หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler 1519-1526

 บทที่ 1519 กองหนุน

 

รัศมีปีศาจดังก้องไปทั่วทั้งภูมิภาค


ไอเชี่ยวกรากพรั่งพรูออกมาไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้พื้นที่ในดินแดนวั้นมู่ราวกับดินแดนปีศาจ


เมื่อรัศมีปีศาจเพิ่มขึ้นก็สามารถมองเห็นร่างทรงพลังท่ามกลางพวกมัน ดวงตาแต่ละคู่เย็นเยือกขณะมองเหล่าจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนที่อยู่ภายในราวกับกำลังมองเหยื่อ


ในดินแดนวั้นมู่เหล่าจอมยุทธธ์ก็มองไปที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากด้วยความตื่นตระหนกแฝงความวิตกกังวลบนใบหน้า เพราะที่สุดแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพวกปีศาจเต็มๆ นอกจากนี้ที่มาที่นี่ทั้งหมดก็เป็นสุดยอดนักรบอีกด้วย


สีหน้าของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเย็นชาลง พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ร่างปีศาจเหล่านั่นพลางเอ่ยเสียเย็น “จักรวรรดิปีศาจต่างมิติกล้าหาญแท้จริงที่บุกลึกเข้ามาในมหาพันภพ ไม่กลัวที่จะถูกสังหารโดยกองทัพพันธมิตรมหาพันภพรึ?”


เมื่อรัศมีปีศาจพวยพุ่งก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ร่างสวมชุดคลุมสีดำก็ก่อตัวขึ้น ร่างนั้นถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีน่ากลัวไร้ขอบเขตราวกับว่าเป็นผู้นำหมู่มวลปีศาจ ทว่ารูปลักษณ์เขาดูเป็นมิตรมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตา เมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็ไม่มีใครสามารถเกิดความเกลียดชังในหัวใจและรู้สึกถึงความเคารพ


“ฮ่าๆ เมื่อพวกข้าปรากฏตัว ดินแดนวั้นมู่ก็ถูกปิดผนึกหมดแล้ว ดังนั้นต่อให้เกิดความวุ่นวายที่นี่ ภายนอกก็ไม่มีทางรับรู้” ร่างชุดดำยิ้มขณะที่จ้องมองไปที่ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อพลางพูดอย่างเป็นมิตร “สหายถ้าพวกเจ้ายอมปล่อยเทพปีศาจจักรพรรดิ จักรวรรดิปีศาจต่างมิติสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับมหาพันภพได้”


“จอมปีศาจเซิ่งเทียน…”


ฉิงเทียนมองไปที่ร่างชุดดำก็จำตัวตนนั่นได้ทันที นี่คือผู้นำของจักรวรรดิปีศาจ ตำแหน่งของเขาอยู่ภายใต้เทพปีศาจจักรพรรดิเท่านั้น ดูเหมือนว่าพวกปีศาจจะนำพลังทั้งหมดออกมาเพื่อช่วยเหลือเทพปีศาจจักรพรรดิแล้ว


“เผ่าปีศาจโหดเหี้ยม มองว่าทุกชีวิตในมหาพันภพเป็นเหมือนวัชพืช คงเป็นเรื่องตลกมากที่ได้ยินคำว่า ‘สันติ’ จากปากเจ้า” ปู้สื่อตอบอย่างเย็นชา


เมื่อได้ยินคำตอบจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยิ้มอย่างสบายๆ “กฎการล่าเป็นความจริงทั่วทุกที่ ในเมื่อจักรวรรดิปีศาจต้องการดำรงอยู่ก็ต้องบุกมหาพันภพและเปลี่ยนคลื่นหลิงที่น่าขยะแขยงให้กลายเป็นคลื่นปีศาจ ตราบใดที่พวกเจ้ายอมสวามิภักดิ์ ข้าก็ยินดีจะแปลงร่างกายทั้งหมดของพวกเจ้าเพื่อปรับแต่งให้เข้ากับมหาพันภพใหม่นะ”


“สามหาว บังอาจกล้าทำให้คลื่นหลิงแปดเปื้อน!” ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์เปลี่ยนไปขณะร้องลั่น คลื่นหลิงเป็นรากฐานของมหาพันภพ หากถูกแปรเปลี่ยนพวกเขาจะพบกับการขาดพลังงาน นั่นหมายความว่าการฝึกฝนมาทั้งหมดจะสูญสิ้นไป


พวกปีศาจมีเป้าหมายต้องการลบรากฐานของคลื่นหลิงในมหาพันภพ


ชิงซันกุมกระบี่มองไปที่เซิ่งเทียนพลางยิ้ม “ไอ้เผ่าปีศาจหยุดฝันเฟื่องได้แล้ว ไสหัวกลับไปในที่ที่แกมา เราจะไม่ปล่อยให้แกทำให้มหาพันภพแปดเปื้อน”


จอมปีศาจเซิ่งเทียนถอนหายใจด้วยความเสียใจ “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่สนคำแนะนำของข้านะ งั้นแบบนี้…”


หลังจากหยุดชั่วครู่สายตาที่เป็นมิตรก็เพิ่มขึ้นด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นพวกข้าก็ต้องล้างบางพวกเจ้าทั้งหมดออกไปแล้ว”


“ฮ่าๆ เจ้าก็น่าจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ ทำไมต้องไปเสวนากับพวกพื้นเมืองมหาพันภพ แค่เอาชนะพวกมันบีบให้ยอมจำนนและเปลี่ยนให้เป็นทาสซะก็หมดเรื่อง”


รัศมีปีศาจพุ่งขึ้นรอบๆ จอมปีศาจเซิ่งเทียนก่อตัวเป็นปีศาจที่ทรงอำนาจรุนแรง รูม่านตาคล้ายกับกระแสน้ำวนสีดำ เขาก็คือประมุขเผ่าเทียนหมัว


เวลานี้เขากำลังมองไปที่จอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่ด้วยรอยยิ้มขณะเลียริมฝีปาก ราวกับหมาป่าหิวโหยที่เห็นกระต่าย


“ยโสจริง แกคิดว่าสามารถเข้าสู่ค่ายกลนี้ได้เหรอ?” หมัวเฮอเทียนเย้ยหยัน


เผ่าปีศาจต่างมิติเคลื่อนทัพมาในลักษณะยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่เคลื่อนไหวอะไร ชัดว่ากำลังหวาดกลัวต่อค่ายกลดับแสงพันปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกวางไว้โดยเทพจักรพรรดินิรันดร์ ค่ายกลนี้มีพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสังหารสมาชิกของเผ่าปีศาจที่แหยมเข้ามาได้


จอมปีศาจเซิ่งเทียนก้มศีรษะมองไปที่ค่ายกลใหญ่ที่ล้อมรอบดินแดนวั้นมู่พร้อมกับแววตาสั่นไหวด้วยประกายบางอย่าง ครู่ต่อมาเขาก็ถอนหายใจ “พวกข้าไม่คิดมาก่อนว่ามหาพันภพจะมีคนอย่างเทพจักรพรรดินิรันดร์…”


เขาส่ายหัวพูดต่ออย่างไม่แยแส “แต่ต่อให้ค่ายกลนี้ทรงพลังก็ไม่มีชีวิต ถ้าเจ้าคิดว่าค่ายกลนี้สามารถปกป้องความสงบสุขของมหาพันภพได้ ข้าว่าพวกเจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”


หลังจากพูดจบมือเขาก็สะบัดออก จากนั้นประโยคไร้อารมณ์ก็ดังก้อง “เผ่าสือหมัวเคลื่อนพล”


ขณะที่เขาพูดรัศมีปีศาจเชี่ยวกรากก็พวยพุ่งออกมาจากรอยร้าวมิติ ร่างปีศาจนั่งอยู่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ร่างกายของพวกมันมีของเหลวสีดำหยดแหมะซึ่งทิ้งร่องรอยการกัดกร่อนไว้ในมิติ


เผ่าสือหมัวมีความสามารถในการกัดกร่อนตั้งแต่กำเนิด ซึ่งมีความบีบคั้นอย่างมาก พลังใดที่ถูกแปดเปื้อนโดยพวกมันจะค่อยๆ สึกกร่อน


โฮก โฮก!


ปีศาจจำนวนมากส่งเสียงคำราม อึดใจรัศมีปีศาจก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของพวกมันราวกับกระบี่คม


ปัง!


เมื่อแสงปีศาจกวาดออก ร่างปีศาจร่างหนึ่งและร่างหนึ่งก็ระเบิดตัวกันเป็นทอด พร้อมกับการระเบิดร่างกายที่หยดด้วยของเหลวสีดำหนาแน่นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า


ของเหลวนี้มีสีดำเข้มข้นมาก ไม่มีแม้แต่มิติสักริ้วจะยังรักษาลักษณะการกัดกร่อนได้ นอกจากนี้ยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวแทรกซึมออกมาราวกับว่าสามารถกัดกร่อนอะไรก็ได้


ซ่า ซ่า!


ขณะของเหลวรวมตัวกันก็กลายเป็นสายธารสีดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ตกลงไปบนขบวนแถวแสงของค่ายกลดับแสงพันปีศาจ


ชี่ ชี่!


เมื่อพลังงานสองชนิดปะทะกันและกัน ควันก็ลอยขึ้นและขบวนแถวแสงกระเพื่อมเป็นระลอก พลังลึกลับและน่าเกรงขามกวาดออกไปทำให้สายธารสีดำบริสุทธิ์อย่างรวดเร็ว


“ฮา”


เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเนื่องจากดูเหมือนว่าความสามารถในการป้องกันของค่ายกลดับแสงพันปีศาจเกินความคาดหมายของพวกเขาไปไกล


“ทำต่อไป!”


ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนไม่เปลี่ยนแปลง เสียงที่ไม่แยแสดังก้องอีกครั้ง


“เพื่อเผ่าพันธุ์!”


นักรบเผ่าสือหมัวคำราม คนแล้วคนเล่าระเบิดตัวเอง ทันใดนั้นของเหลวสีดำก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ารวมตัวกันเป็นสายธารไหลไปสู่ค่ายกล


ชี่ ชี่!


แต่ไม่ว่าพลังการกัดกร่อนจะน่ากลัวเพียงใดก็ยังคงถูกทำให้บริสุทธิ์โดยค่ายกลไม่มีร่องรอยของความเสียหาย


ทว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยังเพิกเฉยต่อภาพนี้และสั่งการให้เผ่าสือหมัวทำลายตัวเองต่อไป


มู่เฉินขมวดคิ้วกับฉากนี้ ไม่นานดวงตาก็หดลง รีบตะโกนขึ้นว่า “พวกมันพยายามที่จะใช้พลังของค่ายกลเพื่อชะลอเวลาหอกก่อตัว”


เมื่อได้ยินเสียงของมู่เฉิน ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็หัวใจสั่นสะท้านขณะจ้องมองไป ภาพที่เห็นก็เป็นอย่างที่มู่เฉินพูด เวลาที่ใช้ในการสร้างหอกในค่ายกลเริ่มที่จะลากยาวออกไป!


ก่อนหน้านี้หอกใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป แต่ตอนนี้ลากออกไปเกือบครึ่ง


ชัดว่าพวกเผ่าปีศาจไม่ได้คาดหวังว่าค่ายกลจะหมดพลังอย่างสมบูรณ์ พวกมันแค่อยากให้เวลาเลื่อนออกไป


“ทุกคนเติมพลังลงไป!” ฉิงเทียนตะโกน


เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา เหล่าจอมยุทธ์ก็นั่งลงและหมุนเวียนคลื่นหลิงเทเข้าไปในโลงศพ


ปู้สื่อจ้องมองไปที่รัศมีปีศาจเชี่ยวกรากน่ากลัว “ไอ้พวกปีศาจเป็นพวกบ้าอย่างแท้จริง เพื่อทำลายผนึกพวกมันเต็มใจที่จะเสียสละทั้งเผ่าพันธุ์”


เผ่าสือหมัวถูกทำราวกับเป็นเครื่องสังเวย ความเหี้ยมโหดนี้ทำให้หัวใจของทุกคนเย็นเยือกลง


“หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไปก็จะกลายเป็นการต่อสู้ที่เหนื่อยยาก เผ่าปีศาจมาพร้อมกับความดุร้ายพยายามที่จะบุกมหาพันภพและเราก็ไม่มีกองกำลังแข็งแกร่งที่สุดมารวมอยู่ที่นี่” ชิงซันกล่าวต่อ “หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดช่องโหว่แน่ อาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”


ดวงตาของฉิงเทียนวูบไหว “ไม่ว่ายังไงก็ตามเราต้องรักษาสถานการณ์นี้ไว้จนกว่าหอกเล่มที่เก้าสิบเก้าจะลงมา พวกปีศาจก็จะจบสิ้นเมื่อชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิดับสูญ”


“พวกมันพยายามทำให้ค่ายกลหมดพลังเพื่อถ่วงไว้ งั้นเราสามคนก็ผนึกกำลังซื้อเวลาให้ค่ายกลกัน”


“ได้เลย” ชิงซันและปู้สื่อพยักหน้า


ฟิ้ว!


ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสามก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเข้าไปในขบวนแถวของค่ายกล


ตู้ม!


คลื่นหลิงเชี่ยวกรากกวาดออกราวกับคลื่นยักษ์ เป่ากระแสน้ำสีดำสามสายกระจายออกไป


“พวกแกสามคนคิดสู้กับเผ่าปีศาจรึ?” เสียงเยือกเย็นของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังก้องพร้อมกับโบกมือลง


เมื่อมือของเขาโบกลง รัศมีปีศาจก็พุ่งพรวดออกมาเบื้องหลัง ร่างปีศาจหกร่างก้าวย่างออกมาพร้อมกับพลังไม่มีที่สิ้นสุด


เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ เห็นปีศาจทั้งหกในดินแดนวั้นมู่แววตาของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ทั้งหกคนนั้นเป็นจอมปีศาจซึ่งเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายสุด


“พวกเราไปช่วยด้วยกัน!” หมัวเฮอเทียนหันไปมองประมุขเผ่าโบราณอีกสี่เผ่าและเอ่ยออกมา


“ไม่ได้ เราต้องรักษาการเติมพลังคลื่นหลิงลงในค่ายกลไว้เพื่อให้หอกเล่มที่เก้าสิบเก้าก่อตัวขึ้นให้จงได้!” คิ้วของมู่เฉินขมวดเข้าหากัน


ชิงเหยี่ยนจิ้งพยักหน้าเห็นด้วย “มู่เฉินพูดถูก เราผลีผลามไม่ได้!”


