หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1542-1544

 บทที่ 1542 กระบี่ ดาบ เลือดและไฟ

 

จักรวรรดิปีศาจปรากฏในมหาพันภพ


เมื่อสงครามอุบัติขึ้น ไฟแห่งการป้องกันของมหาพันภพก็จุดขึ้น…


เลือดและไฟกวนตัวในความสงบสุขตลอดสี่หมื่นเก้าพันปีจนหมดสิ้น


ราวกับว่าศัตรูพยายามระบายความโกรธที่เกิดขึ้นก่อนหน้าจากการปราบปรามของมหาพันภพ การรุกรานของเผ่าปีศาจดุเดือดเลือดพล่านราวกับฝูงตั๊กแตนกวาดผ่าน ครอบงำไปด้วยรัศมีปีศาจเหมือนต้องการเปลี่ยนโลกเลยทีเดียว…


เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจที่รุกรานเข้ามา มหาพันภพที่เตรียมตัวมาหลายปีก็ระเบิดด้วยการตอบโต้รุนแรงหลังจากเงียบงันอยู่ชั่วครู่


สงครามแพร่กระจายออกไปในแนวป้องกัน คลื่นปีศาจและคลื่นหลิงปะทะกันสาดแสงราวกับดอกไม้ไฟงดงาม


ทว่าดอกไม้ไฟเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดและเนื้อ


 


ถัดจากชั้นแนวป้องกัน


มีเมืองที่ยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านพร้อมกับรัศมีที่แผ่ออกมาล้อมรอบแนวป้องกันไว้ภายใน ภายใต้รัศมีแม้แต่การฟื้นตัวของคลื่นหลิงก็รวดเร็วขึ้น


เมืองนี้เป็นป้อมปราการที่ถือได้ว่าเป็นค่ายหลักของกองทัพสมาพันธ์มหาพันธ์ภพโดยมีเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามรักษาการณ์เพื่อป้องกันการบุกเข้ามาของเทพปีศาจจักรพรรดิ


รอบเมืองเอิบอาบไปด้วยรัศมี นี่เป็นค่ายกลระดับต้าจงซือ ซึ่งรู้จักกันในชื่อค่ายกลหมุนฟ้าเปลี่ยนวิญญาณที่ชิงเหยี่ยนจิ้งและเหล่าหลิงเจิ้นซือทั่วสารทิศทำงานร่วมกันสร้างขึ้น ภายในขอบเขตของค่ายกลสิ่งมีชีวิตในมหาพันภพจะได้รับการฟื้นฟูคลื่นหลิงรวดเร็วขึ้น มิหนำซ้ำยังสามารถขยายความแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นอาวุธสงครามชั้นยอด


เป็นเพราะค่ายกลนี้เองที่ชั้นแนวป้องกันสามารถต้านทานการโจมตีของเผ่าปีศาจได้


ที่จุดสูงสุดในเมืองเป็นวังงดงามที่เหล่าจอมยุทธ์อยู่ภายใน แต่ละร่างแผ่ซ่านไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง


ผู้นำทั้งสองนั่งบนบัลลังก์ พวกเขาก็คือเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้นำกองทัพวังมหาพันภพ แม้กระทั่งฉิงเทียนก็ไม่ได้คัดค้านอะไร


ในวังใหญ่ ฉิงเทียน ชิงซัน จักรพรรดิมังกรแท้จริงและเหล่าจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายคนอื่นๆ ก็รวมตัวกัน แสดงถึงพลังสูงสุดของมหาพันภพ


ภายในวังทุกคนแสดงสีหน้าหนักหน่วงพร้อมกับร่างกายตึงเครียดและพลุ่งพล่านไปด้วยพลังงานรอบตัว


เมื่อหลินต้งและเซียวเหยียนแลกสายตากันก็กล่าวว่า “ในเมื่อทุกคนทราบแล้วว่าจักรวรรดิปีศาจได้เปิดการโจมตี สงครามมหาพันภพก็จะเริ่มขึ้น…”


คำพูดของพวกเขาทำให้ม่านตาทุกคนหดลง แต่ละคนกำจายไปด้วยกลิ่นอายสังหาร


“ท่านเทพจักรพรรดิอัคคี ท่านเทพจักรพรรดิสงครามโปรดออกคำสั่ง พวกข้ายินดีจะต่อสู้กับจักรวรรดิปีศาจจนตัวตาย!” ฉิงเทียนประสานมือเข้าด้วยกัน


ดวงตาของทุกคนเปี่ยมด้วยความแกร่งกร้าว นี่เป็นสงครามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อปกป้องสำนัก ครอบครัวและสหาย พวกเขาต้องสู้ตายเท่านั้น


เซียวเหยียนพยักหน้าเสียงดังก้องด้วยจิตสังหาร “ฟังคำสั่ง นำผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าพุ่งไปเป็นแนวหน้า ทุกทวีปในแนวหน้าจะต้องมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเป็นแม่ทัพเพื่อป้องกันจอมปีศาจของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ”


“รับทราบ!”


ฉิงเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ตอบสนองทัน


“ไอ้พวกปีศาจยึดครองพิภพเขตล่างเอาไว้จำนวนมาก บางส่วนสามารถเชื่อมต่อกับดินแดนชั้นในของมหาพันภพ ดังนั้นให้จัดตั้งกลุ่มลาดตระเวนเพื่อตรวจตราดินแดนภายในและกวาดล้างเผ่าปีศาจที่บุกเข้ามา!”


