หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1545-1548

 บทที่ 1545 หายนะของสำนักศึกษา

 

หวอ หวอ!


สัญญาณเตือนภัยดังก้อง ทั่วทั้งสำนักศึกษาเป่ยชางที่คึกคักก็เข้าสู่ความโกลาหล สายตานับไม่ถ้วนมองออกไปที่ด้านนอกค่ายกลด้วยความกลัว บนท้องฟ้าไกลโพ้นถูกครอบงำด้วยรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากที่หลั่งไหลเข้ามา…


“เผ่าปีศาจเคลื่อนไหวแล้ว!”


ยืนอยู่ริมทะเลสาบเยี่ยชิงหลิง เสิ่นชังเสิง เวินชิงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็มีใบหน้าเปลี่ยนไปกับฉากนี้ สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดลง ร่างกายตึงเครียดขึ้น


“พี่ใหญ่!”


เยี่ยสุนเอ๋อทะยานเข้ามาพลิ้วตัวลงด้านข้างเยี่ยชิงหลิงด้วยความกังวลในสายตา


เยี่ยชิงหลิงหายใจเข้าลึกตอบว่า “ปลอบใจเหล่าศิษย์เอาไว้ อย่าให้แตกตื่น… นอกจากนี้เตรียมรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เมื่อไรที่สถานการณ์เริ่มแตกหักให้จัดกลุ่มศิษย์หนีผ่านทางค่ายกล”


เผ่าปีศาจทรงพลังและก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่สำนักศึกษาจะขัดขวางไว้ได้ ดังนั้นจึงต้องวางแผนสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้


เยี่ยสุนเอ๋อกัดริมฝีปาก แต่นางก็รู้ซึ้งถึงความแตกต่างของพลังระหว่างทั้งสองฝ่าย จึงพยักหน้ารับทราบ


“ทุกคนผ่านมาหลายปี ตอนนี้เรากำลังจะต่อสู้ด้วยกันอีกครั้งแล้ว” เยี่ยชิงหลิงมองไปที่เสิ่นชังเสิงและพรรคพวกด้วยรอยยิ้ม


เสิ่นชังเสิงก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่มีความกลัวอยู่ในสายตาเขา หอกคู่ใจปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นก็หันไปหาหลี่เฉวียนทงเอ่ยว่า “ตอนที่ศึกษาที่นี่เจ้าไล่ตามข้าตลอด ครั้งนี้แข่งกันอีกไหม?”


“เอาเลย” หลี่เฉวียนทงยิ้มพร้อมกับคลื่นหลิงพลุ่งพล่านรอบตัว เสื้อผ้าโบกสะบัด


“มีข้าที่นี่ ไม่ถึงมือเจ้าสองคนได้โอ้อวดหรอก” เวินชิงเฉวียนยิ้มบาง ร่างแผ่ซ่านด้วยความมั่นใจราวกับนกยูงรำแพนขน นางยังคงเจิดจ้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง


“โฮก!”


แต่ขณะเดียวกันเสียงคำรามของมังกรเกรี้ยวกราดที่แตกสลายฟ้าดินก็ดังก้องออกมาจากสำนักศึกษาเป่ยชาง ลำแสงสีดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างเงาหนี่งเผยตัวออกมา


นั่นคือชายชราหัวล้าน มีท่าทางเย็นชาขณะที่สายฟ้าดังก้องอยู่รอบตัวแผ่แรงกดดันทรงพลัง


“ท่านเป่ยหมิง!”


ร่างสูงวัยนี้ได้รับเสียงโห่ร้องต้อนรับจากทั่วบริเวณ ทุกคนมีไฟลุกโชนในดวงตา เพราะในสำนักศึกษาเป่ยชาง ชื่อเสียงของเป่ยหมิงโด่งดังเหลือเกิน


แต่เมื่อได้รับเสียงโห่ร้องเหล่านั้นใบหน้าของเป่ยหมิงก็ไม่ได้คลายลง เขามองรัศมีปีศาจหนาแน่นนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบบนร่างกาย ชัดว่าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ที่ทรงพลังในหมู่เผ่าปีศาจ


วาบ วาบ!


ร่างแสงหลายร่างเริ่มทะยานสู่ท้องฟ้าจากสำนักศึกษาเป่ยชางมายืนอยู่ด้านหลังเป่ยหมิง พวกเขาก็คือเหล่าจอมยุทธ์ทรงพลังของห้ายอดสำนัก


ไท่ชางปรากฏตัวข้างเป่ยหมิง เมื่อมองไปที่สีหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าเขาก็ดิ่งลง


“ไท่ชางเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” เมื่อมองไปท่าทางของไท่ชาง เป่ยหมิงก็ถอนหายใจ


พอได้ยินคำพูดเหล่านั้นร่างไท่ชางก็สั่นสะท้านพร้อมกับความรวดร้าวในสายตา เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสำนักศึกษาเป่ยชางจะต้องพบกับวันแห่งการทำลายล้าง


“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องสละร่างแก่ๆ นี้ต่อสู้เพื่อให้เหล่าศิษย์ได้มีเวลาหลบหนีมากขึ้น” ไท่ชางประสานมือกล่าวด้วยความแน่วแน่


ในฐานะอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาเป่ยชาง เขาไม่สามารถทิ้งศิษย์เผชิญชะตากรรมเช่นนี้ได้


เป่ยหมิงยิ้มพลางตบไหล่ไท่ชาง “ข้าปกป้องสำนักมาหลายปี ถ้าสำนักกำลังเผชิญกับการทำลายล้าง ข้าก็จะสู้ตายพร้อมกับทุกคน”


ไท่ชางเปิดปากขึ้น แต่เป่ยหมิงกลับหยุดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคารวะให้


ฟิ้ว!


ยามนี้เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทง เวินชิงเฉวียนและคนอื่นๆ ก็มายืนอยู่ด้านหลังไท่ชาง


“ท่านอาจารย์ใหญ่ พวกเรายินดีที่จะพลีชีพเพื่อปกป้องสำนัก!”


เมื่อมองไปที่เหล่าศิษย์ ไท่ชางก็ซาบซึ้งใจตอบว่า “พวกเจ้าก้าวไปไกลแล้วและคือความหวังในอนาคต ไม่จำเป็นต้องพินาศไปกับสำนัก ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถพาศิษย์น้องทั้งหลายให้รอดพ้น ถือว่าช่วยรักษาเมล็ดเพลิงให้สำนักไว้”


พวกเสิ่นชังเสิงเงียบไป เมื่อมองสายตาที่เปี่ยมด้วยความหวังของชายชรา พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ สุดท้ายพวกเขาทำได้เพียงโค้งคำนับรับด้วยมารยาทสูงสุด


“ท่านอาจารย์ใหญ่โปรดมั่นใจ ข้าจะปกป้องพวกเขาอย่างดีที่สุด”


ไท่ชางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หันหน้าไปมองเหนือท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด รัศมีปีศาจถั่งโถมเข้ามาใกล้ในระยะหมื่นจั้งแล้ว


เมื่อมองผ่านรัศมีปีศาจ พวกเขาก็สามารถมองเห็นปีศาจนับไม่ถ้วนภายใน


“เปิดใช้งานค่ายกล!” เป่ยหมิงแผดเสียง เหล่าหลิงเจิ้นซือทั้งหมดก็เทคลื่นหลิงเข้าไปทันที ขณะที่คลื่นหลิงถูกเทลงในค่ายกลอย่างต่อเนื่อง ปราการรอบสำนักก็ทรงพลังมากขึ้นเช่นกัน


“ค่ายกลพิทักษ์นี้สามารถป้องกันการโจมตีของระดับเทียนจื้อจุนได้หลายคน นี่ถือว่าเป็นชั้นการป้องกันสุดท้ายของเรา” เป่ยหมิงพูดขณะมองไปที่ปราการ


หากชั้นปราการถูกทำลาย นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องสู้ถวายชีวิตแล้วเท่านั้น


“หวังว่าค่ายกลนี้จะสามารถปกป้องสำนักของเราได้” ทุกคนภาวนาภายในใจ


ในที่สุดรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากก็หยุดลง ทั้งภูมิภาคถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน


ความวุ่นวายภายในสำนักก็สงบลงเช่นกัน แต่หลายคนมีความกลัวในดวงตาขณะที่ตัวสั่นเมื่อมองไปที่รัศมีปีศาจ


ทันใดนั้นกะโหลกสีดำก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างปีศาจยืนอยู่บนโครงกระดูกแต่ละส่วนเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของรัศมีปีศาจ


นักรบราชันปีศาจเจ็ดคน!


