะท้อนประกาย ก็ดูเหมือนมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งกำลังหายใจอย่างต่อเนื่อง
พลังงานไร้รูปแบบและแปลกประหลาดผันผวนในสระน้ำ
ชัดว่าสระแห่งนี้คือเป้าหมายของจอมยุทธ์ที่เข้ามาในเขตหลงเฟิ่ง นี่ก็คือสระมังกรหงส์!
มู่เฉินมองสระกระดูกด้วยสายตาร้อนแรง แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าไปข้างหน้า สายตาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน เพราะมีคลื่นหลิงทรงพลังสองสายพวยพุ่งมาจากท้องฟ้าสามทิศทาง
คลื่นหลิงทรงพลังสองสายกรูเข้ามายังยอดเขา ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่งประกบข้างมู่เฉิน ทั้งคู่พุ่งเป้าไปที่มู่เฉินอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อมู่เฉินสัมผัสถึงหนึ่งในนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาลงหลายส่วน เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับคลื่นหลิงสายนั้นดี
วาบ!
บนท้องฟ้า ร่างแสงปรากฏขึ้นในพริบตา หลิ่วเหยียนในชุดสีขาวเผยตัวออกมา เขาจ้องมองมู่เฉินด้วยความไม่แยแส จากนั้นก็เหวี่ยงศพสัตว์อสูรตัวหนึ่งในมือออกไป
“ข้าบอกไว้แล้ว แกหนีจากเงื้อมมือข้าไม่พ้นหรอก”
หลิ่วเหยียนปัดมือพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในน้ำเสียงอัดแน่นด้วยความเยาะเย้ย ราวกับแมวหยอกหนู
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น