“รับทราบ!”


ทุกคนร้องตอบรับอีกครั้ง


หลินต้งมองไปที่ทุกคนประกาศว่า “เซียวเหยียนและข้าจะบัญชาการอยู่ที่นี่ ครั้งนี้พวกเราไม่สามารถเข้าร่วมศึกโดยตรงได้ ดังนั้นขอฝากพวกเจ้าทำให้สถานการณ์มีเสถียรภาพขึ้นให้จงได้”


“ท่านเทพจักรพรรดิสงครามทำไมถึงเป็นเช่นนั้น” บางคนงงงวยเนื่องจากกลศึกสงครามจะต้องลำบากอย่างแน่นอนหากขาดเทพจักรพรรดิทั้งสอง


เซียวเหยียนเงยหน้าขึ้นดวงตาแล่นพล่านด้วยเปลวไฟขณะที่มองผ่านมิติตอบว่า “ไอ้เทพปีศาจเล็งเป้ามาที่พวกข้า ดังนั้นพวกข้าต้องจับตาดูมันไว้เช่นกัน”


แม้ว่าเทพปีศาจจักรพรรดิจะยังไม่ปรากฏตัว แต่เมื่อมาถึงระดับอย่างพวกเขา ต่อให้เป็นการโจมตีจากระยะไกลจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งก็ไม่สามารถรับมือได้


ดังนั้นทั้งสองกองทัพจึงคุมเชิงกันและกันไว้


หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านขณะรู้สึกไอเย็นเยือกพล่านไปในกระดูกสันหลัง ราวกับพวกเขาถูกจับตามองเอง


“ท่านเทพจักรพรรดิสงคราม ท่านเทพจักรพรรดิอัคคีโปรดมั่นใจ มหาพันภพคือบ้านของเรา เพื่อปกป้องจักรวาลนี้ เราจะต่อสู้จนถึงคนสุดท้าย” จอมยุทธ์คนหนึ่งตอบอย่างเคร่งขรึม


ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากเผ่าปีศาจ มหาพันภพรวมเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว ความขัดแย้งทั้งหมดถูกระงับลง


เพราะตอนนี้ศัตรูใหญ่ของมหาพันภพคือจักรวรรดิปีศาจต่างมิติเท่านั้น


อีกด้านหนึ่งของวังร่างเงาสะคราญโฉมยืนอยู่ด้านข้าง พวกนางมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนนัก


ทั้งสี่คนก็คือนายหญิงแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและแคว้นหวู


“ฉากนี้คุ้นๆ นะ” ดวงตาของหลิงชิงจู๋วาบขึ้นด้วยไอสังหารขณะที่ถอนหายใจ ครั้งหนึ่งพวกนางก็เคยประสบกับสถานการณ์คล้ายคลึงกันในโลกของตัวเอง


อิ้งฮวนฮวนยืนอยู่ข้างหลิงชิงจู๋ เรือนผมทิ้งตัวลงรัศมีเย็นยะเยือกรวมตัวกันในม่านตา รูปลักษณ์ของนางยังเหมือนกับตอนที่พวกนางต่อสู้กับฮ่องเต้ยี่หมัวในอดีต


แต่ศัตรูครั้งนี้น่ากลัวกว่าเผ่ายี่หมัวหลายพันเท่า


“ในเมื่อเราขับไล่เผ่ายี่หมัวในอดีตได้ ครั้งนี้เราก็จะไล่จักรวรรดิปีศาจออกไปจากมหาพันภพได้เช่นกัน”


หลิงชิงจู๋พยักหน้ายิ้มให้อิ้งฮวนฮวน “แต่คราวนี้เจ้าห้ามเสียสละตัวเองนะ ไม่งั้นหลินต้งคงไม่รู้จะไปหาเจ้าจากที่ไหนอีก?”


ใบหน้าของอิ้งฮวนฮวนแดงระเรื่อ นายหญิงสองคนแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่วก็อมยิ้ม ทำให้นางถึงกับกลอกตากับคำพูดของหลิงชิงจู๋


“ท่านแม่ เราก็ควรทำอะไรบ้างไหม?”


เสียงดังสะท้อนมาจากเบื้องหลัง ร่างเพรียวบางปรากฏตัวที่ด้านหลังไฉ่หลิง


นี่ก็คือเซียวเซียว!


“ใช่ เราต้องทำอะไรสักอย่าง! จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอดไม่ได้!” ถัดจากเซียวเซียว เสียงกระจ่างใสก็ดังขึ้น หลินจิ้งเห็นด้วยและจ้องมองไปที่มารดาทั้งสองของตัวเอง


พอเห็นว่าลูกสาวมีความกระตือรือร้นกับสงคราม นายหญิงทั้งสี่ก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างจนใจ เซียวซุนเอ๋อยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไป ข้าบอกพ่อเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยให้พวกเจ้าจัดตั้งหน่วยร่วมกับลั่วหลีออกลาดตระเวนเพื่อกวาดล้างเผ่าปีศาจที่บุกเข้ามาในดินแดน”


เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นดวงตาของหลินจิ้งก็กะพริบด้วยความผิดหวัง “งือ? รักษาความมั่นคงที่เบื้องหลังเหรอ? ข้าบรรลุระดับเทียนจื้อจุนแล้วดังนั้นมีสิทธิ์ไปแนวหน้าได้!”