เมื่อมองไปที่นักรบราชันปีศาจทั้งเจ็ด ความสิ้นหวังก็โหยไห้ออกจากสำนักศึกษาเป่ยชาง แม้แต่สีหน้าของเป่ยหมิงก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด


แม้เขาจะรู้ว่าจะมีราชันปีศาจ แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีถึงเจ็ดคนและทุกคนก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา


“ดูเหมือนว่าสวรรค์อยากจะทำลายสำนักศึกษาเป่ยชางจริงๆ” ไท่ชางตัวสั่น


ตู้ม ตู้ม!


ราชันปีศาจทั้งเจ็ดมองดูความสิ้นหวังอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นรัศมีปีศาจก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กระแทกเข้ากับปราการขนาดใหญ่


ตึง ตึง!


เผชิญหน้ากับการโจมตีของราชันปีศาจทั้งเจ็ด ชั้นปราการก็ผันผวนรุนแรง คลื่นหลิงที่อยู่บนนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว


“ถ้าเตรียมการค่ายกลเคลื่อนย้ายเสร็จ ก็เริ่มส่งศิษย์ออกไปเลย!” ไท่ชางออกคำสั่งด้วยเสียงสั่น อาจารย์บางส่วนก็ออกไปพร้อมกับคำสั่งทันที


ไม่มีใครสามารถต้านทานเผ่าปีศาจได้ไหวแน่เมื่อปราการแตก ไม่แม้กระทั่งเป่ยหมิงจะสามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีของเจ็ดราชันปีศาจได้


“เมื่อไรที่ค่ายกลแตกสลาย ข้าจะพยายามขัดขวางราชันปีศาจให้ได้มากที่สุด ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเจ้าแล้ว”


ไป่หมิงมองไปที่ค่ายกลที่สั่นสะท้าน ใบหน้าก็สงบลง เขามองไปที่ไท่ชางพลางยิ้มขึ้น “พูดถึงเรื่องนี้ข้าก็คิดถึงไอ้หนูนั่นที่ได้ฝึกฝนกายาเทพสายฟ้าของข้า”


“ท่านกำลังพูดถึงเจ้าหนูมู่เฉินอยู่เหรอ…ฮ่าๆ ตอนนี้เขาไม่ธรรมดาเลยนะ มีข่าวลือเมื่อไม่กี่ปีก่อนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้” ไท่ชางยิ้ม


“แค่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหายตัวไปในช่วงหลายปีนี้… คนอื่นบอกว่าเขากลัวพวกปีศาจ แต่ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น”


เป่ยหมิงยิ้ม “คนที่กล้ารับเมฆเทพอัสนีดำเพื่อชำระร่างกายและเรียนรู้กายาเทพสายฟ้า จะไปมีความกลัวได้อย่างไร คนอื่นโง่ไปเท่านั้น”


ตู้ม ตู้ม!


ขณะที่พวกเขาพูดคุยถึงความหลัง ขบวนแถวแสงก็บางลงก่อนที่จะระเบิดที่หน้าครรลองสายตาทุกคน…


ค่ายกลแตกสลาย ภาพสำนักศึกษาเป่ยชางก็เผยออกเบื้องหน้าเผ่าปีศาจ


“ฆ่าให้หมด!”


ราชันปีศาจทั้งเจ็ดมองไปที่เป่ยหมิงอย่างเย็นชา เนื่องจากรู้สึกได้ว่ามีเพียงเขาที่สร้างภัยคุกคามได้ ทันใดนั้นทั้งเจ็ดก็เคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน เปิดฉากซัดฝ่ามือใส่เป่ยหมิงทันที


เผชิญกับราชันปีศาจทั้งเจ็ด เป่ยหมิงก็เผยสีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นสายฟ้าสีดำแล่นแปลบปลาบออกมาจากร่างราวกับเทพสายฟ้า


เขาก้าวออกไป มือประสานกันก่อนจะผลักกระแทกออก


“ฝ่ามือเทพอัสนีดำ!”


สายฟ้าสีดำพุ่งออกไปราวกับมหาสมุทรพลุ่งพล่านปะทะกับฝ่ามือทั้งเจ็ด


ปัง ปัง!


ทั้งสวรรค์และโลกสั่นสะเทือน พลังทั้งสองสายปะทะกัน ทว่าสายฟ้าสีดำไม่สามารถต่อกรกับฝ่ามือทั้งเจ็ดได้ ในที่สุดก็ถูกฉีกออกพลังงานที่เหลือซัดใส่ร่างของเป่ยหมิง


ปัง!


เป่ยหมิงตัวสั่น เสื้อผ้าถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ รัศมีจืดจางลง เขาได้รับบาดเจ็บหนักหลังจากการแลกกระบวนท่าครั้งเดียว!


“ท่านเป่ยหมิง!”


เหล่าศิษย์ในสำนักศึกษาเป่ยชางร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง ใครจะคาดคิดว่าจอมยุทธ์ที่อยู่ยงคงกระพันในสายตาของพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักจากฝีมือศัตรูในทันที


“ส่งพวกเขาออกไป!” เป่ยหมิงคำรามด้วยสีหน้าซีดเซียว


ทั่วทั้งสำนักตกอยู่ความโกลาหล ภายใต้การนำของเหล่าอาจารย์ ศิษย์ทุกคนเริ่มหนีเข้าไปในส่วนลึก


เป่ยหมิงคำรามมองไปที่ราชันปีศาจทั้งเจ็ดด้วยดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็เข้าประจัญบาน ยามนี้เขาคิดสู้จนตัวตายแล้ว


เผชิญหน้ากับราชันปีศาจทั้งเจ็ด เป่ยหมิงก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ


ในเมื่อเป็นเช่นนี้…เขาก็ทำได้เพียงทำลายตัวเองเพื่อซื้อเวลาให้เด็กๆ หนีไป


ขณะที่คลื่นหลิงรุนแรงพวยพุ่งขึ้นภายในร่างกาย ความผันผวนที่น่ากลัวก็กวาดออกมา


เมื่อราชันปีศาจทั้งเจ็ดสังเกตเห็นการกระทำของเป่ยหมิง ใบหน้าก็เปลี่ยนไปร้องว่า “ฆ่ามัน!”


จากนั้นก็พุ่งเข้าโรมรันในเวลาเดียวกัน กระบี่ปีศาจเจ็ดเล่มกวาดออกพร้อมกับปีศาจรุนแรง


“ท่านเป่ยหมิง!”


เมื่อเสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและพรรคพวกเห็นฉากนี้ร่างกายก็ชาวาบไปด้วยความสิ้นหวังในแววตา พวกเขารู้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะสังหารเป่ยหมิงแน่นอน


“ฝากศิษย์น้องไว้กับพวกเจ้าแล้ว!” ไท่ชางมองฉากนี้โดยไม่มีริ้วอารมณ์ใดบนใบหน้า แต่เล็บแทงเข้าไปในฝ่ามือพร้อมกับเลือดหยดลงมาเป็นสาย


หลังจากที่เสิ่นชังเสิงและคนอื่นๆ แลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเขาก็กัดฟันถอยร่นออกไป


ฟิ้ว!