หลังจากลังเลวูบหนึ่งไท่หมิง เฮยเธียนและหวางฉิวก็พยักหน้าเช่นกัน ตอนนี้การสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิมีความสำคัญมากที่สุด


หมัวเฮอเทียนส่งเสียงขึ้นจมูก แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไร เขารู้ว่าอะไรสำคัญกว่าในขณะนี้


“ฮ่าๆ พวกข้าจะใช้ชีวิตของแกทั้งสามต้อนรับการปรากฏตัวอีกครั้งของท่านเทพปีศาจ!” จอมปีศาจทั้งหกยืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ขณะที่เสียงคำรามนำพาพลังปีศาจไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งครอบคลุมไปยังฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อ


ที่เบื้องหลังนักรบปีศาจนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองยอดยุทธ์ทั้งสามอย่างเย็นชา


เมื่อเห็นนักรบเหล่านั้นสีหน้าของฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็กลายเป็นเย็นชาโดยไม่มีความหวาดเกรงพวกเขาทำเพียงหมุนเวียนคลื่นหลิง ทำให้ทั้งภูมิภาคสั่นสะเทือน


“ฆ่า!”


จอมปีศาจทั้งหกคำรามทะยานใส่ยอดยุทธ์ทั้งสาม


โฮก!


แต่ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว เสียงคำรามมังกรที่เสียดแก้วหูก็ดังก้อง มองเห็นแสงสีทองฉีกผ่านชั้นรัศมีปีศาจก่อตัวเป็นมังกรสีม่วงทองพร้อมกับความกดดันมังกรรุนแรงที่แทรกซึมไปทั่วทั้งภูมิภาค


“ฮ่าๆ พี่ฉิง เผ่าเทพอสูรก็เป็นสมาชิกมหาพันภพนะ ศึกนี้ลืมพวกข้าไปได้ยังไง?!”


ร่างมังกรสีทองปกคลุมดวงอาทิตย์ ที่เบื้องหลังรัศมีทรงพลังกระเพื่อมไหว ภาพเงาขนาดใหญ่จำนวนมากทะยานเข้ามา พวกเขาล้วนเป็นมหาเทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาพันภพ


ในดินแดนวั้นมู่ เมื่อมู่เฉินและจอมยุทธ์คนอื่นเห็นร่างมหาเทพอสูร ความปีติยินดีก็ฉายในดวงตา ในที่สุดเหล่าเทพอสูรก็มาถึงแล้ว!

 

 

 


บทที่ 1520 คนคนนั้น

 

โฮก!


ชั้นรัศมีปีศาจถูกฉีกออกจากกัน มังกรสีม่วงทองขนาดมหึมาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเกล็ดสีทองเปล่งรัศมีสีทองสว่างจ้า เมื่อแผ่กระจายออกไปรัศมีปีศาจก็ถูกสลายไปด้วยแรงกดดันที่น่ากลัว


เบื้องหลังมังกรสีม่วงทองยังมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ติดตามมา อึดใจต่อมาคลื่นหลิงทรงพลังก็กวาดออก ทำเอาแรงกดดันปีศาจถอยร่นกลับไปอีกหลายส่วน


“นั่นจักรพรรดิมังกรแท้จริง อดีตผู้อาวุโสใหญ่เผ่ามังกร!”


“จักรพรรดิหงส์ฟ้าแท้จริงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน!”


“ส่วนนั่นคือผู้อาวุโสคุนเผิงและราชันวานรทะลุฟ้า!”


“…”


เสียงโห่ร้องดังมาจากในดินแดนวั้นมู่ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาเหล่านั้นเป็นมหาเทพอสูรสูงสุดที่มีชื่อเสียงของมหาพันภพ


จอมยุทธ์ที่ถูกกล่าวถึงเหล่านี้เทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฉิงเทียน ชิงซันและปู้สือเลย


ท้ายที่สุดแล้วมีสิ่งมีชีวิตมากมายเกินคณนาในมหาพันภพ นอกเหนือจากเผ่ามนุษย์ยังมีเผ่าเทพอสูร และในบรรดาเผ่าเทพอสูรนี้ มหาเทพอสูรก็คือโอรสสวรรค์ ความแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามนุษย์เลย


แม้ว่าทั้งสองเผ่าพันธุ์มักจะมีข้อพิพาทกันเนืองๆ แต่ทุกคนก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาพันภพ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจที่บุกรุกเข้ามาในบ้าน พวกเขาก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันเอาชนะ


ทุกคนเข้าใจดีว่าหากมหาพันภพตกอยู่ในเงื้อมมือของจักรวรรดิปีศาจ ทุกสรรพสิ่งก็จะตกเป็นทาส


ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความสุขของทุกคน เหล่าเทพอสูรก็ย่อขนาดร่างกายลง คนนำเบื้องหน้าเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีม่วงทองดูแข็งกระด้าง ดวงตาของเขาราวกับทองที่เอิบอาบความกดดันน่ากลัว


ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คือจักรพรรดิหงส์ฟ้าจากสองตระกูล เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง


มู่เฉินได้พบกับหวงจิงจักรพรรดิหงส์ฟ้าแท้จริงมาก่อนเมื่อในอดีต แม้ว่าพลังของเขาจะอยู๋ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง แต่ถ้าร่วมมือกับจักรพรรดิหงส์แท้จริงอีกคนก็สามารถเผชิญหน้ากับจอมปีศาจระยะปลายสุดสองคนได้เลยทีเดียว


ที่เบื้องหลังยังมีจอมยุทธ์เทพอสูรจากเผ่าต่างๆ ซึ่งดูเกรี้ยวกราดนัก


“พี่ฉิง พวกข้าคงไม่ได้มาสายใช่ไหม” จักรพรรดิมังกรแท้จริงประสานมือเข้าด้วยกันคารวะ


เมื่อเห็นกำลังเสริม ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าจะมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนมากมายในดินแดนวั้นมู่ แต่ทุกคนก็จดจ่ออยู่กับค่ายกลไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้แค่พวกเขาสามคนก็ไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติที่ยกพลกันมาที่นี่


ด้วยการมาถึงของเผ่าเทพอสูร ความกดดันที่มีก็คลายลงทันที


“ฮ่าๆ ไอ้พวกปีศาจเวรไม่เคยคิดยอมแพ้เลยใช่ไหม? โหยหามหาพันภพของเรายิ่งนัก!” ม่านตาสีทองของจักรพรรดิมังกรแท้จริงกะพริบอย่างเย็นชา ขณะที่มองไปที่ปีศาจที่น่ารังเกียจ


จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองกลับมาอย่างไม่แยแส “ก็แค่พวกแมลงยังกล้าพูดเย่อหยิ่งเช่นนี้? เมื่อไรที่จักรวรรดิปีศาจครอบครองมหาพันภพ พวกข้าจะใช้เทพอสูรอย่างเจ้าเป็นพาหนะ”


“ไอ้เวรรนหาที่ตาย!” ราชันวานรทะลุฟ้าคำรามรุนแรงขณะที่ม่านตาเปลี่ยนเป็นสีแดง มือเขากำแน่นไม้พลองก็ปรากฏขึ้น มิติแตกออกพร้อมกับการกวัดแกว่ง


“เผ่าอั้นหมัวกำจัดพวกมันซะ อย่าปล่อยให้แมลงเหล่านั้นเข้าใกล้” จอมปีศาจเซิ่งเทียนสั่งการอย่างไม่แยแส


“ฮี่ๆ แมลงเหล่านี้น่ารำคาญก็จริง แต่เนื้อหอมหวลเป็นยาบำรุงชั้นดีสำหรับเรา!” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มขณะที่มองดูเหล่าเทพอสูรก่อนที่จะโบกมือ


ในมิติแตกร้าว รัศมีปีศาจรุนแรงพวยพุ่งออกมา สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่หลายร่างปรากฏขึ้น เมื่อพลังแผ่ซ่านออกมาทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ว่าพวกมันก็คือจอมปีศาจระดับเทียนทั้งหมด


แม้ว่าจะมีขอบเขตระนาบมิติในพิภพเขตล่าง แต่ครั้งนี้เผ่าปีศาจก็ใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อนำกองทัพผ่านเข้ามาได้


“ฮ่าๆ พวกข้าเคยจับแมลงกินมาแล้ว เนื้อของมันหวานกรอบอร่อย แต่ข้าว่าพวกมันรสชาติน่าจะด้อยกว่าเมื่อเทียบกับแก” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มพร้อมกับหรี่ตาขณะมองไปที่จักรพรรดิมังกรแท้จริง


ดวงตาของจักรพรรดิมังกรแท้จริงเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวตอบว่า “ข้าจะฉีกแกทีละชิ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยให้กับเผ่าพันธุ์เหล่านั้น!”


“ข้ากลัวว่าแกจะทำไม่สำเร็จนะสิ”


จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มขณะที่ดวงตามืดมนลงพลางประกาศอย่างไม่แยแส “ฆ่าพวกมัน!”


ตู้ม!


ที่ด้านหลังทันใดนั้นเหล่าปีศาจก็ระเบิดรัศมีปีศาจออกมาซึ่งสร้างหายนะไปทั่วภูมิภาค ห่อหุ้มไปทางกลุ่มจักรพรรดิมังกรแท้จริง พวกมันทั้งหมดก็คือจอมปีศาจระดับเทียน


“ฆ่า! ฆ่าไอ้พวกนั้นซะ!”


ราชาวานรทะลุฟ้าคำรามพลางซัดไม้พลองออกไป ฉีกแหวกมิติเหวี่ยงเข้าหาหนึ่งในจอมปีศาจ


คุนเผิง หวงจิงและจอมยุทธ์มหาเทพอสูรเผ่าอื่นๆ ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตครางกระหึ่มพร้อมกับแรงกดดัน ขณะที่เข้าโรมรันไม่มีกลัวเกรง


ตู้ม ตู้ม!


การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้โลกโยกคลอนไปหมด คลื่นหลิงมหาศาลและคลื่นปีศาจปะทะกันแม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าก็สั่นไหว


จักรพรรดิมังกรแท้จริงไม่ได้เคลื่อนไหว แต่สายตาจับจ้องไปที่จอมปีศาจอั้นเทียนที่ดูสบายใจ เขารู้สึกถึงรัศมีอันตรายอย่างยิ่งจากอีกฝ่าย


“เจ้าแมลง ยังไม่ลงมืออีกเหรอ?” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มพร้อมกับหรี่ตาลงขณะมองไปที่จักรพรรดิมังกรแท้จริง


ดวงตาของจักรพรรดิมังกรดูน่าสะพรึงกลัวขึ้น ตัวเขาเป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงสุดในมหาพันภพและไม่มีใครโอหังเรียกเขาในลักษณะนี้ แม้ว่าคนคนนี้จะทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม แต่ดวงตาของจักรพรรดิมังกรแท้จริงก็ยังคงเปล่งประกายด้วยความเย็นชา


“ในเมื่อไม่คิดขยับตัวก็ตายซะ” จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มขณะที่กระแสคลื่นในม่านตาหมุนคว้างกลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งออกมา


ลำแสงสีดำนั้นเต็มไปด้วยรัศมีแห่งการทำลายล้าง ในเส้นทางพาดผ่านพลังทั้งหมดถูกลบออก ช่างน่ากลัวยิ่งนัก


เมื่อลำแสงสีดำปรากฏขึ้นจักรพรรดิมังกรก็มีสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่กล้าที่จะประมาท เสียงคำรามดุดันดังออกมาจากลำคอ


“กรงเล็บมังกรแท้จริง!”


เขายื่นมือออกมาก่อร่างเป็นกรงเล็บมังกรขนาดยักษ์ซึ่งปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีม่วงทอง เมื่อเหวี่ยงออกไปมิติก็ฉีกออกจากกัน แม้ว่าจะมีสะเก็ดมิติบินวนรอบกรงเล็บมังกร แต่ก็ไม่สามารถทิ้งรอยใดๆ ไว้บนเกล็ดได้ ในทางกลับกันยิ่งทำให้กรงเล็บนี้ดุร้ายมากขึ้น


กรงเล็บนี้สามารถฉีกทะลุร่างเวทสวรรค์ของจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดาได้เลยทีเดียว


ชี่!


กรงเล็บมังกรพุ่งหวือออกไปชนเข้ากับลำแสงสีดำ ทว่าความปั่นป่วนขนาดใหญ่ที่คาดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น แต่มิติก็ยังยุบลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่


เมื่อกรงเล็บมังกรหายไปจักรพรรดิมังกรแท้จริงก็ตัวสั่นสะท้าน เกิดรอยเลือดไหลลงที่กรงเล็บของเขา


จอมปีศาจอั้นเทียนยิ้มให้จักรพรรดิมังกรแท้จริง อึดใจต่อมาก็สร้างภาพมายาทะยานออกไปพร้อมกับกระแสคลื่นวนในดวงตาเขาหมุนคว้างเร็วขึ้น


โฮก!


จักรพรรดิมังกรแท้จริงเปล่งเสียงคำราม ร่างกายก็เริ่มขยายขนาดพร้อมกับเกล็ด ดูเหมือนมนุษย์มังกรพุ่งเข้าปะทะกับจอมปีศาจอั้นเทียน


ปัง ปัง ปัง!


ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ทุกกระบวนท่าก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน


เมื่อมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์ที่ช่วยซื้อเวลาไม่ให้พวกเขาเข้าสู่ดินแดนวั้นมู่ได้ จอมปีศาจเซิ่งเทียนก็หันกลับไปมองฉิงเทียน ชิงซันและคนอื่นๆ “เมื่อพวกข้าปรากฏตัว จักรวรรดิปีศาจก็ได้เริ่มบุกโจมตีมหาพันภพทุกหัวระแหงแล้ว ดังนั้นอย่าหวังว่าจะได้รับกำลังเสริมใดอีก”


ฉิงเทียนตอบอย่างเย็นชา “นั่นก็หมายความว่ากำลังของเผ่าปีศาจถูกรั้งไว้มากเช่นกัน”


ฉิงเทียนเอี้ยวหน้ามองไปที่ดินแดนวั้นมู่ ขณะนี้มีหอกมากกว่าสี่สิบเล่มสร้างขึ้นโดยค่ายกล หลังจากนี้อีกประมาณห้าสิบครั้งพลังชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิก็จะถูกลบออกตลอดกาล


พวกเขาต้องลากเวลาออกไป


“ถ้าพี่เซียวและพี่หลินอยู่ที่นี่ ไอ้พวกปีศาจเหล่านี้จะหยิ่งยโสได้ยังไง?” ฉิงเทียนถอนหายใจ กระทั่งเขาเองยังรู้สึกชื่นชมคนทั้งสอง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเหมือนกัน แต่ฉิงเทียนมีความรู้สึกที่คลุมเครือว่าตนเองไม่สามารถเทียบเคียงกันเทพจอมยุทธ์ทั้งสองได้


ตลอดหลายหมื่นปีที่ผ่านมามีอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วนในมหาพันภพ ซึ่งเขาก็ได้พบมามาก แต่ไม่เคยมีใครที่สามารถให้ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน


“พวกมันสองคนเป็นตัวปัญหาจริงๆ พวกข้าถึงกับต้องแยกกองทัพสูงสุดออกจากกัน” จอมปีศาจเซิ่งเทียนทอดถอนหายใจ “ถ้าพวกมันมีเวลามากกว่านี้ ข้ากลัวว่าทั้งสองคนนั่นจะไปถึงในระดับของเทพจักรพรรดินิรันดร์ แต่ช่างน่าเสียดาย…”


รอยยิ้มผิดแผกปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของจอมปีศาจเซิ่งเทียน “พวกเจ้าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว”


สายตาของฉิงเทียนเย็นชาลง “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกแกสามารถทำลายค่ายกลได้หรือไม่!”


จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองไปที่ฉิงเทียน สายตาก็ดูแปลกประหลาดยิ่งขึ้น รอยยิ้มยิ่งดูน่ากลัว “ฉิงเทียน ข้าไม่สามารถทำอะไรกับค่ายกลย์นี้ได้ก็จริง”


“แต่คนอื่นทำได้…”


ม่านตาของฉิงเทียนหดลงขณะแลกเปลี่ยนสายตากับชิงซันและปู้สื่อ พวกเขาเร้าคลื่นหลิงปกคลุมรอบตัวทันที ตั้งระวังสูงสุด


“ข้าจะดูว่าใครสามารถทำลายค่ายกลได้!” ฉิงเทียนยิ้มเย็น


จอมปีศาจเซิ่งเทียนคลี่ยิ้ม ทว่ารอยยิ้มดูพิลึกนัก เขาจ้องมองไปที่ฉิงเทียนและพูดช้าๆ


“ในเมื่อเจ้าอยากรู้ งั้นข้าจะบอกให้เอาบุญว่า… คนคนนั้น…”


“ก็คือแก…ราชัน-สังหาร-ปีศาจ—ฉิงเทียน!”

 

 

 


บทที่ 1521 เมล็ดหัวใจปีศาจ

 

“ก็คือแก…ฉิงเทียน!”


เสียงของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังสะท้อนก้อง ทำให้ทุกคนตกใจ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร


วังมหาพันภพก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ โดยปกติวังไม่มีประมุข แต่ด้วยสงครามที่ใกล้เข้ามาฉิงเทียนจึงได้รับเลือกให้เป็นเจ้าวังโดยไม่มีข้อกังขา


ด้วยสถานะนี้เขาจึงมีส่วนในการควบคุมค่ายกล แต่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงงก็คือคำพูดของจอมปีศาจเซิ่งเทียน


มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนหมายถึงอะไร แต่ก็ต้องมีเหตุผลในคำพูดนั่นแน่


ภายใต้สายตาสับสนของทุกคน คิ้วของฉิงเทียนก็ขมวดแน่นขณะมองไปที่จอมปีศาจเซิ่งเทียนอย่างเย็นชา “แกหมายถึงอะไร?”


เซิ่งเทียนฉายแววตาลึกลับพลางยิ้มส่งไปในทิศทางของฉิงเทียน “ตอนนั้นที่แกบุกเข้าไปในดินแดนของพวกข้า สังหารเหล่านักรบราชันปีศาจไปตั้งมากมาย กระทั่งสังหารจอมปีศาจไปคนหนึ่งก่อนที่จะหลบหนีกลับมาที่มหาพันภพใช่ไหม? เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จอันรุ่งโรจน์ในชีวิตของแกเลยทีเดียว”


จอมปีศาจเซิ่งเทียนเอี้ยวศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก “แต่แกคิดว่าจะหนีรอดไปจากพวกข้าคนเดียวแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ? ตอนนั้นแกยังไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”


ทันใดนั้นฉิงเทียนก็รู้สึกเย็นเยือกลงกระดูกสันหลัง


จอมปีศาจเซิ่งเทียนโบกมือรัศมีปีศาจพวยพุ่งขึ้นก่อเป็นร่างปีศาจ ร่างนั้นซีดเซียวมองมาที่ฉิงเทียนด้วยรอยยิ้มไม่เชิงยิ้ม


“ฉิงเทียน แกจำเขาได้ไหม?”


เมื่อฉิงเทียนจ้องมองไปที่ร่างปีศาจนั่น ม่านตาก็หดลง เนื่องจากพบว่านี่คือจอมปีศาจที่เขาได้ฆ่าไปในตอนนั้น


“เป็นไปได้ยังไง?! มันยังมีชีวิตอยู่เรอะ?!” หัวใจของฉิงเทียนเต้นไม่เป็นส่ำไปหมดแล้ว


“เขาเป็นประมุขเผ่าซินหมัวสามสิบสองเผ่าปีศาจใหญ่ ต่อให้เป็นแกในตอนนี้ต่อสู้กับเขาก็ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แกคิดว่าด้วยพลังน้อยนิดตอนนั้นแกสามารถฆ่าเขาได้จริงๆ เหรอ?” จอมปีศาจเซิ่งเทียนหัวเราะเยาะ


“เผ่าซินหมัว?!” ใบหน้าของฉิงเทียนเปลี่ยนไปรุนแรง รีบหันไปมองชิงซันและปู้สื่อ “เร็วเข้า ผนึกข้าเดี๋ยวนี้!”


การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่ชิงซันและปู้สื่อไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล


ชิงซันสะบัดแขนเสื้อกระบี่เขียวฉีกขาดมิติทะยานเข้าไปหาฉิงเทียน ส่วนปู้สื่อปล่อยลำแสงสีดำห่อหุ้มไปยังฉิงเทียน


แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉิงเทียน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง


“ฮ่าๆ ฉิงเทียน แกเป็นคนไร้หัวใจจริงๆ คิดแม้แต่จะผนึกตัวเอง” แต่เมื่อแสงทั้งสองพุ่งลงมา เสียงหัวเราะเบาๆ ของจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ดังขึ้น


ฟู่ ฟู่!


ในเวลาเดียวกันเพลิงสีดำและสีขาวก็พุ่งลงมาจากขอบฟ้าปะทะกับลำแสงทั้งสอง ขณะที่เกิดเสียงดังฉ่าเพลิงสีดำขาวก็เผาผลาญทุกอย่าง


ชิงซันและปู้สื่อฉายแสงเย็นวูบไหวในดวงตา


“กระบี่เทพเขียว!”


ชิงซันแผดเสียงเย็นชา กระบี่เขียวในมือก็ทะยานขึ้น เมื่อรัศมีกวาดออกไปก็กลายเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นลำแสงที่ดูเหมือนว่าสามารถทะลุผ่านสวรรค์และโลกได้ พริบตาก็พุ่งไปหาจอมปีศาจเซิ่งเทียนเสือกแทงลงไปเบื้องล่าง


ปู้สื่อประสานมือเข้าด้วยกันวาดตราประทับขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นหลิงสีดำพุ่งออกมาก็กลายเป็นลูกปัดสีเทาดำขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นด้านข้างจอมปีศาจเซิ่งเทียน


“สายฟ้าวิญญาณอเวจี!”


ทั้งสองคนนำทักษะแข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที แม้แต่จอมปีศาจชั้นสูงก็ถูกสังหารได้หากประมาท


แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีสองสาย ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ฉายความไม่แยแส เพลิงสีดำขาวพวยพุ่ง “เกราะเพลิงเทพปีศาจ!”


ขณะที่เขาตะโกนเพลิงสีดำขาวก็ลุกโชนขึ้นบนร่างกายกลายเป็นชุดเกราะ


ปัง!


เมื่อชุดเกราะถูกสวมเข้าเรียบร้อย กระบี่ก็ทะยานเข้ามา ส่วนลูกปัดระเบิดขึ้นพร้อมกับสายฟ้าสีเทาดำไร้ขอบเขต


โดยมีจอมปีศาจเซิ่งเทียนเป็นศูนย์กลาง รัศมีหลายหมื่นจั้งพังทลายเป็นสีดำพร้อมกับสะเก็ดมิตินับไม่ถ้วนบินว่อนออกไป


เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ใบหน้าก็ฉายแววตกใจ การโจมตีจากสองยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพนับว่าทำลายล้างจริงๆ


แต่ไม่รู้ว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนที่รับการโจมตีจะเป็นอย่างไร


ภายใต้การจ้องมองวิตกกังวลนับไม่ถ้วน มิติที่พังทลายก็ค่อยๆ กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นเพลิงสีดำขาวพลุ่งพล่านขึ้นพร้อมกับร่างปีศาจยืนอหังการอยู่ข้างใน แม้ว่ารัศมีของชุดเกราะจะจางลง แต่เขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการโจมตี


ซื้ด


ในดินแดนวั้นมู่ ทุกคนหายใจเข้าลึกพร้อมกับความหวาดผวาฉายบนใบหน้า ไม่มีใครคิดว่าจอมปีศาจเซิ่งเทียนจะทรงพลังขนาดนี้


แม้แต่ชิงซันและปู้สื่อรวมพลังกันก็ไม่สามารถทำอะไรได้


“เจ้าสองคนทรงพลังก็จริง แต่ยังเทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามไม่ได้” เซิ่งเทียนชำเลืองมองทั้งสองคนอย่างไม่แยแส “การแสดงเพิ่งเริ่มต้น ดูอยู่เงียบๆ ไปเถอะ”


ขณะที่พูดเพลิงสีดำขาวก็พลุ่งพล่านออกมาเป็นวงรัศมี ปรากฏเหนือร่างชิงซันและปู้สื่อ


เมื่อวงรัศมีเพลิงสีดำขาวไหลเวียน เสียงดังฉ่าพร้อมด้วยเปลวไฟก็ขังจอมยุทธ์ทั้งสองไว้ภายใน


“ซินหมัวจัดการซะ แสดงให้ฉิงเทียนเห็นหน่อยว่าข้าวางแผนมานานแค่ไหนสำหรับวันนี้” จอมปีศาจเซิ่งเทียนยิ้มขณะมองไปที่ประมุขเผ่าซินหมัว


ประมุขเผ่าซินหมัวพยักหน้าพลางคลี่รอยยิ้มแปลกๆ ให้ฉิงเทียน “เงาปีศาจที่ถูกแกฆ่าในตอนนั้นก็คือเมล็ดหัวใจปีศาจของข้า แม้ว่าการฝึกฝนของข้าจะถูกทำลายไปพร้อมกับการทำลายมัน แต่แกก็ไม่รู้ว่าเมล็ดหัวใจปีศาจได้ซ่อนอยู่ในหัวใจตัวเองแล้ว หลังจากผ่านมาเนิ่นนาน ต่อให้บรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งแล้ว แกก็ไม่สามารถรับรู้ได้หรอก”


“ในตอนนั้นแกฆ่าอย่างบ้าคลั่งในดินแดนของเรา แม้จะหลบหนีก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงแผนการของเผ่าปีศาจ แต่สุดท้ายแกก็สร้างประหลาดใจให้พวกข้า ไม่คิดว่าแกจะขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขวังมหาพันภพได้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”


“แต่วันนี้ถึงเวลาที่แกต้องแสดงคุณค่าของตัวเองแล้ว”


เสียงหัวเราะของซินหมัวดังขึ้น จากนั้นก็วาดตราประทับในฝ่ามือ ลำแสงสีดำนับล้านๆ สายพุ่งออกมาจากร่าง


ลำแสงเหล่านั้นหลอมรวมกับมิติไม่รู้ว่าเชื่อมต่อไปที่ใด


ทันใดนั้นร่างกายของฉิงเทียนก็สั่นสะท้าน เขาตกใจเมื่อรู้สึกถึงพลังแปลกประหลาดเริ่มไหลเวียนอยู่ในหัวใจของตนเอง


คลื่นหลิงในร่างกายเขากำลังถูกยับยั้งด้วยพลังนั้น


เสียงคำรามลึกดังก้องจากลำคอของฉิงเทียน ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน เขาพยายามไหลเวียนคลื่นหลิงเต็มกำลัง แต่ยิ่งต่อต้านก็ยิ่งสูญเสียการควบคุมตัวเอง


“ฮ่าๆ เมล็ดหัวใจปีศาจเปิดค่ายกลดับแสงพันปีศาจซะ!”


ซินหมัวส่งเสียงร้องแหลมคม


ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างตกตะลึงของจอมยุทธ์ทั้งหลาย มือของฉิงเทียนก็ค่อยๆ ยกขึ้นเริ่มสร้างตราประทับ ม่านแสงใต้เท้าเขาเริ่มผันผวนแล้วจางหายไป


เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นฉากนี้ก็รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงสันหลัง ไม่มีใครคิดว่าฉิงเทียนจะมี ‘เมล็ดพันธุ์ปีศาจหัวใจ’ ปลูกอยู่ในหัวใจตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน!


ขบวนแถวแสงที่สร้างขึ้นจากค่ายกลดับแสงพันปีศาจเริ่มละลาย


ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจขบวนแถวแสงก็สลายลงไปหลายสิบชั้น


เมื่อเหล่าจอมปีศาจเห็นฉากนี้ดวงตาก็วาวโรจน์ เมื่อไรที่ค่ายกลชั้นสุดท้ายเปิดออกพวกเขาก็สามารถโจมตีดินแดนวั้นมู่ได้


อ๊าก!