หลิงชิงจู๋ปรายตาตอบว่า “การทำให้เบื้องหลังมั่นคงก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนส่วนใหญ่ไปอยู่ในแนวหน้า ดังนั้นเราต้องช่วยปกป้องความปลอดภัยของสำนัก ครอบครัวและสหายของพวกเขา”


พอได้ยินคำพูดของมารดา หลินจิ้งก็ทำได้จือปาก ไม่เถียงต่อ


ส่วนเซียวเซียวก็พยักหน้ารับ


เมื่อนายหญิงทั้งสี่เห็นว่าทำให้นางมารน้อยทั้งสองสงบลงได้ก็สบตากันและรู้สึกโล่งใจ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ยังสิ้นชีพได้ในแนวหน้า บุตรสาวทั้งสองยังไม่มีประสบการณ์มากพอ ถ้าไปแนวหน้าพวกนางจะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงแน่ ดังนั้นการส่งไประวังหลังเป็นหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว


แม้ว่าพวกนางจะให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายของมหาพันภพเช่นกัน มิหนำซ้ำยังยอมไปเผชิญหน้ากับแนวหน้าด้วยตัวเอง แต่ในฐานะมารดาก็อยากให้ลูกๆ ปลอดภัยก่อน


“ใช่ท่านแม่ มู่เฉินล่ะ? ข้าไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลย ช่างต่างจากนิสัยของเขามาก” หลินจิ้งกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยชื่อเสียงของมู่เฉินก็ควรจะอยู่ที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงว่าความสามารถในการก่อปัญหาที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นไม่น่าเชื่อที่เขาจะหายตัวไป


เมื่อได้ยินคำถามของหลินจิ้ง เซียวเซียวก็จ้องมองมา นางก็กังวลเกี่ยวกับข่าวของสหายคนนี้เช่นกัน ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ข้อมูลของมู่เฉิน ข่าวลือในบางครั้งไม่อาจเชื่อได้เลย


นายหญิงทั้งสี่ฉายสีหน้าหนักใจ พวกนางรู้เรื่องมู่เฉินดี ดังนั้นจึงรู้ว่าตำแหน่งเขาสำคัญเพียงใดในสงครามครั้งนี้


“ไม่ต้องห่วงเขา ครั้งต่อไปที่เขาปรากฏตัวทั่วทั้งมหาพันภพจะมีแต่ขวัญและกำลังใจ… พวกเราล้วนภาวนาให้เขาจะประสบความสำเร็จ”


 


หลังจากแจ้งคำสั่งทั้งหมดออกไป


เซียวเหยียนและหลินต้งก็ลุกขึ้นยืนกวาดสายตาไปยังทุกคน


“จักรวรรดิปีศาจต้องการยึดครองบ้านของเรา…”


“และเราจะบอกพวกมันว่าสิ่งที่จะต้อนรับก็คือดาบ กระบี่ เลือดและไฟ!”


 


*****เข้าสู่โค้งสุดท้าย ศึกใหญ่ระเบิดแล้ว

 

 

 


บทที่ 1543 ภัยพิบัติปีศาจ

 

ไฟสงครามลุกโชน


นำมาซึ่งข้อพิพาทเมื่อความเป็นตายเกิดขึ้นในแนวป้องกันต่างๆ


ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนชายแดนมหาพันภพกลายเป็นเครื่องบดเนื้อโดยมีนักรบจากทั้งสองฝ่ายกระโจนเข้าหากันราวกับฝูงตั๊กแตน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ดูอ่อนแอภายใต้สมรภูมินี้ มีร่างล้มลงทุกวัน…ทุกวันในสงคราม


สงครามช่างโหดร้ายอย่างยิ่ง


แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เนื่องจากไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ฝ่ายหนึ่งต้องการยึดครองและอีกฝ่ายหนึ่งต้องการปกป้อง


ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็พิจารณาได้เพียงว่ามีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดในสงครามได้


ขณะที่เกิดการต่อสู้ดุเดือดที่แนวหน้า ภายในมหาพันภพก็ไม่ได้สงบสุข


บนท้องฟ้าของทวีปแห่งหนึ่งในมหาพันภพ ทันใดนั้นมิติก็ถูกฉีกออกจากกันขณะที่รัศมีปีศาจพวยพุ่งออกมาราวกับกลุ่มเมฆควันพร้อมกับเสียงหอนดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ร่างปีศาจนับไม่ถ้วนทะยานออกมา


ตึง ตึง!


เมื่อปีศาจเหล่านั้นปรากฏขึ้น เสียงระฆังก็ดังก้องไปทั่วทวีปพร้อมกับร่างแสงนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขามองไปที่เหล่าปีศาจด้วยความครั่นครามในดวงตา


“คึๆ ฆ่าพวกมันทั้งหมด! ทำให้มหาพันภพกลายเป็นทะเลโลหิต!” พร้อมกับเสียงปีศาจร้องโหยหวนดังก้อง ฝูงปีศาจตั๊กแตนก็กวาดออกไป


“ต้านพวกมันไว้! ส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริม!”


เสียงคำรามดังก้องมาจากทวีป ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ทั้งหมดก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกมา ยามนี้ทุกขั้วอำนาจละทิ้งความขัดแย้งในอดีตช่วยกันเผชิญหน้ากับศัตรู


ตู้ม ตู้ม!