ขณะที่กระบี่ปีศาจทั้งเจ็ดบินฉวัดเฉวียนข้ามขอบฟ้าก็พุ่งเป้าไปที่จุดตายของเป่ยหมิงด้วยมุมน่าหวาดเสียวกระทั่งมิติยังฉีกออกจากกัน


ฮึ่ม ฮึ่ม!


แต่ขณะที่ทุกคนกำลังจะเห็นความตายของเป่ยหมิง เสียงครางกระหึ่มก็ดังก้องมาจากขอบฟ้า


ทันใดนั้นแสงหลิงพร่างพราวสองสายก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า ลำแสงสายหนึ่งทะยานเข้าไปที่เบื้องหน้าดงกระบี่ปีศาจลบออกทันที


ส่วนลำแสงอีกสายก็กลืนกินสามราชันปีศาจโดยที่ไม่ทันแม้แต่จะเปิดปากร้องออกมาก่อนที่จะสลายหายไป…


เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ หยุดชะงักการล่าถอย ความไม่เชื่อเขียนอยู่ในดวงตา ขณะที่มองการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้…


ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง มิติด้านหลังเป่ยหมิงก็ผันผวน ร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ มือบางยื่นออกมาวางไว้บนไหล่ของอีกฝ่ายซึ่งทำให้พลังงานที่บ้าคลั่งในร่างกายเขาสงบลงทันที…


คลื่นหลิงในร่างสงบลง เป่ยหมิงก็อึ้งไปก่อนที่จะหันหน้าไปมองก็เห็นใบหน้าสะคราญโฉมที่อ่อนล้าจากการเร่งรุดเดินทางอย่างต่อเนื่อง


เมื่อเห็นสายตาของเป่ยหมิง สาวสวยก็ยิ้มพลางกะพริบตาเย้าแหย่พร้อมกับน้ำเสียงอ่อนโยนดังก้อง


“ผู้อาวุโสเป่ยหมิงจะตายไม่ได้นะเจ้าค่ะ ไม่งั้นข้าไม่รู้จะอธิบายให้มู่เฉินฟังได้ยังไงเมื่อเขากลับมา…”


เสียงหัวเราะอ่อนโยนดังก้องทำให้ทุกคนตะลึงงันเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์งดงาม


ยามนี้ไท่ชาง เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างร้องอุทานว่า


“นั่น…”


“ลั่ว-หลี!”

 

 

 


บทที่ 1546 ศพดำ

 

“ลั่วหลี?!”


เมื่อมองไปที่ร่างสะคราญโฉม ทุกคนที่รู้จักนางก็อุทานด้วยความไม่เชื่อในสายตา


“ลั่วหลี?”


เหล่าศิษย์ปัจจุบันของสำนักศึกษาเป่ยชางไม่ค่อยคุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่กระนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เนื่องจากหญิงสาวคนนี้สามารถสังหารราชันปีศาจสามคนเพียงแค่ปรากฏตัวขึ้น พลังของนางน่าสะพรึงกลัวมาก


“ตะ… แต่นาง…สวยมาก!”


ศิษย์ทั้งชายและหญิงหลายคนดวงตาแดงเรื่อ เนื่องจากหญิงสาวที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าช่างโดดเด่นเหลือล้น ท่วงท่ากิริยาและรูปร่างหน้าตาน่าตกใจจริงๆ


เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วดาวเด่นคนอื่นๆ ในสำนักศึกษาก็ดูจืดชืดไปเลย


“นั่นคือ…พี่ใหญ่ลั่วหลี”


เยี่ยสุนเอ๋อฉายความสุขบนใบหน้าขณะพึมพำด้วยความตื่นเต้น


“พี่ใหญ่สุนเอ๋อ นางเป็นใครเหรอ?” สมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่วที่อยู่โดยรอบอดถามไม่ได้ แต่ละคนกำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดก็ต้องหันไปมองภาพเงางดงามที่เพิ่งมาถึง พวกเขารู้สึกว่าชื่อของนางคุ้นเคยนัก


“เจ้าเด็กโง่ทั้งหลาย!” เยี่ยสุนเอ๋อกลอกตาขณะที่ยืดอกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าบอกพวกเจ้าหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึ? ผู้ก่อตั้งชุมนุมเทพธิดาลั่วของเรามีสองคน พี่ใหญ่มู่เฉินและพี่ใหญ่ลั่วหลี!”


เหล่าสมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่วตาโตเท่าไข่ห่าน ขณะมองไปที่ร่างสะคราญโฉมด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “โอ้สวรรค์! งั้นนางก็คือพี่ใหญ่ลั่วหลี หนึ่งในผู้ก่อตั้งชุมนุมของเรา!”


“ว้าว ศิษย์พี่ลั่วหลีทรงพลังมาก! แม้แต่ราชันปีศาจก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง!” ความเคารพเทิดทูนเผยออกมาจากดวงตาของเด็กสาวหลายคน


“นางสวยอะไรอย่างนี้…” เด็กผู้ชายหลายคนใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ พวกเขาอึ้งไปกับความงดงามของนาง อยากจะมองแต่ก็ไม่กล้า


ชุมนุมอื่นๆ ก็ปรายสายตามองมาด้วยความอิจฉา ยิ่งทำให้สมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่วเหยียดตัวราวกับขึ้นแท่นรับรางวัลท่าทางภาคภูมิใจมาก โดยปกติแล้วแต่ละชุมนุมก็จะแข่งขันกันเสมอ แต่ในเรื่องผู้ก่อตั้งชุมนุม พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้าลง


“ไม่คิดว่า…นางจะทรงพลังมากขนาดนี้” เสิ่นชิงเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาซับซ้อนพลางถอนหายใจ


เมื่อก่อนพลังของลั่วหลีเทียบได้กับพวกเขา แต่หลังจากผ่านไปหลายปีพวกเขายังคงต้องบากบั่นเพื่อบรรลุระดับเทียนจื้อจุน ส่วนลั่วหลีสามารถฆ่าราชันปีศาจได้ง่ายดายด้วยการพลิกฝ่ามือ


“ลั่วหลีมีโชคชะตะของตัวเอง แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจ อีกไม่กี่ปีเราก็สามารถไปถึงระดับเทียนจื้อจุนแล้วเช่นกัน” เวินชิงเฉวียนไม่ตกใจ ริมฝีปากของนางโค้งขึ้นขณะมองไปที่ลั่วหลี


เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนและคนอื่นก็เป็นคนมีจิตใจแน่วแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม


“การมาของลั่วหลี สถานการณ์น่าจะดีขึ้นมาก”


ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย เมื่อลั่วหลีรู้สึกได้ถึงพลังงานที่สงบลงภายในร่างของเป่ยหมิง นางก็ถอนมือกลับ


ตอนนี้เป่ยหมิงฟื้นคืนจากอาการตกใจมองไปที่ลั่วหลีด้วยความสับสน ก่อนจะประสานมือเข้าหากัน “ขอบคุณท่านจอมยุทธ์”


ทว่าเมื่อพิจารณาจากแววตาเขาก็ดูเหมือนยังจำลั่วหลีไม่ได้ เนื่องจากในตอนนั้นลั่วหลียังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก แม้ว่าจะงดงามแต่ก็เยาว์วัยนัก แต่ตอนนี้ลั่วหลีที่ได้ฝึกฝนร่างเทพวารีและอารมณ์ก็มีเฉกเช่นคนทั่วไปดูสมบูรณ์แบบมาก


ลั่วหลีตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ศิษย์ลั่วหลีเคยศึกษาที่สำนักด้วย ย้อนกลับไปตอนนั้นร่างเทพสายฟ้าที่มู่เฉินได้รับการฝึกฝนก็ถูกถ่ายทอดโดยท่านนะเจ้าค่ะ”


“มู่เฉิน…”


เป่ยหมิงอึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้พลางอุทานออกมาด้วยความตกใจ “อา เจ้าก็คือ…คนรักตัวน้อยที่อยู่ข้างกายมู่เฉิน…”


ขณะที่พูดเป่ยหมิงก็ยิ้มเขิน เพราะลั่วหลีเติบโตขึ้นอย่างงดงามและช่างเหมือนเป็นการดูหมิ่นสำหรับเขาที่จะพูดคุยกับนางแบบไม่เป็นทางการ


ทว่าลั่วหลีไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ รอยยิ้มหวานประดับอยู่บนริมฝีปากนาง มู่เฉินและนางมีความทรงจำงดงามอยู่ที่นี่


ฟิ้ว!