ใบหน้าของฉิงเทียนบิดเบี้ยว เขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังทำอะไร แต่เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เลย ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นในใจทำให้เขาคิดระเบิดตัวเองในขณะนี้


ขณะมองไปที่ขบวนแถวแสงที่กำลังละลาย สายตาเขาก็มีแต่ความสิ้นหวัง


แต่มือก็ยังคงวาดตราประทับไม่หยุด


ทว่าก่อนที่ตราประทับสุดท้ายจะเสร็จสิ้น ร่างกายเขาก็สั่นสะท้าน จากนั้นเพลิงงดงามและลึกลับก็ถูกจุดขึ้นจากภายในร่างกายเขา


เปลวไฟลุกโชนห่อหุ้มร่างฉิงเทียนไว้ เพลิงนี้ผิดแผกอย่างยิ่ง ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเมื่อมันปกคลุมร่างฉิงเทียนก็มีเส้นสายสีดำแตกออกด้านนอกมิติ


ประมุขเผ่าซินหมัวตัวสั่น เลือดไหลออกมาจากปาก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน เขารู้สึกได้ว่าเมล็ดพันธุ์ที่เขาปลูกในร่างกายของฉิงเทียนถูกแผดเผาแล้ว


การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนเปลี่ยนไป เขาจ้องเขม็งไปที่เพลิงลึกลับที่ลุกโชนจากร่างของฉิงเทียน พูดเน้นทีละคำด้วยน้ำเสียงน่าขนพองสยองเกล้า


“เพลิงจักรพรรดิ? ไอ้-เทพ-จักรพรรดิ-อัคคี บังอาจทำลายแผนของเรา!”

 

 

 


บทที่ 1522 เผ่าเสียหลิง

 

เปลวไฟพิสุทธิ์ลุกโชนจากร่างของฉิงเทียน


ห่อหุ้มทั่วสรรพางค์กายของเขาเอาไว้ เปลวไฟปล่อยแรงกดดันสูงล้ำราวกับว่าเป็นจักรพรรดิแห่งเปลวไฟ


“นี่คือเพลิงจักรพรรดิ เพลิงของเทพจักรพรรดิอัคคี ว่าแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่ร่างฉิงเทียนได้?” เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นภาพนี้ก็จ้องมองไปที่เปลวไฟสุกสว่างด้วยความงุนงง ฉากนี้น่าตื่นตายิ่งนัก


ฉิงเทียนก็รู้สึกได้ว่าสามารถควบคุมร่างกายได้อีกครั้งจากความช่วยเหลือของเปลวไฟ เมื่อมองไปที่เปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกาย เขาก็พึมพำเบาๆ “พี่เซียวน่ากลัวจริงๆ”


ไม่มีใครรู้ว่าเพลิงจักรพรรดินี้มาจากไหน แต่เขาชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายร้อยปีก่อนตอนที่เขากลับมาจากจักรวรรดิปีศาจ เขาได้พบกับเทพจักรพรรดิอัคคีที่วังมหาพันภพ


ตอนนั้นเซียวเหยียนก็ขมวดคิ้วจ้องมองมาที่เขาพักใหญ่ ก่อนที่จะมอบมุกเพลิงให้เขาพกติดตัวตลอดเวลา ตอนแรกเขายังรู้สึกแปลกใจ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเซียวเหยียนอาจจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในเวลานั้น ทว่าเมล็ดหัวใจปีศาจถูกฝังลึกเกินไป ในช่วงเวลาที่ไม่ถูกใช้งาน แม้แต่เซียวเหยียนก็ไม่มั่นใจ ดังนั้นจึงได้แค่มอบมุกเพลิงจักรพรรดิให้ด้วยความระมัดระวัง


แต่ไม่คิดว่าการกระทำอย่างระมัดระวังของเซียวเหยียนจะช่วยเขาให้รอดพ้นจากการเป็นคนบาปของมหาพันภพ


เปลวไฟรอบตัวชิงซันและปู้สื่อก็ค่อยๆ หายไป พวกเขาหลุดพ้นจากการคุมขังของจอมปีศาจเซิ่งเทียน จากนั้นก็มองไปที่ฉิงเทียนอย่างเป็นกังวล


เมื่อพวกเขาเห็นเพลิงจักรพรรดิบนร่างฉิงเทียน พวกเขาก็อึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็พากันถอนหายใจโล่งอก


ยามนี้ค่ายกลดับแสงพันปีศาจเหลือเพียงม่านแสงชั้นสุดท้าย หากเปิดออกเผ่าปีศาจก็จะสามารถบุกเข้ามาในดินแดนวั้นมู่ได้ ยิ่งหากพวกมันสามารถปลดปล่อยเทพปีศาจจักรพรรดิได้ละก็ งานนี้เรียกว่าหายนะครั้งใหญ่สุดๆ แน่


“บ้าเอ๊ย!”


สายตาของจอมปีศาจเซิ่งเทียนน่าสะพรึงกลัว เขาไม่เคยคิดว่าแผนนี้จะล้มเหลว นี่ยิ่งทำให้ไอสังหารหนาแน่นปกคลุมไปทั่ว


“ฉิงเทียน รีบเร้าค่ายกลฟื้นฟูการป้องกัน!” ปู้สื่อร้องเรียกสติ


ฉิงเทียนหายใจเข้าลึกๆ เริ่มวาดตราประทับ ค่ายกลผันผวนอีกครั้งพร้อมกับม่านแสงการป้องกันเพิ่มขึ้นทีละชั้น


“โจมตีเข้าไป! ฉีกค่ายกลนั่นให้แหลกไปเลย!” จอมปีศาจเซิ่งเทียนโบกมือบัญชาการพร้อมกับดวงตาวูบแสงเย็นเยือก


ตู้ม!


ทันใดนั้นรัศมีปีศาจก็พลุ่งพล่านที่ด้านหลังจอมปีศาจเซิ่งเทียน เสียงคำรามดังก้อง ร่างปีศาจทะยานออกมานับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาปราการป้องกัน


“ทุกคนหมุนเวียนคลื่นหลิงลงไปในค่ายกล!” ใบหน้าของฉิงเทียนเคร่งเครียดขณะตะโกนกร้าว


เมื่อเห็นเผ่าปีศาจต่างมิติเริ่มการโจมตี ทุกคนต่างก็ส่งเสียงคำราม คลื่นหลิงพลุ่งพล่านในร่าง ร่างเทห์สวรรค์ของแต่ละคนก็ถูกเร้าออกมาทันที กระแสพลังหลิงนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่โลงศพ


ฟิ้ว ฟิ้ว!


ขณะที่ควันปีศาจพุ่งหวือ ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็แลกเปลี่ยนสายตากันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คลื่นหลิงจะระเบิดออกจากร่างพวกเขาเทลงในขบวนแถวแสงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า


ฮึ่ม ฮึ่ม!


ขบวนแถวแสงระเบิดขึ้นด้วยความกระจ่างใส ปะทะกับร่างปีศาจที่กำลังพุ่งเข้าใส่


ชี่ ชี่!


ในช่วงเวลาปะทะกัน รัศมีก็แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่ากลัว ในเส้นทางของรัศมีร่างปีศาจไม่สามารถแม้แต่จะได้ส่งเสียงสักแอะก็ถูกทำให้บริสุทธิ์ไปในทันที


ค่ายกลดับแสงพันปีศาจถูกสร้างขึ้นด้วยพลังชีวิตของเทพจักรพรรดินิรันดร์ สามารถต้านทานรัศมีปีศาจทุกประเภทได้ ซึ่งจะเริ่มต้นการโจมตีทันทีที่สัมผัสได้ เฉพาะจอมยุทธ์ที่ฝึกฝนขุมพลังหลิงเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างปลอดภัย


“พุ่งเข้าไป!”


จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากถูกสังหารในพริบตา ทว่าสีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย เสียงเยือกเย็นดังก้อง


ดังนั้นเสียงคำรามจึงก้องดังขึ้นอีกครั้ง ร่างปีศาจก็คล้ายกับหิ่งห้อยเล่นไฟ พุ่งเข้าใส่ค่ายกลอย่างไม่เกรงกลัว


“ช่างเลือดเย็นนัก ค่ายกลดับแสงพันปีศาจจะโจมตีรัศมีปีศาจทุกประเภท แม้ว่าเขาจะเสียสละกำลังพลอีกหลายส่วน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าแนวป้องกันไป” ฉิงเทียนกล่าวเสียงเย็น


ชิงซันและปู้สื่อก็พยักหน้า แต่ฝ่ายหลังมีความระมัดระวังมากกว่าจึงพูดขึ้นว่า “เราก็ไม่สามารถลดการป้องกันได้ พวกปีศาจรอคอยเวลานี้มานานหลายหมื่นปี ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ง่ายแน่”


จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองไปที่ฉากเบื้องหน้าอย่างเย็นชา ในเวลาแค่สิบกว่านาทีพวกเขาไม่รู้ว่ามีนักรบจบชีวิตไปแล้วเท่าไร มากจนมีนักรบราชันปีศาจเกือบร้อยคนที่สละชีวิตไปแล้วด้วย


แต่ถึงแม้จะเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่ก็ยังไม่สามารถสั่นคลอนขบวนแถวแสงได้


“ค่ายกลที่เทพจักรพรรดินิรันดร์ทิ้งไว้เป็นหายนะกับเผ่าปีศาจของข้าแท้จริง” ประมุขสามสิบสองเผ่าใหญ่บางคนกล่าวด้วยความกลัวและความเกลียดชัง


จอมปีศาจเซิ่งเทียนมองไปที่กองทัพนักรบปีศาจที่เสียหายหนักอย่างไม่แยแส จนกระทั่งวินาทีหนึ่งเขาก็พึมพำออกคำสั่งอย่างเย็นชา


ลำแสงปีศาจหลายสิบสายพุ่งรวมเข้าในรัศมีปีศาจจากนั้นก็ทะยานไปยังขบวนแถวแสงของค่ายกล


“จอมปีศาจเซิ่งเทียนเป็นบ้าไปรึ? ถ้าทำอย่างนี้ต่อ แม้ว่านักรบทั้งหมดจะพุ่งเข้าชนก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลได้หรอก!” ฉิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขณะมองไปที่เผ่าปีศาจต่างๆ ที่พุ่งเข้าสู่ความตาย


ชิงซันและปู้สื่อก็งุนงงไปเช่นกัน นี่เป็นเรื่องผิดปกติเกินไป


ขณะที่พวกเขากำลังงุนงง นักรบปีศาจอีกมากมายที่ถูกรัศมีจากขบวนแถวแสงกวาดโดนก็สลายหายไปในอากาศ จากนั้นนักรบอีกกลุ่มก็พุ่งเข้ามา


รัศมีจากค่ายกลซัดไปที่ร่างปีศาจหลายสิบร่างนั้น


แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นทันใด ร่างปีศาจหลายสิบร่างหยุดชะงักเพียงชั่วครู่ พวกมันไม่ได้ถูกชำระบริสุทธิ์เหมือนปีศาจคนอื่นๆ แต่พวกมันกลับเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าหาขบวนแถวค่ายกลได้


“อะไรน่ะ?!”


เมื่อรับรู้ถึงสิ่งนี้ ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็ตกใจ ปีศาจเหล่านี้ต่อต้านรัศมีบริสุทธิ์ได้เรอะ?


“หยุดพวกมัน!” ทั้งสามรู้สึกไม่สบายใจจนต้องเปล่งเสียงคำรามออกมา


ตู้ม ตู้ม!


แต่ประมุขเกือบสิบในสามสิบสองคนของเผ่าปีศาจใหญ่ก็เคลื่อนไหว รัศมีปีศาจรุนแรงกวาดเข้าหาทั้งสามคน


ปัง ปัง!


ขณะที่สวรรค์และโลกถูกฉีกออกจากกัน พวกฉิงเทียนก็ถูกขัดขวางไปชั่วขณะ ตอนนี้สายเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะเคลื่อนไหวแล้ว


ดังนั้นปีศาจหลายสิบร่างก็พุ่งเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของแถวแสงแล้ว


“ไม่จำเป็นต้องตกใจ ค่ายกลปฏิเสธรัศมีปีศาจทั้งหมด ตราบใดที่พวกมันสัมผัสก็จะถูกทำให้บริสุทธิ์…” ปู้สื่อปลอบใจ แต่ก่อนที่จะพูดประโยคนั้นจบ ร่างปีศาจหลายสิบร่างก็เข้ามาสัมผัสกับแถวแสงแล้ว


ทันใดนั้นรัศมีปีศาจรอบๆ ก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยคลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่จากร่างกายของพวกมัน


“คลื่นหลิง?! เป็นไปได้ไง?!”


ยามนี้ยอดยุทธ์ทั้งสามเบิกตากว้างด้วยความตกใจหวาดผวาเมื่อเห็นรัศมีปีศาจรอบๆ ร่างเงาหลายสิบร่างถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นหลิง นอกจากนี้ทั้งหมดก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนด้วย!


“พวกปีศาจบ่มเพาะคลื่นหลิงได้อย่างไร?!” ดินแดนวั้นมู่ตกอยู่ในความโกลากลเช่นกัน ทุกคนมองไปที่ฉากนี้ด้วยความไม่อยากเชื่อ


เมื่อพิจารณาจากรัศมีปีศาจก่อนหน้าก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเผ่าปีศาจแน่แท้ แต่ตอนนี้พลังหลิงที่เปิดเผยออกมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย


เมื่อร่างเงาจำนวนมากสัมผัสกับเกลียวแสง คลื่นหลิงก็ปะทุขึ้น ค่ายกลไม่ได้ก่อสิ่งกีดขวางใดๆ ทำให้พวกมันเข้ามาในดินแดนวั้นมู่ได้


“ฮ่าๆ! ฉิงเทียน จักรวรรดิปีศาจวางแผนมาหลายหมื่นปี พวกแกไม่สามารถจินตนาการได้หรอก!” เสียงหัวเราะร่าของจอมปีศาจเซิ่งเทียนดังขึ้น


“พวกแกทุกคนสงสัยใช่ไหมล่ะว่าเผ่าปีศาจเพาะบ่มคลื่นหลิงได้อย่างไร?