เมื่อรัศมีไร้ขอบเขตปะทะกันการระเบิดก็ปะทุขึ้น


ทั้งทวีปเข้าสู่ความโกลาหล


ในเวลาเดียวกันรอยแตกมิติก็เริ่มเปิดกว้างพร้อมกับนักรบปีศาจหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น พวกมันพยายามสร้างความโกลาหลให้กับมหาพันภพ


ดังนั้นไฟแห่งสงครามจึงลุกโชนทั่วจักรวาล


ขณะที่จักรวรรดิปีศาจบุกเข้ามา หน้าวังยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง มีร่างเงาจำนวนมากยืนอยู่ ซึ่งเอิบอาบไปด้วยความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง ขณะเดียวกันสีหน้าของทุกคนก็เขียวคล้ำเมื่อมองภาพในม่านแสงที่เผ่าปีศาจเปิดฉากจู่โจมดินแดนภายในมหาพันภพ


“หน่วยลาดตระเวนฟังคำสั่ง จัดตั้งกลุ่มเพื่อเก็บกวาดเบื้องหลัง!”


ด้านหน้าเป็นร่างเงาสองร่างยืนอยู่ โดยคนที่นำหน้าเป็นชายชราผมขาวและชายหนุ่มทรงเสน่ห์


เมื่ออยู่ที่เบื้องหน้าพวกเขาก็ไม่มีใครในวังกล้าแสดงความไม่พอใจใดๆ


เนื่องจากคนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ของเทพจักรพรรดิอัคคี ส่วนอีกคนเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเทพจักรพรรดิสงคราม


นี่ก็คือเย่าเฉินและหลินเตียว ขณะนี้พวกเขาเป็นผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการของหน่วยลาดตระเวนซึ่งรับผิดชอบดูแลความสงบของดินแดนภายใน ไม่ให้กองกำลังที่อยู่แนวหน้าต้องกังวล


“หน่วยรบที่หนึ่งจะนำโดยจักรพรรดิสัประยุทธ์มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้!”


ในห้องโถงจักรพรรดิสัประยุทธ์เผยสีหน้าหนักแน่นขณะที่ประสานมือ “รับทราบ”


“หน่วยรบที่สอง…”


“หน่วยรบที่สาม…” หน่วยรบต่างๆ ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้คำสั่งของเย่าเฉินและหลินเตียว ทุกคนเรียกรวมตัวพรรคพวกพุ่งออกไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย


“หน่วยรบที่สามสิบ…” เย่าเฉินมองไปที่ร่างคุ้นเคยทั้งสามในห้องโถงก็พูดว่า “ให้ลั่วหลีเป็นหัวหน้า เซียวเซียวและหลินจิ้งเป็นรองหัวหน้ารวบรวมคนมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ!”


“รับทราบ!”


ลั่วหลีกระชับกระบี่ในมือสะบัดพร้อมกับเสียงอ่อนโยนดังก้องออกมาทำให้หลายคนในห้องโถงต้องหันหน้าไปมองความงดงามสะท้อนในครรลองสายตาพวกเขา ยากเหลือเกินที่ใครจะไม่ถูกดึงดูดโดยผู้หญิงโดดเด่นเช่นนี้


แต่น่าเสียดายที่หัวใจของนางไม่ว่างแล้ว


เซียวเซียวและหลินจิ้งก็ประสานมือรับคำสั่ง ดวงตาของทั้งสองคนพราวแสงด้วยความตื่นเต้น ชัดว่าพวกนางคิดอยากลงมือนานแล้ว


หญิงสาวทั้งสามไม่ได้ชักช้า รีบรวบรวมจอมยุทธ์ร้อยกว่าคนมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย


พวกนางกระโจนเข้าสู่สงครามด้วยตัวเองแล้ว


 


ขณะที่ลั่วหลีนำหน่วยรบมุ่งหน้าไปยังทวีปหนึ่ง


ไฟสงคราม เสียงกรีดร้องก็สะท้อนทั่วขอบฟ้า เผ่าปีศาจโจมตีเมืองต่างๆ กลิ่นคาวเลือดซึมผ่านในอากาศ


“เผ่าปีศาจที่บุกมานี่นำโดยนักรบราชันปีศาจสามคน”


ลั่วหลีกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นนางจึงหันไปหาหลินจิ้งและเซียวเซียว “พวกเราช่วยกันจัดการจอมปีศาจทั้งสาม ส่วนคนที่เหลือไปช่วยเมืองต่างๆ”


“ได้เลย!” หลินจิ้งที่กำลังไฟโหมกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ไอเย็นเยือกวาบบนใบหน้าของเซียวเซียว


“รับทราบ!” จอมยุทธ์คนอื่นๆ ตอบรับทันที


“ลุยเลย!”


เมื่อลั่วหลีตะโกน ร่างเงานับร้อยก็ทะยานออกไป ร่างแสงของลั่วหลีพุ่งข้ามขอบฟ้า ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีนางก็เล็งเป้าหมายไปที่จอมปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้แล้ว


นี่คือราชันปีศาจเฉวียนหมัวซึ่งเปรียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียน ด้วยความแข็งแกร่งที่มีจึงไม่มีใครในทวีปนี้เทียบเคียงได้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธ์ที่นี่ถึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วภายใต้การนำของเขา


แต่โชคของราชันปีศาจก็ถึงคราวจบสิ้นแล้ว เนื่องจากเมื่อลั่วหลีกำหนดเป้าหมายมาที่เขา เขาก็รู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างสมบูรณ์


โดยไม่ลังเลใดๆ ราชันปีศาจเฉวียนหมัวก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าคิดจะหลบหนี


ฮึ่ม!