ไท่ชางก็เร่งรุดเข้ามาหาเป่ยหมิงพลางมองไปที่ลั่วหลีแล้วก็ถอนหายใจ “ไม่คิดว่าสาวน้อยในตอนนั้นจะทรงพลังมากขนาดนี้แล้ว”


“ลั่วหลี ในนามสำนักศึกษาเป่ยชางข้าขอเป็นตัวแทนขอบคุณ”


ลั่วหลีรีบเข้าไปหยุดการกระทำของไท่ชางไว้พลางยิ้ม “อาจารย์ใหญ่ ข้าก็เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาเป่ยชาง ในเมื่อสำนักกำลังประสบภัย ข้าไม่ควรมาช่วยรึ? หรือว่าท่านอาจารย์ใหญ่ไม่คิดว่าข้าเป็นศิษย์แล้ว”


พอได้ยินคำพูดลั่วหลี ไท่ชางก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าน่าเกรงขามมากนะเนี่ย”


ลั่วหลียิ้มอ่อนโยนก่อนที่จะหันกลับไปมองรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากด้านนอกสำนัก ในบรรดาราชันปีศาจทั้งเจ็ด นางสังหารไปสามคนแล้ว ทำให้อีกสี่คนมองมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“พวกแกบังอาจกล้าต่อต้าน!” ราชันปีศาจทั้งสี่มองไปที่ลั่วหลีอย่างเย็นชา


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกข้าจะมอบความสยองขวัญให้กับทุกคนที่นี่!”


เมื่อได้ยินคำพูดพล่านด้วยเจตนาฆ่า ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนไป


มีเพียงลั่วหลีเท่านั้นที่มีสีหน้าสงบขณะกวาดสายตามองราชันปีศาจทั้งสี่ “เป็นเพียงราชันปีศาจต๊อกต๋อยกลับกล้าพูดแบบนี้งั้นเหรอ? ไปเรียกจอมปีศาจออกมาพูดดีกว่านะ”


เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหลี สายตาของราชันปีศาจทั้งสี่ก็ดุร้ายยิ่งขึ้นขณะที่จ้องเขม็ง


ฮึ่ม!


ขณะที่พวกเขากำลังจะเริ่มโจมตี ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็พลุ่งพล่านเข้ามา พวกเขาเห็นร่างแสงหลายร่างทะยานข้ามขอบฟ้าก่อนที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากจะฉีกออกจากกัน จากนั้นก็พลิ้วตัวลงข้างๆ ลั่วหลี


“ลั่วหลี เจ้าเร็วมากเลย…” หลินจิ้งอ้าปากหอบหายใจ พอรู้ข่าวลั่วหลีก็เร่งความเร็วมาที่สำนักศึกษาเป่ยชางอย่างเต็มพิกัด


ลั่วหลีช่วยลูบหลังให้หลินจิ้งเบาๆ พลางหันไปหาเซียวเซียว “จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหรือยัง?”


เซียวเซียวพยักหน้าตอบว่า “จอมยุทธ์คนอื่นรีบเร่งไปยังสถานที่ที่ถูกโจมตีอื่นแล้วน่ะ”


ลั่วหลีพยักหน้าตอบว่า “งั้นเราก็จัดการที่นี่ให้เรียบร้อยกันเถอะ”


“ปล่อยไอ้สี่ตัวนั่นเป็นหน้าที่ข้าสองคนเอง” เซียวเซียวมองไปที่ราชันปีศาจทั้งสี่พร้อมกับแสงพราววูบไหวในนัยน์ตา กระทั่งดวงตาของหลินจิ้งก็โชนแสงขณะพยักหน้า


“ได้ พวกเจ้าระวังตัวด้วย” ลั่วหลีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นางรู้ดีว่าไม่มีปัญหาอะไรที่ทั้งสองคนจะเผชิญหน้ากับราชันปีศาจทั้งสี่


เซียวเซียวและหลินจิ้งแลกเปลี่ยนสายตากันจากนั้นก็ทะยานออกไปพร้อมกับคลื่นหลิงพลุ่งพล่านรอบตัวครอบคลุมร่างราชันปีศาจแยกเป็นสองฝั่งไว้


“นังสารเลวรนหาที่ตาย!”


ราชันปีศาจทั้งสี่คำราม รัศมีปีศาจพวยพุ่งขึ้นรอบตัวขณะที่พุ่งใส่เซียวเซียวและหลินจิ้ง


ตู้ม ตู้ม!


การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายระเบิดออก ทำให้ภูเขาสั่นไหวเมื่อคลื่นกระแทกรุนแรงกวาดออกไป


ภายในสำนักศึกษาเป่ยชาง ทุกคนเฝ้าดูการประจัญบานนี้ด้วยท่าทางกังวล


ในการต่อสู้ทุกคนสามารถบอกได้อย่างคลุมเครือว่าแม้ว่าเซียวเซียวและหลินจิ้งจะต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง แต่หญิงสาวทั้งสองคนก็ยังได้เปรียบ ดังนั้นทุกคนจึงฉายความสุขบนใบหน้า


ลั่วหลีมองไปก่อนที่จะถอนสายตากลับ หันไปมองที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากเบื้องหลังพร้อมกับกะพริบตา


“สายสวรรค์กลืนกิน!”


รัศมีสีรุ้งกำจายออกมาจากเซียวเซียวซัดราชันปีศาจสองคนถลาออกไป จากนั้นนางก็วาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นแสงพร่างพราวก็กลายเป็นอสรพิษขนาดใหญ่อ้าปากงับร่างราชันปีศาจคนหนึ่ง


ขณะที่รัศมีพรั่งพรูเสียงแผดร้องก็ดังก้องจากอสรพิษสีรุ่งก่อนที่รัศมีราชันปีศาจจะหายไป


“แส้หยกสุดฟ้า!”


หลินจิ้งก็ลงมือเต็มที่ มือกระตุก รัศมีหยกรวมตัวกันเป็นแส้ยาวกวาดไปที่ศีรษะราชันปีศาจคนหนึ่ง ร่างกายมันแตกสลายทันที


หญิงสาวสองคนเป็นธิดาเทพจักรพรรดิจึงทรงพลังตามธรรมชาติ ไม่มีใครในระดับเดียวกันสามารถเทียบพวกนางได้


“สุดยอด!”


เสียงร้องดังขึ้นจากสำนักศึกษาเป่ยชางกับฉากนี้


ราชันปีศาจอีกสองคนต่างครั่นครามในตัวหญิงสาวทั้งสอง พวกเขาเริ่มถอยหนีด้วยความหวาดหวั่น


“คิดหนีเรอะ?”


เซียวเซียวและหลินจิ้งหัวเราะเสียงพลิ้วขณะที่อสรพิษและแส้ซัดออกมาอีกครั้ง


เมื่อเห็นการโจมตีรุนแรงพุ่งมาหา ใบหน้าของราชันปีศาจทั้งสองก็ถอดสีขณะที่ร้องลั่น “นายท่านโปรดช่วยเราด้วย!”