“ง่ายมาก เพราะพวกเขาไม่ได้เป็นปีศาจสายเลือดบริสุทธิ์แท้จริง แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาจากเผ่าปีศาจและเผ่ามหาพันภพ พวกเขาเป็นชนรุ่นใหม่ที่พวกข้าเลี้ยงดู ซึ่งถูกเรียกว่าเผ่าเสียหลิง มิหนำซ้ำยังสามารถเพาะบ่มทั้งพลังปีศาจและพลังหลิงได้ตั้งแต่เกิด! วะฮะฮ่าๆ!”


จอมยุทธ์ทุกคนเงียบไปขณะที่สีหน้าเขียวคล้ำ


จักรวรรดิปีศาจต่างมิติยึดครองพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของมหาพันภพรวม รวมถึงพิภพเขตล่างอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงมีจำนวนประชากรเพียงพอที่จะทำทดลองเช่นนั้น เนื่องจากพวกมันไม่ได้กังวลกับการตายของสิ่งมีชีวิตที่มีต้นกำเนิดมาจากมหาพันภพ…


ที่สำคัญที่สุดคือพวกมันประสบความสำเร็จ


ใบหน้าของจอมยุทธ์ทุกคนมืดมนขณะเงยหน้าขึ้น พวกเขามองร่างเงาหลายสิบร่างที่พุ่งผ่านม่านแสง เมื่อรัศมีหลิงรอบตัวหายไป ร่างเหล่านั้นก็ถูกเปิดเผยในครรลองสายตา


พวกมันดูเหมือนมนุษย์ในมหาพันภพ แต่สามารถสังเกตเห็นดวงตาปีศาจบนฝ่ามือที่ค่อยๆ เปิดออก


ทันใดนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็พัดออกจากร่างกายพวกมัน


‘ไอ้ตัวเหล่านี้…ถูกเรียกว่า ‘เผ่าเสียหลิง’ เรอะ?’

 

 

 


บทที่ 1523 เจียงหยา

 

บนท้องฟ้า


ร่างหลายสิบร่างยืนอหังการอยู่พร้อมกับคลื่นหลิงสีเทาดำครางกระหึ่มที่ด้านหลัง ช่างราวกับมหาสมุทรเอิบอาบด้วยแรงกดดันทรงพลัง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาในฝ่ามือเหล่านั้นกำจายความผันผวนแปลกประหลาดออกมา


“เผ่าเสียหลิง…”


สายตาของมู่เฉินดูเคร่งเครียดขณะมองไปที่ร่างหลายสิบร่างเหนือดินแดนวั้นมู่ ฉากนี้ช่างเกินความคาดหมายของทุกคน ไม่มีใครคิดว่าพวกจักรวรรดิปีศาจจะสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่ผสมกันระหว่างเผ่าปีศาจกับเผ่ามหาพันภพเข้าด้วยกัน


พวกเผ่าพันธุ์ใหม่นี้ ไม่เพียงแต่พวกมันจะสามารถเพาะบ่มคลื่นปีศาจ แต่ยังเพาะบ่มคลื่นหลิงของมหาพันภพได้อย่างไม่น่าเชื่อ


ทว่าความจริงก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะไม่เชื่ออย่างไรก็ตาม


“จอมยุทธ์ทุกคนฟังคำสั่ง! ฆ่าผู้บุกรุกให้หมด!” ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อฉายสีหน้าเขียวคล้ำ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ในตอนนี้ เนื่องจากกำลังป้องกันการโจมตีจากเผ่าปีศาจ ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงตะโกนก้องในดินแดนวั้นมู่


ขณะนั้นจอมยุทธ์ห้าเผ่าโบราณแลกเปลี่ยนสายตากันพลางกล่าวว่า “เราไม่สามารถออกไปได้ในตอนนี้เนื่องจากการสังหารเทพปีศาจจักรพรรดิมีความสำคัญสูงสุด”


พวกเขาเห็นแล้วว่าในบรรดาผู้ที่รุกรานเหล่านี้ นักรบปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลาง ส่วนที่เหลือก็อยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นต่างๆ


มู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “เรื่องเผ่าเสียหลิงปล่อยเป็นหน้าที่พวกข้าเอง ทุกคนจัดการเรื่องผนึกต่อไปเถอะ”


จังหวะที่เขาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ร่างแสงร่างหนึ่งก็ทะยานมาข้างๆ ลั่วหลีคลี่ยิ้มให้ “ข้าจะสู้กับเจ้าด้วย”


มู่เฉินพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ ลั่วหลีครอบครองแผนภาพวิญญาณโบราณซึ่งสามารถพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นได้


ฟิ้ว ฟิ้ว!


ในเวลาเดียวกันร่างแสงหลายสายก็ทะยานเข้ามารวมตัวกันรอบๆ ทั้งสอง “พวกเรายินดีที่จะติดตามราชันมู่เพื่อฆ่าเหล่าปีศาจ!”


มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ ไม่พูดอะไรอีกต่อไป พวกเขาเคลื่อนไหวไปปรากฏตัวเบื้องหน้าเผ่าเสียหลิง ขัดขวางเส้นทางการรุกรานเอาไว้


“ทุกคนกลับไปยังที่ที่เจ้ามาเถอะ ร่างกายของพวกเจ้าไหลเวียนด้วยสายเลือดมหาพันภพ ดังนั้นจงอย่าได้ทำในเรื่องไม่ควร!” ดวงตาของมู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเฉียบคมเมื่อมองไปที่ผู้นำเผ่าเสียหลิง เขาเป็นชายที่มีผมสีเทาท่าทางเผด็จการ


“สายเลือดมหาพันภพ?” เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำพูดของมู่เฉินก็เยาะเย้ย “ถ้าเป็นเช่นนั้น ตอนที่พวกข้าถูกเลี้ยงดูอย่างปศุสัตว์ ผู้คนในมหาพันภพอยู่ที่ไหน?”


มู่เฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเผ่าเสียหลิงไม่ได้มีสถานะสูงในจักรวรรดิปีศาจ คงมีเรื่องราวบางอย่างอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาขุดค้น ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องขับไล่เผ่าเสียหลิงออกไปก่อน


“เผ่าปีศาจโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วทำไมถึงยังรับใช้พวกมัน?”


ชายผมเทาพูดอย่างเย็นชา “ไม่รับใช้พวกเขาแล้วจะมารับใช้เจ้ารึไง? ถ้าเป็นแบบนั้นสมาชิกเผ่าเสียหลิงจะถูกสังหารจนหมด เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะช่วยพวกข้าได้ไหมล่ะ?”


มู่เฉินหลุบตาลงตอบว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้เสียเวลา”


คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งขึ้นรอบตัว พื้นที่ใต้เท้าก็แสดงให้เห็นถึงการยุบตัว


“ข้าเป็นประมุขเผ่าเสียหลิงชื่อว่าเจียงหยา วันนี้ให้ข้าได้สัมผัสหน่อยว่ามหาพันภพอ่อนแอเพียงใด ถึงได้ล้มเหลวในการปกป้องอธิปไตยของตนจนปล่อยให้จักรวรรดิปีศาจเข้ามาทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ต้องแปดเปื้อนและถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี!” เจียงหยาคำรามด้วยความเกลียดชัง


ที่ด้านหลังมู่เฉินเหล่าจอมยุทธ์ได้แต่เงียบงันไปและรู้สึกละอายใจ การปรากฏขึ้นของเผ่าเสียหลิงก็มาจากจำนวนดินแดนที่เผ่าปีศาจยึดครองไปจากมหาพันภพ ทำให้สิ่งชีวิตของมหาพันภพได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้าย


“อย่าคิดฟุ้งซ่าน จงต่อสู้กับศัตรู!”


เสียงของมู่เฉินดังก้อง เผ่าเสียหลิงอาจน่าสงสาร แต่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแสดงความเห็นอกเห็นใจในตอนนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายเลือกที่จะยืนหยัดร่วมกับเผ่าปีศาจ นั่นก็หมายความว่าเป็นศัตรูกับมหาพันภพ เมื่อไรที่เป้าหมายนี้บรรลุผล ทั้งมหาพันภพก็จะกลายเป็นขุมนรกปีศาจแล้ว


ในเวลาแบบนี้พวกเขาต้องละทิ้งความเมตตาไปเท่านั้น


“ฆ่า!”


เจียงหยาตะโกนลั่นขณะที่ร่างเงาหลายสิบร่างทะยานออกมาพร้อมกับคลื่นหลิงสีเทาดำพลุ่งพล่าน แม้ว่าจะเป็นคลื่นหลิง แต่ก็ผิดแผกนัก มันมีความสามารถในการกัดกร่อนที่ทรงพลัง ซึ่งคล้ายคลึงกับคลื่นปีศาจ


ดวงตาของมู่เฉินพวยพุ่งด้วยไอเย็นเยือกขณะที่โบกมือสั่งการเหล่าจอมยุทธ์ออกไปห้ำหั่น พวกเขาแยกตัวประกบเผ่าเสียหลิงไว้แบบตัวต่อตัว


ส่วนมู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเจียงหยา จากนั้นก็ซัดหมัดออกไปโดยไร้ซึ่งอารมณ์บนใบหน้า


ตู้ม!


หมัดนี้แตกมิติออกจากกัน ด้วยกายาเซิ่งของมู่เฉินการชกสบายๆ ก็แฝงพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่งไว้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งธรรมดายังสะบักสะบอม


“ชายคนนี้มีขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนเท่านั้น ทำไมความแข็งแกร่งของเขาจึงทรงพลังเช่นนี้?”


มองหมัดที่พุ่งเข้ามาในทิศทางของตนเอง เจียงหยาก็หดดวงตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่อยู่เบื้องหลังกำปั้นนี้ เขาไม่กล้าลังเลเปิดฝ่ามือออก ดวงตาบนฝ่ามือกลายเป็นสีดำแฝงริ้วสีม่วง ทำให้ดูไม่ธรรมดา


ฮึ่ม!


แสงพุ่งออกมาจากม่านตาสีม่วงดำห่อหุ้มฝ่ามือของเจียงหยา จากนั้นก็แข็งตัวก่อร่างเป็นชั้นๆ ทันที


ชั้นนั้นคล้ายกับเหล็กดำมะเมี่ยมดูน่ากลัว ประหนึ่งอาวุธสังหารแหลมคม


ตู้ม!


เมื่อหมัดของมู่เฉินและเจียงหยาปะทะกัน ความผันผวนที่มองเห็นได้ก็กวาดออก ทำให้มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ


ทั้งสองคนตัวสั่นสะท้านก่อนที่จะถอยไปหลายก้าว


“เพลิงม่วงกลืนวิญญาณ!”


ดวงตาของมู่เฉินกะพริบขณะที่อ้าปาก เปลวไฟสีม่วงพุ่งออกมาปกคลุมไปทางเจียงหยา


เปลวไฟสีม่วงที่ร้อนระอุลุกโชนด้วยอุณหภูมิสูงราวกับว่าต้องการเผาเจียงหยาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่มิติก็บิดเบี้ยวจากอุณหภูมิสูง


ปัง!


แต่ขณะที่เปลวไฟสีม่วงเต้นระริก เงาสีม่วงดำก็ทะยานออกมาราวกับยักษ์ปักหลั่น เขาเคลื่อนย้ายไปเบื้องหน้ามู่เฉินพร้อมกับเสียงคำราม หมัดที่ปกคลุมไปด้วยชั้นสีม่วงดำก็วูบไหวซัดใส่แขนของมู่เฉินที่ไขว้กันเป็นกากบาท


ตึง!


พร้อมกับการปะทะกันรุนแรงทำให้มู่เฉินพัดกลับออกไปหนึ่งพันจั้ง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็ฉายสีหน้าเคร่งเครียด เขาเห็นยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยชั้นสีม่วงดำยืนตระหง่านบนท้องฟ้า


ร่างนั้นราวกับมีชั้นเกราะบนร่างกายพร้อมกับกลืนกินทุกตารางนิ้ว เดือยแหลมยื่นออกมาวูบไหวด้วยกลิ่นอายแหลมคม


ยามนี้เจียงหยาคล้ายกับสัตว์ร้าย ทุกตารางนิ้วบนร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยความตาย


“ช่างเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างพลังปีศาจกับพลังหลิง” สายตาของมู่เฉินวาวโรจน์ขณะมองไปที่เจียงหยาผู้ดูดุร้าย


“เป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนคิดจะขัดขวางข้าเหรอ? ไม่มีใครอื่นในมหาพันภพที่แน่กว่านี้แล้วใช่ไหม?” ภายใต้การห่อหุ้มของชั้นสีม่วงดำ สายตาเย็นชาของเจียงหยาก็จับจ้องไปที่มู่เฉิน


“หืม ดูเหมือนว่าข้าจะถูกมองข้ามอีกแล้วนะเนี่ย”


มู่เฉินยิ้มก่อนที่ใบหน้าจะเย็นเยือกลง เขาวาดตราประทับด้วยมือข้างเดียว ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออกจากร่างกาย


ร่างโบราณก็ก่อตัวขึ้นที่ข้างหลังเขา


จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่มู่เฉินรู้สึกได้ว่าเจียงหยาทรงพลังและไม่ได้ด้อยไปกว่าหมัวเฮอเทียน ดังนั้นเขาจึงไม่คิดออมมืออีกต่อไป เขาเรียกร่างมหาเทพนิรันดร์ออกมาทันที


“ฝ่ามือนิรันดร์!”


เมื่อร่างมหาเทพเผยขึ้นก็ฟาดฝ่ามือออกไปทันที ทันใดนั้นรัศมีก็ระเบิดออกมาพร้อมกับลวดลายโบราณพุ่งผ่านมิติปรากฏเหนือร่างเจียงหยา


เมื่อฝ่ามือเคลื่อนลงมา แม่น้ำโบราณก็ปรากฏขึ้นซึ่งมีพลังความเป็นนิรันดร์พวยพุ่งอยู่


เมื่อฝ่ามือปรากฏขึ้นใบหน้าของเจียงหยาก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าถูกคุกคามอย่างชัดเจน เขาถอยกลับทันที สร้างภาพมายาไว้นับไม่ถ้วนด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า


แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามหลบอย่างไร ฝ่ามือก็จะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับว่าการเคลื่อนลงมาของฝ่ามือหมายชีวิตของเขาเอาไว้แล้ว


ตู้ม!