แต่เมื่อเขาเคลื่อนไหว มิติก็บิดเบี้ยวพร้อมกับม้วนภาพโบราณปรากฏขึ้น รัศมีหลิงห่อหุ้มเขาเอาไว้แยกเขาออกจากโลกทันที


ขณะที่รัศมีปีศาจกลั่นตัวเป็นร่าง เขาก็มองไปที่รัศมีที่ปกคลุมร่างกายด้วยท่าทางไม่น่าดู เนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนอันตราย


“สร้างความวุ่นวายซะขนาดนี้ คิดจะหนีไปง่ายๆ รึ?” เสียงเยือกเย็นดังก้อง ลั่วหลีปรากฏตัวขึ้นมองลงไปที่ร่างราชันปีศาจเฉวียนหมัว


“เฮ้ คนสวย คอยดูกันว่าข้าจะจับเจ้ามาลูบมาไล้ยังไง!”


เมื่อมองไปที่ลั่วหลี ราชันปีศาจเฉวียนหมัวก็เผยความปรารถนาในดวงตา สีหน้าดูหื่นกระหาย แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าถูกคุกคามจากม้วนภาพ แต่หญิงสาวที่เบื้องหน้าก็ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น ตราบใดที่จับนางได้เขาก็จะสามารถรอดพ้นจากการคุมขัง


วาบ!


ราชันปีศาจเฉวียนหมัวพุ่งออกมากลายร่างเป็นปีศาจนับไม่ถ้วนพลางประสานมือเข้าด้วยกัน รัศมีปีศาจหนาแน่นพุ่งออกมากลืนกินลั่วหลี


เผชิญหน้ากับการโจมตีของราชันปีศาจก็ไม่มีแรงกระเพื่อมใดในดวงตาของลั่วหลี นางเพียงสะบัดนิ้วเบาๆ


ฮึ่ม!


แผนภาพวิญญาณโบราณสั่นสะเทือน ลำแสงพุ่งลงมาในอึดใจต่อมา แม้ว่าลำแสงจะไม่ได้เจิดจ้า แต่ก็มีเอกลักษณ์ของคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขต…


ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่ราชันปีศาจก็ยังรู้สึกหวาดกลัวพร้อมกับความหวาดหวั่นฉายบนใบหน้า


ตู้ม!


ขณะที่รัศมีกวาดไปทั่วร่างราชันปีศาจ เขาก็ร้องโหยหวน รัศมีปีศาจรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างกายเพื่อพยายามต่อต้าน


แต่แผนภาพวิญญาณโบราณเปรียบได้กับร่างมหาปราชญ์วิญญาณ ซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงในปริมาณแทบจะไร้ขีดจำกัด ดังนั้นการต่อต้านจึงคงอยู่เพียงสิบกว่านาที ก่อนที่เขาจะกรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง


รัศมีหลิงบีบกดลงมาบนร่างกายราชันปีศาจเฉวียนหลัวก็ค่อยๆ สลายจนไม่เหลืออะไร


ลั่วหลียืนอยู่บนท้องฟ้าเฝ้าดูฉากนี้อย่างไม่แยแส พลังของแผนภาพวิญญาณโบราณเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นก็ยังมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการรับมือ แล้วราชันปีศาจแค่นี้จะต้านทานได้อย่างไร?


พร้อมกับการตายของราชันปีศาจเฉวียนหมัว ใบหน้าของนักรบปีศาจก็ถูกปกคลุมไปด้วยความกลัวสุดขีด กองทัพแตกฉานซ่านเซ็น


เหล่าจอมยุทธ์มหาพันภพก็คว้าโอกาสนี้ไล่ตามไป


เมื่อมองไปที่ฉากนี้ ลั่วหลีก็รู้สึกโล่งใจก่อนที่จะหันไปมองยังสมรภูมิอื่นที่มีความผันผวนของพลังงานรุนแรง ซึ่งหลินจิ้งและเซียวเซียวกำลังต่อสู้กับนักรบราชันปีศาจอีกสองคนอยู่


การจัดการกับความวุ่นวายทั้งหมดนี้ใช้เวลาครึ่งวันก่อนที่จะจบลงด้วยเผ่าปีศาจถูกสังหาร สำหรับส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้ให้จอมยุทธ์ในทวีปนี้จัดการเอง


ดังนั้นหลังจากที่ทำให้สถานการณ์คงที่ได้แล้ว ลั่วหลีก็โบกมือให้กับหน่วยรบออกจากทวีปนี้ มุ่งหน้าไปยังทวีปอื่นที่ประสบภัย


ช่วงเวลาครึ่งเดือนต่อมา ลั่วหลี หลินจิ้งและเซียวเซียวราวกับนักผจญเพลิง พวกนางพุ่งไปยังสมรภูมิต่างๆเพื่อขับไล่ภัยพิบัติ


ภายใต้ความพยายามของพวกนางภัยพิบัติก็ค่อยๆ ดับลง แต่ทุกครั้งที่หายนะคลี่คลาย หายนะอีกแห่งก็จะเกิดขึ้น


 


ในทวีปเฟิงโยว


ทั้งทวีปถูกปกคลุมไปด้วยซากปรักหักพัง แม้แต่เทือกเขาก็ถล่มลงมาราวกับเป็นฉากวันสิ้นโลก


ลั่วหลียืนอยู่บนภูเขามองไปที่ดินแดนแห่งนี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ทวีปนี้ความเสียหายร้ายแรงมาก เมื่อพวกนางมาถึงที่นี่ก็เต็มไปด้วยภูเขาซากศพ