เมื่อเสียงร้องตะโกนดังก้อง ดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งก็เปิดขึ้นภายในรัศมีปีศาจ เสียงเยือกเย็นแผดออก


“สวะจริงๆ”


พุ่งตามเสียงมา มือปีศาจขาวซีดก็ยื่นออกกวาดเบาๆ ทำลายอสรพิษสีรุ้ง แม้แต่แส้ก็หม่นแสงลงถูกพัดออกไป


เมื่อมือขาวซีดส่งร่างเซียวเซียวกับหลินจิ้งออกไป ก่อนที่ราชันปีศาจทั้งสองจะได้ชื่นชมยินดี มือซีดขาวก็ยื่นออกไปจับพวกเขาบดขยี้ ความสุขแข็งค้างอยู่บนใบหน้าพวกเขา…


ฉากโหดร้ายนี้ทำให้ทุกคนในสำนักศึกษาเป่ยชางหายใจเข้าลึก


แม้แต่ใบหน้าของเซียวเซียวและหลินจิ้งก็เปลี่ยนไปเมื่อมองไปที่รัศมีปีศาจไร้ขอบเขต พวกนางสามารถสัมผัสได้ถึงการตื่นขึ้นของรัศมีปีศาจที่น่ากลัว


เวลาเดียวกันลั่วหลีก็หดตาลงเอ่ยออกมาช้าๆ “ในที่สุดแกก็ยอมเผยโฉมหน้าแล้วหรือ?”


นางรู้สึกได้ถึงความผันผวนของรัศมีปีศาจที่ลึกล้ำและไม่อาจหยั่งรู้ได้ตั้งแต่ก่อนหน้า ชัดว่าต้องมีปีศาจทรงพลังซ่อนอยู่ภายใน


ทั้งสวรรค์และโลกเงียบงัน


รัศมีปีศาจแปรปรวนค่อยๆ หายไปทีละชั้น จากนั้นทุกคนก็ต้องหดดวงตาเมื่อเห็นบัลลังก์ที่ทำจากกระดูกสีขาวพร้อมกับทะเลศพและเลือดกระฉอกอยู่ข้างใต้


บนบัลลังก์ร่างปีศาจขาวซีดนั่งอยู่ซึ่งปกคลุมไปด้วยกลิ่นไอศพดำไร้ขอบเขต เขาคล้ายกับมัจจุราชน่ากลัวนั่งอยู่ที่นั่น


เมื่อเห็นร่างนี้ ลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงสีหน้าร้องอุทานว่า


“นั่นคือ…จอมปีศาจเฮยซือเทียน?!”


“บ้าเอ้ย ทำไมแม้แต่ไอ้ศพดำนี่ก็แอบเข้ามาในมหาพันภพ!”

 

 

 


บทที่ 1547 แกถามรึยัง

 

รัศมีปีศาจไร้ขอบเขตพวยพุ่ง


ร่างปีศาจนั่งอยู่บนบัลลังก์ ม่านตาสีเทาคู่นั้นไม่มีอารมณ์ใด แรงกดดันปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวแทรกซึมเข้ามาทำให้สวรรค์และโลกเปลี่ยนเป็นสีดำและสีทอง


ภายในสำนักศึกษาเป่ยชาง สายตามากมายมองไปที่จอมปีศาจเฮยซือเทียนด้วยความขนพองสยองเกล้า แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ก็สามารถบอกได้จากความกดดันที่น่ากลัวว่าปีศาจคนนี้เอาคนอื่นๆ มาเทียบไม่ได้เลย…


นี่เป็นจอมปีศาจแท้จริง!


“จอมปีศาจ…”


ใบหน้าของเป่ยหมิงซีดขาวลงขณะที่ร่างกายสั่นเทา เขารับรู้ได้ว่าร่างปีศาจที่อยู่บนบัลลังก์เป็นยอดนักรบแท้จริงและเป็นหนึ่งในชนชั้นสูงของเหล่าจอมปีศาจอีกด้วย


นั่นเป็นนักรบที่เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งเลยทีเดียว!


ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิปีศาจหรือมหาพันภพ บุคคลเช่นนี้ก็ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของพีระมิด


พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าหายนะของทวีปเป่ยชางจะมีการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ด้วย


บนท้องฟ้าลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งฉายสีหน้าเคร่งเครียด พวกนางรู้ว่าความแข็งแกร่งของจอมปีศาจเฮยซือเทียนเทียบได้กับฉิงเทียนและชิงซันเลยทีเดียว


บนบัลลังก์จอมปีศาจเฮยซือเทียนมองไปที่หญิงสาวทั้งสามอย่างเย็นชา เสียงดังกึกก้องพร้อมกับเจตนาฆ่ารุนแรง


“ราชันปีศาจทั้งเจ็ดของข้าตายในน้ำมือพวกเจ้า เพื่อเป็นการยกย่องพวกเขาข้าจะไม่เหลือใครสักคนไว้ในทวีปนี้”


เหล่าศิษย์ในสำนักศึกษาเป่ยชางตัวสั่น จิตสังหารที่พวยพุ่งทำให้พวกเขาแทบจะล้มลง เนื่องจากจิตสังหารเช่นนี้น่ากลัวเกินไปสำหรับพวกเขา


สายตาลั่วหลีสั่นไหวอย่างเย็นชาขณะตอบว่า “จอมปีศาจเฮยซือเทียนผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้ไปต่อสู้แนวหน้ากับจอมยุทธ์ในมหาพันภพ แต่กลับมาที่นี่เพื่อจัดการกับคนอ่อนแอ เจ้าไม่ลดตัวมากไปหน่อยเหรอ?”


เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จอมปีศาจเฮยซือเทียนก็ยกดวงตาขึ้นอย่างไม่แยแส “นี่คือสงคราม การพูดถึงความยุติธรรมเป็นเรื่องน่าหัวเราะนัก”


เมื่อเห็นว่าคำพูดของตัวเองไม่ได้ส่งผลกระทบกับอีกฝ่าย แววตาของลั่วหลีก็เย็นเยือกลงก่อนที่แผนภาพวิญญาณโบราณจะปรากฏขึ้นในมือซึ่งเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงไม่รู้จบ


“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ทำได้แค่หยุดแกไว้ตรงนี้” น้ำเสียงของลั่วหลีสะท้อนด้วยความหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูก ปราศจากความกลัวใดๆ


จอมปีศาจเฮยซือเทียนเหลือบตาขึ้นมองไปที่ลั่วหลีด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “แค่เจ้านะเหรอ?”


ลั่วหลีตอบสนองต่อคำพูดด้วยสีหน้าสงบ “ข่าวที่นี่ถูกส่งออกไปแล้ว ดังนั้นแค่ขัดขวางแกไว้ เดี๋ยวกำลังเสริมก็มา”


จอมปีศาจเฮยซือเทียนหรี่ตาลงขณะสาดยิ้มเย็นชา “ข้ากลัวว่าต้นไม้เล็กๆ อย่างเจ้าไม่สามารถหยุดข้าไว้ได้เลยสักนิดนะสิ!”


ตู้ม!


รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากไหลบ่าออกมาจากร่างจอมปีศาจเฮยซือเทียนกลายเป็นมือขนาดใหญ่บีบลงมาจากท้องฟ้าพุ่งไปยังลั่วหลี


มือมหึมานี้เต็มไปด้วยรัศมีความตายที่กัดกร่อนและลบพลังงานหลิงเมื่อถูกโจมตี


เผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวของจอมปีศาจเฮยซือเทียน แม้แต่ท่าทางของเซียวเซียวและหลินจิ้งก็เปลี่ยนไป เนื่องจากระดับของพวกนางยังไม่สามารถปะทะกับอีกฝ่ายได้


แม้แต่ลั่วหลียังต้องใช้อาวุธมหสวรรค์ของเผ่าไท่หลิงเสริมกำลังเพื่อต่อสู้


ดังนั้นลั่วหลีจึงก้าวออกไปครึ่งก้าว แผนภาพวิญญาณโบราณในมือก็กางออกพร้อมกับลำแสงหลิงพวยพุ่งออกมา เมื่อมันลอยขึ้นก็กลายเป็นร่มขนาดใหญ่


ร่มกางออก ลวดลายโบราณถูกสลักไว้พร้อมกับพลังงานหลิงไร้ขอบเขต ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งยังต้องให้ความสนใจ


ตึง!