ในที่สุดฝ่ามือก็กระแทกลงบนร่างเจียงหยา การระเบิดน่ากลัวดังขึ้น เขาถูกพัดกลับไปเหมือนแมลงวันโดนตบชนเข้ากับภูเขาจังใหญ่


ภูเขาถล่มลง เศษกรวดหินปลิวว่อน มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้ามองไปที่ภูเขาด้วยสายตาเย็นชา


“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะยืนข้างเผ่าปีศาจ ดังนั้นเพื่อสรรพชีวิตในมหาพันภพ ข้าจะเริ่มล้างบางตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปและฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด-ที่-นี่”


ตู้ม!


ทันใดนั้นก้อนหินน้อยใหญ่ก็ระเบิดออก ลำแสงสีม่วงดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็ก่อตัวเป็นปีศาจน่าสะพรึงกลัวพร้อมกับแรงกดดันสูงตระหง่านแผ่ซ่านออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งบางคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป


ในเวลาเดียวกันน้ำเสียงของเจียงหยาที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าก็สะท้อนออกมา


“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกยังกล้ามาพูดโอหังเช่นนี้เรอะ วันนี้ข้าจะใช้หัวแกต้อนรับการกลับมาของเทพปีศาจจักรพรรดิ!”

 

 

 


บทที่ 1524 ทักษะเหยินฝ่าเหอยี

 

ตู้ม ตู้ม!


ขณะที่ร่างมนุษย์ปีศาจยืนอยู่บนท้องฟ้า แรงกดดันที่น่ากลัวก็ปลดปล่อยออกมาทำเอาฟ้าดินขมุกขมัวลง เหล่าจอมยุทธ์ที่อยู่บนโลงศพต่างมองดูด้วยสีหน้าท่าทางเคร่งขรึม พวกเขาตกใจจากแรงกดดันของปีศาจที่เกิดขึ้นนี่


แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งบางคนก็ยังขมวดคิ้วด้วยความกังวล เจียงหยาทรงพลังมาก กระทั่งอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางก็ยังอยู่ในอันดับต้น ๆ


เมื่อเผชิญหน้ากับนักรบแบบนี้แม้แต่หมัวเฮอเทียนก็เปรียบไม่ได้ เว้นแต่เขาจะใช้ขวดมหาเพลิงวารีเท่านั้น


มู่เฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก็ฉายท่าทางเคร่งเครียดเมื่อมองไปที่นักรบมนุษย์ปีศาจ เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายมากล้น


“ตู้ม!”


ขณะที่มู่เฉินจ้องเขม็ง เจียงหยาก็ปล่อยเสียงคำรามออกมาแล้วฟาดหมัดออกไป รัศมีสีม่วงดำกวาดเข้าพร้อมกับความดุร้ายที่ไม่อาจอธิบายได้ลอยหวือเข้าหามู่เฉินราวกับอุกกาบาต


ทุกหมัดสามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะต้นบาดเจ็บได้เลยทีเดียว


เผชิญหน้ากับการโจมตีของเจียงหยา มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะลังเลส่งเสียงคำรามออกมา ร่างมหาเทพนิรันดร์ที่อยู่ข้างหลังลุกขึ้นยกฝ่ามือปะทะกับหมัดดุร้าย


ปัง ปัง ปัง!


พลังสองสายปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิติพังทลายลงพร้อมกับเศษเสี้ยวมิตินับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นพื้นที่ผิดเพี้ยน แม้แต่จอมยุทธ์บางคนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ต้องล่าถอยเพราะกลัวว่าจะถูกกวาดเข้าไปด้วย


ทั้งสองโจมตีใส่กันไม่หยุดยั้ง ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ปะทะกันมากกว่าพันกระบวนท่าแล้ว ทว่าก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะหาผู้ชนะ


โฮก!


เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป เจียงหยาก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวพลางคำรามไม่หยุด ดวงตาเขามองผ่านชั้นสีม่วงดำจับจ้องไปที่ร่างมู่เฉิน


เขายกฝ่ามือขึ้น ดวงตาสีม่วงดำก็เบิกกว้างเต็มที่พร้อมกับรัศมีและความผันผวนน่ากลัวระเบิดออก


มองไปที่นัยน์ตาสีม่วงดำคู่นั้น มู่เฉินก็รู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง นี่ช่างคุกคามนัก เห็นได้ชัดว่าเจียงหยาชักอดรนทนไม่ไหว กำลังเร้ากระบวนท่าขั้นสุดยอดออกมา


“สารเลวตายซะ!”


เจียงหยาคำราม อึดใจก็ยกฝ่ามือขึ้นดวงตาสีม่วงดำจับจ้องไปที่มู่เฉินพร้อมกับรัศมีสีม่วงดำควบแน่นตัวรุนแรง ทำให้มิติโดยรอบพังทลายลง


“ดวงตาวิญญาณปีศาจ แสงปีศาจสังหารเทพ!”


เสียงคำรามดังก้องพร้อมกับจิตสังหาร อึดใจลำแสงสีม่วงดำก็ยิงออกมา


ทันทีที่ลำแสงปรากฏก็วาบหายไปอย่างไร้ร่องรอย


ทว่ามู่เฉินกลับรู้สึกเจ็บแปลบที่ผิวหนังเนื่องจากอันตรายที่ซ่อนอยู่ สีหน้าเขาเคร่งขรึมพร้อมกับแสงวูบไหวในนัยน์ตา แม้ว่าโดยรอบจะเงียบสงบ แต่เขาสัมผัสได้ถึงลำแสงที่ซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า ช่วงเวลาที่เขาเปิดเผยข้อบกพร่องเล็กน้อยเขาก็จะถูกฆ่า


“เป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังจริงๆ”


สายตาของมู่เฉินเคร่งขรึมลง เผ่าเสียหลิงคู่ควรครอบครองคุณลักษณะของทั้งสองเผ่าพันธุ์ การโจมตีครั้งนี้อาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดสามสิบหกกระบวนท่าในตำนานเลยทีเดียว


นอกจากนี้ยังมองไม่เห็นและซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า ดังนั้นจึงทำให้ยากที่จะป้องกัน


มู่เฉินรู้ดีว่าหากตนเองพยายามปลดปล่อยการโจมตี แม้ว่าจะจัดการทำลายพวกมันได้บางส่วน แต่ช่องโหว่ของเขาก็จะถูกเปิดเผยให้เห็น เผชิญหน้าลำแสงเหล่านั้นเขาไม่กล้าพอที่จะรับพวกมันแม้จะมีกายาเซิ่งก็ตาม


“พลานุภาพเหลือรับ…”


สายตาของมู่เฉินวูบไหว อึดใจก็สูดหายใจเข้าลึกและนั่งลงบนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ทำเหมือนกันด้วย


“คัมภีร์โบราณปู้สิ่ว!”


ขณะที่ทั้งสองนั่งลง ทั้งร่างมหาเทพนิรันดร์และมู่เฉินก็เปิดปากขึ้นพร้อมกัน เสียงบทสวดโบราณเริ่มดังก้องไปทั่ว


บทสวดเก่าแก่มากราวกับว่าเป็นเสียงธรรมชาติเมื่อโลกถูกสร้างขึ้น


คลื่นกระแทกกระเพื่อมไม่หยุดยั้ง โดยมีมู่เฉินเป็นศูนย์กลางการกระจายออกไปรอบๆ


ความว่างเปล่าเริ่มแปรปรวน ลำแสงที่ซ่อนอยู่ก็เริ่มพังทลายเมื่อสัมผัสกับคลื่นเสียงที่กระจายออกไป


ภายใต้ชุดเกราะใบหน้าของเจียงหยาก็เปลี่ยนไปด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดว่ามู่เฉินจะสามารถตั้งรับกระบวนท่าสูงสุดของเขาได้ ต้องรู้ว่าต่อให้เป็นเหล่าประมุขสามสิบสองเผ่าใหญ่ นอกจากน้อยคนอย่างจอมปีศาจเซิ่งเทียน อั้นเทียน ประมุขคนอื่นๆ ก็ยังกลัวจนหัวหดเลย


แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนได้!


“ไป!”


แม้จะตกตะลึงในหัวใจ แต่เจียงหยาก็ไม่กล้าลังเล ลำแสงที่ซ่อนอยู่ในมิติพุ่งเข้าหามู่เฉินทันที


ฮึ่ม!


ทว่าเมื่อคลื่นเสียงขยายตัวก็ไม่มีการเปิดเผยข้อบกพร่องใดๆ ดังนั้นแม้ลำแสงจะพยายามโจมตีอย่างไร แต่ก็สลายไปโดยคลื่นเสียง


เพียงไม่กี่สิบลมหายใจอันตรายที่ใกล้เข้ามาก็สลายหายไปโดยคลื่นเสียง


ชี่ ชี่!


มิหนำซ้ำส่วนที่เหลือของคลื่นเสียงยังครอบเจียงหยาที่อยู่ในระยะไกล ทำให้ร่างกายเขาสั่นสะท้าน เกิดเส้นสีดำลึกกระจายอยู่บนชุดเกราะ ราวกับถูกเฉือน รอยเลือดสดไหลออกมา หน้ากากบนใบหน้าก็ค่อยๆ ล่วงหล่น เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาว


มู่เฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาเขายังคงสงบ-ลึกซึ้ง-ไม่อาจหยั่งรู้ได้


“มหาพันภพเป็นสถานที่ที่มีมังกรซ่อนพยัคฆ์หมอบแท้จริง แม้แต่จอมยุท์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนก็ทรงพลังมาก” เจียงหยามองไปที่มู่เฉินขณะเสียงแหบพร่าดังก้อง


มู่เฉินฉายสีหน้าสงบน้ำเสียงเฉยเมยสะท้อนออกมา “ออกจากดินแดนวั้นมู่ไปซะ ศัตรูของมหาพันภพคือจักรวรรดิปีศาจไม่อยากนำไปยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น”


เจียงหยาส่ายหัว “พวกเจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้หรอก”


“เจ้าทรงพลังนัก ดังนั้นข้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาชนะให้ได้เท่านั้น”


เจียงหยาไม่ได้พูดอีกต่อไป แต่จ้องมองไปที่มู่เฉินอย่างเย็นชา มือของเขาประสานเข้าด้วยกันกลายเป็นตราประทับแปลกประหลาดพร้อมกับเสียงดังก้องในความว่างเปล่า


“เปลี่ยนแปรวิญญาณปีศาจ!”


พูดจบ เขาก็อ้าปากดูด เกราะบนร่างเริ่มละลายกลายเป็นของเหลวถูกดูดเข้าไปในร่าง


ปัง ปัง ปัง!


การระเบิดดังก้องออกมาจากภายในร่างกายของเขา พลังงานสองสายปะทะกันแล้วระเบิดด้วยพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น


“เขากำลังประสานงานพลังปีศาจกับพลังหลิง…”


ม่านตามู่เฉินหดเกร็ง การปะทะกันระหว่างพลังทั้งสองสร้างพลังที่น่ากลัวยิ่งขึ้น แต่ในทำนองเดียวกันเจียงหยาจะได้รับบาดเจ็บหนัก มากจนอาจเสียชีวิตเลยก็ได้


ปัง ปัง!


ร่างของเจียงหยาหดตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับการระเบิด ขณะที่พ่นเลือดออกมาจากปาก


เพียงแค่ไม่กี่สิบลมหายใจการระเบิดก็หยุดลง ร่างสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ร่างนั้นมีขนาดหลายจั้ง ร่างกายราวกับพื้นดินที่แห้งกรังจนแตกออก รูม่านตาสีม่วงดำมีลวดลายแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ซึ่งวูบไหวด้วยรัศมีหลิงและรัศมีปีศาจที่น่ากลัว


ความผันผวนของการทำลายล้างแทรกซึมจากร่างสัตว์ประหลาดตัวนั้นอย่างช้าๆ ทำให้สีหน้าของหมัวเฮอเทียน ชิงเหยี่ยนจิ้งและคนอื่นๆ เปลี่ยนไปอย่างมาก


แม้แต่พวกเขายังรู้สึกครั่นคร้ามกับความผันผวนนั่น


ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียด เขารู้สึกว่าถูกคุกคามมากจนสัมผัสได้ถึงปากเหวความตาย


ภายใต้สภาวะนี้เจียงหยาอาจจะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย


“ภายใต้สภาวะนี้ วันนี้แกต้องตายแน่นอน!” สัตว์ประหลาดที่สร้างโดยเจียงหยามองไปที่มู่เฉินอย่างดุร้ายและคำราม


ฮา


มู่เฉินเม้มริมฝีปากหายใจเข้าลึกสุดปอด ท่าทางสงบลง


“ในเมื่อเจ้าใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ข้าจะกลัวทำไม?”


มู่เฉินจ้องมองเจียงหยา น้ำเสียงสงบเรียบแทรกซึมไปด้วยไอสังหารไร้ขอบเขต


“ข้ารู้สึกถึงโชคร้ายที่เผ่าเสียหลิงของเจ้าต้องเผชิญ แต่ถ้าเจ้าต้องการให้ครอบครัวและสหายของข้าอยู่ในสถานะเดียวกับเจ้า วันนี้… ข้าก็จะทำลายให้สิ้นซาก!”


เมื่อคำสุดท้ายดังก้อง มู่เฉินก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ในเวลาเดียวกันร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ยืนขึ้นพลางก้าวออกมาก่อนที่จะรวมเข้ากับร่างกายของเขา


เมื่อชิงเหยี่ยนจิ้งและคนอื่นๆ เห็นฉากนี้ก็ตกใจ ก่อนที่ชิงเหยี่ยนจิ้งจะตะโกนลั่น “นั่นคือทักษะเหยินฝ่าเหอยี? เฉินเอ๋อหยุดเดี๋ยวนี้! ทักษะนี้มีเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายเท่านั้นที่สามารถทนได้!”


มู่เฉินหลับตาลงตัดเสียงทั้งหมดออกจากโสตประสาท มีเพียงเสียงเขาดังก้องในหัวใจ


“ทักษะเหยินฝ่าเหอยี—คนวิทยายุทธรวมเป็นหนึ่ง!”