ดังนั้นแม้ว่าจะมาถึงก็ยังต้องใช้ความพยายามมากก่อนที่จะสามารถระงับหายนะได้


“หัวหน้าพวกเผ่าปีศาจถูกจัดการหมดแล้ว” เสียงดังก้องขณะที่หลินจิ้งและเซียวเซียวเข้ามา หลังจากครึ่งเดือนในการสังหารหมู่ หญิงสาวทั้งสองก็เปลี่ยนไปอย่างมีนัย ในดวงตาไม่มีความไร้ประสบการณ์อีกต่อไป มีแต่ความมุ่งมั่นสังหาร


เนื่องจากจำนวนนักรบราชันปีศาจที่ตายด้วยมือของพวกนางมีมากกว่านับด้วยมือสองข้างแล้ว


“พวกเจ้าทำได้ดีมาก” ลั่วหลีหันกลับมาและพยักหน้าให้เซียวเซียวและหลินจิ้ง


แม้กระทั่งนางยังอดทนไม่ไหวกับการต่อสู้ติดต่อกันครึ่งเดือน ส่วนเซียวเซียวและหลิงจิ้งเผยให้เห็นความเหนื่อยล้าขึ้นบนใบหน้า


“พักก่อนไหม?”


พอได้ยินคำพูดของลั่วหลี เซียวเซียวก็ส่ายหน้า “ข้ากลัวว่าเราจะไม่มีเวลาขนาดนั้น…”


“เกิดอะไรขึ้น? มีภัยพิบัติใหม่อีกแล้วเรอะ?”


หลินจิ้งพยักหน้า


“ที่ไหน?” ลั่วหลีขมวดคิ้วกับคำถาม


เซียวเซียวและหลินจิ้งสบตากันตอบว่า “ทวีปเป่ยชางว่ากันว่าภัยพิบัติที่นั่นถึงระดับสูงสุดแล้วและอันตรายมาก”


“ทวีปเป่ยชาง?!”


ลั่วหลีอึ้งไปก่อนที่จะหดดวงตาพร้อมกับมือกำแน่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา


“บ้าล่ะ ที่นั่นคือสำนักศึกษาเป่ยชาง!”

 

 

 


บทที่ 1544 ทวีปเป่ยชางอันวุ่นวาย

 

ทวีปเป่ยชาง


บรรยากาศที่เฟื่องฟูไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เหลือเพียงร่องรอยสงครามถูกทิ้งไว้บนพื้นดิน ทำให้ทั่วทั้งทวีปเต็มไปได้เหวกว้าง


ภัยพิบัติจากปีศาจบดขยี้ลงมาที่ทวีปเป่ยชางเช่นกัน


เผชิญกับภัยพิบัตินี้ กองทัพต่างๆ ของทวีปเป่ยชางก็พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ก่อตั้งพันธมิตรหลายแห่งเพื่อพุ่งเป้าไปในการต่อต้าน


ทว่าความหายนะในทวีปเป่ยชางรุนแรงมาก เนื่องจากเผ่าปีศาจทรงพลังมาก ดังนั้นกระทั่งขุมกำลังต่างๆ จะรวมตัวเข้าด้วยกัน แต่ก็ยังมองในแง่ดีไม่ได้


และสำนักศึกษาเป่ยชางก็เป็นหนึ่งในศูนย์รวมพันธมิตรเหล่านั้น


 


ภายในสำนักศึกษาเป่ยชาง


ค่ายกลขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นปกคลุมทั้งสำนักศึกษา ในปราการที่เอิบอาบด้วยแสงหลิงทรงพลังทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย


ยามนี้เกิดความวุ่นวายภายในสำนักศึกษาเป่ยชาง ไม่เพียงแต่ขั้วอำนาจอื่นๆ ของทวีปที่สูญเสียดินแดนให้กับเผ่าปีศาจมารวมตัวกันที่นี่ แต่ยังรวมถึงสำนักศึกษายิ่งใหญ่อีกสี่แห่งที่มาด้วย…


นั่นเป็นเพราะภัยพิบัติได้กวาดล้างเขตแดนที่สำนักศึกษาใหญ่อีกสี่แห่งตั้งอยู่ และระหว่างสำนักศึกษาทั้งห้าได้เชื่อมโยงกันด้วยค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเขาทั้งหมดจึงมารวมตัวกันที่สำนักศึกษาเป่ยชาง


แต่ไม่คิดว่าไม่นานหลังจากที่พวกเขามา ทวีปเป่ยชางก็ถูกโจมตีเช่นกัน…


เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะแออัด แต่ ณ จุดนี้ไม่มีใครใส่ใจเรื่องเล็กจ้อยนี้…


ที่มุมหนึ่งของสำนักมีทะเลสาบใสราวกับกระจก รอบๆ มีแท่นฝึกจำนวนมากตั้งวางเรียงรายอยู่ ถัดออกไปอีกก็คือเรือนพักจำนวนมาก


“ทุกคนในฐานะชุมนุมเทพธิดาลั่ว เราจะใช้เรือนพักของชุมนุมเป็นที่พักให้กับสหายสำนักทั้งสี่แห่ง แม้ว่าปกติเราจะเป็นคู่แข่งกัน แต่ในเวลานี้เราก็ต้องแสดงมารยาทของเจ้าบ้านที่ดีด้วย”


ที่ริมทะเลสาบเหล่าสมาชิกชุมนุมรวมตัวกันรอบก้อนหินขนาดใหญ่ สายตามองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่บนก้อนหิน นางมีลักษณะโดดเด่นพร้อมกับผมเกล้าเป็นหางม้าและน้ำเสียงดังก้องด้วยพลังล้นเปี่ยม


เมื่อมองไปที่ศิษย์น้องที่อยู่รอบๆ หญิงสาวก็เผยรอยยิ้ม “นอกจากนี้อย่าลืมว่าใครคือผู้ก่อตั้งชุมนุมเทพธิดาลั่ว แม้ว่าพี่ใหญ่มู่เฉินและพี่ใหญ่ลั่วหลีจะจบการศึกษาไปแล้ว เราก็จะทำให้ชุมนุมเทพธิดาลั่วที่พวกเขาสร้างไว้อับอายไม่ได้!”