เมื่อมือปีศาจกระแทกเข้ากับร่มวิญญาณเสียงระเบิดดังก้อง ความผันผวนของพลังงานมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระเพื่อมออกไปเป็นวงกว้างหมื่นลี้


เผชิญหน้ากับฝ่ามือดุร้ายนี้ ร่มก็แกว่งไปมารุนแรงก่อนที่จะแตกเป็นประกายแสง


แม้ว่าร่มจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็ยังสามารถต้านทานการโจมตีที่น่ากลัวจากจอมปีศาจเฮยซือเทียนไว้ได้


เมื่อทุกคนในสำนักศึกษาเป่ยชางได้เห็นภาพนี้ก็รู้สึกโล่งใจ ตอนนี้มีเพียงลั่วหลีเท่านั้นที่สามารถปะทะกับจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้ ถ้านางพ่ายแพ้ พวกเขาทั้งหมดก็คงต้องตายตกตามกันไป…


แม้ว่าลั่วหลีจะสามารถรับการโจมตีจากจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้ แต่ใบหน้าก็ดูเคร่งขรึมลงหลายส่วน มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าการโจมตีนั้นน่ากลัวเพียงใด แม้จะมีแผนภาพวิญญาณโบราณก็ยังแทบทนไม่ไหว


“ไม่เลว…” จอมปีศาจเฮยซือเทียนประหลาดใจไปเล็กน้อยพลางยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า


“ในเมื่อเจ้าต้องการปกป้องคนเหล่านี้ ข้าจะฆ่าพวกมันต่อหน้าเจ้าให้สิ้นซาก”


รอยยิ้มโหดร้ายโค้งขึ้นบนมุมปากจอมปีศาจเฮยซือเทียน จากนั้นก็หายใจเข้าลึก รัศมีปีศาจพล่านเข้ามาในนาสิกประสาทก่อนที่จะถูกปล่อยออกไปในไม่กี่อึดใจต่อมา


ซ่า ซ่า!


เมื่อรัศมีปีศาจแผ่ซ่านออกไปก็กลายเป็นพายุสีดำโปรยปรายฝนลงมาพร้อมกับรัศมีความตายที่บรรจุอยู่ในทุกหยาดหยด


ชี่ ชี่!


ขณะที่พายุพุ่งลงมาสู่พื้นดิน ก็ทำให้ดินเป็นสีดำทันทีพร้อมกับพลังทั้งหมดถูกลบออกไป ภูเขาเริ่มเหือดแห้งและถล่มลงมา


ใบหน้าของลั่วหลีเปลี่ยนไป นางรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของพายุ ถ้ามันเทลงมาศิษย์สำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนจะต้องเสียชีวิตทันที


วิธีการของจอมปีศาจคนนี้โหดเหี้ยมมาก


ยามนี้ลั่วหลีไม่กล้าที่จะละเลย ฝ่ามือวาดตราประทับอย่างเร็วรี่ แผนภาพวิญญาณโบราณค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงหลิงยิงออกมาก่อตัวเป็นเมฆลอยอยู่เหนือสำนักศึกษา


กลุ่มเมฆหนาแน่น ประกอบด้วยคลื่นหลิงนับไม่ถ้วน


ชี่ ชี่!


เมื่อสายฝนโปรยปรายลงมาก็ปะทะกับเมฆ เสียงดังฉ่าสะท้อนทั่วขณะที่เมฆสึกกร่อนอยู่ตลอดเวลา


คราวนี้ไม่มีการเผชิญหน้าที่น่าตกใจ แต่อันตรายยิ่งกว่า ทุกคนในสำนักเฝ้าดูฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาทราบดีว่าหากเมฆล่มสลายลง สำนักก็จะเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพ…


เมื่อพลังงานทั้งสองปะทะกันบนท้องฟ้า คลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตกลับหมดลงอย่างรวดเร็ว


สีหน้าของลั่วหลีมืดครึ้มลง นางรู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงภายในแผนภาพวิญญาณโบราณกำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว ทว่านางก็ไม่กล้าถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว ทำได้เพียงพยายามควบคุมแผนภาพวิญญาณโบราณเอาไว้เท่านั้น


แต่ทุกคนก็บอกได้ว่าคลื่นหลิงจากแผนภาพหมดลงรวดเร็วเกินกว่าที่จะเติมเต็มได้


ดังนั้นเมฆหนาทึบจึงค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ


เฝ้ามองฉากนี้อย่างเฉยเมย รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็กลายเป็นเยาะเย้ยมากขึ้น


ขณะที่ฝนปีศาจโปรยปรายลงมา เมฆก็บางลง…บางลง


ใบหน้าของลั่วหลีเริ่มซีดขาว แต่นางก็ยังขบฟันข่มกลั้นไว้


ภายในสำนักทุกคนล้วนมีความกลัวบนใบหน้าขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน เด็กน้อยที่ขี้กลัวเริ่มสะอื้นไห้ด้วยความสิ้นหวัง


เป่ยหมิงและไท่ชางสบตากันก็สามารถมองเห็นความขมขื่นในดวงตาของกันและกัน ความหวังที่พวกเขารู้สึกได้จากการมาถึงของลั่วหลีสลายหายไปทันที


เมื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งในจอมปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาไม่สามารถแม้แต่ปลุกความปรารถนาที่จะหลบหนีได้


ถังเชี่ยนเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆ เวินชิงเฉวียน ดวงหน้าก็หม่นจางลงขณะที่เฝ้าดูการเผชิญหน้านี้ ทันใดนั้นนางก็หยิบเครื่องรางที่แขวนไว้บนคอออกมากำแน่นเอาไว้


มู่เฉินเคยบอกให้นางบดขยี้วัตถุนี้หากพบอันตรายใดๆ


เป็นเวลานานแล้วที่นางได้ยินอะไรเกี่ยวกับมู่เฉินและนางก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ดังนั้นนางจึงไม่กล้าที่จะใช้ง่ายๆ


“เมฆกำลังหายไป!”


ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนออกมาด้วยความกลัว


บนท้องฟ้าเมฆบางลงเรื่อยๆ ก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์ ภายใต้สายตาของทุกคนที่จ้องมองด้วยความสิ้นหวัง


เมื่อเมฆหายไปจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็มองไปที่สายตาสิ้นหวังเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มไร้ปรานีก่อนที่จะโบกมือ ฝนปีศาจไร้ขอบเขตรวมตัวกัน ก่อร่างเป็นลูกทรงกลมสีดำขนาดร้อยจั้ง


ภายในบรรจุด้วยรัศมีความตายที่น่ากลัว


“พวกแกได้มีโอกาสตายด้วยกันแล้ว…”


จอมปีศาจเฮยซือเทียนยิ้มก่อนที่จะสะบัดนิ้วออก ลูกทรงกลมสีดำพุ่งออกมาแทรกซึมไปด้วยรัศมีความตายที่สามารถทำลายล้างสิ่งมีชีวิตในทวีปนี้ได้


ถังเชี่ยนเอ๋อตัวสั่นขบฟันก่อนที่จะกำมือบดขยี้เครื่องราง


ลั่วหลีฉายสีหน้าซีดขาวมองไปที่ลูกทรงกลมสีดำและกัดฟัน นางยืนกรานที่จะไม่ถอย มือของนางสั่นสะท้านขณะที่จับแผนภาพวิญญาณโบราณต้องการที่จะกระตุ้นพลังอีกครั้ง


แม้ว่านางรู้ดีที่ไม่สามารถต่อสู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้ถึงจะมีอาวุธมหสวรรค์ก็ตาม


นางยืนอยู่เบื้องหน้า ร่างบอบบางช่างดูเศร้าสร้อยและงดงามเกินพรรณนา


ในสำนักทุกคนต่างพากันปิดตารอความตาย


เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหดหู่


“ทุกอย่างจบสิ้นแล้วเรอะ…” ไท่ชางกล่าวเสียงอ่อนแรง


ตู้ม!