 

 

 


บทที่ 1525 หนึ่งหมัด

 

“ทักษะเหยินฝ่าเหอยี—คนวิทยายุทธรวมเป็นหนึ่ง!”


เสียงดังก้องภายในหัวใจของมู่เฉิน ร่างมหาเทพนิรันดร์ก็สวมเข้ามาในร่างของมู่เฉิน อึดใจต่อมารัศมีก็ระเบิดออก


ทุกเกลียวรัศมีบรรจุด้วยพลังน่ากลัว


ตู้ม ตู้ม!


มหาสมุทรพลังพวยพุ่งขึ้นรอบๆ มู่เฉินพร้อมกับแรงกดดันน่ากลัวซึ่งทำให้มิติแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังงานหลิงทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะกลางปลายสุดก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป


ที่ด้านนอกขอบเขตค่ายกลดับแสงพันปีศาจ ฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อก็สัมผัสได้เช่นกัน พวกเขาลดศีรษะลงมองไปที่ดินแดนวั้นมู่ จากนั้นสายตาก็หยุดลงชั่วครู่อยู่ที่มู่เฉินด้วยความตกใจ


“เขากำลังจะใช้ทักษะเหยินฝ่าเหอยี…เขากล้าหาญเกินไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นของร่างมหาเทพนิรันดร์ด้วย! หลังจากได้รับการขัดเกลาตามกาลเวลาและบรรจุด้วยพลังนิรันดร์ กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ยังไม่กล้าที่จะใช้ทักษะนี้สักนิด”


สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปเป็นความกังวล พวกเขารู้ว่าร่างมหาเทพนิรันดร์ทรงพลังเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงรู้โดยธรรมชาติว่าแม้แต่กายาเซิ่งของมู่เฉินก็ยังยากลำบากมากในการแบกรับต่อสิ่งนี้


ตู้ม ตู้ม!


ภายใต้สายตาเป็นกังวลของทุกคน คลื่นหลิงภายในร่างกายของมู่เฉินก็พวยพุ่งรุนแรง ในขณะเดียวกันร่างกายเขาก็เริ่มขยายขนาดขึ้นพร้อมกับมัดกล้ามบนร่างกายโป่งนูนออกมา ตอนนี้เขาดูน่าสะพรึงกลัวมาก


ปัง!


เมื่อมัดกล้ามเหล่านั้นปริออก เลือดสดก็หยดแหมะ ร่างกายถูกย้อมด้วยเลือดทันที


รอยแตกเริ่มกระจายออกไปบนร่างกายราวกับเขาเป็นกระเบื้องเคลือบที่แตกร้าว


นั่นเป็นเพราะร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อการขยายตัวของคลื่นหลิงได้


“เฉินเอ๋อ!”


ใบหน้าของชิงเหยี่ยนจิ้งซีดขาวกับภาพเบื้องหน้า คลื่นหลิงรอบตัวผันผวนไปหมด


“ชิงเหยี่ยนจิ้งตั้งสมาธิ! อย่าเพิ่งผลีผลาม!” ไท่หมิงตะเบ็งเสียงลั่น พวกเขาทั้งห้าเป็นเสาหลักของเหล่าจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพเพื่อทำลายล้างพลังชีวิตของเทพปีศาจจักรพรรดิ หากชิงเหยี่ยนจิ้งออกไปในเวลานี้ละก็ จะทำให้เกิดช่องโหว่ในการหมุนเวียนค่ายกลอย่างแน่นอน


ในเวลาแบบนี้ช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็ทำให้สถานการณ์พลิกผันได้


ชิงเหยี่ยนจิ้งตระหนักได้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกัดฟันบังคับตัวเองเบี่ยงเบนความสนใจจากมู่เฉิน


ปัง ปัง!


ร่างกายของมู่เฉินยังคงระเบิดต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าถ้าไม่ปริแตกออกทั้งร่าง การขยายตัวของพลังงานภายในร่างกายก็จะไม่หยุดนิ่ง


ยามนี้หัวใจของเขาผันผวนเนื่องจากคลื่นหลิงรุนแรงในร่างกาย เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงกัดฟันและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมคลื่นหลิงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหมุนเวียนทักษะนี้


ฟิ้ว!


ขณะที่มู่เฉินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ภายในร่างกาย เจียงหยาก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน พร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัว ร่างสัตว์ประหลาดก็ทะยานเข้ามา


“ทุกคนกันไว้หน่อย”


เมื่อเจียงหยาพุ่งเข้ามา จอมยุทธ์สิบกว่าคนก็ทะยานออกไปโดยมีลั่วหลีนำทัพ นางหันไปกล่าวกับคนอื่นๆ


“ได้ แต่พวกเราคงไม่สามารถรั้งไว้ได้นาน ดังนั้นช่วยราชันมู่ฟื้นตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้” เหล่าจอมยุทธ์ไม่ลังเลเลย เนื่องจากมีเพียงมู่เฉินเท่านั้นที่สามารถเผชิญหน้ากับประมุขเผ่าเสียหลิงได้ในขณะนี้


ลั่วหลีพยักหน้าไปปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ฝ่ามือเรียวผสานกัน แผนภาพโบราณเผยขึ้น นี่ก็คืออาวุธมหสวรรค์ของเผ่าไท่หลิง—แผนภาพวิญญาณโบราณ


ลั่วหลีบอกได้ว่าตอนนี้มู่เฉินกำลังสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงในร่างกาย แผนภาพวิญญาณโบราณสามารถจัดระเบียบคลื่นหลิงได้ ภายใต้แผนภาพแม้แต่คลื่นหลิงรุนแรงก็จะเชื่องลง


ทว่าคลื่นหลิงของร่างมหาเทพนิรันดร์มาจากแก่นอมตะ ดังนั้นแม้แต่แผนภาพวิญญาณโบราณก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยให้มู่เฉินคลายความกดดันลงได้บ้าง


ลั่วหลีฉายท่าทางเคร่งเครียด รีบสร้างตราประทับขึ้น แผนภาพวิญญาณโบราณคลี่ออกก่อนที่จะลอยอยู่เหนือศีรษะของมู่เฉิน ความอบอุ่นส่องลงมาปกคลุมร่างกายของมู่เฉินเอาไว้


ภายใต้รัศมีกระจ่างใส คลื่นหลิงรุนแรงภายในร่างกายของมู่เฉินก็เริ่มอ่อนลง มีไออากาศเย็นที่ไหลเข้ามาลบล้างคลื่นหลิงที่รุนแรง


มู่เฉินรีบคว้าโอกาสเทพลังงานลงไปในทักษะเทพทันที


วิชาสามพิสุทธิ์!


พริบตาร่างรองสองร่างก็ปรากฏออกมา พวกเขายื่นมือไปแตะไหล่มู่เฉินราวกับสะพาน เชื่อมโยงให้คลื่นหลิงที่ระเบิดภายในร่างกายของมู่เฉินไหลมาสู่ร่างรองทั้งสอง


ร่างรองทั้งสองมีต้นกำเนิดมาจากมู่เฉิน ดังนั้นจึงสามารถรับคลื่นหลิงแก่นนิรันดร์ได้เช่นกัน มิฉะนั้นแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ไม่กล้าดูดซับคลื่นหลิงเข้าสู่ร่างกายพวกเขาได้


ตู้ม ตู้ม!


เมื่อมีร่างรองทั้งสองช่วยเหลือ การอาละวาดภายในร่างกายมู่เฉินก็เริ่มนิ่งลง แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย แต่ก็ไม่มีการระเบิดอีกต่อไป


ขณะที่รัศมีเริ่มไหลเวียนบนพื้นผิวร่างกายของมู่เฉิน แม้แต่เส้นผมก็เริ่มโปร่งใส


เพียงสิบกว่าลมหายใจร่างกายของมู่เฉินก็คล้ายกับกระจกใสขณะเขายืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า เอิบอาบด้วยแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้ประหนึ่งพระพุทธรูปโบราณ


ร่างกายเริ่มเปล่งประกายความโบราณ ราวกับว่าเขาผ่านยุคดั้งเดิมและรอดพ้นจากการกัดกร่อนของกาลเวลา


ชิงเหยี่ยนจิ้งและจอมยุทธ์คนอื่นๆ มองไปที่ฉากนี้ด้วยความตะลึงงัน ไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะบรรลุเป้าหมายนี้


“เป็นเช่นนี้เอง… เขาใช้วิชาสามพิสุทธิ์ซับพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์ แม้ว่าจะเป็นแค่ชั่วคราว แต่เขาก็ยังทำได้…”


“ตอนนี้เขาคงสามารถสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายได้เลย”


พวกเขาสบตากันและอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความชื่นชม มิน่าล่ะมู่เฉินถึงกล้าทำเช่นนี้ ที่แท้ก็มีแผนอยู่แล้ว แต่วิธีนี้ก็น่าตกใจอย่างยิ่ง


บนท้องฟ้า มู่เฉินลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ม่านตาสีดำก็เปลี่ยนเป็นโปร่งใสลึกซึ้ง ราวกับว่ากินลึกยิ่งกว่าท้องฟ้าแห่งทางช้างเผือก


มู่เฉินหันหน้าไปมองร่างรองทั้งสอง ตอนนี้พวกเขาก็มีร่างโปร่งใส แต่ไม่สามารถขยับได้เนื่องจากพลังภายในร่างกายรุนแรงเกินไป เมื่อเคลื่อนไหวอาจระเบิดได้เลยทีเดียว


ทว่ามู่เฉินกลับมองไปที่ร่างรองทั้งสองด้วยดวงตาวูบไหว เนื่องจากเมื่อสักครู่เขาเหมือนจะเกิดความเข้าใจบางอย่าง…


ซึ่งก็คือขั้นสามของวิชาสามพิสุทธิ์—สามพิสุทธิ์ในตำนาน


นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังแตะไปไม่ถึง


ตอนแรกมู่เฉินก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่เมื่อเขาเทพลังของร่างมหาเทพนิรันดร์ให้กับร่างรองทั้งสอง ทั้งสามคนก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ลึกซึ้งแผ่วเบา


มู่เฉินครุ่นคิด แต่ก็ระงับใจไว้ชั่วคราวก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายของเขามองไปที่เจียงหยาที่กำลังโรมรันพันตูกับการขัดขวางของจอมยุทธ์สิบกว่าคน แต่ช่างดูดุร้ายเหมือนเสือในฝูงแกะ เพียงโบกมือเบาๆ คนอื่นๆ ก็ถูกซัดกระเด็นจนต้องถอยออกไป


แต่ขณะที่เจียงหยากำลังจะเริ่มลงมือสังหารร่างกายก็ต้องแข็งทื่อ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกจ้องมองโดยยมทูต ทำให้เขารู้ว่าตัวเองจะต้องทนทุกข์จากการทำลายล้างหากเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย


เขาเงยหน้าขึ้น ม่านตาสีม่วงดำก็มองไปเห็นม่านตาโปร่งใส ดวงตาเขาหดลงทันใดและรู้สึกถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในใจ


มู่เฉินซึ่งอยู่ภายใต้สภาวะนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว


เมื่อมองไปที่เจียงหยามู่เฉินก็ยิ้มอ่อน ก่อนที่เขาจะวับหายไปในช่วงเวลาต่อมา


เจียงหยาตัวแข็งทื่อก่อนที่จะถอยออกไปโดยไม่ลังเล ในเวลาเดียวกันคลื่นหลิงสีม่วงดำก็กวาดออกก่อตัวเป็นชั้นการป้องกันรอบตัว


วาบ!


ร่างของมู่เฉินปรากฏต่อหน้าเจียงหยา เขามองไปที่การป้องกันอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะกำหมัดชกลงมา


ปัง!


เมื่อหมัดชกลงมา รัศมีโปร่งใสก็รวมตัวกัน ท้องฟ้าพังทลายลงขณะคลื่นหลิงเพิ่มพูนในทิศทางของหมัดมู่เฉิน


หมัดพุ่งลงมาราวกับเป็นดวงอาทิตย์ดวงใหญ่


ปัง ปัง ปัง!


การป้องกันของเจียงหยาพังพินาศลงทันที เขาส่งเสียงร้องโหยหวน หมุนเวียนคลื่นพลังทั้งหมดไปที่แขน ลวดลายน่ากลัวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น


ตึง!


ดวงอาทิตย์คล้อยลงปะทะกับแขนปีศาจ


เกลียวแสงนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน มากจนแม้แต่ฉิงเทียนและจอมปีศาจเซิ่งเทียนก็ยังต้องหันไปจับจ้อง


ปัง!


ขณะที่การปะทะยิ่งใหญ่ดังกึกก้อง ท้องฟ้าก็ถล่มลง ทุกคนเห็นดวงอาทิตย์ตกลงมาบดบังรัศมีปีศาจสีม่วงดำ แขนทั้งข้างของเจียงหยาระเบิดออก…


อ๊าก!