“พี่ใหญ่สุนเอ๋อพูดถูก!”


“ไม่ต้องห่วง ชุมนุมเทพธิดาลั่วไม่ขี้เหนียวหรอก เราจะเตรียมการสำหรับสหายสำนักศึกษาอื่นๆ เอง”


“เราต้องรวมพลังกันเพื่อปกป้องสำนักศึกษาของเรา!”


เสียงของหญิงสาวดึงดูดใจสะท้อนในโสตประสาทของทุกคน ขณะที่ทุกคนยกกำปั้นขึ้นส่งเสียงโห่ร้อง


หญิงสาวที่ชื่อว่าสุนเอ๋อก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ


ไม่ไกลนักมีร่างเงากลุ่มหนึ่งยืนมองมาพลางเผยรอยยิ้มขณะมองดูฉากนี้


“สุนเอ๋อเติบโตขึ้นมาก ถ้ามู่เฉินและลั่วหลีเห็นภาพนี้พวกเขาจะต้องตกใจแน่ๆ เด็กสาวตัวเล็กขี้อายที่เดินตามหลังตอนนั้นได้กลายเป็นผู้นำชุมนุมเทพธิดาลั่วแล้ว” ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะมองไปที่เยี่ยสุนเอ๋อที่ทุกคนกำลังห้อมล้อม


“ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้สุนเอ๋อก้าวขึ้นสู่การเป็นหลิงเจิ้นจงซือแล้ว มิหนำซ้ำท่านอาจารย์ใหญ่ยังก่อตั้งหอค่ายกลเพื่อให้นางถ่ายทอดความรู้กับศิษย์คนอื่นๆ เกี่ยวกับศาสตร์นี้ คลื่นลูกใหม่เปี่ยมด้วยความหวัง ความสำเร็จนี้แข็งแกร่งกว่าเรามากในอดีต” ชายอีกคนถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม


“เจ้าสองคนหยุดถอนหายใจเป็นตาแก่ได้แล้ว แต่ข้าก็ไม่คิดว่าพวกเจ้าสองคนจะกลับมาที่สำนักในเวลาวิกฤตเช่นนี้” หญิงสาวสะคราญโฉมยิ้มกว้าง


ไม่น่าแปลกใจที่นางจะตกใจเนื่องจากทั้งสองคนคือจอมยุทธ์สุดยอดในรุ่น—เสิ่นชังเสิงและหลี่เฉวียนทง


หลังจากจบการศึกษาทั้งสองก็ออกท่องยุทธภพ ตอนนี้พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มซึ่งห่างจากขุมพลังเทียนจื้อจุนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ความสำเร็จดังกล่าวในวัยของพวกเขาถือว่าไม่ธรรมดา


“ในเมื่อเราเป็นศิษย์สำนักศึกษาเป่ยชาง ดังนั้นเราก็ต้องกลับมาช่วยตอนที่บ้านกำลังตกอยู่ในอันตรายสิ” เสิ่นชังเสิงยิ้ม


หลี่เฉวียนทงพยักหน้ามองไปที่หญิงสาวตรงหน้าก็ยิ้ม “ส่วนเจ้าตอนนี้ขึ้นเป็นรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักไปแล้วนะเยี่ยชิงหลิง”


“ข้าไม่ได้อยากท่องยุทธภพเหมือนพวกเจ้าทั้งสองคน การอยู่ในสำนักก็ดีมากสำหรับข้า” เยี่ยชิงหลิงยิ้ม


เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เสิ่นชังเสิงและหลี่เฉวียนทงก็พยักหน้าพลางพูดขึ้นช้าๆ “การใช้ชีวิตในสำนักก็ดี อย่างน้อยสามารถรักษาจิตใจบริสุทธิ์ของตัวเองไว้”


พวกเขาสองคนพูดด้วยท่าทางซับซ้อน ชัดว่าต่างมีประสบการณ์มากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา


“โห้ อดีตสองจอมยุทธ์สุดยอดในรุ่นกำลังปลงกับประสบการณ์เหรอเนี่ย”


ทันใดนั้นเสียงเย้าแหย่ก็ดังขึ้น กลุ่มคนที่ยืนอยู่กวาดสายตามองไปก็เห็นร่างเงาสองร่างกำลังเดินเข้ามา


คนหนึ่งสวมเสื้อสีม่วงกับกางเกงขายาว นางมีรูปร่างที่เพรียวบางพร้อมกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น นางคลี่รอยยิ้มที่คุ้นเคยบนริมฝีปาก นางก็คือเวินชิงเฉวียน


ส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้างก็งดงามไม่แพ้กัน นางก็คือรองอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาวั่นหวงถังเชี่ยนเอ๋อ


“เวินชิงเฉวียน…” หลี่เฉวียนทงอึ้งไปเมื่อมองรอยยิ้มคุ้นเคย “เวลาแบบนี้เจ้าไม่ประจำที่ตระกูลเวิน มาทำอะไรที่นี่?”