เมื่อลูกทรงกลมสีดำกำลังจะมาถึง ทันใดนั้นมันก็ระเบิดกลายเป็นมหาสมุทรแห่งความตายพรั่งพรูลงมา


ขณะเดียวกันแผนภาพวิญญาณโบราณในมือลั่วหลีก็เปล่งแสงออกมา นางต้องการที่จะต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย


แต่ทันใดนั้นลั่วหลีก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างร่างนางสั่นสะท้าน นางเห็นแสงหลิงไร้ขอบเขตบรรจบกันที่เบื้องหน้าครรลองสายตาแล้วถักทอเป็นร่างสูงโปร่ง


ร่างนั้นยื่นมือออกกำไปในทิศทางของมหาสมุทรแห่งความตาย ทันใดนั้นมหาสมุทรก็ถูกดูดเข้าสู่ฝ่ามือของเขากลายเป็นผลึกแก้วสีดำ


เขายื่นมือทั้งสองข้างออกจับผลึกแก้วเอาไว้อย่างง่ายดาย แตกสลายมันเป็นผุยผง


มหาสมุทรปีศาจที่ทำลายล้างถูกลบออกทันทีในมือของเขา


ภายในสำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนมองไปที่ฉากเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง ตอนแรกพวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ใครจะไปคิดว่าสถานการณ์จะพลิกผันในทันใด…


ขณะที่สายตาอัศจรรย์ใจทั้งหลายมองไปที่ร่างเงาที่ยืนอยู่เบื้องหน้าลั่วหลี พวกเขาก็ได้แต่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของผู้มาใหม่ที่สามารถจัดการการโจมตีของจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้อย่างง่ายดาย…


“ใคร?!” จอมปีศาจเฮยซือเทียนหดตาลงขณะมองไปที่ร่างนั้น


ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน เสียงหัวเราะก็ดังก้องระหว่างผืนฟ้าและผืนดิน


“จอมปีศาจเฮยซือเทียน แกเคยถามว่าข้ามู่เฉินรึยังว่าจะให้แกมายุ่มย่ามกับสำนักศึกษาเป่ยชางได้หรือไม่?!”

 

 

 


บทที่ 1548 สู้กับจอมปีศาจเฮยซือเทียนอ...

 

โห้!


เมื่อเสียงนั้นดังก้องความปั่นป่วนก็กวนตัวทั่วสำนักศึกษาเป่ยชางทุกคนมองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความตกตะลึง


‘มู่เฉิน?!’


เสิ่นชังเสิง หลี่เฉวียนทงและคนอื่นก็เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามู่เฉินจะปรากฏตัวที่นี่หลังจากหายหน้าไปหลายปี


นอกจากนี้ที่น่าตกใจที่สดคือเขาสามารถแก้ไขการโจมตีของจอมปีศาจเฮยซือเทียนได้อย่างง่ายดาย ต้องรู้ว่ากระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ง่าย


เห็นได้ชัดว่าพลังของมู่เฉินแกร่งกร้าวขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี


“พี่ใหญ่มู่เฉิน…”


เยี่ยสุนเอ๋อตกตะลึงไปเมื่อมองร่างเงานั้น ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความตื่นเต้น นางกวาดมองไปรอบๆ เท้าเอวหัวเราะร่วนขณะประกาศเบื้องหน้าสมาชิกชุมนุมเทพธิดาลั่ว “เห็นไหม?! นั่นคือผู้ก่อตั้งอีกคนของชุมนุมเทพธิดาลั่ว—พี่ใหญ่มู่เฉิน!”


“เขา…เขาทรงพลังมาก!”


ทุกคนร้องออกมา พวกเขารู้สึกได้ว่าเมื่อร่างนั้นปรากฏขึ้น แรงกดดันที่น่ากลัวจากจอมปีศาจก็ถูกรับไว้โดยเขาคนเดียว ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอีกต่อไป


นั่นหมายความว่าพลังของศิษย์พี่มู่เฉินอยู่ในระดับที่น่ากลัวยากหยั่งถึงแล้ว


“ทุกคนไม่ต้องกลัวอีกต่อไป! ในเมื่อพี่ใหญ่มู่เฉินอยู่ที่นี่ ไอ้ปีศาจนั่นจะไม่สามารถแตะต้องสำนักศึกษาของเราได้! พี่ใหญ่มู่เฉินจะต้องสอนบทเรียนให้มันอย่างสาสม!”


เมื่อเหล่าศิษย์ได้ยินความเชื่อมั่นของเยี่ยสุนเอ๋อที่มีต่อมู่เฉิน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเกาหัวและยิ้มอย่างขมขื่น ‘พี่สุนเอ๋อ เจ้าอย่าปฏิบัติต่อจอมปีศาจเฮยซือเทียนแบบอ่อนแอได้ไหม? ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือยอดนักรบของจักรวรรดิปีศาจ แม้แต่ในมหาพันภพ นอกเหนือจากเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ก็คงไม่มีใครไม่เห็นมันอยู่ในสายตามั้ง?’


แต่ไม่ว่าอย่างไรความกลัวที่ปกคลุมไปทั่วก็เบาบางลงเมื่อมู่เฉินปรากฏตัว


“มู่เฉิน?”


ลั่วหลีก็ตกตะลึงไปเช่นกันเมื่อมองไปร่างเงาสูงโปร่งด้วยความไม่เชื่อ


ท้ายที่สุดแม้แต่นางก็ไม่ได้รับข่าวสารใดๆ จากมู่เฉินในช่วงที่เขาเข้าเก็บตัวฝึกฝนวรยุทธ


พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี รัศมีหลิงก็ถอยกลับ ร่างเงานั้นหันกลับมาเผยให้เห็นสีหน้าที่คุ้นเคย


“ข้ารีบสุดชีวิตตอนที่ได้รับข่าว โชคดีที่ไม่ได้มาสาย” มู่เฉินยิ้ม


เมื่อมองใบหน้าคุ้นเคยไหล่ที่ตึงเกร็งขึ้นของลั่วหลีก็คลายลงมา ร่างอดที่จะอ่อนยวบลงมาไม่ได้


เห็นได้ชัดว่านางทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเมื่อเผชิญหน้ากับจอมปีศาจเฮยซือเทียน


มือข้างหนึ่งของมู่เฉินยื่นออกมาจับที่เอวบาง เขามองใบหน้าที่อ่อนล้าด้วยความปวดใจ “ข้าขอโทษที่ทิ้งเจ้าไว้คนเดียวตั้งหลายปี”


ลั่วหลีคลี่ยิ้มอ่อนโยนตอบว่า “เจ้าเลือกที่จะเข้าสู่สมาธิก็เพื่อทุกคนไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่านะ”


เหตุผลที่มู่เฉินเลือกปลีกตัวฝึกฝนก็เพื่อมหาพันภพ ในเวลาเดียวกันก็เพื่อปกป้องนางเช่นกัน


“เอาเถอะปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” มู่เฉินลูบไล้ใบหน้าลั่วหลีอย่างแสนรัก


ใบหน้าของลั่วหลีเห่อแดงจากท่าทางใกล้ชิดของเขา นางผลักเขาออกไปเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงหวาน


“อย่าเพิ่งมายุ่มย่ามกับข้านะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะจัดการปีศาจนั้นให้เสร็จก่อน”


มองไปที่ร่างเงาสะคราญโฉม มู่เฉินก็ไล้นิ้วเข้าด้วยกันขณะที่ระลึกถึงสัมผัสนิ่มนวล


“ถ้าพวกแกร่ำลากันเรียบร้อยก็มารับความตายซะ!”


เสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าดังก้องขณะที่มู่เฉินกำลังรำพึงรำพัน


เมื่อมู่เฉินหันกลับมาก็เห็นจอมปีศาจเฮยซือเทียนมองมาอย่างเย็นชาพร้อมกับจิตสังหารที่เอิบอาบทั่วร่างกาย


“จอมปีศาจเฮยซือเทียนเจอกันอีกแล้วนะ” มู่เฉินยิ้มบาง


ย้อนกลับไปตอนที่เขาบรรลุระดับเทียนจื้อจุนในพิภพเขตล่างก็ถูกจอมปีศาจเฮยซือเทียนไล่ล่า โชคดีที่เทพจักรพรรดิสงครามมาช่วยทันเวลา


“ตอนนั้นมีคนช่วยแก แต่ตอนนี้คงได้แต่ฝันเฟื่องแล้ว” เสียงน่าขนลุกของจอมปีศาจเฮยซือเทียนดังก้อง


“แกฆ่าลูกชายข้า ดังนั้นวันนี้ข้าจะฆ่าทุกคนรอบตัวแก!”


ภายในสำนักผู้คนอดไม่ได้ที่จะมีท่าทางเปลี่ยนไปจากไอสังหารของจอมปีศาจเฮยซือเทียน พวกเขาประหลาดใจที่ทั้งคู่มีความแค้นต่อกันในอดีต


เผชิญหน้ากับสายตาที่น่ากลัวของจอมปีศาจ มู่เฉินก็ยิ้มอ่อน “ข้าคิดว่าตอนนี้แกน่าจะคิดหาวิธีป้องกันชีวิตตัวเองไว้ซะก่อนดีกว่า”


“ฮ่าๆ ไอ้เวรปากดี!”


จอมปีศาจเฮยซือเทียนเยาะเย้ยขณะที่จ้องมองมู่เฉิน “แกคิดว่าพอตัวเองบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว จะมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับข้าเรอะ?!”


ตู้ม!


เมื่อพูดจบใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนเป็นน่าขนพองสยองเกล้า สองมือประสานกัน รัศมีความตายที่ไร้ขอบเขตรวมตัวกันเป็นธงปีศาจสีดำเมื่อม


“ธงศพปีศาจ!”


จอมปีศาจเฮยซือเทียนคำรามกร้าว ขณะที่ธงโบกสะบัดก็ปล่อยซากศพออกมาร้อยล้านศพ เมื่อศพรวมกันก็กลายเป็นแม่น้ำมรณะ


ภายในแม่น้ำมีซากศพส่งเสียงโหยหวนไม่หยุด


“แม่น้ำศพปีศาจ!”


แม่น้ำแผดเสียงคำรามราวกับมังกรขนาดใหญ่กวาดไปในทิศทางของมู่เฉิน ในเส้นทางที่พาดผ่านมิติก็พังทลายลงพร้อมกับคลื่นความตายพวยพุ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่กล้าที่จะแตะต้อง เนื่องจากสามารถกัดกร่อนคลื่นหลิงของพวกเขาจนสิ้นซากได้


ขณะที่แม่น้ำไหลบ่าปกคลุมลงมา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่มีสีหน้าใด เขาเหยียดนิ้วออกมาแล้วเคาะลงไปเบาๆ


“แม่น้ำแรกนิรันดร์!”


ครืน


แม่น้ำโบราณพวยพุ่งออกมาจากนิ้วของมู่เฉิน ราวกับว่ามีการไหลเวียนของเวลาไม่มีที่สิ้นสุด


ทุกสิ่งที่ตกลงไปภายในนั้นจะถูกกัดกร่อนจนสูญสิ้นโดยกาลเวลา


ครืนๆๆ!


เมื่อแม่น้ำสองสายปะทะกัน บนท้องฟ้ามิติก็พังทลายลงทีละชั้น…ละชั้นจากการเผชิญหน้า


ขณะที่เกิดการชนกันใบหน้าของจอมปีศาจเฮยซือเทียนก็เปลี่ยนไป เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าไม่ว่าแม่น้ำปีศาจจะพยายามกัดกร่อนอย่างไรแม่น้ำโบราณก็ไม่ได้สูญสลายลง ในทางกลับกันแม่น้ำปีศาจกลับเป็นฝ่ายแหลกสลายลงไปเอง ศพที่อยู่ภายในร้องโหยหวนถูกกร่อนเซาะอย่างต่อเนื่อง


ตู้ม ตู้ม!


คลื่นกระแทกรุนแรงระเบิดออก แม่น้ำศพปีศาจก็พังทลายลงในช่วงสิบกว่าลมหายใจสั้นๆ


“บ้าเอ้ย!”


จอมปีศาจเฮยซือเทียนไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งได้อีกต่อไป ขณะที่ผุดลุกขึ้นยืนบนบัลลังก์มองไปที่มู่เฉินด้วยดวงตามืดครึ้ม ดวงตาของเขาวูบไหวด้วยความประหลาดใจ


การเคลื่อนไหวของมู่เฉิน ทรงพลังเหนือล้ำเกินไป


นอกจากนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเขายังรู้สึกได้ถึงรัศมีอันตรายที่มาจากมู่เฉิน


นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้สึกได้จากจอมยุทธ์สองคนในมหาพันภพเท่านั้น


ซึ่งก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม


‘หรือว่ามู่เฉินก้าวไปถึงระดับนั้นได้ในเวลาเพียงห้าปี?!’


“เป็นไปได้ยังไง?!”


หัวใจของจอมปีศาจเฮยซือเทียนสั่นสะท้านก่อนที่แสงโหดเหี้ยมจะวูบไหวในดวงตา ดูเหมือนว่าหากเขาต้องการสู้กับไอ้หนูนี่ก็ต้องใช้ทักษะขั้นสูงสุดของตัวเองแล้ว


“ข้าจะดูสิว่าแกจะทำแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน!”


“ร่างอสูรศพปีศาจสวรรค์!”


ฝ่ามือของจอมปีศาจเฮยซือเทียนประสานกัน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาก่อนจะค่อยๆ ก่อร่างเป็นอสูรปีศาจตัวมหึมาที่ด้านหลังเขา


ร่างอสูรปีศาจเต็มไปด้วยรัศมีความตาย มีใบหน้านับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวอยู่บนร่างมันพร้อมกับส่งเสียงโหยหวนสะท้อนไปทั่วฟ้าดิน แค่เสียงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายจอมยุทธ์เปลี่ยนเป็นอาละวาดได้


เมื่อแรงกดดันปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไปพื้นที่ทั้งหมดในทวีปเป่ยชางก็โยกคลอน


ในสำนักผู้คนถึงกับหน้าถอดสีเมื่อมองไปที่ร่างอสูรปีศาจ พวกเขาไม่สงสัยเลยว่าพลังของร่างอสูรปีศาจนี้จะสามารถฉีกพื้นทวีปออกเป็นชิ้นๆ ได้


พลังที่น่ากลัวนี้ทำให้กระทั่งลั่วหลี เซียวเซียวและหลินจิ้งยังรู้สึกหวาดหวั่น


จอมปีศาจเฮยซือเทียนมองไปที่มู่เฉิน ขณะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ค่อยๆ หลอมรวมร่างเข้ากับร่างอสูรปีศาจ


ฮึ่ม!


เมื่อดวงตาอสูรปีศาจเปิดขึ้น ลำแสงปีศาจก็แผ่วงรัศมีออกมาดูราวกับว่าสามารถฉีกโลกออกจากกันได้ มันแผ่เสียงกระหึ่มพร้อมกับจิตสังหารไร้ขอบเขต


“มู่เฉิน สังเวยชีวิตเซ่นไหว้ลูกชายข้าซะ!


“วันนี้แกต้องตาย!”


เผชิญหน้ากับเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของจอมปีศาจเฮยซือเทียน มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างอสูรปีศาจพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนจะแฝงด้วยแววเหยียดหยาม


“นี่คือสุดยอดพลังของแกแล้วเรอะ?”


เขาพึมพำพลางก้าวย่างออกไป


“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถึงวาระที่จะตายได้แล้ว…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)