เสียงร้องดังสะท้อนก้อง เจียงหยากระเด็นกลับ ร่างกระแทกลงบนภูเขาหลายลูกที่ขวางทาง ภูเขาเหล่านั้นพังทลายลงก่อนที่เจียงหยาจะถูกฝังลงไปในภูเขาห่างไกลซึ่งร่างปกคลุมไปด้วยเลือด ครึ่งหนึ่งของร่างกายของเขาแหลกเหลวไปหมด…


ทุกคนสูดลมหายใจเย็นกับฉากนี้ โดยเฉพาะหมัวเฮอเทียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจหวาดหวั่นกับหมัดของมู่เฉินที่ทรงพลังปานนี้


ถ้าเขาไม่ได้ใช้ขวดมหาเพลิงวารี เขาอาจจะถูกฆ่าตายทันทีด้วยหมัดนั่น


“ไอ้หนูนี่…”


หมัวเฮอเทียนมองไปที่ร่างเคลือบแก้วบนท้องฟ้าโดยที่มุมริมฝีปากกระตุกไม่หยุด เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขารู้ดีว่าการเผชิญหน้ากับมู่เฉินที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีโอกาสที่เผ่าหมัวเฮอจะได้รับร่างมหาเทพนิรันดร์คืน…


เพราะชายหนุ่มคนนี้กำลังเข้าใกล้ตำนานแล้ว


ตำนานเทพจอมยุทธ์ที่เคยแข็งแกร่งที่สุดแห่งมหาพันภพ—เทพจักรพรรดินิรันดร์

 

 

 


บทที่ 1526 สังเวยเลือด

 

บนท้องฟ้า


ร่างเคลือบแก้วของมู่เฉินยืนตระหง่านพลางมองไปที่เจียงหยาที่ฝังตัวอยู่ในภูเขาอย่างไม่แยแส แขนขวาของเจียงหยาระเบิดออก ท่าทางดูน่าสมเพชมาก


ทว่าเจียงหยาช่างอึดถึกยิ่งนัก แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดหลุดลอดออกมาจากลำคอ


เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนวั้นมู่เห็นฉากนี้ พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจมากก่อนที่จะหันไปมองมู่เฉินด้วยความเคารพในแววตา


หมัดของมู่เฉินใกล้เคียงกับระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลาย


นอกเหนือจากฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อแล้ว แม้แต่ประมุขและผู้อาวุโสใหญ่ของห้าเผ่าโบราณยังต้องใช้อาวุธมหสวรรค์ประจำเผ่าช่วยเพื่อต่อต้าน


ในสมรภูมิอื่นเหล่าจอมยุทธ์ก็ตีกรอบล้อมเผ่าเสียหลิงเอาไว้ คุมสถานการณ์ด้วยความได้เปรียบด้านจำนวน พวกเขาบีบให้นักรบเผ่าเสียหลิงจนมุม ป้องกันไม่ให้เข้าใกล้ดินแดนวั้นมู่ได้


เมื่อฉิงเทียน ชิงซันและปู้สื่อเห็นสถานการณ์ถูกควบคุมไว้ได้ ท่าทางก็ดูผ่อนคลายลง


“ไอ้พวกสวะ” จอมปีศาจเซิ่งเทียนสบถอย่างเย็นชากับภาพนี้


“ข้าบอกไปแล้วว่า เผ่าชั้นต่ำเช่นนั้นวางใจไม่ได้” จอมปีศาจเฮยซือเทียนพูดต่อ “จบศึกครั้งนี้ก็ส่งไอ้พวกเผ่าเสียหลิง ให้ข้าเพื่อปรับแต่งเป็นศพปีศาจซะดีกว่า”


ดวงตาของจอมปีศาจเซิ่งเทียนวาบขึ้นด้วยความโหดร้าย “ตอนแรกยังคิดอยู่ว่าถ้าพวกมันบรรลุภารกิจได้สำเร็จ จะนับเผ่าเสียหลิงให้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิปีศาจ แต่ดูเหมือนพวกมันจะโชคไม่ดี”


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้พวกมันช่วยเสียสละเพื่อจักรวรรดิปีศาจอีกนิดละกัน”


ทันใดนั้นรอยยิ้มโหดร้ายก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของจอมปีศาจเซิ่งเทียน เขาวาดตราประทับด้วยมือเดียว


ขณะที่จอมปีศาจเซิ่งเทียนสร้างตราประทับ อักขระสีดำก็ปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเจียงหยา เมื่ออักขระเต้นยุบยับก็แทงเข้าไปในกะโหลกศีรษะของเจียงหยา


ความเจ็บปวดรุนแรงมาจากสมองเจียงหยา ทำให้ร่างกายเขาเริ่มสั่นเทิ้มเส้นเลือดพล่านขึ้นในนัยน์ตา ทว่าตอนนี้ความสยดสยองฉายบนใบหน้าของเขา เนื่องจากเขารู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น


“เจียงหยาพานักรบเผ่าเจ้าเสียสละเพื่อจักรวรรดิปีศาจครั้งสุดท้าย ข้าจะจดจำการมีส่วนร่วมของพวกเจ้าไว้ ถ้าทำสำเร็จข้าสัญญาว่าเผ่าเสียหลิงจะไม่เป็นชนชั้นต่ำต้อยอีกต่อไป” เสียงไม่แยแสของเซิ่งเทียนดังก้องอยู่ในสมองของเจียงหยา


เจียงหยาพยายามดิ้นรน แต่สุดท้ายก็หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากเขารู้ว่าเมื่อจอมปีศาจเซิ่งเทียนสร้างตราประทับปีศาจใส่ เขาก็หมดสิทธิ์ที่จะตอบโต้


แต่เขาจะทำอะไรได้? ด้วยความแข็งแกร่งของจักรวรรดิปีศาจการทำลายล้างเผ่าเสียหลิงก็เป็นเรื่องง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ เพื่อสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ เขาได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมเท่านั้น


“ท่านจอมปีศาจเซิ่งเทียน หวังว่าท่านจะทำตามสัญญา” เจียงหยาตอบ


“แน่นอนอยู่แล้ว”


พร้อมกับเสียงไม่แยแสของเซิ่งเทียน ตราประทับปีศาจที่อยู่ตรงหว่างคิ้วของเจียงหยาก็ดิ้นราวกับว่าเป็นหนอนปีศาจนับไม่ถ้วนมุดเข้าไปในดวงตา


เพียงไม่กี่ลมหายใจดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีดำไร้ซึ่งสติปัญญาอีกต่อไป


ในเวลาเดียวกันนักรบเผ่าเสียหลิงก็ตัวแข็งทื่อ เนื่องจากผนึกปีศาจปรากฏขึ้นที่กลางคิ้วของพวกเขาเช่นกัน


ร่างของเจียงหยาเคลื่อนออกมาจากภูเขา เขาลอยอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่มีความรู้สึกตัวใดๆ ในสายตา


เมื่อมองภาพนี้คิ้วของมู่เฉินก็ขมวดเข้าหากันพลางรู้สึกไม่สบายใจ รัศมีไร้ขอบเขตรวมอยู่ในหมัด เตรียมพร้อมที่จะทำลายเจียงหยา


แต่ขณะที่กำลังจะออกกระบวนท่า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลมกวาดผ่านจากทางด้านหลัง นักรบเผ่าเสียหลิงบินเข้าไปข้างเจียงหยา มือของพวกเขาจับกันเป็นวงกลมโดยมีเจียงหยายืนอยู่ตรงกลาง


“ทุกคนโจมตีพวกมันซะ!”


มู่เฉินหดตาขณะตะโกนไปทางเหล่าจอมยุทธ์ที่พุ่งเข้ามาโดยไม่ลังเลใดๆ


พูดจบ เขาก็เป็นคนแรกที่เคลื่อนไหวเหวี่ยงหมัดออกไป ดวงอาทิตย์พุ่งออกมาปกคลุมร่างนักรบเผ่าเสียหลิง


ขณะที่มู่เฉินปลดปล่อยการโจมตี ตราประทับปีศาจบนร่างนักรบเผ่าเสียหลิงก็ฝังเข้าไปในร่างกายของพวกเขา ร่างก็เริ่มขยายตัวอย่างรุนแรง


ในเวลาเดียวกันความผันผวนป่าเถื่อนก็แทรกซึมออกมาจากร่างกายของพวกเขา


“พวกมันกำลังจะระเบิดตัวเอง!”


บรรดาจอมยุทธ์ที่เข้าใกล้ต่างรู้สึกครั่นครามกับภาพนี้ นักรบเผ่าเสียหลิงล้วนเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุน มิหนำซ้ำยังมีเจียงหยาที่อยู่ในขั้นเซิ่งระยะกลาง


ถ้าพวกมันระเบิดตัวเองจะน่ากลัวขนาดไหน?


แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่งระยะปลายก็ยังต้องเลี่ยงไปให้ไกล!


ดวงตาของมู่เฉินหดลง เขาไม่คิดว่าเผ่าเสียหลิงจะบ้าคลั่งถึงขนาดนี้


ตู้ม!


ทว่าไม่รอให้เขาได้มีความคิดอื่น ทันใดนั้นลำแสงปีศาจก็พุ่งออกมาจากร่างนักรบเผ่าเสียหลิง ร่างเหล่านี้ก็ระเบิดตัว…


เมฆสีดำขนาดมหึมาทรงคล้ายเห็ดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปกคลุมผืนฟ้าและผืนโลกพร้อมกับคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึง แม้ว่ามู่เฉินกับคนอื่นๆ จะถอยออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังต้องกระเด็นออกไปจากแรงกระแทก


ฟิ้ว!


ขณะที่เมฆลอยขึ้น ลำแสงปีศาจก็ดิ่งลงมาบนพื้นเจาะทะลวงลงไป ปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัว ทำลายภูเขาลูกแล้วลูกเล่าให้กลายเป็นหน้ากลอง…


“นรกเอ้ย!”


หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านกับฉากนี้ เนื่องจากเขาเห็นลำแสงฉีกรูขนาดใหญ่บนตาข่ายและขวางไม่ให้ฟื้นตัว


ตู้ม ตู้ม!


ทั้งดินแดนวั้นมู่สั่นสะเทือนรุนแรง เสียงคำรามดุร้ายดังสะท้อนจากใต้พิภพ รัศมีปีศาจสีดำรวมตัวกันบริเวณรอยฉีกบนตาข่าย


“เร็ว! เร็วเข้า! หมุนค่ายกล เทพปีศาจจักรพรรดิกำลังจะหนีไปแล้ว!” เมื่อหมัวเฮอเทียนและจอมยุทธ์คนอื่นๆ เห็นภาพนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที


คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกเทลงในค่ายกล หอกก่อตัวขึ้นอีกครั้งพุ่งลงมาที่ช่องโหว่ของตาข่าย


โฮก!


เสียงปีศาจหอนก้อง หมอกปีศาจลอยขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ผันแปรก็กลายเป็นกะโหลกขนาดใหญ่พลางปะทะกับหอก


ปัง!


การปะทะครั้งใหญ่ทำให้ภูมิภาคสั่นสะเทือน กะโหลกแตกร้าวแต่หอกก็โปร่งใสมากขึ้น แม้ว่าสุดท้ายจะซัดลงในใต้พิภพ ทว่าพลังอ่อนแอกว่าแต่ก่อนมาก


“หืม นั่นอะไรน่ะ?!”


มู่เฉินมองฉากนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นม่านตาก็หดลง เพราะเห็นบนรอยแตกที่พื้นมีเลือดไหลลงสู่ใต้พิภพ


ภายในเลือดเอิบอาบด้วยรัศมีปีศาจ


“นั่นคือแก่นโลหิตปีศาจ! เวรเอ้ย บนร่างนักรบเผ่าเสียหลิงมีแก่นโลหิตจำนวนมาก!” เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ก็เขียวคล้ำพลางคำราม


“พวกมันพยายามใช้แก่นโลหิตเพื่อฟื้นฟูพลังของเทพปีศาจจักรพรรดิ!”


ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งขรึมอย่างน่ากลัวขณะพุ่งตัวลงไป ในเวลาเดียวกันเขาก็อ้าปาก เพลิงสีม่วงพุ่งออกมาก่อนที่จะเริ่มแผดเผาแก่นโลหิตเหล่านี้


แต่เมื่อมู่เฉินเคลื่อนไหว ดวงตาชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นในเหวจับจ้องไปที่มู่เฉิน


“กลิ่นแมลงสาบของแกทำให้ข้าขยะแขยง ไสหัวไป!”


เสียงปีศาจแหลมคมดังก้องออกมาพร้อมกับรัศมีปีศาจน่าสะพรึงกระทบบนร่างกายของมู่เฉิน


ปัง!


ด้วยแรงปะทะทุกข์ทรมาน มู่เฉินถลาออกไปพร้อมกับรอยเลือดที่มุมปาก ใบหน้าเขาฉาบความหวาดผวา เขาไม่คิดว่าหลังจากหลอมรวมกับร่างมหาเทพนิรันดร์แล้ว ก็ยังไม่สามารถรับลมหายใจปีศาจได้แม้แต่ครั้งเดียว


ฟู่ ฟู่


พายุปีศาจเย็นเยียบพัดมาดับเพลิงม่วงไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันแก่นโลหิตเหล่านั้นก็ฝังตัวลงไปในพื้นโลก เหมือนจะมีปากมหึมากลืนกินเข้าไปทั้งหมด


เมื่อเทพปีศาจจักรพรรดิกลืนกินเลือดกลั่นเข้าไป ดินแดนวั้นมู่ก็โยกคลอนรุนแรง ราวกับว่าใกล้จะพังทลาย


“เสริมคลื่นหลิงลงไป! อย่าปล่อยให้เทพปีศาจจักรพรรดิหนีพ้นไปได้!” หมัวเฮอเทียนคำรามขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ


ทว่าเมื่อสิ้นเสียงคำรามของพวกเขา เสาปีศาจขนาดมหึมาก็ทะยานขึ้นจากช่องโหว่ของตาข่าย รัศมีปีศาจสร้างหายนะพร้อมกับแรงกดดันปีศาจที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกมา


ปัง ปัง ปัง!


โลงศพสัมฤทธิ์บางส่วนถูกกระทบและระเบิดออก รัศมีปีศาจกวาดล้างเหล่าจอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ ไม่รอให้พวกเขาร้องเสียงหลง เลือดของพวกเขาก็ถูกดูดจนแห้งกรัง ร่างสลายเป็นฝุ่น…


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”


ใบหน้าเหล่าจอมยุทธ์ถอดสี รัศมีปีศาจในเสากลั่นตัวเป็นรูปร่างคลุมเครือ เมื่อยืนอยู่บนท้องฟ้าร่างพร่ามัวนั้นก็ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกมืดลงพร้อมกับแรงกดดันที่อธิบายไม่ได้กลืนกินทุกสรรพสิ่ง เมื่อมองจากระยะไกลก็ประหนึ่งเทพปีศาจยาตรามาเลยทีเดียว


เสียงหัวเราะเสียดแทงดังก้องไปทั่วภูมิภาค ร่างนั้นมองไปที่ค่ายกลดับแสงพันปีศาจ เสียงของเขาดังก้องออกไปนอกดินแดนวั้นมู่ กระจายไปยังทวีปโดยรอบ…


“เทพจักรพรรดินิรันดร์ความพยายามทั้งหมดของแกล้มเหลวหลังจากผ่านไปสี่หมื่นเก้าพันปี สุดท้ายข้าคือผู้ชนะ!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)