เวินชิงเฉวียนเผยรอยยิ้มตอบว่า “ตระกูลเวินมีผู้คนมากมาย ข้าอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร”


ขณะที่พูดนางและถังเชี่ยนเอ๋อก็มองไปที่เยี่ยชิงหลิงด้วยรอยยิ้ม “ต้องขอขอบคุณชุมนุมเทพธิดาลั่วที่ช่วยจัดที่พักให้กับศิษย์สำนักศึกษาวั่นหวงด้วย”


เยี่ยชิงหลิงโบกมือตอบว่า “ภายใต้สถานการณ์นี้ พวกเราต้องรวมพลังกันถึงจะมีโอกาสรอดได้ การช่วยเหลือเจ้าก็เหมือนกับการช่วยสำนักศึกษาเป่ยชางด้วย”


เมื่อได้ยินคำพูดนี่ เวินชิงเฉวียนก็ถอนหายใจ “ยังไม่แน่หรอกว่าจะมีโอกาสรอดหรือไม่ ตอนนี้มีเพียงท่านเป่ยหมิงเท่านั้นที่ก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุน มิหนำซ้ำพวกปีศาจยังแค่ล้อมเอาไว้ ไม่ได้เปิดการโจมตี ตราบใดที่พวกจอมปีศาจเคลื่อนไหว สถานการณ์ก็คงไม่ดีแน่”


ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาทราบว่าสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด


“สุนเอ๋อกับพรรคพวกกำลังสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างลับๆ ถ้าสถานการณ์เลวร้ายขึ้น เราก็ได้แต่พยายามส่งเหล่าศิษย์น้องออกไปให้ได้มากที่สุด” เยี่ยชิงหลิงกล่าวเสียงอ่อน


เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ พลังของสำนักศึกษาเป่ยชางอย่างเดียวก็ไร้ประโยชน์


หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหลี่เฉวียนทงก็พูดขึ้นว่า “ถ้ามู่เฉินกับลั่วหลีอยู่ที่นี่อาจมีโอกาสบ้าง…”


เมื่อได้ยินชื่อของทั้งสองคนทุกคนก็เงียบลง ชัดว่าแต่ละคนมีความทรงจำกับสองคนนี้มาก


“มีข่าวเกี่ยวกับลั่วหลี แต่สำหรับมู่เฉิน…เกือบห้าปีแล้วที่ข่าวของเขาเงียบหาย” เวินชิงเฉวียนมุ่นคิ้ว


เสิ่นชังเสิงพยักหน้า “เจ้านั่นทำให้เกิดความปั่นป่วนเป็นครั้งคราวเมื่อห้าปีก่อน แต่เขาก็หายตัวไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”


“ตอนนี้ในมหาพันภพผู้คนคาดเดากันว่าเขากลัวเผ่าปีศาจเลยไปแอบซ่อนตัว”


“ไร้สาระ!” เวินชิงเฉวียนหัวร้อนขึ้น ตามนิสัยของมู่เฉินจะเป็นคนขี้ขลาดได้อย่างไร?


“มู่เฉินไม่ใช่คนขี้ขลาด ด้วยนิสัยของเขา ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูแบบใดก็ไม่มีทางกลัว ดังนั้นต้องมีเหตุผลที่เขาหายตัวไป” ถังเชี่ยนเอ๋อเอ่ยเสียงจริงจัง


หลี่เฉวียนทงถอนหายใจออกมา “ชื่อเสียงของมู่เฉินดังเป็นพลุแตกเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาตกเป็นเป้าของความอิจฉา ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนพยายามทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง”


ทุกคนทำได้เพียงแค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ การหมิ่นประมาทเหล่านั้นกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาอย่างแท้จริง


“เขาจะต้องปรากฏตัวแน่นอน”


เยี่ยชิงหลิงกล่าวอย่างหนักแน่น เนื่องจากนางนึกถึงรอยยิ้มซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจของชายหนุ่ม


เขามีความเชื่อมั่นแน่วแน่ ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูแบบใด เขาก็จะไม่มีวันถอยหนี เป็นเพราะความเชื่อมั่นที่ติดแน่นเป็นปรสิตนี้ ทำให้ผู้คนมากมายมารวมตัวอยู่เคียงข้างเขาและเป็นสาเหตุที่ทำให้ชุมนุมเทพธิดาลั่วเฟื่องฟูไม่เสื่อมคลาย…


ดังนั้นนางเชื่อว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะประสบกับอะไรก็ตาม


สหายคนนั้นจะปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อไรที่เผยตัวก็จะเป็นจุดสนใจของทั้งมหาพันภพ


เยี่ยชิงหลิงหันไปมองน้องสาวที่ยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ เหมือนเห็นอดีตตอนที่ชายหนุ่มมุ่งมั่นยืนอยู่บนตำแหน่งนั้น


‘มู่เฉิน…’


‘ข้าหวังไม่ว่าเจ้าจะประสบกับอะไร เจ้าก็ยังคงเป็นเจ้าเช่นเดิม’


หวือ หวือ!


ขณะที่พวกเขาระลึกถึงความทรงจำ เสียงเตือนเสียดหูก็ดังขึ้น ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองออกไปไกล เห็นรัศมีปีศาจรุนแรงพล่านเข้ามาจากทิศทางนั้น


เผ่าปีศาจเริ่มโจมตีแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)